แฝด ตอนที่ 5
“วันนี้คุณหมออนุญาติให้กลับบ้านได้แล้วนะครับคุณมิน” เสียงนุ่มทุ้มเอ่ยบอก ทำให้มินที่มัวแต่นั่งเหม่อมองออกไปนอกหน้าต่างต้องหันกลับมาให้ความสนใจกับผู้พูด
หลังจากวันนั้นที่แม็กคาดคั้นถามหาคำตอบที่เขาไม่แม้แต่กล้าเอ่ยปากพูดอะไรกับอีกคนไป ทำให้แม็กหัวเสียมากกว่าเดิม ก่อนที่จะหุนหันพลันแล่นออกจากห้องไป จนมาถึงวันนี้…วันที่เขาต้องออกจากโรงพยาบาลแล้ว แม็กก็ยังไม่กลับมาหาเขาเลย มีแต่ส่งเลขาส่วนตัวของตัวเองมาช่วยพยาบาลที่เจ้าตัวจ้างเอาไว้ดูแลเขาแทน
“วันนี้แม็กจะมารึเปล่าครับ” ไม่รู้ว่าเป็นครั้งที่สิบหรือที่ร้อยที่เขาถามคำนี้จากคุณกำธรที่เป็นเลขาส่วนตัวของอีกคน
“ขอโทษนะครับคุณมินที่ผมต้องบอกว่าไม่ทราบจริงๆ” กำธรบอกไปตามความจริงด้วยสีหน้าและท่าทางลำบากใจ เพราะตั้งแต่ที่ได้รับคำสั่งจากคุณแม็กเจ้านายของตัวเอง เขาก็ไม่สามารถรับรู้เรื่องตารางงานของอีกคนอีกเลย จึงไม่สามารถให้คำตอบกับคนป่วยได้ จะมีก็แต่เจ้านายของเขาที่โทรเข้ามาสอบถามอาการของคนป่วยจากเขาทุกวันตามเวลาที่หมอตรวจเช้าเย็น แต่ก็สั่งห้ามเด็ดขาดว่าไม่ให้เขาบอกกับอีกคนว่าตัวเองโทรมา
“ไม่เป็นไรครับ” มินพูดบอกเสียงหงอยอย่างไร้ความหวัง
“บางทีคุณแม็กอาจจะกำลังยุ่งๆกับเรื่องงานจนไม่สามารถปลีกเวลามาเยี่ยมคุณมินก็ได้นะครับ เพราะช่วงนี้มีหลายอย่างในบริษัทที่กำลังอยู่ในช่วงเปลี่ยนแปลง” กำธรพูดปลอบใจอีกคนแต่ก็เหมือนกับว่าจะไม่ได้ผล เพราะมินกลับเข้าไปในโลกส่วนตัวของตัวเองเสียแล้ว
ก๊อก…ก๊อก…
“วันนี้เป็นยังไงบ้างครับคุณมิน ดีใจรึเปล่าครับที่จะได้กลับบ้านแล้ว” คุณหมอเจ้าของไข้คนเดิมเดินเข้ามาเช็คอาการของมินเป็นรอบสุดท้าย ก่อนที่จะสั่งให้พยาบาลที่ตามมาด้วยถอดเข็มน้ำเกลือให้กับมิน
“ก็ดีมั้งครับ” มินตอบคำถามแบบขอไปที
“แล้วเรื่องนั้นคุณมินได้คุยกับสามีของคุณรึยังครับ” คุณหมอเอ่ยถามด้วยสีหน้าลำบากใจ เพราะเมื่อตอนที่เขามาตรวจเจ้าตัวเป็นครั้งแรกหลังจากที่เพิ่งฟื้น เขาก็พูดคุยพร้อมกับบอกเรื่องความเสี่ยงและทางเลือกของเด็กที่อยู่ในท้องของมินไปไม่ต่างจากที่บอกกับพ่อของเด็ก ซึ่งปฏิกิริยาตอบรับของมินที่แสดงออกมานั้น เรียกได้ว่าช็อกค้างและเป็นลมล้มพับไปเลย
“รอให้พ่อเขาตัดสินใจดีกว่าครับ” มินพูดบอกไปตามที่คิดเพราะเขาไม่มีความกล้าพอที่จะตัดสินความเป็นความตายให้กับชีวิตของใคร ถึงแม้ว่าคนๆนั้นจะเป็นลูกที่เขามีสิทธิ์เต็มร้อยก็ตาม แต่มันคงจะดีกว่าถ้าให้คนเป็นพ่อเขามีส่วนร่วมในการตัดสินใจ ทั้งนี้ทั้งนั้นก็ขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของแม็กแต่เพียงผู้เดียว
“ถ้าอย่างนั้นก็เอายาบำรุงนี่กลับไปทานให้ครบและตรงเวลานะครับ อย่าปล่อยปละละเลยเหมือนครั้งที่ผ่านมา เพราะบางทีทางออกที่สามีของคุณเลือกมันอาจจะเป็นทางทีดีก็ได้” คุณหมอพูดบอกพร้อมกับรอยยิ้มเพื่อเป็นกำลังใจให้มินเพราะผลประเมินสภาวะทางจิตใจและอารมณ์ของมินออกมาไม่ค่อยดีสักเท่าไหร่ เขาจึงไม่อยากที่จะให้มินเครียดมากไปกว่านี้ ก่อนที่จะยื่นถุงยาบำรุงที่หยิบติดมือมาด้วยส่งให้กับมิน
“ขอบคุณมากครับ” มินเองก็ยื่นมือไปรับถุงยาพร้อมกับระบายยิ้มอ่อน เมื่อได้ยินคำปลอบโยนและให้กำลังใจถึงจากหมอ ถึงแม้ว่ามันอาจจะเป็นแค่ฝันลมๆแล้งๆ แต่เขาก็หวังว่าแม็กจะเลือกทางที่ดีอย่างที่หมอพูดเช่นเดียวกัน
..
..
..
“คุณมินจะกลับคอนโดเลยรึเปล่าครับ” กำธรเอ่ยถามขณะที่เดินตามรถเข็นของมินที่มีบุรุษพยาบาลคอยบริการให้อยู่
“ผมขอไปตรงนั้นสักครู่ได้ไหมครับ” มินพูดบอกกับบุรุษพยาบาลที่ทำหน้าที่เข็นรถให้เขาอยู่ เมื่อเขาเห็นบางอย่างที่หน้าสนใจและดึงดูดใจมาก จนเขาอยากที่จะเข้าไปดูใกล้
“เดี๋ยวผมจัดการต่อเองครับ ขอบคุณมากนะครับ” กำธรพูดบอกพร้อมกับเอ่ยขอบคุณบุรุษพยาบาลที่หันมาถามหาความเห็นกับเขา ก่อนที่เขาจะมาทำหน้าที่เข็ยรถให้มินแทน
“คุณกำธรคิดว่าผมจะมีโอกาสได้เห็นเขาออกมาวิ่งเล่นอย่างนี้ไหมครับ” มินเอ่ยถามพลางยื่นมือข้างนึงขึ้นไปลูบกระจกใสห้องเนอสรี่ประจำโรงพยาบาลที่มีเล็กวิ่งเล่นไปมาอย่างสนุกสนานตามวัย ส่วนอีกมือนึงก็ใช้ลูบหน้าท้องที่ยังคงเรียบแบนของตัวเองไปด้วย
“เอ่อ…” กำธรไม่กล้าที่จะพูดอะไรออกมาเพราะกลัวว่าถ้าตอบไปว่ามีก็จะกลายเป็นว่าเขาไปสร้างความหวังให้กับมินอีก แต่กลับกันถ้าเขาตอบว่าไม่ก็จะกลายเป็นการบั่นทอนกำลังใจของมินเข้าไปอีก เรียกได้ว่าตอบอย่างไหนก็มีแต่เสียกับเสีย
นอกจากสตีฟเพื่อนของแม็กแล้วก็มีกำธรที่เป็นเลขาที่ไม่ต่างจากผู้ช่วยสารพัดประโยชน์ของแม็กอีกคนที่รับรู้เรื่องความสัมพันธ์ของแม็กและมินเป็นอย่างดี แต่เขาก็ไม่เคยคิดจะก้าวก่ายหรือเอาไปพูดป่าวประกาศให้ใครรู้ เพราะเขาถือว่าเป็นเรื่องส่วนตัวของใครของมัน เขาเองที่เป็นแค่ลูกน้องภายใต้การควบคุมของแม็กดังนั้นเขาจึงมีหน้าที่แค่ทำตามคำสั่งเจ้านายเท่านั้น
“คุณกำธรไม่ต้องตอบหรอกครับ มินแค่ถามไปอย่างนั้นเอง” มินพูดบอกออกมาเมื่อรับรู้ถึงความลำบากใจของอีกคน
“อย่าคิดมากไปเลยครับคุณมิน” กำธรพูดบอกออกมา เขาได้แต่ขอโทษมินในใจ ที่เขาไม่สามารถให้คำตอบที่สบายใจให้กับเจ้าตัวได้
“ไม่เป็นไรหรอกครับ มินว่าเรากลับกันเลยดีกว่า มินอยากพักแล้ว” มินละสายตาออกจากเด็กๆที่เขาเฝ้ามองอยู่ได้พักใหญ่ ก่อนที่จะพูดบอกกับกำธร เพราะเขาเริ่มรู้สึกเหนื่อยแล้วจริงๆ แต่ไม่ได้เหนื่อยกายหรอกนะ เพราะเขาเหนื่อยใจที่จะคิดที่จะหวังเสียมากกว่า
~ ~ ~ แฝด ~ ~ ~
ช่วงค่ำวันเดียวกัน…
“กลับมาแล้วหรอครับ” กำธรที่นั่งดูทีวีอยู่ในห้องรับแขกเอ่ยทักทายกับเจ้านายที่เพิ่งจะเดินเข้าห้องมาด้วยสีหน้าเนือยๆ
“อืม…ขอบคุณมากนะที่ช่วยเป็นธุระให้ผมหลายวันเลย นี่ค่าเหนื่อยของคุณ” แม็กพยักหน้ารับ ก่อนที่จะเอ่ยขอบคุณพร้อมกับยื่นสองสีขาวที่มีความหนาพอสมควรให้กับกำธรเป็นสินน้ำใจที่กำธรช่วยมาดูแลคนป่วยให้เขาเสียหลายวัน เพราะกำธรเป็นคนที่เขาไว้ใจที่สุดลองจากสตีฟแล้วในตอนนี้ แต่เขาจะไปหวังเพิ่งไอ้เพื่อนจอมทะเล้นนั่นก็ไม่ได้ เพราะลำพังตัวมันเองก็จะเอาไม่รอดอยู่แล้ว ถ้าให้มาช่วยดูแลมินให้เขาจากที่ดีขึ้นเขากลัวว่ามินจะแย่ลงกว่าเดิม
“ไม่เป็นไรหรอกครับ คุณแม็กช่วยผมกับครอบครัวมาเยอะมากแล้ว แค่นี้เองผมเต็มใจครับ” กำธรรีบโบกมือปฏิเสธที่จะรับซองเงินของเจ้านายเป็นพัลวัน เพราะเขาเต็มใจที่จะมาช่วยดูแลคนสำคัญให้กำแม็กอย่างจริงใจไม่ได้หวังผลตอบแทน เพราะที่ผ่านมาแม็กก็ยื่นมือเข้ามาช่วยเขาหลายครั้งแล้ว ไม่ว่าจะเป็นเรื่องค่าใช้จ่ายในการผ่าตัดหัวใจของภรรยาของเขา หรือแม้แต่เรื่องทุนการศึกษาจนกว่าจะจบปริญญาของลูกชายลูกสาวทั้งสองคนของเขาก็ตาม ลำพังแค่นี้เขาก็ไม่รู้จะตอบแทนเจ้านายคนนี้ยังไงแล้ว
“เอาไปเถอะ ถือว่าผมให้ค่าขนมหลานก็ได้” แม็กพูดบอกพร้อมกับยัดเงินใส่มือกำธรแบบที่ไม่ให้อีกคนมีโอกาสปฏิเสธที่จะรับน้ำใจจากเขาอีก
“ขอบคุณคับ” กำธรยกมือขึ้นไหว้แม็กอย่างไม่รู้สึกตะขิดตะขวงใจใดๆ ถึงแม้ว่าแม็กจะอายุน้อยกว่าเขาหลายปีก็ตาม เพราะเขารู้สึกเคารพคนๆนี้จากใจจริงๆ
“อืม…คุณกลับไปพักผ่อนเถอะ” แม็กพยักหน้ารับพร้อมกับพูดบอกออกมา
“ก่อนจะไปผมขออนุญาตพูดอะไรสักอย่างได้ไหมครับคุณแม็ก” ถึงแม้ว่าจะเก็บของส่วนตัวลงในกระเป๋าพร้อมแล้ว แต่กำธรก็ยังไม่ได้ออกจากห้องไปตามที่แม็กบอกในทันที
“เรื่องอะไรล่ะ?” แม็กเอ่ยถามเหมือนเป็นการอนุญาตไปในตัว
“การกระทำสำคัญกว่าคำพูดก็จริงนะครับ แต่มันจะดีกว่าไหมครับถ้าเราจะทำทั้งสองสิ่งไปพร้อมๆกัน เพราะบางทีแค่การกระทำอย่างเดียวมันก็ไม่สามารถเป็นคำตอบที่ชัดเจนให้กับอีกคนเขาได้รับรู้ไปทั้งหมดหรอกนะครับ…ผมขอตัวกลับก่อนนะครับ” เมื่อพูดสิ่งที่ตัวเองต้องการจะพูดเสร็จเรียบร้อยแล้ว กำธรก็ขอตัวกลับและเดินออกจากห้องไปทันที ไม่รอให้แม็กได้พูดหรือบอกอะไรอีก
..
..
..
แม็กเดินเข้ามาภายในห้องนอนเงียบสงบ ก่อนที่จะปลดเนคไท ถกแขนเสื้อเชิ้ตของตนขึ้นเพื่อความสบายตัวหลังจากทนอึดอัดมาทั้งวัน
“อยู่โรงพยาบาลเป็นอาทิตย์แต่ทำไมหน้ามึงยังซีดอยู่เลยวะ” แม็กทิ้งตัวนั่งลงบนเตียงข้างๆกันกับที่มินนอน ก่อนที่จะใช้มือลูบศีรษะของมินเบาๆในขณะที่สายตาก็สำรวจมองร่างกายของอีกคนไปทั่ว ก่อนจะหยุดลงที่บริเวณหน้าท้องของมินเป็นเวลานาน
“เป็นยังไงบ้าง ยังสบายดีอยู่ใช่มั้ย” แม็กเอื้อมมือเข้าไปวางอยู่บนหน้าท้องของมินอย่างระวัง ก่อนที่จะยื่นหน้าเข้าไปกระซิบถามคนที่อยู่ข้างในนั้นออกมาด้วยเสียงแผ่วเบา
“อือออ…” แต่คุยกัน(?)ได้ไม่นานเจ้าของร่างกายตัวจริงอย่างมินก็พลิกตัวเหมือนกับว่ากำลังจะตื่นขึ้นมา จึงทำให้แม็กรีบผละตัวออกมาอย่างรวดเร็ว
“แม็กหรอ?” มินร้องถามด้วยเสียงงัวเงียพร้อมกับขยี้ตาไปด้วย
“แล้วมึงมีผัวกี่คนล่ะ” แม็กรีบเปลี่ยนท่านั่ง กอดอกเอ่ยถามเสียงเรียบ
“คนเดียว…มินมีแม็กแค่คนเดียว…แม็กเป็นคนที่มินรัก…แม็กเป็นพ่อของลูกมิน” มินพูดบอกเสียงคางยาน แบบเพ้อๆ พลางขยับตัวเข้าไปหาแม็กพร้อมกับทิ้งศีรษะนอนหนุนบนตักของแม็กด้วยท่าทางอ้อนๆ ซึ่งถ้าเป็นปกติแล้ว มินคงไม่จะกล้าทำอย่างนี้กับแม็กแน่ๆ
“รู้ตัวก็ดี” แม็กบอกอย่างไว้เชิง ในขณะที่มือก็เอื้อมไปคว้าผ้าห่มที่กองอยู่อีกฝั่งนึงมาห่มให้กับคนป่วยที่กำลังนอนหนุนตักเขาอยู่
“แม็กจะเอา ‘เค้า’ ไว้มั้ย?” มินทำใจกล้าเอ่ยถามออกมาหลังจากที่เขาทั้งสองคนปล่อยให้ความเงียบปกคลุมอยู่พักใหญ่
“แล้วมึงล่ะ” แม็กไม่ยอมตอบ แต่ถามมินกลับไป
“มินอยากเอาเค้าไว้” มินบอกพร้อมกับหันหน้าเขาไปซุกกับหน้าท้องของแม็ก
“หมอได้บอกมึงรึเปล่าเรื่องความเสี่ยง” แม็กทิ้งตัวเอนหลังหลังพิงหัวเตียง ก่อนที่จะพูดบอกออกมา โดยที่เขาเลือกที่จะใช้คำพูดแบบอ้อมๆ
“บอก” มินพูดตอบเสียงแผ่ว
“…..” แม็กเองก็ยังคงนิ่งเงียบ จนทำให้มินเริ่มใจเสีย
“แต่มินก็อยากเอาเขาไว้อยู่ดี เพราะเขาเป็นลูกเรา แต่…แต่ถ้าแม็กไม่…” มินพูดบอกออกมาตามความปรารถนาจริงๆของตน ก่อนที่จะเริ่มสับสนและพูดติดๆขัดๆออกมาด้วยความกังวลเมื่อเห็นว่าแม็กไม่มีการตอบสนองกับคำพูดของตนเลย
“เงียบ! อย่าร้อง! มึงคิดไปถึงไหนน่ะมิน” ถึงปากจะดุเมื่อได้รับรู้ถึงความชื้นที่เกิดขึ้นบริเวณหน้าท้องของตน แต่สองมือของเขาก็ช้อนตัวของอีกคนขึ้นมากอดอยู่แนบอก
“ฮึก!” มินเองก็ไม่ได้ขืนตัวแต่อย่างใด และเขาก็เริ่มร้องไห้หนักขึ้นกว่าเดิม
“ถึงกูจะใจร้าย ปากหมา ป่าเถื่อน หรือทำตัวถ่อยกับมึงมากแค่ไหน แต่กูก็ไม่ได้ใจดำถึงกับขนาดที่ว่าฆ่าลูกตัวเองได้ลงคอหรอกนะมิน” แม็กจับให้มินนอนหงายดังเดิมเพื่อที่จะได้เห็นหน้าของอีกคน ถึงแม้ว่ามันจะไม่ชัดเจนเพราะมีเพียงแค่แสงไฟสลัวหน้าห้องน้ำที่พวกเขาต้องเปิดไว้ตลอดคืนเพราะมินปรับสายตาจากความมืดจนต้องเดินชนโน่นชนนี่ไม่ได้ก็ตาม
“ฮึก!” มินยกมือขึ้นปาดน้ำตาเพราะอยากที่จะมองเห็นหน้าของแม็กได้ชัดเจนขึ้นกว่าเดิม แต่มันก็ช่างเป็นเรื่องที่ยากเย็นเหลือเกินเพราะน้ำตาของเขาไม่ยอมหยุดไหลออกมา
“มึงเองก็รู้ดีไม่ใช่หรอว่าทำไมกูถึงให้มึงอยู่แต่ในห้อง ไม่ให้ออกไปไหนคนเดียวถ้าไม่มีกูไปด้วย” แม็กพูดบอกออกมาอีก
“…..” มินทำได้แค่พยักหน้าขึ้นลงช้าๆ รู้สิ…เขารู้ดีเลยล่ะ เพียงแต่ช่วงหลังๆมา ตั้งแต่แม็กเริ่มเข้าไปทำงานที่บริษัทของพ่อแม็กก็เปลี่ยนไปจากเดิมอย่างที่เคยเป็นอย่างสิ้นเชิง แม็กอยู่ดุขึ้น นิ่งเงียบ ขี้โมโหและอารมณ์ร้อนมากขึ้น ที่สำคัญเลยคือแม็กจะไม่อนุญาติให้เขาออกไปไหนด้วยตัวเองคนเดียวเป็นอันขาด ถ้าไม่มีเจ้าตัวตามไปคุมด้วย
“แล้วมึงจะคิดมากทำไม ตลอดชีวิตที่เราอยู่ด้วยกันมา ตั้งแต่ที่เรายังเป็นพี่น้องกัน กูก็เลื่อนขั้นขึ้นมาเป็นผัวมึง จนจะเลื่อนไปเป็นพ่อของลูกมึงอีกตำแหน่งแล้วมึงยังไม่รู้อีกหรอว่ากูเป็นคนยังไง มึงยังไม่รู้อีกรึไงว่าทุกๆสิ่งทุกๆอย่างกูทำไปมันเพื่ออะไรและทำไปเพื่อใคร ถ้าไม่ใช่มึงนะห้ะมิน” แม็กพูดรัวเร็วออกมาอีกชุดใหญ่
“…..”
“กูทั้งรักทั้งหวงทั้งห่วงมึงจนจะเป็นบ้าตายอยู่แล้ว มึงแมร่งก็ยัง…” แม็กไม่รู้จะสรรหาคำไหนมาด่าคนรักของตัวเอง ทั้งที่มินควรที่จะเป็นคนที่รู้จักนิสัยและสันดานของเขาดีที่สุดแท้ๆ แต่ก็ยังต้องให้เขามานั่งพูดนั่งบอกอะไรอย่างนี้อีกทั้งที่มันไม่ใช่ตัวตนของเขาเลย
“ขอโทษและก็ขอบคุณนะแม็ก” มินพูดบอกพร้อมกับหันหน้ากลับไปกอดเอวซุกหน้าท้องของแม็กอีกครั้งด้วยความรู้สึกที่ต่างจากเมื่อกี้โดยสิ้นเชิง
“พึ่งรู้ตัวหรอ” แม็กพูดว่าเสียงสะบัดเหมือนกับไม่พอใจ เอ๊ะ…ว่าแต่แบบนี้เขาเรียกว่า ‘งอน’ จะได้มั้ยนะ…มินแอบยิ้มอยู่คนเดียวท่ามกลางความมืดและเสียงเต้นของหัวใจ
“มินรักแม็กนะ…รักมากที่สุดในโลกเลย” มินพูดบอกออกมาอีกครั้ง ตอนนี้เขารู้สึกมีความสุขมากจนเหมือนกับหัวใจพองโตจนแทบจะระเบิดออกมาเสียให้ได้
“ก็สมควรอยู่หรอก” ถึงแม้จะเป็นคำตอบรับที่ดูจะกระด้างไปนิด แต่มันก็ยังทำให้หัวใจของมินสั่นไหวอย่างรุนแรงจนแทบจะเต้นไปไม่เป็นจังหวะอยู่แล้ว เมื่อเจ้าตัวกระชับตัวของมินที่อยู่ในผ้าห่มเข้ามากอดให้แน่นขึ้นกว่าเดิม จนมินรู้สึกอบอุ่นไปทั่วทั้งหัวใจ
………………………………………………………………….TBC.
ถ้าไม่ติดธุระอะไรจะมาอัพให้ทุกวันนะคะ เพราะอยากจะให้ทันอีกเว็บนึงที่ตอนนี้อัพไปแล้ว14ตอน
และถ้าคนที่เคยอ่านเรื่อง 'คุณเมียภาคบังคับ' กับ 'รักนี้มีแค่นายซุปเปอร์สตาร์' มาก่อนคงจะจำกันได้นะคะ #ด้วยรัก