Sunrise in the forest บทที่ 40 (ตอนจบ)
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: Sunrise in the forest บทที่ 40 (ตอนจบ)  (อ่าน 148600 ครั้ง)

ออฟไลน์ dekying kukkig

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1462
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +87/-1
Re: Sunrise in the forest บทที่34 P36(240961)
«ตอบ #1080 เมื่อ27-09-2018 21:03:39 »

ยังคงทำใจกับที่บอกว่า ห่วงโซ่อาหารผู้อ่อนแอ ย่อมกลายเป็นผู้แพ้ ไม่ได้เลย  :hao5:

v
v

มีเรื่องเศร้าของเหมียวน้อยในชีวิตจริงพึ่งเห็นตัวได้ไม่ถึง 3 ชม ก็จากเราไป

^
^
2 บรรทัดบน ไม่เกี่ยวกับเนื่อเรื่องแต่อย่างใด เพียงแต่หวนกลับไปอ่านตอนที่ พ่อแม่พี่น้องของจิ้งจอกไปโดนฆ่า แล้วอยากร้องให้
 :hao5:  :hao5:


ออฟไลน์ noteno

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 312
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +35/-1
Re: Sunrise in the forest บทที่34 P36(240961)
«ตอบ #1081 เมื่อ27-09-2018 21:24:47 »

 :5779: :5779: :577ตอนใหม่อยู่ไหนนนน

ออฟไลน์ YouandMe

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 502
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +60/-1
Re: Sunrise in the forest บทที่34 P36(240961)
«ตอบ #1082 เมื่อ27-09-2018 23:35:01 »

อ่านแล้วรู้สึกว่าจิ้งจอกไฟดื้อสุดๆ...ต้องเจอเรื่องแบบนี้อีกกี่ครั้งถึงจะหราบจำ  :m16:

ออฟไลน์ B52

  • เป็ดZeus
  • *
  • กระทู้: 13215
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +420/-26
Re: Sunrise in the forest บทที่34 P36(240961)
«ตอบ #1083 เมื่อ28-09-2018 13:51:10 »

กำลังคิดถึงอยู่พูดกับตัวเองว่าไม่ได้อ่านของคุณไจฟ์ทีเลยหลายปีแล้วนะ ยังแต่งอยู่หรือเปล่าหนอ ด้วยความสะเพร่าของตัวเองที่ไม่เคยสังเกตุสังกาอะไร สองวันถัดมาถึงได้เห็นว่าเขาอัพนิยายอยู่หนา 555555
ลากอ่านม้วนเดียวตั้งแต่เมื่อวานเพิ่งได้จบเมื่อครู่นี้เอง แหม!!!!!! หมั่นไส้ไอ้จิ้งจอกไฟตัวเล็กนี้มากๆเลยค่ะ อยากจะลากแล้วโยนให้พวกพรานพวกนั้นจับขังเสียจริง

ออฟไลน์ MyTeaMeJive

  • MyTeaMeJive
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1894
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3313/-9
Sunrise in the forest บทที่35 P37(280961)
«ตอบ #1084 เมื่อ28-09-2018 18:18:40 »

ภาคจิ้งจอกไฟ
บทที่สามสิบห้า


แสงแดดอ่อนยามเช้าพาความอบอุ่นเข้ามาสู่ป่าสีทอง เทพเสือโคร่งศิลาดำเดินช้าๆ เลียบลำธาร จิ้งจอกไฟตัวน้อยวิ่งตามแล้วกระโดดเข้ามาดักด้านหน้า
ดวงตางดงามสดใส ขนสีแดงเป็นประกายบ่งบอกถึงสุขภาพที่แข็งแรงขึ้น แม้ว่ารูปร่างจะเติบโตขึ้นจากเดิมเพียงเล็กน้อย
อาจเพราะยังติดเที่ยวเล่นมากเกินไป
"เช้าแล้ว ขอไปหานกยูงทองกับกวางไพลินได้ไหม"
"ไปสิ"
"จะไปแถวๆ บึงทางฝั่งตะวันออกด้วย"
เทพเสือโคร่งศิลาดำก้มลงมอง "แถวนั้นมีพวกงูใหญ่อาศัยอยู่ ระมัดระวังให้มาก อย่าไปรบกวนพวกเขา"
"ขอรับ"
จิ้งจอกไฟวิ่งไปได้สองก้าวก็วิ่งกลับมาเลียแก้มของเสือโคร่งตัวใหญ่หนึ่งครั้งแล้วรีบวิ่งหนีไปอย่างรวดเร็ว
เทพเสือโคร่งภูผาก้าวเข้ามาจากอีกทางหนึ่ง
"นั่นคือลูกไฟตัวน้อยที่เจ้าเก็บมาดูแลหรือ"
ผู้เป็นบุตรพยักหน้า บิดาจึงกล่าวมอบหมายงานที่ป่าทางฝั่งตะวันตกของไท่ชาง
"นอกฐานทัพทางฝั่งตะวันตก" เทพเสือโคร่งศิลาดำทวนคำ แล้วหันไปทางที่จิ้งจอกไฟลับหายไป
บิดาก็พอจะรู้ใจบุตรชายอยู่บ้าง
"ถ้าเป็นห่วงก็พาไปฝากไว้กับนางจิ้งจอกหิมะเสียก่อนก็ได้ ปล่อยไว้ลำพังที่ป่าเสือจะไม่ปลอดภัย"

สหายทั้งสาม...อันที่จริงก็มีแต่เพียงจิ้งจอกไฟที่จะถูกนำไปฝากไว้กับนางจิ้งจอกหิมะ แต่ในเวลานี้สหายทั้งสามอยู่ด้วยกัน เวลาที่จะบอกเรื่องใด จึงมักจะกลายเป็นเรื่องของสหายทั้งสามไปโดยปริยาย
"ไปทำงานให้กับท่านเทพเสือโคร่งภูผาหรือ ไปเถิด ไม่ต้องห่วงทางนี้" เจ้านกยูงทองคงลืมไปว่าตนมิใช่จิ้งจอกไฟ
"ต้องหมั่นฝึกฝนทุกวัน อย่ามัวแต่พากันวิ่งเล่นไปทั่ว" เทพเสือโคร่งศิลาดำรู้สึกกังวลว่า เมื่อกลับมา พลังยุทธ์ของเจ้าตัวเล็กเหล่านี้จะพากันถดถอยแทนที่จะก้าวหน้า
"รู้แล้วน่า" นกยูงทองรับคำด้วยเสียงอันดัง ขณะที่จิ้งจอกไฟกับกวางไพลินพยักหน้ารับคำ
เทพเสือโคร่งรู้สึกไม่ไว้ใจ จนต้องกลับมากล่าวฝากฝังกับนางจิ้งจอกหิมะอีกคราจึงออกเดินทาง

แต่ในอีกสามปีถัดมา เมื่อเทพเสือโคร่งศิลาดำกลับมาที่ป่าสีทอง ก็พบจิ้งจอกไฟรุ่นหนุ่ม งดงามตัวหนึ่งอยู่ในฝูงของนางจิ้งจอกหิมะ
รูปร่างแข็งแรง ขนสีแดงเพลิงพลิ้วไหวล้อสายลม พวงหางยกสูงสะบัดด้วยความยินดี ดวงตายาวเรียวที่มองมามีประกายสดใส
นางจิ้งจอกหิมะกล่าวคำทักทาย และไต่ถามถึงการทำงานที่ต้องใช้เวลาอย่างยาวนานในพื้นที่ห่างไกล เทพเสือโคร่งศิลาดำตอบทุกคำถามของนางด้วยความสุภาพ จากนั้นนางจึงบอกเล่าการดูแลจิ้งจอกไฟในช่วงเวลาที่ผ่านมา เทพเสือโคร่งรับฟังจนจบจึงขอลากลับมาที่ถ้ำแสงจันทร์ โดยมีจิ้งจอกไฟผู้งดงามเดินตามมาด้วย
ทั้งเหล่านกน้อยในป่าจนถึงนางจิ้งจอกหิมะต่างบอกเล่าเหมือนกัน คือเหตุการณ์โดยทั่วไปที่เป็นไปอย่างเรียบร้อย
และที่สำคัญ จิ้งจอกไฟไม่เคยก้าวเท้าออกจากป่าสีทอง
เทพเสือโคร่งศิลาดำทบทวนความคิดในใจ เพราะอีกฝ่ายคือจิ้งจอกจากเขตป่าด้านนอกหรืออย่างไร จึงมักจะมีความรู้สึกไม่วางใจเกิดขึ้นอยู่เสมอ
แล้วเหตุใดจึงต้องการความรู้สึกที่เรียกว่า 'วางใจ' จากอีกฝ่าย ในเมื่อนี่ก็เป็นเพียงจิ้งจอกไฟตัวหนึ่งที่สูญเสียครอบครัวไป และก็เฝ้าแต่จะหาโอกาสออกไปพบชายผู้หนึ่งที่หมู่บ้านพรานแห่งนั้น
เทพเสือโคร่งที่เดินนำหน้าหยุดเท้า เงยหน้าขึ้นสัมผัสกลิ่นไอผิดปกติบางอย่าง...
จิ้งจอกไฟเดินตามมาอย่างเชื่อฟังจนถึงเขตป่าเสือ แล้วหยุดรออยู่ที่หน้าถ้ำ ระหว่างที่เทพเสือโคร่งศิลาดำเข้าไปพูดคุยกับเทพเสือโคร่งศิลาแดงที่ยังคงเฝ้าเทพเสือโคร่งมุกดาซึ่งยังไม่ออกจากการบำเพ็ญ
ผ่านไปครู่ใหญ่เทพเสือโคร่งศิลาแดงจึงออกมา พยักหน้าให้กันครั้งหนึ่งเมื่อเดินผ่านไป
แต่ยังไม่ทันที่จิ้งจอกไฟจะตามเข้าไปในถ้ำ เทพเสือโคร่งศิลาดำก็เดินออกมา พยักหน้าให้เดินตามมาที่ลำธาร ดำน้ำหายไปครู่หนึ่งก็คาบปลาตัวใหญ่เหวี่ยงขึ้นมาให้ที่แทบเท้า
จิ้งจอกไฟเอียงคอมอง จากที่เคยเห็นเทพเสือโคร่งทั้งสองดูแลเทพเสือโคร่งมุกดาที่อยู่ในห้องใหญ่ด้านในของถ้ำแสงจันทร์ เคยเห็นว่าเอาผลไม้และน้ำไปให้ แต่ไม่เคยเห็นว่าให้พวกเนื้อสัตว์มาก่อน
หรือว่าจะให้เอาไปให้ผู้ใด...
จากที่กำลังสงสัย จิ้งจอกไฟถึงกับสมองว่างเปล่าไปในทันทีที่เทพเสือโคร่งศิลาดำเปลี่ยนร่างเป็นมนุษย์ต่อหน้า...
รู้แต่ว่าหัวใจกำลังเต้นแรงมาก และ...
จิ้งจอกไฟหันหน้าไปทางอื่น ได้ยินแต่เสียงหัวเราะเบาๆ
ไม่อยากเชื่อว่า เมื่อเป็นมนุษย์แล้วเขาจะหัวเราะเป็นด้วย...
"กินสิ"
"ให้ข้าหรือ" จิ้งจอกไฟไม่กล้าหันไปมอง
"มันอยู่ที่ด้านหน้าของเจ้ามิใช่หรือไง"
"ก็...คิดว่าจะเอาไปให้ท่านมุกดาหรือผู้อื่น"
ได้ยินเสียงหัวเราะอีกครา จากนั้นก็เป็นเสียงว่ายน้ำห่างออกไป จิ้งจอกไฟจึงนั่งลงกินปลาตัวนั้น หมดแล้วก็ลงไปดื่มน้ำ ค่อยๆ ก้าวลงไปในลำธาร
ไม่ได้คิดว่าจะอาบน้ำ หรือจะหาอาหาร ก็แค่เห็นว่าอีกฝ่ายอาบน้ำเป็นเวลานาน ก็สงสัยว่ามันสนุกอย่างไร แต่ก็ไม่เห็นว่าจะมีอะไรที่น่าสนุกถึงเพียงนั้น ว่ายอยู่แถวริมตลิ่งก็กลับขึ้นมา แล้วสะบัดขนแรงๆ
เมื่อหันไปเห็นคนที่ก้าวขึ้นมาจากน้ำได้เพียงครึ่งตัว อดที่จะเปรียบเทียบกับตนเองมิได้
จะตอนที่เป็นเด็กหรือตอนที่โตเต็มวัยในเวลานี้ ก็ไม่เห็นว่าตนเองจะสวยงาม ไม่ว่าเมื่อใดเทพเสือโคร่งศิลาดำก็มักจะมองผ่านไปอยู่เสมอ
แล้วหากข้าเป็นมนุษย์ ข้าจะงดงามมากพอที่จะหยุดสายตาของเขาได้หรือไม่
เทพเสือโคร่งศิลาดำกลับมาอยู่ในร่างของเทพเสือโคร่งอีกครั้ง แล้วเดินนำกลับมาที่ถ้ำ ตรงเข้าไปดูนางเทพเสือโคร่งมุกดาเหมือนเคยแล้วกลับมาที่ห้องด้านหน้า
จิ้งจอกไฟก้าวเข้ามาหาเลียที่แก้มของอีกฝ่าย เพื่อแสดงความขอบคุณแล้วก็เดินกลับไปอยู่ในมุมที่ตนเองเคยนอน
แต่ตอนนี้จิ้งจอกไฟมิใช่เจ้าลูกไฟตัวน้อยอีกต่อไปแล้ว
"เจ้า...ถูกใจนางจิ้งจอกตนใดหรือยัง"
จิ้งจอกไฟส่ายหน้า แล้วย้อนถาม "แล้วท่านเล่า ข้ารู้ว่าท่านเคยมีความสัมพันธ์กับนางเสือหลายตัว แต่...สุดท้ายก็..." ดวงตางามช้อนมองแล้วหันไปทางอื่นทันที "แยกทางกับพวกนาง"
เทพเสือโคร่งศิลาดำกลับยอมรับแต่โดยดี "ใช่ ข้าถูกทิ้ง"

ที่จิ้งจอกไฟกล่าวมานั้นถูกต้องแล้ว เมื่อเติบโตเต็มวัยเทพเสือโคร่งศิลาดำก็ต้องเลือกหาคู่ครอง แต่หลังจากที่ครองคู่กับนางเสือตนแรกด้วยกันเพียงครึ่งปี นางก็ละทิ้งเขาไปหาคู่ครองใหม่
สองปีถัดมาเทพเสือโคร่งศิลาดำครองคู่กับนางเสืออีกตน อยู่ด้วยกันเพียงไม่กี่เดือน นางก็กลับไปอยู่ที่ป่าของนางเช่นเดิม
ดังนั้นความสัมพันธ์ของเทพเสือโคร่งศิลาดำในช่วงเวลาต่อมาคือความสัมพันธ์ที่เกิดขึ้นตามช่วงฤดูกาล หลังจากที่ใช้เวลาร่วมกันเสร็จแล้วก็แยกย้ายกันไป
เทพเสือโคร่งศิลาดำจึงเป็นเทพเสือโคร่งเพียงตนเดียวในป่าสีทองที่ไม่มีทายาท

ตั้งแต่แยกจากฝูงของนางจิ้งจอกหิมะกลับมาจนถึงถือแสงจันทร์  เทพเสือโคร่งสัมผัสถึงกลิ่นไอจางๆ จากจิ้งจอกไฟ
เป็นกลิ่นไอที่ทำให้ต้องเปลี่ยนความตั้งใจ จากที่ควรจะดูแลมุกดาหรือไม่ก็พักผ่อน แต่เขากลับไปที่ลำธารเพื่อที่จะล้างตัว และมอบอาหารให้กับจิ้งจอกไฟ...ซึ่งแสดงให้เห็นอย่างชัดเจนว่าผู้รับหาได้เข้าใจเรื่องธรรมเนียมนี้แต่อย่างใด
เทพเสือโคร่งศิลาดำถึงได้หัวเราะ เมื่ออีกฝ่ายถามเรื่องปลา และพยายามหลบตาเมื่อเห็นว่าเขาเปลี่ยนร่าง
แต่จิ้งจอกไฟย่อมต้องรู้เรื่องของกลิ่นทางเพศของตนเอง ว่ากำลังส่งสัญญาณเรียกหาผู้อื่น
เพียงแต่...เขาเป็นจิ้งจอกไฟเพศผู้ ซึ่งจะไม่ส่งกลิ่นอย่างเพศเมียอย่างที่กำลังส่งกลิ่นยั่วเย้าอีกฝ่ายอยู่ในเวลานี้
ดังนั้นแล้ว จิ้งจอกไฟจึงรู้สึกสับสน และลำบากใจจนต้องหลบไปอยู่ในห้องเล็กของตนเองในทันทีที่กลับมาถึงถ้ำแสงจันทร์
การอยู่ในห้องเล็กนี้ด้วยกัน ทำให้เรื่องราวยุ่งยากกว่าเดิม
ที่ควรมอบให้ก็มอบให้แล้ว ที่ควรถามก็ถามแล้ว แล้วอย่างไรต่อ
ร่างกายสูงใหญ่ของเทพเสือโคร่งก้าวเข้ามาหาแล้วก้มลงเลียที่ริมฝีปากยาว 
จิ้งจอกไฟกระถดตัวหนีหันก้นเข้าหาฝาผนัง ผู้ที่ไล่ตามจึงส่งเสียงคำรามในลำคอเบาๆ
"ขะ ขออภัย คือ ขะ ข้า"
"ครั้งแรกหรือ"
ดวงตางดงามมองค้อน
รู้ทุกอย่างแล้วยังจะมาถาม  "หลบไปสิ ข้าจะออกไปข้างนอก"
"ข้างนอกนั่นมีทั้งเสือและจิ้งจอกตัวผู้รอเจ้าอยู่"
เมื่อพูดขึ้นจิ้งจอกไฟถึงรู้สึกถึงกลิ่นของเสือและจิ้งจอกที่เคลื่อนใกล้เข้ามา
"ว่าอย่างไร จะออกไป เพื่อมอบให้ผู้อื่น หรือจะมอบให้ข้า"

รูปร่างลักษณะ การเคลื่อนไหว กลิ่นและน้ำเสียงของเทพเสือโคร่งศิลาดำ ทั้งหมดนี้ทำให้จิ้งจอกไฟมีความต้องการเพิ่มขึ้น
กลิ่นไอนั้น ยิ่งนานยิ่งหอมหวานชัดเจนจนทำให้หายใจลำบาก

เทพเสือโคร่งศิลาดำเบี่ยงตัวเล็กน้อยให้จิ้งจอกไฟลุกขึ้น
จิ้งจอกไฟก้าวช้าๆ จนไปหยุดอยู่ที่กลางห้อง ดวงตางดงามหันมามองแล้วหันหลังให้ ค่อยๆ หมอบตัวลงยกสะโพกขึ้นสูง
กลิ่นของเพศเมียยิ่งชัดเจน
เทพเสือโคร่งศิลาดำเลียที่ช่องทางด้านหลังเพื่อเตรียมพร้อม รอจนช่องทางอ่อนนุ่มจึงก้าวขึ้นคร่อมหลัง ใช้จมูกดันหลังใบหูที่มีขนสีแดงเพลิงให้หันมา เพื่อที่จะเลียริมฝีปาก และแนวฟันงดงาม
ร่างกายที่อยู่ด้านใต้หมอบคู้ ยกสะโพกขึ้นเบียด ร่างกายอุ่นร้อนเพิ่มขึ้นทีละน้อย
เทพเสือโคร่งศิลาดำเลียด้านหลังลำคอเล็ก จิ้งจอกไฟส่งเสียงอึกอักตอบรับ
คมเขี้ยวเสือขบลงที่ไหล่ ขณะที่สอดความแข็งขึงเข้าหาช้าๆ
เพราะหนึ่งคือเทพเสือโคร่ง หนึ่งคือจิ้งจอกไฟ
ต่างกันทั้งเผ่าพันธุ์และรูปร่าง
หากยังกัดไหล่ไว้ก็จะไม่สามารถสอดใส่ได้จนสุด แต่หากใส่จนสุดก็จะทำให้จิ้งจอกไฟบาดเจ็บ เทพเสือโคร่งศิลาดำเพิ่มแรงขบกัดไหล่แล้วคายออก ร่างกายที่อยู่ด้านใต้เจ็บไหล่จนคิดว่าเนื้อกำลังจะหลุดไปตามเขี้ยว แต่ก็ตามมาด้วยความเจ็บของช่องทางที่ถูกฉีกเมื่อผู้ที่อยู่ด้านบนสอดใส่เข้ามาจนสุดแล้วขยับย้ำ
อยากหลบหนีแต่ก็ไร้เรี่ยวแรง ทั้งยังมีร่างกายใหญ่โตที่คร่อมอยู่ เสียงกรีดร้องที่ออกมาจึงดังก้องไปทั้งถ้ำ ประสานด้วยเสียงคำรามของเทพเสือที่บ่งบอกความเป็นเจ้าของ
ความคับแน่นนำทางให้จิ้งจอกไฟถึงจุดสูงสุดก่อน จากนั้นเมื่อน้ำรักของเทพเสือโคร่งหลั่งเข้าสู่ส่วนลึก ยังมีพลังอุ่นๆ ที่ไหลตามเข้ามาแล้วซึมไปตามเส้นเลือด และทุกอณู
ร่างกายเบาหวิว แต่ยังได้ยินเสียงทุ้มนุ่มที่ชัดเจน

"ไม่ว่าเจ้าต้องการสิ่งใด ข้าให้เจ้า..."

เมื่อเทพเสือโคร่งถอนแก่นกายออก จิ้งจอกไฟที่หมอบคู้หมดสติอยู่กลางห้องก็เปลี่ยนร่างเป็นชายหนุ่มเรือนผมสีแดงผู้หนึ่ง เทพเสือโคร่งศิลาดำเลียแก้ม ริมฝีปาก ดันไหล่บางและร่างกายงดงามให้นอนหงาย โลมเลียความสวยงามนั้นไปทุกส่วน
ทั้งที่ยังรู้สึกเจ็บปวด แต่ทุกสัมผัสเปียกชื้นจากปลายลิ้นปลุกความต้องการขึ้นมาอีกครั้ง จิ้งจอกไฟลืมตาขึ้นมองเทพเสือโคร่งตัวใหญ่ที่กำลังโลมเลียแก่นกายอุ่นร้อนของตนเอง จากนั้นก็ยกมือของตนเองขึ้นมาดู แต่เมื่อจะกระถดตัวหนีเพื่อที่จะสำรวจความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้น เทพเสือโคร่งก็กดไหล่ไว้
ใบหน้าของเทพเสือโคร่งเข้ามาใกล้แล้วเปลี่ยนเป็นชายหนุ่มเมื่ออยู่ห่างกันไม่ถึงคืบ
คิ้วเข้ม ดวงตาสีดำล้ำลึก จมูกโด่ง มุมปากกดลึกด้วยรอยยิ้ม
จิ้งจอกไฟสัมผัสใบหน้านั้น พลันขอบตาร้อนผ่าว
ผู้ที่คร่อมตัวอยู่ด้านบนก้มลงจูบหางตา แก้มที่เปียกชื้นด้วยน้ำตา และริมฝีปาก
ไม่จำเป็นที่จะต้องสำรวจร่างกายของตนเอง เพราะอีกฝ่ายสัมผัสร่างกายนั้นทุกส่วน และสอดเข้าหา...ซ้ำแล้วซ้ำเล่า
จิ้งจอกไฟทำได้เพียงส่งเสียงครางและหลอมละลาย....

ช่วงสายของวันใหม่ จิ้งจอกไฟยังรู้สึกปวดร้าวไปทั้งตัว ขณะที่ผู้ที่หลับอยู่ด้านข้างคือเทพเสือโคร่งศิลาดำซึ่งกลับไปอยู่ในร่างของเทพเสือโคร่งแล้ว

...ต้องมอบพลังชีวิตสักเท่าใด จึงทำให้สัตว์ป่าตัวหนึ่งกลายเป็นสัตว์เทพในช่วงเวลาเพียงชั่วยาม
...ต้องรักมากสักเท่าใด จึงมอบพลังชีวิตที่ผ่านการฝึกฝนอย่างยาวนานให้อีกฝ่ายไป
คำตอบคือรัก...มากกว่าชีวิตของตนเอง...
จิ้งจอกไฟกัดริมฝีปากกลั้นเสียงสะอื้น ขณะที่ลูบใบหน้าลำคอและหลังของอีกฝ่าย
"ขอบคุณท่านมาก"
จูบที่เปลือกตาที่ยังหลับสนิทด้วยความอ่อนเพลีย จากนั้นก็ฝืนลุกไปล้างตัว ทำให้พบว่าอีกฝ่ายทายาและล้างตัวให้แล้ว
เปลี่ยนร่างเป็นจิ้งจอกไฟอีกครั้ง เพื่อไปหาอาหารมาให้กับเทพเสือโคร่งศิลาดำและเทพเสือโคร่งมุกดาที่ยังอยู่ในห้องด้านใน
เทพเสือโคร่งตนหนึ่งกินผลไม้ ส่วนอีกหนึ่งกินเนื้อสัตว์
ระหว่างที่อยู่ในถ้ำ จิ้งจอกไฟฝึกฝนการเปลี่ยนร่างเป็นมนุษย์โดยให้ขนสีแดงเปลี่ยนเป็นเสื้อผ้า และฝึกฝนยุทธ์โดยลำพัง เทพเสือโคร่งศิลาดำที่อ่อนเพลียเฝ้ามองการเปลี่ยนแปลงนั้นด้วยความพึงพอใจ
และในวันที่ร่างกายฟื้นฟูแข็งแรง เคลื่อนไหวได้อย่างคล่องตัว และเทพเสือโคร่งศิลาดำนอนหลับอยู่
...จิ้งจอกไฟก็ลอบออกจากป่าสีทองแล้วตรงไปที่หมู่บ้านพรานแห่งนั้น...
แม้เวลาจะผ่านไปนานกว่าสามปี แต่กลิ่นและร่องรอยของอาต๋ากลับถูกสลักอยู่ในความทรงจำ
ชายหนุ่มผู้งดงามผู้มีเรือนผมสีแดงเพลิงลอบเข้าไปถึงกระท่อมหลังหนึ่งในหมู่บ้าน
ที่นี่ไม่ได้มีเพียงอาต๋า แต่ยังมีผู้อื่นอยู่ด้วย
สตรี และเด็ก...
นางกอดเด็กน้อยไว้แน่น จ้องมองชายหนุ่มด้วยความกังวลกึ่งชื่นชม
ไม่ได้หวาดกลัว เพราะจิ้งจอกไฟมิได้ถืออาวุธ และไม่ได้มีท่าทีเกรี้ยวกราด
ดวงตายาวเรียวที่มองมามีแต่ความประหลาดใจ
"เจ้า...เป็นอะไรกับอาต๋า"
"ข้าเป็นเมียของอาต๋า แล้วนี่คือบุตรชายของพวกเรา"
มีเสียงฝีเท้าวิ่งเข้ามาใกล้ ประตูหน้าบ้านเปิดออก เป็นอาต๋าที่กลับมา
ชายหนุ่มมองผู้ที่ยืนอยู่กลางบ้านด้วยความตกใจ และประหลาดใจ
"นางคือเมียกับลูกของเจ้าหรือ"
อาต๋าพยักหน้าช้าๆ จากนั้นจึงนึกออก "ท่าน...ท่านคือจิ้งจอกไฟตัวนั้นหรือ"
จิ้งจอกไฟพยักหน้า "ใช่"
"ข้า...ข้าไม่รู้..."
จิ้งจอกไฟก้าวเดินออกมาจากบ้านหลังนั้น แล้วกระโดดลับหายไปต่อหน้า

จิ้งจอกไฟลัดเส้นทางมาได้เพียงแค่ป่ารอบนอกของป่าสีทอง พบนกยูงทองกับกวางไพลินที่ตรงเข้ามาหา ทั้งสองอยู่ในร่างของมนุษย์เช่นกัน
"ท่านศิลาดำถ่ายพลังให้เจ้าจริงๆ ด้วย" นกยูงทองกล่าวขึ้นในทันที
กวางไพลินตีแขนของนกยูงทองเบาๆ ขณะที่กล่าวกับจิ้งจอกไฟ "ไปหาอาต๋าอีกหรือ"
"ใช่" จิ้งจอกไฟยอมรับ "เขามีเมียและลูกแล้ว" และด้วยความตกใจทำให้ยังไม่ได้ถามถึงพรานโหดเหี้ยมผู้นั้น
"ก็บอกแล้ว ว่าเขาเป็นมนุษย์ จะรับรู้ความรู้สึกของเจ้าอย่างไร” นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่นกยูงทองกล่าวคำนี้
จิ้งจอกไฟได้ยิน แต่ไม่เคยเข้าใจ
"เมื่อกลับมาก็ดีแล้ว พวกเรารีบกลับไปที่ป่าสีทองก่อนเถิด" กวางไพลินร้อนใจอยากออกไปให้พ้นจากพื้นที่ของมนุษย์โดยเร็ว
แต่เมื่อกลับเข้ามาถึงเขตป่าสีทอง การเดินทางไม่ต้องรีบร้อน จิ้งจอกไฟจึงหันมาถามสหายทั้งสอง
"ทำไมถึงได้ตามไปที่หมู่บ้าน"
ก่อนที่นกยูงทองจะเปิดปากบอกความลับออกไป กวางไพลินก็ชี้ไปที่เหล่านกน้อยบนต้นไม้
"พวกเขาไปเรียกเราน่ะสิ บอกว่า มีเทพใหม่ออกไปที่หมู่บ้าน ให้พวกเราไปพากลับมาก่อนที่ความลับของพวกเราจะเปิดเผย"
เรื่องที่กวางไพลินกล่าวกลับเป็นคนละเรื่องกับที่นกยูงทองเกือบพลั้งปากกล่าวออกไป   
เรื่องที่นกยูงทองเกือบบอกออกไปก็คือเทพเสือโคร่งศิลาดำฝากทั้งสองให้ช่วยดูแล อย่าให้จิ้งจอกไฟออกไปที่หมู่บ้าน จากนั้นนกยูงทองก็มาบอกให้บรรดานกป่าช่วยกันดูอีกต่อหนึ่ง
แต่เมื่อกวางไพลินเริ่มเรื่องนี้ นกยูงทองก็คิดว่าดีแล้วที่มิได้พูดเรื่องนี้ออกไป
...เรื่องใหญ่ขนาดนี้ ถ้าบอกออกไปต้องโดนโกรธ
จิ้งจอกไฟโกรธน่ะไม่เท่าไหร่ แต่ถ้าเสือโคร่งปากหนักตัวนั้นรู้เข้า คงได้โดนเท้าหนักๆ เหยียบจมดินแน่...
เมื่อเข้ามาใกล้กับเขตป่าเสือ นกยูงทองถึงได้มีโอกาสถามอีกครั้งเพื่อความแน่ใจ 
"ท่านศิลาดำถ่ายพลังชีวิตให้เจ้าหรือ" 
จิ้งจอกไฟชะงักเท้าแล้วก้าวเดินต่อโดยที่ไม่ได้ตอบคำถาม
"ตั้งแต่เมื่อห้าวันก่อนใช่หรือไม่ แล้วตอนที่เจ้าออกไป เขาเป็นอย่างไรบ้าง"
ดวงตายาวเรียวตวัดมองนกยูงทองด้วยความไม่พอใจที่อีกฝ่ายเอาแต่ถามถึงเทพเสือโคร่งศิลาดำ
นกยูงทองแสร้งไม่สนใจ "เขาเพิ่งกลับมาจากการเดินทางไกล แล้วมาถ่ายพลังชีวิตให้เจ้าในคราเดียว ที่ผ่านมาเคยมีผู้ที่เสียชีวิตเพราะการนี้" นิ้วมือสวยชี้ไปที่ลำคอที่ยังมีรอยเขี้ยวเสืออยู่ "ที่สำคัญก็คือ เจ้าเป็นของท่านศิลาดำแล้วก็ไม่สมควรไปหาผู้อื่น"
จิ้งจอกไฟแตะแผลที่ลำคอ
แผลที่ส่วนอื่น รวมถึงช่องทางด้านหลังหายดีแล้ว เว้นแต่ที่ลำคอ และไหล่
"มันคือสัญลักษณ์ ต่อให้ในช่วงนี้เจ้าปล่อยกลิ่นความต้องการออกมา ก็จะไม่มีเทพสัตว์ป่าตนใดกล้าเข้าใกล้เจ้า" กวางไพลินอธิบาย "เพราะเจ้าเป็นของเทพเสือโคร่งศิลาดำ"
หลังจากนั้นไม่ว่าสหายทั้งสองจะกล่าวคำใดจิ้งจอกไฟก็เงียบเฉย จนในที่สุดทั้งสองก็ยอมแพ้
ที่หน้าถ้ำแสงจันทร์ เทพเสือโคร่งศิลาดำยืนรออยู่ หลังจากที่พยักหน้ารับการเคารพของนกยูงทองกับกวางไพลินแล้วก็เดินนำกลับเข้าไปในถ้ำ
เทพเสือโคร่ง เดินนำเข้าไปถึงหน้าห้องด้านในสุดแล้วลงนอนขวาง จิ้งจอกไฟเหลียวมองซ้ายขวา แล้วคุกเข่าลงข้างๆ ก้มลงจูบที่ปลายจมูก
"ขอโทษ" ไม่ใช่ครั้งแรกที่กล่าวคำนี้ และต่อไปในภายหน้าก็อาจต้องกล่าวคำนี้ซ้ำอีกหลายครั้ง
จิ้งจอกไฟไม่ตระหนักเลยสักนิดว่า ยิ่งกล่าวคำนี้บ่อยเท่าใด น้ำหนักของถ้อยคำก็จะยิ่งลดความสำคัญลงไปเรื่อย ๆ จนสุดท้ายก็จะเป็นเพียงสายลมที่พัดผ่านไปเท่านั้น
รู้ดีว่าที่มีวันนี้ก็เพราะเทพเสือโคร่งศิลาดำ
ชีวิตนี้ พลังเหล่านี้ ทั้งหมดเพราะเทพเสือโคร่งศิลาดำทั้งสิ้น
แต่ยังไม่สามารถห้ามใจตนเอง ไม่ให้ไปพบกับอาต๋า
แล้วเมื่อไปพบ กลับพบเจออะไร
ที่สหายกล่าวมานั่นก็ถูกต้อง ในตอนที่พบเจอกัน เราเป็นจิ้งจอก ส่วนอาต๋าเป็นมนุษย์ แล้วเขาจะรู้ได้อย่างไรว่าเราคิดอะไรอยู่....
ตอนที่รู้ว่าเขามีครอบครัวแล้วรู้สึกตกใจก็ใช่ แต่ตอนนี้ไม่ได้รู้สึกอะไรแล้ว
ความรู้สึกที่มีเลือนหายไปอย่างรวดเร็ว
จิ้งจอกไฟที่ยังไม่กลับไม่กลับคืนร่างเดิม เอนตัวลงนอนพิงเทพเสือโคร่งศิลาดำ ที่ขยับตัวให้นอนพิงสบายกว่าเดิม
รอยยิ้มที่มุมปากกดลึก ดวงตายาวเรียวกวาดมองไปรอบถ้ำ
...สิ่งที่ต้องการ ไม่ได้มีเพียงพลังชีวิตของเทพเสือโคร่งศิลาดำ จิ้งจอกไฟต้องการมากกว่านั้น...

....จบบทที่สามสิบห้า....

ออฟไลน์ jj

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 78
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +14/-0
Re: Sunrise in the forest บทที่35 P37(280961)
«ตอบ #1085 เมื่อ28-09-2018 20:11:58 »

 :pig4:  :L1:


ออฟไลน์ river

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2398
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +231/-3
Re: Sunrise in the forest บทที่35 P37(280961)
«ตอบ #1086 เมื่อ28-09-2018 20:24:23 »

ความรักยังไม่มากพอเหรอ

ออฟไลน์ YouandMe

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 502
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +60/-1
Re: Sunrise in the forest บทที่35 P37(280961)
«ตอบ #1087 เมื่อ28-09-2018 22:40:28 »

แค่รักคงยังไม่พอ...ทำไมเรารู้สึกไม่ชอบจิ้งจอกไฟนะ  :m31:

ออฟไลน์ B52

  • เป็ดZeus
  • *
  • กระทู้: 13215
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +420/-26
Re: Sunrise in the forest บทที่35 P37(280961)
«ตอบ #1088 เมื่อ28-09-2018 23:41:15 »

 :z6:  รู้สึกแค้นเคืองแทน

ออฟไลน์ miikii

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1719
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +26/-1
Re: Sunrise in the forest บทที่35 P37(280961)
«ตอบ #1089 เมื่อ29-09-2018 01:09:20 »

 :katai1: :katai1: :katai1:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Re: Sunrise in the forest บทที่35 P37(280961)
« ตอบ #1089 เมื่อ: 29-09-2018 01:09:20 »
ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ dekying kukkig

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1462
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +87/-1
Re: Sunrise in the forest บทที่35 P37(280961)
«ตอบ #1090 เมื่อ29-09-2018 15:36:22 »


ความน่าสงสารที่เคยมีให้กับจิ้งจอกตัวนี้หายวับไปเลยกับบรรทัดสุดท้าย  :m16:

ตอนนี้ก็ต้องรอดูว่าจุดจบของเจ้าแทนแล้วล่ะจิ้งจอกไฟ


ออฟไลน์ alternative

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2317
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +285/-3
Re: Sunrise in the forest บทที่35 P37(280961)
«ตอบ #1091 เมื่อ30-09-2018 19:46:16 »

หืมมมม

น้องต้องการอะไรรรรรร

ออฟไลน์ phrase

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 196
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +11/-0
Re: Sunrise in the forest บทที่35 P37(280961)
«ตอบ #1092 เมื่อ30-09-2018 21:39:22 »

สงสารเทพเสือโคร่งศิลาดำมากเลย :sad4:

ออฟไลน์ noteno

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 312
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +35/-1
Re: Sunrise in the forest บทที่35 P37(280961)
«ตอบ #1093 เมื่อ03-10-2018 20:43:10 »

 :mew5: โถ่ๆพี่เสือดำ

ออฟไลน์ twinmonkey0311

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5480
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +110/-9
Re: Sunrise in the forest บทที่35 P37(280961)
«ตอบ #1094 เมื่อ04-10-2018 05:20:30 »

 :pig4: :pig4:

ออฟไลน์ MyTeaMeJive

  • MyTeaMeJive
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1894
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3313/-9
Sunrise in the forest บทที่36 P37(41061)
«ตอบ #1095 เมื่อ04-10-2018 19:00:55 »

ภาคจิ้งจอกไฟ
บทที่สามสิบหก


ท่ามกลางความเงียบสงบของป่าสีทองเมืองลั่ว
นางเทพเสือโคร่งบงกช หนึ่งในสี่แห่งผู้ปกครองป่า เดินนำเสือโคร่งสองตนซึ่งเป็นบุตรชายหญิงมาที่ถ้ำแสงจันทร์ และพบผู้ที่ต้องการพบอยู่ตามลำพังที่ด้านหน้าของถ้ำ
ในเวลานั้นจิ้งจอกไฟที่อยู่ในร่างมนุษย์กำลังเก็บผ้าที่นำออกมาผึ่งแดด ซึ่งจะนำไปใช้ห่มให้กับเทพเสือโคร่งศิลาดำที่อยู่ระหว่างการฟื้นฟูพลัง
ที่จริงผืนหนังสัตว์ที่รองนอนนั้นก็เพียงพอแล้ว แต่เมื่อห่มผ้าให้แล้วเห็นว่าเทพเสือโคร่งหลับสบายขึ้น จิ้งจอกไฟก็อยากเอาใจ
นางเทพเสือโคร่งบงกชมิได้เปิดเผยกลิ่นสาบเสือ แต่แผ่รังสีกดดันมาจากระยะไกล จิ้งจอกไฟที่มีผ้าห่มพาดแขนอยู่จึงหันมายืนรอ เมื่อเห็นว่านางอยู่ในร่างของเทพเสือโคร่ง ผู้อ่อนอาวุโสจึงพับผ้าวางลงกับพื้น แล้วเปลี่ยนร่างเป็นจิ้งจอกไฟ
นางเทพเสือโคร่งบงกชมองจิ้งจอกไฟที่ก้มลงทำความเคารพ ขณะที่ยอมรับอยู่ในใจ ว่านี่เป็นจิ้งจอกไฟที่งดงามมาก ไม่ว่าจะอยู่ในร่างของจิ้งจอกไฟ หรือร่างของมนุษย์
...แต่จะลุ่มหลงอย่างไร การมอบพลังชีวิตเกือบทั้งหมดให้จิ้งจอกไฟ แล้วจิ้งจอกไฟก็ตอบแทนด้วยการไปหาผู้อื่นเช่นนี้มันก็เกินไป
...เกินไปด้วยกันทั้งคู่
ดังนั้นนางจึงต้องมาที่ถ้ำแสงจันทร์ในครานี้
"ศิลาดำเป็นอย่างไรบ้าง"
"ยังหลับอยู่ขอรับ"
"ระหว่างนี้ ใครคอยดูแลมุกดา"
"ข้าน้อยดูแลอยู่ขอรับ"
นางพยักหน้า "เช่นนั้นก็ไม่ต้องแล้ว ให้น้องชายและน้องหญิงของเขาดูแล...ส่วนเจ้า กลับไปในที่ของเจ้า"
จิ้งจอกไฟเงยหน้าขึ้นในทันที "แต่ว่า..."
"เขาบอกให้เจ้าอยู่ดูแลเขาหรือ"
"เขามิได้บอก แต่ข้าเป็นของเขาดังนั้น..."
"ตลกแล้ว" น้ำเสียงของนางเปี่ยมไปด้วยอำนาจ จิ้งจอกไฟคิดต้านทานพลังอำนาจนั้น แต่คิดว่านั่นอาจยิ่งทำให้เรื่องแย่ลงไปอีก จึงได้แต่หมอบตัวสั่นคู้อยู่แทบเท้า
"นับตั้งแต่เจ้าก้าวเท้าออกจากถ้ำเพื่อหนีไปหาชายอื่น เจ้าก็มิได้เป็นของศิลาดำแล้ว"
จิ้งจอกไฟสะกดลมหายใจที่เริ่มรุนแรงด้วยความไม่พอใจ บังคับดวงตาให้หลุบมองพื้น อย่าได้เงยหน้าขึ้นไปมองเสือโคร่งทั้งสองที่เข้าไปยืนขวางหน้าถ้ำ
ได้แต่ก้มหน้า หูตก หางลู่
"อย่างน้อยก็ขอเข้าไปลา..."
"เขาหลับอยู่ จะปลุกเขาขึ้นมาฟังคำกล่าวเหลวไหลเพื่ออะไร" นางเทพเสือโคร่งบงกชกล่าวอย่างตรงไปตรงมา จากนั้นก้าวเท้าเข้ามา ผลักดันให้จิ้งจอกไฟต้องลุกขึ้นแล้วก้าวเดินออกไปจากเขตป่าเสือ

ที่แห่งแรกที่จิ้งจอกไฟเดินทางไปก็คือเขตป่ากวาง เพื่อพบกับกวางไพลิน เพราะนางเป็นเพศหญิงและยังเป็นกวาง ที่สำคัญคือที่ผ่านมานางก็มักจะอยู่ข้างเดียวกับตน ผิดกับนกยูงทองที่มักกล่าวถ้อยคำตรงไปตรงมาจนรู้สึกขัดใจหลายครา
หากเทพเสือโคร่งศิลาดำ หรือผู้อื่นมาสอบเรื่องนี้จากกวางไพลิน เรื่องย่อมออกมาสวยงามมากกว่านกยูงทองอย่างแน่นอน

"ท่านเทพเสือโคร่งบงกชขับเจ้าออกมาจากเขตป่าเสือหรือ" กวางไพลินประหลาดใจมาก "แล้วท่านศิลาดำว่าอย่างไรบ้าง"
"ตอนนั้นเขาพักผ่อนอยู่ ข้าไม่ได้เข้าไปลาเขาสักคำ"
กวางไพลินผู้จิตใจอ่อนโยนเฝ้าปลอบใจสหาย และให้กำลังใจว่า อีกไม่กี่เดือนเทพเสือโคร่งศิลาดำก็คงแข็งแรงดังเดิม
"ถึงเวลานั้นเขาก็คงออกมาตามหาเจ้าเอง เวลานี้ก็ควรพิสูจน์ให้เหล่าสัตว์เทพเชื่อมั่นว่าเจ้ามิได้หลอกลวงท่านศิลาดำ"
"ข้ามิได้หลอกลวงเขานะ"
ข้ามิได้กล่าวสักคำว่าต้องการ  เขามอบให้ข้าเองต่างหาก...
"แต่ทั้งที่เขามอบพลังชีวิตหนึ่งร้อยปีให้เจ้า ทั้งที่เขากำลังฟื้นฟูพลัง เจ้ากลับไปพบมนุษย์คนที่อยู่ในกลุ่มที่ไล่ล่าครอบครัวของเจ้า ทั้งเป็นคนที่หลอกให้เจ้าไปตกอยู่ในวงล้อมของนายพราน จนท่านศิลาดำต้องไปช่วย" นี่คือความจริงที่จิ้งจอกไฟไม่อยากจะยอมรับว่ามันคือความจริง "คนผู้นั้นทำร้ายเจ้า แต่ท่านศิลาดำคือคนที่ช่วยเจ้าครั้งแล้วครั้งเล่า"
หากจิ้งจอกไฟยอมรับได้ว่านี่คือความจริง ก็คงคิดได้ว่าสมควรฝากชีวิตไว้กับผู้ใด
...แต่เมื่อไม่ยอมรับ ก็คิดไม่ได้เช่นกัน...
"ยังมีอีกเรื่องที่เจ้ายังไม่รู้ เมื่อหลายวันก่อน ท่านเทพเสือโคร่งภูผาเพิ่งจะมอบให้ท่านพ่อกับท่านแม่" นางหมายถึงเทพกวางสายฟ้าและเทพกวางสายลม "ไปปิดทางเข้าป่าสีทอง ไม่ให้พวกพรานจากหมู่บ้านทางเหนือเข้ามาสักการะท่านเทพสูงสุดแล้ว"
จิ้งจอกไฟหันมามองหน้ากวางไพลิน
"อย่ามองข้าแบบนั้น ข้าก็เพิ่งรู้เหมือนกัน เห็นบอกว่า เพราะมีพรานป่าจากนอกด่านเข้ามาล่าสัตว์ป่า พวกผู้ใหญ่ก็เลยต้องไปปิดทาง ดังนั้นไม่ว่าจะเป็นผู้ใดก็ไม่ได้รับอนุญาตให้เข้ามาอีกแล้ว"
"คืออะไร"
"ก็แบบ พวกมนุษย์จะเข้ามาไม่ได้ ถ้าเข้ามาแล้วจะหลงทางกลับไปอยู่ที่ปากทางน่ะ"
"แต่พวกพรานไม่ได้เข้าทางปากทางของป่าสีทอง"
"ต่อจากนี้ ไม่ว่าจะทางไหนก็ไม่ได้ทั้งสิ้น ตั้งแต่แรกมาพวกท่านเทพสูงสุดก็มีความต้องการที่จะปิดผนึกป่าแห่งนี้อยู่แล้ว แต่ท่านเทพทั้งสี่มีความเห็นว่า เราควรผ่อนปรนเพื่อผูกมิตรกับพวกมนุษย์ เพราะอยู่ในเขตเมืองลั่วเหมือนกัน"
เพราะยิ่งทำตัวลึกลับก็ยิ่งเป็นความท้าทาย และกลายเป็นการทำให้สัตว์ป่าที่อยู่ในเขตป่ารอบนอกตกอยู่ในอันตราย
"เล่ากันว่า ท่านแม่เป็นผู้เสนอให้พวกเราทำความรู้จักกับมนุษย์ที่อยู่ข้างนอก ไม่อยากให้เกิดการบุกรุกเพื่อไล่ล่ากัน ก็ไม่ได้ถึงกับห้ามล่า ห้ามเก็บของมีค่า แต่อยากให้นำไปเฉพาะของที่ใช้ได้จริง"
"แล้วพวกเรายังออกไปได้ใช่ไหม"
กวางไพลินหันมามองจิ้งจอกไฟในทันที "นี่เจ้ายัง..."
"ก็ข้าถูกขับออกมาจากป่าเสือ แล้วข้าก็โตเกินกว่าจะไปอยู่กับนางจิ้งจอกหิมะแล้ว ไม่อยากอยู่ในเขตป่าจิ้งจอกด้วย สัตว์เทพทุกตน สัตว์ป่าทุกตัวในป่าสีทองล้วนรู้เรื่องของข้า ดังนั้นที่ๆ ข้าจะกลับไปได้ก็คือป่าด้านนอกนั่น"
เทพแห่งป่าสีทองไม่ได้ไร้เหตุผลขนาดนั้น
"ป่าสีทองกว้างใหญ่ ไม่เห็นจะต้องออกไปข้างนอกเลย จริงอยู่ที่เขตป่าแต่ละเขตล้วนทับซ้อนกัน แต่หากไม่สะดวกใจ เจ้าก็หาที่อยู่แถวๆ รอยต่อระหว่างป่าสีทองกับป่าด้านนอกก็ได้ แต่ข้าไม่สนับสนุนให้เจ้าออกไปอยู่ตามลำพังในป่าด้านนอกนั่น ขนของเจ้างดงาม และเป็นที่ต้องการของพรานจากนอกด่าน ข้ารู้มาว่าพวกคนที่อยู่ในชนเผ่าทางเหนือพื้นที่สูง และอากาศหนาวเย็น เขาต้องการหนังและขนของเจ้า"
กวางไพลินกล่าวด้วยความเป็นห่วงจากใจจริง แต่จิ้งจอกไฟก็มีแผนการใหม่
"พื้นที่รอยต่อหรือ"
กวางไพลินพยักหน้าด้วยความกระตือรือร้น
เป็นความกระตือรือร้นและความจริงใจที่ทำให้จิ้งจอกไฟต้องหันไปทางอื่น และต้องยกเรื่องที่ว่าจะไปหารือกับกระเรียนโกเมนขึ้นมาอ้าง
"ไปถามท่านโกเมนหรือ ก็ดีนะ"

บางทีพวกกวางในป่าสีทองก็มองทุกคนในแง่ดีเกินไป...

เทพเสือโคร่งศิลาดำที่หลับอยู่ด้านในถ้ำ สัมผัสได้ว่านางเทพเสือโคร่งบงกช ผู้เป็นมารดา และน้องๆ มาถึงจึงลืมตาขึ้นมอง
“ท่านแม่”
นางเทพเสือโคร่งพยักหน้า
“เป็นอย่างไรบ้าง”
ผู้เป็นบุตรไม่ได้ตอบคำแต่กวาดตามองไปทั่ว
“ไม่อยู่แล้ว” นางเทพเสือกล่าวด้วยน้ำเสียงที่เด็ดขาด “แม่ไล่เขาออกไปเอง”
เสียงหายใจแรงของบุตรบ่งบอกว่ากำลังใจไม่พอ แต่ก็ไม่มีแรงที่จะโต้เถียง
“ดูเจ้าสิ เทพเสือโคร่งศิลาดำ เก่งกาจ รอบรู้ แล้วอย่างไร เจ้าลุ่มหลงจิ้งจอกไฟตัวหนึ่งจนถึงกับมอบพลังชีวิตให้ไป เจ้าก็ยังไม่รู้จักคิด กลับมาไม่พอใจที่แม่ไล่มันไป”
เทพเสือโคร่งศิลาดำสงบลง แต่ก็ยังเป็นห่วงจิ้งจอกไฟ
“ศิลาดำ นอกจากรูปร่างหน้าตาแล้ว จิ้งจอกไฟตัวนั้นมีอะไรดี เขาดีต่อเจ้าหรือ ซื่อสัตย์ต่อเจ้าหรือ เคียงข้างเจ้าในวันที่เจ้าอ่อนแอหรือ ผู้ที่จะเป็นคู่กันต้องมีอย่างน้อยหนึ่งสิ่งที่ทำให้รู้สึกว่าอยากอยู่ด้วยกัน เจ้าอยากอยู่กับเขา แล้วเขาอยากอยู่กับเจ้าจริงหรือ เขาอยู่กับเจ้าเพื่อรอวันที่จะจากไป จนถึงตอนนี้เจ้าก็ยังไม่รู้หรือไง”
ผู้เป็นบุตรได้แต่นิ่งเงียบ
“ศิลาดำ พูดในสิ่งที่เจ้าคิดกับแม่”
“ข้าไม่มีเหตุผล เขาไม่เคยขอให้ช่วย ตั้งแต่พบว่าบาดเจ็บก็คิดแต่ว่าจะนำกลับมาให้บิดาช่วยรักษา ท่านก็กล่าวเตือนให้สติอยู่หลายครา แต่ข้าก็แค่อยากดูแล อยากเห็นเขาเติบโต รู้ว่าเขาชอบมนุษย์ ก็อยากจะห้ามปราม แต่ก็ทำไม่ได้” น้ำเสียงที่อ่อนเพลียทำให้มารดาทั้งโกรธและสงสารบุตรในเวลาเดียวกัน “ได้แต่บอกให้ระวังตัว ให้นกยูงทองช่วยบอกนกป่า ช่วยจับตาแล้วมาบอกเวลาที่เขาออกไป พลังชีวิตหนึ่งร้อยปีที่ให้ไป เขาก็มิได้ขอ เป็นข้ามอบให้เขาเองเช่นกัน”
นางเทพเสือโคร่งบงกชนิ่งไปครู่หนึ่ง
“ศิลาดำ ระหว่างที่เจ้าฟื้นฟูพลังชีวิต แม่อยากให้เจ้าคิดว่า สิ่งที่เจ้าให้ไปมันจะทำให้จิ้งจอกไฟนั่นได้สมหวัง หรือต้องกลายไปเป็นผืนหนังปูพื้นเร็วขึ้นกันแน่”
ในที่สุดเทพเสือโคร่งศิลาดำก็ได้สติ
“รักแล้วตามใจ ผลลัพธ์คืออะไร ความสุข หรือว่าความตาย คิดให้ดี เจ้าออกไปข้างนอกป่ามากกว่าผู้อื่น พบเจอเรื่องราวมากมาย แม่หวังว่าเจ้าจะไม่ทำอะไรที่ทำให้ต้องกลับมาเสียใจในภายหลัง”
หลังจากที่นางเทพเสือโคร่งจากไปเทพเสือโคร่งภูผาก็เข้ามาตรวจดูร่างกายบุตรครู่หนึ่งโดยที่มิได้กล่าวคำใด เสร็จก็กลับออกไปแล้วมาใหม่อีกครั้งพร้อมกับยาหนึ่ง ให้ไว้กับเจ้าเสือโคร่งหนุ่มสาวที่ต้องมารับหน้าที่เฝ้าเทพเสือโคร่งทั้งสองในถ้ำ พร้อมกำชับเรื่องอาหาร
“ข้าต้องไปดูตรงเขตทางเหนือ อีกสองสามวันจะกลับมาดูอีกที ถ้าพี่ใหญ่ของเจ้าแข็งแรงขึ้น ต้องพาเขาไปพักที่ถ้ำยา อยู่ที่นี่นานไม่ดีกับสุขภาพของเขา แล้วก็ยังรบกวนพี่สามของพวกเจ้าที่กำลังบำเพ็ญฌาน”
หลังใช้เวลาในการฟื้นฟูพลังชีวิตอยู่เพียงหนึ่งปี เทพเสือโคร่งศิลาดำก็แข็งแรงมากพอที่จะออกเดินทางได้
“ข้าเพิ่งรู้ว่าเจ้าดื้อรั้นถึงเพียงนี้”
ระดับพลังชีวิตที่กลับมา ผู้อื่นต้องใช้เวลาอย่างน้อยสิบปี แต่บุตรผู้นี้ใช้เวลาเพียงปีเดียวถ้าไม่ใช่เพราะมีเป้าหมายบางอย่าง ก็คงทำไม่ได้เช่นนี้
“เสือโคร่งมีพื้นฐานอย่างหนึ่งที่เหมือนกัน หากเรากำหนดเป้าหมายไว้ ไม่ว่าจะเกิดเรื่องใดขึ้น เราต้องทำให้ได้” ผู้เป็นบิดาเฝ้ากำชับหลายครั้ง “แต่เจ้าลูกไฟต้องการเวลาที่จะเรียนรู้ความผิดพลาดที่เกิดขึ้น"
"เขาก็แค่ไปหามนุษย์ที่เขาพอใจ"
เทพเสือโคร่งภูผาส่ายหน้า "เอาเถิด มาถึงขั้นนี้แล้ว ไปทำงานที่ป่าในเมืองทางตะวันออกสักห้าปีแล้วค่อยกลับมา ดูสิว่าเมื่อถึงเวลานั้น เรื่องของเจ้ากับเจ้าลูกไฟจะเป็นเช่นไร"
เทพเสือโคร่งศิลาดำรับคำสั่ง แต่ก็ยังมีถ้อยคำที่ต้องการบอกกับบิดา “ข้าน่ะ ถึงแม้จะมีอายุมากกว่าร้อยปี ไม่ว่าจะผิดหรือถูกก็จะได้รับคำแนะนำจากท่าน และท่านแม่อยู่เสมอ แต่จิ้งจอกไฟไม่มีผู้ใด”
“อย่าลืมสิ ว่าเจ้าเอาเขาไปฝากไว้กับนางจิ้งจอกหิมะเป็นเวลานาน ทั้งยังมีโกเมน และผู้เฒ่าอีกมากมายที่คอยสอนสั่ง ทั้งยังเป็นสหายกับนกยูงทองและกวางไพลิน เขาหาได้อยู่ตามลำพังในป่าสีทอง แต่นี่เป็นเพราะเขาตั้งใจที่จะเป็นเช่นนี้”
บุตรมีสีหน้าหม่นหมองลง
“ได้ยินนกยูงทองบอกว่า เจ้าลูกไฟยังอยู่ภายในป่าสีทอง” นั่นหมายความว่ายังอยู่ในสายตาของสัตว์เทพต่างๆ “เมื่อกลับมา เรื่องราวอาจพลิกผันไปในทางที่ดี”

แต่ในห้าปีถัดมา เมื่อเทพเสือโคร่งศิลาดำกลับเข้ามาทางหุบเขาสายหมอกซึ่งอยู่ทางทิศเหนือของป่าสีทอง ประสาทสัมผัสเตือนว่า ในป่าโปร่งเบื้องหน้ามีจิ้งจอกไฟอยู่หนึ่งตัว
ร่างกายของสูงใหญ่ของเทพเสือโคร่งที่ปรากฏขึ้นท่ามกลางหมอกเย็น แล้วหยุดเดินต่อไป เมื่อคิดหาทางเลี่ยงไปทางอื่นเพื่อที่จะไม่ต้องพบพาน แต่จิ้งจอกไฟตัวนั้นกลับก้าวเข้ามาหาอย่างแน่วแน่
เทพเสือโคร่งร่างกายสูงใหญ่หยุดยืนรอจนกระทั่งจิ้งจอกไฟก้าวเข้ามายืนอยู่ตรงหน้า
แม้จิ้งจอกไฟจะมีขนสวยงาม แต่ก็ไม่เหมาะกับอากาศชื้นของป่าทางเหนือ
...เขาอยู่ที่นี่มานานขนาดไหนแล้ว...
"ท่านพี่กลับมาแล้ว"
เทพเสือโคร่งพยักหน้า
"เหนื่อยหรือไม่"
ก็มิได้เหน็ดเหนื่อยอะไรมากมาย แต่เทพเสือโคร่งก็พยักหน้าเป็นครั้งที่สอง
"ไปทางตะวันตกอีกเล็กน้อยจะมีสระน้ำ ที่นั่นน้ำอุ่นสบาย ท่านพี่ไปอาบน้ำและพักผ่อนสักครู่ก่อนดีไหม"
ที่ผ่านมาก็เคยติดใจคิดโกรธอะไร เพราะเต็มใจยกพลังชีวิตให้เอง แต่ที่เมื่อครู่คิดหลีกเลี่ยงการพบเจอ ก็เพราะไม่อยากให้จิ้งจอกไฟถูกมารดากดดันให้ต้องออกไปจากป่าและอาจตกอยู่ในอันตราย
อีกอย่าง...จิ้งจอกไฟรออยู่ในพื้นที่ชื้นแบบนี้ได้อย่างไร..
"เจ้าต้องการอะไร"
"ข้าก็แค่อยากให้ท่านพี่พักผ่อนสักครู่ก่อนที่จะกลับไปที่เขตป่าเสือ"
ต่อให้เจ้าตัวไม่ก้มหน้า หางตกเช่นนั้น เทพเสือโคร่งศิลาดำก็พร้อมที่จะทำตามที่อีกฝ่ายกล่าวมาอยู่แล้ว
เทพเสือโคร่งเดินนำไปโดยไม่ต้องหันมามอง รู้ว่าจิ้งจอกไฟเดินตามมาในระยะห่างออกไปอีกสามก้าว
ที่ ๆ เทพเสือโคร่งศิลาดำนำทางไปไม่ใช่บ่อน้ำในเขตป่าหมอกที่จิ้งจอกไฟกล่าวถึง แต่เป็นลำธารที่ลอดผ่านต้นไม้ใหญ่ และมีแสงแดดอ่อนให้ความอบอุ่น
จิ้งจอกไฟเงยหน้ามองความสวยงามรอบตัวอย่างชื่นชม
"ไม่เคยมาที่นี่มาก่อนเลย"
เทพเสือโคร่งศิลาดำยิ้มในใบหน้า
ยังมีเรื่องราวอีกมากมายของป่าสีทองที่จิ้งจอกไฟไม่รู้ ทั้งที่คิดว่าน่าจะรู้ รวมถึงเรื่องธรรมเนียมต้องอาบน้ำล้างตัว เมื่อกลับเข้ามาในป่าสีทอง
ในตอนนั้นที่กลับมาแล้วอาบน้ำ
ที่จริงแล้วมันเกิดจากการที่เมื่อกลับมาแล้วไปรับจิ้งจอกไฟที่ป่าจิ้งจอก แล้วพบว่าจิ้งจอกไฟเติบโตเต็มวัย ทั้งมีความเปลี่ยนแปลงผิดปกติ แทนที่จะเติบโตอย่างสง่างามแบบเพศชาย กลับส่งกลิ่นเชิญชวนของเพศเมียออกมา จึงคิดครอบครองไว้ก่อนที่จะมีจิ้งจอกเพศผู้ตนอื่นเข้าหา
แต่เพราะกลิ่นสาบ กลิ่นเลือดที่ติดกายมา อาจทำให้จิ้งจอกไฟซึ่งเป็นสัตว์งดงาม นำไปเปรียบเทียบกับผู้อื่นในภายหลัง

สัตว์ป่าเพศผู้มีหน้าที่ในการรักษาความสวยงาม และต่อสู้เพื่อแย่งชิงเพศเมีย
แต่เทพเสือโคร่งศิลาดำจะไม่ต่อสู้กับผู้ใดเพื่อแย่งชิงจิ้งจอกไฟ
เพราะเขาเป็นของข้ามาตั้งแต่แรก!

ที่รบกวนจิตใจก็คือหลังการพบกันครั้งนี้ จิ้งจอกไฟยังไม่ส่งสัญญาณใดๆ ออกมา ทั้งที่พาเดินทางไกลมานับชั่วยามก็ยังไม่มีกลิ่นทางเพศ
...หากไม่ใช่เพราะความมั่นใจในความสามารถของตนเองที่ไม่ได้กลิ่นเพศผู้ตัวใด หรือคนใด จากจิ้งจอกไฟ เทพเสือโคร่งศิลาดำก็คงคิดไปไกล...

เมื่อมาถึงลำธารเทพเสือโคร่งศิลาดำก็ลงไปอาบน้ำก่อน จากนั้นก็คาบปลาขึ้นมาตัวหนึ่งโยนให้กับจิ้งจอกไฟเหมือนคราก่อน
จิ้งจอกไฟคาบปลาตัวนั้นไว้ ฝังคมเขี้ยวลงในส่วนหางเพื่อไม่ให้ลื่นหลุด จากนั้นก้าวลงไปในสระ แล้วหันส่วนหัวของปลาให้เทพเสือโคร่งศิลาดำ
เทพเสือโคร่งส่งเสียงต่ำๆ ในลำคอ เหมือนกำลังหัวเราะ
...นี่เขาไม่ได้รู้ธรรมเนียมอะไรเลยใช่ไหม...
"กัดพร้อมกันนะ" จิ้งจอกไฟบอกไม่ค่อยถนัดนัก

เมื่อกลืนปลานั้นลงท้องไป กลับมีไอร้อนเกิดขึ้นภายในร่างกาย จิ้งจอกไฟผงะก้าวถอยแล้วรีบขึ้นไปบนฝั่ง
ยิ่งคิดปิดบัง กลิ่นยั่วยวนแห่งเพศหญิงกลับยิ่งเข้มข้นมากขึ้น
เทพเสือโคร่งก้าวขึ้นจากน้ำ ร่างกายสูงใหญ่งดงามเบื้องหน้า...
...บ้าจริง ต้องไม่คิดว่างดงามสิ อย่าคิด จงไปคิดถึงเรื่องอื่น เรื่องอะไรเล่า คิดอะไรดี อะไรก็ได้ที่ไม่ใช่....
...เขาเป็นเสือโคร่งที่ช่าง...โอย เขาต้องคิดว่าข้าเป็นจิ้งจอกบ้ากามแน่ๆ
"คือ...ข้าไม่ได้ตั้งใจ...เคยถามนางจิ้งจอกหิมะว่าทำไมข้าถึงมีกลิ่นแบบนี้ได้ นางบอกว่าไม่รู้เช่นกัน แล้วปกติก็ไม่ได้เป็นแบบนี้หรอกนะ"
"แล้วตอนที่ได้กลิ่นนี้จากจิ้งจอกตัวอื่น เคยเข้าหานางหรือไม่"
"พวกนางตัวโตกว่าข้าทั้งนั้น ผู้ใดจะกล้า"
นี่ช่างเป็นคำตอบที่น่าพึงพอใจอย่างยิ่ง
"ต้องการให้ข้าทำเจ้าในร่างเสือหรือร่างมนุษย์"
จิ้งจอกไฟเงยหน้าขึ้นมองผู้ถามแล้วรู้สึกอยากจะร่ำไห้
จริงอยู่ที่สัตว์ป่ามีความสัมพันธ์กันด้วยสัญชาติญาณ แต่นี่เจอกันได้ครู่เดียว ร่างกายก็เป็นเช่นนี้แล้ว
...นี่มันแย่ที่สุด แย่ยิ่งกว่าแย่เสียอีก...
ที่ผ่านมาเขาก็เข้าใจว่าข้าหลอกลวง ทำดีเพื่อหวังพลังชีวิตของเขา แล้วมาตอนนี้เขาต้องคิดว่าข้ามาหาเพราะต้องการให้เขา...ทำ...เสีย...อีก
ถึงจะต้องการ แต่เทพเสือโคร่งศิลาดำก็มีความอดทนมากพอที่จะรอต่อไปได้อีกสักปี เพียงแต่การที่อีกฝ่ายพยายามจะอดกลั้นต่อความต้องการเช่นนั้น ทำให้มีความรู้สึกอย่างกลั่นแกล้ง
...มีแต่เพียงจิ้งจอกไฟผู้นี้ ที่ทำให้เกิดความรู้สึกว่าต้องการกลั่นแกล้ง...
"หากไม่กล่าวออกมา ข้าก็จะกลับไปที่เขตเสือแล้ว"
"เดี๋ยวสิ" จิ้งจอกไฟหมอบลงจนออกสัมผัสพื้น "ข้า...ต้องการ...ท่านพี่...แต่...อย่าถ่ายพลังให้ข้า"
เทพเสือโคร่งภูผาก้าวเข้ามาหา เปลี่ยนร่างกลับมาอยู่ในร่างเสือโคร่งตัวใหญ่ ก้มลงเลียริมฝีปากยาว จากนั้นก้าวอ้อมไปทางด้านหลัง ใช้จมูกดันสะโพกของอีกฝ่ายให้ยกขึ้นแล้วเลียที่ช่องทางด้านหลัง
ร่างกายเล็กๆ นั่นสั่นสะท้าน กลิ่นไอแห่งเพศหญิงชัดเจน
"ขอ ขอโทษ ข้า..ข้า.."
จิ้งจอกไฟยังกล่าวไม่จบคำเทพเสือโคร่งก็เลียที่ด้านหลังคอแล้วขบลงเบาๆ
ฝากรอย ตีตราความเป็นเจ้าของ แล้วกดแก่นกายเข้าหา
ช่างเล็ก แคบและแน่น
จิ้งจอกไฟส่งเสียงร้องด้วยความเจ็บปวดดั่งร่างกายถูกฉีกทึ้งหยาดน้ำตาไหลริน เท้าทั้งสี่ตะเกียกตะกายเพื่อหลีกหนี แต่ก็ถูกขบที่ไหล่ให้หยุดอยู่กับที่
เสียงคำรามต่ำๆ ที่ครอบคลุมอยู่กดดันให้ต้องยอมจำนน
ความเจ็บปวด กับความต้องการ...ได้รับมากเกินกว่าที่ต้องการ...ทำให้จิ้งจอกไฟหมดสติไปในที่สุด

ความเจ็บปวดทั่วทั้งร่าง และแขนขาหนักอึ้ง ทำให้จิ้งจอกไฟรู้สึกไม่สบายตัว แต่สัมผัสอุ่นชื้นที่โลมเลียไปทั่วตัวช่วยให้อาการต่างๆ บรรเทาลง
เมื่อลืมตาขึ้นในวันถัดมาจึงพบว่าตนเองอยู่ในร่างของมนุษย์ ภายในพุ่มไม้ที่ถักทอตัวแน่นหนาจนคล้ายกับโพรงไม้ที่มีขนาดใหญ่พอให้นอนหลับได้สบาย มีใบไม้แห้งปูพื้น กับผ้าห่มผืนหนึ่งห่มอยู่
ผ้าผืนนี้มาจากที่ใดไม่ได้สำคัญไปกว่าการที่ใครเป็นผู้หามาให้ และผู้นั้นยังอยู่ในร่างของเสือโครงตัวใหญ่ที่นอนหลับขวางทางอยู่ที่ด้านหน้า
"ท่านพี่" จิ้งจอกไฟเรียกขณะที่แตะที่ปลายจมูกและใบหน้า "ท่านพี่ ท่านถ่ายพลังให้ข้าอีกแล้วหรือ"
"ก็แค่รักษาอาการบาดเจ็บ เพราะข้าไม่ระมัดระวัง"
จิ้งจอกไฟลูบขนที่ใบหน้าของเสือโคร่งแล้วก้มลงจูบจมูก
"ท่านพักผ่อน ข้าไปหาอาหารมาให้"
จิ้งจอกไฟเปลี่ยนร่างกลับเป็นจิ้งจอก หายไปเพียงครู่เดียวก็คาบกระต่ายกลับมาวางให้ตรงหน้า
"เจ้ากินแล้วหรือ"
จิ้งจอกไฟส่ายหน้า "ท่านกินก่อน ตอนที่ท่านพี่นอนพัก ข้าถึงจะไปกิน"
เทพเสือโคร่งศิลาดำกัดฉีกเนื้อกระต่ายแล้วส่งให้จิ้งจอกไฟ
ชิ้นเนื้อเพียงเล็กน้อยดูอย่างไรก็ไม่น่าจะเพียงพอให้ผู้ที่มีร่างกายใหญ่โตรู้สึกอิ่ม จิ้งจอกไฟมองชิ้นเนื้อแล้วมองหน้าอีกฝ่าย อีกฝ่ายก็มองมา รอให้จิ้งจอกไฟกินพร้อมกัน
"แล้วท่านพี่จะอิ่มหรือ"
เทพเสือโคร่งศิลาดำไม่ได้ตอบคำถามนั้น แต่ก้มลงกินเนื้อกระต่ายที่เหลืออยู่จากนั้นก็ลุกขึ้นเหยียดตัว จิ้งจอกไฟก็รีบกินเนื้อกระต่ายจากนั้นก็ทำท่าจะลุกตามมาด้วย
"ข้าจะกลับไปที่ป่าเสือ เจ้าอยู่ที่นี่ อย่าไปที่หุบเขาสายหมอกทางเหนืออีก ที่นั่นไม่เหมาะต่อเจ้า"
"แล้ว"
"กลัวหรือ"
จิ้งจอกไฟมองไปรอบๆ หลายปีมานี้ นกยูงทองกับกวางไพลินพาตนเองเที่ยวเล่นไปทั่วป่า แต่เพิ่งรู้ว่ามีที่แห่งนี้อยู่ด้วย
"ก็ไม่ถึงกับกลัว เพียงแต่ที่นี่ มันอยู่ตรงส่วนไหนของป่าสีทอง แล้วท่านพี่จะกลับมาเมื่อไหร่"
ที่แห่งนี้ซ่อนตัวในเขตลำธารเล็กๆ ที่ค่อนมาทางเหนือของป่าสีทอง จึงอยู่ห่างจากทั้งเขตป่าเสือ ป่ากวาง และไม่ใช่เขตหากินของจิ้งจอก หากจิ้งจอกไฟจะเป็นกังวลก็สมควรอยู่
แต่เทพเสือโคร่งศิลาดำก็ไม่สามารถพากลับไปที่เขตป่าเสือได้ในเวลานี้
"ทั้งที่นี่ และตัวเจ้ามีรอยของข้าอยู่ ไม่มีใครทำร้ายเจ้าได้"
"ข้ามิได้กลัวว่าจะมีใครมาทำร้าย แต่ไม่อยากอยู่ลำพังอีก"
"มิได้พบกับนกยูงทองกับกวางไพลินเลยหรือ"
"ตอนที่ยังอยู่ในเขตป่าจิ้งจอกก็ได้พบกันอยู่ตลอด เพียงแต่...เป็นที่ข้าเอง ที่กังวลว่าจะนำความเดือดร้อนไปให้พวกเขา"
เทพเสือโคร่งศิลาดำเข้าใจความกังวลนั้น
"เช่นนั้นก็ตามใจเจ้า"
ทั้งที่นั่นเป็นคำบอกล่าวที่เปิดทางเลือกให้กว้างมาก แต่สัญชาติญาณส่วนลึกในใจเตือนว่า เจ้าเป็นของเขา หากเขาบอกให้เจ้าอยู่ที่นี่ เจ้าก็สมควรอยู่ที่นี่อย่าได้มากเรื่องมากความ
เมื่อเทพเสือโคร่งศิลาดำจากไป จิ้งจอกไฟจึงสำรวจพื้นที่โดยรอบอีกครั้ง แต่เมื่อกลับมายังมาใกล้ที่พัก ประสาทสัมผัสรับรูู้ว่า มีผู้ที่มารออยู่
นางเทพเสือโคร่งบงกชมาถึงที่นี่โดยลำพัง และนางอยู่ในร่างของเทพเสือโคร่งผู้สง่างาม
สายลมอ่อนพัดพาขนสีดอกบัวของนางพลิ้วไหว
ดวงตาของเสือโคร่งปรายตามองจิ้งจอกไฟคราหนึ่ง
แม้จะไม่มีคำพูดใดๆ แต่จิ้งจอกไฟก็หูตก หางลู่ก้าวเดินช้าๆ เข้าไปซุกตัวอยู่ภายในโพรงไม้แห่งนั้น

หลายวันถัดมาเทพเสือโคร่งศิลาดำกลับไปที่โพรงไม้ สัมผัสได้ถึงร่องรอยของมารดาเจือจาง ขณะที่จิ้งจอกไฟไม่อยู่ในที่นั้นก็ตามหา จนพบว่าอยู่ที่บึงของกระเรียนโกเมน โดยมีนกยูงทองกับกวางไพลินอยู่ด้วยกันพร้อมหน้า
"จะพากันกลับไปที่ป่าทางเหนือจริงๆ หรือ" นกยูงทองถามขึ้นแล้วตามมาด้วยข้อเสนอ "อยู่ถัดเข้ามาใกล้กันอีกหน่อยไม่ได้หรือไง เพราะไม่ว่าจะพากันไปอยู่ที่ไหนในป่าสีทอง นางก็ต้องรู้อยู่ดี"
ผู้ที่นกยูงทองหมายถึงย่อมเป็นเทพเสือโคร่งบงกช
เทพเสือโคร่งศิลาดำหันไปมองจิ้งจอกไฟ ไม่ได้กล่าวอะไร แต่หันไปหากระเรียนโกเมน แสดงความเคารพแล้วเดินนำจิ้งจอกไฟกลับออกมา
"รู้สึกอยากจะลองคลุ้มคลั่งอาละวาดสักครา" นกยูงทองหันไปบ่นกับกระเรียนโกเมน
ผู้อาวุโสหัวเราะเบาๆ  "เพราะเขาไม่ได้ทำในสิ่งที่เจ้าอยากให้ทำเช่นนั้นหรือ"
"ก็พวกเขา..."
"ศิลาดำมีลำดับเป็นเทพแห่งป่าสีทองผู้หนึ่ง ทั้งอายุก็ไม่น้อยแล้ว เขาย่อมมีวิธีการจัดการเรื่องในครอบครัวของเขาเอง โดยที่ไม่ต้องพึ่งพาเด็กน้อยอย่างเจ้า"
นกยูงทองไม่มีอะไรจะไปโต้เถียงความจริงข้อนี้ได้ จึงเปลี่ยนเรื่อง
"แล้วท่านผู้เฒ่าคิดว่า จิ้งจอกไฟจะกลับไปหามนุษย์อีกไหม"
"นั่นก็เป็นเรื่องที่ต้องดูกันไป"
นกยูงทองกลอกตามองบน ส่งเสียงที่แสดงถึงความรู้สึกเบื่อหน่าย แต่ทั้งกระเรียนโกเมน และกวางไพลินต่างหัวเราะอย่างขบขัน

การใช้ชีวิตในช่วงที่เทพเสือโคร่งศิลาดำอยู่ที่ป่าสีทองก็เป็นดังนั้น จิ้งจอกไฟไม่ได้รู้สึกว่าเป็นเรื่องอึดอัดใจ เพราะเทพเสือโคร่งศิลาดำปล่อยตามใจ หากอยากมาพบกับสหายที่บึงกระเรียนไฟเมื่อใดก็มาได้เสมอ ทั้งยังมีความปลอดภัยมากกว่าเดิม
การมีเทพเสือโคร่งศิลาดำอยู่ใกล้ ทำให้สัตว์เทพและสัตว์ป่าอื่นๆ มีความเกรงใจไม่เข้ามารบกวนใกล้เขตที่อยู่อาศัย
เพียงแต่ในวันหนึ่งที่เทพเสือโคร่งศิลาดำต้องเดินทางไปเมืองหลวงเพื่อช่วยเทพเสือโคร่งภูผาผู้เป็นบิดาจัดการเรื่องพระอาการประชวรของเจ้าหญิงองค์หนึ่ง จิ้งจอกไฟก็อาศัยความมืดลอบออกไปยังเขตป่าด้านนอก
ในความมืด แม้จะมีนกกลางคืนที่คอยเฝ้ามองอยู่ แต่พวกเขาไม่ได้เป็นนกพูดมากแบบพวกนกน้อยที่เป็นสหายกับนกยูงทอง ทั้งที่มองเห็นร่างกายสีแดงเพลิงวิ่งผ่านไป พวกเขาก็ยังคงเฝ้ามองอย่างเงียบๆ
จิ้งจอกไฟเปลี่ยนร่างเป็นมนุษย์แล้วลอบมองจากในที่ห่างไกลไปยังบ้านหลังหนึ่ง
บ้านหลังนั้นมีกลิ่นไอของอาต๋าและครอบครัวอยู่
มีเสียงฝีเท้ามนุษย์ที่เคลื่อนเข้ามาใกล้ และกลิ่นไอบางอย่างที่บ่งบอกถึงความสัมพันธ์กับอาต๋า
จิ้งจอกไฟนั่งห้อยเท้าอยู่บนคบไม้ ขณะที่เด็กหนุ่มผู้หนึ่งอายุประมาณสิบสองปีเดินเข้ามาทางนี้ ในมือหนึ่งถือคบไฟสูง อีกมือมีมีดเล่มใหญ่เป็นอาวุธ เมื่อเห็นคนที่นั่งอยู่บนคบไม้จ้องมองอยู่ก็หยุดชะงัก
"ทะ ท่านเป็นปีศาจหรือ"
เจ้าเด็กนี่ท่าจะเพี้ยน ยังจะมีปีศาจที่ไหน พยักหน้าแล้วบอกว่าตนเองเป็นปีศาจด้วยหรือ
"ไม่ใช่หรอก"
"แต่ท่านมีผมสี...สีแดง"
จิ้งจอกไฟจับปอยผมของตนเองขึ้นมาดู "สวยหรือไม่"
เด็กหนุ่มผู้นั้นพยักหน้า "สวยมาก"
"ข้าคือฮัว แล้วเจ้าชื่ออะไร"
"ข้าคืออาเจี้ยน"
"เป็นอะไรกับอาต๋า"
"เขาเป็นบิดาของข้า"

จิ้งจอกไฟคลี่ยิ้มงามล่มเมือง
ขอเพียงลงมือทำไม่มีทางไม่สำเร็จ

....จบบทที่สามสิบหก....
火 (ฮัว) = ไฟ
ใกล้จะจบแล้วนะจ๊ะ
น้ำชา
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 04-10-2018 19:04:39 โดย MyTeaMeJive »

ออฟไลน์ river

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2398
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +231/-3
Re: Sunrise in the forest บทที่36 P37(41061)
«ตอบ #1096 เมื่อ04-10-2018 20:17:43 »

จิ้งจอกหนอ ทำอะไร
หรือว่าตั้งใจจะเอาคืนอาดำ

ออฟไลน์ dekying kukkig

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1462
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +87/-1
Re: Sunrise in the forest บทที่36 P37(41061)
«ตอบ #1097 เมื่อ04-10-2018 21:26:30 »

 
 :katai1:

ช่วงแรกๆกำลังสงสารตอนที่โดนแม่สามีขับไล่

แต่ มาถึงช่วงสุดท้ายทีไร เจ้าจิ้งจอกต้องนอกลู่นอกทางทุกทีซิหน่า

ภาคนี้อ่านแล้วลุ้นตอนต่อไปจริงๆ   :ling3:



ออฟไลน์ YouandMe

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 502
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +60/-1
Re: Sunrise in the forest บทที่36 P37(41061)
«ตอบ #1098 เมื่อ04-10-2018 22:18:30 »

บ่นแบบเดิมๆ...ยิ่งอ่านยิ่งไม่ชอบจิ้งจอกไฟ ชริ  :m16:

ออฟไลน์ B52

  • เป็ดZeus
  • *
  • กระทู้: 13215
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +420/-26
Re: Sunrise in the forest บทที่36 P37(41061)
«ตอบ #1099 เมื่อ04-10-2018 22:23:43 »

ต้องได้บทเรียนอย่างหนักๆ

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Re: Sunrise in the forest บทที่36 P37(41061)
« ตอบ #1099 เมื่อ: 04-10-2018 22:23:43 »





ออฟไลน์ yunjae_yusoo_mi

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 61
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +7/-0
Re: Sunrise in the forest บทที่36 P37(41061)
«ตอบ #1100 เมื่อ04-10-2018 22:27:39 »

เฮ้อ  :katai1:

ออฟไลน์ miikii

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1719
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +26/-1
Re: Sunrise in the forest บทที่36 P37(41061)
«ตอบ #1101 เมื่อ05-10-2018 15:21:57 »

ท่านเทพ TT

ออฟไลน์ alternative

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2317
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +285/-3
Re: Sunrise in the forest บทที่36 P37(41061)
«ตอบ #1102 เมื่อ07-10-2018 13:47:43 »

จิ้งจอกต้องการอะไร

ออฟไลน์ twinmonkey0311

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5480
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +110/-9
Re: Sunrise in the forest บทที่36 P37(41061)
«ตอบ #1103 เมื่อ08-10-2018 05:38:17 »

 :pig4: :pig4:

ออฟไลน์ dekying kukkig

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1462
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +87/-1
Re: Sunrise in the forest บทที่36 P37(41061)
«ตอบ #1104 เมื่อ09-10-2018 10:09:39 »



  :L2: เข้ามารอแล้วจ้า   :L2:

  มาอ่านความรนหาเรื่องของจิ้งจอกอีกรอบ ก็ทำให้เหนื่อยใจไปกับศิลาดำทุกที



ออฟไลน์ noteno

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 312
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +35/-1
Re: Sunrise in the forest บทที่36 P37(41061)
«ตอบ #1105 เมื่อ10-10-2018 19:41:03 »

จิ้งจอกนี่ทำไมคาเเรคเตอร์นายเอกหนูถึงไม่น่ารักเหมือนเพื่อนๆคนอื่นเลยคะ :ling2: :ling2:

ออฟไลน์ dekying kukkig

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1462
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +87/-1
Re: Sunrise in the forest บทที่36 P37(41061)
«ตอบ #1106 เมื่อ10-10-2018 20:31:59 »


สงสัยจังจิ้งจอกรักศิลาดำมั่งป่าวเนีย?
 
รออยู่จ้า

ออฟไลน์ twinmonkey0311

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5480
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +110/-9
Re: Sunrise in the forest บทที่36 P37(41061)
«ตอบ #1107 เมื่อ10-10-2018 23:01:01 »

 :m5: :m5: :m5: :m5: :m5:

ออฟไลน์ dekying kukkig

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1462
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +87/-1
Re: Sunrise in the forest บทที่36 P37(41061)
«ตอบ #1108 เมื่อ11-10-2018 16:31:01 »




 :z13:  :z13:

อีกนิด ฮึ๊บ -  ฮึ๊บ



อยากอ่านตอนต่อไปแล้วจ้า

 :กอด1:

ออฟไลน์ dekying kukkig

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1462
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +87/-1
Re: Sunrise in the forest บทที่36 P37(41061)
«ตอบ #1109 เมื่อ12-10-2018 16:50:31 »




 :call:  :call:  :call:

เข้ามาวิ่งเล่นรออออ


มาเถ่อะๆๆๆๆๆๆ

 :hao3:


 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด