บันทึกรัก...ไร่แสงจันทร์ 20++ Yaoi (คู่กัด) EP.12_ P.5 จบแล้ว 15/03/2017
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: บันทึกรัก...ไร่แสงจันทร์ 20++ Yaoi (คู่กัด) EP.12_ P.5 จบแล้ว 15/03/2017  (อ่าน 37879 ครั้ง)

ออฟไลน์ ♥►MAGNOLIA◄♥

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7538
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +193/-11
จะยังไงกันนะ
พี่สิบทิศ มีพี เป็นคนรัก
แต่จะไม่ให้ไผ่มีเหมเป็นคนรัก
ตามต่อ  :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:
       :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:

ออฟไลน์ aom2529

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 886
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +36/-0
อ่านทันแย้วววว..ร้องไห้อย่างหนักหน่วง... :m15:

ออฟไลน์ TanYung0209

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 288
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +70/-2
บันทึกรัก…ไร่แสงจันทร์

Writer : Tan-Yung0209

File : ซ่อนรัก 11

















“นานแค่ไหนแล้ว?....ตอบมาสิว่านานแค่ไหนแล้ว!!!!!” สิบทิศตะคอกใส่เหมและไผ่ที่นั่งอยู่ตรงหน้าเขา ไผ่สะดุ้งเฮือก น้ำตาเม็ดใสก็ไหลออกมาด้วยความกลัว



หลังจากที่ไผ่ได้เปิดเผยถึงความสัมพันธ์ระหว่างตัวเองและเหม สิบทิศก็ตั้งท่าไม่ยอมรับและแสดงความโมโหออกมาทางแววตาแต่ไม่ทันที่จะได้พูดคุย ก็เกิดเหตุการณ์เลวร้ายกับพีซึ่งเกี่ยวข้องกับการตายของนักรบพ่อของสิบทิศและไผ่ ถึงกระนั้นทุกอย่างก็ผ่านพ้นไปด้วยดีคนร้ายก็ถูกจับไปดำเนินคดีตามระเบียบ พอเคลียร์เรื่องคดีของนักรบเป็นที่เรียบร้อยแล้ว สิบทิศก็เรียกเหมและไป่มาคุยเป็นการส่วนตัวในห้องทำงาน



“สิบทิศ นายจะขึ้นเสียงทำไม? ไม่เห็นเหรอว่าน้องไผ่กลัว” เหมกอดคนรักไว้แน่น…แน่นพอที่จะสัมผัสได้ว่าร่างกายเล็กนั้นสั่นสะท้านเพียงใด



“จะไม่ให้ฉันขึ้นเสียงเหรอ? ดูสิ่งที่นายทำสิ ฉันให้นายดูแลน้องไผ่แต่นายกลับดูแลน้องไผ่เกินหมอกับคนไข้!!!”



“ฉันรู้ว่านายหวงน้องไผ่แต่ทำยังไงได้ฉันรักน้องไผ่” เหมพูดออกมาตรงๆ



“น้องไผ่ มันบังคับน้องใช่ไหม?” สิบทิศหันไปถามน้องชาย เขาไม่คิดว่าน้องชายจะรักเหม



“น้องไผ่รักพี่เหมฮะ” ไผ่บอกกับสิบทิศ



“ไม่…เป็นไปไม่ได้…บอกความจริงพี่มาว่าเหมบังคับขืนใจน้องไผ่ใช่ไหม?” สิบทิศพูดไปตามที่ตนคิดซึ่งมันสะกิดใจไผ่ให้ชะงักจนสิบทิศรับรู้ได้



“เออ ฉันยอมรับว่าฉันขืนใจน้องไผ่แต่เราสองคนรักกัน” เหมพูดสวนกลับไป แขนแกร่งก็โอบกอดไผ่แน่นยิ่งกว่าเก่า



“เอามือมึงออกจากน้องฉันเดี๋ยวนี้!!!” สิบทิศตวาด อสการหวงน้องชายกำเริบ



“ทำไมฉันต้องเอามือออกจากเมียฉันด้วย” เหมถามสิบทิศกลับเสียงเรียบ



“ไอ้เหม แกกล้าพูดนะว่าน้องชายฉันเป็นเมียแก”



“ก็มันเป็นความจริง”



“ไอ้เหม…น้องไผ่มากับพี่” สิบทิศกัดฟันกรอดก่อนขะลุกขึ้นมากระชากไผ่แล้วอุ้มพาดบ่า



“พี่สิบทิศ..ปล่อย..ปะ…ปล่อย” ไผ่ทุบตีหลังของสิบทิศ



“สิบทิศปล่อบน้องไผ่เดี๋ยวนี้!!!” เหมที่พยายามทำใจให้เย็นก็ต้องร้อนรนขึ้นมาเมื่อถูกสิบทิศพาคนรักไป สิบทิศเองก็ไม่คิดที่จะทำตามคำขอของเพื่อนและน้องชาย เขาก้าวออกจากห้องทำงานมุ่งไปยังห้องนอนของไผ่โดยมีเหมคอยเดินตามอยู่ด้านหลัง



“ออกไปไอ้เหม ถ้าคิดยังจะคุยกับฉันแกกลับไปที่ห้องทำงาน”



“ไม่ฉันไม่กลับ!!!” เหมเป็นห่วงไผ่ทำให้เขาคิดที่จะปฏิเสธ



“เกิดอะไรขึ้นครับ?” พีที่ได้ยินเสียงโวยวายจากชั้นล่างก็รีบวิ่งขึ้นมา พอมาถึงก็พบภาพที่สิบทิศอุ้มไผ่ทั้งน้ำตาและมีปากเสียงกับเหม



“พีพาเหมไปที่ห้องทำงานหน่อย” สิบทิศเอ่ย



“พี่เหมไปที่ห้องทำงานก่อนนะครับ” พีที่คิดจะช่วยไกล่เกลี่ยพอเห็นสีหน้าและน้ำเสียงของสิบทิศก็รู้ว่า น้ำเชี่ยวไม่ควรเอาเรือไปขวาง



“แต่….”



“เชื่อพีเถอะนะครับ” พีพูดย้ำพร้อมส่งสายตาขอร้องให้เหมผ่อนปรนตาม เหมถอนหายใจเฮือกใหญ่ สายตาก็มองไผ่ที่น้ำตานองหน้า



‘ปัง!!!’ เสียงประตูห้องนอนดังสนั่นบ่งบอกอารมณ์ของสิบทิศได้ดี เหมที่จะกลับห้องทำงานก็แทบจะเดินกลับไปแต่พีก็รั้งเอาไว้



“พี่เหมกลับเข้าห้องเถอะครับ ไปตอนนี้ก็ยิ่งทำให้พี่สิบทิศโกรธ” พี่เอ่ย เหมจึงจำใจเข้าไปนั่งรอในห้องทำงาน โชคดีที่พีได้เตือนสติเขาไว้ สิบทิศนั้นเป็นคนใจดีแต่เด็ดขาด หากได้โมโหหรือโกรธใครขึ้นมาก็เหมือนมีพายุเข้ามาถล่มอย่างไงอย่างนั้น



ทางด้านสิบทิศกับไผ่ ร่างสูงก็วางคนร่ำไห้นั่งบนเตียงกว้าง ไผ่ร้องไห้อย่างหนักใบหน้าก็ก้มต่ำไม่ยอมมองหน้าคนที่ยืนอยู่ตรงหน้า



“น้องไผ่…บอกพี่มาว่าไปรักกับไอ้เหมตั้งแต่เมื่อไหร่ บอกมา!!!”



“ฮึก…ก….พี่สิบทิศ….ฮือ…อ…..” ไผ่ไม่ตอบแต่กลับร้องไห้หนักกว่าเก่าด้วยความที่ตกใจจากการถูกสิบทิศขึ้นเสียงใส่และดูเหมือนว่าสิบทิศจะพอรู้ว่าตัวเองเสียงดังกับน้อง ชายหนุ่มจึงยืนนิ่งอยู่สักพักก่อนจะลูบหน้าไล่อารมณ์ร้อนในใจให้ออกไป



“น้องไผ่ บอกพี่มาสิครับว่าไปรักเหมตั้งแต่เมื่อไหร่?” สิบทิศย่อเข่านั่งลง มือหนาก็สัมผัสกับมือสวยที่มีน้ำตาหยดใส่จนเปียกชุ่มหลังมือ



“ฮึก…น้องไผ่ชอบพี่เหมมานานแล้ว…แต่มารู้ตัวว่ารักก็ตอนเจอพี่เหมอีกครั้งฮะ..ฮือ..อ…” ไผ่พอเห็นว่าสิบทิศใจเย็นก็ตอบคำถาม สิบทิศฟังนิ่งในสมองก็คิดว่าตนเป็นคนชัดชวนเหมเข้ามาในไร่จนทั้งสองได้เจอกัน



“รักเหมมากไหม?”



“รักมากฮะ” ไผ่ตอบอย่างไม่ลังเล



“เรื่องที่มันขืนใจล่ะ?....ไม่จริงใช่ไหม?” สิบทิศข่มใจถามน้องชายที่เขาเฝ้าทะนุถนอมมาตั้งแต่ไผ่ยังเล็ก น้องชายตัวเล็กๆของเขานั้นจะต้องไม่แปดเปื้อน



“จะ…จริงฮะ” ไผ่ตอบเสียงแผ่วแต่ก็คมพอที่จะเป็นมีดกรีดใจให้สิบทิศเจ็บปวดได้



“แต่ตอนนี้ทั้งพี่เหมและน้องไผ่ก็รักกันเข้าใจกันดีฮะ…พี่สิบทิศอย่าโกรธพี่เหมกับน้องไผ่นะฮะ” ไผ่ขอร้อง น้ำตาก็ไหลรินอาบแก้มหวังว่าพี่ชายจะใจอ่อน



“พี่ไม่หายโกรธ น้องไผ่รออยู่ที่นี่ พี่จะกักบริเวณน้องไผ่ ส่วนไอ้เหมพี่จะไปจัดการให้มันไม่มาวุ่นวายที่นี่อีก” สิบทิศบอกไผ่เสียงแข็ง สีหน้าท่าทางที่ดูจริงจังเล่นเอาไผ่ใจหาย



“พี่สิบทิศอย่านะครับ น้องไผ่ไม่เอาแบบนี้ น้องไผ่ขอร้องล่ะพี่สิบทิศ…ฮือ…น้องไผ่ขอร้องนะฮะ” ไผ่คว้าหมับจับแขนที่ลุกขึ้นยืน



“น้องไผ่หยุดขอร้องเสียเถอะ พี่ไม่มีทางที่จะใจอ่อนเป็นอันขาด” สิบทิศปัดมือเล็กที่จับแขนตัวเองออกแล้วมุ่งหน้าไปยังห้องทำงานโดยไม่สนใจเสียงร้องขอปนสะอื้นที่ไล่ตามหลังของไผ่



‘ผัวะ’



ทันทีที่สิบทิศเข้ามาในห้องทำงาน เขาก็ประเคนหมัดเข้าไปที่ใบหน้าของเหมจนคนโดนต่อยล้มหงาย สิบทิศไม่ปล่อยโอกาสให้เหมได้ลุกขึ้นมา เขากระหน่ำชกเหมไม่ยั้งและตัวเหมเองก็ไม่คิดที่จะตอบโต้ใดๆ มันทำให้สิบทิศยิ่งโมโห



“พี่สิบทิศหยุดครับ อย่าชกพี่เหม!!” พีซึ่งอยู่ในเหตุการณ์ก็รีบรวมสติแล้วรีบล็อคตัวสิบทิศเอาไว้



“พีปล่อยพี่!!!” สิบทิศขืนตัว พีนั้นมีแรงน้อยกว่าจึงไม่สามารถจับตัวสิบทิศไว้ได้



“ไอ้เพื่อนชั่ว มึงทำกับน้องกูแบบนี้ได้ยังไง?” สิบทิศที่มักจะพูดดีตลอดแม้ยามโกรธแต่ครั้งนี้เขาเหลืออดแล้วจริงๆที่รู้ว่าเหมทำร้ายน้องชายตัวน้อย



“เออ กูทำเพราะกูรักน้องมึง กูรักมานานแล้วแล้วมันก็เป็นอดีตไปแล้ว กูกับน้องมึงตอนนี้เรารักกันมาก มึงเข้าใจไหม?” เหมที่เงียบไปนานก็เป็นฝ่ายพูดขึ้นมาบ้าง



“มึงกล้าบอกว่ารักน้องกูมานานแล้ว แล้วพลอยล่ะ? มึงคบแก้เหงาสินะ ไม่แน่มึงคงจะคบน้องกูแก้เหงาเหมือนกัน!!!”  สิบทิศตะคอกใส่หน้าเหมตามด้วยกำปั้นที่ชกเข้าที่ท้องแกร่งของอีกฝ่ายอย่างหนักหน่วง



“พี่สิบทิศ…ฮือ.อ…หยุด”



ไผ่ที่ได้ยินเสียงพี่ชายของตนและเหมทะเลาะกันก็พยายามเดินไต่ผนังออกจากห้องด้วยความยากลำบากจนตอนนี้ก็หยุดอยู่ที่ประตูห้อง มือเรียวทั้งสองก็จับกรอบประตูประคองตัวเองเอาไว้



“น้องไผ่” พีรีบเข้าไปประคองไผ่



“พี่พีไม่ต้องน้องไผ่เดินเองได้ฮะ” ไผ่ปฏิเสธ เพราะตัวเองอยากให้สิบทิศเห็นว่าเขาเข้มแข็งและกำลังจะหายดี เขาไม่ใช่คนอ่อนแอที่ทำอะไรไม่ได้…ไผ่ไม่อยากให้สิบทิศเป็นห่วงและหวงมากเกินไป



“พี่สิบทิศหยุดชกพี่เหมนะฮะ” ไผ่เดินหาสิบทิศอย่างทุลักทุเล พอถึงตัวร่างสูงไผ่ก็เข้าสวมกอดจากด้านหลัง สิบทิศยืนนิ่ง เหมเองก็ลุกขึ้นมาแล้วใช้มือเช็ดเลือดที่มุมปาก



“ถ้าอยากให้พี่หยุด มันก็จะต้องออกไปจากไร่นี้” สิบทิศเอ่ย ประโยคนี้สร้างความตกใจให้คนฟังเป็นอย่างดี



“พะ…พี่สิบทิศล้อเล่นใช่ไหมฮะ…ฮือ..ฮือ…พี่สิบทิศล้อเล่นกับน้องไผ่ใช่ไหมฮะ?” ไผ่ถามย้ำทั้งน้ำตา



“พี่พูดจริง” สิบทิศยืนยันในคำตอบ



“พี่สิบทิศ พีว่าพี่สิบทิศใจ…”



“พีไม่ต้องพูดอะไรทั้งนั้น” พีที่พยายามเข้าไกล่เกลี่ยก็ถูกสิบทิศพูดขัดขึ้นมา ตอนนี้พีสงสารไผ่และเหมจับใจที่ถูกสิบทิศขัดขวางในความรัก



“สิบทิศกูยอมให้มึงต่อยกู กูจะไม่ออกจากไร่ กูจะอยู่กับน้องมึง” เหมเอ่ย เรื่องอะไรที่ตนจะต้องออกจากไร่เพียงเพราะเพื่อนรักของตัวเองซึ่งเป็นพี่ชายคนรักไม่เห็นด้วย กว่าเขาจะได้เจอไผ่ กว่าจะได้บอกรัก กว่าจะได้อยู่ด้วยกัน เหมต้องต่อสู้กับอุปสรรคในเวลาจนถึงตอนนี้เขาจะไม่ยอมจากลาไผ่อีกต่อไป



“กูไม่ให้มึงเข้าใกล้ไผ่อีกต่อไป มึงไสหัวไปจากบ้านกูเลย ส่วนไผ่พี่จะขังเราเอาไว้ในห้องไม่ให้ออกไปไหน!!!” ไผ่ล้มทั้งยืนเมื่อได้ยินคำพูดของสิบทิศจนเหมเข้าไปประคองกอดเอาไว้



“มึงทำแบบนี้ได้ยังไง มึงเองก็เคยถูกคุณชัชวินทดสอบ มึงน่าจะเข้าใจถึงความทรมานกับการถูกขัดขวางจากความรัก แล้วทำไมมึงถึงมาขัดขวางพวกเราสองคน มึงตอบมาสิ สิบทิศว่าทำไม?” เหมถามพลางปลอบโยนคนที่ร้องให้ใบหน้าซุกอกของเขาไปพลาง



“กูจะขัดขวาง มึงจะทำไม?”















..........................................  ...



มาช้าาาาาา ขอโทษ!!!!!!



หลายคนอาจจะรู้และหลาคนอาจจะไม่รู้

สาเหตุที่หายไปคือน้ำท่วมค่าาา ไฟดับ เนตขัดข้อง  บ้านไรท์ท่วมเกือบถึงชั้นสองแถมของเสียหายต้องกู้ซากทำความสะอาดบ้านรวมถึงที่ทำงานด้วย ไรท์ขอโทษนะคะ



วันนี้มาลงแล้ว ไม่รู้คนอ่านจะทิ้งหรือเปล่า ฮืออออ



ตอนหน้าซ่อนรักจบแล้วนะคะ ติดตามอ่านเรื่องทิวเอก เอกทิวได้ เร็วๆนี้



สุดท้ายนี้ขอบคุณที่อ่าน ที่เม้น ที่รอนะคะ ม๊วฟ


ออฟไลน์ MayA@TK

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4992
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +51/-7
หมั่นไส้พี่สิบ พีช่วยดึงหูพี่แกแล้วอธิบายหน่อยซิว่ากีดกันคนเขารักกันมันไม่ดี :katai4: :katai4: :katai4:

 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:

ออฟไลน์ ♥►MAGNOLIA◄♥

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7538
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +193/-11
สิบทิศ ลืมความรู้สึก
ตอนที่ถูกพ่อ น้อง ของพี กีดกันไปแล้ว
เลยมาทำกับเหม น้องไผ่
ต้องเกิดเรื่องไม่ดีกับน้องไผ่ ก่อนมั้ง ถึงจะยอม
       :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:

ออฟไลน์ TanYung0209

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 288
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +70/-2
ทำเรื่องนี้เป็นเล่มดีไหม

ออฟไลน์ fay 13

  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 5635
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +286/-44

ออฟไลน์ shcheribrand

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 72
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-0
อยากตบสิบทิศ. รักพี่เหม พี่เหมสู้้้ๆ :katai1: :katai1:

ออฟไลน์ TanYung0209

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 288
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +70/-2
บันทึกรัก…ไร่แสงจันทร์

Writer : Tan-Yung0209

File : ซ่อนรัก 12 The End













“ฮือ…ฮือ..อ….ฮึก..ก…พี่สิบทิศ..อย่าขังน้องไผ่…ฮือ…” ไผ่ร่ำไห้จนน้ำตาแทบเป็นสายเลือด สภาพของไผ่ในตอนนี้ไม่ต่างอะไรจากนักโทษที่ถูกกักขัง ใช่…ไผ่ถูกขังไว้ในห้องนอนของตน



ย้อนเวลาไปไม่กี่นาทีก่อนหน้านี้  สิบทิศที่ชกต่อยกับเหมจนไผ่ต้องออกมาห้ามเอาไว้ก็ถูกพี่ชายอุ้มกลับมาที่ห้องก่อนจะใช้ผ้าผูกข้อเท้าเล็กไว้กับขาเตียง ส่วนเหมสิบทิศก็ลากลงไปชั้นล่างก่อนจะผลักไสไล่ส่งให้เหมออกจากบ้านไป ซึ่งเหตุการณ์ทั้งหมดนั้นตกอยู่ในสายตาของไผ่ที่มองผ่านหน้าต่าง



‘เปรี้ยง!!!’



เสียงฟ้าร้องคำรามตามด้วยฝนที่เทกระหน่ำลงมา เหมที่นั่งรออยู่หน้าบ้านก็เงยหน้ามองไปยังห้องของคนรักที่ตอนนี้คงจะร้องไห้จนแทบขาดใจ คิดแล้วเหมก็ยิ่งเจ็บใจที่ไม่สามารถปลอบประโลมไผ่เอาไว้ได้



“อึก…” เหมกลั้นเสียงสะอื้นแล้วปล่อยให้น้ำตาไหลปนกับสายฝน ตาคมสบตาคู่สวยที่ตอนนี้ก็จ้องมองเขาเหมือนกัน



“น้องไผ่…พี่รักน้องไผ่!!!!!” เหมตะโกนลั่นแข่งกับเสียงสายฝนที่ตกลงมา คำบอกรักที่บอกออกไปซ้ำไปซ้ำมาโดยไม่สนใจว่าอีกคนจะได้ยินหรือไม่



ไผ่ที่ได้ยินเสียงของเหมถึงจะไม่ชัดก็รับรู้ได้ว่าเหมพูดว่าอะไร มันทำให้ไผ่มีความสุขขึ้นมาเล็กน้อย ริมฝีปากคลี่ยิ้มทั้งที่น้ำตายังไหล…แต่คำพูดที่ว่าความสุขมักจะอยู่กับเราไม่นานนั้นมักจะเป็นความจริงอยู่เสมอ



“น้องไผ่นอนเดี๋ยวนี้” สิบทิศที่เข้ามาในห้องนอนของไผ่อีกครั้งด้วยอารมณ์หงุดหงิดที่ได้ยินเสียงเหมคนที่ตนเพิ่งจะไล่ออกจากบ้าน ก็พาลให้เขาเสียงดังใส่ไผ่จนร่างบางสะดุ้งโหยง



“น้องไผ่ไม่นอนฮะ..ฮึก..” ไผ่บอกกับสิบทิศ ตากลมโตก็จ้องเหมที่ยังยืนอยู่ที่หน้าบ้าน ทำให้สิบทิศยิ่งโมโหจนคว้าผ้าม่านปิดหน้าต่างเอาไว้และดันตัวไผ่ให้นอน



“พี่สิบทิศ..พะ..พี่สิบทิศทำอะไร?”



“ไม่ต้องถามอะไรทั้งนั้น นอนหลับไปแล้วลืมทุกสิ่งทุกอย่างที่เกี่ยวกับไอ้เหม” พูดกับไผ่เสียงเข้มก่อนที่จะเดินจากไปพร้อมล็คประตูห้องนอนของไผ่เอาไว้ ไผ่เองก็นอนมองเพดานด้วยความพร่ามัวเพราะมีม่านน้ำตาคอยบดบัง นึกน้อยใจที่ตัวเองยังเดินได้ไม่ดีจึงทำให้ต้องนอนอยู่อย่างนี้ อีกทั้งนึกน้อยใจในโชคชะตาที่ตนไม่สมหวังในความรัก



‘คุณพ่อฮะ…คุณแม่ฮะ…น้องไผ่รักพี่เหม คุณพ่อคุณแม่ช่วยให้พี่สิบทิศเปิดโอกาสให้น้องไผ่ได้ไหมฮะ?’

.



.



.

หนึ่งอาทิตย์ผ่านไป ซึ่งมันนานเป็นปีสำหรับไผ่ สิบทิศยังคงกักบริเวณไผ่หรือจะเรียกว่ากักขังก็คงไม่ผิด ประตูห้องที่นานๆครั้งจะเปิดออกโดยมีพีกับลิเคียวคอยเอาข้าวมาให้อีกทั้งชวนคุยให้พีคลายเหงา ส่วนสิบทิศนั้นไม่เคยจะโผล่หน้าให้ไผ่ได้เห็นจนไผ่คิดในใจว่าสิบทิศคงจะโกรธไผ่อยู่



“วันนี้น้องไผ่จะฝึกเดินไหม?” พีถาม ช่วงนี้หน้าที่ของพีคือการดูแลไผ่และคอยช่วยไผ่ฝึกเดินจนกว่าสิบทิศจะหาคนมาดูแลไผ่ได้



“เดินฮะ” ไผ่ตอบเสียงแผ่ว ร่างกายก็ดูซูบผอมอย่างเห็นได้ชัดจากการที่เจ้าตัวตรอมใจ สองสามวันก่อนหน้านี้ไผ่เอาแต่นอนร้องไห้ไม่ยอมทำอะไร แม้แต่ข้าวซักคำก็ไม่ยอมแตะ จนลิเคียวอดห่วงไม่ได้



‘น้องไผ่ ทานข้าวนะครับ’ ลิเคียวตักข้าวจ่อปากคนที่นั่งใจลอย



‘น้องไผ่ไม่หิวฮะ’ ไผ่ปฏิเสธโดยที่ไม่ได้หันมามองลิเคียวแม้แต่น้อย ไผ่นั้นเหม่อลอยมองไปที่นอกหน้าต่างเท่านั้น



‘ถ้าน้องไผ่ไม่กิน น้องไผ่จะมีแรงเดินเหรอ? พี่อุตส่าห์คิดแผนที่จะพาน้องไผ่หนีเสียหน่อย’



นั่นคือที่มาที่ทำให้ไผ่ยอมกินข้าวและฝึกเดินทุกวัน บางครั้งตอนดึกๆไผ่ก็ฝึกเดินคนเดียวจนเริ่มคล่องตัวและมีพัฒนาการที่ดีขึ้นอย่างก้าวกระโดดอาจเป็นเพราะว่าไผ่ต้องการจะออกจากห้องไปพบกับเหมเร็วๆ



“วันนี้น้องไผ่เดินได้ดีเลย” ลิเคียวพูดชม ไผ่เองก็ยิ้มออกมา เขาเองก็คิดว่าตัวเองเดินได้ดีจนแทบจะเป็นปกติ



“พี่เคียวฮะ…คืนนี้พาน้องไผ่หนีไปได้ไหมฮะ” ไผ่ร้องขอ ร่างบางยอมรับว่าตอนนี้ใจร้อนอยากออกจากห้องไปเสียตอนนี้ด้วยซ้ำ



“น้องไผ่ใจเย็นๆ พี่ว่ารอก่อนดีกว่า ให้น้องไผ่เดินได้คล่องกว่านี้…”



“พี่เคียวจะไม่ช่วยไผ่ให้เจอกับพี่เหมใช่ไหมฮะ?” ลิเคียวพูดไม่ทันจบไผ่ก็พูดสวนขึ้นมา



“ไม่ใช่อย่างนั้นครับ” ลิเคียวรีบปฏิเสธ



“ถ้าอย่างนั้นก็พาน้องไผ่หนีสิฮะ” ไผ่พูดพลาง เขย่าแขนลิเคียวไปพลาง



“วันนี้คงจะไม่ได้นะน้องไผ่…วันนี้พี่สิบทิศจะคุยกับน้องไผ่ที่รีสอร์ท” พีที่เข้ามาในห้องก็ได้ยินบทสนทนาของไผ่และลิเคียวพอดี



“น้องไผ่อย่าดื้อนะครับ เชื่อพี่สักครั้ง อดทนสักนิดแล้วทุกอย่างจะดีขึ้นเอง” พีเอ่ย พร้อมกับแขวนชุดไว้ในเสื้อผ้าของไผ่



“ชุดอะไรเหรอครับพี่พี” ลิเคียวถาม



“ชุดของน้องไผ่นะสิ จะให้น้องไผ่ใส่ไปเจอพี่สิบทิศ” พีเอ่ย ไผ่ก็มองชุดในตู้เสื้อผ้าไม่วางตา ในใจก็สงสัยว่าทำไมถึงต้องใส่ชุดนี้ด้วย



“ลิเคียวยังไงพี่ก็ฝากน้องไผ่ก่อนนะ ตอนเย็นพี่จะโทรมาบอกว่าให้พาน้องไผ่ออกจากห้องตอนไหน ยังไงก็ช่วยดูแลจัดการทุกอย่างให้เรียบร้อยด้วย” พีสั่งก่อนจะออกจากห้องไป



“น้องไผ่ จะดูหนังไหม?” ลิเคียวถามคนที่นั่งหน้านิ่งอยู่บนเตียง



“ไม่ฮะ น้องไผ่รู้สึกเพลีย ขอนอนพักดีกว่าฮะ” ไผ่บอก ก่อนจะเอนตัวล้มลงนอนบนเตียง ลิเคียวเองก็ดูหนังฆ่าเวลาโดยไม่รู้ว่าไผ่ไม่ได้นอนหลับ ร่างบางกำลังคิดหนีและนอนเก็บแรงเอาไว้



.



.



.



ในตอนเย็น พีได้โทรมาหาลิเคียวเพื่อนัดแนะเวลาที่จะพาไผ่ออกจากห้อง ลิเคียวจึงปลุกไผ่ให้ตื่นขึ้นมา ไผ่เองก็รู้ว่าต้องจัดการตัวเองก็ทำโดยไม่อิดออด อีกทั้งยังเดินเองโดยที่ลิเคียวไม่ต้องประคอง พอถึงเวลาที่กำหนด ลิเคียวก็เปิดประตูห้องซึ่งสิบทิศให้แม่บ้านไขกุญแจปลดล็อคไว้ก่อนหน้านี้ พาไผ่ออกจากบ้านไปหาสิบทิศ



“น้องไผ่เดินไหวไหมครับ?” ลิเคียวหันไปถามไผ่ที่เดินอยู่ข้างๆ



“ไหวฮะ” ไผ่ตอบ ก่อนจะผลักลิเคียวให้ล้มลงไปกับพื้น ส่วนตัวเองก็รีบวิ่งหนีไปในไร่อย่างยากลำบาก เนื่องจากขาทั้งสองข้างยังคงอ่อนแรง ลิเคียวเองก็รีบลุกขึ้นแล้วตามไผ่ไปแต่ด้วยความที่ไม่ชำนาญเส้นทาง อีกทั้งต้นไม้มากมายรายล้อมทำให้ลิเคียวพลัดหลงกับไผ่



“ให้ตายสิ ขืนตามต่อไปก็คงหาไม่เจอ เห็นทีต้องกลับไปบอกทุกคนที่รีสอร์ทดีกว่า” ลิเคียวสบถกับตัวเอง ก่อนจะวิ่งกลับไปยังรีสอร์ท



ไผ่ที่หลบอยู่หลังต้นไม้พอเห็นลิเคียวเดินจากไปจนลับตาก็ออกจากที่ซ่อน มือเรียวเองก็ทาบหน้าอกอย่างโล่งใจที่ไม่ถูกจับได้ จากนั้นขางสองข้างก็ค่อยๆก้าวเดินไปทางรั้วด้านข้างของไร่ สถานที่ที่ไผ่จะใช้เป็นเส้นทางหนี



แต่การเดินทางออกไปมันไม่ใช่เรื่องง่าย ยิ่งไผ่ที่กลับมาเดินได้เป็นปกติไม่เมื่อไม่นานมานี้นั้นก็ยิ่งลำบาก ไผ่ใช้แรงทั้งหมดไปกับการวิ่งหนีลิเคียว กลับกลายเป็นว่าตอนนี้ไผ่ก็เริ่มจะหมดแรง



‘ครืน…ครืน..’



เสียงฟ้าร้องและกลุ่มเมฆทีดำทมิฬลอยอยู่บนท้องฟ้าเป็นสัญญาณบอกว่าฝนจะตกลงมาในอีกไม่ช้า ไผ่รีบเร่งฝีเท้าแม้ทุกย่างก้าวจะเจ็บปวดก็ตาม



‘แปะ…แปะ….ซ่า.า…’



เหมือนฟ้าจะกลั่นแกล้งไผ่จึงได้เสกฝนลงมาอย่างหนัก ไผ่รีบหาที่หลบก็เห็นกระท่อมเล็กๆที่ตนเคยมาหลบฝนตอนเด็กๆ ไป่ไม่รีรอที่จะเดินเข้าไป



“อ๊ะ!!!” ไผ่ก้าวขาเหยียบขั้นบันไดแต่ด้วยความที่ยังเดินไม่ถนัดบวกกับฝนที่ตกมันก็ทำให้ไผ่ลื่นล้มลงไปกองกับพื้น



“ฮึก..ฮือ.อ..” ไผ่ร้องไห้ออกมาแต่ก็พยายามลุกขึ้นยืนแล้วเดินขึ้นไปยังตัวกระท่อมจนสำเร็จ



มือเรียวผลักประตูไม้ไผ่ออกช้าๆแล้วเข้าไปด้านใน ไผ่ล้มลงนั่งด้วยความเหนื่อยอ่อน ตาก็มองไปรอบๆห้องสี่เหลี่ยม ภาพความทรงจำเก่าๆก็เข้ามาในสมอง เหตุการณ์ก่อนเหมจะจากไปก็เป็นวันฝนตกแล้วไผ่เองก็มาหลบอยู่ในกระท่อมแห่งนี้จนเหมเป็นคนมาเจอ



“ฮือ..อ..พี่เหม..น้องไผ่คิดถึงพี่เหม” ไผ่ร้องไห้โฮออกมา เขานึกเพ้อว่าเหมจะมาตามหาเขาจนถึงกระท่อมแห่งนี้ ซึ่งมันไม่มีวันเป็นจริงเพราะเหมถูกสิบทิศไล่ออกจากบ้าน



“โครม!!!” ประตูถูกผลักออกอย่างแรงจนไผ่สะดุ้งโหยง ร่างบางนั่งกอดเข่าที่มุมห้องด้วยความกลัว ก่อนจะมีเงาใหญ่ๆแวบเข้ามาในห้อง



“ฮือ.อ…ออกไป..กลัวแล้ว..น้องไผ่กลัวแล้ว” ไผ่ร้องออกมาด้วยความกลัว อีกทั้งก้มหน้าไม่ยอมมองอีกฝ่าย



‘หมับ’ ไผ่ถูกสวมกอด ความอบอุ่นจากคนมาใหม่ทำให้ร่างกายของไผ่อบอุ่นไปด้วย ไผ่ทุบตีคนให้ออกไปแต่อีกฝ่ายกลับกอดรัดแน่น



“น้องไผ่ไม่คิดถึงพี่เหรอ?” เสียงที่เปล่งออกมาเพียงแผ่วเบานั้นสามารถทำให้การกระทำของคนในอ้อมแขนเปลี่ยนไป



“พะ…พี่..อื้อ” ไม่ทันที่ไผ่จะได้พูดจบ เหมก็บดเบียดริมฝีปากตามด้วยสอดลิ้นเข้าไปหยอกเหย้าลิ้นเล็กอย่างกระหายและโหยหา ไผ่เองก็โอบคอกดท้ายทอยของเหมเข้าหาพร้อมกับจูบตอบกลับไปโดยไม่อาย ซึ่งต่างจากทุกครั้งที่ไผ่จะเคอะเขิน



‘จุ๊บ’ เหมถอนจูบ ริมฝีปากหนาผละออกออกจากริมฝีปากบางอย่างอ้อยอิ่ง



“น้องไผ่ทำไมมาอยู่ที่นี่ล่ะครับ?” เหมถาม



“น้องไผ่ก็หนีพี่สิบทิศฮะ…อ่ะ…พี่เหมเราสองคนรีบหนีออกจากไร่กันเถอะฮะ ก่อนที่พี่สิบทิศจะมาเจอเราทั้งสองคน” ไผ่รีบชวนเหมให้ออกจากไร่ ชายหนุ่มกลัวว่าถ้าสิบทิศมาเจอทั้งเขาและเหมจะไม่ได้เจอกันตลอดกาล



“ถ้าอย่างนั้นเรารีบไปกันเถอะ น้องไผ่ขี่หลังพี่นะ” เหมหันหลังให้ ไผ่ก็เข้าสวมกอดขี่แผ่นหลังกว้าง



เหมพาไผ่ออกจากกระท่อม ฝ่าฝนที่ตอนนี้เริ่มซาลง ทั้งสองพูดคุยถึงความทรงจำในวัยเด็ก ก่อนที่ไผ่จะสังเกตว่าเหมพาไผ่มาทางไปรีสอร์ท



“พี่เหมฮะ..พี่เหมมาที่นี่ทำไม พี่สิบทิศอยู่ที่นี่นะฮะ” ไผ่บอกกับเหม เพื่อที่คนรักจะได้เดินกลับแต่ทว่าเหมกลับเดินเข้าไปในรีสอร์ท ไม่ว่าไผ่จะพูดอะไรเหมก็ยังเดินเข้าไปอยู่ดี



“นี่มันอะไรกันฮะ?”



ไผ่ถามออกมา สายตาก็กวาดมองส่วนห้องโถงของรีสอร์ทที่ตกแต่งด้วยดอกไม้สีขาวและสีชมพู ที่สำคัญสิบทิศ พี ชัชวิน ลิเคียวและเบอร์บอนด์รวมทั้งครอบครัวของเหมก็นั่งอยู่ด้วยกันพร้อมหน้าพร้อมตา



“ไปเจอน้องไผ่ที่ไหนเหรอเหม?” พ่อของเหมถาม ทุกคนก็รอฟังคำตอบ



“ที่กระท่อมสวนกุหลาบครับ” เหมตอบแล้วย่อตัวลงให้ไผ่ยืนอยู่บนพื้น คีร์ก็รีบเอาผ้ามาคลุมตัวไผ่ที่ยืนตัวสั่นเพราะเปียกฝน



“พี่เหม…ทำไม?” ไผ่มองหน้าเหมสลับกับมองหน้าทุกคนด้วยความสงสัย



“ทั้งสองคนมานั่งลงก่อนเดี๋ยวจะเล่าให้ฟัง” สิบทิศเอ่ย



จากนั้นสิบทิศก็เล่าเรื่องราวทั้งหมดให้ไผ่ได้ฟัง หลังจากที่ขังไผ่ไว้ในห้อง สิบทิศก็เข้าชกเหมต่อที่หน้าบ้านโดยเป็นเอก ทิว คอยห้ามเอาไว้ ในตอนนั้นสิบทิศยอมรับว่าโกรธมากจนพีทนไม่ไหวก็เข้ามาพูดเตือนสติว่าตนถูกชัชวินขัดขวาง ให้พีกลับกรุงเทพสิบทิศจะทำอย่างไร สิบทิศจึงได้คิดขึ้นมาได้ว่ามันคงจะเจ็บปวด เลยได้คุยกับเหมและได้ตกลงกันว่าให้เหมพิสูจน์ตัวเองแล้วก็แสดงให้สิบทิศเห็นว่าเหมรักไผ่จริง เหมจึงขอเวลา1อาทิตย์เพื่อกลับไปหาครอบครัวที่ต่างจังหวัด ส่วนสิบทิศก็กลัวว่าไผ่จะหนีไปเสียก่อนจึงต้องกักบริเวณ อีกทั้งอยากเซอร์ไพรท์ไผ่จึงกำชับทุกคนไม่ให้บอกเรื่องราวเกี่ยวกับเหม จนกระทั่งเมื่อวานเหมติดต่อสิบทิศว่าจะพาครอบครัวของตัวเองมาพูดคุยกับสิบทิศวันนี้



“พี่สิบทิศยอมรับแล้วเหรอฮะ?” ไผ่ถามพี่ชายอีกครั้ง เพื่อย้ำเตือนว่าตนเข้าใจไม่ผิด



“ใช่สิ” สิบทิศตอบ มือก็ลูบผมสีดำขลับเบาๆ



“ถ้าไม่ยอมรับ ลุงก็จะมาคุยให้คุณสิบทิศยอมรับเอง” พ่อของเหมเอ่ย ที่จริงแล้วทางครอบครัวของเหมตกใจมากตอนที่เหมบอกว่าชอบผู้ชายและตกใจยิ่งกว่าเมื่อผู้ชายที่ว่าคือไผ่ ลูกชายของนักรบซึ่งเป็นเจ้านายเก่า แต่แทนที่คิดจะเสียใจหรือขัดขวาง ทางครอบครัวของเหมกลับเข้าใจและยินดีเพราะนี่คือความสุขของลูก



“เอาล่ะครับ ไหนๆทุกคนก็ทำความเข้าใจแล้ว เคียวอยากจะฟังความในใจของทั้งสองคนบ้างครับ” ลิเคียวจอมแสบเอ่ยขึ้นมา ทำให้ไผ่กับเหมแทบจะปรับสีหน้าไม่ทัน ยิ่งทุกคนคอยปรบมือส่งเสียงเชียร์ ทั้งสองก็ยิ่งกดดันและตื่นเต้น



“น้องไผ่ไม่รู้จะพูดอะไรฮะ ทุกอย่างมันฉุกละหุกไปหมด เอาเป็นว่าน้องไผ่ขอบคุณทุกคนที่ยอมรับความรักของน้องไผ่กับพี่เหมนะฮะ โดยเฉพาะพี่สิบทิศพี่ชายของน้องไผ่ ตลอดสองปีที่ผ่านมาน้องไผ่อาจจะเป็นภาระให้กับพี่สิบทิศ นะ…น้องไผ่ขอบคุณมากที่ดูแลน้องไผ่เป็นอย่างดี ขอบคุณจริงๆนะฮะ…ฮึก…อีกอย่างเพราะพี่สิบทิศ..น้องไผ่จึงได้เจอพี่เหม คนที่น้องไผ่รัก…ฮือ..อ..” ไผ่พูดทั้งน้ำตา น้ำตาที่มาจากความตื้นตัน ความปลื้มปิติที่ล้นอกออกมา สิบทิศที่ได้ฟังก็เข้ามาสวมกอดไผ่ที่ตอนนี้ร้องไห้ออกมา จนคนเป็นพี่ต้องคอยเช็ดน้ำตาให้



“น้องไผ่พูดจบแล้ว ขอเชิญพี่เหมพูดยาวๆสักประโยคให้เคียวฟังหน่อยครับเพราะตั้งแต่มาที่นี่เคียวได้ยินพี่เหมพูดไม่ถึงสามประโยค” ลิเคียวพูดจบทุกคนก็หัวเราะดังลั่น จะทำยังไงได้ล่ะ? เหมเขาขึ้นชื่อว่าเจ้าชายหิมะ



“เช่นเดียวกับที่น้องไผ่ได้บอกไว้ ผมขอขอบคุณทุกๆคนที่ยอมรับและเข้าใจในความรักของผม ถึงความรักในครั้งนี้มันจะดูไม่ถูกต้องแต่ผมอยากให้รู้ โดยเฉพาะสิบทิศ…ฉันรู้ว่านายมีน้องไผ่เป็นญาติเพียงคนเดียว นายไม่แปลกที่จะหวง ฉันเข้าใจดีแต่นายไม่ต้องกังวลเพราะฉันจะรักและดูแลน้องไผ่ไปตลอดชีวิตของฉัน ฉันขอให้คำมั่นสัญญานี้กับนายโดยมีทุกคนเป็นพยาน” เหมพูดจบทุกคนก็โห่ร้องให้กับคำพูดที่มาจากใจชายหนุ่ม รวมทั้งดีใจที่เหมพูดประโยคยาวๆได้



หลังจากนั้นทั้งหมดก็ร่วมรับประทานอาหารด้วยกันต่อด้วยการสังสรรค์ เต้นกันบ้าง ดื่มเหล้ากันบ้าง โดยพ่อตาอย่างชัชวิน ลิเคียว รวมทั้งสิบทิศดวลเหล้ากัน จนคนรักแอบปาดเหงื่อเพราะเวลาเมาสามคนนี้โคตรหื่น!!!!



เหมกับไผ่เดินออกมาจากห้องโถง ทั้งสองคนเดินเล่นไปจนถึงสวนหย่อมเล็กที่ต้นไม้เปียกชุ่มไปด้วยฝนที่เคยตกไปก่อนหน้านี้



“วันนี้น้องไผ่ดีใจมากๆเลยฮะ ที่เราสองคนได้อยู่ด้วยกัน ตอนพี่เหมไม่อยู่น้องไผ่ร้องไห้ทุกวันเลย” ไผ่เอ่ย



“พี่ก็ดีใจ ตอนที่ไม่ได้อยู่ด้วยกันพี่เองก็คิดถึงน้องไผ่” เหมสวมกอดไผ่แน่น



“ไผ่ดีใจที่ทุกคนยอมรับ ไผ่ดีใจจริงๆฮะ” ไผ่พูดต่อ



“ต่อไปนี้เราสองคนก็จะได้รักกันอย่างเปิดเผยเสียที ไม่ต้องคอยหลบคอยแอบว่าใครจะมารู้ว่าเรารักกัน จะจูบกันตรงไหนก็ไม่มีใครว่า” เหมพูดติดตลก ไผ่ที่ตั้งใจฟังพอได้ยินประโยคสุดท้ายก็อดไม่ได้ที่จะหยิกเหมด้วยความหมั่นไส้



“หยิกพี่เหรอ? จับจูบดีกว่า” เหมไม่ได้พูดขู่ เขาจับไผ่มาจูบจริงๆ



ความรักทั้งหมดที่เคยปิดบังไม่ให้ใครรู้เพราะคำว่ากลัวหรือเพราะเหตุผลล้านแปด ตอนนี้ไผ่กับเหมได้ข้ามผ่านจุดนั้นไปแล้ว ทั้งสองจะไม่ ‘ซ่อนรัก’ อีกต่อไป เขาทั้งคู่พร้อมที่จะแสดงความรักให้ทุกคนได้รับรู้





















........................................

มาแล้ว สุดท้ายก็ถึงบทสรุป



ไม่รู้จะถูกใจกันไหม เอาเป็นว่าเขาสมหวังกันเนอะ

ขอโทษที่อัพนิยายช้านะคะ งานหลักรัดตัวเลยไม่ค่อยมีเวลาแต่ง



สุดท้ายนี้ขอขอบคุณทุกคนที่คอยติดตาม อ่าน เม้นเป็นกำลังใจนะคะ หวังว่าจะเป็นกำลังใจให้ทุกๆเรื่องนะคะ

ขอบคุณจริงๆค่ะ

#อย่าลืมติดตามอีกคู่นึงนะคะ เอกทิว×ทิวเอก

ออฟไลน์ MayA@TK

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4992
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +51/-7
ดีนะตอนหนีน้องไผ่ไม่เป็นอะไรไปอีก

 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ ♥►MAGNOLIA◄♥

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7538
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +193/-11
พี่เหม น้องไผ่  :กอด1: :กอด1: :กอด1:
ห่างกันแค่ไหน เขาสูงบังกั้นไว้ รักยังให้มาเจอ
       :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:

ออฟไลน์ sirin_chadada

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4110
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +114/-8
ดูรวบรัดหน่อย ๆ
สถานการณ์บ้านคนเขียนกลับเป็นปกติหรือยังคะ

ออฟไลน์ Jessiebier

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 357
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +8/-1

ออฟไลน์ TanYung0209

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 288
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +70/-2
ดูรวบรัดหน่อย ๆ
สถานการณ์บ้านคนเขียนกลับเป็นปกติหรือยังคะ







สถานการณ์ดีขึ้นแล้วค่ะแต่ตอนนี้ฝนตกหนักอีกแล้ว

ออฟไลน์ fay 13

  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 5635
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +286/-44

ออฟไลน์ TanYung0209

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 288
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +70/-2

ออฟไลน์ TanYung0209

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 288
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +70/-2
บันทึกรัก…ไร่แสงจันทร์

Writer : Tan-Yung0209

File : เมื่อผมมีเมีย(ผัว)เป็นคู่กัด 00











อ่านด้วยนะ!!!!!

มาแล้วกับคู่เอกทิว ทิวเอก คู่กัดประจำไร่แสงจันทร์ สองคนนี้คือคู่สร้างคู่สมที่หลายคนรอคอย...ไม่เน้นมาม่า เน้นคอมเมดี้ บ้าบอคอแตก ไร้สาระสุดๆ

ป.ล. ฝากติดตามด้วยนะคะ อ่อ ใครสนใจบันทึกรักบ้านไร่เป็นหนังสือบ้าง ช่วยเม้นบอกนะคะ ถ้ามีสัก10เล่มก็จะทำ ป.ล. ราคาคงไม่แพงเพราะปกจะวาดเอง(ถึงจะไม่สวยก็เถอะ)5555









‘ทิว’ ชายหนุ่มร่างสูง หน้าตาหล่อเหลา โดยเฉพาะตาที่ดูเฉี่ยวยิ่งเสริมบุคลิคให้ดูหล่อร้ายแบบพวกเพลย์บอย ตอนนี้เขากำลังนั่งอยู่ปลายเตียงในห้องพักใหม่ด้วยสีหน้ากลัดกลุ้ม จะไม่ให้เขากลัดกลุ้มได้ยังไงในเมื่อมีรูมเมท ไม่สิ…ต้องบอกว่าคู่กัดมาอยู่ร่วมห้อง



“มึงจะนั่งเฉยอีกนานไหม? รีบมาจัดของสิวะ”



คู่กัดของทิวที่ชื่อว่า ‘เป็นเอก’ หรือที่ทิวจะเรียกว่า ‘ไอ้เอก’ กำลังจัดเสื้อผ้าใส่ตู้เสื้อผ้าอย่างไม่รู้สึกเดือดร้อนหรือร้อนรนใจที่ต้องมาอยู่กับคู่ปรับเลย ท่าทางนิ่งๆที่เข้ากันดีกับหน้าตาหล่อ ดวงตาเรียวเล็กที่มีเครื่องหน้าชัด ถ้าผู้หญิงเห็นสองคนนี้อยู่ด้วยกันรับรองเลยว่าคงเลือกไม่ถูกแน่นอน



ทิวหยิบกระเป๋าตัวเองแล้วเริ่มจัดของ ในใจก็โทษตัวเองว่าไม่น่าใจร้อนไปมีเรื่องชกต่อยกับ ‘พี’ คนงานคนใหม่ ที่ดูเหมือนว่า ‘สิบทิศ’ ผู้เป็นเจ้านายจะคอยดูแลเป็นพิเศษ จนเขาและเป็นเอกต้องมาอยู่ด้วยกัน



ย้อนเวลากลับไปในตอนเที่ยง



เหตุการณ์ทะเลาะวิวาทที่โรงอาหารในไร่เมื่อตอนเที่ยงนั้นผู้เกี่ยวข้องในเหตุการณ์ทั้งสี่คน พี เป็นเอก ทิวและส้มจี๊ดก็เดินมาที่บ้านใหญ่ พีใจเต้นรัวเพราะไม่เคยเห็นสิบทิศในตอนโกรธก็รู้สึกกลัวขึ้นมาทันที ต่างจากเป็นเอกกับทิวที่ทะเลาะกันบ่อยจนถูกเจ้านายเรียกไปตักเตือนอยู่เสมอ



"กลัว เหรอไอ้หน้าอ่อน" ทิวยิ้มเยาะเมื่อเห็นพีนิ่งเงียบหน้าตาซีดเผือด พีมองทิวด้วยสายตาไม่พอใจ



"หุบปากมึงไปไอ้ทิวจะถึงบ้านใหญ่แล้วยังจะหาเรื่องชกอีก" เป็นเอกเอ่ยออกมาสร้างความไม่พอใจแก่ทิวเป็นอย่างมาก



"พูดอย่างนี้มึงกับกูจะเอากันสักทีตอนนี้แล้วค่อยไปหาคุณสิบทิศที่บ้านใหญ่มึงจะเอาไหม?" ทิวหาเรื่องท้าชกเป็นเอก คนที่โดนท้าด้วยความเอือมระอา ทิวก็เหมือนกับเด็กไม่รู้จักโตเป็นพวกแพ้แล้วพาล



"โอ๊ย!!! พวกพี่จะทะเลาะอะไรกันหนักหนาเนี่ย รีบไปหาคุณสิบทิศได้แล้วขืนช้าคุณสิบทิศเล่นพวกเราแน่" ส้มจี๊ดห้ามทัพในหัวก็นึกถึงเวลาที่เจ้านายสุดหล่อโกรธขึ้นมาทั้งโหดทั้งดุชนิดที่ว่าคุณนักรบพ่อของคุณสิบทิศยังห้ามไม่อยู่ ส่วนเป็นเอกกับทิวพอถูกห้ามทัพก็หยุดกัดกันชั่วคราวแล้วเดินต่อไปจนถึงบ้านใหญ่



"สวัสดีครับ/สวัสดีค่ะ" ทุกคนยกมือไหว้กล่าวคำสวัสดีแดคนที่นั่งอยู่ตรงหน้า



"สวัสดี นั่งลงก่อนสิ" สิบทิศกล่าวด้วยน้ำเสียบเรียบนิ่งซึ่งผิดวิสัยจากเดิมไผมาก ทุกคนก็นั่งลงตามคำเชิญชวนปากก็ปิดเม้มไม่มีใครพูดอะไรออกมา พีสังเกตว่าทุกคนจะเกรงกลัวสิบทิศมากแม้แต่ทิวยังไม่กล้าจะสบตาสิบทิศด้วยซ้ำ



"เรื่องมันเป็นมายังไง ส้มจี๊ดเล่าให้ฉันฟังหน่อย" สิบทิศหันไปถามหญิงสาวเพียงหนึ่งเดียวในห้อง



"ก็เหมือนเดิมค่ะพี่ทิวกับพี่เอกทะเลาะกันเพราะความสวยของส้มจี๊ดแต่ที่ต่างจากเดิมคือพี่พีเข้ามาช่วยส้มจี๊ดเลยชกต่อยกับพี่ทิว" ส้มจี๊ดให้สิบทิศฟังสั้นๆ



ที่จริงแล้วเรื่องทะเลาะวิวาทของเป็นเอกและทิวเรียกว่าบ่อยครั้งมาก ทุกครั้งที่เจอกันก็จะต้องชกตีกันตลอด เดิมทีสองคนนี้อยู่ไร่เดียวกันแต่ด้วยคนเก่งสองคนมาเจอกัน คนหนึ่งใจเย็นมีความคิดเป็นของตัวเอง อีกคนก็ใจร้อนเชื่อมั่นในตัวเองสูงจึงขัดคอกันบ่อยๆบวกกับมีส้มจี๊ดที่ชอบเป็นเอกอย่างออกนอกหน้าโดยที่ทิวนั้นตามจีบส้มจี๊ดอยู่ ทั้งสองจึงไม่กินเส้นกันจนสิบทิศต้องให้ทำงานคนละไร่แต่ถึงอย่างนั้นก็ยังมีเรื่องทุกครั้งที่เจอหน้าจนสิบทิศเรียกมาตักเตือนอยู่บ่อยครั้ง



"ส้มจี๊ด เธอออกไปก่อนฉันจะคุยกับสามคนนี้" สิบทิศบอกให้ส้มจี๊ดออกไปเพราะหน้าที่แล้ว คราวนี้ทั้งห้องก็เหลือผู้พิพากษาหนึ่งคนและจำเลยอีกสาม



"เอก ทิว" สิบทิศเรียกชื่อของทั้งสองคน



"ครับ" คนถูกเรียกชื่อขานรับแล้วมองไปยังเจ้านายที่ตีหน้านิ่ง



"ฉันเตือนพวกนายกี่ครั้งแล้ว" สิบทิศถาม



"นับไม่ถ้วนครับ" เป็นเอกเป็นคนตอบ



"หวังว่าครั้งนี้เป็นครั้งสุดท้ายที่พวกนายสองคนจะทะเลาะกันนะ"



"ครับ/ครับ" เป็นเอกกับทิวพูดพร้อมกัน



"ถ้ายังมีเรื่องกันอีกฉันจะไล่นายทั้งสองคนออก" สิบทิศพูดออกมา ไม่ใช่แค่คำขู่สิบทิศพูดจริงถึงแม้ว่าเป็นเอกกับทิวจะเป็นคนมีความสามารถแต่หากทำตัวมีปัญหาสิบทิศก็จำเป็นต้องไล่ออก



"ผมจะพยายาม" ทิวบอกกับสิบทิศ



"ไม่ใช่จะพยายามแต่ต้องห้ามทะเลาะกัน เข้าใจไหม?"



"ครับ"



"แล้วหลังจากนี้ฉันจะสั่งให้คนย้ายของทั้งสองไปที่บ้านพักของคนงานที่ฟาร์มโคนม" สิบทิศเอ่ย ทั้งเป็นเอกและทิวแปลกใจที่ถูกย้ายไปที่บ้านพักของคนงานโคนมซึ่งถือได้ว่าเป็นงานยากเพราะการทำไร่ผลไม้มันไม่ละเอียดเท่ากับการดูแลสัตว์



"ไม่ต้องตกใจฉันไม่ให้พวกนายเลี้ยงโคนมหรอกนะ..." พอสิบทิศพูดแบบนี้ทั้งทิวทั้งเป็นเอกก็โล่งอกขึ้นมา



"แต่ฉันจะให้ไปล้างคอกทุกเย็นเป็นเวลา1เดือนและพวกนายต้องนอนอยู่ด้วยกัน ทุกเที่ยงมารายงานตัวกับฉัน" สิบทิศพูดต่อจนจบทั้งเป็นเอกทั้งทิวก็แทบจะล้มทั้งยืน มันเหมือนโดนกลั่นแกล้งกันชัดๆ



"คือ..."



"ไม่ต้องพูดอะไรทั้งนั้นคำพูดของฉันคือคำสั่งที่พวกนายสองคนต้องปฏิบัติตาม" สิบทิศเอ่ยขึ้นเมื่อเห็นว่าทิวพยายามจะแย้ง



"ครับ" ทิวจึงต้องจำใจยอมรับ



นี่คือสาเหตุที่ทำให้คู่กัด คู่ปรับมาอยู่ด้วยกันและที่สำคัญมันคือจุดเริ่มต้นของความสัมพันธ์ที่พัฒนาเป็นความรัก…ว่าแต่แมนๆแบบนี้ใครจะรุกใครจะรับ?
























ออฟไลน์ shcheribrand

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 72
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-0
เชียร์เป็นเอกรุกทิว5556 :hao6:

ออฟไลน์ TanYung0209

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 288
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +70/-2
บันทึกรัก…ไร่แสงจันทร์

Writer : Tan-Yung0209

File : เมื่อผมมีเมีย(ผัว)เป็นคู่กัด 01













สวัสดีครับผมชื่อ ‘เป็นเอก’ เป็นหนุ่มไร่ส้มที่ไร่แสงจันทร์ ถ้าจะให้พูดถึงความเป็นตัวผมก็คงจะนิ่งๆไม่ค่อยพูดมาก อยู่แบบปกติทั่วไปนี่แหละครับ ผมเป็นคนธรรมดาไม่ได้วิเศษมาจากไหน ชีวิตผมก็มีแค่งานในไร่เท่านั้น



สาเหตุที่ผมได้ทำงานไร่ส้มที่ไร่นี้ก็เพราะผมอยากได้ประสบการณ์จากงานในไร่ เพื่อที่สักวันผมมีเงินผมจะได้ทำไร่เล็กๆเป็นของตัวเองบ้าง แล้วอีกอย่างไร่แสงจันทร์ไม่ใช่ไร่ที่ใครจะเข้ามาทำงานได้ง่ายๆ ทุกคนต้องผ่านการทดสอบรวมถึงสอบสัมภาษณ์กับเจ้าของไร่เสียก่อน แน่นอนว่าผมผ่านฉลุย



ทุกสิ่งทุกอย่างเป็นไปอย่างที่ผมคิดเลยครับ งานที่นี่วางระบบไว้อย่างดี ทุกคนในไร่เป็นมิตรให้แก่กัน ถ้าจะบอกมีความสุขไหม? บอกเลยว่ามีแต่ถ้าถามว่าสงบไหม? ผมขอบอกชัดๆเน้นๆเลยครับว่า ไม่มี!!!!



สาเหตุของความสงบที่หายไปมาจากผู้ชายคนหนึ่งที่ชื่อว่า ‘ทิวไผ่’ หรือ ‘ทิว’ คนงานที่เข้ามาทำงานพร้อมกับผม ทิวทำงานที่ไร่องุ่นครับ หลายคนอาจจะตั้งคำถามว่าทำงานคนละที่แล้วทำไมถึงได้เจอกัน มีปัญหากัน ก็เพราะว่าเวลาพักเที่ยงเหล่าคนงานในส่วนต่างๆ ทั้งโคนม คอกม้า ไร่องุ่นและอีกมากมายรวมถึงไร่ส้มที่ผมทำงานอยู่ด้วย



ตอนแรกต่างคนต่างก็กินข้าวกันในพวกของตัวเอง มีบ้างที่เพื่อนต่างกลุ่มจะมาร่วมวง ดูเหมือนจะไม่มีปัญหาใช่ไหมครับ? อันที่จริงตัวต้นเหตุก็คือ ‘ส้มจี๊ด’ ลูกสาวป้าศรีแม่ครัวของไร่แสงจันทร์ที่ขยันเอาอกเอาใจผมจนออกนอกหน้าทำให้ทิวไม่พอใจมาหาเรื่องผมก็เพราะมันชอบน้องส้มจี๊ด



“นี่…มึง” ในขณะที่ผมกำลังจะเดินกลับไร่ส้มก็มีเสียงๆหนึ่งเรียกผมเอาไว้แต่ผมก็ทำทีไม่สนใจ



“เฮ้ย!! หูหนวกเหรอกูเรียกมึงไม่ได้ยินหรือไง?”  คราวนี้ไม่ได้มาแค่เสียง เจ้าของเสียงเข้ามากระชากบ่าผมเอาไว้



“ก็เรียกมึง มึง มึง กูจะรู้ไหมว่ามึงเรียกกู” ผมตีหน้านิ่งพูดสวนไป คนอะไรไร้มารยาท



“เออ กูชื่อทิว มึงชื่ออะไรล่ะ?”



“กูชื่อเป็นเอกหรือมึงจะเรียกเอกก็ได้” ผมเห็นมันแนะนำตัวมาผมก็แนะนำตัวกลับไป



“เอก กูขอเตือนมึงให้มึงเลิกยุ่งกับน้องส้มจี๊ด”



“ทำไม?”



“กูจีบน้องส้มจี๊ดอยู่แล้วไม่นานก็จะได้เป็นแฟนกัน” ทิวบอกกับผม ตาก็เหลือบมองผม ริมฝีปากกระตุกขึ้นมาดูยียวนชวนกวนตีน



“แล้วไง กูต้องทำตามด้วย?” ผมถามกลับไปน้ำเสียงกวนตีนสู้กลับ



“ต้องทำไม่อย่างนั้นมึงเจอดีแน่” ทิวพูดกระซิบกระซาบข้างหูแล้วเดินจากผมไป



นั่นคือจุดเริ่มต้นของการเป็นศัตรูของเราสองคนครับ เรื่องอะไรที่ผมต้องทำตามที่มันสั่งด้วย อีกอย่างผมบริสุทธิ์ไม่คิดกับส้มจี๊ดเชิงชู้สาวแต่บางครั้งผมเองก็ยอมรับว่านึกสนุกแกล้งมันด้วยการพูดคุยกับส้มจี๊ดให้ทิวมันโกรธ ผมว่าผมโรคจิตนะครับ ชอบทำให้มันโกรธใบหน้าเวลามันโกรธผมว่าดูตลกดี แต่ทิวคงไม่ตลกด้วย



“ไอ้เอก กูบอกแล้วไงว่าอย่ามายุ่งกับน้องส้มจี๊ด!!!” มันชี้หน้าด่าผมกลางไร่



“มึงเป็นอะไรกับน้องส้มจี๊ดล่ะ? ถึงบอกให้กูห้ามยุ่ง” ผมวางคีมตัดกิ่งแล้วหันไปถามคนที่ยืนกำหมัดอยู่ข้างหลัง ทิวกัดฟันกรอดเพราะมันคงบอกไม่ได้ว่าเป็นอะไรกับส้มจี๊ด



“แฟนก็ไม่ใช่เสือกหวงก้าง ทำตัวเป็นหมาหวงก้างไปได้”



“มึงว่ากูเหรอ?” ทิวไม่ถามอย่างเดียว หมัดหนักๆก็เข้าประเคนใบหน้าผมเข้าอย่างจัง ผมเองไม่ชอบมีเรื่องก็จริงแต่ถ้าใครหาเรื่องผมเองก็พร้อมโต้กลับ



“เหี้ย!!” มันร้องออกมาเมื่อถูกเตะไปที่กลางหลัง เราสองคนตะลุมบอนกันผลัดกันชก ผลัดกันเตะ จนคนต้องเข้ามาห้ามและถูกเรียกตักเตือน



หลังจากนั้นผมกับทิวก็มีเรื่องกันบ่อยครั้งและถูกลงโทษให้หักเงินเดือนบ้าง ให้อดข้าวเย็นบ้างจนกระทั้งวันหนึ่ง ‘พี’ คนงานคนใหม่ที่เข้ามาทำไร่ส้ม ผมเห็นครั้งแรกก็ถูกชะตาจึงได้ชวนคุยแล้วสอนงานให้คร่าวๆ จนถึงจุดที่พลิกชะตาชีวิตของผมนั่นก็คือโรงอาหาร



ผมพาพีมาทานข้าว ส้มจี๊ดพอเห็นพีก็มานั่งชวนคุย ก่อนจะเร่งให้พีรีบกินก่อนคนในไร่องุ่นจะมา



“พูดปุ๊บมาพอดีเลย” ส้มจี๊ดเบะปากใส่เมื่อเห็นกลุ่มคนงานไร่องุ่นเดินมาแต่ไกล





“น้องส้มจี๊ดไปตักข้าวให้พี่หน่อยสิ พี่ทิวหิวข้าวจนตาลายหมดแล้ว” ทิวที่ท่าทางเอาเรื่องเดินเข้ามาหาส้มจี๊ดที่นั่งอยู่กับพีและผม





“ไม่ว่าง พี่หิวก็ไปต่อแถวเองสิ” ส้มจี๊ดพูดน้ำเสียกกระแทกกระทั้นใส่ติดจะรำคาญเพราะคอยตามจีบแล้วพาลหาเรื่องผู้ชายทุกคนที่เข้ามาใกล้





“ไม่ว่างเพราะนั่งอยู่กับหมาเหรอน้องส้มจี๊ด” ทิวเอ่ยแล้วชายตามองไปที่ผม ซึ่งนั่งกินข้าวทำทีเป็นไม่ได้ยินทิวก็ยิ่งหมั่นไส้เข้าไปใหญ่





“ลุกไปตักข้าวให้พี่หน่อยสิ” ทิวคว้าแขนส้มจี๊ดให้ลุกขึ้น หญิงสาวสะบัดแขนแต่ก็สู้แรงของทิวไม่ได้





“ไอ้ทิวปล่อยลูกข้าเดี๋ยวนี้!!!” ป้าศรีเห็นว่าลูกสาวกำลังตกอยู่ในสถานการณ์ไม่สู้ดีก็ตะโกนใส่ทิว คนงานคนอื่นจะเข้าไปช่วยแต่ถูกคนงานไร่องุ่นซึ่งเป็นลูกน้องของทิวคอยกันตัวเอาไว้กลายเป็นว่าในวงล้อมตอนนี้มีเพียง ผม พี  ส้มจี๊ด และก็ทิว





“ไอ้ทิว มึงปล่อยส้มจี๊ดได้แล้วมึงไม่เห็นเหรอว่าน้องเจ็บแขน” ผมลุกขึ้นมาต่อว่าทิวอย่างเหลืออดเพราะส่วนตัวไม่ชอบที่เห็นผู้ชายรังแกผู้หญิง





“มึงไม่ต้องมาทำเป็นสุภาพบุรุษเลยไอ้เอก กูจะให้ส้มจี๊ดไปตักข้าวมึงจะทำไม!!!”





“พวกพี่ใจเย็นก่อนนะครับ” พีเข้ามาขวางเอาไว้แล้วดึงตัวส้มจี๊ดออกมาหลบด้านหลังตัวเองอย่างเนียนๆ



 

“มึงเป็นใคร มาเสือกอะไรด้วยถ้าไม่อยากโดนกูกระทืบส่งน้องส้มจี๊ดมา” ทิวหันมาด่าพี





“พี่พีส้มจี๊ดกลัว..ฮือ..” ส้มจี๊ดร้องไห้ออกมา





“กูไม่ส่งให้มึงจะทำไม” พีพูดโต้ตอบกลับไป





“ไม่ส่งใช่ไหม...ได้มึงต้องเจอตีนกู” ทิวพูดจบก็ยกขาถีบไปที่หน้าท้องของพีโชคดีที่หลบทัน





“ส้มจี๊ดหลบไปก่อน” พีหันไปบอกส้มจี๊ด ส่วนตัวเองก็เข้าไปช่วยผมที่เข้ามาขวางไม่ให้ทิวทำร้ายพี





‘ผัวะ’ หมัดต่อหมัดระหว่างผมและทิวที่ซัดใส่กันอย่างไม่มีใครยอมใครแต่ผมก็เสียหลักถูกทิวเตะเข้าที่ซี่โครงจนล้มลงไป พีวิ่งเข้าไปถีบกลางหลังของทิวจนล้มไปที่โต๊ะก่อนจะขึ้นคร่อมชกหน้าทิวไม่ยั้ง





“มึงคิดว่าชกกูได้ฝ่ายเดียวเหรอ” ทิวรวบแรงเฮือกใหญ่พลิกตัวของพีให้นอนอยู่ใต้ร่างแทนก่อนจะง้างมือเข้าชกใส่หน้าบ้าง





“หยุดเดี๋ยวนี้!!!!” เสียงทรงพลังที่ทำเอาทุกคนหยุดชะงัก คุณสิบทิศเดินเข้ามาในโรงอาหารก่อนจะมองไปรอบๆก็พอจะเดาสถานการณ์ได้ว่ามีเหตุทะเลาะวิวาทกัน





“คนที่มีเรื่องตามฉันไปที่บ้านใหญ่ทุกคน!!!”



สิ้นเสียงคุณสิบทิศพวกเราก็ถูกตักเตือนพร้อมรับบทลงโทษที่ไม่สามารถผ่อนปรนได้



“ไอ้เอกมึงไปนอนบนพื้น เตียงนี้ของกู” ทิวที่เดินออกมาจากห้องน้ำในสภาพใส่บ็อกเซอร์ตัวเดียว ท่อนบนเปล่าเปลือยโชว์หน้าท้องเป็นลอนที่มีหยดน้ำเกาะอยู่



“เรื่องอะไรที่กูจะนอนพื้น ของทุกอย่างในนี้มึงกับกูมีสิทธิ์เท่ากัน ถ้ามึงไม่พอใจมึงก็ไปบอกคุณสิบทิศ” ผมเอ่ย มือก็เอื้อมหยิบหนังสือมาอ่าน

‘พรึบ’ ทิวดึงหนังสือออกจากมือผม



“แต่กูไม่อยากนอนบนเตียงกับมึง” ทิวเอ่ย ใบหน้าเรียบนิ่งที่มีไว้ขู่ผม ทำไมผมรู้สึกขำมากกว่าจะกลัวกันนะ



“นั่นมันปัญหาของมึง ไม่อย่างนั้นก็นอนบนพื้น” ผมเอ่ยอย่างไม่ใส่ใจ มือก็ดึงหนังสือกลับแล้วอ่านต่อ ทิวก็ลุกออกจากเตียงแล้วหยิบหมอนเล็กๆมาวางไว้ข้างๆผม



“มึงห้ามล้ำหมอนนี่เป็นอันขาด” ทิวบอกกับผมก่อนจะล้มตัวนอนลงไปเล่นโทรศัพท์มือถือ ให้ตายเหอะเหมือนเด็กอนุบาลแย่งที่นอนชัดๆมีการแบ่งเขตเอาหมอนกั้นด้วย ขนาดวันแรกยังมีเรื่องให้กัดกัน ถ้าอยู่ครบเดือนมีหวังประสาทกินแน่



เราสองคนต่างคนต่างก็อยู่ในโลกส่วนตัวไป ผมอ่านหนังสือไปเรื่อยๆจนกระทั่งรู้สึกง่วงและคิดจะปิดไฟนอน จึงหันไปดูอีกคนก็พบว่านอนหลับไปแล้ว ผมมองใบหน้าที่มีแผลจากการชกต่อยที่ตอนนี้หลับชนิดที่ไม่รู้สึกตัว คงจะหมดฤทธิ์เฉพาะตอนหลับ



“ฝันดีบัดดี้” ผมกระซิบข้างหูของทิวเบาๆ ถึงผมกับมันจะชกกันบ่อย ด่ากันทุกวัน ผมกลับไม่รู้สึกเกลียดมันเลยสักนิด…





















...................................

มาแล้วค่า

เรื่องนี้ท่านยุ่งจะเขียนให้ตัวละครเล่าเรื่องสลับกัน

ตอนนี้เราเริ่มกันที่พี่เป็นเอกคนแมน ที่มาเล่าถึงการเป็นคู่กัดของพี่แกกับทิว หวังว่าจะชอบกันนะคะ



ได้อ่านคอมเม้นกันมากมายดีใจนะคะที่ชื่นชอบกัน หวังว่าจะติดตามอ่านคู่นี้กันเยอะๆนะคะ เราจะ...

โนมาม่า โนน้ำตา เรามีความฮา ความบ้าล้วนๆ



สุดท้ายนี้ขอขอบคุณที่เข้ามาอ่านและติดตามกันนะคะ




ออฟไลน์ ♥►MAGNOLIA◄♥

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7538
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +193/-11
คิดว่าจะนอนกันดีๆ ได้มั้ย  :katai1: :katai1: :katai1:
เอ่อ.....งคนอ่านไม่เชื่อคนนึงละ :hao3:
รอตอนต่อไป
       :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ fay 13

  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 5635
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +286/-44

ออฟไลน์ mystery Y

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7697
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +585/-12
มาติดตามด้วยคน~

ออฟไลน์ TanYung0209

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 288
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +70/-2
บันทึกรัก…ไร่แสงจันทร์

Writer : Tan-Yung0209

File : เมื่อผมมีเมีย(ผัว)เป็นคู่กัด 02















สวัสดีครับ ผมชื่อ ‘ทิวไผ่’ เรียกสั้นๆว่าทิวครับ ชื่อผมดูตลกว่าไหม? แน่นอนว่ามันเป็นความลับด้วย ผมจะไม่ยอมให้ใครรู้ชื่อของผมเป็นอันขาด



เรามาเข้าเรื่องกันดีกว่า นี่นับว่าเป็นครั้งที่สองที่ผมนอนไม่หลับตั้งแต่มาอยู่ไร่แสงจันทร์แห่งนี้ ครั้งแรกก็คือวันที่ผมถูกพ่อส่งมาทำงานในไร่เพื่อจะดัดสันดาร ไม่สิ เรียกให้ถูกว่าตัดหางปล่อยวัดและครั้งล่าสุดก็คือเมื่อคืนที่ผมต้องนอนร่วมเตียง ร่วมก้องกับ ‘เป็นเอก’ ศัตรูหัวใจคนสำคัญ



ผมลุกออกจากเตียงแล้วก้มมองคนที่นอนหลับไม่รู้เรื่องรู้ราว ถ้าผมเอาหมอนมากดหน้ามัน มันก็คงไม่รู้ตัวด้วยซ้ำ ผมบิดขี้เกียจเล็กน้อนแล้วเดินไปยังห้องน้ำ



“แม่ง ลืมหยิบยาสีฟัน” ผมสบถ เมื่อนึกขึ้นได้ว่ายาสีฟันยังคงอยู่ที่บ้านพักหลังเก่า ถ้าจะให้กลับไปเอามันต้องใช้เวลา ในระหว่างที่ผมกำลังคิดว่าจะทำอย่างไรดี ตาก็เหลือบไปเห็นยาสีฟันที่วางใกล้กับแปรงสีฟันเป็นเอก



‘เรื่องอะไรที่กูจะนอนพื้น ของทุกอย่างในนี้มึงกับกูมีสิทธิ์เท่ากัน ถ้ามึงไม่พอใจมึงก็ไปบอกคุณสิบทิศ’



เสียงของเป็นเอกมันดังก้องในหัว ในเมื่อมันบอกเองว่าของทุกอย่างในนี้ผมกับมันมีสิทธิ์เท่ากัน ผมก็ถือโอกาสบีบยาสีฟันลงบนแปรงสีฟันของผมเอง ก่อนจะนึกอะไรบางอย่างออกมา…



ผมอาบน้ำเสร็จก็รีบแต่งตัวออกจากบ้านพักไปทำงาน ส่วนเป็นเอกผมก็ปล่อยให้มันนอนไป ผมไม่คิดจดปลุดหรอกเพราะอยากให้มันตื่นสาย ลุงพล ลุงชิต ก็จะได้ด่ามัน



“เฮ้ย!!! ลูกพี่ทิวมาแล้ว” ดิน ลูกน้องคนสนิทของผมรีบวิ่งเข้ามาหา



“ไหนวะ..ลูกพี่ทิว!!!” คราวนี้นอกจากไอ้ดิน ก็มีน้องชายฝาแฝดของมันอีกสามคน นั่นก็คือ น้ำ ลม ไฟ ผมว่าตอนแม่มันปวดท้องคลอดคงจะดูละครสี่ยอดกุมารพอดี



“เป็นอะไรกันวะ แล้วนี่มากอดกูทำไม?” ผมถามเพราะถูกผู้ชายสี่คนถึงมันจะตัวเล็กกว่าผมแต่ถ้าผมถูกรุมกอดขนาดนี้ ผมก็สู้แรงไม่ไหวเหมือนกัน



“ผมนึกว่าลูกพี่ทิวจะเป็นอะไรไปเสียแล้ว” น้ำเอ่ย



“นี่มึงแช่งกูเหรอ? ไอ้น้ำ”



“เปล่าครับลูกพี่ทิว ก็ผมได้ยินคนเขาพูดกันว่าลูกพี่ทิวกับพี่เป็นเอกถูกย้ายไปอยู่บ้านพักเดียวกัน ผมก็กลัวว่าพวกพี่จะทะเลาะกันตีกันตายคาบ้านพัก” น้ำอธิบาย ส่วนฝาแฝดอีกสามคนก็พยักหน้าตาม



“เหอะ กูไม่เป็นอะไรง่ายๆหรอก ไอ้เอกจะสู้อะไรกูได้ แค่หน้าตากูก็กินขาดแล้ว”



“นี่พวกแกจะอู้งานอีกใช่ไหม รีบไปทำงาน!!!” ลุงพลที่ไม่รู้มาตั้งแต่ตอนไหน เอาเป็นว่าลุงแกตวาดพวกเราจนผมต้องกับไอ้พวกแฝดแยกย้ายกันไปทำงานต่อ ช่วงนี้งานหนักนิดหน่อยเพราะคอยประคบประหงมองุ่นลูกรักให้อยู่รอดปลอดภัยไปจนถึงวันเก็บผล



ตอนเที่ยง



เวลาที่ผมรอคอยก็มาถึง…เวลาพักเที่ยง เวลาที่ผมจะได้เติมพลังและได้เจอหน้าน้องส้มจี๊ดแสนสวยของผม



“ลูกพี่ทิวอารมณ์ดีเชียวนะครับ” ลมพูดออกมา มันคงจะเห็นใบหน้าเปื้อนยิ้มของผม



“ใช่สิ จะไม่ให้กูอารมณ์ดีได้ยังไง เดี๋ยวกูก็จะได้เจอน้องส้มจี๊ด” ผมพูดพลาง ยิ้มไปพลางจนผมดูคล้ายกับคนบ้า



“แต่ลูกพี่ทิวต้องไปรายงานตัวกับคุณสิบทิศพร้อมกับพี่เป็นเอกไม่ใช่เหรอ?” คำพูดของไอ้ไฟทำให้รอยยิ้มของผมหายไปทันที จริงสิ ผมเกือบลืมไปแล้วนะเนี่ย



“สวัสดีบัดดี้” เสียงที่แสนระคายหูดังมาทักทาย ผมหันไปมองเจ้าของเสียง



“พวกมึงไปก่อน กูมีเรื่องจะคุยกับ ‘บัดดี้’ เป็นการส่วนตัว” ผมบอกกับแก๊งค์สี่ยอดกุมาร ตาก็มองเป็นเอกที่ยืนหน้านิ่งอยู่ตรงหน้า



“แปรงฟันแล้วยังมึง?” พูดจบผมก็เอามือปิดจมูกตัวเองไปด้วย



“แปรงแล้ว พอดีกูซื้อยาสีฟันตุนเอาไว้หลายหลอด ว่าแต่มึงเถอะ ปากเหม็นมากเหรอ? ถึงใช้ยาสีฟันไปหมดหลอด” เป็นเอกตอบแถมยังยกยิ้มกวนตีนใส่ผมอีก



“ใครว่ากูเอามาใช้ กูก็แค่….”



“แค่อะไร?”



“ช่างมัน เอาเป็นว่ามึงกับกูรีบกินข้าวดีกว่า วันนี้ต้องพบคุณสิบทิศอีก” ผมเบี่ยงประเด็น ใครอยากจะบอกล่ะครับว่าผมเอายาสีฟันมันไปบีบใส่ลองเท้าผ้าใบกับกางเกงบางตัวของมัน ผมก็หวังว่ามันจะเจอแจ็คพ็อตสักวัน



ผมกับเป็นเอกเดินไปยังโรงอาหารแล้วต่อแถวรับข้าว ต่างคนต่างไม่พูดอะไรกันครับแต่คนที่พูดคือคนงานส่วนใหญ่ที่คอยมองและซุบซิบเรื่องของผมกับเป็นเอก ประมาณว่าทำไมมาด้วยกัน โดนทำโทษจริงเหรอ? มันไม่ชกกันตายคาห้องตั้งแต่เมื่อคืนเหรอ? และสารพัดคำพูดที่พวกเขาพูดคุยกัน แต่ผมก็ไม่คิดจะสนใจคำพูดเพราะผมสนใจอาหารที่ถืออยู่ในมือมากกว่า



ผมกับเป็นเอกนั่งเผชิญหน้ากัน ต่างคนต่างกินมีบ้างที่ผมจะลอบมองและรู้สึกได้ว่ามันเอกก็ลอบมองผม ความเงียบปกคลุมเพราะทั้งโต๊ะมีแค่เราสองคนเท่านั้น จนกระทั่ง…



“นี่น้ำกระเจี๊ยบแสนอร่อย ส้มจี๊ดให้พี่เอกแล้วก็พี่ทิวจ๊ะ” มือขาววางแก้วน้ำกระเจี๊ยบสีแดงก่ำตรงหน้าผม ส้มจี๊ดผู้หญิงที่คอยผลักไสผมตอนนี้กลับทำดีกับผมอย่างไม่น่าเชื่อ



“ส้มจี๊ดดีใจมากเลยนะจ๊ะที่พี่เอกกับพี่ทิวไม่ทะเลาะกัน” ส้มจี๊ดเอ่ย ริมฝีปากคลี่ยิ้มออกมาจนใจผมแทบละลาย เป็นอย่างนี้นี่เองถ้าผมทำดีกับเป็นเอก น้องส้มจี๊ดก็จะมองผมเป็นคนดีแล้วบางทีก็จะใจอ่อนยอมเป็นแฟนผมก็เป็นได้



“ใครมันจะทะเลาะกันทุกวันล่ะน้องส้มจี๊ด พี่เองก็เริ่มเบื่อแล้วที่ต้องทะเลาะกับไอ้เอก” ผมบอกหญิงสาวที่ผมตามจีบ เป็นเอกมองหน้าผม ผมเองก็ทำทียิ้มกลับไป



“ส้มจี๊ดมาช่วยแม่ตักข้าว!!” ป้าศรีเรียกลูกสาว ส้มจี๊ดเลยต้องกลับไปตักข้าวต่อ



“กูไปญาติดีกับมึงตั้งแต่เมื่อไหร่?” เป็นเอกถาม



“ก็ไม่ได้ญาติดีอะไร กูแค่แกล้งทำดีกับมึง พวกเราสองคนจะได้ไม่ถูกคุณสิบทิศแพ่งเล็งไง



“ไม่ใช่เพราะมึงจะทำเป็นดีกับกูเพราะจะทำคะแนนกับน้องส้มจี๊ดหรอกนะ” เป็นเอกพูดต่อแถมยังพูดถูกอีกตังหากเรื่องที่ผมทำดีกับมันเรื่องส้มจี๊ด



“แสนรู้ว่ะมึง” ผมเอ่ย เป็นเอกมองหน้าผมแล้วส่ายหัวเบาๆ จากนั้นเราทั้งสองคนก็กินข้าวกันต่อจนเสร็จ



ในช่วงเที่ยงผมกับเป็นเอกก็ได้ไปหาคุณสิบทิศ คุณสิบทิศเองก็ถามว่าเป็นยังไง? อยู่ได้ใช่ไหม? แน่นอนว่าพวกเราสองคนไม่มีใครกล้าพูดว่า ‘ไม่’ เพราะขืนพูดไปดีไม่ดีคุณสิบทิศอาจจะให้ผมกับเป็นเอกทำอะไรแผลงก็เป็นไปได้



หลังจากที่รายงานตัวเสร็จ ผมก็กลับไปไร่องุ่นเช่นเดียวกับเป็นเอกที่กลับไปไร่ส้ม ผมก็ทำงานไปพลางตวาดไอ้พวกสี่ยอดกุมารไปพลางที่มัวแต่เล่นกันแล้วยังมาถามซอกแซกเรื่องผมกับเป็นเอกอีก



“ลูกพี่ทิวได้ข่าวว่าลูกพี่นอนกับพี่เป็นเอกคืนเดียวก็ดีกันเลยเหรอ? ผมอยากรู้ว่าพี่เป็นเอกเขาทำอะไรกับลูกพี่ถึงได้ดีกันได้” ไอ้ไฟเข้ามาถามผม ส่วนคนที่เหลือก็เงียบฟังคำตอบ…ไม่ค่อยจะเสือกกันเลยนะพวกมึง



“มันไม่ได้ทำอะไรกูทั้งนั้นแหละ ใครมาถามอีกกูจะกระทืบฝังร่างไว้ใต้ต้นองุ่นเลยคอยดู” ผมพูดขู่ ทุกคนเลยกลับไปทำงานต่อ



ตอนเย็น พอเลิกงานหลักจากไร่องุ่น ผมกับเป็นเอกก็ต้องมาที่ฟาร์มโคนมเพื่อทำภารกิจเก็บ กวาด ชะล้าง บรรดาขี้สีเขียวของโคนมให้ออกไป เพื่อสุขอนามัยของสัตว์แต่ก่อความเหนื่อยล้าให้กับผมสุดๆ



“เสร็จสักที” เป็นเอกเอ่ย ในขณะที่ยืนล้างมือ



“กูล้างด้วย” ผมเดินแทรกตัวดันคนที่ยืนล้างมือออกไป ก่อนจะเปิดน้ำให้ไหลแรง ไม่พอผมใช้นิ้วกดไปที่ก็อกน้ำทำให้น้ำกระจายไปทั่วบริเวณ จนเป็นเอกที่ยืนอยู่ข้างๆเปียกปอน



“ไอ้ทิว มึงเล่นห่าอะไร!!!” เป็นเอกที่ใจเย็นตอนนี้มันโวยวาย เจ้าตัวเข้ามาใกล้ผมแล้วใช้มือกดน้ำที่ก็อกให้สาดมาทางผมบ้าง



“ไอ้เหี้ย!!! กูเปียกหมดแล้ว” คราวนี้ผมเป็นฝ่ายโวยวายบ้าง



“เออ กูก็ตั้งใจให้มึงเปียกไง” เป็นเอกพูดพร้อมยกยิ้ม



ผมกับเป็นเอกก็หยุดเปิดน้ำสาดใส่กัน เราสองคนก็เดินกลับที่พัก พอมาถึงก็เกิดปัญหาการแย่งห้องน้ำกัน



“กูอาบก่อน” ผมเดินไปที่ห้องน้ำแต่ถูกเป็นเอกที่ก้าวขาไวกว่าขวางทางไว้



“กูมาถึงก่อน”



“แต่กูจะอาบก่อน” ผมยังรั้นที่จะอาบน้ำก่อน



“เอาอย่างนี้ไหม? มึงอาบน้ำพร้อมกับกู” เป็นเอกเอ่ย ตาก็ก้มมองร่างกายของผมแล้วหยุดอยู่ที่กลางกายของผมซึ่งมีผ้าขนหนูสีขาวพันไว้ ผมรู้สึกขนลุกถึงจะรู้ว่ามันแกล้งผมก็ตาม



“กูไปอาบห้องไอ้เรย์ก็ได้” ผมเดินออกจากห้องไปทั้งที่มีผ้าขนหนูตัวเดียวไปยังบ้านพักใกล้ๆ มันเป็นเรื่องปกตินะครับเพราะอยู่กันมีแค่ผู้ชาย บางคนใส่บ็อกเซอร์ตัวเดียวมาเล่นกีตาร์หน้าห้องก็มี พอถึงห้องเรย์ผมอาบน้ำโดยใช้เวลาไม่นานเพราะรู้สึกล้าไปทั้งตัว พอถึงห้องผมก็ล้มตัวนอนทั้งๆที่นุ่งผ้าขนหนู ส่วนเป็นเอกยังอาบน้ำไม่เสร็จครับ ซึ่งผมก็ไม่สนใจหรอก ผมในตอนนี้ง่วงนอนเต็มที



ในขณะที่ผมหลับอยู่แล้วดูเหมือนจะฝันดีด้วยซ้ำ ผมก็รู้สึกถึงแรงยวบของที่นอนข้างๆ เป็นเอกมันคงจะนอนเหมือนกัน



‘พลั่ก’



“โอ๊ย!!! เหี้ย!!!”



ผมตกเตียงครับ ไอ้เป็นเอกทำผมตกเตียง!!! ผมลุกขึ้นนั่งมือก็ลูบหลังตัวเอง มืออีกข้างก็รั้งผ้าขนหนูที่ดูหมิ่นเหม่เกือบจะเห็นของยักษ์ใหญ่กลางกายผม ส่วนเป็นเอกก็ยืนหมุนข้อเท้าอยู่บนเตียง นี่มันถีบผมตกลงมาสินะ



“คนนอนอยู่ดีๆ มึงมาถีบทำไม?”



“แล้วเสื้อผ้ากูอยู่ดีๆมึงเอายาสีฟันมาป้ายทำไม?”  เป็นเอกพูดเสียงนิ่ง ผมก็นึกขึ้นได้ว่าเมื่อเช้าผมแกล้งมัน



“กูอยากแกล้งมึง” ผมพูดตรงๆ แล้วลุกไปนอนอีกครั้ง พอผมนอนปุ๊บ ไอ้เป็นเอกก็นั่งคร่อมตัวผมปั๊บ



“เหี้ย!! มึงลุกออกไปเลย มานั่งบนตัวกูทำไม?” ผมผลักมันแต่ก็ถูกมันรวบข้อมือไว้ ตอนนี้ร่างกายผมมันไม่มีแรงพอที่จะสู้กับเป็นเอกได้



“กูอยากคร่อมมึง” มันตอบ รอยยิ้มแสนชั่วร้ายก็เคลืบอยู่บนใบหน้าของมันด้วย



























............................................

มาแล้วกับความบ้าบอ บ้าบอที่สุดของที่สุด

เรื่องนี้จะเขียนแบบตัวละครสลับกับเล่าเรื่องนะคะ ตอนที่แล้วพี่เป็นเอกเล่า ตอนนี้ลูกพี่ทิวเล่า



ตอนหน้าอย่าคิดว่าจะเสียเลือด ขึ้นชื่อว่าลูกพี่ทิวผู้ยิ่งใหญ่แห่งไร่องุ่นจะมาเสียท่าง่ายๆได้ยังไง อีกอย่างพี่เป็นเอกเองก็ต้องระวังตัววันไหนลูกพี่ทิวคึก พี่เป็นเอกอาจจะไม่รอด 5555555555



สุดท้ายนี้ขอขอบคุณที่ติดตามอ่านกันนะคะ เข้ามาเม้นมารอ ดีใจมากค่ะ


ออฟไลน์ ❣☾月亮☽❣

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 6774
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +264/-6
แจ้งเจตนาชัดดีจังพี่เอก คร่อมแล้วไงต่อคะ
ว่าแต่ไม่มีเสียเลือดแล้วมีเสียเหงื่อไหมล่ะเนี่ย

ออฟไลน์ mystery Y

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7697
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +585/-12
รอตอนต่อไป~

ออฟไลน์ TanYung0209

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 288
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +70/-2
บันทึกรัก...ไร่แสงจันทร์

Writer : Tan-Yung0209

File : เมื่อผมมีเมีย(ผัว)เป็นคู่กัด

 

 

 

 

 

 

 

“กูอยากคร่อมมึง”

 

ผมตอบคนที่นอนใต้ร่างพร้อมเผยรอยยิ้มกวนๆให้กับมัน ผมพอจะจับจุดได้ว่าทิวที่กล้าในทุกๆเรื่องเป็นผู้ชายแท้ๆที่หวงตัวเอง ถ้ามันโดนผมคร่อมไว้หรือทำให้มันเข้าใจว่าผมเป็นเกย์ มันคงจะตกใจน่าดู

 

“คร่อมบ้าคร่อมบออะไอ้เอก มึงลงจากตัวกูเดี๋ยวนี้!!!” ทิวตะคอกใส่หน้าผม แถมยังมองดุมาอีก ถึงจะดูดุแค่ไหนผมก็มองเห็นความหวั่นกลัวในดวงตาคู่นี้อยู่ดี

 

“เรื่องอะไร ทำไมมึงกลัวกูเหรอ?” ผมแกล้งโน้มหน้าไปใกล้ใบหูอีกคนแล้วกระซิบเบาๆโดยใช้น้ำเสียงที่เย็นพอให้คนฟังเสียวสันหลัง

 

“กลัวเหี้ยไรล่ะ!!!”

 

“เฮ้ย!!!”

 

ความประมาทของผมทำให้ทิวอาศัยจังหวะที่ผมผ่อนแรงจับข้อมือมัน กระชากข้อมือหลุดออกมาแล้วผลักผมจนผมล้มไปนอนแล้วทิวก็เป็นฝ่ายคร่อมทับผมแทน

 

“มึงคิดว่ามึงคร่อมคนอื่นเป็นอย่างเดียวเหรอวะ เสียใจว่ะกูเองก็คร่อมเก่งจนสาวหลง” ทิวรวบข้อมือผมตรึงกับเบาะนุ่ม มุมปากกระตุกยิ้มร้าย ฮึ!! ถึงจะร้ายผมก็ไม่กลัวมันหรอก

 

“เหรอวะ? สาวหลงเหรอวะ แต่กูเห็นน้องส้มจี๊ดไม่ยักจะหลงมึงว่ะ” ผมพูดกวนแทงใจมันไป ได้ผลครับทิวกัดฟันกรอด มือก็กำหมัดเตรียมง้างชกผม

 

“อย่าชกกูนะ ถ้าหน้ากูเป็นแผลคุณสิบทิศกับน้องส้มจี๊ดจะได้รู้ว่ามึงแกล้งทำเป็นดีกับกู”

 

“ขอบคุณที่เตือน กูลืมไป” ทิวลดมือลงแต่มันยังคร่อมผมอยู่ดี

 

“คิดจะนั่งคร่อมกูจนถึงเมื่อไหร่? หรืออยากจะขย่มกูแทน” ผมถามแล้วแกล้งขยับกลางกายถูไถกับบั้นท้ายทิว ทิวชะงักก่อนจะรีบปรับสีหน้าให้เป็นปกติถึงแบบนั้นก็ไม่รอดพ้นสายตาผมหรอก

 

“ขย่มเหี้ยไร? เท่านิ้วก้อยอย่างมึงอย่ามาคิดเสียบกู ไม่สิไม่ว่าใครก็ตามจะผู้หญิง ผู้ชายก็เถอะ อีกอย่างถึงกูจะชกหน้ามึงไม่ได้แต่กูก็ทำอย่างอื่นได้” ทิวเอ่ย ก่อนจะก้มหน้าลงมากัดผมที่บ่า

 

“ซี๊ด....เชี่ยทิว” ผมกัดปากแน่นไม่ร้องโวยวายอะไรเพราะกลัวบ้านข้างๆจะได้ยินจนแตกตื่น ทิวผละปากออกหลังจากที่ฝั่งเขี้ยวลงบ่าผมจนพอใจ

 

“แม่ง มึงเป็นหมาเหรอวะ?” ผมสบถ

 

“เออ หมาบ้าด้วย” มันลุกจากตัวผมแล้วถีบผมตกเตียง

 

“มึงจะมาถีบกูทำไม?” ผมเริ่มไม่พอใจ ทั้งที่กัดผมแล้วยังจะมาถีบผมตกเตียงอีก

 

“ค่าเสียเวลานอน เสือกมายุ่งตอนกูหลับ” ทิวเอ่ยแล้วล้มตัวนอน ผมเองก็ลุกขึ้นปิดไฟแล้วกลับมานอนบนเตียง ผมพลิกตัวนอนไปทางทิวก็พบว่ามันนอนหลับไปแล้ว สงสัยมันคงจะเหนื่อยมากจริงๆ

 

.

.

.

 

เช้าที่แสนสดใส ทิวก็ออกไปจากไร่ตั้งแต่เช้า ผมว่าผมตื่นไม่สายนะครับแต่ไอ้ทิวตื่นเร็วกว่า ผมอาบน้ำเสร็จก็ทานขนมปังที่ซื้อตุนเอาไว้กับนมเป็นอาหารเช้า พอเสร็จก็แต่งตัวโดยผมต้องคอยสอดส่องเสื้อตัวเองว่ามีร่องรอยยาสีฟันหรือไม่ ซึ่งมันมีเกือบทุกตัวจนเหลือเสื้อยืดตัวสุดท้ายที่คอกว้างและย้วยพอผมใส่ปุ๊บ ผมก็สำรวจตัวเองหน้ากระจกปรากฏว่าเสื้อตัวนี้มันจะทำให้ผมยิ้มไม่หยุดตลอดวัน

 

“ไอ้เอก สวัสดี” ลุงชิตเข้ามาตบบ่าผมที่กำลังเก็บผลส้ม

 

“สวัสดีครับลุงชิต มาส่องคนอู้งานเหรอครับ?” ผมถามหัวหน้างานอย่างอารมณ์ดี

 

“เออ ว่าจะมาดู เฮ้ย!! ไอ้เอกบ่าไปโดนอะไรกัด เป็นรอยเขี้ยวเลย” ลุงชิตถามผมด้วยความเป็นห่วง ลุงชิตจ้องมองชนิดที่ว่าไม่ละสายตาเลย

 

“อ๋อ เมื่อคืนผมกับไอ้ทิวเล่นกันครับ ผมพลาดท่าโดนมันนั่งคร่อมแล้วกัดบ่าผมเนี่ย” ผมบอกลุงชิตอย่างอารมณ์ดี ที่สำคัญผมจงใจพูดเสียงดังให้คนอื่นๆได้ยินเพื่อที่จะได้พูดกันต่อๆไปจนไอ้ทิวได้ยิน

 

ข่าวเรื่องผมถูกทิวกัดแพร่สะพัดไปทั่วในเวลาไม่ถึงชั่วโมง ผมกลายไปจุดสนใจและคนส่วนใหญ่ก็ทำเป็นมาทักทายผมเพื่อที่ได้มองรอยกัดที่ผมจงใจ เปิดบ่าให้เห็นชัดๆ ผมคิดว่าตอนนี้ไอ้ทิวคงได้ยินข่าวนี้แน่ๆ ถ้าเจอกันมันคงอาละวาดที่โรงอาหารแน่

 

จนกระทั่งมาถึงเวลาที่ผมรอคอย ช่วงพักเที่ยงผมมาดักรอมันที่หน้าโรงอาหารเลยครับ ไม่นานผมก็เห็นทิวเดินหน้านิ่งแล้วเดินตรงมาที่ผม

 

“ไอ้เอก มึงปล่อยข่าวเหี้ยไรของมึง ห๊ะ!” ทิวเดินเข้ามาในระยะประชิด มันข่มอารมณ์โกรธเอาไว้ไม่ให้แสดงออกมา มันคงอดทนที่จะต้องลงไม้ลงมือกับผม ผมอยากจะปรบมือให้ที่คนใจร้อนอย่างไอ้ทิว สามารถอดทนเป็นกับเขาด้วย

 

“หรือว่าข่าวที่ออกมามันไม่จริง?” ผมถามกลับไป ทิวเม้มปากแน่น ใกล้แล้ว....คงใกล้ระเบิดแล้ว

 

“จะว่าไปมึงกัดกู กูนึกถึงคนที่เคยขย่มกูแล้วเสียวจนกัดกูเลยว่ะ” ผมพูดไปด้วยกลั้นขำไปด้วย ผมสังเกตทิวกำหมัดแน่น ผมกวนโมโหมันเก่งมากถูกไหม จะว่าไปไอ้ทิวคือคนแรกที่ทำให้ผมรู้สึกอยากแกล้งและปั่นหัว มันทำผมนิสัยเสีย

 

“มึงอยากพูดอะไรก็เรื่องของมึง” ทิวเอ่ยแล้วเดินไปต่อแถวรับข้าว ทิ้งให้ผมยืนแปลกใจ ไอ้ทิวมันเป็นอะไรของมัน

 

“มึงเป็นอะไรบอกกูมาดิ” ผมวางจานข้าวนั่งอยู่กับมันสองคนเช่นเดิมเพราะไม่มีใครกล้ายุ่ง

 

“........................” ทิวเงยหน้ามองผมก่อนจะก้มหน้ากินข้าวต่อโดยไม่พูดไม่จา

 

“เฮ้ย!! มึงอย่าเงียบสิ อยากจะต่อยกูก็ต่อยสิ เงียบแบบนี้ดูไม่เป็นมึงเลย” ผมพูดต่อ ทิวก็เงียบเช่นเดิม ผมเลยหยุดถามแล้วกินข้าวต่อจนกระทั่งคุณสิบทิศเข้ามาที่โรงอาหาร

 

“เป็นยังไงบ้าง? ยังทะเลาะกันอยู่อีกไหม?” คุณสิบทิศถามทิว ทิวเงยหน้าขึ้นมา ตาก็มองมาที่ผม

 

“ไม่ครับคุณสิบทิศ” ผมตอบแทนทิว

 

“ก็ว่าอยู่ ได้ยินคนในไร่พูดกันว่าพวกนายเล่นกันแล้วทิวคร่อมนายแล้วกัด เล่นแผลงๆดี” คุณสิบทิศเอ่ย

 

“คุณสิบทิศครับ ผมรู้สึกไม่สบายขอลางานไปพักนะครับ” ทิวรวบช้อนแล้วพูดกับคุณสิบทิศ

 

“ได้สิ ถ้าไม่สบายฉันไม่หักเงินเดือนหรอก” คุณสิบทิศอนุญาต ทิวยกมือไหว้ขอบคุณแล้วเดินออกไป

 

“คุณสิบทิศ จะหักเงินเดือนผมก็ได้ครับ”

 

“ทำไม?”

 

“ผมจะลาไปดูไอ้ทิวมันหน่อยเห็นมันเงียบๆ” ผมตอบ

 

“เอาสิ บัดดี้กันแล้วนี่” คุณสิบทิศบอกกับผมเสร็จ ผมก็เอาจานไปเก็บแล้วตรงไปที่บ้านพัก พอเปิดประตูห้องก็พบว่าทิวนอนคลุมโปงอยู่บนตียง

 

“ทิว มึงเป็นอะไรมากไหม?” ผมเข้าไปนั่งใกล้ๆ มือก็จับบ่ากว้างเบาๆ

 

‘ผัวะ’

 

หมัดหนักๆชกเข้าตรงบ่า เล่นเอาผมเจ็บไม่น้อย ไม่พอทิวมันขึ้นคร่อมผมอีก ผมเองก็สวนหมัดกลับไปแต่ทิวมันหลบไปได้

 

“มึงบอกเองนะว่าให้กูชก” ทิวเอ่ย ผมก็เข้าใจทันทีว่าทิวมันคงจะกระทืบผมที่ห้องแน่ๆ

 

“มึงก็เลยทำเป็นลาป่วยแล้วมานอนรอกูเพื่อที่จะเอาคืนสินะ” ผมจับมันพลิกบ้าง แล้วล็อคตัวมันเอาไว้ ตอนนี้เราสองคนนอนหันหน้าเข้าหากัน มือผมก็จับมือมันแน่นและขาก็เกี่ยวขาเกี่ยวเอวมันไว้ไม่ให้มันดิ้นหลุดไปไหน

 

“แล้วแต่มึงจะคิด มึงแม่งโรคจิตหรือเปล่าที่ทำเป็นสร้างข่าวลือให้คนคิดว่ามึงกับกูเล่นแปลกๆ ดีไม่ดีคนจะมองว่ามึงกับกูกลายเป็นคู่เกย์แทนคู่กัด

 

“อ้าว มึงไม่ชอบเหรอ?” ผมทำทีไม่เดือดร้อนอะไร

 

“ใครจะชอบวะ แบบนี้น้องส้มจี๊ดจะมองว่ากูเป็นยังไง? ที่ต้องมาเป็นคู่เกย์กับมึง” ทิวพูดต่อน้ำเสียงจริงจัง

 

“ก็ช่างสิวะ มึงอคติกับเกย์หรือไง?”

 

“กูไม่ได้อคติแต่กูไม่ได้เป็นและกูก็รำคาญที่มีคนมาถามเรื่องข่าววันนี้” ทิวพูดด้วยน้ำเสียงหงุดหงิด

 

“โอ๋ๆ อย่าอารมณ์เสีย...จุ๊บ” ผมจุมพิตไปที่แก้มขวา ทิวชะงักตาเบิกกว้างก่อนจะนอนนิ่งเป็นก้อนน้ำแข็ง

 

“โดนจุ๊บนี่นอนนิ่งไปเลยเหรอครับ เดี๋ยวกูจะจูบมึงให้หายนิ่งเอง....อ๊ากก” ไม่ทันที่ผมจะแกล้งมันต่อ ทิวก็ก้มกัดข้อมือผมแทน

 

“เล่นผีๆแบบนี้ วันนี้มึงไปนอนกับไอ้เรย์เลย สัด!!!”

 

“กูไม่ไปใครจะทำไม? จะหอมแก้มกูกลับก็ได้นะ”

 

“ทำไมมึงกวนตีนแบบนี้วะ ทุกทีมึงไม่ใช่แบบนี้”

“มึงสนใจกูด้วยเหรอ? ถึงรู้ว่ากูเป็นคนยังไง?” ผมถามพร้อมกับยื่นหน้าเข้าไปใกล้ หน้าขาวๆของมันมีสีแดงระเรื่อ

 

“อะ....เออ ก็มึงศัตรูกู กูต้องรู้นิสัยใจคอเพื่อจะจัดการมึง” ทิวเอ่ย ดูก็รู้ว่าตอบแถจนสีข้างถลอก ถ้าไม่คิดเข้าข้างตัวเองผมคงกลายเป็นส่วนหนึ่งในชีวิตมันไปแล้ว

 

“อย่างนั้นเหรอ? กูเชื่อก็ได้” ผมพูดพลางกลั้วหัวเราะ

 

“มึงหัวเราะอะไร?”

 

“กูหัวเราะตัวเอง ที่กูสนใจมึงไม่ใช่เพราะเห็นเป็นศัตรู” ผมตอบด้วยรอยยิ้ม

 

“แล้วมึงเห็นกูเป็นอะไร?” ทิวถามกลับ อีกทั้งมองผมอย่างคาดคั้นคำตอบอีก

 

“ไม่บอก..จุ๊บ” ผมแกล้งจุ๊บปลายจมูกโด่งทีเผลอ

 

“ไอ้เอก ออกไปเลยไป!!!!”

 

ถึงมันจะออกปากไล่แต่คืนนั้นผมก็ยังนอนร่วมเตียงกับมัน เพิ่มเติมคือได้รอยกัดอีกหลายรอยและสุขใจที่ได้เห็นหน้าเหรอหราของทิวที่บ่งบอกว่ามันทำอะไรไม่ถูกเลยที่เจอผมเล่นงาน

















.........................................................................................

มาแล้ว คราวนี้พี่เอกเราแกล้งลูกพี่ทิวด้วย

เป็นกำลังใจให้ลูกพี่ทิวเอาคืนพี่เอกด้วยนะคะ

ตอนนี้ไม่มีอะไรมากแค่อยากบอกว่าคู่นี้เขากวนตีนกันมากกว่าที่จะถือมีดแทง

เขาใช้อย่างอื่นแทงกันค่ะ

สุดท้ายนี้ขอบคุณคนอ่าน คนเม้นและทุกกำลังใจนะคะ


ออฟไลน์ TanYung0209

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 288
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +70/-2
บันทึกรัก…ไร่แสงจันทร์

Writer : Tan-Yung0209

File : เมื่อผมมีเมีย(ผัว)เป็นคู่กัด















ผมว่าใช่…มันต้องใช่แน่ๆ ไอ้เอกต้องเป็นเกย์ มันต้องชอบผู้ชายด้วยกัน อย่างเวลาอยู่ที่ห้องด้วยกันมันชอบทำทีมาจับแขนผม ตัวผม จนผมขนลุก บางคืนผมต้องไปนอนกับเรย์ที่อยู่บ้านพักใกล้ๆ แล้วอยู่ดีๆผมก็ถูกคุณสิบทิศเรียกตัว



“ทิว” คุณสิบทิศเรียกผมด้วยน้ำเสียงและท่าทางสบายๆ



“ครับ คุณสิบทิศ” ผมเองก็ขานรับเจ้านายของผม



“ได้ข่าวว่านายไปนอนห้องเรย์เหรอช่วงนี้ มีปัญหาอะไรกับเป็นเอกหรือเปล่า?” คุณสิบทิศถาม ผมประหลาดใจไม่น้อยที่คุณสิบทิศทราบเรื่องนี้



“ตอบมาสิ ไม่ต้องคิดหรอกว่าฉันรู้ได้ยังไง” คุณสิบทิศพูดต่ออย่างรู้มัน



“ไม่ได้มีปัญหาอะไรครับ” ผมตอบ



“ถ้าอย่างนั้นก็นอนที่ห้องตัวเองกับเป็นเองสิ ฉันสั่งให้นายเป็นบัดดี้กัน ต้องกิน ต้องนอนด้วยกันเป็นเวลาหนึ่งเดือนแต่นายกลับไปนอนบ้านของเรย์หนึ่งอาทิตย์ ฉันก็ขอเพิ่มเวลาให้พวกนายอยู่ด้วยกันอีกหนึ่งอาทิตย์เช่นกัน”



“คุณสิบทิศ…” ผมร้องโอดครวญ



“เอาล่ะ ไปทำงานได้”



ผมเดินออกจากห้องทำงานคุณสิบทิศแล้วตรงไปยังฟาร์มโคนมเพื่อไปจัดการทำความสะอาดเหมือนทุกๆวัน แตกต่างเพียงเวลาที่วันนี้ต้องมาล้างตั้งแต่บ่าย ถ้าล้างเสร็จผมก็กลับไปนอนพักหรือจะไปเที่ยวเตร็ดเตร่ได้เลยครับ พอผมไปถึงที่นั่นก็พบเป็นเอกกำลังใช้สายยางฉีดน้ำล้างพื้นอยู่



“ไอ้เอก มึงไปบอกคุณสิบทิศเรื่องที่กูไปนอนที่ห้องไอ้เรย์ใช่ไหม?” ผมเดินไปหาแล้วถามคำถามโดยไม่คิดที่จะช่วยอีกฝ่ายทำความสะอาด



“เออ กูบอกเอง” เป็นเอกตอบ โดยที่มันไม่คิดจะหันมาคุยกับผม เหอะ กวนตีน!!!



“มึงบอกทำไมวะ? มึงไม่ดีใจเหรอวะที่นอนคนเดียว ไม่ต้องนอนเบียดกับกู” ผมเอ่ย พยายามพูดชักจูงมันไปด้วย



“ไม่ดีใจว่ะ ถึงเตียงจะกว้างนอนสบายแต่เวลาไม่โดนมึงกัด กูรู้สึกแปลกๆเหมือนชีวิตขาดอะไรไป” เป็นเอกหันมาพูดกับผมพร้อมโปรยยิ้มมาให้อีก ยิ้มที่ดูหวานราวน้ำเชื่อม สำหรับผมแล้วไม่ต่างอะไรกับยาพิษเลย



“มึงโรคจิตเหรอที่ชอบให้กูกัด แล้วทำไมมึงไม่ให้น้องพีกัดล่ะ?” ผมพูดสวนกลับไป ผมพอจะดูออกว่าเป็นเอกมันรู้สึกดีๆกับพีอยู่ ถึงไม่รู้ว่าดีถึงระดับไหนก็ตาม



“อ่อ ลืมไปว่าพีเป็นคนที่คุณสิบทิศชอบ มึงคงจะไม่ชอบคนรักเจ้านายหรอก ถูกไหม?” ผมเอ่ย ปรายตามองแล้วยกยิ้มให้กับเป็นเอกที่ยืนเงียบ มันคงเจ็บแน่ๆที่ผมพูดแทงใจดำมัน



“เฮ้ย!!! ไอ้ทิว ไอ้เอก น้องไผ่จมน้ำ” เรย์วิ่งมาหาผมหน้าตาตื่น



“จมที่ไหนวะ” เป็นเอกถามเรย์



“จมที่สวนดอกไม้ว่ะ” เรย์ตอบ พอรู้อย่างนี้แล้วทั้งผมกับเป็นเอกก็รีบวิ่งไปที่สวนดอกไม้ของคุณแสงจันทร์ ในใจผมก็ภาวนาให้น้องไผ่ผู้เป็นรอยยิ้มของไร่แสงจันทร์ไม่เป็นอะไร



พอไปถึงจุดเกิดเหตุ มีผู้คนมากมายกำลังเดินกลับไปทำไร่ต่อ แวบนึงผมเห็นคุณสิบทิศเดินทำหน้าทำตาเหมือโมโหใครมาเป็นสิบชาติ ผมเองไม่คิดจะเข้าหาหรอกครับผม มองหาคนที่พอจะสอบถามเรื่องราวได้ดีกว่าจนมาพบป้าศรีที่เดินมาทางพวกเราสองคนพอดี



“ป้าศรี น้องไผ่เป็นยังไงบ้าง?” เป็นเอกถาม



“น้องไผ่ปลอดภัยแล้ว เมื่อกี้เหมเพิ่งจะอุ้มน้องไผ่กลับบ้านใหญ่” ป้าศรีตอบ



“แล้วน้องไผ่จมน้ำได้ยังไงล่ะป้าศรี” ผมถาม เพราะน้องไผ่ไม่น่าจะไปที่สวนดอกไม้คนเดียวได้



“นั่นแหละ ที่คุณสิบทิศถึงกับโกรธเลือดขึ้นหน้า” ป้าศรีกวักมือให้พวกเราเข้าไปใกล้แกมากกว่าเดิม สงสัยเรื่องนี้คงสำคัญมาก ผมกับเป็นเอกก็เดินเข้าหาอย่างรวดเร็ว



“เห็นคนงานบอกว่าพีพาน้องไผ่ไปในสวนดอกไม้แต่ไม่มีใครรู้หรอกว่าทั้งสองคนไปทำอะไร รู้อีกทีคือน้องไผ่ตกลงไปในคลองแล้วพีนั่นแหละที่ไปช่วย จนคนงานแถวนั้นผ่านมาก็รีบไปตามคนมาช่วย พอเหมมาถึงก็เข้าช่วยน้องไผ่แต่คุณสิบทิศพอมาถึงก็ผลักพีล้มลงพื้นจนเลือดออก ป้านี่สงสารพีมาก คิดว่าพีคงไม่ได้ตั้งใจจะทำให้น้องไผ่ตกลงไปในคลองหรอก” ป้าศรีเล่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น



“ขอบคุณมากป้าศรี” ผมเอ่ย ป้าศรีก็เดินกลับโรงอาหาร



“ไอ้เอก ไปล้างคอกต่อ” ผมบอกกับบัดดี้จำเป็นที่ยืนเงียบ



“ไอ้เอก ไอ้หูหนวก ไม่ได้ยินเหรอ? กูบอกให้ไปล้างคอกต่อ” ผมจับบ่าแล้วเขย่าแรงๆ



“มึงไปล้างต่อเถอะ กูขอตัวก่อน” เป็นเอกบอกน้ำเสียงเรียบนิ่ง



“เอ้า..ไอ้นี่!! มึงจะอู้เหรอวะ?” ผมถามกลับไปด้วยความรู้สึกไม่พอใจ



“เดี๋ยวพรุ่งนี้กูทำเองคนเดียว” เป็นเอกเอ่ย ก่อนที่จะเดินหนีผมไปดื้อๆ เหอะผมทำคนเดียวก็ได้ ก่อนทำผมขอพนมมือแช่งให้วัวขี้กระจายให้เป็นเอกล้างจนหมดแรงไปเลย



.

.

.



กว่าจะล้างเสร็จก็เล่นเอาถึงเย็น ถ้าทำสองคนมันคงจะเสร็จตั้งแต่บ่าย แต่นี่ผมต้องทำคนเดียว ดีหน่อยที่ก่อนหน้านี้เป็นเอกมากวาดพวกสิ่งสกปรกไปบ้างแล้ว  ถึงอย่างนั้นมันก็เป็นงานหนักของผมอยู่ดี



“มันไม่อยู่ที่บ้านเหรอเนี่ย?” พอผมไขกุญแจเข้าไปในบ้านพักก็ไม่พบเจอใครสักคนที่อยู่เลยแล้วมันหายหัวไปไหนกันนะหรือมันอู้งานหนีไปเที่ยว ช่างเถอะ!! ผมไปอาบน้ำดีกว่าทั้งกลิ่นตัว กลิ่นขี้ เหม็นไปทั้งตัว



ผมจัดการทำความสะอาดร่างกายจนเสร็จ รู้สึกตัวเองตัวหอมที่สุดในรอบหลายวันที่ผ่านมา จะทำไงได้ล่ะครับผมไปอาบน้ำห้องไอ้เรย์ด้วยความเกรงใจเลยอาบน้ำไม่นานทั้งที่ปกติผมอาบน้ำประมาณสี่สิบนาที แต่วันนี้ผมอยู่คนเดียว อาบที่ห้องตัวเองก็เลยจัดการยืนแช่น้ำ สระผม ทาสบู่ วนไปหลายรอบ พอออกจากห้องน้ำมองไปที่นาฬิกาก็พบว่าเข็มของมันบ่งบอกเวลาค่ำเสียแล้ว ถึงอย่างนั้นภายในห้องก็ไม่มีร่องรอยของเป็นเอกอยู่ดี



“มันหายหัวไปไหนของมันวะ” ผมบ่นไปพลางแต่งตัวไปพลาง ลำไส้ในท้องก็เริ่มส่งเสียงร้องว่าหิวมากมาย ผมเลยออกจากห้องไปหาอะไรกินข้างนอกก่อนที่ประตูไร่จะปิด



ในระหว่างที่ผมเดินใจผมก็นึกเป็นห่วงเป็นเอกกลัวว่ามันจะเป็นอะไรไป ดีไม่ดีอาจจะโดนคนดักตีหัวเพราะความอวดดีไปแล้ว เดี๋ยวสิ…ผมคิดถึงมัน นึกถึงมันเหรอเนี่ย? มันต้องไม่เป็นแบบนี้สิ จะไปนึกถึงศัตรูหัวใจ จะไปนึกถึงคนที่ทำให้ผมเดือดร้อนทำไม? เวลานี้มึงต้องนึกถึงกับข้าวที่จะแดกดีกว่า…ไอ้ทิว



ไม่รู้ว่าไร่แสงจันทร์คับแคบหรือเป็นเพราะความบังเอิญที่ทำให้ผมได้เจอกับเป็นเอกแต่มันไม่ได้อยู่คนเดียวด้วยสิ เป็นเอกอยู่กับพีที่กำลังร้องไห้อยู่และแล้วต่อมความอยากรู้อยากเห็นก็ทำงาน ผมหลบอยู่ที่หลังต้นไม้คอยสอดส่องอยู่ห่างๆ เหตุการณ์ในตอนนี้คือพีที่ร้องไก้ก็ถูกเป็นเอกสวมกอด ร้ายเหมือนกันนะไอ้เหี้ยเอกแอบตีเนียนกอดคนที่แอบชอบล่ะสิ กูขอให้คุณสิบทิศมาเจอ



“ทำอะไรกัน!!!”



สิบทิศเดินเข้ามา นี่ปากผมศักสิทธิเกินไปไหม? ผมว่าไอ้เป็นเอกตายอย่างเขียดแน่ ดูสีหน้าท่าทางคุณสิบทิศโกรธน่าดูก็เป็นเอกเสือกไปกอดคนที่คุณสิบทิศหมายปองเอาไว้



"พีมานี่!!" คุณสิบทิศกระชากพีให้ออกจากอ้อมกอดของเป็นเอก คุณสิบทิศตอนนี้ไม่ต่างจากหมาบ้าที่ถูกพิษรักแรงหึงบังตาเลยครับ น่ากลัวชิบหาย ผมที่ชกคน มีเรื่องกับชาวบ้านมาร้อยแปดย่านน้ำ ผมยังกลัวคุณสิบทิศเลย



"คุณสิบทิศ คุณดึงพีไปแบบนี้พีเจ็บนะครับ" เป็นเอกพูดออกมา มันคงไม่พอใจที่คุณสิบทิศทำรุนแรงกับพี ศึกชิงนางมาแล้วสินะครับ



"หุบปาก!! ไปเลยอย่ามาเสือกเรื่องผัวเมีย" สิบทิศชี้หน้าด่าเป็นเอกแล้วลากพีที่ยังคงร้องไห้ออกไป ส่วนเป็นเอกก็ยืนหน้านิ่งอยู่ที่เดิม มันคงอกหัก เจ็บหนักๆ จะทำไงได้ล่ะ คุณสิบทิศประกาศลั่นขนาดนั้น



เมื่อครู่พระเอกอย่างคุณสิบทิศมาแล้ว ตัวร้ายอย่างผมขอออกโรงบ้างก็แล้วกัน ผมก้าวออกจากที่ซ่อนเดินเข้าไปหาเป็นเอก



“กูว่าจะชวนมึงไปแดกข้าวแต่กูคิดว่ามึงคงอิ่มเพราะกินน้ำใต้ศอกคนอื่นเขา” ผมพูดและตั้งใจกระทบมัน



“มึงพูดเหี้ยอะไร?” เป็นเอกชะงักก่อนจะตีหน้านิ่งทำเสียงปกติ มันคิดว่าผมไม่เห็นมันหลุดฟอร์มหรือไง



“ก็กูพูดในสิ่งที่เห็น คิดจะไปยุ่งกับคนที่มีคนรักอยู่แล้ว ถ้ากูเป็นคุณสิบทิศกูกระทืบมึงตายคาตีนแล้ว” ผมพูดต่อ



“มึงจะเยาะเย้ยกูใช่ไหม?”



“ใช่สิ กูจะมาเยาะเย้ยมึง อยู่ดีไม่ว่าดีไปรักคนมีเจ้าของ รู้ทั้งรู้ก็ยังเสือกไปกอดเขาอีก ตีเนียนเก่งนะมึง อย่างมึง…”



 “หุบปากเลยถ้ามึงไม่อยากเจอดี” เป็นเอกมองผมตาขวางมือมันก็กำหมัดแน่น ถ้าจะชกกันผมก็ไม่กลัว



“กูยังพูดไม่จบ มึงมันพวกขาดความอบอุ่นถึงได้ชอบเป็นตัวแทรกกลางระหว่างความรักของคนอื่นทั้งของกูกับน้องส้มจ๊ด ทั้งคุณสิบทิศกับพี”



“มึงไม่หยุดพูดใช่ไหม!!!” เป็นเอกตะคอกใส่ มือก็จับบ่าผมแล้วดันผมจนหลังชนกับต้นไม้



“มึงอยากจะชกกับกูใช่ไหม? เข้ามาเลย” ผมพูดท้า ผมมั่นใจว่าคุณสิบทิศไม่ไล่ผมออกแน่นอน ดีไม่ดีอาจจะตบรางวัลให้ผมที่ชกเป็นเอกได้



“ฮึ” เป็นเอกยิ้มเยาะผม ผมขมวดคิ้วมันจะยิ้มทำไมของมัน ในระหว่างที่ผมเผลอ ริมฝีปากของผมก็ถูกริมฝีปากของคนตรงหน้าเข้ามาประกบ



“เหี้ย!!”



‘ผัวะ’



ผมหันหน้าหนีแล้วชกมันเข้าที่หน้า เป็นเอกมองแล้วพุ่งตัวอัอมเข้ามาล็อคเอวผม ก่อนจะจับปลายคางผมให้หันไปจูบกับมัน



“ฮืม..” เสียงครางพึมพำในลำคอบ่งบอกว่าถึงความขัดใจของเป็นเอก ผมพยายามดันหน้าออก มือหนาก็บีบปลายคางจนผมเจ็บจี๊ด ปลายลิ้นร้อนสอกเข้ามาในโพลงปากผมโดยที่ผมเองก็ใช้ลิ้นดุนดันให้ลิ้นที่รุกล้ำออกไปจากโพลงปาก



ถึงผมจะผลักไสขนาดไหน เป็นเอกก็ยิ่งบดเบียดปากเป็นเท่าตัวจนผมแสบปากไปหมด ลิ้นของมันไล่ไปตามซี่ฟันของผมจนครบแล้วเกี่ยวตวัดลิ้นผมให้มีส่วนร่วมกับมัน สุดท้ายผมก็ปล่อยให้เป็นเอกชักจูงผม ปล่อยไปตามอารมณ์ที่อีกคนเป็นฝ่ายก่อขึ้นมา ยอมรับเลยว่าเป็นเอกจูบเก่งไม่ผิดจากที่มันเคยอวดว่าสาวหลงมันทุกราย ขนาดผมยังเกือบครองสติไว้ไม่อยู่ จนกระทั่งเป็นเอกผละปากและปล่อยผมให้เป็นอิสระจากอ้อมแขนของมัน



‘ผัวะ’



“ไอ้เหี้ย!!” ผมต่อยหน้ามันอีกรอบ ตามด้วยตะคอกด่าใส่ เป็นเอกล้มลงไปนอนกับพื้นแถมยังมองผมไม่วางตา ส่วนผมนั้นก็รีบเดินกลับบ้านพักไปพร้อมกับความโมโห



‘แม่ง ไอ้เอก มึงเป็นเกย์จริงๆสินะ’ ผมลูบปากตัวเองเบาๆ ในหัวก็เริ่มนึกถึงสัมผัสและรสจ๔บของคู่อริ



“มึงไม่มีทางได้จูบกูเป็นครั้งที่สองแน่!!!”

















....................................

ตอนนี้ไม่มีอะไร นอกจากจะบอกว่าปล้ำจูบ!!!!

ขอเม้นเป็นกำลังใจหน่อยนะคะ

วินาทีนี้ท่านยุ่งเครียดด้วยทั้งงานและสุขภาพของคุณตา ทำให้ไม่ค่อยสะดวกในการปั่นนิยาย ยังไงอย่าทิ้งกันไปนะคะ ท่านยุ่งยังแต่งแต่อัพช้ากว่าเดิม ขอผ่านช่วงนี้ไป



ขอบคุณทุกคนที่เข้ามาอ่านมาเม้นนะคะ

ออฟไลน์ shcheribrand

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 72
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-0
จูบกันแล้ววว :mew3: :mew3: :mew4:

ออฟไลน์ sirin_chadada

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4110
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +114/-8
ให้กำลังใจคนเขียนค่ะ

ออฟไลน์ TanYung0209

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 288
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +70/-2
บันทึกรัก…ไร่แสงจันทร์

Writer : Tan-Yung0209

File : เมื่อผมมีเมีย(ผัว)เป็นคู่กัด

 

 

 

 

 

 

 

เมื่อคืนผมไปนอนกับไอ้เรย์ไม่ได้กลับไปนอนห้องกับทิว ผมไม่กล้าสู้หน้ามันครับ ไม่สิ ผมรู้สึกใจสั่นแปลกๆอย่างบอกไม่ถูก ตอนเช้าผมก็ไม่ได้กลับไปที่ห้องก็ไม่รู้ว่าทิวมันจะไประบายอารมณ์ใส่ข้าวของจนเละขนาดไหน

 

“เป็นเอก”

 

“ครับ ลุงชิต” ผมขานรับคนที่เรียกชื่อ

 

“ไม่สบายหรือเปล่า? ข้าเห็นเอ็งเหม่อมาสักพักแล้ว”

 

“เปล่าครับ แค่มีเรื่องให้คิดนิดหน่อยครับ” ผมตอบ

 

“ปรึกษาข้าได้นะ ยังไงข้าก็เอ็นดูเอ็งเป็นลูกหลานคนหนึ่ง” ลุงชิตเดินเข้ามาตบบ่าผมแล้วกอดคอลากผมออกมายืนคุยในที่ลับตาคน

 

“ลุงชิตเคยรู้สึกใจสั่นกับใครไหมครับ?” ผมตัดสินใจถามลุงชิต คนที่ผมไว้ใจและเคารพเหมือนพ่อคนหนึ่ง

 

“เคยสิวะ ตอนนี้ก็ยังเป็นอยู่ ฮ่า ฮ่า ฮ่า ใจสั่นกับแม่ศรีของนังส้มจี๊ดยังไงล่ะ?” ลุงชิตพูดกลั้วหัวเราะ ผมรู้มาว่าลุงชิตตามจีบแม่หม้ายอย่างป้าศรีมาหลายปีแล้ว

 

“ว่าแต่เอ็งมีคนทำให้ใจสั่นเหรอวะ?” ลุงชิตถามต่อ

 

“ใช่ครับ” ผมตอบ ลุงชิตก็ยิ้มให้ผม ยิ้มแบบล้อๆ สงสัยผมคงต้องโดนลุงแกแซวทุกวันแน่ครับ

 

“ฮั่นแหนะ ว่าแต่สาวที่ไหนหรือว่าจะเป็นนังส้มจี๊ด” ลุงชิตถามแกคงจะเห็นว่าส้มจี๊ดชอบมาวนเวียนใกล้ๆตัวผมอยู่บ่อยๆ

 

“ถ้าผมจะบอกลุงว่าคนที่ผมใจสั่นด้วยเป็นผู้ชาย ลุงคิดว่าไงครับ?” ผมเอ่ย ลุงชิตที่ตอนแรกยิ้มอยู่ก็หุบยิ้มแล้วจ้องมองก็มองผมไม่วางตา

 

“เอ็งพูดจริงใช่ไหม?” ลุงชิตถามย้ำ

 

“ลุงก็รู้ว่าผมเป็นคนยังไง?” ผมพูดต่อ นิสัยของผมไม่ใช่คนที่จะมาพูดเล่นอะไรอย่างนี้ ลุงชิตเองก็รู้เหมือนกันในข้อนี้

 

“ถ้าชอบผู้ชายจริงๆ ข้าก็ไม่ว่าหรอก ความรักมันอยู่ที่ใจไม่ใช่ที่เพศ” ลุงชิตตบบ่าผมเบาๆเป็นเชิงให้กำลังใจ

 

“แต่ที่ข้าข้องใจ ใครวะที่ทำให้เอ็งใจสั่น ปกติเอ็งก็อยู่กับต้นส้มในสวน ผู้ชายที่เอ็งพูดคุยกับเอ็งก็มีพี แต่ข้าว่าน่าจะไม่ใช่ พีเองก็เป็นคนรักของคุณสิบทิศ เอ็งคงไม่คิดจะเอาถูกไหม?” ลุงชิตเริ่มคิดหาคำตอบ

 

“ใช่ครับ ผมไม่คิดเอาคนที่ผมเอ็นดูเป็นน้องมาทำเมียหรอกครับ อีกอย่างลุงชิตลองนึกถึงผู้ชายอีกคนที่อยู่กับผมบ่อยๆสิครับ” ผมบอกใบ้ให้กับลุงชิตที่ยืนคิดไม่ตก ตอนประชุมจะจัดงานประจำไร่ผมไม่เห็นลุงชิตจะเคร่งเครียดขนาดนี้เลย

 

“คนที่อยู่กับเอ็งบ่อยๆ…อยู่กับเอ็งบ่อยๆ….เดี๋ยวสิอย่าบอกนะว่าจะเป็น….” ลุงชิตถึงกับตาลีตาเหลือกพอรู้ว่าคนที่ทำให้ผมใจสั่นนั้นเป็นใคร

 

“ครับ อย่างที่ลุงชิตคิดนั่นแหละ” ผมส่งยิ้มบางๆให้

 

“เจ้าทิวมันรู้หรือยังว่าเอ็งชอบมัน”

 

“ยังไม่รู้ครับ ผมไม่รู้จะทำยังไงให้มันรักผม ลุงก็รู้ว่ามันกับผมเจอกันทุกทีมีเรื่องประจำ ผลัดกันแพ้ชนะ แต่ครั้งนี้ผมแพ้มันเพราะดันไปรักมันก่อน” ผมเอ่ย สมองก็คิดว่าจะทำอย่างไรถึงจะชนะใจอีกฝ่ายได้ ซึ่งก่อนหน้านี้เขาดันพลั้งปากไปจูบก็ไม่รู้ว่าจะเอาหน้าไปไว้ที่ไหน

 

“เหอะๆ…เอ็งยังมีทางนะ” ลุงชิตยักคิ้วให้ ผมเองก็กระตุกยิ้มตอบ ขึ้นชื่อว่าลุงชิตร่วมมือด้วยแล้ว ผมคงจะชนะใจทิวได้ไม่ยาก

 

.

.

.

 

ตอนเย็น ผมและคนงานคนอื่นก็ถูกเรียกให้จัดสถานที่เพื่อจัดงานประจำปีของไร่แสงจันทร์ ผมนั้นยังไม่เห็นทิวเลยวันนี้ ไม่รู้หายหัวไปไหน

 

“มองหาใครเหรอพี่เอก?” ดิน คนงานไร่องุ่นเอ่ยทัก

 

“มองหาไอ้ทิว” ผมตอบกลับไป เผื่อว่าดินจะเห็นทิวบ้าง

 

“นึกว่ามองหาสาวที่ไหน ที่แท้มองหาลูกพี่ทิวนี่เอง ลูกพี่ทิวกำลังจัดโต๊ะที่ลานหน้าเวทีครับพี่เอก” ดินบอกกับผมก่อนจะไปช่วยคนงานคนอื่นๆจัดสถานที่ต่อ ส่วนผมพอรู้ว่าเป้าหมายอยู่ที่ไหนก็รีบเดินไปหาทันที

 

“มา เดี๋ยวกูช่วย” ผมจับขอบโต๊ะฝั่งตรงข้ามกับทิว คนตรงหน้าที่ก้มหน้าอยู่นั้นพอได้ยินเสียงของผมก็เงยหน้าขึ้นมามอง คิ้วเข้มทั้งสองก็ขมวดเป็นปม

 

“ไม่ต้อง กูทำเอง” เป็นไปตามคาด ทิวปฏิเสธผม แต่ผมไม่สนใจครับคิดจะช่วยมันอยู่ดี มันก็ไม่ได้ว่าอะไรผมครับ จากนั้นเราสองคนก็ช่วยกันจัดโต๊ะจนเสร็จโดยไม่พูดจาอะไร

 

จนกระทั่งท้องฟ้ากลายเป็นสีดำ คุณสิบทิศอยากให้ลองเครื่องเสียง คนงานเลยมีเฮครับเพราะลองเครื่องเสียงที่ว่าไม่ต่างอะไรกับวันงานเลย มีดนตรี มีอาหาร มีเครื่องดื่ม ที่สำคัญผมมีทิวอยู่ใกล้ๆ

 

ทิวเดินตรวจรอบงานๆจนเสร็จตามคำสั่งของคุณสิบทิศที่ต้องการรักษาความปลอดภัยไม่ให้เกิดเรื่องไม่ดีในงานโดยผมคอยเดินตามหลัง ผมรู้นะครับว่ามันรำคาญผมมากมายขนาดไหน ทั้งชักสีหน้า ทั้งจิ๊ปาก

 

“มึงจะตามอะไรกูนักหนา ไม่ไปแดกเหล้าหรือไง?” ทิวมันคงเหลืออดเลยหันมาถามผม

 

“แดก กูจะแดกพร้อมมึง” ผมตอบกลับไป ใบหน้าเรียบเฉย ผิดกับทิวที่คงอยากจะกัดคอให้เจี้ยวจมคอหอย

 

“ไม่ต้อง กูไม่อยากแดกกับมึง!!!” ทิวปฏิเสธเสียงแข็ง

 

“ทำไมวะ หรือว่ามึงกลัวว่ากูจะจูบมึง” ผมพูดแหย่ หน้าของทิวก็ขึ้นสีจนผมสามารถเห็นได้ชัดแม้ว่าตอนนี้จะมืดแล้วก็ตาม

 

“กลัว ใช่กูกลัว…คนอะไรจูบห่วยชิบหาย ห่วยจนกูหมดอารมณ์จะเอากับสาวไปด้วย กาก!!!”

 

“กากเหรอ? ถ้ากูจะจูบมึงแก้ตัวอีกรอบจะได้ไหมวะ?” ผมถามพร้อมยักคิ้วข้างเดียวกวนตีนมันไปด้วย

 

“ไม่มีทางหรือว่า…มึงอยากให้กูสอนว่าจูบจริงๆเขาทำยังไง?” ทิวยกยิ้มแล้วยื่นหน้าเข้ามาใกล้ผม ใกล้ชนิดที่ว่าปลายจมูกของเราสองคนห่างกันเพียงเซ็นเดียวเท่านั้น ดวงตาของเราประสานกันและเห็นภาพของตัวเองในแววตาอีกฝ่าย

 

“ลูกพี่ทิว พี่เอกไปกินเหล้ากัน!!!!” เสียงเรียกของน้ำดังมาแต่ไกลทำให้เราสองคนชะงัก

 

“ถึงเวลาสวมบทบัดดี้อีกแล้วสินะ” ทิวบ่นพึมพำแล้วเดินนำหน้าผมไป ผมเองก็เริ่มแปลกใจในพฤติกรรมของทิวเมื่อครู่ว่าทำไมถึงทำแบบนี้กับผม

 

“เจ๊แอลลี่มาอีกแล้วเหรอป้า นั่นจะมอมเหล้าคุณสิบทิศหรือไง” ทิวที่เดินนำผมกำลังถามป้าศรีที่ยืนตักอาหาร

 

“ก็เออสิวะ นี่พีหายไปไหนไม่รู้ พวกเอ็งไปนั่งรวมกลุ่มกับคุณสิบทิศก่อนไป ส้มจี๊ดแกก็ด้วยเดี๋ยวอาหารแม่จัดการคนเดียวได้” ป้าศรีบอกให้ทิว ผมและส้มจี๊ดไปนั่งกับสิบทิศ ซึ่งพวกเราก็ทำตามแต่โดยดี

 

“คุณสิบทิศผมขอนั่งด้วยนะครับ” ทิวพูดขอ

 

"เอาสิ" คุณสิบทิศอนุญาต ท่าทางของคุณสิบทิศรู้สึกโล่งใจที่มีคนมานั่งร่วมโต๊ะด้วยผิดกับแอลลี่ที่หน้างอไม่พอใจ

 

“พี่พี คุณไผ่ พี่เหม มาทางนี้ค่ะ” ส้มจี๊ดเห็นคนมาใหม่กำลังเดินมา ส้มจี๊ดรีบลุกขึ้นให้พีนั่งใกล้กับสิบทิศ

 

“ใครจะเอาอะไรบ้างเดี๋ยวผมไปหยิบให้” พอทุกคนนั่งลงจนครบ ทิวก็ถามคนมาใหม่

 

“น้องไผ่ขอน้ำส้มฮะ” น้องไผ่เอ่ยแล้วก็หันไปมองแอลลี่ ร่างเล็กตกใจไม่น้อยที่เห็นหญิงสาวซึ่งน้องไผ่ดูจะไม่ค่อยจะชอบหน้าแอลลี่สักเท่าไหร่ ที่จริงไม่มีใครในไร่จะถูกใจแอลลี่เลยสักคน

 

“พี่เอาเหล้าก็แล้วกัน” เหมบอกกับทิว

 

“พีเอาอะไร?” ผมถามคนที่นั่งนิ่ง

 

“เหล้าครับ ขอ ออนเดอะร็อค” พีบอก ผมและคนอื่นๆถึงกับตะลึงไม่คิดว่าพีจะสั่งเหล้าซึ่งดูขัดจากบุคลิกมาก

 

“พี..” คุณสิบทิศพูดเสียงดุ พีไม่สนใจไม่หันไปมอง บรรยากาศดูท่าจะมาคุ

 

“โอเค เดี๋ยวไปเอามาให้” แทนที่จะห้าม ทิวลุกไปเอาเครื่องดื่มและของกินเล่นมาพร้อมกับแจกจ่ายให้กับทุกคน

 

“สิบทิศคะ กินนี่สิคะ แอลลี่ป้อน”

 

“สิบทิศคะ ดื่มนี่หน่อยนะคะ”

 

“สิบทิศคะ....”

 

ทั้งโต๊ะมีเสียงเจื๊อยแจ๊วของแอลลี่คนเดียว คนที่เหลือเงียบไม่กล้าพูดอะไรออกมาเพราะสัมผัสได้ถึงพลังงานบางอย่างที่แผ่ซ่านมาจากพีที่ยกแก้วเหล้าขึ้นมากระดกแก้าแล้วแก้วเหล้าไม่ขาดมือ

 

“พีอย่ากินเยอะ” คุณสิบทิศจับข้อมือเล็ก คงไม่อยากให้พีดื่มกลัวว่าพีจะเมา

 

“เรื่องของผม” พีที่เริ่มเมาพูดออกไป มือก็ดึงกลับมาคว้าแก้วเหล้าดื่มต่อ

 

“นี่นายเป็นลูกน้องมาพูดกับสิบทิศแบบนี้ได้ไง!!” แอลลี่ว่าพี พร้อมกอดแขนเอาหัวซุกบ่ากว้างของสิบทิศเอาไว้ สายตามองพีอย่างดูแคลน พีเองมองหน้าแอลลี่กลับไม่เกรงกลัวแววตาแข็งกร้าวดุจนางพญาของพียิ่งรอยยิ้มมุมปากที่เผยออกมาทำให้แอลลี่รวมทั้งคนทั้งโต๊ะขนลุกซู่ พีน่ากลัวจริงๆครับ

 

“ใครว่าผมเป็นลูกน้องกันครับ ผมเป็นเมียพี่สิบทิศและอีกอย่างถ้าไม่อยากถูกผมชกจนซิลิโคนทะลุจมูกก็ปล่อยแขนผัวผมได้แล้ว!!!”

 

“ฉันไม่เชื่อนายหรอกย่ะว่านายเป็นเมียสิบทิศ!!!” แอลลี่เถียงกลับ ผมได้แต่นั่งดูคนทะเลาะกัน

 

“ไม่เชื่อใช่ไหม?...คอยดูนี่นะ” พีพูดจบก็ดึงมือแอลลี่ออกจากแขนของสิบทิศ ก่อนจะลุกจากเก้าอี้ไปนั่งคร่อมตักสิบทิศโดยที่ทั้งสองเข้าหากัน สิบทิศก็กอดเอวบางเอาไว้เพราะกลัวพีจะเมาตกจากตัก พีเองก็ใช้มือกุมหมับเข้าที่บ่าแล้วโน้มหน้าตัวเองเข้าไปใกล้ พีกัดริมฝีปากล่างหนาแล้วจูบสั้นๆไม่นานก็ผละริมฝีปากออก ผมนี่ช็อคไปเลยครับ

 

“กรี๊ด!!!!!!!!! ออกไปเลยนะแกมาจูบพี่สิบทิศได้ยังไง ออกไปเดี๋ยวนี้!!!” แอลลี่โวยวายกรี๊ดลั่นงานมือก็ผลักพีออกจากตักของสิบทิศ

 

“นี่คุณแอลลี่อย่าทำพี่พีนะ!!” ส้มจี๊ดเข้ามาดึงตัวแอลลี่ออกมา ผมและทิวเองก็คอยช่วย

 

“พวกแกปล่อยฉันเดี๋ยวนี้นะ!!! พี่สิบทิศให้คนของพี่สิบทิศปล่อยแอลลี่สิคะ” แอลลี่ดิ้นไปมาพยายามดิ้นรนให้ตัวเองเป็นอิสระ ยากหน่อยตรงโดนรุมสาม

 

“ทุกคนจับไว้นะ อย่าให้แรดมาพุ่งชนพี่สิบทิศ!!” พีพูดขึ้นมาบ้างมือก็คว้าขวดเหล้าแล้วกระดกเข้าปาก

 

“แกมีสิทธิอะไรมาสั่งลูกน้องของสิบทิศ!!”

“สิทธิของความเป็นเมียเจ้าของไร่ไง” พีบอกกับแอลลี่มุมปากก็ยกยิ้มขึ้น นึกถึงนางร้ายในละครนะครับ นั่นแหละคือหน้าของพี

 

“ไม่จริง มันไม่จริงใช่ไหมสิบทิศ” แอลลี่ถามคุณสิบทิศ

 

“พอดีว่าเมียฉันเขาไม่เคยโกหกใครน่ะ...แอลลี่” คุณสิบทิศตอบแล้วหอมแก้มนิ่มของพีฟอดใหญ่ จนคนเมาที่หน้าแดงอยู่แล้วก็แดงจัดขึ้นไปอีก

 

“กรี๊ด!!!!!!!”แอลลี่กรี๊ดลั่น กรี๊ดหนักกว่าเก่า ร่างบางสะบัดตัวจากพวกของส้มจี๊ดแล้ววิ่งออกจากงานไป

 

“พี่พีจ๊ะ แรดออกไปแล้ว” ส้มจี๊ดพูดขำๆบอกกับพี ที่เมาแล้วเอาหน้าซุกบ่าของเจ้านาย ส่วนผมกับทิวแทบจะหัวเราะกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทั้งอาหารหึงของคนเมาและอาหารหวีดร้องของแอลลี่

 

“น้องไผ่ไม่คิดเลยว่าพี่พีจะมายสายโหด” น้องไผ่พูดออกมาเมื่อเห็นฤทธิ์เดชพี่สะใภ้

 

“พี่ไม่โหด พี่ใจดี..อึก” พีตอบแล้วลุกออกจากตักของคุณสิบทิศแต่ก็ถูกสิบทิศรั้งเอวให้นั่งตักต่อ

 

“พี่สิบทิศปล่อยเลยนะ” พีบอกคุณสิบทิศเสียงดุ

 

“ไม่ปล่อย” คุณสิบทิศมองคนเมา

 

“พีงอนพี่สิบทิศ พี่สิบทิศปล่อยตัวเองให้แอลลี่มากอดแขน...” ทุกคนฟังที่พีพูดออกมาพร้อมกับทุบตีอกแกร่งของคุณสิบทิศก็อมยิ้มเพราะไม่เคยมีใครกล้าทำอะไรกับคุณสิบทิศแบบนี้แถมคุณสิบทิศเองก็ปล่อยให้ทำ

 

“จะให้พี่ชก ผลัก ตบ ด่าเหรอไง? อย่างน้อยแอลลี่เขาก็เป็นเพื่อนพี่” คุณสิบทิศบอกกับคนเมาที่มีสีหน้าไม่พอใจ

 

“แล้วทีพีกับพี่เอก พี่สิบทิศยังมาหึง มาหวงเลย” พีดันตัวออกจากคุณสิบทิศแล้วไปยืนด้านหลังของผมที่รู้ตัวว่าความซวยกำลังบังเกิด ส่วนคนอื่นที่ได้ยินพีพูดก็แทบจะสำลักเหล้าออกมา

 

“พี่เอกกับพีเราเป็นพี่ชายน้องชายกันพี่สิบทิศยังหึงเลย” พีก้มตัวกอดคอผมจากด้านหลัง ผมจับแขนที่คล้องให้ออกแต่พียิ่งกอดแน่น ผมมองหน้าพีที่เหมือนเด็กประชดเอาแต่ใจสลับกับมองหน้าคุณสิบทิศที่แทบจะยิงหัวเขาทิ้งได้แล้ว

 

"ก็เอกมัน...."

 

"ผมกับพีเราเป็นแค่พี่น้องครับ ผมไม่คิดอะไรเกินเลยไปกว่านี้แล้ว" ผมชิงพูดออกมา ผมไม่อยากให้พีรับรู้ว่าผมแอบรักพี แค่แวบนึงนะครับ

 

"เห็นไหม? พี่เอกกับพีเป็นพี่น้องกัน" พีเอ่ยแล้วหยิบแก้วเหล้าของผมมาดื่ม

 

"พีหยุดกินได้แล้ว" คุณสิบทิศพูดห้ามแต่พีไม่ฟังรินเหล้าใส่แก้วดื่มไม่หยุด

 

"ร้อนจัง~.." พีพูดบ่นขึ้นมา

 

"เฮ้ย!!!" คุณสิบทิศร้องออกมาเสียงดังเมื่อพีเลิกเสื้อขึ้น โชคดีที่ว่าทิวซึ่งอยู่ใกล้ๆพีดึงเสื้อของพีลงเอาไว้ทัน

 

"พี่ทิวจะมาจับเสื้อพีทำไม พีร้อนจะถอดเสื้อ!!!!" พีโวยวาย

 

"ขืนพี่ไม่จับมีหวังคุณสิบทิศควักลูกตาคนที่มองพีถอดเสื้อแน่" ทิวเอ่ย มือก็จับชายเสื้อไว้ คุณสิบทิศลุกจากเก้าอี้เดินไปหาคนเมาที่ยืนอยู่

 

"ทิว ปล่อยเลย" คุณสิบทิศเอ่ย ทิวก็ปล่อยเสื้อของพีตามคำสั่ง พียิ้มร่าที่ได้ถอดเสื้อแต่ก็ยิ้มได้ไม่นานเมื่อร่างโปร่งถูกสิบทิศอุ้มพาดบ่า

 

"พี่สิบทิศอุ้มพีทำไม!!!!" พีโวยวาย มือก็ชกกลางหลังของคุณสิบทิศ

 

"ทุกคนฉันขอตัวพาคนเมาไปนอนก่อนละกัน กินดื่มกันตามสบายเลย" คุณสิบทิศบอกลาทุกคนที่โต๊ะแล้วแบกพีกลับไปที่บ้านใหญ่

 

"เอาค่ะทุกคน เรามาพนันกันดีกว่าว่าคืนนี้คุณสิบทิศกับพี่พีจะได้นอนกันหรือเปล่า!!!" ส้มจี๊ดเปิดการพนันกลางงาน

 

"เฮ้!!!!! เอาเลยมาพนันกัน" ทุกคนในงานให้ความสนใจร่วมการพนันกัน โดยที่เหม ไผ่ ทิวและเป็นเอกนั่งขำเจ้ามือการพนันอย่างส้มจี๊ด

 

หลังจากทุกคนลงขันพนันกัน ผมกับทิวก็กระดกเหล้าต่อ ทิวยกแก้วเหล้าขึ้นมาดื่มหลายต่อหลายแก้วไม่มีหยุดพัก ในระหว่างนั้นก็เอาใจส้มจี๊ดจนผมรู้สึกหวงมันขึ้นมา

 

“ไอ้ทิว มึงเมาแลวกูว่ากลับห้องกันดีกว่า” ผมลุกออกจากเก้าอี้แล้วคว้าแขนมันไว้ให้ลุกตาม

 

“อะไรวะ กูไม่เมาจะแดกต่อ มึงอย่าเสือก” คนเมาสลัดมือผมออกแล้วดื่มต่อ สภาพมันคือหมาไม่แดกมาก

 

“พี่ทิว ส้มจี๊ดว่าพี่ทิวดื่มเยอะไปแล้วนะจ๊ะ ให้พี่เอกพาไปนอนเถอะ” ส้มจี๊ดที่เห็นสภาพทิวและอยากจะช่วยผม จึงพูดกับทิวให้

 

“ก็ได้… เพ่เห็นว่า.า…น้องส้มจี๊ด..ขอ..หรอกนะ” เสียงของทิวเริ่มยานคาง

 

ผมหิ้วปีกทิวออกจากงานแล้วตรงไปยังห้องพัก ระหว่างทางมันก็ร้องเพลงสลับกับด่าผมจนผมอยากจะโยนมันลงไปร่องน้ำในสวนส้มมากเลยครับ

 

“โอ๊ย!!!” ทิวร้องออกมา จะไม่ให้ร้องก็คงแปลกเพราะโดนผมผลักให้นอนบนเตียงทันทีที่ถึงห้อง ผมเดินไปปิดประตูแล้วกลับมาจัดการให้ทิวนอนบนเตียงให้ดี

 

“แดกเยอะอย่างกับอาบเหม็นชิบหาย” ผมบ่นไปด้วยเดินไปหยิบอ่างใส่น้ำไปด้วย ขืนไม่เช็ดตัวให้มันผมคงไม่ได้นอน

 

“ไม่อาว..ว…ออกปาย.ย..” พอผมลงมือเช็ด คนเมาก็ลงมือโวยวาย

 

“พูดมากเดี๋ยวกูจับจูบมึงหรอก” ผมพูดออกมาไม่จริงจัง ก่อนจะลงมือเช็ดตัวอีกคนต่อ

 

‘ขวับ’

 

อ่างน้ำขนาดเล็กตกลงบนพื้นจนน้ำกระจาย ข้อมือของผมโดนมือหนากระชากจนผมล้มหน้าคว่ำไปนอนบนเตียง ทิวอาศัยจังหวะนี้ขึ้นคร่อมผมแล้วพลิกตัวผมให้นอนหงาย

 

“จูบ…”

 

ทิวพึมพำเบาๆ ใบหน้าหล่อโน้มลงมาประทับริมฝีปาก ผมเผยอปากรับจูบของคนเมา ลิ้นของทิวสอดเข้ามาในโพลงปากโดยที่ลิ้นของผมคอยตวัดรับรสขมของเหล้าที่ยังคละคลุ้งในปากของอีกคน ทิวผละปากแล้วบดจูบย้ำๆซ้ำๆจนผมแสบปาก

 

“กูจา….สอนมึงจูบจา…ได้รู้ว่า.า..จูบจริงๆ..เปน..ยาง.งาย..ย...” ทิวมองหน้าผมตาฉ่ำเยิ้ม ริมฝีปากแดงมีหยาดน้ำลายของผมเปื้อนอยู่นิดๆ ผมยิ้มมุมปาก ตอนนี้อยากมอมเหล้ามันให้หนักกว่านี้ครับ

 

“ถ้ากูจะให้มึงสอนวิธีเอาสาวให้ มึงจะสอนกูไหม?” ผมแกล้งถาม ทิวหรี่ตามองแล้วคลี่ยิ้ม

 

“ได้สิ…กูจะสอนมึงเอง”

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

...........................

มาแล้ว มาช้า แต่มาเยอะ

เป็นการตัดตอนที่เลอค่าเพราะว่าตอนหน้าเราจะให้คนสอนอย่างลูกพี่ทิวมาเล่ากัน 55555

ไม่รู้จะเล่าไหวไหม เมาซะขนาดนั้น

 

ขอบคุณที่อ่านที่ติดตามนะคะ มีคนมาถามว่าจะทำเล่มเรื่องนี้ไหม อันนี้ขอถามกลับนะคะ ถ้ามีคนสนใจเกิน 10 คนจะทำนะคะ

 

สุดท้ายนี้ขอขอบคุณที่เข้ามาอ่านมาเม้นนะคะ

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด