น้ำเสียงนี้ก้องอยู่ในความคิดคำนึงในทุกลมหายใจเข้าออก มิเพียงเท่านั้น วงพักตร์และดวงเนตรของนางยังคงลอยเด่นอยู่ในจิตทุกเวลานาที แม้จะซีดเซียวไร้สีเลือด แต่ก็ไม่ได้ทำให้ความงามของนางลดลงเลย
“วางศรลงประเดี๋ยวนี้”
นางยังคือรัก
รักแรกและรักตลอดไปของเขา“ได้โปรด วางศรลงเพคะ”
ความรักเป็นเพียงใยที่บางเบา หากแน่นกว่าสายใยในโลก พระรามมองสีหน้าพระชายาของตนอย่างนึกเสียใจ ทิ้งคันศรลงกับพื้นก่อนจะเข้าไปตระกรองกอดนางอันเป็นที่รักท่ามกลางสายตาเจ็บปวดของพญารากษส
“สีดา”
“ปล่อยข้า”
“พี่ขอโทษที่ทำกับเจ้าอย่างนั้น แต่ทุกอย่างเป็นเพราะพี่รักเจ้าจอมขวัญ พี่มิอยากให้น้องคะนึงถึงชายอื่นน้องจากพี่”
“ปล่อยข้าเสียพระราม”
“เหตุใดน้องจึงกล่าววาจาเหินห่างราวพี่เป็นคนแปลกหน้า พี่ยังคงเป็นพระสวามีของน้อง สีดา...ได้โปรด กลับคืนสู่อโยธยากับพี่เถิด”
หญิงสาวไม่ได้พูดอะไร หากผละตัวออกจากวงแขนแกร่งของผู้ที่เคยเป็นพระสวามีที่รักยิ่งด้วยแรงกำลังที่หลงเหลืออยู่เพียงน้อยนิด
“สีดา...”
“หากพระองค์รับปากหม่อมฉันว่าจักยุติสงครามกับทศกัณฐ์ หม่อมฉันจักไปเพคะ”
“พี่มิให้น้องไปสีดา!”
หญิงร่างบางเบือนสายตามองไปยังพญารากษสที่นั่งกอบกุมหัวใจอย่างเศร้าสร้อย นางไม่มีทางเลือก หากนางไม่ตอบพระรามไปเช่นนั้น ทศกัณฐ์อาจจะต้องตายอย่างไม่มีวันหวนกลับ นางยอมจากไปตอนนี้เพื่อให้ได้พบกันในภายภาคหน้า
“รับปากหม่อมฉัน...พระราม รับปากจักปล่อยทศกัณฐ์ไป”
“พี่รับปากเจ้า ขอเพียงน้องกลับไปกับพี่”
“สีดา!” ทศกัณฐ์ร้องลั่นแทบขาดใจ หัวใจของพญารากษสคล้ายกับมีมือที่มองไม่เห็นบีบหัวใจจนปวดหนึบ กระนั้นก็พยายามคุมตนให้นิ่งดูสถานการณ์ต่อไป
“หนุมานสั่งให้คนของเราหยุด ปล่อยตัวพิเภกแลดูแลพระลักษณ์น้องข้าด้วย ประกาศให้ทราบโดยทั่ว ข้าพระรามหาได้มีเวรกรรมต่อทศกัณฐ์ผู้นี้อีก” แม้จะประกาศกร้าวหากดวงเนตรคมคายกลับดูเป็นประกาย คล้ายมีความลับบางอย่างซ่อนเร้นอยู่
ไม่น่าไว้วางใจ
“ด้วยเกล้ากระหม่อมพะยะค่ะองค์ราม”
สีดาสบตากับทศกัณฐ์ ในแววตาของนางนั้นสะท้อนให้เห็นถึงความรัก ความห่วงใยที่มีให้เขาเป็นล้นพ้น แม้พระรามก็มิอาจสู้ได้ พญารากษสพอเข้าใจแล้ว ทำไมนางถึงต้องทำเช่นนี้
นางกำลังปกป้องเขาและลูกน้อยจากความตาย
ความหวังดีของนางเขาซาบซึ้งนัก แต่ถ้าจะให้เอาตัวไปง่าย...ก็คงไม่ใช่ทศกัณฐ์
พลวานรเริ่มถอยกำลังออกตามคำสั่งผู้เป็นนาย แต่กระนั้นอินทรชิตยังไม่ไว้วางใจ แกล้งหรี่ตาทำเป็นนอนสลบอยู่ใกล้หนุมานที่ยืนสั่งการและถือกล่องดวงใจของพระบิดาอยู่...พยายามขบคิดหาทางชิงกล่องนั่นกลับคืนมาให้ได้ ครั้นพญาวานรหันมา อินทรชิตก็แกล้งปิดตาสนิทพร้อมลมหายใจสม่ำเสมอ เขาได้ยินเสียงหัวเราะเบาข้างใบหูก่อนสัมผัสอุ่นๆไม่หนักไม่เบาประทับลงที่หน้าผากและแก้ม
“ถ้าเจ้ามิใช่ลูกเจ้ายักษ์นั่น ข้าคงจับเจ้าทำเมียแล้วน้องอินเอ๋ย”
เมีย!
เจ้าบ้านี่!
งั้นสัมผัสเมื่อครู่ก็คงเป็นริมฝีปากเน่าๆของเจ้าวานรชั่วน่ะสิ อินทรชิตกรุ่นโกรธในใจ แต่ก็ ตอบโต้ไม่ได้เนื่องจากหนุมานยังอยู่ใกล้ๆพร้อมเอามือมาลูบพวงแก้มของเขาเล่น
“แต่มิต้องห่วงไป อีกเดี๋ยวพ่อเจ้าก็ตาย ข้าจักรับเจ้ามาเลี้ยงดูปูเสื่อเอง”
มิต้องมาเลี้ยงข้าไอ้เวรตะไล...คิดฆ่าพระบิดากูใช่ฤาไม่ มึงต้องเจอกูสักตั้ง!
“เจ้าจักรับเลี้ยงข้ารึ”
“ใช่ เฮ้ย!”
“ท่านอาพิเภก กล่องดวงใจ!”
อินทรชิตคว้ากล่องดวงใจจากมือหนุมานส่งไปให้พิเภกที่นั่งอยู่ไม่ไกลเท่าไหร่นัก ก่อนผลักร่างของมันให้ล้มลงนอนนาบกับพื้น และนั่งคร่อมกดไว้ไม่ให้ดิ้นขยุกขยิกไปไหน
“อินทรชิต”
“ไหน...ผู้ใดบอกจักฆ่าพระบิดากู”
“ใจเย็นๆสินวลเจ้า”
ความอดทนอดกลั้นของอินทรชิตมักแสดงผ่านสีหน้า นัยน์เนตรเรียวสวยเฉกเช่นผู้เป็นพระมารดาดุดันแต่ทว่าในสายตาหนุมานกลับมองเป็นเนตรที่น่าหลงใหล และที่ทำให้มันปฏิเสธไม่ได้ว่าแอบพึงใจคือเขี้ยวคุดที่งอกกลับด้านผิดจากพี่น้องรากษสตนอื่น งุ้มเข้าเหมือนกลีบดอกมะลิ แลน่ารักน่าชังนัก
“ยิ้มกระไรไอ้หน้าขน”
“ทำเป็นแอบหลับเพื่อขโมยกล่องดวงใจพระบิดาเจ้าใช่ฤาไม่ แหมๆ มิธรรมดาน้องรักของพี่”
“กูมิใช่น้องมึงหนุมาน แล้วอย่าคิดว่ามึงแลนายมึงฉลาดอยู่ผู้เดียว”
“ก็มิได้ว่าเจ้ามิฉลาด แต่เทียบกับพี่แล้วไซร้...อย่างไรเสียน้องก็สู้ฝั่งพี่มิได้ดอก”
“มึงคิดกระไร จงตอบมา!!” อินทรชิตชี้นิ้วปราดทว่าหนุมานมัวแต่แย้มยิ้มหยอกเย้า หอกที่เคยปักบนอกพระลักษณ์กลับพุ่งกลับมาปักเจ้าของมันรวดเร็วยากจะหลบทัน ทศกัณฐ์ทรุดตัวลงกับพื้น เห็นรอยยิ้มหยันปรากฏบนริมฝีปากของพระราม
“พระบิดา!”
“พี่ท่าน!” สีดาร้องเรียกด้วยความตกใจ สองเท้าพาก้าวเดินเร็ว เยื้องย่างสรรพางค์กายไปหาชายอันเป็นที่รัก ทว่าพระรามกลับรวบจับไว้อย่างรู้ทัน หญิงสาวดิ้นขลุกขลักในอ้อมแขน อีกทั้งพยายามบิดข้อมือออกจาการจับกุม นางรู้ทศกัณฐ์ไม่มีวันตายหากหัวใจยังได้รับการป้องกัน แต่ดูจากสีหน้าของพญารากษสคงเจ็บไม่น้อย
“ปล่อยข้า...ปล่อย!”
“พี่ไม่ปล่อยให้เจ้าหลุดมืออีกแล้วสีดา เจ้าต้องกลับเมืองกับพี่”
“ไม่...ข้ามิกลับ ปล่อยข้าสิ”
“สีดา”
“หากพระองค์มิปล่อย ข้าจักกลั้นใจตายประเดี๋ยวนี้!”
“...น้องรังเกียจพี่ถึงเพียงนี้เชียวฤา” พระรามยอมปล่อยตัวนางออกจากพันธนาการ มีรอยถอนใจปนความน้อยเนื้อต่ำใจ หากสีดาได้ย้ำ...
“ข้ามิได้รังเกียจ แต่ข้ามิได้รักพระองค์แล้ว”
“ข้ามิเชื่อ!” พระรามตะโกนก้องกรุงลงกา “เหล่าสตรีต้องรักบุรุษที่มาเป็นอันดับแรกเสมอ”
“ข้าเคยรัก”
“แล้วเหตุใดจึงเปลี่ยนผัน”
“เพราะข้ามิมีใจให้พระองค์อีกต่อไปแล้วอย่างไรเล่า...คิดจักทำกระไร” สีดามีหน้าหวาดหวั่นขึ้นมาโดยฉับพลัน เมื่อเห็นท่าทีของอดีตพระสวามีเปลี่ยนไป
“กลับกับพี่สีดา”
“อย่าแตะต้องตัวข้า ข้าจักอยู่แลตายที่นี่”
“มันดีกว่าข้าตรงไหน ทั้งที่ข้าก็รักเจ้ามิต่างจากมัน”
“เพราะทศกัณฐ์ไว้ใจข้า จริงใจต่อข้า แลมิเคยคิดฆ่าข้าเหมือนกับพระองค์”
“เจ้าเชื่อลมปากมันรึ”
“ข้ามิได้เชื่อใจลมปาก หากข้าเชื่อในหัวใจตนเอง”
“ห่วงมันมาก รักมันมากใช่ฤาไม่” หน่อเนื้อแห่งกรุงอโยธยาพยักหน้าอย่างเข้าใจ มันยากจะเชื่อ...สตรีตรงหน้าที่ขึ้นชื่อเป็นพระชายาจะกล้าปฏิเสธเขาเพียงเพราะต้องการสมสู่อยู่กับเจ้ายักษ์หน้าตาอัปลักษณ์นั่น สิ่งที่ผ่านมามันไม่มีค่าในสายตานางอีกแล้วสินะ
ว่าจะไม่ใช้วิธีการสุดท้าย แต่ก็ต้องนำออกมาใช่อย่างไม่มีทางเลือก
“เอามาให้ข้าหนุมาน”
พญาวานรเผือกหาวเป็นดาวเป็นเดือน ไหวกายประดุจสายลมพัดพัดโบกสมเป็นลูกของพระพาย ชูกล่องแก้วสลักลวดลายกรกนก(กอน-กะ-หนก)ไว้รอบทิศ และวางมันไว้บนมือของผู้เป็นอย่างอย่างสะใจ
ทั้งทศกัณฐ์ อินทรชิต พิเภกและสีดาต่างตกตะลึงไปตามๆกัน ไม่ต้องเสียเวลาดูก็รู้ว่ามันคือกล่องเก็บดวงใจของจริงแท้แน่นอน
“เลือกมาเจ้าจักไปกับพี่ ฤาดูมันสิ้นชีพแล้วค่อยไป”
“พระองค์ใจร้าย”
“เจ้าใจร้ายกับข้าก่อนสีดา ว่ามาจักไปดีๆฤาไปพร้อมน้ำตา”
สีดา ณ ตอนนี้แสนกังวลใจ กวาดมองรอบด้าน ในหัวก็พยายามคิดหาทางออก เวลาการตัดสินใจเหลือน้อยเต็มที นางไม่รู้ต้องทำเช่นไร ไม่อยากให้ทศกัณฐ์ต้องมาตายจาก...ไม่ว่าจะเป็นผู้ใดก็ไม่สมควรโดนพรากชีวิตเพราะสตรีสองผัวผู้นี้อีกแล้ว
ถ้าใครจะตาย ก็ขอให้นางเป็นคนสุดท้ายแล้วกัน
ฉับพลันสายตากลับหยุดลงที่อาวุธชิ้นหนึ่ง สีดาไม่รีรอก้มตัวลงหยิบกริชคมวาวที่ตกหล่นอยู่บนพื้นแล้วจ่อที่หน้าอกตนเองทันที
“วางมันลงเสียสีดา”
“ส่งกล่องดวงใจให้อินทรชิต” หญิงสาวสั่ง
“สีดา”
“หากท่านมิส่งคืนตามที่ข้าเอ่ย ข้าจักแทงกริชลงที่หัวใจข้า” วิธีการพูดจาของหญิงผู้เลอโฉมพลันเย็นเยียบลง “ข้ามิได้พูดเล่น ข้าเอาจริง”
“เจ้ามิกล้าดอก”
นิ้วเรียวกดตัวกริชเข้าเนื้อขาวผุดผ่องจนมีเลือดไหลซึมออกมา พระรามมองภาพนั้นด้วยความตื่นตระหนก แต่ก็ไม่ได้ส่งกล่องคืนอินทรชิตตามที่นางร้องขอ
“น้องเอ๋ย วางมันลงประเดี๋ยวนี้” ทศกัณฐ์เอ่ยขอร้องเสียงแหบพร่า
“ข้าจำต้องทำพี่ท่าน หากข้ามิรอด ได้โปรดช่วยเลี้ยงดูพระสุริยาแลพระธิดาจันทราแทนข้าด้วย”
และนั่นก็ทำให้พญารากษสได้รู้ว่าลูกของเขาที่เกิดจากนางสีดา มิได้มีเพียงหนึ่ง
พระรามเดาะลิ้นอย่างขัดใจ “คำสาบานที่เจ้าให้ไว้กับข้าคงมิมีความหมายสินะ” ทั้งที่เขายืนตรงนี้ แต่นางกลับคร่ำครวญถึงมัน ดี.... ตายกันไปเสียให้หมด หญิงชั่วชายเลว
“ในเมื่อน้องมิรักษาคำพูด นี่ก็คงเป็นเวรกรรมที่น้องต้องชดใช้เพราะมิรักษาคำสาบาน” พระรามสูดลมหายใจ ซ่อนความเจ็บปวดในดวงตา “ข้าให้โอกาสเจ้าเลือกอีกใหม่อีกแค่ครั้งเดียว”
“ข้าเลือกแล้ว”
รอยยิ้มปรากฏบนมุมปากร่างโอดสะอง กริชที่เคยปักเพียงผิวเนื้อชั้นนอก บัดนี้กลับแทงลึกตัดไปถึงขั้วหัวใจ ร่างอันบอบบางแห่งพระธิดากรุงมิถิลาอ่อนระทวยลงในบัดดล โลหิตที่ซึมออกทรวงอก คือคำตอบ
ทำไม....ทำไม!!!!
บุรุษกายาเขียวอร่ามตะโกนกู่ก้องร้องด้วยความเศร้าโศกโทมนัส* สุดจะกลั้น รอยยิ้ม น้ำเสียงอ่อนหวาน...ต่อจากนี้เขาจะไม่ได้ยินจากนางอีกต่อไปแล้ว จมูกและดวงตาที่แดงก่ำ พระรามกำมือแน่นจนขึ้นห้อเลือด
*โทมนัส= เสียใจ“เป็นเพราะมึงผู้เดียวทศกัณฐ์”
พญารากษสดีดดิ้นทุรนทุรายแสนเจ็บปวด มือหนาไขว่คว้าอากาศอย่างร้าวราน ทันทีที่พระรามบีบกล่องดวงใจที่ฝากไว้กับแมลงภู่จนใกล้ปริแตกออกเป็นเสี่ยงๆ อินทรชิตคำรามลั่นพุ่งเข้าหาหนุมานด้วยความเร็วมหาศาลโกรธ บีบคอวานรเผือกและอัดแรงถีบจนมันลอยหวือไปชนร่างของพระรามจนกล่องแก้วกระเด็นหลุดออกจากมือ พิเภกรีบวิ่งเข้าไปคว้าไว้ก่อนอีกฝ่ายจะหยิบทัน
ดวงตาแสนเย็นชา ราบเรียบ...ไร้ความรู้สึก
ความเป็นมิตรจางหายอย่างไม่มีวันหวนคืน
“เรื่องของเจ้าแลเผ่าพงศ์ยักษ์จบลงแล้ว...พระราม”[/i]
“เพื่อทศกัณฐ์คุณยอมแลกด้วยชีวิต ยอมผิดคำสาบานที่ให้ไว้กับพระรามเลยเหรอครับ แล้วคำสาบานนั่นมันมีส่งผลกระทบต่อคุณหรือเปล่า”
“หากมิมีผล จิตวิญญาณของข้าจักแบ่งออกเป็นสองส่วนเพื่อชดใช้เวรกรรมในที่นี่ฤา” คนตอบถอนหายใจยาว
“แต่ทำไมถึงแบ่งเป็นสองส่วนล่ะครับ มันต้องมีเหตุผลแน่ล่ะ”
“ส่วนหนึ่งเป็นเพราะข้าเอง การฆ่าตัวเองถือเป็นบาปมหันต์เลยต้องวนเวียนชดใช้กรรม รอผู้มาปลดปล่อย อีกส่วนคือออเจ้า แบ่งไปเกิดในภพภูมิอื่นตามแรงอธิษฐานของพระรามแลทศกัณฐ์”
“!”
“ในศึกสุดท้ายทั้งสองพระองค์ต่างเลือกทำสัญญาสงบศึก ยอมอยู่เป็นอมตะเพื่อรอคอยจิตวิญญาณของข้าให้กลับไปเกิดใหม่ทุกชาติภพ ด้วยแรงอธิษฐานมีมากมหาศาล มันจึงแบ่งตัวตนของข้าออกเป็นสองส่วน การที่ออเจ้าคุ้นเคย รับรู้สิ่งต่างๆที่เกี่ยวกับข้าอย่างรวดเร็ว นั่นหมายถึงออเจ้าคือส่วนหนึ่งที่ขาดหายไป”
“คุณ...เคยพบจิตวิญญาณของคุณที่ไม่ใช่ผมมาก่อนหรือเปล่าครับ”
“หาไม่ ออเจ้าคือคนแรก”
ชายหนุ่มกลืนน้ำลายลงคออย่างยากลำบาก
ถึงกับตกใจไม่น้อยกับคำพูดของเธอ แบ่งออกเป็นสองส่วนเพราะแรงอธิษฐานจากชายหนุ่มผู้มั่นในรักถึงสองคน!! มันน่าเหลือเชื่อเกินไปแล้ว
“ผมพอเข้าใจนะครับว่าผมคือตัวตนหนึ่งของคุณ แต่ที่ไม่เข้าใจ...ผมเคยเจอทศกัณฐ์กับพระรามด้วยเหรอครับ ผมคือส่วนหนึ่งของคุณ ถ้าผมเจอพวกเขาผมต้องรู้สิ”
“ลองคิดดูเถิดออเจ้า ผู้ใดที่เจ้าคุ้นเคยราวพบกันมานมนาน ผู้ที่มีจิตเสน่หาแรงกล้าต่อเจ้าทั้งๆที่เพิ่งเคยพบพาน ผู้ที่พร้อมทำทุกอย่าง ไม่ว่าจะดีหรือชั่ว ขอให้ได้เจ้ามาเป็นพอ นั่นแหละหนาคือทศกัณฐ์แลพระราม”
“ผมจะมั่นใจได้ยังไครับ”
“เจ้าจักรู้เองเมื่อเจ้ากลับไปยังภพภูมิเดิม”
ทยุมณี ...แห่งทิวาวารเคลื่อนตัวขึ้นเหนือทิวเขา แสงแห่งปฐมวาร เรื่อเรืองรองดุจเปลวไฟสีแดงปนส้ม สลายละไอหมอที่ครอบคลุมอาณาบริเวณลงช้าๆ ความอบอุ่นกลับมาเยือนปฐพีอีกครา...
“แล้วผมจะต้องทำยังไงเพื่อให้จิตวิญาณสองส่วนกลับมารวมกัน”
“
มีเพียงวิธีเดียวเท่านั้นที่ทำได้”
“คิดจักทำกระไรราเมนทร์”
ชายหนุ่มร่างสูงเค้นยิ้มเหยียด เล็งศรพรหมาสตร์มาทางอสุเรนทร์ แน่วแน่แล้วว่าจะต้องยิงให้เข้าหาหัวมันให้จงได้ ต่อให้ศุภลักษณ์คิดมาห้ามปราม เขาก็ไม่ฟังอีกต่อไปแล้ว
“เจ้าอยากฆ่า อยากกระทำสิ่งใดก็เรื่องของเจ้า แต่ข้าจักมิยอมให้มันเกิดขึ้นที่นี่เป็นอันขาด” เขาชี้ไปที่ร่างบางที่นอนหลับใหลอยู่บนเตียงขาวสะอาด “หากเจ้ายังมีความเป็นมนุษย์หลงเหลืออยู่ จงแหกตาดูสักหน่อยจักเกิดกระไรขึ้นกับทุกคนในห้องนี้ มิเพียงแค่ตัวข้า ลูกข้า น้องแลทาสรับใช้เจ้า แต่ยังมีเปรมอีกผู้หนึ่งที่จักต้องรับผลที่เจ้าก่อตามไปด้วย มีสมองก็เอาออกมาใช้หน่อยเถิดพ่อคุณ”
“!”
“นี่นี่ฤาสิ่งที่เจ้าเอื้อนเอ่ย บอกน้องว่ารักนักรักหนา สำหรับตัวข้า แค่ชายมองเพียงเศษเสี้ยววินาที ข้าก็รู้เจ้ามิได้รู้สึกเช่นนั้นเลย เจ้ารักตัวเจ้าเองพระราม เจ้าหวังจักเอาชนะข้า โดยลืมเลือนข้อตั้งมั่นของตนว่าจักรักผู้เป็นที่รักด้วยหัวใจอันแท้จริง...ข้าแลเจ้าต่างมีศักดิ์เป็นศัตรู ย่อมมีวันปะทะกันอยู่เป็นนิจ แต่เจ้าลองไตร่ตรองสักนิด สถานการณ์ตอนนี้เหมาะสมแล้วฤาที่ข้าแลเจ้าต้องมาปะทะกัน ต่อหน้าน้องน้อยที่มิรู้ว่าจักตื่นขึ้นมาเมื่อใด มันใช่ฤาไม่พระราม”
“...”
“หนึ่งพันปีที่ผ่านมาเจ้าเป็นอย่างไร ก็คงเป็นอย่างนั้นเสมอ”
“ทศกัณฐ์!”
ศุภลักษณ์โพล่งตาตกใจไปกับวาจาอันมีสำนวนของคนที่ขึ้นชื่อว่าเป็นพญารากษสทศกัณฐ์ มีความเหี้ยมโหด รุนแรง ป่าเถื่อน แข็งกระด้าง เอาแต่ใจและไม่เคยมีเหตุผลกับใครอื่น แต่ทว่าบัดนี้เขากลับเปลี่ยนแปลงอย่างน่าอัศจรรย์ มันเป็นเพราะสิ่งใดกันที่ทำให้ชายร่างสูงตรงหน้ามีความอ่อนโยน ละมุนละม่อม และมีเหตุผลรองรับมากกว่าการใช้กำลังตัดสินเหมือนในกาลก่อน คิดสงสัย เพราะความรักอย่างนั้นหรือ ถึงเปลี่ยนพ่อยักษ์ร้ายกลายเป็นคนละคนผิดหูผิดตา...อย่าว่าแต่อสุเรนทร์เลยที่เปลี่ยน พี่ชายของเขาก็เช่นกันที่มีนิสัยผิดแผกไปจากเดิม
ซึ่ง....
เขาไม่ชอบเลยสักนิด
ร่างผอมบางสบตากับรณพักตร์ แม้จะไม่ได้คุยกันแต่เขารู้ อีกฝ่ายก็ไม่ได้เลวร้ายเหมือนเมื่อก่อน ดูได้จากการยืนสงบอารมณ์นิ่งๆใช้ตัวเองเป็นเกาะกำบังปกป้องร่างงามให้พ้นจากสถานการณ์อันตรายเบื้องหน้า นิสัยเก่าแก่ของรณพักตร์หรืออินทรชิตไม่ใช่แบบนี้ เขาโหด เขาเข่นฆ่าทุกคนที่เข้ามากวนใจ หากเจ้าตัวยังคงนิสัยเดิมอยู่ ศุภลักษณ์ไม่แน่ว่าจะได้ยืนดูตัวเอกสองตัวทะเลาะกันหรือเปล่า
“Damn! I fu**ing hate your bro (ให้ตายสิ! ฉันโคตรจะเกลียดพี่นายเลยว่ะ) ลากกลับบ้านไปเลยได้ปะ เบื่อขี้หน้ามาก”
“ถ้าฉันทำได้ฉันทำไปแล้ว”
“แต่พี่นายกำลังเอาศรจ่อหัวพระบิดาฉันอยู่ นายเป็นน้องก็ออกไปห้ามสิหรือจะรอให้ฉันเข้าร่วมวงจัญไรนี่ด้วย”
“นายก็รู้อินทรชิต ถ้าพี่ฉันเขาต้องการทำอะไร เขาไม่มีทางเลิกราเด็ดขาด”
“อ่อ ความชั่วมันครอบงำจิตใจหมดแล้วสินะ”
“นายกล่าวเกินไปแล้วนะ!”
“ฉันพูดความจริง ฉันผิดตรงไหน พวกนายนั่นแหละผิด โดยเฉพาะนายผิดมากสุดเพราะมัวแต่เอาอกเอาใจ ตามใจพี่นายจนเสียคน จากพระรามจิตใจดีพระเอกโทรทัศน์ช่องหลากสี...แต่อันที่จริงก็ไม่ค่อยดีเท่าไหร่หรอก กลับกลายเป็นไอ้ชั่วโรคจิตคนหนึ่งที่ยอมทำทุกอย่างเพื่อเอาชนะ ใช้เล่ห์เพทุบายเอ็กซะเลินทฺ(ยอดเยี่ยม)เสียยิ่งกว่าชูชก โคตรยอมใจเลยว่ะ”
“อย่าว่าพี่รามของฉัน” ศุภลักษณ์เชิดหน้าสูงราวผู้สูงศักดิ์ ดวงตาแวบวาบดุดัน หากทว่าในสายตารณพักตร์มันก็แค่เด็กที่ขู่อยากเอาของเล่นเท่านั้นแหละ
“แตะต้องไม่ได้เลยสินะพี่ชายเนี่ย” ยักษ์ร่างเล็กกอดอกเหยียดยิ้มเยาะหยัน “พระลักษณ์เอ๋ย...ทำไมช่วงนี้อ่อนปวกเปียกจังครับ ต้องการคนช่วยดูแลหรือเปล่า”
“อินทรชิต”
“เรียกชื่อเก่าพี่ทำไมหรือน้องสาว”
“ไอ้...!”
“ดูๆไปหน้าตานายก็...น่ารักดีนะ ขอเบอร์ได้ปะ เดี๋ยวไลน์ไปคุยด้วย”
หมอนี่!!
“มันใช่เวลามาเล่นไหม”
“ใครว่าเล่น ฉันเอาจริง” รณพักตร์ย่างสามขุมเข้าหาอีกคนด้วยความรวดเร็วจนคนร่างผอมตั้งตัวไม่ทัน สะดุ้งเฮือกด้วยความตกใจพลางเบิกตาจ้องหน้าของอีกฝ่ายอย่างหวาดระแวง ก้านนิ้วเรียวลูบซีกแก้มใสแผ่วเบา ยื่นหน้าให้ปลายจมูกสัมผัสกัน
“อิน...”
“นายเป็นคนดีนะลักษณ์ ดีกว่าคนเลวๆอย่างฉัน”
“...”
“แต่นายควรจะรู้นะ ว่าสถานการณ์แบบนี้ควรทำยังไง”
ศุภลักษณ์จ้องลึกเข้าไปในดวงตาดำขลับทว่าประกายล่อแสง ถึงชายหนุ่มตรงข้ามไม่บอก เขาก็ต้องทำแบบนั้นอยู่แล้ว มันบ้าเอามากๆที่คนสองคนต้องมาทะเลาะกันต่อหน้าคนป่วย เขารักพี่ชาย ยอมทำทุกอย่างเพื่อพี่ชาย แต่ครั้งนี้...คงปล่อยเลยตามเลยอีกไม่ได้
“พี่ราม ได้โปรดกลับกันเถิด”
“อย่ามาห้ามพี่ ลักษณ์ก็รู้ดีพี่ทำเพราะ...”
“เมื่อไหร่พี่จะฟังผมบ้าง!”
ราเมนทร์ตวัดสายตาน้องชายขวางๆ ศุภลักษณ์ถอนหายใจแล้วสูดเข้าไปใหญ่เต็มปอด ขอบตาเอ่อล้นด้วยหยาดน้ำใส
“พี่ไม่เห็นเหรอ เปรมเขานอนอยู่ เขากำลังป่วย การที่พี่กับอสุเรนทร์ทะเลาะกันต่อหน้าเขาแบบนี้ เขาควรดีใจหรือเปล่า และ...และถ้าเกิดเขาโดนลูกหลงจากการกระทำบ้าบอนี่ พวกพี่จะรับผิดชอบชีวิตเขายังไง”
“...”
“อสุเรนทร์...นายรักเปรมหรือเปล่า”
“ใช่ ฉันรักเขา รักยิ่งกว่าชีวิตของฉัน”
ร่างบางยิ้มและหันไปหาอีกคน “แล้วพี่ล่ะ พี่รักเปรมหรือเปล่า”
ราเมนทร์เงียบนิ่ง เนิ่นนาน...
“ทำไมไม่ตอบผมล่ะ รักหรือไม่รัก”
“ขอร้องอย่าเพิ่งมาคาดคั้นพี่”
“พี่รู้ตัวไหมว่าราศีของพี่มันหม่นหมองลงจากเดิมมากแค่ไหน ผมไม่อยากได้พี่ชายที่กระหายแต่ชัยชนะ ผมอยากได้พี่ชายคนเดิมกลับมา”
“ลักษณ์!”
“พวกเราไม่เหมือนก่อนแล้วพี่ราม”
“...”
“พี่ราม ผมเชื่อฟังพี่มาตลอด แต่ครั้งนี้ขอเถอะ พอเหอะ”
ราเมนทร์ขบกรามแน่นเพื่อระงับโทสะ มองหน้าน้องชายและศัตรูอาฆาตอย่างอสุเรนทร์สลับกันไปมา ศุภลักษณ์ไม่เคยห้ามเขา แต่วันนี้กลับขอร้องในสิ่งที่เขาไม่ต้องการ ทั้งๆที่มีโอกาสกำจัดแต่กลับให้ปล่อยมันไปอย่างนั้นเหรอ...เขาเกลียดมัน เกลียดไอ้ทศกัณฐ์เข้าไส้ ทำไมมันถึงไม่รีบตายๆไปจากชีวิตสักที
“พี่ราม...”
ชายหนุ่มไม่ตอบ และศรวิเศษยังคงน้าวอยู่บนคันธนูสีทองอร่าม
“พี่ราม”
กำจัด...ต้องกำจัด!
“พี่รามอย่า!”
ศุภลักษณ์เอ่ยปากห้ามดังสนั่น วิ่งถลาหาคนเป็นพี่ชายทันที ไม่ต่างจากรณพักตร์ ผลักพญาวานรเผือกที่พยายามคว้าตัวเขาล็อกคอทุ่มลงกับพื้นกระแทกเต็มแรง ก่อนกระโจนเข้าไปขวางทางพร้อมร่ายมนต์ป้องกันศรที่กำลังถูกยิงออกมา
“
ทำอะไรกันน่ะ”
“ปู่ไม้!!”
ตายละหว่าาาา ปู่ไม้มา!!!

เรื่องราวจะเป็นยังไงต่อนั้น โปรดติดตามกันได้ในตอนต่อไป อิอิ
ถูกใจหรืออยากเม้นบอกอะไร เม้นไว้เลยน้าาา เราอยากอ่านความคิดเห็นของทุกคน หากมีคำผิดก็ขออภัยนะจ๊ะ
วันนี้ไปล่ะ ว้เจอกันใหม่จ้า บ้ายบายยยยย
