ปานตะวัน ▪☀▫ บทพิเศษที่ ๔ Christmas Gifts (๒๕/๑๒/๖๐) [จบ]
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: ปานตะวัน ▪☀▫ บทพิเศษที่ ๔ Christmas Gifts (๒๕/๑๒/๖๐) [จบ]  (อ่าน 150681 ครั้ง)

ออฟไลน์ MayA@TK

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4982
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +51/-7
  :jul1: :jul1: :jul1: :jul1: :jul1:

 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:

ออฟไลน์ warin

  • รถไฟขบวนนั้น ได้แล่นผ่านไปแล้ว
  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1937
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +60/-1
    • -
ง่ะ  หาผ้าซับเลือดก่อน  อิอิ

ออฟไลน์ nottto

  • MaxNuzz
  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 172
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +14/-0
ร้ายกันทั้งคู่เลยว่างั้น

ออฟไลน์ Billie

  • "Let come what comes, let go what goes and see what remains. That is what is real"
  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3327
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +78/-6
 :L2: :pig4: :L1:

ออฟไลน์ Pisoi

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 241
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0
 :jul1: :jul1:

ออฟไลน์ cchompoo

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1402
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +29/-4
 :pig4:

ออฟไลน์ Ouizzz

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 640
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +36/-1
 :-[ :-[ :o8: :o8:

ออฟไลน์ lizzii

  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 6283
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +271/-2
 :haun4: :haun4:

ออฟไลน์ darling

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1741
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +96/-7
 :o8: :-[ :jul1:

ออฟไลน์ FeaRes

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 738
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +6/-2
ตะวันแมวยั่ววว เจอพี่เมศจัดหนักเลย 55555
อ่านแล้วเขินมากเลยยยยย

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Re: ปานตะวัน ▪☀▫ บทที่๒๑ Midnight (๗/๗/๖๐)
« ตอบ #309 เมื่อ: 07-07-2017 23:43:15 »
ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ shoi_toei

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4359
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +222/-26
เรียบร้อยยยย โรงเรียน ทาส

ออฟไลน์ B52

  • เป็ดZeus
  • *
  • กระทู้: 13215
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +420/-26
 :impress2:

ออฟไลน์ Snowermyhae

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4014
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +97/-7
ตะวันน่ารักกกกกกกก  :z2:

ออฟไลน์ mild-dy

  • ☆ ทาสแมว ☆
  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8891
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +389/-80
 :pig4:

ออฟไลน์ titansyui

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2385
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +119/-0
 :pig4: :pig4:

ออฟไลน์ Ginny Jinny

  • ความเป็นจริงมันวุ่นวาย ก็ขอให้ใจมันสบายๆในความฝัน
  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2099
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +51/-4
 :z1: :z1: :z1:

ออฟไลน์ labelle

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2664
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +81/-0
ว้ายยยย ราเมศได้ทั้งของขวัญวันเกิด กับของขวัญปีใหม่ แถมเกินคุ้มมาก จริงๆ

ปานตะวันน่ารัก แถมแอบเกรียนด้วย แต่พอมายั่วพี่แล้ว ก็สมใจพี่เลยทีเดียว

หนูเจียน่ารักจัง เรื่องกินบ่หยั่น น่าจับฟัด

ออฟไลน์ snowrabbit

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 264
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +219/-6
ปานตะวัน
บทที่๒๒
จดหมายจากใครคนนั้น


        “น้าตะวันนน ลูกนี้แด๊งแดง หนูเจียกินเลยได้มั้ยคับ”
   
        เสียงร้องอย่าร่าเริงดังมาจากเด็กชายผิวขาวแก้มยุ้ยที่ถูกคุณย่าราตรีจับให้ใส่ชุดเด็กชาวเขาสีเข้ม หนูเจียที่ตอนนี้หอบตะกร้าซึ่งเต็มไปด้วยลูกสตรอเบอร์รี่สีแดงสดพอๆ กับพวงแก้มนิ่มของตนอยู่ชูผลไม้ลูกหนึ่งที่ดูอวบอิ่มน่ากินขึ้นมาให้ปานตะวันเห็นแล้วก็ร้องถาม
   
        ปานตะวันหันไปมองพี่เมศเป็นเชิงขอความเห็น พอเจ้าตัวพยักหน้าให้เขาก็หันมายิ้มให้หลานชายแล้วพูดว่า “กินได้เลยครับ แต่กินช้าๆ นะ หนูเจียจะยัดสตรอเบอร์รี่เข้าปากทั้งลูกเหมือนตอนหนูกินแอปเปิ้ลเมื่อวานไม่ได้นะครับ เดี๋ยวจะติดคอ ค่อยๆ กิน ค่อยๆ เคี้ยว เข้าใจไหม”
   
       ปานตะวันพูดถึงเหตุการณ์ชวนใจหายใจคว่ำบนโต๊ะอาหารเมื่อเย็นวาน ที่เขากับคนอื่นละสายตาจากหนูเจียไปแค่แวบเดียว หนูน้อยก็ยัดแอปเปิ้ลเข้าปากในคำเดียว ถึงจะหั่นมาเรียบร้อยแต่มันก็ใหญ่เกินปากเล็กๆ ของเจียหลินอยู่ดี หนูน้อยสำลักจนหน้าแดง โชคดีที่แอปเปิ้ลไม่ติดคอ หลังเหตุการณ์นั้นเจียหลินเลยโดนราเมศดุเข้าให้ แต่ซึมได้แป็บเดียวก็วิ่งมาง้อมาอ้อนให้คุณน้าหายโกรธแล้ว
   
      “คับ!”
   
       เจียหลินยิ้มจนตาปิดแล้วก็อ้าปากงับสตรอเบอร์รี่ แค่คำแรกเด็กน้อยถึงกับทำตาโต “น้าตะวัน น้าเมศ หวานมากเลย”
   
        สตรอเบอร์รี่ลูกอวบ หวานหอม หนูเจียดูจะชอบมากเพราะกินตุ้ยๆ ไม่หยุด
   
        “ถ้าชอบจะเก็บไปอีกก็ได้นะครับ” ราเมศบอกหลานชาย “เอาไปเท่าที่อยากกินเลย”
   
        “เย้”
   
       ได้ยินประโยคนั้นปานตะวันก็เดินไปเอาศอกถองคนรัก “พ่อบุญทุ่มจริงๆ ไม่กลัวขาดทุนเหรอครับ” ราเมศหัวเราะขณะย่อตัวลงเก็บสตรอเบอร์รี่ตรงหน้า
   
      “หลานตัวแค่นั้น ไร่สตรอเบอร์รี่ของที่บ้านคงไม่ขาดทุนหรอก”
   
       ใช่แล้ว ตอนนี้พวกปานตะวันอยู่ที่ไร่สตรอเบอร์รี่ซึ่งเป็นหนึ่งในกิจการทางบ้านของราเมศ ที่นี่เป็นไร่สตรอเบอร์รี่ที่อยู่ท่ามกลางขุนเขาเปิดให้นักท่องเที่ยวเข้าชมและเก็บสตรอเบอร์รี่ ด้วยบรรยากาศรอบไร่ตกแต่งอย่างน่ารัก มีมุมให้นักท่องเที่ยวได้ถ่ายรูป มีร้านกาแฟและร้านขนมซึ่งเมนูส่วนใหญ่มีสตรอเบอร์รี่เป็นส่วนประกอบเปิดให้บริการอยู่ไม่ไกลทำให้ดึงดูดกลุ่มนักท่องเที่ยวได้มากมาย
   
        สตรอเบอร์รี่ของที่นี่ขึ้นชื่อเรื่องความสด สะอาด ปลอดภัยไร้สารเคมี ปานตะวันก็ไม่รู้ว่าจริงตามที่เล่าไหมแต่เขารู้ว่ามันอร่อยมาก
   
        “ตะวันอ้าปาก” ร่างโปร่งที่กำลังก้มๆ เงยๆ เด็ดเจ้าผลไม้สีแดงอยู่หันหน้ามาตามเสียงเรียกแล้วก็อ้าปากรับสตรอเบอร์รี่ที่ถูกป้อนให้ถึงปากไปกิน
   
        “อร่อย”
   
        “ถ้าชอบจะเอากลับไปฝากเพื่อนที่กรุงเทพฯก็ได้นะ”
   
        “ได้เหรอครับ งั้นเอาไปฝากหลงกับกันต์ด้วยดีกว่า”
   
        “ยังไม่ต้องรีบเก็บวันนี้หรอก ของฝากเดี๋ยวให้คนงานเอาลงไปส่งให้พรุ่งนี้ก็ได้จะได้สดหน่อย”
   
        “เอางั้นก็ได้ครับ”
   
         พวกเขาเดินเก็บสตรอเบอร์รี่กันอยู่อีกพักใหญ่ปานตะวันก็ลงความเห็นว่าพอดีกับความต้องการแล้ว เมื่อเอาของหนูเจียมาเทรวมด้วยก็ได้เต็มตะกร้าพอดี
   
         “ของหวานวันนี้ต้องมีแต่สตรอเบอร์รี่แหง” พี่มิ้นต์ชะโงกหน้ามาดู เธอไม่ได้ลงมาร่วมวงเก็บผลไม้ด้วยเพราะไปเดินตรวจงานในไร่มา ส่วนคุณพ่อคุณแม่ก็ไปนั่งพักในร้านกาแฟ ปล่อยให้ราเมศพาแฟนกับหลานชายไปเที่ยวเล่นตามใจชอบ
   
        “พี่มิ้นต์ไม่ชอบเหรอครับ” ปานตะวันถาม หญิงสาวยักไหล่แล้วก็พูดว่า “เปล่าหรอก แค่ได้กินบ่อยแล้วน่ะ”
   
        “มีกิจการเป็นของตัวเองนี่ดีจังเลยน้า”
   
        เมื่อไม่นานมานี่ปานตะวันเพิ่งได้รู้มาว่าจริงๆ แล้วคนคิดริเริ่มและคุมกิจการเกือบทั้งหมดของครอบครัวคือพี่มิ้นต์ ไม่ว่าจะเป็นรีสอร์ตที่ขยับขยายจนใหญ่โต ร้านกาแฟ หรือแม้แต่ไร่สตรอเบอร์รี่แห่งนี้พี่มิ้นต์ก็เป็นคนดูแลทั้งสิ้น ตอนปานตะวันรู้เขาถึงกับตาโตอ้าปากค้าง
   
        แถมรายได้ก็ไม่ใช่จำนวนน้อยๆ พอได้ยินจำนวนตัวเลขปานตะวันถึงกับตาถลน
   
        พี่เมศยังแอบกระซิบอีกว่าสิ่งเดียวที่พี่มิ้นต์ต้องการตอนนี้คือ ‘ร้านอาหาร’
   
        หญิงสาวพยายามเกลี้ยกล่อมพี่ชายตัวเองให้กลับมาเปิดร้านอาหารที่บ้านเกิดแต่พี่เมศก็ยังพอใจจะอยู่ที่กรุงเทพฯต่อไป
   
        “ตะวันชอบไหมล่ะ ถ้าชอบก็ย้ายมาอยู่ที่นี่เลยสิ เดี๋ยวพาขึ้นไปเก็บสตรอเบอร์รี่ทุกวันเลย”
   
        ปานตะวันหัวเราะแหะๆ ให้กับคำพูดของหญิงสาวผมสั้น พักนี้พี่มิ้นต์ชอบพูดทำนองว่าให้เขาย้ายมาอยู่ด้วยกันบ่อยๆ ซึ่งจุดประสงค์ก็ไม่มีอะไรมากนอกจาก
   
        ‘ถ้าตะวันมาพี่เมศก็ต้องมาด้วยแน่นอน’
   
        มันคือแผนการหลอกล่อพี่ชายกลับบ้านนั่นเอง
   
        ปานตะวันเคยถามอีกฝ่ายว่าทำไมถึงได้อยากให้พี่เมศกลับมาเปิดร้านอาหารให้ถึงขนาดนั้น พี่มิ้นต์ก็อธิบายสั้นๆว่า ‘เพราะพ่อครัวของรีสอร์ตตอนนี้มันห่วย น้องตะวันรู้ไหมว่ารีสอร์ตเราได้สี่ดาวไม่ก็สี่ดาวครึ่งจากผู้เข้าพักมาตลอด แล้วอีกดาวที่หายไปมันไปไหน? ก็มาจากอาหารที่ไม่อร่อยนั่นไง! จะเปลี่ยนออกก็ไม่ได้เพราะไม่มีคนมาแทน ถ้าได้พี่เมศกลับมาทำอาหารให้ เราจะมีรายได้เพิ่มอีกเป็นกอบเป็นกำ!’
   
        ซึ่งพอฟังแล้วก็แอบคิดว่ามีเหตุผลดีแต่ปานตะวันก็ไม่ได้ไปพูดอะไรกับพี่เมศหรอก เขาเคารพการตัดสินใจของคนรัก ถ้าพี่เมศอยากกลับเดี๋ยวก็กลับมาเองนั่นล่ะ
   
        ค่ำคืนสุดท้ายก่อนจะกลับกรุงเทพฯ คุณราตรีเนรมิตขนมหวานหลากหลายชนิดที่ล้วนแล้วแต่มีสตรอเบอร์รี่ที่เก็บมาวันนี้เป็นส่วนผสมไม่ว่าจะเป็นเค้กสตรอเบอร์รี่ พายสตรอเบอร์รี่และอื่นๆ เพื่อเอาใจหลานชายโดยเฉพาะ ฝีมือทำขนมของคุณนายประจำบ้านดีถึงขนาดที่ว่าปานตะวันที่กินอาหารคาวเข้าไปเยอะแล้วก็ยังกินขนมต่อได้อีกจนเกลี้ยงจาน
   
       พี่เมศยังพูดกับเขาเลยว่าตอนจูบกันวันนี้ในปากของเขามีแต่รสหวานของสตรอเบอร์รี่
   
        หลังทานอาหารเสร็จคุณแม่กับคุณพ่อก็ขอตัวกลับเข้าห้อง หนูเจียก็ตามไปด้วย หลานชายติดคุณปู่คุณย่าของเขามาก ในห้องนั่งเล่นเหลือจึงเหลือกันแค่สามคน จู่ๆ พี่มิ้นต์ที่คงจะว่างมากก็โพล่งขึ้นมาว่า “มาเล่นเกมกัน”
   
        “เกม?” พี่เมศเลิกคิ้วเป็นเชิงถาม
   
        “ช่าย” หญิงสาวหยิบเอาขวดน้ำเปล่ามาหนึ่งขวด “Truth or Dare”
   
        “แบบที่หมุนขวดแล้วไปหยุดที่ใครคนนั้นก็ต้องเลือก ถ้าเลือก Truth ก็ต้องตอบตามความจริงแต่ถ้าเลือก Dare ก็ต้องทำตามคำสั่งน่ะเหรอครับ” ปานตะวันทำหน้าพิลึก “ผมเลิกเล่นเกมนี้ไปตั้งแต่มัธยมแล้วนะ”
   
        “ย้อนวัยไง”
   
        “แล้วเล่นกันแค่สามคน?” พี่เมศเลิกคิ้ว
   
        “ใช่แล้ว”
   
        “ไม่น่าเบื่อแย่เหรอนั่น”
   
        “ก็มันว่างนี่นา”
   
        “นั่งดูหนังเฉยๆ ก็ได้มั้ง”

         “ดูหนังก็เบื่อ!”
   
         สรุปก็คือจะเล่นให้ได้สินะ ราเมศกับปานตะวันสบตากันแวบหนึ่งแล้วก็ตอบรับไปตามน้ำ หญิงสาวหนึ่งเดียวในกลุ่มเลยยิ้มร่า แน่นอนว่าเกมแบบนี้ต้องมีแอลกอฮอล์เป็นบทลงโทษ
   
         พี่มิ้นต์เป็นคนเริ่มหมุนขวด ปานตะวันที่รู้สึกว่าพระศุกร์เข้าพระเสาร์แทรกก็โดนไปตามระเบียบ หญิงสาวยิ้มกริ่มเจ้าเล่ห์
   
        “ตะวัน Truth or Dare”
   
        “Truth”
   
       อันที่จริงจะแบบไหนก็ไม่อยากทั้งนั้นแต่ถ้าให้เลือกระหว่างถูกถามคำถาม(ที่อาจจะมั่วคำตอบได้ ยังไงความลับบางเรื่องก็ไม่มีใครรู้นอกจากเขา)กับถูกสั่งให้ทำอะไรบ้าๆ ขอเลือกอย่างแรกดีกว่า
   
        หญิงสาวผมสั้นเอานิ้วแตะปลายคางพลางทำสีหน้าครุ่นคิดแล้วก็พลันเผยรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ออกมา เป็นรอยยิ้มที่ไม่น่าไว้ใจจนแม้กระทั่งพี่เมศยังต้องเอ่ยปราม
   
       “มิ้นต์”
   
       “จ้าๆ ไม่ถามอะไรไม่ดีหรอกน่า” พี่มิ้นต์ที่ถูกดักทางทำหน้ามุ่ยเล็กน้อยแล้วก็ถามออกมาว่า “ตะวันชอบให้พี่เมศจูบตรงไหน?”
   
       “เฮ้ย ติดเรทแบบนี้ก็ได้เหรอ”
   
       “ยังไงก็เลยยี่สิบกันทุกคนแล้วนี่ เร็วเข้า ตอบมา”
   
       ปานตะวันเหลือบมองพี่เมศแล้วก็เห็นว่าอีกฝ่ายจ้องมาที่เขาด้วยสายตาแฝงแววสนุกสนาน “อันนี้พี่ก็อยากรู้” ปานตะวันอ้าปากแล้วก็หุบเหมือนปลาทองงับอาหาร เขาเงียบไปนานจนมิ้นต์จุ๊ปาก
   
      “ไม่ตอบก็กระดกเลยจ้ะหนุ่มน้อย รวดเดียวหมดแก้วนะ”
   
       ผู้หญิงคนนี้ปีศาจชัดๆ!
   
        เจ้าของเรือนผมสีน้ำตาลก้มหน้า สองแก้มแดงราวกับถูกไฟเผา เจ้าตัวเม้มริมฝีปากก่อนจะอ้อมแอ้มออกมาว่า “ตรง...ซอกคอ”
   
        ถึงเขาจะไม่ชอบให้ใครมาโดนคอสักเท่าไหร่แต่พอเป็นจูบของราเมศ...ตอนที่ริมฝีปากของคนรักแตะลงตรงตรงลำคอไปจนถึงแอ่งชีพจรเขากลับรู้สึกดีมากเป็นพิเศษ
   
        “หึ”
   
        ได้ยินเสียงคนรักขำในลำคอ ราเมศแกว่งแก้วในมือไปมาขณะมองปานตะวันด้วยสายตาวิบวับ นั่นยิ่งทำให้ชายหนุ่มเขินมากขึ้นไปอีก
   
        “เอ้าหมุนเลยๆ”
   
         ปานตะวันเอื้อมมือสั่นๆ ไปหมุนขวด ปากขวดหยุดลงตรงหน้ามิ้นต์ เขาไม่รู้จักมิ้นต์มากนัก เพิ่งสนิทกันได้ไม่นาน จะให้ถามอะไรที่มันละลาบละล้วงมากนักก็เกินไปหน่อยปานตะวันเลยตัดสินใจถามคำถามง่ายๆ
   
       “วางแผนจะแต่งงานตอนไหนครับ?”
   
       เชื่อไหมว่าพอได้ยินคำถามนี้ราเมศถึงกับเงยหน้าระเบิดเสียงหัวเราะ ขณะที่หญิงสาวหนึ่งเดียวในกลุ่มทำปากยื่น สงสัยคำถามจะแทงใจดำ
   
       “ตอนแรกวางแผนไว้ว่าจะแต่งปลายปีหน้า แต่พอดีแฟนมันเฮงซวยแผนเลยล่ม” ว่าแล้วก็ยักไหล่ สะบัดผมแบบสวยๆ “ตอนนี้ก็โสดจ้ะ”
   
       ปานตะวันพยักหน้าหงึก พี่มิ้นต์ดูไม่แคร์เท่าไหร่ว่าตัวเองจะมีคนมาจีบหรือไม่ แต่ถ้าสมมติว่าเขาเป็นหญิงสาว บ้านมีตังค์ ครอบครัวอบอุ่น การงานมั่นคง เขาก็คงไม่แคร์หรอกว่าตัวเองจะมีคนมาแต่งงานด้วยหรือเปล่า
   
       พี่มิ้นต์หมุนขวด คราวนี้ปากขวดไปหยุดที่พี่เมศ
   
       คนพี่กับคนน้องยิ้มให้กันด้วยสีหน้าราวกับจะท้าทายอีกฝ่าย
   
        “Truth or Dare คะเฮีย”
   
        “Dare”
   
        นัยน์ตากลมวาววับ พี่มิ้นต์ดีดนิ้วเป๊าะก่อนจะรีบพูดออกมาทันที
   
        “พี่เมศ...ให้พี่จูบแฟนพี่ในตำแหน่งที่เจ้าตัวบอกว่าชอบให้พี่จูบมากที่สุด”
   
        เฮ้ย ไอ้สองพี่น้องนี่จะไม่ยอมหลุดจากหัวข้อนี้ให้ได้เลยหรือไง
   
        ปานตะวันยังไม่ทันอ้าปากโวยก็ถูกคว้าตัวไป ริมฝีปากร้อนแนบลงที่ซอกคอดังจุ๊บ
   
        “ว้าววว” ยังจะมาว้าวอีก! คอยดูนะ คราวหน้าเขาจะเอาคืนพี่มิ้นต์ให้หนักๆ เลย
   
        คราวนี้พี่เมศเป็นคนหมุนขวด คนโดนก็คือพี่มิ้นต์ หญิงสาวเลือก Dare พี่เมศเลยสั่งให้พี่มิ้นต์ไลฟ์สดในเฟซบุ๊คแล้วก็ร้องเพลง ‘กรุณาฟังให้จบ’ ของแช่ม แช่มรัตน์ พี่มิ้นต์เสียงหลงสุดกู่ ปานตะวันหัวเราะจนปวดท้องไปหมด
   
        ยิ่งดึกก็ยิ่งคึก ตอนแรกนึกว่าเล่นกันสามคนจะไม่สนุกแต่เปล่าเลย
   
        ปานตะวันกระดกไปสามแก้ว พี่มิ้นต์หนึ่งแก้ว พี่เมศยังไม่โดนเลยสักแก้ว พอมีแอลกอฮอล์ในร่างก็ยิ่งคึก
   
        “Truth” ปานตะวันเลือกอย่างไม่ลังเลเมื่อปากขวดมาหยุดที่ตัวเอง พี่มิ้นต์ย่นคิ้ว เขาโดนบ่อยมากจนหญิงสาวนึกคำถามที่จะถามไม่ออกแล้ว
   
        “เอ่อ...นึกไม่ออกแล้วแฮะว่าจะถามอะไร”
   
        “งั้นเชิญเลยครับคนสวย”
   
        ปานตะวันเลื่อนแก้วเหล้าไปตรงหน้าพี่มิ้นต์แต่เธอเชิดริมฝีปากใส่ ประมาณว่าฉันยังไม่แพ้ย่ะอะไรทำนองนี้
   
        “อืม...เอาแบบนี้แล้วกัน ทำไมถึงเลิกกับแฟนเก่าคนล่าสุด”
   
        กึก
   
        ปานตะวันชะงัก นัยน์ตาสีน้ำตาลวูบไหว เขาเปลี่ยนเป็นหยิบแก้วใส่น้ำสีอำพันมาดื่มรวดเดียวโดยไม่ลังเล “ขอผ่านครับ”
   
        “แผลใจสินะ” พี่มิ้นต์พูดขึ้น ปานตะวันเหม่อลอยมองแก้วเปล่าในมือ
   
         แผลใจหรือ...ก็คงจะเป็นแบบนั้น
   
         เป็นรอยแผลน่าเกลียดที่ติดอยู่ตรงนั้นมาเนิ่นนาน ไม่อยากมอง ไม่อยากนึกถึง
   
         เกลียด แต่ไม่รู้ว่าเกลียดใครมากกว่า ระหว่างมันกับตัวเขาเอง
   
         “พี่ว่าคืนนี้ดึกแล้ว พอแค่นี้ดีกว่า”
   
         บรรยากาศเงียบงันน่าอึดอัดถูกทำลายลงด้วยคำพูดของพี่เมศ เจ้าตัวลุกขึ้นเก็บขวดและแก้วเปล่าไปวางลงในอ่างล้างจาน มิ้นต์เองก็พยักหน้า หญิงสาวบิดขี้เกียจก่อนจะเดินมาแตะไหล่ปานตะวัน
   
         “ขอโทษด้วยนะ”
   
        “ไม่เป็นไรหรอกครับ ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไรขนาดนั้น”
   
        ปานตะวันคลี่ยิ้มให้พี่มิ้นต์ก่อนจะบอกฝันดีเมื่ออีกฝ่ายขอตัวไปนอน เขารอราเมศอยู่ที่ห้องนั่งเล่น เมื่ออีกฝ่ายล้างแก้วเสร็จก็ขึ้นห้องนอนพร้อมกัน
   
        “ตะวันโอเคนะ”
   
        ราเมศแตะแก้มคนรัก ทำไมเขาจะไม่เห็นสีหน้าของอีกคนตอนที่ถูกถามเรื่องแฟนเก่า แม้จะแค่เสี้ยววินาทีแต่สีหน้าที่ปานตะวันเผยออกมาคือความเกลียดชังระคนเศร้าสร้อย
   
       “โอเคครับ” แมวแสบหันมากอดเขา ปากบอกว่าโอเคแต่ท่าทางมันไม่ใช่เลย มือของปานตะวันเย็นเฉียบไปหมด
   
        “อาบน้ำก่อนไหม”
   
        “พี่เมศอาบก่อนเถอะครับ”
   
        ชายหนุ่มผิวแทนตกลง ระหว่างที่ราเมศหายเข้าไปอาบน้ำปานตะวันก็ทิ้งตัวลงนอนบนเตียง รู้สึกผิดนิดหน่อยที่บรรยากาศสนุกสนานถูกทำลายลงเพราะเขา
   
        เมื่อไหร่กันนะที่เขาจะเลิกหวั่นไหวเพราะคนคนนั้น
   
        เมื่อไหร่ที่ความรู้สึกเกลียดจนอยากจะฆ่าให้ตายจะหายไปเสียที
   
        เมื่อไหร่ถึงจะหลุดพ้นจากนรกในความทรงจำพวกนั้นได้สักทีนะ

(มีต่อค่ะ)

ออฟไลน์ snowrabbit

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 264
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +219/-6
        ลมหายใจถูกพ่นออกมาอย่างหนักหน่วงคล้ายกับว่าคนบนเตียงพยายามขับความไม่สบายใจออกไปพร้อมกับมัน ตอนนั้นเองที่โทรศัพท์มือถือที่ปานตะวันวางทิ้งไว้ที่หัวเตียงสั่น พอหยิบมาดูก็พบว่าคนโทรเข้ามาเป็นชนกันต์
   
        “ฮัลโหล ว่าไงมึง”
   
        [ไง ทำไมเสียงเป็นแบบนั้นวะ ทะเลาะกับแฟนหรือไง]
   
        ปานตะวันกดหัวคิ้ว “เปล่า แค่เหนื่อยน่ะ ว่าแต่มึงมีอะไร”
   
        [อ๋อ เจ้าของหอเก่ามึงเขาโทรมาบอกว่ามีคนเอาของมาฝากไว้ให้ ให้กูเข้าไปเอาให้ไหม]
   
        “ไม่เป็นไร เดี๋ยวกูไปเอง พรุ่งนี้ก็กลับแล้ว”
   
        [โอเคๆ เดี๋ยวกูไปเป็นเพื่อนแล้วกัน]
   
        “ตามใจ แค่นี้ก่อนนะ กูง่วง”
   
        [บาย]
   
       ปานตะวันกดตัดสายด้วยหัวใจหนักอึ้ง
   
       ...คืนนั้นเขานอนหลับไม่สนิททั้งคืน...
   
        เมื่อถึงวันเดินทางกลับครอบครัวพี่เมศก็ตามมาส่งที่สนามบินพร้อมของฝาก คุณราตรีกอดหนูเจียกับปานตะวันแน่นแล้วบอกว่าให้มาหาบ่อยๆ กลับไปถึงแล้วก็ส่งรูปถ่ายมาให้ดูเยอะๆ ด้วย  พี่มิ้นต์ลากเขาเข้ากลุ่มไลน์ครอบครัวเรียบร้อย
   
        หนูเจียตัวน้อยกอดคอคุณปู่ หอมแก้มคุณย่าและคุณป้าฟอดใหญ่
   
        หลังล่ำลากันจนพอใจก็ได้เวลาออกเดินทาง ปานตะวันแลดูใจลอยมากกว่าปกติ อาจจะเป็นเพราะเหนื่อย เมื่อถึงบ้านเรือนไทยเขาเลยปล่อยให้คนรักนอนหลับพักผ่อน แต่ปานตะวันบอกว่าจะขอออกไปเอาของที่หอเก่ากับชนกันต์แทน
   
        “มึงไหวไหม ดูเพลียๆ นะ”
   
        หลังเพื่อนรักโทรมาบอกว่าถึงบ้านแล้วให้ออกมารับได้เลยชนกันต์ก็รีบขับรถออกมา ชายหนุ่มทำหน้าดีใจตอนที่ปานตะวันส่งถุงสตรอเบอร์รี่ให้ แต่ถึงจะดี๊ด๊ามากแค่ไหนชนกันต์ก็ยังสังเกตถึงรอยคล้ำใต้ตาของเพื่อนรักได้
   
        “กูนอนไม่พอน่ะ”
   
        “บอกแฟนมึงให้เพลาๆ ลงหน่อยสิ”
   
       “เชี่ย ไม่ใช่เรื่องนั้น”
   
       ปานตะวันแทบจะคว้าถุงของฝากมาปาใส่หัวเพื่อน ไอ้กันต์หัวเราะลั่นรถ ยอมรับว่าเสียงหัวเราะของมันทำให้เขารู้สึกดีขึ้น
   
       “แต่กูไม่ได้ล้อเล่นนะที่บอกให้เพลาๆ ลงน่ะ”
   
        “หา?”
   
        เพื่อนรักเหลือบมามองด้วยสายตารู้ทันก่อนจะใช้มือข้างหนึ่งชี้ที่ลำคอตัวเอง “รอยที่คอมึง”
   
        “เฮ้ย”
   
        ชนกันต์พ่นลมหายใจออกมา “เอาเรื่องเหมือนกันนะ เห็นเงียบๆ แบบนี้”
   
        “ขับรถไปเงียบๆ เลย!”
   
        วันนี้รถค่อนข้างติดพวกเขาเลยใช้เวลาเกือบสองชั่วโมงกว่าจะมาถึงหอพักเก่าของปานตะวัน ชนกันต์ดับเครื่องยนต์หลังหาที่จอดได้ ทั้งคู่ลงจากรถแล้วตรงไปที่สำนักงานของผู้ดูแลหอพัก
   
        “สวัสดีครับคุณป้า” ปานตะวันยกมือไหว้คุณป้าผู้ดูแลหอพัก “ผมปานตะวันครับ เมื่อวันก่อนคุณป้าโทรหาเพื่อนผมแล้วบอกว่ามีคนฝากของให้ผม”
   
        “อ๋อ เธอนี่เอง” คุณป้าที่มีสีหน้างุนงงในตอนแรกนึกออกทันทีจากนั้นก็หันไปรื้อค้นกองเอกสารข้างๆ ตัว “เอ..เดี๋ยวนะ มันเป็นซองสีน้ำตาล ป้าเอาไว้แถวนี้นี่นา อ๊ะ นี่ไง เจอแล้ว”
   
        หญิงร่างอวบดึงเอาซองเอกสารสีน้ำตาลซองเล็กออกมาส่งให้ปานตะวัน ชายหนุ่มรับไปดูด้วยความงุนงง บนหน้าซองไม่ปรากฏชื่อผู้ส่งหรือข้อความใดๆ ทั้งนั้นแล้วเขาก็นึกไม่ออกด้วยว่าใครมีความจำเป็นจะต้องส่งเอกสารถึงเขา หรือถ้ามีแล้วทำไมต้องเอามาฝากไว้ที่หอพักเก่าแห่งนี้
   
        “คุณป้ารู้ไหมครับว่าใครเอามาส่งให้”
   
        “เป็นผู้ชายนะ” คนเล่าทำท่านึก “ตัวสูง ขาว ตาตี่ หน้าตาดีเชียวล่ะแต่ดูซีดเซียว อมโรค หนวดเคราก็ไม่โกน เขามาถามหาคนชื่อปานตะวันป้าเลยบอกว่าย้ายออกไปแล้ว เขาก็ถามว่าย้ายไปที่ไหนป้าก็ตอบว่าไม่รู้ เขาเลยฝากซองนี้ไว้ให้แล้วก็กลับไป”
   
       “งั้นเหรอครับ ขอบคุณมากนะครับ” ปานตะวันทำท่าจะเปิดซองออกดูตรงนั้นแต่แล้วก็เปลี่ยนใจ เขาเงยหน้าขึ้นยิ้มให้คุณป้าผู้ดูแลหอพักแล้วก็เอ่ยลา
   
      “มึงว่าแปลกๆ ไหม”
   
       ตอนที่เดินออกมานอกสำนักงานชนกันต์ก็เอ่ยถามในขณะที่ตายังจับจ้องซองในมือปานตะวันไม่วางตา
   
       บอกตรงๆ ว่าเขารู้สึกไม่ดีเลย
   
       สิ่งที่ชนกันต์ยังไม่ได้บอกปานตะวันมีอยู่หนึ่งอย่าง คือเมื่อไม่กี่วันมานี้มีเบอร์แปลกๆ เบอร์หนึ่งโทรเข้ามาหาเขา แล้วก็ขอสายตะวัน ตอนแรกชนกันต์ยังจำเสียงไม่ได้แต่หลังจากเผลอกดรับสายไปเป็นครั้งที่สองเขาก็นึกออก...
   
       ปานตะวันอาจคาดไม่ถึงแต่เขาพอจะเดาได้ว่าใครเป็นคนฝากซองสีน้ำตาลซองนี้มา...มีอยู่คนเดียวที่ไม่รู้ว่าปานตะวันย้ายที่อยู่ไปแล้ว
   
       ผู้ชายที่มีลักษณะตรงกับที่คุณป้าเมื่อครู่อธิบายให้ฟัง
   
       คนคนนั้น...
   
       “ไอ้ธีร์”
   
        ชื่อที่หลุดออกมาจากปากเพื่อนสนิททำให้กันต์หยุดฝีเท้า เขาจ้องปานตะวันอย่างแปลกใจ ตลอดเวลาที่ผ่านมาปานตะวันเลี่ยงที่จะพูดชื่อนี้มาตลอด
   
        “มึง...”
   
        แต่ยังไม่ทันได้พูดอะไรมือของคนข้างกายก็คว้าหมับที่แขนเขาแล้วลากให้หลบเข้าไปที่มุมตึกอย่างรวดเร็ว
   
        “เฮ้ยตะวัน เกิดอะไรขึ้นวะ”
   
        “ชู่ว์”
   
       ชนกันต์ขมวดคิ้ว ความรู้สึกไม่ดีแผ่ขยายในอกเมื่อปานตะวันตัวเกร็ง มือไม้เย็นเฉียบแถมยังหายใจถี่รัว “มึงโอเคนะ” เขากระซิบถามเพื่อนสนิท นิ่วหน้าเมื่อปลายเล็บจิกลงที่ต้นแขน
   
       ปานตะวันชะโงกหน้าออกไปก่อนจะหลบวูบกลับเข้ามา...แล้วก็รูดตัวลงนั่งกองกับพื้น สองมือขยุ้มเสื้อตรงหน้าอกแน่น ชนกันต์ขมวดคิ้ว เขาดันตัวเพื่อนไปข้างหลังแล้วโผล่หน้าออกไปดูบ้าง
   
       ทันใดนั้นชนกันต์ก็เข้าใจว่าทำไมเพื่อนของเขาถึงได้มีท่าทีเหมือนกลัวอะไรสักอย่างแบบนี้
   
       ที่ทางเข้าของหอพักปรากฏร่างสูงในชุดเสื้อยืดสีดำกับกางเกงยีนเก่าปอนยืนอยู่ ผมทรงสกินเฮดกับดวงหน้าขาวตี๋ที่ครั้งหนึ่งเลยหล่อเหลาบัดนี้มันซูบเซียวราวกับคนเป็นโรค ชนกันต์จำได้ทันทีว่าอีกฝ่ายคือใคร
   
       “ไอ้ธีร์”
   
        แฟนเก่า...ของปานตะวัน
   
         นัยน์ตาสีน้ำตาลเบิกกว้างเมื่อได้ยินชื่อนั้น ปานตะวันกดมือลงที่หน้าอก หัวใจเต้นถี่ด้วยความรู้สึกหลากหลาย ชายหนุ่มอ้าปากหอบหายใจ รู้สึกหายใจไม่ทัน...อากาศรอบข้างก็ดูจะเบาบางลง
   
        ชนกันต์หรี่ตาลง “มันมาทำอะไรที่นี่...หรือว่า...!” ถ้าการคาดเดาของเขาถูกล่ะ ถ้าธีร์ส่งซองนั่นมาให้ปานตะวันจริงๆ แล้ววันนี้มันก็มาหาป้าผู้ดูแลเพื่อถามว่าปานตะวันมาเอาของไปหรือยัง...มันตั้งใจจะมาดักรอ!
   
        ธีร์ยืดกดโทรศัพท์อยู่ครู่หนึ่งก่อนจะเดินหายเข้าไปในสำนักงาน ชนกันต์ที่ชักใจไม่ดีรีบฉุดปานตะวันให้ลุกขึ้น “มึง! วิ่งเร็ว! รีบไปก่อนที่มันจะรู้ว่ามึงอยู่ที่นี่”
   
       ปานตะวันที่หน้าซีดราวกับจะล้มพับได้ทุกเมื่อถูกเพื่อนตัวโตฉุดกระชากไปที่รถ พอเข้าไปนั่งได้ชนกันต์ก็กระชากรถออกทันที อีกฝ่ายเหยียบคันเร่งจนแทบมิดจนกระทั่งมาไกลจากหอพักมากแล้วชายหนุ่มจึงอาศัยจังหวะที่รถติดไฟแดงหันมาดูเพื่อนสนิท
   
       “ตะวัน!”
   
        ปานตะวันมีสีหน้าซีดเผือด หอบหายใจถี่ทั้งที่น้ำตาไหลพรากอาบแก้ม มือจีบเท้าเหยียดเกร็งไปหมด
   
        “เชี่ยเอ๊ย!”
   
       ชนกันต์ปาดรถเข้าข้างทางทำเอาแม่ค้าที่ตั้งแผงลอยอยู่แถวนั้นถึงกับกรีดร้อง ชายหนุ่มรีบลงจากรถไปขอถุงกระดาษมาจากแม่ค้าขายกล้วยแขกแถวนั้นเพื่อเอามาครอบปากและจมูกเพื่อนสนิท
   
       อาการของปานตะวันคือ Hyperventilation หรือโรคหอบจากอารมณ์ สาเหตุที่เกิดมักเกี่ยวกับความวิตกกังวลหรือความกดดันทางจิตใจ
   
       “ตะวัน ใจเย็นๆ นะ ค่อยๆ หายใจ ตะวัน”
   
       ชนกันต์เสียงสั่นพร่า เขาเปิดประตูรถทิ้งไว้ทำให้คนบริเวณนั้นเห็นเหตุการณ์เกือบหมด หลายคนเข้ามามุงดู ใครสักคนตะโกนบอกว่าจะโทรเรียกรถพยาบาลแต่โชคดีที่ยังไม่ต้องถึงขั้นนั้นเพราะอาการปานตะวันค่อยๆ ปรับลมหายใจได้จนอาการสงบลง
   
        “ฮึก...กันต์...กันต์”
   
        เพื่อนของเขาสะอื้น ท่าทางหวาดกลัวราวกับเด็กน้อยไร้ที่พึ่ง
   
        “ช่วยด้วย...ฮึก...กันต์”
   
       “โอเค กูอยู่นี่ ใจเย็นๆ นะ กูจะพามึงกลับบ้าน”
   
        ชนกันต์จับมือเย็นเฉียบของปานตะวันไว้ เขารีบกลับขึ้นไปนั่งประจำที่แล้วก็พาปานตะวันกลับบ้านให้เร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้
   
        ตอนที่มาถึงบ้านเรือนไทยน้ำตาของเขาก็แห้งเหือดไปหมดแล้ว แต่ความรู้สึกที่ตกค้างอยู่กลับไม่จางหายไปไหน
   
        ปานตะวันรู้เพียงว่าเมื่อมองเห็นธีร์ ความรู้สึกในใจพลันทะลักทลาย ปั่นป่วนราวพายุโหม แผดเผาใจเขาราวเปลวเพลิงแล้วก็จากไป
   
        ทิ้งไว้แต่แอ่งน้ำตาเจิงนองและคราบเขม่าสีดำที่กลางใจ   
   
        “มึงโอเคไหม ให้กูอยู่ด้วยหรือเปล่า”
   
        “ไม่เป็นไร”
   
        น้ำเสียงแหบแห้งของปานตะวันทำให้ชนกันต์ใจหาย เขาเคยได้ยินเสียงแบบนี้มาก่อน...มันเป็นน้ำเสียงแหบพร่าไร้วิญญาณของปานตะวันคนเก่า...คนที่ถูกทิ้งเอาไว้ในห้องเช่าสกปรก ปานตะวันคนก่อนที่เหลวแหลกแทบไม่เป็นผู้เป็นคน
   
        ชนกันต์ไม่อยากให้เพื่อนมีสภาพแบบนั้นอีกแล้ว
   
        “กูอยู่ตรงนี้ พี่เมศของมึงก็อยู่ตรงนี้ หนูเจียด้วย เราทุกคนอยู่ข้างมึงนะ”
   
        นัยน์ตาว่างเปล่าค่อยๆ คืนประกายแห่งชีวิตกลับมาทีละน้อย ปานตะวันทำสีหน้าราวกับเพิ่งตื่นจากฝันร้าย ชายหนุ่มโน้มตัวไปกอดเพื่อนสนิทเอาไว้แน่นแล้วกระซิบเบาๆ “ขอบคุณนะ ขอบคุณที่อยู่ข้างกู”
   
        ปานตะวันก้าวลงจากรถ ยืนส่งจนรถเพื่อนหายลับสายตาไป ก่อนไปกันต์ก็ย้ำแล้วย้ำอีกว่าถ้ามีปัญหาให้โทรหามัน ไม่ว่าจะดึกดื่นแค่ไหนก็ต้องโทรแล้วมันจะรีบมา
   
        คล้อยหลังเพื่อนสนิทปานตะวันก็กลับเข้าไปในบ้าน แต่เขาไม่ได้เดินขึ้นเรือนในทันที ชายหนุ่มเดินลึกเข้าไปในสวน ตรงไปจนสุดขอบกำแพงสีขาวอันเป็นสัญลักษณ์บ่งบอกว่าอาณาเขตบ้านสวนสิ้นสุดลงตรงนี้
   
        ใกล้กับกำแพงมีเพิงเก็บของอยู่ ใช้สำหรับเก็บอุปกรณ์ต่างๆ เช่นถัง จอบ เสียม ไม้กวาดทางมะพร้าว ปานตะวันตรงเข้าไปเปิดประตูแล้วก็ยกเอาเตาถ่านออกมา ปานตะวันเจอไม้ขีดไฟอยู่ในเพิงเก็บของด้วย ชายหนุ่มหยิบซองสีน้ำตาลขนาดเล็กออกมาก่อนจะแกะดู ปลายนิ้วสั่นเทาเล็กน้อย ด้านในเป็นกระดาษเขียนที่อยู่กับเบอร์โทรศัพท์ คงจะเป็นที่อยู่กับเบอร์ปัจจุบันของธีร์ ปานตะวันถอนหายใจแล้วสอดกระดาษเก็บเข้าซอง
   
       ส่งมาทำไม ต้องการอะไร
   
       ทุกอย่างระหว่างเรามันไม่เหลืออะไรแล้ว
   
      ปานตะวันจุดไม้ขีดแล้วจ่อเข้าที่มุมซองเอกสารด้านหนึ่ง ชายหนุ่มทิ้งกระดาษแผ่นนั้นลงในเตา ยืนมองเปลวไฟสีส้มลามเลียจดหมายฉบับนั้นด้วยสีหน้าเรียบเฉยจนกระทั่งทุกอย่างมอดไหม้
   
        จบลงแล้ว
   
       เหมือนความรักของพวกเรานั่นแหละ
   
       เหลือเพียงเถ้าถ่านสีดำ

************************************************************

สวัสดีค่า ช่วงนี้อัพบ่อยคล้ายจะขยัน 555555
ตอนนี้เปิดตัวละครมาอีกหนึ่งตัว "ธีร์" แฟนเก่าของปานตะวัน คนที่ดูจะรวมปมหลายๆ อย่างของปานตะวันเอาไว้
เขาจะมาดี มาร้าย หรือยังไง มาติดตามกันได้ในตอนต่อไปนะคะ วันนี้มาทิ้งระเบิดไว้แล้วก็ไป 555555
ขอบคุณทุกท่านที่เข้ามาอ่านนะคะ ติดตามข่าวสารนิยายหรือพูดคุยกับเราได้ที่เพจ AzureDream เช่นเคย
วันนี้ลาไปก่อนพบกันใหม่ตอนหน้าค่ะ ฮาาาา  :man1:



ออฟไลน์ Billie

  • "Let come what comes, let go what goes and see what remains. That is what is real"
  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3327
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +78/-6

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ titansyui

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2385
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +119/-0

ออฟไลน์ Pisoi

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 241
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0
กลับมาทำไมเนี๊ยะ!!!!
แต่ชมกันต์นะ ช่วยตะวันจากไฮเปอร์ได้  :katai2-1:

ออฟไลน์ warin

  • รถไฟขบวนนั้น ได้แล่นผ่านไปแล้ว
  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1937
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +60/-1
    • -
ปานตะวันสู้ๆๆๆ  ต้องผ่านไปให้ได้  เอาใจช่วยจ้า

ออฟไลน์ iceman555

  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8196
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +149/-11

ออฟไลน์ FeaRes

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 738
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +6/-2
ตะวันไม่เป็นไรน้าาาา มีทุกคนอยู่ข้างๆ ไม่เป็นไรนะ! ///กอดๆ

แล้วคนนั้นอะกลับมาทำไมม ดูไม่น่าไว้ใจเลย... รึเปล่า...

ออฟไลน์ darling

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1741
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +96/-7
น้องตะวัน สู้ สู้  :L2:

ออฟไลน์ cchompoo

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1402
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +29/-4

ออฟไลน์ lizzii

  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 6283
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +271/-2
ดูเหมือนจะทำอะไรตะวันไว้เยอะแน่ๆ

ออฟไลน์ ommanymontra

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3420
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +96/-0

ออฟไลน์ labelle

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2664
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +81/-0
กำลังหวาน กำลังน่ารัก มาเจอช็อตเด็ดไป
ปานตะวันฝังใจมาก จนอาการหนัก แถมยังไปเห็นอีก เป็นโชคดีที่ตะวันหลบทัน และกันต์ช่วยออกมาทัน
กันต์ช่วยตะวันได้เยอะเลย เป็นเพื่อนที่ดีมากจริงๆ

ตอนรู้ว่ามีคนฝากมา คิดไปถึงคนนั้นแล้วนะคะ แต่ดีที่แค่ที่อยู่เบอร์โทร ใจนี่คิดไปถึงเรื่องรูป หรือคลิปโน่น
อย่าให้ต้องไปเจออีกเลยน้า ปานตะวันกำลังมีความสุข พ้นจากตรงนั้นมานานแล้ว

พี่เมศ หนูเจีย มาดูแลด่วนค่ะ

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด