บันทึกรัก…ไร่แสงจันทร์
Writer : Tan-Yung0209
File : เมื่อผมมีเมีย(ผัว)เป็นคู่กัด
“ทิว อ้าปาก กูจะป้อนยาให้” ผมบอกกับคนตรงหน้าที่ตอนนี้อ้าปากอย่างว่าง่าย
“อ้ามมม” ทิวงับช้อนที่มียาน้ำเข้าไปในปาก
“ดีมากว่านอนสอนง่ายแบบนี้ กูรักตายเลย” ผมลูบแก้มทิวเบาๆ
“ไอ้เอกกูร้อน มึงเช็ดตัวให้หน่อยสิ” ทิวส่งสายตาอ้อนมาให้ผม เห็นแล้วผมยิ่งหลงมันหัวปักหัวปำ
เคร้ง!!!
ทุกอย่างมันไม่เป็นไปตามที่คิดเลยครับ ผมคิดว่าหลังจากที่ได้มันมาเป็นเมีย ถึงผมจะคิดว่ามันเป็นเมียคนเดียวก็ตามเถอะ ทิวเองน่าจะกลัวผมสักนิดไม่ก็ลดความกระด้างกระเดื่องกับผมบ้าง เห็นหลายคนที่ผมรู้จักที่เขามีแฟนเป็นผู้ชาย บางคนเล่าว่าหลังจากเมียโดนเสียบจะขี้อ้อน น่ารัก จะออกแนวลูกแมวตัวน้อยที่ขู่เราแต่ก็คลอเคลียเราอยู่ดี แต่ทิวมันไม่ใช่!!!!!
ดื้อรั้น!!! ดื้อเงียบ!!! ดื้อบริสุทธิ์ ทุกอย่างที่มันทำตอนนี้คือดื้อที่สุดเท่าที่ผมเคยเห็น ไม่มีความหวาน ไม่มีความอ่อนแอให้เห็น ทิวทำตัวราวกับว่าเรื่องคืนนั้นไม่ส่งผลกับการดำเนินชีวิตแต่อย่างใด ผิดกับผมที่ตามติดทิวแจ จนทิวรำคาญไล่ด่าผมในตอนคนอื่นไม่อยู่หลายรอบ ถึงจะไล่เป็นพันรอบผมก็ไม่ไปอยู่ดี
“จะตามอะไรกูนักหนา!!! ไม่ไปทำงานหรือไง?” ทิวที่กำลังเดินไปไร่องุ่นหันมาขึ้นเสียงใส่ผม
“ไร่ส้มช่วงนี้เพิ่งเก็บผลส่งขายไปเลยไม่มีอะไรทำ” ผมตอบ
“งั้นมึงก็ไปนอนที่ห้องสิ จะมาตามกูเพื่อ?!” ทิวถามผมต่อ ใบหน้าบึ้งตึงจนผมอยากจะหยิกแก้มให้หายหมั่นเขี้ยว
“กูอยากตามเมียกู ที่สำคัญกูรู้มาว่าไร่องุ่นช่วงนี้ไม่มีอะไรทำเหมือนกันนี่นาแล้วทำไมมึงถึงยังจะไป?” ผมขยับเข้าไปใกล้แล้วยื่นหน้าเข้าหาใบหน้าหล่อของอีกฝ่ายในระยะประชิด จนทิวหน้าเหวอเล็กน้อยก่อนที่จะรีบตีหน้านิ่งต่อ
“ใครเมียมึง มึงพูดให้ดีๆนะไอ้เอก” ทิวพูดใบหน้าไม่พอใจ
“ก็มึงไง เรื่องคืนนั้นจำไม่ได้เหรอ?” ผมยกยิ้ม ทิวเงียบไปพักหนึ่งก่อนจะพูดขึ้นมาว่า
“อ๋อ เรื่องคืนนั้น พอดีว่ากูไม่รู้สึกอะไรก็แค่พนันกัน” ทิวพูดจบมันก็รีบเดินหนีไป คราวนี้ไม่ได้หนีเข้าไร่องุ่นแต่ทิวกลับเดินตรงไปยังบ้านใหญ่ของคุณสิบทิศ
ลืมบอกไปครับว่าคุณสิบทิศออกจากโรงพยาบาลแล้ว สร้างความโล่งอกโล่งใจให้กับคนในไร่ ที่สำคัญเมื่อวานนี้พ่อของพีได้มาที่ไร่ทำให้ทุกคนรู้ว่าพีไม่ใช่คนธรรมดากลับเป็นทายาทเจ้าของบริษัทส่งออกอาหารทะเลรายใหญ่ของประเทศ แถมยังรวยมีสัมปทานรังนกรวมทั้งเกาะส่วนตัวอยู่ทางใต้อีก พ่อของพีหรือคุณชัชวินนั้นไม่ได้มาคนเดียว เขายังมากับคนรักรวมทั้งลูกชายและลูกเขยด้วย คุณสิบทิศถึงกับเจอศึกหนักเลยครับ
“เฮ้!!! รอกูด้วย” ผมวิ่งตามทิวไป คิดแล้วก็ตลกเมื่อก่อนทิวเข้ามาหาเรื่องผม ตอนนี้กลายเป็นผมที่เป็นฝ่ายเข้าหาแทนเพราะใกล้ถึงเวลาที่ผมกับทิวจะต้องแยกออกจากกันหมดความเป็นบัดดี้กันแล้ว
“สวัสดีครับ” ทิวยกมือไหว้สิบทิศรวมถึงคุณชัชวินที่กำลังนั่งอยู่ด้วย
“มีอะไรทิวหรือเปล่าถึงได้มาถึงบ้านใหญ่พร้อมกับเป็นเอก?” สิบทิศถาม ทิวมันก็เหลือบมองผมนิดๆ
“ผมมาเยี่ยมคุณสิบทิศครับแล้วคิดว่าจะขอลางานสักสามวัน” ทิวเอ่ย เล่นเอาผมคิ้วขมวดนี่มันคิดจะหนีผมใช่ไหม?
“เอาสิ จะว่าไปตั้งแต่นายมาอยู่นี่นายเองก็ไม่เคยลางานเลย เอาเป็นว่าฉันอนุญาต” คุณสิบทิศเอ่ย ทิวถึงกับยิ้มออกมาผมรู้สึกหงุดหงิดไม่อยากจะให้มันยิ้มให้ใคร
“ขอบคุณมากครับ”
“แล้วจะหยุดกลับบ้านเหรอครับ?” พีเป็นฝ่ายถามขึ้นมาบ้าง
“ไม่ๆ พี่จะไปเที่ยวเกาะล้าน” ทิวตอบ
“กูไปด้วย!!” ผมพูดโพล่งขึ้นมา ทุกคนหันมามองผมเป็นจุดเดียวเพราะปกติผมจะเป็นคนนิ่งๆเงียบๆแต่กลายเป็นว่าผมติดนิสัยเสียงดังมาจากทิว ทิวเองก็ติดนิสัยเงียบๆไปจากผมเสียได้
“จะตามกูไปทำไม?” ทิวถามผมสีหน้าไม่พอใจ
“กูกับมึงเป็นบัดดี้ มึงไปไหนกูจะไปด้วย”
“ถ้ากูจะไปนรกมึงจะตามกูไปไหม?”
“ไม่…เพราะกูจะพามึงขึ้นสวรรค์มากกว่า” ผมยิ้มกว้าง ทิวกัดฟันกรอดคงจะรู้ความหมายที่ผมสื่อออกไป
“คุณสิบทิศผมขอลาหยุดด้วยครับ” ผมพูดกับเจ้านาย
“เอาสิ ช่วงนี้ไร่ส้มไม่มีงานอะไร ฉันอนุญาต”
“พี่ทิวมีที่พักหรือยังครับ?” ลิเคียวน้องชายของพีถาม อ่อ ผมได้ยินข่าวลือแสบชนิดที่คุณสิบทิศยังปวดขมับ
“ยังเลย พี่คิดว่าจะไปหาตอนไปถึง”
“เอาอย่างนี้ ไปพักที่รีสอร์ทของน้องเคียวก็ได้ น้องเคียวให้พักฟรีเลย อ่อ กับพี่เป็นเอกด้วยนะครับ” ลิเคียวยื่นข้อเสนอ ใครบอกว่าลิเคียวแสบผมว่า ลิเคียวน่ารักใจดีมากกว่า
“เอ่อ พี่เกรงใจ” ทิวปฏิเสธ
“พี่ก็ด้วย” ผมเองก็ปฏิเสธเช่นกัน
“ถ้าไม่ไปพักน้องเคียวงอนคอยดูสิ” ลิเคียวหน้าบึ้งใส่ ทิวถึงกับทำอะไรไม่ถูก ส่วนผมเองก็เห็นคุณชัชวินนั่งมองเราสองคนไม่วางตาราวกับว่าผมไปชกลูกชายของเขา ผมว่าทิวเองก็สัมผัสได้ถึงอาการเสียวสันหลังนี้
“พี่ไปพักก็ได้ครับ”
“พี่เองก็ด้วย”
สรุปแล้วเราสองคนก็ต้องพักที่รีสอร์ทของลิเคียวโดยที่ลิเคียวเป็นคนจัดการติดต่อห้องพักรวมถึงรถที่จะให้พวกเราสองคนใช้เที่ยวรอบเกาะด้วย
วันเดินทาง
คุณสิบทิศให้เราสองคนยืมรถขับไปชลบุรีครับ แน่นอนว่าทั้งผมทั้งทิวปฏิเสธแต่คุณสิบทิศก็สั่งให้เอาไปไม่อย่างนั้นจะหักเงินเดือน ผมเลยต้องเอารถไป
“ขับช้า รู้งี้กูขับเองดีกว่า” ทิวบ่น
“กูไม่อยากเฉียดนรกไปกับมึง ที่สำคัญมึงไม่เคยขับรถทางไกล กูขับน่ะถูกต้องแล้ว” ผมเอ่ย แล้วขับรถเรื่อยๆไม่รีบเร่ง ส่วนหนึ่งผมอยากอยู่กับมันนานๆ
“ขับช้าก็ถึงช้า กูอยากพักผ่อนเร็วๆ อุตส่าห์จะมาคนเดียวมึงก็เสือกตามมาแถมยังมาถ่วงเวลากูอีก” ทิวหงุดหงิดใส่ผม ผมรู้สึกเสียใจลึกๆทั้งๆที่รู้ว่ามันขี้โวยวาย ปากไว ถึงอย่างนั้นคำว่า ‘ตัวถ่วง’ มันกลับมีอิทธิพลกับผม
“เออ ให้ออกจากเมืองแล้วกูจะเหยียบให้ถึงที่ไม่เกินสองชั่วโมง”
ผมไม่ได้พูดเล่นนะครับ พอออกจากเมืองผมเหยียบชนิดที่ไม่ไว้หน้าอินหน้าพรหม ทิวเองก็ดูจะพอใจเพราะฮัมเพลงดูแล้วมีความสุข ผมก็ขับไปเรื่อยท่ามกลางเสียงเพลงซึ่งไร้เสียงของพวกเราที่พูดคุยกัน เผลอแป๊บเดียวทิวหลับไปแล้วครับ มันสบายจนหลับเห็นแล้วอยากลักหลับในรถชิบหาย แต่ต้องข่มใจเอาไว้
‘ถึงรีสอร์ทเมื่อไหร่มึงเสร็จกูอีกรอบแน่ทิว!!!’
ไม่เกินสองชั่วโมง เราก็ขับรถมาถึงท่าเรือซึ่งเราจะซื้อตั๋วจากที่นี่และขึ้นเรือไปยังเกาะล้าน
“ทิวๆ…ตื่นได้แล้ว” ผมปลุกคนนอนหลับที่หน้างอจากการโดนปลุก
“กูจะนอน” เด็กดื้อพึมพำออกมาเบาๆแล้าเอาหน้าซุกกับประตูรถ
“มึงจะไม่ไปเกาะล้านใช่ไหม?” ผมกระซิบข้างหู ได้ผลทิวตื่นขึ้นมาแถมหันมาทางผมจนปลายจมูกโด่งของเราเฉียดกัน แก้มขาวๆของทิวขึ้นสิเล็กน้อย
“ไปสิ รีบไปซื้อตั๋วดีกว่า” พอได้สติทิวก็หลบหน้าผมแล้วลงจากรถ เราสองคนเอาสัมภาระออกมาเดินทางขึ้นเรือไปยังเกาะล้าน
“โอ๊ะ!!” ระหว่างที่เดินไปขึ้นเรือก็มีชาวต่างชาติเดินชนกับทิว
“Oh, Sorry!!” หนุ่มตาน้ำข้าวรีบขอโทษทิว ทิวพอเห็นว่าอีกฝ่ายไม่ได้ตั้งใจจึงยิ้มให้แล้วเดินตามผม
“รีบมา” ผมคว้าข้อมือของทิวแล้วรีบขึ้นเรือโดยหันไปมองฝรั่งที่มองมาที่ทิวและผมเช่นกัน ผมไม่ถูกชะตาและรู้สึกได้ว่าผู้ชายคนนี้ชอบทิว หวังว่าผมจะไม่เจอผู้ชายคนนี้ที่เกาะล้าน
“เฮ้ย!! มึงปล่อยกู” ทิวเอ่ย มันไม่กล้าโวยวายให้เป็นจุดสนใจเพราะคนนั่งอยู่บนเรือเต็มไปหมด
“อืม” ผมเองก็นึกขึ้นได้ว้าตอนนี้อยู่บนเรือแล้วก็ปล่อยข้อมือของทิวออก พร้อมกับเรือที่แล่นออกจากฝั่งทำให้เรือโคลงเคลงเล็กน้อย
“เชี่ย!!!” ทิวเซถลา ผมรีบคว้าเอวของมันมากอด ทุกการกระทำตกอยู่ในสายตาของนักท่องเที่ยวที่นั่งยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ ดีครับเขาจะได้รูว่าไอ้ทิวเมียผม
“เลิกกอดกูได้แล้วกูจะนั่ง” ทิวพูดเสียงเข้ม ผมก็ทำตามแต่โดยดีผมรู้ว่ามันเขินก็แววตามันฟ้องชัดขนาดนั้น
เรือแล่นไปเป็นเวลาครึ่งชั่วโมง ระหว่างทางเราก็มองคลื่นทะเล มองวิวไปเรื่อยเปื่อย ผมหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาถ่ายรูป ผมไม่ได้ถ่ายรูปวิวนะครับ ผมถ่ายทิวที่นั่งมองทะเลด้วยรอยยิ้มบางๆ พร้อมกับแสงอาทิตย์คอยสาดส่องกายเล็กน้อย เป็นภาพที่ชวนมอง
“ถึงสักที~” ทิวพูดออกมาอย่างอารมณ์ดีเมื่อเรือจอดเที่ยบท่าบนเกาะล้าน ผมเองก็โทรหาคนที่รีสอร์ทให้ออกมารับ ไม่นานคนของรีสอร์ทก็ขับมอเตอร์ไซค์มา
“สวัสดีครับ ใช่คุณเป็นเอกกับคุณทิวหรือเปล่าครับ”
“ใช่ครับ” ผมตอบ
“ไม่ทราบว่าขับมอเตอร์ไซค์เป็นไหมครับ?”
“ขับเป็นครับ”
“ถ้าอย่างนั้นรบกวนคุณเป็นเอกขับรถคนนั้นะครับแล้วให้คุณทิวซ้อนท้าย ส่วนผมจะนั่งไปกับลูกน้องขับนำหน้าไป” พนักงานเอ่ย ผมก็ตกลงดีเสียอีกที่ทิวซ้อนท้ายผม
“รีบขึ้นมา” ผมบอกทิวที่ยืนเก้ๆกังๆ ดูหน้าก็รู้ว่าไม่อยากจะนั่งซ้อนท้ายผมแต่เหตุการณ์บังคับทิวเลยต้องนั่งด้วยความจำยอม
ผมขับรถตามพนักงานรีสอร์ทไปไม่นานก็ถึงที่พักริมทะเล รีสอร์ทของน้องเคียวสวยงามแต่ละห้องก็ลอยอยู่บนน้ำเป็นหลังๆ
“คุณทิว คุณเป็นเอกเชิญเช็คอินค่ะ” พนักงานกล่าวต้อนรับ ผมก็ไปเช็คอินแล้วรับกุญแจห้อง
“มีห้องเดียวเหรอครับ?” ทิวถาม ผมเองก็คิดว่าจะจัดให้สองห้องเหมือนกัน
“ห้องเดียวค่ะ” พนักงานตอบ
“ผมขอเปิดอีกห้องครับ” ทิวเอ่ย ผมเองก็ไม่พูดขัดอะไร ถึงขะนอนแยกห้องผมก็จัดการรวบตัวมานอนกับผมได้อยู่ดี
“ขอโทษด้วยนะคะ ห้องพักเต็มแล้ว คุณลิเคียวเองก็แจ้งมาเพียงห้องเดียว” พนักงานสาวอธิบาย สรุปผมกับทิวก็ได้นอนห้องเดียวกัน ต้องขอบคุณลิเคียวมากที่ช่วยจัดการ ไอ้ที่เขาลือว่าแสบผมเริ่มจะเชื่อแล้วสิ แต่ถ้าแสบแล้วจอมวางแผนแบบนี้ผมก็ชอบนะครับเพราะจะทำให้คืนนี้ผมจัดการกอดทิวให้หายอยาก
................. ........
มาแล้วววว
ไรท์เปื่อยเลยอัพช้า ไม่ป่วยก็ช้า 5555
อ่อ ตอนหน้าเสียเลือด แถมอยู่ริมทะเลแบบนี้ชวนนึกถึงฉากจับปลาฉลามของคุณชัชวินกับพี่คีร์ -.,-
ไม่อยากพูดเยอะแล้ว ไรท์ขอตัวไปพักก่อนนะคะ รักคนอ่าน รักคนเม้น รักคนให้กำลังใจ รักทุกคน จุ๊บ
ฝากติดตามด้วยนะคะ