หัวใจทศกัณฐ์ :ตอนจบทศเปรม (กึ่งพีเรียด ข้ามภพข้ามชาติ)5/2/60 จบแล้ว
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: หัวใจทศกัณฐ์ :ตอนจบทศเปรม (กึ่งพีเรียด ข้ามภพข้ามชาติ)5/2/60 จบแล้ว  (อ่าน 71331 ครั้ง)

ออฟไลน์ k_keenny

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 370
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +21/-1

ออฟไลน์ Poseidon

  • Unconditional love
  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5081
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +260/-12
ท่านทศโหดมากกกก ส่วนอิตาพระรามนี่ก็คิดไม่ได้สักที บอกนานะว่านี่เป็นครั้งสุดท้าย แต่ท้ายที่สุดก็ยังจะทำเรื่องเลวๆอีกแน่

ว่าแต่เปรมจะทำอะไรนะ ท่านทศดัวย งานนี้มีน้ำตาแตกแน่เลย

ฮือๆๆๆมาม่ารสจัดกำลังจิมา

ออฟไลน์ patee

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3731
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +276/-3
ไอ้คุณพระรามนี่มันน่า  :beat: จริงๆ

ออฟไลน์ ทิวสนที

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 763
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +23/-0
ความสารเลวของไอ้พระรามทำให้คนอื่นเขาเดือดร้อนไปหมด


ออฟไลน์ jjasu

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 84
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0

ออฟไลน์ Poseidon

  • Unconditional love
  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5081
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +260/-12

ออฟไลน์ ทิวสนที

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 763
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +23/-0
คิดถึงพ่อเปรมกับท่านทศจัง :mew6:

ออฟไลน์ Ice_Iris

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1226
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +74/-0


ยังไม่มาหรือขอรับ

คนอ่านก็เฝ้ารอต่อไป



ออฟไลน์ k_keenny

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 370
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +21/-1

ออฟไลน์ Lalita

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 59
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +11/-0
ขอโทษที่หายไปนานค่าาาาาา เรามาต่อแล้วววว ^^




บทที่ ๒๐


โลกแห่งความฝันพร่างพราย...เปรมไม่รู้ว่าเขาอยู่ที่ไหน...มันคล้ายกับเงาอดีตประหนึ่งภาพยนตร์ฉายย้อนกลับมา...และเป็นโลกที่ทำให้ชายหนุ่มรู้สึกได้ถึงความเจ็บปวด  กรุ่นโกรธและคับแค้นที่ทาบทับอยู่ในวิญญาณของตนอยู่เป็นนิจ

เปรมเหมือนเห็นตัวเองอยู่ในห้องนอนห้องใหญ่ โอ่งโถง หรูหรา การประดับประดับตกแต่งด้วยข้าวของเครื่องใช้ที่ส่วนใหญ่เป็นทองคำแท้ จิตรกรรมฝาผนังลวดลายอ่อนช้อยทว่าแฝงความแข็งแกร่งมีอำนาจล้วนแล้วแต่บ่งบอกว่าสถานที่แห่งนี้คงไม่ใช่ห้องนอนในบ้านคนธรรมดาและไม่น่าจะใช่ยุคปัจจุบันเสียด้วย

‘กรุงลงกา!’ ชื่อนี่ปรากฏขึ้นกลางจิต ขณะกวาดดวงตาเรียวมองสำรวจรอบๆกาย

“สีดา” เสียงของใครบางคนดังกังวานขึ้น ทำให้คนร่างบางสาวเท้าไปยังจุดต้นตน และเมื่อเห็นเจ้าของเสียง วงพักตร์ใต้กรอบศิราภรณ์มงกุฎยอดชัยรัดรอบศีรษะกลับเต็มไปด้วยคราบน้ำตาที่ยังคงไหลรินมิขาดสาย ริมฝีปากซีดสั่นระริก นิ้วหนาวาดไล้ดวงหน้างามงดของคนที่อยู่ในภาพวาด...ถึงจะอยู่ไกลเกินกว่าเห็นภาพนั้นชัดเจน ทว่าเปรมก็มั่นใจ มันคือรูปร่างของนางสีดายามสวมเครื่องทรงเต็มยศ

ดวงหน้าน้อยฉีกยิ้มอย่างมีความสุข...ผิดกับราชันย์แห่งยักษาแลยักษีที่เอาแต่สะอื้นร่ำไห้อย่างเจ็บปวดเจียนขาดใจ

“พี่ทศงั้นเหรอ” เปรมอุทานออกมาแผ่วเบาด้วยความตื่นตะลึง นับเป็นครั้งที่สามที่เห็นอีกฝ่ายคงอยู่ในรูปลักษณ์ดั้งเดิม กายสีเขียวเนียนละเอียดเฉกเช่นเดียวกับดวงเนตร วงพักตร์คมคายดูหล่อเหลาและมีอำนาจเหนือผู้คนทั้งปวง แม้เครื่องหน้าในตอนนี้จะต่างไปจากในปัจจุบันพอสมควร แต่ความรู้สึกของเปรมมันกลับบอกว่าคนคนนี้คือ อสุเรนทร์ไม่ผิดเป็นอื่นแน่

“สีดา พี่คะนึงถึงเจ้าเหลือเกิน”

“...”

“เพลานี้เจ้าอยู่แห่งหนใดกัน พี่อยากพบเจ้าเหลือเกิน กลับมาหาพี่เถิดหนา”

ได้แต่มองร่างกำยำสั่นเทิ้มเพราะแรงสะอื้นจากการร้องไห้ด้วยความเป็นห่วง เปรมอยากจะเข้าไปกอดปลอบประโลมให้อีกฝ่ายสบายใจบ้าง ทว่าร่างกายกลับไม่ยอมขยับตามเสียอย่างนั้นราวกับว่ามีมือนับสิบคู่จับยึดเอาไว้ให้ขยับไปไหนไม่ได้

“พระบิดา! แย่แล้วพ่ะย่ะค่ะ พระบิดา!”

ร่างเล็กซึ่งเปรมจำได้ดีว่าคือรณพักตร์หรืออินทรชิต บุตรชายของทศกัณฐ์และนางมณโฑกำลังวิ่งหน้าตาตื่นปรี่เข้ามาหาด้วยสีหน้าหวั่นวิตก ทศกัณฐ์เพียงปรายตามองเสี้ยววินาทีและหันกลับไปดังเดิม

“ใครสั่งให้เจ้าเข้ามา ออกไปซะ”

“หามิได้พ่ะย่ะค่ะ เพลานี้พระมารดาประชวรหนักหนานัก เป็นตายเท่ากัน ข้าอยากให้พระบิดาโปรดช่วยไปดูนางสักนิดเถิด แค่เศษเสี้ยวเพลาก็ยังดี”

“อินทรชิต...” ผู้มากวัยกว่าเอ่ยแผ่ว

“ถือว่าลูกขอ โปรดช่วยกลับไปดูใจพระมารดาด้วยเถิด” อินทรชิตก้มลงกราบแทบเท้าผู้เป็นพ่อ อ้อนวอนมากที่สุดเท่าที่จะทำได้ รู้สึกโกรธคนเป็นพ่ออยู่ไม่น้อยที่เจ้าตัวเลือกจมปักอยู่กับหญิงสาวในภาพวาดข้ามวันข้ามคืน มากเสียกว่าผูกพันสมัครรักใคร่ลูกเมียที่มีตัวตนตรงหน้า...แต่คนเป็นลูกอย่างเขาจะทำอะไรได้บ้างล่ะ นอกจากขอร้องอ้อนวอนด้วยน้ำตา  มือเล็กๆเอื้อมสัมผัสฝ่าเท้าใหญ่ด้วยความสั่นเทา รากษสหนุ่มรู้ดีในตอนนี้หฤทัยแห่งพญารากษสแปรเปลี่ยน มิมีช่องว่างไว้ให้ผู้เป็นแม่ของเขาอีกแล้วก็ตาม แต่ในฐานะสามีก็ควรเข้าไปดู ให้กำลังใจภรรยาที่กำลังป่วยหนักบ้าง...มิใช่หรือ

“พระบิดา...” ทศกัณฐ์ถอนหายใจ และตัดสินใจลุกขึ้นยืนเต็มไปสูง ก้าวฉับเดินจ้ำอ้าวออกไปนอกห้องอย่างรวดเร็วโดยมีอินทรชิตและเปรมวิ่งตามไปติดๆ

บรรยากาศที่น่าหดหู่ยิ่งหดหู่ลงเป็นเท่าทวีคูณ เสียงร่ำไห้แห่งความระทมของนางกำนัลดังรอบแท่นพระบรรทมของผู้เป็นดั่งพระอัครมเหสีแห่งดินแดนรากษสผู้มีอิทธิฤทธิ์ เปรมเบิกตากว้างเมื่อเห็นใบหน้าของหญิงสาวร่างผอมเพรียวที่นอนหายใจกระท่อนกระแท่นช่างเหมือนกับหญิงสาวที่ชื่อนานะไม่มีผิด ไม่ว่าจะเป็นดวงตา จมูก ปาก ล้วนแล้วแต่ถอดพิมพ์เดียวกันมาทั้งสิ้น แม้จะรู้เรื่องราวในอดีตจากปากของชินกฤตมาบ้างแล้ว แต่เมื่อมาเห็นภาพจริงเหตุการณ์จริงกลับยิ่งทำให้เปรมตื่นตะลึงและรู้สึกผิดกับเธอมากกว่าเดิม

ผิวพรรณที่เคยขาวอมชูกลับขาวซีดแทบไร้สีเลือด ดวงตาเหม่อลอยคล้ายคนไร้สติสัมปชัญญะติดตัว มือนางข้างหนึ่งกำสร้อยทองประดับจี้มรกตเม็ดโตซึ่งเปรมจำได้ว่ามันมีลักษณะเดียวกันกับสร้อยที่ราเมนทร์ใช้เปิดตัวเครื่องเพชรชุดใหม่ อกบางกระเพื่อมหอบหายใจรวยรินอย่างเหนื่อยอ่อนคล้ายคนใกล้ตาย

นัยน์ตาหวานเบือนไปยังทศกัณฐ์ผู้เป็นพระสวามี คลี่รอยยิ้มอ่อนงดงามซึ่งแฝงไปด้วยความเศร้า

“พระองค์ทรงมาหาข้าแล้ว...”

มืออันใหญ่โตของจอมราชันย์ทาบลงบนแก้มตอบ “เจ้า...เหตุใดจึงเป็นหนักเช่นนี้ พวกเจ้ามัวแต่ทำกระไรกันอยู่ ไปเรียกพระยาอสุรโอสถมา!”

“เอ่อ...คือ...”

“มิต้องดอกเพคะ...อย่างไรเสีย แค่กๆ อีกมินานข้าก็คงต้องไป”

“เจ้าจักไปที่ใดมณโฑ ครานี้เจ้าป่วยหนักหนานัก ข้ามิให้ยอมให้เจ้าไปไกลตาดอก”

นัยเนตรงามงดตอนนี้มีแต่ความรู้สึกน้อยเนื้อต่ำใจ “พระองค์สนด้วยรึ...ว่าข้า...จักเป็นเช่นไร แค่กๆ!” ลิ่มเลือดสีแดงคล้ำกระอักออกมาจากปากสวย

“พะ...พระมารดามิต้องพูดแล้วพ่ะย่ะค่ะ มิต้องพูดแล้ว” นางยิ้มให้กับคนเป็นลูกชาย ยกมือผอมแห้งไร้สีสันลูบพวงแก้มน้อย ปาดคราบน้ำตาให้หายไปจากใบหน้าคมคาย

“อินทรชิต”

“พ่ะย่ะค่ะ”

“แม่คงอยู่ดูแลเจ้ามิได้อีกแล้วหนา ฝากดูแลพระบิดาแทนแม่ด้วย...ได้ฤาไม่”

“ฮื่อ เหตุใดจึงพูดเป็นลางเช่นนี้ ข้ามิให้ท่านไป พระมารดา...อย่าทิ้งลูกไปพ่ะย่ะค่ะ ไหนท่าน...ท่านสัญญาจักอยู่กับข้าจนกว่าข้าจักสมรสด้วยคู่ครองมีลูกมีหลานเต็มบ้านเต็มเมือง”

“แม่ขอโทษที่ผิดสัญญา เข้าใจแม่เถิดหนาอินทรชิต”

“น้องหญิง” กษัตริย์แห่งกรุงลงกาเอ่ยเบาๆ พระพักตร์บิดเบี้ยวด้วยความรู้สึกผิดยิ่งนัก วงแขนแข็งแรงช้อนร่างบางเข้ามาซุกกับอกอุ่น ริมฝีปากร้อนจรดลงบนขมับและหน้าผากขาวซีดพร้อมเอ่ยพร่ำรำพันไม่ขาดปาก “พี่ขอขมาโทษเจ้า อย่าจากพี่ไปเลยหนามณโฑ”

“ที่ข้าเป็นเช่นนี้...มัน...แค่ก...เป็นเพราะพระองค์ แค่กๆ”

“มิต้องพูดอีกแล้ว อย่ากล่าวกระไรอีกเลย”

“แม้นตัวข้าจักมิใช่สีดา หากข้าก็คือเมียคนหนึ่งของพระองค์...ย่อมปรารถนาความรักจากผู้เป็นสามี” หญิงสาวหลับตาฝืนกลั้นต่อความเจ็บปวด นานเท่านานในอ้อมพระกรแห่งพญารากษสทศกัณฐ์ นางมณโฑจึงเอื้อนเอ่ยเบา ๆ...

“ข้าพยายามมิสนใจ รอคอยเพียงแต่พระองค์ให้หันกับมา แต่สุดท้ายพระองค์กลับละเลย ทอดทิ้งให้ข้าต้องอยู่โดดเดี่ยวแต่เพียงผู้เดียว...อึก...ข้ามิสามารถให้อภัยพระองค์ได้”

“พระมารดา”

ไม่รู้ว่าเปรมตาฝาดคิดไปเองหรือไม่ หากตัวเขารู้สึกเหมือนสายตาของนางจะตวัดมาทางเขาชั่วแวบหนึ่ง แม้จะแค่แวบเดียสั้นๆทว่าขนเล็กๆตามแขนขาต่างพากันลุกซู่ตั้งชันพร้อมเพรียงกัน 

“นับจากเพลานี้ อีกกี่ปีอีกกี่ชาติ พระองค์จักต้องอยู่ตัวคนเดียว...แค่กๆ...หากมีคู่ครองก็ขอให้ร้าวฉานฉิบหาย ฤายามใดใกล้ม้วยมรณาก็ขอให้สิ้นชีวาเพราะเนื้อมือนางอันเป็นที่รัก”

“มณโฑ!” ไม่เพียงพญารากษสหนุ่มที่ตกใจ นางกำนัล อินทรชิต รวมถึงพิเภกและหลวงอสุรโอสถที่เพิ่งมาถึงก็ตกใจเช่นเดียวกัน ไม่คิดว่าพระนางจะกล้ากล่าวคำเลวร้ายออกมาจากปาก

“หัวใจของข้านั้นภักดีต่อพระองค์ตลอดกาล” หญิงสาวหายใจเข้าปอดเฮือกใหญ่ สบดวงตาอันอ่อนแรงของทศกัณฐ์พร้อมเรียบเรียงถ้อยคำกล่าวแผ่วเบาทว่ามั่นคงยิ่ง... “แต่ด้วยคำของข้า...พระองค์จักมิมีวันหลุดจากบ่วงรักของข้าได้จนกว่าข้าจักเป็นคนตัดมันให้ขาดเสียเอง”

“!!!”

“จงจำไว้แม่นมั่นเสียเถิดทศกัณฐ์”

และนางก็ตวัดตาเขม็งมาทางเปรมที่ยืนสะดุ้งอยู่นางหลังกำนัลคนหนึ่ง

“เจ้าเองก็เช่นกัน ข้าจักขัดขวางความรักของเจ้าและพระองค์ในทุกภพทุกชาติ!”

‘เฮือก!’ คนนอนเหยียดยาวอยู่บนเตียง ผวาตื่นด้วยอาการหายใจเต้นแรง

‘ฝันหรือนี่?’ เปรมตั้งคำถามถามกับตัวเองในใจพร้อมกับเอามือลูบทั่วหน้า อากาศในห้องค่อนข้างเย็นสบายทีเดียว หากเขานั้นกลับสัมผัสได้ว่าบนใบหน้าเต็มไปด้วยเม็ดเหงื่อชื้น

มันช่างเป็นฝันที่ทำร้ายจิตใจเขามากทีเดียว

เปรมยังจำสายตาของนางมณโฑที่มองมาได้เป็นอย่างดี มันเต็มไปด้วยโทสะและแรงแค้นของผู้หญิงคนหนึ่งในยามปวดร้าวที่สุดในชีวิต รู้สึกผิด แต่ก็ทำอะไรมากไม่ได้ เพราะตัวเขาเองก็พยายามหาทางแก้ไขจากเรื่องราวแสนวุ่นวายนี้อยู่เหมือนกัน
แสงสว่างเพียงรำไรทำให้เปรมรู้ว่ายังเช้าตรู่เกินไป เขาพรูลมหายใจออกมายาวเหยียดและหลับตาลง เป็นการนอนครุ่นคิดมากกว่าการก้าวสู่นิทราอีกครั้ง

‘นี่สินะ ปัญหาที่แก้ไม่จบของพี่ทศ ว่าแต่...ทำไมต้องมาทำให้เราเห็นภาพพวกนั้นด้วยนะ’ ความคิดของชายหนุ่มกลับไปยังเรื่องราวในความฝันอีกครั้ง

ความจริงที่ปรากฏ คนเราต่างมีเรื่องผิดพลาดที่จะต้องแก้ไข ไม่เพียงแต่สีดา ตัวพญารากษสแห่งกรุงลงกาเองก็เช่นกัน เรื่องราวอันน่าซับซ้อน...เขาไม่ชอบมันเลยจริงๆ

ถึงตรงนี้เปรมเริ่มกังวล...

เมื่อถึงเวลานั้น...เวลาที่เขาได้ทำตามคำขอร้องของนางสีดาเสร็จสิ้น ทุกคนจะเป็นเช่นไร อสุเรนทร์...จะสามารถยิ้มอย่างมีความสุขอยู่ได้หรือไม่ หาก...ไม่มีเขา

รอผมหน่อยนะคุณสีดา อีกไม่นานพวกเราและทุกคนจะเป็นอิสระ

อสุเรนทร์ฉีกยิ้มน้อยนั่งเท้าคางมองใบหน้าเรียวได้รูปของเปรม สีผิวขาวอมชมพูระเรื่อ ขนคิ้วเส้นไม่หนาไม่บางจนเกินไปโก่งงอนตามธรรมชาติ ริมฝีปากแดงระเรื่อดั่งกลีบกุหลาบแรกแย้ม ดวงตาเรียวสวยทว่าออกคมน่าดู...ทำให้อสุเรนทร์อยากนั่งจ้องมองตลอดเวลา รู้สึกภูมิใจไม่น้อยที่คนรักของตนสวยมากขนาดนี้ สวยเกินกว่าจะหาผู้หญิงใดเปรียบ ยัยฝรั่งดองนานะน่ะเหรอ...ถอยตกคลองแสนแสบไปเลย

“พระบิดา ข้าวน่ะจะกินไหมครับ” รณพักตร์ยิ้มกรุ่มกริ่ม “มัวแต่จ้องเปรมคงอิ่มหรอก”

“อิ่มอกอิ่มใจไงเจ้าอิน” ชินกฤตเปรยเล่น

“อ๊า จริงด้วยอากฤต”

“หยุดเลยครับอิน คุณชินกฤตก็ด้วย”

“แหมๆ จะมาอายอะไรอีก นายน่าจะชินนิสัยหลงเมีย หวงเมีย รักเมียของพระบิดาฉันได้แล้วนะ”

“อิน!”

“จ๋าจ๊ะ”

“พอๆเจ้าอินกินข้าวกันเถอะ” อสุเรนทร์เอื้อมตัวไปตักชิ้นปลาชิ้นใหญ่และกุ้งเผาตัวโตให้คนร่างบางที่นั่งใกล้ๆ พวงแก้มน้อยแดงระเรื่อเล็กน้อยแต่ก็ลุกขึ้นเอื้อมไปตักอาหารน่าทานมาใส่ในจานของท่านประธานหนุ่มบ้าง ชินกฤตอมยิ้มมุกปาก ยกน้ำขึ้นจิบเสมองไปทางอื่นทำเป็นไม่รู้ไม่เห็น ผิดกับเจ้ายักษ์แคระที่กระแอมกระไอเสียงดังให้ใครต่อใครได้รู้กัน

“ทำกันอย่างนี้เดินทางไปสู่ขอเลยเถอะ เบื่อคนมีความรักจริมๆ oh my Buddha, that was very cheesy! (พุธโธ่ พุธธัง โคตรหวานจนเลี่ยนเลยโว้ยยยย!)”

“เบื่อนักก็ไปรีบไปหาเมียสักคน โตเป็นวัวแคระควายแคระยังไม่ลงเอยกับใครสักคน พ่อยังอยากอุ้มหลานอยู่นะ”

“อุ้มหลานน่ะรอเดี๋ยว แต่ถ้ารอไม่ไหวก็ขอลูกกับเปรมสักคนสองคนสิครับคาดว่าน่าจะได้ไม่ยาก ถ้าพระบิดามีน้ำยาอ่ะนะ”

“อิน!”

“ไอ้ลูกคนนี้!”

“แหมๆ ประสานเสียงกันเลยเชียว...หน้าตาหล่อแบบอินก็ต้องเลือกสะใภ้ให้ดีหน่อยสิ ลูกจะได้เกิดมาหน้าตาดี” อันที่จริงเขาก็เล็งไว้คนหนึ่งแล้วแหละ แต่ไม่น่าเลย...เสียดายจริงๆ

“ใช่แบบพระลักษณ์หรือเปล่า อย่าคิดว่าอาทำเป็นไม่รับรู้เรื่องราวแล้วจะไม่รู้ความสัมพันธ์ของพวกนายนะ” ชินกฤตยกน้ำชาจิบหน้าระรื่น

“มันก็แค่อดีต”

“อดีตก็แปรเปลี่ยนเป็นปัจจุบันและอนาคตได้ ถ้าหลานรักเปิดใจยอมรับ”

“...”

“คนไม่รู้ถือว่าไม่ผิด อีกอย่าง...อารู้เจ้ายังมีความรู้สึกต่อเขาอยู่...หรือว่าไม่จริง”

รณพักตร์ถึงกับเบ้ปากใส่ “รู้แล้วจะมาถามอินทำไมล่ะ แต่บอกตรงๆไม่เอาดีกว่า อินไม่อยากเข้าไปยุ่งย่ามกับคนพวกนั้นอีกแล้วล่ะ” ถ้ามันไม่มาหาเรื่องล่ะก็นะ

“อะไรกัน นี่เจ้าอินมันหลงรักน้องเจ้าพระรามนั่นเรอะ” อสุเรนทร์หรี่ตาจับผิด

“ก็แค่อารมณ์ชั่ววูบแหละน่าพระบิดา อย่าใส่ใจเลย”

“แต่ผมเห็นอินจ้องรูปคุณลักษณ์ทุกวันเลยนะครับ” รณพักตร์ทำท่าจะเถียงกลับหากอีกคนพูดสวนขึ้นเสียก่อน นั่นยิ่งทำให้เขาถึงกับพูดไม่ออก แก้มค่อยๆร้อนผ่าวส่งไอร้อนออกมาจนสัมผัสได้ “อย่าเถียงนะครับ ผมเห็นและผมก็แอบถ่ายเก็บไว้ด้วย...ถ้ารักถ้าชอบเขาก็ลุยเลยสิครับจะกลัวอะไร”

“เปรม ผมไม่เล่นด้วยนะ”

“ผมก็ไม่ได้พูดเล่นนี่นา จริงไหมพี่ทศ”

“จริงจ๊ะเมียพี่”

“ถ้าดูจากในงานเครื่องเพชรวันนั้น คุณลักษณ์เองก็แอบมีใจให้อินไม่ใช่น้อย”

“ก...ก็เรื่องของเจ้านั่นไปสิ! ฉันไม่ได้ชะ...ชอบหมอนั่นสักหน่อย แค่แกล้งเล่นสนุกๆไปอย่างนั้นเอง” ทำเป็นโมโหใช้เสียงดังกลบอาการขลาดเขิน แต่ที่จริงแล้วในอกมันกำลังเต้นตูมตามแทบกระเด้งกระดอนออกมาเยือนโลกภายนอก ให้ตายเถอะศุภลักษณ์ นายมันตัวอันตรายสำหรับหัวใจของฉันจริงๆ

“นายท่าน มีแขกมาขอพบเจ้าค่ะ” แม่บ้านจวงบอกด้วยท่าทีเคารพนอบน้อม อสุเรนทร์เลิกคิ้วเป็นเชิงสงสัย เมื่อเห็นดังนั้นหญิงวัยห้าสิบเจ็ดปีจึงกล่าวต่อ

“ดิฉันทราบเพียงแค่เธอเป็นผู้หญิงเจ้าค่ะ ส่วนพูดอะไรบ้างนั้นก็มิอาจทราบได้”

“หมายความว่าไงน่ะจวง แขกคนนั้นไม่ได้พูดภาษาไทยหรือ”

“เจ้าค่ะ ผู้หญิงสวยๆ หน้าคม ผมตรงยาวถึงกลางหลังสีดำเงารามไข่มุกจากใต้มหาสมุทรเลยนะเจ้าคะ”

“รู้ล่ะว่าใคร เดี๋ยวฉันจะไปไล่ เอ้ย เจรจากับยัยนั่นเอง มีอะไรก็ไปทำต่อเถอะ”

“เจ้าค่ะคุณหนูอิน”

รากษสหนุ่มขบเคี้ยวฟันด้วยความไม่พอใจอย่างยิ่งยวด แค่ที่ทำงานก็ประสาทหลอนเกินพอ นี่ยังตามมาถึงบ้านอีก และดูหน้าเปรมสิ จากที่ยิ้มกว้างโชว์ฟันสวยๆกลับหุบลงในทันที แถมไอ้สีหน้าเศร้าหมองเต็มไปด้วยอามรณ์สีเทานั่นอีก โอ้ย เขาล่ะอยากจะบ้าตาย

“เดี๋ยวก่อนจวง”

“เจ้าคะ?” แม่บ้านอาวุโสหันกลับมามองเจ้านายอีกคนด้วยความสงสัย อดีตโหรหลวงกรุงลงกายกหนังสือพิมพ์ขึ้นอ่านและกล่าวเสียงเรียบ

“ไปตามเธอมา”

“อากฤต!”

“เจ้ากฤต”

“ไหนๆเธอก็มีความพยายามถ่อมาถึงที่นี่แล้ว ไล่ไปก็เสียมารยาทหมดสิครับ สู้คุยให้จบแล้วส่งเธอขึ้นรถกลับบ้านไม่ดีกว่าหรือ”

“คนแบบแม่นั่นไม่สมควรให้ก้าวเข้าบ้าน”

“ได้ข่าวอดีตพระมารดาแท้ของเจ้านะอินทรชิต”

รณพักตร์สะอึก “ก็แค่อดีต แต่ตอนนี้มันคนละคนกัน ไม่ว่าจะเกิดมาหน้าตาเหมือนพระมารดาของอิน หรือเป็นวิญญาณอดีตพระมารดาที่กลับชาติมาเกิด ถ้าทำให้ความรักของเปรมกับพระบิดาแตกระแหงก็ไม่เอาไว้เหมือนกัน”

พออสุเรนทร์ได้ยินถึงกับหัวเราะลั่น เดินมากอดรัดลูกชายตัวจ้อยจากด้านหลัง ฟัดแก้มซ้ายแก้มขวาของเจ้าตัวด้วยความพึงใจ แต่ดูท่า...คนโดนฟัดแก้มจะไม่ชอบแม้แต่น้อย

“ยี๋…พระบิดา น้ำลายติดแก้มอินหรือเปล่าเนี่ย”

“ขอบใจเจ้านักลูกพ่อ”

“ไม่ต้องมาพูดดีเลย โอ้ยพระบิดานี่หอมหรือต่อยแก้มอินกันแน่เนี่ย”

“มีเรื่องอะไรสนุกเหรอคะ หัวเราะกันเสียงดังเชียว”

หญิงสาวร่างสูงเพรียวปรากฏต่อหน้าทุกคน ชินกฤตลอบมองสีหน้าของเปรมก่อนจะเลยไปยังอสุเรนทร์ที่บัดนี้กลับตีหน้าเคร่ง รอยยิ้มจางหายไปหมดสิ้น

“It's none of your business! (ไม่ใช่ธุระโกงการอะไรของหล่อน!) อ้อ และที่บ้านนี้ไม่นิยมพูดภาษาอังกฤษนะครับคุณคนสวย เรานิยมของไทย ใช้ของไทยและกินของไทยๆ”

“เพราะอย่างนี้ล่ะค่ะ ฉันถึงไปหัดพูดไทยมา” ร่างเล็กถึงกับหน้าเหวอเมื่อได้ยินสำเนียงไทยสุดแสนจะแปล่งหู นานะฉีกยิ้มตาหยีก่อนจะเดินไปหยุดระหว่างอสุ-เรนทร์และเปรม

“ขอโทษนะคะ ไม่ทราบว่าคุณชื่อเปรมหรือเปล่า”

“ครับ ผมเปรม”

“อ๊า ได้ยินชื่อของคุณจากคุณรามมานานแล้ว พอได้เห็นตัวจริง คุณช่างดูดีกว่าที่คิดไว้เสียอีก มิน่าเล่าเขาถึงได้ชอบคุณเอามากๆ”

“ถ้าจะมาพูดไอ้เลวนั่นก็เชิญกลับไปซะ ฉันไม่ต้องการได้ยิน”

นานะลอบยิ้ม “อย่าเพิ่งโกรธกันสิคะ ฉันก็แค่จะมาคุยเรื่องโครงการร่วม ของเรา เท่านั้นเอง” มือขาวเลื่อนไล้ไปสัมผัสอกแกร่งแน่นหนาของอสุเรนทร์อย่างเย้ายวน รณพักตร์แทบจะพุ่งไปกระชากหล่อนมาตบสักสองสามที แต่ชินกฤตกลับห้ามเอาไว้...อีกแล้ว!

“อา!”

“เรื่องของเขา อย่าคิดไปยุ่งเด็ดขาด”

“แต่...” ร่างเล็กทำท่าจะปฏิเสธ หากก็โดนสวนกลับมา

“ให้พวกเขาฟันฝ่าอุปสรรคกันเอาเอง อยู่ที่ทั้งสามคนจะเลือกกระทำ เลือกเส้นทางได้ดีก็เป็นศรีแก่ตัว แต่ถ้าเลือกเส้นทางผิด...ก็น่าผิดหวังเสียหน่อย” โหรหลวงแห่งลงกาเปรยตามองไปยังร่างหนา “ถ้าพวกเราเข้าไปยุ่ง รังแต่จะเพิ่มความยุ่งยากเข้าไปอีก...เพราะฉะนั้นทนได้ขอให้ทน” เมื่อโดนห้ามอย่างนี้แล้วเขาจะทำอะไรได้เล่า ทิ้งตัวพิงพนักเก้าอี้และหายใจแรง
อยากจะบ้าตาย

“เรื่องพวกนั้นฉันคุยกับเธอไปหมดแล้ว”

“มันก็แค่แผนการ แต่วันนี้ฉันอยากชวนคุณไปดูสินค้าที่จะต้องใช้ และแบบแผนการตลาดของคู่แข่งเผื่อบางทีเราอาจมีความคิดเจ๋งๆมาพัฒนาสินค้าและช่วยสร้างกำไรให้บริษัทมากขึ้น”

อสุเรนทร์นั่งข่มอารมณ์เงียบเชียบ

“คุณไม่อยากให้สินค้าของคุณตีตลาดได้ในระดับดีเยี่ยมหรือคะ ได้ข่าว...เดือนที่ผ่านมายอดการค้าตก สุทธิกำไรก็น้อยกว่าที่คาด...”

“เธอต้องการอะไรกันแน่”

“ในฐานะผู้ร่วมธุรกิจชิ้นใหม่ ฉันอยากให้คุณลงไปดูสินค้าที่หัวหินกับฉันแค่สองต่อสอง”

“ไม่มีสองต่อสอง ฉันจะเอาเปรมไปด้วย”

“พี่ทศ” คนร่างบางส่ายหน้าเป็นเชิงปฏิเสธ

“เรื่องของธุรกิจฉันไม่สามารถให้ คนนอก เข้ามาล่วงรู้ได้”

“เขาไม่ใช่คนนอก เขาเป็นเมียฉัน เธอนั่นแหละคนนอก!”

“พี่ทศพอเถอะครับ”

“แค่ออกไปดูงานกับฉันมันจะอะไรหนักหนาคะ ถ้าคุณอยากให้ธุรกิจประสบความสำเร็จ วินวินทั้งสองฝ่ายก็ควรฟังฉันพูดบ้าง แค่ไปดูงานด้วยกันสามสี่วัน มันคงไม่ทำให้คุณกับภรรยาของคุณแตกแยกกันหรอกค่ะ ใช่ไหมคะคุณเปรม”

เปรมเพียงแค่ส่งยิ้มบางให้ หากในใจนั้นกลับกลัวแสนกลัว ยิ่งคิดเลยไปถึงความฝันเมื่อเช้ามืดก็ยิ่งทำเกิดอาการหวั่นวิตกเข้าไปใหญ่...แต่แค่สามสี่วัน...คงไม่เป็นอะไรกระมัง

“พี่ทศไปดูงานกับคุณนานะเถอะครับ”

“เปรม!”

“ไม่ต้องห่วงเปรมนะครับ เปรมจะอยู่รอพี่ทศที่นี่ไม่ไปไหน ขอสัญญา คุณชินกฤตครับ อินครับ ช่วยผมพูดหน่อยสิ”

“ถึงอินจะไม่เห็นด้วยกับความคิดยัยนี่ แต่หากเป็นเรื่องงาน โครงการใหญ่ยักษ์ด้วยแล้วก็คงต้องไปแหละครับ”

หันมองไปทางรากษสหนุ่มอีกคน

“ดูแลตัวเองให้ดี”

‘ตั้งสติให้มั่นหนาขอรับ แลอย่ารับของจากคนแปลกหน้า’

แม้ในใจจะสงสัยกับคำเตือนของน้องชายที่ส่งผ่านมาจากกระแสจิต หากอสุเรนทร์พนักหน้าแม่นมั่น ก่อนผินหน้าไปทางคนรัก จ้องมองดวงตาหวานล้ำเนิ่นนาน ก่อนจะถอนหายใจจนสุด มันช่างเป็นการพรั่งพรูลมหายใจที่ยาวและเหนื่อยหน่ายเหลือเกิน เขารู้เปรมเป็นคนดี จิตใจงาม แต่ไม่ควรถึงเพียงนี้!

“พี่จะรีบกลับมาเมื่องานเสร็จ” ปรายตาเขม็งไปยังหญิงสาวคนเดียวในหมู่ผู้ชายสี่คน “พอใจหรือยัง”

“ขอบคุณนะคะคุณเปรม สี่วันต่อจากนี้ฉันจะใช้เวลาที่ได้มาให้คุ้มค่าที่สุด”


‘เฮ้อ’ ไม่รู้นับเป็นครั้งที่เท่าไหร่แล้วที่เขาทอดถอนลมหายใจออกมาด้วยความเบื่อหน่าย เครื่องดื่มเย็นแก้วโปรดก็ละลายจนหมดความอร่อยไปนานไม่เหลือรสใดๆ ครั้นจะลุกไปสั่งใหม่ก็เกรงว่าจะได้แต่นั่งจ้องมันมากกว่ายกดื่มด้วยความหิวกระหาย เปรมรู้สึกอะไรๆในตอนนี้มันช่างน่าเบื่อเสียเต็มประดา...รู้อย่างนี้อยู่รอที่บ้านแล้วออกมาเที่ยวเล่นพร้อมรณพักตร์ในช่วงเย็นย่ำเสียก็ดี
เหงาชะมัด...ป่านนี้พี่ทศจะเดินทางถึงหัวหินหรือยังนะ

ยกมือเท้าคางมองออกไปด้านนอกกระจกอย่างไร้ซึ่งจุดหมาย เห็นนกคู่หนึ่งบินโฉบลงมาเกาะกิ่งไม้แล้วเริ่มไซ้ขนคลอเคลียกันอย่างน่าอิจฉา...ห่างกันเพียงช่วงข้ามคืนเปรมก็เอาแต่คิดถึงยักษ์จอมเล่ห์ผู้นั้นเสียแล้ว และก็ช่างน่าอายนักที่สมองเอาแต่คิดเรื่องของอสุเรนทร์ตลอดเวลา ดวงตาคู่คมที่เปี่ยมไปด้วยอำนาจตราตรึงหัวใจดวงน้อยมิเสื่อมคลาย ริมฝีปากที่คอยพูดฉอเลาะประจบประแจงทั้งในยามที่ตื่น ยามกิน ยามนอน หรือแม้กระทั่ง...ยามแสดงความรักใคร่ซึ่งกันและกัน...หากอสุเรนทร์ล่วงรู้เข้า...เจ้าตัวก็คงยิ้มหน้าบานจับเขาไปนอนกอดพร้อมเอ่ยพร่ำรำพันประโยคแสนหวานเย็นจรดเช้าตรู่...

“สติ๊กกี้ ท็อฟฟี่ พุดดิ้ง ช็อกโกแลตเย็นเพิ่มวิปได้แล้วค่ะคุณลูกค้า”

คิ้วโก่งเรียวขมวดมุ่นเข้าหากันเมื่อหันกลับมาเห็นจานขนมหน้าตาน่ารับประทานถูกวางลงบนโต๊ะพร้อมกับเครื่องดื่มแก้วใหม่

“เอ่อ...คุณเสิร์ฟผิดโต๊ะแล้วล่ะครับ ของพวกนี้ผมไม่ได้สั่งเพิ่มนะ”

“มีคนสั่งมาให้ค่ะ”

“ครับ?”

“เขาฝากข้อความมาถึงคุณด้วยนะคะ” คนร่างบางรับกระดาษใบเล็กจากมือของบริกรสาว


กินให้อร่อยนะครับน้องน้อยของพี่
                              รัก R.M.
[/i]


“ขอให้ทานอย่างมีความสุขนะคะ” เธอส่งยิ้มให้อย่างเป็นมิตร ก่อนจะเดินหายเข้าไปหลังร้านเพื่อปฏิบัติงานในส่วนต่อไป...ดวงตาเรียวสวยกวาดมองไปทั่วทั้งร้านเพื่อหาคนต้องสงสัยคนนั้น แต่ทว่ามองไปทางไหนทุกคนกลับดูปกติดีทุกอย่าง นั่งรับประทานอาหารและเครื่องดื่มของตัวเอง สายตาจับจ้องแต่เครื่องสื่อสารที่มีขนาดต่างกันบ้างก็เล็ก บ้างก็ใหญ่ล้นมือ...ใครกันนะที่ซื้อมันมาให้เขา

ครืด...ครืด... เสียงโทรศัพท์ดังขึ้นเบาๆทำให้เปรมหลุดจากภวังค์ความคิดของตัวเองและรีบรับสายเมื่อเห็นชื่อ ‘คุณอิน’ ปรากฏอยู่บนหน้าจอ

“ว่าไงครับอิน”

“ยังเดินเล่นอยู่ที่ห้างหรือเปล่า”

“ครับ อินมีอะไรเหรอ”

“ตอนเย็นฉันคงไปรับนายไม่ได้แล้วนะเปรม พอดีที่บริษัทมีงานเข้ามาด่วน กว่าฉันกับอากฤตจะกลับไปบ้านก็คงค่ำมืดดึกดื่น ขอโทษนะเปรม ขอโทษจริงๆ”

“ไม่ต้องขอโทษผมหรอก อินรีบไปทำงานเถอะ ไม่ต้องห่วงผมนะผมกลับเองได้สบายมาก”

“อย่าคิดกลับเองคนเดียว ถ้าจะกลับบ้านก็โทรเรียกลุงชาติให้ไปรับเท่านั้นเข้าใจไหมเปรม”

“ก็ได้ๆ ขี้บังคับเหมือนพี่ทศเลย”

“ฮ่าๆ ลูกไม้ย่อมหล่นไม่ไกลต้น อย่าลืมนะ โทรเรียกลุงชาติ”

“ไม่ลืมหรอกน่า” ใช้ส้อมจิ้มเนื้อพุดดิ้งเค้กตักเข้าปาก

“อ้อเปรม ตอนจะกลับฉันฝากซื้อดอกไม้หน่อยสิ ว่าจะเอาไปใส่แจกันที่ซื้อมาใหม่ในห้องน่ะ”

“อยากได้แบบไหนล่ะครับ”

“ขอแบบหอมๆ ซ่อนความหมายดีๆ แต่กลิ่นไม่ต้องฉุนมากนะฉันไม่ค่อยชอบเท่าไหร่”

คนร่างบางพยักหน้าคล้ายมีดอกไม้ตรงตามที่รณพักตร์ต้องการอยู่ในใจแล้ว

“พอจะรู้ล่ะครับ...ว่าแต่มีอะไรอยากได้เพิ่มอีกไหมครับอิน”

“ไม่มีๆ ขอบคุณมาก เดี๋ยวขากลับจากที่ทำงานจะซื้อข้าวเหนียวมะม่วงไปฝาก เจ้านี้เด็ดอย่าบอกใคร (ผู้จัดการคะ ท่านรองเรียกเข้าประชุมแล้วค่ะ) เฮ้อ...เปรมแค่นี้ก่อนนะไว้เจอกันที่บ้าน”

“ครับ แล้วเจอกัน”

รอยยิ้มยังคงประดับไว้ที่มุมปากชั่วครู่หนึ่ง แล้วเริ่มลงมือรับประทานของหวานที่ได้มาจากบุคคลปริศนา...รสชาติของมันนับว่าถูกปากเขามากทีเดียว เนื้อแป้งนุ่มแทบละลายในปากและไม่หวานเลี่ยนจนเกินไป แต่สำหรับราคานั้นหากเขาจำไม่ผิดมันค่อนข้างแพงกว่าเบเกอรี่ชิ้นอื่นเกือบสองเท่า เพราะฉะนั้น...เพื่อไม่เป็นการหักหาญน้ำใจคนให้จะอย่างไรก็ต้องทานไม่ให้เหลือ
อีกมุมหนึ่งของร้านไม่ไกลจากโต๊ะที่เปรมนั่งอยู่นัก ชายหนุ่มร่างสูงโปร่งกำลังนั่งจิบกาแฟอย่างสบายอารมณ์ สายตาลอบมองใบหน้าหวานที่เขาเผลอจ้องมานานสองนาน กำลังหลับตาพริ้มดื่มด่ำกับชิ้นเค้กที่เขาซื้อให้ คงถือเป็นความโชคดีกระมังที่ทำให้วันนี้เขาได้มาเจอร่างบางโดยไร้พวกเห็บเหาคอยติดตามเหมือนอย่างทุกครั้ง

ชายหนุ่มยื่นแบงก์สีเทาหนึ่งใบส่งให้พนักงานผู้หญิงที่เดินเสิร์ฟอาหารและเครื่องดื่มให้คนร่างบางเมื่อครู่ เธอรับแล้วผงกหัวขอบคุณ

“มีอะไรก็เรียกใช้ได้อีกนะคะ”

“ครับ”

แม้วันนี้เจ้าตัวจะแต่งเพียงเสื้อยืดลายทางสีน้ำเงินกับกางเกงสามส่วนสีขาวสุดแสนจะธรรมดา หากในสายตาของเขาคนคนนั้นช่างน่ารักน่าเอ็นดูเหลือเกิน

อยากกอด อยากสัมผัส อยากให้รู้ว่าเขาหลงใหลอีกฝ่ายมากเพียงใด แต่ก็ต้องอดเปรี้ยวไว้กินหวาน คิดจะทำการใหญ่ทั้งทีต้องค่อยๆทำอย่างละเมียดละไม...

“อีกไม่นาน...เราจะได้อยู่ด้วยกันตลอดไป”




ต่อด้านล่างจ้าาาา

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ Lalita

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 59
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +11/-0




ผืนพรมเมฆแผ่ครึ้มปกคลุมทั่วอาณาบริเวณ ใต้ท้องนภาอันกว้างขวางสุดลูกหูลูกตาดูมืดครึ้มคาดว่าอีกไม่นานฝนคงจะตกลงมาแน่ๆ เปรมยืนพิงกระจกยืนมองสังเกตการณ์บรรยากาศด้านนอกพร้อมกำช่อดอกไม้ไว้ในอ้อมอกอย่างหวงแหน หากมันตกจริงๆคงเป็นเรื่องแน่ๆเพราะร้านดอกไม้ที่เขามาซื้อดอกไม้นั้นมันอยู่ในซอยเล็กๆใกล้กับห้างสรรพสินค้า รถยนต์ไม่สามารถเข้ามาได้ยกเว้นแค่รถมอเตอร์ไซค์เพียงชนิดเดียว ไม่ว่าจะอย่างไรเขาก็เปียกทั้งนั้น

สงสัยคงต้องเรียกลุงชาติมารับอย่างไม่มีเงื่อนไข

“น่าแปลก เมื่อกี้ท้องฟ้ายังสว่างอยู่เลยทำไมฝนถึงตั้งเค้าได้” หญิงสาววัยสามสิบต้นๆหนึ่งในลูกค้าที่มาซื้อดอกไม้เอ่ยพร้อมท่าทีแปลกใจกับสภาพอากาศที่แปรเปลี่ยนเฉียบพลัน แสงอันแรงกล้าจากดวงอาทิตย์อ่อนแรงลงทุกขณะก่อนจะเหลือเพียงแสงสีส้มนวลบางเบาที่ยังพอให้เห็นทัศนียภาพรอบกายได้บ้าง

จะเกิดอะไรขึ้นหรือเปล่านะ

“โอ้ย!” เปรมร้องออกมาเบาๆเมื่อเด็กชายตัวเล็กวิ่งเข้ามาชนอย่างจังจนเกือบเซล้มไปนั่งกับพื้น ยังดีที่จับขอบชั้นวางดอกไม้ได้ทัน...แต่ทว่าก็ต้องแลกมาพร้อมกับการการเจ็บตัวเมื่อความคมของกรรมไกรบาดลึกที่อุ้งมือด้านขวาเป็นแผลกว้าง ลึก เลือดสีสดไหลยาวเป็นทาง หยดกระทบพื้นแตกกระจายเป็นวงกว้าง...หนึ่งหยด...สองหยด...และอีกหลายหยดที่ตามมาอย่างรวดเร็ว

“ตายแล้ว! ฟีฟ่าแม่บอกใช่ไหมว่าห้ามวิ่งซน! เป็นอะไรมากไหมคะคุณ” เธอเอ็ดตะโรเด็กน้อยลูกของเธอก่อนหันมาขอโทษขอโพย นำผ้าเช็ดหน้าผืนขาวสะอาดกดซับเลือดบริเวณอุ้งมือที่ยังคงไหลไม่หยุดหย่อน

“ขอโทษพี่เขาเดี๋ยวนี้”

“อ่า ไม่เป็นไรครับน้องคงไม่ได้ตั้งใจ แผลแค่นี้เองผมทนได้”

“แผลแค่นี้อะไรกันคะเลือดออกเยอะขนาดนี้...ขอโทษนะคะคุณ ไม่ทราบว่าพอจะมีกล่องปฐมพยาบาล...” อยากเปิดปากบอกปัดด้วยความเกรงใจ ทว่ายังช้ากว่าหญิงสาวที่วิ่งหายไปยังหลังร้านพร้อมกับเจ้าของร้านดอกไม้ ความเงียบโรยตัวเข้ามาปกคลุมซึ่งเป็นเวลาเดียวกับแสงไฟทุกดวงในร้านดับวูบ เต็มไปด้วยความมืดมิดเปรมรู้สึกเหมือนหายใจไม่ออก แรงสะกิดที่ขาทำให้เปรมต้องก้มไปมองก่อนจะพบเด็กชายคนเดิม นัยน์ตากลมโตคู่นั้นรื้นไปด้วยหยาดน้ำตา ดูน่าสงสาร...

“กลัวหรือครับ”

ใบหน้ากลมพยักหงึกหงัก เปรมก้มตัว เอื้อมมือข้างที่ปกติเช็ดคราบน้ำตาที่เปื้อนแก้มอูมอย่างอ่อนโยน

“ไม่ต้องกลัวนะครับคนเก่ง อีกเดี๋ยวคุณแม่ก็กลับมา แต่ถ้ากลัวก็กอดพี่ได้เลยนะ”

“อื้อ”

‘พ่อเปรม จงระวัง’

มือบางที่กำลังลูบกลุ่มเส้นไหมสีดำอ่อนนุ่มหยุดชะงักกะทันหัน เปรมหันมองตามทิศทางของเสียงที่ได้ยิน ทว่าตรงนั้นกลับว่างเปล่าไม่มีใครยืนอยู่สักคนเดียว...ขนอ่อนบนแขนเรียวพากันลุกตั้งชัน ลมหายใจขาดห้วงเมื่อใบหน้าของนางสีดาฉายชัดอยู่ในสมองของเขา

‘ดูแลตนให้ดี’

‘ออเจ้าจงระวัง...’

‘จงระวัง!’

ครืน...แปะ....แปะ

เม็ดฝนเริ่มโรยตัวตกพรำลงมาเบาๆก่อนจะเทกระหน่ำเจิ่งนองไปตามถนนไหลลงสู่ท่อระบายน้ำข้างทาง เสียงฟ้าร้องดังครืนครั่นดังกัมปนาทสาดไปทั่วทุกสารทิศ ร่างบางสั่นสะท้านทรุดตัวลงนั่งบนพื้นเย็นเฉียบอย่างไร้เรี่ยวแรง หัวใจเต้นถี่ระรัวเมื่อคิดถึงเหตุการณ์ที่เคยเกิดขึ้น ลมพายุด้านนอกพัดพาให้ต้นไม้ใบหญ้าโยกไหวไปมาน่ากลัว มีกิ่งไม้กิ่งหนึ่งหลุดออกจากต้นปลิวกระทบกระจกร้านจนเกิดเสียงดังสนั่น

“ทำไมตกแรงขนาดนี้นะ คุณคะ! ...เป็นอะไรมากหรือเปล่า”

“อัก!”

เปรมเบิกตาโพล่ง อาการปวดหัววิ่งแล่นเข้ามาอย่างเฉียบพลันคล้ายมีหินก้อนใหญ่สักก้อนหนึ่งกดทับเอาไว้ เจ็บหัวใจ...เจ็บมากราวมีเข็มนับพันนับพันหมื่นเล่มทิ่มแทงตามจุดสำคัญต่างๆของร่างกาย...หายใจไม่ออก

“ช่วยเรียกรถพยาบาลให้ทีค่ะ!” เลือดกำเดามากมายไหลออกมาจากจมูกของลูกค้าหนุ่ม เธอพยายามห้ามเลือดตามวิธีที่เคยเรียกมาในสมัยมัธยม แต่จนแล้วจนเล่ามันกลับไม่ยอมหยุดไหลแม้แต่น้อย แล้วไหนจะบาดแผลลึกตรงอุ้งมือด้านขวาอีก หากปล่อยไว้นานกว่านี้คนตรงหน้าต้องเสียเลือดหมดตัวเป็นแน่

“ชะ...ช่วยด้วยค่ะ มีคนบาดเจ็บอยู่ใน...อ๊ะ”

เสียงสั่นเครือของหญิงสาวที่กำลังโทรเรียกรถพยาบาลขาดห้วงฉับพลันเมื่อมีชายหนุ่มแปลกหน้าคนหนึ่งเข้ามา ทั่วทั้งร่างสูงโปร่งเปียกโชกไปด้วยน้ำฝน เสื้อเชิ้ตสีกรมท่าแนบชิดติดลำตัวจนเผยสัดส่วนสมบูรณ์แบบเฉกเช่นชายชาตรี ริมฝีปากสีซีดเผยอหอบเอาออกซิเจนเข้าปอดจนหน้าอกกระเพื่อมเร็วรัวด้วยความเหนื่อย

“ถอยออกไป ฉันจะดูแลเขาเอง”

“แต่ว่า...”

ชายหนุ่มข่มกลั้นเพลิงโทสะที่ใกล้ระเบิดเต็มทนอย่างสุดความสามารถและตอบกลับเสียงนิ่ง “เขาเป็นคนของฉัน ฉันดูแลเองได้”

“!!”

“เข้าไปรออยู่หลังร้านจนกว่าฝนจะหยุดตกไปซะ”

“คะ...ค่ะ ฟีฟ่า ไปลูกไป”

มือใหญ่ทาบลงบนแก้มนวล ตบมันเบาๆเพื่อเรียกสติอันเหลือน้อยของคนร่างบางให้กลับมาอีกครั้ง เปลือกตาสีอ่อนเปิดขึ้นอย่างอ่อนแรง

“เปรม เห็นฉันหรือเปล่า”

“คุณ...ราเมนทร์”

“ใช่ ฉันรามเอง อย่าเพิ่งหลับนะเปรม ขอร้องล่ะ”

“ผมไม่ไหว หายใจ...ไม่ออกเลย อึก...”

“เปรม...”

“...”

“เปรม ได้ยินพี่หรือเปล่า”

ราเมนทร์นึกหวาดหวั่นใจเมื่อเห็นท่าทีอีกคนเริ่มนิ่ง รีบประคองร่างแสนบอบบางในความคิดของตนให้นอนราบลงกับพื้น ริมฝีปากอุ่นประทับลงบนหน้าผากซีดเซียวอย่างแผ่วเบา ก่อนตัดสินใจช้อนคางเรียวมนให้แหงนขึ้นแล้วเอามือบีบจมูกเรียวเล็กเบาๆ ก้มลงไปประกบกลีบปากชมพูอ่อนอย่างแนบแน่นก่อนจะผ่อนลมหายใจเข้าสู่ช่องปากของอีกฝ่าย ครั้งแล้วครั้งเล่า...ทำอยู่อย่างนั้นจนสุดท้ายวงหน้าแฉล้มเริ่มกลับมาซับสีอีกครั้ง ชายหนุ่มถอนใจโล่งราวยกภูเขาออกจากอก นัยเนตรแห่งราชันย์สั่นไหว ฝ่ามือใหญ่กอบกุมมือเล็กอย่างหวงแหน

“พี่ขอโทษนะ”

“คุณราม...”

หัวใจดวงน้อยเต้นดังเป็นจังหวะสม่ำเสมอทว่ากลับผะแผ่วจนน่าใจหาย  ราเมนทร์รวบตัวคนร่างบางไปกอดแนบแน่น มองกำไลทองบนข้อมือเล็กทอแสงแวววาบคล้ายเป็นการส่งสัญญาณเตือนให้เจ้าของตัวจริงของมันได้รับรู้ถึงภัยอันตรายที่กำลังเกิดขึ้นกับผู้ผูกพันธะร่วม...ถ้าไม่ติดว่าอสุเรนทร์ลงมนต์เอาไว้ เขาจะทำลายมันให้กลายเป็นเศษเถ้าธุลี

ราเมนทร์แยงยล ใบหน้าที่ชื้นไปด้วยหยาดเหงื่อทั้งที่อากาศไม่ได้ร้อนอบอ้าวออกจะเย็นเยียบแทบหนาวสั่นด้วยความสงสาร ตัวเขาไม่ได้มีวิชาแกร่งกล้าเฉกเช่นทศกัณฐ์ ไม่ได้พลิ้วไหวกายได้รวดเร็วเช่นหนุมาน หากใจที่ยึดมั่นนับตั้งแต่อดีตกาล...เขาคงยอมไม่ได้หากต้องสูญเสียสิ่งสำคัญที่สุดในชีวิตนี้ไป

ริมฝีปากซีดประทับลงบนริมกลีบปากเรียวอิ่มนุ่มอย่างถือวิสาสะ เนิ่นนาน...หลายนาที...น้ำตาเม็ดใสหล่นกระทบพวงแก้มน้อยและไหลลงตามร่องแก้มจนซึมเข้าไปในเรียวปากงาม ด้วยความรักและความโศกาอาดูรแปรเปลี่ยนให้มันกลายเป็นน้ำทิพย์ชโลมความความเจ็บปวดให้บรรเทาเบาบางได้อย่างน่ามหัศจรรย์

“น้องเป็นของพี่ อยู่กับพี่นานๆเถิดหนา”

เปรมปรือเปลือกตาที่หนักอึ้งมองราเมนทร์ที่อยู่ห่างเพียงคืบ ความอุ่นแทรกซึมลึกถึงเนื้อหัวใจ ไม่รู้ทำไม...เปรมถึงยกมือลูบใบหน้าคมเข้มอย่างอ่อนโยน รอยยิ้มอบอุ่นของราเมนทร์คือสิ่งสุดท้ายที่เขาเห็นก่อนโลกทั้งใบจะดับมืดลง



ไม่รู้ว่าหลับไปนานเท่าไหร่ รู้สึกตัวอีกทีก็ยามแสงทิพากร สาดส่องผ่านผืนผ้าม่านสีครามเข้ามากระทบเปลือกตา เสียงนกน้อยร้องจิ๊บประสานคลอกันจนเกิดท่วงทำนองไพเราะแบบธรรมชาติ เสียงเคาะประตูดังมาจากข้างนอก ทำให้เปรมจำต้องดันตัวเองลุกขึ้นนั่งจากเตียงนอน ยกมือกุมขมับที่ปวดหนึบ รู้สึกถึงอุณหภูมิที่เพิ่มขึ้นมากกว่าเดิม...มันเกิดเรื่องเลวร้ายกับตัวเขาอีกแล้วใช่ไหม

“ตื่นแล้วหรือเปรม”

“อ๊ะ! คุณราม”

“ใจเย็น ฉันแค่เอาข้ามต้มมาให้เฉยๆ แล้วนี่ยังปวดหัวอยู่ใช่ไหม ให้พี่พาไปหาหมอหรือเปล่า พี่จะได้โทร...”

“ไม่ครับ ไม่ต้อง...ผมสบายดี”

“สบายดีที่ไหนหน้ายังซีดอยู่เลย ทานข้าวต้มสักหน่อยนะ จะได้กินยาตาม”

เปรมได้แต่ฝืนยิ้มตอบเมื่ออีกฝ่ายพับแขนเสื้อเชิ้ตลวกๆ ก้มหน้าก้มหน้าปัดเป่าความร้อนกรุ่นจากข้ามต้มส่งกลิ่นหอมคลุ้งในถ้วยใบใหญ่ ร่างสูงอมยิ้มจากนั้นก็ตักข้ามต้มมาจ่อไว้ตรงปากบาง ไม่รู้จะหลีกเลี่ยงยังไงก็เลยต้องยอมอ้าปากกลืนกินเม็ดข้าวละเอียดลงคออย่างยากลำบาก ก้านนิ้วโป้งเกลี่ยเม็ดข้าวเม็ดน้อยออกจากมุมปากผู้อ่อนวัยกว่าอย่างอ่อนโยน

“เมื่อวานเกิดอะไรขึ้น ผมมาอยู่กับคุณได้ยังไง”

“ทานอีกคำก่อน”

เปรมเชื่อฟังอย่างว่าง่าย ยอมกินอีกคำตามที่เขาต้องการ

“เผอิญฉันไปเจอเธอนอนสลบในร้านดอกไม้ที่ฉันแวะไปเอากระเช้าดอกไม้พอดี ก็เลยพามารักษาตัวที่นี่”

“คุณพาผมไปโรงพยาบาลก็ได้ ไม่เห็นจะต้องพามานอนพักในบ้านของคุณเลย”

“เธอรังเกียจฉันมากขนาดนี้เลยเหรอ”

“เปล่าครับ ผมแค่เกรงใจ” ราเมนทร์ยกยิ้มเมื่อฟังคำตอบที่น่าพอใจ จัดการป้อนอาหารอ่อนให้อีกคนคำแล้วคำเล่าจนหมด เขาวางถ้วยเปล่าไว้บนโต๊ะข้างเตียงก่อนจะหยิบยาและน้ำให้

เปรมพยายามกลืนเม็ดยาสองเม็ดลงไปทั้งๆที่ยังเจ็บคออยู่ไม่ใช่น้อย ร่างบางไอออกมาไม่หยุดหอบหายใจถี่จนราเมนทร์ตกใจรีบคว้ากระดาษมาเช็ดปากและลูบหลังไปเรื่อยจนหยุดไอ

“ผมอยากกลับบ้าน”

“ไว้หายดีก่อนแล้วเดี๋ยวฉันจะไปส่ง”

“แต่ผมอยากกลับตอนนี้ คุณรามให้ผมไปเถอะนะครับ”

“อย่าดื้อสิเปรม”

“คุณราม”

ครืด...ครืด...

โทรศัพท์ส่งเสียงแผดร้องดั่งสนั่น จนร่างสูงต้องรีบคว้ามากดตัดสายเพราะไม่อยากให้มีใครมาขัดขวางบทสนทนาของพวกเขา

“นั่นโทรศัพท์ผม ใครโทรมา”

“แค่พวกโทรผิด”

“เอาโทรศัพท์มาให้ผม”

“นายควรพักผ่อนได้แล้ว”

“คุณต้องเอามันมาให้ผมก่อน อิน...อินโทรมาหาผมใช่ไหม”

ราเมนทร์นิ่งเงียบ

ต้องใช่แน่ๆ ...

เปรมรีบขยับตัวเข้าไปยื้อแย่งโทรศัพท์เครื่องไม่เล็กมาจากคนตัวโตกว่า หากทว่าด้วยกำลังในตอนนี้จึงทำได้แต่ตะเกียกตะกายอยู่ในวงแขนแข็งแรงเพื่อยื้อแย่งโทรศัพท์อย่างไม่ห่วงตัวเอง ราเมนทร์ที่ทนไม่ไหวจึงดันให้อีกฝ่ายล้มลงไปนอนบนเตียง ก่อนขึ้นคร่อมโดยใช้ท่อนแขนดันไว้เพื่อไม่ให้ร่างข้างใต้หนีไปไหนได้อีก

“ฮึกๆ พี่ทศ ช่วยด้วย อินช่วยผมด้วย”

“อยู่กับฉันทำไมต้องเอ่ยชื่อพวกมันด้วย” ราเมนทร์เอ่ยอย่างคับแค้น ดวงตาคมแดงก่ำมีแต่ความโกรธ “มองฉันสิเปรม มองผู้ชายคนที่รักเธอไม่น้อยไปกว่ามันสักหน่อยสิ นายใจร้ายกับฉันมากไปแล้วนะ”

“ฮือๆ ปล่อย” ฝ่ามือบางสัมผัสได้ถึงความอุ่นร้อน เมื่อร่างสูงเลือกที่จะทาบฝ่ามือของเจ้าตัวลงมาสอดประสานกับนิ้วทั้งห้าของเขา

“พี่รักเปรมนะ”

“แต่ผมไม่ได้รักคุณ ปล่อย”

“รักพี่สักนิดก็ไม่ได้เหรอ”

“ไม่ ผมรักพี่ทศคนเดียว”

ทุกสิ่งรอบข้างเคลื่อนไหวช้าลงเมื่อคนใต้ล่างพูดประโยคเสียดแทงใจ ก้อนเนื้อที่อกข้างซ้ายเหมือนหยุดเต้นไปชั่วขณะ ร่างสูงยิ้มเหยียดนึกสมเพสตนมิใช่น้อย “รักมันมากเลยเหรอ”

“ใช่ผมรักพี่ทศมากยิ่งกว่าที่คุณคิดเสียอีก”

“ขอถามอีกครั้งคนที่นายรักคือใคร”

“ทศกัณฐ์ แค่ทศกัณฐ์ อื้อ!” เปรมเบิกตากว้างเมื่อริมฝีปากอิ่มตึงบดขยี้ริมฝีปากตนเองอย่างจาบจ้วง ใช้จังหวะที่เขาเผลอไผลสอดลิ้นเข้ามาอย่างรวดเร็วแล้วควานจนทั่วโพรงปาก เปรมพยายามเบี่ยงหน้าหนีและผลักอกแกร่งให้ออกห่างจากตัว โอ้ อนิจจัง อนิจจา....ด้วยเรี่ยวแรงที่ต่างกันราวฟ้ากับเหวทำให้เขามิอาจแข็งขืน จำต้องจำยอมด้วยแรงปรารถนาของราเมนทร์ ความรุนแรงในคราแรกแปรเปลี่ยนเป็นความอ่อนโยนนุ่มนวล

“ให้โอกาสพี่หน่อยได้ไหมเปรม ขอโอกาสให้พี่ได้ดูแลเราเหมือนอย่างมันสักครั้งก็ยังดี” ร่างสูงถอนริมฝีปากอย่างอ้อยอิ่ง วงแขนกว้างกอดกระชับร่างบางแน่นพร้อมกับจูบซับที่กลุ่มผมนิ่มไม่ขาดปากเพื่อปลอบประโลม ก่อนโน้มตัวแนบหน้าผากคิดชิดหน้าผากมน จ้องมองลึกเขาไปในดวงตาคู่งามที่ดูสั่นไหวอย่างเห็นได้ชัด

“พี่ขอโทษที่ทำให้เจ้าต้องร้องไห้อยู่บ่อยครั้ง แลขอโทษที่พี่มิอาจรักษาความรักของเราได้เลย”

“...”

“พี่ยอม...ไม่ว่าน้องจะรักทศกัณฐ์หรือรักใครอื่นอีกก็ตามพี่ยอมทั้งนั้น ขอแค่เพียง...” ปลายนิ้วโป้งเกลี่ยซับคราบน้ำตาออกจากแก้มใสแผ่วเบา “น้องให้ความรักตอบกลับมาหาพี่บ้าง”

ฝ่ามืออุ่นจับประคองดวงหน้าหวานอย่างทะนุถนอม ราวกับว่าอีกฝ่ายเป็นตุ๊กตากระเบื้องเคลือบที่อาจจะแตกหักง่ายหากลงน้ำหนักสัมผัสมากเกินไป

ไม่มีคำพูดใดๆออกมาจากทั้งสอง มีเพียงระยะห่างที่ลดลงเรื่อยๆ...ทีละนิด...อย่างช้า ๆ...จวบจนรับรู้ถึงลมหายใจของกันละกัน



“ไม่ว่าอย่างไร พี่ก็จะรอเปรมเสมอ”





จะว่าไปก็สงสารพระรามนะ รักเขาแต่เขาไม่รักตอบ
สามารถเม้นแสดงความคิดเห็นกันได้เรื่อยๆนะค้าาา ขออภัยที่หายไปเป็นอาทิตย์เลย สัญญาพรุ่งนี้จะมาต่อให้อีกบท
วันนี้ขอตัวก่อน แล้วเจอกันค่าาา


ออฟไลน์ Laliat

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 253
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +7/-0

ออฟไลน์ jjasu

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 84
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0
พี่รามคนเห็นแก่ตัว :katai1:
น้องเปรมอย่าไปยอมเขานะลูก

ออฟไลน์ MayA@TK

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4982
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +51/-7

ออฟไลน์ me12inzy

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 458
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +9/-2
อีเหี้ยรามมมมมมมมมมเกลียดมึ๊งงงงงงงงง
สารเลวจนแบบบบ ไม่รู้จะด่าอะไรอะ
เหี้ยเกิ๊น ขยะแขยงที่มันจูบเปรม
เปรมอย่าหวั่นไหวนะ ไม่งั้นเราจะเกลียดกว่าเดิมไปอีก
คือแบบ แพ้ก็แพ้ดิวะ ดิ้นรนเพื่อของที่ไม่ใช่ของตัวเองอะ เพื่ออะไร
ตอนจบอิรามตายได้มั้ย 55555
ตายไปเลย
ปล.  มีความเชื่อใจพี่ทศสูงมาก

ออฟไลน์ Ice_Iris

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1226
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +74/-0
ความรัก.....

มันไม่ผิด

แต่ผิดที่คนนี่ล่ะ

รักเพื่อครอบครอง

มันเหมือนเห็นแก่ตัวยังไงอยู่

พระรามก็รักของเขา

แต่มันดูเหมือนมองแต่ตัวเองเกินไป

รอขอรับ


ออฟไลน์ mam.nalok

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 247
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0
มันอึดอัด เริ่มจะหายใจไม่ออกละ สงสารทุกคน โดยเฉพาะน้องเปรมและพี่ทศศศศศศศศศศ เมื่อไหร่จะสมหวัง

ออฟไลน์ k_keenny

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 370
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +21/-1
ทำไมถึงทำกับน้องเปรมดั้ยยยย  :katai4:

 :z3:  :z3:  :z3:

ออฟไลน์ patee

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3731
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +276/-3

ออฟไลน์ Poseidon

  • Unconditional love
  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5081
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +260/-12
เกลียดรามก็เกลียดนะ แต่เกลียดชะนีนานะมากกว่าตอนนี้
ยัยนี่นิ น่าตบ 555

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ ทิวสนที

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 763
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +23/-0

ออฟไลน์ jjasu

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 84
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0

ออฟไลน์ Lalita

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 59
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +11/-0



บทที่ ๒๑
[/b]



แสงอาทิตย์ยามเช้าสาดส่องต้องใบหน้าหวานแฉล้มประดุจดั่งนางในวรรณคดีชั้นยอด แลดูเหมือนรูปสลักทองสำริด แม้ภายนอกดูสงบนิ่ง หากภายในจิตเขาเคลิ้มคล้อยสู่จินตภาพแห่งความหลังที่ผ่านมาไม่นานนัก...

เครื่องหน้าสมบูรณ์แบบโน้มลงมาอยู่ห่างจากใบหน้าหวานเพียงไม่กี่เซนติเมตร ปลายจมูกโด่งจรดกับปลายจมูกเล็กเชิดรั้น ฝ่ามืออุ่นร้อนข้างหนึ่งประคองใบหน้าของเปรมให้หันมาสบตา พร้อมๆกับขยับนิ้วโป้งเกลี่ยเบาๆบนพื้นผิวแก้ม ณ ช่วงเวลานี้เปรมไม่หลงเหลือความกล้าแม้แต่น้อยที่จะมองเขาผู้นั้น...ไม่ใช่ความกลัวหรือความรักใคร่ชอบพอแบบชายหนุ่ม แต่มันเต็มไปด้วยความสับสนที่ตีตื้นภายในจิตใจ

น้ำตาที่เหือดแห้งกลับรื้นขึ้นมาอีกครา

‘หากในตอนนี้เปรมยังไม่แน่ใจพี่ก็จะไม่บังคับ’

‘...’

‘อะไรที่เกี่ยวกับเปรมพี่รอได้เสมอ และสิ่งที่พี่พูดไปนั้นพี่พูดด้วยความสัจจริง’ คนร่างสูงโปร่งพูดถอนใจลึก เน้นคำช้าชัด ‘พี่รามรักเปรม นั่นคือสิ่งที่พี่อยากให้เปรมรู้ พี่ไม่สนว่าเปรมจะตอบรับหรือปฏิเสธมันหรือไม่ แต่พี่จะไม่ขอยอมแพ้เป็นอันขาด จะใช้ความรักและความพยายามทั้งหมดทำให้เปรมเห็นต่อไปเรื่อยๆจนกว่าเปรมจะใจอ่อนและเห็นคุณค่าของมัน’

‘คุณรามครับ คือผม...’

อย่าเพิ่งปฏิเสธกันจะได้ไหม’ วิธีที่ราเมนทร์พูดยังเป็นเช่นสายลมกระซิบ ‘พี่รู้...รู้ดีว่าเปรมไม่ได้มีใจให้แม้น้อย พี่เหมือนคนโง่งมงายที่รอโอกาสนั้นมาถึง ทำทุกอย่างเพื่อให้ได้เขามา ยอมถูกคนที่ตนเองรักมองว่าเป็นคนเลวทั้งที่ไม่ได้อยากให้เป็นเช่นนั้น’ ท้ายสุดจึงหันมาถามเบา ๆ...

‘รำคาญพี่หรือเปล่า’

คนถูกถามนิ่งงัน...เนิ่นนาน หากสุดท้ายก็ส่ายหน้าตอบ

‘แค่นี้ก็ดีมากพอแล้วล่ะ’

‘ทำไมคุณถึงรักผม ทั้งที่ผมไม่ใช่สีดา’

‘ใช่ พี่อาจจะเคยต้องการนายเพียงเพราะเห็นนายเป็นตัวแทนของสีดา แต่เมื่อได้รู้จัก ร่วมพูดคุย แม้จะเป็นเพียงช่วงเวลาสั้นๆไม่มากนักเพราะมีไอ้มารหัวขนคอยขวางกั้น ทว่าพี่กลับรักในแบบที่เปรมเป็นเปรมไม่ใช่สีดา’

‘แต่ผมรักพี่ทศ...’

‘รักพี่ด้วยอีกคนไม่ได้หรือ’

‘...’

‘ไม่ต้องรักพี่เท่ากับทศกัณฐ์ก็ได้ แบ่งใจมาให้เพียงเศษเสี้ยวพี่ก็ดีใจมากแล้ว’

‘เรื่องนั้นผมทำไม่ได้ คุณควรตัด...’

‘ถ้าจะสั่งให้พี่ตัดใจ หันไปรักคนอื่น...พี่ก็คงทำไม่ได้เช่นกัน’

บรรยากาศอึดอัด ความเงียบย่างกรายปกคลุมเนิ่นนาน เปรมได้แต่ก้มหน้าฟัง เขาไม่สามารถกล่าวประโยคใดๆออกมาได้ เพราะยิ่งพูดหัวใจก็พลอยอ่อนเป็นขี้ผึ้งถูกลนไฟ ยอมเปิดทางให้อีกฝ่ายเดินเข้ามาหาช้าๆ ด้วยวัยที่ผ่านมาราวยี่สิบปีเศษ อาจจะดูน้อยนิดทว่าเขาล้วนกระจ่างแจ้งอยู่ในใจแล้วสิ้น คนๆหนึ่งที่รอคอยความรักมาเนิ่นนาน จะเป็นทุกข์ในหัวใจแค่ไหน?

หากทศกัณฐ์เจ็บช้ำเพราะรัก พระรามก็คงปางตายเจียนคลั่งไม่ต่างกัน

เปรมรักอสุเรนทร์ แต่ก็ไม่อยากทำลายความรู้สึกของราเมนทร์

เขาควรทำอย่างไรดี

‘ชาตินี้ทศกัณฐ์ช่างโชคดีที่มีคนรักที่จิตใจดีและซื่อสัตย์ แต่หากวันใดวันหนึ่ง...มันผู้นั้นกระทำผิดต่อน้อง ขอให้จงรู้ไว้ว่ายังมีพี่อีกคนที่พร้อมจะอยู่เคียงข้างและรักเปรมไปตลอดชีวิต’

‘...’

‘ทศกัณฐ์รักนางสีดามากเพียงใด พระรามยิ่งรักแลเทิดทูนนางยิ่งกว่านั้นร้อยพันเท่าทวี’

‘...’
‘ขอเพียงโอกาสให้ได้แก้ตัว พี่สัญญาจะทำให้เปรมมีความสุขชั่วนิจนิรันดร์’

คนยืนพิงเสาระเบียงบ้านทรงไทยหลังงามของตระกูลอมาตยสูรยังคงปล่อยให้ความคิดล่องลอยกลับคืนสู่อดีตอย่างไม่รู้จบ เหตุการณ์ในวันนั้นแม้ตัวเขาไม่อยากยอมรับ แต่ด้วยสายตาเปี่ยมไปด้วยความโหยหา อาทรในตัวผู้มากวัยกว่า มันมากล้นจนมองเห็นได้อย่างชัดเจน เปรมไม่อยากทำร้ายหัวใจของราเมนทร์...ตัวตนแห่งพระรามที่ยังรอคอยและรักในตัวตนของเขาหาใช่สีดา แต่เขาจะทำเช่นไร...มีทางออกอื่นใดบ้างที่ทำให้เรื่องราวต่างๆมันคลี่คลายจบลงเสียที

‘ออเจ้าคือผู้เดียวที่จักเปลี่ยนชะตากรรมนี้ได้’

‘ไม่ว่าอย่างไร ออเจ้าต้องพยายามทุกวิถีทางเพื่อนำสิ่งนั้นกลับคืนมาให้ได้’

‘เพลาแห่งการพิพากษาใกล้เข้ามาเต็มที จงเร่งกระทำโดยพลันเถิดหนาพ่อเปรม ก่อนที่ทุกอย่างจักสายเกินไป’

สิ้นประโยคช้าชัด...จริงจัง ‘จงเร่งกระทำโดยพลันเถิดหนาพ่อเปรม ก่อนที่ทุกอย่างจักสายเกินไป’ ของนางสีดา เปรมถึงกับนิ่งอึ้ง แม้รู้ดีว่าภายภาคหน้าจะต้องเจอะเจอกับสิ่งใด ทว่าก็อดหวั่นใจและหวาดกลัวไม่ได้...หนทางสู่ความสงบสุขมันช่างได้มาอย่างยากลำบากเหลือเกิน


“เปรม! เห็นข่าวนี่หรือยัง เปรมอยู่ไหน! น้อย! เห็นคุณเปรมไหม หายไปไหนของเขากันนะ” เสียงร้องเออะโวยวายดั่งสนั่นลั่นเรือนเล็กที่เป็นบ้านพักชั่วคราวให้กับเปรมระหว่างรออสุเรนทร์กลับมาจากดูงานที่ต่างจังหวัด เมื่อเปรมชะโงกหน้าออกไปให้คนใจร้อนเห็น เจ้าตัวก็รีบเดินเร็วเข้ามาหาด้วยท่าทีขึงขังพร้อมเปิดหน้าหนังสือนิตยสารชื่อดังแล้ววางมันลงกับโต๊ะไม้ริมระเบียงอย่างแรงจนเกิดเสียงดังอีกระลอก

“เห็นหรือยัง”

“เห็นอะไรครับ”

“ก็นี่ไง” กลืนน้ำลายหอบหายใจด้วยความเหนื่อยและกล่าวต่อ “ฉันล่ะอยากจะลากยัยนั่นไปฆ่าให้รู้แล้วรู้รอด บอกไปดูงานธรรมดา แต่นี่อะไรนัวเนียพระบิดาฉันจนแทบจะรวมกันเป็นร่างเดียว ถ้าหล่อนมีโอกาสเหมาะเหม็งคงไม่แคล้วงาบพระบิดาลงไปกินในน้ำ”

เปรมไล่สายตาอ่านหัวข้อข่าวบันเทิงจากหนังสือพิมพ์หลายฉบับอย่างละเอียดทุกบรรทัดทุกตัวอักษร

สุดสวีท! อสุเรนทร์ อมาตยสูร นักธุรกิจหนุ่มคนโสดแอบควงคู่ดีไซน์เนอร์ชื่อดังอิม นานะไปเที่ยวกันสองต่อสองความสัมพันธ์คู่นี้จะจบลงอย่างไร เร็วๆนี้เราคงได้คำตอบกัน

จับตา! อสุเรนทร์มีลุ้นสละโสด
แอบส่องสองนักธุรกิจสวยหล่อ สวีทหวานที่หัวหิน

เอ๊ะยังไง?  อิมนานะ ดีไซน์เนอร์ชื่อดังจากยูไนเต็ด สเตท ออฟ อเมริกาที่เพิ่งเซ็นสัญญาเข้าร่วมธุรกิจกับบริษัท RAVANA จะเปลี่ยนจากเพื่อนร่วมงานเป็นคนรักแล้วหรือคะ ช่วยแถลงไขกิ๊บซี่ทีค่าาาา


ดวงตาคู่หวานมองภาพอสุเรนทร์และนานะกำลังเดินควงคู่กันออกมาจากร้านเสื้อผ้าและร้านอาหารด้วยความรู้สึกสั่นไหว ใบหน้าทั้งคู่ต่างยิ้มแย้มอิ่มเอมมีความสุข บรรยากาศอบอวนไปด้วยความรัก

“ฉันขอโทษ แต่เรื่องนี้นายจำเป็นต้องรู้”

“ผมเข้าใจครับ”

รณพักตร์ดึงนิตยสารบันเทิงเล่มล่าสุดออกจากมือบางและเขวี้ยงมันลงถังขยะข้างบานประตูห้องอย่างไม่สนใจใยดี ลมหายใจดังฟืดฟาดคล้ายเป็นเชิงบอกว่าเจ้าตัวกำลังอยู่ในอารมณ์ไม่พึงใจอย่างมาก

“แต่นายไม่ต้องคิดมากหรอกนะ พวกนักข่าวมันก็ชอบทำข่าวเกินจริงแบบนี้แหละ”

เปรมเบือนมองเจ้าสิ่งนั้นแล้วคลี่ยิ้มหวาน แต่ทว่าในสายตาคมกล้าของรากษสหนุ่มกลับเต็มไปด้วยความเศร้าเสียใจ

“พวกเขา...เหมาะสมกันดีนะครับอิน”

“เฮ้ย! นี่คิดอะไรอยู่ พูดอะไรออกมารู้ตัวบ้างไหม”

“รู้สิครับ ก็พวกเขาทั้งคู่เหมาะสมกันดีนี่นา” เวลาหญิงสาวคนนั้นยืนเคียงข้างกับอสุเรนทร์ มันช่างดูเหมาะสมกว่าเวลาเขาอยู่กับเสียอีก

“พูดจริงพูดเล่นเนี่ย”

“ผมจะโกหกทำไมล่ะ”

“นาย...เฮ้อ...นายมันโลกสวยเกินไปแล้วเปมทัต” คนร่างบางหันหน้ามาตามแรงจับของรากษสหนุ่ม นิ้วเรียวยาวยกปาดคราบน้ำตาที่ไหลออกมาโดยไม่รู้ตัวจากดวงหน้างาม มันทั้งบางเบาและห่วงใย “เมื่อกี้ยังฉีกยิ้มปรีดากับเขาหยกๆ ไหนมาร้องไห้เสียแล้วล่ะ”

“ผมเปล่าร้องไห้” ปากปฏิเสธหากน้ำตาก็ไหลลงมาอีก

“แล้วไอ้คราบน้ำที่ไหลออกมาจากตานาย เม็ดฝนหรือไง”

“...”

“หมดยุคนางเอกใสซื่อ ยอมให้นางร้ายหน้าสวยข่มเหงนานแล้วนะเปรม” รณพักตร์พึมพำในลำคอ “นายเป็นถึงเมียพระบิดาฉันจะมานั่งเศร้าเคล้าน้ำตาคนเดียวแล้วปล่อยให้นางร้ายนั่นแย่งไปเหรอ ฉันคนหนึ่งล่ะที่ไม่ยอม ต้องเอาคืนให้สาสม”

“แต่คุณนานะคงไม่ทำอย่างนั้นหรอกครับ”

“ไม่ทำน้อยน่ะสิ นายยังไม่รู้อะไร เวลาฉันเจอยัยนาเน่านั่นทีไรหล่อนก็เอาแต่ถามคุณอสุเรนทร์อยู่ไหนคะ คุณอสุเรนทร์ว่างให้พบหรือยัง พอดีฉันอยากขอเข้าพบปรึกษาเรื่องงาน นี่ถ้าไม่เห็นแก่หน้าพระบิดา หน้าอากฤตนะ ฉันจะเข้าไปกะซวก ไส้ยัยนั่นแล้วโยนให้กามันกินให้รู้แล้วรู้รอด”

“ขอบคุณนะครับอินที่มาบอกผม แต่ผมไม่สนข่าวพวกนี้หรอก ผมยังคงเชื่อมั่นในตัวพี่ทศเสมอว่าเขาจะต้องไม่ทำอย่างนั้น” แต่ถ้าหากทำจริง ก็คงต้องทบทวนความสัมพันธ์ว่าจะปล่อยผ่านไปแล้วลองเชื่อมั่นในความรักของเราสองคนอีกครั้งหรือต้องลาขาดกันอย่างถาวร...

“พระบิดาหนอพระบิดา ป่านนี้จะรู้หรือยังว่านางอสรพิษร้อยเล่ห์กับพวกสมุนกำลังวาบแผนคิดจะงาบตัวเองอยู่” นานหลายอึดใจกว่าร่างเล็กจะเอื้อนประโยคถัดมา “วันนี้เปรมต้องทำอะไรหรือไปหาใครไหม”

“ไม่ครับ”

“งั้นไปกัน” รณพักตร์จับมือเรียวสวยมั่น เอื้อมคว้ากุญแจรถที่วางไว้ก่อนหน้าไม่นานนัก ก่อนออกแรงดึงอีกฝ่ายให้ลุกตาม

“จะไปไหนครับ”

“หัวหิน”

“...”

“อยากจะเห็นหน้าคนแก่ตอนโดนเซอร์ไพรส์สักหน่อย มันคงตลกพิลึก”

ท่ามกลางธรรมชาติแห่งท้องทะเล เสียงเกลียวคลื่นซัดสาดเข้าหาฝั่งดังครืนครืนเป็นจังหวะสม่ำเสมอ สายลมอ่อนโบกพัดโชยชายในยามเย็นค่ำยิ่งทำให้บรรยากาศร้อนในตอนบ่ายแปรเปลี่ยนเป็นความเย็นสบาย อสุเรนทร์หลับตา สูดกลิ่นเค็มอ่อนๆของน้ำทะเลเข้าปอดลึก อย่างน้อยมันก็ช่วยให้อารมณ์หงุดหงิดเหมือนหมาบ้าที่เป็นมาตลอดทั้งวันของเขาพอทุเลาลงบ้าง

นานะ...ยัยฝรั่งมังค่า

จำชื่อนี้ได้อย่างขึ้นใจ ไม่ใช่อารมณ์พิศวาส แต่เป็นอารมณ์โมโห ไหนบอกต้องมาดูงานที่หัวหินตลอดสี่วันเต็ม แต่นี่อะไร! สามวันผ่านเข้ามาแล้วยังไม่เห็นหล่อนทำอะไรเป็นชิ้นเป็นอันเลย เอาแต่ลากเขาไปนู่นไปนี่มีความสุขอยู่คนเดียว โรงแรมที่จองเอาไว้ก่อนหน้าก็เป็นอันต้องยกเลิกเพราะหล่อนเกิดอาการอยากซึมซับน้ำทะเลแบบใกล้ชิดระดับ V VIP เลยต้องย้ายที่พักไปอยู่บ้านเช่าหลังน้อยใกล้ริมชาดหาด โอ้องค์อินทร์ ถ้ารู้ว่าต้องมาเจอแบบนี้ ฆ่าเขาให้ตายเสียเถิด!

รู้สึกคิดถึงบ้านแทบขาดใจ

คิดถึงลูก...คิดถึงเมียด้วย

“อาหารไม่อร่อยหรือคะคุณทศ”

มือที่เขี่ยเม็ดข้าวในจานหยุดชะงัก “ก็งั้นๆ สู้เปรมทำไม่ได้สักนิด”

“ดูคุณจะหลงคุณเปรมมากเลยนะคะ ก็นะ...เขายังเด็กและก็หน้าตาดีมาก”

“ถ้าเธอไม่รู้อะไรก็หยุดพูดไปเถอะ”

“ฉันรู้อะไรหลายอย่างมากกว่าที่คุณคิดเสียอีก” อสุเรนทร์มองหญิงสาวฝั่งตรงข้ามด้วยสายตานิ่ง เธอบรรจงลอกเปลือกออกจากตัวกุ้งแล้ววางบนจานของเขา “ทานสิคะ กุ้งที่นี่อร่อยมากเลยนะ”

“ฉันไม่ชอบกินกุ้ง”

“ไม่ชอบกินกุ้ง...หรือไม่ชอบฉันกันแน่คะ”

“อยากจะให้พูดความจริงไหมล่ะครับคุณนานะ”

“ฉันไปทำอะไรให้คุณเกลียดไม่ทราบ หรือเพราะการที่ฉันเข้ามายุ่มย่ามในชีวิตคู่ของคุณ คุณเลยเกลียดฉันอย่างนั้นเหรอ”

“ก็แค่เศษเสี้ยวหนึ่ง”

“แล้วมันเพราะอะไรล่ะคะ พูดกันมาตรงๆเลยดีกว่า”

“ทำไมไม่ไปถามไอ้รามเองเลยล่ะ สนิทกันไม่ใช่เหรอ”

นัยน์ตาของหญิงสาวเบิกกว้างเพียงชั่วพริบตาเดียวก่อนจะกลับมาเป็นเหมือนเดิม ริมฝีปากชมพูอ่อนคลี่ยิ้มบางแล้วจึงผินหน้าไปสั่งเครื่องดื่มกับบริกรหนุ่ม ไม่นานนักก็กลับมาพร้อมขวดไวน์และแก้วทรงสูง 2 ใบ บริกรหนุ่มจัดการรินส่งให้ลูกค้าทั้งอย่างเอาใจเป็นพิเศษ

“ก็ไม่ได้สนิทอะไรขนาดนั้นหรอกค่ะ แค่คนรู้จักดาษดื่นทั่วไป”

“แล้วนี่เธอคิดจะมอมเหล้าฉันหรือไง” เบือนสายตาไปยังแก้วไวน์ที่ถูกเติมจนเกือบเต็ม

“มีเหตุผลอะไรที่ฉันต้องมอมเหล้าคุณด้วยล่ะคะ”

“เธออยากได้ฉัน”

“อย่าหลงตัวเองค่ะคุณทศ ถึงคุณจะรูปหล่อรวยล้นฟ้าแต่ฉันน่ะ...” เธอทำเป็นเอามือป้องปาก ยื่นหน้ามาบอกด้วยสายตาจริงจัง “ไม่ชอบผู้ชาย”

“เธอเป็นเลสเบี้ยน?”

หญิงสาวถึงกับระเบิดเสียงหัวเราะออกมาอย่างไม่สามารถอดกลั้นมันต่อไปได้ “นี่คุณเชื่อที่ฉันพูดด้วยเหรอ น่ารักจริงๆนะคุณเนี่ย”

“ฉันเพื่อนเล่นเธอหรือไง”

“ถ้าเล่นเพื่อนก็ไม่แน่ค่ะ”

“ยัยปีศาจ ฉันเกลียดเธอ” ว่าจบก็ยกแก้วไวน์ขึ้นดื่มจนหมดแก้ว นานะยิ้มร่าจัดการเทไวน์ให้ชายหนุ่มเพิ่มอย่างเอาอกเอาใจ “ฉันขอบอกไว้ก่อนเลยนะ ถ้าเธอคิดเข้ามาตีสนิทเพราะต้องการทำลายชีวิตคู่ของฉันกับเปรมล่ะก็...ฉันจะทำให้ชีวิตเธอไม่มีความสงบสุขอีกต่อไป”

“ฟังดูน่ากลัวจัง”

“แล้วอยากลิ้มลองนรกบนดินดูไหมล่ะอิม นานะ”

คนร่างเพรียวบางรู้สึกร่างทั้งร่างกำลังสั่นสะท้านด้วยความกลัวที่เริ่มก่อขึ้นภายในจิตใจ แววตาดุดันที่อีกฝ่ายส่งตรงมายังมันคล้ายเป็นการบอกให้เธอรับรู้ว่าสิ่งที่พูดนั้นเขาคิดทำจริง นานะลอบกลืนน้ำลายลงคอที่แห้งผากอย่างฝืดฝืน ทำใจดีสู้เสือหันไปฉีกยิ้มกว้างให้คนตรงข้าม

“โหย ไม่เอาหรอกค่ะ แค่โดนบีบคอวันนั้นก็ไม่กล้าทำอะไรแล้ว”

“เธอรู้”

“โดนบีบขนาดนั้นไม่เรื่องก็คงหมดลมหายใจตายไปแล้วล่ะค่ะ” แค่คิดย้อนเธอยังเสียววาบที่คออยู่เลย

“ขอโทษล่ะกัน”

“เอาเถอะค่ะ ถ้าคุณขอโทษฉันก็พร้อมที่จะให้อภัย ว่าแต่ขอถามอะไรสักนิดได้ไหมคะ” สาวเจ้ายื่นแก้วใบเดิมหากที่เพิ่มเติมคือน้ำสีแดงเข้มที่ถูกเติมจนเต็ม “คุณเป็นเกย์หรือคะ”

“ไม่ได้เป็น”

“แต่แฟนคุณ เอ่อ...คุณเปรมเป็นผู้ชายนี่คะ”

“ฉันรักที่เขาเป็นเขา ไม่เกี่ยวกับเพศ หากจะผิดก็คงผิดที่ชาตินี้เขาดันเกิดมาเป็นผู้ชายแทนที่จะเป็นผู้หญิงเหมือนครั้งก่อนๆ”
ยิ่งอสุเรนทร์พูดก็ยิ่งทำให้หญิงสาวเกิดอาการงวยงงหนักเข้าไปใหญ่ ชาตินี้เกิดมาเป็นผู้ชาย? หมายถึงชาติก่อนคุณเปรมเกิดเป็นผู้หญิงอย่างนั้นหรือ

“ฉันไม่ค่อยเข้าใจที่คุณพูดสักเท่าไหร่”

“ไม่เข้าใจน่ะดีแล้ว”

“เอ่อ...แล้วคุณทศไม่ค่อยถูกกับคุณราม...” เมื่อเห็นอีกฝ่ายตวัดตาดุใส่ก็รีบอธิบายทันที “คือฉันมักเห็นคุณโมโหทุกครั้งที่พูดถึงเขา ก็เลยอยากรู้”

“ทำไม จะเอาเล่าให้มันฟังหรือไง”

“ไม่แน่นอนค่ะ เชื่อใจฉันหน่อยสิ”

อสุเรนทร์สูดลมหายใจดังฟืดฟาดคล้ายกระทิงในเวลาโกรธจัด ไม่วายกระดกเครื่องดื่มมึนเมาเข้าปากรวดเดียวอย่างลืมตัว “ถ้าเธอรู้สันดานที่แท้จริงของมันแล้วล่ะก็...เธอจะบอกได้เลยคำว่าเกลียดมันไม่อาจเทียบเท่ากับความรู้สึกของฉันในตอนนี้ได้เลย นี่ยัยปีศาจ...” อสุเรนทร์เอ่ยเรียกด้วยเสียงติดแหบทว่าดังชัดเจนยิ่ง “ฉันไม่รู้หรอกนะว่าเธอคิดทำอะไรหรือซ่อนแผนชั่วแบบไหนไว้ แต่ขอให้จำไว้ราเมนทร์ไม่ใช่คนดีหรือคนน่าสงสารอย่างที่เธอคิด อย่าได้เชื่อคำของมันมาก เพราะภายใต้กรอบหน้าหล่อเหลาโง่มันมีผีบ้าซ่อนเอาไว้อยู่”

“ฉันจะเชื่อคุณค่ะคุณทศ”

“และก็ขอโทษอีกครั้ง”

“เรื่องอะไรคะ”

“ทุกสิ่งทุกอย่างที่ฉันได้ทำกับเธอไว้ตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน ได้โปรดอภัยให้ได้ไหม ฉันไม่อยากให้พวกเราต้องมาพบเจอ สร้างเวรกรรมร่วมกันอีกแล้ว”

“...”

“ฉันรักเปรม รักเกินกว่าจะยอมสูญเสียเขาไปดั่งคนในอดีต...เพราะอย่างนั้นหากเธอจะคิดทำอะไรที่มันสุ่มเสี่ยง ขอให้หยุดซะ”

“...”

“เธอเป็นคนฉลาดเธอน่าจะเข้าใจที่ฉันพูดใช่ไหม”

“ก็พอเข้าใจ...อ๊ะ คุณทศ เป็นอะไรคะ”

อสุเรนทร์ขมวดคิ้วเมื่อเริ่มเห็นภาพเบื้องหน้าเลือนรางลงไปทุกทีแถมยังรู้สึกปวดขมับทั้งสองข้างเป็นอย่างมาก จู่ๆคำพูดเตือนของชินกฤตก็ประดังเข้ามาในสมอง

‘ตั้งสติให้มั่นหนาขอรับ แลอย่ารับของจากคนแปลกหน้า'


 รับของ? รวมถึงเครื่องดื่มมึนเมาตรงหน้าด้วยกระนั้นรึ

“คุณทศ คุณเป็นอะไรมากหรือเปล่าคะ”

“อย่ามาแตะต้องตัวฉัน” อสุเรนทร์ปัดมือหญิงสาวออก ”เธอเอาอะไรให้ฉันกิน!”

“ก็ไวน์ไงคะ”

“ไม่ เธอใส่อะไรลงไปในนั้น” เครื่องหน้าหล่อสมบูรณแบบเต็มไปด้วยเหงื่อผุดพราย สายตาที่มองมายังเธอเปลี่ยนไปจนนานะนึกกลัว นัยน์ตาสวยสั่นระริกหยิบขวดไวน์ขึ้นมาดูก่อนจะกวาดสายตามองไปทั่วพื้นที่ พบร่างสูงใหญ่ในชุดสูทสีดำเต็มยศตัดกับผิวกาบขาวหยวกกำลังยืนสังเกตการณ์อยู่ห่างๆ ชายผู้นั้น เหยียดรอยยิ้มเยือกเย็นที่มุมปากเล่นเอาเธอเสียวสันหลังวาบ สายตาดุดันที่ส่งมาราวกับย้ำเตือนให้เธอต้องทำตามคำสั่ง ห้ามตุกติกเป็นอันขาด

นี่มันไม่ได้ได้อยู่ในตามแผน! ไหนบอกแค่มอมเหล้าให้อีกฝ่ายหลับแล้วจัดฉากทำให้อสุเรนทร์นึกว่าเธอและเขามีความสัมพันธ์ลึกซึ้งกัน แต่นี่คืออะไร

นานะเผลอปิดปากเมื่อร่างกายเริ่มร้อนผ่าวอย่างน่าแปลกประหลาด สาบานได้เธอกินแค่ไวน์ธรรมดาและจิบเล็กๆเท่านั้น เกิดอะไรขึ้น...หรือว่า...

เล่นกันแรงไปแล้วนะ

ขณะหญิงสาวต้องสงสัยลุกลี้ลุกลน อสุเรนทร์ก็เอาแต่ขบกัดริมฝีปากล่างข่มกลั้นความร้อนรุ่มตามเนื้อกาย อาการที่เกิดขึ้นชายหนุ่มรู้ได้ทันทีว่าตนโดนวางยาปลุกกำหนัด เสียแล้ว รีบสาวเท้าเดินจ้ำพรวดกลับเข้าห้องพักในขณะที่ยังมีสตินึกคิดมากพอ ตรงดิ่งไปเข้าห้องน้ำเปิดฝักบัวปล่อยให้น้ำเย็นไหลชโลมกายเพื่อบรรเทาความต้องการที่เพิ่มสูงขึ้นทุกวินาที ความเสียวซ่านตีตื้นขึ้นมาเหมือนเกลียวคลื่นมันลูกใหญ่ที่ตรึงอยู่ในทุกอณูของร่างกายหมดสิ้น

ร่างสะโอดสะองวิ่งเข้ามาดูด้วยความเป็นห่วง ยื่นมือหมายสัมผัสผิวกายร้อนวาบหากทว่าอสุเรนทร์กลับปัดมาออกอย่างแรง พญายักษ์หอบหายใจถี่และร้องครางครืนครั่นเหมือนสัตว์ป่าที่ได้รับบาดเจ็บหนัก

“เพราะเธอ...อึก...ต้องการแบบนี้สินะ”

“เปล่านะคะ ฉันไม่ได้ทำ”

“อยู่ให้ห่างจากฉัน ฮึ่ม..! ก่อนที่จะทนไม่ไหวไปมากกว่านี้”

“ไม่ค่ะ ฉันจะไม่ไปไหน ฉันจะอยู่ช่วยคุณที่นี่”

“ช่วยหรืออยากได้ฉันเป็นผัวกันแน่” อสุเรนทร์ตวัดสายตาที่เต็มเปี่ยมไปด้วยโทสะ ร่างกายสั่นเกร็งเมื่อเนื้อหน้าเสียดสีกับผิวกายของตน

“เลิกมองฉันในแง่ร้ายสักทีเถอะค่ะ! อยู่เฉยๆฉันจะช่วยคุณเอง”

“อา...” อสุเรนทร์ร้องครางเมื่อสายน้ำเย็นชุ่มฉ่ำกระทบกายตนแรงขึ้น หญิงสาวถอดเสื้อเปียกโชกของชายหนุ่มก่อนจะโน้มตัวใช้มือข้างที่เหลือถือฝักบัวจ่อรดแผ่นหลังกว้าง

“อดทนอีกหน่อยนะคะ”

“อึก...อา...” ด้วยกลิ่นหอมหวานจากกายหญิงสาว อสุเรนทร์ถึงกับสมองมึนเบลอแทบจะแยกไม่ออกสิ่งใดควรทำ สิ่งใดไม่สมควรทำ วงแขนแข็งแรงกอดกระชับเอวคอดกิ่วพร้อมริมฝีปากที่จูบพรมลำคอระหงด้วยความต้องการสูงลิบลิ่ว แม้ในใจจะสั่งให้หยุดกระทำบ้าๆเช่นนี้ซะ หากร่างกายมันกลับคิดทรยศไม่ยอมหยุดตาม ฝ่ามือร้อนลูบสัมผัสตามเรือนผิวกายเนียนนุ่มราวกับกำมะหยี่ ซุกไซ้สูดดมกลิ่นกุหลาบพันธุ์ดีจากซอกคอขาวและขบกัดปลดปล่อยอารมณ์กระสัน   

หยุดเดี๋ยวนี้ไอ้ร่างกายชั่ว ข้าบอกให้หยุด!

“อื้อ คุณทศ หยุด อย่าทำ อื้อ...” ชายหนุ่มยังคงเล้าโลมคนในอ้อมแขนราวคนเมามายไม่ได้สติ นานนะดิ้นพล่านด้วยความกลัวจับใจทั้งที่ร่างกายของเธอก็เกิดความต้องการเช่นเดียวกัน พยายามใช้มือดันอกกว้างแต่ทว่ามือไม้ดันอ่อนปวกเปียกไปเสียหมด

“ฉัน อึก หยุดไม่ได้”

“อื้อ คุณทศ!”

‘พี่ทศครับ’

‘เฮือก!’


อสุเรนทร์เบิกตากว้างเมื่อจู่ๆเขาได้ยินเสียงของคนรักดังทับซ้อนกับหญิงร้อยเล่ห์ผู้นี้

‘เปรมรักพี่ทศเสมอ’

‘อย่าปล่อยให้เปรมรอนานนะครับ รีบกลับมา...กลับมาหาเปรม’



ออฟไลน์ Lalita

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 59
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +11/-0




รัตติกาลยังคงลอยเลื่อนเคลื่อนคล้อย ลมทะเลพัดเอื่อย เส้นแสงจากดวงแก้วดวงโตสาดส่องเข้ามาภายในห้องผ่านทางช่องว่างของผ้าม่าน กระทบกับสองร่างเนื้อกายเกือบเปลือยเปล่าที่กอดรัดแนบแน่นอยู่บนเตียงใหญ่ อสุเรนทร์ข่มตาแน่น ซ้ำยังกัดฟันกรอดเมื่อมือเรียวงามลากผ่านจุดแห่งความปรารถนาบริเวณช่วงอก หัวใจของเขามันกำลังสั่นพร่าด้วยความเสียใจที่ไม่อาจหยุดยั้งกามอารมณ์นี้ไปได้เลยแม้แต่น้อย

เปรมจ๋า...เปรมจ๋า...พี่หยุดมันไม่ได้แล้ว

พี่ขอโทษ...



“เปรมรู้สึกแปลกๆบ้างไหม” จู่ๆรณพักตร์ก็ถามขึ้นอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ยหลังจากขับรถออกจากตัวเมืองกรุงเทพมาได้สักพักใหญ่ เอื้อมมือไปเปิดเครื่องเล่นให้เสียงดนตรีที่ชอบดังคลอเบาๆแล้วปรับแอร์ให้เบาลงเล็กน้อย เปรมมองดูเม็ดฝนผ่านกระจกใส

“อะไรที่ว่าแปลกหรือครับ”

“ไม่รู้สิ บอกไม่ถูกเหมือนกัน แต่ดูท่าคงไม่ใช่เรื่องดี”

“อินอาจจะโดนพี่ทศวิ่งไล่เตะตอนไปถึงที่นั่นก็ได้”

“นั่นสินะ กลัวไม่เตะอย่างเดียวน่ะสิเปรม อาจจะโดนด่าพร้อมยึดทรัพย์สินทั้งหมดกลายเป็นบุคคลล้มละลาย” รณพักตร์หัวเราะร่วน “เอ้อ เมื่อวานที่ถามค้างไว้ สรุปเกิดอะไรขึ้น นายไปอยู่ไหนทำไมไม่รับสายฉัน เมื่อวานอากฤตก็ถาม”

คนร่างบางใช้เวลาคิดเล็กน้อย “พอดีผมเป็นลมแล้วก็โดนกรรไกรในร้านขายดอกไม้บาดเอา เพื่อนที่รู้จักมาเจอเข้าก็เลยพาไปนอนพักที่ห้อง ตอนอินโทรมาผมคงนอนอยู่เลยไม่ทันได้รับ ผมขอโทษที่ทำให้ทุกคนเป็นห่วง”

“เฮ้อ แค่นายไม่เป็นอะไรมากก็ดีแล้ว” ขืนเป็นหนักสิพระบิดาจะได้พิโรธเล่นงานเขานวมเป็นแน่น “ว่าแต่เพื่อนนายนี่ใคร”

“เพื่อนสนิทสมัยก่อนนะครับ”

“คิดไม่ซื่อด้วยหรือเปล่า” รณพักตร์กระตุกยิ้ม “เพราะดูเหมือนเพื่อนนายคนนี้จะหวงนายไม่ใช่น้อย”

“คงไม่มั้งครับอิน”

“เหอะ นี่ยังเจ็บใจไม่หายแทนที่จะกดรับบอกฉันสักหน่อยว่านายเป็นลม ไม่สบายกลับตัดสายฉันทิ้งซะอย่างนั้นและไม่ใช่ครั้งเดียว ตั้งห้าครั้ง! ถ้าอยู่ใกล้ๆนี่จะเอากระบี่กระบองฟาดหน้าให้เละไปเลย”

คนนั่งฟังก็ได้ยิ้มฉีกยิ้มแห้ง ไม่พูดตอบ

“เอาเป็นว่านายกับหมอนั่นถ้าตัดขาดกันได้แบบไม่เจอกันอีกก็ตัดซะอย่าให้เหลือเยื้อใย คนอย่างหมอนั้นไม่สมควรเป็นเพื่อนกับนายหรอก แค่คนแปลกหน้าที่เดินผ่านเป็นตัวประกอบฉากฉันก็ไม่อยากให้เป็น”

“กินน้ำหน่อยไหม”

“น้ำไม่พออ่ะ แกะโปเต้ห่อใหญ่ให้ที ป้อนด้วยนะ หิว!”


รถออดี้สีดำเงาปลาบตลอดคันชะลอจอดเทียบหน้าบ้านพักตากอากาศริมทะเลหลังหนึ่ง ท้องนภากว้างมืดสนิทบ่งบอกเวลาที่ดึกมากแล้ว

 “พร้อมหรือยังสำหรับการเซอร์ไพรส์ครั้งยิ่งใหญ่” มือเล็กทว่าแข็งแรงคว้ากล่องพลุกระดาษไปจากมือคนร่างบาง เดินดุ่มๆเข้าบ้านพักที่ทั้งมืดและเงียบสงัดราวกับไม่มีผู้ใดพักอาศัยอยู่เลย

“ผมว่าเราค่อยมาหาพี่ทศตอนเช้าก็ได้นะครับ”

“มาหาตอนเช้ามันจะไปสนุกอะไร” ไอ้ตอนนอนหลับอยู่นี่แหละสนุกที่สุด แกล้งจุดพลุกระดาษให้ตกใจเล่น เผลอๆอาจได้ชมภาพยักษ์กลิ้งตกเตียงด้วยสีหน้าเหลอหลา แค่คิดก็ขำแล้ว ถานการณ์จริงคงขำยิ่งกว่า “เอาล่ะ ฉันจะเปิดประตูเข้าไปแล้วนะ พร้อมหรือยัง”

ไหนๆก็มาถึงแล้ว ไม่พร้อมก็คงต้องพร้อมเพราะอีกฝ่ายดูท่าจะอยากเข้าไปในนั้นเหลือเกิน

และไม่รู้เป็นเพราะอะไรถึงได้รู้สึกหน่วงๆที่หัวใจอย่างบอกไม่ถูก เหมือนมีมือใครยื่นมือมาบีบมันให้อึดอัดขึ้นทีละนิด...ทีละน้อย หวาดหวั่นพิกล

“เดินเบาๆนะเปรม”

“รู้แล้วล่ะน่า”

“คิกๆ น่าสนุกจัง”

ฝ่าเท้าเรียวยาวก้าวขึ้นบันไดอย่างเงียบเชียบตามติดรณพักตร์ที่คอยย่อตัวหลบระแวงระวังอย่างมีชั้นเชิงราวกับมหาโจรที่คิดมาปล้นทรัพย์ในบ้านเศรษฐี... ทว่า! ยังไม่ทันได้ก้าวข้ามผ่านบันไดขั้นสุดท้าย ขาของเขากลับหยุดชะงักอยู่กับที่ สองดวงตานิ่งค้างไปกับสิ่งที่เห็นผ่านบานประตูที่เปิดแง้มเอาไว้...มากพอจะเห็นอะไรต่อมิอะไรภายในห้องนั้นได้อย่างชัดเจน

“เปรมเป็นอะ...โอ้ ชิท!”

รณพักตร์ทิ้งกล่องพลุกระดาษลงบนพื้นด้วยความโมโหจัด วิ่งตึงตังเข้าไปในห้องอย่างไม่สนใจว่าจะปลุกให้คนในนั้นตื่นขึ้นมากลางดึกดื่นหรือไม่

มือบางผลักบานประตูเปิดออกจนสุด ภาพของอสุเรนทร์ที่ใช้แขนโอบเรือนร่างงามสะโอดสะองอย่างแนบชิดหลับใหลสู่ห้วงนิทราอย่างมีความสุข ผ้าห่มเลิกลงมาจนถึงสะโพกซึ่งมันคงเดาได้ไม่ยากว่าเกิดอะไรขึ้น ร่างกายทั้งคู่เปลือยเปล่า สัมผัสเนื้อแนบเนื้อ...

“What the fu*k พระบิดาตื่น! ตื่นเดี๋ยวนี้!”

คล้ายหัวใจถูกคว้านแหว่งหายไปเกือบครึ่ง อยากจะหันหลังหนี แต่ขากลับก้าวไม่ออก ภาพเบื้องหน้าเริ่มพร่ามัวเหตุเพราะรอยรื้นที่ขอบตา

อสุเรนทร์ที่เพิ่งตื่นขึ้นมาจากแรงปลุกอันโกรธเกรี้ยว คิ้วเข้มขมวดมุ่นด้วยความไม่พอใจก่อนจะค่อยๆลืมตา...และเบิกตากว้างในทันทีที่เมื่อเห็นใบหน้าแสนคุ้นเคยของคนสองคน

อากาศหนาวเย็นเกินกว่าจากปกติเครื่องปรับอากาศแผ่กระทบร่างกายทำให้อสุเรนทร์รู้ตัวว่าเขาไม่ใส่เสื้อผ้าปกปิดแม้แต่น้อย นานะที่ลืมตาตื่นขึ้นตามหลังจากถูกรบกวนด้วยเสียงโวยวายจากใครบางคน เผลอร้องอุทานยกผ้าปิดส่วนบนด้วยอารามตกใจ

“ปะ...เปรม”

“ว่าจะเซอร์ไพรส์เองกลับโดนเซอร์ไพรส์หนักกว่า” นึกไว้ไม่มีผิดว่ามันจะต้องเกิดเรื่องเลวร้ายพรรค์นี้ขึ้น นัยน์ตาอสุราทอแสงแดงฉานเต็มเปี่ยมด้วยโทสะ นับว่าหล่อนช่างกล้าเก่งนักที่สามารถทำให้ความรักของคนสองคนแตกร้าวยากจะประสานร่วมกันเป็นเนื้อเดียวได้อย่าง่ายดาย

“พระบิดา ท่านทำได้ยังไง ท่านทำกับคนที่ท่านรักแบบนี้ได้ยังไง”

“เจ้าอิน...เปรม พี่...”

“มีอะไรหรือครับ”

คนร่างบางพูดนิ่งๆ แต่อสุเรนทร์เห็นว่าดวงตาเรียวสวยคู่นั้นกำลังสั่นคลอ น้ำเสียงที่เอ่ยออกมาก็ดูแหบและเย็นชากว่าปกติ
“ฟังพี่ก่อนนะเปรม พี่”

“ไม่ต้องอธิบายหรอกครับ เปรมเข้าใจ”

“เปรม”

“ภาพมันชัดขนาดนี้ พี่จะบอกพี่ไม่ได้ตั้งใจอย่างนั้นหรือ”

“...”

“อินครับ ผมอยากกลับบ้านแล้วล่ะ อินช่วยไปส่งหน่อยได้ไหม”

“ได้อยู่แล้ว”

เปรมกลั้นเสียงสะอื้น ก้มลงถอดกำไลทองที่เปรียบเสมือนเส้นดายพันผูกหัวใจทั้งสองดวงและยื่นมันให้กับรณพักตร์เพื่อส่งต่อไปยังเจ้าของดั้งเดิมของมัน อสุ-เรนทร์ปัดสิ่งของในมือลูกชาย หยิบผ้าขนหนูที่กองบนพื้นผูกปมเอาไว้หลวมๆ และรีบถลาลงจากเตียงกอดรั้งคนรักเอาไว้จากด้านหลัง เปรมรู้สึกได้ถึงความชื้นบริเวณหัวไหล่ที่อีกคนใช้ซุกซบ พร้อมกับแรงสั่นและแรงสะอื้นร่ำไห้อย่างหนักหน่วง

“อย่าทำแบบนี้ได้ไหม พี่ใจจะขาดแล้วนะ”

“ปล่อยเถอะครับ”

“พี่ไม่ปล่อย พี่ขอโทษ”

“ขอโทษแล้วทำแบบนี้ทำไม!” คนร่างบางตะโกนอย่างสุดเสียง สะอึกสะอื้นราวจะขาดใจ

พี่ขอโทษ พี่ไม่ได้ตั้งใจให้มันเกิดขึ้น เปรมต้องฟังพี่นะ”

“ขอโทษแล้วมันจะกลับเป็นเหมือนเดิมไหม ฮึกๆ ผมเชื่อใจพี่มาโดยตลอด แต่พี่กลับตอบแทนผมโดยการนอนกับเธออย่างนั้นเหรอ”

“คุณเปรมคะ มันไม่ใช่อย่างนั้น”

“เงียบไปเลยนังแพศยา!” รากษสหนุ่มตะโกนด่า

“พวกเราโดนวางยาจริงๆนะคะ ขอร้องล่ะคุณเปรม คุณอิน คุณทศเขาไม่ได้ตั้งใจให้เรื่องแบบนี้เกิดขึ้นแม้แต่น้อย”

“แต่เธอตั้งใจอย่างนั้นสิ”

แววตาโอรสแห่งพญารากษสพิโรธ นานะก้มหน้าร้องไห้เงียบๆ “สมใจเธอแล้วสิ ทำครอบครัวเขาแตกแยกไม่เหลือชิ้นดี ถามหน่อยพวกเราไปทำอะไรให้เธออย่างนั้นเหรอ เธอถึงได้มาแก้แค้นกันอย่างนี้”

“ฉันขอโทษ”

“หยุดเอ่ยคำขอโทษกันเสียที มันน่ารำคาญ!”

“เปรมจ๋า ได้โปรดที่รัก ยกโทษให้พี่อีกสักครั้ง พี่ไม่ได้ตั้งใจจริงๆ” อสุเรนทร์ร่ำไห้โศกาอย่างไม่มีปิดบัง วงแขนแข็งแรงรวบเอวอีกคนมากอดแน่น หน่วง เปรยเงยหน้าพยายามไม่ให้น้ำตาไหลออกมา หัวใจดวงน้อยกำลังแตกสลาย เจ็บยิ่งกว่าครั้งไหนๆที่เคยประสบพบ ไม่ใช่ว่าไม่เชื่อคำกล่าวของอสุเรนทร์ หากใจเขาเองยังไม่พร้อมที่จะรับฟัง

“จะทุบจะตีจะด่าพี่ยังไงก็ได้ แต่อย่าพูดเหมือนเราจะต้องห่างกันได้ไหม”

เปรมแสร้งยกยิ้มอย่างอบอุ่นเพื่อปิดบังความปวดร้าวที่กำลังก่อเกิดขึ้นอยู่ภายในจิตใจ ขณะก้านนิ้วเรียวสวยปาดคราบน้ำตาที่เปรอะเปื้อนพวงแก้มสากออกไปจนหมด

“ขอบคุณสำหรับวันเวลาที่ผ่านมา พี่ทำให้ผมมีความสุขมากที่สุดในชีวิต แต่เส้นทางเดินของเรามันถึงจุดตัดไม่สามารถเดินไปด้วยกันได้อีกต่อไป”

ริมฝีปากหอมหวานราวเกสรจากดอกไม้บรรจงจุมพิตหน้าผากกว้างอย่างอ้อยอิ่ง...สูดลมหายใจเข้าลึกพยายามควบคุมอารมณ์ให้กลับมาเหมือนเดิม

“พี่ทศ”

“เปรม อย่า...”


“เราเลิกกันเถอะ”



 :katai1: :katai1: :katai1:
มีความเครียดสูงงงงงงงงง ว่าแล้ว ที่ทศนะพี่ทศ สงสารเปรมมม :sad4: :sad4: :sad4:
ยังไงก็เอาใจช่วยให้ความรักของสองคนผ่านไปได้ด้วยดีนะคะ
แต่ขอเตือนหลังจากนี้ดราม่าจะมาเต็ม กรุณาเตรียมใจให้พร้อมมม

วันนี้ขอลาไก่อนค่ะ บ้ายบายยยย

ออฟไลน์ Poseidon

  • Unconditional love
  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5081
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +260/-12
ว่าแล้วววว แผนอิท่านพระรามแน่
เลวชาติที่แล้วยันชาตินี้ นี่คงหาโอกาสตอนนี้ไปทำคะแนนกับเปรมสินะ ว้ากกกก จัดมาเลยมาม่า พร้อมทาน ToT
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 20-01-2017 15:31:12 โดย Poseidon »

ออฟไลน์ MayA@TK

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4982
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +51/-7

ออฟไลน์ oilzaza001

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 619
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +26/-1
บทนี้จบด้วยพี่ทศเสร็จเมียเก่า และเมียใหม่มาเห็น โอ้วววว พล็อตนี้ 55555 (สมน้ำหน้าอิทศ น้องก็เตือนแล้วว่าห้ามรับๆๆๆก็ยังโง่อีก ขี้โม้จนได้เรื่อง) ส่วนชะนีก็คนดีเหลือเกินจ้าาา อิทศมันโดนยา ตัวเองก็โดนยังจะเจือกไปช่วยเค้า แหม๊ (คนดีตั้งแต่ที่รับงานมาทำให้คนอื่นเค้าแตกแยกกันละ คนดีสุดๆค่ะ //ปรบมือ) สุดท้ายเกิดเรื่องไปแล้วก็ทำไรไม่ได้ได้แต่ขอโทษ ? วอชช ขอโทษแล้วมันจะกลับมาเป็นแบบเดิมไหมละคะ ทั้งอิทศและนางนี เหอะๆ (เป็นเราก็ทำใจลำบาก เห็นเต็มตาขนาดนั้น คงต้องให้เวลาสักพักอะนะ)ในส่วนของคุณรามคนดี(แต่เปลือก) ก็รอดูว่าเปรมจะรู้ความจริงเมื่อไหร่ ทีนี้ล่ะ ! เปรมได้เกลียดแกแบบไม่เหลือความใจอ่อนให้แม้แต่ขี้เล็บแน่นอน รามเอ้ยยย เฮ้อ

ปล.เค้าเกลียดมาม่าาาา Y_Y แต่จะติดตามต่อนะคะ 5555

ออฟไลน์ Ice_Iris

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1226
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +74/-0

โอ๊ย...........

เครียด

เครียดกว่าตอนที่ยังไม่ได้อ่านอีก

รอขอรับ


ออฟไลน์ jjasu

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 84
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0
โอ้...แม่จ๋า ใจน้องจิขาด :katai1:

รอติดตามค่ะ แม้จะเจอมาม่าหม้อใหญ่ก็ตาม

ออฟไลน์ k_keenny

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 370
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +21/-1

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด