จบแล้ว {Mpreg/Incest} แฝด Up.ตอนที่ 22 (20/01/60)
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: จบแล้ว {Mpreg/Incest} แฝด Up.ตอนที่ 22 (20/01/60)  (อ่าน 71791 ครั้ง)

ออฟไลน์ Mura_saki

  • แค่เรารู้จักกัน...มันก็ดีที่สุดแล้ว :)
  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2054
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +179/-9
Re: {Mpreg/Incest} แฝด Up.ตอนที่ 15 (11/01/60)
«ตอบ #150 เมื่อ11-01-2017 14:14:34 »

ยังสนุกเหมือนเดิม

มินอย่าเครียด อย่าหงุดหงิดบ่อย ไม่ดีต่อลูกนะ

ออฟไลน์ little_munoi

  • ++ singular ++
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1677
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +37/-3
Re: {Mpreg/Incest} แฝด Up.ตอนที่ 15 (11/01/60)
«ตอบ #151 เมื่อ11-01-2017 21:37:41 »

หมาแบ้ววว??
แม็กซ์แกมองมินเป็นหมาแบ้วหรอ
55+ น่ารักดี
หลงหมาแบ๊วววว

ออฟไลน์ ❣☾月亮☽❣

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 6773
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +264/-6
Re: {Mpreg/Incest} แฝด Up.ตอนที่ 15 (11/01/60)
«ตอบ #152 เมื่อ11-01-2017 21:43:52 »

ด้อกกี้ก้อดีนะ แอร๊ยยน่ารักอะ

ออฟไลน์ ♥►MAGNOLIA◄♥

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7518
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +193/-11
Re: {Mpreg/Incest} แฝด Up.ตอนที่ 15 (11/01/60)
«ตอบ #153 เมื่อ11-01-2017 23:53:29 »

แม็ก หื่นอ่ะ วกไปเรื่องนั้นตลอดๆ  :pighaun: :pighaun: :pighaun:
แม็กหล่อเข้าตาสาวอีกและ
มีน กล้าบอกนะว่าแม็กเป็นผัว อะจ๊ากกกก :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:
       :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:

ออฟไลน์ fay 13

  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 5635
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +286/-44
Re: {Mpreg/Incest} แฝด Up.ตอนที่ 15 (11/01/60)
«ตอบ #154 เมื่อ12-01-2017 08:18:28 »

 :mew1:

ออฟไลน์ เขียนสือ

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 216
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +65/-1
    • เขียน'สือ
Re: {Mpreg/Incest} แฝด Up.ตอนที่ 16 (13/01/60)
«ตอบ #155 เมื่อ13-01-2017 21:03:55 »


แฝด ตอนที่  16





       ‘แล้วอย่างนี้ทางสำนักของคุณรับงานทั่วไปมั้ยครับ’ เสียงพิธีกรบนหน้าจอโทรทัศน์ในห้องทำงานของแม็กที่มินกำลังนั่งดูรายการสัมภาษณ์ในช่วงสายของวันเอ่ยถามกับ…จะเรียกว่านักธุรกิจก็ไม่ได้ แต่จะให้เรียกมาเฟียตรงๆก็คงไม่ใช่ เอาเป็นว่าแขกรับเชิญท่านนี้คือเจ้าของโรงฝึกบอดี้การ์ด สอนเทควันโด สอนยูโด และศิลปะป้องกันตัวให้กับนักเรียนที่มีอายุตั้งแต่สี่ขวบ ไปจนถึงผู้ใหญ่อายุหกสิบที่กำลังหาคอร์สออกกำลังกายเกี่ยวกับศิลปะป้องกันตัวหลายแขนงก็ตาม รวมไปถึงหน่วยรบพิเศษของตำรวจและทหารที่จำเป็นต้องใช้ความรู้และความชำนาญการต่อสู้ระดับสูงอีกด้วย

       ‘เช่นอะไรล่ะครับ งานทั่วไปที่คุณว่า’ แขกรับเชิญย้อนถามกลับด้วยรอยยิ้มราบเรียบ

       ‘ก็อย่างพวกบอดี้การ์ดส่วนตัวอะไรอย่างนี้ไงครับ’

       ‘โอ้…นั่นน่ะงานประจำของเราเลยนะครับ การดูแลรักษาความปลอดภัยของชีวิตนายจ้างคือเป้าหมายอันสูงสุดของเราครับ’

       “เอาบ้างมั้ยมิน?” แม็กที่ละสายตาออกจากงานของตัวเองไปจ้องอยู่ที่หน้าจอโทรทัศน์เช่นเดียวกันกับคนรักอย่างมินด้วยความสนใจ เพราะเดิมทีเขาก็เคยได้ยินเรื่องราวของคนๆนี้มามากพอสมควร เพราะแขกรับเชิญที่อยู่ในรายการคือลูกเขยคนเล็กของหัวเรือหลักทางภาคใต้ที่ถือว่าเป็นคนที่มีอิทธิพลพอสวมควรเพราะแค่ตัวของเจ้าสัว(พ่อตาของคนในข่าว)ก็เป็นสายตระกูลเก่าแก่อยู่แล้ว อีกทั้งลูกชาย ลูกเขย หรือแม้แต่ลูกสะใภ้ก็มีแต่ตัวจี๊ดๆเจ๋งๆทั้งนั้น

       “อะไรหรอ?” มินละสายตาจากจอโทรทัศน์และหันกลับมาทามแม็กด้วยความไม่เข้าใจว่า แม็กกำลังพูดถึงเรื่องอะไรอยู่

       “บอดี้การ์ดส่วนตัวน่ะเอามั้ย?” แม็กบอก…ที่จริงเขาคิดเรื่องนี้มาตั้งแต่ที่เริ่มสืบความลับชั่วๆของกิติกรแล้ว แต่ก็ต้องปล่อยผ่านไปเพราะยังไม่เจอบริษัทที่น่าสนใจอย่างตอนนี้

       “เอามาทำไมอ่า” มินถามอย่างงงๆ

       “ฟังกูนะมิน” แม็กลุกจากเก้าอี้ทำงานของตนมาทิ้งตัวนั่งลงข้างๆกับคนรักที่ยังคงทำหน้าเป็นหมางงอยู่

       “…..”

       “สักวันกิติกรมันจะกลับมา กลับมาทวงของที่ไม่ใช่ของมัน เพราะสันดานมันอยู่อย่างหลบๆซ่อนๆ ด้วยความลำบากลำบนอย่างนี้ไม่ได้นานหรอก และเมื่อถึงตอนนี้ เป้าหมายของมันคือมึงไม่ใช่กู เพราะมันรู้ตัวดีว่ามันไม่สามารถทำอะไรกูได้ แต่มันสามารถเอามึงมาต่อลองกับกูได้…เข้าใจมั้ย?” แม็กใช้สองมือประหน้าของมินให้หันมามองตน พร้อมทั้งอธิบายให้ตนรักฟังด้วยวาจาราบเรียบ แต่สายตาที่จดจ้องอยู่กับดวงตากลมของมินนั้นมันแฝงเต็มไปด้วยความห่วงใย

       “อืม…เข้าใจ” มินพยักหน้าบอกอย่างเนือยๆ เพราะทั้งที่รู้แก่ใจอยู่แล้วว่าแม็กไม่มีทางโกหกตน แต่เขาก็ไม่อยากที่จะมองคนที่เลี้ยงดูเขาและแม็กให้เติบโตมาจนถึงทุกวันนี้อย่างกิติกรในแง่ร้ายเกินไป ถึงแม้ว่าอีกฝ่ายจะทิ้งๆคว้างๆและเลี้ยงดูพวกเขาไว้เพื่อผลประโยชน์ก็ตาม

       แต่มีหรอที่คนที่เป็นสามีและแฝดของมินอย่างแม็กจะไม่รู้ว่าคุณหนูรามิณทร์ผู้แสนดีกำลังคิดและกังวลถึงเรื่องอะไรอยู่...ถึงจะไม่เชื่อในความรักของเขา ก็ขอให้เชื่อที่สายสัมพันธ์ของฝาแฝดของเขาเถอะว่าจิตใจของพวกเขาสื่อถึงกันได้จริงๆ

       แม็กจึงเลือกที่จะอธิบายให้คนรักได้ฟังอีกครั้งว่า...

       “จำไว้นะมิน ไม่ว่าในอดีตกิติกรมันจะมีบุญคุณที่เลี้ยงดูเราจนเติบโตมาได้อย่างไร แต่จงจำไว้ให้ขึ้นใจว่า มันเลี้ยงเราเพราะผลประโยชน์ เพราะถ้าเราไม่มีผลประโยชน์มันคงฆ่าเราทิ้งไปนานแล้ว ไม่เก็บไว้ให้มันอายขายขี้หน้าใครหรอกว่ามันเป็นคนโง่ ที่ยอมเลี้ยงลูกชู้รักของเมีย”

       “.....”

       “แล้วถ้าไม่ใช่เพราะมัน พ่อเราก็คงไม่ตาย แม่เราก็คงไม่เป็นบ้าและหายสาบสูญไปอย่างนี้ ถ้าไม่ใช่เพราะความโลภของมัน ครอบครัวของเราก็จะยังอยู่ครบพร้อมหน้าพร้อมตา มึงจะได้อยู่กับแม่ มึงจะได้รับรู้ถึงอ้อมกอดอันอบอุ่นของพ่อที่มึงใฝ่ฝัน”

       “…..”

       “จำไว้นะรามิณทร์ว่ากิติกรมันไม่ใช่ผู้มีพระคุณของเราแต่มันเป็นคนทำลายครอบครัวของเรา...มันคือนักโทษที่ไม่สมควรได้รับการอภัย และโทษของมันจะต้องมากกว่าการจองจำ!!!”

       แม็กรู้ดีอยู่แก่ใจว่าการโยนความผิดทุกอย่างไปทิ้งไว้ให้กิติกรคนเดียวมันอาจจะไม่ใช่เรื่องที่ควรทำนัก เพราะว่าถ้าแม่กับพ่อของเขาไม่ลักลอบเป็นชู้กันกิติกรก็คงจะไม่เป็นแบบนี้ แต่เขาก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าสันดานไพร่ในตัวของกิติกรทำให้เจ้าตัวนั้นมีจิตใจต่ำช้าจนมองข้ามความถูกต้องไป ด้วยการฉกชิงเอาของที่ไม่ใช่ของๆตนมาใช้เพื่อไต่เต้าการชุบชีวิตอีกาของตนให้กลายเป็นหงส์ แม้ว่าวิธีนั้นจะต้องใช้ชีวิตบริสุทธิ์ของเขาและมินถึงสองชีวิตก็ตาม อย่างนี้มันไม่ใช่วิถีของลูกผู้ชายหรือนักธุรกิจที่ดีเลย

       “อื้ม! มินเข้าใจแล้ว”
..
..
..
หนึ่งเดือนต่อมา...
ห้องประธานชั้นบนสุดของห้างเมก้ามอลล์

       ก๊อก...ก๊อก...ก๊อก

       “ขออนุญาตครับคุณแม็กบอดี้การ์ดจากพรรค์ฟูจิวาระมาถึงแล้วครับ” กำธรที่ได้รับคำสั่งจากแม็กให้ไปรับบอดี้การ์ส่วนตัวของมินที่เขาว่าจ้างมาจากสำนักฝึกใหญ่ที่ญี่ปุ่นโดยตรง และที่ต้องใช้เวลารอยาวนานถึงสองเดือนก็เพราะว่าแม็กอยากจะได้บอดี้การ์ดที่เป็นคนไทยหรือคนไทยแท้ๆ เนื่องมาจากว่าสะดวกต่อการสื่อสาร ไม่ใช่เฉพาะกับเขาหรือมิน แต่บอดี้การ์ที่จ้างมาอาจจะต้องทำหลายหน้าที่(ตามที่ตกลงไว้แล้ว)และอาจจะต้องสื่อสารกับคนนอกหลายคน อาทิเช่น หมอหรือพยาบาลในกรณีที่มินหรือลูกชายของเขาจำเป็นต้องได้เข้าการรักษาด่วนโดยที่ตัวเขาไม่ได้อยู่ด้วยหรือไม่สามารถไปหาได้ทันท่วงที บอดี้การ์ดชุดนี้ที่ใกล้ชิดกับมินและลูกจึงต้องเป็นตัวแทนของเขาในกรณีฉุกเฉินประมาณนี้

       “พาเข้ามาได้เลย” แม็กสั่งก่อนที่จะปิดพับแฟ้มเอกสารที่อยู่ตรงหน้าลง พลางมองไปทางมินที่กำลังนั่งเอนหลังหันมาจ้องมองเขาอยู่ก่อนแล้ว เขาจึงตัดสินใจลุกขึ้นเดินไปนั่งอยู่ข้างๆคนรักอย่างมินแทน

       “ผม ‘เตโช’ ครับ” บอดี้การ์ดหุ่นล่ำตัวโตในชุดสูทสีดำสนิทที่เดินนำหน้ามาเป็นคนแรกเดินมาหยุดอยู่ตรงหน้าแม็กและมินก่อนที่จะพูดแนะนำตัวเองพร้อมกับโค้งตัวด้วยท่าทางสุภาพ

       “ผม ‘เตชิน’ เป็นน้องเตโชฝากเนื้อฝากตัวด้วยฮะ” คนที่สองก้าวขาขึ้นมาหนึ่งก้าวเอ่ยแนะนำตัวเองพร้อมรอยยิ้มสดใสมากจนมินถึงกับยิ้มตาม เพราะเตชินตัวเล็กที่สุดในกลุ่มบอดี้การ์ดทั้งสามคนที่แม็กว่าจ้างมา.....ถึงแม้ตัวจริงจะดูรั่วๆไปหน่อย แต่โปรไฟล์ที่แนบมาพร้อมกับเอกสารการผ่านการอบรบหลักสูตรและเหรียญกล้าหาญต่างๆที่ทางฟูจิวาระส่งมาเป็นตัวช่วยในการตัดสินใจของเขา แม็กกล้าพูดได้เลยว่าไอ้ตัวนี้...จี๊ดสุด!!!

       “ผม ‘ฟาโรห์’ หัวหน้าหน่วยนี้ครับ” ชายหนุ่มคนสุดท้ายในกลุ่มก้าวเดินออกมาข้างหน้าได้โดยการหลีกทางทางของพี่น้องเต แนะนำตัวเองเสียงเรียบด้วยใบหน้านิ่งเฉย การทำงานของฟาโรห์แตกต่างจากของเตโชและเตชินอย่างสิ้นเชิงเพราะสองพี่น้องเตถูกจ้างมาเป็นบอดี้การ์ให้มินถาวรจนกว่าแม็กจะเลิกจ้างหรือหมดสัญญาเมื่อครบสิบปี แต่งานของฟาโรห์จะสิ้นสุดลงเมื่อกิติกรถูกจัดการหรือได้รับผลกรรมตามสมควรแบบที่ไม่สามารถย้อนกลับมาทำร้ายแม็กและครอบครัวได้อีก...เมื่อนั้นพันธสัญญาการว่าจ้างระหว่าแม็กและฟาโรห์จะสิ้นสุดลงทันที

       แต่แล้วก็มีเรื่องที่ทำให้แม็กและมินต้องประหลาดใจเมื่อ…

       เมื่อ…

       เมื่อ...

       “พี่ชื่อ ‘ชิตะ’ เป็นแฟนฟาโรห์แล้วก็เป็นลูกพี่ใหญ่ของแก๊งค์ลูกเป็ดนี้ฮะ!!!” เมื่อมีเด็กชายตัวน้อยแก้มยุ้ยอีกคนนึงเดินเข้ามากอดต้นขาของฟาโรห์ไว้ ก่อนที่จะแนะนำตัวเองพร้อมรอยยิ้มละมุนด้วยสีหน้าภูมิใจสุดๆ ในขณะที่คนว่าจ้างอย่างแม็กหน้าเหวอไปแล้ว ส่วนแก๊งค์ลูกเป็ด(บอดี้การ์ด)ของลูกพี่ชิตะตัวน้อยก็ได้แต่พากันหน้าซีดไปแล้ว เว้นเสียแต่ฟาโรห์ที่ยังคงตีหน้านิ่งปล่อยให้เจ้าหนูน้อยชิตะปีนไต่แขนขาของตัวเองเล่นอย่างไม่สะทกสะท้าน

       “เด็กนี่มาได้ไง” แม็กขมวดคิ้วถามพลางชี้นิ้วไปที่เจ้าหนูน้อยชิตะ

       “ขอโทษครับคุณแม็ก คุณภามภรรยาของคุณอิจิโร่ขอเรียนสายสักครู่ครับ” ยังไม่มีใครได้เอ่ยอะไร กำธรที่ยืนอยู่ไกลๆก็เดินเข้ามาหาแม็กพร้อมกับยื่นโทรศัพท์ไร้สายในห้องทำงานให้กับแม็ก

       “เมธกรพูดครับ” แม็กรับสายเสียงนิ่ง

       ///ขอโทษที่โทรมารบกวนนะครับคุณเมธากร ผมภามนะครับ แม่ของอชิตะที่ตอนนี้คุณคงจะได้พบกับแกแล้ว/// ปลายสายเอ่ยแนะนำตัวเองทันที

       “ครับ”

      ///ก่อนอื่นเลยผมต้องขอโทษที่ทำให้เกิดข้อผิดพลาดในครั้งนี้ด้วยนะครับ แต่เพราะเจ้าชิตะไม่ค่อยจะเหมือนเด็กทั่วไปนักเลยยากที่จะควบคุมถึงแม้ว่าจะเป็นแม่อย่างผมหรืออิจิโร่ป๊าเขาก็ตาม และด้วยช่วงนี้ทางพรรค์ของเราค่อนข้างจะวุ่นวายมากเป็นพิเศษถ้าคุณได้ติดตามข่าวบ้างคงจะเข้าใจนะครับ เพราะฉะนั้นถ้าไม่เป็นการรบกวนเกินไปผมอยากจะฝากอชิตะไว้กับคุณสักสองสามวันนะครับเพราะทางคุณปู่คุณย่า และป้าๆลุงๆของแกตอนนี้ไม่มีใครอยู่ไทยเลยครับ แต่หลังจากที่พวกเขากลับมาแล้วพวกเขาจะไปรับอชิตะทันทีเลยครับ///

       “แต่...” แม็กกำลังจะค้าน

       ///นะครับถือซะว่าช่วยเหลือเพื่อนมนุษย์ด้วยกัน ให้แกอยู่กับฟาโรห์นั่นแหละครับ ผมรับรองเลยว่าจะไม่เกิดปัญหา เพราะ อชิตะช่วยเหลือตัวเองได้รวมทั้งอาจจะช่วยเหลือภรรยาท้องแก่ของคุณได้ดีอีกด้วย แค่นี้ก่อนนะครับ ขอบคุณที่จะช่วยดูแลอชิตะให้เรานะครับ///

       “.....” ปลายสายตัดไปแล้ว ตัดไปพร้อมกับความหนักใจที่โยนมาให้เขาอย่างลำบากใจ จะโทรกลับไปปฏิเสธหรือให้ใครไปส่งเจ้าเด็กน้อยนี่ที่ญี่ปุ่นก็ไม่ได้ เพราะก่อนที่สายจะตัดไปเขาได้ยินเสียงอะไรบางอย่างดังแทรกเข้ามา ‘บึ้ม!!!’ ถ้าจะให้เขาเดาก็คงจะไม่พ้นระเบิดเป็นแน่แท้ เพราะว่าข่าวของตระกูลฟูจิวาระที่ได้ฟังเมื่อเช้านี้มันก็ประมาณนี้นี่แหละ...ญี่ปุ่นกำลังมีสงครามกลางเมืองว่าด้วยพวกนักการเมืองนอกรีดทั้งหลายแอบก่อกบฏสร้างกองทัพเถื่อนขึ้นมา จนตระกูลฟูจิวาระที่เปรียบเสมือนทหารขององค์จักรพรรดิจะต้องมาเป็นธุระจัดการและปราบปรามกบฏนอกรีดพวกนี้ให้สิ้นซาก

       “ใครโทรมาหรอแม็ก” มินสะกิดถามหลังจากที่เห็นว่าสามีเงียบนานเกินไปแล้ว

       “แม่เจ้าเปี๊ยกนี่ไง” แม็กบอกพลางชี้ไปที่อชิตะนิ่งๆ

       “คุงลุงอย่างมาเรียกพี่ว่าเจ้าเปี๊ยกนะ!! พี่ชื่อชิตะ…พี่ชิตะสุดหล่อด้วย!!” เด็กชายตัวน้อยร้องแหวออกมายืนเต้นเล่าๆอยู่ตรงหน้าแม็กเมื่อโดนเรียกด้วยสรรพนามที่ไม่ชอบใจ ทำเอามินขำ ออกมาด้วยความชอบใจ ส่วนแม็กนั้นเหวอไปแล้ว เมื่อถูกเรียกว่า ‘ลุง’

       “หนอย! ไอ้เด็กนี่เดี๋ยวพ่อไม่ให้อยู่ด้วยเลย...ส่งกลับญี่ปุ่นซะดีมั้ย?” แม็กแกล้งว่า

       “แหม...พี่ชายก็! พี่ชิตะแค่ล้อเล่นเองน้า~” เมื่อได้ยินคำว่าให้อยู่ด้วยเจ้าตัวแสบถึงกลับเปลี่ยนสรรพนามเรียกพร้อมทั้งเดินกอดคอแม็กอย่างไม่เกรงกลัวหน้านิ่งๆตาดุๆนั่นเอง ทำเอาแม็กตั้งตัวไม่ทันเหมือนกัน เพราะถึงแม้ว่าเขากำลังจะมีลูกเป็นของตัวเอง แต่กับเด็กคนอื่นๆก็ยังเป็นตัวน่าลำคานสำหรับเขาอยู่ดี.....แต่ก็เอาเถอะ! จะเว้นไอ้ตัวนี้ไว้อีกตัวก็แล้วกัน...ดูท่าแล้วจะอ้อล้อน่าดู...โคตรเจ้าเล่ห์!!!

       “ฮะฮ่าๆ ไหนพี่ชิตะมาให้พี่มินกอดหน่อยสิ…น่ารักจังเลย แก้มยุ้ยๆ น่าฟัดจังเลยน้า~” มิน เรียกชิตะพร้อมกับกางแขนออกเป็นสัญลักษณ์ให้เด็กน้อยรับรู้ว่า ‘ขอกอดหน่อย’ ก่อนที่เจ้าตัวน้อยจะพุ่งเข้าใส่มินทันดีด้วยท่าทางดี้ด้าและกอดรัดฟัดเหวี่ยงกันจนแม็กเริ่มหมั่นไส้ แต่ก็ทำอะไรไม่ได้ในเมื่ออีกฝ่ายคือเด็ก และที่สำคัญคือไอ้เจ้าเปี๊ยกนี่มันทำให้มินยิ้มได้ตั้งแต่แรกเจอ ถือว่าเป็นความดีความชอบก็แล้วกัน

       “เหอะๆ หวังว่าชีวิตกูจะไม่วุ่นวายมากขึ้นกว่าเดิมนะ…เดี๋ยวเราไปคุยกันที่ห้องประชุมแล้วกัน” แม็กพึมพำกับตัวเองเบาๆ ก่อนที่จะหันไปพูดบอกกับแก๊งค์ลูกเป็ดของชิตะและกำธรที่ยืนอยู่ไม่ไกล

       “ครับ” บอดีการ์ดสุดเท่ทั้งสองคนตอบรับคำแม็กอย่างแข็งขัน ยกเว้นก็แต่ฟาโรห์ที่...

       “คุณหนูอย่าดื้อแล้วก็อย่าทำให้คุณมินลำบากใจนะครับ ผมจะไปทำงาน” ฟาโรห์หันไปพูดสั่งพร้อมทั้งกำชับกับลูกพี่ตัวน้อยของตนแทน

       “อื้อ! ฟาโรห์ตั้งใจทำงานน้า~ ชิชิเป็นกำลังใจให้! ไฟท์ติ้ง!!” เจ้าหนูน้อยชิตะละสายตาออกจากพี่ชายคนสวยก่อนที่จะหันกลับมารับคำพร้อมทั้งให้กำลังใจแฟน(?)ตัวโตของตนด้วยท่าทางน่ารักอย่างจริงจัง

      “ครับ” เมื่อเห็นว่าลูกพี่ตัวน้อยของตนรับรู้เรียบร้อยแล้วฟาโรห์ก็โค้งตัวลาและหันหลังเดินตามแม็กและคนอื่นๆไปห้องประชุมที่ว่าทันทีแบบไม่มีอิดออด

       “ชิชิน่ารักจัง” มินพูดบอกออกมาเมื่อได้ยินคำแทนตัวของหนูน้อยข้าง

       “ใช้ม้า~ แต่ชื่อนั้นชิตะอนุญาตให้ฟาโรห์เรียกคนเดียวเพราะฟาโรห์เป็นคนพิเศษของชิตะ แต่ชิตะจะให้มินนี่จังเรียกชิตะ ว่าชิชิด้วยก็ได้เพราะมินนี่จังน่าร๊ากกกก...” เจ้าหนูน้อยชิตะทำท่ากอดอกขมวดคิ้วเข้มเรียนแบบผู้ใหญ่ก่อนที่จะยิ้มออกมาอย่างชอบใจเมื่อได้จับแก้มนุ่มๆของพี่ชายคนสวยที่เจ้าตัวทึกทักเรียกเอาเองว่า ‘มินนี่จัง’

       “ฮ่าๆ ไม่เอาดีกว่า พี่มินเรียกชิตะว่าชิตะนี่แหละดีแล้ว เดี๋ยวคนพิเศษของชิตะจะน้อยใจเอา ว่าแต่ปีนี้ชิตะอายุเท่าไหร่แล้วครับ” มินขำกับท่าทางเกินเด็กของเจ้าตัวจนอดไม่ได้ที่จะอยากรู้อายุของเจ้าตัวน้อยนี่ที่ตัวเล็กนิดเดียวกับสามารถโต้ตอบกับผู้ใหญ่ได้อย่างไม่มีติดขัด

       “พี่ชิตะโตแล้ว...ห้าขวบแล้ว” เจ้าตัวน้อยกางนิ้วทั้งห้าขึ้นมาให้มินรับรู้.....จ๊ะ! โตมากจ๊ะหนู

       “แล้วชิตะไม่เรียนหนังสือหรอครับ” มินถามต่อด้วยความสงสัย เพราะปกติของเด็กห้าขวบทั่วไปก็ต้องเข้าเรียนอนุบาลหรือเตรียมอนุบาลกันหมดแล้ว

       “เรียนฮะ อยู่อนุบาลสองห้องเป็ดน้อย” ชิตะน้อยบอกพร้อมกับอวดกระเป๋าเป้สะพายหลังที่มีรูปตุ๊กตาเป็ดพร้อมชื่อจริงนามสกุลจริงของเจ้าตัวปักอยู่ที่สายกระเป๋า ซึ่งเดาไม่ยากเลยว่านี่คือกระเป๋าใบโปรดของเจ้าตัวที่ชอบพกไปไหนมาไหนด้วยอย่างแน่นอน

       “อ่าว...แล้วทำไมคุณแม่ถึงยอมให้ชิตะมาไทยกับพวกฟาโรห์ล่ะครับ” มินถามอย่างไม่รู้เรื่องราวเพราะยังไม่ได้คุยรายละเอียดกับแม็กว่าตกลงแล้วแม่ของชิตะโทรมาทำไม

       “เปล่านะ! แม่ไม่ยอม แต่พี่หนีแม่กับป๊าตามฟาโรห์มาเอง ขนาดฟาโรห์ยังเพิ่งรู้ตอนเครื่องจอดเลย เพราะพี่แอบตามมา คิกๆ” เจ้าตัวยกมือขึ้นมาปิดปากหัวเราะชอบใจ พูดบอกออกมาตามความจริงด้วยท่าทางใสซื่อจนมินอยากจะเป็นลม

       “เฮ้อ...พี่ปวดหัวกับความแสบของหนูเหลือเกินลูก เราไปหาขนมที่อยู่ชั้นล่างทานแก้เครียดกันดีกว่า” ยิ่งคุยกับเจ้าเปี๊ยกนี่มินก็ยิ่งปวดหัวกับวีรกรรมแสบๆซนๆของเจ้าตัว เลยเลือกที่จะหยุดสนทนาชวนมึนแล้วพากันจูงมือเดินออกจาห้องแม็กไปหาขนมที่อยู่ชั้นสามแก้เครียดจะดีกว่า ก่อนที่ความดันจะขึ้น!!! เด็กอะไรหนีออกจาบ้านตั้งแต่ห้าขวบ!!

       ‘แม่หวังว่าหนูจะไม่ออกมาแล้วแสบซนอย่างพี่ชิตะเค้านะลูก ไม่อย่างนั้นแม่หัวใจวายตายแน่ๆ’ ระหว่างทางมินก็ลูบท้องบอกกับลูกชายตัวน้อยที่อยู่ในท้องไปด้วย ไม่ใช่ว่าเขาไม่ชอบชิตะหรอกนะ แต่กลับกัน เขากับชอบชิตะมากถึงมากที่สุดด้วยหน้าตาที่น่ารักและการช่างพูดช่างเจรจาของเจ้าตัว รวมๆดูแล้วเป็นเด็กที่ฉลาดมาก...แต่ก็ฉลาดเกินไป...จนเขาไม่กล้าที่จะให้ลูกเกิดมาเป็นอย่างนี้เพราะลำพังเขาไม่มีปัญญาที่จะรับมือกับความแสบซนเกินวัยอย่างนี้ได้แน่ๆ





...TBC.

ออฟไลน์ Mura_saki

  • แค่เรารู้จักกัน...มันก็ดีที่สุดแล้ว :)
  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2054
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +179/-9
Re: {Mpreg/Incest} แฝด Up.ตอนที่ 16 (13/01/60)
«ตอบ #156 เมื่อ13-01-2017 21:35:32 »

ชิตะน่ารักอ่ะ

ออฟไลน์ GuoJeng

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1268
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +44/-1
Re: {Mpreg/Incest} แฝด Up.ตอนที่ 16 (13/01/60)
«ตอบ #157 เมื่อ13-01-2017 21:41:31 »

  ชิตะจะอยู่ไทยนานมั้ยล่ะ มินจะได้ซ้อมเลี้ยงลูกชาย 555
  รออ่านตอนต่อไป

ออฟไลน์ fay 13

  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 5635
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +286/-44
Re: {Mpreg/Incest} แฝด Up.ตอนที่ 16 (13/01/60)
«ตอบ #158 เมื่อ14-01-2017 00:33:14 »

 :mew1:

ออฟไลน์ iceman555

  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8196
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +149/-11
Re: {Mpreg/Incest} แฝด Up.ตอนที่ 16 (13/01/60)
«ตอบ #159 เมื่อ14-01-2017 01:23:17 »

ชิชิ มาช่วยดูแลน้องเหรอออออ.   อิอิ

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Re: {Mpreg/Incest} แฝด Up.ตอนที่ 16 (13/01/60)
« ตอบ #159 เมื่อ: 14-01-2017 01:23:17 »
ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ AkaneSama

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 37
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
Re: {Mpreg/Incest} แฝด Up.ตอนที่ 16 (13/01/60)
«ตอบ #160 เมื่อ14-01-2017 10:32:09 »

ชิตะน่ารัก :katai1:

ออฟไลน์ เขียนสือ

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 216
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +65/-1
    • เขียน'สือ
Re: {Mpreg/Incest} แฝด Up.ตอนที่ 17 (14/01/60)
«ตอบ #161 เมื่อ14-01-2017 19:45:40 »


แฝด ตอนที่ 17





สามวันต่อมา...

       07.30 น. วันเสาร์

       เช้าวันหยุดที่(ควรจะ)แสนสุขสำหรับคนทำงานหนักมาทั้งสัปดาห์อย่างแม็ก เริ่มต้นด้วยความสดใส(หรอ?) เมื่อมีเจ้าหนูน้อยชิตะ(แสบเล็ก)และเบบี้(แสบใหญ่)เพื่อนรักของมินมาเป็นสีสันให้กับครอบครัวที่(เคย)สงบสุขของแม็กและมิน

ดังเช่นตอนนี้...

       “อย่าหนีนะ! มาให้พี่กินซะดีๆไอ้ตัวเล็ก” เบบี้ร้องบอกพร้อมกับทำท่ายักษ์วิ่งไล่ชิตะ

       “กรี๊ดดดด!!! มินนี่จังช่วยพี่ด้วยเบบี๋จะกินพี่แล้วววววว....” ชิตะวิ่งกรีดร้องเสียงดังวนไปรอบห้องนั่งเล่นที่มีแม็ก มินและสตีฟนั่งมองดูกันอย่างเอือมๆ เพราะเพื่อนซี้ต่างวัยสองคนนี้พากันวิ่งวุ่นอย่างนี้มาตั้งแต่ครึ่งชั่วโมงที่แล้ว หลังจากที่มินโทรชวนให้สตีฟกับเบบี้ที่อยู่คอนโดถัดไปข้างๆ กับชิตะน้อยที่พักอยู่กับฟาโรห์ที่ชั้นสิบของในคอนโดเดียวกันขึ้นมาทานอาหารเช้าด้วยกัน เพราะสองพี่น้องเตโชเตชินพักอาศัยอยู่ห้องว่างที่เหลืออยู่ของแม็กนั่นแหละ แต่มินก็คงจะลืมคิดหรืออาจจะคิดไม่ถึงว่าการที่ให้ชิตะ(จอมซน)กับเบบี้(จอมแสบ)เพื่อนรักมาพบปะกัน จะมาพร้อมกับความวุ่นวายเช่นนี้

       “มึงเอาไอ้สองตัวนี้ไปทิ้งข้างนอกทีดิสตีฟ” แม็กพูดบอกพร้อมกับใช้เท้าสะกิดเพื่อนรักที่นั่งทำหน้ามึนอยู่ข้างกัน

       “เชี่ยแม็ก! พูดไม่คิดนะมึง...รปภ.ข้างล่างเพิ่งจะไล่มันสองตัวขึ้นมาเล่นข้างบนนี่มึงจำที่กูเล่าให้ฟังไม่ได้รึไง” สตีฟส่ายหัวบอกอย่างเอือมๆ เพราะก่อนที่แม็กจะตื่น เขากับแก๊งค์ลูกเป็น(บอดี้การ์ด)ทั้งสามเพิ่งจะพามินกับเบบี้และชิตะลงไปเดินเล่นพร้อมทั้งสูดอากาศยามเช้าที่สนามเด็กเล่นหน้าคอนโดมา แต่ก็โดนยามหรือรปภ.ไล่ขึ้นมาแทบไม่ทัน เมื่อเด็กแท้ๆกับไอ้เด็กโข่งเมียของเขามันพากันวิ่งๆกรี๊ดๆเสียงดังไม่ต่างจากตอนนี้สักเท่าไหร่นัก

       “เฮ้อ!! กูจะบ้า!” แม็กว่าพร้อมกับไถตัวนอนไปตามความยาวของโซฟาที่เหลืออยู่ด้วยความง่วงงุนเพราะเมื่อคืนกว่าเขาจะได้นอนก็ปาไปตีสองจะตีสามแล้ว เพราะคิดว่าวันนี้จะได้นอนยาว ตื่นสายได้แบบสบายๆ แต่ที่ไหนได้ เขากลับต้องตื่นตั้งแต่ยังไม่เจ็ดโมงเช้าดีเสียด้วยซ้ำ!!!

       “ลุกมาทานข้าวกันได้แล้วจ้า~” มินที่เดินหายเข้าไปในครัวอยู่พักใหญ่เดินกลับมาเรียกสิ่งมีชีวิตที่เหลือในห้องให้ไปทานมื้อเช้า ซึ่งนั่นก็ไม่ต่างจากเสียงระฆังช่วยชีวิตของแม็กสักเท่าไหร่ ที่พอได้มีอาหารอุดปากแล้ว แซบเล็กกับแสบใหญ่ก็พากันกินเงียบ ทำให้คนอื่นๆสบายหูไปได้พักใหญ่ แต่ก็ไม่วายแหย่กันให้แม็กได้ดุเล่นเป็นชั่วพักชั่วครู่อยู่เหมือนกัน
..
..
..
       “ไปไหนกันดีน้า~” พอท้องอิ่มปั๊บลูกชายท่านทูตขาลุยอย่างเบบี้ก็ร้องหาที่เที่ยวทันที

       “นอนเล่นอยู่บ้านก็พอ มินไปไหนไกลๆไม่ไหวแล้ว” แม็กเอ่ยค้านขึ้นมาเป็นคนแรก เพราะว่าตอนนี้อายุครรภ์ของมีก็เข้าสู่เดือนที่เจ็ดซึ่งเป็นไตรมาสสุดท้ายของการตั้งครรภ์แล้ว หลังจากที่เขาพามินไปตรวจเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว

       “ถ้าอย่างนั้นเราไปว่ายน้ำข้างล่างก็ได้…ใกล้นิดเดียวเอง” เบบี้เสนอทางเลือกขึ้นมาอีกอย่างไม่ยอมแพ้...ไม่รู้แหละวันนี้เขาต้องได้เที่ยว!!!

       “ไม่! อันตราย เดี๋ยวลื่นล้ม” แต่แม็กก็ค้านขึ้นมาอีกเช่นกัน

       “ไปไหว้พระก็ได้...ขอพรไง” เบบี้เสนอต่ออย่างไม่ย่อท้อ

       “พวกกูนับถือคริสต์” แม็กก็ค้านไปอย่างหน้าด้านๆ

       “ตอแหล! มึงเพิ่งจะพามินไปไหว้พระที่จีนมาเองนะแม็ก!!” เบบี้แหวออกมาเมื่อเริ่มทนกับการตีรวนของเพื่อนไม่ไหว

       “เรื่องของกูอีกนั่นแหละ” แม็กยักไหล่แบบประมาณว่า ‘กูไม่สน’

       “ไปห้างก็ได้เอ้า! ซื้อของเตรียมให้ไอ้ตัวเล็กในท้องมินไง เพราะถ้าไม่ไปตอนนี้มินเดือนหน้าท้องใหญ่กว่านี้มินก็ไปไม่ได้แล้วนะเว้ยแม็ก...มินนี่เองก็อยากไปใช่ม่ะ?” คราวนี้เบบี้ถึงกับเอาความอยากของมินมาเป็นพวกด้วย เพราะรู้ดีว่าทั้งแม็กและมินยังไม่ได้เตรียมของให้ลูกเลย เพราะมัวแต่พากันวุ่นๆเรื่องสร้างบ้านให้ทันลูกคลอด...เพราะเขากับมินคุยกันแทบจะทุกวัน

       “เออ! ไปก็ไป” และแล้วแม็กก็ต้องเป็นฝ่ายพ่ายแพ้ให้กับเบบี้เมื่อหันไปหามินแล้วมินพยักหน้าเห็นด้วยกับเบบี้ด้วยสายตาอ้อนๆ
..
..
..
ห้างสรรพสินค้าเมก้ามอลล์สาขาใหญ่(ที่ทำงานแม็ก)


       “เกิดเรื่องใหญ่แล้วครับท่าน!!!” เพียงแค่พากันก้าวขาเข้าห้างได้ไม่เกินสิบก้าว รปภ.ที่คุ้นเคยกับแม็กดีก็วิ่งเข้ามาหาแม็กอย่างหน้าตาตื่นๆ

       “เกิดอะไรขึ้น?” แม็กตวัดสายตาถามเสียงเครียดเมื่อได้เห็นท่าทางร้อนรนของรปภ.และได้หันไปเห็นรถดับเพลิงสีแดงวิ่งเข้าไปทางด้านหลังของห้างที่เขาใช้อยู่ประจำ

       “รถระเบิดครับ” รปภ.คนเดิมบอกอย่างติดๆขัดๆด้วยความเหนื่อยหอบ

       “รถใคร?” แม็กถามต่อด้วยความร้อนรนเพราะที่จอดรถตรงนั้นมีแค่เขากับบอร์ดบริหารเท่านั้นที่มีสิทธิ์ใช้และวันหยุดอย่างนี้คงจะไม่มีบอร์ดบริหารคนไหนมาทำงานแน่ๆ เพราะพวกนั้นเป็นแค่ลูกจ้างที่ทำงานตามเวลาและมีวันหยุดเสาร์อาทิตย์ไม่ต่างจากพนักงานธรรมดาทั่วไป และวันนี้เขาก็ไม่ได้เอารถไปจอดที่นั่นด้วย เพราะเตโชที่เป็นคนขับรถขับลงวนไปจอดชั้นใต้ดินอย่างเคยชินอย่างที่เจ้าตัวเคยทำ เพราะยังไม่ชินกับเขาที่เป็นเจ้าของห้างที่มีที่จอดเฉพาะประจำตำแหน่งที่อยู่แยกออกไปทางด้านหลัง

       “รถสีขาวของคุณแม็กน่ะครับ”

       “กำธร!!! ดูแลมินดีๆ เดี๋ยวฉันมา!!!” ทันทีที่ได้ยินคำตอบจากรปภ.แม็กก็รีบวิ่งออกไปทางด้านที่เกิดเหตุทันที โดยไม่ลืมที่จะกำชับกับแก๊งค์ลูกเป็ดให้ดูแลคนรักอย่างมินเป็นอย่างดี เพราะรถคันสีขาวของเขาที่ รปภ.บอกคือรถคันที่เขาเพิ่งยกให้กำธรไปเมื่อสองอาทิตย์ที่แล้วเพราะเขาต้องการรถคันใหญ่กว่าเดิม และที่สำคัญเลยคือรถคันใหม่ของเขาสีดำ!!!

       “เกิดอะไรขึ้นฮะ” มินถามหลังจากที่คว้าของ รปภ. ไว้ทันก่อนที่เจ้าตัวจะวิ่งตามแม็กไป

       “รถของคุณแม็กระเบิดครับ ผมขอตัวไปดูทางนั้นก่อนนะครับ” รปภ. คนเดิมพูดบอกอีกครั้งก่อนที่จะขอตัวไปดูแลความเรียบร้อยตามหน้าที่ของตน

       “เบบี้พาทุกคนไปรอที่ห้องไอ้แม็กก่อนเดี๋ยวผมตามไป” สตีฟที่ได้ยินชัดๆพร้อมกันกับมินก็หันไปพูดสั่งกับคนรักก่อนที่จะวิ่งตามแม็กไปอีกคน

       “เราไปรอพวกนั้นข้างบนกันเถอะมินนี่” เบบี้กับชิตะช่วยกันประคองมินคนละข้าง เพื่อที่จะขึ้นไปยังห้องทำงานของแม็กที่อยู่ชั้นบนสุดของห้างตามคำสั่งของสตีฟ

       “ผมขอตัวไปทำธุระสักครู่นะครับ” เมื่อมาถึงหน้าลิฟต์ส่วนตัวของผู้บริหารฟาโรห์ที่เงียบนิ่งอยู่นานก็เอ่ยขึ้น

       “เอ๋?” ทั้งมิน เบบี้ ชิตะ และแก๊งค์ลูกเป็นถึงกับพร้อมใจกันหันมามองฟาโรห์เป็นตาเดียว

       “ฟาโรห์จะไปไหน?” และแล้วก็เป็นลูกพี่น้อยอย่างชิตะที่เอ่ยถามขึ้นมาเป็นคนแรก แต่ยังไม่ทันที่ฟาโรห์จะได้พูดหรือตอบอะไรทุกคนก็ต้องตกใจเมื่อ....

        เมื่อมีใครก็ไม่รู้วิ่งพุ่งออกมาจากลิฟต์และชนมินเข้าอย่างจัง จนมินล้มลงไปกองอยู่กับพื้น ถึงแม้ว่าเตชินจะคว้าแขนของมินไว้ทันก็ตาม

       “โอ้ย!!!” มินร้องออกมาด้วยความเจ็บปวดในขณะที่สองมือก็กุมอยู่ที่หน้าท้อง

       “เตโชไปจับไอ้คนนั้นไว้ให้ได้!!!” ฟาโรห์ออกคำสั่งกับลูกน้องของตนเอง แต่เขาไม่ได้ให้เตโชไปตามจับไอ้คนที่มันพุ่งออกมาชนมิน เพราะว่ามันหนีไปไกลแล้ว แต่เขาให้เตโชไปจับไอ้คนที่เขาจะขอตัวไปทำ ‘ธุระ’ กับมันเมื่อกี้นี้ต่างหากล่ะ เพราะเขาสังเกตุเห็นว่ามันเดินตามพวกเขามาตั้งแต่แยกทางจากแม็กและสตีฟแล้ว อีกทั้งยังจ้องมองและใช้โทรศัพท์อยู่ตลอดเวลาด้วย

       “เตชินไปเตรียมรถเร็ว!! คุณหนูขึ้นหลังผมมา ส่วนคุณเบบี้รีบโทรบอกคุณแม็กด้วยครับ” ฟาโรห์ย่อตัวให้ชิตะปีนขึ้นไปเกาะอยู่ที่หลังของตน ซึ่งชิตะเองก็รู้งาน เหมือนว่าจะเคยทำอย่างนี้มาแล้วหลายครั้ง ก่อนที่เขาจะช้อนตัวมินขึ้นมาอุ้มและรีบจ้ำเดินไปยังทางออกของห้างทันที เพราะมินหน้าซีดขึ้นทุกที
..
..
..
       ทางด้านของแม็กและสตีฟที่แยกมาดูที่เกิดเหตุก็วุ่นวายไม่ต่างกัน เมื่อกำธรโดนสะเก็ดระเบิดจากรถจนอาการสาหัสต้องรีบนำตัวส่งโรงพยาบาลเป็นด่วน

       “วันหยุดอย่างนี้คุณกำธรเขามาทำอะไรวะ” สตีฟเอ่ยถามด้วยความสงสัย หลังจากที่ฉุกเฉินของโรงพยาบาลเคลื่อนตัวออกไปแล้ว

       “เมื่อคืนกูโทรบอกเขาว่ากูลืมหนังสือสัญญาเช่าร้านของห้างใหม่ไว้ เขาคงมาเอาให้กู เพราะกูไม่คิดว่าจะเข้ามาห้างในวันนี้ และกูก็ลืมไปแล้วด้วยว่าเมื่อคืนกูโทรไปคุยอะไรกับเขา” แม็ก พูดบอกก่อนที่ยกมือขึ้นมาเสยผมแรงๆให้หายหงุดหงิด เพราะสภาพของกำธรที่เขาเห็นเมื่อกี้นี้จะเรียกได้ว่า ‘เละ’ ก็ได้ในเมื่อทั้งแผ่นหลังของกำธรที่เขาเห็นมันมีแต่รอยเลือดและแผลเหวอะหวะเต็มไปหมด

       “เอาน่ามึง เขาต้องไม่เป็นอะไร” สตีฟพูดปลอบพร้อมกับตบไหล่เพื่อนอย่างให้กำลังใจ เพราะเขารู้ดีว่าแม็กสนิทและผูกพันกับกำธรมากขนาดไหน เจ้าตัวถึงได้รู้สึกผิดและหงุดหงิดตัวเองมากมายขนาดนี้

       “คุณเป็นเจ้าของห้างนี้และเป็นเจ้านายของผู้บาดเจ็บใช่มั้ยครับ?” ยืนดูซากรถกันอย่างปลงๆได้ไม่เท่าไหร่ เจ้าหน้าที่ตำรวจที่คาดว่าจะเป็นเจ้าของคดีนี้ก็เดินเข้ามาถามแม็ก

       “ครับ” แม็กพยักหน้าตอบนิ่งๆ

       “คุณพอจะทราบไหมครับว่าผู้บาดเจ็บเคยมีปัญหาที่ไหนกับใครบ้าง” ตำรวจถามออกมาตามหลักการเบื้องต้นของการทำคดี

       “ไม่มีหรอกครับ เพราะเขาเป็นคนดีที่ใจเย็นมาก แถมยังตัวติดกับผมแทบจะตลอดเวลา ถ้าจะมีก็ผมนี่แหละที่มีปัญหากับประธานห้างคนเก่า และรถคันนี้ก็เป็นของผมที่เพิ่งจะยกให้คนเจ็บไปใช้เมื่อสองอาทิตย์ที่แล้ว” แม็กพูดบอกออกไปตามตรง

       “เจ้าของห้างคนเก่าหรอครับ?”

       “ครับ...คนเดียวที่ผมมีปัญหาด้วยตอนนี้คือ กิติกร โชคธนกิจ” แม็กพูดบอกด้วยสายตาวาววับ จนคุณตำรวจที่คิดว่าเจอทั้งคนดีและคนร้ายมาเยอะแล้ว ยังไม่เคยเจอคนที่มีสายตาหน้ากลัวมากอย่างนี้มาก่อนเลย สายตาที่น่ากลัวเกินกว่าจะหาสิ่งใดมาเปรียบเทียบ

       “คุณมีปัญหาเรื่องธุรกิจกันอย่างเดียวหรือว่ามีปัญหาเรื่องอื่นกับเขาด้วยครับ” ตำรวจถามต่อ

       “ทั้งเรื่องธุรกิจและเรื่องส่วนตัวอีกหลายเรื่อง”

       “เช่นเรื่องอะไรบ้างครับ”

       “หึ! ถ้าผมบอกแล้วคุณตำรวจจะช่วยผมได้หรอครับ?” แม็กกอดอกเอียงคอถามด้วยสายตาที่ดูถูกอย่างชัดเจน เพราะเขาเคยเข้าไปคุยกับตำรวจเรื่องคดีของแม่เขากับตำรวจหลายๆคนมาแล้ว แต่ผลก็ออกมาเหมือนๆกันหมดว่าต้องใช้ ‘เงิน’ เขาจึงเลือกที่จะพักเรื่องของแม่ไว้ก่อน แต่ไม่ใช่ว่าเขาไม่มีเงินหรือว่างกหรอกนะ แต่เขาไม่ค่อยชอบปิ้งในเครื่องแบบพวกนี้สักเท่าไหร่ เขาจึงรอเวลาที่เขาจะเจอกับตำรวจที่ทำเพื่อความถูกต้องมากกว่าผลตอบแทน เพราะถ้าถึงเวลาที่คดีคลี่คลายจริงๆ เขาจะตอบแทนให้อย่างงดงามอยู่แล้ว

       “ขอแค่คุณบอกมา ถ้าเพื่อความถูกต้องผมก็พร้อมที่จะทำ” นายตำรวจพูดบอกพร้อมกับจ้องมองเข้าไปในดวงตาของแม็กอย่างจริงจัง ถึงแม้ว่าเขาเริ่มจะรู้สึกหมั่นไส้กับท่าทางกวนๆสายตาที่แสดงออกถึงการเหยียดหยามเจ้าหน้าที่อย่างเขาของผู้ชายที่อยู่ตรงหน้านี้เต็มทนก็ตาม   

       Tru…Tru…Tru…

       แต่ยังไม่ทันที่แม็กจะได้พูดบอกอะไรกับเจ้าหน้าที่ตำรวจอีก เสียงโทรศัพท์ของสตีฟก็ดังขัดขึ้นมาเสียก่อน

       ก่อนที่จะ...

       “ไอ้แม็กไปโรงบาลเร็ว!! มินโดนชนล้ม!!!”

       ไม่ต้องรอให้พูดซ้ำ เพียงแค่สิ้นคำพูดของสตีฟ แม็กก็สาวเท้าวิ่งออกจากตรงนั้นทันทีด้วยความเร็วสุดแรงอย่างที่สตีฟที่วิ่งตามหลังมาแทบจะวิ่งตามไม่ทัน

       “รอกูอยู่ตรงนี้ก่อนมึง กูจะไปเอารถ” สตีฟพูดบอกเมื่อวิ่งตามมาทันและเห็นว่าแม็กกำลังยืนหันซ้ายหันขวาด้วยความลนลานอย่างไม่รู้จะไปทางไหนดี สตีฟกล้าพูดได้เต็มปากเต็มคำเลยว่า ไอ้แม็กจอมซึนเพื่อนรักของเขาคนนี้มันสติแตกเป็นที่เรียบร้อยไปแล้ว

       “มันเรื่องเหี้ยอะไรขึ้นวะเนี่ย!!!! โว้ยยยยยยย!!!” แม็กทรุดตัวนั่งลงบนพื้นอย่างไม่สนสายตาใครด้วยความอัดอั้นทั้งหมดที่มีกับเรื่องร้ายๆที่เกิดขึ้นคนสำคัญของเขาพร้อมๆกันอย่างที่ไม่ทันให้เขาได้ตั้งตัว และเขาก็เป็นแค่คนธรรมดาๆคนนึงที่ถ้าเทียบกับคนอายุรุ่นราวคราวเดียวกันก็ถือว่าหนักพอควรที่ต้องมาแบกรับเรื่องราวต่างๆไว้คนเดียวตั้งมากมาย ไม่ใช่แค่ตอนนี้ แต่มันเป็นแบบนี้มาตั้งแต่ไหนแต่ไรแล้วที่เขาจะต้องทำตัวให้เข้มแข็งตั้งแต่ยังไม่จบมัธยม ต้องเก่ง ต้องเรียนรู้และเอาตัวรอดในทุกสถานการณ์ ก็เพราะว่าเขาต้องคอยเป็นเกราะที่แข็งแกร่งเพื่อปกป้องคนสำคัญที่เขารักให้ปลอดภัยไม่ว่าจากกิติกรหรืออะไรก็ตาม และคนๆนั้นก็คือมิน พี่ชายที่เป็นที่รักที่สุดในดวงใจของเขา

       เขาแทบหยุดหายใจ ความหนาวเหน็บกัดกินไปทั่วทั้งร่างกาย เมื่อได้ยินเพียงแค่คำว่ามินล้ม มันเป็นอาการที่คล้ายกับตอนที่เขาได้เห็นมินนอนจมกองเลือดในครั้งที่โดนกิติกรทำร้ายจนเกือบตาย บอกตรงๆ ว่าหัวใจของเขาแทบจะหยุดเต้นไปในทันที ด้วยความเป็นห่วงทั้งหมดที่มี เสียอะไรเสียได้ ไม่มีเงิน ไร้ชื่อเสียงเขาก็อยู่ได้ แต่ถ้าชีวิตนี้ขาดมินไปสักคนเขาอยู่ไม่ได้จริงๆ





……………………………………………………………..TBC.

ออฟไลน์ aornarak

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 89
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-0
Re: {Mpreg/Incest} แฝด Up.ตอนที่ 17 (14/01/60)
«ตอบ #162 เมื่อ14-01-2017 20:09:34 »

 :sad4:ง่า. น้องมินนะเป็นอะไรไหมเนี่ยเป็นห่วงจัง

ออฟไลน์ iceman555

  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8196
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +149/-11
Re: {Mpreg/Incest} แฝด Up.ตอนที่ 17 (14/01/60)
«ตอบ #163 เมื่อ14-01-2017 20:49:27 »

ง่าาา.    มินกะลูกจะเป็นไรไหมอะ

ออฟไลน์ ♥►MAGNOLIA◄♥

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7518
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +193/-11
Re: {Mpreg/Incest} แฝด Up.ตอนที่ 17 (14/01/60)
«ตอบ #164 เมื่อ14-01-2017 21:50:03 »

กิติกร รุกและวางระเบิดรถ
จ้างคนร้ายมาทำร้ายมิน
มันตั้งใจชนมินจริงๆ
มินต้องคลอดลูกก่อนกำหนดหรือป่ะ
โอย.......ค้างๆๆๆๆๆ
       :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:

ออฟไลน์ sirin_chadada

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4110
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +114/-8
Re: {Mpreg/Incest} แฝด Up.ตอนที่ 17 (14/01/60)
«ตอบ #165 เมื่อ14-01-2017 21:56:33 »

จิ้มก่อนจ้า

ออฟไลน์ Mura_saki

  • แค่เรารู้จักกัน...มันก็ดีที่สุดแล้ว :)
  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2054
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +179/-9
Re: {Mpreg/Incest} แฝด Up.ตอนที่ 17 (14/01/60)
«ตอบ #166 เมื่อ14-01-2017 22:48:53 »

แม็กใจเย็นนะ ทุกอย่างจะผ่านไปด้วยดี

ออฟไลน์ เขียนสือ

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 216
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +65/-1
    • เขียน'สือ
Re: {Mpreg/Incest} แฝด Up.ตอนที่ 18 (15/01/60)
«ตอบ #167 เมื่อ15-01-2017 19:26:34 »


แฝด ตอนที่ 18





       เป็นเวลากว่าสองชั่วโมงแล้วที่มินหายเข้าไปในห้องฉุกเฉินหลังจากที่ฟาโรห์  เตชิน ร่วมด้วยเบบี้และชิตะน้อยรีบพามาส่งที่โรงพยาบาลด้วยความเร่งด่วนชนิดที่เครื่องตรวจจับความเร็วแทบจะจับวัดค่าไม่ทัน

       “มินเป็นยังไงบ้าง” แม็กถามด้วยอาการเหนื่อยหอบเพราะเขาทนรอให้สตีฟฝ่ารถติดที่ถนนทางเข้าโรงพยาบาลไม่ไหว เขาจึงตัดสินในกระโดดลงจากรถและวิ่งเข้ามาที่โรงพยาบาลแทน

       “หมอยังไม่ออกมาเลย” เบบี้บอกเสียงสะอื้นน้ำตาคลอ เพราะเขาความกลัวเริ่มเข้าคลอบงำ

       “ใครเป็นญาติของคุณรามิณทร์คะ! ตอนนี้คนไข้เสียเลือดมาก และทางโรงพยาบาลของเราไม่มีเลือดกรุ๊ปนี้สำรองเหลืออยู่แล้วค่ะ” ยืนอยู่ในความเงียบกันได้ไม่นานประตูห้องฉุกเฉินก็เปิดออกมาพร้อมกับท่าทางร้อนรนของนางพยาบาลที่มาถามหาญาติของมินเพื่อที่จะขอรับบริจาคเลือด

       “ผมครับ ผมเป็นแฝดเขา ผมมีเลือดกรุ๊ปเดียวกับเขา”

       “ถ้าอย่างนั้นก็รีบตามดิฉันมาเลยค่ะ” เมื่อได้ยินอย่างนั้นแล้วแม็กก็รีบก้าวเดินตามพยาบาลคนดังกล่าวเข้าไปในห้องฉุกเฉินทันที
..
..
...
       แม็กเดินตามพยาบาลเข้ามาในห้องฉุกเฉินด้วยสภาพจิตใจไม่คงที่นัก เพราะยิ่งเดินเข้ามาลึกมากเท่าไหร่เขาก็รู้สึกว่าความเย็นมันเกาะกินไปทั่วทั้งขั้วหัวใจ แม็กเดินเข้าไปล้างมือเปลี่ยนเสื้อผ้าเป็นชุดปลอดเชื้อก่อนที่จะเดินตามเจ้าหน้าที่พยาบาลคนเดิมเข้าไปยังห้องผ่าตัดที่อยู่ด้านในสุด

       ประตูห้องผ่าตัดเปิดให้แม็กเห็นทีมแพทย์ พยาบาลและผู้ช่วยล้อมรอบอยู่ข้างเตียงผ่าตัดกลางห้องที่มินนอนสงบนิ่งอยู่อยู่นั้นโดยที่มีสายระโยงละยางลากเต็มไปแทบจะทั่วทั้งกายบาง

       “คุณพยาบาลเช็คผลเลือดเขามาแล้วใช่มั้ยครับ?” หนึ่งในทีมหมอหันมาเห็นแม็กที่เดินเข้ามาพร้อมกับพยาบาลเขาก็ถามเข้าเรื่องทันทีไม่รอให้เสียเวลา เพราะทุกนาทีมีค่าเท่ากับชีวิต

       “เรียบร้อยแล้วค่ะ...ปลอดภัยและเข้ากับคนไข้ได้ร้อยเปอร์เซ็น” เธอบอกก่อนที่จะไปยืนประจำที่ของเธอ โดยปล่อยแม็กไว้กับหมอคนดังกล่าว

       “ขึ้นไปนอนลงบนเตียงได้เลยครับ ในเคสของคนไข้นี้หมอคงจะต้องให้เลือดฉุกเฉิน แบบตัวต่อตัวทันที เพราะคนไข้เสียเลือดมากเกินไปอาจจะทำให้เกิดภาวะช็อกและเป็นอันตรายต่อเด็กในท้องได้...ถ้าไม่ไหวรีบบอกหมอนะครับ” คุณหมอคนเดิมบอกให้แม็กขึ้นไปนอนรออยู่บนเตียงคนป่วยที่ตั้งรอไว้ ซึ่งห่างจากเตียงของมินแค่ไม่ถึงครึ่งเมตรเพื่อที่จะสะดวกแก่การให้เลือดของแม็กเดินทางเข้าร่างกายของมินได้เร็วขึ้น พลางพูดอธิบายพร้อมกับย้ำกับแม็กอย่างหนักแน่นว่าถ้าไม่ไหวให้บอกให้หยุด เพราะการให้เลือดตัวต่อตัวอย่างนี้ค่อนข้างอันตรายทั้งกับคนให้และคนรับ แต่พวกเขาก็ไม่สามารถหลีกเลี่ยงวิธีนี้ได้จริงๆเพราะทางโรงพยาบาลไม่มีเลือดกรุ๊ปนี้เหลืออยู่เลย อีกทั้งโรงพยาบาลใกล้ที่อยู่รอบข้างที่เจ้าหน้าที่ติดต่อขอรับเลือดไปก็ไม่มีที่ไหนเหลืออยู่เช่นกัน เพราะเลือดกรุ๊ปนี้หายากมาก

       “ครับ” แม็กตอบพลางหลับตาลงตั้งสติเมื่อรู้สึกถึงความเจ็บแปลบของปลายเข็มที่แทงเข้ามาในผิวเนื้อของเขาอย่างช้าๆ

       “ชีพจรคนไข้เต้นช้าลงค่ะคุณหมอ!” เสียงพยาบาลหรือผู้ช่วยคนไหนสักคนก็ไม่รู้ร้องบอกขึ้นมาอย่างตื่นตระหนกเมื่อพบว่าเส้นกราฟแสดงการเต้นของหัวใจของมินทีแสดงให้เห็นบนหน้าจอเครื่องมือแผ่วลงเรื่อยๆ หลังจากนั้นแม็กก็ไม่ได้ยินอีกแล้วว่าใครพูดอะไรบ้าง เขาเอื้อมมือเข้าไปใจฝ่ามือซีดขาวของมินที่อยู่ไม่ไกลมากุมไว้เบาๆ

       “อย่าเป็นอะไรนะมิน” ประโยคสั้นๆบอกผ่านอากาศไปยังคนรักที่ยังคงนอนหน้าซีดเซียวอยู่ไม่ห่างกันด้วยเสียงสั่นๆ ส่งผ่านกำลังใจ ความรักและความห่วงใยทั้งหมดมีให้อีกคนได้รับรู้ถึงคำอ้อนวอนของเขาในครั้งนี้

       “คุณหมอคะ....” เสียงร้องของพยาบาลดังขึ้นมาอีกครั้ง แต่ครั้งนี้มันเหมือนกับว่าประสาทรับรู้ของแม็กมันปิดไปหมดแล้ว เขาจึงไม่ได้ยินสิ่งที่ทีมแพทย์และพยาบาลคุยกัน เขาทำเพียงแค่การกระชับฝ่ามือซีดเซียวของมินให้แน่นขึ้นกว่าเดิมขึ้นไปอีก

       “ได้โปรดเถอะมิน...ถ้าไม่มีมึงกูอยู่ไม่ได้จริงๆ” น้ำตาลูกผู้ชายไหลรินล่วงหล่นออกมาจากหางตาช้าๆอย่างที่เจ้าตัวไม่ทันได้รับรู้ เพราะร่างกายของแม็กเองก็รับมือกับการเสียเลือดมากเกินไปไม่ไหวแล้ว เพราะเจ้าตัวฝืนเอาไว้ไม่ยอมหยุดตามที่หมอบอกเมื่อไม่ไหว เพราะสิ่งเดียวที่เขารับรู้และต้องการทำให้สำเร็จมากที่สุดคือการที่ทำทุกวิถีทางให้มินกับลูกนั้นปลอดภัย...ต่อให้ต้องแลกด้วยชีวิตของเขาทั้งหมดก็ตาม

       “คนให้เลือดช็อกหมดสติไปแล้วค่ะคุณหมอ!!!”
..
..
..
       ยิ่งเข็มนาฬิกาหมุนผ่านไปมากขึ้นเท่าไหร่ก็ยิ่งทำให้คนที่อยู่หน้าห้องฉุกเฉินอย่างเบบี้ สตีฟ และแก๊งค์ลูกเป็ดยิ่งเพิ่มความตึงเครียดเข้าไปอีก เมื่อไม่เห็นมีวี่แววของแม็ก มิน หรือเจ้าหน้าที่คนไหนเดินออกมาสักที

       พรึ่บ!!!

        “ไม่ทราบว่าตรงนี้มีใครมีกรุ๊ปเลือด AB-Rh Negative อีกบ้างไหมคะเพราะตอนนี้ทั้งคนไข้และคนที่ให้เลือดแย่พอๆกันแล้วค่ะ ทั้งคู่ต้องการเลือดด่วนเลยค่ะ!” พยาบาลคนเดิมออกมาถามหาเลือดกับคนที่เหลืออีกครั้งด้วยสีหน้าที่เคร่งเครียดกว่าเดิม

       “ผมครับ/ผม” แต่คราวนี้กลับมีทั้งสตีฟและฟาโรห์ยกมือขึ้นพร้อมกันเพราะเขาทั้งคู่มีเลือดกรุ๊ปนี้เหมือนกันพอดี และที่ไม่ได้เข้าไปพร้อมแม็กในตอนแรกก็เพราะพยาบาลไม่ได้บอกกรุ๊ปเลือดกับฟาโรห์ในตอนแรก ส่วนสตีฟก็มาถึงก็ตอนที่แม็กเดินหายเข้าไปในห้องฉุกเฉินแล้ว

       “ถ้าอย่างนั้นก็ช่วยตามดิฉันมาทางนี้ด่วนเลยค่ะ!” เธอพูดพร้อมกับเดินนำสตีฟและฟาโรห์เข้าไปในห้องฉุกเฉินเช่นเดียวกับที่ทำกับแม็กก่อนหน้านี้ ก่อนที่จะพากันเงียบหายไป
..
..
..
ช่วงสายวันต่อมา...

       “อืมมม....”

       “อ๊ะ! แม็กกี้ตื่นแล้วหรอ?” ชิตะน้อยที่นั่งอ่านหนังสือการ์ตูนอยู่คนเดียวในห้องพักที่มีเตียงคนป่วยสองคนนอนเคียงกันร้องขึ้นอย่างดีใจ เมื่อเห็นว่าแม็กกำลังขยับตัวหลังจากที่เขาต้องนั่งเฝ้าทั้งแม็กและมินอยู่คนเดียวมานานแสนนาน(ในความคิดของเจ้าตัว)

       “นะ...น้ำ”

       “น้ำหรอ? ได้ๆ เดี๋ยวพี่ชิตะจะเอาน้ำให้แม็กกี้ดื่มเอง!” พูดเองเออเองพลางเทน้ำดื่มที่อยู่ในเหยือกข้างเตียงใส่แก้วเสียบหลอดปีนขึ้นไปป้อนแม็กถึงเตียง...เรื่องแค่นี้พี่ชิชิทำได้สบายๆ เพราะพี่เคยเห็นแม่ทำให้ป๊าตอนป่วยบ่อยๆ...เจ๋งป่ะล่ะ?

       “ชิตะหรอ?” แม็กกระพริบตาสองสามทีไล่ความง่วงงุนพร้อมทั้งปรับสายตาให้คุ้นชินกับแสงไฟสว่างจ้าในห้อง ก่อนที่จะพูดถามออกมาเมื่อเห็นว่าคนที่ป้อนน้ำเขาคือใคร

       “อื้อ! พี่ชิตะสุดหล่อเอง” เจ้าตัวน้อยกอดอกยกยอตัวเองเต็มที่

       “คนอื่นไปไหน? แล้วมินล่ะ?” แม็กถามทั้งที่ยังไม่ทันได้หันไปมองดูรอบๆตัวเองให้ดีเสียก่อน

       “เบบี๋กับสตีฟไปอาบน้ำ เตโชกับเตชินอยู่เฝ้าข้างนอก แต่ฟาโรห์บอกว่าจะไปเชือดหมาอ่ะ พี่ก็ไม่เข้าใจหรอกว่าเชือดคืออะไร ส่วนมินนี่จังก็อยู่ข้างหลังแม็กกี้ไงฮะ!” เจ้าชิตะน้อยเจื้อยแจ้วบอกไปตามที่ตัวเองรู้ แต่จะติดขัดก็ตรงที่ต้องบอกเรื่องของฟาโรห์เพราะเขาไม่เข้าใจว่าคำว่า... ‘เชือด’ ที่ฟาโรห์พูดมันคืออะไร เพราะยังไม่ค่อยแตกฉานนักสำหรับภาษาไทยยากๆบางคำ ก่อนจะพยักหน้าพร้อมทั้งชี้นิ้วไปยังข้างหลังแม็กเมื่อต้องบอกถึงที่อยู่ของมิน

       “มิน”

       “อะๆ คุณลุงหมอบอกว่าแม็กกี้ยังลุกไม่ได้นะฮะจนกว่าคุณลุงหมอจะมาตรวจอีกทีนึง” ชิตะพูดห้ามพร้อมกับดันตัวแม็กให้นอนลงเหมือนเดิมตามคำสั่งที่หมอสั่งกับเจ้าตัวไว้ของเมื่อตอนที่เข้ามาตรวจในรอบเช้า ก่อนที่แม็กจะฟื้นได้ไม่นานนัก ซึ่งแม็กเองก็นอนลงตามคำสั่งของคุณหมอชิตะตัวน้อยแต่โดยดีเมื่อเห็นสีหน้าและท่าทางขึงขังที่แสนน่ารักนั่น

       แอ๊ดดด...

       “อ๊ะ! ฟาโรห์มาแล้วหรอ? ไปนานมาก!!” ชิตะน้อยกระโดดใส่คนที่เพิ่งเปิดประตูเข้าห้องเข้ามา เมื่ออีกคนเดินเข้ามาหยุดยืนอยู่ทางปลายเตียงของแม็ก

       “ครับ” ฟาโรห์รับตัวเจ้าตัวแสบเข้ามาไว้ในอ้อมแขนพร้อมกับหอมแก้มเจ้าตัวเล็กช่างพูดนั่นไปอีกฟอดใหญ่ โดยไม่ทันได้มองว่าเจ้านายชั่วคราวของเขาฟื้นขึ้นมาแล้วหนึ่งคน จนแม็ก ต้องเป็นฝ่ายแกล้งกระแอมกระไอออกมาเพราะไม่อยากจะเห็นฉากสวีทระหว่างเด็กห้าขวบตัวเปี๊ยกกับบอดี้การ์ดตัวโตของตัวเองสักเท่าไหร่ คือจะว่ายังไงดีล่ะ! ปกติแม็กไม่สนใจอะไรหรอกนะถ้าจะมีใครมากอดมาจูบกันให้เห็นต่อหน้าต่อตาอย่างนี้เพราะเขาเองก็ไปอยู่ต่างประเทศมานาน แต่พอกำลังจะมีลูกเป็นของตัวเองแล้วต้องมาเห็นเด็กห้าขวบอย่างชิตะทำแบบนี้เขาไม่ค่อยโอเคสักเท่าไหร่ว่ะ! จะว่าเขาคิดมากไปก็คงจะไม่ใช่ เพราะวันแรกที่เจอกันเด็กน้อยเป็นคนบอกเองว่าเป็นแฟนกับฟาโรห์(ถึงแม้ว่าเขาจะไม่เชื่อก็เถอะ) แต่พอได้เห็นสายตาและการกระทำของฟาโรห์ที่มีต่อชิตะ เขาก็สามารถฟันธงได้เลยว่าไอ้เด็กแสบนั่นมันไม่ได้โม้ แต่จะไปถึงขั้นไหนกันแล้วเขาก็ไม่รู้และไม่อยากรับรู้ด้วยหรอกนะ…ไอ้เด็กแก่แดดเอ้ย!!!

       “ฟื้นแล้วหรอครับ” อืม...แม็กว่าตัวเขาเองเป็นคนไม่สนโลกแล้วนะ แต่กับไอ้หมอนี่คงจะต้องใช้คำว่าไร้ความรู้สึกหรือเปล่า เพราะทันทีที่ได้ยินเสียงกระแอมของเขามันก็ค่อยๆวางตัวชิตะลงบนพื้น ก่อนที่จะเงยหน้าขึ้นมาทักทาย(?)เขาด้วยท่าทางนิ่งๆเหมือนกับว่าเมื่อกี้มันไม่ได้ทำอะไรและไม่มีอะไรเกิดขึ้น

       “อืม...เห็นชิตะบอกว่าหมอเข้ามาตรวจแล้ว หมอว่ามินเป็นยังไงบ้าง” แม็กเอ่ยถามถึงคนรักที่ยังคงนอนหลับตาพริ้มอยู่เตียงข้างๆกันด้วยสีหน้าที่ดีกว่าตอนอยู่ในห้องฉุกเฉินขึ้นมานิดนึง ถึงแม้ว่าจะยังดูซีดเซียวอยู่มากก็ตาม

       “คุณมินพ้นขีดอันตรายแล้วครับ แต่คุณหมอสั่งห้ามขยับตัวจนกว่าจะอนุญาตเพราะว่าไม่อยากที่จะให้กระทบกระเทือนถึงเด็กในท้องอีก ส่วนของคุณคุณหมอบอกว่าไม่เป็นอะไรมาก แค่รอให้เลือดและน้ำเกลือกระปุกนี้หมดก็พอแล้วครับ” ฟาโรห์พูดบอกระเอียดยิบอย่างไม่มีการตกหล่นที่ตรงไหนเลยแม้แต่น้อย เพราะว่าเมื่อเช้านี้เขาตั้งใจฟังคำวินิจฉัยจากมาเป็นอย่างดี

       “ขอโทษด้วยนะครับที่ปล่อยให้เกิดเรื่องแบบนี้ได้” ฟาโรห์โค้งตัวลงจนหน้าผากแทบจะชิดหัวเข่าเพื่อเป็นการขอโทษแม็ก อย่างยอมจำนนกับความบกพร่องในการปฏิบัติหน้าที่ของพวกเขาครั้งนี้

       “ไม่ต้องหรอก ฉันรู้ว่าพวกนายทำดีที่สุดแล้ว เป็นฉันต่างหากที่ต้องขอบคุณพวกนายแทน เพราะถ้าไม่ได้พวกนายป่านนี้ครอบครัวของฉันจะเป็นยังไงบ้างก็ไม่รู้” แม็กบอก เขาไม่ได้โกรธหรือว่ามีความรู้สึกที่จะไม่พอใจแก๊งค์ลูกเป็ดเลย ถึงแม้ว่าทั้งเขาและมินจะเจ็บตัวด้วยกันอย่างนี้ เพราะบางที ถ้าเกิดว่าเมื่อวานไม่มีแก๊งค์ลูกเป็นเขากับมินรวมถึงลูกอาจจะไม่มีใครรอดเลยก็ได้

       โครก~

       “อ๋อย~ ชิชิหิวข้าวแล้วอ่าฟาโรห์~” ชิตะน้อยร้องบอกออกมาพร้อมกับเสียงท้องร้องของเจ้าตัวในขณะที่แม็กและฟาโรห์กำลังนั่งคุยกันอยู่เงียบๆ

       “รออีกสักพักนะครับ คุณภีมกำลังเดินทางมารับ” ฟาโรห์ยกนาฬาข้อมือขึ้นมาดูเวลาก่อนที่จะพูดบอกออกมาเสียงเรียบด้วยสีหน้าเฉยชา เสียจนเจ้าตัวเล็กหน้าง้ำงอ

       “มารับทำไม? มารับไปไหน?” ชิตะน้อยจ้ำเดินเข้ามาเท้าเอวถามอย่างเอาเรื่อง

       “มารับคุณหนูไปอยู่ด้วยระหว่างที่รอนายท่านกับคุณภามมารับไงครับ” ฟาโรห์ยังคงบอกด้วยท่าทางเรียบเฉยถึงแม้จะรู้ดีว่าคุณหนูตัวน้อยของตนกำลังจะอาละวาดในอีกไม่ใช้

       “ไม่ไป!! ชิชิอยากอยู่กับฟาโรห์ไม่ได้อยากอยู่กับลุงภีมสักหน่อย!!!” เจ้าตัวน้อยบอกจุดประสงค์และความต้องการของตัวเองออกมา

       “แต่ผมต้องทำงาน” ฟาโรห์เองก็มีเหตุผลเป็นของตัวเองเหมือนกัน

       “ก็จะอยู่!!!” ชิตะยังคงยืนยันคำเดิมด้วยเสียงที่ดังกว่าเดิมมากขึ้นอีกเท่าตัว

       “อย่าอยู่เกะกะผมเลยครับ ผมทำงานไม่สะดวก”

       “ฟาโรห์!!!” ชิตะน้อยถึงกับกรีดร้องเรียกชื่อของอีกคนออกมาเสียงดังลั่นด้วยความขัดใจ เมื่อโดนคำพูดที่แสบเจ็บแสบนั้นตอกเข้าจังๆ

       “อย่าเสียงดังนะครับ คุณมินต้องการพักผ่อน...ผมขอตัวสักครู่นะครับ” ฟาโรห์ว่าพร้อมกับอุ้มเด็กน้อยขึ้นมาพาดบ่า ก่อนที่จะโค้งตัวขออนุญาตแม็กพาเด็กดื้อออกไปจัดการ เพราะบริเวณหน้าห้องพักมีเตโชและเตชินคอยเฝ้าดูตลอดเวลาอยู่แล้ว จึงไม่มีอะไรต้องห่วง และหน้าที่ของเขาก็ไม่ใช่การมานั่งเฝ้าแม็กหรือมินเหมือนอย่างสองคนนั้นด้วย จึงไม่จำเป็นที่จะต้องอยู่ข้างๆตัวนายจ้างตลอดเวลาเช่นกัน

       “เฮ้อ...” แม็กถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอกหลังจากที่ทั้งสองคนออกไปแล้ว และเห็นว่ามินยังคงนอนหลับตาพริ้มอยู่บนเตียงเช่นเดิม ไม่มีทีท่าว่าจะตื่นขึ้นมาแต่อย่างใด

      ก๊อก...ก๊อก...

       “เป็นยังไงบ้างครับ รู้สึกดีขึ้นแล้วใช่มั้ย” เสียงเคาะประตูเปิดเข้ามาพร้อมกับหมอพยาบาล และเตโชที่ตามเข้ามาตรวจดูความเรียบร้อย

       “ก็ดีครับ” แม็กตอบออกไปตามตรง เพราะเขาไม่ได้รู้สึกเจ็บปวดหรือป่วยอะไรตรงไหน แถมยังรู้สึกว่าร่างกายสดชื่นมากกว่าเดิมเสียอีก สงสัยจะเป็นเพราะว่าได้นอนพักยาวกว่าปกติ หลังจากที่ลุยงานหนักมาหลายสัปดาห์ติด

      “ถ้าอย่างนั้นก็ไม่เป็นอะไรแล้วนะครับ เดี๋ยวหลังจากถอดน้ำเกลือแล้วหมอจะสั่งให้คนมาเก็บเตียงและเคลียร์ชื่อคุณออกจากระบบผู้ป่วยนะครับ ห้องจะได้กว้างขึ้นกว่าเดิม” หลังจากที่พยาบาลจัดการถอดสายน้ำเกลือและเลือดออกให้แม็กแล้ว หมอก็บ่นเรื่องที่แม็กฝืนให้เลือดมินจนตัวเองช็อกหมดสติไปอีกนิดหน่อยกก่อนที่จะพากันออกไป และหลังจากนั้นไม่ถึงสิบนาทีก็มีเจ้าหน้าที่มาจัดการจัดห้องให้ใหม่โดยเหลือเตียงคนป่วยของมินอยู่คนเดียวตั้งอยู่กลางห้องจึงทำให้ห้องที่เคยดูแคบกว้างขึ้นกว่าเดิมไปถนัดตา 

       “ขอบคุณที่ไม่ทิ้งกัน” แม็กพูดบอกพร้อมกับก้มลงจูบขมับมินเบาๆเพราะไม่อยากจะรบกวนการพักผ่อนของคนรักนัก เพราะว่าสิ่งที่เขาได้ยินก่อนที่จะหมดสติไปในห้องฉุกเฉินนั้น มิน แทบจะไม่หายใจอยู่แล้ว ตามคำพูดสุดท้ายของพยาบาลที่เขาได้ยินน่ะนะ

       “เข้มแข็งเข้าไว้นะไอ้ตัวเล็ก” และแม็กก็ไม่ลืมที่จะพูดบอกพร้อมกับลูบท้องของมินให้กำลังใจคนที่อยู่ในนั้นเบาๆเช่นกัน ก่อนที่จะผละตัวออกไปเรียกสองพี่น้องเตเข้ามาคุยกันข้างใน





...TBC.

ออฟไลน์ Mura_saki

  • แค่เรารู้จักกัน...มันก็ดีที่สุดแล้ว :)
  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2054
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +179/-9
Re: {Mpreg/Incest} แฝด Up.ตอนที่ 18 (15/01/60)
«ตอบ #168 เมื่อ15-01-2017 19:56:00 »

โล่งอกไปทีนะแม็ก ปลอดภัยแล้วทั้งแฝดและมิน

ชิชิ เป็นสีสันของเรื่องนี้มาก  ไปอยู่กับลุงภีมสักพักให้ฟาร์โรจัดการบางอย่างก่อนเนอะ หนูค่อยมาใหม่ 555


ออฟไลน์ ❣☾月亮☽❣

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 6773
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +264/-6
Re: {Mpreg/Incest} แฝด Up.ตอนที่ 18 (15/01/60)
«ตอบ #169 เมื่อ15-01-2017 20:08:13 »

 :L2:    ชิชิน่ารัก

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Re: {Mpreg/Incest} แฝด Up.ตอนที่ 18 (15/01/60)
« ตอบ #169 เมื่อ: 15-01-2017 20:08:13 »





ออฟไลน์ sirin_chadada

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4110
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +114/-8
Re: {Mpreg/Incest} แฝด Up.ตอนที่ 18 (15/01/60)
«ตอบ #170 เมื่อ15-01-2017 20:09:09 »

ให้กำลังใจคนเขียนค่ะ

ออฟไลน์ little_munoi

  • ++ singular ++
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1677
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +37/-3
Re: {Mpreg/Incest} แฝด Up.ตอนที่ 18 (15/01/60)
«ตอบ #171 เมื่อ15-01-2017 20:32:58 »

ชิชิน่าร๊ากกก

ออฟไลน์ minneemint

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1632
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +45/-0
Re: {Mpreg/Incest} แฝด Up.ตอนที่ 18 (15/01/60)
«ตอบ #172 เมื่อ15-01-2017 22:07:01 »

 :กอด1:

ออฟไลน์ LovEYouOnLy

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 439
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-2
Re: {Mpreg/Incest} แฝด Up.ตอนที่ 18 (15/01/60)
«ตอบ #173 เมื่อ15-01-2017 22:40:48 »

ชิชิเพิ่ง5ขวบ แบบนี้ยิ่งกว่าพรากผู้เยาว์อีกนะ

ออฟไลน์ iceman555

  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8196
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +149/-11
Re: {Mpreg/Incest} แฝด Up.ตอนที่ 18 (15/01/60)
«ตอบ #174 เมื่อ15-01-2017 23:35:59 »

 :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:

ออฟไลน์ GuoJeng

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1268
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +44/-1
Re: {Mpreg/Incest} แฝด Up.ตอนที่ 18 (15/01/60)
«ตอบ #175 เมื่อ16-01-2017 01:22:00 »

ภีม ภามนี่เป็นลูกพ่อภาคใช่มั้ยอะ?
   มินน่าสงสารอะเป็นเหยื่อให้คนร้ายง่ายมากๆ รออ่านต่อคับ

ออฟไลน์ fay 13

  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 5635
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +286/-44
Re: {Mpreg/Incest} แฝด Up.ตอนที่ 18 (15/01/60)
«ตอบ #176 เมื่อ16-01-2017 15:16:31 »

 :mew1:

ออฟไลน์ เขียนสือ

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 216
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +65/-1
    • เขียน'สือ
Re: {Mpreg/Incest} แฝด Up.ตอนที่ 18 (15/01/60)
«ตอบ #177 เมื่อ16-01-2017 15:59:46 »

ภีม ภามนี่เป็นลูกพ่อภาคใช่มั้ยอะ?
   มินน่าสงสารอะเป็นเหยื่อให้คนร้ายง่ายมากๆ รออ่านต่อคับ

 
ใช่แล้วค่ะ!! ชิตะคือลูกชายของเจโล่กับภาม หลายของภาสพัส ในเรื่องคุณเมียภาคบังคับค่ะ

ออฟไลน์ เขียนสือ

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 216
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +65/-1
    • เขียน'สือ
Re: {Mpreg/Incest} แฝด Up.ตอนที่ 19 (16/01/60)
«ตอบ #178 เมื่อ16-01-2017 18:57:34 »


แฝด ตอนที่ 19





       ก๊อก...ก๊อก...


      “สวัสดีครับ ผมพีรภัทร หรือจะเรียกสั้นๆว่าภีมก็ได้ครับ ผมเป็นลุงของชิตะน่ะครับ ส่วนนี่เจ้านายภรรยาผม ยินดีที่ได้รู้จักครับ” หลังจากที่แม็กนั่งคุยกันเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อวานอยู่กับสองพี่น้องเตโชและเตชินอยู่พักใหญ่ เสียงเคาะประตูก็ดังขึ้นมาเบาๆพร้อมกับที่ฟาโรห์เป็นคนเดินนำบุคคลแปลกหน้าสองคนที่แม็กเคยเห็นผ่านตาบนหน้านิตยสารสังคมชั้นนำอยู่หลายครั้งหลายคลาเดินตามเข้ามาพร้อมกับที่มีเจ้าชิตะน้อยเดินหน้างอตามมาด้วย

       “ผมแม็กยินดีที่ได้รู้จักเช่นกันครับ” แม็กแนะนำตัวพร้อมกับยื่นมือเข้าไปจับทักทายตามมารยาทสังคมกับแขกทั้งสองคน

       “นี่ของเยี่ยมครับ ขอให้ภรรยาและลูกคุณแข็งแรงขึ้นในเร็ววันนะครับ” ภีมยื่นกระเช้าของฝากส่งให้กับแม็กพร้อมกับอวยพร

       “ขอบคุณครับ” แม็กตอบกลับด้วยรอยยิ้ม(การค้า)น้อยๆ

       “ผมต้องขอโทษด้วยนะครับที่ปล่อยให้อชิตะมากวนพวกคุณอยู่หลายวัน เพราะที่บ้านเราไม่มีใครอยู่ไทยเลย ส่วนพ่อแม่ของเจ้าตัวเล็กนี่ก็ติดภารกิจหนักอยู่ที่ญี่ปุ่นกันทั้งคู่” ภีมบอกด้วยสีหน้าและท่าทางเกรงใจ เพราะก่อนหน้านี้สมาชิกครอบครัวของพวกเขาไม่มีใครอยู่เลยจริงๆ จะเอาไปไว้ให้อยู่กับแม่บ้านก็คงจะไม่มีใครเอาอยู่

       “ไม่รบกวนหรอกครับ เจ้าเปี๊ยกนี่เขากลายเป็นคนโปรดของภรรยาผมไปแล้ว ซนพอๆกัน” แม็กว่าพลางยื่นมือเข้าไปขยี้หัวกลมๆของชิตะน้อยที่ยืนอยู่ที่พื้นข้างหน้าคุณลุงของเจ้าตัว เพราะตั้งแต่มีชิตะเข้ามามินก็ดูร่าเริงขึ้นเพราะได้เพื่อนเล่นเพื่อนดูการ์ตูนที่โต้ตอบกับตัวเองได้ดีกว่าแก๊งค์เพื่อนปลาทองของเจ้าตัวที่คุยด้วยได้แต่ไม่มีคำตอบให้

       “ยังไงวันนี้ผมก็ต้องขอตัวหลานกลับเลยนะครับ ขอคุณมากๆเลยนะครับที่ช่วยเป็นธุระดูแลให้อยู่หลายวันเลย” ภีมบอกลาเมื่อเห็นว่าถึงเวลาสมควรแล้ว เพราะไม่อยากที่จะอยู่รบกวนเวลาพักผ่อนของคนไข้ที่ยังนอนไม่ได้สติอย่างมินมากนัก

       “พรุ่งนี้พี่ชิตะจะรีบมาหามินนี่จังกับแม็กกี้แต่เช้าเลยนะฮะ” ชิตะพูดบอกพร้อมกับโผเข้ากอดแม็กเต็มแรง เพราะเด็กน้อยเริ่มที่จะผูกพันกับคนในครอบครัวนี้ซะแล้ว

       “เอาน่า...อย่าร้องไห้สิไอ้ตัวเล็ก แค่กลับไปนอนกับคุณลุงเดี๋ยวพรุ่งนี้ค่อยกับมาเล่นกับมินกับน้องที่นี่ใหม่แค่นั้นเอง...รู้มั้ย?” แม็กยกตัวเด็กน้อยขึ้นมาอุ้มพร้อมกับพูดปลอบเมื่อเห็นว่าเจ้าตัวแสบเขื่อนน้ำตาแตกเสียแล้ว

       “อื้อ! ฝันดีนะแม็กกี้…จุ๊บ!” ชิตะพยักหน้ารับรู้ก่อนที่จะบอกฝันดีล่วงหน้าพร้อมกับใช้ริมฝีปากน้อยๆของตัวเองจุ๊บลงไปที่ริมฝีปากของแม็กเบาๆอย่างที่ไม่เคยมีใครคาดคิดมาก่อนว่าเจ้าตัวจะทำ โดยเฉพาะคนที่ยืนมองพร้อมกับกำหมัดแน่นอยู่ข้างหลังอย่างฟาโรห์

       ‘บอกว่าไม่ให้ทำอย่างนี้กับใครไม่เคยจำ!...อยากโดนลงโทษมากสินะ!’ เสียงบ่นในใจของใครบางคนที่ตอนนี้กำลังปล่อยรังสีอำมหิตออกมาอย่างไม่รู้ตัว

       “ถ้าอย่างนั้นพวกผมขอตัวกลับเลยนะครับ” ภีมบอกลาพร้อมก่อนที่จะพาชิตะและเจ้านายผู้เป็นภรรยาเดินออกจากห้องพักของมินไป

       “ไม่ตามไปส่งหน่อยหรือ? งอนขนาดหนักเลยนะนั่น” แม็กหันมาถามฟาโรห์ที่ยังคงยืนจ้องบานประตูนิ่งๆหลังจากที่คุณลุงและคุณหลานทั้งสามคนกลับไปแล้ว เพราะเขาสังเกตุเห็นว่าก่อนหน้าที่ชิตะจะเดินออกไปเจ้าตัวเล็กหันมาค้อนบอดี้การ์ดตัวโตนี่ทั้งน้ำตาเลย

       “ปล่อยให้มันเป็นไปตามนี้ดีที่สุดแล้วครับ…ผมขอตัวไปจัดการไอ้ตัวที่จับได้เมื่อวานนี้ก่อนนะครับ” ฟาโรห์ว่าก่อนที่จะหันหลังเดินออกจากห้องไป

       “อือออ...” ยังไม่ทันที่แม็กจะได้ทำอะไรเสียงร้องของคนบนเตียงที่เขารอคอยอยู่นานก็ทำท่าว่ากำลังจะตื่นขึ้นมาจากนิทราเสียที

       “เป็นไงบ้าง เจ็บตรงไหนรึเปล่า” หลังจากที่เอาน้ำให้คนป่วยอย่างมินดื่มแก้กระหายเสร็จเรียบร้อยแล้ว แม็กก็ซักถามถึงอาการทันทีด้วยความห่วงใยถึงแม้ว่าก่อนหน้านี้เขาจะได้คำตอบจากหมอมาแล้วว่ามินและลูกปลอดภัยดีก็ตาม

       “ลูกเป็นอะไรรึเปล่าแม็ก มินเจ็บตรงท้อง” มินถามด้วยความกังวล

       “ไอ้ตัวเล็กมันยังสบายดีเหมือนเดิม แต่หมอไม่ยังไม่ให้มึงขยับตัวเพราะกลัวว่าจะกระเทือนไปถึงลูก” แม็กบอก

       “ลูกไม่เป็นอะไรจริงๆใช่มั้ยแม็ก? ตอนนั้นมินกลัวมากเลย” มินถามย้ำอีกครั้งเพื่อความแน่ใจ เพราะก่อนที่จะหมดสติไปเขารู้สึกเจ็บและปวดเหมือนกับว่ามีอะไรมาบีบรัดแรงๆอยู่ที่หน้าท้องตลอดเวลา

       “เอาน่า...บอกว่าไม่เป็นอะไรก็ไม่เป็นอะไรสิ อย่าไปคิดอะไรมากเลย กูไม่ปล่อยให้มึงกับลูกเป็นอะไรไปหรอก” แม็กบอกพร้อมกับลูบหน้าผากมินเบาๆ เขากำลังดีใจ...ดีใจที่มินฟื้นขึ้นมาแบบปกติโดยที่ไม่มีผลข้างเคียง ดีใจที่เลือดของเขาสามารถช่วยชีวิตทั้งลูกและคนรักของเขาไว้ได้ถึงสองคน ถึงแม้ว่าตัวเขาเองจะต้องพึ่งพาเลือดของสตีฟกับฟาโรห์ก็ตาม ไม่ว่าเมื่อวานมันจะเกิดเรื่องร้ายแรงอะไรขึ้นบ้าง...แต่วันนี้มินยังอยู่กับเขาตรงนี้ก็มากพอแล้ว
..
..
..
เช้าวันต่อมา...

       แอ๊ดดด...ตึง!

       “มินนี่จัง~ พี่ชิตะสุดหล่อมาหาแล้ววววว....” ประตูห้องพักของมินเปิดออกพร้อมกับเสียงทักทายอันสดใสของลูกพี่ใหญ่แห่งแก๊งค์ลูกเป็ดดังลั่นมาแต่ไกล ก่อนที่เจ้าตัวจะรีบปีนขึ้นไปบนเตียงผู้ป่วยของมินอย่างคล่องแคล่วเมื่อเห็นว่ามินกำลังนั่งทานข้าวต้มอยู่โดยมีแม็กยืนป้อนอยู่ใกล้ๆ

       “อย่าทำเสียงดังรบกวนคนอื่นอย่างนี้สิครับคุณหนู” ฟาโรห์ที่นั่งดูข่าวอยู่บนโซฟาบริเวณจุดที่ทางโรงพยาบาลจัดไว้ให้ญาติของผู้ป่วยได้พักผ่อนเอ่ยเอ็ดขึ้นมานิ่งๆ

       “ฟอดดดด...พี่คิดถึงมินนี่จังม๊ากมากกกก.....” แต่มีหรอที่คนอย่างพี่ชิตะน้อยจะสะทกสะท้าน เจ้าตัวเมินเฉยทำเป็นไม่ได้ยินที่ฟาโรห์ว่า พร้อมทั้งลุกขึ้นคว้าคอมินเข้ามาสหอมแก้มอีกฟอดใหญ่ด้วยความคิดถึง

       “เฮ้อ! เหนื่อย! สวัสดียามเช้าครับทุกคน...ทำไมชิตะวิ่งไม่รอลุงภีมอย่างนี้ล่ะครับ ถ้าหลงทางไปจะทำยังไง...ฮึ?” ภีมที่วิ่งตามหลานมาด้วยอาการเหนื่อยหอบเพราะเจ้าตัวเล็กนั้นยิ่งกว่าปรอทก็เอ่ยทักทายทุกคนอย่างเป็นกันเอง ก่อนที่จะหันไปดุหลานชายตัวน้อยที่นั่งทำหน้าทะเล้นอยู่บนเตียงคนไข้ข้างๆมิน

       “ก็ชิตะคิดถึงมินนี่จังนี่ฮะ ลุงภีมไม่โกรธน้า...สัญญาว่าจะไม่ทำอีก มาโอ๋ๆกันดีกว่า” เจ้าตัวน้อยแก้ตัว พร้อมกับให้คำสัญญาอย่างเป็นมั่นเป็นเหมาะ ก่อนที่จะกางแขนสองแขนร้องเรียกให้คุณลุงสุดที่รักเดินเข้ามากอดตัวเองอย่างออดอ้อน

       “อย่าทำอีกนะครับเด็กดี” ภีมเดินเข้ามาพูดบอกพร้อมกับโอบกอดหลานชายตามที่เจ้าตัวร้องขอ

       “รับทราบฮะ” ชิตะรับปากพร้อมกับลุกยืนขึ้นทำวันทยหัตถ์เรียนแบบท่าทางของพวกตำรวจทหารอย่างทะเล้น

       “ถ้าอย่างนั้นลุงไปทำงานก่อนนะครับ เดี๋ยวตอนเย็นจะมารับ รบกวนด้วยนะครับคุณแม็กคุณมิน” ภีมบอกกับหลานชายก่อนที่จะหันไปพูดบอกกับแม็กและมินอีกทีด้วยความรีบร้อน จนลืมไปว่าตัวเองนั้นยังไม่ได้แนะนำตัวกับคนป่วยอย่างเป็นทางการเลย

       จุ๊บ...จุ๊บ...จุ๊บ!!!

       “ไฟท์ติ้งนะฮะลุงภีม!!” เจ้าตัวน้อยคว้าคอคุณลุงสุดที่รักเข้ามาจุ๊บแก้มซ้ายขวาพร้อมทั้งปิดท้ายที่ริมฝีปากของภีมแรงๆอีกหนึ่งทีเพื่อเป็นขวัญและกำลังใจในการทำงาน

       “ครับผม...ขอตัวก่อนนะครับ” ภีมรับคำหลานก่อนที่จะหันไปพูดลาแม็กและมินอีกครั้งก่อนที่จะเดินออกจากห้องไปจริงๆ

       “จะทันได้โตมั้ยเนี่ยไอ้เปี๊ยก” แม็กมองการกระทำอันไร้เดียงสา(รึเปล่า?)ของเจ้าตัวแสบ และอดไม่ได้ที่จะเสตามองไปทางฟาโรห์ที่นั่งปั้นหน้ายักษ์อยู่ไม่ไกล

       “แม็กพูดว่าอะไรนะมินฟังไม่ทัน” มินถามคนรักที่ยืนบ่นพึมพำอยู่ข้างๆกัน

       “เปล่าๆ มากินข้าวต่อ จะได้กินยา” แม็กสะบัดหัวไล่ความคิดบ้าๆของตัวเองก่อน ก่อนที่จะหันมาสนใจป้อนข้าวมินต่อ

       “คนเมื่อกี้นี้เขาเป็นใครหรอ?” มินถามด้วยความสงสัยเพราะเห็นว่าภีมทักทายเขาเหมือนกับว่ารู้จักกันมาก่อนอย่างไงอย่างงั้น

       “พีรภัทร อัครจินดากรณ์ แฝดคนกลางของเจ้าสัวณัฐภาส เจ้าพ่อคลังเพชรที่มึงเคยออกแบบเครื่องเพชรส่งไปประกวดไง ที่สำคัญคือเขาคือลุงแท้ๆของไอ้ตัวแสบนี่ไง” แม็กบอก เพราะมีอยู่ช่วงหนึ่งที่มินเคยวาดแบบเครื่องเพชรส่งไปประกวดเล่นๆเมื่อตอนที่บริษัทเขาจัดประกวด แต่มันก็ผ่านมาหลายปีแล้ว

       “หืม...พี่ชิตะของเรานี่ไม่ธรรมดาเลยนะเนี่ย” มินร้องครางด้วยความประหลาดใจ เมื่อได้รู้ถึงที่ไปที่มาของบุคคลแปลกหน้า ก่อนที่จะหันไปเย้าแหย่กับเด็กชายตัวน้อยที่นั่งยิ้มแป้นด้วยความภูมิใจ(อย่างไม่รู้เรื่องรู้ราว)อยู่ข้างๆตัวเอง เพราะมินเป็นคนที่ไม่ค่อยได้สนใจโลกภายนอกนักบวกกับว่าไม่ค่อยชอบติดตามข่าวธุรกิจสักเท่าไหร่เขาจึงไม่ค่อยจะรู้จักพวกบุคคลสำคัญหรือคนที่อยู่ในแวดวงไฮโซเหมือนกับแม็กที่ต้องพบเจอกับคนพวกนี้ด้วยหน้าที่การงานบ่อยๆ จึงไม่ใช่เรื่องแปลกอะไรที่แม็กจะรู้แต่เขาไม่เคยรู้

       “หึๆ ถ้ามึงรู้ว่าพ่อแม่กับพี่ป้าน้าอาปู่ย่าตายายมันเป็นใครมึงจะอึ้งกว่านี้อีกมิน” แม็กบอกพร้อมกับส่งยาและน้ำให้กับมิน

       “ทำไมหรอ?” มินถามด้วยความอยากรู้

       “มึงลองถามมันดิว่าคนในครอบครัวมันทำอาชีพอะไรบ้างและมีใครบ้าง” ไม่ไม่บอกแต่ไล่ให้มินไปถามกับเพื่อนซี้(ต่างวัย) ของเจ้าตัวแทน

       “ชิตะครับ” มินหันไปเรียกเจ้าตัวน้อยที่กำลังกดๆจิ้มๆหน้าจอไอแพดของเจ้าตัวอยู่

       “ฮับ!” ตอบรับอย่างแข็งขันแต่ยังคงมุ่นหน้าอยู่กับหน้าจอเช่นเดิม

       “สมาชิกครอบครัวชิตะมีกี่คนครับ” มินพยายามเลือกใช้คำที่เด็กน้อยวัยนี้พอจะเข้าใจ แต่มิน คงจะไม่รู้อะไรว่าเจ้าเด็กน้อยคนนี้มันรู้มากเกินวัยตัวเองไปมากโขแล้ว

       “มีป๊า มีแม่ มีเฮียยูตะ เคนตะ ปู่ภาส ย่าพัส ปู่คุณ ย่าธาร ลุงภาค ลุงชิงหลง ลุงภีม ลุงนาย อาพีช อาขุน อาสมุทร มิโนรุ ฟาโรห์ หลายคนเลยฮะ” เจ้าตัวค่อยๆไล่ชื่อพ่อแม่พี่น้องปู่ย่าตายายของตัวเองออกมาทีละคน แต่มาตกม้าตายก็ตอนที่นับนิ้วจนลืมว่ามีกี่คน เลยสรุปเอาเลยว่ามีหลายคน...เพราะนิ้วน้อยๆทั้งสิบนิ้วของพี่ชิตะนับไม่พอ!!

       “อ่อ...แล้วเค้าทำงานอะไรกันหรอ?” ปกติแล้วอย่างที่รู้กันว่ามินไม่ใช่คนที่จะไปยุ่งเรื่องส่วนตัวของใครอย่างนี้ แต่การที่คนรักอย่างแม็กที่ทิ้งท้ายคำตอบไว้ให้เขาสงสัยอย่างนั้น เขาก็อดไม่ได้ที่จะอยากรู้ เพราะว่าเขาหลงรักเจ้าเล็กตัวน้อยตรงหน้านี้ไปแล้ว เลยอยากที่จะรู้จักเรื่องราวครอบครัวของเจ้าตัวไว้มั่ง เผื่อว่าวันหนึ่งเจ้าตัวน้อยนี้ต้องกลับประเทศไปเขาจะได้ถามหาถูกคน

       “ปู่กับย่าบอกว่าบ้านเราทำธุรกิจขายของฮะ แต่ลุงนายบอกว่าครอบครัวเราเป็นมาเฟียทั้งบ้านต่างหากล่ะ” ชิตะบอกออกมาตามที่ผู้ใหญ่ฝังหัวมาอีกที อย่างไม่รู้เรื่องรู้ราวเพราะสมาชิกในครอบครัวของเจ้าตัวนั้นมีงานและธุรกิจที่แตกต่างกันออกไป ก็เลยไม่รู้ว่าจะอธิบายออกมายังไง เลยเลือกที่ลุงนายคนแมน(?) พูดกรอกหูอยู่บ่อยๆตอบออกไป

       “ห๊ะ?” มินร้องเหวออ้าปากหวอไปแล้วกับสิ่งที่ได้ยิน

       “หึๆ” ส่วนแม็กก็นอกจากจะไม่ช่วยอธิบายแล้วยังจะมายืนหัวเราะหึๆ เพิ่มความสับสนให้มินรู้สึกมึนงงเข้าไปอีก

       “ไม่ต้องมาหัวเราะเลย ก็รู้อยู่ว่ามินเป็นพวกเข้าใจอะไรยาก อธิบายให้ฟังหน่อยสิ” มินฟาดมือเข้าไปที่ต้นแขนคนรักเบาๆด้วยความหมั่นไส้

       “ครอบครัวนี้ก็ทำธุรกิจทั่วๆไปอย่างเราๆนี่แหละ แต่อาจจะเสี่ยงหน่อยเพราะว่าได้เขยเป็นมาเฟียฮ่องกงคนนึง คนสนิทก็เป็นมาเฟียอิตาลี ส่วนพ่อเจ้านี่ก็ตระกูลยากุซ่าเก่า แต่ตอนนี้หันมาฝึกหน่วยรบพิเศษให้ตำรวจกับทหารแทน...ฉันพูดถูกใช่มั้ยฟาโรห์?” แม็กพยายามที่จะอธิบายให้สั้นและเข้าใจได้ง่ายที่สุด ก่อนที่จะหันไปถามคำยืนยันจากฟาโรห์ที่เป็นคนวงในคลุกคลีอยู่กับครอบครัวนี้

       “ครับ ถึงพวกเขาจะมีธุรกิจที่เสี่ยงไปบ้าง แต่ผมกล้ายืนยันได้เลยครับว่าครอบครัวนี้ไม่แตะต้องงานที่ผิดกฎหมายกันสักคน” ฟาโรห์บอก

       “ถ้าอย่างนั้นฟาโรห์ก็ต้องเป็นตำรวจหรือไม่ก็ทหารสินะถึงได้มากับชิตะได้” มินพูดไปตามที่เข้าใจ

       “ไม่ใช่หรอกครับ ผมเป็นแค่คนธรรมดาๆทั่วไปนี่แหละครับ เพราะนอกจากพรรค์ของเราจะฝึกตำรวจกับทหารหน่วยรบพิเศษแล้ว เรายังมีฝึกบอดีการ์ด แล้วก็สอนพวกศิลปะป้องกันตัวอื่นๆด้วยครับ” บอดี้การ์ดหนุ่มช่วยขยายความเข้าใจให้เจ้านายคนสวยเพิ่มอีกหน่อย

       “อ่อๆ มินเข้าใจล่ะ” ทำท่าพยักเพยิดเหมือนจะเข้าใจแล้ว แต่ก็ไม่รู้ว่าจะเข้าใจจริงๆรึเปล่า

       “ถ้าหมดข้อสงสัยแล้วก็นอนพักได้แล้ว ยาก็กินเข้าไปนานแล้วยังไม่ง่วงอีกรึไง” แม็กว่าพลางประคองมินให้เอนตัวลงนอนช้าๆ ก่อนที่จะห่มผ้าให้อีกทีโดยมีชิตะน้อยช่วยอีกแรง

       “ฮ้าว~ พอแม็กทักปุ๊บมินง่วงปั๊บเลยอ่า...” มินบอกพร้อมกับค่อยๆหลับตาหลงช้าๆ และเพียงแค่เสี้ยววินาทีเจ้าตัวก็หลับสนิทไปจริงๆด้วยฤทธิ์ของยาที่ออกมานานแล้ว แต่เจ้าตัวก็ยังฝืนตัวเองนั่งคุยกับคนนั้นคนนี้ไปเรื่อยเปื่อยจนลืมง่วง ถึงได้สลบไสลไปทันทีอย่างที่เห็น

       “เฮ้อ...ดื้อพอๆกับไอ้เปี๊ยกเลยนะมึง” แม็กว่าพลางลูบหัวกลมๆของคนรักด้วยความเอ็นดู

       “งื้อออ...แม็กกี้อ่ะ! พี่ชิตะไม่ได้ดื้อสักหน่อย!” เจ้าเด็กดื้อที่รู้ตัวว่าถูกพาดพิงก็ลุกขึ้นมาแก้ตัวให้ตัวเองเป็นการใหญ่

       “ฮ่าๆ ถ้าไม่ดื้อก็ดูแลมินดีๆรู้มั้ย? ฉันจะไปดูอาการของกำธรสักหน่อย” แม็กไม่ได้บอกแต่กับชิตะคนเดียว แต่เขาฝากมินไว้กับฟาโรห์ที่พยักหน้ารับรู้อยู่ก่อนแล้ว ก่อนที่จะออกจาห้องไป เพราะตั้งแต่ที่เกิดเรื่องเขาก็มัวแต่ยุ่งกับมินจนไม่ได้แวะไปดูอาการของคนสนิทอย่างกำธรเลย เพียงแต่โทรสั่งให้เลขาจัดการงานที่ค้างไว้ และช่วยย้ายกำธรมารักษาที่โรงพยาบาลเดียวกันกับมินนี้เลยจะได้สะดวกในการดูแล เพราะยังไงเขาก็ต้องเป็นคนรับผิดชอบดูแลเรื่องค่าใช้จ่ายและเรื่องคดีความต่างๆให้กับกำธรระหว่างที่เจ้าตัวเจ็บอย่างนี้อยู่แล้ว

       “ลงมานั่งข้างล่างเถอะครับคุณหนู คุณมินต้องการพักผ่อนนะครับ” ฟาโรห์เอ่ยเรียกพร้อมทั้งพูดเตือนเด็กน้อยจอมเอาแต่ใจที่ยังคงเล่นเกมส์หรือว่าทำอะไรสักอย่างอยู่กับไอแพดของตัวเอง ข้างๆกันกับคนป่วยที่นอนหลับไปแล้วอย่างมิน

       “.....” ฟิ้ววว~ ไร้การตอบสนอง ไม่ต่างจากว่าฟาโรห์กำลังพูดอยู่กับดินฟ้าอากาศ

       “กลายเป็นคนที่พูดไม่รู้เรื่องตั้งแต่เมื่อไหร่หรอครับคุณหนูอชิตะ”

       “อย่ามาเรียกชื่อเราอย่างนั้นนะ!!!” ชิตะน้อยทิ้งไอแพดในมือลงพื้นพร้อมกับแหวขึ้นมาเสียงดังทันที เมื่อได้ยินฟาโรห์เรียกชื่อเต็มของตัวเองด้วยน้ำเสียงที่จงใจห่างเหินอย่างเห็นได้ชัด

       “ทั้งเสียงดังทั้งทำลายข้าวของอย่างนี้ไม่น่ารักเลยนะครับ” ฟาโรห์ลุกขึ้นเดินไปเก็บไอแพดที่นอนจอแตกอยู่ที่พื้นพร้อมกับวาดแขนเกี่ยวตัวเด็กน้อยเข้ามาอุ้มลงจากเตียงของมิน

       “ปล่อยเราเดี๋ยวนี้เลยนะ!!”  ชิตะน้อยดิ้นขลุกขลักอยู่ในอ้อมแขนของคนตัวโตอย่างทำอะไรไม่ได้ ด้วยรูปร่างและแรงที่แตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง...เด็กห้าขวบหรือจะมาสู้แรงคิลเลอร์มือหนึ่งของพรรค์ฟูจิวาระผู้แข็งแกร่ง

       “เด็กดื้อต้องถูกลงโทษรู้มั้ยครับ...เตชินเข้ามาเฝ้าคุณมินข้างในคนนึงสิ” ฟาโรห์กระซิบบอกข้างหูของเด็กน้อยในอ้อมแขนเบาๆ ก่อนที่จะเดินออกไปเรียกเตชินที่นั่งเฝ้าอยู่กับเตโชข้างนอกให้เข้าไปเฝ้ามินข้างในหนึ่งคน

       “จะไปแล้วหรอครับหัวหน้า” เตโชถามเป็นมารยาทตามปกติแบบที่ไม่ได้ต้องการคำตอบแต่อย่างใดเพราะงานในส่วนของเขากับฟาโรห์มันคนละส่วนกัน

       “อือ...จะพาเด็กดื้อไปดัดนิสัย” ฟาโรห์บอกแค่นั้นก่อนที่จะจับชิตะพาดบ่าเดินออกไปอย่างสบายๆด้วยสีหน้านิ่งเรียบไม่แสดงอาการอะไรออกมาทั้งสิ้น ซึ่งแตกต่างจากเจ้าเด็กน้อยที่ห้อยหัวต่องแต่งๆดิ้นเล่าๆแหกปากร้องโวยวายไปตลอดทาง





...TBC.
       

ออฟไลน์ Mura_saki

  • แค่เรารู้จักกัน...มันก็ดีที่สุดแล้ว :)
  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2054
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +179/-9
Re: {Mpreg/Incest} แฝด Up.ตอนที่ 19 (16/01/60)
«ตอบ #179 เมื่อ16-01-2017 19:16:36 »

ชิตะทำไมน่ารักอย่างนี้ มีงอนฟาโรห์อีก

โตมาฟาโรห์เอาอยู่ไหมเนี่ย ? อิอิ

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด