Sunrise in the forest บทที่ 40 (ตอนจบ)
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: Sunrise in the forest บทที่ 40 (ตอนจบ)  (อ่าน 148591 ครั้ง)

ออฟไลน์ cinquain

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1125
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +247/-0
Re: Sunrise in the forest บทที่36 P37(41061)
«ตอบ #1110 เมื่อ14-10-2018 11:00:52 »

เพิ่งเข้ามาอ่านก็เจอ  :-[  555

จิ้งจอกไฟจะทำอะไรต่อไป อย่าลืมนึกถึง
ผลที่จะตามมาด้วยนะ!


ออฟไลน์ dekying kukkig

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1462
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +87/-1
Re: Sunrise in the forest บทที่36 P37(41061)
«ตอบ #1111 เมื่อ14-10-2018 19:17:30 »


 :hao7:  ขึ้นหน้าใหม่แล้ววววว

ออฟไลน์ noteno

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 312
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +35/-1
Re: Sunrise in the forest บทที่36 P37(41061)
«ตอบ #1112 เมื่อ14-10-2018 19:18:58 »

 :katai5:
มาๆ...มาจับจิ้งจอกกัน

ออฟไลน์ MyTeaMeJive

  • MyTeaMeJive
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1894
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3313/-9
Sunrise in the forest บทที่37 P38(141061)
«ตอบ #1113 เมื่อ14-10-2018 20:03:30 »

ภาคจิ้งจอกไฟ
บทที่สามสิบเจ็ด


ยามสาย น้ำในบึงกระเรียนแห่งป่าสีทองส่องประกายระยิบระยับ กระเรียนโกเมนยืนสงบนิ่ง ประสานลมหายใจเข้ากับสายลมเย็นที่ไม่เคยจางหายไป กลิ่นดิน ใบไม้ และ...แรงสะเทือนจากการย่างก้าวของเทพเสือโคร่งตัวใหญ่ที่เดินเข้ามาใกล้แล้วเปลี่ยนร่างเป็นมนุษย์ จากนั้นก็นั่งลงที่ขอนไม้ทางด้านหลัง
ดวงตาสีเหลืองเข้มหยุดอยู่ที่กระเรียนงาม....
ขนสีแดงดั่งโกเมน
กระเรียนผู้สร้างความสมดุลและความมั่นคงแห่งชีวิต
เวลาผ่านไปครู่หนึ่ง กวางสีขาวก็เข้ามาสมทบแล้วเปลี่ยนร่างเป็นมนุษย์
“โกเมน” เสือโคร่งร้องเรียก
กระเรียนโกเมนหันมาพร้อมเปลี่ยนร่างเป็นมนุษย์
“ทำไมพวกเจ้าถึงชอบเปลี่ยนร่างเป็นมนุษย์” 
เมื่อจะเดินกลับมาหาเทพเสือโคร่งภูผารีบลุกไปรับ จูงมือผอมบางของกระเรียนโกเมนพาเดินกลับเข้ามาที่ฝั่ง เทพกวางสายฟ้าที่กระแทกเสียงในลำคอแล้วหันไปมองทางอื่น สุดท้ายก็เดินเข้ามาหา
ดวงตากลมมองสหายทั้งสอง จากนั้นก็ยกมือผอมบางข้างหนึ่งสัมผัสแก้มของเทพเสือโคร่งภูผา อีกข้างหนึ่งสัมผัสแก้มของเทพกวางสายฟ้า
“สหายของข้า เกิดเรื่องราวใดขึ้น เหตุใดข้าจึงสัมผัสได้เพียงความทุกข์ใจจากเจ้าทั้งสอง”

ทั้งสามเดินสนทนาเกี่ยวกับเรื่องราวต่างๆ จนมาถึงลานดอกหญ้าสีขาว กระเรียนโกเมนจึงชี้ไปที่สมุนไพรที่แฝงตัวอยู่ท่ามกลางดอกหญ้า “รากคะนึงหาอยู่ที่นี่”
ระหว่างที่เทพเสือโคร่งภูผาเดินไปถอนต้นสมุนไพรขึ้นมาใส่ห่อผ้า กระเรียนโกเมนหันมาหาเทพกวางสายฟ้า
“กวางไพลินกับสหายตัวน้อยของนางล้วนเป็นเด็กดี”
“ตอนที่ยังตัวเล็กก็มักจะพากันมาวุ่นวายอยู่กับเจ้า มาจนถึงตอนนี้ก็ยังพากันมาสร้างความวุ่นวายอยู่เช่นเดิม” ผู้เป็นบิดาเกรงใจสหายผู้นี้ยิ่งนัก “กวางไพลินผ่านช่วงหาคู่มาหลายปีก็ยังไม่เลือกผู้ใด ไม่ฝึกวิชาเหมือนอย่างพี่น้องตนอื่น”
“นั่นเพราะนางรู้ว่านางต้องการสิ่งใด”
“นางสมควรเติบโตตามวัย”
ภาพของชายหนุ่มรูปงามสองคนที่ยืนสนทนากันอยู่ท่ามกลางลานดอกหญ้าสีขาว ช่างงดงามจนเทพเสือโคร่งภูผายังต้องสะกดลมหายใจ
“เสร็จหรือยัง” เทพกวางสายฟ้าหันมาถาม
“เรียบร้อยแล้ว แต่ยังอยากอยู่ตรงนี้อีกครู่หนึ่ง”
เทพกวางสายฟ้ายกมือขึ้นบังแดดให้กระเรียนโกเมน “ที่ตรงนี้แดดแรง ถ้าเจ้าจะอยู่ตรงนี้ก็ตามใจ พวกเราจะย้ายไปสนทนาในที่อื่นแล้ว”
เทพเสือโคร่งภูผากระแทกเสียงในลำคอ ได้แต่เดินตามชายหนุ่มผู้งดงามทั้งสองกลับมาที่บึงกระเรียนอีกครั้ง
“เหนื่อยหรือไม่” เทพกวางสายฟ้าถาม
“ไม่เหนื่อย” เทพเสือโคร่งภูผาตอบ
“มิได้ถามเจ้า!” 
กระเรียนโกเมนหัวเราะเบาๆ “แค่เดินไปเดินมามิได้เหน็ดเหนื่อยอันใด เจ้าทั้งสองทำดั่งข้าชรามากแล้ว”
เมื่อนั่งลงที่ข้างบึงน้ำ กระเรียนโกเมนมองหน้าสหายแล้วถามอีกครั้ง “ยังมีเรื่องใดรบกวนใจ”
“ศิลาดำ บุตรของข้า กับจิ้งจอกไฟสหายของไพลินบุตรีของสายฟ้า”
เมื่อเทพเสือโคร่งภูผาเริ่มต้นขึ้น กระเรียนโกเมนก็ร้องอ้อ
“พวกเราปกป้องทุกชีวิตในที่นี้ ข้ากังวลใจว่าเจ้าลูกไฟตัวนั้น จะไม่เพียงฆ่าตัวตาย แต่จะนำพาเรื่องร้ายมาถึงสัตว์ตัวอื่นในป่าไปด้วย”
กระเรียนโกเมนพยักหน้าด้วยความเข้าใจ “ภูผาไม่อยากให้ศิลาดำผิดหวัง สายฟ้าก็กังวลว่าไพลินจะเป็นอันตราย และทั้งสองกังวลว่าจะมีเรื่องร้ายเกิดขึ้นที่นี่”
“จะผิดหวัง หรือจะเป็นอันตราย หากเกิดขึ้นกับเจ้าตัว เราก็ยังพอจะดูแลรักษากันได้ แต่ถ้าเป็นการนำพาความเดือดร้อนมาถึงผู้อื่น นั่นยิ่งย่ำแย่ยิ่งนัก”
กระเรียนโกเมนสัมผัสใบหน้าของสหายทั้งสองอีกครั้ง “จิ้งจอกไฟกับกวางไพลินมักจะแวะเวียนมาหาข้าอยู่บ่อยๆ ข้าจะคอยดูแลพวกเขาเอง”
“ข้ามิได้มาเพื่อผลักภาระให้เจ้า” เทพเสือโคร่งภูผาบ่นอุบอิบ
“ย่อมมิใช่ แต่ข้าเห็นพวกเขามาตั้งแต่เล็ก ทั้งพวกเขาเองก็เชื่อฟังดี จึงรับว่าจะคอยดูแลในระหว่างที่พวกเจ้ามีเรื่องมากมายให้ไปจัดการ”
“ระยะหลัง จิ้งจอกไฟไปพบมนุษย์บ่อยขึ้น อย่างไรก็เพียงแค่ปรามไพลินว่าอย่าได้ตามออกไป” เมื่อสหายทั้งสองหันมามองพร้อมกับเทพกวางสายฟ้าก็รีบอธิบาย “จิ้งจอกไฟนั่นมีเจตนาที่ไม่น่าวางใจจึงออกไป แต่ผู้อื่นมิได้เกี่ยวข้องด้วย”
กระเรียนโกเมนส่ายหน้า “เอาเถอะ ข้ารับปาก”
เทพทั้งสองเกรงใจสหายผู้นี้เป็นอย่างยิ่ง ก่อนที่จะมาก็พูดคุยกันหลายครา แต่ก็ไม่เห็นว่าจะมีผู้ใดที่สามารถดูแลเรื่องนี้ได้
“แค่ ช่วยดูแล อย่าให้ไพลินออกไปข้างนอกเท่านั้น”
กระเรียนโกเมนคลี่ยิ้มงาม กล่าววาจาไพเราะต่างจากสัตว์เทพทั้งป่าสีทอง “เข้าใจแล้ว พวกเราเป็นสหายกันใยต้องเกรงใจกันถึงเพียงนี้”
“เพราะเป็นเจ้า” เทพกวางสายฟ้ากล่าว
“พวกเราจึงต้องเกรงใจ” เทพเสือโคร่งภูผากล่าว
กระเรียนโกเมนรู้สึกชื่นชมความรักของบิดา
“พวกเราต่างมีหน้าที่ทำอะไรหลายอย่างมากมาย แต่พอมาถึงเรื่องบุตร กลับต้องมาขอให้เจ้าช่วยจัดการให้” เทพกวางสายฟ้ากล่าว
“ทั้งที่เจ้าสมควรได้อยู่อย่างสงบแท้ๆ”
กระเรียนโกเมนรวบกอดสหายทั้งสองไว้ด้วยแขนทั้งสองข้าง “จะเกรงใจไปใยกัน พวกเราคือสหาย และ...ไม่ว่าในกาลข้างหน้าจะเกิดเรื่องใดขึ้นก็ขอว่าอย่าได้โกรธแค้นผู้ใด”
 
เทพเสือโคร่งมุกดาออกจากการบำเพ็ญฌานแล้ว เทพเสือโคร่งศิลาแดงก็เริ่มต้นการบำเพ็ญฌานในถ้ำแสงจันทร์ต่อ
แต่ก่อนที่เทพศิลาแดงจะเข้าไปในห้องใหญ่ด้านในของถ้ำย่อมฝากฝังเรื่องราวหลายอย่างให้น้องสาวช่วยสานต่อ
บางเรื่องนางยินดีรับเรื่องไว้
บางเรื่องก็ไม่
และบางเรื่องนางเข้าใจเป็นอย่างดี
"ตอนที่พี่ใหญ่ถ่ายพลังให้จิ้งจอกไฟ ข้าอยู่ด้านในของถ้ำ ข้าจึงเข้าใจความคิดของพี่ใหญ่เป็นอย่างดี แต่ความเข้าใจ ไม่ได้แปลว่าเราต้องตามใจเขา เพราะข้ายึดคำสั่งของท่านแม่เป็นหลัก"
เทพเสือโคร่งศิลาแดงกลอกตารอบหนึ่ง แล้วเดินเข้าห้องใหญ่ไปโดยดี
ก็อย่างที่เทพเสือโคร่งมุกดากล่าว นางยึดถือคำสั่งของมารดาเป็นสำคัญ เหมือนกับที่เทพเสือโคร่งศิลาดำผู้เป็นผู้ที่ยึดคำมั่นของบิดาเป็นสำคัญ
ดังนั้นหลังจากที่ไปพบกับมารดารายงานตัวว่านางกลับออกมาแล้ว ลำดับต่อไปก็คือการออกมาตามหาจิ้งจอกไฟ
จิ้งจอกไฟตนนี้อาศัยช่วงเวลาที่พี่ใหญ่ของนางไม่อยู่ออกมาหามนุษย์ที่ป่าใกล้หมู่บ้านหลายครั้ง
มิใช่...จิ้งจอกไฟมาเฝ้ามองมนุษย์เหล่านั้นจากระยะไกล
ดวงตายาวเรียวนั่นกวาดตามองไปยังทุกคนในกลุ่ม คล้ายค้นหา คล้ายกำลังจดจำ
ด้วยสัญชาติญาณของนักล่า  นางเชื่อว่าจิ้งจอกไฟไม่ได้ชอบพอมนุษย์เหล่านี้อย่างที่สัตว์เทพหลายตนพูดกัน

หลังจากที่เฝ้ามองอยู่พักใหญ่ นางส่งสัญญาณออกไปให้จิ้งจอกไฟรู้ตัวและหันมามอง แล้วติดตามนางกลับมาภายในเขตป่าสีทองใกล้กับเขตป่าด้านนอก เพราะการพูดคุยกันที่นี่ย่อมปลอดภัยกว่า

"ตัดสินใจแล้วหรือ"
จิ้งจอกไฟสบตานางเทพเสือโคร่งแล้วพยักหน้า
"หากจะอยู่ตามลำพัง เจ้าต้องฝึกฝนการใช้ประสาทสัมผัสมากกว่านี้ เพราะข้าลอบมองเจ้าอยู่ตั้งนานเจ้ายังไม่รู้ตัว"
ดวงตาเรียวยาวเบิกกว้างขึ้นแล้วหลุบตาลง จากนั้นก็พยักหน้ายอมรับ
เขามัวแต่สนใจกลุ่มคนเหล่านั้น จนมิได้ระมัดระวังตนเองจริงๆ
"เรียนรู้จากความผิดพลาดที่เคยเกิดขึ้น แล้วรอจังหวะเวลาที่ดีเพื่อลงมือ"
จิ้งจอกไฟเงยหน้ามองนางเทพเสือโคร่งอย่างคาดไม่ถึง เมื่อนางกล่าวอย่างตรงไปตรงมาว่าล่วงรู้แผนการที่อยู่ในใจของตนเอง
ในความจริง นางเทพเสือโคร่งอ่านใจใครไม่ได้ ไม่ได้รู้เรื่องราวทั้งหมดที่เกิดขึ้น แต่นางมองเห็นจิ้งจอกไฟในเวลาที่ไม่ได้ระมัดระวังตัว และใช้ความรู้สึกของนางคาดเดาเท่านั้น
แต่นั่นก็เพียงพอที่จะทำให้จิ้งจอกไฟใจเย็นลง และมีความรอบคอบมากกว่าเดิม

"จิ้งจอกไฟ เจ้า...มิได้มีใจให้พี่ใหญ่ของข้าแม้สักนิดเชียวหรือ"
เมื่อไม่มีคำตอบจากจิ้งจอกไฟ นางเทพเสือโคร่งมุกดาก็ถอนหายใจยาว
"เช่นนั้น ข้าจะกลับไปบอกกับท่านแม่ ว่าเจ้าตัดสินใจแล้ว และหวังว่า เจ้าจะไม่ไปดักพบกับพี่ใหญ่อีก"
ผู้ที่มีดวงตาเรียวยาวตวัดตามองผู้ที่รู้ทันเพียงแวบเดียว อีกฝ่ายก็พอจะคาดเดาได้ว่าจิ้งจอกไฟจะต้องหาโอกาสกลับมาหาพี่ชายของนางอีกแน่นอน
"เข้าใจหรือไม่ คำว่าตัดสินใจคืออะไร"
และเมื่อจิ้งจอกไฟหันหน้าไปทางอื่น นางก็นึกถึงที่มารดากล่าวไว้ ว่าจิ้งจอกไฟผู้นี้ใช้คำพูดเกลี้ยกล่อมมิได้
"ที่ข้ามา ก็เพราะคิดว่ายังพอพูดคุยกับเจ้าได้ แต่แท้ที่จริงแล้วมิใช่เลย" และก่อนที่จะกลับไป นางกล่าวทิ้งท้ายไว้อีกประโยค "หวังว่าเจ้าไม่เรียนรู้ความผิดพลาดของตนเอง เมื่อลมหายใจสุดท้ายมาถึง"

เมื่อนางเทพเสือโคร่งมุกดาจากไป จิ้งจอกไฟก็เชิดหน้าขึ้นสูง
เป็นเทพแห่งป่าสีทองแล้วอย่างไร ต้องหลบซ่อนอยู่ในนั้นตลอดไปอีกห้าสิบปี ร้อยปีเพื่ออะไร
ส่วนร่างมนุษย์ แม้จะสวยงาม แต่กลับไม่ได้เหมาะสมกับการใช้ชีวิตอยู่ในป่าเลยสักนิด
จิ้งจอกไฟสร้างที่พักไม่เป็น ทำอาหารแบบมนุษย์ก็ไม่ได้ จึงมักจะอยู่ในร่างของจิ้งจอกไฟตลอดเวลา รวมถึงเวลาที่ไปพบกับนกยูงทองและกวางไพลิน แถวบึงน้ำของกระเรียนโกเมน
แต่หากจะไปเฝ้ามองหาอาเจี้ยนใกล้กับหมู่บ้านนายพรานที่จิ้งจอกไฟจะใช้ร่างมนุษย์ที่งดงาม
จิ้งจอกไฟใช้ร่างนี้ ก็เพราะอาเจี้ยนชอบความงดงามนี้
เท่านั้นจริงๆ 

จิ้งจอกไฟนั่งห้อยเท้าอยู่บนต้นไม้สูงมองอาต๋าและอาเจี้ยนสองพ่อลูกออกมาจับปลาด้วยกัน
แน่ใจว่าในละแวกใกล้เคียงไม่มีผู้อื่นนอกจากสองพ่อลูกคู่นี้
เวลาเพียงไม่กี่ปี อาต๋าก็กลายเป็นชายอายุสี่สิบปีตอนต้นผู้มีผมสองสี พร้อมด้วยใบหน้าชวนมองและร่างกายสูงใหญ่แข็งแรง ขณะที่อาเจี้ยนเป็นชายหนุ่มที่หน้าตาธรรมดายิ่ง และตัวเล็กกว่าบิดามากกว่าหนึ่งคืบ ซึ่งนั่นอาจเป็นสาเหตุที่ทำให้ชายหนุ่มผู้นี้ไม่มีกลิ่นของสตรีติดกาย
เขาอาจมีประสบการณ์เรื่องสตรีอยู่บ้าง เพราะเคยได้กลิ่นแป้งของสตรี
แต่กลิ่นนั้นมันไม่ได้ติดอยู่กับอาเจี้ยนเสมอ แบบที่อาต๋ามักจะมีกลิ่นแป้งแบบหนึ่งติดกายอยู่เสมอ
และมันก็คือกลิ่นที่จิ้งจอกไฟเกลียดชังเป็นอย่างยิ่ง!
ตั้งแต่ตอนที่พบกับอาเจี้ยนครั้งแรก เด็กหนุ่มผู้นี้ก็เล่าถึงทุกคนในหมู่บ้าน จิ้งจอกไฟจึงได้รู้ว่า การที่หาพรานคนที่มีจิตใจโหดร้ายผู้นั้นไม่พบ ก็เพราะเขาถูกคนในชนเผ่านอกเมืองสังหารไปตั้งแต่ปีก่อน
จริงดั่งที่เทพเสือโคร่งศิลาแดงกล่าวไว้ ความแค้นนี้ไม่อาจรอคอยถึงร้อยปี

ในยามบ่ายคล้อยสองคนพ่อลูกช่วยกันเก็บของ บทสนทนาก็เหมือนเดิม คือปลาที่จะนำกลับไปให้มารดา กับของป่าที่จะนำไปให้หัวหน้าหมู่บ้าน
จิ้งจอกไฟปิดปากหาว บิดตัวไล่ความเมื่อยขบก่อนที่จะกระโดดลงจากกิ่งไม้สูง ทำให้สองพ่อลูกหันมามอง
พระอาทิตย์ยามเย็นขับสีเส้นผมกลายเป็นสีแดงเพลิง เป็นทั้งความงดงามผสานความร้อนแรงไว้ในเวลาเดียวกัน
"ฮัว เจ้ามานานแล้วหรือ" อาเจี้ยนเอ่ยทัก แล้วหันไปกล่าวกับบิดา "ท่านพ่อนี่คือฮัวที่ข้าบอกต่อท่าน"
อาต๋าจ้องมองดั่งลืมถ้อยคำ จนจิ้งจอกไฟปรายตามองคราหนึ่งแล้วหันไปยิ้มทักทายกับอาเจี้ยน "ดูเหมือนเจ้าจะลืมนัดของเรา"
"มิใช่นะ" อาเจี้ยนรีบโบกมือ "ข้าตั้งใจว่าจะช่วยบิดาก่อน จากนั้นจึงจะออกมาหาเจ้า"
จิ้งจอกไฟเบือนหน้าไปทางพระอาทิตย์ที่ใกล้จะลับยอดเขา
"นี่ไงเสร็จแล้ว" อาเจี้ยนหันไปบอกกับบิดา "ข้าขอล่วงหน้านำของกลับไปที่หมู่บ้านก่อนนะ"

อาต๋าพยักหน้าให้บุตร แต่เมื่อหันมาหาจิ้งจอกไฟเพื่อไต่ถาม จิ้งจอกไฟก็หายไปแล้ว เมื่อตามมาถึงหมู่บ้านคิดว่าจะพูดคุยกับบุตร ก็ปรากฏว่าเจ้าตัวดีรีบกลับไปที่ป่าแล้วเช่นกัน
ชายหนุ่มหันไปพูดคุยกับภรรยาอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นจึงแบ่งของที่หามาได้ไปให้กับหัวหน้าหมู่บ้าน

เช้าวันถัดมา อาต๋ามาหยุดอยู่ที่ลำธารที่ไม่ได้แวะมาเยือนนานหลายปี ภาพเหตุการณ์เมื่อหลายปีก่อนย้อนกลับมาอีกครั้ง
"จิ้งจอกไฟ"
จิ้งจอกไฟในร่างมนุษย์ก้าวออกมาจากทางด้านหลังของต้นไม้ใหญ่
"เป็นเจ้าจริงๆ"
จิ้งจอกไฟเลิกคิ้วขึ้นสูง "ก็ไม่เคยบอกว่าไม่ใช่"
"เจ้าเป็นเทพแห่งป่าสีทองหรือ"
จิ้งจอกไฟไม่ตอบคำถามนี้ เพราะแม้จะเปลี่ยนร่างได้ แต่ตนก็มิใช่เทพแห่งป่าสีทองอยู่ดี
"ข้า..."
"ท่านสบายดีหรือ"
"สบายดี เจ้าอยู่ที่นี่มาตลอดหรือ"
ใบหน้างดงามที่ก้มหน้าลงมองสายน้ำ เต็มไปด้วยความเหงา
"ข้าเสียใจที่ทำร้ายครอบครัวของเจ้าและทำให้ต้องอยู่ตามลำพังมานานหลายปี"
เมื่อจิ้งจอกไฟยังไม่เอ่ยคำ อาต๋าก็กล่าวต่อไปอีก "หลังจากวันนั้น ข้าก็มาหาเจ้าที่นี่แต่ไม่พบ"
"วันนั้น..." ดวงตางดงามหันกลับมามองในเชิงถาม
"วันที่เจ้าตามไปที่กระท่อมของข้าแล้วพบ เอ่อ...อาเจี้ยนตอนเล็กๆ"
"อ้อ..."
"จิ้งจอกไฟ ข้าเสียใจจริงๆ"
จิ้งจอกไฟเดินไปนั่งที่ขอนไม้ริมน้ำ "อาเจี้ยนเล่าเรื่องของข้าว่าอย่างไรบ้าง"
"เขาเล่าว่าพบคนผู้หนึ่งเรียกว่าฮัวอาศัยอยู่ตามลำพังในป่า จากลักษณะที่เขากล่าวถึงเจ้ายังคิดไปว่า อาจเป็น...."
"ปีศาจ" ดวงตาเศร้าคู่นั้นไม่ละไปจากสายน้ำ
อาต๋ากลับกล่าวปฏิเสธ "ข้าคิดว่าอาจเป็นเทพแห่งป่าสีทองตนอื่น พ่อเฒ่าที่เคยเข้าไปในป่าสีทอง เคยเล่าเรื่องของเทพแห่งป่าสีทองที่สามารถเปลี่ยนร่างเป็นมนุษย์ได้ แต่เพราะมีการผนึกป่ามานานหลายปี ก็คิดว่าหากเทพแห่งป่าสีทองจะออกมาก็น่าจะมีเหตุผลบางอย่าง ข้าจึงบอกอาเจี้ยน ว่าอย่าได้นำเรื่องนี้ไปพูดที่อื่น"
"แล้ว..." จิ้งจอกไฟหันมาสบตากับอาต๋า "ไม่คิดว่าจะเป็นข้าเลยหรือ"
ชายหนุ่มส่ายหน้า "ข้าพบเจ้ากับครอบครัวที่นี่ แล้ว..."
"พวกเราถูกสังหารอย่างง่ายดายจนไม่น่าเชื่อว่าเราจะเป็นสัตว์เทพแห่งป่าสีทอง"
เมื่ออาต๋าพยักหน้ายอมรับ จิ้งจอกไฟก็กล่าวต่อ
"ด้วยเหตุนี้ท่านจึงกังวลว่า พวกท่านอาจลงมือสังหารฝูงจิ้งจอกแห่งป่าสีทอง และจะถูกลงโทษ จึงมาพบข้า"
"ใช่"
"ไม่คิดหรือว่า หากจะถูกลงโทษก็น่าจะเกิดขึ้นนานแล้ว"
"อีกอย่างก็คือ ข้าได้ยินอาเจี้ยนเล่าเรื่องของเจ้ามานานหลายปี แต่ไม่เคยคิดว่าเป็นเจ้า จึงอยากมาพบอยากยืนยันด้วยตนเองว่าเป็นเจ้าจริงๆ"
"ไม่กลัวว่าข้าจะฆ่าท่านที่นี่หรือ"
อาต๋าแบมือที่ปราศจากอาวุธ "ข้ามามือเปล่า เพราะต้องการแสดงความจริงใจ อยากพูดกับเจ้า อยากถามว่า จากวันนั้น ทำไมถึงไม่มาหาข้าอีก"
จิ้งจอกไฟเลิกคิ้วขึ้นสูง
"ท่านมีครอบครัวแล้ว"
"ถึงจะมีครอบครัวแล้วก็ยังมาพบกันได้มิใช่หรือ"
"เพราะเหตุใด"
"ก็...พวกเราเป็นเพื่อนกันมิใช่หรือ"
ที่จริงคำถามคำตอบของอาต๋าก็ตรงไปตรงมา สามารถเข้าใจได้ แต่ยิ่งฟังก็ยิ่งรู้สึกหดหู่ใจในตนเอง
จิ้งจอกไฟส่ายหน้าไม่ยอมรับคำว่าเพื่อนกันของอาต๋า แล้วเปลี่ยนไปคุยเรื่องของอาเจี้ยน "หลายปีก่อนข้าพบอาเจี้ยน เขาคุยสนุกดี แล้วก็รู้เรื่องมากมาย ทำให้การใช้ชีวิตในป่าตามลำพังไม่เงียบเหงาจนเกินไป"
"เจ้ายอมรับบุตรของข้าเป็นเพื่อน แต่ไม่ยอมรับข้าเช่นนั้นหรือ"
จิ้งจอกไฟช้อนตามองอาต๋าแล้วก้มหน้ามองสายน้ำเช่นเดิม
อาต๋าหันมามองใบหน้างดงาม รู้สึกสงสารอย่างบอกไม่ถูก
...ตนเองมีแต่ทำร้ายจิ้งจอกไฟ
...แต่อาเจี้ยนมอบความจริงใจให้ จึงมีความผูกพันเป็นเพื่อนกัน

จิ้งจอกไฟนิ่งไปครู่หนึ่ง ก็เริ่มเล่าเรื่องเพื่อตอกย้ำการกระทำของอาต๋ากับสหายนายพรานของเขา "ท่านและพรรคพวกของท่านล่าฝูงของข้าที่นี่ ข้าจึงหนีไปที่ป่าลึก จากนั้นก็กลับมาดูว่ายังมีใครที่รอดอยู่อีก ทำให้ข้าจดจำท่านได้ เพราะท่านพยายามจะพูดคุยกับข้า เมื่อถูกไล่ล่าเป็นครั้งที่สองข้าก็หนีกลับเข้าไปในป่าสีทอง หลังจากที่พักฟื้นอยู่นานจนหายดีจึงไปดูที่หมู่บ้าน  เพราะคิดว่าน้องของข้าอาจถูกท่านเลี้ยงไว้ แต่กลับพบครอบครัวท่าน ทำให้ตกใจ"
อาต๋าก้มหน้า "เรื่องที่ไล่ล่าครอบครัวของเจ้า เกิดจากชนเผ่าที่นอกนอกด่านต้องการขนสัตว์ พวกเขาอยากได้ขนจิ้งจอก และมีพรานชี้ว่ามีจิ้งจอกฝูงหนึ่งอยู่ใกล้ลำธารซึ่งมีขนสีสวย ราคาดี"
เป็นความจริงที่เจ็บปวดจนต้องหลับตาลง "แล้วจิ้งจอกตัวเล็กๆ นั่นเล่า พวกเขายังเล็กเกินกว่าที่จะทำถุงมือสักคู่หนึ่ง"
"นั่นมัน..."
"หนังพวกเราได้ราคาดีจริงหรือ" ดวงตางดงามคู่นั้นโศกเศร้า บีบคั้นหัวใจคนมองจนแทบหลั่งน้ำตา

ภายในพุ่มไม้ใหญ่ห่างออกมา เทพเสือโคร่งศิลาดำยืนมองภาพของทั้งสองคนที่คุยกันอยู่อีกฝั่งหนึ่งของลำธาร
นับตั้งแต่จิ้งจอกไฟตัดสินที่จะอยู่ที่นี่โดยลำพัง เทพเสือโคร่งศิลาดำก็กลายมาเป็นผู้พิทักษ์ของจิ้งจอกไฟมาโดยตลอด
ยามล่าสัตว์ก็จะช่วยไล่ต้อนกระต่ายสักตัว หรือไก่ป่าสักตัวมาให้ ยามสัตว์ใหญ่เข้ามาใกล้ก็จะช่วยขับไล่ออกไป ยามอากาศเย็นลงก็จะหาใบไม้กิ่งไม้แห้งมาวางไว้ให้ใกล้ๆ แม้ยามเจ็บป่วยก็จะจัดหาสมุนไพรให้เจ้าพวกวิหคคาบมาทิ้งไว้ให้ที่หน้าโพรงจิ้งจอก
คอยเฝ้ามองแม้ในยามที่จิ้งจอกไฟไปรอพบกับอาเจี้ยน ก็จะเบี่ยงเบนความสนใจของพวกนายพรานที่เข้ามาใกล้
โง่งมใช่หรือไม่
นี่มันยิ่งกว่าโง่งม
แต่เมื่อจิ้งจอกไฟพบกับอาต๋า เทพเสือโคร่งศิลาดำกลับมีความไม่พอใจมากขึ้นเรื่อยๆ
ไม่ว่าเวลาจะผ่านไปนานสักเท่าใด จิ้งจอกไฟก็ยังคงมองแต่มนุษย์ผู้นี้อยู่เหมือนเดิม
เหมือนตนเองที่มองแต่เพียงจิ้งจอกไฟ
และเมื่อความไม่พอใจเข้ามาครอบงำ เทพเสือโคร่งศิลาดำก็ก้าวช้าๆ ออกมาจากหลังพุ่มไม้ ส่งพลังอำนาจของเทพเสือโคร่งออกมา
พลังนั้นรุนแรง จนจิ้งจอกไฟที่อยู่ห่างออกไปอีกฝั่งของลำธารยังรู้สึกได้ในทันที จึงรีบลุกขึ้นมายืนขวางอาต๋าไว้
"รีบกลับไปก่อน"
อาต๋าหันมาเห็นเทพเสือโคร่งศิลาดำเต็มตา ทั้งที่รู้ว่าสมควรจะรีบวิ่งหนีไปในทันที แต่ด้วยอำนาจบางอย่างกลับกดดันให้ต้องทำความเคารพแล้วรีบกลับไป
จิ้งจอกไฟจะเปลี่ยนร่างกลับไปเป็นจิ้งจอก แต่เทพเสือโคร่งส่งเสียงคำรามห้ามไว้ เมื่อก้าวมาถึงชายฝั่งก็กระโดดข้ามลำธารมาได้อย่างง่ายดาย
"ท่านพี่"
เมื่อครู่นี้จิ้งจอกไฟ ทั้งพูดและแสดงเพื่อสร้างแรงกดดันให้อาต๋าสำนึกผิดในสิ่งที่ทำลงไป แต่เทพเสือโคร่งศิลาดำที่ยืนอยู่เบื้องหน้า เพียงแค่ยืนอยู่เฉย ๆและมองมา จิ้งจอกไฟก็รู้สึกไร้เรี่ยวแรงทั้งรู้สึกต้องการร่ำไห้
"ท่านพี่..."
เสียงเรียกเป็นครั้งที่สองทำให้เทพเสือโคร่งศิลาดำรู้ตัวว่าหึงหวงจนทำผิดพลาด จึงหันหลังกลับ แต่จิ้งจอกไฟเรียกไว้อีกครา
"ท่านพี่ ข้าขอโทษ"
เทพเสือโคร่งศิลาดำกลืนถ้อยคำมากมายลงไปในอก เมื่อจะกลับออกมาจิ้งจอกไฟก็เปลี่ยนร่างไปเป็นจิ้งจอกไฟแล้วตามไปจนถึงเขตป่าสีทอง
ติดตามกันไปเช่นนี้นานกว่าหนึ่งชั่วยามจนมาถึงลำธารเล็กๆ ซึ่งค่อนมาทางเหนือของป่าสีทอง ทุกสิ่งยังเหมือนเดิมรวมถึงโพรงไม้เดิมที่เทพเสือโคร่งศิลาดำเคยบอกให้จิ้งจอกไฟอยู่ที่นี่ แต่จิ้งจอกไฟก็เกี่ยงงอนว่าห่างไกลจากผู้อื่น
สุดท้ายก็กลับมาที่เดิม
ขณะที่ยืนมองไปรอบๆ ร่างกายสูงใหญ่ของเทพเสือโคร่งก็ก้าวมาทางด้านหลัง แตะจมูกที่ช่องทางด้านหลัง
เพียงเท่านั้นจริงๆ กลิ่นหอมหวานของเพศหญิงก็แผ่ซึมจากผิวหนัง
"ตอนที่มีความต้องการเจ้าไปหาใคร"
จิ้งจอกไฟเหลียวมามอง แต่ถูกขบที่ไหล่เบาๆ
"ข้าไม่เคยมีความต้องการกับผู้ใด"...ไม่เคยเลย
"หืม..."
"มีแต่ท่าน ที่ทำให้ข้าเป็นแบบนี้"
เทพเสือโคร่งภูผารู้ว่านี่คือความจริง ทั้งที่เห็นด้วยตนเอง และจากที่บรรดานกทั้งหลายมารายงานว่าเกิดเรื่องราวใดบ้างในตอนที่ตนเองไม่อยู่
 
...จิ้งจอกไฟตนนี้เย่อหยิ่ง เขาอาจพอใจอาต๋า และสนิทสนมกับอาเจี้ยน แต่ทั้งคู่มิใช่คนที่จิ้งจอกไฟต้องการ...

ฟันคมขบกัดเข้าที่ต้นคออีกครั้งแล้วไล้เลีย กัดซ้ำแล้วเลียอีกครั้ง จากนั้นจึงกดแก่นกายเข้าหา
เสียงร้องด้วยความเจ็บปวดดังก้อง แต่กลิ่นไอของเสือผสานกับความหอมหวานของเพศรส ทำให้ไม่มีสัตว์เทพ หรือสัตว์ป่าตัวใดเข้ามาใกล้
ร่องรอยบาดแผลที่ลำคอ ไหล่ และช่องทางด้านหลังชัดเจนกว่าเดิมเมื่อจิ้งจอกไฟถูกบังคับให้ต้องกลับมาอยู่ในร่างมนุษย์
ตอนเป็นร่างจิ้งจอกไฟรองรับร่างเทพเสือโคร่งศิลาดำก็ว่าหนักหนาแล้ว ยิ่งมาเป็นร่างมนุษย์ที่ต้องรองรับร่างของเทพเสือโคร่งศิลาดำยิ่งเหมือนกับถูกบดขยี้
จิ้งจอกไฟในร่างมนุษย์ไม่กล้าร้องขอ แต่เพราะเทพเสือโคร่งใจอ่อนเอง จึงเปลี่ยนจากการบังคับฝืนใจเป็นการเลียไปทั่วตัว เน้นย้ำอยู่ที่ช่องทางด้านหลังที่บอบช้ำ
ดวงตาเรียวยาวเปียกชุ่มไปด้วยน้ำตา เสียงครางหวานในยามเป็นมนุษย์ช่างยั่วยวนให้ขาดสติได้โดยง่าย
เทพเสือโคร่งศิลาดำเปลี่ยนร่างกลับไปเป็นมนุษย์ ดึงสองมือที่จับรากไม้ไว้แน่นให้คลายออก พลิกหงายร่างกายงดงาม ฟอนเฟ้นและฝากรอยบ่งบอกความเป็นเจ้าของ
ริมฝีปากแดงสดนั่นช่างเชิญชวนให้ลิ้มลอง
จูบร้อนไม่ได้ช่วยบรรเทาความเจ็บเมื่อถูกสอดใส่มากนัก
แต่มันทำให้มัวเมายิ่งไปกว่าเดิม
ต้องการมากขึ้นอีก
มากกว่าเดิม
ขาเรียวยาวเหนี่ยวรั้งสะโพกแกร่ง สองมือโอบกอดไหล่หนาไว้ ไม่อยากให้จากไปไหน
วันและคืนผ่านไปท่ามกลางความลุ่มหลงมัวเมานี้
...
แม้จะอยู่ในป่าด้านนอกเพียงลำพัง แต่จิ้งจอกไฟก็รู้ดีว่า เทพเสือโคร่งศิลาดำจะไม่ปล่อยให้ตนต้องอยู่ตามลำพัง โดยเฉพาะการที่กลับไปอยู่ในถิ่นที่อยู่เดิมที่มีความทรงจำเลวร้าย
นางเทพเสือโคร่งมุกดามอบคำสอนล้ำค่าไว้ว่าหากจะอยู่ตามลำพังใช้ประสาทสัมผัสมากกว่านี้
...ร่างกายนี้แสดงความจำยอมและเป็นของเทพเสือโคร่งศิลาดำ จะมีอาการเตือนทุกคราที่อีกฝ่ายเข้ามาใกล้
ต่อให้เป็นเทพเสือโคร่งที่เป็นหนึ่งเรื่องการพรางตัว แต่อาการที่เกิดขึ้นในทันที ทำให้จิ้งจอกไฟรู้ตัวและลดความเสี่ยงที่จะส่งกลิ่นของเพศหญิงออกมาด้วยการเดินหนีให้ห่างออกมา
ครั้งแรกที่สังเกตพบอาการนี้ก็ยังทำอะไรไม่ค่อยถูก แต่หากเลี่ยงได้สักครั้ง ครั้งต่อไปก็มิใช่เรื่องยาก
ก็แค่อยู่ในพ้นจากพลังคุกคามของอีกฝ่ายเท่านั้น

ส่วนเรื่องของอาต๋า กับอาเจี้ยนสองพ่อลูก
การนัดพบและเฝ้าตามอาเจี้ยนหลายปีมานี้ จะบอกว่าไม่เคยพบกับอาต๋าเลยก็คงเป็นการโกหก
จิ้งจอกไฟเห็นอาต๋าบ่อยกว่าอาเจี้ยนเสียอีก
แต่การเลือกออกมาพบอาต๋าย่อมมีเหตุผล
จิ้งจอกไฟได้ยินมาว่า พวกพรานในหมู่บ้านได้รับคำสั่งจากวังหลวงให้จัดหาสมุนไพรหายากไปถวายฮ่องเต้
แต่ป่าสีทองปิดมานานหลายปีแล้ว
ขณะที่เทพเสือโคร่งภูผา เทพกวางสายฟ้า และเทพอีกหลายคนเริ่มการบำเพ็ญฌาน
ดังนั้นหนทางที่จะหาสมุนไพรนั้นก็ยังพอมีอยู่
เพียงแต่เมื่อฟังโดยละเอียดทำให้รู้ว่า พวกเขามิได้ต้องการสมุนไพร แต่เป็นกระเรียนสีแดง จึงต้องการที่จะซักถามเรื่องนี้ให้แน่ใจก่อนที่จะลงมือ แต่เทพเสือโคร่งศิลาดำก็ปรากฏตัวขึ้นเสียก่อน

...แต่ก็ดี ไอของเทพเสือโคร่งศิลาดำที่ผนึกอยู่ทั่วตัวจะช่วยให้รอดพ้นจากการถูกลงโทษไปได้อีกระยะหนึ่ง

(ต่อ)
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 30-10-2018 18:42:26 โดย MyTeaMeJive »

ออฟไลน์ MyTeaMeJive

  • MyTeaMeJive
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1894
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3313/-9
Sunrise in the forest บทที่37 P38(141061)
«ตอบ #1114 เมื่อ14-10-2018 20:05:50 »

(ต่อ)

วันหนึ่งที่เทพเสือโคร่งศิลาดำต้องกลับไปที่เขตป่าเสือ จิ้งจอกไฟก็ลอบไปหาอาต๋า เพื่อถามคำถามที่ค้างคา
"เจ้าต้องการกระเรียนสีแดง จากป่าสีทองเท่านั้นหรือ"
"ทั่วทั้งไท่ชาง มีเพียงที่ป่าสีทองที่มีกระเรียนสีแดง"
"แต่พวกเขาไม่ย้ายที่อยู่ แล้วพวกเจ้าก็เข้าไปไม่ได้ด้วย"
"แต่นี่เป็นพระบัญชา เพื่อนำไปทำโอสถถวายฮ่องเต้ พระองค์กำลังป่วยหนัก หากปฏิเสธ พวกเราทั้งหมู่บ้านจะต้องโทษประหาร"
จิ้งจอกไฟกัดริมฝีปาก ท่าทางลังเล
"แล้วเจ้ามีคนที่สลายร่างของกระเรียนสีแดงหรือ" จิ้งจอกไฟจึงอธิบายต่อ "กระเรียนในป่าสีทองไม่ว่าจะอยู่ในขั้นใด พวกเขาก็ไม่ใช่ผู้ที่ท่านจะล่าได้โดยง่าย"
อาต๋าพยักหน้า "หัวหน้าหมู่บ้านทำเรื่องนี้ได้ มีเขาและพรานอีกสี่คนที่รับสืบทอดวิชามาจากพรานรุ่นก่อนหน้า"
"วิชาล่าสัตว์เทพน่ะหรือ"
"ใช่" อาต๋ามองสีหน้าฝืนทนของจิ้งจอกไฟก็กล่าวถามด้วยความเป็นห่วง  "เจ้าเป็นอะไรหรือไม่"
"ข้ารู้สึกไม่ค่อยดีน่ะ" มือเรียวงาม ปัดมือที่จะเข้ามาสัมผัสไหล่ "ถ้าไม่ทำก็จะโดนลงโทษจริงหรือ"
ถึงจะอยู่แต่ในป่าสีทอง แต่ก็ใช่ว่าจะไม่รู้เรื่องการลงพระอาญา
ผู้มีอำนาจใช้อำนาจในมือลงอาญาผู้ที่อ่อนแอกว่า
เหมือนกับที่พวกนายพรานได้รับคำสั่งมาจากชนเผ่านอกเมืองแล้วมาไล่ล่าสังหารฝูงจิ้งจอกทั้งฝูงนั่นอย่างไร

...ข้าจะไม่ยอมให้ฮ่องเต้เอาชีวิตพวกเจ้า เพราะผู้ที่จะเอาชีวิตของพวกเจ้าได้มีเพียงข้าเท่านั้น...

"พรุ่งนี้เช้า ไปรอที่บึงน้ำใกล้กับป่าสีทอง" จิ้งจอกไฟกล่าวแล้วจะจากไปในทันที แต่อาต๋าเรียกไว้
"จิ้งจอกไฟ ขอบใจมาก"
จิ้งจอกไฟยิ้มที่มุมปากแล้วตรงไปที่บึงน้ำในป่าสีทอง หลังจากที่ดูลาดเลาอยู่นาน ก็พบกระเรียนสีแดงอายุประมาณสองปีตัวหนึ่งที่แยกออกมาจากฝูง จึงทำทีเข้าไปพูดคุยทำความรู้จัก ทำให้รู้ว่าจิ้งจอกสีแดงตัวนี้มีร่างกายที่อ่อนแอ ถึงขั้นที่เคยถูกทิ้งจะปล่อยให้ตายมาแล้วคราหนึ่ง แต่ได้กระเรียนโกเมนช่วยเลี้ยงดูจนร่างกายแข็งแรงขึ้น
"ข้าเองก็ได้ท่านโกเมนช่วยดูแลมาตั้งแต่แรกที่เข้ามาอยู่ที่นี่ เพียงแต่ในช่วงหลายปีมานี้ข้าอยู่ที่ป่าด้านนอก"
กระเรียนสีแดงตัวน้อยมีสีหน้าท่าทางยินดีเมื่อกล่าวถึงป่าด้านนอก
"นี่ ที่ป่าข้างนอกมีปลาสีเงินตัวเล็กๆ ข้าว่ารสชาติมันดีมากเลยนะเจ้าน่าจะชอบ"
"จริงหรือ" กระเรียนสีแดงกระโดดโลดเต้นด้วยความยินดี "แต่พวกเราไม่ออกไปด้านนอก"
"แค่ป่าด้านนอกนี่เอง" ดวงตายาวเรียวเหลือบตามองผู้ที่อยู่ใกล้เคียง "เราไปแถวลำธารที่อยู่ใกล้แนวป่าให้มากที่สุดก็ได้ ข้าจะไปจับปลามาให้เจ้าเอง"
กระเรียนสีแดงตัวน้อยตกลงด้วยความยินดีอย่างยิ่ง
แต่ในเช้าวันถัดมา จิ้งจอกไฟกลับพบกับท่านกระเรียนโกเมนแทนที่จะเป็นกระเรียนสีแดงตัวน้อย
"เจ้าตัวเล็กไม่ค่อยสบาย แต่บอกว่าเขานัดกับเจ้าไว้"
จิ้งจอกไฟลังเล "พวกเราจะไปหาปลาสีเงินกันน่ะขอรับ"
"ที่ป่าด้านนอกน่ะหรือ"
"ขอรับ สีแดงไม่เคยกิน เมื่อวานก็ย้ำกันหลายคราว่าจะออกไปด้วยกัน" จิ้งจอกไฟแสดงความจริงใจ "ไม่ได้ให้ข้ามไปทางฝั่งโน้นนะขอรับ ข้าไปตามลำพังพอจับได้ก็จะรีบคาบมาให้"
กระเรียนโกเมนนิ่งคิดอยู่ครู่หนึ่งก็พยักหน้า "นำทางไปสิ"
"ท่าน...จะไปหรือขอรับ"
กระเรียนโกเมนก็เป็นผู้ที่มีขนเป็นสีแดงเช่นกัน หากติดตามออกไปอาจตกเป็นเป้าหมายของพรานเหล่านั้น
"ข้ารู้วิธีที่จะเก็บปลาไว้ แล้วมาคายออกให้เจ้าตัวเล็ก ถ้าเป็นเจ้าที่ต้องคาบมากว่าที่จะมาถึงปลาคงเละไม่น่ากินแล้ว"
จิ้งจอกไฟนิ่งคิด หากเลื่อนไปเป็นวันอื่น อาจทำให้เกิดความสงสัยขึ้นได้ จึงนำทางออกไปยังเขตชายป่าที่เป็นจุดนัดหมาย
มีคำพูดมากมายที่อยากกล่าวออกไป
อยากกล่าวว่าไว้วันพรุ่งนี้ หรือรอให้กระเรียนสีแดงหายป่วยแล้วค่อยไปด้วยกันก็ได้ แต่จนแล้วจนรอดก็มิได้กล่าวออกไป
เมื่อเข้าใกล้เขตรอยต่อของป่า จิ้งจอกไฟก็บอกให้กระเรียนโกเมนหยุดรอ
จิ้งจอกไฟมุ่งหน้าไปยังบึงน้ำที่นัดหมายกันไว้
กลิ่นของมนุษย์และเสียงลมหายใจที่อยู่ในมวลอากาศบ่งชี้ว่าหลายคนในกลุ่มนี้คือผู้ที่เคยฆ่าพ่อแม่ และน้องๆ
ซึ่งนั่นหมายความว่าอาต๋าก็รวมอยู่ในกลุ่มนี้ด้วย
จิ้งจอกไฟหยุดฝีเท้า หายใจเข้าลึกๆ แล้วก้าวเดินต่อไป
ด้านกระเรียนโกเมนแม้จะอยู่ในเขตป่าสีทอง แต่ด้วยความเป็นเทพโดยกำเนิดทำให้รับรู้ได้ว่าจิ้งจอกไฟกำลังมุ่งหน้าไปทางที่มีมนุษย์กลุ่มหนึ่งกำลังเคลื่อนเข้ามาใกล้
ความเมตตาของกระเรียนโกเมนชักนำความตายเข้ามาสู่ตนเอง เมื่อผู้อาวุโสกางปีกกว้างบินไล่ตามไปทางเดียวกับจิ้งจอกไฟ เมื่อเห็นว่าอยู่ข้างหน้าก็ร้องบอกให้รีบกลับเข้าไปที่ป่าสีทอง
จิ้งจอกไฟหันมามองด้วยความตกใจ รีบร้องบอกว่าอย่าตามมา
แต่ไม่ทัน!
ตาข่ายมังกรครอบร่างของกระเรียนโกเมนไว้
ร่างเล็กๆ นั่นดิ้นรนอยู่ในตาข่าย ขณะที่ร้องบอกให้จิ้งจอกไฟรีบหนีไป อย่าได้เสียเวลากัดตาข่ายที่มีความเหนียวแน่นนี้
เมื่อหันไปเห็นพรานป่าถืออาวุธพุ่งเข้ามาหา จิ้งจอกไฟจึงวิ่งหนีออกมา
เสียงร้องของกระเรียนโกเมนที่บอกว่า ‘จงวิ่งไปให้ถึงป่าสีทอง อย่าได้หันกลับมา’ ยังก้องอยู่ในหูแม้ว่าจะกลับมาถึงโพรงไม้แห่งนั้น

...จบบทที่สามสิบเจ็ด...

เหลืออีก 2 ตอน จิ้งจอกไฟกับเทพเสือโคร่งศิลาดำยังสามารถโง่งมได้มากกว่านี้อีกนะเออ

อยากอ่านความเห็นของคุณบ้างจัง

น้ำชา
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 14-10-2018 21:03:46 โดย MyTeaMeJive »

ออฟไลน์ B52

  • เป็ดZeus
  • *
  • กระทู้: 13215
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +420/-26
Re: Sunrise in the forest บทที่37 P38(141061)
«ตอบ #1115 เมื่อ14-10-2018 20:33:55 »

 :เฮ้อ:  โง่งม

ออฟไลน์ jj

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 78
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +14/-0
Re: Sunrise in the forest บทที่37 P38(141061)
«ตอบ #1116 เมื่อ14-10-2018 22:56:54 »

555555 ขำน้ำชา 555555
 แต่ก็โง่งม ทั้งคู่ จริงๆ
รอดู จะโง่ได้ถึงไหนกัน

ออฟไลน์ YouandMe

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 502
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +60/-1
Re: Sunrise in the forest บทที่37 P38(141061)
«ตอบ #1117 เมื่อ14-10-2018 23:28:12 »

ในที่สุดก็รู้สาเหตุที่กระเรียนโกเมนหายไป...เป็นเพราะจิ้งจอกไฟนี่เอง   :m31:
ขอยืนยันอีกที...ฉันเกลียดแก...จิ้งจอกไฟ  :angry2:

ออฟไลน์ yunjae_yusoo_mi

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 61
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +7/-0
Re: Sunrise in the forest บทที่37 P38(141061)
«ตอบ #1118 เมื่อ15-10-2018 00:29:42 »

จะฆ่าพรานพวกนั้นด้วยตัวเอง แต่ต้องสังเวยชีวิตผู้อื่นเนี่ยนะ มันใช่หรอ
คำว่า โง่งม อาจจะน้อยไปนะ  :m31:

ออฟไลน์ suck_love

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 780
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +34/-1
Re: Sunrise in the forest บทที่37 P38(141061)
«ตอบ #1119 เมื่อ15-10-2018 01:28:57 »

 :katai1: หมดคำสิเว้า

จิ้งจอกไฟคงต้องโดนโทษร้ายแรง

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Re: Sunrise in the forest บทที่37 P38(141061)
« ตอบ #1119 เมื่อ: 15-10-2018 01:28:57 »
ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ miikii

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1719
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +26/-1
Re: Sunrise in the forest บทที่37 P38(141061)
«ตอบ #1120 เมื่อ15-10-2018 01:46:25 »

อะไรที่ทำให้เป็นได้ขนาดนี้อ่ะ  :katai1: :katai1: :katai1:

ออฟไลน์ phrase

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 196
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +11/-0
Re: Sunrise in the forest บทที่37 P38(141061)
«ตอบ #1121 เมื่อ15-10-2018 08:38:51 »

ยิ่งอ่านยิ่งขัดใจนิสัยของจิ้งจอกไฟ แต่ก็ชอบที่ตัวละครมีความกลมดีค่ะ มีความดีไม่ดีอยู่ในตัว เลยคอยลุ้นไปเรื่อยเลยว่าจุดจบของเรื่องจะเป็นยังไง

ออฟไลน์ dekying kukkig

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1462
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +87/-1
Re: Sunrise in the forest บทที่37 P38(141061)
«ตอบ #1122 เมื่อ15-10-2018 08:42:25 »




 :เฮ้อ:  >>>>ความรักตัวเดียว<<<<<

เป็นความมุ่งมั่นที่เกินเยียวยาจริงๆเจ้าจิ้งจอก   :z3:  :z3:

ทุกอย่างแต่ตั้งแต่แรกที่เรื่องราวมันเป็นมาอย่างนี้ ก็เริ่มมาจากมนุษย์คนที่ต้องรับกรรมไปด้วยก็น่าจะเป็นมนุษย์นะเอาจริง

ความเดือดร้อนที่จะตามมาหลังจากนี้น่าจะสาหัส ก็ขอให้เจ้าจิ้งจอกโชคดีละกันตามประโยคนี้เลย  :เฮ้อ:





"หวังว่าเจ้าไม่เรียนรู้ความผิดพลาดของตนเอง เมื่อลมหายใจสุดท้ายมาถึง"


ออฟไลน์ Billie

  • "Let come what comes, let go what goes and see what remains. That is what is real"
  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3327
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +78/-6
Re: Sunrise in the forest บทที่37 P38(141061)
«ตอบ #1123 เมื่อ15-10-2018 13:57:03 »

 :L2: :pig4:

ออฟไลน์ alternative

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2317
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +285/-3
Re: Sunrise in the forest บทที่37 P38(141061)
«ตอบ #1124 เมื่อ15-10-2018 15:17:35 »

รัก โลภ โกรธ หลง

นำพาความพินาศมาสู่ตนเองและผู้ที่จริงใจ ห่วงใย ช่วยเหลือ

บทเรียนของเจ้าราคาแพงมากนะจิ้งจอกไฟ

ออฟไลน์ dekying kukkig

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1462
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +87/-1
Re: Sunrise in the forest บทที่37 P38(141061)
«ตอบ #1125 เมื่อ17-10-2018 10:19:58 »


พึ่งอ่านตอนใหม่ไปคงไม่เป็นไรเนาะ ถ้าเราจะเข้ามาทวงตอนใหม่   :hao7: 








ออฟไลน์ dekying kukkig

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1462
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +87/-1
Re: Sunrise in the forest บทที่37 P38(141061)
«ตอบ #1126 เมื่อ19-10-2018 16:42:29 »



 :กอด1: มาให้กำลังใจ  :กอด1:


และก็อยากบอกว่าอยากอ่านตอนต่อไปแล้วจ้า  :katai2-1:



ออฟไลน์ MyTeaMeJive

  • MyTeaMeJive
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1894
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3313/-9
Sunrise in the forest บทที่38 P38(191061)
«ตอบ #1127 เมื่อ19-10-2018 18:13:29 »

ภาคจิ้งจอกไฟ
บทที่สามสิบแปด



จิ้งจอกไฟรออยู่ในโพรงไม้อยู่ครึ่งวันยังไม่เห็นว่าเทพเสือโคร่งศิลาดำจะกลับมา ก็ยิ่งเป็นกังวล
เทพเสือโคร่งศิลาดำอาจรู้เรื่องที่ตนเองหลบหนีออกไปพบมนุษย์จึงไม่พอใจ และไม่กลับมาที่โพรงจิ้งจอก 
นี่มิถูกต้อง!
เทพเสือโคร่งศิลาดำเป็นเพียงผู้เดียวในป่าแห่งนี้ ที่สามารถช่วยเหลือตนได้!
จิ้งจอกไฟเร่งเดินทางกลับมาที่เขตป่าเสือพบกับเสือโคร่งที่ทำหน้าที่อารักขาก็แจ้งว่า มีเรื่องร้อนจะมาแจ้งกับเทพเสือโคร่งศิลาดำ
เสือโคร่งผู้อารักขาหายไปครู่หนึ่งเทพเสือโคร่งศิลาดำก็ตามออกมา ยังมิต้องกล่าวอะไร จิ้งจอกไฟก็กล่าวขึ้นก่อน
"ได้โปรด ไปกับข้าสักครู่"
ดวงตาหวาดกลัว ร่างกายสั่นเทาบ่งบอกถึงความกังวล ทำให้เทพเสือโคร่งศิลาดำตามอีกฝ่ายออกมาจนถึงป่าใกล้แนวรอยต่อ จิ้งจอกไฟเหลียวมองไปรอบตัว จนแน่ในว่าบริเวณนี้ไม่มีสัตว์อื่น จึงเล่าเรื่องที่เกิดขึ้น
แต่เรื่องที่บอกไปย่อมมีความจริงหลายอย่างตกหล่นไป

จิ้งจอกไฟพบกระเรียนสีแดงผู้อ่อนแอที่บึงกระเรียนโกเมน จึงชักชวนกันออกไปหาปลาสีเงินที่บึงน้ำในเขตป่าด้านนอก แต่เมื่อถึงเวลาปรากฏว่ากระเรียนโกเมนกลับเดินทางมาและอาสาคาบปลาสีเงินกลับมาให้กระเรียนสีแดง
แต่เมื่อจิ้งจอกไฟข้ามไปในเขตป่าด้านนอก กระเรียนโกเมนก็บินข้ามรอยต่อมาหาเพื่อเตือนภัยว่ามีพรานกำลังโอบล้อมเข้ามา
"เขาร้องบอกให้ข้ารีบหนีมา แต่ตอนนั้นเขาถูกตาข่ายคลุมไว้แล้ว"
เทพเสือโคร่งศิลาดำคำรามเสียงต่ำ ๆ บอกให้จิ้งจอกไฟรออยู่ในที่นี้ ส่วนตนเองรีบเดินทางไปตามที่จิ้งจอกไฟบอก
พื้นที่นี้เหลือเพียงรอยเท้ามากมาย เทพเสือโคร่งศิลาดำจึงตามต่อไปจนถึงหมู่บ้านก็ยังไม่พบกับกระเรียนโกเมน จึงกลับมาหาจิ้งจอกไฟ
เวลายามนี้ล่วงผ่านยามจื่อไปแล้ว ป่าสีทองตกอยู่ในเงียบสงัด เสียงฝีเท้าของเทพเสือโคร่งศิลาดำจึงชัดเจนยิ่ง
"พบท่านผู้เฒ่าหรือไม่"
"ไม่" เทพเสือโคร่งศิลาดำส่ายหน้า
จิ้งจอกไฟร้อนใจยิ่งนัก "ท่านพี่ ทำอย่างไรดี"
เทพเสือโคร่งศิลาดำมองมาโดยไม่ได้เอ่ยถาม
"ท่านพี่ พวกเขาอาจฆ่าท่านผู้เฒ่าก็เป็นได้" จิ้งจอกไฟพรั่งพรูคำพูด "เมื่อ...นานแล้ว ที่ข้าได้ยินเรื่องที่พวกเขาต้องการล่ากระเรียน แต่มันนานมาแล้ว อีกอย่างพวกกระเรียนก็ไม่เคยออกจากป่า ข้าก็ไม่คิดว่าท่านผู้เฒ่าจะตามออกไป หากท่านเทพเสือโคร่งภูผา หรือท่านเทพกวางสายฟ้ารู้ว่าข้าคือสาเหตุ พวกเขาต้องฆ่าข้าแน่ ๆ”
เทพเสือโคร่งศิลาดำ หันไปออกคำสั่ง "กลับไปอยู่ที่โพรงไม้ ห้ามออกมาจนกว่าข้าจะกลับไป"
จิ้งจอกไฟพยักหน้ารับคำสั่ง แล้วรีบกลับไปในทันที
เทพเสือโคร่งศิลาดำสรุปเรื่องราวทั้งหมดด้วยการกระทำที่ผ่านมาของจิ้งจอกไฟ และคำยืนยันของนักป่าที่อยู่ในละแวกใกล้เคียงที่เห็นกระเรียนโกเมนบินตามจิ้งจอกไฟออกไปด้านนอก ได้ยินเสียงร้องบอกให้รีบหนี และสุดท้ายก็คือเทพเสือโคร่งศิลาดำโทษตนเองที่ปล่อยให้เกิดเรื่องขึ้น
ดวงตาสีดำขลับปราศจากสีอื่นเจือปนจ้องมองท้องฟ้า 
ใกล้สว่างแล้ว ลงมือในเวลานี้ไม่ได้ ต้องรออีกคืนหนึ่ง
ในคืนถัดมาชายหนุ่มผู้หนึ่งสวมชุดดำปกปิดใบหน้าถือดาบใหญ่มีตราราชสำนักบุกเข้ามาในหมู่บ้าน สังหารผู้ชายในหมู่บ้านไปหลายคนรวมถึงอาต๋า และหัวหน้าหมู่บ้าน
ผู้คนในหมู่บ้านตั้งข้อสังเกตว่าผู้เสียชีวิตเหล่านี้ล้วนเป็นผู้ที่ล่ากระเรียนสีแดงจากป่าสีทองให้กับคนของทางการ จึงพากันบอกเล่าต่อไปว่า พวกเขาได้ของที่ต้องการไปแล้ว แต่ยังส่งนักฆ่ามาฆ่าคนปิดปาก!
คนของทางการนั้นช่างโหดร้าย
ออกคำสั่งให้ลงมือ เมื่อไม่ลงมือก็ลงโทษ
แต่หากลงมือตามที่สั่ง ก็กลับถูกฆ่าปิดปาก
แล้วนี่อย่าได้คิดไปแจ้งความต่อเจ้าเมืองเชียวนะ เพราะหากเรื่องไปถึงพวกผู้ว่าจ้าง คนที่เหลืออยู่ในเวลานี้อาจต้องถูกฆ่าไปด้วย!
เช่นนั้นก็ย้ายไปอยู่ที่อื่นกันเถอะ หากินกับการเก็บของป่า ล่าสัตว์มานานถึงเวลาที่จะต้องไปหากินในทางอื่น
อาเจี้ยนกับมารดาอยู่จัดงานศพให้กับอาต๋าจนเสร็จก็เก็บข้าวของเพื่อย้ายออกจากบ้าน....เพื่อที่จะย้ายกลับมาในอีกห้าปีให้หลัง....

จิ้งจอกไฟรอเทพเสือโคร่งศิลาดำอยู่ที่โพรงไม้อยู่นานข้ามวัน เทพเสือโคร่งศิลาดำจึงกลับมา
เมื่อมาถึงก็มิได้เอ่ยคำใด แต่ไปแช่ตัวอยู่ในลำธารครึ่งค่อนวัน เพื่อชำระล้างกลิ่นเลือดคาวคลุ้ง จากนั้นก็กลับมานอนพักอยู่หน้าโพรงไม้ ทำตัวเป็นเสือโคร่งเพศผู้ตัวหนึ่งที่ใช้เวลาส่วนใหญ่ไปกับการนอน 
แต่ภายใต้เรื่องราวที่เป็นปกติ ยังมีความเปลี่ยนแปลงหลายอย่าง ที่ทำให้จิ้งจอกไฟรู้ตัวว่าเทพเสือโคร่งศิลาดำกำลังลงโทษตนเองพร้อมไปกับการทำตนเป็นผู้คุมนักโทษคดีอุกฉกรรจ์ผู้หนึ่ง
แล้วนักโทษผู้นั้นจะเป็นผู้ใดไปได้นอกจากจิ้งจอกไฟ

เทพเสือโคร่งผู้นี้มีรูปร่างใหญ่เกินกว่าโพรงไม้ จึงมักจะนอนอยู่ด้านหน้าปิดปากทางโพรงไม้ แต่ที่รู้ตัวว่าผิดปกติ ก็เพราะการที่เทพเสือโคร่งย้ายออกมานอนห่างจากโพรงไม้
ที่ร้ายกว่านั้นก็คือ เจ้าความต้องการที่ควบคุมไม่ได้และมักจะเกิดขึ้นกับเทพเสือโคร่งศิลาดำเพียงผู้เดียว จู่ ๆ ก็เกิดขึ้นอีกครั้ง แต่เมื่อกลิ่นหอมหวานนั้นรุนแรงขึ้น เทพเสือโคร่งศิลาดำกลับลุกหนีออกไป ในช่วงเวลาเพียงครู่เดียว จิ้งจอกหนุ่มหลายตัวก็เริ่มวนเวียนเข้ามาใกล้ แล้วส่งเสียงเรียก
จิ้งจอกไฟได้แต่ขดตัวอยู่ในโพรงไม้
กลัว
กลัวมาก
ท่านรู้หรือไม่ ว่าข้ากลัว
อย่าให้พวกเขาเข้ามาใกล้ข้า
ได้โปรด ขอร้อง ให้ทำอย่างไรก็ได้ โปรดไล่พวกเขาออกไป
ความหวาดกลัวทำให้จิ้งจอกไฟเริ่มตะกุยพื้นดิน และทำร้ายตนเอง เสียงร้องคร่ำครวญนั้นห่างไกลจากความต้องการ เมื่อผสานกับกลิ่นหอมหวานที่อบอวนอยู่ในอากาศ จึงทำให้เกิดบรรยากาศพิลึกพิลั่น
แต่เทพเสือโคร่งศิลาดำก็ยังปล่อยให้บรรดาจิ้งจอกหนุ่มเข้ามาใกล้จนเกือบถึงโพรงไม้ จึงได้ส่งเสียงคำรามขับไล่ แต่กลิ่นหอมหวานก็ยังรั้งหน่วงรั้งให้ถอยห่างออกเพียงไม่กี่ก้าว ทั้งส่งเสียงร้องเรียกให้ออกมาหา จนเทพเสือโคร่งศิลาดำต้องขู่คำรามจึงได้พากันล่าถอยออกไป
จิ้งจอกไฟต้องอยู่กับความทรมานนั้นนานนับชั่วยาม เพราะเทพเสือโคร่งศิลาดำมิได้เข้ามาหา มิได้สนใจเสียงร้องคร่ำครวญ จนกระทั่งสงบลงและหลับไปเองอย่างอ่อนเพลีย
การเฝ้ามองจากที่ตรงนั้น และการปฏิเสธที่จะสัมผัสกันเช่นนั้นมันช่างเจ็บปวด
นอกจากนี้ เทพเสือโคร่งศิลาดำยังไม่พูดด้วยแม้สักครึ่งคำ อาจมองมา หรือมีท่าทีสั่งให้กินอาหาร หรือให้กลับเข้าไปอยู่ในโพรงไม้ในเวลาที่ด้านนอกมีฝนพรำ หรืออากาศหนาวเย็น แต่ไม่เคยมีคำพูด
จิ้งจอกไฟรู้ตัวแล้วว่า จากที่เคยอยู่ในฐานะผู้ที่ได้รับสิทธิ์พิเศษ แต่เวลานี้กลับกลายเป็นนักโทษผู้หนึ่ง
วันหนึ่งนกยูงทองกับกวางไพลินชักชวนกันมาเยี่ยม
ทั้งคู่ดูระมัดระวังเมื่อเห็นว่าเทพเสือโคร่งศิลาดำอยู่ในที่นี้ด้วย
กวางไพลินระมัดระวังก็เพราะอีกฝ่ายเป็นเสือโคร่ง
ส่วนนกยูงทอง...เรื่องที่เทพเสือโคร่งศิลาดำทำอะไรกับจิ้งจอกไฟเมื่อหลายวันก่อน มีหรือที่นกยูงทองจะไม่รู้
กวางไพลินอาจไม่รู้เพราะนางเป็นสตรี...เรื่องแบบนี้เขาไม่เล่าให้สตรีฟังกันหรอกใช่ไหม 
แต่นกยูงทองผู้เป็นมิตรกับเหล่านกทั้งป่ารู้เรื่องนี้ละเอียดประหนึ่งซ่อนตัวอยู่ใต้ขอนไม้ใหญ่ที่เทพเสือโคร่งศิลาดำนอนอยู่ทีเดียว
ดังนั้นเมื่อมาถึงกวางไพลินจึงเป็นผู้ที่กล่าวกับเทพเสือโคร่งตัวใหญ่ที่นอนขวางทาง
"ขอพวกเราเข้าไปหาจิ้งจอกไฟได้หรือไม่"
ครั้นเทพเสือโคร่งพยักหน้า นกยูงทองก็ต่อรองทันที
"ขอออกไปคุยกันที่ทุ่งดอกหญ้าสีขาวได้หรือไม่" มันน่าจะปลอดภัยสำหรับทุกคนมากกว่าการคุยกันที่นี่ "ออกไปแค่ไม่กี่ก้าวเอง จะหวงไปทำไมนักหนา" พูดจบก็รีบวิ่งผ่านเข้าไปหาจิ้งจอกไฟ แล้วชักชวนกันออกมาด้านนอก

ทุ่งดอกหญ้าสีขาวอยู่ห่างไปไม่กี่ก้าวจริง  และเทพเสือโคร่งศิลาดำรู้ว่าสหายต้องการพูดคุยกันเป็นการส่วนตัว แต่เทพเสือโคร่งก็ยังลอบใช้พลังฟังการสนทนากันของสหายทั้งสาม
จริงดั่งคาด สหายตัวเล็กทั้งสองมาเพื่อสอบถามสองเรื่อง คือเรื่องที่กระเรียนโกเมนหายไป กับเรื่องที่มีการสังหารพรานหลายคนในหมู่บ้าน
และเมื่อจิ้งจอกไฟมีสีหน้าตื่นตกใจ นกยูงทองก็รู้สึกโมโห
"ที่ตกใจนี่คืออันใด ห่วงคนพวกนั้นใช่หรือไม่ ห่วงตัวเองก่อนไม่ดีหรือไง" เพราะมัวแต่เป็นห่วงมนุษย์พวกนั้น ถึงได้ถูกเทพเสือโคร่งศิลาดำลงโทษเช่นนั้น เมื่อไหร่เจ้าจะรู้ตัวสักทีนะ ว่าใครคือคนที่ควรทำดีด้วย!
"ก็..."
"ข้ารู้นะว่าเจ้าเป็นห่วงคนพวกนั้น มิใช่ท่านกระเรียนโกเมน"
"ก็ห่วงทั้งสองฝ่ายที่เจ้าว่ามานั่นแหละ"
ก่อนที่ทั้งคู่จะทะเลาะกัน กวางไพลินต้องเข้ามาแทรกไว้ก่อน
"เจ้ารู้เรื่องที่เกิดขึ้นหมู่บ้านหรือไม่"
จิ้งจอกไฟส่ายหน้า
ถึงจะอยู่กันตามลำพังเช่นนี้มาหลายวัน แต่เทพเสือโคร่งศิลาดำมิได้บอกเล่าเรื่องราวสักคำ แถมจิ้งจอกไฟเองก็มิกล้าถาม แล้วจะรู้ได้อย่างไร
กวางไพลินขอเป็นผู้เล่าเรื่อง เพราะหากปล่อยให้นกยูงทองเล่า อาจได้ฟังคำบ่นสามคำ แล้วก็ไปบอกเล่าเรื่องอื่นที่ไม่เกี่ยวข้องอีกครึ่งวันกว่าที่จะพูดเรื่องที่ทำให้ต้องมาพบกับจิ้งจอกไฟในวันนี้
สรุปก็คือ กระเรียนโกเมนหายไป และหลังจากนั้นสองวันก็เกิดเหตุร้ายแรงที่หมู่บ้าน จากที่พวกนกป่าไปลอบฟังการสนทนาที่หมู่บ้านได้ยินว่าพูดถึงคำสั่งของทางการ และการฆ่าปิดปาก
"ฆ่าปิดปากหรือ"
"ใช่!" สหายทั้งสองพูดพร้อมกัน
"แสดงว่าสองเรื่องนี้เกี่ยวพันกันหรือ" จิ้งจอกไฟพูดกับตัวเอง เพื่อยืนยันกับตัวเองอีกครั้งแต่เมื่อสหายทั้งสองที่ไม่รู้เรื่องราวอันใด และมาเพราะมีความหวังดีก็เลยได้แต่หันไปทางเทพเสือโคร่งศิลาดำที่เฝ้ามองอยู่ห่าง ๆ
"มนุษย์พวกนี้โหดร้ายนัก ไล่ล่าพวกเรา แล้วก็ไล่ล่ากันเอง เจ้าน่ะตัวดีชอบนักพวกมนุษย์ เผลอเป็นไม่ได้คอยแต่จะไปเฝ้ามองพวกเขา พวกเจ็บไม่รู้จักจำ" นกยูงทองลอยหน้าลอยตากล่าวคำตำหนิ
แม้จะอยู่ห่างกัน แต่ก็มองเห็นว่าเทพเสือโคร่งศิลาดำพยักหน้าเล็กน้อย ดังนั้นจิ้งจอกไฟจึงปล่อยให้นกยูงทองว่ากล่าวไปเรื่อย

เทพเสือโคร่งศิลาดำไม่ได้อยู่เฝ้าจิ้งจอกไฟตลอดเวลา เพราะเขาเองก็มีเรื่องต้องให้ไปจัดการ และต้องบำเพ็ญฌานเช่นกัน แต่ในช่วงเวลาเหล่านี้ จิ้งจอกไฟก็ยังคงอยู่ที่โพรงไม้แห่งนั้น
เรื่องที่ตั้งใจไว้ก็ทำไปแล้ว หลังจากนี้ก็มีแต่ยอมทำตามคำสั่งของอีกฝ่ายแต่โดยดี

เมื่อเทพเสือโคร่งศิลาแดงออกจากฌานแล้วพักฟื้นได้เพียงครึ่งวัน ก็มาหาพี่ใหญ่ที่ถ้ำยาของบิดา
เมื่อพบหน้ากันเทพเสือโคร่งศิลาแดงแสดงความเคารพขั้นสูงสุดด้วยการยอบตัวแทบเท้าของพี่ใหญ่
“ขอบคุณพี่ใหญ่ ด้วยสัจจะแห่งเทพเสือโคร่งศิลาแดง ข้าขอรับใช้ท่านจนลมหายใจสุดท้าย”
เทพเสือโคร่งศิลาดำส่งเสียงคำรามต่ำ ๆ แล้วบอกให้น้องรองกลับไปพักผ่อน
ไม่จำเป็นต้องกล่าวคำเตือนว่า อย่าได้พูดเรื่องบางอย่างออกไป เพราะเทพเสือโคร่งผู้เป็นน้องชายย่อมรู้ดี

บรรยากาศความกังวลภายในป่าสีทองดำเนินไปไม่นานนัก ความสนใจของบรรดาสัตว์ตัวเล็กตัวน้อยก็เปลี่ยนไปเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นในระหว่างเทพสัตว์ป่าระดับสูงกำลังบำเพ็ญฌาน
สัตว์เทพเหล่านี้บำเพ็ญฌานกันมาหลายปีแล้ว และในกลุ่มนี้ยังมีเทพเสือโคร่งภูผา และเทพกวางสายฟ้ารวมอยู่ด้วย แต่ในวันหนึ่งเทพเสือโคร่งภูผาก็ลอบออกมาหานางเทพกวางสายลมและใช้เวลาอยู่ด้วยกันหลายวัน จากนั้นเทพเสือโคร่งภูผาก็กลับไปบำเพ็ญฌานต่อ ส่วนนางเทพกวางสายลมกลับไปที่เขตป่ากวางเทพ
เวลาผ่านไปนานหลายเดือน นางเทพเสือโคร่งบงกชที่บำเพ็ญฌานจึงเพิ่งจะทราบเรื่อง 
ตอนที่นางละจากฌานมาหานางเทพกวางถึงเขตป่ากวาง ทุกคนต่างก็คาดคิดว่าจะเกิดเรื่องใหญ่ขึ้นแน่ แต่พวกนางก็เพียงแค่พูดคุยกันอยู่นาน จากนั้นนางเทพเสือก็กลับไปบำเพ็ญฌานต่อ
ส่วนนางเทพกวางละการฝึกเพียงเท่านั้น ในเวลานั้นแหละที่ว่ากันว่า ที่นางต้องละฌานก็เพราะนางตั้งครรภ์
เรื่องนี้น่าสนใจมาก เพราะมีช่องว่างอยู่มากมาย ผู้ใด อะไร เช่นใดกัน ทั้งมีช่องทางให้คาดเดาต่อไปอีกมากมาย มีคำถามมากมายที่ไม่มีใครกล้าหาญไปสอบถามทั้งเทพทั้งสาม
...ไม่สิ ต้องเป็นเทพทั้งสี่เพราะนี่ย่อมเกี่ยวข้องกับเทพกวางสายฟ้าด้วยเช่นกัน

อย่างไรก็ตามเนื่องจากเทพเสือโคร่งภูผาละการบำเพ็ญฌานออกมาหลายวัน เขาจึงสิ้นสุดการบำเพ็ญฌานช้ากว่าเทพกวางสายฟ้า แต่เทพกวางสายฟ้าเมื่อออกมาแล้วรู้ว่าเกิดอะไรขึ้น ก็กลับเข้าไปบำเพ็ญฌานอีกครา
ดูท่าว่าเรื่องนี้จะยื้อเยื้อและดำเนินไปถึงจุดแตกหัก แต่ก็มิใช่อีก
เพราะเทพกวางสายฟ้ากลับเข้าไปบำเพ็ญฌานได้ไม่กี่วัน นางเทพกวางสายสมก็ให้กำเนิดบุตร
เขาเป็นกวางทองที่ตัวเล็กมาก อ่อนแอมาก เทพกวางทั้งสองพยายามอย่างเต็มที่เพื่อที่จะรักษาชีวิตน้อย ๆ นี้ไว้

แต่ในวันที่กวางทองถือกำเนิดก็คือวันของการปลดปล่อยจิ้งจอกไฟเช่นกัน
ตั้งแต่นางเทพกวางมีอาการเตือนว่าจะให้กำเนิดลูก กวางไพลินที่ตื่นเต้นยินดี ที่จะมีน้องสาวหรือน้องชายมาเพิ่มอีกหนึ่ง รีบมาเร่งให้นกยูงทองกับจิ้งจอกไฟไปรอต้อนรับน้องน้อยของนางด้วยกัน
สหายทั้งสองก็ตามไปด้วย
ตอนนั้นเอง ที่นกยูงทองหันไปเรียกกวางไพลินว่าพี่หญิง แล้วหันมาเร่งให้จิ้งจอกไฟเรียกกวางไพลินว่าพี่หญิงไปด้วยกัน
นกยูงทอง จิ้งจอกไฟ และกวางทองจึงกลายเป็นสหายรุ่นเดียวกัน และมีกวางไพลินเป็นพี่หญิง

เมื่อจะกลับมาที่โพรงไม้ เทพเสือโคร่งศิลาดำจึงเปิดปากกล่าวคำแนะนำ "กวางทองตัวนั้นมีพลังวิเศษที่ติดตัวมาแต่กำเนิดและด้วยผนึกของป่าสีทองทำให้พลังในทางดีของเขาเพิ่มพูน  เมื่อรวมกับนกยูงทอง นี่จะยิ่งเป็นผลดีกับเจ้า" ดวงตาสีเหลืองเข้มมองมา "จากนี้จงไปอยู่กับพวกเขา"
"ไปอยู่ หมายความว่าอย่างไร"
"เจ้าสามารถดูแลตัวเองได้ ไม่ต้องพึ่งพิงข้าอีกต่อไป"
"แต่..."
“หรือเจ้ามิเชื่อฟังข้าแล้ว”
จิ้งจอกไฟก้มหน้าลง “ข้าย่อมเชื่อฟังท่าน”
“ดี นับจากวันนี้ จงทำในสิ่งที่เจ้าอยากทำ แต่อย่าพูดกับข้าแม้สักครึ่งคำ”
ดวงตางดงามเงยขึ้นสบตา...ดวงตาสีดำสนิทคู่นั้น
เทพเสือโคร่งศิลาดำรู้สึกว่ากวางไพลินกำลังมาทางนี้ จึงรอให้นางเข้ามาใกล้จนกระทั่งได้ยินการสนทนา
"เมื่อเจ้าเลือกแล้ว ก็ตามแต่ใจเจ้า"

ในตอนนั้นจิ้งจอกไฟไม่เข้าใจว่าเทพเสือโคร่งศิลาดำกำลังคิดอะไรอยู่
แต่รู้ว่าคำสั่งที่บอกให้อยู่ใกล้กับกวางทองตัวน้อยเป็นเรื่องดียิ่ง เพราะทำให้ไม่ต้องหวาดกลัว และกังวลเรื่องราวใด แต่เพราะตนเองเป็นจิ้งจอก การอยู่ติดกับกวางทองตลอดเวลาอาจทำให้นางเทพกวางสายลมเกิดความระแวง นอกจากนี้กวางทองก็ยังไม่แข็งแรง ทำให้ผู้เป็นมารดายิ่งเข้มงวดในการดูแล
เทพเสือโคร่งภูผาที่ต้องคอยมาแอบมองบุตรที่อยู่ในฝูงกวางช่างน่าเห็นใจ
จิ้งจอกไฟมิได้มีเจตนาร้าย เพียงแค่ในวันหนึ่งที่กวางไพลินหลับอยู่จึงชักชวนให้กวางทองออกมาข้างนอกด้วยกัน แสงแดดอาจทำให้กวางทองตัวน้อยแข็งแรงขึ้น แต่กลับทำให้กวางทองป่วยหนัก เทพกวางทั้งสองต้องร้องขอให้เทพเสือโคร่งภูผากลับมารักษา
เทพเสือโคร่งภูผาเดินทางไปกลับป่าสีทองกับเมืองหลวงอยู่หลายครั้ง แต่เทพเสือโคร่งศิลาดำกลับต้องเดินทางไปทั่วแผ่นดินไท่ชางเพื่อช่วยงานของบิดา แม้แต่ในตอนที่กวางทองต้องขึ้นไปฝึกกับท่านเทพสูงสุดที่ยอดเขา ทำให้เทพเสือโคร่งภูผาอยู่ที่เมืองหลวงนานขึ้น เทพเสือโคร่งศิลาดำก็มิได้กลับมา
ความรู้สึกของจิ้งจอกไฟก็กลายไปเป็นความไม่พอใจอย่างแท้จริง
เขาช่วยข้าไว้ครั้งแล้วครั้งเล่าก็จริง แต่เขาก็ควรถามข้าบ้างว่าเรื่องราวมันเป็นเช่นใด และข้าเองก็สมควรรู้บ้างว่าเขากำลังทำอะไรอยู่
จากนั้นความรู้สึกก็เปลี่ยนเป็นความเฉยชา
ลืมไปแล้วหรือว่า เขาเป็นเทพเสือโคร่งที่ถูกคู่ทอดทิ้งมาแล้วหลายครา
และเมื่อในครั้งนี้เขาเป็นฝ่ายที่ปล่อยข้าไป ดังนั้นก็ไม่มีความจำเป็นที่ข้าจะต้องตั้งคำถาม หรือตั้งตารอคอย
ต่อมาเมื่อเทพเสือโคร่งศิลาดำกลับมาที่ป่าสีทอง จิ้งจอกไฟจึงเจตนาหลีกเลี่ยงที่จะพบเจอ
เทพเสือโคร่งภูผาผู้รู้ใจบุตรชายก็กลับมอบหน้าที่ให้คอยเฝ้าดูแลกวางทองเสียอีก
...บางทีก็คาดเดาความคิดของพวกเขาได้ยาก ว่าต้องการอันใดกันแน่...
อย่างไรก็ตาม การที่จิ้งจอกไฟมีท่าทีเมินเฉยกับเทพเสือโคร่งศิลาดำอาจเป็นสิ่งที่เขาต้องการ
เพราะยิ่งห่างกันก็ยิ่งลดความเสี่ยงที่จะถูกลงโทษ
แต่ในขณะที่ความสงสัยในเงื่อนงำที่ทำให้ต้องสูญเสียกระเรียนโกเมนจางลงไป ในวันหนึ่งเหล่านกป่าก็มาแจ้งข่าวว่ามีพรานเข้ามาล่ากระเรียนในป่าสีทอง ซึ่งทำให้สัตว์ทุกตัวต่างประหลาดใจเพราะป่าสีทองถูกปิดผนึกมาหลายปี แต่พรานผู้นี้ยังสามารถลอบเข้ามาได้
ขณะที่สัตว์ทุกตัวพากันตั้งข้อสงสัยมากมาย จิ้งจอกไฟกำลังคิดทบทวน
ต้องเป็นคนในหมู่บ้านพรานทางฝั่งตะวันตกที่รู้วิธีที่จะเข้ามาในที่นี้ได้
หลายปีมานี้ลักลอบออกไปที่หมู่บ้านแห่งนั้นหลายครั้ง แต่ก็พบว่าเป็นคนกลุ่มใหม่ที่ย้ายเข้ามาอยู่ จึงแวะเวียนไปดูผู้คนในหมู่บ้านอื่นต่อไป ทำให้ถูกนกยูงทองตำหนิอยู่เสมอว่าชอบพอมนุษย์ไม่เปลี่ยนแปลง เมื่อได้ยินเรื่องนี้อีกครั้ง จิ้งจอกไฟก็ต้องเตือนตนเองว่าไม่ควรจะออกไปที่หมู่บ้านนั้นอีก การที่พรานป่าสามารถบุกรุกเข้ามาล่ากระเรียนสีขาวสองตัวโดยที่นกป่าไม่มาแจ้งเตือนนี่ยิ่งควรต้องอยู่ห่างให้มาก
ที่สำคัญคือ ในเมื่อตนเองที่อ่อนอาวุโสยังคิดเรื่องนี้ได้ บรรดาเทพสัตว์ป่าทั้งหลายก็ยิ่งสมควรรู้เช่นกันจึงได้แต่ปิดปากไว้
ต่อมาหยางหลงเจ้าเมืองลั่วเข้ามาในป่าสีทองเพื่อขอพบกับกวางทอง จากนั้นก็เป็นรองแม่ทัพเฉินอวี้ที่มากับเทพเสือโคร่งภูผา
มนุษย์คู่นี้มีอำนาจที่แตกต่างกัน
หยางหลงมีอำนาจ และความยิ่งใหญ่แฝงมาด้วย แต่ดูท่าเขาจะไม่ได้สนใจในเรื่องนั้นสักเท่าใด สิ่งเดียวที่เขาสนใจก็คือกวางทอง
เฉินอวี้ คนผู้นี้คืออวี้-หยก เยือกเย็น แข็งแกร่ง ทั้งที่มีทีท่าว่าจะเข้ากับผู้อื่นได้ดี แต่ก็เหมือนห่างเหินในเวลาเดียวกัน
ทั้งสองคนแตกต่างกับทุกคนในหมู่บ้านนั้นเหมือน...เหมือนมังกรกับมดปลวก เหมือนหยกกับดินโคลน
มนุษย์ก็สามารถมีพลังเช่นนี้ได้ด้วยหรือ

จิ้งจอกไฟเพียงแค่มองด้วยความสงสัย ยังไม่ทันจะออกปากแสดงความเห็นใด ๆ นกยูงทองก็โวยวายว่า จิ้งจอกไฟยังสนใจแต่มนุษย์ไม่เปลี่ยนแปร
แต่ในเวลาที่นกยูงทองโวยวาย ก็มิได้เฉพาะเจาะจงลงไปชัดเจนว่ามนุษย์ที่เอ่ยถึงนั้นคือใคร แล้วจิ้งจอกไฟก็เบื่อที่จะชี้แจง อยากโวยวายอะไรก็ตามใจ โกรธกันได้ไม่ถึงครึ่งวันก็กลับมาพูดคุยกันใหม่
ส่วนเรื่องของเทพเสือโคร่งศิลาดำ มาถึงจุดที่ว่า หากการอยู่ด้วยกันแล้วจะนำความเดือดร้อนมาให้ ก็สมควรอยู่ในฐานะต่างฝ่ายต่างลอบมองกันไปเช่นนี้ก็ได้
จิ้งจอกไฟไม่เคยรู้เลยว่า ความสงบที่เกิดขึ้นกับตนเองนั้น เป็นผลมาจากกวางทอง เพราะรู้แต่เพียงว่าการอยู่ใกล้กับสหายผู้นี้มีความสบายใจ ไม่ต้องกังวลกับเรื่องราวใด แต่กวางทองก็พบคู่ของเขาแล้ว ทั้งยังต้องเร่งฝึกฝนเพื่อพัฒนาตนเอง จะไปคอยตามติดเหมือนที่ผ่านมาก็มิได้แล้ว
...
เทพเสือโคร่งภูผาไม่เคยละวางเรื่องการสืบค้นว่าใครคือผู้สังหารกระเรียนโกเมน ต่อให้การตามหานั้นจะวกวนและยอกย้อนจนเสียเวลาไปนานหลายปี ด้วยฝีมือของเทพเสือโคร่งศิลาดำผู้เป็นบุตรชาย และยังเป็นผู้ที่อยู่เบื้องหลังเรื่องราวทั้งหมด

ไม่มีเหตุการณ์ใดในเรื่องนี้ที่เป็นเรื่องบังเอิญ เทพเสือโคร่งศิลาดำผู้เงียบขรึมเพียงแค่ใช้ความอดทน และการเคลื่อนไหวท่ามกลางความเงียบ ทำตนเป็นดั่งเงาของบิดา เมื่อมีโอกาสก็ชักจูงเรื่องราวให้เดินไปในทางที่ตนต้องการโดยมีเป้าหมายเพียงอย่างเดียวคือถ่วงเวลาจนกว่าจะถึงวันที่จิ้งจอกไฟจะมีความเข้มแข็งมากพอที่จะอยู่ตามลำพังได้

เทพเสือโคร่งศิลาดำรู้มานานแล้วว่าหนานกงเผิงเป็นผู้ให้คำแนะนำแก่แพทย์หลวงหนานกง แต่เมื่อถึงเวลาที่เหมาะสมจึงบอกต่อบิดา เพื่อให้ไปพบกับนาง ที่ผิดพลาดก็คือการที่นางฆ่าตัวตาย และมีผลมาถึงกำลังใจของเฉินอวี้ไปด้วย
สำหรับเทพเสือโคร่งศิลาดำแล้ว เฉินอวี้คือมนุษย์ผู้หนึ่งที่มีความสามารถรอบด้าน ในแต่ละวันพบเจอผู้คนมากมาย ได้รับความเคารพและมีคนคอยเอาใจอยู่ตลอด จะมาผูกพันอันใดกับเทพเสือโคร่งผู้หนึ่งที่วิ่งพล่านไปทั่วเมือง
แต่ความรักของเฉินอวี้ที่มีต่อเทพเสือโคร่งภูผากลับลึกซึ้งและยิ่งใหญ่มากนัก
ความหวั่นไหวของเฉินอวี้ที่พอกพูนมากขึ้นเรื่อยๆ  ยังมีผลต่อเนื่องไปถึงบุคคลรอบตัวด้วยเช่นกัน เทพเสือโคร่งศิลาดำจึงต้องพยายามชักจูงให้เทพเสือโคร่งภูผาอยู่ห่างจากป่าสีทอง
เพราะหากกลับมา ก็อาจล่วงรู้เรื่องราวทั้งหมดได้โดยง่าย
คำตอบของเรื่องนี้มิได้อยู่ที่เมืองหลวง แต่อยู่ในป่าสีทอง อยู่ข้างกายของกวางทองบุตรผู้เป็นที่รักยิ่ง
ยิ่งนานวัน เทพเสือโคร่งศิลาดำยิ่งมั่นใจ กวางทองเป็นผู้เดียวที่จะรักษาชีวิตของจิ้งจอกไฟไว้ได้
เมื่อถึงวันหนึ่งเทพเสือโคร่งภูผา และเทพกวางสายฟ้าย่อมล่วงรู้ว่าจิ้งจอกไฟล่อลวงสหายของพวกเขาออกไปให้พรานเหล่านั้นสลายร่างเพื่อนำไปปรุงโอสถถวายฮ่องเต้ แต่เมื่อวันนั้นมาถึง กวางทองจะต้องช่วยให้จิ้งจอกไฟรอด!
ช่วงเวลายาวนานหลายปีของการทำหน้าที่ประสานงานกับฮ่องเต้ มาจนถึงการดูแลเฉินอวี้
เทพเสือโคร่งศิลาดำไม่ได้เป็นแค่เทพเสือโคร่งที่รู้แต่การรับฟังคำสั่ง แต่เขาย่อมทำความรู้จักคุ้นเคย ให้คำแนะนำไปหลายเรื่องต่อเฉินอวี้ รวมถึงการถวายคำแนะนำต่อฮ่องเต้ด้วย
เทพเสือโคร่งภูผามักภูมิใจว่าบุตรผู้นี้มีลักษณะเหมือนกับตน แต่ทั้งเฉินอวี้ และฮ่องเต้ต่างก็รู้แต่แรกว่าไม่เหมือน
ก็มิเป็นไร จะรู้หรือไม่รู้เทพเสือโคร่งศิลาดำก็สามารถทำงานทุกอย่างให้เป็นไปตามเป้าหมายได้เหมือนกัน
การเปลี่ยนตัวผู้แทนเมืองลั่ว จากหยางเฉิง เป็นหยางไห่ก็เป็นหนึ่งในคำแนะนำของเทพเสือโคร่งศิลาดำ
แต่การที่พระองค์ต้องการแฝดเมืองลั่วมาด้วยนั้น เป็นเรื่องที่ยอมไม่ได้ เพราะการให้ผู้มีผนึกของป่าสีทองออกมาจากเมืองลั่วก็คือการส่งมาตาย ดังนั้นเขาจึงลอบสนับสนุนหยางหลงเมื่อต้องเปลี่ยนร่างต่อหน้าฮ่องเต้
เบื้องหลังของการแสดงฉากนั้นย่อมมีเทพเสือโคร่งภูผากับเทพกวางสายฟ้าคอยดูแลอยู่ แต่เมื่อมีเทพเสือโคร่งศิลาดำละครฉากนี้ก็ยิ่งสมบูรณ์แบบกว่าเดิม
จากนั้นเทพเสือโคร่งศิลาดำก็ชักจูงเรื่องราวให้หันไปทางเมืองเหอ
เพราะมันถึงเวลาที่จะต้องจัดการเรื่องราวที่เมืองนี้ให้สิ้นซาก 
และเมื่อเฉินอวี้หมดกำลังใจจนใกล้จะถึงที่สุด ก็ให้ถวายคำแนะนำฮ่องเต้อีกครั้งในการส่งรองแม่ทัพเฉินอวี้ไปที่หมู่บ้านนอกด่าน
นั่นคือหมู่บ้านที่มีคำสั่งให้พรานในหมู่บ้านออกล่าฝูงจิ้งจอกเมื่อหลายปีก่อน
แล้วกำลังใจของรองแม่ทัพเฉินอวี้ก็หมดลงที่หมู่บ้านแห่งนั้นตามความคาดหมาย
จากนั้นเฉินอวี้ก็กลับมาที่ป่าสีทอง
เมื่อเรื่องราวทั้งหมดกลับมาที่จุดเริ่มต้น เทพเสือโคร่งศิลาดำจึงเหลือสิ่งที่ต้องทำอีกเพียงเล็กน้อย
นั่นคือเดินเข้าไปกล่าวคำสารภาพสิ่งที่ทำลงไปทั้งหมดต่อเทพทั้งสี่ โดยมีหยางหลงกับกวางทองร่วมรับฟังอยู่ด้วย

จะอยู่หรือจะตายล้วนขึ้นอยู่กับกวางทองผู้นี้แล้ว....

...จบบทที่สามสิบแปด...
ตะเอง เราขอโทษ อีก 2 ตอนถึงจะจบ
เราแบ่งตอนผิด :ling2:
รีพลายให้เราหน่อยนะ
น้ำชาเอง
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 20-10-2018 18:45:14 โดย MyTeaMeJive »

ออฟไลน์ B52

  • เป็ดZeus
  • *
  • กระทู้: 13215
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +420/-26
Re: Sunrise in the forest บทที่38 P38(191061)
«ตอบ #1128 เมื่อ19-10-2018 19:57:59 »

รู้สึกใช้พลังมากมายในการอ่านและลำดับเรื่องราว  :pig4:

ออฟไลน์ river

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2398
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +231/-3
Re: Sunrise in the forest บทที่38 P38(191061)
«ตอบ #1129 เมื่อ19-10-2018 21:57:09 »

สุดยอดมาก

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Re: Sunrise in the forest บทที่38 P38(191061)
« ตอบ #1129 เมื่อ: 19-10-2018 21:57:09 »





ออฟไลน์ YouandMe

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 502
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +60/-1
Re: Sunrise in the forest บทที่38 P38(191061)
«ตอบ #1130 เมื่อ20-10-2018 00:02:40 »

อ่านไปก็พยายามทำความเข้าใจไป  :serius2:

จิ้งจอกไฟมีค่าควรให้ปกป้องขนาดนั้นเลยหรือ?  :m16:

ออฟไลน์ jj

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 78
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +14/-0
Re: Sunrise in the forest บทที่38 P38(191061)
«ตอบ #1131 เมื่อ20-10-2018 01:39:04 »

โอยยยยยเหนื่อยยยย
เพื่อความเข้าใจและชัดเจน
ขอย้อนกลับไปอ่านตอนก่อนหน้าซัก 2-3 ตอนก่อนนะ

แต่ก็ให้นึกสงสัย
เทพเสือโคร่งศิลาดำ ทำไมถึงต้องทำอะไรมากมายขนาดนั้นให่จิ้งจอกไฟ
ทั้งที่ก็รู้ว่า จิ้งจอกไฟไม่เคยซื่อสัตย์
เพราะรักมากมายหรือ

ออฟไลน์ miikii

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1719
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +26/-1
Re: Sunrise in the forest บทที่38 P38(191061)
«ตอบ #1132 เมื่อ20-10-2018 01:49:25 »

โอ้โห  :z3:

ออฟไลน์ phrase

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 196
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +11/-0
Re: Sunrise in the forest บทที่38 P38(191061)
«ตอบ #1133 เมื่อ20-10-2018 11:28:03 »

สงสารพี่โคร่งดำ เพราะความรุ้สึกสองฝ่ายไม่เท่ากันเลยกลายเป็นว่าพี่โคร่งต้องเสียสละวิ่งวุ่นให้เจ้าจิ้งจอกไปหมด อ่านจนถึงตอนนี้นังไม่แน่ใจเลยว่าจิ้งจอกรักพี่โคร่งจริง ๆ หรือแค่ติดใจเรื่องทางเพศเฉย ๆ

ออฟไลน์ กาแฟมั้ยฮะจ้าว

  • Let me hug you tight, and I’ll make you feel how important you are.
  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 920
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +570/-0
Re: Sunrise in the forest บทที่38 P38(191061)
«ตอบ #1134 เมื่อ22-10-2018 08:24:44 »

ขอบคุณครับ +1 ให้นะครับ o13

ออฟไลน์ yunjae_yusoo_mi

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 61
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +7/-0
Re: Sunrise in the forest บทที่38 P38(191061)
«ตอบ #1135 เมื่อ22-10-2018 13:19:23 »

 :z3:


:เฮ้อ:

ออฟไลน์ twinmonkey0311

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5480
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +110/-9
Re: Sunrise in the forest บทที่38 P38(191061)
«ตอบ #1136 เมื่อ23-10-2018 19:05:26 »

 :pig4: :pig4:

ออฟไลน์ gayraygirl

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3013
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +206/-3
Re: Sunrise in the forest บทที่38 P38(191061)
«ตอบ #1137 เมื่อ24-10-2018 20:54:20 »

ถอนหายใจให้กับทั้งคู่เลย

ออฟไลน์ dekying kukkig

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1462
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +87/-1
Re: Sunrise in the forest บทที่38 P38(191061)
«ตอบ #1138 เมื่อ26-10-2018 20:48:50 »


 :ling1:  พี่เสือดำ ทำไมพี่ทำอย่างนี้  :ling1:


ดั๊นนนนนนกลายเป็นพี่เสือ ใช้แผนในแผนซ้อนแผนอีกขั้น
เพื่อจิ้งจอกพี่เสือกลายเป็นคนแบบนี้ วุ้ยยยยย อยากให้คนตัดสินเป็นแม่เสือชมัด


 

ออฟไลน์ noteno

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 312
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +35/-1
Re: Sunrise in the forest บทที่38 P38(191061)
«ตอบ #1139 เมื่อ28-10-2018 20:50:35 »

 :a5: :a5: เงิบกันเลยทีเดียวว

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด