พิมพ์หน้านี้ - จบแล้ว {Mpreg/Incest} แฝด Up.ตอนที่ 22 (20/01/60)

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Boy's love => Boy's love story => นิยายที่โพสจนจบแล้ว => ข้อความที่เริ่มโดย: เขียนสือ ที่ 07-12-2016 20:29:20

หัวข้อ: จบแล้ว {Mpreg/Incest} แฝด Up.ตอนที่ 22 (20/01/60)
เริ่มหัวข้อโดย: เขียนสือ ที่ 07-12-2016 20:29:20
ข้อตกลงในการเข้ามาในเล้าเป็ดนะครับ กรุณาอ่านทุกคนนะครับ
เล้าแห่งนี้เป็นที่ที่คนชื่นชอบนิยาย boy's love หรือชายรักชาย หากใครหลงมาแล้วไม่ชอบ
กรุณากดกากบาทสีแดงมุมด้านขวาบนออกไปด้วยนะครับ

ติดตามกฏเพิ่มเติมที่กระทู้นี้บ่อยๆ เมื่อมีการแก้ไขกฏจะแก้ไขที่กระทู้นี้นะครับ
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0

ประกาศทั่วไปติดตามอัพเดทกันที่นี่
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.0

ประกาศ กฎที่อื่นมีไว้แหก แต่ห้ามมาแหกที่นี่

1.ห้ามมิให้ละเมิดสิทธิส่วนตัวของคนแต่งและบุคคลในเรื่องทั้งหมด

2.ห้ามมิให้โพสต์ข้อความ รูปภาพ ใช้ลายเซ็นหรือรุปส่วนตัวหรือสื่อใดๆที่ก่อให้เกิดความขัดแย้ง ไม่แสดงความเคารพ, หมิ่นประมาท,
หยาบคาย, เป็นที่รังเกียจ, ไม่เหมาะสม,ติดเรท x,ทำให้กระทู้กลายพันธ์,ไม่เกี่ยวพันกับนิยายที่ลง
หรืออื่นๆที่ขัดต่อกฎหมาย,ห้ามโพสกระทู้ที่จะสร้างประเด็นความขัดแย้ง  ในเรื่อง การเมือง ศาสนา พระมหากษัตริย์
และสถาบันต่าง ๆ  รวมถึงกระทู้ที่จะสร้างความแตกแยก  ชวนวิวาท ของสมาชิกภายในเวปบอร์ด

3.การนำเรื่อง ข้อความ รูปภาพมาโพส หรือนำข้อความใดๆไปโพสที่อื่นๆ กรุณาพยายามติดต่อเจ้าของเรื่องเท่าที่จะทำได้หรือแจ้งมายังบอร์ดนี้ก่อนนะ ครับ  เนื่องจากเจ้าของเรื่องบางครั้งไม่ต้องการให้คนที่ไม่ได้ชื่นชอบนิยายชายรัก ชายเข้ามารับรู้  ลิขสิทธิ์ทั้งหมดเป็นของเจ้าของคนที่ทำขึ้นและเวปแห่งนี้นะครับ

4.ห้าม แจกเบอร์ แลกเมล บอกเมล แลก msn บนบอร์ด โดยเฉพาะการบอกเบอร์ หรือเมลของคนอื่นโดยที่เจ้าของไม่ยินยอมให้ส่งหรือติดต่อกันทางพีเอ็มจะ ปลอดภัยกว่าแล้วเมื่อมีการติดต่อสื่อสารกันให้พึงระวังถึงความปลอดภัย ความไม่น่าไว้ใจของผุ้คนทุกคนแม้จะมีชื่อเสียงในบอร์ดเป็นเรื่องส่วนตัวของ แต่ละคนไป เพื่อลดความขัดแย้งภายในเล้า จึงไม่สนับสนุนให้มีการจีบกันในบอร์ดนะครับ

5.ห้าม จั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” นักเขียนทุกคนอย่าโกหกคนอ่านว่าเป็นเรื่องจริงในกรณีแต่งเติมเพิ่มแม้แต่นิด เดียวให้ชี้แจงว่าเป็นเรื่องแต่งแม้จะแต่งเพิ่มขึ้นแค่ไม่ถึง 10 % ก็ตาม

6.การ พูดคุยโต้ตอบระหว่างคนเขียนและคนอ่านนอกเรื่องนิยาย  ทำได้  แต่อย่าให้มากนัก เช่น คนเขียนโพสนิยายหนึ่งตอน ก็ควรตอบเพียงคอมเม้นต์เดียวก็พอแล้ว  โดยสามารถใช้ปุ่ม Insearch qoute  ได้    ถ้าจะพูดคุยกันมากขึ้นแนะนำให้ไปตั้งกระทู้ใหม่ที่ห้องพูดคุยทั่วไป และลงลิงค์จากนิยายไปยังกระทู้พูดคุยกับแฟนคลับนิยายในรีพลายแรกด้วยนะครับ เพราะการที่คนเขียนและแฟนคลับพูดคุยกันมากทำให้หานิยายที่จะอ่านยาก ไม่เจอ ลำบากกับคนที่ไม่ได้เข้ามาตามอ่านทุกวัน

7. การกดบวกให้เป็ดเหลือง
      7.1 นิยาย 1 ตอน  จะให้ขึ้น Top list แค่ 1 Reply เท่านั้น ถ้าขึ้นเกิน จะลบคะแนนออก เหลือเฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด
      7.2 นิยาย 1 เรื่อง จะให้ขึ้น Top list ไม่เกิน 3 Reply ถ้าเกิน จะลบคะแนนออก ให้เหลือ เฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด ลงมาตามลำดับ
      7.3 Post ในห้องอื่น ๆ ก็จะใช้ หลักการเดียวกันนี้ เช่นกัน ยกเว้น
            - 1 Reply ที่เกินมานั้น โมทั้งหลาย พิจารณาดูแล้วว่า ไม่เป็นการปั่นโหวต และเป็น Reply ที่น่าสนใจและเป็นที่ชื่นชอบจริง ๆ

8.Administrator และ moderator ของ forum นี้ มีสิทธิ์อ่าน, ลบ หรือแก้ไขทุกข้อความ. และ administrator, moderator หรือ webmaster ไม่สามารถรับผิดชอบต่อข้อความที่คุณได้แสดงความคิดเห็น (ยกเว้นว่าพวกเขาจะเป็นผู้โพสต์เอง).

9.คุณยินยอม ให้ข้อมูลทุกอย่างของคุณถูกเก็บไว้ในฐานข้อมูล. ซึ่งข้อมูลเหล่านี้จะไม่ถูกเปิดเผยต่อผู้อื่นโดยไม่ได้รับการยินยอมจากคุณ .Webmaster, administrator และ moderator ไม่สามารถรับผิดชอบต่อการถูกเจาะข้อมูล แล้วนำไปสร้างความเดือดร้อนต่างๆ

10.ห้าม ลงประกาศลิงค์โปรโมทเวป  โฆษณา หรือโปรโมทในเชิงธุรกิจใดๆ ทุกชนิด ลงได้เฉพาะในห้องซื้อขาย ในเมื่อแนะนำเวปอื่นที่บอร์ดเรา ก็ช่วยแนะนำบอร์ดเราโดยลงลิงค์บอร์ดเรา เวป http://www.thaiboyslove.com  ในบอร์ดที่ท่านแนะนำมาให้เราด้วย  เมื่อจำเป็นต้องแนะนำลิงค์ให้ส่งลิงค์กันทาง personal message หรือพีเอ็มแทนนะครับจะสะดวกกว่า ส่วนในกรณีอยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนๆได้อ่านจริงๆนั้นพยายามลงให้ห้องซื้อ ขายซะ หรือถ้าม๊อดเดอเรเตอร์จะพิจารณาเป็นกรณีๆไป ถ้ารู้สึกว่าไม่ได้โปรโมทเวป แต่อยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนด้วยใจจริงจะให้กระทู้นั้นคงอยู่ต่อไป

11.บอร์ด นิยายที่โพสจนจบแล้วมีไว้สำหรับนิยายที่โพสในบอร์ด boy's love จนจบแล้วเท่านั้น จึงจะถูกย้ายมาเก็บไว้ที่นี่ หาอ่านนิยายที่จบแล้ว หรือคนเขียนไม่ได้เขียนต่อ แต่โดยนัยแล้วถือว่าพล็อตเรื่องโดยรวมสมควรแก่การจบแล้ว หากนักเขียนท่านใดได้พิมพ์เล่มกับสำนักพิมพ์ ต้องการลบเรือ่งบางส่วนออก โดยเฉพาะไคลแม๊ก หรือตอนจบที่สำคัญ ให้แจ้ง moderator ย้ายนิยายของท่านสู่ห้องนิยายไม่จบ เพื่อที่หากระยะเวลาเกินหกเดือนแล้ว เราจะได้ทำการลบทิ้ง หรือท่านจะลบนิยายดังกล่าวทิ้งเสียก็ได้ เนื่องจากบอร์ดนี้เก็บเฉพาะนิยายที่จบแล้ว

บอร์ดนิยายที่ยังไม่มาต่อจนจบไว้สำหรับ
นิยาย ที่คนเขียนไม่ได้มาต่อนาน หายไปโดยไม่มีเหตุผลสมควร ไม่ได้แจ้งไว้หรือแจ้งแล้วก็ไม่มาต่อ 3 เดือน จะย้ายมาเก็บในนี้เมื่อครบหกเดือนจะทำการลบทิ้ง ส่วนเรื่องไหนที่จะต่อก็ต่อในนี้จนกว่าจะจบ แล้วถึงจะทำการย้ายไปสู่บอร์ดนิยายจบแล้วต่อไป

12.ห้ามนำเรื่องพิพาทต่างๆมาเคลียร์กันในบอร์ด

13.ผู้โพสนิยาย และเขียนนิยายกรุณาโพสให้จบ ตรวจสอบคำผิดก่อนนำมาลงด้วยครับ

14.ส่วนคนอ่านทุกท่าน เวลาอ่านนิยาย เรื่องที่คนเขียนเขียน  ก็ไม่ต้องไปอินมากนะครับ ให้เก็บเอาสิ่งดีๆ ประสบการณ์ ข้อคิดดีๆไปนะครับ

15. การนำรูปภาพ บทความ ฯลฯ มาลงในเวปบอร์ด  ควรจะให้เครดิตกับ... 
(1) ผู้ที่เป็นต้นตอเจ้าของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ
(2) เวปไซต์ต้นตอที่อ้างอิงถึง

16.นิยาย เรื่องไหนที่คิดว่าเมื่อมีการรวมเล่มขายแล้วจะลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วน หรือทั้งหมดออก กรุณาอย่าเอามาลงที่นี่ หรือสำหรับผู้ที่ขอนิยายจากนักเขียนอื่นมาลง ต้องมั่นใจว่าเรื่องนั้นจะไม่มีการลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมด ออกเมื่อมีการรวมเล่มขาย อนึ่ง เล้าไม่ได้ห้ามให้มีการรวมเล่มแต่อย่างใด สามารถรวมเล่มขายกันได้ แต่อยากให้เคารพกฎของเล้าด้วย เล้าเปิดโอกาสให้ทุกคน จะทำมาหากิน หรืออะไรก็ตามแต่ขอความร่วมมือด้วย เผื่อที่ทุกคนจะได้อยู่อย่างมีความสุข

17.ห้าม แจ้งที่หัวกระทู้เกี่ยวกับการจองหรือจัดพิมพ์หนังสือ แต่อนุโลมให้ขึ้นหัวกระทู้ว่า “แจ้งข่าวหน้า...” และลงลิงค์ที่ได้ตั้งเอาไว้ในแล้วในห้องซื้อขายลงในกระทู้นิยายแทน  ถ้านักเขียนต้องการประชาสัมพันธ์เกี่ยวกับการจอง หรือจัดพิมพ์หนังสือของตนเองผ่านกระทู้นิยายของตนเอง  นิยายเรื่องดังกล่าวจะต้องลงเนื้อหาจนจบก่อน (ไม่รวมตอนพิเศษ) จึงจะทำการประชาสัมพันธ์ในกระทู้นิยายได้ (ศึกษากฏการซื้อขายของเล้่าก่อน ด้วยนะคะ)

18.ใคร จะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดเรื่องสั้น ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที  ส่วนเรื่องสั้นที่จบแล้วให้แก้ไขโพสแรก และต่อท้ายว่าจบแล้วจะได้ไม่ถูกลบทิ้งและจะเก็บไว้ที่บอร์ดเรื่องสั้นไม่ ย้ายไปไหน   เช่นเดียวกับนิยายทุกเรื่องเมื่อจบให้แก้ไขโพสแรก และต่อท้ายว่าจบแล้ว จะได้ย้ายเข้าสู่บอร์ดนิยายจบแล้ว ไม่เช่นนั้นม๊อดอาจเข้าใจว่าไม่มาต่อนิยายนานเกินจะโดนลบทิ้งครับ

เอาข้อสำคัญก่อนนะครับเด่วอื่นๆจะทำมาเพิ่มครับเอิ้กๆหุหุ
admin
thaiboyslove.com.......................................                                                           

วันที่ 3 ธ.ค. 2551วันที่ 16 ก.ย. 2554 ได้เพิ่มกฏ ข้อที่ 7
วันที่ 21 ต.ค.2556 ได้ปรับปรุงกฏทั้งหมดเพื่อให้แก้ไข และติดตามได้ง่าย
วันที่ 11 พ.ย. 2557 เพิ่มเติมการลงเรื่องสั้นและการแจ้งว่านิยายจบแล้ว
วันที่ 4 ธ.ค. 2557 เพิ่มบอร์ดเรื่องสั้นจึงปรับปรุงกฏข้อ 18 เกี่ยวกับเรื่องสั้น และ เพิ่มเติมส่วนขยายของกฏข้อ 17

เวปไซต์ แห่งนี้เป็นเวปไซต์ส่วนบุคคลที่ได้รับความคุ้มครองจากกฏหมายภายในและระหว่าง ประเทศ การเข้าถึงข้อมูลใดๆบนเวปไซต์แห่งนี้โดยไม่ได้รับความยินยอมจากผู้ให้บริการ ถือว่าเป็นความผิดร้ายแรง

ข้อความใดๆก็ตามบนเวปไซต์แห่งนี้ เกิดจาการเขียนโดยสมาชิก และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ ผู้ดูแลเวปไซต์แห่งนี้ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย และไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆ  โปรดใช้วิจารณญาณของท่านที่เข้าชม และ/หรือ ท่านผู้ปกครองในการให้ลูกหลานเข้าชม




แฝด

#

{แม็ก & มิน}

 

ถ้าได้ยินคำว่า ‘ฝาแฝด’ แล้วพวกคุณจะนึกถึงเรื่องอะไรเป็นอันดับแรก

พี่น้องพ่อแม่เดียวกัน? สายเลือดเดียวกัน? เด็กสองคนเกิดมาพร้อมกัน?

มีหน้าตาเหมือนกัน? หรือว่าจะนึกถึงสายสัมพันธ์ที่ไม่มีวันตัดจากกันได้ดีล่ะ?

แต่ถ้าเป็นผม…

 

ผมจะคิดถึงแค่ ‘พ่อของลูก’ ที่อยู่ในท้องเท่านั้น

 

...

คำเตือน

นิยายเรื่องนี้มีเนื้อหาที่เป็นชายรักชาย และนายเอกท้องได้

นิยายเรื่องนี้มีความรุนแรงทางเพศ ภาษา

เนื้อเรื่องมีความเกี่ยวกับการผิดบาป ต่อศาสนาและวัฒนธรรม

ผู้อ่านควรใช้วิจารณญาณในการไตร่ตรอง
หัวข้อ: Re: {Mpreg/Incest} แฝด Up.บทนำ (07/12/59)
เริ่มหัวข้อโดย: เขียนสือ ที่ 07-12-2016 20:33:15

บทนำ





       ภายในห้องนั่งเล่นบนคอนโดชั้นสูงสุดย่านใจกลางเมืองแห่งหนึ่ง มีชายหนุ่มรูปหล่อหน้าตาดีคนหนึ่ง แต่ที่ดูโดดเด่นที่สุดคงจะไม่พ้นดวงตาเฉี่ยวคมของเจ้าตัวที่ยากนักจะหาใครเหมือน กำลังนั่งกดเลื่อนช่องทีวีไปมาอยู่บนโซฟาด้วยท่าทีหงุดหงิดงุ่นง่านออกมาให้เห็นอย่างชัดเจนเหมือนกับว่าเขานั้น กำลังรอคอยใครบางคนอยู่

       กริ๊ก…

       “มึงหายไปไหนมา” ทันทีที่ได้ยินเสียงปลดล็อคและเสียงปิดล็อคประตูตามมาชั่วไม่ถึงอึดใจ เขาก็เอ่ยถามคนที่เพิ่งมาถึงด้วยเสียงราบเรียบทันที โดยไม่จำเป็นต้องหันไปมองให้เสียเวลา เพราะที่คอนโดแห่งนี้มีแค่เขากับอีกคนเท่านั้นที่อาศัยอยู่ด้วยกัน

       “ไปสอนพิเศษ” คนมาใหม่ตอบด้วยท่าทางอ่อนใจ ก่อนที่จะเดินผ่านอีกคนไปยังห้องนอน เพราะเขาไม่มีอารมณ์ที่จะทะเลาะกับใครทั้งนั้นในตอนนี้

       “กูบอกแล้วไงว่าไม่ให้มึงไปอีก” แต่ยังไม่ทันทีอีกคนจะได้ไปไหน เจ้าของตาเฉี่ยวคมก็เอ่ยพูดขึ้นมาอีก

       “แต่เราอยากทำงาน” อีกคนพูดบอกออกมาตามความต้องการของตัวเอง

       “อยากทำงาน? หึ! มึงอยากทำงานหรืออยากออกไปหาไอ้ลูกศิษย์เวรนั่นของมึงกันแน่ห๊ะ!!” เขาพูดถามด้วยน้ำเสียงดูแคลนพร้อมกับกระชากต้นแขนของอีกคนเข้ามาหาตัวเองสุดแรง จนคนตัวเล็กกว่าแบ้หน้าออกมาด้วยความเจ็บ

       “เราอยากทำงานจริงๆนะ แม็กให้เราอยู่แต่ในห้องเราเบื่อ” มินบอกเสียงอ่อนพร้อมทั้งพยายามที่จะบิดแขนออกมือหนาของอีกคนที่ตอนนี้กำลังบีบรัดเขาไม่ต่างไปจากคีมเหล็ก

       “งานในห้องก็มีให้มึงทำเยอะแยะมึงทำไมไม่ทำเข้าไปล่ะห๊ะ!!” แม็กตวาดถามเสียงกร้าว

       “งานบ้านเราก็ทำอยู่แล้ว แต่เราก็อยากทำงานที่มันได้เงินบ้าง จะช่วยแม็กอีกแรงไง” มิน บอกเสียงอ่อน ถึงแม้ว่าการเป็นติวเตอร์ของเขาจะไม่ใช่อาชิพที่มีรายได้ดีอะไรมากมาย แต่มันก็สามารถทำเงินให้เขาได้ไม่มากก็น้อย ดีกว่าอยู่ไปวันๆแบบไม่ทำอะไรเลย

       “ไม่ต้องมาเสือกรู้ดีไปกว่ากู กูสั่งให้มึงทำอะไรมึงก็ต้องทำ แล้วต่อจากนี้ไปมึงไม่ต้องเสือกออกไปไหนเลยนะ อยู่มันแต่ในห้องนี่แหละ!! ชอบขัดคำสั่งกูดีนัก” แม็กพูดบอกพร้อมกับผลักอีกคนให้ออกห่างจากตัวเอง จนมินเซล้มลงไปนั่งจ้ำเบ้าอยู่กับพื้น

       “แม็กไม่มีสิทธิ์ที่จะมาสั่งเราอย่างนี้นะ!” มินลุกขึ้นยืนพร้อมกับตะโกนพูดใส่อีกคน

       “ทำไม?” แม็กเลิกคิ้วถาม

       “เพราะเราเป็นพี่แม็กไง” มินเชิดหน้าพูดบอกอย่างไม่เต็มเสียงนัก จริงอยู่ที่เขาเป็นพี่ของอีกคน แต่ก็แค่ไม่กี่นาทีเท่านั้น เพราะเขาทั้งสองคนเป็น ‘ฝาแฝด’ กัน

       “มึงคงจะลืมไปแล้วซินะว่าความจริงแล้ว…” แม็กพูดพร้อมกับก้าวเดินกับมาหามินอีกครั้ง ก่อนที่จะใช้มือบีบปลายคางเชิดๆของอีกคนไว้

       “…..” มินได้แต่ยืนตัวเกร็ง เมื่อเห็นสายตาวาววับของอีกคน

       “กูไม่ได้เป็นแค่น้องมึงเท่านั้น แต่กูยังเป็น ‘ผัว’ ของมึงด้วย เพราะฉะนั้นกูมีสิทธิ์ที่จะพูดจะสั่งหรือจะทำอะไรกับมึงก็ได้” แม็กพูดบอกออกมาช้าๆด้วยเสียงกดต่ำจนมินเริ่มใจเสีย

       “…..” มินมองแม็กผ่านม่านน้ำตาที่เริ่มรินไหลออกมาพร้อมกับความหวาดกลัวที่เริ่มก่อตัวขึ้นมาทีละนิดๆ เพราะเขาเริ่มรู้สึกถึงความกดดันที่อีกฝ่ายเป็นคนสร้างขึ้นมา

       “จำใส่กะโหลกของมึงเอาไว้!!!!” พูดจบเขาก็ปล่อยปลายคางของอีกคนพร้อมๆกับที่ยกมือข้างเดียวกันขึ้นมาผลักหัวมินอย่างแรง ก่อนที่จะหันหลังเดินปึงปังออกจากห้องไป ทิ้งให้อีกคนต้องนั่งกอดเข่าร้องไห้อยู่ที่เดิมคนเดียวอย่างไร้การเหลียวแล




………………………………………………………………………….TBC.
หัวข้อ: Re: {Mpreg/Incest} แฝด Up.บทนำ (07/12/59)
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 07-12-2016 21:13:14
แม็ก มิน ฝาแฝด
แต่แม็ก ทำตัวเกินพี่น้องไปแล้ว
หวงมิน รักมิน หรือแค่อยากใช้อำนาจ
ทำไมไม่ฟังความเห็นของพี่บ้าง
แม็ก เอาแต่ใจตัวเองเกินไปหรือเปล่า
       :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: {Mpreg/Incest} แฝด Up.บทนำ (07/12/59)
เริ่มหัวข้อโดย: puiiz ที่ 07-12-2016 21:36:55
มาติมตามด้วยคน   :mew1: :mew1:
หัวข้อ: Re: {Mpreg/Incest} แฝด Up.บทนำ (07/12/59)
เริ่มหัวข้อโดย: azure ที่ 07-12-2016 21:51:49
 :katai5: :katai5: :katai5: ลงชื่อรอเลย
หัวข้อ: Re: {Mpreg/Incest} แฝด Up.บทนำ (07/12/59)
เริ่มหัวข้อโดย: คนคิ้วท์คิ้วท์ ที่ 07-12-2016 23:04:39
ขุ่นพระ ปักธงรอ
หัวข้อ: Re: {Mpreg/Incest} แฝด Up.บทนำ (07/12/59)
เริ่มหัวข้อโดย: lolli_candy99 ที่ 07-12-2016 23:18:53
อมก。รอออออออออ
หัวข้อ: Re: {Mpreg/Incest} แฝด Up.บทนำ (07/12/59)
เริ่มหัวข้อโดย: Jthida ที่ 08-12-2016 00:00:12
ดราม่าแน่ๆ
หัวข้อ: Re: {Mpreg/Incest} แฝด Up.บทนำ (07/12/59)
เริ่มหัวข้อโดย: Mura_saki ที่ 08-12-2016 06:59:18
แค่เริ่มเรื่อง น้ำตาพี่มินก็ไหลแล้ว ...น่าสงสาร
จากนี้จะโดยทำร้ายทั้งร่างกายและจิตใจด้วยรึป่าว
แม็กเอาแต่ใจ!!!!!
หัวข้อ: Re: {Mpreg/Incest} แฝด Up.บทนำ (07/12/59)
เริ่มหัวข้อโดย: nunda ที่ 08-12-2016 07:28:48
ไอ้แม็ก เอ็งจะโหดไปไหน ฮ่วย!
หัวข้อ: Re: {Mpreg/Incest} แฝด Up.ตอนที่ 1 (08/12/59)
เริ่มหัวข้อโดย: เขียนสือ ที่ 08-12-2016 10:45:42

แฝด ตอนที่ 1





05:00 น.
       
ติ๊ดๆ ติ๊ดๆ ติ๊ดๆ ติ๊ด! พรึ่บ!

       มินลืมตาตื่นขึ้นมาทันทีเมื่อได้ยินเสียงนาฬิกาปลุกดังขึ้นข้างหู เขาจึงรีบเอื้อมมือไปกดหยุดทันที ก่อนที่จะค่อยๆ ยกแขนคนที่นอนกอดเขาอยู่ออกเบาๆ ลงไปยืนใส่เสื้อผ้ากลับเป็นชุดนอนให้เรียบร้อยดังเดิม เพราะเมื่อคืนเขาต้องตามใจอีกคนไปหลายรอบเหมือนกันโทษฐานที่ทำให้อารมณ์เสีย(เรื่องอะไรก็ไม่รู้) หลังจากนั้นเขาก็ค่อยๆเดินเก็บเสื้อผ้าของอีกคนที่วางกองเกะกะอยู่ที่พื้นไปใส่ตะกร้าเตรียมซักให้เรียบร้อย ก่อนที่จะไปล้างหน้าล้างตา และออกไปเตรียมมื้อเช้าให้อีกคนอย่างเคยชิน เพราะมันเป็นหน้าที่ของเขามาตั้งแต่ไหนแต่ไรแล้ว

       “แม็กๆ แม็กตื่นได้แล้วนะแม็ก” หลังจากทำอาหารเช้ารอไว้ให้อีกคนเสร็จแล้ว มินก็ต้องรีบเข้ามาปลุกคนขี้เซาที่ยังคงนอนอืดอยู่บนเตียงไม่ยอมขยับเขยื้อนไปไหนทั้งที่สมควรที่จะลุกตื่นขึ้นมาได้แล้ว

       “อือ…คนจะนอน” แม็กสะบัดมือมินออกจากแขนของตัวเอง ก่อนที่จะพลิกตัวหันหน้าหนีไปอีกทาง

       “ตื่นได้แล้วแม็ก เดี๋ยวไปทำงานสาย พ่อก็ว่าเอาอีกหรอก” มินพูดบอกพร้อมกับดึงผ้าห่มออกจากตัวของอีกคน ก่อนที่จะฉุดดึงแม็กให้ลุกขึ้นมาด้วยแรงทั้งหมดที่ตนมี

       “เออๆ ตื่นแล้ว! มึงเป็นเมียหรือเป็นแม่กูกันแน่วะมิน บ่นจริงบ่นจัง!!” แม็กพูดว่าก่อนที่จะเดินตัวเปลือยเข้าไปในห้องน้ำด้วยท่าทางหัวเสีย เพราะหงุดหงิดที่โดนปลุกทั้งทียังนอนไม่เต็มอิ่ม และเมื่อเห็นว่าอีกคนเดินหายเข้าไปในห้องน้ำแล้วมินก็รีบเก็บที่นอนพร้อมทั้งหาชุดทำงานมาวางเตรียมไว้ให้อีกคนเหมือนอย่างที่ทำเป็นประจำทุกๆวัน
..
..
..
       “กูไปแล้วนะ” เมื่อจัดการกับมื้อเช้าเสร็จแล้วแม็กก็ลุกขึ้นพูดบอกกับมินที่ยังคงวุ่นอยู่กับการเช็ดโต๊ะอาหารอยู่

       “กูจะไปทำงานแล้วนะ” แม็กพูดซ้ำคำเดิมด้วยเสียงที่กระด้างขึ้นจากเดิมอีกเท่าตัว จนทำให้มินต้องหยุดมือจากงานที่ทำค้างอยู่แล้วหันมาสนใจอีกคนทันที

       “มีอะไรหรอ?” มินเอียงคอถามด้วยความไม่รู้ปนสงสัย เพราะปกติแล้วเมื่อทานมื้อเช้าเสร็จแล้วแม็กก็จะเดินออกจากห้องไปทำงานทันที โดยไม่มีการล่ำลาและมีแต่เขานี่แหละที่จะต้องวิ่งเอากุญแจรถหรือไม่ก็แฟ้มเอกสารไปให้ ถ้าวันไหนเจ้าตัวเกิดลืมขึ้นมาน่ะนะ

       “มึงมีตามั้ยมิน? มึงเห็นมั้ยว่าเนคไทกูยังไม่ได้ผูก ถุงเท้ากูก็ยังไม่ได้ใส่ มึงจะให้กูออกไปทำงานทั้งอย่างนี้หรอห๊ะ!!” แม็กตะคอกบอกด้วยความหงุดหงิด เพราะเขากำลังจะไปทำงานสาย และปกติแล้วเขาก็ไม่จำเป็นที่จะต้องมาคอยพูดเตือนเรื่องอะไรอย่างนี้เลย เพราะมินจะเป็นฝ่ายเดินเข้ามาจัดการให้เขาด้วยตัวเองเสมอ เพราะมันเป็นหน้าที่ของเจ้าตัวอยู่แล้ว

       “อ่า…ขอโทษทีนะแม็ก พอดีวันนี้เรารู้สึกว่าหัวมันตื้อจนเรามึนไปหมด” มินพูดบอกไปตามความจริง เพราะวันนี้เขาตื่นมาพร้อมกับอาการมึนๆงงๆจนรู้สึกว่าอยากจะอาเจียนออกมา แต่ก็ฝืนตัวเองลุกขึ้นมาจัดการหน้าที่ของตัวเองที่จำเป็นต้องจัดการเรื่องของแม็กให้เสร็จเสียก่อน

       “มึงไม่สบายหรอ?” แม็กถามพลางใช้หลังมือแตะหน้าผากวัดไข้มินที่กำลังนั่งคุกเข่าใส่ถุงเท้าให้เขาอยู่บนพื้นพรม

       “เปล่าหรอก สงสัยจะนอนไม่พอ” มินพูดบอกหลังจากที่ใส่ถุงเท้าให้แม็กเสร็จทั้งสองข้างเป็นที่เรียบร้อย

       “อ่อ…เมื่อคืนกูคงจัดหนักเกินไปซินะ” แม็กพูดออกมาหน้าตาเฉย ก่อนที่จะลุกขึ้นยืนบิดตัวไปมา ส่วนมินเองก็ได้แต่นั่งก้มหน้าอยู่อย่างนั้นด้วยความเขินอายเมื่อได้ยินอีกคนพูดเรื่องหน้าอายออกมา ก่อนที่จะเดินออกจากห้องไป
..
..
..
อาคารสำนักงานชั้นบนสุดของห้างสรรพสินค้าเมก้ามอลล์

ประธานกรรมการฝ่ายบริหาร

       แอ๊ด…ปึง!!

       “เมื่อไหร่พี่แกจะมาทำงานทำการกับคนอื่นเค้าบ้างสักที นี่ขนาดเจ้ามอสยังเรียนไม่จบมันยังเข้ามาช่วยฉันทำงานแล้วเลย” ชายสูงวัยทว่ายังมีรูปร่างท่าทางภูมิฐานดูสง่าผ่าเผย เดินเข้ามาพูดถามกับแม็กถึงในห้องทำงานด้วยเสียงดังลั่น

       “พ่อควรที่จะเคาะประตูห้องผมก่อนที่จะเดินเข้ามานะ” แม็กไม่ได้สนใจที่จะตอบคำถามของผู้มาเยือนแต่อย่างใด แต่เขากลับพูดว่าพร้อมกับใช้สายตาตำหนิออกมาอย่างชัดเจน ซึ่งถ้าเป็นพนักงานหรือลูกคนอื่นๆที่ไม่ใช่แม็กจะไม่มีใครกล้าทำอย่างนี้กับคนๆนี้เลย เพราะนอกจากการเป็นบิดาผู้ให้กำเนิดของแม็ก มิน และมอสน้องชายคนสุดท้องแล้ว เขายังคงดำลงตำแหน่งประธานใหญ่เจ้าของกิจการห้างสรรสินค้าเมก้ามอลล์สุดหรูที่มีสาขาย่อยขยายความยิ่งใหญ่ไปทั่วทั้งประเทศอีกด้วย

       “ฉันมาถามหาพี่แก ไม่ได้มาให้แกสอนฉันเรื่องประตูนะเจ้าแม็ก” เขาหลับตาลงเรียกสติตัวเองก่อนที่จะพูดบอกออกมา เพราะว่าเขาไม่มีอารมณ์ที่จะมาต่อล้อต่อเถียงกับไอ้ลูกคนนี้ในตอนนี้ แต่เขาต้องการที่จะรู้เรื่องลูกชายคนโตของเขาที่หายหน้าหายตาไปต่างหาก

       “ผมก็มาทำงานให้พ่อแล้วนี่ไง พ่อจะถามหามินมันอีกทำไม” แม็กพูดบอกเสียงเรียบพลางอ่านทวนเอกสารรายละเอียดการประชุมที่จะเริ่มในอีกยี่สิบนาทีข้างหน้านี้ ไม่ได้เงยหน้ามองคนเป็นพ่ออย่างที่ควรจะทำ

       “เพราะมันเป็นหน้าที่ที่ลูกอย่างมันควรที่จะมาช่วยพ่ออย่างฉันทำงานไง!! ฉันส่งให้มันเรียนแต่ที่ดีๆ จบมาก็ตั้งหลายปีแล้ว แกไม่คิดว่ามันควรที่จะเข้ามาช่วยแบ่งเบาภาระให้ฉันบ้างเลยรึไงห้ะเจ้าแม็ก!!” เขาตบโต๊ะพูดบอกเสียงกร้าว เมื่อรับรู้แล้วว่าแม็กจงใจที่จะกวนประสาทเขาอยู่โดยการพูดเลี่ยงไปมา

       “หน้าที่ของมันคือการดูแลผม ไม่ใช่มาคอยฟังคำสั่งของพ่อหรือใคร” แม็กลุกขึ้นยืนขึ้นมาประจันหน้ากับคนเป็นพ่อ ก่อนที่จะเอ่ยบอกออกมาเสียงเรียบนิ่ง

       “ฉันเป็นพ่อมัน ฉันจะสั่งให้มันทำอะไรก็ได้” เขาพูดบอกออมาอีกครั้ง

       “แต่สิทธิ์ของพ่อจะหมดไป เมื่อมันมี ‘ผัว’ นะครับ…พ่อ” แม็กยื่นหน้าเข้าไปกระซิบบอกข้างๆหูของคนเป็นพ่อด้วยน้ำเสียงกลั้วหัวเราะ ปกติแล้วแม็กจะเป็นคนที่ดุและนิ่งมาก และยิ่งกับพวกพนักงานใต้การปกครองของตนแล้วแม็กจะกลายเป็นคนเข้าถึงยากทันที เพราะเขาไม่ชอบที่จะสุงสิงหรือคบค้าสมาคมกับใครมากนักถ้าไม่จำเป็นจริงๆ แต่พอกับคนเป็นพ่อผู้ให้กำเนิดของตนแล้ว แม็กจะกลายเป็นคนที่กวนประสาทที่สุดคนนึงทันที เพราะเขาจะรู้สึกสนุกทุกครั้งที่ได้เห็นคนๆนี้ โมโหคลุ้มคลั่งจนแทบเสียสติเพราะตัวของเขาเอง…มันรู้สึกดีจริงๆนะ

       “แกหมายความว่ายังไงเจ้าแม็ก?” เขาขมวดคิ้วถามด้วยความไม่เข้าใจ

       “ก็หมายความว่ามินมันมี ‘ผัว’ เป็นตัวเป็นตนไปแล้วไงครับ เพราะฉะนั้นพ่อก็หมดสิทธิ์ที่จะไปบงการชีวิตมันแล้ว หึๆ” แม็กกระตุกยิ้มบอกด้วยท่าทางสะใจเมื่อเห็นสีหน้าช็อคๆ(มาก)ของคนเป็นพ่อ ก่อนที่จะทิ้งตัวนั่งลงบนเก้าอี้และหัวเราะขำออกมาเบาๆ

       “ใคร? ไอ้คนที่แกว่านั่นมันคือใคร?” เขาเค้นเสียงพูดถามออกมา เมื่อตั้งสติได้

       “โอ๊ะโอ…โทษทีนะพ่อ ผมต้องไปประชุมแล้วล่ะ” แม็กพูดบอกพร้อมกับเคาะนาฬิกาข้อมือของตัวเองเบาๆด้วยท่าทีกวนๆ ก่อนที่จะคว้าแฟ้มเอกสารที่อยู่บนโต๊ะและเดินออกจากห้องทำงานของตัวเองไป ทิ้งไว้แต่นายใหญ่แห่งเมก้ามอลล์ให้ยืนตัวสั่นเทิ่มด้วยความโมโหอย่างที่ไม่เคยเป็นมากก่อนอยู่ที่เดิมคนเดียวด้วยความสะใจ


~ ~ ~ แฝด ~ ~ ~


โรงพยาบาล…


       เป็นเพราะว่าหลังจากที่แม็กออกไปทำงานได้ไม่นานอาการผิดปกติที่เขาคิดว่าไม่เป็นอะไรมากก็พากันตีขึ้นมาเล่นงานเขาจนแย่ ไม่ว่าจะเป็นอาการหน้ามืด เวียนหัว หรือแม้แต่การที่อาเจียนออกมา ทั้งที่เขายังไม่ได้กินอะไรเข้าไปเลย เขาจึงต้องขัดคำสั่งของแม็กที่ว่าห้ามออกจากคอนโดโดยที่ไม่มีเจ้าตัวออกมาด้วยอย่างเด็ดขาด ก่อนที่จะขึ้นแท็กซี่ออกมาหาหมอด้วยตัวอย่างยากลำบากแบบนี้ เพราะเขาไม่อยากที่จะเป็นเรื้อรังหลายๆวัน เดี๋ยวจะพลอยเป็นภาระให้แม็กเพิ่มขึ้นไปอีก

       “สรุปแล้วผมเป็นอะไรครับคุณหมอ” มินเร่งถามนายแพทย์ที่อยู่ตรงหน้าอย่างเสียมารยาท หลังจากที่หมอไม่ยอมบอกเขาสักทีว่าตกลงแล้วเขาเป็นอะไร ทั้งที่นางพยาบาลนำผลตรวจเลือดกับผลตรวจปัสสาวะของเขามาให้สักพักใหญ่แล้วก็ตาม มัวแต่จ้องหน้าเขาสลับกับผลตรวจอยู่ได้ จนคนใจเย็นมากๆอย่างเขาก็เริ่มที่จะอารมณ์เสียขึ้นมาบ้างแล้ว

       “ยินดีด้วยครับคุณตั้งครรภ์ได้แปดสัปดาห์แล้ว” คุณหมอพูดบอกออกมาพร้อมรอยยิ้ม

       “คุณหมอ…ว่า…ยัง…ไงนะครับ ช่วยบอกให้ผมฟังชัดๆอีกสักครั้งได้มั้ย?” มินพูดบอกเสียงติดๆขัดๆ อย่างตื่นตระหนกด้วยสีหน้าซีดเผือด

       “คุณตั้งครรภ์ได้แปดสัปดาห์แล้ว ยินดีด้วยนะครับ”




………………………………………………………………TBC.

หัวข้อ: Re: {Mpreg/Incest} แฝด Up.ตอนที่ 1 (08/12/59)
เริ่มหัวข้อโดย: azure ที่ 08-12-2016 11:17:46
ตอนแรกก็ท้องแล้ว
มินคงคิดหนักใช่ไหม? ไม่รู้ว่าแม็กจะดีใจหรือจับไปทำแท้ง หรือกลัวพ่อแม่รู้อีก
โธ่มอนผู้หน้าสงสาร :mew5:
หัวข้อ: Re: {Mpreg/Incest} แฝด Up.ตอนที่ 1 (08/12/59)
เริ่มหัวข้อโดย: puiiz ที่ 08-12-2016 12:32:18
 :hao7: :hao7:
หัวข้อ: Re: {Mpreg/Incest} แฝด Up.ตอนที่ 1 (08/12/59)
เริ่มหัวข้อโดย: angel_Z4 ที่ 08-12-2016 15:00:59
รวดเร็วมาก ฮ่าๆ :hao7:
หัวข้อ: Re: {Mpreg/Incest} แฝด Up.ตอนที่ 1 (08/12/59)
เริ่มหัวข้อโดย: anandawan ที่ 08-12-2016 15:31:52
โอยยย ชอบอะ อย่าหายไปนะคะ จะติดตาม
หัวข้อ: Re: {Mpreg/Incest} แฝด Up.ตอนที่ 2 (08/12/59)
เริ่มหัวข้อโดย: เขียนสือ ที่ 08-12-2016 17:32:49

แฝด ตอนที่ 2





       “มันไม่จริงใช่มั้ย…” มินพูดถามกับตัวเองออกมาด้วยแผ่วเบา ระหว่างที่นั่งอยู่บนปลายเตียงในห้องนอน ขณะที่ในมือก็ยังถือถุงยาและรูปภาพอัลตร้าซาวด์ในแรกของลูกน้อยในท้อง สิ่งมีชีวิตที่เขาคิดว่าไม่ควรเกิดขึ้นมาเลยไม่ว่าจะด้วยเหตุผลประการใดก็ตาม เพราะลำพังแค่เรื่องราวระหว่างเขากับแม็กที่มีความสัมพันธ์ลึกซึ้งกันเกินกว่าพี่น้องฝาแฝดที่ควรจะเป็น มันก็ผิดบาปมากเกินกว่าที่ใครจะรับได้แล้ว แต่นี่…พวกเขายังร่วมกันสร้างหลักฐานแห่งการผิดบาปผิดศีลธรรมจรรยาอันดีนี้ ให้เกิดขึ้นมาเป็นตัวเป็นตน เพื่อที่จะมาเป็นตัวประจานความเลวทรามของพวกเขาอีกอย่างนั้นหรือ

       กริ๊งก่อง ~ กริ๊งก่อง ~

       “หืม…ทำไมถึงไม่เปิดประตูเข้ามาเลยล่ะ” มินพูดบ่นเบาๆ พร้อมทั้งเก็บหลักฐานในมือลงในลิ้นชักใต้เตียงที่อีกคนไม่มีทางมาเปิดเป็นแน่แท้ เพราะมันเป็นที่เก็บพวกของกระจุกกระจิกไร้สาระของเขา ก่อนที่จะรีบวิ่งออกไปเปิดประตูเพราะคิดว่าเป็นแม็กที่กดกริ่งเรียก ถึงแม้ว่าจะรู้สึกแปลกใจก็ตาม แต่ก็ไม่คิดว่าจะเป็นใครคนอื่นไปได้ เพราะที่คอนโดแห่งนี้มีแค่เขากับแม็กเท่านั้นที่รู้ ส่วนคนอื่นๆไม่รู้ว่าพวกเขาออกมาอาศัยอยู่ที่ไหน แม้แต่กับคนในครอบครัวก็ตาม

       กริ๊ก!

       “ทำไมถึงไม่เปิดเข้ามาเลยล่ะแม็ก” มินปลดล็อคประตูพร้อมกับเอ่ยถามโดยที่ไม่ได้มองหน้าคนมาใหม่ให้ดีเสียก่อน

       “พะ…พ่อ” แต่แล้วมินก็ต้องตกใจจนหน้าถอดสีเมื่อได้เห็นคนที่ตนไม่คิดว่าจะได้มาพบเจอกันที่นี่ได้ เพราะนานมากแล้วที่เขาไม่ได้เจอกับคนๆนี้

       เพี๊ยะ!!!

       “แกยังจำได้อยู่หรอเจ้ามินว่าฉันเป็นพ่อของแก!!” เสียงตะหวาดกร้าวมาพร้อมกับที่มินรู้สึกหน้าชาไปแถบนึง เพราะโดนคนเป็นพ่อง้างมือตบเข้ามาที่แก้มซีกซ้ายของเขาอย่างไม่ออมแรง

       “พ่อตบมินทำไมครับ” มินยกมือขึ้นกุมแก้มตัวเองด้วยความเจ็บปวด ก่อนที่จะเอ่ยถามออกมาด้วยเสียงสั่นๆ เพราะเขายังไม่เข้าใจกับสิ่งที่คนเป็นพ่อพูด

       “เจ้าแม็กมันบอกว่าแกมีผัวมีผัวไปแล้วมันจริงหรือเปล่าเจ้ามิน” เขาพูดเข้าประเด็นทันทีเพื่อไม่ให้เสียเวลา เพราะแค่เขานั่งรอนักสือให้หาที่อยู่ของลูกชายฝาแฝดของตัวเองรวมถึงกับที่ต้องขับรถมาที่ถึงที่นี่ด้วยตนเองมันก็เสียเวลาในการทำงานของเขามากพอแล้ว

       “…..” มินเม้มปากแน่น เพราะเขาไม่กล้ายอมรับและก็ไม่กล้าที่จะพูดโกหกคนเป็นพ่อด้วย เขาจึงเลือกที่จะยืนนี่เฉยให้อีกคนเขย่าตัวเขาไปมาอยู่อย่างนี้

       “ที่แกไม่ตอบฉันนี่เพราะมันเป็นเรื่องจริงใช่มั้ยไอ้มิน!!! ไอ้ลูกไม่รักดี!!...เพี๊ยะ!!” เขาตะคอกใส่มินสุดเสียงจนเส้นเลือดปูดโปนไปทั่วตัวด้วยความโมโหจัด ก่อนที่จะตบมินอีกครั้งด้วยแรงที่มากกว่าเดิม จนมินล้มพับไปกับพื้น ก่อนที่จะตามลงไปทำร้ายมินอีกครั้งด้วยการตบ ต่อย ตีและเตะย้ำซ้ำๆ จนกว่าเขาจะพอใจ ส่วนมินเองที่บอกว่าไม่อยากให้สิ่งมีชีวิตในท้องของตัวเองเกิดขึ้นมา แต่ระหว่างที่เขาโดนคนเป็นพ่อทำร้ายร่างกาย เขาก็นอนงอตัวใช้สองมือป้องกันหน้าท้องของตัวเองอยู่ตลอดเวลา นี่หรือเปล่า? ที่เขาเรียกกันว่า…สัญชาตญาณของคนเป็น ‘แม่’

       “ฮื่ออออ…” มินได้แต่นอนคุดคู้กอดตัวเองร้องไห้อยู่ที่พื้นด้วยความเจ็บปวด แต่ที่มากกว่านั้นคือเขาเสียใจ เสียใจที่ทำหน้าที่ลูกไม่ดีพอ เสียใจที่ทำให้ผู้ให้กำเนิดต้องผิดหวังในตัวของเขา

       “ไป! กลับบ้าน! ต่อไปนี้ฉันจะไม่มีวันปล่อยให้ลูกเลวๆอย่างแกไปเดินเชิดหน้าชูตาให้ขายหน้าชาวบ้านเขาหรอก” เขาพูดบอกเสียงแข็งพร้อมกับกระชากแขนให้มินลุกขึ้นมาตามแรงของเขาก่อนที่จะเดินฉุดกระชากลากถูมินเดินไปตามทางเดินอันว่างเปล่าของคอนโด
..
..
..
       พรึ่บ! ตุบ!

       “ว๊ายตายแล้ว!! คุณหนูมิน! ทำไมคุณผู้ชายถึงทำกับคุณหนูมินอย่างนี้ล่ะคะ” แม่บ้านสูงวัยคนเก่าแก่ของบ้านหวีดร้องพร้อมกับรีบทรุดตัวนั่งลงไปดูร่างสะบักสะบอมของคุณหนูใหญ่ของเธอด้วยความเป็นห่วง ก่อนที่จะเอ่ยถามคนเป็นนายด้วยความไม่เข้าใจนัก

       “เธอก็ถามคุณหนูคนดีของเธอเอาเองก็แล้วกันแม่น้อม และฉันขอสั่งเอาไว้ตรงนี้เลยว่า ต่อไปนี้ฉันไม่อนุญาตให้เจ้ามินออกไปจากบ้านหลังนี้เป็นอันขาดไม่ว่าจะด้วยเรื่องอะไรก็ตาม และถ้าใครมันไม่เข้าใจ มันกล้าขัดคำสั่งของฉัน ฉันจะไล่มันออกอย่างไม่มีข้อแม้ทั้งสิ้น แม้ว่าคนๆนั้นจะเป็นเธอเองก็ตามแม่น้อม” เขาประกาศกร้าวออกมาด้วยน้ำเสียงทรงอำนาจดุดันอย่างที่ไม่ว่าใครก็ต้องรู้สึกหวาดกลัว ก่อนที่จะเดินหายเข้าห้องทำงานของตัวเองไป

       “โธ่…คุณหนูมินของนม เป็นยังไงบ้างคะ” เธอถามพลางลูบหน้าลูบตาของคุณหนูของเธออย่างแผ่วเบา เพราะกลัวว่าจะทำให้อีกคนเจ็บมากขึ้นกว่าเดิม เธอเองก็ไม่รู้ว่าจะหาหนทางไหนมาช่วยคุณหนูของเธอที่เธอรักและดูแลมากับมือไม่ต่างไปจากลูกของเธอเอง เพราะคุณแม่ของคุณหนูทั้งสามหนีหายไปตั้งแต่คุณคนเล็กอย่างคุณชายมอสยังไม่ถึงขวบดีเสียด้วยซ้ำ และยิ่งประมุขใหญ่ของบ้านอย่างคุณท่านพูดดักทางเธอออกมาอย่างนี้ด้วยแล้ว เธอก็คงได้แต่ภาวนาให้สวรรค์เป็นใจให้คุณท่านใจอ่อนหรือไม่ก็ส่งใครมาช่วยคุณหนูของเธอทีด้วยเถอะ

       “มินไม่เป็นอะไรมากหรอกฮะนม” มินค่อยๆยันกายขึ้นมาจากพื้นด้วยแรงทั้งหมดที่มี ด้วยความช่วยเหลือของคุณนม

       “อย่าฝืนตัวเองเลยค่ะคุณหนู…แล้วพวกเธอน่ะจะยืนดูกันอีกนานมั้ย! มาช่วยฉันประคองคุณหนูมินขึ้นห้องทีซิ!” เธอพูดบอกกับคุณหนูของเธอพร้อมทั้งหันไปตะหวาดเด็กรับใช้คนอื่นๆที่มัวแต่ยืนมองกันอย่างที่ไม่คิดจะทำอะไร ก่อนที่จะช่วยกันพยุงตัวมินขึ้นไปยังห้องนอนของเจ้าตัวที่อยู่บนชั้นสองของบ้าน และถึงแม้ว่ามินกับแม็กจะออกจากบ้านไปหลายปีแล้ว แม่น้อมเธอก็ยังสั่งให้เด็กขึ้นไปทำความสะอาดห้องของคุณหนูทั้งสองเป็นประจำไม่ต่างจากตอนที่แม็กและมินยังอยู่


~ ~ ~ แฝด ~ ~ ~


เย็นวันเดียวกัน…


       แม็กเดินผิวปากเข้ามาในตัวคอนโดด้วยความอารมณ์ดีที่ได้ยั่วโมโหพ่อของตัวเองจนอีกคนแทบคลั่ง นั่นจึงเป็นเหตุผลที่ว่าทำไมเขาถึงได้กลับบ้านเร็วกว่าทุกวัน

       ติ๊ง!!

       “นี่มันเรื่องบ้าอะไรวะเนี่ย!” แต่ความสุขของเขาก็ต้องหายไปเพียงชั่วพริบตา เมื่อประตูลิฟต์เปิดออกมาพร้อมกับที่เห็นว่าประตูหน้าห้องของเขาเปิดโล่งกว้างและของที่ตั้งวางอยู่ข้างประตูก็กระจัดกระจายอยู่เต็มพื้นหน้าห้อง จะว่าเป็นของห้องอื่นก็ไม่ใช่ เพราะมันคุ้นตามาก และชั้นนี้ก็เป็นชั้นบนสุดที่มีแค่ห้องของเขาคนเดียว

       “มิน…มิน…มึงอยู่ไหนมิน…มิน!!!” แม็กเดินก้าวข้ามของที่กองขวางประตูเข้าห้องไปพร้อมกับร้องเรียกหาอีกคนไปมาซ้ำๆ

       “เช็คกล้องวงจรปิดชั้นบนเดี๋ยวนี้!!” เมื่อหาอีกคนไม่พบเป็นแน่แท้แล้ว แม็กก็รีบกดลิฟต์ลงมาที่ล็อบบี้คอนโดเพื่อให้เจ้าหน้าที่เช็คกล้องวงจรปิดบนห้องเขาทันทีด้วยท่าทีร้อนรนอย่างเห็นได้ชัด จนเจ้าหน้าที่ประจำอยู่ตกใจไปตามๆกันกับสีหน้าตื่นตระหนกของเจ้าตัว

       “มีอะไรเกิดขึ้นรึเปล่าครับ” เขาเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงสุภาพ เพราะเขาเองก็เพิ่งจะมารับช่วงต่อจากเพื่อนร่วมงานที่อยู่กะเช้าได้ไม่ถึงชั่วโมง

       “เช็คกล้องวงจรปิดชั้นบนสุดให้ฉันเดี๋ยวนี้!!!” แม็กกระชากคออีกคนเข้ามาพูดสั่งในเชิงขู่บังคับ จนอีกคนต้องรีบคว้าโทรศัพท์ขึ้นมาติดต่อหาเจ้าหน้าที่ที่รับผิดชอบในส่วนนี้ทันที ก่อนที่อีกคนจะโมโหไปมากกว่านี้ จนไม่สนแล้วว่ามันจะผิดกฎระเบียบข้อบังคับของคอนโดหรือไม่ เพราะดวงตาเฉี่ยวคมที่ฉายแววดุดันออกมาคู่นี้มันทำให้เขารู้สึกหวาดกลัวมากไปจนถึงขั้วหัวใจ

       “ชะ…เชิญคุณแม็กไปที่ห้องควบคุมได้เลยครับ” เขาพูดบอกเสียงสั่นเมื่อได้รับคำตอบรับจากเจ้าหน้าที่ที่อยู่ในห้องควบคุม
..
..
..
       “ทำงานภาษาอะไรของพวกคุณ!! มีคนบุกขึ้นมาทำร้ายคนของผมในพื้นที่ความรับผิดชอบดูแลของพวกคุณแบบนี้ แต่พวกคุณกลับไม่รู้เรื่องอะไรเลยอย่างนี้น่ะหรอห๊ะ!!” แม็กตะคอกโวยวายออกมาทันทีเมื่อได้รู้สาเหตุของการหายไปของคนที่เขาตามหา

       “ผมขอโทษจริงๆครับคุณแม็ก ช่วงที่เกิดเรื่องเป็นช่วงที่พวกผมเปลี่ยนกกะกันพอดีครับ” เจ้าหน้าที่ประจำห้องควบคุมยกมือขึ้นไหว้ขอโทษแม็กจากใจจริง เพราะเขาเองก็รู้สึกผิดที่ทำหน้าที่ของตัวเองได้ไม่ดีพอ

       “ผมคงต้องคุยเรื่องนี้กับเจ้าของโครงการด้วยตัวเองแล้วล่ะ” แม็กพูดบอกเสียงเรียบนิ่งก่อนที่จะผละเดินออกจากห้องควบคุมไป ทิ้งให้เจ้าหน้าที่อีกสองคนที่เหลือยืนจ้องหน้ากันอย่างที่อยากจะร้องไห้ออกมา เพราะถ้าแม็กทำอย่างที่ปากพูดจริงๆ พวกเขาคงจะตกงานเป็นแน่แท้

       ปึง!!!

       แม็กเดินกระแทกเท้าปึงปัง ทั้งยังเตะทุกสิ่งทุกอย่างที่ขวางหน้าตัวเองออกไปให้พ้นทาง ก่พร้อมทั้งกระชากประตูห้องเปิดและปิดสุดแรงจนเกิดเสียงดังสนั่น ก่อนที่จะมากระแทกตัวนั่งลงบนโซฟาด้วยท่าทางหัวเสียถึงที่สุด สายตาเฉี่ยวคมฉายแวววาววับออกมายิ่งกว่าตอนที่ใช้มองพนักงานจนกลัวหัวหด เมื่อเขานึกอะไรบางอย่างขึ้นมาได้

       “อยากลองดีนักใช่มั้ยไอ้แก่!!!”





……………………………………………………………………..TBC.
หัวข้อ: Re: {Mpreg/Incest} แฝด Up.ตอนที่ 2 (08/12/59)
เริ่มหัวข้อโดย: ❣☾月亮☽❣ ที่ 08-12-2016 17:44:33
เดี๋ยวนะ แปดวีคยังแท้งได้อีกนะ ง่ายด้วย
หัวข้อ: Re: {Mpreg/Incest} แฝด Up.ตอนที่ 2 (08/12/59)
เริ่มหัวข้อโดย: azure ที่ 08-12-2016 17:59:46
คิดไม่ถึงเลยส่าพ่อจะตามหาเจอไวขนาดนี้ :a5:

และถ้าพ่อรู้ละว่ามินท้อง?! :mew5:
หัวข้อ: Re: {Mpreg/Incest} แฝด Up.ตอนที่ 2 (08/12/59)
เริ่มหัวข้อโดย: Mura_saki ที่ 08-12-2016 18:13:50
เดี๋ยวนะ !!! ทำไมพ่อใจร้ายกับมิน แถมยังโดนแม็กบังคับไม่ให้ทำงาน จะทำร้ายจิตใจกันมากไปแล้ว!!!!!!
มินโครตสงสารว่ะ หนีออกจากบ้านไหมมิน ไปอยู่ไกลๆ ไม่มีใครรู้จัก คลอดลูก เลี้ยงเองแม่งเลย
หัวข้อ: Re: {Mpreg/Incest} แฝด Up.ตอนที่ 2 (08/12/59)
เริ่มหัวข้อโดย: angelnan ที่ 08-12-2016 18:19:04
อยากให้มินหนีออกจากบ้าน
หัวข้อ: Re: {Mpreg/Incest} แฝด Up.ตอนที่ 2 (08/12/59)
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 08-12-2016 19:17:43
แม็ก เป็นสาเหตุทุกตรง ทำให้มินลำบาก
ทำให้มินท้อง ทำให้พ่อมาอาละวาด ทำร้ายมิน
แล้วคราวนี้ แม็กจะต่อกรอย่างไรกับพ่อ
แต่แม็ก ต้องเจอผลการตรวจว่ามินท้องแน่ๆ
       :L1: :L1: :L1: :pig4:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: {Mpreg/Incest} แฝด Up.ตอนที่ 2 (08/12/59)
เริ่มหัวข้อโดย: PiiNaffe ที่ 08-12-2016 20:03:37
แม็กอารมณ์รุนอรงมาก คืิอแกได้เป็นพระเอกได้ยังไง  :ling3:
หัวข้อ: Re: {Mpreg/Incest} แฝด Up.ตอนที่ 2 (08/12/59)
เริ่มหัวข้อโดย: GuoJeng ที่ 08-12-2016 21:17:29
มินเข้มแข็งสิ ท้องกับแม๊คใช่มั้ย ลูกออกมาจะเป็นไงอะ สายเลือดเดียวกัน 
   รออ่านต่อคับ
หัวข้อ: Re: {Mpreg/Incest} แฝด Up.ตอนที่ 2 (08/12/59)
เริ่มหัวข้อโดย: nunda ที่ 08-12-2016 22:05:29
โฮๆๆๆ สงสารมิน
หัวข้อ: Re: {Mpreg/Incest} แฝด Up.ตอนที่ 2 (08/12/59)
เริ่มหัวข้อโดย: angel_Z4 ที่ 09-12-2016 00:45:28
อ่า...ครอบครัวนี้เขาเป็นอะไรกัน?
หัวข้อ: Re: {Mpreg/Incest} แฝด Up.ตอนที่ 2 (08/12/59)
เริ่มหัวข้อโดย: puiiz ที่ 09-12-2016 03:17:29
 :z10: :z10: :z10:
หัวข้อ: Re: {Mpreg/Incest} แฝด Up.ตอนที่ 2 (08/12/59)
เริ่มหัวข้อโดย: Tennyo_Y ที่ 09-12-2016 04:29:55
สงสารมีน จริง ๆ นะ ทำไมพ่อไม่ถูกับแฝดหรอ แต่เราก็เข้าใจอะ ส่งเรียนแล้วไม่ช่วยงาน แต่ มีนโดน แม๊คบังคับ แล้วตอนนี้กำลังจะมีลูก โห๊ยไม่อยากคิด มันโคตรผิด แบบผิดไปหมด ผิดที่ผิดทาง ผิดทุกอย่างแล้วถ้าลูกคลอดออกมาจะมีปัญหาไหม แต่เอาจริง เรื่องแบบนี้มันเป็นความเชื่ออีกแบบของพวกคนโบราณชนชั้นกษัติรย์ที่ต้องรักษาสายเลือดบริสุทธิ์เอาไว้ โดยให้พี่น้องแต่งกันเอง ปล.เราอ่านได้นะคะ แค่ มามองมุมในยุคปัจจุบัน มีนจะแบกสภาวะจิตใจได้มากแค่ไหน มันหนักจริง ๆ อะ
หัวข้อ: Re: {Mpreg/Incest} แฝด Up.ตอนที่ 2 (08/12/59)
เริ่มหัวข้อโดย: คนคิ้วท์คิ้วท์ ที่ 09-12-2016 07:41:19
ทำไมพ่อถึงใจร้าย หรือนี่คือปกติของพ่ออยู่แล้ว
หัวข้อ: Re: {Mpreg/Incest} แฝด Up.ตอนที่ 3 (09/12/59)
เริ่มหัวข้อโดย: เขียนสือ ที่ 09-12-2016 08:26:16
แฝด ตอนที่ 3





หนึ่งเดือนต่อมา…


       “อุบ! แหวะ! แหวะ!” มินโกงคออาเจียนด้วยความทรมาณ เป็นเวลากว่าสองสัปดาห์แล้วที่เขาต้องตื่นขึ้นมาพร้อมกับความทรมาณและยากลำบากแบบนี้ และเขาก็ไม่รู้ด้วยว่าตัวเองจะต้องทำอะไรหรือว่าจะต้องทำยังไงต่อไปดีกับอาการเวียนหัว คลื่นไส้ อาเจียน เหล่านี้ เพราะเขาไม่ได้เอายาที่หมอให้มาด้วย และเขาก็ไม่กล้าบอกกับใครเลยเกี่ยวกับเรื่องที่เขาท้อง แม้แต่แม่นมที่เขาไว้ใจมากที่สุดก็ตาม

       “ไหวมั้ยคะคุณหนูมิน ให้นมพาไปหาหมอดีมั้ยคะ คุณท่านท่านคงจะเข้าใจ” นมน้อมที่ขึ้นมาพร้อมกับแก้วน้ำมะนาวสดที่เป็นสิ่งเดียวที่คุณหนูของเธอทานได้ในตอนนี้ ถามออกมาด้วยความห่วงใย เพราะเธอเองก็ไม่รู้ว่าจะช่วยคุณหนูของเธอให้หายจากอาการแปลกประหลาดอย่างนี้ได้ยังไง และตลอดหนึ่งเดือนที่คุณท่านพาคุณหนูมินของเธอมาทิ้งไว้ที่บ้านก็ไม่มีคุณๆคนไหนเข้ามาในบ้านอีกเลย แม้แต่คุณท่านของเธอเองก็ตาม ซึ่งเธอเองก็ชินแล้ว เพราะเป็นเวลานานมากแล้วที่คนบ้านนี้ต่างคนต่างไป นานๆทีถึงจะกลับมาบ้านสักครั้ง จนเธอกับเด็กรับใช้ที่เหลือจะกลายเป็นเจ้าของบ้านกันเองไปแล้ว

       “มินไม่เป็นไรฮะ ขอบคุณคุณนมมากนะฮะที่เป็นห่วง” มินพูดบอกหลังจากที่นมน้อมช่วยประคองเจ้าตัวมานั่งพักที่ปลายเตียง

       “คุณหนูจะไม่ไปหาหมอจริงๆหรอคะ” เธอถามพร้อมกับยื่นแก้วน้ำมะนาวคั้นให้กับมิน

       “มินไม่เป็นไรจริงๆฮะ คุณนมไปทำงานของคุณนมเถอะฮะ” มินบอก

       “แต่นมว่า…” เธอทำท่าจะแย้ง

       “มินไม่เป็นอะไรจริงๆฮะ” มินพูดบอกเสียงกระด้างกว่าเดิม จนคุณนมต้องเป็นฝ่ายล่าถอยไปเอง เพราะยังไงเธอก็ยังเป็นแค่คนรับใช้ ไม่มีสิทธิ์ไปขัดใจเจ้านายหรอก

       “ค่ะๆ แต่ถ้าไม่ไหวจริงๆคุณหนูต้องรีบเรียกนมเลยนะคะ” ก่อนจะไปเธอไม่วายที่จะย้อนกลับมาพูดบอกทิ้งท้ายไว้ด้วยความเป็นห่วง
..
..
..
       “เฮ้อ! เราคงต้องอยู่กันไปอย่างนี้แหละนะตัวเล็ก แต่ถ้าทนไม่ไหวจริงๆ ฉันอนุญาติให้เธอไปเกิดกับคนอื่นที่ดีและพร้อมที่จะต้อนรับเธอมากกว่าฉันนะ” มินก้มหน้าบอกกับสิ่งมีชีวิตที่อยู่ในท้องของตัวเองด้วยเสียงแผ่วเบาราวกับเสียงกระซิบ ไม่ใช่ว่าเขาอยากจะทำร้ายใคร แต่เขาจะดีใจกว่านี้ ถ้าเด็กคนนี้ไปเกิดกับคนดีที่ไม่ใช่คนบาปอย่างเขา และใช่ว่าเขาใจร้ายใจดำถึงขนาดที่จะต้องหาทางทำทุกวิถีทางเพื่อที่จะเอาเด็กคนนี้ออกไปจากท้อง แต่ว่าคนอย่างเขาน่ะนะมันไม่สมควรที่จะไปเป็นแม่ใครได้หรอก เพราะลำพังแค่จะพาตัวเองกับคนที่อยู่ในท้องออกไปหาหมอเขายังทำไม่ได้เลย แต่ถ้าหากเด็กคนนี้อยากที่จะอยู่กับเขาจริงๆ เขาก็จะทำทุกวิถีทางเพื่อที่จะปกป้องเขาไว้จนสุดความสามารถ


~ ~ ~ แฝด ~ ~ ~


สำนักงานชั้นบนสุดของห้างเมก้ามอลล์

ประธารกรรมการฝ่ายบริหาร…


       ก๊อก…ก๊อก…

       “เชิญ” แม็กเอ่ยอนุญาตเมื่อได้ยินเสียงเคาะประตูห้องทำงานของตัวเอง เพราะคิดว่าคงจะไม่ใช่ใครที่ไหนแต่คงจะเป็นเลขาของตัวเอง เพราะถ้าเป็นคนอื่นเลขาของเขาคงจะโทรเข้ามาบอกและขออนุญาติกับก่อนที่จะให้ใครเข้าพบ

       “What's up man?” เสียงเปิดประตูดังขึ้นมาพร้อมกับร่างสูงใหญ่ของชายชาวต่างชาติคนหนึ่งเอ่ยเสียงทักทายเป็นภาษาสากลอย่างทะเล้นด้วยท่าทางสนิทสนม

       “เลิกกระแดะแล้วมานั่งสักทีสตีฟ” แต่แม็กกลับยกนิ้วกลางขึ้นทักทาย ก่อนที่จะเรียกแขกผู้มาเยือนเป็นภาษาไทยด้วยเสียงเรียบ เพราะตอนนี้เขาไม่มีอารมณ์ที่จะมาเล่นกับใครทั้งนั้น เพราะเป็นเวลากว่าหนึ่งเดือนแล้วที่เขาปล่อยให้มินไปอยู่ไกลหูไกลตาโดยที่เขาไม่ได้เข้าไปดูและไม่แม้แต่จะเอ่ยถามจากคนเป็นพ่อเสียด้วยซ้ำว่าอีกคนมีความเป็นอยู่อย่างไร ซึ่งถือว่านานมากเกินไปแล้ว

       “แหม…ให้กูมาช่วย แต่ทักทายกูซะนอบน้อมเชียวนะเพื่อน” สตีฟพูดประชดออกมาเป็นภาษาไทยอย่างชัดเจนไม่ต่างจากเจ้าของภาษา ซึ่งเป็นอะไรที่ขัดกับรูปร่างหน้าตาของเขาที่บ่งบอกว่าเป็นคนต่างชาติอย่างชัดเจน

       “อย่าเพิ่งกวนตีนกูตอนนี้สตีฟ” แม็กบอกเสียงนิ่งกว่าเดิมจนคนร่าเริงอย่าสตีฟยอมหยุดและนั่งลงตามคำบอกของแม็กในที่สุด

       “ครับๆ ว่าแต่พี่มึงสบายดีมั้ย? กูคิดถึง” แต่ก็ยังไม่วายที่จะทำหน้าทะเล้น พูดแหย่ให้คิ้วแม็กกระตุกเล่น

       “เมียกู” แม็กเหลือบตามองสตีฟด้วยสายตานิ่งๆพร้อมกับพูดบอกออกมา เพราะสตีฟเป็นเพื่อนสนิทของตนและรู้เรื่องระหว่างตนกับมินมาตั้งแต่แรกเริ่ม

       “ไรว้า…กูแค่แหย่เล่นเถอะ มึงอย่าทำหน้าโหดอย่างนั้นสิ! กูไม่เอาชีวิตทั้งชีวิตไปทิ้งกับปลายตีนมึงหรอก กูยังรักชีวิตตัวเองอยู่หรอก” สตีฟยกสองมือขึ้นอย่างยอมแพ้ ก่อนที่จะพูดบอกออกมา เพราะเขารู้ดีว่าเพื่อนรักของเขาคนนี้เป็นคนยังไง และถึงแม้ว่าเขาจะตัวใหญ่กว่าแม็กแค่ไหน แต่เขาก็ไม่เคยสู้ชนะคนๆนี้ได้ซักทีเลย

       “อะนี่! ลายระเอียดทั้งหมด มึงพร้อมมั้ย?” แม็กโยนซองเอกสารบางอย่างให้กับสตีฟ

       “ทั้งหมดนี่เลยหรอวะ? มึงคิดว่าเขาจะยอมหรอ?” สตีฟพูดถามด้วยความตกใจ

       “อือ…ขอแค่มีเงินมาแลกมันก็ตาวาวแล้ว” แม็กบอก

       “แต่แค่นี้จะพอหรอวะ?” สตีฟถามต่อ

       “มันเหลือติดตัวนั้นแหละ ส่วนของคนอื่นๆกูเก็บมาหมดแล้ว” แม็กพูดบอกพร้อมกับโชว์ซองเอกสารอีกหลายฉบับที่อยู่ในมือตัวเองให้เพื่อนดู

       “แต่กูยังเห็นเขาเข้าไปหาพ่อกูอยู่บ่อยๆเลยนะ” สตีฟพูดแย้ง เพราะสิ่งที่เพื่อนบอกกับสิ่งที่เขาเห็นมากับตามันช่างสวนทางกันโดยสิ้นเชิง

       “เพราะที่นั่นมันคือความหวังสุดท้ายของมันแล้วไง…ตอนนี้มันเหลือแต่ตัวเท่านั้นแหละ” แม็กกระตุกยิ้มพูดบอกออกมาด้วยน้ำเสียงเย้ยหยันอย่างชัดเจน

       “เออๆ กูเห็นว่าเป็นมึงหรอกนะถึงช่วยอ่ะ เพราะฉะนั้นช่วยสำนึกบุญคุณกูไว้ด้วยนะครับเพื่อน” สตีฟวางท่าพูดบอกออกมาอย่างเป็นต่อ

       “มึงคงอยากที่จะให้พ่อมึงรู้เรื่องเบบี้ซินะ?” แม็กเลิกคิ้วพูดบอกพร้อมใช้นิ้วชี้เคาะศีรษะของตัวเองไปมา เหมือนกับว่าเขาต้องการที่จะเตือนความจำอะไรบางอย่างให้กับเพื่อน

       “ไม่ต้องเอาเรื่องนี้มาขู่กูเลยนะมึง” สตีฟรีบว่าเสียงตื่นๆ

       “หมดธุระแล้ว มึงกลับไปได้ล่ะ” แม็กไม่สนใจท่าทางตื่นตระหนกของเพื่อนแต่เขากลับพูดไล่สตีฟออกมาหน้าตาเฉย

       “ใช่ซิ! กูหมดประโยชน์แล้วนิ” สตีฟลุกขึ้นพลางบ่นงึมงำไปมาอย่างงอนๆ ที่โดนเพื่อนไล่

      “มึงเป็นตุ๊ดรึไง?” แม็กเลิกคิ้วถาม เมื่อเห็นท่าทางสะบัดสะโบกของเพื่อนแล้วทนดูไม่ได้

       “ขอให้แมร่งโดนเมียทิ้ง!!” เมื่อได้ยินเพื่อนว่าอย่างนั้นสตีฟจึงแกล้งพูดแช่งออกมาอย่างไม่จริงจังนัก ติดไปทางล้อกันเล่นเสียมากกว่า

       “เบบี้?” แต่พอแม็กพูดคำนี้ออกมาเท่านั้นแหละ

       “กูขอโทษคร้าบเพื่อน” สตีฟถึงกับยกมือขึ้นมาไหว้ขอโทษแม็กทันที

       “ได้เรื่องยังไงก็รีบโทรมาหากูล่ะ…อย่าช้านะมึง” แม็กพูดสั่งส่งท้าย

       “เออ!!” สตีฟรับคำก่อนที่จะเดินกระแทกเท้าปึงบังออกไป ซึ่งแม็กเองก็ไม่ได้สนใจอะไร เพราะรู้ดีว่าเพื่อนรักไม่ได้โกรธจริงจังอะไร เพียงแต่มันไม่ค่อยเต็มเท่านั้นเอง

       “ถึงเวลาที่มึงควรกลับมาอยู่กับกูได้แล้วนะมิน” แม็หมุนเก้าอี้กลับหลังหันไปมองท้องฟ้ากว้างใหญ่ผ่านกระจกห้องทำงานของตัวเอง พลางพูดบ่นกับตัวเองเบา




…………………………………………………………..TBC.


หัวข้อ: Re: {Mpreg/Incest} แฝด Up.ตอนที่ 3 (09/12/59)
เริ่มหัวข้อโดย: puiiz ที่ 09-12-2016 10:44:20
 :mew1: :mew1:
หัวข้อ: Re: {Mpreg/Incest} แฝด Up.ตอนที่ 4 (09/12/59)
เริ่มหัวข้อโดย: เขียนสือ ที่ 09-12-2016 18:12:39

แฝด ตอนที่ 4





       “สวัสดีครับพี่ชาย” ทันทีที่แม็กลงจากรถที่เพิ่งจะจอดได้ ก็ต้องเจอกับมอสคุณชายคุณเล็กของบ้านนี้ด้วยความบังเอิญ เอ่ยทักทายเขาด้วยรอยยิ้มที่ไม่มีความจริงใจแฝงอยู่ในนั้นเลย

       “ขอโทษทีนะ แต่…มึงไม่ใช่น้องกู” แม็กพูดบอกพร้อมกับกดกุญแจล็อครถของตนก่อนที่จะเดินผ่านหน้าอีกคนไปอย่างที่ไม่แม้แต่จะเหลือบสายตามองให้เสียเวลา

       “สวัสดีค่ะคุณชาย” เมื่อเดินเข้ามาในบ้านแล้วแม็กก็เจอกับแม่นมน้อมที่เข้ามาทักทายเขาด้วยรอยยิ้มที่จริงใจกว่ามอสหลายร้อยเท่า

       “มินล่ะ” แม็กพยักหน้ารับคำนมน้อม ก่อนที่จะเอ่ยถามถึงคนที่เขาตั้งใจมาหา

       “อยู่บนห้องค่ะ แต่ช่วงนี้คุณหนูมินอาการไม่ดีเลยค่ะ” นมน้อมบอกพร้อมกับรายงานสิ่งที่เธอเป็นกังวลให้กับคุณชายของเธอได้รับรู้ เพราะถ้าจะมีใครสักคนที่กล้าขัดคำสั่งของคุณท่านพร้อมกับที่สามารถบังคับคุณหนูมินของเธอได้ก็คงจะมีแต่คนๆนี้เท่านั้นแหละ อย่าไปหวังเพิ่งคุณชายเล็กอย่างคุณมอสเลย เพราะรายนั้นนอกจากเรื่องของตัวเองแล้วก็ไม่สนใจใครหรอก

       “มันเป็นอะไร” แม็กขมวดคิ้วเมื่อได้ยินสิ่งที่นมน้อมบอก

       “ช่วงนี้เธอตื่นมาอาเจียนทุกเช้าเลยค่ะ อีกทั้งยังทานอะไรไม่ได้เลยนอกจากน้ำมะนาว” นมน้อมพูดบอกออกมาอีก

       “เป็นมานานรึยัง?” แม็กถาม

       “ประมาณอาทิตย์นึงแล้วค่ะ” เธอตอบอย่างกล้าๆกลัวๆเมื่อรับรู้ได้ถึงสายตาคาดคั้นของแม็ก

      “แล้วทำไมยังไม่มีใครพามันไปหาหมออีก…ต้องรอให้มันตายไปก่อนรึไง!” แม็กว่าออกมาเสียงขุ่น ก่อนที่จะรีบก้าวเดินขึ้นไปบนห้องของใครอีกคนที่เขาต้องยอมรับออกมาตามตรงว่าเขา ‘คิดถึง’ และ ‘เป็นห่วง’ มากเมื่อต้องอยู่ห่างไกลกันอย่างนี้ อีกทั้งภาพสุดท้ายของมินที่เขาเห็นจากเทปกล้องวงจรปิดมันยิ่งอยากจะทำให้เขาคลั่งขึ้นไปอีก แต่ก็ติดที่ว่าเขาต้องให้เวลาทำบางสิ่งบางอย่างให้มันสำเร็จเสียก่อน เพราะงานนี้เขาเดินหมากในเกมส์พลาดไม่ได้จริงๆ
..
..
..
       แอ๊ดดด…ปัง!!!

       “ใครครับ” มินเอ่ยถามทั้งที่ยังนอนหลับตานิ่งอยู่บนเตียงหลังจากที่ได้ยินเสียงประตูห้องของตัวเองเปิดออก แต่ตอนนี้เขาไม่สามารถลุกขึ้นไปต้อนรับใครได้จริงๆ เพราะว่าโดนอาการเวียนหัวเล่นงานจนแย่เลย ลุกขึ้นนึ่งทีไรรู้สึกว่าบ้านหมุนทุกที

       “จะตายห่าอยู่แล้ว ทำไมไม่ไปหาหมอ” เสียงเรียบนิ่งของคนคุ้นเคยที่เอ่ยถามออกมามันทำให้มินต้องรีบลุกขึ้นมาทันที ด้วยความดีใจอย่างถึงที่สุด

       “แม็กหรอ?” มินเอ่ยถามอย่างไม่ค่อยแน่ใจนักเพราะเขายังไม่สามารถลืมตาได้ และเขาก็ไม่กล้าคิดไปเองว่าอีกคนจะมาหากัน เพราะตลอดเวลาหนึ่งเดือนเต็มที่เขาอยู่ที่นี่เขาแม็กไม่เคยมาหาเขาเลย แม้แต่โทรศัพท์สักสายยังไม่มี หรือว่า…เขาแค่ฝันไปกันแน่นะ

       “เวลาแค่เดือนเดียวทำให้มึงลืมผัวอย่างกูไปแล้วหรอมิน” แม็กเอ่ยถามพลางให้สายตาจ้องมองอีกคนอย่างสำรวจ ให้หายคิดถึง เพราะสำหรับเค้าแล้วเวลาหนึ่งเดือนที่ต้องห่างจากมินมันไม่ต่างไปจากสิบปี…มันช่างยาวนานเหลือเกิน

       “ฮึก!” เมื่อได้ยินคำยืนยันของอีกคนแล้วมินก็ค่อยๆลืมตาเปิดขึ้นมาพร้อมกับน้ำตาที่ไม่รู้ว่ารินไหลออกมาด้วยเหตุผลอะไร ก่อนที่จะพุ่งตัวเข้าไปกอดเอวสอบของแม็กที่ยืนอยู่ข้างเตียง ด้วยความลืมตัวว่าตนเองนั้นยังมีอาการเวียนหัวอยู่

       “ยังไม่มีใครตาย ไม่ต้องเสือกร้อง” ถึงปากจะว่าอย่างนั้นแต่แม็กก็โอบกอดพลางใช้มือลูบหัวกลมๆของมินไปมาด้วยความอ่อนโยนจนมินเองยังรู้สึกได้

       “คิดถึง” มินพูดบอกออกมาด้วยน้ำเสียงสะอื้นในขณะที่ยังคงซุกหน้าอยู่กับหน้าท้องของแม็ก

       “ก็สมควร” ในที่นี้แม็กไม่ได้บอกแค่มิน แต่เขาบอกกับตัวเองไปพร้อมกันด้วย ว่าสมควรแล้วที่จะ ‘คิดถึง’ กันอย่างที่มินบอกขนาดนี้

       “ปวดหัว” มินพูดบอกก่อนที่จะทิ้งตัวนอนหงายไปกับเตียงนอนจนแม็กเองก็ผวาไปตามกันเพราะกลัวว่าจะรับตัวของอีกคนเอาไว้ไม่ทัน ก่อนที่จะตัดสินใจอุ้มอีกคนขึ้นมาแนบอก

       “ไป…ไหน” มินถามด้วยเสียงอ่อนระโหยโรยแรง

       “พามึงไปหาหมอไง” แม็กบอกพร้อมกับที่ค่อยๆอุ้มมินลงบันไดด้วยความระมัดระวัง

       “ไม่ไป” ถึงแม้ว่าจะรู้ตัวว่าตอนนี้มันแย่เกินที่ลิมิตที่ร่างกายของตัวเองจะรับไหวแล้ว แต่มินก็ยังคงดื้อดึง เพราะถ้าไปหาหมอตอนนี้แม็กจะต้องได้รู้แน่นอนว่าเขาเป็นอะไร ซึ่งเขากลัวจริงๆว่าแม็กจะรับไม่ได้ แล้วจะเกิดการเปลี่ยนแปลงขึ้นในความสัมพันธ์ของเรา ถึงแม้ว่าเขาจะรู้ดีแก่ใจก็เถอะว่าความรักความสัมพันธ์ระหว่างเขากับแม็กมันจะผิดบาปสักแค่ไหน แต่เขาก็ยังอยากที่จะให้มันเป็นเช่นนี้ ‘ตลอดไป’ อยู่ดี

       “มึงจะไม่ไปก็เรื่องของมึง แต่กูจะพาไป” แม็กพูดบอกแค่นั้น มินก็รู้แล้วว่าเขาไม่สามรถที่จะไปขัดความต้องการของอีกคนได้ เขาจึงเลือกที่จะหลับตาลงและหลับลึกลงไปในที่สุดด้วยเวลาเพียงแค่ไม่ถึงนาที เพราะเขาฝืนร่างกายอันอ่อนเพลียของเขาขึ้นมาคุยกับแม็กนานแล้ว

       “นั่นแกจะเอามันไปไหนเจ้าแม็ก” แต่ยังไม่ทันที่แม็กจะก้าวขาพ้นออกจากประตูบ้าน เขาก็ต้องเจอกับนายกิติกรพ่อของเขาที่เดินสวนทางกันเข้ามาพอดี

       “พากลับ” แม็กตอบกลับไปสั้นๆอย่างไม่ใส่ใจ

       “แกจะพามันไปไหนไม่ได้ทั้งนั้น” เขาตะหวาดเสียงก้าวพูดสั่งอย่างทรงอำนาจ จนแม่น้อมและคนรับใช้ที่อยู่แถวนั้นถึงกับต้องสลายตัวกันอย่างรวดเร็ว เพราะมันคงจะไม่ดีสักเท่าไหร่ที่พวกเธอจะมาอยู่กลางวงโคจรระหว่างพายุลูกใหญ่ของสองพ่อลูกนี้

       “มันจะตายห่าอยู่แล้วยังจะขังมันไว้ที่นี่อีกหรอ?” แม็กหันไปถามอย่างเอาคำตอบจากกิติกร ทั้งที่ในอ้อมแขนทั้งสองข้างของเขาก็ยังคงช้อนตัวอุ้มมินไว้อยู่เช่นเดิม

       “มันอยากตากก็ปล่อยให้มันตายไปซิ” เขาตอบอย่างไม่ใส่ใจ และคำตอบนั้นก็เรียกสายตาวาววับที่ฉายแววก้าวร้าวออกมาจากแม็กได้เป็นอย่างดี

       “คดีเก่าก็เพิ่งจะจบยังอยากได้คดีใหม่เพิ่มอีกหรอครับ…พ่อ” แม็กพูดบอกด้วยเสียงเรียบนิ่งโดยเน้นคำว่า ‘พ่อ’ เป็นพิเศษ ก่อนที่จะอุ้มมินขึ้นรถและขับออกไปอย่างไม่ใส่ใจ ทิ้งให้กิติกรยืนขบกรามกำหมัดแน่น…ถ้าลองแม็กได้พูดออกมาอย่างนี้แสดงว่าแม็กจะต้องไปรู้เรื่องอะไรของเขามาอย่างแน่นอน!!!


~ ~ ~ แฝด ~ ~ ~


เช้าวันต่อมา โรงพยาบาล…


       “อืออ…” มินตื่นมาพร้อมกับความงัวเงีย ก่อนที่จะเริ่มสำรวจสิ่งผิดปกติที่อยู่ข้างกายและเขาก็พบว่าตัวเองนอนอยู่บนเตียงคนป่วยโดยมีสายน้ำเกลือเสียบอยู่ ตอนนี้เขาคงอยู่ที่โรงพยาบาลตามคำพูดของอีกคนเป็นแน่แท้

       “แม็ก” มินเอ่ยเรียกแม็กเสียงแผ่วเบาราวกับเสียงกระซิบอย่างใจเสีย เมื่อพบว่าอีกคนนั่งกุมมือก้มหน้าอยู่บนโซฟารับรองที่ตั้งอยู่ไม่ไกลจากเตียงของตนนัก

       “ทำไมไม่บอกกู” แม็กเอ่ยถามเสียงเรียบทั้งที่ยังคงนั่งก้มหน้าอยู่ที่เดิม

       “เรื่องอะไร” มินเองก็เสี่ยงถามออกไปเผื่อว่าจะเป็นคนละเรื่องกับที่เขากังวล ทั้งที่ในใจก็คิดไปก่อนแล้วว่าคงจะไม่พ้นเรื่องนี้อย่างแน่นอน

       “เรื่องที่มึงท้องไง!! ทำไมไม่บอกกู!! ทำไมมึงไม่ยอมบอกกูห้ะมิน!!” แม็กลุกขึ้นมาระเบิดถามมินเสียงดังลั่น เขาไม่สนใจแล้วว่าตอนนี้ตัวเองอยู่ที่ไหน เพราะว่าตั้งแต่ที่เขารู้เรื่องนี้จากหมอเขาก็ทนทำใจเย็นนั่งรอให้มินฟื้นตื่นขึ้นมาให้คำตอบกับเขาเองอย่างที่ใจไม่เป็นสุขเลย
..
..
..
ย้อนกลับไปในตอนที่แม็กอุ้มมินเข้ามาในโรงพยาบาล


       “อ้าว! คุณคนนั้นนั่นเอง ทำไมถึงได้โทรมขนาดนี้ล่ะครับ ไม่ดูแลตัวเองตามที่ผมบอกเลยรึไงนะ” แม็กยืนมองหมอเวรที่พูดบ่นกับตัวเองเป็นหมีกินผึ้งในขณะที่ตรวจเช็คร่างกายของมิน อย่างระเอียดด้วยสีหน้าที่เต็มไปด้วยความกังวลอย่างเห็นได้ชัด แต่เขาก็เลือกที่จะยืนมองอยู่เงียบๆเพราะไม่อยากที่จะขัดขวางการทำงานของหมอและพยาบาล ถึงแม้ว่าเขาอยากจะรู้สิ่งที่หมอบ่นออกมาก็เถอะ

       “คุณเป็นญาติของคนไข้ใช่มั้ยครับ?” แต่เขาก็ต้องหลุดออกจากภวังค์ความคิดของตัวเองเมื่อคุณหมอคนดังกล่าวหันมาคุยกับเขา

       “ครับ” แม็กพยักหน้ารับ

       “คุณพอจะติดต่อกับสามีของคนไข้ได้ไหมครับ ผมต้องการคุยกับเขา” คุณหมอหนุ่มเอ่ยถามออกไปตามความต้องการของตัวเอง เพราะเขาคิดว่าคนที่ยืนอยู่ตรงนี้ถ้าไม่ใช่พี่หรือน้อง ก็ต้องเป็นฝาแฝดของคนไข้ของเขาอย่างแน่นอนเพราะหน้าคล้ายกันเสียขนาดนี้ ไม่มีทางที่จะเป็นสามีของคนไข้ได้อย่างแน่นอน

       “คุยกับผม?” แม็กชี้นิ้วเข้าหาตัว

       “ไม่ใช่ครับ หมอต้องการคุยกับสามีของคนไข้โดยตรงน่ะครับ ไม่ทราบว่าคุณพอจะติดต่อเขาได้หรือเปล่า” คุณหมอหนุ่มรีบโบกมือปัดเป็นพัลวันเพราะคิดว่าญาติคนไข้กำลังเข้าใจความหมายในคำพูดของเขาผิดไป

       “ก็ผมนี่แหละสามีมัน” แม็กถอนหายใจพูดบอกเสียงเรียบอย่างไม่ใส่ใจ แต่นั่นไม่ใช่สำหรับหมอหรือพยาบาลที่เข้าใจว่าเขาเป็นเพียงแค่ญาติพี่น้องของคนไข้ จึงได้มีท่าทีตกใจอ้าปากค้างไปตามๆกันกับสิ่งที่ได้ยิน

       “ถ้าอย่างนั้นเชิญไปคุยที่ห้องหมอหน่อยครับ…เดี๋ยวพวกคุณช่วยจัดการย้ายคนไข้ไปที่ห้องพักทีนะครับ” คุณหมอหนุ่มพูดบอกกับแม็กก่อนที่จะหันไปสั่งกับพยาบาลและผู้ช่วยที่กำลังจะเคลื่อนย้ายมินไปห้องพัก ก่อนที่จะรีบเดินนำหน้าแม็กไปยังห้องทำงานส่วนตัวของตน

       “ผมขอถามอย่างเสียมารยาทเลยนะครับ ว่านอกจากการเป็นสามีภรรยากันแล้ว พวกคุณมีความเกี่ยวข้องระหว่างสายเลือดหรือเป็นพี่น้องกันรึเปล่าครับ” เมื่อปิดห้องทำงานของตัวเองได้คุณหมอหนุ่มก็เอ่ยถามออกมาทันทีด้วยสีหน้าและท่าทางที่เคร่งเครียดกว่าเดิม และเขาก็เฝ้าภาวนาในใจแต่ว่าอย่าให้ความคิดบ้าๆที่มีโอกาสสูงมากของเขานั้นเป็นเรื่องจริงเลย

       “อืม…เราเป็นแฝดกัน”

       ป๊าบ!!!

       เพียงแค่ได้ยินคำตอบของแม็กคุณหมอหนุ่มถึงกับหลุดมาดหมอยกมือขึ้นมาตบหน้าผากเรียกสติของตัวเองแรงๆหนึ่งทีด้วยความเคร่งเครียดกว่าเดิม

       “หมอมีอะไรอยากจะบอกผมรึเปล่า?” แม็กเอ่ยถามเมื่อเห็นท่าทางแปลกของคนเป็นหมอ

       “คุณรู้รึเปล่าว่าภรรยาของคุณตั้งครรภ์” คุณหมอเอ่ยถามออกมาตามตรง ซึ่งเป็นคำถามที่ทำให้แม็กทั้งสับสนและตกใจไปพร้อมๆกัน

       “ไม่รู้” แม็กส่ายหน้าพูดบอกออกมาด้วยสีหน้าเหวอๆ

       “แล้วคุณรู้รึเปล่าครับว่าการที่พี่น้องร่วมสายเลือดมีความสัมพันธ์กันจนเกิดตั้งครรภ์ขึ้นมามันมีโอกาสสูงมากที่จะทำให้เด็กที่เกิดมาอยู่ในภาวะเสี่ยงต่างๆมากมาย เพราะความผิดปกติทางพันธุกรรม” คุณหมอพูดบอกออกมาตามหลักการและความเป็นจริง

       “ไม่รู้…แล้วผมต้องทำยังไง” แม็กพูดบอกพร้อมกับเอ่ยถามออกมาด้วยเสียงเรียบนิ่ง ไม่ใช่ว่าเขาไม่รู้สึกอะไร แต่กลับกัน…เขารู้สึกมากมายจนไม่รู้จะแสดงออกมาจากสีหน้าและท่าทางยังไงต่างหากล่ะ

       “ผมมีให้คุณแค่สองทางเลือกเท่านั้นแหละครับคือ…หนึ่ง…เอาเด็กออก” หมอพูดบอกออกมาด้วยความลำบากใจ เพราะเขาเองก็เป็นหมอที่มีหน้าที่ดูแลรักษาคนไข้ให้รอดและปลอดภัยอย่างที่ควรจะเป็น โดยเฉพาะกับสิ่งมีชีวิตที่อยู่ในท้องแม่ที่รอวันลืมตาออกมาดูโลกซึ่งเป็นหน้าที่หลักของเขาด้วยแล้ว เขาก็อยากที่จะเป็นคน ‘รักษา’ มากกว่าที่จะ ‘ทำลาย’

       “แล้วทางที่สองล่ะหมอ”

       “เอาเด็กไว้ แต่ก็คุณก็ต้องยอมรับกับภาวะเสี่ยงต่างๆที่จะตามมาไม่ว่าจะเป็นทางร่างกาย สมอง หรือแม้แต่สติปัญญา และโรคแฝงทางพันธุกรรมต่างๆ ที่อาจจะมาจากยีนด้อยของพ่อหรือแม่ แต่สำหรับคุณสองคนแล้วมันเสี่ยงถึงสองเท่า เพราะพ่อและแม่มีดีเอ็นเอเดียวกัน”

       “…..”

       “หรือถ้าพวกคุณเป็นพวกที่โชคดีแบบโชคของโชคดีเลยจริงๆ ลูกของคุณอาจจะไม่เป็นอะไรเลยก็ได้ครั้บ ถึงแม้ว่ามันจะมีโอกาสเพียงน้อยนิดก็ตาม แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นหมอก็ต้องยังต้องขอตรวจร่างกายของคุณทั้งสองคนอย่างละเอียดอีกทีว่ามีโรคหรือพาหะนำโรคทางพันธุกรรมซ่อนอยู่มากน้อยแค่ไหน…ถ้าพวกคุณเลือกที่จะเก็บเขาไว้จริงๆละนะ”





…………………………………..…………………………….TBC.
หัวข้อ: Re: {Mpreg/Incest} แฝด Up.ตอนที่ 4 (09/12/59)
เริ่มหัวข้อโดย: ❣☾月亮☽❣ ที่ 09-12-2016 18:28:31
นี่ลุ้นยิ่งกว่าท้องเองอีกนะยะแฝด
แม็กมันจะเป๋นพ่อที่ดีหร่อเลือกที่จะเฮ็งซวยแบบพ่อตัวเองกันน้อ
หัวข้อ: Re: {Mpreg/Incest} แฝด Up.ตอนที่ 4 (09/12/59)
เริ่มหัวข้อโดย: GuoJeng ที่ 09-12-2016 18:37:27
ภาวะเสี่ยงมากๆมิน
หัวข้อ: Re: {Mpreg/Incest} แฝด Up.ตอนที่ 4 (09/12/59)
เริ่มหัวข้อโดย: puiiz ที่ 09-12-2016 18:55:22
 :mew2: :mew2: :mew2:
หัวข้อ: Re: {Mpreg/Incest} แฝด Up.ตอนที่ 4 (09/12/59)
เริ่มหัวข้อโดย: pattapong200320 ที่ 09-12-2016 20:14:05
ลุ้นค่ะ สงสารมินอ่ะ
สงสัยว่า ทำไมคุณพ่อดูไม่รักมินเลย?
หัวข้อ: Re: {Mpreg/Incest} แฝด Up.ตอนที่ 4 (09/12/59)
เริ่มหัวข้อโดย: Mura_saki ที่ 09-12-2016 20:20:01
พ่อไม่รักมินเลย
แม็กปากแข็งเหลือเกินนะ พูดดีๆกับมินบ้างจะได้ไหม
มิน..ดูแลตัวเองด้วยล่ะ

หัวข้อ: Re: {Mpreg/Incest} แฝด Up.ตอนที่ 4 (09/12/59)
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 09-12-2016 20:46:24
ดูพ่อแฝด จะทำเรื่องร้ายๆ ผิดกฎหมายบ่อยๆ
แม็ก แฝดน้องมียีนฉลาด รู้ทันพ่อ
พ่อลูกบ้านนี้มีความสัมพันธ์แปลกๆ
ไม่ผูกพันกัน รักกัน เหินห่างกัน
พ่อก็ไม่รักลูก พี่น้องไม่รักกัน
แม็ก ถึงจะรักมิน แต่คำพูด คำจา ก็กระด้างหู
น่าสังเกต บ้านนี้ไม่พูดถึงแม่กันเลย
แม่ไปไหน หย่ากัน แยกกันอยู่ หรือยังไง
ลูกแฝด ขอให้โชคดี สมบูรณ์ ได้ยีนดีๆ แข็งแรง
       :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:

หัวข้อ: Re: {Mpreg/Incest} แฝด Up.ตอนที่ 4 (09/12/59)
เริ่มหัวข้อโดย: sirin_chadada ที่ 09-12-2016 21:01:38
ในที่สุด... หมอก็ออกมาตอบข้อสงสัย (ในใจ) ของเราเสียที
หวังว่าแฝดจะไม่ได้มียีนแฝงอะไรที่ร้ายแรงนะ
หัวข้อ: Re: {Mpreg/Incest} แฝด Up.ตอนที่ 4 (09/12/59)
เริ่มหัวข้อโดย: PIMJOO ที่ 09-12-2016 21:11:14
 :katai1: :katai1: :katai1:
หัวข้อ: Re: {Mpreg/Incest} แฝด Up.ตอนที่ 4 (09/12/59)
เริ่มหัวข้อโดย: azure ที่ 09-12-2016 21:33:22
อัพไวมาก ดีงาม

แต่ว่าแม็กจะตัดสินใจเรื่องเด็กยังไงละเนี่ย  :katai1:
หัวข้อ: Re: {Mpreg/Incest} แฝด Up.ตอนที่ 4 (09/12/59)
เริ่มหัวข้อโดย: Jthida ที่ 09-12-2016 21:59:47
สั้นเหลือเกินเธอจ๋า
หัวข้อ: Re: {Mpreg/Incest} แฝด Up.ตอนที่ 5 (10/12/59)
เริ่มหัวข้อโดย: เขียนสือ ที่ 10-12-2016 08:24:30

แฝด ตอนที่ 5





       “วันนี้คุณหมออนุญาติให้กลับบ้านได้แล้วนะครับคุณมิน” เสียงนุ่มทุ้มเอ่ยบอก ทำให้มินที่มัวแต่นั่งเหม่อมองออกไปนอกหน้าต่างต้องหันกลับมาให้ความสนใจกับผู้พูด

       หลังจากวันนั้นที่แม็กคาดคั้นถามหาคำตอบที่เขาไม่แม้แต่กล้าเอ่ยปากพูดอะไรกับอีกคนไป ทำให้แม็กหัวเสียมากกว่าเดิม ก่อนที่จะหุนหันพลันแล่นออกจากห้องไป จนมาถึงวันนี้…วันที่เขาต้องออกจากโรงพยาบาลแล้ว แม็กก็ยังไม่กลับมาหาเขาเลย มีแต่ส่งเลขาส่วนตัวของตัวเองมาช่วยพยาบาลที่เจ้าตัวจ้างเอาไว้ดูแลเขาแทน

       “วันนี้แม็กจะมารึเปล่าครับ” ไม่รู้ว่าเป็นครั้งที่สิบหรือที่ร้อยที่เขาถามคำนี้จากคุณกำธรที่เป็นเลขาส่วนตัวของอีกคน

       “ขอโทษนะครับคุณมินที่ผมต้องบอกว่าไม่ทราบจริงๆ” กำธรบอกไปตามความจริงด้วยสีหน้าและท่าทางลำบากใจ เพราะตั้งแต่ที่ได้รับคำสั่งจากคุณแม็กเจ้านายของตัวเอง เขาก็ไม่สามารถรับรู้เรื่องตารางงานของอีกคนอีกเลย จึงไม่สามารถให้คำตอบกับคนป่วยได้ จะมีก็แต่เจ้านายของเขาที่โทรเข้ามาสอบถามอาการของคนป่วยจากเขาทุกวันตามเวลาที่หมอตรวจเช้าเย็น แต่ก็สั่งห้ามเด็ดขาดว่าไม่ให้เขาบอกกับอีกคนว่าตัวเองโทรมา

       “ไม่เป็นไรครับ” มินพูดบอกเสียงหงอยอย่างไร้ความหวัง

       “บางทีคุณแม็กอาจจะกำลังยุ่งๆกับเรื่องงานจนไม่สามารถปลีกเวลามาเยี่ยมคุณมินก็ได้นะครับ เพราะช่วงนี้มีหลายอย่างในบริษัทที่กำลังอยู่ในช่วงเปลี่ยนแปลง” กำธรพูดปลอบใจอีกคนแต่ก็เหมือนกับว่าจะไม่ได้ผล เพราะมินกลับเข้าไปในโลกส่วนตัวของตัวเองเสียแล้ว

       ก๊อก…ก๊อก…

       “วันนี้เป็นยังไงบ้างครับคุณมิน ดีใจรึเปล่าครับที่จะได้กลับบ้านแล้ว” คุณหมอเจ้าของไข้คนเดิมเดินเข้ามาเช็คอาการของมินเป็นรอบสุดท้าย ก่อนที่จะสั่งให้พยาบาลที่ตามมาด้วยถอดเข็มน้ำเกลือให้กับมิน

       “ก็ดีมั้งครับ” มินตอบคำถามแบบขอไปที

       “แล้วเรื่องนั้นคุณมินได้คุยกับสามีของคุณรึยังครับ” คุณหมอเอ่ยถามด้วยสีหน้าลำบากใจ เพราะเมื่อตอนที่เขามาตรวจเจ้าตัวเป็นครั้งแรกหลังจากที่เพิ่งฟื้น เขาก็พูดคุยพร้อมกับบอกเรื่องความเสี่ยงและทางเลือกของเด็กที่อยู่ในท้องของมินไปไม่ต่างจากที่บอกกับพ่อของเด็ก ซึ่งปฏิกิริยาตอบรับของมินที่แสดงออกมานั้น เรียกได้ว่าช็อกค้างและเป็นลมล้มพับไปเลย

       “รอให้พ่อเขาตัดสินใจดีกว่าครับ” มินพูดบอกไปตามที่คิดเพราะเขาไม่มีความกล้าพอที่จะตัดสินความเป็นความตายให้กับชีวิตของใคร ถึงแม้ว่าคนๆนั้นจะเป็นลูกที่เขามีสิทธิ์เต็มร้อยก็ตาม แต่มันคงจะดีกว่าถ้าให้คนเป็นพ่อเขามีส่วนร่วมในการตัดสินใจ ทั้งนี้ทั้งนั้นก็ขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของแม็กแต่เพียงผู้เดียว

       “ถ้าอย่างนั้นก็เอายาบำรุงนี่กลับไปทานให้ครบและตรงเวลานะครับ อย่าปล่อยปละละเลยเหมือนครั้งที่ผ่านมา เพราะบางทีทางออกที่สามีของคุณเลือกมันอาจจะเป็นทางทีดีก็ได้” คุณหมอพูดบอกพร้อมกับรอยยิ้มเพื่อเป็นกำลังใจให้มินเพราะผลประเมินสภาวะทางจิตใจและอารมณ์ของมินออกมาไม่ค่อยดีสักเท่าไหร่ เขาจึงไม่อยากที่จะให้มินเครียดมากไปกว่านี้ ก่อนที่จะยื่นถุงยาบำรุงที่หยิบติดมือมาด้วยส่งให้กับมิน

       “ขอบคุณมากครับ” มินเองก็ยื่นมือไปรับถุงยาพร้อมกับระบายยิ้มอ่อน เมื่อได้ยินคำปลอบโยนและให้กำลังใจถึงจากหมอ ถึงแม้ว่ามันอาจจะเป็นแค่ฝันลมๆแล้งๆ แต่เขาก็หวังว่าแม็กจะเลือกทางที่ดีอย่างที่หมอพูดเช่นเดียวกัน
..
..
..
       “คุณมินจะกลับคอนโดเลยรึเปล่าครับ” กำธรเอ่ยถามขณะที่เดินตามรถเข็นของมินที่มีบุรุษพยาบาลคอยบริการให้อยู่

       “ผมขอไปตรงนั้นสักครู่ได้ไหมครับ” มินพูดบอกกับบุรุษพยาบาลที่ทำหน้าที่เข็นรถให้เขาอยู่ เมื่อเขาเห็นบางอย่างที่หน้าสนใจและดึงดูดใจมาก จนเขาอยากที่จะเข้าไปดูใกล้

      “เดี๋ยวผมจัดการต่อเองครับ ขอบคุณมากนะครับ” กำธรพูดบอกพร้อมกับเอ่ยขอบคุณบุรุษพยาบาลที่หันมาถามหาความเห็นกับเขา ก่อนที่เขาจะมาทำหน้าที่เข็ยรถให้มินแทน

       “คุณกำธรคิดว่าผมจะมีโอกาสได้เห็นเขาออกมาวิ่งเล่นอย่างนี้ไหมครับ” มินเอ่ยถามพลางยื่นมือข้างนึงขึ้นไปลูบกระจกใสห้องเนอสรี่ประจำโรงพยาบาลที่มีเล็กวิ่งเล่นไปมาอย่างสนุกสนานตามวัย ส่วนอีกมือนึงก็ใช้ลูบหน้าท้องที่ยังคงเรียบแบนของตัวเองไปด้วย

       “เอ่อ…” กำธรไม่กล้าที่จะพูดอะไรออกมาเพราะกลัวว่าถ้าตอบไปว่ามีก็จะกลายเป็นว่าเขาไปสร้างความหวังให้กับมินอีก แต่กลับกันถ้าเขาตอบว่าไม่ก็จะกลายเป็นการบั่นทอนกำลังใจของมินเข้าไปอีก เรียกได้ว่าตอบอย่างไหนก็มีแต่เสียกับเสีย

       นอกจากสตีฟเพื่อนของแม็กแล้วก็มีกำธรที่เป็นเลขาที่ไม่ต่างจากผู้ช่วยสารพัดประโยชน์ของแม็กอีกคนที่รับรู้เรื่องความสัมพันธ์ของแม็กและมินเป็นอย่างดี แต่เขาก็ไม่เคยคิดจะก้าวก่ายหรือเอาไปพูดป่าวประกาศให้ใครรู้ เพราะเขาถือว่าเป็นเรื่องส่วนตัวของใครของมัน เขาเองที่เป็นแค่ลูกน้องภายใต้การควบคุมของแม็กดังนั้นเขาจึงมีหน้าที่แค่ทำตามคำสั่งเจ้านายเท่านั้น

       “คุณกำธรไม่ต้องตอบหรอกครับ มินแค่ถามไปอย่างนั้นเอง” มินพูดบอกออกมาเมื่อรับรู้ถึงความลำบากใจของอีกคน

       “อย่าคิดมากไปเลยครับคุณมิน” กำธรพูดบอกออกมา เขาได้แต่ขอโทษมินในใจ ที่เขาไม่สามารถให้คำตอบที่สบายใจให้กับเจ้าตัวได้

       “ไม่เป็นไรหรอกครับ มินว่าเรากลับกันเลยดีกว่า มินอยากพักแล้ว” มินละสายตาออกจากเด็กๆที่เขาเฝ้ามองอยู่ได้พักใหญ่ ก่อนที่จะพูดบอกกับกำธร เพราะเขาเริ่มรู้สึกเหนื่อยแล้วจริงๆ แต่ไม่ได้เหนื่อยกายหรอกนะ เพราะเขาเหนื่อยใจที่จะคิดที่จะหวังเสียมากกว่า


~ ~ ~ แฝด ~ ~ ~

ช่วงค่ำวันเดียวกัน…


       “กลับมาแล้วหรอครับ” กำธรที่นั่งดูทีวีอยู่ในห้องรับแขกเอ่ยทักทายกับเจ้านายที่เพิ่งจะเดินเข้าห้องมาด้วยสีหน้าเนือยๆ

       “อืม…ขอบคุณมากนะที่ช่วยเป็นธุระให้ผมหลายวันเลย นี่ค่าเหนื่อยของคุณ” แม็กพยักหน้ารับ ก่อนที่จะเอ่ยขอบคุณพร้อมกับยื่นสองสีขาวที่มีความหนาพอสมควรให้กับกำธรเป็นสินน้ำใจที่กำธรช่วยมาดูแลคนป่วยให้เขาเสียหลายวัน เพราะกำธรเป็นคนที่เขาไว้ใจที่สุดลองจากสตีฟแล้วในตอนนี้ แต่เขาจะไปหวังเพิ่งไอ้เพื่อนจอมทะเล้นนั่นก็ไม่ได้ เพราะลำพังตัวมันเองก็จะเอาไม่รอดอยู่แล้ว ถ้าให้มาช่วยดูแลมินให้เขาจากที่ดีขึ้นเขากลัวว่ามินจะแย่ลงกว่าเดิม

       “ไม่เป็นไรหรอกครับ คุณแม็กช่วยผมกับครอบครัวมาเยอะมากแล้ว แค่นี้เองผมเต็มใจครับ” กำธรรีบโบกมือปฏิเสธที่จะรับซองเงินของเจ้านายเป็นพัลวัน เพราะเขาเต็มใจที่จะมาช่วยดูแลคนสำคัญให้กำแม็กอย่างจริงใจไม่ได้หวังผลตอบแทน เพราะที่ผ่านมาแม็กก็ยื่นมือเข้ามาช่วยเขาหลายครั้งแล้ว ไม่ว่าจะเป็นเรื่องค่าใช้จ่ายในการผ่าตัดหัวใจของภรรยาของเขา หรือแม้แต่เรื่องทุนการศึกษาจนกว่าจะจบปริญญาของลูกชายลูกสาวทั้งสองคนของเขาก็ตาม ลำพังแค่นี้เขาก็ไม่รู้จะตอบแทนเจ้านายคนนี้ยังไงแล้ว

       “เอาไปเถอะ ถือว่าผมให้ค่าขนมหลานก็ได้” แม็กพูดบอกพร้อมกับยัดเงินใส่มือกำธรแบบที่ไม่ให้อีกคนมีโอกาสปฏิเสธที่จะรับน้ำใจจากเขาอีก

       “ขอบคุณคับ” กำธรยกมือขึ้นไหว้แม็กอย่างไม่รู้สึกตะขิดตะขวงใจใดๆ ถึงแม้ว่าแม็กจะอายุน้อยกว่าเขาหลายปีก็ตาม เพราะเขารู้สึกเคารพคนๆนี้จากใจจริงๆ

       “อืม…คุณกลับไปพักผ่อนเถอะ” แม็กพยักหน้ารับพร้อมกับพูดบอกออกมา

       “ก่อนจะไปผมขออนุญาตพูดอะไรสักอย่างได้ไหมครับคุณแม็ก” ถึงแม้ว่าจะเก็บของส่วนตัวลงในกระเป๋าพร้อมแล้ว แต่กำธรก็ยังไม่ได้ออกจากห้องไปตามที่แม็กบอกในทันที

       “เรื่องอะไรล่ะ?” แม็กเอ่ยถามเหมือนเป็นการอนุญาตไปในตัว

       “การกระทำสำคัญกว่าคำพูดก็จริงนะครับ แต่มันจะดีกว่าไหมครับถ้าเราจะทำทั้งสองสิ่งไปพร้อมๆกัน เพราะบางทีแค่การกระทำอย่างเดียวมันก็ไม่สามารถเป็นคำตอบที่ชัดเจนให้กับอีกคนเขาได้รับรู้ไปทั้งหมดหรอกนะครับ…ผมขอตัวกลับก่อนนะครับ” เมื่อพูดสิ่งที่ตัวเองต้องการจะพูดเสร็จเรียบร้อยแล้ว กำธรก็ขอตัวกลับและเดินออกจากห้องไปทันที ไม่รอให้แม็กได้พูดหรือบอกอะไรอีก
..
..
..
       แม็กเดินเข้ามาภายในห้องนอนเงียบสงบ ก่อนที่จะปลดเนคไท ถกแขนเสื้อเชิ้ตของตนขึ้นเพื่อความสบายตัวหลังจากทนอึดอัดมาทั้งวัน

       “อยู่โรงพยาบาลเป็นอาทิตย์แต่ทำไมหน้ามึงยังซีดอยู่เลยวะ” แม็กทิ้งตัวนั่งลงบนเตียงข้างๆกันกับที่มินนอน ก่อนที่จะใช้มือลูบศีรษะของมินเบาๆในขณะที่สายตาก็สำรวจมองร่างกายของอีกคนไปทั่ว ก่อนจะหยุดลงที่บริเวณหน้าท้องของมินเป็นเวลานาน

       “เป็นยังไงบ้าง ยังสบายดีอยู่ใช่มั้ย” แม็กเอื้อมมือเข้าไปวางอยู่บนหน้าท้องของมินอย่างระวัง ก่อนที่จะยื่นหน้าเข้าไปกระซิบถามคนที่อยู่ข้างในนั้นออกมาด้วยเสียงแผ่วเบา

       “อือออ…” แต่คุยกัน(?)ได้ไม่นานเจ้าของร่างกายตัวจริงอย่างมินก็พลิกตัวเหมือนกับว่ากำลังจะตื่นขึ้นมา จึงทำให้แม็กรีบผละตัวออกมาอย่างรวดเร็ว

       “แม็กหรอ?” มินร้องถามด้วยเสียงงัวเงียพร้อมกับขยี้ตาไปด้วย

       “แล้วมึงมีผัวกี่คนล่ะ” แม็กรีบเปลี่ยนท่านั่ง กอดอกเอ่ยถามเสียงเรียบ

       “คนเดียว…มินมีแม็กแค่คนเดียว…แม็กเป็นคนที่มินรัก…แม็กเป็นพ่อของลูกมิน” มินพูดบอกเสียงคางยาน แบบเพ้อๆ พลางขยับตัวเข้าไปหาแม็กพร้อมกับทิ้งศีรษะนอนหนุนบนตักของแม็กด้วยท่าทางอ้อนๆ ซึ่งถ้าเป็นปกติแล้ว มินคงไม่จะกล้าทำอย่างนี้กับแม็กแน่ๆ

       “รู้ตัวก็ดี” แม็กบอกอย่างไว้เชิง ในขณะที่มือก็เอื้อมไปคว้าผ้าห่มที่กองอยู่อีกฝั่งนึงมาห่มให้กับคนป่วยที่กำลังนอนหนุนตักเขาอยู่

       “แม็กจะเอา ‘เค้า’ ไว้มั้ย?” มินทำใจกล้าเอ่ยถามออกมาหลังจากที่เขาทั้งสองคนปล่อยให้ความเงียบปกคลุมอยู่พักใหญ่

       “แล้วมึงล่ะ” แม็กไม่ยอมตอบ แต่ถามมินกลับไป

       “มินอยากเอาเค้าไว้” มินบอกพร้อมกับหันหน้าเขาไปซุกกับหน้าท้องของแม็ก

       “หมอได้บอกมึงรึเปล่าเรื่องความเสี่ยง” แม็กทิ้งตัวเอนหลังหลังพิงหัวเตียง ก่อนที่จะพูดบอกออกมา โดยที่เขาเลือกที่จะใช้คำพูดแบบอ้อมๆ

       “บอก” มินพูดตอบเสียงแผ่ว

       “…..” แม็กเองก็ยังคงนิ่งเงียบ จนทำให้มินเริ่มใจเสีย

       “แต่มินก็อยากเอาเขาไว้อยู่ดี เพราะเขาเป็นลูกเรา แต่…แต่ถ้าแม็กไม่…” มินพูดบอกออกมาตามความปรารถนาจริงๆของตน ก่อนที่จะเริ่มสับสนและพูดติดๆขัดๆออกมาด้วยความกังวลเมื่อเห็นว่าแม็กไม่มีการตอบสนองกับคำพูดของตนเลย

       “เงียบ! อย่าร้อง! มึงคิดไปถึงไหนน่ะมิน” ถึงปากจะดุเมื่อได้รับรู้ถึงความชื้นที่เกิดขึ้นบริเวณหน้าท้องของตน แต่สองมือของเขาก็ช้อนตัวของอีกคนขึ้นมากอดอยู่แนบอก

      “ฮึก!” มินเองก็ไม่ได้ขืนตัวแต่อย่างใด และเขาก็เริ่มร้องไห้หนักขึ้นกว่าเดิม

       “ถึงกูจะใจร้าย ปากหมา ป่าเถื่อน หรือทำตัวถ่อยกับมึงมากแค่ไหน แต่กูก็ไม่ได้ใจดำถึงกับขนาดที่ว่าฆ่าลูกตัวเองได้ลงคอหรอกนะมิน” แม็กจับให้มินนอนหงายดังเดิมเพื่อที่จะได้เห็นหน้าของอีกคน ถึงแม้ว่ามันจะไม่ชัดเจนเพราะมีเพียงแค่แสงไฟสลัวหน้าห้องน้ำที่พวกเขาต้องเปิดไว้ตลอดคืนเพราะมินปรับสายตาจากความมืดจนต้องเดินชนโน่นชนนี่ไม่ได้ก็ตาม

       “ฮึก!” มินยกมือขึ้นปาดน้ำตาเพราะอยากที่จะมองเห็นหน้าของแม็กได้ชัดเจนขึ้นกว่าเดิม แต่มันก็ช่างเป็นเรื่องที่ยากเย็นเหลือเกินเพราะน้ำตาของเขาไม่ยอมหยุดไหลออกมา

       “มึงเองก็รู้ดีไม่ใช่หรอว่าทำไมกูถึงให้มึงอยู่แต่ในห้อง ไม่ให้ออกไปไหนคนเดียวถ้าไม่มีกูไปด้วย” แม็กพูดบอกออกมาอีก

       “…..” มินทำได้แค่พยักหน้าขึ้นลงช้าๆ รู้สิ…เขารู้ดีเลยล่ะ เพียงแต่ช่วงหลังๆมา ตั้งแต่แม็กเริ่มเข้าไปทำงานที่บริษัทของพ่อแม็กก็เปลี่ยนไปจากเดิมอย่างที่เคยเป็นอย่างสิ้นเชิง แม็กอยู่ดุขึ้น นิ่งเงียบ ขี้โมโหและอารมณ์ร้อนมากขึ้น ที่สำคัญเลยคือแม็กจะไม่อนุญาติให้เขาออกไปไหนด้วยตัวเองคนเดียวเป็นอันขาด ถ้าไม่มีเจ้าตัวตามไปคุมด้วย

       “แล้วมึงจะคิดมากทำไม ตลอดชีวิตที่เราอยู่ด้วยกันมา ตั้งแต่ที่เรายังเป็นพี่น้องกัน กูก็เลื่อนขั้นขึ้นมาเป็นผัวมึง จนจะเลื่อนไปเป็นพ่อของลูกมึงอีกตำแหน่งแล้วมึงยังไม่รู้อีกหรอว่ากูเป็นคนยังไง มึงยังไม่รู้อีกรึไงว่าทุกๆสิ่งทุกๆอย่างกูทำไปมันเพื่ออะไรและทำไปเพื่อใคร ถ้าไม่ใช่มึงนะห้ะมิน” แม็กพูดรัวเร็วออกมาอีกชุดใหญ่

       “…..”

       “กูทั้งรักทั้งหวงทั้งห่วงมึงจนจะเป็นบ้าตายอยู่แล้ว มึงแมร่งก็ยัง…” แม็กไม่รู้จะสรรหาคำไหนมาด่าคนรักของตัวเอง ทั้งที่มินควรที่จะเป็นคนที่รู้จักนิสัยและสันดานของเขาดีที่สุดแท้ๆ แต่ก็ยังต้องให้เขามานั่งพูดนั่งบอกอะไรอย่างนี้อีกทั้งที่มันไม่ใช่ตัวตนของเขาเลย

       “ขอโทษและก็ขอบคุณนะแม็ก” มินพูดบอกพร้อมกับหันหน้ากลับไปกอดเอวซุกหน้าท้องของแม็กอีกครั้งด้วยความรู้สึกที่ต่างจากเมื่อกี้โดยสิ้นเชิง

       “พึ่งรู้ตัวหรอ” แม็กพูดว่าเสียงสะบัดเหมือนกับไม่พอใจ เอ๊ะ…ว่าแต่แบบนี้เขาเรียกว่า ‘งอน’ จะได้มั้ยนะ…มินแอบยิ้มอยู่คนเดียวท่ามกลางความมืดและเสียงเต้นของหัวใจ

       “มินรักแม็กนะ…รักมากที่สุดในโลกเลย” มินพูดบอกออกมาอีกครั้ง ตอนนี้เขารู้สึกมีความสุขมากจนเหมือนกับหัวใจพองโตจนแทบจะระเบิดออกมาเสียให้ได้

       “ก็สมควรอยู่หรอก” ถึงแม้จะเป็นคำตอบรับที่ดูจะกระด้างไปนิด แต่มันก็ยังทำให้หัวใจของมินสั่นไหวอย่างรุนแรงจนแทบจะเต้นไปไม่เป็นจังหวะอยู่แล้ว เมื่อเจ้าตัวกระชับตัวของมินที่อยู่ในผ้าห่มเข้ามากอดให้แน่นขึ้นกว่าเดิม จนมินรู้สึกอบอุ่นไปทั่วทั้งหัวใจ





………………………………………………………………….TBC.
ถ้าไม่ติดธุระอะไรจะมาอัพให้ทุกวันนะคะ เพราะอยากจะให้ทันอีกเว็บนึงที่ตอนนี้อัพไปแล้ว14ตอน
และถ้าคนที่เคยอ่านเรื่อง 'คุณเมียภาคบังคับ' กับ 'รักนี้มีแค่นายซุปเปอร์สตาร์' มาก่อนคงจะจำกันได้นะคะ #ด้วยรัก
หัวข้อ: Re: {Mpreg/Incest} แฝด Up.ตอนที่ 5 (10/12/59)
เริ่มหัวข้อโดย: คนคิ้วท์คิ้วท์ ที่ 10-12-2016 09:52:10
ตอนนี้แอบหวานๆน่ารักๆ
หัวข้อ: Re: {Mpreg/Incest} แฝด Up.ตอนที่ 5 (10/12/59)
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 10-12-2016 10:14:45
แม็ก รู้ตัวอะว่า ใจร้าย ปากหมา ป่าเถื่อน หรือทำตัวถ่อย
มิน ก็อยากฟังแม็ก พูดนะ
"กูทั้งรักทั้งหวงทั้งห่วงมึงจนจะเป็นบ้าตายอยู่แล้ว มึงแมร่งก็ยัง…”
มีปาก ก็อมพะนำ ไม่พูด
ก็ใครมันจะไปรู้ล่ะ ก็ใครมันจะไปเข้าใจ....♫ ♬ ♪...♫ ♬ ♪
       :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: {Mpreg/Incest} แฝด Up.ตอนที่ 5 (10/12/59)
เริ่มหัวข้อโดย: kun ที่ 10-12-2016 10:15:09
มินชื่นใจเลย
หัวข้อ: Re: {Mpreg/Incest} แฝด Up.ตอนที่ 5 (10/12/59)
เริ่มหัวข้อโดย: aurusma ที่ 10-12-2016 10:22:08
การกระทำสำคัญกว่าคำพูดก็จริง แต่บางครั้ง คนเราก็ ต้องการคำพูดมา
ยืนยันการกระทำด้วยนะ แม็กกก~
หัวข้อ: Re: {Mpreg/Incest} แฝด Up.ตอนที่ 5 (10/12/59)
เริ่มหัวข้อโดย: zuu_zaa ที่ 10-12-2016 11:03:59
 o13
หัวข้อ: Re: {Mpreg/Incest} แฝด Up.ตอนที่ 5 (10/12/59)
เริ่มหัวข้อโดย: ❣☾月亮☽❣ ที่ 10-12-2016 11:13:35
 :z6:  ถีบอีแม็ก
ขอซื้อได้มะไอ้คำที่ว่าก็สมควรอยู่หรอกเนี่ย
หัวข้อ: Re: {Mpreg/Incest} แฝด Up.ตอนที่ 5 (10/12/59)
เริ่มหัวข้อโดย: nunda ที่ 10-12-2016 12:26:15
ลุ้นๆๆๆๆ
ดูแลตัวเล็กดีๆนะ
หัวข้อ: Re: {Mpreg/Incest} แฝด Up.ตอนที่ 5 (10/12/59)
เริ่มหัวข้อโดย: puiiz ที่ 10-12-2016 13:19:51
 :mew3: :mew3:
หัวข้อ: Re: {Mpreg/Incest} แฝด Up.ตอนที่ 5 (10/12/59)
เริ่มหัวข้อโดย: Mura_saki ที่ 10-12-2016 13:42:51
แค่นี้มินก็อุ่นใจแล้ว~~
หัวข้อ: Re: {Mpreg/Incest} แฝด Up.ตอนที่ 6 (10/12/59)
เริ่มหัวข้อโดย: เขียนสือ ที่ 10-12-2016 18:37:28

แฝด ตอนที่ 6





เช้าวันต่อมา…


       “มึงจะนั่งทำหน้าโง่อย่างนี้อีกนานมั้ย?” แม็กเอ่ยถามเสียงขุ่นเพราะเขาเริ่มที่จะหงุดหงิดแล้ว

       “ไว้กินที่หลังได้มั้ยแม็ก? เพิ่งกินข้าวไปอิ่มๆ มินกินยาต่อไม่ไหวหรอก” มินช้อนตาถามเสียงอ้อน เมื่อเขาถูกแม็กบังคับให้กินยาบำรุงที่หมอให้มา หลังจากที่จัดการมื้อเช้าฝีมือของแม็กเสร็จเรียบร้อย อิ่มมากจนท้องแทบจะระเบิดอยู่แล้ว

       “มึงงองแงกับยาแค่ไม่กี่เม็ดเนี่ยนะมิน”

       “ก็มันเยอะนี่” มินเหลือบตามอง ‘ยาแค่ไม่กี่เม็ด’ ของแม็กที่วางอยู่ตรงหน้าของตน พลางเบะปากออกมา เพราะเขารู้สึกว่าอยากจะร้องไห้เหลือเกิน ถ้ามันเป็นยาแค่ไม่กี่เม็ดอย่างที่แม็กบอกก็ดีสิ แต่พอเขาลองนับๆดูมันเกินสิบเม็ดเลยนะ!!

       “จะกินดีๆหรือจะกินด้วยน้ำตาเลือกเอา” แม็กกอดอกพูดบอกออกมาเสียงเรียบนิ่งพร้อมกับเดินมาทิ้งตัวลงนั่งตรงข้ามกันกับมินเพื่อเป็นการกดดัน

       “แม็กกกกกก~” มินลากเสียงเรียกชื่อแม็กเสียงหวานด้วยท่าทางออดอ้อนเพื่อหวังว่าอีกคนจะใจอ่อนกับตนลงบ้าง

       “อยากจะให้กูป้อนซินะ” นอกจากจะไม่หลงกลท่าทางน่ารักของมินแล้วแล้วแม็กยังทำเหมือนว่าจะเดินเข้ามาป้อนยามินอย่างที่ปากพูดจริงๆ

       “อี๋! แหวะ! ขมอ้า~” มินร้องบอกออกมาพร้อมกับที่มีน้ำตาคลออยู่เต็มหน่วยตา หลังจากที่เขาเพิ่งจะกลั้นใจกลืนสารพัดยาบำรุงลงคอไป เพราะถ้าขืนรอให้แม็กมาป้อนเขาจริงๆ เขาคงได้ตายก่อนที่ลูกจะเกิดแน่…ก็รายนั้นน่ะเคยจะทำอะไรดีๆเหมือนชาวบ้านเขาซะที่ไหนกัน! ไม่มีทางเสียหรอก!

       “ก็แค่นั้น…แค่กินยา ทำอย่างกับโดนบังคับให้ไปตาย” แม็กพูดพลางส่งแก้วน้ำส้มคั้นสดให้มินดื่มล้างความขมของยา

       “วันนี้แม็กใจดีจังเลยน้า~” มินพูดบอกออกมาอย่างอารมณ์ดีด้วยสีหน้าที่เต็มไปด้วยรอยยิ้ม

       “ไปนั่งรอที่ห้องนั่งเล่นไป อย่ามาเกะกะ” แม็กทำเป็นไม่สนใจสิ่งที่คนรักแซว ก่อนที่จะพูดไล่มินออกไปจากบริเวณนี้เพราะเขาจะเก็บโต๊ะอาหาร

       “วันนี้แม็กไม่ไปทำงานหรอ?” มินเอ่ยถามออกมาด้วยความสงสัยเมื่อนึกขึ้นได้ หลังจากที่เห็นว่าแม็กเดินออกมาจากห้องครัวแล้ว

       “ขี้เกียจ” อืม…เหตุผลที่ฟังขึ้นมาก

       “แต่…พ่อเขาจะไม่ว่าเอาหรอ” มินถามออกมาอย่างไม่มั่นใจ เพราะการพบกันครั้งล่าสุดของตนกับคนเป็นพ่อนั้นมันไม่ค่อยหน้าจดจำสักเท่าไหร่

        “กูไม่ไปแค่คนเดียวคงไม่ทำให้บริษัทล้มละลายหรอก” แม็กพูดบอกออกมาอย่างไม่รู้สึกสะทกสะท้านอะไรเลย

       “แต่…” มินทำเหมือนว่าจะพูดอะไรต่อ

       “ไปอาบน้ำได้แล้วไป” แต่แม็กกลับไม่ปล่อยให้อีกคนได้ทำตามใจ ก่อนจะไล่มินไปอาบน้ำ

       “มินขอดูนี่ต่ออีกแปปนึงได้มั้ยอ่ะ” มินพูดต่อลองพลางพยักเพยิดไปทางหน้าจอทีวีที่ยังคงฉายการ์ตูนเรื่องดังอยู่

       “มีสาระมาก” แม็กพูดแขวะคนรัก

       “แม็กไม่รู้หรอกว่ามันสนุกแค่ไหน” มินยู่หน้าบอกอย่างงอนๆ

       “เพราะกูไม่ปัญญาอ่อนแบบมึงไง” แม็กว่า

       “เชอะ!!” มินสะบัดหน้าหนีทำเป็นไม่สนใจที่แม็กว่า

      “ดูจบแล้วก็รีบเข้าไปอาบน้ำนะ” แม็กส่ายหน้าเอือมๆ ก่อนที่จะพูดบอกออกมา

       “…..” แต่มินก็ยังคงตั้งหน้าตั้งตาดูการ์ตูนของตัวเองต่อไป

       “อย่าต้องให้พูดซ้ำนะมิน” แม็กว่าเสียงเรียบ

       “คร้าบบบ~” มินตอบรับเสียงคางยานอย่างทะเล้นโดยที่ไม่ได้หันมามองหน้าแม็ก
..
..
..
       “แม็กว่า ‘โดเรม่อน’ ‘พูริน’ ‘โคนัน’ ‘กัสจัง’ กับ ‘อาราเล่’ ชื่อไหนน่ารักที่สุด?” มินหันไปถามแม็กที่กำลังทำหน้าที่เป็นคนขับรถอยู่ในระหว่างทางที่จะไปโรงพยาบาลเพื่อที่เขาทั้งสองคนจะไปตรวจร่างกายอย่างละเอียดอีกครั้ง หลังจากที่พวกอาบน้ำแต่งตัวและดูการ์ตูนจบไปสี่เรื่องซึ่งก็โดนแม็กด่าไปตามระเบียบ…แต่มินก็ชินเสียแล้ว

       “ถามทำไม” แม็กถามกลับในขณะที่สายตาก็ยังจดจ้องอยู่กับถนนข้างหน้า เพราะเขารู้สึกสังหรณ์ใจแปลกๆกับท่าทางที่ตื่นเต้นจนเกินพอดีของคนรัก

       “ก็มินจะเอามาตั้งเป็นชื่ลูกไง” มินพูดบอกเสียงใส เพราะเขาชอบตัวการ์ตูนเหล่านี้มาก มากจนเขาเลือกไม่ถูกเลยว่าจะเลือกชื่อไหน เพราะโดเรม่อนเก่ง โคนันฉลาด พูรินก็อ่อนหวาน ส่วนกัสจังกับอาราเล่ก็น่ารักมีเสน่ห์ที่สุด~

       “กูขอร้องเถอะมิน มึงอย่าเอาไอ้ตัวประหลาดพวกนั้นมาตั้งชื่อลูกเลย” แม็กแทบจะปล่อยให้รถไหลกับถนนอย่างที่ไม่ต้องขับทันทีเมื่อได้ยินคำตอบจากมิน ก็เห็นอยู่หรอกว่าตอนนั่งดูน่ะมันพูดชมตัวละการ์ตูนตัวนั้นตัวนี้ไปเรื่อยอย่างชอบใจ แต่ก็ไม่คิดว่าจะคลั่งหนักถึงกับคิดที่จะเอามาตั้งเป็นชื่อลูกอย่างนี้…แม็กล่ะอยากจะบ้า!!!

       “ทำไมอ่ะ? ออกจะน่ารัก” มินงองแงขอคำตอบ

       “มึงเก็บไว้ตั้งชื่อปลาทองเถอะ เดี๋ยวกูจะหาชื้อมาให้เลี้ยง” แม็กพูดบอกออกมาแค่นั้นก่อนที่จะไม่สนใจมินอีกต่อไป ถึงแม้ว่ามินจะยังคงบ่นหงุงหงิงไปตลอดการเดินทาง
..
..
..
โรงพยาบาล…

       “จะไม่เป็นไรจริงๆใช่มั้ยแม็ก ถ้าเราจะเก็บเค้าไว้” มินเอ่ยถามอย่างเสียงสั่น เมื่อเริ่มความหวาดกลัวเริ่มเข้ามาเกาะกินความรู้สึกอีกครั้ง ในขณะที่กำลังนั่งรอคิวหมออยู่หน้าห้องตรวจ

       “หรือมึงไม่อยากเอาไว้” แม็กถามกลับ

       “มินอยากให้เค้าอยู่กับเรา แต่มินก็กลัวว่าเขาจะ…” มินพูดบอกออกมาโดยที่เว้นว่างบางคำที่เขาไม่อยากจะนึกถึงไว้

       “ต่อให้ลูกจะเป็นยังไง กูก็มีปัญญาเลี้ยงว่ะมิน” แม็กพูดบอกออกมาด้วยสีหน้ามั่นคงและจริงจัง เพราะเขามั่นใจว่าไม่ว่าลูกเขาจะเกิดมาเป็นยังไง เขาก็รับได้ทุกอย่าง

       “อื้ม!” เมื่อได้ยินคำตอบจากแม็ก มินก็รู้สึกใจชื้นขึ้นมาทันที ก่อนที่จะพากันเดินเข้าห้องตรวจไปเมื่อถึงคิวพอดี

       “มีคำตอบให้ผมแล้วใช่มั้ยครับ” ทันทีที่เข้ามาในห้องตรวจแม็กกับมินก็ได้เจอกับหมอคนเดิมที่เขาทั้งสองคนตั้งใจมาเจออยู่แล้ว

       “ครับ” แม็กตอบเสียงเรียบ ในขณะที่มินยังคงหมกมุ่นอยู่กับความคิดของตัวเอง

       “แล้วตกลงว่า…”

       “เอาไว้ครับ”

       “ถึงแม้ว่าจะเต็มไปด้วยความเสี่ยงอย่างนั้นหรือครับ” คุณหมอพูดถามหยั่งเชิงเมื่อได้ยินคำตอบที่เปล่งมาจากน้ำเสียงหนักแน่นและมั่นคงของแม็ก

       “ต่อให้มีความเสี่ยงเกินร้อยเปอร์เซ็นผมก็ยังคงยืนยันคำเดิม”





…………………………………………………………………TBC.


     
หัวข้อ: Re: {Mpreg/Incest} แฝด Up.ตอนที่ 6 (10/12/59)
เริ่มหัวข้อโดย: puiiz ที่ 10-12-2016 20:35:11
 :mew1: :mew1: :mew1:
หัวข้อ: Re: {Mpreg/Incest} แฝด Up.ตอนที่ 6 (10/12/59)
เริ่มหัวข้อโดย: azure ที่ 10-12-2016 20:51:10
ตอนนี้มินดูมีความสุขมาก ดีใจกับมินนะ

อยากให้ความสุขแบบนี้อยู่นานๆจัง :katai5:
หัวข้อ: Re: {Mpreg/Incest} แฝด Up.ตอนที่ 6 (10/12/59)
เริ่มหัวข้อโดย: ❣☾月亮☽❣ ที่ 10-12-2016 21:06:58
สงสารมินอยู่ดี คงจะเครียดกันจนคลอด
หัวข้อ: Re: {Mpreg/Incest} แฝด Up.ตอนที่ 6 (10/12/59)
เริ่มหัวข้อโดย: sirin_chadada ที่ 10-12-2016 21:33:12
ทำไมความสัมพันธ์ของคนครอบครัวนี้แปลก ๆ
หัวข้อ: Re: {Mpreg/Incest} แฝด Up.ตอนที่ 6 (10/12/59)
เริ่มหัวข้อโดย: dahlia ที่ 10-12-2016 23:01:43
แม็ก ต้องดูแลมินดีๆ นะ เดี๋ยวเจออาการคนแพ้ท้องเข้าไปอีก จะมาหงุดหงิดอารมณ์เสียใส่กันคงไม่ดี
หัวข้อ: Re: {Mpreg/Incest} แฝด Up.ตอนที่ 6 (10/12/59)
เริ่มหัวข้อโดย: Mura_saki ที่ 11-12-2016 00:34:16
“ต่อให้มีความเสี่ยงเกินร้อยเปอร์เซ็นผมก็ยังคงยืนยันคำเดิม”

พูดได้ดีมากแม็ก นี่สิว่าที่คุณพ่อมือใหม่
ต่อไปดูแลมินให้ดี อย่าหงุดหงิดง่าย ดูแลกันไปนะ

ว่าแต่...ทำไมพ่อถึงไม่ชอบฝาแฝดล่ะทั้งๆที่เป็นครอบครัวเดียวกัน
หัวข้อ: Re: {Mpreg/Incest} แฝด Up.ตอนที่ 6 (10/12/59)
เริ่มหัวข้อโดย: Tennyo_Y ที่ 11-12-2016 00:35:34
เอิ่ม แม๊คตอนนี้ แม๊คหล่อมากครัฟ ต่อให้ลูกจะเป็นยังไง ก็มีปัญญาเลี้ยง ฮืออ แต่มีแค่นี้พอ แล้วให้มิน ทำหมั้นไปเลยนะ ไม่ก็แม๊คทำไปเลยนะ สงสารเด็ก สงสารมิน แต่แม๊คปากหมาจริง ๆ นะ
หัวข้อ: Re: {Mpreg/Incest} แฝด Up.ตอนที่ 7 (11/12/59)
เริ่มหัวข้อโดย: เขียนสือ ที่ 11-12-2016 17:59:28

แฝด ตอนที่ 7





 สองสัปดาห์ต่อมา…


       มินกับแม็กนั่งกุมมือกันแน่นระหว่างที่รอฟังผลตรวจจากหมอคนเดิม หลังจากที่พวกเขาพากันเข้ามาตรวจร่างกายรวมถึงตรวจดูความผิดปกติของลูกในท้องมินอย่างละเอียดอีกครั้งเมื่อสองสัปดาห์ที่แล้ว

       “ผลการตรวจร่างกายของคุณแม็กออกมาปกติดีทุกอย่างนะครับ ส่วนผลตรวจของทารกในครรภ์คุณมินก็ไม่พบว่าน้องอยู่ในกลุ่มเสี่ยงของดาวซินโดมและมีการเจริญเติบโตไปตามอายุครรภ์ แต่ผลการตรวจของคุณมินเราพบว่าคุณมินมียีนแฝงโรคธาลัสซีเมียและโรคฮีโมฟีเลียซ่อนอยู่นะครับ ซึ่งตรงนี้น้องอาจจะได้รับเชื้อไปเต็มๆ” หลังจากที่นั่งพิจารณาผลตรวจที่ได้มาอยู่นาน คุณหมอหนุ่มก็พูดบอกออกมาอย่างลำบากใจ เมื่อต้องพูดถึงสิ่งที่มันซ่อนอยู่ในยีนของมินที่แม็กไม่มีทั้งที่เป็นฝาแฝดกันแท้ๆ

       “ขอรายละเอียดของสองโรคนี้ด้วยครับ” แม็กเอ่ยถามเมื่อรับรู้ถึงแรงกระตุกจากฝ่ามือของตนที่มีต้นเหตุมาจากมิน เพราะมินคงอยากรู้แต่ไม่อยากที่จะถามเอง

       “สำหรับธาลัสซีเมียถ้าจะให้เรียกง่ายๆอย่างที่เราคุ้นหูกันดีก็คือโรคเลือดจาง เด็กที่เป็นโรคนี้จะมีการซีด ตาเหลือง ตัวเหลือง ตับโต ม้ามโต ท้องป่อง แคระแกรน หน้าตาอาจจะเปลี่ยนแปลง  ร่างกายเติบโตช้ากว่าปกติ และกระดูกจะเปราะหักง่าย รวมถึงการเจ็บป่วยบ่อยๆด้วย”

       “…..”

       “ส่วนโรคฮีโมฟีเลียหรือโรคที่มีเลือดออกง่าย แต่หยุดยากเป็นโรคที่ขาดปัจจัยการแข็งตัวของเลือดคือแฟคเตอร์ มีความรุนแรงสามระดับคือเอ บี และซีตามลำดับ ซึ่งผู้ป่วยกลุ่มนี้เมื่อมีอุบัติเหตุหรือมีบาดแผลเกิดขึ้น พวกเขาไม่เพียงแต่จะเจ็บปวดมากกว่าคนปกติ แต่ทุกวินาทีที่มีเลือดไหลออกมานั่นหมายถึงความเป็นความตายของชีวิตเลยละครับ”

       “…..”

       “และเรื่องสุดท้ายที่ผมต้องบอกพวกคุณคือ พวกคุณยังคงต้องภาวนาเสียตั้งแต่ตอนนี้เลยว่าถ้าหากลูกของพวกคุณคลอดออกมาแล้วก็ขอให้เขารอดพ้นจาก…ออทิสติก”
..
..
..
       “แม็ก…มินกลัว” มินพูดบอกออกมาด้วยเสียงแผ่วเบาแววตาสั่นไหว ในขณะที่เขาทั้งสองคนกลับมาถึงคอนโดได้พักใหญ่แล้ว แต่ต่างคนก็ต่างจมอยู่กับความคิดของตัวเอง

       “จะกลัวทำไม ไม่ต้องกลัวหรอก มึงก็คิดในทางที่ดีสิว่าอย่างน้อยลูกเราก็มีครบสามสิบสอง ไม่ได้พิการตรงไหน แถมยังรอดจากการเป็นดาวซินโดมทั้งที่มีความเสี่ยงเต็มร้อยอีกด้วย แค่นี้มันยังไม่พออีกหรอมิน” แม็กวาดแขนรั้งตัวมินเข้ามาโอบกอดพร้อมกับกดจูบลงไปที่ข้างขมับของมินก่อนที่จะพูดปลอบออกมาตามความเป็นจริง

       “นั่นสินะ…แค่นี้ก็ดีมากแล้ว” มินพูดกับตัวเองเบาๆพร้อมซุกหน้าลงกับอกแกร่งของคนรัก พลางคิดตามสิ่งที่แม็กพูดว่าโชคดีแค่ไหนแล้วที่ลูกของพวกเขาแข็งแรงสมบูรณ์กว่าที่ควรจะเป็น

       “ไปๆ ยิ่งอยู่บ้านยิ่งฟุ้งซ่านนะมึงอ่ะ” แม็กพูดบอกพลางกระตุกมือมินให้ลุกขึ้นจากโซฟาอย่างไม่มีการบอกกล่าวล่วงหน้า

       “ไปไหนอ่ะ?” มินเอียงคอถามอย่างสงสัยเพราะน้อยครั้งนักที่แม็กจะเป็นฝ่ายชวนเขาออกจากห้องไปไหน

       “ไปซื้อปลาทอง”

       “เอาจริงดิ??”

       “เออ”
..
..
..
       “แม็กแน่ใจแล้วหรอว่าจะซื้อปลาทองไปเลี้ยงจริงๆอ่ะ” มินถามออกมาอย่างไม่แน่ใจระหว่าที่เขาทั้งสองคนอยู่หน้าร้านขายสัตว์น้ำแห่งหนึ่ง ซึ่งไม่ห่างจากคอนโดมากนัก

       “มึงเคยเห็นกูพูดเล่นหรอ?” แม็กถามพร้อมกับเดินนำมินเข้าไปภายในร้านที่มีเจ้าของร้านคอยต้อนรับอยู่ก่อนแล้ว แต่แม็กขอที่จะเดินดูด้วยตัวเองเสียก่อน เจ้าของร้านจึงถอยออกไป เพื่อความเป็นส่วนตัวของลูกค้า

       “เราเลี้ยงตัวนี้แทนปลาทองไม่ได้หรอแม็ก?” มินถามพลางชี้ไปที่ตู้ปลาหางนกยูงขนาดใหญ่

       “ไม่” แม็กปฏิเสธออกมาคำเดียวสั้นๆทำเอามินถึงกับเบ้หน้าด้วยความเซ็ง

       “แล้วทำไมต้องเป็นปลาทองด้วยอ่ะ??”

       “เพราะมันหน้าโง่เหมือนมึงไง” แม็กพูดบอกพร้อมกับหัวเราะในลำคอเบาๆ ก่อนที่จะเดินไปสั่งให้เจ้าของร้านจัดการปลาที่ตนต้องการให้

       “ถ้ามินโง่แม็กก็ต้องโง่เหมือนกันแหละ…หน้าเหมือนกันขนาดนี้…ฮึ่ย!”
..
..
..
       “เมื่อไหร่มึงจะเลิกทำหน้าบ้าอย่างนี้สักทีมิน” แม็กพูดบอกพลางวางโหลปลาทองทรงกลมในมือลงบนโต๊ะเล็กหน้าโซฟา เมื่อเห็นว่ามินยังคงทำหน้านิ่วคิ้วขมวดอยู่เหมือนเดิมตั้งแต่ออกมาจากร้านขายสัตว์น้ำแล้ว

       “…..” งอน

       “มึงไม่ชอบจริงๆหรอ”

       “…..” ยังงอนอยู่

       “พวกมันรอให้มึงตั้งชื่อให้อยู่นะเนี่ย กูอุส่าเลือกตัวที่ไม่เหมือนกันมาแล้วนะ ครบห้าตัวห้าชื่อตามที่มึงต้องการเลย”

       “…..” ตั้งหน้าตั้งตางอนต่อไป

       “กูคงยังไม่ได้บอกมึงไปสินะว่านอกจากปลาทองมันจะหน้าโง่เหมือนมึงแล้ว มันยังน่ารักเหมือนมึงด้วย…ไม่งั้นกูไม่ชอบหรอก” เมื่อเห็นว่าอีกคนยังคงมีไม่มีท่าว่าจะลดความปั้นปึงลงเลย แม็กก็เลยต้องพูดบอกสิ่งที่เขารู้สึกจริงๆออกมา ก่อนที่จะรีบเดินหนีเข้าห้องไป ทิ้งให้มิน ทบทวนคำพูดของตัวเองจนเข้าใจ ก่อนที่จะ…..

       “งื้ออออออออออ….” มินถึงกับหงายเงิบลงไปนอนบิดตัวไปมาบนโซฟาด้วยความเขินที่ถึงขีดสุด เมื่อเข้าใจความหมายของคำพูดที่แม็กต้องการจะสื่อออกมา

       “หึๆ” ส่วนคนที่มาแอบยืนมองดูมินอยู่หลังประตูห้องนอนเองก็มีความสุขไม่แพ้กัน





………………………………………………………………..TBC.
หัวข้อ: Re: {Mpreg/Incest} แฝด Up.ตอนที่ 7 (11/12/59)
เริ่มหัวข้อโดย: puiiz ที่ 11-12-2016 18:22:39
 :mew3: :mew3:
หัวข้อ: Re: {Mpreg/Incest} แฝด Up.ตอนที่ 7 (11/12/59)
เริ่มหัวข้อโดย: ❣☾月亮☽❣ ที่ 11-12-2016 18:26:43
ดูๆไปแล้วแฝดสองคนนี้ไม่เหมือนกันเลยยกเว้นหน้าตา เหอๆๆๆ
หัวข้อ: Re: {Mpreg/Incest} แฝด Up.ตอนที่ 7 (11/12/59)
เริ่มหัวข้อโดย: dahlia ที่ 11-12-2016 18:28:54
ชอบแม็กอะ ปากเสีย แต่น่ารักดี 5555
หัวข้อ: Re: {Mpreg/Incest} แฝด Up.ตอนที่ 7 (11/12/59)
เริ่มหัวข้อโดย: sirin_chadada ที่ 11-12-2016 18:32:10
เอาใจช่วยด้วยคน อย่าให้เด็กน้อยเป็นอะไรรุนแรงเลย
หัวข้อ: Re: {Mpreg/Incest} แฝด Up.ตอนที่ 7 (11/12/59)
เริ่มหัวข้อโดย: sang som ที่ 11-12-2016 20:00:37
ถึงแแม็กจะปากหมาแต่การกระทำนี้น่ารักสุดไรสุดอ่ะ
หัวข้อ: Re: {Mpreg/Incest} แฝด Up.ตอนที่ 7 (11/12/59)
เริ่มหัวข้อโดย: Mura_saki ที่ 11-12-2016 23:18:53
หึหึ ร้ายนักนะแม็ก :)
หัวข้อ: Re: {Mpreg/Incest} แฝด Up.ตอนที่ 7 (11/12/59)
เริ่มหัวข้อโดย: azure ที่ 12-12-2016 20:14:06
มินตอนนี้แฮปปี้แตกต่างจากตอนเริ่มเรื่องมากๆ
หัวข้อ: Re: {Mpreg/Incest} แฝด Up.ตอนที่ 7 (11/12/59)
เริ่มหัวข้อโดย: Pithchayoot ที่ 12-12-2016 20:40:48
ขอบคุณค่ะ
หัวข้อ: Re: {Mpreg/Incest} แฝด Up.ตอนที่ 8 (13/12/59)
เริ่มหัวข้อโดย: เขียนสือ ที่ 13-12-2016 16:44:12

แฝด ตอนที่ 8





  ห้องประชุมใหญ่ชั้นบนสุดของห้างเมก้ามอลล์


       เสียงกระซิบกระซาบดังขึ้นเป็นระยะๆเมื่อบอร์ดบริหารของบริษัทเมก้ามอลล์จำกัดได้รับจดหมายปิดผนึกส่งตรงถึงโต๊ะทำงานของทุกคนอย่างไม่การบอกกล่าวล่วงหน้า และยิ่งได้รู้ว่าหัวข้อสำคัญในการเรียกประชุมครั้งนี้คืออะไร ก็ยิ่งทำให้เขาตื่นตระหนกตกใจขึ้นไปอีก เพราะคนที่เรียกพวกเขาประชุมวาระสำคัญในครั้งนี้ไม่ใช่ประธานใหญ่อย่างที่ควรจะเป็น แต่เป็นประธานกรรมการฝ่ายบริหารที่อำนาจรองลงมาต่างหากล่ะ

       “ทำไมมันกะทันหันครับคุณแม็ก” หนึ่งในบอร์ดบริหารอาวุโสคนหนึ่งเอ่ยถามขึ้นทันที เมื่อเห็นว่าแม็กเดินก้าวมาในห้องและไปยืนหยุดอยู่ตรงหัวโต๊ะประชุม

       “ใจเย็นสิครับ รอคนสำคัญก่อน” แม็กพูดบอกเสียงเรียบก่อนที่จะนั่งลงบนเก้าอี้ด้วยสีหน้าเรียบเฉยมาก จนไม่มีใครกล้าที่จะถามหรือว่าค้านอะไรออกมาอีก

       “นี่มันเรื่องอะไรกันเจ้าแม็ก!!!” แต่เวลาผ่านไปเพียงแค่ไม่กี่นาทีคนที่แม็กรอคอยก็ปรากฏตัวขึ้น

       “เมื่อกันครบแล้วผมขอเข้าเรื่องเลยก็แล้วกันว่า ผมขอเลื่อนตำแหน่งของตัวเองจากการเป็นประธานกรรมการฝ่ายบริหารให้เป็นประธานบริษัทเมก้ามอลล์คนใหม่พร้อมกับปลดประธานคนเก่าออก มีผลนับตั้งแต่วินาทีนี้เป็นต้นไป” แม็กพูดบอกออกมาเสียงนิ่งด้วยใบหน้าเรียบเฉยอย่างไม่รู้สึกตะขิดตะขวงใจแต่อย่างใดที่ต้องมาประกาศเลื่อนตำแหน่งให้กับตัวเองอย่างที่ไม่เคยมีใครทำมาก่อน เรียกเอาเสียงฮือฮาจากบอร์ดบริหารได้เป็นอย่างดี

       “แกมีสิทธิ์อะไรมาทำกับฉันอย่างนี้ห้ะเจ้าแม็ก!! นี่มันบริษัทของฉันนะ!!!” คุณกิติกรถามเสียงก้าว พร้อมทั้งเดินย่างสามขุมเข้ามาหาแม็กด้วยความน่ากลัว แต่ก็ติดว่าทางแม็กนั้นมีทั้งคุณกำธรและเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยของบริษัทที่กำธรเรียกให้มาประจำที่ก่อนหน้านี้แล้ว

       “สิทธิ์ของการเป็นผู้ถือหุ้นของเมก้ามอลล์แปดสิบเปอร์เซ็นยังไงล่ะครับ” แม็กกระตุกยิ้มบอกด้วยท่าทีเยาะเย้ยอย่างจงใจให้อีกคนรับรู้พร้อมกับที่โชว์เอกสารครอบครองจำนวนหุ้นทั้งแปดสิบเปอร์เซ็นของห้างเมก้ามอลล์ออกมาให้ทุกคนได้เห็นกลับตา

       “นะ…นั่นมัน”

       “โอ๊ะโอ…ขอโทษทีนะครับที่ผมมาช้าไปหน่อย พอดียังปรับตัวให้ชินกับประเทศไทยไม่ค่อยได้” ในขณะที่กิติกรและบอร์ดบริหารคนอื่นๆกำลังอยู่ในช่วงตกตระลึงและทำตัวไม่ถูกอยู่นั้น ชายต่างชาติร่างสูงใหญ่ก็ถือวิสาสะเดินเข้ามาในห้องประชุมอย่างที่ไม่ต้องมีใครเชิญ

       “เสียมารยาท” แม็กพูดว่าเพื่อนตัวเองออกมาด้วยความเอือมระอา

       “ขอโทษที่เสียมารยาทและทำให้ทุกคนงงกันนะครับ ผมสตีเฟน ครูส ผู้ถือหุ้นยี่สิบเปอร์เซ็นประธานกรรมการฝ่ายบริหารคนใหม่ของเมก้ามอลล์ครับ” ถึงแม้ว่าจะรู้ดีอยู่แก่ใจว่าเพื่อนรักอย่างแม็กหมายถึงอะไร แต่สตีฟก็ยังตีมึนทำเนียนแนะนำตัวกับบอร์ดบริหารคนอื่นอย่างร่าเริง

       “แกทำอย่างนี้กับฉันได้ยังไงห้ะเจ้าแม็ก!!!” กิติกรตระหวาดก้าวเสียงดังลั่นจนคนอื่นๆที่อยู่ในห้องถึงกับผวาด้วยความเกรงกลัว เพราะพวกเขา(บอร์ดบริหาร)เข้ามาทำงานที่เมก้ามอลล์แห่งนี้นานมากจนได้รู้ได้เห็นกับความน่าเกรงขามของอดีตนายใหญ่แห่งห้างเมก้ามอลล์มากับตาของตัวเองกันแล้วทุกคน…งานนี้เริ่มไม่สนุกแล้วสิ!!

       “ผมทำในสิ่งที่ควรทำ ทวงคืนในสิทธิ์ที่ควรจะเป็นของผมมาตั้งแต่แรก” แม็กแหวกการ์ดเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยออกพร้อมกับเดินเข้าไปเผชิญหน้ากับกิติกรจนคนอื่นๆ ค่อยๆถอยออกไปรวมตัวกันอยู่มุมหนึ่งของห้อง

       “แกหมายความว่ายังไง” เขาถามด้วยความไม่เข้าใจ

       “ก็หมายความว่าผมจะทวงคืนทุกอย่างจากคุณ ไม่ว่าจะเป็นบริษัทนี้ หรือแม่ของผมที่คุณพยายามจะเก็บซ่อนไว้ก็ตาม” แม็กพูดบอกออกมาด้วยประโยคและคำพูดที่ทำให้กิติกรต้องขมวดคิ้วขุ่น

       “แต่ฉันเป็นพ่อของแกนะ!”

       “คุณคงจะโกหกจนลืมความเป็นจริงไปแล้วซินะ…คุณกิติกร โชคธนกิจ” แม็กเน้นย้ำชื่อและนามสกุลจริงของกิติกรในประโยคสุดท้าย

       “แล้วแกจะต้องเสียใจที่ทำกับฉันแบบนี้” เขาข่มเสียงพูดบอกด้วยความอาฆาต

       “อ่อ! ถ้าเอาคืนผมก็ช่วยตามให้ถูกคนด้วยแล้วกันนะครับ เพราะผมคือ เมธากร รัตนปภากุล ไม่ใช่เมธากร โชคธรกิจ อย่างที่คุณเคยยัดเยียดให้เป็น”

       “อย่าบอกนะว่าแก!!!” เขาตกใจตื่นอ้าปากค้างไปแล้วกับประโยคที่ดูเหมือนว่าจะธรรมดาสำหรับคนอื่นในห้อง แต่สำหรับเขาแล้วมันเหมือนชนักปักหลังไม่มีผิด

       “ซ่อนให้มิดนะครับ เพราะถ้าผมเจอ ‘อีก’ เมื่อไหร่ละก็…หึๆ” แม็กพูดพร้อมเว้นวรรคละไว้ในฐานที่เขาคิดว่ากิติกรจะเข้าใจเป็นอย่างดี ก่อนที่จะเดินล้วงกระเป๋าออกจากห้องประชุมไปอย่างที่ไม่บอกลาใครทั้งนั้น ทำเอากำธรและสตีฟเดินตามเจ้านายและเพื่อนของตัวเองกันแทบจะไม่ทัน อีกทั้งสตีฟยังนินทาเพื่อนรักอย่างแม็กไปตลอดทางด้วยว่า…เอาแต่ใจไม่เคยเปลี่ยน!!
..
..
..
       “พักสักหน่อยดีมั้ยครับ” กำธรเอ่ยขึ้นหลังจากที่เดินตามแม็กเข้าห้องทำงานส่วนตัวของเจ้าตัวมาหลังจากที่เดินลงไปส่งสตีฟที่มีธุระด่วนจำเป็นต้องกลับไปก่อน และเห็นว่าแม็กกำลังนั่งใช้สองมือกุมขมับของตัวเองอยู่หลังโต๊ะทำงาน

       “ผมกำลังพักอยู่นี่ไง” แม็กพูดบอกพร้อมกับเอามือออกจากศีรษะและเปลี่ยนมานั่งท่าปกติ

       “ผมหมายถึงพักร้อนน่ะครับ ตั้งแต่ทำงานมาผมยังไม่เคยเห็นคุณหยุดเลยนะครับ” กำธรขยายความหมายคำพูดของตัวเอง เพราะอย่างที่บอกไปว่าเขายังไม่เคยเห็นแม็กหยุดพักเลย อีกทั้งช่วงนี้ยังมีแต่เรื่องเครียดๆให้แม็กต้องคิดหนัก ไม่ว่าจะเป็นเรื่องงานหรือเรื่องส่วนตัว เขาจึงอยากให้เจ้านายได้พักผ่อนบ้าง ก่อนที่สุขภาพร่างกายและจิตใจจะย่ำแย่ไปกว่านี้

       “…..” แม็กเองก็รับฟังอย่างเงียบๆ เพราะใจนึงเขาก็อยากจะใช้เวลาอยู่กับมินและลูกบ้าง แต่อีกใจนึงเขาก็ยังวางห่วงค้ำคอที่เรียกว่า ‘งาน’ ไปไม่ได้ เพราะอะไรๆมันก็ยังไม่ลงตัวสักเท่าไหร่

       “ไม่ต้องห่วงเรื่องงานหรอกครับ ยังไงสัปดาห์หน้าคุณสตีฟก็จะเข้ามาเริ่มงานแล้ว อีกทั้งผมเองก็ยังอยู่ทั้งคนนะครับ”

       “ผมว่าจะรื้อระบบงานใหม่ทั้งหมด” แม็กบอกความตั้งใจแรกของตนเองให้ลูกน้องฟัง

       “ผมว่าพักเรื่องนี้ไว้ก่อนดีกว่าครับ ให้พวกพนักงานกับบอร์ดบริหารตั้งตัวตั้งสติกกันอีกสักพักเถอะครับ” กำธรพูดไปตามความเป็นจริงจากประสบการณ์ทำงานมาตลอดสิบกว่าปีของเขา อีกทั้งเขายังอยากที่จะมีเวลาดูความเคลื่อนไหวตามคำสั่งของแม็กก่อนหน้าที่ให้เขาคอยจับตาดูทีมบอร์ดบริหารชุดนี้ไว้ด้วย เพราะเป็นทีมนี้เป็นลูกน้องที่กิติกรจ้างมาเปลี่ยนกับบอร์ดบริหารชุดแรกเริ่มของบริษัทนี้

       “…..”

       “ผมว่าคุณมินเองก็คงอยากจะไปพักผ่อนเหมือนกันนะครับ ยิ่งอายุครรภ์เข้าไตรมาสสองอย่างนี้ด้วยแล้ว ก็ถือเป็นช่วงที่ปลอดภัยและดีที่สุดแล้วครับ เพราะถ้าหลังจากนี้ไปก็จะเดินทางไม่สะดวกแล้วละครับ” เมื่อเห็นว่าเจ้านายมีสีหน้าลังเล กำธรก็ยกคนสำคัญของแม็กอย่างมินขึ้นมาเป็นข้ออ้างอีกแรง

       “แล้วคุณว่าผมควรจะไปไหนดีล่ะ” และก็เป็นอย่างที่กำธรคาดการณ์ไว้ เพราะทันทีที่เขาพูดจบ แม็กก็เอ่ยถามขึ้นมาด้วยท่าทางที่ดูมีชีวิตชีวากว่าเมื่อกี้นิดเดียว…นิดเดียวจริงๆ

       “ไปไหว้พระขอพรดีมั้ยครับ จะได้เป็นการพักผ่อนร่างกายและฟื้นฟูจิตใจไปพร้อมๆกัน” กำธรแนะนำ เพราะคนท้องที่มีความเครียดมากอย่างมินคงจะไม่มีกิจกรรมไหนที่เหมาะไปกว่าการไปไหว้พระหรือสิ่งศักดิ์ต่างๆเพื่อขอพรแล้วล่ะ

       “ถ้าอย่างนั้นผมขอหยุดยาวทั้งอาทิตย์เลยก็แล้วกัน”


~ ~ ~ แฝด ~ ~ ~


       “กลับมาแล้วหรอ” มินเอ่ยทักทายเสียงใสทั้งที่ยังไม่ได้เงยหน้าขึ้นมาจากสมุดสเก็ตภาพในมือ แต่เขาก็รับรู้ได้ว่าคนรักกลับมาแล้ว

       “ดูอะไร?” แม็กทิ้งตัวนั่งลงบนโซฟาข้างกันกับคนรักก่อนที่จะยกตัวมินขึ้นมานั่งอยู่บนตักตัวเองแทน

       “อย่าเพิ่งกวนสิแม็ก” มินว่าเสียงง้องแง้งเมื่อแม็กทำตัวเป็นปลาหมึกกอดรัดฟัดจูบเขาไปแทบจะทั้งตัว

       “เดี๋ยวนี้มึงกล้าเมินกูแล้วหรอมิน…หืม?” แม็กพูดพลางขบเม้มที่หลังคอขาวของมินจนเกิดรอยแดงจางๆ

       “ก็มินไม่อยากให้มันค้างคาอ่ะ อีกนิดเดียวก็จะเสร็จแล้วด้วย”

       “วาดอะไรอีกล่ะ” แม็กถามพลางชะเง้อมองไปทางด้านหน้า ซึ่งพอดีกับที่มินยกขึ้นมาให้ดูพอดีหลังจากที่เจ้าตัววาดเสร็จแล้ว

       “สวยมั้ย?” มินถามอย่างลุ้นๆ

       “มึงแอบรับจ๊อบอีกแล้วหรอ?” แม็กถามอย่างจับผิด เพราะมินเคยหารายได้พิเศษโดยการออกแบบบ้านให้กับบริษัทของรุ่นพี่ที่รู้จักคนหนึ่งเมื่อสมัยเรียน เพราะเจ้าตัวชอบและมีความสามารถพิเศษในด้านนี้

       “เปล่านะ อันนี้แบบบ้านของเราต่างหากล่ะ” มินบอกด้วยท่าทีเขินอาย

       “หึ…มึงอยากอยู่บ้านหรอ”

       “อื้อ มินอยากมีบ้านหลังเล็กๆ ที่มีสวนดอกไม้กับสนามหญ้าเอาไว้ให้ลูกเราได้วิ่งเล่นด้วยไง” มินพูดบอกออกมาด้วยสีหน้าเพ้อๆอย่างมีความสุข เมื่อได้ลองวาดภาพครอบครัวที่มีทั้งเขา แม็ก และลูกน้อยของตนในจินตนาการกับอนาคตที่จะถึงข้างหน้านี้

       “อืม…ก็สวยดี” แต่แม็กกลับทำให้เขาฝันสลายเมื่อเจ้าตัวให้คำตอบออกมาสั้นๆเท่านั้น

       “แค่นี้เองหรอ?” มินโพล่งถามออกมาด้วยความผิดหวัง

       “อืม” แม็กตอบแค่นั้นก่อนที่จะเดินหนีเข้าห้องไป
..
..
..
       “มิน” แต่ระหว่างที่มินนั่งมองภาพวาดในมือด้วยความน้อยใจอยู่นั้น แม็กก็เดินกลับมาหาเขาอีกครั้ง

       “…..” แต่มินกลับกอดอกเชิดหน้าหนีด้วยความน้อยใจ

       “เรื่องบ้านน่ะกูคงต้องใช้เวลาหาที่เหมาะๆก่อน แต่พรุ่งนี้กูว่างพอที่จะพามึงกับลูกเที่ยวนะ ถือว่ากูชดเชยให้ก็แล้วกัน” เขาพูดแค่นั้นก่อนที่จะหันหลังทำท่าจะเดินกลับเข้าห้องไปอีกครั้ง

       “งื้อออ…แม็กน่ารักที่สุดเล๊ย!! มินรักแม็กจัง~ ตัวเล็กก็รักคุณพ่อเหมือนกันน้า~” แต่แล้วแม็กก็จำต้องหยุดยืนอยู่ที่เดิม เมื่อคนที่งอนเขาเมื่อสักครู่นี้กับลุกขึ้นมากอดพร้อมกับเอาหน้าถูหลังเขาไปมาด้วยน้ำเสียงและท่าทีออดอ้อน ซึ่งแตกต่างจากท่าทางเชิดๆเมื่อครู่นี้อย่างสิ้นเชิง




……………………………………………………………………..TBC.
หัวข้อ: Re: {Mpreg/Incest} แฝด Up.ตอนที่ 8 (13/12/59)
เริ่มหัวข้อโดย: GuoJeng ที่ 13-12-2016 16:55:30
ไม่ใช่พ่อจริงๆสินะ จะมีการแก้แค้นอีกมั้ย ตอนนี้มินกับลูกน่าสนใจกว่า รอดูว่าลูกจะเป็นไง
หัวข้อ: Re: {Mpreg/Incest} แฝด Up.ตอนที่ 8 (13/12/59)
เริ่มหัวข้อโดย: บูมเบส ที่ 13-12-2016 17:43:35
แอบมาเม้นพึ่งตามทัน
หัวข้อ: Re: {Mpreg/Incest} แฝด Up.ตอนที่ 8 (13/12/59)
เริ่มหัวข้อโดย: puiiz ที่ 13-12-2016 19:07:29
 :impress2: :impress2: :impress2:
หัวข้อ: Re: {Mpreg/Incest} แฝด Up.ตอนที่ 8 (13/12/59)
เริ่มหัวข้อโดย: azure ที่ 13-12-2016 21:33:21
ถ้าพ่อปลอมๆรู้ว่ามินท้อง จะเป็นยังไงหน๋อ แบบเป็นห่วง :ling3:
หัวข้อ: Re: {Mpreg/Incest} แฝด Up.ตอนที่ 8 (13/12/59)
เริ่มหัวข้อโดย: Mura_saki ที่ 14-12-2016 00:55:08
ซับซ้อนไปแล้ว...ไม่ใช่พ่อจริงๆกะจะฮุบบริษัท
ดีแล้วล่ะ แม็กจัดการไปเลย

เห็นแม็กปากร้ายแต่พอมาอยู่กับมินดูอบอุ่นอยู่นะ
หัวข้อ: Re: {Mpreg/Incest} แฝด Up.ตอนที่ 8 (13/12/59)
เริ่มหัวข้อโดย: dahlia ที่ 14-12-2016 11:30:37
แม็ก ดูแคร์ความรู้สึก ดูแสดงออกกับมินมากขึ้นนะ ทำตัวดีขึ้นแบบนี้น่ารัก  ลุ้นลูกจะออกมาแข็งแรงหรือเปล่า
หัวข้อ: Re: {Mpreg/Incest} แฝด Up.ตอนที่ 8 (13/12/59)
เริ่มหัวข้อโดย: sang som ที่ 14-12-2016 14:14:10
ปากร้ายใจดีสินะ555
หัวข้อ: Re: {Mpreg/Incest} แฝด Up.ตอนที่ 8 (13/12/59)
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 14-12-2016 15:13:24
พ่อลูก แต่นามสกุลคนละนามสกุล ยังไงกัน
ตกลงกิติกร ไม่ใช่พ่อที่แท้จริงของแม็ก เหรอ
มิน่า แม็กถึงบอกน้องชายว่ามึงไม่ใช่น้องกู
กิติกร เป็นพี่ชายของแม่ หรือน้องแม่ หรือญาติๆ
แต่เข้ามาฮุบกิจการสินะ
รอ ตอนใหม่
       :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: {Mpreg/Incest} แฝด Up.ตอนที่ 9 (14/12/59)
เริ่มหัวข้อโดย: เขียนสือ ที่ 14-12-2016 16:54:18

แฝด ตอน ที่ 9





       “งื้อออ…ที่นี่สวยจังเลยเนอะแม็ก มินช๊อบชอบ” มินร้องบอกเสียงใสพลางกางแขนหมุนตัวไปรอบๆทิศทางเหมือนเด็กๆอย่างชอบใจกับสถานที่ที่แม็กพาเขามาเที่ยวชมเป็นที่แรกหลังจากที่เมื่อวานแม็กให้นอนพักที่โรงแรมก่อนหนึ่งวันหลังจากที่ลงเครื่อง

       หลังจากที่แม็กบอกว่าจะพาเที่ยว พวกเขาทั้งสองคนก็ช่วยกันเก็บเสื้อผ้าและของใช้จำเป็นใส่กระเป๋าเดินทางทันทีด้วยความตื่นเต้น เพราะนานแล้วที่เขาทั้งสองคนไม่ได้ไปท่องเที่ยวกันเป็นกิจจะลักษณะแบบนี้ และที่สำคัญคือจุดหมายปลายทางในการเที่ยวครั้งคือประเทศจีน ดินแดนแห่งอารยธรรม แหล่งรวมธรรมชาติที่ยังคงอุดมสมบูรณ์ที่แสนงดงานที่เมื่อก่อนเขาเคยขอให้แม็กพามาเที่ยวอยู่ตั้งหลายครั้งหลายหนแต่ก็ถูกเจ้าตัวปฏิเสธทุกที เพราะเขาชอบที่จะเดินไหว้พระชมวิว ส่วนแม็กชอบที่จะอยู่อย่างสงบเงียบ บางทีเขาละอยากจะถามออกไปจริงๆว่า ทำไมท่านพี่ถึงไม่ไปบวชหรือไปจำศีลซะเลยล่ะ แต่ก็กลัวว่าจะโดนด่าหน้าหงายกลับมาแทน เลยได้แต่แอบนินทาในใจเท่านั้น

       “เดี๋ยวก็ได้อ๊วกหรอกมึง” แม็กพูดพลางจับให้มินหยุดหมุนตัวสักที เพราะเกรงว่าเจ้าตัวจะเวียนหัวจนอดเที่ยวไปเสียก่อน และเขาเองก็ยังไม่ค่อยไว้กับอาการแพ้ท้องของคนรักสักเท่าไหร่ ถึงแม้ว่าอาการเหล่านั้นจะหายไปจากชีวิตมินได้เป็นอาทิตย์แล้วก็ตาม

       “แฮ่ๆ เค้าขอโต๊ดน้า~ เค้าดีใจไปหน่อย~” มินหัวเราะแหะๆโยกตัวไปมาอยู่ข้างหน้าแม็กด้วยท่าทางเด็กๆอย่างน่ารักจนแม็กอดไม่ได้ที่จะยิ้มอกมา

       “เออๆ ช่างมัน ไปไหว้พระกันดีกว่า อยากมามากไม่ใช่หรอที่นี่อ่ะ” แม็กบอกพร้อมกับเดินกอดคมินขึ้นบันไดไม่ได้สูงชันมากนัก เพื่อที่จะเข้าไปในบริเวณวัด

       “ข้างนอกว่าสวยแล้ว ข้างในสวยกว่าอีกร้อยเท่าเลยอ่ะแม็ก” มินร้องบอกอย่างตื่นเต้นกับความงามของสองข้างทางที่โอบล้อมไปด้วยขุนเขาและธรรมชาติอันสวยสดงดงาม

       “หึๆ” แม็กยกมือขึ้นขยี้ศีรษะพร้อมทั้งหัวเราะขำกับท่าทางเด็กๆของคนรัก ก่อนที่จะกอดคอพากันไปถ่ายรูปบ้างหยุดชมวิวบ้างตามที่มินต้องการ

       “ความหม่นหมองกำลังจะหมดไป ความสดใสกำลังจะเติมเต็ม สิ่งที่คาดหวังกำลังจะเป็นจริง ถ้าผ่านพ้นจากเจ้ากรรมนายเวรที่คุ้นเคย”

       แต่แล้วในขณะที่มินกำลังนั่งถ่ายรูปเล่นระหว่างที่รอแม็กไปซื้อน้ำให้ตนอยู่ที่บริเวณจุดชมวิวอยู่นั้น ก็มีคุณยายผมสีขาวยาวสลวยในชุดพื้นเมืองของชาวจีนคนหนึ่งเอ่ยพูดเป็นภาษาไทยขึ้นมาให้ได้ยิน

       “เอ๋? คุณยายเป็นคนไทยหรอฮะ?” ด้วยความที่เป็นคนอัธยาศัยดีอยู่แล้ว จึงทำให้มินหันมาสนใจคุณยายแปลกหน้าคนดังได้ไม่ยากเลย

       “ไม่ใช่จ๊ะ ยายเป็นคนพื้นเมืองที่นี่” คุณยายเธอหันมาตอบมินพร้อมรอยยิ้ม

       “หรอฮะ แต่คุณยายเก่งจังนะฮะที่พูดภาษาไทยได้ด้วย”

       “ฮึๆ สงสัยยายจะอยู่มานานเกินไปน่ะเลยได้เรียนรู้หลายๆอย่าง ว่าแต่ในท้องพ่อหนุ่มน้อยนี่กี่เดือนแล้วจ๊ะ?” เธอพูดบอกก่อนที่จะเอื้อมมือเหี่ยวย่นไปตามวัยของเธอมาสัมผัสกับหน้าท้องของมินอย่างถือวิสาสะแบบไม่รอให้เจ้าตัวอนุญาตซึ่งเป็นการสร้างความตกใจให้มินเป็นอย่างมาก เพราะถึงแม้ว่าอายุครรภ์ของมินเกือบจะสี่เดือนแล้วก็ตาม แต่หน้าท้องของมินก็ยังคงแบนราบเช่นเดิม ซึ่งถ้าเขาไม่บอกไม่มีใครรู้หรอกว่าเขาท้อง และในขณะที่มินตกอยู่ในสภาวะตื่นตะลึงอยู่นั้นเธอก็เอ่ยขึ้นมาอีกว่า

       “ดีแล้วที่จิตยังไม่มา”

       “คุณยายหมายความว่าอะไรหรอฮะ” มินพูดถามออกมาด้วยความไม่เข้าใจ ถึงแม้ว่ามินจะรู้สึกแปลกๆกับท่าทีแปลกประหลาดของเธอ แต่เขาก็ปฏิเสธไม่ได้เหมือนกันว่ามันมีบางอย่างที่มันบอกให้เขาอยู่ฟังคำพูดของหญิงสูงวัยคนนี้ให้จบ

       “ถ้าจะไหว้พระขอพรก็อย่าเข้าไปข้างในศาลเจ้านะ แต่ให้พากันเดินอ้อมไปหลังศาลเจ้าแล้วจะเจอสิ่งที่กำลังตามหา ท่านรอกำลังรอพ่อหนูทั้งสองคนอยู่” เธอไม่ตอบคำถามของมิน แต่เธอกลับพูดในสิ่งที่เธออยากที่จะบอกออกมาแทน

       “…..”

       “แล้วระหว่างทางก็อย่าลืมแวะซื้อไข่มุกราตรีกับดอกบัวสีชมพูและชุดน้ำชาหน้าศาลติดมือเข้าไปถวายท่านด้วยล่ะ”

       “…..”

       “เมื่อไปหยุดอยู่ตรงหน้าท่านแล้วก็นำดอกบัวสีชมพูไปสัการะขอพรกับท่าน แล้วก็เอาไข่มุกราตรีไปคล้องไว้ที่แขนซ้ายของเด็กผู้ชายที่ยืนอยู่ด้านหน้าของท่านนะ และหลังจากกลับบ้านไปก็ห้ามทานเนื้อวัวทั้งตัวพ่อหนุ่มกับสามี รวมถึงเจ้าตัวเล็กในท้องนี่ด้วยนะ ห้ามกิน”

       “ฮะ” ไม่รู้เหมือนกันว่ามีอะไรมาดลใจทำให้มินหลุดปากรับคำของหญิงชราไปอย่างง่ายดาย

       “อย่าลืมนะว่าต้องเป็นเด็กผู้ชาย…ต้องเป็นเด็กผู้ชายเท่านั้น…แล้วเรื่องร้ายถึงจะกลายเป็นดี” เธอพูดย้ำทิ้งท้ายไว้แค่นั้นก่อนที่จะละมือออกจากหน้าท้องของมินและเดินหายไปกับฝูงชนด้วยความเร็วที่มินเองก็มองไม่ทัน ซึ่งถ้าวัดจากอายุทางกายของคุณยายแล้วมันไม่น่าจะเป็นไปได้เลย

       “มิน…มิน…มิน!” แม็กเอ่ยเรียกคนรักซ้ำๆอยู่หลายครั้งจนทนไม่ได้ที่จะตะคอกออกมาเสียงดัง เมื่อเจ้าตัวยังคงนั่งเหม่อไปไหนก็ไม่รู้

       “ฮะ! หือ…ว่าไงแม็ก มีอะไรหรอแม็ก?” มินสะดุ้งตกใจเอ่ยปากรับคำคนรักแบบงงๆ

       “มึงนั่นแหละมีอะไร นั่งเหม่ออยู่ได้ กูเรียกตั้งนานแล้วนะ” แม็กเอ่ยถามด้วยความกังวล เพราะกลัวว่าคนรักจะเหนื่อยเกินไปถึงได้มีอาการอย่างนี้ พลางเปิดขวดน้ำดื่มส่งให้มินไปด้วย

       “แหะๆ บรรยากาศมันดีอ่ะ มินเลยเผลอนั่งคิดอะไรไปเรื่อยเปื่อย” มินเลือกที่จะโกหกออกมา เพราะเขาไม่กล้าที่จะเล่าเรื่องที่คุยกับคุณยายแปลกหน้าคนนั้นให้กับคนรักฟัง เพราะกลัวว่านอกจากแม็กจะไม่เชื่อแล้ว เขายังอาจจะโดนด่าว่าเพ้อเจ้ออีกด้วย

       “เออ ถ้าหนื่อยหรือรู้สึกไม่ดีตรงไหนรีบบอกกูเลยนะ” แม็กพูดบอกออกมาด้วยสีหน้าท่าทางและน้ำเสียงที่มินรับรู้ได้ทันทีเลยว่านี่คือ ‘คำสั่ง’

       “คร้าบพ่อ~”
..
..
..
      “มึงจะไปไหนเนี่ย? ทำไมไม่เข้าไปในศาลเจ้าล่ะ” แม็กเอ่ยถามด้วยความสงสัย หลังจากที่เขาทั้งสองคนเลือกซื้อขอสักการบูชาที่ด้านหน้าแล้วมินกลับไม่ยอมเดินเข้าไปในศาลเจ้าที่อยู่ในวัด แต่มินกลับลากเขาอ้อมมาทางด้านหลังศาลแทน

       “มินรู้ว่าแม็กไม่ชอบไปเบียดเสียดกับความวุ่นวาย แล้วมินอยากไหว้พระที่อยู่ด้านหลังศาลมากกว่าด้วย” ถึงแม้ว่ามินจะรู้สึกก้ำกึ่งระหว่างความจริงกับความฝัน แต่มินก็เลือกที่จะเชื่อในคำพูดของคุณยายแปลกหน้าท่านนั้นแทนที่จะเข้าไปในศาลเจ้าอย่างที่ตัวเองตั้งใจไว้ตั้งแต่แรก

       “ด้านหลังมีพระด้วยหรอ?” แม็กขมวดคิ้วถามอย่างไม่แน่ใจ เพราะเขาไม่เคยได้ยินว่าวัดนี้มีจุดไหว้พระที่ไหนอีกนอกจากในศาลเจ้า อีกทั้งในเว็บไซต์ที่เขาใช้หาข้อมูลก่อนพามินมาก็บอกแค่ว่าในวัดแห่งนี้มีศาลเจ้าที่เดียว

       “ต้องมีสิ” ถึงแม้ว่าจะไม่มั่นใจนักแต่มินก็เลือกที่จะเชื่ออย่างนี้

       “อ่ะ! นี่ไง! เจอแล้ว” มินร้องบอกเสียงหลงด้วยความดีใจเมื่อเดินลึกเข้ามาหลังศาลเจ้าแล้วเจอกับรูปปั้นหยกขาวที่พอได้เห็นปุ๊บก็รู้ได้ทันทีว่าเป็น ‘พระโพธิสัตว์กวนอิม’ ที่ยืนเด่นเป็นสง่าอยู่กลางธารน้ำตกโดยมีฉากหลังเป็นภูเขาที่มีดอกไม้ล้อมอยู่รอบตัวท่าน และที่ทำให้มินรู้สึกขนลุกที่สุดคือ บริเวณด้านหน้าขององค์ท่านมีรูปปั้นเด็กหญิงและเด็กชายยืนอยู่จริงๆ เด็กหญิงอยู่ด้านซ้าย เด็กชายอยู่ด้านขวา โดยที่เด็กทั้งสองนั้นยืนอยู่บนดอกบัวอีกที เด็กหญิงหญิงบัวขาว เด็กชายอยู่บนบัวสีชมพู

       “แม็กเอาไข่มุกไปคล้องไว้ที่แขนของเด็กคนนั้นสิ” เมื่อสักการและขอพรจากองค์พระโพธิสัตว์กวนอิมเสร็จเรียบร้อยแล้ว มินก็พูดบอกพร้อมทั้งส่งสร้อยไข่มุกราตรีให้กับแม็กหนึ่งเส้นพลางพยักพเยิดหน้าไปตรงทิศทางที่เป็นรูปปั้นของเด็กผู้ชายตามคำพูดสุดท้ายของคุณยายแปลกหน้า และถึงแม้ว่าพวกเขาจะไม่สามารถสัมผัสกับองค์พระพิสัตว์กวนอิมได้เพราะท่านอยู่กลางธารน้ำตกลึก แต่พวกเขาสามารถสัมผัสกับเด็กน้อยทั้งสองคนได้เพราะรูปปั้นของเด็กทั้งสองอยู่ติดกับขอบธารน้ำด้านหน้าเลย

       “อืม” แม็กเองก็ว่าง่าย พอรับสร้อยไข่มุกจากมินได้ เขาก็เดินตรงไปยังเด็กผู้ชายทันที และถึงแม้ว่ามินจะไม่บอก แต่แม็กก็ยังเลือกที่จะไปที่เด็กชายอยู่ดี เพราะมันเหมือนกับว่ามีอะไรดึงดูดสายตากับความรู้สึกของเขาไว้กับรูปปั้นของเด็กผู้ชายคนนี้

       ‘มาอยู่กับแม่นะตัวเล็ก’ ส่วนมินเองก็เดินตามหลังแม็กไปติดๆ เขาค่อยๆคล่องสร้อยไข่มุกไว้ที่แขนข้างซ้ายของเด็กชาย ก่อนที่จะใช้ฝ่ามือของตัวเองสัมผัสหลังมือรูปปั้นของเด็กชายเบาๆด้วยความอ่อนโยน

//เลือกเป็นหญิงทั้งขี้โรคและอ่อนแอ เลือกเป็นชายเจ็บแค่ไหนก็ไม่ตาย…จำไว้นะพ่อหนุ่มน้อย//





………………………………………………………………..TBC
หัวข้อ: Re: {Mpreg/Incest} แฝด Up.ตอนที่ 9 (14/12/59)
เริ่มหัวข้อโดย: puiiz ที่ 14-12-2016 17:08:31
 :mew1: :mew1: :mew1:
หัวข้อ: Re: {Mpreg/Incest} แฝด Up.ตอนที่ 9 (14/12/59)
เริ่มหัวข้อโดย: sirin_chadada ที่ 14-12-2016 17:22:16
ทำไมไม่ให้เข้าไปในศาลเจ้าล่ะ
แล้วประโยคสุดท้ายนั่นหมายความว่าไง (น่ากลัวจัง)
หัวข้อ: Re: {Mpreg/Incest} แฝด Up.ตอนที่ 9 (14/12/59)
เริ่มหัวข้อโดย: เมื่อนั้นฝันว่า ที่ 14-12-2016 18:07:35
 :mew1:
หัวข้อ: Re: {Mpreg/Incest} แฝด Up.ตอนที่ 9 (14/12/59)
เริ่มหัวข้อโดย: Mura_saki ที่ 14-12-2016 19:13:03
หือออออออ ทำไมเหมือนจริงจังเลย
คุณยายหมอดูท่านดูแม่นมากๆ
หัวข้อ: Re: {Mpreg/Incest} แฝด Up.ตอนที่ 9 (14/12/59)
เริ่มหัวข้อโดย: GuoJeng ที่ 14-12-2016 21:06:55
ได้ลูกชายแน่นอนล่ะ
หัวข้อ: Re: {Mpreg/Incest} แฝด Up.ตอนที่ 9 (14/12/59)
เริ่มหัวข้อโดย: kun ที่ 14-12-2016 21:12:25
ลูกผู้ชายแน่ๆๆ
คำนายแนวระทึกเลย
หัวข้อ: Re: {Mpreg/Incest} แฝด Up.ตอนที่ 9 (14/12/59)
เริ่มหัวข้อโดย: nunda ที่ 14-12-2016 22:06:54
มันมีความลึกลับซับซ้อน
หัวข้อ: Re: {Mpreg/Incest} แฝด Up.ตอนที่ 9 (14/12/59)
เริ่มหัวข้อโดย: บูมเบส ที่ 14-12-2016 23:04:01
น่ากลัวจังเลย
หัวข้อ: Re: {Mpreg/Incest} แฝด Up.ตอนที่ 9 (14/12/59)
เริ่มหัวข้อโดย: little_munoi ที่ 15-12-2016 10:06:10
รออ่านเลยค่ะ น่าติดตามสุดๆ
หัวข้อ: Re: {Mpreg/Incest} แฝด Up.ตอนที่ 9 (14/12/59)
เริ่มหัวข้อโดย: chandrarat ที่ 15-12-2016 10:24:32
สนุกค่ะ มินน่าร้ากกกกก แม็กนี่ร้ายนะคะ แต่กลัวคุณพ่อจัง นั่นไม่ใช่พ่อแท้ๆ ของแฝดใช่มั้ย ทำไมทำร้ายมินได้ลงคอเนี่ย  :katai1:
แบบว่า คำทำนายประโยคสุดท้าย เจ็บแค่ไหนก็ไม่ตาย นี่ตัวเล็กของแฝดต้องสู้ชีวิตชิมิ  :hao5:
หัวข้อ: Re: {Mpreg/Incest} แฝด Up.ตอนที่ 9 (14/12/59)
เริ่มหัวข้อโดย: boonpa ที่ 15-12-2016 10:40:45
 :hao3: เลือกลูกชายสินะ ลุ้นกับคำพูดตอนท้ายมาก
หัวข้อ: Re: {Mpreg/Incest} แฝด Up.ตอนที่ 9 (14/12/59)
เริ่มหัวข้อโดย: dahlia ที่ 15-12-2016 11:16:06
ติดใจประโยคสุดท้ายนี่แหละ  เด็กน้อยจะต้องไปเจอเรื่องอะไรปางตายกันเลยเหรอ รอตอนต่อไปนะคะ
หัวข้อ: Re: {Mpreg/Incest} แฝด Up.ตอนที่ 10 (15/12/59)
เริ่มหัวข้อโดย: เขียนสือ ที่ 15-12-2016 18:45:35

แฝด ตอนที่ 10





       “อา~ อิ่ม!” มินร้องบอกออกมาอย่างอารมณ์ดีหลังจากจบมื้ออาหาร เพราะว่าได้ทานของโปรดที่แสนอร่อยเสียจนเผลอตัวทานไปมากเกินกว่าที่เคย

       “ถ้ากินขนาดนี้แล้วยังไม่อิ่มกูคงต้องทำโอทีหาเงินเพิ่มแล้วล่ะ” แม็กแกล้งพูดประชดคนรักอย่างไม่จริงจังนัก เพราะความจริงแล้วเขารู้สึกดีมากเลยต่างหากที่มินสามารถทานอาหารได้เยอะกว่าทุกทีเพราะก่อนหน้านี้มินแพ้ท้องหนักมากจนไม่สามารทานอะไรได้เลยนอกจากน้ำกับยาบำรุงครรภ์ของลูกน้อยในท้องถึงแม้ว่าเจ้าตัวจะเกลียดการทานยามากก็ตาม

       “ผู้บริหารที่ไหนเขามีโอทีกันล่ะ แม็กก็!”

       “หรือว่าจะเปลี่ยนไปปลูกข้าวดี? จะได้มีพอให้มึงกิน” แม็กยังคงทำหน้าตายพูดแหย่ต่อไป

       “ไม่รู้ด้วยแล้ว!! เชอะ!!” เมื่อเถียงไม่ได้ คนหน้าหวานกว่าก็สะบัดหน้าหนีอย่างงอนๆ แต่ก็ไม่สามารถทำให้แม็กที่กำลังอารมณ์ดีสุดๆหยุดแกล้งแหย่เจ้าตัวได้เลยแม้แต่น้อย
..
..
..
       “งอนเข้าไป เดี๋ยวลูกออกมาหน้าเหมือนตูดแล้วกูจะขำให้ดู” แม็กที่เพิ่งออกมาจากห้องน้ำหลังจากอาบน้ำเสร็จพูดบอกพลางปลดผ้าขนหนูที่ห่อกายอยู่ออกอย่างหน้าตาเฉย เพราะอยากจะแกล้งแหย่คุณแม่คนสวยที่ยังคงนั่งทำหน้าง้ำงออยู่เช่นเดิม ถึงแม้ว่าเจ้าตัวจะอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าเตรียมพร้อมที่จะนอนแล้วก็ตาม

       “งื้อ! ไอ้บ้าแม็กหน้าไม่อาย!” มินร้องบอกเสียงหลงด้วยสีหน้าเห่อแดงเมื่อเห็นร่างกายแข็งแกร่งอันเปลือยเปล่าของคนรักที่อยู่ดีๆก็นึกอยากจะแก้ผ้าขึ้นมา

       “มากกว่ามองก็เคยทำมาแล้วมึงยังจะมาอายอะไรอีกมิน?” แม็กพูดถามเสียงกลั้วหัวเราะพลางเดินเข้าไปประชิดตัวมินทั้งที่ร่างกายยังเปลือยเปล่าอยู่อย่างนั้น ทำเอาคนขี้อายอย่างมินรีบยกสองมือขึ้นปิดหน้าแทบจะไม่ทัน

       “ไปแต่งตัวเดี๋ยวนี้เลยนะแม็ก” มินแสร้งทำเสียงเข้มพูดสั่งให้คนหน้าไม่อายไปแต่งตัวให้เรียบร้อยทั้งที่ยังคงก้มหน้ากับฝ่ามืออยู่อย่างนั้น…ก็ตอนนั้นมันเห็นไม่ชัดเจนอย่างนี้นี่…งื้ออ~กำลังคิดเรื่องบ้าอะไรของแกอยู่นะรามิณทร์

       “หึๆ” เมื่อสาแก่ใจตัวเองแล้ว แม็กก็ยอมถอยออกไปแต่งตัวตามคำสั่งแกมของร้องของอีกคนแต่โดยดี ไม่วายที่จะหลุดหัวเราะขำออกมากับท่าทางตลกๆของมินที่กำลังนั่งตีอกชกหัวตัวเองอยู่ด้วย

      กริ๊งก่อง~ กริ๊งก่อง~

       “ไปดูสิว่าใครมา” แม็กที่ยืนอยู่หน้ากระจกพูดสั่งกับมินหลังจากที่ได้ยินเสียงออดประตูห้องดังขึ้นติดต่อกัน ซึ่งเป็นคำสั่งที่สร้างความแปลกใจให้กับมินได้ไม่น้อยเลย

       “เอ๋? มินหรอ?” มินชี้นิ้วเข้าหาตัวเองอย่างงงๆ เพราะปกติแล้วถ้าอยู่ด้วยกันอย่างนี้ต่อให้เป็นห้องที่คอนโดแม็กก็จะเป็นคนไปเปิดประตูห้องเองทุกครั้ง ไม่มีหรอกที่จะให้มินเป็นคนไปเปิดประตูรับแขก เพราะเจ้าตัวไม่ชอบให้เขาเจอกับคนแปลกหน้าสักเท่าไหร่ แต่นี้กลับมาบอกให้เขาไปเปิดประตูโรงแรมเนี่ยนะ? มันจะอะเมซิ่งเกินไปแล้ว!! หิมะจะตกที่ไทยรึเปล่านะ?

       กริ๊งก่อง~ กริ๊งก่อง~

      “เอ้า! ยังจะมานั่งโง่อยู่อีก” แม็กว่าขึ้นอีกเมื่อเห็นว่าคนรักยังคงนั่งทำหน้ามึนอยู่ที่เดิม เลยทำให้มินต้องรีบลุกขึ้นเดินไปเปิดประตูอย่างช่วยไม่ได้

       แอ๊ดดด…

       “ต้องการพบใครครับ” มินเอ่ยถามออกไปเป็นภาษาสากล เมื่อเปิดประตูห้องและพบว่ามีพนักงานของโรงแรมยืนรออยู่พร้อมกับที่มีกุหลาบขาวช่อใหญ่อยู่ในมือ

       “ผมเอาดอกไม้มาส่งให้คุณรามิณทร์ครับ” พนักงานคนดังกล่าวส่งช่อดอกกุหลาบมาให้มิน ก่อนที่จะเดินจากไปอย่างไม่รอให้มินได้ซักถามอะไรออกมาอีก ซึ่งมินเองก็ได้แต่มองช่อดอกไม้ในมือตัวเองอย่างงงๆ

       “มึงแอบมีชู้หรอ?” แม็กที่นั่งอยู่บนโซฟาข้างเตียงนอน เอ่ยถามเสียงเรียบเมื่อเห็นว่ามินเดินกลับมาพร้อมกับกุหลาบขาวช่อโต ทำเอามินสะดุ้งสุดตัว

       “เปล่านะ” มินรีบปฏิเสธทันทีเมื่อเห็นสีหน้าเรียบเฉยกับแววตาดุดันของแม็ก เพราะเขากลัวว่าคนรักจะเข้าใจผิด

       “เปล่าแล้วเขาจะมาส่งให้มึงได้ไง?” แม็กยังคงพูดต้อนคนรักต่อไป

       “มินไม่รู้ พนักงานบอกแค่ว่าเอามาส่งให้มิน แต่ไม่ได้บอกว่าใครส่งมาให้” มินพูดบอกเสียงเบาหวิว เพราะเริ่มใจไม่ได้แล้ว

       “ถ้าอย่างนั้นก็อ่านการ์ดที่ห้อยอยู่นั่นสิกูอยากรู้ว่าใครมันส่งมาให้มึง” แม็กพูดพลางชี้ไปที่การ์ดสีทองแผ่นเล็กที่ห้อยอยู่กับโบว์สีแดงที่ผูกช่อดอกกุหลาบไว้ ซึ่งมินที่เป็นคนไปรับดอกไม้มาจากพนักงานมาแท้ๆยังไม่ทันได้สังเกตเห็นการ์ดแผ่นเล็กนี้เลย…แม็กช่างมีสายตาที่ดีจริงๆ


‘Will you marry me?’


       “แม็ก…” มินร้องเรียกชื่อคนรักเสียงสั่งเมื่อได้เห็นข้อความภาษาอังกฤษสั้นๆในการ์ดแผ่นเล็ก ที่เขียนมาจากลายมือของคนที่เขาคุ้นเคยที่สุดในชีวิต…แม็ก…ดอกกุหลาบช่อนี้ การ์ดแผ่นนี้ ลายมืออย่างนี้…แม็กกำลังขอเขาแต่งงาน!!!

       “ว่าไง…คำตอบกูล่ะ?” แม็กทวงถามหาคำตอบจากคนรักที่ยืนน้ำตาคลอกอดช่อดอกอยู่ไม้ที่เขาตั้งใจสั่งมาอยู่ที่เดิม

       “อื้อ! แต่ง! แต่งสิ! มินอยากแต่งงานกับแม็กที่สุดเลย” มินร้องบอกอกมาด้วยความดีใจ พร้อมทั้งพยายามที่จะก้าวเดินเข้าไปหาคนรักอย่างแม็ก แต่แม็กกลับถอยหลังเดินหนีเขาเสียอย่างนั้น

       “ทั้งที่กูเป็นคนใจร้ายอย่างนั้นน่ะหรอ?” แม็กหยุดถอย เมื่อเห็นว่ามินหยุดตาม ก่อนที่จะพูดถามออกมาอีก

       “อื้อ!”

       “ปากก็หมา”

       “อื้อ!”

       “ทั้งเถื่อน ทั้งถ่อย”

       “อื้อ!”

       “แถมยังขี้หึง ขี้หวง ชอบขังมึงอยู่แต่ในบ้านเนี่ยนะ?”

       “อื้อ! ต่อให้แม็กจับมินล่ามโซ่มินก็ไม่โกรธหรอก เพราะมินรู้ว่าทุกอย่างที่แม็กทำก็เพราะว่าแม็กหวังดีกับมิน” มินพูดบอกความรู้สึกที่อยู่ข้างในหัวใจของตัวเองออกมาให้อีกคนได้รับรู้ เพราะว่าไม่ว่าแม็กจะดีจะเลวแค่ไหน หรือจะร้ายกาจกว่านี้มากสักเพียงใด…มินก็ไม่สามารถรักใครได้อีกแล้ว…นอกจากแม็กคนที่เป็นทั้งครอบครัว เพื่อน พี่น้อง และคนรัก

       “ถ้าอย่างนั้นก็เอาดอกกุหลาบช่อนั้นมาให้กู” แม็กพูดบอกพร้อมกับยื่นมือไปรอรับช่อดอกไม้จากมิน ซึ่งความแปลกใจให้กับมินเป็นอย่างมาก แต่ถึงกระนั้นมินก็ยังยอมทำตามคำขอของคนรักอยู่ดี เขาค่อยๆเดินเอาช่อดอกกุหลาบไปให้แม็กอย่างช้าๆ อีกทั้งสายตาก็ยังคจับจ้องอยู่กับดวงตาเรียวของแม็กอย่างหาคำตอบว่าอีกคนกำลังคิดจะทำอะไร ในเมื่อเจ้าตัวให้ดอกไม้ช่อนี้กับเขาแล้ว จะเอาคืนทำไมกัน?

       “แลกกัน” แต่แล้วมินก็ได้รู้คำตอบ เมื่อแม็กยื่นดอกกุหลาบสีดำดอกใหญ่ให้กับเขาพร้อมกับที่รับกุหลาบช่อโตสีขาวไปจากเขา แต่แค่นั้นก็ไม่อาจจะถ้าให้เขาปล่อยโฮร้องไห้ออกมาอย่างนี้ได้ ถ้าตัวก้านของดอกกุหลาบดำไม่มีแหวนทองคำขาวฝังเพชรห้อยติดมาด้วยอย่างนี้

       “ฮึก! คนบ้า! ทำไมต้องทำให้เค้าร้องไห้ในวันดีๆอย่างนี้ด้วยเล่า! ฮื่อออ…” มินโผตัวเข้ากอดแม็กทั้งน้ำตาแห่งความสุขพร้อมทั้งทุบไปที่หน้าอกของคนรักรัวๆเป็นการลงโทษที่ทำให้เขาต้องมาร้องไห้เสียน้ำตาในวันดีๆอย่างนี้

       “เป็นเมียกูต้องอดทน สามยกติดต้องทนให้ได้…OK?” แม็กพูดบอกออกมาด้วยสีหน้าเรียบนิ่งไม่เปลี่ยนแปลง แต่ที่เปลี่ยนไปคือน้ำเสียงอ่อยๆกับสายตาหื่นๆที่ใช้จ้องมองเขามานี่แหละ!!!

       “บ้า!!” มินตีเข้าไปที่หน้าอกแกร่งของคนรักอีกทีด้วยอาการเขินอายและยกมือทั้งสองข้างขึ้นไปคล้องคอคนรักไว้ ก่อนที่จะช้อนตาขึ้นสบสายตามองดวงตาเฉี่ยวคมของแม็กช้าๆ ซึ่งไม่ต่างจากเป็นการอนุญาติให้อีกคนได้ทำตามสโลแกนที่เพิ่งจะตั้งขึ้นมาสดๆร้อนๆเลย


ว่าแต่…คืนนี้มินจะสามารถทนได้ถึงสามยกติดอย่างที่แม็กต้องการมั้ยนะ?






………………………………………………………………….TBC.
หัวข้อ: Re: {Mpreg/Incest} แฝด Up.ตอนที่ 10 (15/12/59)
เริ่มหัวข้อโดย: ❣☾月亮☽❣ ที่ 15-12-2016 19:01:04
 :-[.  หวานแบบเถื่อนๆๆ
หัวข้อ: Re: {Mpreg/Incest} แฝด Up.ตอนที่ 10 (15/12/59)
เริ่มหัวข้อโดย: puiiz ที่ 15-12-2016 19:19:33
 :mew1: :mew1:
หัวข้อ: Re: {Mpreg/Incest} แฝด Up.ตอนที่ 10 (15/12/59)
เริ่มหัวข้อโดย: it.the.world ที่ 15-12-2016 19:38:11
 :hao7: :hao7:  :o8: :o8:  น่ารักสุดๆ แต่อย่ามีเรื่องไรตามมาเลยน่าา :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: {Mpreg/Incest} แฝด Up.ตอนที่ 10 (15/12/59)
เริ่มหัวข้อโดย: azure ที่ 15-12-2016 19:52:01
พอดีกันแล้ว มันมห้ความรู้สึกคนละอย่างกับตอนต้นเรื่องเลย
เริ่มต้นแบบดาร์กๆ แต่ตอนนี้มุ้งมิงฟุ้งฟิ้ง :hao4:
หัวข้อ: Re: {Mpreg/Incest} แฝด Up.ตอนที่ 10 (15/12/59)
เริ่มหัวข้อโดย: nunda ที่ 15-12-2016 20:00:29
แม็กมันก็หวานเป็นเว้ยยย
หัวข้อ: Re: {Mpreg/Incest} แฝด Up.ตอนที่ 10 (15/12/59)
เริ่มหัวข้อโดย: sirin_chadada ที่ 15-12-2016 20:00:49
เดี๋ยว ๆ ลูกล่ะ ลูกน่ะ ระวังลูกหลุดนะ ฮา
หัวข้อ: Re: {Mpreg/Incest} แฝด Up.ตอนที่ 10 (15/12/59)
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 15-12-2016 20:11:28
สโลแกน เข้าทางแม็ก จริงๆ
เป็นเมียกูต้องอดทน  แม็กจัดสามยกติดกันต้องทนได้ :ling1: :ling1: :ling1:
       :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:

หัวข้อ: Re: {Mpreg/Incest} แฝด Up.ตอนที่ 10 (15/12/59)
เริ่มหัวข้อโดย: บูมเบส ที่ 15-12-2016 20:34:09
ช่างคิดได้นะ
หัวข้อ: Re: {Mpreg/Incest} แฝด Up.ตอนที่ 10 (15/12/59)
เริ่มหัวข้อโดย: GuoJeng ที่ 15-12-2016 20:58:59
555 จะทำ3ยกนี่ ลืมไปว่าเมียท้องสินะ ฮ่าๆ
หัวข้อ: Re: {Mpreg/Incest} แฝด Up.ตอนที่ 10 (15/12/59)
เริ่มหัวข้อโดย: kun ที่ 15-12-2016 21:33:25
แม็กหวานด้วยอ่ะ ตบท้ายด้วยความหื่น อิอิ 3 ยก ถามลูกหรือยังแม็ก ฮ่าๆๆๆๆๆ
หัวข้อ: Re: {Mpreg/Incest} แฝด Up.ตอนที่ 10 (15/12/59)
เริ่มหัวข้อโดย: Mura_saki ที่ 15-12-2016 22:25:10
ปากร้าย แต่ใจดี
หัวข้อ: Re: {Mpreg/Incest} แฝด Up.ตอนที่ 10 (15/12/59)
เริ่มหัวข้อโดย: Zignup12 ที่ 15-12-2016 23:58:08
แม็กหวานมากอะ หวานแบบดิบๆ เถื่อนๆ แต่ดูก็รู้ว่ารักมินมากๆเลยๆ
น้องออกมาจะเป็นอะไรมั้ยนะ
ขอให้แข็งแรงตามที่คุณยายบอกด้วยะเถอะนะคะ
หัวข้อ: Re: {Mpreg/Incest} แฝด Up.ตอนที่ 10 (15/12/59)
เริ่มหัวข้อโดย: little_munoi ที่ 16-12-2016 04:38:21
กรีดร้อง อะไรคือหวานแรงขนาดนี้
หัวข้อ: Re: {Mpreg/Incest} แฝด Up.ตอนที่ 10 (15/12/59)
เริ่มหัวข้อโดย: DESZCZ ที่ 16-12-2016 10:11:05
น่ารักอ่าาา
กรีดร้องให้ความฟินนี้ จอให้ลูกที่เกิดมาแข็งแรงนะ
หัวข้อ: Re: {Mpreg/Incest} แฝด Up.ตอนที่ 10 (15/12/59)
เริ่มหัวข้อโดย: dahlia ที่ 16-12-2016 11:53:39
น่ารักอะ แม็กมันน่ารักแบบแข็งๆ เถื่อนๆ 555
หัวข้อ: Re: {Mpreg/Incest} แฝด Up.ตอนที่ 11 (16/12/59)
เริ่มหัวข้อโดย: เขียนสือ ที่ 16-12-2016 17:41:07

แฝด ตอนที่ 11





       “ลุกไปอาบน้ำได้แล้วมิน” แม็กระตุกผ้าห่มออกจากตัวของคนขี้เซาที่ไม่ยอมลุกออกจากที่นอนสักที ทั้งที่รับปากกับเขาไว้แท้ๆ แต่จนแล้วจนเล่าเจ้าตัวก็ยังคงนอนซุกอยู่ที่เดิมทั้งที่เขาอาบน้ำแต่งตัวเสร็จตั้งแต่ครึ่งชั่วโมงที่แล้ว

       “ขออีกสิบนาทีนะแม็กจ๋า~” คนขี้เซาต่อรองเวลาด้วยเสียงอ่อนเสียงหวานอย่างอู้อี้ทั้งที่ยังคงเอาหัวซุกอยู่ใต้หมอนเช่นเดิม

       “มึงขอสิบนาทีมาสิบรอบแล้วนะมิน” แม็กว่า เพราะมินขอเลื่อนเวลากับเขามาเป็นสิบรอบแล้ว ตั้งแต่เขาเพิ่งตื่นจนตอนนี้เขาเตรียมพร้อมที่จะออกไปข้างนอกอยู่แล้ว

       “ขออีกครั้งเดียวนะแม็กน้า”

       “นับหนึ่ง”

       “ไม่รู้ไม่ชี้”

       “นับสอง”

       “ไม่กลัวหรอกชิ!”

       “ได้…มึงเลือกแบบนี้เองนะมิน”

       ปลอบก็แล้ว ขู่ก็แล้ว ไม่ว่าจะใช้วิธีไหนคนขี้เซาก็ยังคงนอนนิ่งอยู่ที่เดิม แม็กก็เลยเลือกที่จะใช้ไม้แข็งกับเด็กดื้อแทน

       “อ๊ากก!! ปล่อยน้า~ แม็กปล่อยเลยนะ มินกลัว!” มินหวีดร้องเสียงหลงขึ้นทันทีเมื่อจู่ๆก็รู้สึกได้ว่าตัวเองลอยหวือขึ้นจากที่นอนนุ่มด้วยฝีมือของคนรักที่กำลังแบกเขาห้อยหัวต่องแต่งเดินไปทางห้องน้ำ ก่อนที่จะ

       พรึ่บ…ซ่า!!

       “อื๊อออ…แม๊กอ๊า!!!!!~”

       “ทีนี้ก็เลิกต่อรองแล้วอาบน้ำได้สักทีนะคะน้องมิน ฮ่าๆ” แม็กค่อยๆวางมินลงบนอ่างอาบน้ำเบาๆ เพราะเกรงว่าถ้าทำอะไรรุนแรงกับคนรักจะกระเทือนถึงลูกน้อยในท้อง พร้อมทั้งเอื้อมมือเปิดชาวเวอร์ที่ฝังตัวอยู่บนราวเหนือศีรษะด้วยความรวดเร็วอย่างที่มินตั้งตัวไม่ทัน ก่อนที่จะหันหลังเดินออกจากห้องน้ำไปด้วยท่าทางที่ดูสนุกสนานร่าเริงอย่างที่เจ้าตัวไม่เคยแสดงออกมาก่อนและไม่วายที่จะทิ้งคำพูดชวนหัวอย่างล้อเลียนให้มินได้หงุดหงิดเล่นอีกต่างหาก

       “เอ๊ะ! เสื้อนี่มัน” มินยกมือขึ้นปิดปากอุทานตาเบิกกว้างเมื่อสังเกตุเห็นภาพสะท้อนในกระจกลิฟต์ว่าเสื้อที่แม็กสวมใส่อยู่กับเสื้อที่เขาโดนแม็กบังคับให้ใส่อย่างจำยอม ว่าความจริงแล้วเสื้อทั้งสองตัวนี้มันเหมือนกัน จะแตกต่างก็แค่ว่าเสื้อของเขาเป็นสีขาวส่วนของแม็กเป็นสีดำก็เท่านั้น และที่เขาเพิ่งจะสังเกตเห็นก็เพราะว่ากระดุมเสื้อโค้ทตัวยาวที่แม็กใส่คลุมไว้ตั้งแต่แรกมันหลุดออกยังไงล่ะ

       “เป็นอะไร?” แม็กที่มัวแต่ก้มหน้าเช็คงานของตัวเองผ่านโทรศัพท์อยู่ก็เอ่ยถามออกมาเมื่อเงยหน้าขึ้นมาแล้ว เห็นว่าคนรักอย่างมินหน้าซับสีแดงระเรื่อด้วยท่าทางแปลกๆ

       “ปะ…เปล่า มินแค่รู้สึกว่าวันนี้มันอุ่นกว่าเมื่อวานเฉยๆ” มินทำเป็นพูดเลี่ยงไปอีกทาง เพราะไม่อยากที่จะเอ่ยแซวคนรักให้เขินอายจนทำให้ทริป ‘เดท’ ที่หน้าจดจำนี้เสียบรรยากาศไปเปล่าๆหรอกนะ เพราะมีไม่กี่ครั้งหรอกนะที่คนซึนๆอย่างแม็กจะทำอะไรหวานๆอย่างนี้โดยที่เขาไม่งอแงหรือเรียกร้องออกมาก่อน

       “วันนี้เราจะไปไหนกันหรอแม็ก” มินเอ่ยถามในขณะที่เขาทั้งสองนั่งอยู่บนรถของโรงแรมที่แม็กได้จองไว้ส่วนตัวตลอดทริปนี้

       “ไปโบสถ์” แม็กตอบออกมาสั้นๆในขณะที่สายตายังคงจับจ้องอยู่กับหน้าจอโทรศัพท์ในมือ

       “ไปทำไมอ่ะ?”

       “ไปงานแต่ง”

       “หืม? งานแต่งเพื่อนแม็กหรอ? คนไหนอ่ะ?” มินถามด้วยความแปลกใจ เพราะเสื้อผ้าที่พวกเขาใส่ในวันนี้มันก็เป็นเพียงแค่เสื้อผ้าธรรมดาๆที่ไม่เหมาะจะไปงานมงคลของใครเลย แต่คิดไปคิดมาก็อาจจะเป็นงานแต่งเล็กๆของหนึ่งในเพื่อนของแม็กที่จัดกันอย่างเป็นกันเองก็ได้ เพราะปกติแล้วแม็กจะให้เกียรติเจ้าของงานและสถานที่ทุกๆงานอยู่แล้ว และที่สำคัญเลยคือแม็กมีเพื่อนเยอะมากเลยเขาเลยไม่แปลกใจเท่าไหร่ถ้าเจ้าตัวจะมีเพื่อนอยู่ที่นี่ ซึ่งแตกต่างจากเขาที่แม็กอนุญาตให้ครบเบบี้เป็นเพื่อนได้คนเดียวเท่านั้น..…ความเท่าเทียมอยู่ไหนกัน?

       “ถึงแล้วครับ” เสียงคนขับรถพูดบอกพร้อมกับที่รถลีมูซีนคันสวยหยุดลงหน้าโบสถ์คริสต์หลังงามแห่งหนึ่งที่มีแบล็คกราน์เป็นภูเขาใหญ่โดยหันหน้าออกทะเลสาบอันกว้างใหญ่ที่ตอนนี้ได้แปลเปลี่ยนเป็นทะเลสาบน้ำแข็งไปตามฤดูกาลแล้ว

       “เฮ้! มินนี่!!” ระหว่างที่มินกำลังชมความงดงามของทัศนียภาพอันสวยสดงดงามรอบๆตัวอยู่นั้น เขาก็ได้ยินเสียเรียกชื่อแฝงของเขาอย่างคุ้นเคยมาจากทางด้านหลัง

       “เบบี้?” และเมื่อหันหลังกลับไปมองตามเสียงเรียบมินก็ได้พบกับร่างเล็กสมส่วนที่เป็นคุ้นเคยจริงๆอย่างที่คาดเดาจากน้ำเสียง

       “ใช่ฉันเอง เบบี้ที่รักของนายไง” คนหน้าหวานเจ้าของชื่อพูดบอกพร้อมกับกระโดดเข้ากอดเพื่อนรักอย่างมินที่มีรูปร่างไม่ต่างจากตัวเองเป็นการใหญ่ เพราะนานมากแล้วที่เขาทั้งสองคนไม่ได้เจอกัน

       “มากเกินไปแล้ว ไปกอดผัวมึงโน่นไป” แม็กดึงตัวมินออกมาจากเบบี้พร้อมทั้งรีบพูดไล่เบบี้ให้ไปหาเจ้าของตัวจริงของเจ้าตัว ก่อนที่จะโอบกอดมินไว้แน่นไม่ต่างจากเด็กหวงของไม่มีผิด ทำเอาเบบี้ได้แต่เบะปากส่ายหน้าใส่อย่างไม่จริงจังนัก

       “ชิ! ทำเป็นหวง”

       “ไง…สบายดีนะมินนี่” สตีฟทักทายกับเพื่อนรักสั้นๆก่อนที่จะหันมาสนใจมินที่อยู่ในอ้อมกอดของแม็ก เพราะเขาก็ไม่ได้เจอกับมินนานพอๆกับคนรักอย่างเบบี้ เพราะอย่างที่รู้ๆกันว่าเจ้าของมันหวงมาก

       “ฉันสบายดี” มินยิ้มหวานตอบกลับไปทำเอาสตีฟเพ้อไปเป็นพัก จน…

       ป๊าบ!! เพียะ!!!

       “โอ๊ยยยยย!!!”

       “เพื่อนกู”

       “เมียกู”

       สตีฟร้องโอดโอยออกมาทันทีเมื่อโดนแม็กโปกมือเข้าที่ศีรษะเต็มแรง พร้อมๆกับที่คนรักอย่างเบบี้คนงามเหวี่ยงมือตบเข้าที่แก้มซีกซ้ายของเขาสุดแรงเกิดตามมาอีกคน

       “อะโธ่…นานๆเจอกันทีขอเคลิ้มกับรอยยิ้มนางฟ้าสักห้านาทีได้มั้ยเนี่ย ปกติก็เจอแต่ฝ่ามือนางมารอยู่ทุกวันๆ” สตีฟใช้สองมือลูบคำแก้มกับศีรษะตัวเองป้อยๆด้วยความเจ็บปวด แต่ก็ยังไม่วายที่จะหาเรื่องเจ็บตัวต่อ

       “คืนนี้ที่รักคงอยากจะนอนนอกห้องสินะ” เบบี้พูดขู่เสียงหวานด้วยสายตาจิกๆที่สตีฟเห็นแล้วต้องรีบปฏิบัติการประจบประแจงศรีภรรเมียทันที

       “โธ่! เค้าแค่ล้อเล่นเองนะคะที่รัก”

       “พอๆ ฉันว่าเราเข้าไปในโบสถ์กันเถอะแม็ก มินนี่ ป่านนี้คุณพ่อคงมารอแล้ว” เบบี้บอกพร้อมกับเดินจูงมือมินเข้าไปในโบสถ์ที่ว่างเปล่าเกินกว่าจะเป็นงานแต่งงานได้

       “มากันแล้วหรอ” แต่งงได้ไม่นานก็มีบาทหลวงสูงวัยชาวยุโรปคนหนึ่งเดินเข้ามาจากประตู้ข้าง จนมาหยุดยืนอยู่หน้าแท่นพิธีอันศักดิ์สิทธิ์

       “คุณพ่อ” และมินก็ต้องแปลกใจอีกครั้งเมื่อได้พบกับคนที่คุ้นเคยอีกครั้ง

       “ครับคุณพ่อ” แม็กโค้งตัวตอบและทักทายบาทหลวงไปในตัว เพราะเมื่อสมัยเรียนทั้งแม็กและมินก็มีโอกาศที่ได้รู้จักกับบาทหลวงท่านนี้เป็นอย่างดีอยู่แล้ว เพราะก่อนที่ท่านจะย้ายมาที่นี่ ท่านได้อยู่ที่โบสถ์ประจำเมืองที่แม็กกับมินไปเรียนต่อเช่นเดียวกัน

       “ว่าไงตัวเล็กของพ่อ จะมีหลานทั้งทีไม่ส่งข่าวให้พ่อรู้เลยหรอฮึ?”

       “ขอโทษที่ไม่ได้บอกฮะคุณพ่อ มินก็ตั้งตัวเหมือนกันฮะ” มินพูดบอกเสียงอ่อยด้วยความรู้สึกผิด เพราะบาทหลวงหรือคุณพ่อท่านนี้ ก็เปรียบเสมือนพ่อแท้ๆของเขาเพราะถ้าไม่มีคุณพ่อผู้มีพระคุณท่านนี้ ก็คงจะไม่มีเขามาจนถึงทุกวันนี้ เพราะตราบาปที่ติดตัวของเขามันผิดบาปมากเกินกว่าที่จะชดใช้ได้หมดภายในชาติเดียว แต่เป็นเพราะคำสอนดีๆของคุณพ่อ เขาจึงกล้าที่จะเงยหน้าก้าวเดินต่อไปอย่างที่พยายามไม่ให้เกิดความผิดพลาดเพิ่มขึ้นมาอีกในชีวิตนี้เพราะลำพังเพียงแค่การร่วมประเวณีระหว่างพี่น้องของเขากับแม็กก็ถือว่าเป็นการลบลู่เกียรติอันสูงสุดของพระเจ้าแล้ว ระหว่าที่ยังใช้ชีวิตการเป็นนักศึกษาอยู่ต่างประเทศเขาถึงต้องชวนแม็กเดินไปสารภาพบาปที่โบสถ์ทุกๆวันยังไงล่ะ ถึงแม้วิธีนี้จะไม่สามารถลบล้างบาปให้เขาทั้งสองคนได้ แต่อย่างน้อยมันก็ช่วยให้เขาลบล้างความรู้สึกในใจออกไปบ้างไม่มากก็น้อย

       “เอาเถอะๆ อย่าทำหน้าอย่างนั้นเลย พ่อแค่แหย่เล่นเท่านั้น จะรู้ช้ารู้เร็วยังไงก็รู้แล้ว ถ้าพร้อมกันแล้วพ่อว่าเรามาเริ่มพิธีกันเลยดีกว่า” ท่านพูดบอกด้วยน้ำเสียงอบอุ่น

       “พิธีอะไรหรอ?”

       “มินหันกลับไปถามแม็กอย่างงงๆ”

       “ก็พิธีแต่งงานของมินนี่กับแม็กกี้ไง” แต่กลับเป็นเบบี้ที่เฉลยความสงสัยของมินแทน

       “งานแต่งของเราจริงๆหรอ?” มินหันกลับไปขอคำยืนยันจากคนรักอีกครั้ง

       “เออสิ ในเมื่อขอแล้วก็ต้องแต่ง” แม็กพูดแค่นั้นก่อนที่จะจูงมือมินเข้ามายืนหันหน้าเข้าหากันหน้าแท่นพิธี ต่อหน้าบาทหลวงผู้ที่เปรียบเสมือนเป็นพ่อคนที่สอง

       “คู่บ่าวสาวที่รัก ท่านทั้งสองมาในโบสถ์นี้ เพื่อขอพระเป็นเจ้า( ประทับตราศักดิ์สิทธิ์ ) ปกป้อง คุ้มครองความรักของท่าน ทำให้ความรักของท่านมั่นคงขึ้นต่อหน้าศาสนบริกรของพระศาสน จักร และต่อหน้าสัตบุรุษที่ชุมนุมอยู่  ณ ที่นี้ พระคริสตเจ้าทรงอวยพรความรักของท่านอย่าง อุดมสมบูรณ์ ( พระองค์โปรดให้ท่านเป็นผู้ศักดิ์สิทธิ์แล้วด้วยศีลล้างบาป และขณะนี้พระองค์ จะโปรดให้ท่านมั่งคั่ง และเข้มแข็ง ด้วยศีลศักดิ์สิทธิ์ที่จะรับอยู่นี้ ) เพื่อช่วยให้ท่านปฏิบัติ หน้าที่อื่นๆ ของการสมรสในการช่วยเหลือซึ่งกันและกันและซื่อสัตย์ต่อกันตลอดไป ดังนั้น ข้าพเจ้าจึงถามถึงเจตจำนงของท่านทั้งสองต่อหน้าพระศาสนจักร” เมื่อเห็นว่าเจ้าบ่าวเจ้าสาวของงานพร้อมแล้วบาทหลวงก็เริ่มพิธีอันศักดิ์สิทธิ์ขึ้นทันที ก่อนที่จะเอ่ยต่อว่า…

       “นายเมธากรและนายรามิณทร์ ท่านทั้งสองมาที่นี่โดยไม่ได้ถูกบังคับ แต่มาด้วยการสมัครใจเพื่อเข้าพิธีสมรสอย่างแท้จริงใช่หรือไม่?”

       “ครับ/ฮะ”

       “เมื่อเข้าสู่พิธีสมรสเช่นนี้แล้วท่านทั้งสองพร้อมที่จะรักและยกย่องให้เกียรติแก่กันและกันจน ตลอดชีวิตหรือไม่?”

       “ครับ/ฮะ”

       “ท่านทั้งสองพร้อมที่จะน้อมรับบุตร ซึ่งพระเป็นเจ้าจะประทานให้ อบรมเลี้ยงดู ตามกฎของ พระคริสตเจ้า และพระศาสนจักรหรือไม่?”

       “ครับ/ฮะ”

       “ท่านทั้งสองที่มีเจตจำนงที่จะสมรสกัน ขอให้ท่านจับมือขวาของกันและกันและแสดง ความสมัครใจ ต่อหน้าพระเป็นเจ้า และพระศาสนจักรของพระองค์”

       พอสิ้นสุดคำกล่าวของบาทหลวงทั้งแม็กและมินต่างก็ยื่นมือเข้ามากุมมือขวาของกันและกันก่อนที่แม็กจะกล่าวแสดงความสมัครใจด้วยเสียงดังฟังชัดว่า…

       “ผมนายเมธากร รัตนปภากุล ขอรับคุณรามิณทร์ โชคธนกิจเป็นภรรยา และขอสัญญาว่าจะถือซื่อสัตย์ต่อคุณทั้งในยามทุกข์และยามสุข ทั้งในยามเจ็บป่วยและสบาย เพื่อรักและยกย่องให้เกียรติคุณจนกว่าชีวิตจะหาไม่”

       “ผมนายรามิณทร์ โชคธนกิจ ขอรับคุณเมธากร รัตนปภากุลเป็นสามี และขอสัญญาว่าจะถือซื่อสัตย์ต่อคุณทั้งในยามทุกข์และยามสุข ทั้งในยามป่วยและสบาย เพื่อรักและยกย่องให้เกียรติคุณจนกว่าชีวิตจะหาไม่” ถึงแม้ว่ามินจะสงสัยในนามสกุลของคนรักที่เปลี่ยนไปจากที่เคยใช้นามสกุลเดียวกันมากก็ตาม แต่มินก็ยังคงเลือกที่จะทำเป็นไม่สนใจและทำพิธีอันศักดิ์สิทธิ์นี้ต่อไป แต่หลังจากที่กลับไทยเขากับแม็กคงจะได้คุยเรื่องนี้กันอีกยาวแน่ๆ

       “ความสมัครใจที่ท่านทั้งสองได้แสดงต่อหน้าพระศาสนจักรนี้ ขอพระเจ้าทรงพระเมตตา ทะนุบำรุงให้เข้มแข็ง และประทานพระพรแก่ท่านทั้งสองอย่างอุดมสมบูรณ์เทอญ สิ่งที่พระ เจ้าได้รวมไว้ให้ชิดสนิทกัน มนุษย์อย่าแยกออกจากกันเลย…เอเมน” เมื่อจบคำกล่าวนี้ของบาทหลวงทั้งสตีฟและเบบี้ก็ก้าวเดินเข้ามายืนอยู่ข้างๆกันกับเพื่อนรักทั้งสองของตนคนละฝั่งพร้อมกับที่ในมือถือกล่องแหวนไว้คนละวง ซึ่งมินก็จำได้ดีว่าแหวนที่อยู่ในมือสตีฟที่ยืนอยู่ข้างแม็กคือแหวนวงเดียวกันกับที่แม็กสวมให้เขาเมื่อคืนนี้ ซึ่งเขาเองก็ไม่รู้ตัวว่าแม็กเอามันกลับคืนไปตั้งแต่เมื่อไหร่ เพราะวันนี้ตัวเขาเองก็ยังเบลออยู่มากจากผลกระทบของสามยกเมื่อคืน ส่วนแหวนที่อยู่ในมือเบบี้ที่ยืนข้างกันกับเขาก็มีลักษณะคล้ายๆกันกับแหวนของเขาเพียงแต่มันเป็นวงใหญ่หว่า ตัวเรือนหนากว่า แต่มีเพชรเม็ดเล็กกว่าฝังอยู่ก็เท่านั้นเอง

       “แหวนทองคำบริสุทธิ์สองวงนี้ เป็นเครื่องหมายแห่งความรักและคำสัญญา แสดงว่าท่านจะช่วยกันรักษา และทะนุถนอมความรักที่มีต่อกันให้บริสุทธิ์ แหวนนี้เป็นวงกลมเชื่อมกันสนิท ไม่มีจุดเริ่มต้นและไม่มีที่สิ้นสุด จงมอบให้เป็นความรัก และเป็นเครื่องหมายตราประทับในดวงใจของท่านทั้งสอง ตั้งแต่บัดนี้ไปจนชั่วนิรันดร์…เอเมน” จากนั้นบาทหลวงก็เริ่มทำการเสกแหวนทั้งสองวงเมื่อเบบี้และสตีฟก้าวเดินเข้าไปหยุดยืนอยู่ตรงหน้าของท่าน ก่อนที่แม็กและมินจะรับแหวนมาสวมลงบนนิ้วนางข้างซ้ายของกันและกัน ก่อนที่บาทหลวงจะกล่าวออกมาอีกว่า…

       “ท่านที่รักทั้งสอง พระเจ้าทรงสร้างท่านให้เป็นคู่อปถัมภ์ของกันและกัน เป็นพระประสงค์ของพระองค์ ที่ทรงให้ท่านทั้งสองร่วมชีวิตเป็นหนึ่งเดียวกันตลอดชีวิต ท่านจงดูตัวอย่างสามีภรรยาที่ดีว่าเขาปฏิบัติต่อกันอย่างไร ขอให้ท่านปฏิบัติตาม ขอให้ท่านทั้งสองรักใคร่สัตย์ซื่อต่อกัน ร่วมทุกข์ร่วมสุขกัน และมีความอดทน อดกลั้นต่อกันและกัน ขอให้ท่านทั้งสองจงรักกันให้มากยิ่งๆขึ้น ขอให้แหวนซึ่งท่านได้สวมให้แก่กันและกันนั้น เป็นสัญลักษณ์ และเครื่องหมายแห่งความรักอันไม่มีที่สิ้นสุด อย่ารักกันด้วยคำพูด หรืออารมณ์เท่านั้นแต่ต้องรักกันด้วยการกระทำ และความจริงใจ จงรักกันและกัน เหมือนอย่างที่องค์พระเยซูคริสต์ทรงรักท่าน จงให้ความรักนี้บริสุทธิ์ เพราะพระเจ้าทรงสอนผ่านพระคัมภีร์อย่างชัดเจนว่า ‘จงให้การสมรส เป็นที่นับถือแก่คนทั้งปวง และให้เตียงสมรส ปราศจากความชั่วช้า เพราะคนมีชู้ และคนล่วงประเวณีนั้นพระเจ้าจะลงโทษเขา’ และพระคัมภีร์ได้กล่าวว่า ‘ความรักนั้นก็อดทนนานและกระทำคุณให้ ความรักไม่อิจฉา ไม่อวดตัว ไม่หยิ่งผยอง ไม่หยาบคาย ไม่คิดเห็นแก่ตนเองฝ่ายเดียว ไม่ฉุนเฉียว ไม่ช่างจดจำความผิด ไม่ชื่นชมยินดีเมื่อมีการประพฤติผิด แต่ชื่นชมยินดีเมื่อประพฤติชอบ ความรักทนได้ทุกอย่างแม้ความผิดของคนอื่น และเชื่อในส่วนดีของเขาอยู่เสมอ และมีความหวังอยู่เสมอ และทนต่อทุกอย่าง ความรักไม่มีวันสูญสิ้น เพราะว่าพระเจ้าทรงเป็นความรัก…เอเมน”

       เมื่อสิ้นสุดพิธีและคำอวยพรแล้ว แม็กก็คว้าเอวมินเข้ามากอดประชิดตัวก่อนที่จะก้มลงไปประทับตาแสดงความเป็นเจ้าของอย่างถูกต้องด้วยริมฝีปากของตัวเองช้าๆแบบไม่รุกล้ำแต่ก็เต็มไปด้วยความอ่อนหวานและอ่อนโยนท่ามกลางคนสำคัญทั้งสามคนของพวกเขาที่มาร่วมเป็นสักขีพยานในพิธีสาบานรักครั้งนี้

       ต่อให้ใครจะมองว่าความรักของเขาทั้งสองคนจะผิดบาป ผิดศีล ผิดจารีตประเพณี หรือว่ามันไม่สมควรที่จะเกิดขึ้นสักแค่ แต่ตราบใดที่ยังมีชีวิตและลมหายใจอยู่ แม็กก็ยังคงยืนยันที่จะรัก และจะปกป้องดูแลคนในอ้อมกอดอย่างนี้ต่อไป เพราะมินคือหัวใจที่สำคัญของเขา





…………………………….………………………………….TBC.
หัวข้อ: Re: {Mpreg/Incest} แฝด Up.ตอนที่ 11 (16/12/59)
เริ่มหัวข้อโดย: Mura_saki ที่ 16-12-2016 17:49:08
สมบูรณ์แบบมากๆ

รักกันตลอดไปนะ :)
หัวข้อ: Re: {Mpreg/Incest} แฝด Up.ตอนที่ 11 (16/12/59)
เริ่มหัวข้อโดย: dahlia ที่ 16-12-2016 19:25:14
ดีใจแต่งงานกันแล้ว ต่อไปก็ลุ้นตัวน้อยให้ออกมาไวๆเนอะ
หัวข้อ: Re: {Mpreg/Incest} แฝด Up.ตอนที่ 11 (16/12/59)
เริ่มหัวข้อโดย: puiiz ที่ 17-12-2016 00:47:25
 :กอด1: :L2: :3123: :กอด1:
หัวข้อ: Re: {Mpreg/Incest} แฝด Up.ตอนที่ 11 (16/12/59)
เริ่มหัวข้อโดย: sirin_chadada ที่ 17-12-2016 09:17:12
ฮันนีมูนเป็นช่วงหวานทำคะแนนสินะ
หัวข้อ: Re: {Mpreg/Incest} แฝด Up.ตอนที่ 12 (17/12/59)
เริ่มหัวข้อโดย: เขียนสือ ที่ 17-12-2016 20:00:19

แฝด ตอนที่ 12





       ความสุขมักจะผ่านไปเร็วเสมอ…ดั่งเช่นช่วงเวลาวันหยุดที่แสนจะมีความหมายที่สุดในหัวใจของแม็กและมิน ที่หลังจากพิธีแต่งงานในโบสถ์วันนั้นแล้วพวกเขาก็อยู่เที่ยวอีกสองวัน ก่อนที่จะกลับมาทำหน้าที่ของตัวเองดังเดิมอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้

       “เรื่องที่ผมฝากไว้ก่อนไปได้เรื่องยังไงบ้าง” แม็กเอ่ยถามกำธรที่กำลังช่วยเขาตรวจเอกสารสำคัญอยู่อีกฝั่งหนึ่งของโต๊ะทำงาน

       “ได้มาอยู่หลายที่เหมือนกัน นี่ครับ คุณแม็กลองดูเพื่อจะถูกใจ” กำธรพูดบอกพร้อมกับดึงซองเอกสารที่อยู่ในกระเป๋าทำงานของตนออกมาให้เจ้านายดู

       “พาผมไปที่นี่ที” หลังจากที่พินิจพิจารณาอยู่พักใหญ่แม็กก็ยื่นหนึ่งในเอกสารหลายๆชุดให้กับกำธรดู

       “เมื่อไหร่ดีครับ”

       “เดี๋ยวนี้เลย ไหนๆงานก็เสร็จแล้ว” แม็กบอกพร้อมกับลุกขึ้นคว้าสูทมาสวมใส่ให้เรียบร้อยก่อนที่จะเดินนำกำธรออกมาจากห้องทำงาน โดยไม่ลืมที่จะสั่งงานเลขาหน้าห้องของตนไว้ แม็กมีเลขาสองคน คนหนึ่งคือกำธรผู้ที่เปรียบเป็นตัวแทนที่รู้ทุกๆเรื่องของเขาและคนที่มีสิทธิ์ที่จะสั่งกำธรได้ก็มีแต่เขาเพียงเท่านั้น เรียกได้ว่าทั้งบริษัทนี้กำธรเป็นลองเขาแค่คนเดียวเท่านั้น ส่วนอีกคนเป็นแค่เลขาหน้าห้องธรรมดาที่มีหน้าที่รับหน้าและจัดตารางเวลาผู้ที่มาติดต่องานเขาหรือไม่ก็ช่วยงานเล็กๆน้อยๆของกำธรเท่านั้น ไม่ต่างไปจากเลขาปกติทั่วไป
..
..
..
       “เราออกไปชอปปิ้งแล้วก็ไปหาของอร่อยทานกันดีมั้ยมินนี่?” เบบี้ที่โดนคนรักอย่างสตีฟลากมาโยนทิ้งให้อยู่เป็นเพื่อนมินตั้งแต่เช้าเอ่ยชวนมินด้วยความเบื่อหน่ายเพราะเขาเป็นคนร่าเริง(จนเกินไป) จึงไม่สามารถอยู่ทำกิจกรรมเงียบๆอย่างเช่นอ่านหนังสือ วาดรูป ดูหนัง ทำงานบ้าน หรือคุยเล่นกับปลาทองอย่างที่มินทำได้ ดังนั้นการมาอยู่ที่ห้องนี้กับเพื่อนรักอย่างมินจึงถือว่าเป็นอะไรที่หน้าเบื่อมากถึงมากที่สุดเลยสำหรับเขา อีกทั้งจะไปหาคนรักที่เพิ่งจะเข้าไปทำงานกับแม็กก็ไม่ได้ เพราะสตีฟบอกว่าเขาเป็นตัวทำลายสมาธิ…ให้ตายเถอะ! ไอ้ผัวเฮงซวย!!!

       “ขอมินโทรถามแม็กก่อนนะ” มินบอกอย่างแบ่งรับแบ่งสู้เพราะอย่างที่รู้ๆกันว่าเขาไม่สามารถตัดสินใจเองได้สำหรับเรื่องนี้…..พ่อ(ของลูก)หวง!

       “ว่าไง?” เบบี้ถามอย่างลุ้นๆ เมื่อมินเดินกลับมาอีกครั้งหลังจากที่ขอตัวไปโทรหาแม็ก

      “โอเค...ไปได้” มินบอกออกมาพร้อมรอยยิ้มกว้างถึงแม้ว่าจะแปลกใจกับความใจดีในแบบแปลกๆของคนรักก็เถอะ ที่ไม่มี ถามไม่มีบ่น และอนุญาตทันทีที่เขาเอ่ยขอ อีกทั้งยังไม่กำหนดเวลากลับอย่างทุกทีอีกด้วย.....แม็กเปลี่ยนไปแล้ว(รึเปล่า?)

       “ถ้าอย่างนั้นก็ Let’s go!!!”
..
..
..
ห้างสรรพสินค้าเมก้ามอลล์

       “ที่นี่ใช่ที่ทำงานของสตีฟกับแม็กกี้รึเปล่าอะมินนี่?” เบบี้เอ่ยถามด้วยความสงสัยหลังจากที่ลงจากรถที่(แม็กส่งไปรับ)และเดินเข้าในตัวห้างมาแล้วมีแต่คนยกมือไว้และยิ้มทักทายมินอย่างนอบน้อมมากจาผิดปกติเรียกได้ว่าตั้งแต่ รปภ. แม่บ้าน พนักงาน ผู้จัดการ ไปจนถึงคนที่มินแนะนำว่าเป็นบอร์ดบริหารก็ยังเดินเข้ามาทักทายเขากับมินด้วยท่าทางที่ประจบประแจงถึงที่สุดตัวเองเลยเถอะ

       “อื้ม แต่ตอนนี้แม็กออกไปข้างนอกนะ เหลือแต่สตีฟที่อยู่ เบบี้อยากขึ้นไปหาสตีฟมั้ยเดี๋ยวมินพาไป” มินบอกไปตามที่แม็กบอกกับตนเมื่อตอนที่คุยโทรศัพท์กันว่าเจ้าตัวจะออกไปธุระข้างนอก ส่วนเรื่องพนักงานหรือบุคลากรต่างๆตัวเขาเองก็รู้ดีว่าใครเป็นใครเพราะถึงแม้ว่าเขาจะไม่ได้เข้ามาทำงานที่นี่อย่างจริงจัง แต่ช่วงที่กลับมาไทยแรกๆหลังจากที่เรียนจบแม็กก็พาเขามาทำงานด้วยบ่อยๆ แต่ไม่ได้ให้มาทำงานหรอกนะ แค่ให้มานั่งเป็นกำลังใจตอนเจ้าตัวอยู่ในช่วงเรียนรู้งานจากคุณกำธรเฉยๆ เพราะทั้งเขาและแม็กต่างก็ไม่ได้เรียนสายบริหารมาโดยตรงอย่างที่คุณพ่อกิติกรตั้งใจ และต่างคนต่างก็เลือกเรียนในสิ่งที่ตนชอบและสนใจ แต่ก็เลือกวิชาเสรีเป็นการบริหารอยู่ดี

       “เอาไว้ก่อนดีกว่า ตอนนี้ฉันอยากถลุงบัตรเจ้าบ้านั่นเล่นให้สะใจมากกว่าอะไรทั้งหมด” เบบี้พูดบอกออกมาด้วยสีหน้าและแววตาที่บ่งบอกถึงความร้ายกาจของเจ้าตัว พร้อมทั้งชูบัตรเครดิตสีทองวาววับที่ตนแอบจหยิบของสามีมาเมื่อเช้าให้เพื่อนรักดูเป็นขวัญตา

       “แกล้งสตีฟอีกแล้วนะ” มินส่ายหน้าพูดบอกออกมาอย่างยิ้มๆ กับความแสบซนของเพื่อนรัก เพราะเบบี้ใช่ว่าจะเป็นลูกตาสีตาสาบ้านจนธรรมที่จะต้องหาสามีรวยๆเกาะกินเสียที่ไหน แต่เบบี้เป็นถึงคุณหนูของท่านทูตไทยประจำกรุงอาบูดาบีแห่งสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์เชียวนะ ไม่ต้องถามถึงทรัพย์สินเงินทองและความร่ำรวยของคนบ้านนี้เลยล่ะเพราะแค่ได้รับรู้ตำแหน่งหน้าที่ของหัวหน้าครอบครัวนี้ก็เพียงพอแล้ว

       “ช่วยไม่ได้อยากกวนประสาทฉันก่อนทำไมล่ะ…แม่จะเล่นให้หมดตัวเลยคอยดู!!” เมื่อได้บอกถึงความปรารถณาอันสูงสุดในวันนี้ของตัวเองกับเพื่อนรักแล้ว เบบี้ก็เริ่มปฏิบัติภารกิจถลุงเงินสามีเล่นโดยการลากคนท้องอย่างมินเข้าร้านโน้นออกร้านนี้ทันทีด้วยความสนุกสนานและความสะใจส่วนตัวในแบบสุดๆ

       “โอ้ย...พักก่อนเถอะเบบี้มินไม่ไหวแล้ว...เหนื่อยมาก แฮ่กๆ” มินทิ้งตัวลงม้านั่งยาวหน้าร้านรองเท้าชื่อดังแห่งหนึ่งบนชั้นสามของห้างด้วยอาการหอบแฮ่กเพราะเขาเหนื่อยมาก จนจะเริ่มเดินไม่ไหวแล้ว หลังจากที่โดนเพื่อนรักพาเข้าชอปแบรนด์ต่างๆไม่ต่ำกว่ายี่สิบร้าน

       “ถ้าอย่างนั้นก็นั่งพักตรงนี้ก่อนแล้วกัน” เบบี้บอกพร้อมกับทิ้งตัวนั่งลงบนม้านั่งข้างๆมิน ก่อนที่จะส่งขวดน้ำดื่มที่แวะซ้ำมาเมื่อสักครู่นี้ให้กับคนท้องที่เขาลากมาทรมาณอย่างรู้สึกผิด

       Tru…Tru…Tru…

       “ว่าไงแม็ก” นั่งพักได้เพียงไม่นานเสียงโทรศัพท์ในกระเป๋าของมินก็ดังขึ้น ซึ่งปลายสายก็ไม่ใช่ที่ไหนนอกจากสามีจอมซึนสุดที่รักของเขาเอง

       //มึงอยู่ไหน// แม็กที่เพิ่งจะกลับมาจากไปธุระเอ่ยถามออกไป เพราะตอนนี้เขายังนั่งอยู่ในรถที่จอดอยู่หลังห้างอยู่เลย

       “มินอยู่หน้าชอปxxxชั้นสามอ่ะทำไมหรอ”

       //รออยู่นั่นแหละเดี๋ยวกูไปรับ// แม็กบอกแค่นั้นก่อนที่สายจะตัดไป

       “มีอะไรรึเปล่ามินนี่?” เบบี้เอ่ยถามหลังจากที่มินนั่งขมวดคิ้วจ้องโทรศัพท์อยู่พักใหญ่หลังจากที่ปลายสายวางไปแล้ว

       “แม็กบอกว่าจะมารับ” มินพูดพร้อมกับที่คนที่เขากำลังพูดถึงมาหยุดยืนอยู่ตรงหน้าพอดี

       “ขึ้นไปพักข้างบนกันเถอะ สตีฟมันรออยู่ข้างบนอ่ะ” แม็กพูดบอกพร้อมกับหยิบถุงแบรนด์ต่างๆที่อยู่ในมือของมินมาถือแทน ก่อนที่จะหันไปพูดบอกกับเบบี้อีกคนที่ตอนนี้กำธรก็ช่วยเจ้าตัวถือของอยู่เหมือนกัน ก่อนที่จะพากันเดินไปที่ลิฟต์ส่วนตัวของผู้บริหารเพื่อไปยังชั้นบนสุดของห้างเมก้ามอลล์

       “วันนี้คุณพ่อไม่มาทำงานหรอแม็ก?” มินเอ่ยถามหลังจากที่เข้ามานั่งอยู่ในห้องทำงานที่คุ้นเคยของแม็ก หลังจากที่ให้กำธรไปส่งเบบี้ที่ห้องทำงานของสตีฟเป็นที่เรียบร้อยแล้ว

       ถึงแม้ว่าตอนนี้ตำแหน่งของเขาจะเปลี่ยนไปแล้วและเขาก็กลายเป็นเจ้าของห้างเมก้ามอลล์เต็มตัวแล้ว แต่แม็กก็ยังคงทำงานอยู่ที่ห้องเดิมของตัวเอง เพราะเขาไม่อยากที่จะเข้าไปอยู่ในที่ๆคนๆนั้นเคยใช้ชีวิตอยู่แม้แต่วินาทีเดียวก็ตาม เขาจึงยกห้องนั้นไปให้สตีฟใช้แทนพร้อมกับสวมตำแหน่งเดิมของเขา

       “ไม่มา” แม็กบอกเสียงนิ่งแบบที่พยายามที่จะไม่สบสายตามินเพราะเขาไม่อยากที่จะโกหกคนรักพอๆกับที่ไม่พร้อมที่จะบอกไปตามความจริงเช่นกัน เพราะรู้ดีว่ามินรักผู้ชายคนนั้นมากแค่ไหน ถึงแม้ว่าจะโดนทำร้ายทั้งร่างกายและจิตใจมามากมายก็ตาม

       “แม็กมีอะไรอยากจะบอกกับมินรึเปล่า?” มินก้าวเดินเข้ามาประจันหน้ากับแม็กที่นั่งอยู่หลังโต๊ะทำงานของตัวเอง เพราะจิตใต้สำนึกในส่วนลึกของเขามันดังเตือนอยู่ในหัวเขาว่าคนรักของเขากำลังปิดบังอะไรบางอย่างกับเขาอยู่

       “แล้วมึงพร้อมที่จะรับรู้รึยังล่ะมิน”




……………………………………………………………..TBC.
หัวข้อ: Re: {Mpreg/Incest} แฝด Up.ตอนที่ 12 (17/12/59)
เริ่มหัวข้อโดย: Mura_saki ที่ 17-12-2016 20:21:41
เรื่องของพ่อสินะ!?



หัวข้อ: Re: {Mpreg/Incest} แฝด Up.ตอนที่ 12 (17/12/59)
เริ่มหัวข้อโดย: ❣☾月亮☽❣ ที่ 17-12-2016 20:41:59
 :L1:   มินจ๋าอย่าเครียดนะ ห่วงลูก
หัวข้อ: Re: {Mpreg/Incest} แฝด Up.ตอนที่ 12 (17/12/59)
เริ่มหัวข้อโดย: Fasai25448 ที่ 17-12-2016 20:48:08
เรื่องนี้น่ารักจัง
หัวข้อ: Re: {Mpreg/Incest} แฝด Up.ตอนที่ 12 (17/12/59)
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 17-12-2016 20:56:46
มิน จะรู้ความจริงแล้วสินะ
       :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: {Mpreg/Incest} แฝด Up.ตอนที่ 12 (17/12/59)
เริ่มหัวข้อโดย: puiiz ที่ 17-12-2016 21:10:34
 :mew2: :mew2:
หัวข้อ: Re: {Mpreg/Incest} แฝด Up.ตอนที่ 12 (17/12/59)
เริ่มหัวข้อโดย: บูมเบส ที่ 17-12-2016 22:17:02
รอคลอดน้องก่อนไหมคนท้องต้องฟังแต่เรื่องที่มันดีๆ
หัวข้อ: Re: {Mpreg/Incest} แฝด Up.ตอนที่ 12 (17/12/59)
เริ่มหัวข้อโดย: GuoJeng ที่ 18-12-2016 02:53:35
มินท้องกี่เดือนแล้ว จะรับความจริงเรื่องพ่อได้มั้ยอะ
หัวข้อ: Re: {Mpreg/Incest} แฝด Up.ตอนที่ 12 (17/12/59)
เริ่มหัวข้อโดย: КίmY ที่ 18-12-2016 10:56:40
โอ้ๆ อ่านแล้วติดเหมือนกันแฮะ   :hao6:
หัวข้อ: Re: {Mpreg/Incest} แฝด Up.ตอนที่ 12 (17/12/59)
เริ่มหัวข้อโดย: kun ที่ 18-12-2016 11:35:02
มินจะรับความจริงแล้ว
หัวข้อ: Re: {Mpreg/Incest} แฝด Up.ตอนที่ 12 (17/12/59)
เริ่มหัวข้อโดย: dahlia ที่ 18-12-2016 11:44:19
มินรู้ความจริงแล้วจะเป็นไงเนี่ย จะทะเลาะกันมั้ย
หัวข้อ: Re: {Mpreg/Incest} แฝด Up.ตอนที่ 12 (17/12/59)
เริ่มหัวข้อโดย: แมวดำ ที่ 18-12-2016 15:39:39
น่าติดตามมากกก :hao7:
หัวข้อ: Re: {Mpreg/Incest} แฝด Up.ตอนที่ 12 (17/12/59)
เริ่มหัวข้อโดย: little_munoi ที่ 18-12-2016 16:12:31
จะรับไหวหรอมิน
หัวข้อ: Re: {Mpreg/Incest} แฝด Up.ตอนที่ 13 (18/12/59)
เริ่มหัวข้อโดย: เขียนสือ ที่ 18-12-2016 19:03:13

แฝด ตอนที่ 13





       “แล้วมึงพร้อมที่จะรับรู้รึยังล่ะมิน” แม็กเงยหน้าขึ้นถามคนรักด้วยสีหน้าเรียบนิ่งติดไปทางซีตึงเครียดถึงที่สุด จนกลายเป็นมินเสียเองที่เริ่มจะไม่อยากจะรับรู้เรื่องอะไรขึ้นมาแล้ว

       “เรื่องอะไรหรอ?”

       “ทั้งเรื่องของพ่อ เรื่องของแม่ รวมถึงเรื่องนามสกุลที่เปลี่ยนไปของกูไง”

       “แม็กหมายความว่าอะไร มินไม่เข้าใจ” เรื่องที่แม็กเปลี่ยนนามสกุลน่ะเขาก็อยากรู้อยู่หรอก แต่กลับเรื่องของพ่อ และแม่ที่จากโลกนี้ไปแล้วที่แม็กพูดถึงมันกำลังทำให้เขาจิตใจของเขารู้สึกหวาดกลัวขึ้นมาเองโดยอัตโนมัติ

       “ก็เรื่องที่กิติกรไม่ใช่พ่อเราและแม่ของเราก็ยังมีชีวิตอยู่ไงมิน” แม็กพูดบอกออกมาอีกครั้ง ก่อนที่จะลุกเดินเข้ามาประคองมินที่ทำท่าเหมือนกับว่าจะเป็นลมล้มลงไป

       “แม็กพูดอะไรมินไม่เข้าใจ” มินพูดเสียงสั่นๆ พลางใช้สองมือจับขยำเสื้อของคนรักไว้เป็นหลักยึด เพราะเขารู้สึกเหมือนกับว่ากำลังจะหมดแรงกับสิ่งที่ได้รับฟัง เพราะแม่ผู้ให้กำเนิดของพวกเขาเสียชีวิตไปตั้งแต่พวกเขาอยู่ประถมต้นแล้ว และตอนนั้นทั้งเขาและแม็กต่างก็ไปงานศพของแม่ทั้งคู่ แล้วมันจะเป็นไปได้ยังไงเรื่องที่…แม่จะยังมีชีวิตอยู่

       “ความจริงเราสองคนคือลูกชู้ของแม่นะมิน ไม่ใช่ลูกของกิติกรอย่างที่เรารับรู้และเข้าใจผิดมาตั้งแต่เกิด”

       “…..”

       “หลังจากที่แม่ของเราแต่งงานกับนายกิติกรได้ไม่นานแม่ของเราก็แอบมีชู้ซึ่งก็คือนายเมธัช รัตนปภากุลหรือพ่อแท้ๆของเรา ที่เป็นผู้ก่อตั้งและเจ้าของห้างเมก้ามอลล์ตัวจริง ในขณะที่ตอนนั้นนายกิติกรเป็นเพียงแค่พนักงานบริษัทเล็กๆธรรมดาๆคนนึงที่ไม่ได้โดดเด่นอะไร”

       “…..”

       “กิติกรจับเรื่องที่แม่ของเรามีชู้ได้ก็เพราะว่าแม่เป็นคนสารภาพเองตอนที่ตั้งท้องเราสองคนและตอนที่เกิดดีเอ็นเอของเราไม่ตรงกับของกิติกร จนอยู่มาวันหนึ่งรถของพ่อเราก็เกิดอุบัติเหตุซึ่งกูมาสืบรู้ภายหลังว่าเหตุเกิดจากการตัดสายเบรก แต่ทางตำรวจสรุปคดีว่ารถแหกโค้งจากความประมาทของพ่อเรา…ตำรวจแม่งก็โครตเหี้ย! เอาชีวิตของคนทั้งคนมาแลกกับเศษเงินแค่ไม่กี่บาทของไอ้พวกฝูงแร้ง” แม็กว่าด้วยความเจ็บใจในตอนท้าย เพราะการแย่งชิงอำนาจต่างๆในบริษัทมันทำให้ผู้พิทักษ์สันติราษฎร์อย่างตำรวจที่ควรจะทำงานรับใช้ประชาชนด้วยความซื่อตรงกลับเห็นผิดเป็นชอบเพราะเพียงแค่ผลประโยชน์ส่วนตัว

       “…..”

       “ส่วนคนเจ้าเล่ห์และเห็นแต่ตัวอย่างกิติกรที่เห็นช่องโหว่จากการถกเถียงกันระหว่างพวกบอร์ดบริหารรุ่นแรกในบริษัทจากคำบอกเล่าที่ไม่ค่อยรู้เรื่องจากแม่ของเราก็เลยยอมเซ็นรับรองเราเป็นลูกบุญธรรมของมันเพื่อเอาเราสองคนที่เป็นทายาทโดยตรงของพ่อมาต่อรองรับมรดกและสวมรอยเป็นเจ้าของห้างเมก้ามอลล์เองแบบชุบมือเปิบอย่างหน้าด้านๆ เพราะถ้ามันถือหุ้นแทนเราสองคนเกินยี่สิบปีห้างนี้และมรดกทั้งหมดของพ่อจะตกไปเป็นของมันในฐานะผู้ปกครองดูแลบุตรของเจ้าของมรดกอย่างพ่อเราได้ชอบธรรมตามเงื่อนไขที่ระบุไว้อย่างชัดเจนในพินัยกรรม”

       “เซ็นเราเป็นลูกบุญธรรมอย่างนั้นหรอ?” มินถามออกมาอย่างไม่เข้าใจ เพราะในเอกสารทุกๆอย่างของเขากับแม็กไม่ว่าจะเป็นใบเกิด ทะเบียนบ้านหรือบัตรประชาชนของก็ต่างมีชื่อของกิติกรลงว่าเป็นบิดาไม่ใช่บิดาบุญธรรมอย่างที่แม็กบอก

       “เอกสารที่เราใช้มันถูกปลอมแปลงมิน ทุกๆอย่างคือของปลอม รวมถึงความรักความห่วงใยที่มันแสดงออกมาด้วย แล้วที่มันยอมส่งเราสองคนไปเรียนต่อต่างประเทศก็เพราะว่าตอนนั้นกูโตพอที่จะเสือกเรื่องของมันได้แล้วไง เพราะมันเองก็คงรู้ว่าถ้ากูรับรู้ความจริงทั้งหมดในตอนนั้นกูคงจะไม่ยอมปล่อยให้มันได้เชิดหน้าชูตามาถึงทุกวันนี้หรอก นั่นเท่ากับว่าเกือบยี่สิบปีที่มันรอคอยจะพังลงอย่างไม่มีชิ้นดีอย่างแน่นอน” แม็กบอกไปตามการคาดเดาของตัวเอง เพราะถึงจะเป็นแฝดที่เกิดมาพร้อมกัน อีกทั้งเขายังเป็นแฝดน้องอีกต่างหาก แต่ว่าทั้งด้านสมองร่างกายและจิตใจของเขาค่อนข้างที่จะเติบโตไวและเกินอายุไปสักนิดนึงในขณะที่มินยังคงสดใสไปตามวัย

       “เป็นไปไม่ได้” มินส่ายศีรษะเป็นพัลวันอย่างไม่อยากจะเชื่อกับสิ่งที่ได้ยิน

       “ถ้าไม่เชื่อคำพูดของกูก็เอานี่ไปดูซะมิน” แม็กประคองมินให้นั่งลงบนโซฟารับแขกก่อนที่จะเดินกลับไปที่โต๊ะทำงานของตัวเอง และกลับมาหามินพร้อมกับเอกสาร วีดีโอจากกล้องวงจรปิดและรูปถ่ายต่างๆ ซึ่งเป็นหลักฐานสำคัญที่เขากับสตีฟและกำธรช่วยกันรวบรวมอยู่หลายปี

       “แล้วมอสล่ะแม็ก?” มินเอ่ยถามถึงน้องชายคนเล็กของตนด้วยความเป็นห่วงกลัวว่าอีกคนจะเป็นอะไรไปด้วยเพราะมอสเป็นคนที่ติดกิติกรมาก

       “ไอ้มอสมันไม่เหมือนเรา เพราะมันเป็นลูกของกิติกรกับแม่จริงๆ มึงไม่เคยสังเกตุบ้างหรอมินว่าทำไมกูกับไอ้มอสถึงไม่เคยถูกกิติกรมันตีหรือทำร้ายร่ายกายเวลาที่มันเครียดๆเหมือนกับมึง” แม็กเอ่ยถามออกมาบ้างเพราะตั้งแต่จำความได้มินเป็นคนเดียวที่โดนกิติกรทำร้ายร่างกายโดยการทุบตบตีหรือไม่ก็จับขังให้อดข้าวอดน้ำหลายๆวัน ในขณะที่กิติกรทำเหมือนว่าเขาไม่มีตัวตน และเอาแต่โอ๋ไอ้ลูกแหง่อย่างไอ้มอสลูกรักของมัน

       “นั่นสินะ” มินนึกย้อนไปถึงการกระทำของคนเป็นพ่อที่เขาเคารพรักและเทิดทูนมาตลอดชีวิต พ่อที่ไม่เคยโอบกอด พ่อที่ไม่เคยให้ความรักความอบอุ่น พ่อที่เคยแต่ดุด่า พ่อที่มีแต่ทุบตียามที่ต้องการที่ระบายอารมณ์อยู่เสมอ และเขาคงจะตายคามือของคนๆนั้นไปแล้วถ้าหากว่าไม่มีแม็กคอยปกป้องและดูแลมาจนถึงทุกวันนี้ ถึงแม้ว่าจะไม่ใช้วิธีการที่อ่อนหวานหรือไม่อ่อนโยนแบบใครๆ แต่ทว่าความอบอุ่นที่แม็กมอบให้เขาเสมอมานั้นมันซึมซับไปทั่วทั้งหัวใจ และด้วยเหตุผลทั้งหมดทั้งมวลนี้มันมากพอที่จะเป็นข้ออ้างให้เขายอมที่จะก้าวข้ามความผิดบาปของการเป็นพี่น้องไปสู่การเป็นคนรักอย่างทุกวันนี้ได้แบบไม่คิดที่จะอายสายตาใคร เพราะที่สุดแล้ว ไม่ว่าจะด้วยเรื่องหรือเหตุผลอันใดคนที่รักและอยู่เคียงข้างคอยปกป้องดูแลไม่เคยห่างหายก็มีเพียงแค่แม็กคนเดียวเท่านั้น คนที่เป็นแฝดน้องของเขา คนที่เป็นคนรักของเขา และคนที่เป็นสามี เป็นครอบครัวที่แสนอบอุ่นให้แก่เขาก็คงจะไม่ใช่ใครที่ไหนถ้าไม่ใช่...นายเมธากร รัตนปภากุลคนนี้

       “ที่กิติกรมันไม่แตะต้องกูก็เพราะว่ากูเคยเห็นมันเอาชู้มานอนที่บ้าน แล้วกูก็เคยกระทืบมันตอนที่มันซ้อมมึงจนสลบไปเมื่อตอนอยู่ม.ปลาย ส่วนลูกแท้ๆอย่างไอ้มอสก็คงไม่ใช่เรื่องแปลกถ้ามันจะโอ๋ลูกมันขนาดนั้น ในสายตามัน มึงกับกูก็เป็นแค่สะพานให้มันไต่ขึ้นไปชุบตัวเองบนบ่อเงินบ่อทองเปลี่ยนจากอีกาให้เป็นหงส์เท่านั้นแหละ แต่ขอโทษทีที่กูชอบหักปีกอีกาง่อยๆอย่างมัน” เมื่อนึกมาถึงตรงนี้สายตาแม็กวาววับออกมาเองอย่างหน้ากลัวด้วยความเครียดแค้น เพราะมีอยู่ครั้งนึงที่กิติกรทำเกินเหตุซ้อมมินจนสลบคาเท้ามันต่อหน้าต่อตาเขาที่เพิ่งกลับเข้าบ้านมาหลังจากที่ออกไปหาซื้อขนมที่มินงอแงอยากจะกินให้ได้ วันนั้นถือว่าเป็นวันที่ตัดขาดความสัมพันธ์ฉันพ่อลูกระหว่างเขาและกิติกรเลยทีเดียวเมื่อเขาไม่สามารถห้ามยับยั้งความโกรธเกรี้ยวของตัวเองได้และได้ลงมือทำร้ายกิติกรอย่างไม่มีการออมแรงจนกิติกรลงไปนอนหมอบอยู่บนพื้นไม่ต่างจากมินแฝดพี่ที่รักของเขา ตั้งแต่เด็กจนโตแม็กจะมีคติประจำตัวที่มินบอกว่ามันเป็นคติประจำตัวที่บ้าบอมาก เพราะเขามักจะบอกกับมินอยู่เสมอว่า ‘เขาคนเดียวเท่านั้นที่จะแกล้งมินได้ แต่คนอื่นห้ามทำ’ เพราะเขาหวงของเขา และเขาก็รู้ดีที่สุดว่าขีดจำกัดในการแกล้งมินมีแค่ไหน แบบไหนที่ปลอดภัย แบบไหนที่อันตราย เพราะเขาจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องเก็บรักษา ‘หัวใจ’ ของมินไว้ไม่ให้บอบช้ำหรือเสียใจด้วยน้ำมือของใคร เพราะหัวใจของมินคือของเขา เช่นเดียวกับที่หัวใจของเขาก็เป็นของมินเหมือนกัน

        “แม็กหมายถึงอะไร?”

       “ถึงแม้ว่าทรัพย์สมบัติเงินทองของพ่อของเราจะถูกมันเอาไปถลุงกับบ่อนกับการพนันหมดแล้ว แต่กูก็ยังสามารถเก็บห้างนี้ไว้ได้ทัน ตอนนี้เมก้ามอลล์เป็นของเรามิน มันกลับมาเป็นของเราอย่างที่ควรจะเป็นแล้ว”

       “แล้วเรื่องแม่ล่ะ” หลังจากที่ใช้เวลาตั้งสติอยู่นานมินก็เอ่ยถามสิ่งที่เขาสนใจมากกว่าทรัพย์สมบัติทั้งหมดออกมา เพราะแม่ในความทรงจำอันเยาว์วัยของเขานั่นช่างงดงาม แสนดีและอ่อนโยนเหลือเกิน และถ้าแม่เขายังมีชีวิตอยู่อย่างแม็กบอกจริงๆ นี่คงจะเป็นเรื่องที่ดีที่สุดในบรรดาเรื่องเลวร้ายที่แสนจะซับซ้อนที่เขาได้รับรู้แล้วล่ะ

       “เมื่อปลายปีที่แล้วที่บริษัทจัดงานการกุศลที่สมทบทุนหารายได้ให้กับผู้ป่วยไร้ญาติในโรงพยาบาลจิตเวชน่ะมึงจำได้มั้ย?” แม็กถอนหายใจทิ้งออกมาด้วยสีหน้าลำบากใจ

       “จำได้” พยักหน้าตอบรับในทันที เพราะทุกๆกิจกรรมทุกๆเรื่องของแม็กเขาจำได้เป็นอย่างดี

       “หลังจากรวบรวมเงินบริจาคเสร็จแล้วกูต้องเป็นตัวแทนเอาไปมอบให้กับเจ้าหน้าที่ทางมูลนิธิที่โรงพยาบาลเพราะวันนั้นกิติกรกับบอร์ดบริหารทั้งหมดไม่มีใครอยู่เลยนอกจากกู แล้วกูก็ได้เจอผู้หญิงหน้าคล้ายกับแม่ของเราที่นั่น กูเลยลองไปคุยกับเขาดูปรากฏว่าเขากำลังนั่งร้องเพลงกล่อมตุ๊กตาฝาแฝดลูกของเขาอยู่ แล้วมึงรู้มั้ยว่าตุ๊กตาสองตัวนั้นชื่ออะไร”

       “แม็กกับมินหรอ?”

       “ใช่...และผู้หญิงคนนั้นเธอก็เอาแต่พูดว่า น้องมินน้องแม็กแม่ขอโทษอย่างนี้ซ้ำๆ จนกูทนไม่ไหวถึงได้ไปสอบถามประวัติจากทางโรงพยาบาล ซึ่งตอนแรกเขาก็จะไม่ให้หรอกเพราะมันผิดกฎผิดจรรยาบรรณของเขา แต่เผอิญว่ากูเป็นเจ้าของเงินก้อนใหญ่ที่เขาเพิ่งได้ไปไง เขาเลยยอมบอกแต่โดยดี และผู้หญิงคนนั้นก็ชื่อมินทราดา โชคธนกิจ…แต่ตอนนี้เขาหายไปอีกแล้ว” แม็กพูดบอกออกมมาด้วยความเจ็บใจ เขาคลาดสายตาได้เพียงพักเดียว กิติกรก็ย้ายตัวแม่ของเขาไปซ่อนไว้ที่อื่นอีกแล้ว

       “หายไปไหนล่ะ” หัวใจที่กำลังจะฟื้นฟูฟ่องกลับต้องแฟบห่อเหี่ยวลงอีกครั้ง เมื่อเรื่องราวดีๆของเขาได้กลายเป็นข่าวร้ายเพียงแค่ไม่กี่นาที

       “มีคนพาแม่หนีไปอีกแล้วล่ะสิ! แต่ไม่เป็นไรหรอก ถ้ามันอยากเล่นซ่อนหากับกูนัก กูก็จะเสียสละเวลาอันแสนมีค่าของกูเล่นสนุกกับมันสักหน่อยแล้วกัน เพราะสุดท้ายแล้วคนที่แพ้...จะต้องเป็นฝ่ายชดใช้”





………………………………………………………….TBC.
หัวข้อ: Re: {Mpreg/Incest} แฝด Up.ตอนที่ 13 (18/12/59)
เริ่มหัวข้อโดย: ❣☾月亮☽❣ ที่ 18-12-2016 19:24:24
 :katai2-1:   มันส์แน่ๆ
หัวข้อ: Re: {Mpreg/Incest} แฝด Up.ตอนที่ 13 (18/12/59)
เริ่มหัวข้อโดย: puiiz ที่ 18-12-2016 20:58:01
 :mew1: :mew1:
หัวข้อ: Re: {Mpreg/Incest} แฝด Up.ตอนที่ 13 (18/12/59)
เริ่มหัวข้อโดย: КίmY ที่ 20-12-2016 09:17:56
แม็กโหดดด  o18
หัวข้อ: Re: {Mpreg/Incest} แฝด Up.ตอนที่ 13 (18/12/59)
เริ่มหัวข้อโดย: dahlia ที่ 20-12-2016 16:11:59
โห เรื่องกำลังสนุกเลย กิติกรโดนแบบนั้นยังน้อยไปนะ แม็กน่าจะซ้อมให้หนักกว่านั้น มาทำมินได้ไง  :angry2:
หัวข้อ: Re: {Mpreg/Incest} แฝด Up.ตอนที่ 13 (18/12/59)
เริ่มหัวข้อโดย: DESZCZ ที่ 20-12-2016 17:48:36
ตามเอาแม่กลับมาให้ได้นะ
หัวข้อ: Re: {Mpreg/Incest} แฝด Up.ตอนที่ 13 (18/12/59)
เริ่มหัวข้อโดย: oiruop ที่ 20-12-2016 19:07:00
 :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: {Mpreg/Incest} แฝด Up.ตอนที่ 14 (20/12/59)
เริ่มหัวข้อโดย: เขียนสือ ที่ 20-12-2016 20:09:32

แฝด ตอนที่ 14





       หลังจากวันนั้นแล้วทั้งแม็กและมินต่างก็ไม่พูดถึงเรื่องที่คุยกันวันนั้นอีก แต่ใช่ว่าจะไม่คิดถึงมัน เพราะพวกเขาต่างก็รู้จักกิติกรดีว่าเป็นคนยังไง ในขณะที่แม็กกำลังทางป้องกันมินและลูกน้อยในท้องให้ห่างจากอันตรายทั้งหลายทั้งปวง มินเองก็เลิกดื้อและเชื่อฟังคนรักเป็นอย่างดี เพราะตอนนี้เขารู้แล้วว่าแม็กต้องเผชิญความยากลำบากกับเรื่องอะไรบ้าง มันทั้งหนักและเหนื่อยแค่ไหน และสิ่งที่ทำให้เขารู้สึกแย่มากที่สุดก็คือการที่รับรู้ทุกอย่างแต่ไม่สามารถช่วยอะไรแม็กได้เลย บางวันเขาต้องรอรับแม็กกลับบ้านมาด้วยรอยยิ้มพิมพ์ใจในขณะที่หัวใจของเขากำลังเจ็บปวดเมื่อเห็นว่าคนรักมีสีหน้าอ่อนล้าแค่ไหน แต่ถึงแม้ว่าจะเหนื่อยอ่อนมากแค่ไหนแต่แม็กก็ไม่ลืมที่จะคุยกับเขาและลูกน้อยในท้องก่อนนอนเสมอ เพราะว่าคุณหมอบอกว่าสิ่งเหล่านี้มันสำคัญกับพัฒนาการของลูกมากทั้งเขาและมินจึงจำเป็นที่จะต้องพูดคุยกับลูกน้อยอยู่เป็นประจำ

       แอ๊ดดด....

       “พรุ่งนี้หมอนัดใช่มั้ย?” แม็กที่เพิ่งกลับมาจากห้องทำงานที่แยกจากห้องนอนเอ่ยถามมินด้วยน้ำเสียงเนือยๆเหมือนจะอ่อนล้าเต็มทน

       “อื้อ…ถ้าแม็กไม่ว่างมินไปกับเบบี้ก็ได้นะ” มินพูดบอกออกมาตรงๆกับสิ่งที่เขาคิด เพราะว่าช่วงนี้ทั้งงานและพนักงานในส่วนของออฟฟิตยังไม่เข้าที่เข้าทาง อีกทั้งในส่วนของตัวห้างก็ยังมีแคมเปญใหญ่ปลายปีอีกหลายโครงการ จึงเป็นเหตุให้แม็กต้องทำงานหนังจนแทบจะไม่ได้พักผ่อนอย่างนี้ มินเลยไม่อยากที่จะรบกวนเวลาของคนรักมากนัก ถึงแม้ว่าจะเป็นเรื่องลูกก็ตาม

       “มึงก็เมีย นี่ก็ลูก ใจคอมึงจะไม่ให้กูไปดูแลเลยหรอ” แม็กว่าพร้อมกับที่ทิ้งตัวลงนอนหนุนตักมิน ก่อนที่จะใช้นิ้วจิ้มแก้มจิ้มหน้าท้องกลมนูนของมินที่เล่นไปด้วย…อย่างนี้เขาเรียกว่าอ้อนรึเปล่านะ?

       “มินแค่กลัวว่าแม็กจะเหนื่อยเกินไปเท่านั้นเอง” มินบอกพลางลูบแก้มของคนรักเบาๆ

       “ไม่เหนื่อยหรอกน่า กูบอกคุณกำธรไว้แล้วว่าพรุ่งนี้กูจะหยุดอยู่กับเมียกับลูกวันนึง”

       “น่ารักจังเลยน้า…สามีใครหว่า?” มินบอกพร้อมกับใช้สองมือดึงแก้มซ้ายขวาของแม็กไปมาอย่างนึกสนุก ซึ่งแม็กเองก็ไม่ว่าอะไรอีกทั้งยังยอมให้มินดึงเล่นอยู่อย่างนั้น แต่ถ้าเป็นเมื่อก่อนนี้ถ้าไม่โดนว่าก็ต้องโดนด่าสักอย่างแหละ

       “ผัวหมามินไงครับ หึๆ ไป..ไปนอนได้แล้ว!!!”

       “ไอ้บ้า!”

       แม็กหัวเราะขำออกมาเมื่อเห็นสีหน้าแดงระรื่อของคนรักที่เกิดจากความเขินอาย ก่อนที่จะพากันลุกไปนอนดีๆ โดยที่แม็กคอยโอบกอดให้ความอบอุ่นแก่คนรักและลูกน้อยตลอดทั้งคืน
..
..
..
โรงพยาบาล


       “คุณมินพร้อมแล้วนะครับ” หลังจากที่ตรวจตามขั้นตอนเบื้องต้นไปหมดแล้วพวกเขาก็มาที่ห้องอัลตร้าซาวด์เพื่อดูความผิดปกติของเด็กน้อยในครรภ์ แต่ที่มากไปกว่านั้นคือครั้งนี้พวกเขาจะได้รู้เพศลูกไปด้วย

       “พร้อมแล้วฮะคุณหมอ” มินบอกกับหมอ แต่สายตากลับเอาแต่จ้องมองคนรักที่ยืนอยู่ข้างกันแต่คนละฝั่งกับหมอ

       “หืม…ตอนแรกหมอก็ว่าคุณมินดูอวบอิ่มขึ้นนะครับ แต่ไม่คิดว่าจะมากขนาดนี้” คุณหมออุทานด้วยความประหลาดใจเพราะที่เจอกันครั้งล่าสุดเมื่อเดือนที่แล้วท้องของมินยังไม่ออกเลย อีกทั้งตอนที่ตรวจเมื่อกี้ก็ไม่ทันได้สังเกตเพราะเสื้อผ้าที่มินใส่มาช่วยพลางรูปร่างได้เป็นอย่างดี และน้ำหนักของมินก็ขึ้นไม่มากด้วย

       นี่คงจะเป็นอีกเรื่องนึงที่ทำให้แม็กและมินสบายใจเรื่องลูกมากขึ้นกว่าเดิม เพราะหลังจากที่พากันกลับมาจากไปเที่ยวพักผ่อนมินสามารถทานอาหารได้เยอะกว่าปกติที่เจ้าตัวทานได้ก่อนหน้าที่จะท้องเสียอีก อีกทั้งหน้าท้องที่เคยแบนราบยังกลมนูนออกมาให้เห็นได้อย่างชัดเจน ซึ่งแตกต่างจากก่อนที่จะไปลิบลับเลย เพราะก่อนหน้านี้ถึงแม้ว่าอายุครรภ์ของมินจะเข้าสี่เดือนเต็มแล้วก็ตามแต่ก็ไม่มีวี่แววที่ท้องจะให้ขึ้นเลย แต่พอหลังกลับมาจากไหว้พระทำบุญเท่านั้นแหละ เวลาแค่ไม่ถึงสามอาทิตย์กลับทำให้มินอวบอิ่มเพิ่มขึ้นอีกเท่าตัว…สงสัยจะสบายใจจนกินอิ่มนอนหลับดีมั้ง…แต่เป็นอย่างนี้ก็ดีแล้ว

       “จะอันตรายมั้ยฮะหมอ” มินถามด้วยน้ำเสียงติดกังวล เพราะเขากลัวว่าจะเป็นต้นเหตุที่ทำให้ลูกน้อยมีความเสี่ยงมากขึ้นไปอีก

       “ไม่หรอกครับ ถือว่าเป็นเรื่องดีเสียอีกที่ดูเหมือนว่าน้องจะแข็งแรงสมบูรณ์ตามพัฒนาการทางด้านร่างกายที่ควรจะเป็น เพราะถ้ามาถึงเดือนนี้แล้วท้องคุณมินยังไม่ใหญ่ขึ้นหมอคงจะต้องขอร้องให้คุณเอาน้องออกแล้วล่ะครับ” คุณหมอพูดบอกออกมาตามความจริงในสิ่งที่เขาคิดไว้ก่อนหน้า เพราะตอนนี้เขาแทบจะหยุดคิดเรื่องเด็กน้อยที่เป็นลูกของมินกับแม็กไม่ได้เลย เพราะเคสของมินนี่ถือว่าเป็นเรื่องท้าทายมากเลยสำหรับเขา เพราะตั้งแต่ทำหน้าที่ตรงนี้มาเกือบสิบปีนี่เขาไม่เคยเจอพ่อแม่ของเด็กที่เป็นแฝดหรือพี่น้องที่มีความเสี่ยงไปซะทุกๆเรื่องอย่างนี้เลย แต่ในเมื่อมาถึงตรงนี้แล้ว เขาก็คงจะต้องทำหน้าที่ของเขาให้ดีที่สุดเท่าที่จะทำได้แล้วล่ะ

       “เฮ้อ…ค่อยโล่งใจหน่อย” มินถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งอก

       “เอาล่ะครับ เรามาดูเจ้าตัวเล็กกันดีกว่า ว่าป่านนี้จะตัวโตแค่ไหนแล้ว…ไหนตัวเล็กเป็นยังไงบ้างครับ ขออาหมอดูหน่อยสิ~” คุณหมอพูดบอกกับมินก่อนที่จะหันไปสนใจทักทายคนไข้ตัวจริงของเขาที่กำลังนอนสบายอยู่ในท้องแม่ พร้อมทั้งที่ค่อยๆเพิ่มเสียงหัวใจให้ดังขึ้นอีกนิด

       ตุบ…ตุบ…ตุบ…ตุบ

       มินเอื้อมขึ้นไปจับมือแม็กพร้อมๆกับที่แม็กขยับตัวเข้ามาชิดมินและกุมมือคนรักไว้ในขณะที่สายตาของเขาทั้งคู่ก็เอาแต่จับจ้องอยู่ในจอมอนิเตอร์จนแทบจะลืมกระพริบตา

       ตุบ!

       “โอ้ย!!” แต่อยู่ดีๆมินก็ร้องโอ้ยออกมาเสียงหลงจนทำให้แม็กตกใจไปตามๆกัน ยกเว้นแต่คุณหมอที่ยิ้มกว้างออกมาได้มากกว่าเดิม

       “เป็นอะไรมิน” แม็กหันมาถามคนรักที่ยังคงนอนหน้านิ่วคิ้วขมวดอยู่เช่นเดิม

       “ไม่เป็นอะไรหรอกครับ สงสัยน้องคงอยากจะทักทายคุณพ่อคุณแม่ใช่มั้ยครับตัวเล็ก” คุณหมอพูดบอกกับทั้งสองคนก่อนที่จะก้มลงถามคนไข้ตัวน้อยของตนที่อยู่ในท้องของมิน

      ก่อนที่จะ…

       ตุบ! ตุบ!

       “โอ๊ะ…โอ้ย!!” ก่อนที่มินจะต้องร้องครางด้วยความเจ็บออกมาอีกสองครั้งติด เมื่อเจ้าตัวน้อยเขาอยากที่จะให้คำตอบที่อาหมอถาม

       “หมายความว่ายังไงครับหมอ” แม็กที่ทนเห็นคนรักเจ็บไม่ได้จนต้องถามออกมา

       “อ๋อ…น้องแค่ดิ้นครับ เป็นพัฒนาการปกติของเด็กในช่วงอายุครรภ์ในช่วงนี้น่ะครับ คุณแม็กกับคุณมินไม่ต้องเป็นห่วงอะไร แต่ควรจะดีใจมากกว่าที่น้องสามารถรับรู้และตอบสนองกับเราได้มากขนาดนี้…ใช่มั้ยครับตัวเล็ก”

       ตุบ!

       “ฮ่าๆ เก่งมากๆ ตัวเล็กของอาหมอเก่งมาก” คุณหมอหัวเราะร่าอย่างมีความสุขที่คนไข้ตัวน้อยของเขามีปฏิกิริยาการรับรู้และสามารถตอบสนองเขาได้ดีมากๆ ในขณะที่ทั้งแม็กและมินเหมือนกับจะจิตหลุดไปแล้ว…พ่อแม่มือใหม่ก็อย่างนี้…นิดๆหน่อยๆก็พากันเหวอ…หมอชิน

       “แล้วมินจะต้องเจ็บอย่างนี้ไปตลอดเลยหรอ” แม็กถามอย่างเป็นกังวลกับความเจ็บปวดที่คนรักแสดงผ่านออกมาทางสีหน้าและแววตาที่เริ่มจะรื้นไปด้วยน้ำตา

       “ไม่หรอกครับ ที่คุณมินเจ็บเนี่ยเพราะปกติคุณมินเป็นคนตัวเล็กและท้องบางไงครับแรกๆก็อาจจะเจ็บไปบ้าง แต่อีกเดี๋ยวก็จะชินไปเอง” คุณหมอพูดพลางเก็บอุปกรณ์ไปด้วย ในขณะที่มินก็ลุกขึ้นมานั่งด้วยการช่วยเหลือของแม็กอย่างงงๆ เหมือนว่าพวกเขาจะลืมอะไรไปสักอย่าง

       “กลับได้เลยใช่มั้ยครับ” แม็กถาม

       “รับยาบำรุงกับใบนัดข้างหน้าเหมือนเดิมก็เรียบร้อยแล้วครับ” คุณหมอบอกพลางยื่นใบสั่งให้กับพยาบาลที่มารอทำหน้าที่ประจำของตัวเอง

       “ถ้าอย่างนั้นผมลานะครับ” มินกับแม็กบอกลาอีกนิดหน่อยก่อนที่จะหันหลังเดินออกจากห้องตรวจ แต่ก็ต้องหยุดลงที่หน้าประตูซะก่อนเมื่อคุณหมอคนเดิมเอ่ยรั้งไว้

       “เดี๋ยวครับ…หมอลืมบอกไป”

       “ครับ?”

       “ยินดีด้วยครับ…เจ้าตัวเล็กเป็น ‘ผู้ชาย’ ที่ฉลาดและแข็งแรงมาก” หมอพูดบอกด้วยรอยยิ้มละไมเพราะเขากำลังมีความสุขที่คนไข้ตัวน้อยของเขาสมบูรณ์แข็งแรงมากจนเหลือเชื่อ แต่ก็ต้องหุบยิ้มลงฉับพลัน เมื่อนึกขึ้นได้ว่า

ยังต้องรอลุ้น ‘โรค’ ตอนคลอดอีก…เฮ้อออ!
..
..
..
       “เราจะไปไหนกันต่อหรอแม็ก?” มินเอียงคอถามคนรักอย่างไม่รู้เรื่องรู้ราวเมื่อเห็นว่าทัศนียภาพสองข้างถนนไม่คุ้นตา และไม่ใช่ทางที่จะไปบริษัทหรือกลับบ้านได้ด้วย ในขณะที่สองมือก็ยังส่งขนมเข้าปากตัวเองอย่างไม่ขาดสาย

       “ถึงแล้วเดี๋ยวก็รู้เองแหละน่า” แม็กตอบปัดๆอย่างไม่สนใจอะไร เพราะเขาต้องใช้สมาธิมากในการเดินทางครั้งนี้เพราะเขายังไม่ค่อยชินทางเท่าไหร่ แล้วก็อย่างที่รู้ๆกันว่าถนนสายต่างๆของประเทศมันวกวนเวียนยิ่งกว่าเขาวงกตอีก

       “บอกหน่อยก็ไม่ได้…ชิ!” มินว่าพลางหยิบผลไม้(กล่องที่สอง)เข้าปากไปอีกอย่างงอนๆ

       “นั่งกล่องที่เท่าไหร่แล้วมิน?” แม็กเหลือบสายตาถามเมื่อเห็นว่ามินหยิบกล่องผลไม้ในตะกร้าหวายขึ้นมาใหม่อีกแล้ว…ไม่รู้ว่านมน้อมยัดอะไรใส่ตะกร้ามาให้คุณหนูมินสุดที่รักของเจ้าตัวทานมั่งเพราะเขาไม่ทันได้เปิดดู แต่เท่าที่จำได้ตอนที่หิ้วลงมาใส่รถมันหนักมาก

       หลังจากที่บอกเรื่องของกิติกรให้มินรับรู้แล้ว แม็กก็กลับไปที่บ้านใหญ่ที่ตอนนี้มีเพียงแค่มอสกับคนรับใช้อาศัยอยู่เท่านั้น ส่วนกิติกรหายสาบสูญ เพื่อที่จะไปคุยกับนมน้อมเรื่องของมินเพราะเขาอยากให้นมน้อมมาช่วยเขากับเบบี้ดูแลมินอีกที บอกตรงๆว่าเขาไม่ไว้ใจเบบี้พอ เพราะกลัวว่าไอ้แสบนั่นมันจะพาเมียเขาไปเล่นพิเรนทร์จนเจ็บเนื้อเจ็บตัวเอา และเป็นเพราะว่านมน้อมคือคนของแม่เขาที่ช่วยดูแลเลี้ยงดูพวกเขามามาตั้งแต่เกิดจนโต เขาจึงไม่อยากให้นมน้อมติดอยู่ในบ้านหลังนั้น ซึ่งพอคุยกันแล้วนมน้อมก็เข้าใจเรื่องของพวกเขาดี ก่อนที่จะขนของย้ายออกมาอยู่กับพวกเขาที่คอนโด เพราะอย่างที่บอกไปว่าชั้นบนสุดของคอนโดคือของเขาทั้งหมดเพราะมีแค่ห้องเดียว แต่มีห้องนอนสาม(ห้องน้ำในตัวทุกห้อง) ห้องทำงานหนึ่ง ห้องครัว ห้องนั่งเล่น จึงไม่ต่างจากบ้านสักเท่าไหร่ เพราะมีครบทุกสิ่งอย่าง อีกทั้งตอนนี้ระบบการรักษาความปลอดภัยก็เข้มงวดกว่าเดิมหลังจากที่เขาไปถล่มเจ้าของโครงการมา จนเป็นสาเหตุที่ทำให้มีการเปลี่ยนแปลงเจ้าหน้าที่ยกชุด ไม่ว่าจะเป็น รปภ. พนักงานต้อนรับ หรือแม้แต่ช่างกับคนดูแลห้องควบคุมก็ตาม…จะว่าเขาใจร้ายใจดำก็ได้ แต่เขาจะไม่ให้เหตุการณ์แบบนั้นเกิดขึ้นอีกแล้ว

       “กล่องที่สามอ่ะ ทำไมหรอ?” แม็กอยากจะโบกหัวคนรักสักทีที่ดันทำหน้าแบ๊วเอียงคอตอบเขาอย่างไม่รู้เรื่องรู้ราว แต่ก็ทำไม่ลง เพราะมันน่ารักเกินไป…เฮ้อ!

       “ไม่คิดจะแบ่งกันมั่งหรอ” แม็กแกล้งถาม

       “แม็กอยากกินหรอ?” นี่มันแกล้งหรือมันไม่รู้จริงๆวะ?

       “มึงกินไปเถอะ ถ้าอ้วนแล้วลดไม่ได้นะกูจะสอนให้ลูกเรียกมึงว่าแม่หมูให้ดู” เมื่อโยนระเบิดใส่คนรักสวยรักงามอย่างมินไปตู้มใหญ่แล้ว ตัวต้นเรื่องอย่างแม็กก็ทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้ตั้งหน้าตั้งตาขับรถต่อไป ส่วนมินที่โดนคนรักทักแบบนั้นก็รีบวางกล่องผลไม้(กล่องที่สาม)เก็บใส่ตะกร้าทันทีก่อนที่จะรีบก้มหน้าก้มตาสำรวจเนื้อตัวของตัวเองทันที

       “อ้วนมากเลยหรอ” มินบ่นพึมพำกับตัวเองเบาๆในขณะที่ยกกระจกพกบานเล็กขึ้นมาส่องหน้าตัวเองดูว่าบวมมากขึ้นเยอะอย่างที่แม็กว่าหรือเปล่า

       “หึๆ”

      “นี่แม็กแกล้งมินหรอ?” มินหันไปหาเรื่องกับเจ้าของเสียงหัวเราะสยองเมื่อครู่นี้ทันทีเมื่อจับสังเกตุเห็นสีหน้ากลั้นขำของคนรัก บวกกับที่ตรวจดูกับตาแล้วว่าร่างกายของเขายังคงเหมือนเดิมจะมีก็แต่หน้าท้องที่มีอีกคนอาศัยอยู่ด้วยเท่านั้นที่มันนูนเด่นและมีน้ำมีนวลมากกว่าปกติมากไปหน่อย แต่ส่วนอื่นๆก็เพิ่มขึ้นนิดหน่อยแต่ไม่ถึงกับอ้วนอย่างที่แม็กพูดสักนิด เพราะนมน้อมกับเบบี้ค่อนข้างจะดูแลเรื่องนี้เป็นพิเศษ ไม่อย่างนั้นคงไม่ให้เขาทานแต่ผลไม้แก้หิวระหว่างวันแทนที่จะเป็นขนมอย่างที่เขาอยากทานหรอก…แม็กนี่มั่วตลอด!!

       “อะไรๆ อย่ามาใส่ร้ายกูนะมิน กูเป็นคนดี ไม่เคยแกล้งใคร” แม็กว่าพลางปรับสีหน้าให้เป็นปกติ ทั้งที่ใจจริงเขานั้นอยากจะหัวเราะออกมาดังๆ กับคนสวยที่ดูเหมือนว่าช่วงนี้จะหลุดวงโคจรความสวยงามไปไกลแสนไกล เหลือแต่คุณแม่แก้มยุ้ยๆที่ทาแต่แป้งเด็กเท่านั้นแหละ

       “โหย…ถ้าแม็กเป็นคนดีมินก็เป็นแม่ชีแล้วล่ะ” มินว่าประชดคนรักเข้าให้ด้วยความหมั่นไส้

       “เจริญพรเถอะครับแม่” แต่นอกจากจะไม่สะทกสะท้านแล้วแม็กยังรับมุขของคนรักได้อย่างหน้าตาเฉย

       “แม็กอ่ะ!!!” ส่วนมินก็ได้แต่เรียกชื่อคนรักอย่างไม่รู้จะพูดอะไรต่อ…ท่านพี่เขามึนได้ใจจริงๆ

       “ถึงแล้ว” แม็กพูดบอกออกมาเบาๆหลังจากที่เลี้ยวรถเข้าประตูรั้หลังหนึ่งที่มีแต่รั้วไว้กั้นที่ดินเปล่าๆที่ถมเรียบร้อยแล้วแปลงหนึ่ง

       “ที่ใครหรอแม็ก” มินเอ่ยถามหลังจากที่ลงมายืนอยู่ข้างรถโดยที่มีแม็กช่วยประคอง

       “ก็ที่บ้านเราไง ตอนแรกกูอ่ะกูตั้งใจว่าจะทำบ้านให้เสร็จเรียบร้อยก่อนแล้วค่อยพามึงมาดู แต่คิดไปคิดมา กูพามึงมาคุยกับสถาปนิกเองเลยดีกว่า ขืนสร้างเสร็จแล้วไม่ถูกใจมึงขึ้นมาอีก จะซวยกูซะเปล่าๆ” แม็กพูดบอกพร้อมกับพามินเดินไปนั่งแคร่ของคนงานที่ตั้งอยู่ใต้ต้นไม้ใหญ่ที่อยู่มุมที่ดินที่แม็กมาจอดรถพอดี ช่างชุดนี้เป็นช่างที่เขาจ้างมาทำรั้วล้อมรอบที่ไว้ก่อน

       และนี่ก็เป็นเรื่องที่ทำให้เขาต้องออกไปข้างนอกกับกำธรในวันนั้น เพราะก่อนที่จะพามินไปเที่ยวเขาได้วานให้กำธรหาที่ดีสวยๆมาให้เขาสักแปลง แต่ปรากฏว่ากำธรหามาให้เขาดูเผื่อหลายที่มาก และเขาก็พากันไปวนรถดูกันหลายที่เหมือนกัน เพราะมันมีสวยหลายแปลง แต่สุดท้ายก็มาลงเอยที่ตรงนี้ เพราะที่ตรงนี้อยู่ไม่ห่างจากคอนโดและที่ทำงานมากนัก และก็ไม่ได้อยู่ใกล้กับชุมชนแออัด บรรยากาศดี และที่สำคัญเลยคือที่ผืนนี้มันเหมือนเกาะกลางหมู่บ้านที่ไม่ติดหรือไม่ใกล้กับบ้านหลังไหนเลย เพราะเดิมทีมันแบ่งขายเป็นสี่แปลง แต่เขาเหมาเอาไว้หมดเลย ก่อนที่จะมารวมโฉนดและล้อมรั้วไว้อย่างนี้ และที่เขาชอบอีกอย่างเลยคือที่ตรงนี้มันถมไว้ตั้งแต่สองปีที่แล้วแต่ขายไม่ออก เลยเข้าทางคนใจร้อนอย่างเขาที่สามรถปลูกบ้านได้เลยโดยที่ไม่ต้องรอเวลาให้ดินอยู่ตัวหรืออะไร...แต่ก็แอบแพงไปนิด…อย่าบอกมินมันล่ะ…เดี๋ยวจะพากันโดนบ่นซะอีก!






……………………………………………………………………………TBC.

       
หัวข้อ: Re: {Mpreg/Incest} แฝด Up.ตอนที่ 14 (20/12/59)
เริ่มหัวข้อโดย: ❣☾月亮☽❣ ที่ 20-12-2016 20:16:33
โล่งอกไปอีกเปราะนึงนะมินแม็ก :katai2-1:
หัวข้อ: Re: {Mpreg/Incest} แฝด Up.ตอนที่ 14 (20/12/59)
เริ่มหัวข้อโดย: puiiz ที่ 20-12-2016 20:45:41
น่ารักกันทุกวัน  :mew1: :mew1:
หัวข้อ: Re: {Mpreg/Incest} แฝด Up.ตอนที่ 14 (20/12/59)
เริ่มหัวข้อโดย: nunda ที่ 20-12-2016 22:51:03
ทำไมแม่มีชู้ล่ะ???
ถ้าประเด็นนี้ไม่ถูกเคลียร์
บอกตรงๆ เราคงรู้สึกแย่กับผู้หญิงคนนี้
แต่เราคิดว่าคนเขียนคงเตรียมเหตุผลไว้แล้วล่ะ ใช่มะๆ?
หัวข้อ: Re: {Mpreg/Incest} แฝด Up.ตอนที่ 14 (20/12/59)
เริ่มหัวข้อโดย: fay 13 ที่ 21-12-2016 04:58:20
 :mew1:
หัวข้อ: Re: {Mpreg/Incest} แฝด Up.ตอนที่ 14 (20/12/59)
เริ่มหัวข้อโดย: sirin_chadada ที่ 21-12-2016 07:51:03
ลุ้นไปด้วย
หัวข้อ: Re: {Mpreg/Incest} แฝด Up.ตอนที่ 14 (20/12/59)
เริ่มหัวข้อโดย: little_munoi ที่ 21-12-2016 08:09:44
อื้อหือ แม๊กน่ารักเนอะ
หัวข้อ: Re: {Mpreg/Incest} แฝด Up.ตอนที่ 14 (20/12/59)
เริ่มหัวข้อโดย: Mura_saki ที่ 21-12-2016 08:47:31
แม็กแกดีว่ะ ถึงจะปากร้ายก็เถอะ

หัวข้อ: Re: {Mpreg/Incest} แฝด Up.ตอนที่ 14 (20/12/59)
เริ่มหัวข้อโดย: DESZCZ ที่ 21-12-2016 09:06:20
หลังๆมาแม็กดูใส่ใจมินมากขึ้นนะ ทุ่มเทหลานๆอย่างให้เลย ห่วงแต่เรื่องพ่อนี่แหละหายไปเลย
หัวข้อ: Re: {Mpreg/Incest} แฝด Up.ตอนที่ 14 (20/12/59)
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 21-12-2016 09:31:34
แม็ก มิน  :mew1: :mew1: :mew1:
แม่ถูกจับตัวไป คิดว่าใครที่เป็นคนพาไปล่ะ
ถ้ามันจับแม่เแม็ก แม็กก็จับลูกมันบ้างดีปะ
       :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: {Mpreg/Incest} แฝด Up.ตอนที่ 14 (20/12/59)
เริ่มหัวข้อโดย: GuoJeng ที่ 21-12-2016 10:25:14
สวีทกันแบบนี้อ่านไปก็ยิ้มไปเลย แต่ก็เป็นกังวลเรื่องลูกน้อยพร้อมหมอน่ะ
หัวข้อ: Re: {Mpreg/Incest} แฝด Up.ตอนที่ 14 (20/12/59)
เริ่มหัวข้อโดย: dahlia ที่ 21-12-2016 10:35:07
นับวันความน่ารักของแม็ก จะมากขึ้นทุกวัน มันดีต่อใจจริงๆๆ แถมได้ลูกชายด้วย เย้ๆๆ
หัวข้อ: Re: {Mpreg/Incest} แฝด Up.ตอนที่ 14 (20/12/59)
เริ่มหัวข้อโดย: КίmY ที่ 21-12-2016 21:43:17
ฮูยยยย ป๋าแม็กทุ่มสุดตัวเพื่อเมียมากก     :laugh:
หัวข้อ: Re: {Mpreg/Incest} แฝด Up.ตอนที่ 14 (20/12/59)
เริ่มหัวข้อโดย: บูมเบส ที่ 22-12-2016 00:15:41
 :mew2:
หัวข้อ: Re: {Mpreg/Incest} แฝด Up.ตอนที่ 14 (20/12/59)
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 22-12-2016 03:38:20
 :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: {Mpreg/Incest} แฝด Up.ตอนที่ 14 (20/12/59)
เริ่มหัวข้อโดย: kun ที่ 28-12-2016 10:29:07
น่ารักขึ้นทุกวันเลย รอเจ้าตัวเล็ก
หัวข้อ: Re: {Mpreg/Incest} แฝด Up.ตอนที่ 14 (20/12/59)
เริ่มหัวข้อโดย: sang som ที่ 28-12-2016 10:50:11
น่ารักมากกกก
หัวข้อ: Re: {Mpreg/Incest} แฝด Up.ตอนที่ 14 (20/12/59)
เริ่มหัวข้อโดย: dahlia ที่ 28-12-2016 11:02:18
มารอๆๆๆๆๆ
หัวข้อ: Re: {Mpreg/Incest} แฝด Up.ตอนที่ 15 (11/01/60)
เริ่มหัวข้อโดย: เขียนสือ ที่ 11-01-2017 14:01:01
 

แฝด ตอนที่ 15

 

 

 

 

 

       “ไปไหนกันต่อดีน้า~” หลังจากที่คุยเรื่องบ้านกับสถาปนิกเสร็จแล้วมินก็ดูอารมณ์ดีขึ้นมากกว่าเดิมอีกหลายเท่าตัว…ก็แน่แหละวันนี้เจ้าตัวเจอแต่เรื่องดีๆทั้งนั้นเลยนี่ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องลูกหรือเรื่องบ้านที่เคยฝันเอาไว้

 

       “จะไปไหนอีกล่ะ ไม่เหนื่อยรึไงฮึ?” แม็กถาม

 

       “ม่ายยย…วันนี้มินอารมณ์ดีเลยมีแรงเหลือเยอะ” เจ้าตัวตอบอย่างน่ารัก

 

       “ถ้างั้นเก็บแรงไว้คืนนี้ด้วยนะ” แม็กบอกเสียงหื่น

 

       “ตลกเถอะ! มินจะมีแรงเหลือถึงแค่หกโมงเย็นเท่านั้นแหละ” ยู่หน้าบอกอย่างเซ็งๆ เมื่อคนรักกลายเป็นหมาป่าจอมเจ้าเล่ห์อีกแล้ว

 

       “รู้ดีขนาดนั้นเชียว” แกล้งถามไปงั้น เพราะถึงแม้ว่าจะอยากแค่ไหน แต่เขาก็ไม่กล้าเสี่ยงหรอก แม้ว่าจะได้รับการยืนยันกับหมอว่าทำได้ แต่ตัวเขาเองก็รู้ดีว่าลูกเขาบอบบางกว่าเด็กคนอื่นขนาดไหน…ไม่ขอเสี่ยงดีกว่า

 

       “แน่นอน มินรู้ขีดจำกัดของตัวเองดี” กอดอกบอกด้วยท่าทางมั่นใจเต็มร้อย ถึงจะโม้ก็เถอะ

 

       “ถ้าอย่างนั้นก็กลับบ้านตอนนี้เลยแล้วกัน ยังเหลือเวลาอีก หนึ่ง สอง สาม สี่ โห...ตั้งสี่ชั่วโมงกว่ากูได้สองสามรอบแบบชิวๆเลยนะมิน” แต่แม็กก็ยังเป็นแม็ก ถ้าวันไหนไม่ได้แกล้งคนรักแล้วเขารู้สึกเหมือนว่าชีวิตมันขาดอะไรบางอย่างไป…แหย่เมียวันละนิดจิตแจ่มใส ฮ่าๆ

 

       “ไม่ๆ พอถึงบ้านปุ๊บมินจะนอนปั๊บเลย ไม่อาบน้ำด้วย” แถต่อไป แถให้สีข้างถลอกกันไป

 

       “ไม่เป็นไรกูไม่ถือ มึงนอนเฉยๆแหละดีแล้ว ที่เหลือกูจัดการเอง” นี่ก็สนุกใหญ่โต

 

       “แม็ก!!!”

 

       “อ่อนว่ะ สู้ไม่ได้แล้วขึ้นเสียงตลอด รอให้ลูกคลอดก่อนเถอะ พ่อจะจัดให้ลืมชื่อตัวเองเลย” แต่ยังไม่ทันที่มินจะได้โต้ตอบอะไรคนหน้ามึนอีก โทรศัพท์ในกระเป๋าของเจ้าตัวก็ดังแทรกการสนทนา(?)ของเขาทั้งสองคนขึ้นมาเสียก่อน มินนี่แทบอยากจะพรุ่งตัวใส่โทรศัพท์เข้าไปกราบตักนมน้อมเสียจริงๆที่โทรมาถูกเวลาอย่างนี้ เพราะเขาไม่สามารถโต้ตอบคนปากจัดหน้ามึนอย่างแม็กได้หรอก ยันตายก็สู้ไม่ชนะ

 

       Tru…Tru…Tru…

 

       “ว่าไงฮะนม” มินรีบกรอกเสียงรับสายไปก่อนที่สายจะตัดลง

 

       //…..//

 

       “แค่นี้ใช่มั้ยฮะ? ฮะๆ ได้ฮะ แล้วมินจะแวะซื้อเข้าไปให้นะฮะ”

 

       “นมว่าไงบ้าง” แม็กถามหลังจากที่เห็นว่ามินเก็บโทรศัพท์เข้ากระเป๋าไปแล้ว

 

       “นมโทรมาเตือนว่าของใช้ส่วนตัวของพวกเราจะหมดแล้ว นมจะไปซื้อให้ก็กลัวไม่ถูกใจ ให้เราซื้อไปก่อนแล้วเดี๋ยวครั้งหน้าให้มินจดรายละเอียดไว้ให้นมจะได้ออกมาซื้อเอง” มินบอก เพราะปกติแล้วหน้าที่ทุกอย่างในบ้านเป็นของมินทั้งหมด ส่วนนมน้อมที่เพิ่งจะเข้ามาอยู่ด้วยก็กลัวว่าจะซื้อผิดซื้อถูกเลยให้พวกเขาแวะซื้ออย่างที่เคยทำไปก่อน แล้วจดรายละเอียดไว้ ครั้งหน้านมจะได้ออกมาซื้อเอง เพราะบอกตรงๆว่าทั้งแม็กและตัวเขาเองค่อนข้างจะละเอียดและเรื่องมากมากในส่วนนี้ ถ้าอันไหนไม่ใช่ไม่ถูกใจก็จะไม่แตะหรือไม่ก็โยนทิ้งไปเลย นมถึงไม่กล้าที่จะไปซื้อโดยพละการยังไงล่ะเพราะรู้นิสัย(สันดาน)ของพวกเขาดี

 

       “ถ้างั้นก็แวะเข้าห้างเลยแล้วกัน” แม็กบอกพร้อมกับเลี้ยวรถเข้าห้างของตนแต่เป็นสาขาย่อยไม่ใช่สาขาใหญ่ที่เขาทำงานอยู่

..

..

..

       “แม็ก…ที่บ้านยังมีอันนี้อยู่มั้ย?” มินชูขวดครีมโกนหนวดขึ้นถามคนรักที่ยืนดูของอยู่ไม่ห่างกันนัก เพราะเขายังไม่ได้เช็คเลยว่าที่ซื้อไปให้แม็กครั้งที่แล้วมันยังอยู่รึเปล่า เพราะเขาไม่ได้ใช้ด้วยกันกับเจ้าตัว เพราะเขาไม่มีอย่าว่าแต่หนวดเลย ขนหน้าแข้งเขายังไม่มีเลย สงสัยจะเขาจะได้เชื้อแม่มาเยอะ เพราะตาเขาก็ไม่ดุไม่คมไม่เฉี่ยวและไม่ได้ดูน่ากลัวอย่างของแม็กด้วย เลยโดนแม็กล้อยู่บ่อยๆว่าเหมือนลูกหมา…เอากับพี่เขาเถอะ! ชอบมโนว่าตัวเองหล่ออยู่คนเดียว…เซ็ง!

 

       “จะหมดแล้ว ซื้อไปด้วย” แม็กบอกก่อนจะหันกลับไปสนใจของในมือตัวเองต่อ ส่วนมินเมื่อได้คำตอบแล้วก็หยิบครีมโกนหนวดใส่ตะกร้าทันทีก่อนที่จะหันไปเลือกของใช้อย่างอื่นต่อเหมือนกัน อย่างนี้แหละ ต่างคนต่างดู ต่างคนต่างซื้อ แต่ไม่ได้ห่างกันไปไหนไกล มากสุดก็ไม่เกินสี่ห้าเมตร…เพราะแม็กชอบบอกว่าเขาโง่ ปล่อยให้ห่างหูห่างตาไม่ได้ เดี๋ยวหลง…อืม..จ้ะ!

 

       “ขอโทษนะคะไม่ทราบว่าห้องน้ำไปทางไหน” แต่อยู่ในโลกส่วนตัวได้ไม่นาน แม็กก็จำต้องละความสนใจจากของในมือ เพราะโดนกวนใจจากหญิงสาวลูกครึ่งคนหนึ่งที่เขายอมรับอย่างลูกผู้ชายเลยว่าสวยมาก แต่ขอโทษที…มันไม่ใช่แนวเขาว่ะ!

 

       “ไม่รู้” เขาตอบกลับไปอย่างไม่สนใจ ก่อนที่จะหันมาเปรียบเทียบของที่อยู่ในมือทั้งสองข้างต่อ เพราะวันนี้เขามาในฐานะลูกค้าไม่ใช่เจ้าของห้าง จึงไม่จำเป็นที่จะต้องรักษาภาพพจน์อะไร

 

       “ถ้าอย่างนั้นช่วยเดินไปเป็นเพื่อนฉันหน่อยได้มั้ยคะ? พอดีว่าฉันเพิ่งกลับมาอยู่ไทย เลยไม่กล้าที่จะเดินไปคนเดียว” เธอยังคงตื้อต่อ

 

       “ไม่ว่าง” แม็กยังคงตอบกลับไปอย่างไร้ยื่อใย เขาล่ะอยากจะถามจริงๆว่าถ้าไม่กล้าไปไหนคนเดียวแล้วเธอมาห้างกับใคร…ปัญญาอ่อนจริงๆ

 

       “โธ่! สุดหล่อ…อย่าใจร้ายกับฉันนักเลยนะคะ แค่เดินไปเป็นเพื่อนกันเท่านั้นเอง” เธอบอกพร้อมกับเอื้อมมือเข้ามาแตะแขนแม็กอย่างถือวิสาสะ แต่แม็กก็ขยับตัวหนีทันทีเช่นกัน เพราะเขาไม่ชอบให้ใครมายุ่งย่ามกับร่างกายของเขานัก…จะเรียกว่าถือตัวก็คงใช่

 

       “มีอะไรกันหรอแม็ก” มินที่ยืนสังเกตอยู่นานก็ทนไม่ได้ที่จะเข้ามายุ่งเมื่อเขารู้สึกได้ถึงความหงุดหงิดของคนรักที่แผ่ออกมาจากทางสายตา ที่ถ้าไม่สนิทกันจริงๆก็จะดูไม่ออกเลย เพราะตาของแม็กมันดุอย่างเป็นธรรมชาติอยู่แล้ว

 

       “ไม่มีอะไรหรอก เลือกของเสร็จยังจะได้กลับบ้านสักที…ลำคาน” แม็กว่าพลางเดินเข้าไปยกแขนวาดกอดเอวมินส่วนอีกข้างที่เหลือก็ใช้เข็นรถเข็นที่เต็มไปด้วยของใช้

 

       “พี่น้องกันหรอคะ? หน้าเหมือนกันเลย น่ารักจังเลย” หลังจากที่สับสนงงงวยกับท่าทีของแม็กและมินอยู่นานคุณผู้หญิงแปลกหน้าก็ค้นหาเสียงของตัวเองจนเจอ แต่แม็กก็เหมินเฉยพร้อมทั้งประคองมินเดินออกบริเวณนั้นให้พ้นๆ แต่มินกลับไม่ยอมเดินตามแรงแม็กพร้อมทั้งขืนตัวยืนอยู่กับที่

 

       ก่อนที่จะ…

 

       “ผู้ชายคนนี้น่ะ ‘สามี’ ผมเองฮะพี่สาว” มินหันมาเผชิญหน้ากับหญิงสาวอีกครั้ง ก่อนที่จะยกมือขึ้นทาบอกของแม็กเบาๆพร้อมทั้งพูดบอกออกไปด้วยรอยยิ้มและน้ำเสียงหวานช้าๆชัดๆ จนแม็กเองก็เริ่มระแวง

 

       “จริงหรอคะ?” ถึงแม้ว่าจะช็อคกับสิ่งที่ได้ยิน แต่เธอก็ยังคงที่จะถาหาคำยืนยันจากแม็ก เพราะว่าแวบแรกที่เธอได้เห็นหน้ามินกับแม็กใกล้ๆ เธอกล้าฟันธงได้เลยว่าถ้าไม่ใช่พี่น้องก็ฝาแฝด แต่นี่มาบอกว่าเป็นสามี…หรือว่าจะจริงอย่างที่เขาบอกว่า…คนเป็นเนื้อคู่กันมักจะหน้าเหมือนกัน? มันเป็นไปได้หรอ?

 

       “ตามนั้น” แม็กบอกแค่นั้นก่อนที่จะพามินเดินผละออกไป โดยที่ครั้งนี้มินเองก็ให้ความร่วมมือเป็นอย่างดีเช่นกัน

..

..

..

       “เลิกงอนเถอะน่า…แค่เรื่องไร้สาระว่ะ” แม็กหิ้วถุงของใช้ต่างๆเดินตามมินที่ยังคงนิ่งเงียบและทำหน้ายุ่งตั้งแต่แยกตัวออกมาจากหญิงสาวแปลกหน้าคนนั้นแล้ว ซึ่งแม็กเองก็รับรู้ได้เป็นอย่างดีว่าตอนนี้คนรักอยู่ในสภาวะที่ ‘งอน’ โคตรๆอยู่ เขาจึงพยายามที่จะ ‘ง้อ’ คนรักอยู่เช่นกัน เพราะไม่อยากจะให้เจ้าตัวอารมณ์ติดลบไปมากกว่านี้ แต่ก็อย่างว่า…อารมณ์ของคนท้อง อะไรก็เกิดขึ้นได้ทั้งนั้น ไม่อย่างนั้นแล้ว คุณรามิณทร์ผู้แสนอ่อนหวานจะหันมาวีนเขาอย่างนี้หรือ?

 

       “ไม่ต้องมาพูดเลยนะแม็ก มินเผลอแป๊บเดียวแม็กไปคุยกับผู้หญิงที่ไหนก็ไม่รู้!” มินว่าเสียงแข็งกระด้างอย่างชัดเจน แบบที่ไม่เคยทำมาก่อน จนแม็กถึงกลับต้องตวัดสายตากลับมามองมิน อีกครั้งหลังจากที่วางของในมือลงบนโต๊ะรับแขก

 

       “อย่ามางี่เง่าน่ามิน มึงก็เห็นอยู่ว่ากูไม่ได้สนใจอะไรมันเลย” แม็กหันกลับมาว่ามินบ้าง

 

       “แต่…” ก็ทั้งที่รู้ดีอยู่แก่ใจแล้วว่าแม็กไม่สนใจเธอคนนั้นเลย แต่มินไม่สามารถก็ห้ามอาการหงุดหงิดฟุ้งซ่านของตัวเองได้เลย…นี่เขาเป็นอะไรไปเนี่ย!!!

 

 

       “อย่าให้เรื่องไม่เป็นเรื่องของใครก็ไม่รู้มาเป็นปัญหาของเราสองคนนะมิน” แม็กพูดทิ้งท้ายไว้แค่นั้น ก่อนที่จะหันหลังเดินหนีเข้าห้องนอนไป เพราะเขาไม่อยากที่จะมีปัญหากับมินไปมากกว่านี้ อีกทั้งเขายังรู้ตัวเองดีว่าไม่ใช่คนใจเย็นสักเท่าไหร่ ติดจะอารมณ์ร้อนมากถึงมากที่สุดเสียด้วยซ้ำ ซึ่งข้อนี้มินเองก็น่าจะรู้ดีแก่ใจ แม็กถึงเลือกที่จะแยกตัวไปสงบสติอารมณ์ด้วยตัวเองเงียบๆดีกว่า เพราะไม่อย่างนั้น เขาอาจจะเผลอพูดหรือทำอะไรกับมินรุนแรงเกินไป ถ้าหากว่ามันเกินขีดจำกัดของตัวเองไป

 

       ปึง!!!

 

       “เสียงดังอะไรกันคะคุณ…ว๊าย! ตายแล้ว ร้องไห้ทำไมคะคุณมิน” นมน้อมที่เพิ่งเดินออกมาจากในครัวเพราะได้ยินเสียงเอะอะโวยวายของเจ้านายทั้งสองของตน ก็ต้องร้องลั่นด้วยความตกใจเมื่อเห็นว่าคุณหนูมินของเธอยืนร้องไห้ตัวสั่นอยู่ข้างโซฟารับแขก เธอจึงค่อยๆประคองมินให้นั่งลงดีๆ เสียก่อนที่จะเป็นลมเป็นแล้งไปซะอีก

 

       “ฮึก! มินงี่เง่าเองฮะนม…” มินว่าตัวเองก่อนที่จะเล่าเรื่องราวทั้งหมดที่เป็นสาเหตุให้ตนกับแม็กเป็นอย่างนี้ให้กับนมน้อมฟังด้วยเสียงสะอื้นไห้แทบจะขาดใจ

 

       “โอ๋ๆ ไม่ร้องนะคะ ไม่ร้องน้า…คุณชายเธอคงไม่อยากจะทะเลาะกับคุณหนูมินละมั้งคะเธอเลยแยกตัวออกไปสงบสติอารมณ์ก่อน คุณหนูก็ทราบนี่คะว่าคุณชายเธอเป็นคนอารมณ์ร้อนขนาดไหน เดี๋ยวอารมณ์ดีขึ้นคุณเขาก็ออกมาเองแหละค่ะ คุณหนูอย่าคิดมากเลยนะคะ เดี๋ยวจะพาลล้มป่วยไปอีก พักผ่อนก่อนนะคะ” เธอพูดปลอบมินก่อนที่จะจัดแจงปูผ้านวมผืนหนาให้มินนอนพักอยู่หน้าโทรทัศน์อย่างที่เจ้าตัวชอบทำเวลามานอนกลางวัน ก่อนที่จะผละเดินออกไป เมื่อเห็นว่ามินหลับสนิทดีแล้ว…คนท้องก็เหนื่อยง่าย หงุดหงิดง่าย อารมณ์แปรปรวนไปหมดแบบนี้นี่แหละ ถือว่าเป็นอาการปกติธรรมดาๆอย่างหนึ่ง

 

       ก๊อก…ก๊อก…

 

       “คุณชายคะขอป้าคุยด้วยสักเดี๋ยวได้ไหมคะ” หลังจากที่จัดการกับคนท้องเสร็จแล้ว นมน้อมเธอก็เดินตรงมาที่ประตูห้องนอนใหญ่เพื่อที่จะคุยกับคุณชายของเธออีกคนทันที

 

       แอ๊ดด…

 

       “ว่าไงครับป้า” ถึงแม้ว่าจะรู้ดีอยู่แล้วว่าหญิงสูงวัยที่เขารักและเคารพไม่ต่างจากแม่แท้ๆคนนี้จะมาคุยกับเขาเรื่องอะไร แต่แม็กก็ยังคงเลือกที่จะเอ่ยถามตามมารยาทอยู่ดี

 

       “เรื่องคุณหนูมินน่ะค่ะ คุณชายช่วยเข้าใจเธอสักหน่อยได้มั้ยคะ?” เธอพูดเข้าประเด็นทันทีเพื่อไม่ให้เสียเวลาและไม่อยากที่จะยืดเยื้อให้คุณชายจอมใจร้อนของเธอต้องอารมณ์เสียไปด้วย

 

       “…..”

 

       “เรื่องหงุดหงิด งี่เง่า เจ้าอารมณ์ มันเป็นเรื่องปกติของคนท้องที่คุณมินเองก็ไม่สามารถรับมือกับภาวะอารมณ์ของตัวเองได้หรอกนะคะ ป้าเลยอยากให้คุณชายช่วยเข้าใจคุณหนูเธอหน่อย เพราะขืนปล่อยให้เธอร้องไห้อย่างนี้บ่อยๆคงจะไม่ดีต่อทั้งคุณมินและคุณหนูเล็กในท้องแน่ๆค่ะ ป้าก็มีเรื่องจะบอกแค่นี้แหละค่ะ ขอตัวไปทำงานต่อก่อนนะคะ” เมื่อเห็นว่าแม็กยังคงรับฟังเธอด้วยความนิ่งเฉย เธอจึงเลือกที่จะพูดต่อให้จบความตามที่เธอตั้งใจ ก่อนที่จะขอตัวไปทำหน้าที่ของตัวเองในครัวต่อ ส่วนแม็กเองที่พอได้ยินว่ามินร้องไห้ก็รีบก้าวเดินไปทางห้องนั่งเล่นอย่างอัตโนมัติทันทีไม่ต้องให้ใครมาพูดย้ำอีก

 

       แม็กย่อตัวลงนั่งขัดสมาธิอยู่ข้างตัวคนรักอย่างแผ่วเบาราวกับกลัวว่าจะทำให้มินนั้นสะดุ้งตื่นขึ้นมา ก่อนที่จะทิ้งตัวลงนอนข้างกันกับมินและช้อนศีรษะมินขึ้นมาหนุนแขนตนไว้อย่างระมัดระวัง

 

       “กูไม่อยากทำร้ายมึงอีกแล้วนะมินว่าจะด้วยคำพูดหรือการกระทำก็ตาม” แม็กกระซิบบอกข้างหูคนรักพร้อมทั้งกดจูบข้างแก้มของมินเบาๆ ก่อนที่จะกระชับตัวมินเข้ามากอดไว้และหลับตาลงนอนกลางวันไปด้วยกัน…หวังว่าในห้วงนิทราของทั้งสองคนในครั้งนี้จะมีแต่ฝันดี

..

..

..

       แม็กตื่นขึ้นมาอีกทีดวงตะวันก็ลับขอบฟ้าไปแล้ว อีกทั้งคนที่เขานอนกอดอยู่ก่อนนอนนั้นก็หายตัวไปแล้วเช่นกัน เขาบิดตัวไปมาไล่ความขี้เกียจและความง่วงงุนออกจากตัวก่อนที่จะลุกเดินไปล้างหน้าล้างตาในห้องให้สดชื่นเสียก่อนที่จะทำอย่างอื่น

 

       “อะ…ตื่นแล้วหรอแม็ก?” มินที่เอาผ้ามาเก็บในห้องแต่งตัวซึ่งซ่อนอยู่ตรงทางเข้าระหว่างฝั่งที่เป็นห้องนอนกับห้องน้ำ ก็เอ่ยทักเสียงใสอย่างอารมณ์ดีเมื่อเห็นว่าแม็กเดินหน้าอึนเข้ามา

 

       “ยังมั้ง” แม็กบอกเสียงราบเรียบ

 

       “หรอ” ส่วนมินก็เริ่มใจหาย เพราะคิดว่าคนรักยังโกรธตัวเองอยู่ จึงเลือกที่จะหุบปากเงียบและผละเดินจากไปช้าๆ

 

       “มิน” แต่มินก็ไม่สามารถไปได้อย่างใจคิด เมื่ออยู่ดีๆแม็กก็เดินเข้ามาโอบกอดเขาจากทางด้านหลัง

 

       “…..”

 

       “สาวแตกขึ้นทุกวันนะมึงอ่ะ กูแหย่แค่นี้ก็เดินหนีซะแล้ว” แม็กพูดบอกพร้อมกับขบกัดดูดดึงตรงท้ายทอยขาวของมินจนขึ้นรอยเขี้ยวชัดเจน

 

       “โอ้ย! มินเจ็บนะแม็ก” มินว่าเสียงแง้วๆเหมือนลูกแมวกำลังขู่ในขณะที่หัวใจกำลังเต้นแรง เพราะเขารับรู้ได้ว่านี้คือการ ‘ง้อ’ ตามแบบฉบับคนซึนอย่างลูกพี่แม็กเขาล่ะ

 

       “เดี๋ยวนี้ดุแฮะ นมน้อมเอาน้ำตาลให้กินไปกี่ก้อนเนี่ยฮึ?” แม็กยังคงพูดแหย่มินต่อไป ในขณะที่ริมฝีปากก็คลอเคลียไม่ห่างจากซอกคอและท้ายทอยขาวของมินแม้แต่น้อย จนมินเริ่มจะรู้สึกขนลุกขึ้นมาบ้างแล้ว

 

       “มินไม่ใช่หมานะแม็ก!” มินว่าเสียงสะบัดทั้งยังทำท่าเหมือนว่าจะหันกลับมาหาแม็ก แต่ก็โดนมือใหญ่ๆของแม็กดันหน้าเอาไว้เสียก่อน

 

       “อ้าว! นี่กูเข้าในผิดมาตลอดเลยหรอเนี่ย? ที่ผ่านมานี่กูคิดว่าตัวเองมีเมียเป็นหมามาตลอดเลยนะเนี่ย!~”

 

       “ถ้ามินเป็นหมาแม็กก็ต้องเป็นหมาเหมือนกันแหละ เพราะมันผสมข้ามสายพันธ์ไม่ได้” มินกัดปากตอกแม็กกลับไปอย่างเจ็บแสบไม่แพ้กกัน ถึงแม้ว่าจะต้องรวบรวมความกล้าหน้าด้านออกมาใช้จนหมดก็เถอะ!!

 

       “สงสัยจะจริง เพราะนั่นน่ะท่าโปรดกูเลย หึๆ” นอกจากจะไม่สะทกสะท้านในคำจิกกัดของมินแล้ว แม็กยังคงตีหน้ามึนพามินเข้าเรื่องหื่นไปอย่างเนียนๆ ส่วนมินก็เขินจนหน้าแดงหูแดงคอแดงไปหมดแล้ว…เลือดลมมันจะมาเดินดีอะไรตอนนี้เนี่ยห้ะ!!

 

       “แม๊กอ่า~” มินเบะปากร้องเรียกชื่อคนรักเสียงหลงอย่างขัดใจเมื่อไม่สามารถโต้ตอบแม็กได้เลยแม้แต่น้อย…แพ้ทุกที!!

 

       “แต่มึงรู้อะไรมั้ยมิน” แม็กขยับปากเข้าไปกระซิบอยู่ข้างหูของมินเบาๆ

 

       “…..” ส่วนมินก็รอฟังอย่างใจจดใจจ่อ

 

       “สิ่งที่กูรักกูหวงและห่วงมากกว่าชีวิตของกูเองก็มีแต่ ‘หมาแบ๊ว’ อย่างมึงเท่านั้นแหละ” พูดบอกด้วยน้ำเสียงราบเรียบธรรมดาๆ แต่แฝงไปด้วยความจริงใจและมั่นคง ก่อนที่จะหันหลังเดินเข้าห้องน้ำไปล้างหน้าล้างตาตามความตั้งใจแรกของตัวเอง ทิ้งมินไว้ให้ยืนใจสั่นอยู่ที่เดิมตามลำพังคนเดียวด้วยหัวใจพองโต…โตเสียจนเขากลัวว่ามันจะระเบิดออกมา

 

 

 

 

…………………………………………………………………………..TBC.
หัวข้อ: Re: {Mpreg/Incest} แฝด Up.ตอนที่ 15 (11/01/60)
เริ่มหัวข้อโดย: Mura_saki ที่ 11-01-2017 14:14:34
ยังสนุกเหมือนเดิม

มินอย่าเครียด อย่าหงุดหงิดบ่อย ไม่ดีต่อลูกนะ
หัวข้อ: Re: {Mpreg/Incest} แฝด Up.ตอนที่ 15 (11/01/60)
เริ่มหัวข้อโดย: little_munoi ที่ 11-01-2017 21:37:41
หมาแบ้ววว??
แม็กซ์แกมองมินเป็นหมาแบ้วหรอ
55+ น่ารักดี
หลงหมาแบ๊วววว
หัวข้อ: Re: {Mpreg/Incest} แฝด Up.ตอนที่ 15 (11/01/60)
เริ่มหัวข้อโดย: ❣☾月亮☽❣ ที่ 11-01-2017 21:43:52
ด้อกกี้ก้อดีนะ แอร๊ยยน่ารักอะ
หัวข้อ: Re: {Mpreg/Incest} แฝด Up.ตอนที่ 15 (11/01/60)
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 11-01-2017 23:53:29
แม็ก หื่นอ่ะ วกไปเรื่องนั้นตลอดๆ  :pighaun: :pighaun: :pighaun:
แม็กหล่อเข้าตาสาวอีกและ
มีน กล้าบอกนะว่าแม็กเป็นผัว อะจ๊ากกกก :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:
       :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: {Mpreg/Incest} แฝด Up.ตอนที่ 15 (11/01/60)
เริ่มหัวข้อโดย: fay 13 ที่ 12-01-2017 08:18:28
 :mew1:
หัวข้อ: Re: {Mpreg/Incest} แฝด Up.ตอนที่ 16 (13/01/60)
เริ่มหัวข้อโดย: เขียนสือ ที่ 13-01-2017 21:03:55

แฝด ตอนที่  16





       ‘แล้วอย่างนี้ทางสำนักของคุณรับงานทั่วไปมั้ยครับ’ เสียงพิธีกรบนหน้าจอโทรทัศน์ในห้องทำงานของแม็กที่มินกำลังนั่งดูรายการสัมภาษณ์ในช่วงสายของวันเอ่ยถามกับ…จะเรียกว่านักธุรกิจก็ไม่ได้ แต่จะให้เรียกมาเฟียตรงๆก็คงไม่ใช่ เอาเป็นว่าแขกรับเชิญท่านนี้คือเจ้าของโรงฝึกบอดี้การ์ด สอนเทควันโด สอนยูโด และศิลปะป้องกันตัวให้กับนักเรียนที่มีอายุตั้งแต่สี่ขวบ ไปจนถึงผู้ใหญ่อายุหกสิบที่กำลังหาคอร์สออกกำลังกายเกี่ยวกับศิลปะป้องกันตัวหลายแขนงก็ตาม รวมไปถึงหน่วยรบพิเศษของตำรวจและทหารที่จำเป็นต้องใช้ความรู้และความชำนาญการต่อสู้ระดับสูงอีกด้วย

       ‘เช่นอะไรล่ะครับ งานทั่วไปที่คุณว่า’ แขกรับเชิญย้อนถามกลับด้วยรอยยิ้มราบเรียบ

       ‘ก็อย่างพวกบอดี้การ์ดส่วนตัวอะไรอย่างนี้ไงครับ’

       ‘โอ้…นั่นน่ะงานประจำของเราเลยนะครับ การดูแลรักษาความปลอดภัยของชีวิตนายจ้างคือเป้าหมายอันสูงสุดของเราครับ’

       “เอาบ้างมั้ยมิน?” แม็กที่ละสายตาออกจากงานของตัวเองไปจ้องอยู่ที่หน้าจอโทรทัศน์เช่นเดียวกันกับคนรักอย่างมินด้วยความสนใจ เพราะเดิมทีเขาก็เคยได้ยินเรื่องราวของคนๆนี้มามากพอสมควร เพราะแขกรับเชิญที่อยู่ในรายการคือลูกเขยคนเล็กของหัวเรือหลักทางภาคใต้ที่ถือว่าเป็นคนที่มีอิทธิพลพอสวมควรเพราะแค่ตัวของเจ้าสัว(พ่อตาของคนในข่าว)ก็เป็นสายตระกูลเก่าแก่อยู่แล้ว อีกทั้งลูกชาย ลูกเขย หรือแม้แต่ลูกสะใภ้ก็มีแต่ตัวจี๊ดๆเจ๋งๆทั้งนั้น

       “อะไรหรอ?” มินละสายตาจากจอโทรทัศน์และหันกลับมาทามแม็กด้วยความไม่เข้าใจว่า แม็กกำลังพูดถึงเรื่องอะไรอยู่

       “บอดี้การ์ดส่วนตัวน่ะเอามั้ย?” แม็กบอก…ที่จริงเขาคิดเรื่องนี้มาตั้งแต่ที่เริ่มสืบความลับชั่วๆของกิติกรแล้ว แต่ก็ต้องปล่อยผ่านไปเพราะยังไม่เจอบริษัทที่น่าสนใจอย่างตอนนี้

       “เอามาทำไมอ่า” มินถามอย่างงงๆ

       “ฟังกูนะมิน” แม็กลุกจากเก้าอี้ทำงานของตนมาทิ้งตัวนั่งลงข้างๆกับคนรักที่ยังคงทำหน้าเป็นหมางงอยู่

       “…..”

       “สักวันกิติกรมันจะกลับมา กลับมาทวงของที่ไม่ใช่ของมัน เพราะสันดานมันอยู่อย่างหลบๆซ่อนๆ ด้วยความลำบากลำบนอย่างนี้ไม่ได้นานหรอก และเมื่อถึงตอนนี้ เป้าหมายของมันคือมึงไม่ใช่กู เพราะมันรู้ตัวดีว่ามันไม่สามารถทำอะไรกูได้ แต่มันสามารถเอามึงมาต่อลองกับกูได้…เข้าใจมั้ย?” แม็กใช้สองมือประหน้าของมินให้หันมามองตน พร้อมทั้งอธิบายให้ตนรักฟังด้วยวาจาราบเรียบ แต่สายตาที่จดจ้องอยู่กับดวงตากลมของมินนั้นมันแฝงเต็มไปด้วยความห่วงใย

       “อืม…เข้าใจ” มินพยักหน้าบอกอย่างเนือยๆ เพราะทั้งที่รู้แก่ใจอยู่แล้วว่าแม็กไม่มีทางโกหกตน แต่เขาก็ไม่อยากที่จะมองคนที่เลี้ยงดูเขาและแม็กให้เติบโตมาจนถึงทุกวันนี้อย่างกิติกรในแง่ร้ายเกินไป ถึงแม้ว่าอีกฝ่ายจะทิ้งๆคว้างๆและเลี้ยงดูพวกเขาไว้เพื่อผลประโยชน์ก็ตาม

       แต่มีหรอที่คนที่เป็นสามีและแฝดของมินอย่างแม็กจะไม่รู้ว่าคุณหนูรามิณทร์ผู้แสนดีกำลังคิดและกังวลถึงเรื่องอะไรอยู่...ถึงจะไม่เชื่อในความรักของเขา ก็ขอให้เชื่อที่สายสัมพันธ์ของฝาแฝดของเขาเถอะว่าจิตใจของพวกเขาสื่อถึงกันได้จริงๆ

       แม็กจึงเลือกที่จะอธิบายให้คนรักได้ฟังอีกครั้งว่า...

       “จำไว้นะมิน ไม่ว่าในอดีตกิติกรมันจะมีบุญคุณที่เลี้ยงดูเราจนเติบโตมาได้อย่างไร แต่จงจำไว้ให้ขึ้นใจว่า มันเลี้ยงเราเพราะผลประโยชน์ เพราะถ้าเราไม่มีผลประโยชน์มันคงฆ่าเราทิ้งไปนานแล้ว ไม่เก็บไว้ให้มันอายขายขี้หน้าใครหรอกว่ามันเป็นคนโง่ ที่ยอมเลี้ยงลูกชู้รักของเมีย”

       “.....”

       “แล้วถ้าไม่ใช่เพราะมัน พ่อเราก็คงไม่ตาย แม่เราก็คงไม่เป็นบ้าและหายสาบสูญไปอย่างนี้ ถ้าไม่ใช่เพราะความโลภของมัน ครอบครัวของเราก็จะยังอยู่ครบพร้อมหน้าพร้อมตา มึงจะได้อยู่กับแม่ มึงจะได้รับรู้ถึงอ้อมกอดอันอบอุ่นของพ่อที่มึงใฝ่ฝัน”

       “…..”

       “จำไว้นะรามิณทร์ว่ากิติกรมันไม่ใช่ผู้มีพระคุณของเราแต่มันเป็นคนทำลายครอบครัวของเรา...มันคือนักโทษที่ไม่สมควรได้รับการอภัย และโทษของมันจะต้องมากกว่าการจองจำ!!!”

       แม็กรู้ดีอยู่แก่ใจว่าการโยนความผิดทุกอย่างไปทิ้งไว้ให้กิติกรคนเดียวมันอาจจะไม่ใช่เรื่องที่ควรทำนัก เพราะว่าถ้าแม่กับพ่อของเขาไม่ลักลอบเป็นชู้กันกิติกรก็คงจะไม่เป็นแบบนี้ แต่เขาก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าสันดานไพร่ในตัวของกิติกรทำให้เจ้าตัวนั้นมีจิตใจต่ำช้าจนมองข้ามความถูกต้องไป ด้วยการฉกชิงเอาของที่ไม่ใช่ของๆตนมาใช้เพื่อไต่เต้าการชุบชีวิตอีกาของตนให้กลายเป็นหงส์ แม้ว่าวิธีนั้นจะต้องใช้ชีวิตบริสุทธิ์ของเขาและมินถึงสองชีวิตก็ตาม อย่างนี้มันไม่ใช่วิถีของลูกผู้ชายหรือนักธุรกิจที่ดีเลย

       “อื้ม! มินเข้าใจแล้ว”
..
..
..
หนึ่งเดือนต่อมา...
ห้องประธานชั้นบนสุดของห้างเมก้ามอลล์

       ก๊อก...ก๊อก...ก๊อก

       “ขออนุญาตครับคุณแม็กบอดี้การ์ดจากพรรค์ฟูจิวาระมาถึงแล้วครับ” กำธรที่ได้รับคำสั่งจากแม็กให้ไปรับบอดี้การ์ส่วนตัวของมินที่เขาว่าจ้างมาจากสำนักฝึกใหญ่ที่ญี่ปุ่นโดยตรง และที่ต้องใช้เวลารอยาวนานถึงสองเดือนก็เพราะว่าแม็กอยากจะได้บอดี้การ์ดที่เป็นคนไทยหรือคนไทยแท้ๆ เนื่องมาจากว่าสะดวกต่อการสื่อสาร ไม่ใช่เฉพาะกับเขาหรือมิน แต่บอดี้การ์ที่จ้างมาอาจจะต้องทำหลายหน้าที่(ตามที่ตกลงไว้แล้ว)และอาจจะต้องสื่อสารกับคนนอกหลายคน อาทิเช่น หมอหรือพยาบาลในกรณีที่มินหรือลูกชายของเขาจำเป็นต้องได้เข้าการรักษาด่วนโดยที่ตัวเขาไม่ได้อยู่ด้วยหรือไม่สามารถไปหาได้ทันท่วงที บอดี้การ์ดชุดนี้ที่ใกล้ชิดกับมินและลูกจึงต้องเป็นตัวแทนของเขาในกรณีฉุกเฉินประมาณนี้

       “พาเข้ามาได้เลย” แม็กสั่งก่อนที่จะปิดพับแฟ้มเอกสารที่อยู่ตรงหน้าลง พลางมองไปทางมินที่กำลังนั่งเอนหลังหันมาจ้องมองเขาอยู่ก่อนแล้ว เขาจึงตัดสินใจลุกขึ้นเดินไปนั่งอยู่ข้างๆคนรักอย่างมินแทน

       “ผม ‘เตโช’ ครับ” บอดี้การ์ดหุ่นล่ำตัวโตในชุดสูทสีดำสนิทที่เดินนำหน้ามาเป็นคนแรกเดินมาหยุดอยู่ตรงหน้าแม็กและมินก่อนที่จะพูดแนะนำตัวเองพร้อมกับโค้งตัวด้วยท่าทางสุภาพ

       “ผม ‘เตชิน’ เป็นน้องเตโชฝากเนื้อฝากตัวด้วยฮะ” คนที่สองก้าวขาขึ้นมาหนึ่งก้าวเอ่ยแนะนำตัวเองพร้อมรอยยิ้มสดใสมากจนมินถึงกับยิ้มตาม เพราะเตชินตัวเล็กที่สุดในกลุ่มบอดี้การ์ดทั้งสามคนที่แม็กว่าจ้างมา.....ถึงแม้ตัวจริงจะดูรั่วๆไปหน่อย แต่โปรไฟล์ที่แนบมาพร้อมกับเอกสารการผ่านการอบรบหลักสูตรและเหรียญกล้าหาญต่างๆที่ทางฟูจิวาระส่งมาเป็นตัวช่วยในการตัดสินใจของเขา แม็กกล้าพูดได้เลยว่าไอ้ตัวนี้...จี๊ดสุด!!!

       “ผม ‘ฟาโรห์’ หัวหน้าหน่วยนี้ครับ” ชายหนุ่มคนสุดท้ายในกลุ่มก้าวเดินออกมาข้างหน้าได้โดยการหลีกทางทางของพี่น้องเต แนะนำตัวเองเสียงเรียบด้วยใบหน้านิ่งเฉย การทำงานของฟาโรห์แตกต่างจากของเตโชและเตชินอย่างสิ้นเชิงเพราะสองพี่น้องเตถูกจ้างมาเป็นบอดี้การ์ให้มินถาวรจนกว่าแม็กจะเลิกจ้างหรือหมดสัญญาเมื่อครบสิบปี แต่งานของฟาโรห์จะสิ้นสุดลงเมื่อกิติกรถูกจัดการหรือได้รับผลกรรมตามสมควรแบบที่ไม่สามารถย้อนกลับมาทำร้ายแม็กและครอบครัวได้อีก...เมื่อนั้นพันธสัญญาการว่าจ้างระหว่าแม็กและฟาโรห์จะสิ้นสุดลงทันที

       แต่แล้วก็มีเรื่องที่ทำให้แม็กและมินต้องประหลาดใจเมื่อ…

       เมื่อ…

       เมื่อ...

       “พี่ชื่อ ‘ชิตะ’ เป็นแฟนฟาโรห์แล้วก็เป็นลูกพี่ใหญ่ของแก๊งค์ลูกเป็ดนี้ฮะ!!!” เมื่อมีเด็กชายตัวน้อยแก้มยุ้ยอีกคนนึงเดินเข้ามากอดต้นขาของฟาโรห์ไว้ ก่อนที่จะแนะนำตัวเองพร้อมรอยยิ้มละมุนด้วยสีหน้าภูมิใจสุดๆ ในขณะที่คนว่าจ้างอย่างแม็กหน้าเหวอไปแล้ว ส่วนแก๊งค์ลูกเป็ด(บอดี้การ์ด)ของลูกพี่ชิตะตัวน้อยก็ได้แต่พากันหน้าซีดไปแล้ว เว้นเสียแต่ฟาโรห์ที่ยังคงตีหน้านิ่งปล่อยให้เจ้าหนูน้อยชิตะปีนไต่แขนขาของตัวเองเล่นอย่างไม่สะทกสะท้าน

       “เด็กนี่มาได้ไง” แม็กขมวดคิ้วถามพลางชี้นิ้วไปที่เจ้าหนูน้อยชิตะ

       “ขอโทษครับคุณแม็ก คุณภามภรรยาของคุณอิจิโร่ขอเรียนสายสักครู่ครับ” ยังไม่มีใครได้เอ่ยอะไร กำธรที่ยืนอยู่ไกลๆก็เดินเข้ามาหาแม็กพร้อมกับยื่นโทรศัพท์ไร้สายในห้องทำงานให้กับแม็ก

       “เมธกรพูดครับ” แม็กรับสายเสียงนิ่ง

       ///ขอโทษที่โทรมารบกวนนะครับคุณเมธากร ผมภามนะครับ แม่ของอชิตะที่ตอนนี้คุณคงจะได้พบกับแกแล้ว/// ปลายสายเอ่ยแนะนำตัวเองทันที

       “ครับ”

      ///ก่อนอื่นเลยผมต้องขอโทษที่ทำให้เกิดข้อผิดพลาดในครั้งนี้ด้วยนะครับ แต่เพราะเจ้าชิตะไม่ค่อยจะเหมือนเด็กทั่วไปนักเลยยากที่จะควบคุมถึงแม้ว่าจะเป็นแม่อย่างผมหรืออิจิโร่ป๊าเขาก็ตาม และด้วยช่วงนี้ทางพรรค์ของเราค่อนข้างจะวุ่นวายมากเป็นพิเศษถ้าคุณได้ติดตามข่าวบ้างคงจะเข้าใจนะครับ เพราะฉะนั้นถ้าไม่เป็นการรบกวนเกินไปผมอยากจะฝากอชิตะไว้กับคุณสักสองสามวันนะครับเพราะทางคุณปู่คุณย่า และป้าๆลุงๆของแกตอนนี้ไม่มีใครอยู่ไทยเลยครับ แต่หลังจากที่พวกเขากลับมาแล้วพวกเขาจะไปรับอชิตะทันทีเลยครับ///

       “แต่...” แม็กกำลังจะค้าน

       ///นะครับถือซะว่าช่วยเหลือเพื่อนมนุษย์ด้วยกัน ให้แกอยู่กับฟาโรห์นั่นแหละครับ ผมรับรองเลยว่าจะไม่เกิดปัญหา เพราะ อชิตะช่วยเหลือตัวเองได้รวมทั้งอาจจะช่วยเหลือภรรยาท้องแก่ของคุณได้ดีอีกด้วย แค่นี้ก่อนนะครับ ขอบคุณที่จะช่วยดูแลอชิตะให้เรานะครับ///

       “.....” ปลายสายตัดไปแล้ว ตัดไปพร้อมกับความหนักใจที่โยนมาให้เขาอย่างลำบากใจ จะโทรกลับไปปฏิเสธหรือให้ใครไปส่งเจ้าเด็กน้อยนี่ที่ญี่ปุ่นก็ไม่ได้ เพราะก่อนที่สายจะตัดไปเขาได้ยินเสียงอะไรบางอย่างดังแทรกเข้ามา ‘บึ้ม!!!’ ถ้าจะให้เขาเดาก็คงจะไม่พ้นระเบิดเป็นแน่แท้ เพราะว่าข่าวของตระกูลฟูจิวาระที่ได้ฟังเมื่อเช้านี้มันก็ประมาณนี้นี่แหละ...ญี่ปุ่นกำลังมีสงครามกลางเมืองว่าด้วยพวกนักการเมืองนอกรีดทั้งหลายแอบก่อกบฏสร้างกองทัพเถื่อนขึ้นมา จนตระกูลฟูจิวาระที่เปรียบเสมือนทหารขององค์จักรพรรดิจะต้องมาเป็นธุระจัดการและปราบปรามกบฏนอกรีดพวกนี้ให้สิ้นซาก

       “ใครโทรมาหรอแม็ก” มินสะกิดถามหลังจากที่เห็นว่าสามีเงียบนานเกินไปแล้ว

       “แม่เจ้าเปี๊ยกนี่ไง” แม็กบอกพลางชี้ไปที่อชิตะนิ่งๆ

       “คุงลุงอย่างมาเรียกพี่ว่าเจ้าเปี๊ยกนะ!! พี่ชื่อชิตะ…พี่ชิตะสุดหล่อด้วย!!” เด็กชายตัวน้อยร้องแหวออกมายืนเต้นเล่าๆอยู่ตรงหน้าแม็กเมื่อโดนเรียกด้วยสรรพนามที่ไม่ชอบใจ ทำเอามินขำ ออกมาด้วยความชอบใจ ส่วนแม็กนั้นเหวอไปแล้ว เมื่อถูกเรียกว่า ‘ลุง’

       “หนอย! ไอ้เด็กนี่เดี๋ยวพ่อไม่ให้อยู่ด้วยเลย...ส่งกลับญี่ปุ่นซะดีมั้ย?” แม็กแกล้งว่า

       “แหม...พี่ชายก็! พี่ชิตะแค่ล้อเล่นเองน้า~” เมื่อได้ยินคำว่าให้อยู่ด้วยเจ้าตัวแสบถึงกลับเปลี่ยนสรรพนามเรียกพร้อมทั้งเดินกอดคอแม็กอย่างไม่เกรงกลัวหน้านิ่งๆตาดุๆนั่นเอง ทำเอาแม็กตั้งตัวไม่ทันเหมือนกัน เพราะถึงแม้ว่าเขากำลังจะมีลูกเป็นของตัวเอง แต่กับเด็กคนอื่นๆก็ยังเป็นตัวน่าลำคานสำหรับเขาอยู่ดี.....แต่ก็เอาเถอะ! จะเว้นไอ้ตัวนี้ไว้อีกตัวก็แล้วกัน...ดูท่าแล้วจะอ้อล้อน่าดู...โคตรเจ้าเล่ห์!!!

       “ฮะฮ่าๆ ไหนพี่ชิตะมาให้พี่มินกอดหน่อยสิ…น่ารักจังเลย แก้มยุ้ยๆ น่าฟัดจังเลยน้า~” มิน เรียกชิตะพร้อมกับกางแขนออกเป็นสัญลักษณ์ให้เด็กน้อยรับรู้ว่า ‘ขอกอดหน่อย’ ก่อนที่เจ้าตัวน้อยจะพุ่งเข้าใส่มินทันดีด้วยท่าทางดี้ด้าและกอดรัดฟัดเหวี่ยงกันจนแม็กเริ่มหมั่นไส้ แต่ก็ทำอะไรไม่ได้ในเมื่ออีกฝ่ายคือเด็ก และที่สำคัญคือไอ้เจ้าเปี๊ยกนี่มันทำให้มินยิ้มได้ตั้งแต่แรกเจอ ถือว่าเป็นความดีความชอบก็แล้วกัน

       “เหอะๆ หวังว่าชีวิตกูจะไม่วุ่นวายมากขึ้นกว่าเดิมนะ…เดี๋ยวเราไปคุยกันที่ห้องประชุมแล้วกัน” แม็กพึมพำกับตัวเองเบาๆ ก่อนที่จะหันไปพูดบอกกับแก๊งค์ลูกเป็ดของชิตะและกำธรที่ยืนอยู่ไม่ไกล

       “ครับ” บอดีการ์ดสุดเท่ทั้งสองคนตอบรับคำแม็กอย่างแข็งขัน ยกเว้นก็แต่ฟาโรห์ที่...

       “คุณหนูอย่าดื้อแล้วก็อย่าทำให้คุณมินลำบากใจนะครับ ผมจะไปทำงาน” ฟาโรห์หันไปพูดสั่งพร้อมทั้งกำชับกับลูกพี่ตัวน้อยของตนแทน

       “อื้อ! ฟาโรห์ตั้งใจทำงานน้า~ ชิชิเป็นกำลังใจให้! ไฟท์ติ้ง!!” เจ้าหนูน้อยชิตะละสายตาออกจากพี่ชายคนสวยก่อนที่จะหันกลับมารับคำพร้อมทั้งให้กำลังใจแฟน(?)ตัวโตของตนด้วยท่าทางน่ารักอย่างจริงจัง

      “ครับ” เมื่อเห็นว่าลูกพี่ตัวน้อยของตนรับรู้เรียบร้อยแล้วฟาโรห์ก็โค้งตัวลาและหันหลังเดินตามแม็กและคนอื่นๆไปห้องประชุมที่ว่าทันทีแบบไม่มีอิดออด

       “ชิชิน่ารักจัง” มินพูดบอกออกมาเมื่อได้ยินคำแทนตัวของหนูน้อยข้าง

       “ใช้ม้า~ แต่ชื่อนั้นชิตะอนุญาตให้ฟาโรห์เรียกคนเดียวเพราะฟาโรห์เป็นคนพิเศษของชิตะ แต่ชิตะจะให้มินนี่จังเรียกชิตะ ว่าชิชิด้วยก็ได้เพราะมินนี่จังน่าร๊ากกกก...” เจ้าหนูน้อยชิตะทำท่ากอดอกขมวดคิ้วเข้มเรียนแบบผู้ใหญ่ก่อนที่จะยิ้มออกมาอย่างชอบใจเมื่อได้จับแก้มนุ่มๆของพี่ชายคนสวยที่เจ้าตัวทึกทักเรียกเอาเองว่า ‘มินนี่จัง’

       “ฮ่าๆ ไม่เอาดีกว่า พี่มินเรียกชิตะว่าชิตะนี่แหละดีแล้ว เดี๋ยวคนพิเศษของชิตะจะน้อยใจเอา ว่าแต่ปีนี้ชิตะอายุเท่าไหร่แล้วครับ” มินขำกับท่าทางเกินเด็กของเจ้าตัวจนอดไม่ได้ที่จะอยากรู้อายุของเจ้าตัวน้อยนี่ที่ตัวเล็กนิดเดียวกับสามารถโต้ตอบกับผู้ใหญ่ได้อย่างไม่มีติดขัด

       “พี่ชิตะโตแล้ว...ห้าขวบแล้ว” เจ้าตัวน้อยกางนิ้วทั้งห้าขึ้นมาให้มินรับรู้.....จ๊ะ! โตมากจ๊ะหนู

       “แล้วชิตะไม่เรียนหนังสือหรอครับ” มินถามต่อด้วยความสงสัย เพราะปกติของเด็กห้าขวบทั่วไปก็ต้องเข้าเรียนอนุบาลหรือเตรียมอนุบาลกันหมดแล้ว

       “เรียนฮะ อยู่อนุบาลสองห้องเป็ดน้อย” ชิตะน้อยบอกพร้อมกับอวดกระเป๋าเป้สะพายหลังที่มีรูปตุ๊กตาเป็ดพร้อมชื่อจริงนามสกุลจริงของเจ้าตัวปักอยู่ที่สายกระเป๋า ซึ่งเดาไม่ยากเลยว่านี่คือกระเป๋าใบโปรดของเจ้าตัวที่ชอบพกไปไหนมาไหนด้วยอย่างแน่นอน

       “อ่าว...แล้วทำไมคุณแม่ถึงยอมให้ชิตะมาไทยกับพวกฟาโรห์ล่ะครับ” มินถามอย่างไม่รู้เรื่องราวเพราะยังไม่ได้คุยรายละเอียดกับแม็กว่าตกลงแล้วแม่ของชิตะโทรมาทำไม

       “เปล่านะ! แม่ไม่ยอม แต่พี่หนีแม่กับป๊าตามฟาโรห์มาเอง ขนาดฟาโรห์ยังเพิ่งรู้ตอนเครื่องจอดเลย เพราะพี่แอบตามมา คิกๆ” เจ้าตัวยกมือขึ้นมาปิดปากหัวเราะชอบใจ พูดบอกออกมาตามความจริงด้วยท่าทางใสซื่อจนมินอยากจะเป็นลม

       “เฮ้อ...พี่ปวดหัวกับความแสบของหนูเหลือเกินลูก เราไปหาขนมที่อยู่ชั้นล่างทานแก้เครียดกันดีกว่า” ยิ่งคุยกับเจ้าเปี๊ยกนี่มินก็ยิ่งปวดหัวกับวีรกรรมแสบๆซนๆของเจ้าตัว เลยเลือกที่จะหยุดสนทนาชวนมึนแล้วพากันจูงมือเดินออกจาห้องแม็กไปหาขนมที่อยู่ชั้นสามแก้เครียดจะดีกว่า ก่อนที่ความดันจะขึ้น!!! เด็กอะไรหนีออกจาบ้านตั้งแต่ห้าขวบ!!

       ‘แม่หวังว่าหนูจะไม่ออกมาแล้วแสบซนอย่างพี่ชิตะเค้านะลูก ไม่อย่างนั้นแม่หัวใจวายตายแน่ๆ’ ระหว่างทางมินก็ลูบท้องบอกกับลูกชายตัวน้อยที่อยู่ในท้องไปด้วย ไม่ใช่ว่าเขาไม่ชอบชิตะหรอกนะ แต่กลับกัน เขากับชอบชิตะมากถึงมากที่สุดด้วยหน้าตาที่น่ารักและการช่างพูดช่างเจรจาของเจ้าตัว รวมๆดูแล้วเป็นเด็กที่ฉลาดมาก...แต่ก็ฉลาดเกินไป...จนเขาไม่กล้าที่จะให้ลูกเกิดมาเป็นอย่างนี้เพราะลำพังเขาไม่มีปัญญาที่จะรับมือกับความแสบซนเกินวัยอย่างนี้ได้แน่ๆ





...TBC.
หัวข้อ: Re: {Mpreg/Incest} แฝด Up.ตอนที่ 16 (13/01/60)
เริ่มหัวข้อโดย: Mura_saki ที่ 13-01-2017 21:35:32
ชิตะน่ารักอ่ะ
หัวข้อ: Re: {Mpreg/Incest} แฝด Up.ตอนที่ 16 (13/01/60)
เริ่มหัวข้อโดย: GuoJeng ที่ 13-01-2017 21:41:31
  ชิตะจะอยู่ไทยนานมั้ยล่ะ มินจะได้ซ้อมเลี้ยงลูกชาย 555
  รออ่านตอนต่อไป
หัวข้อ: Re: {Mpreg/Incest} แฝด Up.ตอนที่ 16 (13/01/60)
เริ่มหัวข้อโดย: fay 13 ที่ 14-01-2017 00:33:14
 :mew1:
หัวข้อ: Re: {Mpreg/Incest} แฝด Up.ตอนที่ 16 (13/01/60)
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 14-01-2017 01:23:17
ชิชิ มาช่วยดูแลน้องเหรอออออ.   อิอิ
หัวข้อ: Re: {Mpreg/Incest} แฝด Up.ตอนที่ 16 (13/01/60)
เริ่มหัวข้อโดย: AkaneSama ที่ 14-01-2017 10:32:09
ชิตะน่ารัก :katai1:
หัวข้อ: Re: {Mpreg/Incest} แฝด Up.ตอนที่ 17 (14/01/60)
เริ่มหัวข้อโดย: เขียนสือ ที่ 14-01-2017 19:45:40

แฝด ตอนที่ 17





สามวันต่อมา...

       07.30 น. วันเสาร์

       เช้าวันหยุดที่(ควรจะ)แสนสุขสำหรับคนทำงานหนักมาทั้งสัปดาห์อย่างแม็ก เริ่มต้นด้วยความสดใส(หรอ?) เมื่อมีเจ้าหนูน้อยชิตะ(แสบเล็ก)และเบบี้(แสบใหญ่)เพื่อนรักของมินมาเป็นสีสันให้กับครอบครัวที่(เคย)สงบสุขของแม็กและมิน

ดังเช่นตอนนี้...

       “อย่าหนีนะ! มาให้พี่กินซะดีๆไอ้ตัวเล็ก” เบบี้ร้องบอกพร้อมกับทำท่ายักษ์วิ่งไล่ชิตะ

       “กรี๊ดดดด!!! มินนี่จังช่วยพี่ด้วยเบบี๋จะกินพี่แล้วววววว....” ชิตะวิ่งกรีดร้องเสียงดังวนไปรอบห้องนั่งเล่นที่มีแม็ก มินและสตีฟนั่งมองดูกันอย่างเอือมๆ เพราะเพื่อนซี้ต่างวัยสองคนนี้พากันวิ่งวุ่นอย่างนี้มาตั้งแต่ครึ่งชั่วโมงที่แล้ว หลังจากที่มินโทรชวนให้สตีฟกับเบบี้ที่อยู่คอนโดถัดไปข้างๆ กับชิตะน้อยที่พักอยู่กับฟาโรห์ที่ชั้นสิบของในคอนโดเดียวกันขึ้นมาทานอาหารเช้าด้วยกัน เพราะสองพี่น้องเตโชเตชินพักอาศัยอยู่ห้องว่างที่เหลืออยู่ของแม็กนั่นแหละ แต่มินก็คงจะลืมคิดหรืออาจจะคิดไม่ถึงว่าการที่ให้ชิตะ(จอมซน)กับเบบี้(จอมแสบ)เพื่อนรักมาพบปะกัน จะมาพร้อมกับความวุ่นวายเช่นนี้

       “มึงเอาไอ้สองตัวนี้ไปทิ้งข้างนอกทีดิสตีฟ” แม็กพูดบอกพร้อมกับใช้เท้าสะกิดเพื่อนรักที่นั่งทำหน้ามึนอยู่ข้างกัน

       “เชี่ยแม็ก! พูดไม่คิดนะมึง...รปภ.ข้างล่างเพิ่งจะไล่มันสองตัวขึ้นมาเล่นข้างบนนี่มึงจำที่กูเล่าให้ฟังไม่ได้รึไง” สตีฟส่ายหัวบอกอย่างเอือมๆ เพราะก่อนที่แม็กจะตื่น เขากับแก๊งค์ลูกเป็น(บอดี้การ์ด)ทั้งสามเพิ่งจะพามินกับเบบี้และชิตะลงไปเดินเล่นพร้อมทั้งสูดอากาศยามเช้าที่สนามเด็กเล่นหน้าคอนโดมา แต่ก็โดนยามหรือรปภ.ไล่ขึ้นมาแทบไม่ทัน เมื่อเด็กแท้ๆกับไอ้เด็กโข่งเมียของเขามันพากันวิ่งๆกรี๊ดๆเสียงดังไม่ต่างจากตอนนี้สักเท่าไหร่นัก

       “เฮ้อ!! กูจะบ้า!” แม็กว่าพร้อมกับไถตัวนอนไปตามความยาวของโซฟาที่เหลืออยู่ด้วยความง่วงงุนเพราะเมื่อคืนกว่าเขาจะได้นอนก็ปาไปตีสองจะตีสามแล้ว เพราะคิดว่าวันนี้จะได้นอนยาว ตื่นสายได้แบบสบายๆ แต่ที่ไหนได้ เขากลับต้องตื่นตั้งแต่ยังไม่เจ็ดโมงเช้าดีเสียด้วยซ้ำ!!!

       “ลุกมาทานข้าวกันได้แล้วจ้า~” มินที่เดินหายเข้าไปในครัวอยู่พักใหญ่เดินกลับมาเรียกสิ่งมีชีวิตที่เหลือในห้องให้ไปทานมื้อเช้า ซึ่งนั่นก็ไม่ต่างจากเสียงระฆังช่วยชีวิตของแม็กสักเท่าไหร่ ที่พอได้มีอาหารอุดปากแล้ว แซบเล็กกับแสบใหญ่ก็พากันกินเงียบ ทำให้คนอื่นๆสบายหูไปได้พักใหญ่ แต่ก็ไม่วายแหย่กันให้แม็กได้ดุเล่นเป็นชั่วพักชั่วครู่อยู่เหมือนกัน
..
..
..
       “ไปไหนกันดีน้า~” พอท้องอิ่มปั๊บลูกชายท่านทูตขาลุยอย่างเบบี้ก็ร้องหาที่เที่ยวทันที

       “นอนเล่นอยู่บ้านก็พอ มินไปไหนไกลๆไม่ไหวแล้ว” แม็กเอ่ยค้านขึ้นมาเป็นคนแรก เพราะว่าตอนนี้อายุครรภ์ของมีก็เข้าสู่เดือนที่เจ็ดซึ่งเป็นไตรมาสสุดท้ายของการตั้งครรภ์แล้ว หลังจากที่เขาพามินไปตรวจเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว

       “ถ้าอย่างนั้นเราไปว่ายน้ำข้างล่างก็ได้…ใกล้นิดเดียวเอง” เบบี้เสนอทางเลือกขึ้นมาอีกอย่างไม่ยอมแพ้...ไม่รู้แหละวันนี้เขาต้องได้เที่ยว!!!

       “ไม่! อันตราย เดี๋ยวลื่นล้ม” แต่แม็กก็ค้านขึ้นมาอีกเช่นกัน

       “ไปไหว้พระก็ได้...ขอพรไง” เบบี้เสนอต่ออย่างไม่ย่อท้อ

       “พวกกูนับถือคริสต์” แม็กก็ค้านไปอย่างหน้าด้านๆ

       “ตอแหล! มึงเพิ่งจะพามินไปไหว้พระที่จีนมาเองนะแม็ก!!” เบบี้แหวออกมาเมื่อเริ่มทนกับการตีรวนของเพื่อนไม่ไหว

       “เรื่องของกูอีกนั่นแหละ” แม็กยักไหล่แบบประมาณว่า ‘กูไม่สน’

       “ไปห้างก็ได้เอ้า! ซื้อของเตรียมให้ไอ้ตัวเล็กในท้องมินไง เพราะถ้าไม่ไปตอนนี้มินเดือนหน้าท้องใหญ่กว่านี้มินก็ไปไม่ได้แล้วนะเว้ยแม็ก...มินนี่เองก็อยากไปใช่ม่ะ?” คราวนี้เบบี้ถึงกับเอาความอยากของมินมาเป็นพวกด้วย เพราะรู้ดีว่าทั้งแม็กและมินยังไม่ได้เตรียมของให้ลูกเลย เพราะมัวแต่พากันวุ่นๆเรื่องสร้างบ้านให้ทันลูกคลอด...เพราะเขากับมินคุยกันแทบจะทุกวัน

       “เออ! ไปก็ไป” และแล้วแม็กก็ต้องเป็นฝ่ายพ่ายแพ้ให้กับเบบี้เมื่อหันไปหามินแล้วมินพยักหน้าเห็นด้วยกับเบบี้ด้วยสายตาอ้อนๆ
..
..
..
ห้างสรรพสินค้าเมก้ามอลล์สาขาใหญ่(ที่ทำงานแม็ก)


       “เกิดเรื่องใหญ่แล้วครับท่าน!!!” เพียงแค่พากันก้าวขาเข้าห้างได้ไม่เกินสิบก้าว รปภ.ที่คุ้นเคยกับแม็กดีก็วิ่งเข้ามาหาแม็กอย่างหน้าตาตื่นๆ

       “เกิดอะไรขึ้น?” แม็กตวัดสายตาถามเสียงเครียดเมื่อได้เห็นท่าทางร้อนรนของรปภ.และได้หันไปเห็นรถดับเพลิงสีแดงวิ่งเข้าไปทางด้านหลังของห้างที่เขาใช้อยู่ประจำ

       “รถระเบิดครับ” รปภ.คนเดิมบอกอย่างติดๆขัดๆด้วยความเหนื่อยหอบ

       “รถใคร?” แม็กถามต่อด้วยความร้อนรนเพราะที่จอดรถตรงนั้นมีแค่เขากับบอร์ดบริหารเท่านั้นที่มีสิทธิ์ใช้และวันหยุดอย่างนี้คงจะไม่มีบอร์ดบริหารคนไหนมาทำงานแน่ๆ เพราะพวกนั้นเป็นแค่ลูกจ้างที่ทำงานตามเวลาและมีวันหยุดเสาร์อาทิตย์ไม่ต่างจากพนักงานธรรมดาทั่วไป และวันนี้เขาก็ไม่ได้เอารถไปจอดที่นั่นด้วย เพราะเตโชที่เป็นคนขับรถขับลงวนไปจอดชั้นใต้ดินอย่างเคยชินอย่างที่เจ้าตัวเคยทำ เพราะยังไม่ชินกับเขาที่เป็นเจ้าของห้างที่มีที่จอดเฉพาะประจำตำแหน่งที่อยู่แยกออกไปทางด้านหลัง

       “รถสีขาวของคุณแม็กน่ะครับ”

       “กำธร!!! ดูแลมินดีๆ เดี๋ยวฉันมา!!!” ทันทีที่ได้ยินคำตอบจากรปภ.แม็กก็รีบวิ่งออกไปทางด้านที่เกิดเหตุทันที โดยไม่ลืมที่จะกำชับกับแก๊งค์ลูกเป็ดให้ดูแลคนรักอย่างมินเป็นอย่างดี เพราะรถคันสีขาวของเขาที่ รปภ.บอกคือรถคันที่เขาเพิ่งยกให้กำธรไปเมื่อสองอาทิตย์ที่แล้วเพราะเขาต้องการรถคันใหญ่กว่าเดิม และที่สำคัญเลยคือรถคันใหม่ของเขาสีดำ!!!

       “เกิดอะไรขึ้นฮะ” มินถามหลังจากที่คว้าของ รปภ. ไว้ทันก่อนที่เจ้าตัวจะวิ่งตามแม็กไป

       “รถของคุณแม็กระเบิดครับ ผมขอตัวไปดูทางนั้นก่อนนะครับ” รปภ. คนเดิมพูดบอกอีกครั้งก่อนที่จะขอตัวไปดูแลความเรียบร้อยตามหน้าที่ของตน

       “เบบี้พาทุกคนไปรอที่ห้องไอ้แม็กก่อนเดี๋ยวผมตามไป” สตีฟที่ได้ยินชัดๆพร้อมกันกับมินก็หันไปพูดสั่งกับคนรักก่อนที่จะวิ่งตามแม็กไปอีกคน

       “เราไปรอพวกนั้นข้างบนกันเถอะมินนี่” เบบี้กับชิตะช่วยกันประคองมินคนละข้าง เพื่อที่จะขึ้นไปยังห้องทำงานของแม็กที่อยู่ชั้นบนสุดของห้างตามคำสั่งของสตีฟ

       “ผมขอตัวไปทำธุระสักครู่นะครับ” เมื่อมาถึงหน้าลิฟต์ส่วนตัวของผู้บริหารฟาโรห์ที่เงียบนิ่งอยู่นานก็เอ่ยขึ้น

       “เอ๋?” ทั้งมิน เบบี้ ชิตะ และแก๊งค์ลูกเป็นถึงกับพร้อมใจกันหันมามองฟาโรห์เป็นตาเดียว

       “ฟาโรห์จะไปไหน?” และแล้วก็เป็นลูกพี่น้อยอย่างชิตะที่เอ่ยถามขึ้นมาเป็นคนแรก แต่ยังไม่ทันที่ฟาโรห์จะได้พูดหรือตอบอะไรทุกคนก็ต้องตกใจเมื่อ....

        เมื่อมีใครก็ไม่รู้วิ่งพุ่งออกมาจากลิฟต์และชนมินเข้าอย่างจัง จนมินล้มลงไปกองอยู่กับพื้น ถึงแม้ว่าเตชินจะคว้าแขนของมินไว้ทันก็ตาม

       “โอ้ย!!!” มินร้องออกมาด้วยความเจ็บปวดในขณะที่สองมือก็กุมอยู่ที่หน้าท้อง

       “เตโชไปจับไอ้คนนั้นไว้ให้ได้!!!” ฟาโรห์ออกคำสั่งกับลูกน้องของตนเอง แต่เขาไม่ได้ให้เตโชไปตามจับไอ้คนที่มันพุ่งออกมาชนมิน เพราะว่ามันหนีไปไกลแล้ว แต่เขาให้เตโชไปจับไอ้คนที่เขาจะขอตัวไปทำ ‘ธุระ’ กับมันเมื่อกี้นี้ต่างหากล่ะ เพราะเขาสังเกตุเห็นว่ามันเดินตามพวกเขามาตั้งแต่แยกทางจากแม็กและสตีฟแล้ว อีกทั้งยังจ้องมองและใช้โทรศัพท์อยู่ตลอดเวลาด้วย

       “เตชินไปเตรียมรถเร็ว!! คุณหนูขึ้นหลังผมมา ส่วนคุณเบบี้รีบโทรบอกคุณแม็กด้วยครับ” ฟาโรห์ย่อตัวให้ชิตะปีนขึ้นไปเกาะอยู่ที่หลังของตน ซึ่งชิตะเองก็รู้งาน เหมือนว่าจะเคยทำอย่างนี้มาแล้วหลายครั้ง ก่อนที่เขาจะช้อนตัวมินขึ้นมาอุ้มและรีบจ้ำเดินไปยังทางออกของห้างทันที เพราะมินหน้าซีดขึ้นทุกที
..
..
..
       ทางด้านของแม็กและสตีฟที่แยกมาดูที่เกิดเหตุก็วุ่นวายไม่ต่างกัน เมื่อกำธรโดนสะเก็ดระเบิดจากรถจนอาการสาหัสต้องรีบนำตัวส่งโรงพยาบาลเป็นด่วน

       “วันหยุดอย่างนี้คุณกำธรเขามาทำอะไรวะ” สตีฟเอ่ยถามด้วยความสงสัย หลังจากที่ฉุกเฉินของโรงพยาบาลเคลื่อนตัวออกไปแล้ว

       “เมื่อคืนกูโทรบอกเขาว่ากูลืมหนังสือสัญญาเช่าร้านของห้างใหม่ไว้ เขาคงมาเอาให้กู เพราะกูไม่คิดว่าจะเข้ามาห้างในวันนี้ และกูก็ลืมไปแล้วด้วยว่าเมื่อคืนกูโทรไปคุยอะไรกับเขา” แม็ก พูดบอกก่อนที่ยกมือขึ้นมาเสยผมแรงๆให้หายหงุดหงิด เพราะสภาพของกำธรที่เขาเห็นเมื่อกี้นี้จะเรียกได้ว่า ‘เละ’ ก็ได้ในเมื่อทั้งแผ่นหลังของกำธรที่เขาเห็นมันมีแต่รอยเลือดและแผลเหวอะหวะเต็มไปหมด

       “เอาน่ามึง เขาต้องไม่เป็นอะไร” สตีฟพูดปลอบพร้อมกับตบไหล่เพื่อนอย่างให้กำลังใจ เพราะเขารู้ดีว่าแม็กสนิทและผูกพันกับกำธรมากขนาดไหน เจ้าตัวถึงได้รู้สึกผิดและหงุดหงิดตัวเองมากมายขนาดนี้

       “คุณเป็นเจ้าของห้างนี้และเป็นเจ้านายของผู้บาดเจ็บใช่มั้ยครับ?” ยืนดูซากรถกันอย่างปลงๆได้ไม่เท่าไหร่ เจ้าหน้าที่ตำรวจที่คาดว่าจะเป็นเจ้าของคดีนี้ก็เดินเข้ามาถามแม็ก

       “ครับ” แม็กพยักหน้าตอบนิ่งๆ

       “คุณพอจะทราบไหมครับว่าผู้บาดเจ็บเคยมีปัญหาที่ไหนกับใครบ้าง” ตำรวจถามออกมาตามหลักการเบื้องต้นของการทำคดี

       “ไม่มีหรอกครับ เพราะเขาเป็นคนดีที่ใจเย็นมาก แถมยังตัวติดกับผมแทบจะตลอดเวลา ถ้าจะมีก็ผมนี่แหละที่มีปัญหากับประธานห้างคนเก่า และรถคันนี้ก็เป็นของผมที่เพิ่งจะยกให้คนเจ็บไปใช้เมื่อสองอาทิตย์ที่แล้ว” แม็กพูดบอกออกไปตามตรง

       “เจ้าของห้างคนเก่าหรอครับ?”

       “ครับ...คนเดียวที่ผมมีปัญหาด้วยตอนนี้คือ กิติกร โชคธนกิจ” แม็กพูดบอกด้วยสายตาวาววับ จนคุณตำรวจที่คิดว่าเจอทั้งคนดีและคนร้ายมาเยอะแล้ว ยังไม่เคยเจอคนที่มีสายตาหน้ากลัวมากอย่างนี้มาก่อนเลย สายตาที่น่ากลัวเกินกว่าจะหาสิ่งใดมาเปรียบเทียบ

       “คุณมีปัญหาเรื่องธุรกิจกันอย่างเดียวหรือว่ามีปัญหาเรื่องอื่นกับเขาด้วยครับ” ตำรวจถามต่อ

       “ทั้งเรื่องธุรกิจและเรื่องส่วนตัวอีกหลายเรื่อง”

       “เช่นเรื่องอะไรบ้างครับ”

       “หึ! ถ้าผมบอกแล้วคุณตำรวจจะช่วยผมได้หรอครับ?” แม็กกอดอกเอียงคอถามด้วยสายตาที่ดูถูกอย่างชัดเจน เพราะเขาเคยเข้าไปคุยกับตำรวจเรื่องคดีของแม่เขากับตำรวจหลายๆคนมาแล้ว แต่ผลก็ออกมาเหมือนๆกันหมดว่าต้องใช้ ‘เงิน’ เขาจึงเลือกที่จะพักเรื่องของแม่ไว้ก่อน แต่ไม่ใช่ว่าเขาไม่มีเงินหรือว่างกหรอกนะ แต่เขาไม่ค่อยชอบปิ้งในเครื่องแบบพวกนี้สักเท่าไหร่ เขาจึงรอเวลาที่เขาจะเจอกับตำรวจที่ทำเพื่อความถูกต้องมากกว่าผลตอบแทน เพราะถ้าถึงเวลาที่คดีคลี่คลายจริงๆ เขาจะตอบแทนให้อย่างงดงามอยู่แล้ว

       “ขอแค่คุณบอกมา ถ้าเพื่อความถูกต้องผมก็พร้อมที่จะทำ” นายตำรวจพูดบอกพร้อมกับจ้องมองเข้าไปในดวงตาของแม็กอย่างจริงจัง ถึงแม้ว่าเขาเริ่มจะรู้สึกหมั่นไส้กับท่าทางกวนๆสายตาที่แสดงออกถึงการเหยียดหยามเจ้าหน้าที่อย่างเขาของผู้ชายที่อยู่ตรงหน้านี้เต็มทนก็ตาม   

       Tru…Tru…Tru…

       แต่ยังไม่ทันที่แม็กจะได้พูดบอกอะไรกับเจ้าหน้าที่ตำรวจอีก เสียงโทรศัพท์ของสตีฟก็ดังขัดขึ้นมาเสียก่อน

       ก่อนที่จะ...

       “ไอ้แม็กไปโรงบาลเร็ว!! มินโดนชนล้ม!!!”

       ไม่ต้องรอให้พูดซ้ำ เพียงแค่สิ้นคำพูดของสตีฟ แม็กก็สาวเท้าวิ่งออกจากตรงนั้นทันทีด้วยความเร็วสุดแรงอย่างที่สตีฟที่วิ่งตามหลังมาแทบจะวิ่งตามไม่ทัน

       “รอกูอยู่ตรงนี้ก่อนมึง กูจะไปเอารถ” สตีฟพูดบอกเมื่อวิ่งตามมาทันและเห็นว่าแม็กกำลังยืนหันซ้ายหันขวาด้วยความลนลานอย่างไม่รู้จะไปทางไหนดี สตีฟกล้าพูดได้เต็มปากเต็มคำเลยว่า ไอ้แม็กจอมซึนเพื่อนรักของเขาคนนี้มันสติแตกเป็นที่เรียบร้อยไปแล้ว

       “มันเรื่องเหี้ยอะไรขึ้นวะเนี่ย!!!! โว้ยยยยยยย!!!” แม็กทรุดตัวนั่งลงบนพื้นอย่างไม่สนสายตาใครด้วยความอัดอั้นทั้งหมดที่มีกับเรื่องร้ายๆที่เกิดขึ้นคนสำคัญของเขาพร้อมๆกันอย่างที่ไม่ทันให้เขาได้ตั้งตัว และเขาก็เป็นแค่คนธรรมดาๆคนนึงที่ถ้าเทียบกับคนอายุรุ่นราวคราวเดียวกันก็ถือว่าหนักพอควรที่ต้องมาแบกรับเรื่องราวต่างๆไว้คนเดียวตั้งมากมาย ไม่ใช่แค่ตอนนี้ แต่มันเป็นแบบนี้มาตั้งแต่ไหนแต่ไรแล้วที่เขาจะต้องทำตัวให้เข้มแข็งตั้งแต่ยังไม่จบมัธยม ต้องเก่ง ต้องเรียนรู้และเอาตัวรอดในทุกสถานการณ์ ก็เพราะว่าเขาต้องคอยเป็นเกราะที่แข็งแกร่งเพื่อปกป้องคนสำคัญที่เขารักให้ปลอดภัยไม่ว่าจากกิติกรหรืออะไรก็ตาม และคนๆนั้นก็คือมิน พี่ชายที่เป็นที่รักที่สุดในดวงใจของเขา

       เขาแทบหยุดหายใจ ความหนาวเหน็บกัดกินไปทั่วทั้งร่างกาย เมื่อได้ยินเพียงแค่คำว่ามินล้ม มันเป็นอาการที่คล้ายกับตอนที่เขาได้เห็นมินนอนจมกองเลือดในครั้งที่โดนกิติกรทำร้ายจนเกือบตาย บอกตรงๆ ว่าหัวใจของเขาแทบจะหยุดเต้นไปในทันที ด้วยความเป็นห่วงทั้งหมดที่มี เสียอะไรเสียได้ ไม่มีเงิน ไร้ชื่อเสียงเขาก็อยู่ได้ แต่ถ้าชีวิตนี้ขาดมินไปสักคนเขาอยู่ไม่ได้จริงๆ





……………………………………………………………..TBC.
หัวข้อ: Re: {Mpreg/Incest} แฝด Up.ตอนที่ 17 (14/01/60)
เริ่มหัวข้อโดย: aornarak ที่ 14-01-2017 20:09:34
 :sad4:ง่า. น้องมินนะเป็นอะไรไหมเนี่ยเป็นห่วงจัง
หัวข้อ: Re: {Mpreg/Incest} แฝด Up.ตอนที่ 17 (14/01/60)
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 14-01-2017 20:49:27
ง่าาา.    มินกะลูกจะเป็นไรไหมอะ
หัวข้อ: Re: {Mpreg/Incest} แฝด Up.ตอนที่ 17 (14/01/60)
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 14-01-2017 21:50:03
กิติกร รุกและวางระเบิดรถ
จ้างคนร้ายมาทำร้ายมิน
มันตั้งใจชนมินจริงๆ
มินต้องคลอดลูกก่อนกำหนดหรือป่ะ
โอย.......ค้างๆๆๆๆๆ
       :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: {Mpreg/Incest} แฝด Up.ตอนที่ 17 (14/01/60)
เริ่มหัวข้อโดย: sirin_chadada ที่ 14-01-2017 21:56:33
จิ้มก่อนจ้า
หัวข้อ: Re: {Mpreg/Incest} แฝด Up.ตอนที่ 17 (14/01/60)
เริ่มหัวข้อโดย: Mura_saki ที่ 14-01-2017 22:48:53
แม็กใจเย็นนะ ทุกอย่างจะผ่านไปด้วยดี
หัวข้อ: Re: {Mpreg/Incest} แฝด Up.ตอนที่ 18 (15/01/60)
เริ่มหัวข้อโดย: เขียนสือ ที่ 15-01-2017 19:26:34

แฝด ตอนที่ 18





       เป็นเวลากว่าสองชั่วโมงแล้วที่มินหายเข้าไปในห้องฉุกเฉินหลังจากที่ฟาโรห์  เตชิน ร่วมด้วยเบบี้และชิตะน้อยรีบพามาส่งที่โรงพยาบาลด้วยความเร่งด่วนชนิดที่เครื่องตรวจจับความเร็วแทบจะจับวัดค่าไม่ทัน

       “มินเป็นยังไงบ้าง” แม็กถามด้วยอาการเหนื่อยหอบเพราะเขาทนรอให้สตีฟฝ่ารถติดที่ถนนทางเข้าโรงพยาบาลไม่ไหว เขาจึงตัดสินในกระโดดลงจากรถและวิ่งเข้ามาที่โรงพยาบาลแทน

       “หมอยังไม่ออกมาเลย” เบบี้บอกเสียงสะอื้นน้ำตาคลอ เพราะเขาความกลัวเริ่มเข้าคลอบงำ

       “ใครเป็นญาติของคุณรามิณทร์คะ! ตอนนี้คนไข้เสียเลือดมาก และทางโรงพยาบาลของเราไม่มีเลือดกรุ๊ปนี้สำรองเหลืออยู่แล้วค่ะ” ยืนอยู่ในความเงียบกันได้ไม่นานประตูห้องฉุกเฉินก็เปิดออกมาพร้อมกับท่าทางร้อนรนของนางพยาบาลที่มาถามหาญาติของมินเพื่อที่จะขอรับบริจาคเลือด

       “ผมครับ ผมเป็นแฝดเขา ผมมีเลือดกรุ๊ปเดียวกับเขา”

       “ถ้าอย่างนั้นก็รีบตามดิฉันมาเลยค่ะ” เมื่อได้ยินอย่างนั้นแล้วแม็กก็รีบก้าวเดินตามพยาบาลคนดังกล่าวเข้าไปในห้องฉุกเฉินทันที
..
..
...
       แม็กเดินตามพยาบาลเข้ามาในห้องฉุกเฉินด้วยสภาพจิตใจไม่คงที่นัก เพราะยิ่งเดินเข้ามาลึกมากเท่าไหร่เขาก็รู้สึกว่าความเย็นมันเกาะกินไปทั่วทั้งขั้วหัวใจ แม็กเดินเข้าไปล้างมือเปลี่ยนเสื้อผ้าเป็นชุดปลอดเชื้อก่อนที่จะเดินตามเจ้าหน้าที่พยาบาลคนเดิมเข้าไปยังห้องผ่าตัดที่อยู่ด้านในสุด

       ประตูห้องผ่าตัดเปิดให้แม็กเห็นทีมแพทย์ พยาบาลและผู้ช่วยล้อมรอบอยู่ข้างเตียงผ่าตัดกลางห้องที่มินนอนสงบนิ่งอยู่อยู่นั้นโดยที่มีสายระโยงละยางลากเต็มไปแทบจะทั่วทั้งกายบาง

       “คุณพยาบาลเช็คผลเลือดเขามาแล้วใช่มั้ยครับ?” หนึ่งในทีมหมอหันมาเห็นแม็กที่เดินเข้ามาพร้อมกับพยาบาลเขาก็ถามเข้าเรื่องทันทีไม่รอให้เสียเวลา เพราะทุกนาทีมีค่าเท่ากับชีวิต

       “เรียบร้อยแล้วค่ะ...ปลอดภัยและเข้ากับคนไข้ได้ร้อยเปอร์เซ็น” เธอบอกก่อนที่จะไปยืนประจำที่ของเธอ โดยปล่อยแม็กไว้กับหมอคนดังกล่าว

       “ขึ้นไปนอนลงบนเตียงได้เลยครับ ในเคสของคนไข้นี้หมอคงจะต้องให้เลือดฉุกเฉิน แบบตัวต่อตัวทันที เพราะคนไข้เสียเลือดมากเกินไปอาจจะทำให้เกิดภาวะช็อกและเป็นอันตรายต่อเด็กในท้องได้...ถ้าไม่ไหวรีบบอกหมอนะครับ” คุณหมอคนเดิมบอกให้แม็กขึ้นไปนอนรออยู่บนเตียงคนป่วยที่ตั้งรอไว้ ซึ่งห่างจากเตียงของมินแค่ไม่ถึงครึ่งเมตรเพื่อที่จะสะดวกแก่การให้เลือดของแม็กเดินทางเข้าร่างกายของมินได้เร็วขึ้น พลางพูดอธิบายพร้อมกับย้ำกับแม็กอย่างหนักแน่นว่าถ้าไม่ไหวให้บอกให้หยุด เพราะการให้เลือดตัวต่อตัวอย่างนี้ค่อนข้างอันตรายทั้งกับคนให้และคนรับ แต่พวกเขาก็ไม่สามารถหลีกเลี่ยงวิธีนี้ได้จริงๆเพราะทางโรงพยาบาลไม่มีเลือดกรุ๊ปนี้เหลืออยู่เลย อีกทั้งโรงพยาบาลใกล้ที่อยู่รอบข้างที่เจ้าหน้าที่ติดต่อขอรับเลือดไปก็ไม่มีที่ไหนเหลืออยู่เช่นกัน เพราะเลือดกรุ๊ปนี้หายากมาก

       “ครับ” แม็กตอบพลางหลับตาลงตั้งสติเมื่อรู้สึกถึงความเจ็บแปลบของปลายเข็มที่แทงเข้ามาในผิวเนื้อของเขาอย่างช้าๆ

       “ชีพจรคนไข้เต้นช้าลงค่ะคุณหมอ!” เสียงพยาบาลหรือผู้ช่วยคนไหนสักคนก็ไม่รู้ร้องบอกขึ้นมาอย่างตื่นตระหนกเมื่อพบว่าเส้นกราฟแสดงการเต้นของหัวใจของมินทีแสดงให้เห็นบนหน้าจอเครื่องมือแผ่วลงเรื่อยๆ หลังจากนั้นแม็กก็ไม่ได้ยินอีกแล้วว่าใครพูดอะไรบ้าง เขาเอื้อมมือเข้าไปใจฝ่ามือซีดขาวของมินที่อยู่ไม่ไกลมากุมไว้เบาๆ

       “อย่าเป็นอะไรนะมิน” ประโยคสั้นๆบอกผ่านอากาศไปยังคนรักที่ยังคงนอนหน้าซีดเซียวอยู่ไม่ห่างกันด้วยเสียงสั่นๆ ส่งผ่านกำลังใจ ความรักและความห่วงใยทั้งหมดมีให้อีกคนได้รับรู้ถึงคำอ้อนวอนของเขาในครั้งนี้

       “คุณหมอคะ....” เสียงร้องของพยาบาลดังขึ้นมาอีกครั้ง แต่ครั้งนี้มันเหมือนกับว่าประสาทรับรู้ของแม็กมันปิดไปหมดแล้ว เขาจึงไม่ได้ยินสิ่งที่ทีมแพทย์และพยาบาลคุยกัน เขาทำเพียงแค่การกระชับฝ่ามือซีดเซียวของมินให้แน่นขึ้นกว่าเดิมขึ้นไปอีก

       “ได้โปรดเถอะมิน...ถ้าไม่มีมึงกูอยู่ไม่ได้จริงๆ” น้ำตาลูกผู้ชายไหลรินล่วงหล่นออกมาจากหางตาช้าๆอย่างที่เจ้าตัวไม่ทันได้รับรู้ เพราะร่างกายของแม็กเองก็รับมือกับการเสียเลือดมากเกินไปไม่ไหวแล้ว เพราะเจ้าตัวฝืนเอาไว้ไม่ยอมหยุดตามที่หมอบอกเมื่อไม่ไหว เพราะสิ่งเดียวที่เขารับรู้และต้องการทำให้สำเร็จมากที่สุดคือการที่ทำทุกวิถีทางให้มินกับลูกนั้นปลอดภัย...ต่อให้ต้องแลกด้วยชีวิตของเขาทั้งหมดก็ตาม

       “คนให้เลือดช็อกหมดสติไปแล้วค่ะคุณหมอ!!!”
..
..
..
       ยิ่งเข็มนาฬิกาหมุนผ่านไปมากขึ้นเท่าไหร่ก็ยิ่งทำให้คนที่อยู่หน้าห้องฉุกเฉินอย่างเบบี้ สตีฟ และแก๊งค์ลูกเป็ดยิ่งเพิ่มความตึงเครียดเข้าไปอีก เมื่อไม่เห็นมีวี่แววของแม็ก มิน หรือเจ้าหน้าที่คนไหนเดินออกมาสักที

       พรึ่บ!!!

        “ไม่ทราบว่าตรงนี้มีใครมีกรุ๊ปเลือด AB-Rh Negative อีกบ้างไหมคะเพราะตอนนี้ทั้งคนไข้และคนที่ให้เลือดแย่พอๆกันแล้วค่ะ ทั้งคู่ต้องการเลือดด่วนเลยค่ะ!” พยาบาลคนเดิมออกมาถามหาเลือดกับคนที่เหลืออีกครั้งด้วยสีหน้าที่เคร่งเครียดกว่าเดิม

       “ผมครับ/ผม” แต่คราวนี้กลับมีทั้งสตีฟและฟาโรห์ยกมือขึ้นพร้อมกันเพราะเขาทั้งคู่มีเลือดกรุ๊ปนี้เหมือนกันพอดี และที่ไม่ได้เข้าไปพร้อมแม็กในตอนแรกก็เพราะพยาบาลไม่ได้บอกกรุ๊ปเลือดกับฟาโรห์ในตอนแรก ส่วนสตีฟก็มาถึงก็ตอนที่แม็กเดินหายเข้าไปในห้องฉุกเฉินแล้ว

       “ถ้าอย่างนั้นก็ช่วยตามดิฉันมาทางนี้ด่วนเลยค่ะ!” เธอพูดพร้อมกับเดินนำสตีฟและฟาโรห์เข้าไปในห้องฉุกเฉินเช่นเดียวกับที่ทำกับแม็กก่อนหน้านี้ ก่อนที่จะพากันเงียบหายไป
..
..
..
ช่วงสายวันต่อมา...

       “อืมมม....”

       “อ๊ะ! แม็กกี้ตื่นแล้วหรอ?” ชิตะน้อยที่นั่งอ่านหนังสือการ์ตูนอยู่คนเดียวในห้องพักที่มีเตียงคนป่วยสองคนนอนเคียงกันร้องขึ้นอย่างดีใจ เมื่อเห็นว่าแม็กกำลังขยับตัวหลังจากที่เขาต้องนั่งเฝ้าทั้งแม็กและมินอยู่คนเดียวมานานแสนนาน(ในความคิดของเจ้าตัว)

       “นะ...น้ำ”

       “น้ำหรอ? ได้ๆ เดี๋ยวพี่ชิตะจะเอาน้ำให้แม็กกี้ดื่มเอง!” พูดเองเออเองพลางเทน้ำดื่มที่อยู่ในเหยือกข้างเตียงใส่แก้วเสียบหลอดปีนขึ้นไปป้อนแม็กถึงเตียง...เรื่องแค่นี้พี่ชิชิทำได้สบายๆ เพราะพี่เคยเห็นแม่ทำให้ป๊าตอนป่วยบ่อยๆ...เจ๋งป่ะล่ะ?

       “ชิตะหรอ?” แม็กกระพริบตาสองสามทีไล่ความง่วงงุนพร้อมทั้งปรับสายตาให้คุ้นชินกับแสงไฟสว่างจ้าในห้อง ก่อนที่จะพูดถามออกมาเมื่อเห็นว่าคนที่ป้อนน้ำเขาคือใคร

       “อื้อ! พี่ชิตะสุดหล่อเอง” เจ้าตัวน้อยกอดอกยกยอตัวเองเต็มที่

       “คนอื่นไปไหน? แล้วมินล่ะ?” แม็กถามทั้งที่ยังไม่ทันได้หันไปมองดูรอบๆตัวเองให้ดีเสียก่อน

       “เบบี๋กับสตีฟไปอาบน้ำ เตโชกับเตชินอยู่เฝ้าข้างนอก แต่ฟาโรห์บอกว่าจะไปเชือดหมาอ่ะ พี่ก็ไม่เข้าใจหรอกว่าเชือดคืออะไร ส่วนมินนี่จังก็อยู่ข้างหลังแม็กกี้ไงฮะ!” เจ้าชิตะน้อยเจื้อยแจ้วบอกไปตามที่ตัวเองรู้ แต่จะติดขัดก็ตรงที่ต้องบอกเรื่องของฟาโรห์เพราะเขาไม่เข้าใจว่าคำว่า... ‘เชือด’ ที่ฟาโรห์พูดมันคืออะไร เพราะยังไม่ค่อยแตกฉานนักสำหรับภาษาไทยยากๆบางคำ ก่อนจะพยักหน้าพร้อมทั้งชี้นิ้วไปยังข้างหลังแม็กเมื่อต้องบอกถึงที่อยู่ของมิน

       “มิน”

       “อะๆ คุณลุงหมอบอกว่าแม็กกี้ยังลุกไม่ได้นะฮะจนกว่าคุณลุงหมอจะมาตรวจอีกทีนึง” ชิตะพูดห้ามพร้อมกับดันตัวแม็กให้นอนลงเหมือนเดิมตามคำสั่งที่หมอสั่งกับเจ้าตัวไว้ของเมื่อตอนที่เข้ามาตรวจในรอบเช้า ก่อนที่แม็กจะฟื้นได้ไม่นานนัก ซึ่งแม็กเองก็นอนลงตามคำสั่งของคุณหมอชิตะตัวน้อยแต่โดยดีเมื่อเห็นสีหน้าและท่าทางขึงขังที่แสนน่ารักนั่น

       แอ๊ดดด...

       “อ๊ะ! ฟาโรห์มาแล้วหรอ? ไปนานมาก!!” ชิตะน้อยกระโดดใส่คนที่เพิ่งเปิดประตูเข้าห้องเข้ามา เมื่ออีกคนเดินเข้ามาหยุดยืนอยู่ทางปลายเตียงของแม็ก

       “ครับ” ฟาโรห์รับตัวเจ้าตัวแสบเข้ามาไว้ในอ้อมแขนพร้อมกับหอมแก้มเจ้าตัวเล็กช่างพูดนั่นไปอีกฟอดใหญ่ โดยไม่ทันได้มองว่าเจ้านายชั่วคราวของเขาฟื้นขึ้นมาแล้วหนึ่งคน จนแม็ก ต้องเป็นฝ่ายแกล้งกระแอมกระไอออกมาเพราะไม่อยากจะเห็นฉากสวีทระหว่างเด็กห้าขวบตัวเปี๊ยกกับบอดี้การ์ดตัวโตของตัวเองสักเท่าไหร่ คือจะว่ายังไงดีล่ะ! ปกติแม็กไม่สนใจอะไรหรอกนะถ้าจะมีใครมากอดมาจูบกันให้เห็นต่อหน้าต่อตาอย่างนี้เพราะเขาเองก็ไปอยู่ต่างประเทศมานาน แต่พอกำลังจะมีลูกเป็นของตัวเองแล้วต้องมาเห็นเด็กห้าขวบอย่างชิตะทำแบบนี้เขาไม่ค่อยโอเคสักเท่าไหร่ว่ะ! จะว่าเขาคิดมากไปก็คงจะไม่ใช่ เพราะวันแรกที่เจอกันเด็กน้อยเป็นคนบอกเองว่าเป็นแฟนกับฟาโรห์(ถึงแม้ว่าเขาจะไม่เชื่อก็เถอะ) แต่พอได้เห็นสายตาและการกระทำของฟาโรห์ที่มีต่อชิตะ เขาก็สามารถฟันธงได้เลยว่าไอ้เด็กแสบนั่นมันไม่ได้โม้ แต่จะไปถึงขั้นไหนกันแล้วเขาก็ไม่รู้และไม่อยากรับรู้ด้วยหรอกนะ…ไอ้เด็กแก่แดดเอ้ย!!!

       “ฟื้นแล้วหรอครับ” อืม...แม็กว่าตัวเขาเองเป็นคนไม่สนโลกแล้วนะ แต่กับไอ้หมอนี่คงจะต้องใช้คำว่าไร้ความรู้สึกหรือเปล่า เพราะทันทีที่ได้ยินเสียงกระแอมของเขามันก็ค่อยๆวางตัวชิตะลงบนพื้น ก่อนที่จะเงยหน้าขึ้นมาทักทาย(?)เขาด้วยท่าทางนิ่งๆเหมือนกับว่าเมื่อกี้มันไม่ได้ทำอะไรและไม่มีอะไรเกิดขึ้น

       “อืม...เห็นชิตะบอกว่าหมอเข้ามาตรวจแล้ว หมอว่ามินเป็นยังไงบ้าง” แม็กเอ่ยถามถึงคนรักที่ยังคงนอนหลับตาพริ้มอยู่เตียงข้างๆกันด้วยสีหน้าที่ดีกว่าตอนอยู่ในห้องฉุกเฉินขึ้นมานิดนึง ถึงแม้ว่าจะยังดูซีดเซียวอยู่มากก็ตาม

       “คุณมินพ้นขีดอันตรายแล้วครับ แต่คุณหมอสั่งห้ามขยับตัวจนกว่าจะอนุญาตเพราะว่าไม่อยากที่จะให้กระทบกระเทือนถึงเด็กในท้องอีก ส่วนของคุณคุณหมอบอกว่าไม่เป็นอะไรมาก แค่รอให้เลือดและน้ำเกลือกระปุกนี้หมดก็พอแล้วครับ” ฟาโรห์พูดบอกระเอียดยิบอย่างไม่มีการตกหล่นที่ตรงไหนเลยแม้แต่น้อย เพราะว่าเมื่อเช้านี้เขาตั้งใจฟังคำวินิจฉัยจากมาเป็นอย่างดี

       “ขอโทษด้วยนะครับที่ปล่อยให้เกิดเรื่องแบบนี้ได้” ฟาโรห์โค้งตัวลงจนหน้าผากแทบจะชิดหัวเข่าเพื่อเป็นการขอโทษแม็ก อย่างยอมจำนนกับความบกพร่องในการปฏิบัติหน้าที่ของพวกเขาครั้งนี้

       “ไม่ต้องหรอก ฉันรู้ว่าพวกนายทำดีที่สุดแล้ว เป็นฉันต่างหากที่ต้องขอบคุณพวกนายแทน เพราะถ้าไม่ได้พวกนายป่านนี้ครอบครัวของฉันจะเป็นยังไงบ้างก็ไม่รู้” แม็กบอก เขาไม่ได้โกรธหรือว่ามีความรู้สึกที่จะไม่พอใจแก๊งค์ลูกเป็ดเลย ถึงแม้ว่าทั้งเขาและมินจะเจ็บตัวด้วยกันอย่างนี้ เพราะบางที ถ้าเกิดว่าเมื่อวานไม่มีแก๊งค์ลูกเป็นเขากับมินรวมถึงลูกอาจจะไม่มีใครรอดเลยก็ได้

       โครก~

       “อ๋อย~ ชิชิหิวข้าวแล้วอ่าฟาโรห์~” ชิตะน้อยร้องบอกออกมาพร้อมกับเสียงท้องร้องของเจ้าตัวในขณะที่แม็กและฟาโรห์กำลังนั่งคุยกันอยู่เงียบๆ

       “รออีกสักพักนะครับ คุณภีมกำลังเดินทางมารับ” ฟาโรห์ยกนาฬาข้อมือขึ้นมาดูเวลาก่อนที่จะพูดบอกออกมาเสียงเรียบด้วยสีหน้าเฉยชา เสียจนเจ้าตัวเล็กหน้าง้ำงอ

       “มารับทำไม? มารับไปไหน?” ชิตะน้อยจ้ำเดินเข้ามาเท้าเอวถามอย่างเอาเรื่อง

       “มารับคุณหนูไปอยู่ด้วยระหว่างที่รอนายท่านกับคุณภามมารับไงครับ” ฟาโรห์ยังคงบอกด้วยท่าทางเรียบเฉยถึงแม้จะรู้ดีว่าคุณหนูตัวน้อยของตนกำลังจะอาละวาดในอีกไม่ใช้

       “ไม่ไป!! ชิชิอยากอยู่กับฟาโรห์ไม่ได้อยากอยู่กับลุงภีมสักหน่อย!!!” เจ้าตัวน้อยบอกจุดประสงค์และความต้องการของตัวเองออกมา

       “แต่ผมต้องทำงาน” ฟาโรห์เองก็มีเหตุผลเป็นของตัวเองเหมือนกัน

       “ก็จะอยู่!!!” ชิตะยังคงยืนยันคำเดิมด้วยเสียงที่ดังกว่าเดิมมากขึ้นอีกเท่าตัว

       “อย่าอยู่เกะกะผมเลยครับ ผมทำงานไม่สะดวก”

       “ฟาโรห์!!!” ชิตะน้อยถึงกับกรีดร้องเรียกชื่อของอีกคนออกมาเสียงดังลั่นด้วยความขัดใจ เมื่อโดนคำพูดที่แสบเจ็บแสบนั้นตอกเข้าจังๆ

       “อย่าเสียงดังนะครับ คุณมินต้องการพักผ่อน...ผมขอตัวสักครู่นะครับ” ฟาโรห์ว่าพร้อมกับอุ้มเด็กน้อยขึ้นมาพาดบ่า ก่อนที่จะโค้งตัวขออนุญาตแม็กพาเด็กดื้อออกไปจัดการ เพราะบริเวณหน้าห้องพักมีเตโชและเตชินคอยเฝ้าดูตลอดเวลาอยู่แล้ว จึงไม่มีอะไรต้องห่วง และหน้าที่ของเขาก็ไม่ใช่การมานั่งเฝ้าแม็กหรือมินเหมือนอย่างสองคนนั้นด้วย จึงไม่จำเป็นที่จะต้องอยู่ข้างๆตัวนายจ้างตลอดเวลาเช่นกัน

       “เฮ้อ...” แม็กถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอกหลังจากที่ทั้งสองคนออกไปแล้ว และเห็นว่ามินยังคงนอนหลับตาพริ้มอยู่บนเตียงเช่นเดิม ไม่มีทีท่าว่าจะตื่นขึ้นมาแต่อย่างใด

      ก๊อก...ก๊อก...

       “เป็นยังไงบ้างครับ รู้สึกดีขึ้นแล้วใช่มั้ย” เสียงเคาะประตูเปิดเข้ามาพร้อมกับหมอพยาบาล และเตโชที่ตามเข้ามาตรวจดูความเรียบร้อย

       “ก็ดีครับ” แม็กตอบออกไปตามตรง เพราะเขาไม่ได้รู้สึกเจ็บปวดหรือป่วยอะไรตรงไหน แถมยังรู้สึกว่าร่างกายสดชื่นมากกว่าเดิมเสียอีก สงสัยจะเป็นเพราะว่าได้นอนพักยาวกว่าปกติ หลังจากที่ลุยงานหนักมาหลายสัปดาห์ติด

      “ถ้าอย่างนั้นก็ไม่เป็นอะไรแล้วนะครับ เดี๋ยวหลังจากถอดน้ำเกลือแล้วหมอจะสั่งให้คนมาเก็บเตียงและเคลียร์ชื่อคุณออกจากระบบผู้ป่วยนะครับ ห้องจะได้กว้างขึ้นกว่าเดิม” หลังจากที่พยาบาลจัดการถอดสายน้ำเกลือและเลือดออกให้แม็กแล้ว หมอก็บ่นเรื่องที่แม็กฝืนให้เลือดมินจนตัวเองช็อกหมดสติไปอีกนิดหน่อยกก่อนที่จะพากันออกไป และหลังจากนั้นไม่ถึงสิบนาทีก็มีเจ้าหน้าที่มาจัดการจัดห้องให้ใหม่โดยเหลือเตียงคนป่วยของมินอยู่คนเดียวตั้งอยู่กลางห้องจึงทำให้ห้องที่เคยดูแคบกว้างขึ้นกว่าเดิมไปถนัดตา 

       “ขอบคุณที่ไม่ทิ้งกัน” แม็กพูดบอกพร้อมกับก้มลงจูบขมับมินเบาๆเพราะไม่อยากจะรบกวนการพักผ่อนของคนรักนัก เพราะว่าสิ่งที่เขาได้ยินก่อนที่จะหมดสติไปในห้องฉุกเฉินนั้น มิน แทบจะไม่หายใจอยู่แล้ว ตามคำพูดสุดท้ายของพยาบาลที่เขาได้ยินน่ะนะ

       “เข้มแข็งเข้าไว้นะไอ้ตัวเล็ก” และแม็กก็ไม่ลืมที่จะพูดบอกพร้อมกับลูบท้องของมินให้กำลังใจคนที่อยู่ในนั้นเบาๆเช่นกัน ก่อนที่จะผละตัวออกไปเรียกสองพี่น้องเตเข้ามาคุยกันข้างใน





...TBC.
หัวข้อ: Re: {Mpreg/Incest} แฝด Up.ตอนที่ 18 (15/01/60)
เริ่มหัวข้อโดย: Mura_saki ที่ 15-01-2017 19:56:00
โล่งอกไปทีนะแม็ก ปลอดภัยแล้วทั้งแฝดและมิน

ชิชิ เป็นสีสันของเรื่องนี้มาก  ไปอยู่กับลุงภีมสักพักให้ฟาร์โรจัดการบางอย่างก่อนเนอะ หนูค่อยมาใหม่ 555

หัวข้อ: Re: {Mpreg/Incest} แฝด Up.ตอนที่ 18 (15/01/60)
เริ่มหัวข้อโดย: ❣☾月亮☽❣ ที่ 15-01-2017 20:08:13
 :L2:    ชิชิน่ารัก
หัวข้อ: Re: {Mpreg/Incest} แฝด Up.ตอนที่ 18 (15/01/60)
เริ่มหัวข้อโดย: sirin_chadada ที่ 15-01-2017 20:09:09
ให้กำลังใจคนเขียนค่ะ
หัวข้อ: Re: {Mpreg/Incest} แฝด Up.ตอนที่ 18 (15/01/60)
เริ่มหัวข้อโดย: little_munoi ที่ 15-01-2017 20:32:58
ชิชิน่าร๊ากกก
หัวข้อ: Re: {Mpreg/Incest} แฝด Up.ตอนที่ 18 (15/01/60)
เริ่มหัวข้อโดย: minneemint ที่ 15-01-2017 22:07:01
 :กอด1:
หัวข้อ: Re: {Mpreg/Incest} แฝด Up.ตอนที่ 18 (15/01/60)
เริ่มหัวข้อโดย: LovEYouOnLy ที่ 15-01-2017 22:40:48
ชิชิเพิ่ง5ขวบ แบบนี้ยิ่งกว่าพรากผู้เยาว์อีกนะ
หัวข้อ: Re: {Mpreg/Incest} แฝด Up.ตอนที่ 18 (15/01/60)
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 15-01-2017 23:35:59
 :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: {Mpreg/Incest} แฝด Up.ตอนที่ 18 (15/01/60)
เริ่มหัวข้อโดย: GuoJeng ที่ 16-01-2017 01:22:00
ภีม ภามนี่เป็นลูกพ่อภาคใช่มั้ยอะ?
   มินน่าสงสารอะเป็นเหยื่อให้คนร้ายง่ายมากๆ รออ่านต่อคับ
หัวข้อ: Re: {Mpreg/Incest} แฝด Up.ตอนที่ 18 (15/01/60)
เริ่มหัวข้อโดย: fay 13 ที่ 16-01-2017 15:16:31
 :mew1:
หัวข้อ: Re: {Mpreg/Incest} แฝด Up.ตอนที่ 18 (15/01/60)
เริ่มหัวข้อโดย: เขียนสือ ที่ 16-01-2017 15:59:46
ภีม ภามนี่เป็นลูกพ่อภาคใช่มั้ยอะ?
   มินน่าสงสารอะเป็นเหยื่อให้คนร้ายง่ายมากๆ รออ่านต่อคับ

 
ใช่แล้วค่ะ!! ชิตะคือลูกชายของเจโล่กับภาม หลายของภาสพัส ในเรื่องคุณเมียภาคบังคับค่ะ
หัวข้อ: Re: {Mpreg/Incest} แฝด Up.ตอนที่ 19 (16/01/60)
เริ่มหัวข้อโดย: เขียนสือ ที่ 16-01-2017 18:57:34

แฝด ตอนที่ 19





       ก๊อก...ก๊อก...


      “สวัสดีครับ ผมพีรภัทร หรือจะเรียกสั้นๆว่าภีมก็ได้ครับ ผมเป็นลุงของชิตะน่ะครับ ส่วนนี่เจ้านายภรรยาผม ยินดีที่ได้รู้จักครับ” หลังจากที่แม็กนั่งคุยกันเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อวานอยู่กับสองพี่น้องเตโชและเตชินอยู่พักใหญ่ เสียงเคาะประตูก็ดังขึ้นมาเบาๆพร้อมกับที่ฟาโรห์เป็นคนเดินนำบุคคลแปลกหน้าสองคนที่แม็กเคยเห็นผ่านตาบนหน้านิตยสารสังคมชั้นนำอยู่หลายครั้งหลายคลาเดินตามเข้ามาพร้อมกับที่มีเจ้าชิตะน้อยเดินหน้างอตามมาด้วย

       “ผมแม็กยินดีที่ได้รู้จักเช่นกันครับ” แม็กแนะนำตัวพร้อมกับยื่นมือเข้าไปจับทักทายตามมารยาทสังคมกับแขกทั้งสองคน

       “นี่ของเยี่ยมครับ ขอให้ภรรยาและลูกคุณแข็งแรงขึ้นในเร็ววันนะครับ” ภีมยื่นกระเช้าของฝากส่งให้กับแม็กพร้อมกับอวยพร

       “ขอบคุณครับ” แม็กตอบกลับด้วยรอยยิ้ม(การค้า)น้อยๆ

       “ผมต้องขอโทษด้วยนะครับที่ปล่อยให้อชิตะมากวนพวกคุณอยู่หลายวัน เพราะที่บ้านเราไม่มีใครอยู่ไทยเลย ส่วนพ่อแม่ของเจ้าตัวเล็กนี่ก็ติดภารกิจหนักอยู่ที่ญี่ปุ่นกันทั้งคู่” ภีมบอกด้วยสีหน้าและท่าทางเกรงใจ เพราะก่อนหน้านี้สมาชิกครอบครัวของพวกเขาไม่มีใครอยู่เลยจริงๆ จะเอาไปไว้ให้อยู่กับแม่บ้านก็คงจะไม่มีใครเอาอยู่

       “ไม่รบกวนหรอกครับ เจ้าเปี๊ยกนี่เขากลายเป็นคนโปรดของภรรยาผมไปแล้ว ซนพอๆกัน” แม็กว่าพลางยื่นมือเข้าไปขยี้หัวกลมๆของชิตะน้อยที่ยืนอยู่ที่พื้นข้างหน้าคุณลุงของเจ้าตัว เพราะตั้งแต่มีชิตะเข้ามามินก็ดูร่าเริงขึ้นเพราะได้เพื่อนเล่นเพื่อนดูการ์ตูนที่โต้ตอบกับตัวเองได้ดีกว่าแก๊งค์เพื่อนปลาทองของเจ้าตัวที่คุยด้วยได้แต่ไม่มีคำตอบให้

       “ยังไงวันนี้ผมก็ต้องขอตัวหลานกลับเลยนะครับ ขอคุณมากๆเลยนะครับที่ช่วยเป็นธุระดูแลให้อยู่หลายวันเลย” ภีมบอกลาเมื่อเห็นว่าถึงเวลาสมควรแล้ว เพราะไม่อยากที่จะอยู่รบกวนเวลาพักผ่อนของคนไข้ที่ยังนอนไม่ได้สติอย่างมินมากนัก

       “พรุ่งนี้พี่ชิตะจะรีบมาหามินนี่จังกับแม็กกี้แต่เช้าเลยนะฮะ” ชิตะพูดบอกพร้อมกับโผเข้ากอดแม็กเต็มแรง เพราะเด็กน้อยเริ่มที่จะผูกพันกับคนในครอบครัวนี้ซะแล้ว

       “เอาน่า...อย่าร้องไห้สิไอ้ตัวเล็ก แค่กลับไปนอนกับคุณลุงเดี๋ยวพรุ่งนี้ค่อยกับมาเล่นกับมินกับน้องที่นี่ใหม่แค่นั้นเอง...รู้มั้ย?” แม็กยกตัวเด็กน้อยขึ้นมาอุ้มพร้อมกับพูดปลอบเมื่อเห็นว่าเจ้าตัวแสบเขื่อนน้ำตาแตกเสียแล้ว

       “อื้อ! ฝันดีนะแม็กกี้…จุ๊บ!” ชิตะพยักหน้ารับรู้ก่อนที่จะบอกฝันดีล่วงหน้าพร้อมกับใช้ริมฝีปากน้อยๆของตัวเองจุ๊บลงไปที่ริมฝีปากของแม็กเบาๆอย่างที่ไม่เคยมีใครคาดคิดมาก่อนว่าเจ้าตัวจะทำ โดยเฉพาะคนที่ยืนมองพร้อมกับกำหมัดแน่นอยู่ข้างหลังอย่างฟาโรห์

       ‘บอกว่าไม่ให้ทำอย่างนี้กับใครไม่เคยจำ!...อยากโดนลงโทษมากสินะ!’ เสียงบ่นในใจของใครบางคนที่ตอนนี้กำลังปล่อยรังสีอำมหิตออกมาอย่างไม่รู้ตัว

       “ถ้าอย่างนั้นพวกผมขอตัวกลับเลยนะครับ” ภีมบอกลาพร้อมก่อนที่จะพาชิตะและเจ้านายผู้เป็นภรรยาเดินออกจากห้องพักของมินไป

       “ไม่ตามไปส่งหน่อยหรือ? งอนขนาดหนักเลยนะนั่น” แม็กหันมาถามฟาโรห์ที่ยังคงยืนจ้องบานประตูนิ่งๆหลังจากที่คุณลุงและคุณหลานทั้งสามคนกลับไปแล้ว เพราะเขาสังเกตุเห็นว่าก่อนหน้าที่ชิตะจะเดินออกไปเจ้าตัวเล็กหันมาค้อนบอดี้การ์ดตัวโตนี่ทั้งน้ำตาเลย

       “ปล่อยให้มันเป็นไปตามนี้ดีที่สุดแล้วครับ…ผมขอตัวไปจัดการไอ้ตัวที่จับได้เมื่อวานนี้ก่อนนะครับ” ฟาโรห์ว่าก่อนที่จะหันหลังเดินออกจากห้องไป

       “อือออ...” ยังไม่ทันที่แม็กจะได้ทำอะไรเสียงร้องของคนบนเตียงที่เขารอคอยอยู่นานก็ทำท่าว่ากำลังจะตื่นขึ้นมาจากนิทราเสียที

       “เป็นไงบ้าง เจ็บตรงไหนรึเปล่า” หลังจากที่เอาน้ำให้คนป่วยอย่างมินดื่มแก้กระหายเสร็จเรียบร้อยแล้ว แม็กก็ซักถามถึงอาการทันทีด้วยความห่วงใยถึงแม้ว่าก่อนหน้านี้เขาจะได้คำตอบจากหมอมาแล้วว่ามินและลูกปลอดภัยดีก็ตาม

       “ลูกเป็นอะไรรึเปล่าแม็ก มินเจ็บตรงท้อง” มินถามด้วยความกังวล

       “ไอ้ตัวเล็กมันยังสบายดีเหมือนเดิม แต่หมอไม่ยังไม่ให้มึงขยับตัวเพราะกลัวว่าจะกระเทือนไปถึงลูก” แม็กบอก

       “ลูกไม่เป็นอะไรจริงๆใช่มั้ยแม็ก? ตอนนั้นมินกลัวมากเลย” มินถามย้ำอีกครั้งเพื่อความแน่ใจ เพราะก่อนที่จะหมดสติไปเขารู้สึกเจ็บและปวดเหมือนกับว่ามีอะไรมาบีบรัดแรงๆอยู่ที่หน้าท้องตลอดเวลา

       “เอาน่า...บอกว่าไม่เป็นอะไรก็ไม่เป็นอะไรสิ อย่าไปคิดอะไรมากเลย กูไม่ปล่อยให้มึงกับลูกเป็นอะไรไปหรอก” แม็กบอกพร้อมกับลูบหน้าผากมินเบาๆ เขากำลังดีใจ...ดีใจที่มินฟื้นขึ้นมาแบบปกติโดยที่ไม่มีผลข้างเคียง ดีใจที่เลือดของเขาสามารถช่วยชีวิตทั้งลูกและคนรักของเขาไว้ได้ถึงสองคน ถึงแม้ว่าตัวเขาเองจะต้องพึ่งพาเลือดของสตีฟกับฟาโรห์ก็ตาม ไม่ว่าเมื่อวานมันจะเกิดเรื่องร้ายแรงอะไรขึ้นบ้าง...แต่วันนี้มินยังอยู่กับเขาตรงนี้ก็มากพอแล้ว
..
..
..
เช้าวันต่อมา...

       แอ๊ดดด...ตึง!

       “มินนี่จัง~ พี่ชิตะสุดหล่อมาหาแล้ววววว....” ประตูห้องพักของมินเปิดออกพร้อมกับเสียงทักทายอันสดใสของลูกพี่ใหญ่แห่งแก๊งค์ลูกเป็ดดังลั่นมาแต่ไกล ก่อนที่เจ้าตัวจะรีบปีนขึ้นไปบนเตียงผู้ป่วยของมินอย่างคล่องแคล่วเมื่อเห็นว่ามินกำลังนั่งทานข้าวต้มอยู่โดยมีแม็กยืนป้อนอยู่ใกล้ๆ

       “อย่าทำเสียงดังรบกวนคนอื่นอย่างนี้สิครับคุณหนู” ฟาโรห์ที่นั่งดูข่าวอยู่บนโซฟาบริเวณจุดที่ทางโรงพยาบาลจัดไว้ให้ญาติของผู้ป่วยได้พักผ่อนเอ่ยเอ็ดขึ้นมานิ่งๆ

       “ฟอดดดด...พี่คิดถึงมินนี่จังม๊ากมากกกก.....” แต่มีหรอที่คนอย่างพี่ชิตะน้อยจะสะทกสะท้าน เจ้าตัวเมินเฉยทำเป็นไม่ได้ยินที่ฟาโรห์ว่า พร้อมทั้งลุกขึ้นคว้าคอมินเข้ามาสหอมแก้มอีกฟอดใหญ่ด้วยความคิดถึง

       “เฮ้อ! เหนื่อย! สวัสดียามเช้าครับทุกคน...ทำไมชิตะวิ่งไม่รอลุงภีมอย่างนี้ล่ะครับ ถ้าหลงทางไปจะทำยังไง...ฮึ?” ภีมที่วิ่งตามหลานมาด้วยอาการเหนื่อยหอบเพราะเจ้าตัวเล็กนั้นยิ่งกว่าปรอทก็เอ่ยทักทายทุกคนอย่างเป็นกันเอง ก่อนที่จะหันไปดุหลานชายตัวน้อยที่นั่งทำหน้าทะเล้นอยู่บนเตียงคนไข้ข้างๆมิน

       “ก็ชิตะคิดถึงมินนี่จังนี่ฮะ ลุงภีมไม่โกรธน้า...สัญญาว่าจะไม่ทำอีก มาโอ๋ๆกันดีกว่า” เจ้าตัวน้อยแก้ตัว พร้อมกับให้คำสัญญาอย่างเป็นมั่นเป็นเหมาะ ก่อนที่จะกางแขนสองแขนร้องเรียกให้คุณลุงสุดที่รักเดินเข้ามากอดตัวเองอย่างออดอ้อน

       “อย่าทำอีกนะครับเด็กดี” ภีมเดินเข้ามาพูดบอกพร้อมกับโอบกอดหลานชายตามที่เจ้าตัวร้องขอ

       “รับทราบฮะ” ชิตะรับปากพร้อมกับลุกยืนขึ้นทำวันทยหัตถ์เรียนแบบท่าทางของพวกตำรวจทหารอย่างทะเล้น

       “ถ้าอย่างนั้นลุงไปทำงานก่อนนะครับ เดี๋ยวตอนเย็นจะมารับ รบกวนด้วยนะครับคุณแม็กคุณมิน” ภีมบอกกับหลานชายก่อนที่จะหันไปพูดบอกกับแม็กและมินอีกทีด้วยความรีบร้อน จนลืมไปว่าตัวเองนั้นยังไม่ได้แนะนำตัวกับคนป่วยอย่างเป็นทางการเลย

       จุ๊บ...จุ๊บ...จุ๊บ!!!

       “ไฟท์ติ้งนะฮะลุงภีม!!” เจ้าตัวน้อยคว้าคอคุณลุงสุดที่รักเข้ามาจุ๊บแก้มซ้ายขวาพร้อมทั้งปิดท้ายที่ริมฝีปากของภีมแรงๆอีกหนึ่งทีเพื่อเป็นขวัญและกำลังใจในการทำงาน

       “ครับผม...ขอตัวก่อนนะครับ” ภีมรับคำหลานก่อนที่จะหันไปพูดลาแม็กและมินอีกครั้งก่อนที่จะเดินออกจากห้องไปจริงๆ

       “จะทันได้โตมั้ยเนี่ยไอ้เปี๊ยก” แม็กมองการกระทำอันไร้เดียงสา(รึเปล่า?)ของเจ้าตัวแสบ และอดไม่ได้ที่จะเสตามองไปทางฟาโรห์ที่นั่งปั้นหน้ายักษ์อยู่ไม่ไกล

       “แม็กพูดว่าอะไรนะมินฟังไม่ทัน” มินถามคนรักที่ยืนบ่นพึมพำอยู่ข้างๆกัน

       “เปล่าๆ มากินข้าวต่อ จะได้กินยา” แม็กสะบัดหัวไล่ความคิดบ้าๆของตัวเองก่อน ก่อนที่จะหันมาสนใจป้อนข้าวมินต่อ

       “คนเมื่อกี้นี้เขาเป็นใครหรอ?” มินถามด้วยความสงสัยเพราะเห็นว่าภีมทักทายเขาเหมือนกับว่ารู้จักกันมาก่อนอย่างไงอย่างงั้น

       “พีรภัทร อัครจินดากรณ์ แฝดคนกลางของเจ้าสัวณัฐภาส เจ้าพ่อคลังเพชรที่มึงเคยออกแบบเครื่องเพชรส่งไปประกวดไง ที่สำคัญคือเขาคือลุงแท้ๆของไอ้ตัวแสบนี่ไง” แม็กบอก เพราะมีอยู่ช่วงหนึ่งที่มินเคยวาดแบบเครื่องเพชรส่งไปประกวดเล่นๆเมื่อตอนที่บริษัทเขาจัดประกวด แต่มันก็ผ่านมาหลายปีแล้ว

       “หืม...พี่ชิตะของเรานี่ไม่ธรรมดาเลยนะเนี่ย” มินร้องครางด้วยความประหลาดใจ เมื่อได้รู้ถึงที่ไปที่มาของบุคคลแปลกหน้า ก่อนที่จะหันไปเย้าแหย่กับเด็กชายตัวน้อยที่นั่งยิ้มแป้นด้วยความภูมิใจ(อย่างไม่รู้เรื่องรู้ราว)อยู่ข้างๆตัวเอง เพราะมินเป็นคนที่ไม่ค่อยได้สนใจโลกภายนอกนักบวกกับว่าไม่ค่อยชอบติดตามข่าวธุรกิจสักเท่าไหร่เขาจึงไม่ค่อยจะรู้จักพวกบุคคลสำคัญหรือคนที่อยู่ในแวดวงไฮโซเหมือนกับแม็กที่ต้องพบเจอกับคนพวกนี้ด้วยหน้าที่การงานบ่อยๆ จึงไม่ใช่เรื่องแปลกอะไรที่แม็กจะรู้แต่เขาไม่เคยรู้

       “หึๆ ถ้ามึงรู้ว่าพ่อแม่กับพี่ป้าน้าอาปู่ย่าตายายมันเป็นใครมึงจะอึ้งกว่านี้อีกมิน” แม็กบอกพร้อมกับส่งยาและน้ำให้กับมิน

       “ทำไมหรอ?” มินถามด้วยความอยากรู้

       “มึงลองถามมันดิว่าคนในครอบครัวมันทำอาชีพอะไรบ้างและมีใครบ้าง” ไม่ไม่บอกแต่ไล่ให้มินไปถามกับเพื่อนซี้(ต่างวัย) ของเจ้าตัวแทน

       “ชิตะครับ” มินหันไปเรียกเจ้าตัวน้อยที่กำลังกดๆจิ้มๆหน้าจอไอแพดของเจ้าตัวอยู่

       “ฮับ!” ตอบรับอย่างแข็งขันแต่ยังคงมุ่นหน้าอยู่กับหน้าจอเช่นเดิม

       “สมาชิกครอบครัวชิตะมีกี่คนครับ” มินพยายามเลือกใช้คำที่เด็กน้อยวัยนี้พอจะเข้าใจ แต่มิน คงจะไม่รู้อะไรว่าเจ้าเด็กน้อยคนนี้มันรู้มากเกินวัยตัวเองไปมากโขแล้ว

       “มีป๊า มีแม่ มีเฮียยูตะ เคนตะ ปู่ภาส ย่าพัส ปู่คุณ ย่าธาร ลุงภาค ลุงชิงหลง ลุงภีม ลุงนาย อาพีช อาขุน อาสมุทร มิโนรุ ฟาโรห์ หลายคนเลยฮะ” เจ้าตัวค่อยๆไล่ชื่อพ่อแม่พี่น้องปู่ย่าตายายของตัวเองออกมาทีละคน แต่มาตกม้าตายก็ตอนที่นับนิ้วจนลืมว่ามีกี่คน เลยสรุปเอาเลยว่ามีหลายคน...เพราะนิ้วน้อยๆทั้งสิบนิ้วของพี่ชิตะนับไม่พอ!!

       “อ่อ...แล้วเค้าทำงานอะไรกันหรอ?” ปกติแล้วอย่างที่รู้กันว่ามินไม่ใช่คนที่จะไปยุ่งเรื่องส่วนตัวของใครอย่างนี้ แต่การที่คนรักอย่างแม็กที่ทิ้งท้ายคำตอบไว้ให้เขาสงสัยอย่างนั้น เขาก็อดไม่ได้ที่จะอยากรู้ เพราะว่าเขาหลงรักเจ้าเล็กตัวน้อยตรงหน้านี้ไปแล้ว เลยอยากที่จะรู้จักเรื่องราวครอบครัวของเจ้าตัวไว้มั่ง เผื่อว่าวันหนึ่งเจ้าตัวน้อยนี้ต้องกลับประเทศไปเขาจะได้ถามหาถูกคน

       “ปู่กับย่าบอกว่าบ้านเราทำธุรกิจขายของฮะ แต่ลุงนายบอกว่าครอบครัวเราเป็นมาเฟียทั้งบ้านต่างหากล่ะ” ชิตะบอกออกมาตามที่ผู้ใหญ่ฝังหัวมาอีกที อย่างไม่รู้เรื่องรู้ราวเพราะสมาชิกในครอบครัวของเจ้าตัวนั้นมีงานและธุรกิจที่แตกต่างกันออกไป ก็เลยไม่รู้ว่าจะอธิบายออกมายังไง เลยเลือกที่ลุงนายคนแมน(?) พูดกรอกหูอยู่บ่อยๆตอบออกไป

       “ห๊ะ?” มินร้องเหวออ้าปากหวอไปแล้วกับสิ่งที่ได้ยิน

       “หึๆ” ส่วนแม็กก็นอกจากจะไม่ช่วยอธิบายแล้วยังจะมายืนหัวเราะหึๆ เพิ่มความสับสนให้มินรู้สึกมึนงงเข้าไปอีก

       “ไม่ต้องมาหัวเราะเลย ก็รู้อยู่ว่ามินเป็นพวกเข้าใจอะไรยาก อธิบายให้ฟังหน่อยสิ” มินฟาดมือเข้าไปที่ต้นแขนคนรักเบาๆด้วยความหมั่นไส้

       “ครอบครัวนี้ก็ทำธุรกิจทั่วๆไปอย่างเราๆนี่แหละ แต่อาจจะเสี่ยงหน่อยเพราะว่าได้เขยเป็นมาเฟียฮ่องกงคนนึง คนสนิทก็เป็นมาเฟียอิตาลี ส่วนพ่อเจ้านี่ก็ตระกูลยากุซ่าเก่า แต่ตอนนี้หันมาฝึกหน่วยรบพิเศษให้ตำรวจกับทหารแทน...ฉันพูดถูกใช่มั้ยฟาโรห์?” แม็กพยายามที่จะอธิบายให้สั้นและเข้าใจได้ง่ายที่สุด ก่อนที่จะหันไปถามคำยืนยันจากฟาโรห์ที่เป็นคนวงในคลุกคลีอยู่กับครอบครัวนี้

       “ครับ ถึงพวกเขาจะมีธุรกิจที่เสี่ยงไปบ้าง แต่ผมกล้ายืนยันได้เลยครับว่าครอบครัวนี้ไม่แตะต้องงานที่ผิดกฎหมายกันสักคน” ฟาโรห์บอก

       “ถ้าอย่างนั้นฟาโรห์ก็ต้องเป็นตำรวจหรือไม่ก็ทหารสินะถึงได้มากับชิตะได้” มินพูดไปตามที่เข้าใจ

       “ไม่ใช่หรอกครับ ผมเป็นแค่คนธรรมดาๆทั่วไปนี่แหละครับ เพราะนอกจากพรรค์ของเราจะฝึกตำรวจกับทหารหน่วยรบพิเศษแล้ว เรายังมีฝึกบอดีการ์ด แล้วก็สอนพวกศิลปะป้องกันตัวอื่นๆด้วยครับ” บอดี้การ์ดหนุ่มช่วยขยายความเข้าใจให้เจ้านายคนสวยเพิ่มอีกหน่อย

       “อ่อๆ มินเข้าใจล่ะ” ทำท่าพยักเพยิดเหมือนจะเข้าใจแล้ว แต่ก็ไม่รู้ว่าจะเข้าใจจริงๆรึเปล่า

       “ถ้าหมดข้อสงสัยแล้วก็นอนพักได้แล้ว ยาก็กินเข้าไปนานแล้วยังไม่ง่วงอีกรึไง” แม็กว่าพลางประคองมินให้เอนตัวลงนอนช้าๆ ก่อนที่จะห่มผ้าให้อีกทีโดยมีชิตะน้อยช่วยอีกแรง

       “ฮ้าว~ พอแม็กทักปุ๊บมินง่วงปั๊บเลยอ่า...” มินบอกพร้อมกับค่อยๆหลับตาหลงช้าๆ และเพียงแค่เสี้ยววินาทีเจ้าตัวก็หลับสนิทไปจริงๆด้วยฤทธิ์ของยาที่ออกมานานแล้ว แต่เจ้าตัวก็ยังฝืนตัวเองนั่งคุยกับคนนั้นคนนี้ไปเรื่อยเปื่อยจนลืมง่วง ถึงได้สลบไสลไปทันทีอย่างที่เห็น

       “เฮ้อ...ดื้อพอๆกับไอ้เปี๊ยกเลยนะมึง” แม็กว่าพลางลูบหัวกลมๆของคนรักด้วยความเอ็นดู

       “งื้อออ...แม็กกี้อ่ะ! พี่ชิตะไม่ได้ดื้อสักหน่อย!” เจ้าเด็กดื้อที่รู้ตัวว่าถูกพาดพิงก็ลุกขึ้นมาแก้ตัวให้ตัวเองเป็นการใหญ่

       “ฮ่าๆ ถ้าไม่ดื้อก็ดูแลมินดีๆรู้มั้ย? ฉันจะไปดูอาการของกำธรสักหน่อย” แม็กไม่ได้บอกแต่กับชิตะคนเดียว แต่เขาฝากมินไว้กับฟาโรห์ที่พยักหน้ารับรู้อยู่ก่อนแล้ว ก่อนที่จะออกจาห้องไป เพราะตั้งแต่ที่เกิดเรื่องเขาก็มัวแต่ยุ่งกับมินจนไม่ได้แวะไปดูอาการของคนสนิทอย่างกำธรเลย เพียงแต่โทรสั่งให้เลขาจัดการงานที่ค้างไว้ และช่วยย้ายกำธรมารักษาที่โรงพยาบาลเดียวกันกับมินนี้เลยจะได้สะดวกในการดูแล เพราะยังไงเขาก็ต้องเป็นคนรับผิดชอบดูแลเรื่องค่าใช้จ่ายและเรื่องคดีความต่างๆให้กับกำธรระหว่างที่เจ้าตัวเจ็บอย่างนี้อยู่แล้ว

       “ลงมานั่งข้างล่างเถอะครับคุณหนู คุณมินต้องการพักผ่อนนะครับ” ฟาโรห์เอ่ยเรียกพร้อมทั้งพูดเตือนเด็กน้อยจอมเอาแต่ใจที่ยังคงเล่นเกมส์หรือว่าทำอะไรสักอย่างอยู่กับไอแพดของตัวเอง ข้างๆกันกับคนป่วยที่นอนหลับไปแล้วอย่างมิน

       “.....” ฟิ้ววว~ ไร้การตอบสนอง ไม่ต่างจากว่าฟาโรห์กำลังพูดอยู่กับดินฟ้าอากาศ

       “กลายเป็นคนที่พูดไม่รู้เรื่องตั้งแต่เมื่อไหร่หรอครับคุณหนูอชิตะ”

       “อย่ามาเรียกชื่อเราอย่างนั้นนะ!!!” ชิตะน้อยทิ้งไอแพดในมือลงพื้นพร้อมกับแหวขึ้นมาเสียงดังทันที เมื่อได้ยินฟาโรห์เรียกชื่อเต็มของตัวเองด้วยน้ำเสียงที่จงใจห่างเหินอย่างเห็นได้ชัด

       “ทั้งเสียงดังทั้งทำลายข้าวของอย่างนี้ไม่น่ารักเลยนะครับ” ฟาโรห์ลุกขึ้นเดินไปเก็บไอแพดที่นอนจอแตกอยู่ที่พื้นพร้อมกับวาดแขนเกี่ยวตัวเด็กน้อยเข้ามาอุ้มลงจากเตียงของมิน

       “ปล่อยเราเดี๋ยวนี้เลยนะ!!”  ชิตะน้อยดิ้นขลุกขลักอยู่ในอ้อมแขนของคนตัวโตอย่างทำอะไรไม่ได้ ด้วยรูปร่างและแรงที่แตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง...เด็กห้าขวบหรือจะมาสู้แรงคิลเลอร์มือหนึ่งของพรรค์ฟูจิวาระผู้แข็งแกร่ง

       “เด็กดื้อต้องถูกลงโทษรู้มั้ยครับ...เตชินเข้ามาเฝ้าคุณมินข้างในคนนึงสิ” ฟาโรห์กระซิบบอกข้างหูของเด็กน้อยในอ้อมแขนเบาๆ ก่อนที่จะเดินออกไปเรียกเตชินที่นั่งเฝ้าอยู่กับเตโชข้างนอกให้เข้าไปเฝ้ามินข้างในหนึ่งคน

       “จะไปแล้วหรอครับหัวหน้า” เตโชถามเป็นมารยาทตามปกติแบบที่ไม่ได้ต้องการคำตอบแต่อย่างใดเพราะงานในส่วนของเขากับฟาโรห์มันคนละส่วนกัน

       “อือ...จะพาเด็กดื้อไปดัดนิสัย” ฟาโรห์บอกแค่นั้นก่อนที่จะจับชิตะพาดบ่าเดินออกไปอย่างสบายๆด้วยสีหน้านิ่งเรียบไม่แสดงอาการอะไรออกมาทั้งสิ้น ซึ่งแตกต่างจากเจ้าเด็กน้อยที่ห้อยหัวต่องแต่งๆดิ้นเล่าๆแหกปากร้องโวยวายไปตลอดทาง





...TBC.
       
หัวข้อ: Re: {Mpreg/Incest} แฝด Up.ตอนที่ 19 (16/01/60)
เริ่มหัวข้อโดย: Mura_saki ที่ 16-01-2017 19:16:36
ชิตะทำไมน่ารักอย่างนี้ มีงอนฟาโรห์อีก

โตมาฟาโรห์เอาอยู่ไหมเนี่ย ? อิอิ
หัวข้อ: Re: {Mpreg/Incest} แฝด Up.ตอนที่ 19 (16/01/60)
เริ่มหัวข้อโดย: ❣☾月亮☽❣ ที่ 16-01-2017 19:34:57
ลงโทษกันเบาๆหน่อยนะ  :mew1: 
หัวข้อ: Re: {Mpreg/Incest} แฝด Up.ตอนที่ 19 (16/01/60)
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 16-01-2017 20:06:15
 :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: {Mpreg/Incest} แฝด Up.ตอนที่ 19 (16/01/60)
เริ่มหัวข้อโดย: little_munoi ที่ 17-01-2017 00:10:53
เอาแล้วไง
ฟาโรห์ใจเย็นนะคะ
น้องห้าขวบนะคะ 55+
หัวข้อ: Re: {Mpreg/Incest} แฝด Up.ตอนที่ 19 (16/01/60)
เริ่มหัวข้อโดย: КίmY ที่ 17-01-2017 13:02:25
ทำไมชิชิน่ารักเยี่ยงนี้    :-[
หัวข้อ: Re: {Mpreg/Incest} แฝด Up.ตอนที่ 19 (16/01/60)
เริ่มหัวข้อโดย: dahlia ที่ 17-01-2017 13:43:19
ชิตะน้อยน่ารักอะ ย้ายมาอยู่กับมินเลย แสบๆ แบบนี้ดีเลย ลูกมินออกมาจะได้แสบบ้างไรบ้าง 555
หัวข้อ: Re: {Mpreg/Incest} แฝด Up.ตอนที่ 19 (16/01/60)
เริ่มหัวข้อโดย: GuoJeng ที่ 17-01-2017 14:18:35
พาชิตะไปตีตูดเลย จะได้ไม่ดื้อ 555
หัวข้อ: Re: {Mpreg/Incest} แฝด Up.ตอนที่ 19 (16/01/60)
เริ่มหัวข้อโดย: arij-iris ที่ 17-01-2017 14:58:06
สงสัยจังว่าลงโทษแบบไหนนนนน  :z1: :z1:
หัวข้อ: Re: {Mpreg/Incest} แฝด Up.ตอนที่ 20 (17/01/60)
เริ่มหัวข้อโดย: เขียนสือ ที่ 17-01-2017 18:51:24

แฝด ตอนที่ 20





       “เป็นยังไงบ้าง” แม็กเอ่ยถามคนสนิทที่นอนคว่ำมีผ้าพันแผลพันเต็มแผ่นหลังอยู่บนเตียงด้วยความรู้สึกผิด สายตาคมไล่มองดูบาดแผลแหวะหวะที่อยู่ไปทั่วทั้งตัวของกำธรอย่างเจ็บใจที่ไม่สามารถช่วยอะไรเจ้าตัวได้เลย

       “ดีขึ้นมากแล้วครับ” กำธรบอกพร้อมกับส่งยิ้มน้อยๆให้กับเจ้านายอย่างไม่ติดใจเอาความอะไร เพราะรู้ดีว่าแม็กรู้สึกผิดกับตนมากแค่ไหนจากสีหน้าท่าทางและการแสดงออกที่ส่งผ่านมาจากแววตาจริงใจคู่นั้น

       “ฉันสัญญาว่าจะจับตัวคนที่ทำผิดมาลงโทษให้ได้” แม็กทิ้งตัวนั่งลงบนเก้าอี้ว่างข้างๆกับเตียงกำธร เขาคว้าสากที่เต็มไปด้วยผ้าพันแผลมากุมไว้เบาๆพร้อมทั้งให้คำสัญญา

       “คุณแม็กอย่าคิดมากเลยครับ อีกไม่กี่วันแผลแห้งเดี๋ยวผมก็หายแล้วครับ” กำธรส่งยิ้มให้กำลังใจเจ้านายน้อยๆ เพราะเขารู้ดีว่าช่วงนี้แม็กเครียดแค่ไหน ทั้งเรื่องงาน เรื่องส่วนตัวประเดประดังกันเข้ามาวุ่นวายไปหมด

       “ถ้ามีปัญหาหรือขาดเหลืออะไรรีบโทรหาผมเลยนะ” แม็กบอกทั้งกำธรและภรรยาของกำธรที่นั่งเฝ้าอยู่อีกฝั่งนึงของเตียง

       “ค่ะ” เธอตอบรับด้วยรอยยิ้มน้อยๆ ถึงแม้ว่าจะรู้แล้วว่าสาเหตุที่ทำให้สามีของเธอเจ็บตัวนั้นคือคนตรงหน้า แต่เธอก็โกรธไม่ลงเพราะเจ้านายคนนี้ของสามีเธอมอบทั้งพระเดชและพระคุณช่วยเหลือครอบครัวเธอไม่เคยขาด
..
..
..
       “อ่าว...ไอ้เปี๊ยกหายไปไหน” แม็กเอ่ยถามขึ้นอย่างสงสัยเมื่อเข้ามาแล้วไม่เจอชิตะน้อยที่ควรจะนอนเล่นอยู่บนเตียงกับคนรักเขา เหลือแต่เตชินที่นั่งเฝ้ามินอยู่ห่างๆ

       “คุณหนูออกไปกับหัวหน้าครับ…ผมขอตัวไปเฝ้าเป็นเพื่อนเตโชข้างนอกนะครับ” เตชินบอกก่อนที่จะขอตัวเดินออกจากห้องไป

       “เป็นอะไร” นั่งเช็คงานกับทางเลขาผ่านทางออนไลน์อยู่นาน แม็กก็ต้องลุกเดินเข้าไปถามคนรักที่นอนหน้านิ่วคิ้วขมวดทั้งที่ยังคงไม่ลืมตา

       “อือ...มินปวดฉี่อ่า.....” มินลืมตาขึ้นมาพูดบอกอย่างงัวเงีย

       “แล้วก็ไม่บอกตั้งแต่แรก อั้นอยู่ได้ เดี๋ยวก็ปวดท้องหรอกมึง” แม็กว่าก่อนที่จะช้อนตัวคนรักขึ้นมาอุ้มแล้วรีบเดินเข้าไปในห้องน้ำทันที เขาค่อยๆวางมินลงที่พื้นเบาๆอย่างระมัดระวังเมื่อถึงจุดหมายปลายทาง

       “เอ้า! มัวยืนทำอะไรทำไมไม่ฉี่ล่ะ?” แม็กชะโงกหน้าเข้าไปถามคนรักใกล้ๆด้วยความสงสัยเมื่อเห็นว่ามินยังคงยืนนิ่งอยู่อย่างนั้น

       “แล้วตัวเองล่ะทำไมไม่ออกไปข้างนอกจะมายืนดูอะไร!” มินว่ากลับไปบ้าง

       “อย่าบอกนะว่ามึงอายกูอ่ะ?” แม็กขมวดคิ้วถาม

       “เออเดะ! ใครมันจะไปกล้ายืนฉี่ให้คนอื่นดูล่ะ” มินตอบมาอย่างอายๆ หน้าแดงแปร๊ด 

       “คนอื่นที่ไหน? กูผัวมึงเถอะ อยู่ด้วยกันมาตั้งแต่เกิดยันโต กูสำรวจทุกซอกทุกมุมมึงมากี่ร้อยกี่พันครั้งแล้วห้ะมินยังจะมาอายอะไรอีก ให้กูควักของกูออกมาฉี่เป็นเพื่อนมึงตอนนี้ยังได้เลยเอามั้ย?” แม็กว่าพร้อมทั้งแกล้งทำท่าจะปลดกระดุมกางเกงตัวเองออก

       “’งื้อออ...แม็กอย่าแกล้งมินสิ มินฉี่จะราดอยู่แล้วนะ! ออกไปเลย!” มินบอกพร้อมกับผลักตัวแม็กออกจากตัวเอง

       “เออๆ เสร็จแล้วเรียกนะ หรือถ้าฉี่ไม่ออกก็เรียกนะเดี๋ยวน้องจะเข้ามาช่วย ‘เอาน้ำออก’ ให้พี่เอง...ฟอด!!!” แม็กยอมเดินออกไปรอมินที่หน้าห้องน้ำแต่โดยดี แต่ก็ยังไม่วายที่จะแหย่คนรักให้เขินอายจนแก้มแดงเล่นจากคำสองแง่สองง่ามที่เจ้าตัวตั้งใจพูดผิดออกมา

       “ไอ้คนทะลึ่ง!!!”

       “เร็วๆเข้า ก่อนที่กูจะเปลี่ยนใจ หึๆ” แม็กออกมายืนหัวเราะชอบใจอยู่หน้าห้องน้ำคนเดียว เมื่อได้ยินเสียงตะโกนว่าของคนรักที่ป่านนี้คงจะเขินอายจนตัวเห่อแดงเหมือนโดนย้อมสีไปหมดแล้วแน่ๆ
..
..
..
เย็นวันเดียวกัน...

       ปัง!!!

       “ทำไมถึงทำหน้างออย่างนั้นล่ะครับชิตะ” มินเอ่ยถามเพื่อนซี้ต่างวัยของตัวเองที่กระแทกตัวเปิดประตูห้องพักเสียงดัง ก่อนที่จะวิ่งปืนขึ้นมาทิ้งตัวลงนอนหนุนแขนเอาอย่างไม่พูดไม่จา โดยมีฟาโรห์เดินตามหลังมาด้วยสีหน้าและท่าทางนิ่งๆตามแบบฉบับของเจ้าตัว

       “ออกไปเลยนะ!!!” ชิตะคว้ากระเป๋าเป้ลูกเป็ดใบน้อยของตัวเองที่ตั้งอยู่บนโต๊ะข้างเตียงของมินคว้างใสหน้าฟาโรห์ที่มาหยุดยืนอยู่ตรงปลายเตรียงของมินด้วยความแม่นยำ

       “ไม่เอานะครับ ไม่ทำอย่างนี้อีกนะครับชิตะ เพราะมันไม่น่ารักเลย” มินเอ่ยเตือนพร้อมทั้งพูดสอนชิตะน้อยอย่างอ่อนโยน เขาไม่รู้หรอกว่าระหว่างที่สองคนนี้หายไปด้วยกันมันเกิดอะไรขึ้นบ้าง ถึงได้ทำให้คนที่เคยร้องหาแต่ฟาโรห์ไม่ว่าจะทำอะไรอย่างชิตะถึงได้มีทำกิริยาก้าวร้าวใส่คนโปรดอย่างฟาโรห์แบบนี้ แต่ที่แน่ๆเลยคือที่โดนชิตะคว้างกระเป๋าใส่หน้าไปจังๆอย่างนั้นฟาโรห์จะต้องเจ็บมากอย่างแน่นอนเพราะกระเป๋าของชิตะที่เห็นใบเล็กๆอย่างนั้นน่ะหนักมาก จากที่เขารับรู้ได้เมื่อตอนที่เป็นคนยกกระเป๋าเจ้าตัวไปวางแอบไว้บนโต๊ะวางของข้างเตียง แต่ก็ไม่รู้หรอกนะว่ามันใส่อะไรไว้ถึงได้หนักขนาดนั้น เพราะไม่ได้เปิดดู

      “อีกครึ่งชั่วโมงคุณภีมจะเข้ามารับคุณหนูกลับ...ผมขอตัวไปทำงานต่อนะครับ” ฟาโรห์ใช้สายตาว่างเปล่าจ้องมองเด็กน้อยอยู่ชั่วครู่ ก่อนที่จะละสายตาหันไปบอกลาแม็กกับมินอีกครั้งด้วยท่าทางนิ่งๆคงเดิม ก่อนที่จะเดินออกจากห้องไป

       “กำลังรู้สึกเสียใจกับอะไรบางอย่างอยู่สินะ” เป็นอีกครั้งที่แม็กต้องพึมพำออกมาเงียบๆคนเดียว อย่างรู้สึกเห็นใจ (อย่างที่ไม่เคยรู้สึก) เมื่อสายตาที่ดีเกินไปของตัวเองดันไปสังเกตเห็นความวูบไหวอย่างผิดปกติในแววตาของบอดี้การ์ดตัวโตที่เดินออกไป ถึงแม้ว่าเจ้าตัวนั้นจะเผลอปล่อยความรู้สึกส่วนลึกในใจออกมาเพียงเสี้ยววินาทีก็ตาม แต่ก็ไม่อาดรอดพ้นสายตาอันเฉียบคมของแม็กไปได้

       “อะไรหรอ?” มินเอ่ยถามอย่างไม่เข้าใจกับสิ่งที่คนรักพูดออกมา

       “ไม่มีอะไรหรอก...ว่าแต่แกอ่ะไอ้เปี๊ยกกินข้าวมารึยัง?” แม็กตอบปัดๆ ก่อนที่จะหันไปพูดถามกับเจ้าหนูน้อยชิตะที่ยังคงนั่งตีหน้าบึ้งอยู่ในอ้อมแขนของมิน ในขณะที่เจ้าตัวกำลังซบหน้าคุย(ฟ้อง)น้องในท้องของมินถึงเรื่องที่ไม่สบายใจของตัวเองในวันนี้อยู่

       “กินแล้วฮะ” เงยหน้าขึ้นมาตอบแม็กด้วยเสียงอ่อยๆ ก่อนที่จะซบหน้าลงไปนอนคุยกับน้องต่อ โดยมีมินนั่งลูบหัวทุยๆของเจ้าตัวไปด้วย ถึงแม้ว่าเขาจะไม่รู้ว่าชิตะเป็นอะไรแต่เขาก็อยากจะช่วยปลอบใจหนูน้อยคนนี้ที่กำลังแสดงท่าทางอ่อนแอออกมาอย่างที่เจ้าตัวไม่รู้ตัว
..
..
..
       “หนวดขึ้นแล้วนะแม็ก” มินเอ่ยทักพร้อมกับเอื้อมมือไปลูบคางสากของคนรักที่กำลังนั่งอ่านรายงานของบริษัทอยู่ข้างเตียง หลังจากที่ปล่อยให้ความเงียบครอบคุมพื้นที่ในห้องอยู่นาน เพราะภีมมารับชิตะกลับไปนอนด้วยตั้งแต่ยังไม่หกโมงดีเลยเสียด้วยซ้ำ จนเป็นเหตุให้เจ้าแสบเล็กทำท่าอิดออดอยู่นานเพราะคุณลุงสุดที่รักมารับเร็วเกินไป

       “หน้าที่กูรึไง?” แม็กทำซึนตีมึนโยนความผิดไปให้กับมินเพราะปกติแล้ว มินจะเป็นคนจัดการเรื่องการโกนหนวดให้เขาอยู่เป็นประจำ ทั้งทีมันไม่ใช่เรื่องของมินเลยก็ตาม แต่จะทำยังไงได้เมื่อเจ้าตัวเขาโบ้ยมาให้มินนเป็นคนจัดการกับหนวดของตัวเองอย่างนี้…เชื่อพี่เขาเลย!

       “ไปอาบน้ำกัน” ยังไม่ทันที่มินจะได้พูดเถียงหรือคัดค้านอะไร ก็โดนแม็กอุ้มตัวลอยเดินเข้าห้องน้ำไปอย่างปลงๆ เพราะรู้ตัวว่ามันถึงเวลาที่เขาจะต้อง(เขินจน)เหนื่อยอีกแล้ว หลังจากที่มีประสบการณ์ในการนั่งเป็นเหยื่อให้แม็กที่เสนอตัว(แบบไม่ถามความสมัครใจ)มาทำหน้าที่อาบน้ำให้มินมาถึงสองวันด้วยกัน

       “หนวดตัวเองแต่เป็นภาระเค้าตลอด” มินเบ้ปากบ่นอย่างไม่จริงจังนักหลังจากที่แม็กจัดการถอดชุดคนไข้ของเขาออกพร้อมกับอุ้มตัวมินที่เหลือแค่ร่างกายเปลือยเปล่าขึ้นไปนั่งบนเคาน์เตอร์ล้างหน้าที่แข็งแรงและมีพื้นที่ว่างกว้างพอให้คนท้องอย่างมินขึ้นไปนั่งได้ ก่อนที่จะส่งอุปกรณ์โกนหนวดของตนเองที่นมน้อมจัดมาส่งให้กับมิน

       “เออ...เพราะฉะนั้นทุกๆครั้งก่อนที่มึงจะนอนหรือจำเป็นต้องนอนก็จำเอาไว้ให้ขึ้นใจเลยนะว่ามึงจะต้องตื่นขึ้นมาโกนหนวดให้ตัวภาระอย่างกูอย่างนี้ทุกวัน เพราะมันเป็นหน้าที่ของมึง” แม็กแทรกตัวเข้าไปอยู่ระหว่างขาของมินพร้อมกับใช้หน้าผากของตัวเองชนกับมิน ก่อนที่จะพูดบอกออกมา

       “แม็ก...” มินได้แต่ครางเรียกชื่อคนรักด้วยเสียงแผ่วเบาเพราะทราบดีว่าแม็กต้องการจะสื่อถึงอะไร.....แม็กคงกลัวว่าจะเสียมินไปจริงๆ เพราะภาพของมินที่นอนอยู่ในห้องผ่าตัดมันยังคงตามหลอนและติดตาเขาอยู่จนถึงทุกวันนี้

       “ส่วนเรื่องของมึงกับลูกน่ะ...ปล่อยให้เป็นหน้าที่กูเอง” แม็กพูดบอกพร้อมกับวาดแขนกระชับร่างนุ่มนิ่มของมินเข้ามาอยู่ในอ้อมกอด สายตาคมที่บ่งบอกถึงความรัก ความห่วงใย ความจริงจังและจริงใจในคำพูดของเจ้าตัวทำเอามินถึงกับน้ำตาคลอ...แม็กไม่ใช่คนโรแมนติกอ่อนหวาน แต่ก็อ่อนโยน (แบบกระด้างๆตามฉบับของเจ้าตัว) ปากร้ายแต่ทว่ากลับใจดีได้อย่างน่าใจหาย พูดไม่เพราะ ชอบดุ ชอบว่า ชอบด่า แต่ก็ต้องกลับมาเป็นคนปลอบมินอยู่เป็นประจำ

       “อื้อ! มินจะรับภาระอันยิ่งใหญ่อันนี้ไว้ก็แล้วกัน” มินร้องบอกทั้งน้ำตาด้วยสีหน้าที่เต็มไปด้วยรอยยิ้มแห่งความสุข พร้อมกับยกมือขึ้นกอดตอบแม็กไปด้วย
..
..
..
เช้าวันต่อมา...

       “อยู่กับไอ้เปี๊ยกแล้วอย่าพากันซนล่ะ ประชุมเสร็จแล้วกูจะรีบกลับ...ดูแลมินกับน้องดีๆนะไอ้เปี๊ยก” แม็กบอกพร้อมกับก้มลงจูบขมับมินเบาๆ ก่อนที่จะหันไปบอกกับชิตะที่นั่งมองตาแป๋วอยู่ข้างๆกันกับมิน

       “อื้อ”
..
..
..
       “มาทางนี้ก่อนครับ” ในขณะที่แม็กจะเดินเข้าไปยังห้องประชุมหลังจากที่เลขาที่อยู่ในห้องประชุมโทรมาเร่งในรอบที่สิบแล้ว แต่ยังเดินไปได้ไม่ถึงครึ่งทางแม็กก็ถูกใครบางคนดึงเข้ามุมอับทางเดินเสียก่อน

       “มีอะไรหรือฟาโรห์” แม็กเอ่ยถามออกมาทั้งยังที่ไม่เห็นหน้าเพราะเขาจำเสียงของฟาโรห์ได้

       “รออีกสักพักแล้วค่อยเข้าไปนะครับ เพราะตอนนี้เลขาคนสวยของคุณก็โดนเขี่ยออกมานอกห้องเหมือนกัน...ช่วยรับนี่ไปด้วยครับ” ฟาโรห์บอกเสียงเรียบพร้อมกับส่งหูฟังไร้สายให้แม็กหนึ่งข้าง เช่นเดียวกับที่ตัวเขาเองก็ใส่ติดหูไว้หนึ่งข้างเหมือนกัน

       ‘นี่มันหมายความว่ายังไงห้ะคุณกิติกร ไหนคุณบอกว่าจะยึดหุ้นของคุณแม็กมาแบ่งให้พวกผมไง! แล้วไหงตอนนี้มันถึงถูกโอนไปอยู่ในมือของไอ้เด็กนั่นทั้งหมดอย่างนี้!!!’

       เพียงแค่ใส่หูฟังเสร็จปุ๊บดวงตาคมของแม็กก็ฉายวาววับอย่างหน้ากลัวทันที เมื่อได้ยินเสียงของใครคนหนึ่งในบอร์ดบริหารที่เขาคุ้นเคยเป็นอย่างดี เพราะในเวลาปกติเจ้าตัวชอบมาเลียแข้งเลียขาเขาเก่งยิ่งกว่าสัตย์เลี้ยงบางจำพวกอีก

       ‘ผมก็กำลังหาทางเอามันกลับมาให้พวกคุณอยู่นี่ไง! พวกคุณนั่นแหละที่ไร้น้ำยา แค่ให้แต่งบัญชียักยอกเอาเงินออกมาแบ่งกันใช้ยังทำไม่ได้เลย...กระจอกจริงๆ’

       แต่เจ้าของเสียงที่สองทำให้เลือดเขาขึ้นหน้ามากกว่าเดิม เพราะมันคือคนที่เขาต้องการเจอตัวมากที่สุดในขณะนี้.....อยากเจอของจริงสินะไอ้แก่!!!

       ‘แล้วคุณคิดว่าลูกชายคุณโง่นักหรือไง ไหนจะไอ้รองประธานคนใหม่นั่นอีก ไอ้สองคนนี้มันหูตาไวยิ่งกว่าอะไรดี ขนาดผมลงตัวเลขผิดแค่หลักพันมันยังเรียกผมไปว่าเลย’ เสียงของบอร์ดบริหารคนเดิม

       ‘ไม่รู้ล่ะ ยังไงคุณก็ต้องจัดการทุกอย่างให้เรียบร้อยภายในอาทิตย์นี้ ก่อนที่พวกมันจะรู้ตัว’ เสียงของกิติกรพูดสั่งออกมาอีกครั้ง

       ‘แล้วคุณจะให้พวกผมทำยังไงล่ะ พวกผมเป็นเพียงแค่ลูกจ้างนะไม่ใช่ผู้ถือหุ้น’

       ‘ก็คิดสิ! พวกคุณเป็นบอร์ดบริหารนะ อำนาจที่มีอยู่ในมือก็ช่วยใช้มันให้เป็นประโยชน์เสียบ้าง ก่อนที่จะไม่ได้ใช้’ กิติกรว่า

       ‘คุณพูดเหมือนกับว่ามันจะทำกันได้ง่ายๆ’

       ‘ไม่รู้ล่ะ แค่นี้ก่อนนะ ผมจะส่งคนไปเยี่ยมลูกชายคนโตสักหน่อย ได้ข่าวว่ามันป่วยอยู่’ เสียงของกิติกรสิ้นสุดลงไปแค่นั้น ก่อนที่จะมีเสียงถกเถียงของเหล่าบอร์ดบริหารที่ดูเหมือนว่าจะยังหาทางออกกันไม่เจอ แต่นั่นมันไม่ใช่ประเด็นที่แม็กจะเก็บเอามาใส่ใจหรอก เพราะว่าคำพูดประโยคสุดท้ายที่กิติกรทิ้งไว้นั้นมันกำลังทำให้แม็กเป็นกังวล

       “โทรสั่งให้เตชินกับเตโชเข้าไปอยู่กับมินเดี๋ยวนี้เลยฟาโรห์” แม็กพูดสั่งกับฟาโรห์ที่กึ่งเดินกึ่งวิ่งอยู่ข้างๆกัน เพราะพวกเขากำลังจะกลับไปหามินที่โรงพยาบาล แต่ก็เหมือนว่าจะช้าเกินไป

       เมื่อ.....

โรงพยาบาล...

สี่สิบนาทีก่อนหน้านี้...

       “ยังไม่ถึงเวลาตรวจนี่ครับ” เตชินเอ่ยทักทีมแพทย์และพยาบาลที่เดินมาหยุดอยู่หน้าห้องพักของมินด้วยความแปลกใจ เพราะเวลาตรวจของมินมันไม่ได้เร็วอย่างนี้ เนื่องจากว่าห้องพักของมินเป็นแบบพิเศษวีไอพีเลยอยู่ชั้นบนสุดของหอผู้ป่วยใน จึงได้ตรวจเป็นคนสุดท้ายในช่วงสายโน่น

       “พอดีว่าวันนี้คนไข้เยอะน่ะค่ะ คุณหมอเลยต้องแบ่งกันมาตรวจ เพราะกลัวว่าจะไม่ทันเวลา” พยาบาลสาวที่ทำหน้าที่เข็นรถอุปกรณ์เอ่ยบอกด้วยรอยยิ้ม

       “ถ้าอย่างนั้นก็เชิญครับ” เตชินบอกพร้อมกับเปิดประตูให้ทีมแพทย์และพยาบาลเดินเข้าไปในห้อง ส่วนเขาเดินตามหลังปิดท้าย โดยไม่ลืมที่จะส่งซิกบางอย่างไปให้พี่ชายอย่างเตโชได้รับรู้

       คลิก!

       “พวกมันมาแล้วครับหัวหน้า” เตโชกดล็อกประตูหน้าห้องใหญ่ของมิน ก่อนที่จะเดินตามหลังทุกคนเข้าไป พร้อมกับโทรรายงานฟาโรห์ที่เข้ามาสั่งงานเขาแต่เช้า
..
..
ภายในห้องพักของมิน

       “สองคนนั้นไม่ได้ตามเข้ามาใช่มั้ย?” คนที่แสดงตัวว่าเป็นหมอหันหลังกลับมาถามนางพยาบาลที่เดินตามตนเข้ามา พลางชะเง้อมองไปทางที่เพิ่งเดินเข้ามา

       “ไม่มีค่ะ” เธอหันไปมองทางด้านหลัง ก่อนที่จะหันกลับมาตอบหัวหน้าของเธอ เพราะไม่มีวี่แววของบอดี้การ์ดสองคนตามเข้ามาสักคน

       “ถ้าอย่างนั้นก็จัดการเลย” คนที่เป็นหมอบอกพร้อมกับที่ทีมงานของตัวเองทั้งสองคนก้าวเข้าไปล้อมรอบเตียงนอนของมิน โดยที่ไม่ได้สังเกตเลยว่าบนโซฟาที่ตั้งอยู่ไม่ห่างนักมีร่างเล็กของเด็กน้อยนอนคลุมโปงอยู่อย่างมิดชิด

       “โปะยาสลบไปเลย” หมอคนเดิมพยักหน้าพูดสั่งกับนางพยาบาลอีกคน เมื่อเห็นว่ามินทำท่าว่าจะตื่นขึ้นมา

       “พวกคุณเป็น...อื้อ!! อื้ออออ...” เพียงแค่ลืมตาตื่นมาได้ไม่ถึงห้าวินาที มินก็จำต้องหลับไหลดังเดิมเมื่อโดนฤทธิ์ยาสลบโปะเข้าไปเต็มๆ ก่อนที่ทุกๆอย่างเริ่มจะชุนละมุนเมื่อสองพี่น้องเตพากันเข้ามาล็อกคอพยาบาลสาวทั้งสองคนจากข้างหลัง

       “คุณหมอเขาอยากเล่นผ่าตัดคุณหนูช่วยเล่นเป็นเพื่อนคุณหมอแทนพวกผมหน่อยได้มั้ยครับ” เตชินตะโกนบอกกับคุณหนูตัวน้อยที่กำลังนั่งหัวฟูทำหน้ามึนอยู่บนโซฟาเพราะนอนไม่เต็มอิ่มหลังจากที่ต้องตื่นขึ้นมาเพราะได้ยินเสียงเอะอะจากการต่อสู้และขัดขืนของสองพี่น้องเตและสองพยาบาลสาวที่ไม่น่าจะใช่พยาบาลจริงๆ เพราะต่อสู้กับพวกเขาได้สูสีขนาดนี้

       “เหอะ! ก็แค่เด็กน้อยจะมาทำอะไรฉันได้!” คุณหมอ(ปลอม)สะบัดเสื้อกาวน์ออกทิ้งอย่างไม่ใยดีเพราะมันเกะกะ

       “เดี๋ยวหมอก็รู้เอง...ฝากด้วยนะครับคุณหนู” เตชินแสยะยิ้มพูดบอกกับหมอเก๊ก่อนที่จะพูดฝากฝังกับคุณหนูของตัวเองเป็นครั้งสุดท้าย ก่อนที่เขาและเตโชจะลากพยาบาล (ปลอมๆ) ออกไปข้างนอกห้องเพราะไม่อยากที่จะรบกวนเวลา ‘เล่น’ ของคุณหนูที่เคารพรัก

       “เอาจะเล่นอะไรกันก่อนดีฮะคุณหมอ...ผ่าตัด? เย็บแผล?” ชิตะน้อยเอียงคอถามด้วยรอยยิ้มหวานตามฉบับเด็กน้อยน่ารักของเจ้าตัว พร้อมกับหยิบมีดสปริงสองคมที่อยู่ในกระเป๋าเป้ลูกเป็ดออกมาถือ ก่อนที่จะหยิบแผ่นหนังสีดำขนาดฝ่ามือที่เต็มไปด้วยเข็มเงินเล่มเล็กเหน็บเรียงเต็มแผงทั้งสองด้านออกมาอีกอย่างหนึ่ง

       “…..”

       “แต่พี่ว่าเล่นผ่าตัดดีกว่าเน๊อะ...อชิตะชอบ” ว่าพร้อมกับโยนกระเป๋าเข็มทิ้งลงบนโซฟา ก่อนที่จะก้าวเดินย่างสามขุมเข้าหาคุณหมอเก๊พร้อมมีดสปริงสองคมปลายแหลมด้วยสีหน้าที่พร้อมสนุกเต็มที่ ทำเอาคุณหมอเก๊ผงะถอยแทบจะไม่ทัน

       “อ...อย่าเข้ามานะไอ้เด็กบ้า!!!” ไม่! เขาไม่ได้อยากหนี เขาไม่ได้อยากกลัว แต่ไอ้เด็กบ้านี่มันทำท่าทางหน้ากลัวเกินไป อีกทั้งสายตากลมๆที่เคยบ๊องแบ๊วก่อนหน้านี้นั้นมันหายไป พร้อมกับสายตาความเย็นชาแห่งการกระหายบางอย่างแทรกเข้ามาอย่างไม่น่าจะเป็นไปได้ และที่สำคัญคือเขาคนนี้ไม่ใช่มือปืนหรือนักฆ่ารับจ้างอย่างผู้หญิงสองคนนั้น เขาเป็นเพียงคนธรรมดาที่เป็นเหมือนกับมันสมองของกิติกรเท่านั้น!! ไม่ได้มีความสามารถอะไรเลยนอกจากงานเอกสาร!!

       หมับ!

       “เลิกเล่นได้แล้วครับคุณหนู คุณหมอเขากลัวหมดแล้ว” แต่สวรรค์กลับเข้าข้างหมอเก๊คนนี้เมื่อฟาโรห์มาคว้าแขนคุณหนูน้อยของตัวเองไว้ได้ทัน ก่อนที่มันจะจิ้มเข้าไปฝังในพุงผู้ใหญ่ตัวโตตรงหน้า

       “อย่ามาจับเรานะ! เราเกลียดฟาโรห์!!” ถ้อยคำเจ็บแสบจากปากคุณหนูที่รักทำให้ฟาโรห์รีบปล่อยข้อมือน้อยๆนั่นเหมือนกับกับของร้อนอย่างช่วยไม่ได้ เพราะตั้งแต่ที่เกิดเรื่องวันนั้น เขายังไม่ได้อธิบายเหตุผลให้คุณหนูตรงหน้านี้ฟังเลย ได้แต่ปล่อยให้อารมณ์เด็กน้อยคุกรุ่นมาจนถึงตอนนี้ เพราะหน้าที่การงาน เวลา และสถานการณ์ไม่เคยช่วยอำนวยเลยสักครั้ง

       “ทุกอย่างพร้อมแล้วครับคุณแม็ก” เตชินกลับมาเรียกแม็กที่ยืนอยู่ข้างเตียงของมินเมื่อทุกอย่างที่พวกเขาวางแผนกันไว้ก่อนหน้าเตรียมพร้อมหมดแล้ว

       “อืม...ฝากมินด้วยล่ะ…ไปฟาโรห์” แม็กรับคำพร้อกกับพูดสั่งเตชินที่จะอยู่ทำหน้าที่ดูแลความปรอดภัยที่นี่ ส่วนตัวเขานั้นจะไปกับฟาโรห์และเตโช

       “ครับ” ฟาโรห์รับคำพร้อมทั้งละสายตาจากคุณหนูตรงหน้าไปทำหน้าที่อย่างจำยอม เมื่อแม็กเรียก

       “เรามาจบเรื่องนี้กันสักทีเถอะ...กิติกร”




………………………………………………………………….TBC.
หัวข้อ: Re: {Mpreg/Incest} แฝด Up.ตอนที่ 20 (17/01/60)
เริ่มหัวข้อโดย: Mura_saki ที่ 17-01-2017 19:09:30






ช่วงนี้แม็กดูงานเข้าจริงๆ สู้ๆนะแม็ก


ชิชิมีเหตุผลหน่อยลูก อย่างอนฟาห์โรเลย
หัวข้อ: Re: {Mpreg/Incest} แฝด Up.ตอนที่ 20 (17/01/60)
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 17-01-2017 19:17:48
 :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: {Mpreg/Incest} แฝด Up.ตอนที่ 20 (17/01/60)
เริ่มหัวข้อโดย: LovEYouOnLy ที่ 17-01-2017 21:50:31
แม้คุณหนูน้อยนั้นจะอายุ5ขวบ แต่กลับไม่ธรรมดาเลยทีเดียว อยากจะรู้ตอนโตจริงๆจะขนาดไหน
หัวข้อ: Re: {Mpreg/Incest} แฝด Up.ตอนที่ 20 (17/01/60)
เริ่มหัวข้อโดย: dahlia ที่ 17-01-2017 22:49:22
ยิ่งอ่านยิ่งถูกใจ ชิตะน้อย น่ารักแต่ร้ายแบบนี้สิดีเลย อยู่กับมินจะได้หายห่วง
หัวข้อ: Re: {Mpreg/Incest} แฝด Up.ตอนที่ 20 (17/01/60)
เริ่มหัวข้อโดย: little_munoi ที่ 17-01-2017 22:57:46
เข้มข้นมากกก
ชิตะแอบโหดหนักมาก
หัวข้อ: Re: {Mpreg/Incest} แฝด Up.ตอนที่ 20 (17/01/60)
เริ่มหัวข้อโดย: Ploysai5077 ที่ 17-01-2017 23:50:01
ลูกเป็ดโครตโหดดดด :hao7:
หัวข้อ: Re: {Mpreg/Incest} แฝด Up.ตอนที่ 20 (17/01/60)
เริ่มหัวข้อโดย: fay 13 ที่ 18-01-2017 04:30:55
 :mew1:
หัวข้อ: Re: {Mpreg/Incest} แฝด Up.ตอนที่ 20 (17/01/60)
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 18-01-2017 05:19:48
น่าให้อชิตะเล่นจริงไปเลย
มิน โดนยาสลบ  :katai1: :katai1: :katai1:
เพิ่งโดนชน จนล้ม ฟื้นมาไม่เท่าไรเจออีกละ
คนท้องโดนยาสลบไม่เป็นไรเหรอ
แม็ก จัดการถอนรากถอนโคนไปเถอะ
กิติกร มันยิ่งอยากทำร้ายแฝดพี่อยู่
       :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: {Mpreg/Incest} แฝด Up.ตอนที่ 21 (19/01/60)
เริ่มหัวข้อโดย: เขียนสือ ที่ 18-01-2017 20:39:34

แฝด ตอนที่ 21




       “ทางนี้ครับคุณแม็ก” ฟาโรห์เผยมือชี้ทางไปยังส่วนที่เป็นสวนหย่อมของโรงพยาบาลที่เต็มไปด้วยผู้ป่วยทั้งหญิงและชาย หลังจากที่ต้องใช้เวลานั่งรถออกจากกรุงเทพฯมาถึงห้าชั่วโมงกว่า

       “ไม่ทราบว่ามีอะไรให้ทางเราช่วยเหลือรึเปล่าคะ” เจ้าหน้าที่พยาบาลที่ทำหน้าที่ดูแลคนไข้อยู่ใกล้ เดินเข้ามาถามด้วยน้ำเสียงสุภาพตามหน้าที่ของเธอ

       แม็กไม่ได้ตอบคำถามของเธอในทันที แต่เขากลับถอดแว่นกันแดดที่สวมอยู่ออก พลางใช้สายตาคมของตัวเองสอดส่องไปทั่วบริเวณลานหญ้ากว้างๆนี้ ก่อนที่จะสะดุดกับหญิงสาววัยกลางคนคนหนึ่งที่ถึงแม้ว่าจะอยู่ในชุดผู้ป่วยโทรมๆ แต่เธอกลับงดงามมากในสายตาของเขา

       “แม่...ผมมาหาแม่” เขาบอกกับเจ้าหน้าที่พยาบาลเพียงแค่นั้น ก่อนที่จะเดินตรงไปทางหญิงสาวคนดังกล่าวทันที โดยมีฟาโรห์และเตโชคอยกันนางพยาบาลไว้ให้ เพราะพวกเขารู้ดีว่าในเวลานี้เจ้านายกำลังต้องการเวลาส่วนตัว
..
..
..
       “นอนเสียเถิดลูกจ๋า...หลับตาฟังแม่ร้องเพลงกล่อม...สองมือแม่จะคอยปกป้อง...โอบถนอมรักลูกดั่งดวงใจ...” บทเพลงกล่อมเด็กแสนหวานที่เอื้อนเอ่ยออกมาจากหญิงสาวตรงหน้าทำให้แม็กไม่กล้าเดินเข้าไปใกล้กว่าตอนนี้ เขาทำเพียงแค่หยุดเดินและยืนนิ่งอยู่กับที่เท่านั้น

       “…..”

       “นอนเสียเถิดลูกเอ๋ย...เจ้าเอยจงอย่าร้องไห้...ฝันดี อย่าให้มีโรคภัย...ยอดดวงใจของแม่ คือน้องมิน..น้องแม็ก...เอย.....” เธอขับร้องพร้อมโยกตัวกล่อมตุ๊กตาแฝดในอ้อมแขนของเธออย่างอ่อนโยน สองมือเรียวยกขึ้นลูบหน้าตุ๊กตาแฝดทั้งสองตัวอย่างถนอมด้วยหัวใจ อีกทั้งรอยยิ้มละมุน สายตาที่เต็มไปด้วยความรักอันสุดซึ่ง ทำให้แม็กไม่ต่างจากโดนเข็มนับพันเล่มปักลงกลางใจ...นานไป...เขาใช้เวลาตาหาผู้หญิงที่เขารักที่สุดคนนี้นานเกินไป เธอถึงต้องมาอยู่สถานที่แบบนี้อย่างไร้การเหลียวแล

       “แม่ครับ...” แม็กเอ่ยเรียกหญิงตรงหน้าด้วยเสียงเบาหวิว ก่อนที่จะค่อยๆก้าวเดินเข้าไปหาเธอด้วยหัวใจที่หนักอึ้ง

       “ใคร? แม่ไหน ไหนแม่” เธอหันซ้ายแลขวาหา ‘แม่’ ที่ชายหนุ่มเรียกด้วยสายตาหลุกหลิก

       “แม็กครับ ผมชื่อแม็กลูกชายของแม่ไงครับ” เขาบอกพร้อมกับทิ้งตัวนั่งคลุกเข่าอยู่ตรงหน้าเธอ ก่อนที่จะค่อยๆเอื้อมมือเข้าไปจับมือของหญิงสาวอย่างกล้าๆกลัวๆ เพราะเขาเกรงว่าจะทำให้เธอตกใจ แต่ก็ไม่ เพราะเธอยังคงมีท่าทีนิ่งเฉย ไม่ได้อาละวาดหรือสะบัดมือหนีเขาอย่างที่คิด

       “แม็ก...แม็กหรอ? ชื่อเหมือนน้องแม็กเลย นี่ไง! คนนี้น้องแม็กคนนี้น้องมิน...ลูกๆ” เธอบอกพร้อมกับค่อยๆอุ้มตุ๊กตาสองตัวบนตักให้กับแม็กดูด้วยรอยยิ้ม ที่แม็กรู้สึกเจ็บปวดเหลือเกินในยามที่มอง

       “ผมขอโทษครับแม่ ผมขอโทษ...” แม็กก้มหน้าลงบนตักหญิงสาวที่ยังคงพูดและเล่นกับลูกๆทั้งสองของเธอด้วยความรู้สึกผิด ยิ่งแม่ยิ้มให้มากเท่าไหร่เขาก็ยิ่งอยากจะร้องไห้มากขึ้นเท่านั้น

       “ลูก!! ลูก!! อย่าทำ! อย่าฆ่าลูกฉันนะ!! กรี๊ดดดด....” แต่แล้วร่างสูงใหญ่ของแม็กก็ต้องกระเด็นหงายหลังลงไปนอนกับพื้นหญ้าในทันที เมื่อหญิงสาวผู้แสนสงบเมื่อครู่นี้ ลุกขึ้นกรีดร้องไปมาอย่างคุ้มคลั่งในขณะสองมือของเธอนั้นยังคงกอดตุ๊กตาลูกน้อยทั้งสองแนบอกไว้อย่างไม่ห่าง เหมือนว่าเธอกำลังปกป้องตุ๊กตาเด็กสองคนนั้นจากอะไรสักอย่าง

       “แม่ครับ!! แม่!!” แม็กรีบลุกขึ้นรับตัวของหญิงสาวไว้ก่อนที่เธอจะล่วงลงสู่พื้นดิน เมื่อเธอช็อกหมดสติกลางอากาศไปอย่างที่ไม่เขาแทบจะตั้งตัวไม่ทัน

       “ขอโทษนะคะ ขอทางให้เจ้าหน้าที่ด้วยค่ะ” เจ้าหน้าที่พยาบาลที่ทักทายแม็กก่อนหน้านี้พูดบอกพร้อมกับที่มีคุณหมอและบุรุษพยาบาลมานำตัวหญิงสาวขึ้นเตียงผ้าใบวิ่งเข้าไปยังด้านในของตึกที่อยู่ตรงหน้าเขาอย่างเร่งด่วน
..
..
..
ครึ่งชั่วโมงผ่านไป...

       “ไม่ทราบว่าคุณมีความเกี่ยวข้องอะไรของคนไข้ครับ” หลังจากที่การรักษาผ่านไปด้วยดี แม็กก็ถูกคุณหมอเจ้าของไข้ของหญิงสาวเชิญตัวเข้ามาสอบถามและพูดคุยในห้องทำงานส่วนตัวของคุณหมอเอง

       “ลูกครับ” แม็กตอบไปตามความจริง

       “ขอโทษที่ต้องเสียมารยาทนะครับ ที่จะถามว่าคุณไปอยู่ที่ไหนมาเพราะตั้งแต่ที่คนไข้ถูกย้ายจากโรงพยาบาลเก่ามาอยู่ที่นี่ ก็ไม่มีใครมาเยี่ยมเธออีกเลย อีกทั้งการรักษาก็ทำได้ไม่เต็มที่ เพราะเธอไม่มีเจ้าของไข้ และไม่ใช่ผู้ป่วยในระบบ ดีแค่ไหนแล้วที่ทางผู้อำนวยการมีคำสั่งให้ดูแลเธอไปตามหน้าที่ของหมอที่ดีทั้งที่เธอไม่มีข้อมูลอะไรเลย จะเรียกว่าเป็นคนเถื่อนก็คงจะไม่ผิดนัก” คุณหมอตรงหน้าพูดว่าออกมาเหยียดยาว หลังจากที่เขาพยายามจะตามหาข้อมูลของคนไข้รายนี้มานานนับปี อีกทั้งทางโรงพยาบาลเก่าที่เธอเคยรักษาตัวอยู่ก็บอกว่าไม่มีข้อมูลอะไรเกี่ยวกับเธอเหลืออยู่เลย และที่ทำให้คนเป็นหมออย่างเขาเกลียดมากที่สุดคงจะเป็นการที่ทางนั้นยัดเงินสนับสนุนมาให้โรงพยาบาลจำนวนหนึ่งเพื่อแลกกับการฝากตัวคนไข้รายนี้ไว้ที่นี่!!

       “คุณคิดว่ามันง่ายนักหรือไงกับการที่ผมต้องวิ่งตามหาแม่ด้วยตัวคนเดียวตั้งแต่ยังไม่จบ ม.ปลายเสียด้วยซ้ำ คุณคิดว่าการเด็กอย่างนั้นไม่มีข้อมูล ไม่มีพรรค์พวก ไม่มีเส้นสาย ไม่มีเงินทอง อีกทั้งยังโดนปิดหูปิดตาหลอกว่าแม่ของตัวเองตายไปแล้วมันง่ายนักรึไง? กว่าที่ผมจะได้ข้อมูลในแต่ละครั้ง ผมต้องยอมเป็นควายแกล้งโง่อยู่นานแค่ไหนคุณรู้บ้างไหม!!!” แม็กใช้สองมือตบโต๊ะลุกขึ้นยืนถามหมอด้วยท่าทางคุกคามจนอีกคนเริ่มหวาดกลัวด้วยความเครียดและความอัดอั้นทั้งหมดที่ต้องเก็บไว้กับตัวเองคนเดียวมาตลอดสิบกว่าปี เพราะทุกครั้งที่เขาหาข้อมูลที่อยู่ของแม่เจอ เขาจะต้องพบกับความผิดหวังทุกครั้งไปเช่นกัน เมื่อพบความจริงที่ว่าแม่ถูกย้ายที่ซ่อนอีกแล้ว

       “.....”

       “เฮ้อ...ขอโทษทีครับ ว่าแต่แม่ผมอาการเป็นยังไงบ้าง” แม็กพูดบอกพร้อมกับทิ้งตัวลงนั่งเก้าอี้ดังเดิม หลังจากที่รู้ตัวแล้วว่าตัวเอง ‘สติหลุด’ จนทำให้อีกคนนั่งกลัวตัวสั่นอยู่ข้างหน้า

       “คนไข้มีอาการทรงตัวดีครับ ไม่ได้ดีขึ้นและไม่ได้แย่ไปกว่าเดิม” คุณหมอบอก

       “ทรงตัว?” แม็กถามด้วยความไม่เข้าใจ การที่คุ้มคลั่งและกรีดร้องหนักขนาดนั้น เรียกว่าอาการทรงตัวอย่างนั้นหรอ?

       “ครับ เป็นอาการปกติของคนไข้จิตเวชทั่วไปที่จิตใต้สำนึกเขายังคงจำเรื่องราวที่ทำให้เขาต้องมาเป็นอย่างนี้ได้ ถึงแม้ว่าเจ้าตัวจะไม่รู้ตัวเองก็ตาม” เขาอธิบายต่อ

       “แล้วอย่างนี้จะมีโอกาสหายไหม?” แม็กถามต่อ

       “มีครับ ถ้าคนไข้ได้รับการรักษาอย่างถูกต้องและเต็มที่...แต่หมอไม่สามารถบอกได้หรอกนะครับว่า คนไข้จะกลับมาเป็นปกติได้อย่างเดิมเมื่อไหร่ เพราะนอกจากการรักษาทางการแพทย์แล้ว ก็ขึ้นอยู่กับตัวครอบครัวของคนไข้ด้วยว่าจะช่วยเยียวยารักษาจิตใจคนไข้ได้มากน้อยแค่ไหน เพราะสิ่งที่สำคัญที่สุดคือการดูแลเอาใจใส่จากคนในครอบครัวนี่แหละครับ”

       “ถ้าผมจะพาแม่กลับไปด้วยต้องทำยังไงบ้าง” แม็กถามเพราะเขาไม่อาจปล่อยให้ผู้หญิงคนเดียวที่เขารักอย่างเธอหายไปได้อีกแล้ว

       “เรื่องนั้นหมอจัดการให้ได้ครับ แต่คนไข้ต้องได้รับการรักษาอย่างต่อเนื่องนะครับ”

       “หมอมีโรงพยาบาลในกรุงเทพฯหรือที่ที่ใกล้กว่านี้แนะนำผมไหม”

       “เอาอย่างนี้นะครับ ถ้าอย่างนั้นพรุ่งนี้ให้คุณพาคนไข้ไปหาหมอคิมหันต์ที่โรงพยาบาลxxxแถวxxxนะครับ เขาเป็นรุ่นพี่ของผมที่เก่งมาก แล้วเดี๋ยวผมจะโทรไปคุยกับเขาให้เอง” คุณหมอหนุ่มบอกพร้อมกับส่งนามบัตรสีขาวที่มีชื่อของหมออีกคนที่เจ้าตัวพูดถึงให้กับแม็ก

       “ขอบคุณ” แม็กรับนามบัตรมาดูครู่หนึ่งก่อนที่จะเอ่ยขอบคุณคนตรงหน้าไปด้วยความจริงใจ

       “ไม่เป็นไรครับ เดี๋ยวผมขอตัวไปจัดการเรื่องของคนไข้ให้ก่อนนะครับ” เขาบอกพร้อมกับลุกขึ้นเดินออกจากห้องไปโดยที่มีแม็กเดินตามออกไปเช่นกัน

       “อีกนานไหมกว่าจะตื่น” แม็กเอ่ยถามหลังจากที่พยาบาลและหมอคนเดิมเดินออกมาพร้อมกับเตียงผู้ป่วยที่มีร่างของแม่เขานอนสงบนิ่งอยู่บนนั้น

       “อีกประมาณหกชั่วโมงครับ” หมอบอก และแม็กเองก็พยักหน้ารับรู้

       “หลังจากที่เขาฟื้นแล้วคุณควรจะเอาตุ๊กตานี่ให้เธอเล่นนะครับ เธอจะได้ไม่อาละวาดใส่คุณ” คุณหมอทิ้งท้ายด้วยการส่งตุ๊กตาเด็กแฝดให้กับแม็ก ก่อนที่จะแยกย้ายกันไป

       “พาแม่ฉันไปหานมน้อมที่คอนโด แล้วก็อยู่ดูแลทางนั้นเลยนะเตโช เดี๋ยวที่เหลือฉันกับฟาโรห์จะจัดการเอง” แม็กพูดสั่งเตโชที่เตรียมพร้อมอยู่บนรถอีกคันหนึ่งเพื่อที่จะแยกทางกันไปเป็นครั้งสุดท้ายก่อนที่จะเดินกลับมาขึ้นรถของตนที่มีฟาโรห์รออยู่แล้ว

       “ไปได้แล้วฟาโรห์” เขาพูดบอกเป็นครั้งสุดท้าย ก่อนที่จะหลับตาลงด้วยความอ่อนใจ
..
..
..
       “ว่ายังไงนะ!!! พวกแกทำงานพลาดอย่างนั้นหรอ!!!” กิติกรตะหวาดใส่ปลายสายเสียงก้าว หลังจากที่ลูกน้องที่เขาสั่งให้ไปจัดการลักพาตัวมินมาเพื่อเป็นเครื่องมือต่อรองกับแม็กอย่างมีความหวังกลับโทรมารายงานผลว่า ‘พลาด’ หลังจากที่หายเงียบไปถึงสองวันเต็มๆ

       (“ผมว่าตอนนี้เจ้านายควรที่จะหาทางหลบหนีก่อนเถอะครับ เพราะป่านนี้นักฆ่าผู้หญิงสองคนนั่นที่นายจ้างมามันคงจะบอกแหล่งกบดานของเราไปหมดแล้ว…โชคดีนะครับนาย”) ปลายสายบอกด้วยน้ำเสียงรนรานเป็นครั้งสุดท้าย ก่อนที่จะตัดสายไปเหมือนกับเจ้าตัวกำลังหวาดกลัวอะไรสักอย่างแบบนั้น

       “เวรเอ้ย!!!” กิติกรพ่นคำหยาบคายออกมาอีกหลายคำก่อนที่จะรีบเก็บสัมภาระของตัวเองใส่กระเป๋าเดินทางใบใหญ่ เมื่อตั้งสติได้ เพราะหนทางเดียวที่เขามีอยู่ตอนนี้คือ การหนีเท่านั้น!!

       แต่เหมือนกับว่าทุกอย่างมันจะสายเกินไปแล้ว…

      เมื่อ…


       “หึ! ไม่ได้เจอกันนานเลยนะครับ…พ่อ”
..
..
..
       “วันนี้ชิตะขอนอนกับมินนี่จังได้ไหมฮะลุงภีม” เด็กชายตัวน้อยพูดอ้อนในขณะที่แขนทั้งสองข้างก็ยังคงกอดมินนี่จังสุดซี้ไว้แน่น เพราะว่าอยากจะนอนกับมินนี่จังของตัวเอง เจ้าตัวน้อยเองก็ไม่รู้ตัวหรอกว่าวันนี้ตัวเองดื้อดึงแค่ไหนในสายตาของผู้ใหญ่ เพราะเจ้าตัวรู้เพียงแต่ว่าวันนี้เขาอยากที่จะอยู่ใกล้ๆมินนี่จังกับน้องน้อยๆในท้องไว้แค่นั้น เพราะตั้งแต่ที่แม็กกี้ ฟาโรห์ และเตโชออกไปในตอนเช้า จนถึงเวลาเย็นย่ำอย่างนี้แล้วยังไม่มีใครกลับเข้ามาเลยสักคน

       “ก็ได้ครับ แต่ชิตะห้ามดื้อนะครับ” ในที่สุดก็เป็นภีมที่ต้องเป็นฝ่ายยอมแพ้เมื่อเจอลูกอ้อนของหลานชาย ก่อนที่จะขอตัวกลับไปในที่สุด
..
..
..
       “แก…แกไม่ใช่ลูกฉันไอ้แม็ก…ไอ้เด็กทรพี! แกทำกับฉันอย่างนี้ได้ยังไง!!!” กิติกรตะหวาดเสียงกร้าวออกมาอย่างตื่นตระหนกเมื่อเปิดห้องพักออกมาแล้วเจอกับแม็กที่ยืนล้วงกระเป๋ารอด้วยท่าทางกวนๆตามฉบับเจ้าตัวอยู่ก่อนแล้ว

       “ก็เพราะว่าไม่ใช่ลูกยังไงล่ะ ถึงได้อยากเหยียบแกให้จมดินด้วยส้นตีนของตัวเองอย่างนี้…ช่วงหลังมานี้แกชอบถามฉันว่าทำไม ฉันถึงได้ทำกับแกแบบนี้ แล้วทำไมแกไม่ลองนึกย้อนดูเอาล่ะกิติกร ว่าที่ผ่านมาแกทำอะไรไว้กับครอบครัวของฉันบ้าง…หืม?” แม็กเลิกคิ้วถามด้วยน้ำเสียงราบเรียบ ท่าทีสบายๆ ต่างจากกิติกรที่รู้สึกร้อนรุ่มไปทั่วทั้งหัวใจ เมื่อความละโมบ ความแค้น และความเกลียดชังของตัวเองพากันสุมเพลิงไฟแห่งความเห็นแก่ตัวมากขึ้นทุกที

       “แล้วไม่ใช่เพราะอีแม่ชั่วๆกับไอ้ตัวพ่อสารเลวของแกรึไงที่มันทำให้ฉันต้องกลายเป็นคนอย่างนี้!! ไมใช่เพราะความบัดซบของพวกมันรึไงที่ทำให้แกกับไอ้มินเกิดมาประจานความเลวทรามของพวกมันให้ฉันเจ็บใจเล่นอย่างนี้!!!” กิติกรเองก็โต้กลับอย่างเจ็บแสบเหมือนกัน เพราะทุกอย่างที่เจ้าตัวพูดออกมานั้นแม็กเองก็รู้อยู่แก่ใจว่ามันคือเรื่องจริงทั้งหมด แต่เหตุผลแค่นี้มันไม่สามารถลบล้างความผิดที่กิติกรทำไว้กับครอบครัวของเขาหรอก โดยเฉพาะกับมินที่โดนทรมานและทำร้ายร่างกายด้วยสารพัดวิธีมาตั้งแต่จำความได้

       “แล้วมันถูกต้องแล้วรึไงที่แกต้องมาทำร้ายพวกฉันตั้งแต่เกิดอย่างนั้น!!! มันสมควรแล้วใช่ไหมที่แกต้องสั่งคนไปฆ่าพ่อฉัน!! สมควรแล้วใช่มั้ยที่แกต้องมาทรมานแม่ฉันจนเป็นบ้าแล้วมาหลอกพวกฉันว่าแม่ตายไปแล้ว อย่างนี้มันสมควรแล้วใช่มั้ย!!!” ในที่สุดแม็กก็ระเบิดโทสะหลุดแสดงอารมณ์แห่งความโกรธแค้นออกมาอย่างก้าวร้าวเมื่อได้หวนไปถึงชีวิตที่ผ่านมาของตัวเองและคนรัก ที่ฉากหน้าช่างดูสวยงามและแสนเพอร์เฟคจนใครๆก็ต่างอิจฉา ทั้งที่เบื้องหลังแห่งความเป็นจริงแล้วไม่ต่างจากการได้อยู่ในขุมนรกดีๆนี่เอง

       กี่ครั้งที่เขาต้องตื่นมาเจอมินนอนตัวสั่นเพราะโดนตีโดนซ้อมจนไข้ขึ้น?

        กี่ครั้งที่เขาต้องมานั่งทำแผลให้คนรักที่นอนไร้สติอยู่สนามหญ้าหน้าบ้าน?

       กี่ครั้งที่เขาต้องวิ่งหาทางทำให้คนรักหลุดออกจากกรงหมา!!!

       กี่ครั้งที่เขาต้องเห็นมินถูกล่ามโซ่ขึงไว้กับรั้วบ้านในยามที่ไม่ได้กลับบ้านพร้อมกัน!!!

       แล้วกี่ครั้ง กี่ปี กี่หน ที่เขาต้องทนเห็นคนที่เขารักที่สุดต้องทรมานอยู่อย่างนั้น!!!

       “แกรู้อะไรไหมกิติกร? ว่าความจริงแล้วฉันไม่ได้สนใจและอยากได้บริษัทที่แกรักนักรักหนานั่นมาครอบครองเลย ถ้าหากว่าฉันไม่บังเอิญได้ไปได้ยินแกคุยกับเลขาสารเลวของแกเรื่องพ่อและแม่ของฉัน ฉันจะไม่เข้ามายุ่งเกี่ยวและแย่งชิงสมบัติของแกอย่างนี้เลยถ้าหากว่าแกไม่คิดที่จะส่งคนไปฆ่าฉันกับมินในวันที่ฉันกลับมาบ้านหลังจากที่เรียนจบ…พ่อกับแม่ฉันเป็นฝ่ายทรยศก็จริง แต่คนที่ทำให้ทุกอย่างมันเป็นอย่างนี้ก็เพราะแกไงกิติกร! เพราะแกไม่ยอมหยุดและปล่อยให้ทุกอย่างมันผ่านไปพร้อมกับลมหายใจของพ่อฉัน” ตาเฉี่ยวคมที่เป็นเอกลักษณ์ของแม็กตะหวัดมองกิติกรอย่างเอาเรื่อง บรรยากาศรอบตัวโอบล้อมไปด้วยเปลวเพลิงแห่งความโกรธแค้นกับความทรงจำอันปวดร้าวที่เจ้าตัวต้องทนเจ็บเก็บทุกสิ่งทุกอย่างไว้กับตัวเองเองมานานนับสิบๆปีอย่างที่ไม่อาจให้อภัยคนตรงหน้านี้ได้อีกแล้ว เพราะทุกอย่างที่กิติกรได้ลงมือทำ มันมากเกินกว่าที่จะอภัยให้แล้ว ถึงแม้ว่าพ่อกับแม่ผู้ให้กำเนิดของเขาจะเป็นฝ่ายเริ่มเรื่องขึ้นมาก็ตาม แต่คนผิดก็ย่อมต้องได้รับผลกรรมของตัวเอง ดังเช่นที่พ่อของเขาต้องจบชีวิตลงไป ในขณะที่แม่ของเขาเองก็ต้องกลายมาเป็นคนวิกลจริตด้วยฝีมือของคนที่ท่านทั้งสองได้ร่วมมือกันทำร้ายจิตใจของกิติกรอย่างไร้ความรู้สึกผิดชอบชั่วดี และเขากับมินล่ะผิดอะไร? ผิดเพราะเป็นลูกของคนที่ทำร้ายหัวใจของกิติกรอย่างนั้นหรือ? มันใช่หรอ? ที่ถึงกับว่าจะต้องฆ่าแกงกันได้ลงคออย่างนี้ แต่พูดไปก็เท่านั้น เพราะตอนนี้ตัวเขาเองก็เลวไม่ต่างจากคนพวกนี้สักเท่าไหร่ ที่มีความต้องการที่จะจัดการกับกิติกรก่อนที่กิติกรจะลงมือทำลายเขาและมิน

       แต่ก็ช่วยไม่ได้…ในเมื่อเลวมาก็ต้องเลวกลับ…ถึงจะดูสูสีกันหน่อย!!!






……………………………………………………………….TBC.

หัวข้อ: Re: {Mpreg/Incest} แฝด Up.ตอนที่ 21 (19/01/60)
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 19-01-2017 00:14:02
 :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: {Mpreg/Incest} แฝด Up.ตอนที่ 21 (19/01/60)
เริ่มหัวข้อโดย: GuoJeng ที่ 19-01-2017 01:39:56
สงสารทุกคนเลย  รออ่านต่อคับ
หัวข้อ: Re: {Mpreg/Incest} แฝด Up.ตอนที่ 21 (19/01/60)
เริ่มหัวข้อโดย: fay 13 ที่ 19-01-2017 06:46:57
 :mew1:
หัวข้อ: Re: {Mpreg/Incest} แฝด Up.ตอนที่ 21 (19/01/60)
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 19-01-2017 08:26:04
ว่ากันตามจริง คนที่ไม่ยอมปล่อยวางคือกิติกร
คนก่อเรื่องก็ตายไปแล้วโดยฝีมือตัวเอง อีกคนก็วิกลจริต
ทรัพย์สมบัติ ตัวเองก็ครอบครองบริหาร
ถ้าอยู่นิ่งๆ ปล่อยวาง ก็มีความสุขไปและ
แต่กิติกร ยังทรมานมินแฝดพี่ต่อ
โดยที่เด็กไม่รู้เรื่องอะไรเลย เป็นแค่เด็กไร้เดียงสา
กิติกรสุมไฟแค้น  เผาไหม้ตัวเองต่อไป
แต่มีแม็กเป็นคนโยนเชื้อฟืนใส่ต่อให้ลุกเป็นขี้เถ้า
       :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: {Mpreg/Incest} แฝด Up.ตอนที่ 22 (20/01/60)
เริ่มหัวข้อโดย: เขียนสือ ที่ 19-01-2017 19:00:52

เขียน’สือ_MTP


แฝด ตอนที่ 22




       ปึง!!!

       “คุณพ่อ!!” มินตกใจเบิกตากว้างร้องเสียงหลงเมื่อได้เห็นแขกผู้มาเยือนในยามวิกาลอย่างนี้ว่าเป็นใคร หลังจากที่ได้ยินเสียงประตูเปิดเข้ามาจากข้างนอกจนทำให้เกิดเสียงดังสนั่น ในขณะที่ในห้องเหลือเพียงแค่ตัวเขาคนเดียวเท่านั้น เพราะเขาเพิ่งจะขอร้องกึ่งบังคับให้เตชินกับชิตะไปซื้อของกินให้ที่ร้านสะดวกซื้อที่ตั้งอยู่ตึกข้างๆ เพราะอยู่ดีๆเขาก็เกิดหิวขึ้นมายามดึกจนไม่สามารถที่จะข่มตานอนหลับลงไปได้

       “หึ! แกยังจำฉันได้อยู่อีกหรอไอ้มิน ไอ้ลูกทรพี ไอ้แม็กผัวแกทำฉันไว้เจ็บแสบนัก!!” กิติกรคำรามเสียงเหี้ยม พลางก้าวเดินเข้ามาประชิดตัวมินที่นั่งอยู่บนเตียงคนไข้

       “คุณพ่อรู้” มินครางเสียงแผ่ว เพราะไม่คิดว่ากิติกรผู้เป็นพ่อจะล่วงรู้ความรักที่ผิดบาปของตนกับแม็ก จนลืมไปหมดแล้วว่าก่อนหน้าที่แม็กจะออกไปเมื่อเช้านี้แม็กได้พูดเตือนกับตนเองไว้ว่าอย่างไรบ้างในเรื่องของกิติกร

       “แกสองคนพี่น้องนี่มันน่าสมเพชจริงๆไอ้มิน นอกจากพวกแกสองคนจะเกิดมาจากการเล่นชู้ของพ่อแม่พวกแกแล้ว ยังเสือกมาได้กันเองอีก ไหนจะยังไอ้มารหัวขนที่มันกำลังจะเกิดออกมาประจานความสำส่อนของพวกแกนี่อีกล่ะ…น่ารังเกียจชะมัด!! ฉันล่ะขยะแขยงพวกแกจริงๆ” กิติกรยังคงพ่นคำพูดร้ายกาจหยาบคายใส่มินไม่หยุดหย่อน อีกทั้งยังใช้ปากกระบอกปืนที่ตัวเองถือติดมือมาตั้งแต่แรกจิ้มกระแทกลงไปบนหน้าท้องกลมนูนของมินซ้ำๆ อย่างแรง

       “โอ้ย! อย่า…อย่าทำอย่างนี้เลยฮะคุณพ่อ มินขอร้อง” มินร้องขอด้วยน้ำตา เมื่อรู้สึกปวดท้องขึ้นมาหลังจากที่โดนกิติกรทำร้าย พร้อมๆทั้งดิ้นทั้งถีบท้องเขาจากข้างในซ้ำๆ ไม่หยุด เหมือนกับว่าเจ้าตัวน้อยกำลังรับรู้ว่าตัวเองและแม่กำลังตกอยู่ในอันตรายอย่างไงอย่างงั้น

       “ขอร้องหรอ? หึ! มันจะไม่ง่ายไปหน่อยหรอไอ้มิน ในเมื่อผัวแกมันยังกัดฉันไม่ปล่อยเลย แกคิดว่าฉันยังควรที่จะใจดีกับแกอีกหรอห้ะ!!!” กิติกรยังคงตะโกนใส่มินเสียงดังลั่น อีกทั้งยังเริ่มลงมือทำร้ายร่างกายของมินด้วยการทุบตีอย่างไม่หยุดหย่อน มินที่มีร่างกายอ่อนแออยู่แล้ว บวกกับหน้าท้องนูนป่องของอายุครรภ์ใกล้คลอดของเจ้าตัว จึงไม่สามารถทำอะไรได้ นอกเสียจากใช้สองมือโอบกอดหน้าท้องป่องนูนที่ลูกน้อยกำลังนอนถีบประท้วงอยู่ไว้แน่นเท่าที่จะทำได้เพื่อความปลอดภัยของลูก

       “หยุด!! โอ้ย!! เจ็บ…มินเจ็บ!! หยุดสักที หยุดทำร้ายมินสักที!!!…โอ้ยยยย” มินนอนตัวงอร้องไห้ออกมาด้วยความทรมาน เมื่อความเจ็บปวดเริ่มทวีความรุนแรงมากขึ้นกว่าเดิมอีกร้อยเท่าด้วยความหวาดกลัว จนความทรงจำอันเลวร้ายในวัยเด็กเริ่มผุดขึ้นมาในหัวอย่างไม่ทันรู้ตัว ว่าหลายครั้งหลายคลาที่เขาต้องเผชิญกับความเจ็บปวดอย่างนี้ลำพังแต่เพียงผู้เดียว

       “ดี!! ร้องเข้าไป!! ร้องให้ขาดใจตายไปทั้งแกแล้วก็ไอ้มารหัวขนลูกของแกเลย!!! ไอ้แม็กผัวแกมันจะได้สติแตกกลายเป็นบ้าเหมือนแม่แกไง!!! หึๆ” กิติกรยังคงลงมือทำร้ายมินอย่างรุนแรงแบบต่อเนื่อง เหมือนคนไร้สติ เส้นเลือดปูดโปน สองตาแดงก่ำอย่างหน้ากลัว

       “ช่วยด้วย...ช่วยด้วย!!! แม็กจ๋าช่วยมินด้วย…ช่วยด้วย…แม…แม็ก”
..
..
..
ย้อนไปเมื่อครึ่งชั่วโมงที่แล้ว…


       “คุณแม็กระวัง!!!” ฟาโรห์ร้องเตือนเจ้านายเสียงหลง เมื่อหางตาเหลือบไปเห็นเลขาของกิติกรที่พวกเขาปล่อยตัวออกมาเพื่อให้มาเป็นนกต่อที่จะนำทางมาหาแหล่งกลบดานของกิติกรให้พบ วิ่งพุ่งเข้ามาหาแม็กพร้อมกับมีดทำครัวปลายแหลมเล่มใหญ่

       “อึก! โอ้ย…ไอ้เหี้ย!! / ฉึก!” แต่มันก็ไม่ทันเมื่อเลขาผู้ซื่อสัตย์ของกิติกร กดมีเล่มนั้นแทงเข้าไปบริเวณหน้าท้องแกร่งของแม็กจนมิดด้าม แต่ก็ต้องตกใจเบิกตากว้าง เมื่อแม็กดึงมีดเล่มนั้นออกจากท้องของตัวเองและใช้มันแทงเข้าไปที่บริเวณลำคอเพื่อปิดชีวิตของเจ้าของมันทันทีเช่นเดียวกันด้วยความหงุดหงิดที่ต้องมาเจ็บตัวอย่างนี้ กิติกรจึงใช้โอกาสในช่วงชุลมุนนี้วิ่งหนีแม็กอย่างไม่รอช้า

       “คุณแม็กโอเคไหมครับ” ฟาโรห์ถามด้วยความเป็นห่วงอย่างรู้สึกผิดที่ไม่สามารถปกป้องแม็กไว้ได้ แต่ก็ไม่ได้คิดอะไรมากไปกว่านั้น ในเมื่อเห็นว่าแม็กยังสามารถทรงตัวยืนเองได้…คนๆ นี้แกร่งไม่ใช่น้อย

       “ฉันยังไหว แค่นี้เองสบายมาก ฉันว่าเรากลับไปตั้งหลักที่โรงพยาบาลกันก่อนเถอะ” พูดบอกออกมาด้วยน้ำเสียงนิ่งๆตามฉบับเจ้าตัว ก่อนที่จะก้าวเดินนำฟาโรห์ออกไปด้วยท่าทางปกติไม่ต่างไปจากเดิม ทั้งที่เลือดจากบาดแผลขนาดใหญ่ที่ท้องยังคงซึมใหญ่ออกมาอย่างต่อเนื่อง จนหยดเลอะเต็มพื้นไปตลอดทางเดิน
..
..
..
ย้อนกลับมาที่โรงพยาบาล…


      ปึง!!

       “หยุด!! มึงกำลังทำเหี้ยอะไรอยู่!!!” แม็กแผดเสียงร้องดังลั่นกับภาพของคนรักที่นอนคุดคู้อยู่กับพื้นห้องพักตรงหน้า โดยมีกิติกรยืนค่อมทับอยู่ พร้อมกับข้าวของที่กระจัดกระจายไปทั่วที่เป็นตัวบ่งบอกได้ดีที่สุดว่ามันเกิดประไรขึ้นบ้างก่อนที่เขาจะมา

       “มาแล้วหรอ? แต่ไม่ทันว่ะ ฮ่าๆ” กิติกรแสยะยิ้มถามอย่างเยาะเย้ย เมื่อเห็นสีหน้าช็อคค้างกับบาดแผลขนาดใหญ่ที่หน้าท้องของแม็ก

       “แต่กูว่าทันว่ะ…ฟาโรห์พามินไปหาหมอ เตชินเคลียร์คนออกไปให้หมด ทางนี้ฉันจัดการเอง” ถึงแม้ว่าจะเจ็บปวดกับการที่ต้องเห็นสภาพที่ย่ำแย่ของคนรักที่นอนกองอยู่ที่พื้นสักแค่ไหน แต่แม็กก็ต้องฝืนใจกัดฟันทนเก็บความรู้สึกนั้นไว้ก่อน เพื่อที่จะจัดการกับคนตรงหน้า จึงสั่งให้ฟาโรห์และชิตะพาตัวมินออกไปหาหมออย่างมีสติ และให้เตชินจัดการกับพวกเจ้าหน้าที่ของโรงพยาบาลที่พากันเข้ามามุงดูอย่างไม่เกรงกลัวว่าจะเป็นอันตรายไปด้วย เมื่อเห็นว่าแต่ชินกับชิตะแหวกกลุ่มคนเข้ามาในห้องด้วยสีหน้าตื่นตระหนก

       “แกนี่มันทะนงตัวจนหน้าหมั่นไส้ไปไม่ต่างจากพ่อของแกเลยว่ะ แต่มันก็เท่านั้น เพราะพ่อของแกก็ช่วยแม่ของแกไม่ได้เหมือนกับที่แกมาช่วยไอ้มินไม่ทันยังไงล่ะ ฮะฮ่าๆ” กิติกรที่ตอนนี้สติหลุดไม่ต่างไปจากคนวิกลจริตพูดเย้ยหยันแม็กพร้อมกับหัวเราะออกมาอย่างบ้าคลั่ง จนแม็ก ถึงกลับต้องขบกรามข่มอารมณ์ไว้แน่น

       “แต่มึงคงจะลืมไปสินะกิติกร ว่ากูมีลูกบ้าเยอะขนาดไหน…และกูก็จะไม่ยอมเป็นฝ่ายศูนย์เสียและเจ็บปวดฝ่ายเดียวอย่างแน่นอน” แม็กพูดพร้อมกับควักปืนที่เหน็บอยู่ที่เอวออกมา

       “ในเมื่อก่อนกูกับมินต้องทนอยู่ในนรกที่มึงยัดเยียดให้อยู่อย่างไม่เต็มใจ แต่วันนี้กูจะเป็นคนหักปีกและจองจำสัตว์นรกอย่างมึงเองกิติกร”

       ปัง! ปัง! ปัง! ปัง!

       กระสุนสี่นัดที่แม็กจงใจเหนียวไกลออกไป พุ่งตรงเข้าที่แขนและขาทั้งสองข้างของกิติกรอย่างแม่นยำเหมือนจับวาง พร้อมกับล่างที่ยังคงมีลมหายใจของกิติกรทรุดลงไปนอนกองอยู่บนพื้นไม่ต่างไปจากที่มินเป็นเมื่อสักครู่นี้เลย ก่อนที่ทั้งหมอและพยาบาลจะพากันวิ่งกรูเข้ามาดูอาการของกิติกร ส่วนแม็กเองก็หันหลังเดินออกจากห้องทันทีเพื่อที่จะไปดูอาการของมิน จนลืมไปแล้วว่าตัวเขาเองก็มีบาดแผลฉกรรจ์พาดอยู่บนหน้าท้องเช่นกัน

       “คุณแม็ก!!” เตชินรุดเข้าประคองแม็กทันทีที่เห็นว่าแม็กลากขาเดินเข้ามาหาพวกตนที่อยู่บริเวณหน้าห้องไอซียูอย่างยากลำบาก ด้วยความรู้สึกผิดมากถึงมากที่สุด เพราะตั้งแต่ทำงานมาครั้งนี้เป็นครั้งแรกที่ผู้ว่าจ้างของเขาทั้งสองคนต้องอยู่ในอันตรายจนแทบจะเอาชีวิตไม่รอดอย่างนี้ ซึ่งถือว่าเป็นการผิดพลาดที่ร้ายแรงที่สุดในชีวิตก็ว่าได้ และถ้าแม็กยกเลิกสัญญาจ้างของเขาเมื่อไหร่ละก็ เขาจะต้องโดนหัวหน้าพรรค์อย่างเจโล่ลงโทษอย่างที่ไม่สามารถคาดเดาได้เลยว่าจะหนักหน่วงขนาดไหน

       “มินเป็นยังไงบ้าง” แม็กถามเสียงแห้ง สีหน้าซีดเผือดจนแทบจะไม่มีสี เพราะเสียเลือดมาก ซึ่งก่อนหน้าที่เขาจะเดินมาถึงตรงนี้ ก็มีทั้งหมอและพยาบาลที่พากันมาเกลี้ยกล่อมพยายามที่จะให้เขารักษาบาดแผลที่ท้องให้ได้ แต่เขาก็ปฏิเสธความหวังดีพวกนั้นทิ้งไปอย่างไม่ใยดีเช่นกัน เพราะเขาไม่อาจที่จะสละเวลาแห่งความกลัวของตัวเองในตอนนี้ไปทำอะไรได้ทั้งสิ้น ถ้าหากว่าเขายังไม่ได้ยินกับหูไม่ได้เห็นกับสองตาของตัวเองว่ามินและลูกน้อยของเขาปลอดภัยดีแล้ว ถึงแม้ว่าจะต้องแลกด้วยชีวิตและลมหายใจของเขาเองก็ตาม

       แอ๊ดดด…

       “คุณมินและคุณหนูน้อยเป็นยังไงบ้างครับ” เตชินเอ่ยถามขึ้นทันทีเมื่อเห็นพยาบาลเดินออกจากห้องไอซียูมาพร้อมกับห่อผ้าสีขาวสะอาดตา เพราะแม็กเหนื่อยเกินกว่าที่จะเอื้อนเอ่ยวาจาใดออกมาได้อีกแล้ว ถึงแม้ว่าเจ้าตัวจะยังฝืนตัวเองนั่งกุมท้องเอนตัวพิงฟาโรห์อยู่บนเก้าอี้ที่ทางโรงพยาบาลจัดไว้ให้สำหรับญาติของคนไข้นั่งรอ

       “คุณรามิณทร์ปลอดภัยแล้วค่ะ ส่วนนี่คือลูกชายของคุณค่ะ” พยาบาลสาวที่คุ้นเคยเป็นอย่างดีกับมินและแม็ก พูดบอกด้วยรอยยิ้ม ก่อนที่จะก้าวเดินเข้ามายื่นทารกน้อยในห่อผ้าที่เธออุ้มไว้ให้กับแม็กได้ดู

       “มิก…มิกเซอร์”

       “คุณแม็ก!!!” สิ้นเสียงเรียกชื่อของลูกชายตัวน้อยที่ได้เห็นหน้าแค่เพียงไม่กี่วินาที แม็กก็หมดสติลงไปทันที หลังจากที่ฝืนร่างกายสู้ทนอยู่นาน ทำให้หมอและพยาบาลที่อยู่แถวนั้นพากันวิ่งวุ่นไปหมด เพราะร่างกายของแม็กมันซีดเซียวไปหมดแล้ว อีกทั้งสัญญาณชีพจรก็แผ่วลงไปเรื่อยๆ จนแทบจะหาไม่เจอ
..
..
..
สองเดือนต่อมา…

       หลังจากที่เรื่องวุ่นวายทั้งหมดจบลงด้วยการที่แม็ก มิน และมิกเซอร์ลูกชายสุดหล่อตัวน้อยของพวกเขาแข็งแรงและปลอดภัยดี ส่วนแม่ของเขาก็ยังคงวิกลจริตอยู่เหมือนเดิม แต่ที่ดีกว่าเดิมคืออาการของเธอคงที่ และให้ความร่วมมือในการรักษาและฟื้นฟูสภาพจิตใจกับหมอคนใหม่เป็นอย่างดีโดยมีนมน้อมและมอสน้องชายคนสุดท้องของพวกเขาช่วยดูแลอย่างใกล้ชิด ส่วนกิติกรก็ได้รับผลกรรมที่แม็กเป็นคนยื่นให้กับมืออย่างยัดเยียดด้วยความไม่เต็มใจ จนกลายเป็นคนทุพพลภาพ พิการเดินไม่ได้ไปแล้ว เมื่อกระสุนทั้งสองนัดที่ถูกแม็กยิงที่ขามันเข้าไปทำลายตรงจุดเส้นประสาทเสียหายจนมาสามารถรักษาได้อีก และเป็นที่แน่นอนว่าการกระทำอันอุกอาจของแม็กในครั้งนี้นั้นมันไม่สามารถรอดพ้นเงื้อมือของกฎหมายและนักข่าวไปได้ เขาจึงตั้งโต๊ะแถลงข่าวเปิดตัวแม็กและเจ้าหนูน้อยมิกเซอร์ในฐานะภรรยาและลูกชายทันที ถึงแม้ว่าจะมีคำถามมากมายเกี่ยวกับความสัมพันธ์ของเขาและมินที่ทุกคนต่างรู้ดีอยู่แล้วว่าเป็นพี่น้องฝาแฝดกันแท้ๆ แต่เชื่อเถอะว่าคนหน้ามึนอย่างแม็กสามารถจัดการรับมือกับปัญหาเหล่านั้นได้เป็นอย่างดี ก่อนจะจบลงด้วยการขึ้นศาลเคลียร์คดีทั้งหมดที่เกิดขึ้นให้ผ่านพ้นไปได้แบบผ่านฉลุย

       “แล้วกลับมาหากันบ้างนะชิตะน้อยของมิน” มินส่งตัวลูกชายไปให้สามีที่ยืนอยู่ข้างๆกันอย่างแม็กอุ้มแทน ก่อนที่จะย่อตัวนั่งลงตรงหน้าของเด็กชายตัวน้อยตรงหน้าที่เข้ามาสร้างสีสันให้กับชีวิตของพวกเขาอยู่หลายเดือนอย่างอาลัยอาวรณ์

       “อื้อ! ฟาโรห์บอกว่าปิดเทอมจะพาชิชิมาหาน้องน้อย…ชิตะรักมินนี่จัง” เด็กชายตัวน้อยบอกพร้อมกับโผเข้ากอดพี่ชายคนสวยตรงหน้าอย่างอ้อนๆ ก่อนจะปิดท้ายด้วยการจุ๊บแก้มส่งท้ายเบาๆ อย่างที่ชอบทำ ก่อนที่จะผละเดินเข้าไปหาคู่กัดคู่ปรับตลอดกาลของตัวเองระหว่างที่ใช้ชีวิตอยู่ที่นี่ช้าๆ

       “ว่าไง?” แม็กเลิกคิ้วถามอย่างกวนๆ

       “ชิตะก็รักแม็กกี้เหมือนกันฮะ” พูดพร้อมกับโผกอดต้นขาของอีกคนเบาๆเช่นกัน

       “อือ…กลับไปก็ตั้งใจเรียน อย่าดื้ออย่าซนล่ะ แล้วจะพามินกับน้องไปหาบ่อยๆ” แม้ว่าจะซึนและปากแข็งเพียงใด แต่แม็กก็อดไม่ได้ที่จะใจหายเมื่อถึงเวลาที่จะต้องจากกันจริงๆ

       “สัญญานะฮะ” พูดบอกพร้อมกับชูนิ้วก้อยยื่นไปตรงหน้าแม็ก

       “ด้วยเกียรติของพ่อน้องน้อยเลยเอ้า” แม็กกระตุกยิ้มพูดบอก ก่อนที่จะยื่นนิ้วก้อยของตัวไปเกี่ยวก้อยสัญญากับเด็กน้อยตรงหน้าอย่างขำๆ

       “ไปก่อนนะครับ” ฟาโรห์ค้อมหัวลงเล็กน้อยเป็นการบอกลา เมื่อได้ยินเสียงเรียกขึ้นเครื่องจากพนักงานของสายการบิน พร้อมกับที่เห็นว่าสองพี่น้องเตอย่างเตโชและเตชินที่ถูกเจโล่เรียกกลับไปทำการลงโทษเพราะบกพร่องในหน้าที่ตลอดสองเดือนพากันกอดคอเดินเข้ามาด้วยท่าทางที่ไม่ดีนัก…สงสัยจะโดนจัดหนักทั้งการลงโทษและการฝึกฝนอย่างแน่นอน

       “อืม…ขอบคุณสำหรับทุกเรื่องที่ผ่านมา เพราะถ้าไม่มีพวกนายสามคนรวมถึงไอ้เปี๊ยกนี่ เรื่องมันคงจะไม่จบลงได้อย่างง่ายดายและรวดเร็วขนาดนี้” แม็กพูดบอกออกมาจากใจจริง เพราะว่าข้อมูลของกิติกรที่ฟาโรห์รวบรวมมาได้มันเป็นประโยชน์มากเลยสำหรับเขา ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของคดีเก่า หรือเรื่องคดีใหม่ที่กิติกรจ้างวานนักฆ่าจากจีนมาจัดการเขาและมินอีกด้วย ในส่วนนี้จึงสามารถทำให้เขารอดพ้นจากคดีความมาได้อย่างง่ายดาย

       “มันคือหน้าที่ที่ผมเต็มใจทำครับ” ฟาโรห์บอกพร้อมกับโค้งตัวบอกลาเป็นการทิ้งท้ายอีกครั้ง ก่อนที่จะจูงมือเด็กจุ้นของไปหันหลังจากไป

       “แล้วเจอกันใหม่นะฮะ…บ๊ายบาย!!!” เด็กชายตัวน้อยหันกลับมาฉีกยิ้มหวาน ตะโกนบอกลาเป็นการส่งท้ายอีกครั้ง ก่อนที่จะวิ่งหายเข้าไปทางด้านในจริงๆ

       “พวกนายกลับไปพักผ่อนที่บ้านกันก่อนเถอะ ฉันกับมินจะพาลูกไปโรงพยาบาลต่อ” แม็กหันไปพูดสั่งกับพี่น้องเตที่ท่าทางจะยืนกันไม่ไหวแล้ว ก่อนที่จะขับรถพามินตรงไปโรงพยาบาลทันที เพราะว่าวันนี้เป็นวันครบรอบสองเดือนของลูกชายตัวน้อยของพวกเขาพอดี พวกเขาจึงต้องพามิกเซอร์ไปฉีดวัคซีนตามที่หมอนัด

       “ผลตรวจออกมาแล้วนะครับ น้องเป็นโรคฮีโมฟีเลียครับ ในระยะนี้หมอจึงอยากให้คุณพ่อคุณแม่ช่วยสังเกตอาการน้องอย่างใกล้ชิดด้วยนะครับ เพราะน้องยังไม่สามารถพูดบอกกับเราได้ว่าเขาเจ็บปวดหรือไม่สบายตรงไหนบ้าง และให้รีบพาน้องมาหาหมอทันทีเมื่อพบรอยฟกช้ำ หรือข้อบวมโดยไม่ทราบสาเหตุ” หลังจากฉีดวัคซีนให้กับเด็กชายตัวน้อยแล้ว คุณหมอประจำตัวที่รับช่วงต่อมาจากหมอเป็นหมอประจำตัวคนที่ทำคลอดให้มินอีกที ก็แจ้งผลตรวจร่างกายครั้งที่แล้วของเด็กน้อยทันที เมื่อพบความผิดของการฉีดวัคซีนในเดือนที่แล้ว

       “…..”

       “แต่คุณพ่อกับคุณแม่ไม่ต้องกังวลไปหรอกนะครับ เพราะน้องยังคงสามารถใช้ชีวิตได้ปกติเหมือนกับเด็กทั่วไป เพียงแค่ต้องระวังไม่ให้เกิดอุบัติเหตุกับน้องเท่านั้นเองครับ เพราะไม่ว่าจะเป็นการผ่าตัดใหญ่ หรือเพียงแค่การวิ่งหกล้มและเกิดแผลเพียงเล็กน้อย ก็สามารถทำให้น้องเกิดอันตรายไปถึงชีวิตได้เลยนะครับ” คุณหมอยังคงอธิบายต่อไป เมื่อเห็นว่าทั้งแม็กและมินต่างก็ตั้งใจฟังเขาเป็นอย่างดี

       “…..”

       “อย่างที่บอกไปครับว่าไม่ต้องเป็นกังวลมากไปเพราะน้องยังสามารถเติบโตและแข็งแรงได้ไม่ต่างจากเด็กทั่วไป สามารถออกกำลังกายได้ด้วยการว่ายน้ำ หรือกีฬาอะไรก็ได้ที่ไม่เสี่ยงเจ็บตัวหรือว่าต้องไปกระทบกระแทกกับใคร และเมื่อน้องเริ่มคลานหรือหัดเดินขอให้คุณพ่อคุณแม่ช่วยหาเสื้อผ้าที่บุผ้ากันกระแทกที่ข้อศอกกับเข่าไว้ด้วยนะครับ เช่นเดียวกับของเล่นที่ควรเป็นของที่ไม่มีคม และไม่ว่าจะเป็นโต๊ะ ตู้ เตียงหรือเฟอร์นิเจอร์อะไรก็ตามในบ้านคุณพ่อคุณแม่ควรที่จะลบเหลี่ยมออกและบุด้วยนวมหรือผ้านุ่มกันกระแทกไว้ทั้งหมดนะครับ”

..
..
..
ห้าปีผ่านไป…


       เสียงเปียโนดังคลอเสียงร้องประสานในท่วงทำนองเพลงคุ้นหูของเด็กน้อยวัยอนุบาลทำให้ผู้ปกครองหลายคนที่นั่งดูถ่ายทอดสดผ่านทางโทรทัศน์จอใหญ่ยักษ์ในห้องรับรองที่อยู่ติดกันก็อดไม่ได้ที่จะปรบมือ ยกศีรษะไปตามลูกหลานของตัวเองไปอย่างอารมณ์ดีรวมถึงแม็กและมิน ที่ควงคู่พากันมารับลูกชายสุดที่รักในวันนี้ด้วย ที่สายตาของทั้งคู่ยังคงจับจ้องผ่านจอโทรทัศน์มองดูลูกชายนั่งประจำที่เล่นเปียโนนำทีมเพื่อนในห้องร้องเพลงเล่นกันอย่างสนุกสนานอย่างทุกวันด้วยความภาคภูมิใจ เพราะนอกจากโรคประจำตัวของลูกน้อยที่ต้องระวังเป็นพิเศษแล้ว แม็กกับมินก็ไม่ต้องห่วงหรือเป็นกังวลอะไรเกี่ยวกับลูกชายเลย เพราะมิกเซอร์เป็นเด็กที่เลี้ยงง่าย สดใสร่าเริง สุขภาพร่างกายแข็งแรง รวมถึงการมีพัฒนาการทางด้านสมองและสติปัญญาที่เป็นเลิศอีกด้วย ทั้งนี้ทั้งนั้นก็คงต้องขอบคุณเจ้าเปี๊ยกชิตะน้อยจอมจุ้นในวัยแปดขวบเมื่อสองปีที่แล้ว ที่เบื่อกับการโดนฟาโรห์เคี่ยวเข็ญให้เล่นเปียโนเพื่อหวังว่าจะทำให้เจ้าตัวได้หยุดฟุ้งซ่านเกินวัยไปได้บ้าง จึงได้เนียนส่งต่อเครื่องดนตรีชิ้นนี้มาให้น้องน้อยของเจ้าตัวได้ฝึกฝนจนกลายเป็นของเล่นชิ้นโปรดของมิกเซอร์ไปแล้ว

       กริ๊งก่อง~ กริ๊งก่อง~

       เสียงกริ่งซึ่งเป็นสัญญาณเตือนว่าสิ้นสุดเวลาเรียนในวันนี้แล้วดังขึ้นพร้อมๆกับเสียงกรีดร้องด้วยความดีใจของเด็กน้อยทั้งหลาย พร้อมกับที่ผู้ปกครองที่นั่งซ่อนตัวอยู่ในห้องรับรองพากันออกไปรับลูกหลานของตัวเองกลับบ้าน ซึ่งแน่นอนว่าแม็กและมินก็คือหนึ่งในผู้ปกครองเหล่านั้นเช่นกัน

       “มิกเซอร์ครับ” เสียงหวานเอ่ยเรียกเด็กชายที่ยังคงนั่งไล่นิ้วเล่นอยู่บนเปียโนสีดำหลังเล็กนั้นด้วยความเอ็นดู เพราะเพื่อนร่วมชั้นคนอื่นเขากลับบ้านหรือไม่ก็พากันออกไปเล่นที่สนามหญ้าข้างหน้าหมดแล้ว แต่ลูกชายของเขายังคงนั่งไล่นิ้วอยู่กับเครื่องดนตรีชิ้นโปรดอย่างหลงใหล

       “คุณพ่อ~ คุณแม่~” เมื่อเห็นว่าคนที่เรียกชื่อตัวเองนั้นเป็นใคร เด็กชายก็ฉีกยิ้มกว้างทันที ก่อนที่จะค่อยๆ ก้าวเดินเข้ามาโผกอดคุณพ่อและคุณแม่ของตัวเองด้วยความระมัดระหวังอย่างที่ถูกย้ำเตือนมาโดยตลอดตั้งแต่จำความได้

       “วันนี้ลูกชายคุณแม่เล่นเพลงใหม่ได้อีกแล้วหรอ เก่งจังเลยน้า~” มินอุ้มลูกชายตัวน้อยขึ้นมาหอมแก้มไปฟอดใหญ่ด้วยความมันเขี้ยว ไม่ว่าจะมองไปตรงส่วนไหนบนร่างกายของลูกชายตัวน้อย มินก็อดที่จะน้อยใจไม่ได้ เพราะมันไม่มีส่วนไหนที่จะเหมือนเขาเลย โดยเฉพาะดวงตาเฉี่ยวคมเป็นเอกลักษณ์คู่นั้น…นี่มันแม็กจูเนียร์ฉบับย่อส่วนชัดๆ และยิ่งหงุดหงิดเข้าไปอีก เพราะยิ่งอายุเพิ่มขึ้นมากเท่าไหร่แม็กก็หน้าเปลี่ยนไปเหมือนพ่อแท้ๆผู้ให้กำเนิดของพวกเขามากขึ้นไปอีก ในขณะที่เขายังคงเหมือนเดิมทุกๆอย่าง จนคนรู้จักบางคนก็ลืมไปแล้วเสียด้วยซ้ำว่าเขากับแม็กนั้นเป็นพี่น้องฝาแฝดที่คลานตามกันมาติดๆ

       “น้องมิกเก่งไหมฮะพ่อ” ยิ้มรับคำชมจากคุณแม่สุดที่รัก ก่อนที่จะใช้ดวงตาคมที่ถอดแบบกันมาช้อนตามองถามคนเป็นพ่อด้วยความคาดหวัง

       “แน่นอนอยู่แล้ว เพราะว่ามิกเซอร์คือส่วนผสมที่ดีที่สุดของพ่อกับแม่” แม็กพูดบอกพร้อมกับยื่นมือไปขยี้หัวลูกชายตัวน้อยในอ้อมแขนของคนรักอย่างมิน ก่อนที่จะพากันกลับบ้านอย่างที่ควรจะเป็น ซึ่งแน่นอนว่าระหว่างทางกลับบ้านของสามคนพ่อแม่ลูกนั้นมีแต่เสียงหัวเราะ พูดคุย เคล้าคลอไปกับเสียงร้องเพลงเจื้อยแจ้วของเจ้าตัวเล็กที่เปรียบเสมือนดวงใจของบ้านไม่ต่างไปจากทุกวัน

       ถ้าหากว่าแม็กเป็นแอลกอฮอล์ดีกรีแรง มินก็คงจะเป็นน้ำแข็งที่ใช้ความเย็นของตัวเองเข้ามาดับความร้อนแรง ส่วนมิกเซอร์ก็คงจะเป็นส่วนผสมที่เข้ามาเพิ่มรสชาติความลงตัวของชีวิตคู่ของทั้งสองคนให้ยิ่งมีความสุขมากขึ้นไปกว่าที่เคยเป็น

       ซึ่งแน่นอนว่าความรักมักจะสวยงามเสมอ ไม่ว่าจะเพศไหนสังคมใด ไม่ว่าจะสุขสมหวัง หรือผิดหวัง จะถูกต้องตามประเพณีและความดีงาม หรือว่าจะผิดบาปร้ายแรงสักแค่ไหน ทั้งหมดก็ล้วนแต่เป็น ‘ความรัก’ ไม่ต่างกัน อย่างที่แม็กและมินเลือกที่จะมองข้ามกฎเกณฑ์ ความถูกผิดทั้งหลายไป และเลือกที่จะทำตามเสียงเรียกร้องในหัวใจของตัวเองแทน ถึงแม้ว่าเมื่อตายไปแล้วพวกเขาทั้งคู่จะต้องตกไปชดใช้กรรมในอเวจีขุมสุดท้ายก็ตาม พวกเขาก็ไม่กลัวหรอก เพราะเมื่อถึงวันนั้นพวกเขาก็มั่นใจว่า…เขาทั้งสองคนจะยังคงกุมมือกันและกันอย่างนี้ตลอดไป




-THE END-
       


หัวข้อ: Re: จบแล้ว {Mpreg/Incest} แฝด Up.ตอนที่ 22 (20/01/60)
เริ่มหัวข้อโดย: titansyui ที่ 19-01-2017 19:23:20
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: จบแล้ว {Mpreg/Incest} แฝด Up.ตอนที่ 22 (20/01/60)
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 19-01-2017 19:27:50
 :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:   ขอบคุณคนแต่งมากๆครับ
หัวข้อ: Re: จบแล้ว {Mpreg/Incest} แฝด Up.ตอนที่ 22 (20/01/60)
เริ่มหัวข้อโดย: ่jum ที่ 19-01-2017 21:09:16
 :katai2-1: :pig4:
หัวข้อ: Re: จบแล้ว {Mpreg/Incest} แฝด Up.ตอนที่ 22 (20/01/60)
เริ่มหัวข้อโดย: Kei ที่ 19-01-2017 21:55:49
สนุกมากกกกกก :mew1:
หัวข้อ: Re: จบแล้ว {Mpreg/Incest} แฝด Up.ตอนที่ 22 (20/01/60)
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 19-01-2017 22:00:58
ว้าว.....จบและ  :mew1: :mew1: :mew1:
แม็ก มิน  :กอด1: :กอด1: :กอด1:
น้องมิกเซอร์ หล่อคม ฉลาด เล่นดนตรีเพราะอีก  :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:
อือ.....ไม่แน่ ต่อไป มินจะมีน้องอีกคน
คนนี้น่าจะเหมือนมิน นะ
       :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: จบแล้ว {Mpreg/Incest} แฝด Up.ตอนที่ 22 (20/01/60)
เริ่มหัวข้อโดย: GuoJeng ที่ 19-01-2017 23:38:10
   จบแล้ว ขอบคุณผู้แต่งที่นำเรื่องดีๆแบบนี้มาแบ่งปันกันคับ
หัวข้อ: Re: {Mpreg/Incest} แฝด Up.ตอนที่ 21 (19/01/60)
เริ่มหัวข้อโดย: little_munoi ที่ 20-01-2017 00:12:31
แฮปปี้ดีงามมม
หัวข้อ: Re: จบแล้ว {Mpreg/Incest} แฝด Up.ตอนที่ 22 (20/01/60)
เริ่มหัวข้อโดย: Ice_Iris ที่ 20-01-2017 11:02:56

จะมีคู่ไหนต่อไหมนะ

ขอบคุณที่แบ่งปันขอรับ

หัวข้อ: Re: จบแล้ว {Mpreg/Incest} แฝด Up.ตอนที่ 22 (20/01/60)
เริ่มหัวข้อโดย: dahlia ที่ 20-01-2017 11:42:27
น้องมิกมา ก็จบซะแล้ว โธ่ๆๆ ขอบคุณนะคะสำหรับนิยายเรื่องนี้   :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: จบแล้ว {Mpreg/Incest} แฝด Up.ตอนที่ 22 (20/01/60)
เริ่มหัวข้อโดย: เขียนสือ ที่ 20-01-2017 15:16:47

จะมีคู่ไหนต่อไหมนะ

ขอบคุณที่แบ่งปันขอรับ

มีคู่ชิตะกับฟาโรห์ต่อค่ะ แต่ไม่แน่ใจว่าจะเอามาลงในเล้าดีหรือเปล่า เพราะไม่ค่อยมีคนอ่าน ยังไงก็ขอบคุณคนอ่านที่น่ารักทุกคนนะคะที่อยู่เป็นเพื่อนกันมาจนถึงตอนสุดท้ายของเรื่องนี้ #ด้วยรัก #ขอบคุณค่ะ
หัวข้อ: Re: จบแล้ว {Mpreg/Incest} แฝด Up.ตอนที่ 22 (20/01/60)
เริ่มหัวข้อโดย: fay 13 ที่ 20-01-2017 22:48:28
 :mew1:
หัวข้อ: Re: จบแล้ว {Mpreg/Incest} แฝด Up.ตอนที่ 22 (20/01/60)
เริ่มหัวข้อโดย: arij-iris ที่ 20-01-2017 23:52:01
จะมีตอนพิเศษมั้ยอ่าาาา อยากอ่านต่อจัง
หัวข้อ: Re: จบแล้ว {Mpreg/Incest} แฝด Up.ตอนที่ 22 (20/01/60)
เริ่มหัวข้อโดย: Mura_saki ที่ 22-01-2017 06:50:14
ชอบมากๆเรื่องนี้
หัวข้อ: Re: จบแล้ว {Mpreg/Incest} แฝด Up.ตอนที่ 22 (20/01/60)
เริ่มหัวข้อโดย: Lemon_Tea ที่ 22-01-2017 15:01:37
ความรักเป็นสิ่งสวยงามเสมอ ไม่ว่าจะเกิดกับใครก็ตาม
หัวข้อ: Re: จบแล้ว {Mpreg/Incest} แฝด Up.ตอนที่ 22 (20/01/60)
เริ่มหัวข้อโดย: КίmY ที่ 28-01-2017 09:42:13
ครอบครัวตัว ม. น่ารักกกก    :-[
ปล.อยากอ่านคู่ฟาโรห์ชิชิอ่ะ ฮ่าๆๆๆ    :hao6:
 :L2: :pig4: :pig4: :L2:
หัวข้อ: Re: จบแล้ว {Mpreg/Incest} แฝด Up.ตอนที่ 22 (20/01/60)
เริ่มหัวข้อโดย: Bb nale ที่ 29-01-2017 09:56:47
เนื้อเรื่องลึกซึ้ง พอดี ไม่ดราม่าเกิน น้องมิกเซอร์น้อยโตขึ้นจะเหมือนคุณพ่อเหรอเนี่ย ขอบคุณสำหรับผลงานดีๆนะ
หัวข้อ: Re: จบแล้ว {Mpreg/Incest} แฝด Up.ตอนที่ 22 (20/01/60)
เริ่มหัวข้อโดย: dahlia ที่ 30-01-2017 11:14:40

จะมีคู่ไหนต่อไหมนะ

ขอบคุณที่แบ่งปันขอรับ

มีคู่ชิตะกับฟาโรห์ต่อค่ะ แต่ไม่แน่ใจว่าจะเอามาลงในเล้าดีหรือเปล่า เพราะไม่ค่อยมีคนอ่าน ยังไงก็ขอบคุณคนอ่านที่น่ารักทุกคนนะคะที่อยู่เป็นเพื่อนกันมาจนถึงตอนสุดท้ายของเรื่องนี้ #ด้วยรัก #ขอบคุณค่ะ

ถ้าคนแต่งไปลงเรื่องที่ไหน แวะมาส่งข่าวด้วยนะคะ  จะได้ตามไปอ่านค่ะ  ขอบคุณนะ
หัวข้อ: Re: จบแล้ว {Mpreg/Incest} แฝด Up.ตอนที่ 22 (20/01/60)
เริ่มหัวข้อโดย: airicha ที่ 31-01-2017 08:07:41

จะมีคู่ไหนต่อไหมนะ

ขอบคุณที่แบ่งปันขอรับ

มีคู่ชิตะกับฟาโรห์ต่อค่ะ แต่ไม่แน่ใจว่าจะเอามาลงในเล้าดีหรือเปล่า เพราะไม่ค่อยมีคนอ่าน ยังไงก็ขอบคุณคนอ่านที่น่ารักทุกคนนะคะที่อยู่เป็นเพื่อนกันมาจนถึงตอนสุดท้ายของเรื่องนี้ #ด้วยรัก #ขอบคุณค่ะ

ถ้าคนแต่งไปลงเรื่องที่ไหน แวะมาส่งข่าวด้วยนะคะ  จะได้ตามไปอ่านค่ะ  ขอบคุณนะ

จะตามไปอ่านเช่นกันค่ะ สนุกมาก
ชอบแนวนี้ที่สุด อะไรที่เกี่ยวกับแฝดนี่จะชอบมากเป็นพิเศษ
รออ่านหนูชิตะกับฟาโรห์นะคะ อิอิ อยากอ่านคู่นี้มาก
หัวข้อ: Re: จบแล้ว {Mpreg/Incest} แฝด Up.ตอนที่ 22 (20/01/60)
เริ่มหัวข้อโดย: gayraygirl ที่ 01-02-2017 18:14:15
สนุกมากค่ะ  :L2:
หัวข้อ: Re: จบแล้ว {Mpreg/Incest} แฝด Up.ตอนที่ 22 (20/01/60)
เริ่มหัวข้อโดย: nutae or ที่ 16-02-2017 20:35:24
เป็นเรื่องที่ มาไวไปไวมากกกกกกกกก.......แต่สนุกดีนะ  o13
หัวข้อ: Re: จบแล้ว {Mpreg/Incest} แฝด Up.ตอนที่ 22 (20/01/60)
เริ่มหัวข้อโดย: Siran ที่ 22-02-2017 22:35:38
ฮื่อน่ารุกสุดดๆ ภามภีมก็มาา  :impress2:
หัวข้อ: Re: จบแล้ว {Mpreg/Incest} แฝด Up.ตอนที่ 22 (20/01/60)
เริ่มหัวข้อโดย: Pawana ที่ 26-02-2017 07:05:34
เนื้อเรื่องกระชับดีครับ.    ไม่เวิ่น.  อ่านแล้วไม่เบื่อ.    ตามอ่าน. ชิชิ. ฟาโรห์.  ครับ.  ขอบคุณ. 
หัวข้อ: Re: จบแล้ว {Mpreg/Incest} แฝด Up.ตอนที่ 22 (20/01/60)
เริ่มหัวข้อโดย: เขียนสือ ที่ 21-05-2017 23:58:33

จะมีคู่ไหนต่อไหมนะ

ขอบคุณที่แบ่งปันขอรับ

มีคู่ชิตะกับฟาโรห์ต่อค่ะ แต่ไม่แน่ใจว่าจะเอามาลงในเล้าดีหรือเปล่า เพราะไม่ค่อยมีคนอ่าน ยังไงก็ขอบคุณคนอ่านที่น่ารักทุกคนนะคะที่อยู่เป็นเพื่อนกันมาจนถึงตอนสุดท้ายของเรื่องนี้ #ด้วยรัก #ขอบคุณค่ะ

ถ้าคนแต่งไปลงเรื่องที่ไหน แวะมาส่งข่าวด้วยนะคะ  จะได้ตามไปอ่านค่ะ  ขอบคุณนะ

จะตามไปอ่านเช่นกันค่ะ สนุกมาก
ชอบแนวนี้ที่สุด อะไรที่เกี่ยวกับแฝดนี่จะชอบมากเป็นพิเศษ
รออ่านหนูชิตะกับฟาโรห์นะคะ อิอิ อยากอ่านคู่นี้มาก
ใครอยากอ่านคู่อื่นหรืออยากรู้พิกัดแหล่งกบดานของคนเขียนให้ค้นหาคำว่า เขียน'สือ ใน Google หรือ facebook เอานะคะ เพราะตอนนี้คนเขียนแต่งเรื่องชิชิกับฟาโรห์จบแล้วจ้า แล้วก็ยังมีอีกหลายเรื่องเลยที่ไม่ได้ยกมาลงในเล้า  ต้องขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วยจ้าถ้าหากว่าดูเหมือนจะยุ่งยากเกินไป แต่ที่เราทำแบบนี้ก็เพราะต้องการให้เกียรติเล้าด้วยการไม่พูดถึงบล็อคหรือเว็บอื่นจ้า #ด้วยรัก #เขียนสือ
หัวข้อ: Re: จบแล้ว {Mpreg/Incest} แฝด Up.ตอนที่ 22 (20/01/60)
เริ่มหัวข้อโดย: kungverrycool ที่ 22-05-2017 09:19:44
 :3123:ขอบคุนสำหรับนิยายดีดีค่ะ
หัวข้อ: Re: จบแล้ว {Mpreg/Incest} แฝด Up.ตอนที่ 22 (20/01/60)
เริ่มหัวข้อโดย: littlepink ที่ 02-06-2017 00:13:35
เย้ อ่านจบแล้ว น่ารักมากเลย ชิชิห้าขวบนี่เก่งจังเลยน๊าาา สมกับเป็นลูกหลานตระกูลมาเฟีย
หัวข้อ: Re: จบแล้ว {Mpreg/Incest} แฝด Up.ตอนที่ 22 (20/01/60)
เริ่มหัวข้อโดย: AngPao1932 ที่ 04-06-2017 01:13:54
อยากให้กิตติกรรับกรรมหนักกว่านี้ ไม่สาสมเลย สงสารน้องมิน
หัวข้อ: Re: จบแล้ว {Mpreg/Incest} แฝด Up.ตอนที่ 22 (20/01/60)
เริ่มหัวข้อโดย: aoihimeko ที่ 05-06-2017 05:03:05
ขอบคุณเรื่องราวดีๆค่ะ
หัวข้อ: Re: จบแล้ว {Mpreg/Incest} แฝด Up.ตอนที่ 22 (20/01/60)
เริ่มหัวข้อโดย: Gatjang_naka ที่ 05-06-2017 08:57:35
 :pig4:
หัวข้อ: Re: จบแล้ว {Mpreg/Incest} แฝด Up.ตอนที่ 22 (20/01/60)
เริ่มหัวข้อโดย: Siran ที่ 09-06-2017 21:02:40
อ่านรอบ 2 แล้วว
5555 :hao6:
หัวข้อ: Re: จบแล้ว {Mpreg/Incest} แฝด Up.ตอนที่ 22 (20/01/60)
เริ่มหัวข้อโดย: unicorncolour ที่ 14-11-2017 20:56:33
เรื่องราวอันซับซ้อนก็ถูกคลี่คลาย จบปิ็ง!!!  :a9:
หัวข้อ: Re: จบแล้ว {Mpreg/Incest} แฝด Up.ตอนที่ 22 (20/01/60)
เริ่มหัวข้อโดย: AngPao1932 ที่ 15-12-2017 09:53:36
ชอบแนวท้องได้นะแต่ถ้าเป็นแบบแฝดไม่ให้ท้องจะดีกว่ากลัวเด็กๆไม่ครบ32 แต่ขอบคุณจ้าาาาา  :mew1:
หัวข้อ: Re: จบแล้ว {Mpreg/Incest} แฝด Up.ตอนที่ 22 (20/01/60)
เริ่มหัวข้อโดย: พันธุ์ไทย ที่ 15-12-2017 22:08:28
 :pig4:  :pig4:  :pig4:
หัวข้อ: Re: จบแล้ว {Mpreg/Incest} แฝด Up.ตอนที่ 22 (20/01/60)
เริ่มหัวข้อโดย: Bb nale ที่ 12-12-2018 23:12:36
อ่านอีกรอบก็ยังน่ารักอยู่ไม่เบื่อเลย ขอบคุณคนเขียนมากนะ
หัวข้อ: Re: จบแล้ว {Mpreg/Incest} แฝด Up.ตอนที่ 22 (20/01/60)
เริ่มหัวข้อโดย: Noina_Pn ที่ 14-12-2018 14:45:19
 :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: จบแล้ว {Mpreg/Incest} แฝด Up.ตอนที่ 22 (20/01/60)
เริ่มหัวข้อโดย: nutae or ที่ 16-12-2018 21:45:08
 :pig4: เรื่องมาไวไปไวมากกกกกก ไม่ยืดเยื้อแต่ก็สนุกดีนะ ขอตอนพิเศษมิกเซอร์โตหน่อยนะ ^^
หัวข้อ: Re: จบแล้ว {Mpreg/Incest} แฝด Up.ตอนที่ 22 (20/01/60)
เริ่มหัวข้อโดย: Bebii123 ที่ 28-05-2020 12:29:28
ความรัก สวยงามเสมอ  :3123:
หัวข้อ: Re: จบแล้ว {Mpreg/Incest} แฝด Up.ตอนที่ 22 (20/01/60)
เริ่มหัวข้อโดย: cutelady ที่ 29-05-2020 00:30:02
ขอขอบคุณนักเขียน สำหรับเรื่องราวดีๆ ในความรักมาให้อ่านกันนะค่ะ
รักMax ผู้ที่ยึดมั่นในความรัก ไม่กลัวสิ่งใด
จะเป็นกำลังใจให้เรื่องต่อไปน้าาาา
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: จบแล้ว {Mpreg/Incest} แฝด Up.ตอนที่ 22 (20/01/60)
เริ่มหัวข้อโดย: Freezz ที่ 11-07-2020 16:45:06
สนุกดีคับ มึนงงเล็กน้อย
เป็นกำลังใจครับผม