พิมพ์หน้านี้ - บันทึกรัก...ไร่แสงจันทร์ 20++ Yaoi (คู่กัด) EP.12_ P.5 จบแล้ว 15/03/2017

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Boy's love => Boy's love story => นิยายที่โพสจนจบแล้ว => ข้อความที่เริ่มโดย: TanYung0209 ที่ 30-11-2016 17:52:33

หัวข้อ: บันทึกรัก...ไร่แสงจันทร์ 20++ Yaoi (คู่กัด) EP.12_ P.5 จบแล้ว 15/03/2017
เริ่มหัวข้อโดย: TanYung0209 ที่ 30-11-2016 17:52:33
 :call::a5:ข้อตกลงในการเข้ามาในเล้าเป็ดนะครับ กรุณาอ่านทุกคนนะครับ
เล้าแห่งนี้เป็นที่ที่คนชื่นชอบนิยาย boy's love หรือชายรักชาย หากใครหลงมาแล้วไม่ชอบ
กรุณากดกากบาทสีแดงมุมด้านขวาบนออกไปด้วยนะครับ

สรุปข้อสำคัญดังนี้



1.ห้ามมิให้ละเมิดสิทธิส่วนตัวของคนแต่งและบุคคลในเรื่องทั้งหมด

2.ห้ามมิให้โพสต์ข้อความ รูปภาพ ใช้ลายเซ็นหรือรุปส่วนตัวหรือสื่อใดๆที่ก่อให้เกิดความขัดแย้ง ไม่แสดงความเคารพ, หมิ่นประมาท, หยาบคาย, เป็นที่รังเกียจ, ไม่เหมาะสม,ติดเรท x,ทำให้กระทู้กลายพันธ์,ไม่เกี่ยวพันกับนิยายที่ลง หรืออื่นๆที่ขัดต่อกฎหมาย, ห้ามโพสกระทู้ที่จะสร้างประเด็นความขัดแย้งสร้างความแตกแยก  ชวนวิวาท ของสมาชิกเล้าฯ ในเรื่องการเมือง เชื้อชาติ  เผ่าพันธุ์  ศาสนา และสถาบันต่าง ๆ  รวมถึงการตั้งชื่อเรื่องด้วยคำหยาบ คำไม่สุภาพ  ล่อแหลม และชี้เป้าให้เล้าฯ ถูกเพ่งเล็ง จากทางราชการ

3.การนำเรื่อง ข้อความ รูปภาพมาโพส หรือนำข้อความใดๆไปโพสที่นี่หรือที่อื่นๆ กรุณาพยายามติดต่อขออนุญาตเจ้าของเรื่องก่อนนะครับ

4.ห้ามแจกเบอร์ แลกเมล บอกเมล แลก msn บนบอร์ด โดยเฉพาะการบอกเบอร์ หรือเมลของคนอื่นโดยที่เจ้าตัวไม่ยินยอม

5.ขอให้นักเขียนทุกคนอย่าโกหกคนอ่านว่าเป็นเรื่องจริงในกรณีแต่งเติมเพิ่มแม้แต่นิดเดียว ถ้าเป็นเรื่องจริงก็ให้บอกว่าเรื่องจริง ถ้าเป็นเรื่องแต่งให้บอกว่าเรื่องแต่ง  ให้ชี้แจงว่าเป็นเรื่องแต่งแม้จะแต่งเพิ่มขึ้นแค่ไม่ถึง 10 % ก็ตามเพราะมีคนมากกมายทะเลาะเสียความรู้สึกเพราะเรื่องนี้มามากแล้ว

6. การพูดคุยโต้ตอบระหว่างคนเขียนและคนอ่านนอกเรื่องนิยาย  ทำได้  แต่อย่าให้มากนัก เช่น คนเขียนโพสนิยายหนึ่งตอน ก็ควรตอบเพียงคอมเม้นต์เดียวก็พอแล้ว  โดยสามารถใช้ปุ่ม Insearch qoute  ได้    ถ้าจะพูดคุยกันมากขึ้นแนะนำให้ไปตั้งกระทู้ใหม่ที่ห้องพูดคุยทั่วไป และลงลิงค์จากนิยายไปยังกระทู้พูดคุยกับแฟนคลับนิยายในรีพลายแรกด้วยนะครับ เพราะการที่คนเขียนและแฟนคลับพูดคุยกันมากทำให้หานิยายที่จะอ่านยาก ไม่เจอ ลำบากกับคนที่ไม่ได้เข้ามาตามอ่านทุกวัน

7. การกดบวกให้เป็ดเหลือง
      7.1 นิยาย 1 ตอน  จะให้ขึ้น Top list แค่ 1 Reply เท่านั้น ถ้าขึ้นเกิน จะลบคะแนนออก เหลือเฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด
      7.2 นิยาย 1 เรื่อง จะให้ขึ้น Top list ไม่เกิน 3 Reply ถ้าเกิน จะลบคะแนนออก ให้เหลือ เฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด ลงมาตามลำดับ
      7.3 Post ในห้องอื่น ๆ ก็จะใช้ หลักการเดียวกันนี้ เช่นกัน ยกเว้น
            - 1 Reply ที่เกินมานั้น โมฯทั้งหลาย พิจารณาดูแล้วว่า ไม่เป็นการปั่นโหวต และเป็น Reply ที่น่าสนใจและเป็นที่ชื่นชอบจริง ๆ

8.เมื่อนิยายจบแล้วให้แก้ไขหัวกระทู้ต่อท้ายว่าจบแล้ว


เวปไซต์แห่งนี้เป็นเวปไซต์ส่วนบุคคลที่ได้รับความคุ้มครองจากกฏหมายภายในและระหว่างประเทศ
การเข้าถึงข้อมูลใดๆบนเวปไซต์แห่งนี้โดยไม่ได้รับความยินยอมจากผู้ให้บริการ ถือว่าเป็นความผิดร้ายแรง

ข้อความใดๆก็ตามบนเวปไซต์แห่งนี้ เกิดจาการเขียนโดยสมาชิก และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ ผู้ดูแลเวปไซต์แห่งนี้ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย และไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆ  โปรดใช้วิจารณญาณของท่านที่เข้าชม และ/หรือ ท่านผู้ปกครองในการให้ลูกหลานเข้าชม

กรุณาอ่านเพิ่มเติมที่นี่
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0
 
หัวข้อ: Re: บันทึกรัก...ไร่แสงจันทร์ 20++ Yaoi (ซ่อนรัก + เมื่อผมมีเมีย(ผัว)เป็นคู่กัด)
เริ่มหัวข้อโดย: TanYung0209 ที่ 30-11-2016 17:57:52
ซ่อนรัก
[/color]
[/size]
ทำได้เพียงเก็บความรักไว้ในใจ
[/color]

 :mew2: :mew2: :mew2:

เมื่อผมมีเมีย(ผัว)เป็นคู่กัด[/size][/color]

ผลัดกันรับผลัดกันรุก ผลัดกันจุกอย่างทรมาน
[/color]


บันทึกรัก...ไร่แสงจันทร์ จะแบ่งนิยายเป็นสองเรื่องสั้น เรื่องละ 12 ตอนนะคะ ฝากติดตามด้วยนะคะ
[/size][/color]


 :mew1: :mew1: :mew1: :mew1: :mew1:
หัวข้อ: Re: บันทึกรัก...ไร่แสงจันทร์ 20++ Yaoi (ซ่อนรัก + เมื่อผมมีเมีย(ผัว)เป็นคู่กัด)
เริ่มหัวข้อโดย: TanYung0209 ที่ 30-11-2016 17:59:45
บันทึกรัก…ไร่แสงจันทร์

Writer : Tan-Yung0209

File : ซ่อนรัก 00

 

 

 

 

 

เมื่อสองปีก่อน

“คุณแม่ฮะวันนี้น้องไผ่เรียนจบม.ต้นแล้วคุณแม่ต้องพาน้องไผ่ไปหม่ำไอติมในเมืองนะฮะ”ไผ่เด็กชายวัยสิบห้ากำลังออดอ้อนคุณแม่คนสวยให้พาไปกินไอศกรีมร้านโปรด

 

“เรียนจบคาบเส้นหรือเปล่าเนี่ย?”แสงจันทร์พูดพร้อมบีบจมูกลูกชายด้วยความเอ็นดู

 

หล่อนมีลูกชายเพียงสองคนคนโตชื่อ‘สิบทิศ’เป็นคนที่นิสัยเหมือนกับนักรบสามีของเธอมีความเป็นผู้นำดุเด็ดขาดถึงอย่างนั้นก็เป็นอบอุ่นใจดีเช่นกันส่วนลูกชายที่คอยอ้อนเธออยู่นั้นชื่อว่า‘ไผ่’คนนี้นิสัยคล้ายเธออาจเป็นเพราะไผ่ติดหล่อนแจจนนิสัยติดไปทางผู้หญิงไผ่เป็นคนขี้อ้อนร่าเริงหน้าตาน่ารักแน่นอนว่านักรบและสิบทิศหวงไผ่ไม่ใช่น้อย

 

“น้องไผ่เรียนได้เกรดสี่ทุกวิชาเลยนะฮะคุณแม่”ไผ่ยู่หน้าเสียงที่พูดก็อู้อี้เพราะถูกแม่บีบจมูก

 

“จ๊ะ…แม่เชื่อแล้วเอาอย่างนี้ดีไหม? ไหนๆก็จะไปเลี้ยงฉลองน้องไผ่เรียนจบน้องไผ่ก็ลองชวนคุณพ่อกับพี่สิบทิศให้ไปด้วยกัน”แสงจันทร์เสนอความคิด

 

“ตกลงฮะเดี๋ยวน้องไผ่ไปตามพี่สิบทิศกับคุณพ่อก่อนนะฮะ”ไผ่วิ่งพรวดออกจากบ้านเข้าไปในไร่ซึ่งอยู่ในที่ดินเดียวกันร่างเล็กวิ่งไปตามไร่ต่างๆทั้งไร่ส้มไร่องุ่นสุดท้ายก็มาเจอพ่อและพี่ชายที่ฟาร์มโคนม

 

“คุณพ่อพี่สิบทิศ..แฮ่ก…น้องไผ่ตามหาตั้งนาน”ไผ่พูดพลางหอบไปพลางการตามหาคนในไร่แสงจันทร์แห่งนี้เรียกได้ว่าเป็นอะไรที่ผิดสุดๆเพราะไร่แห่งนี้กว้างพอที่ทำให้คนหลงได้

 

“น้องไผ่มีอะไรหรือเปล่า?”นักรบที่กำลังมาตรวจงานพร้อมกับสิบทิศจากที่ตีหน้านิ่งหน้าดุให้ลูกน้องกลัวพอเจอไผ่วิ่งมาหาเท่านั้นแหละท่าทางก็เปลี่ยนทันที

 

“วันนี้น้องไผ่เรียนจบแล้วน้องไผ่อยากกินไอติมเลยชวนคุณพ่อคุณแม่แล้วก็พี่สิบทิศไปด้วยกัน”ไผ่เอ่ยพร้อมกอดเอวคนเป็นพ่อเอาไว้แน่น

 

“พ่อกับสิบทิศไปไม่น่ะสิน้องไผ่”นักรบเอ่ยไผ่ถึงกับหน้างอปากก็เม้มแน่น

 

“ทำไมล่ะฮะ?”

 

“เดี๋ยวจะมีปศุสัตว์จะเข้ามาดูโคนมที่เราเลี้ยงไว้พี่กับพ่อเลยไปกับน้องไผ่ไม่ได้”สิบทิศลูบผมดำขลับของน้องชายอย่างแผ่วเบาด้วยความเอ็นดู

 

“เอาอย่างนี้พรุ่งนี้วันเสาร์พ่อจะพาทุกคนไปเลี้ยงฉลองที่ร้านอาหารในเมืองตกลงไหมครับ?”

 

“ตกลงฮะคุณพ่อ”ไผ่ตอบตกลงทันทีจากสีหน้าที่เศร้าสร้อยก็แปรเปลี่ยนเป็นรอยยิ้มสดใส

 

“ถ้าอย่างนั้นวันนี้น้องไปหม่ำไอติมกับคุณแม่ก่อนนะฮะ”ไผ่พูดต่อร่างเล็กกอดลาพ่อและพี่ชายก่อนจะวิ่งไปหาแม่ที่รออยู่ที่รถ

 

“ไหนคุณพ่อกับพี่สิบทิศล่ะ?”แสงจันทร์ถามหาคนรักและลูกชายอีกคน

 

“คุณพ่อกับพี่สิบทิศติดธุระฮะ”ไผ่ตอบ

 

“อืม…วันนี้เราก็กินกันสองคนไปก่อนเนอะ”แสงจันทร์ตอบก่อนจะนั่งตรงที่นั่งคนขับ

 

“คุณแม่จะขับรถเองเหรอฮะ?”ไผ่ถามด้วยความแปลกใจเพราะตนเห็นคนเป็นแม่ขับรถนับครั้งได้

 

“ใช่จ๊ะ…ทำไมไม่กล้านั่งเหรอ?”

 

“กล้าสิฮะ”ไผ่ยิ้มหวานแล้วนั่งลงที่ข้างคนขับ

 

ยานพาหนะสี่ล้อก็เคลื่อนที่จากไร่แสงจันทร์ไปสู่ตัวเมืองแสงจันทร์ขับรถเรื่อยๆไม่เร็วมากนักมือก็กดเพลงโปรดโดยที่เธอและลูกชายก็ร้องคลอตามอย่างมีความสุขความจริงแล้วความสุขอยู่กับเธอทุกๆวันเธอโชคดีที่มีสามีที่ดีมีลูกชายสองคนที่อายุห่างกันมากแต่ก็รักกันดูแลกันอีกทั้งไม่เคยสร้างความเดือดร้อนให้เธอเลย

 

“คุณแม่ฮะน้องไผ่อยากกินไอติมหม้อไฟจังเลยฮะ”ไผ่พูดเสียงอ้อนในสมองก็จินตนาการถึงไอศกรีมหลากหลายรสที่วางในหม้อไฟขนาดเล็กรายล้อมด้วยท็อปปิ้งมากมาย

 

“ได้เลย…ลูกชายแม่ขอซะอย่าง”แสงจันทร์พูดอย่างอารมณ์ดีสายตาก็มองลูกชายที่ยิ้มกว้างโดยไม่ได้ดูทางข้างหน้า

 

“คุณแม่ระวัง!!!!!!”ไผ่ร้องบอกแสงจันทร์ออกมาสุดเสียงข้างหน้ามีรถกระบะที่พุ่งออกมาจากซอยเล็กแล่นปาดหน้ารถของแสงจันทร์ในระยะประชิด

 

‘โครม!!!!’

 

เสียงรถชนผสานกันสนั่นหวั่นไหวไปทั่วบริเวณในตอนนั้นทั้งไผ่และแสงจันทร์รู้สึกว่าทุกอย่างมันเร็วมากก่อนที่สติของทั้งสองคนจะดับวูบไป

 







 

“คุณแม่…อืม”เสียงละเมอของคนบนเตียงทำให้สิบทิศและนักรบที่นั่งเฝ้าคนป่วยต่างก็ลุกจากโซฟามายืนอยู่ข้างเตียง

 

“น้องไผ่…น้องไผ่รู้สึกตัวแล้วใช่ไหมลูก?”คนเป็นพ่อกุมมือเล็กไว้แน่นลูกชายที่แผลถลอกเกือยบทั้งตัวนอนหมดสติไปสามวันตอนนี้ได้รู้สึกตัวแล้ว

 

“คุณพ่อ…ไหนคุณแม่ฮะ”ไผ่ลืมตาขึ้นประโยคแรกที่เอื้อนเอ่ยออกมาก็คือถามหาแม่ของตนไผ่รู้สึกเป็นห่วงแสงจันทร์เพราะความทรงจำครั้งสุดท้ายคือทั้งเขาและแม่ประสบอุบัติเหตุด้วยกันทั้งคู่

 

“น้องไผ่ฟังที่คุณพ่อพูดให้ดีนะ”สิบทิศจับมืออีกข้างของไผ่แน่น

 

“คุณพ่อ…คุณแม่เจ็บหนักเหรอฮะ”ไผ่ถามน้ำเสียงสั่นเครือ

 

“คุณแม่….เขาไปสบายแล้ว”นักรบพูดพลางกลืนก้อนสะอื้นเอาไว้ตอนนี้เขาจะต้องเข้มแข็งเพื่อลูกทั้งสองคนโดยเฉพาะไผ่ที่แสนบอบบาง

 

“ฮึก..ฮือ..ไม่จริง…น้องไผ่จะไปหาคุณแม่”ไผ่พยายามลุกออกจากเตียงแต่เขาก็พบสิ่งผิดปกติบางอย่างที่ได้เกิดขึ้นกับร่างกาย

 

“คุณพ่อฮะ…ฮือ..อ…ทำไมน้องไผ่ขยับขาไม่ได้…ฮึก..ขาน้องไผ่ไม่มีความรู้สึกเลยฮะ”ไผ่ร้องบอกนักรบทั้งน้ำตามือก็จับขาเอาไว้แน่นทำไมเขาของไผ่ถึงไม่มีความรู้สึกอะไรเลย…

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

...

เรื่องใหม่แกะกล่องของท่านยุ่งเองยังไงก็ฝากติดตามด้วยนะคะ ยังไงขอแต่งพี่เหมน้องไผ่ก่อนนะคะ

คู่นี้จะเป็นยังไง น้องไผ่ผู้น่ารักกับพี่เหมคนนิ่ง เรื่องนี้ใสใสค่ะ

 

ขอขอบคุณล่วงหน้าที่เข้ามาอ่าน มาเม้น เป็นกำลังใจ

หัวข้อ: Re: บันทึกรัก...ไร่แสงจันทร์ 20++ Yaoi (ซ่อนรัก + เมื่อผมมีเมีย(ผัว)เป็นคู่กัด)
เริ่มหัวข้อโดย: TanYung0209 ที่ 30-11-2016 18:01:46
บันทึกรัก...ไร่แสงจันทร์

Writer : Tan-Yung 0209

File : ซ่อนรัก 01

 

 

 

 

 

 

 

อุบัติเหตุในครั้งนั้นได้คร่าชีวิตของแสงจันทร์และทำให้ไผ่ไม่สามารถเดินได้เวลาผ่านไปสองปีไผ่ก็ยังคงนั่งอยู่บนรถเข็นความจริงแลเวไผ่นั้นยังมีโอกาสกลับมาเดินได้เป็นปกติเพียงแต่ว่าจิตใจของไผ่ลึกๆนั้นยังคงโทษตัวเองที่รบเร้าให้แม่พาไปเลี้ยงฉลองจนประสบอุบัติเหตุ

 

“น้องไผ่คะวันนี้ลองเดินสักหน่อยนะคะ”ทรายพยาบาลสาวผู้ดูแลไผ่มาตลอดสองปีได้พูดกับไผ่ที่นั่งเหม่อลอยตรงระเบียง

 

“น้องไผ่ไม่อยากเดินฮะพี่ทราย”ไผ่เอ่ยไป่คิดว่าการที่ตนเองเดินไม่ได้ตลอดชีวิตมันน่าจะดีที่สุดถือเสียว่าเป็นบทลงโทษสำหรับตัวไผ่เอง

 

“น้องไผ่คะ…ผ่านมาสองปีแล้วนะคะขาของน้องไผ่ก็มีความรู้สึกแล้วเหลือแค่หัดเดินเท่านั้นพี่อยากให้น้องไผ่ฝึกเดินทุกวันจะได้กลับไปเป็นเหมือนเดิมไงคะ”ทรายพูดโน้มน้าวจิตใจหล่อนที่อยู่กับไผ่ตลอดเวลาทำไมจะไม่รู้ว่าสาเหตุที่ไผ่อิดออดไม่ยอมเดินเป็นเพราะอะไร

 

“เหมือนเดิม…กลับไปเป็นเหมือนเดิมแล้วน้องไผ่จะได้คุณแม่คืนมาไหมฮะ”ไป่เอ่ยน้ำตาก็ร่วงหล่นลงหยดตรงฝ่ามือที่วางบนตักทรายเห็นคนไข้ของตนก็อดสงสารไม่ได้

 

“น้องไผ่ต้องเข้มแข็งนะคะคุณแสงจันทร์ไม่ได้ตายเพราะน้องไผ่เรื่องที่เกิดขึ้นเป็นอุบัติเหตุ”ทรายพูดปลอบก่อนจะดึงไผ่เข้ามาสวมกอด

 

“ถ้าน้องไผ่เศร้าแบบนี้ไม่ยอมเดินแบบนี้คุณนักรบกับคุณสิบทิศก็ไม่สบายใจไปด้วยน้องไผ่ต้องคิดถึงคุณพ่อกับพี่ชายที่รักน้องไผ่ให้มากๆสิคะคุณแสงจันทร์ที่อยู่บนสวรรค์ก็ไม่ดีใจนะคะที่น้องไผ่เป็นแบบี้อีกอย่างทั้งพี่ทรายและคนในไร่ก็คอยให้กำลังใจน้องไผ่อยู่เสมอ”ทรายพูดต่อไผ่ที่นั่งฟังก็สะอื้นไห้หนักกว่าเดิมพอเอาคำพูดของทรายมาคิดมันก็เป็นอย่างที่หญิงสาวพูดทุกอย่างที่ผ่านมาไผ่เอาแต่ใจตัวเองมากมัวแต่จมกับความคิดของตัวเองจนไม่ยอมสนใจคนอื่น

 

“ไผ่จะเข้มแข็งไผ่จะหัดเดินฮะ…พี่ทราย”ไผ่เอ่ยแววตามุ่งมั่นจากนี้ไผ่จะกลับไปเป็นน้องไผ่คนเดิมน้องไผ่ที่ร่าเริงและเป็นรอยยิ้มให้กับคนทั้งไร่

 

“ดีแล้วเวลาพี่ไม่อยู่พี่จะได้สบายใจ”ทรายเอ่ยรอยยิ้มก็ฉาบบนใบหน้าหล่อนดีใจที่ไผ่ฮึดสู้ขึ้นมาบ้างเธอรู้ตัวว่าเธออยู่ที่นี่ได้อีกไม่นาน

 

“พี่ทรายจะไปไหนฮะ”ไผ่ใจเสียเมื่อได้ฟังประโยคที่ทรายได้พูดออกมาเมื่อครู่

 

“พี่ต้องย้ายตามสามีไปที่ภาคใต้ค่ะ”ทรายตอบน้ำตาที่หยุดไหลของไผ่ของไหลออกมาอีกรอบ

 

“ฮึก..แล้วนองไผ่อยู่กับใครใครจะดูแลน้องไผ่”ไผ่พูดออกมาทั้งน้ำตาตลอดสองปีที่ผ่านมาทรายคอยดูแลและรู้ใจไผ่จนไผ่เห็นทรายเป็นพี่สาวคนหนึ่ง

 

“เดี๋ยวคุณสิบทิศจัดการให้นะคะน้องไผ่อย่ากังวลเลย”

 

“น้องไผ่กลัว..ถ้าคนนั้นเขาใจร้ายล่ะฮะ?”

 

“ใครจะกล้าใจร้ายกับน้องไผ่กันคะถ้าใจร้ายน้องไผ่ก็ต้องรีบหายตกลงไหมคะ?”

 

“ฮะ”ไผ่ขานรับแต่ใบหน้ายังคงเศร้าอยู่

 

“ดีแล้วค่ะน้องไผ่ต้องรักตัวเองและนึกถึงคนที่รักน้องไผ่ทุกคนนะคะ”ทรายสวมกอดไผ่อีกครั้ง

 

“พี่ทรายฮะแล้วพี่ทรายจะไปวันไหนฮะ”ไผ่ถาม

 

“พี่ไปอาทิตย์หน้าค่ะ”

 

“ทำไมเร็วจังเลยฮะน้องไผ่คิดว่าอีกสักเดือนสองเดือนเสียอีก”ไผ่ตกใจไม่น้อยที่เขาเหลือเวลาอยู่กับทรายเพียงแค่เจ็ดวัน

 

“สามีพี่เขาย้ายสังกัดด่วนพี่เองก็เพิ่งรู้เมื่อวานนี้เอง”ทรายตอบหล่อนเองก็ใจหายที่ไม่ได้ดูแลไผ่ต่อ

 

“แย่จังเลย…น้องไผ่คิดถึงพี่ทรายแน่เลย”

 

“ถ้าคิดถึงก็ไปหาพี่แต่ตอนนั้น….ต้องเดินได้แล้วนะ”ทรายพูดเสียงดุจนไผ่ทำหน้าจ๋อย

 

“อย่างนี้น้องไผ่ต้องฝึกเดินทุกวันเสียแล้ว”ไผ่พูดออกมาทั้งรอยยิ้มนับตั้งแต่วันนี้ไผ่จะลองฝึกเดินดูบ้างไผ่ให้คำมั่นสัญญากับตนเอง

 

..

..

..

 

“น้องไผ่พี่ไปก่อนนะคะ”ทรายบอกลาไผ่ที่นั่งหน้าเศร้าวันนี้เป็นวันที่เธอต้องย้ายตามสามีไปที่ภาคใต้คิดแล้วก็อดเป็นห่วงไผ่ไม่ได้

 

“พี่ทรายอย่าลืมติดต่อมาหาน้องไผ่บ้างนะฮะ”ไผ่ช้อนตามองอีกคนน้ำตาก็คลออยู่เล็กน้อย

 

“ได้ค่ะพี่จะติดต่อมาพี่ไม่อยู่แล้วน้องไผ่ต้องดูแลตัวเองดีๆนะคะ”ทรายพูดทิ้งท้ายไผ่พยักหน้ารับทั้งน้ำตาที่มันไหลออกมาเองทั้งที่เจ้าตัวฝืนไว้

 

“โชคดีนะครับพี่ทราย”สิบทิศอวยพรให้กับนางฟ้าเดินดินแสยดีที่คอยดูแลน้องชายมาโดยตลอด

 

“ถ้ามีปัญหาเหรือเดือดร้อนอะไรบอกฉันมาได้เลย”นักรบบอกกับทรายด้วยความจริงใจหากหญิงสาวตรงหน้าเดือดร้อนจริงเขาก็ยินดีช่วยเหลือเพื่อเป็นการตอบแทน

 

“ทรายขอลาทุกคนนะคะไว้มีโอกาสจะมาเยี่ยม”ทรายบอกลาและยกมือไหว้ผู้อาวุโสอย่างนอบน้อมพอร่ำลากันเสร็จทรายก็ขึ้นรถไปกับสามีและขับออกจากไร่ไปรถเริ่มขับห่างน้ำตาที่กลั้นไว้ของไผ่ก็ไหลออกมาอาบแก้ม

 

“น้องไผ่ไม่ร้องนะครับเดี๋ยวจะให้พี่สิบทิศหาพยาบาลใจดีมาดูแลน้องไผ่”

 

“พี่สิบทิศฮะ…น้องไผ่อยากกลับมาเดินได้อีกครั้ง”ไผ่บอกกับพี่ชายคนที่ได้ยินคำพูดของไผ่ก็ยิ้มออกมันเป็นสัญญาณที่ดีว่าไผ่เลิกโทษตัวเองแล้วทั้งนักรบและสิบทิศเคยปรึกษาหมอก็ได้รับคำตอบว่าปัญหาของไผ่อยู่ที่จิตใจไม่ใช่ร่างกายพอไผ่บอกว่าอยากเดินสองพ่อลูกก็อดที่จะดีใจไม่ได้

 

“พ่อดีใจนะน้องไผ่ที่น้องไผ่อยากเดินเดี๋ยวพรุ่งนี้พ่อจะปรึกษาหมอแล้วให้คนมาขยายห้องนอนน้องไผ่จัดทำราวเหล็กให้น้องไผ่หัดเดิน”นักรบพูดออกมาด้วยน้ำเสียงตื่นเต้น

 

“ส่วนพี่ก็จะติดต่อเพื่อนพี่ที่เป็นหมอเฉพาะทางมาดูแลน้องไผ่”สิบทิศพูดเสริมไผ่ยิ้มร่าให้กับพ่อและพี่ชายที่แสนดีตลอดสองปีที่ผ่านมาเขามัวจมกับความทุกข์จนลืมคนที่รักเขาและเขาเองก็รักมากที่สุดอย่างคนในครอบครัว

 

ทุกสิ่งทุกอย่างเป็นตามที่นักรบได้พูดเอาไว้หลังจากตนได้ปรึกษาหมอที่โรงพยาบาลเย็นวันนั้นตนและคนงานก็ได้เลือกอุปกรณ์เพื่อใช้จัดห้องนอนของไผ่และได้ทำการติดตั้งคนงานในไร่ต่างก็ช่วยอาสากันแม้ว่าจะล่วงเวลางานก็ตามคืนนั้นไผ่ก็ต้องไปนอนกับสิบทิศเพราะพ่อไม่ยอมให้ลูกชายมาเห็นสภาพห้องนอนจนกว่าจะเสร็จ

 

“ห้องน้องไผ่เหมือนห้องอนุบาลเลย”ไผ่อมยิ้มสายตาก็ไล่มองห้องนอนที่ถูกปรับเปลี่ยนโดยเตียงจากที่อยู่กลางห้องก็ถูกจัดให้อยู่ชิดกับผนังกระจกใกล้ระเบียงเพื่อเพิ่มที่ว่างตรงกลางห้องพื้นไม้ปาเก้เองก็ถูกปูด้วยแผ่นฟองน้ำจิ๊กซอร์ที่ใช้ในห้องเรียนสำหรับเด็กเล็กเพื่อป้องกันหากไผ่หกล้มจะได้ไม่เจ็บตัวมากตามผนังเองก็มีราวจับให้ไผ่ได้เดิน

 

“เป็นไงน้องไผ่ชอบห้องใหม่ไหมครับ?”นักรบถามลูกชายถ้าไผ่ไม่ถูกใจตรงไหนนักรบก็พร้อมรื้อถอน

“น้องไผ่ชอบมากๆฮะคุณพ่อ”คำตอบของไผ่ทำให้หัวใจของคนเป็นพ่อพองโตด้วยความรู้สึกอิ่มเอมใจ

 

“คุณนักรบค่ะปศุสัตว์มาขอพบค่ะ”แม่บ้านเข้ามารายงานแก่นายใหญ่

 

“โอเคเดี๋ยวฉันจะลงไปบอกเขาว่ารอสักครู่นะ”นักรบบอกกับแม่บ้านเขาไม่อยากทิ้งลูกชายไว้คนเดียวเพราะสิบทิศนั้นกำลังไปรับเพื่อนที่เป็นหมอทางด้านกายภาพบำบัด

 

“คุณพ่อไปก่อนก็ได้ฮะทางปศุสัตว์คงมีธุระสำคัญถึงได้มาแต่เช้า”ไผ่บอกนักรบ

 

“ไม่เป็นไรครับพ่อจะอยู่เป็นเพื่อนน้องไผ่ก่อน”

 

“น้องไผ่อยู่คนเดียวได้ฮะคุณพ่อไม่ต้องเป็นห่วง”

 

“น้องไผ่อยู่ได้แน่นะครับ?”นักรบถามย้ำไผ่พยักหน้าแทนคำตอบ

 

“ตกลงครับน้องไผ่อยู่ที่ห้องไปก่อนไม่นานพี่สิบทิศกับหมอก็มาถึง”

 

“ฮะ…คุณพ่อ”

 

พอได้ยินคำตอบนักรบก็เดินออกไปจากห้องเหลือเพียงไผ่ที่พาตัวเองไปรอบๆด้วยสองล้อของรถเข็นที่จริงไผ่พอจะไปไหนมาไหนด้วยตัวเองได้เพราะรถเข็นเป็นระบบไฟฟ้าแต่นักรบกับสิบทิศก็ไม่ยอมให้ไผ่เข็นเองเรียกได้ว่าสองพ่อลูกห่วงร่างบางทะนุถนอมราวกับไข่ในหิน

“ลองหัดเดินดูดีกว่า…”ไผ่พึมพำกับตัวเองก่อนจะเลื่อนรถเข็นไปที่ผนังมือสองข้างก็จับราวเล็กเอาไว้แน่นแล้วรวบรวมแรงทั้งหมดที่มีผ่านมือและแขนรั้งราวเหล็กพยุงตัวเองให้ยืนขึ้น

 

“อ๊ะ!!!!”ไผ่อุทานออกมาด้วยความตกใจด้วยความที่ไผ่เคยยืนเลยตลอดสองปีทำให้ขาไม่มีแรงส่งผลให้ไผ่เซถลาไปด้านหน้าไผ่หลับตาปี๋คิดในใจว่าตนคงจะล้มหัวฟาดเป็นแน่แต่ก่อนที่เหตุการณ์จะเป็นไปตามที่ไผ่คิดก็มีแขนของใครบางคนรั้งเอวไผ่เอาไว้ได้ทัน

 

“ขอบคุณนะฮะพี่สิบทิศ”ไผ่กล่าวคำขอบคุณโดยไม่คิดจะหันมอง

 

“น้องไผ่จะหัดเดินเองนี่คิดจะไม่รอหมอเลยเหรอ?”เสียงทุ้มกระซิบถามใกล้ใบหูนิ่มเสียงนี้ไม่ใช่เสียงของสิบทิศแต่เป็นเสียงของบุคคลที่ไผ่จำได้ดี

 

“พะ..พี่เหม?”ไผ่หันหน้าไปมองปากก็เปล่งเสียงเอ่ยนามอีกฝ่ายใบหน้าของไผ่แดงระเรื่อทันทีที่สบตาชายหนุ่มผ่านไปหลายปีที่พวกเขาไม่ได้เจอกันเหมในสายตาไป่ยังคงดูดีเหมือนเดิม…ไม่สิมากกว่าเดิมเป็นร้อยเท่าพันเท่า

 

 

“ใช่...พี่เองดีใจนะที่น้องไผ่จำพี่ได้”เหมพูดด้วยน้ำเสียงเรียบนิ่งเหมือนกับดุไผ่ที่หัดเดินโดยไม่มีคนอื่นอยู่ด้วยแต่ถึงอย่างนั้นแขนแกร่งก็ยังคงเกี่ยวเอวบางเอาไว้ไม่ปล่อย

 

 

 

 

 

 

 

 

 

...

สวัสดีมิตรรักและผู้อ่าน เรื่องนี้แนวใสใสอ่านจะไม่เข้าตาใครหลายคน บทก็ราบเรียบเหมือนน้ำนิ่ง

แต่!!!!

มันเพิ่งจะตอนแรกดังนั้นความบ้าของไรท์ที่จัดไปในนิยายซ่อนรักมีแน่นอน แค่ไม่ถึงเวลา ยังไงไรท์ฝากติดตามด้วยนะคะ

ตอนนี้พระเอกของเรา พี่เหมผู้มีงานดีตรงซิกแพ็คก็โผล่มาแล้ว มาดูกันว่าพี่เหมจะดูแลน้องไผ่จนน้ำตกระดับไหน

 

ขอบคุณที่ติดตามเข้ามาอ่านมาเม้นกันนะคะ
หัวข้อ: Re: บันทึกรัก...ไร่แสงจันทร์ 20++ Yaoi (ซ่อนรัก + เมื่อผมมีเมีย(ผัว)เป็นคู่กัด)
เริ่มหัวข้อโดย: Dolamon ที่ 30-11-2016 20:17:24
น้องไผ่ พี่เหม. ในที่สุดก็มา


รอติดตามค่ะ  :hao4: :hao4:


หัวข้อ: Re: บันทึกรัก...ไร่แสงจันทร์ 20++ Yaoi (ซ่อนรัก + เมื่อผมมีเมีย(ผัว)เป็นคู่กัด)
เริ่มหัวข้อโดย: sirin_chadada ที่ 30-11-2016 22:32:08
รู้จักกันอยู่แล้ว?
หัวข้อ: Re: บันทึกรัก...ไร่แสงจันทร์ 20++ Yaoi (ซ่อนรัก + เมื่อผมมีเมีย(ผัว)เป็นคู่กัด)
เริ่มหัวข้อโดย: เมื่อนั้นฝันว่า ที่ 01-12-2016 11:37:50
แปะ
หัวข้อ: Re: บันทึกรัก...ไร่แสงจันทร์ 20++ Yaoi (ซ่อนรัก + เมื่อผมมีเมีย(ผัว)เป็นคู่กัด)
เริ่มหัวข้อโดย: GBlk ที่ 01-12-2016 13:08:50
ติดตาม
หัวข้อ: Re: บันทึกรัก...ไร่แสงจันทร์ 20++ Yaoi (ซ่อนรัก + เมื่อผมมีเมีย(ผัว)เป็นคู่กัด)
เริ่มหัวข้อโดย: tear0313 ที่ 01-12-2016 13:57:05
 :กอด1:
หัวข้อ: Re: บันทึกรัก...ไร่แสงจันทร์ 20++ Yaoi (ซ่อนรัก + เมื่อผมมีเมีย(ผัว)เป็นคู่กัด)
เริ่มหัวข้อโดย: TanYung0209 ที่ 04-12-2016 21:47:54
บันทึกรัก…ไร่แสงจันทร์

Writer : Tan-Yung0209

File : ซ่อนรัก 02













 [น้องไผ่ Part]

พี่เหม!!! พี่เหมมาอยู่ที่นี่ได้อย่างไร? ตอนนี้น้องไผ่ที่นั่งจ้องหน้าพี่เหมโดยมีพี่สิบทิศนั่งลงใกล้ๆก็ตั้งคำถามในหัวใจ ย้อนเวลากลับไปเมื่อสิบนาทีก่อน พี่เหมเข้ามาช่วยน้องไผ่เอาไว้ทันจากการที่น้องไผ่นึกอยากลองหัดเดินด้วยตัวเอง



‘น้องไผ่จะหัดเดินเอง นี่คิดจะไม่รอหมอเลยเหรอ?’ เสียงทุ้มกระซิบถามใกล้ใบหูนิ่มทำให้น้องไผ่ใจสั่น



‘พะ..พี่เหม?’ น้องไผ่หันหน้าไปมองปากก็เปล่งเสียงเอ่ยนามอีกฝ่าย ใบหน้าของน้องไผ่ร้อนผ่าวทันทีที่สบตาดุจเหนี่ยว ผ่านไปหลายปีที่พวกเราไม่ได้เจอกัน พี่เหมในสายตาน้องไผ่ยังคงดูดีเหมือนเดิม…ไม่สิมากกว่าเดิมเป็นร้อยเท่าพันเท่า



‘ใช่...พี่เอง ดีใจนะที่น้องไผ่จำพี่ได้’ พี่เหมพูดด้วยน้ำเสียงเรียบนิ่งเหมือนกับดุไผ่ที่หัดเดินโดยไม่มีคนอื่นอยู่ด้วยแต่ถึงอย่างนั้นแขนแกร่งก็ยังคงเกี่ยวเอวบางเอาไว้ไม่ปล่อย จนน้องไผ่ไม่รู้จะพูดต่อว่าอย่างไรดีแต่ก็โชคดีตรงที่ว่าพี่สิบทิศก็เข้ามาพอดีและเชิญพี่เหมมานั่งพูดคุยที่ห้องทำงานใกล้ๆกับห้องของน้องไผ่ โดยที่น้องไผ่ก็ถูกพี่สิบทิศเข็นรถมาพูดคุยด้วยกัน



“น้องไผ่จำพี่เหมได้มใช่ไหม?” พี่สิบทิศถามน้องไผ่ ทำให้สติที่ล่องลอยไปกับอากาศได้กลับคืนสู่น้องไผ่อีกครั้ง



“ฮะ…น้องไผ่จำได้” น้องไผ่ตอบก่อนจะรู้สึกได้ว่าถูกเพื่อนของพี่ชายมองน้องไผ่อยู่เช่นกัน



“พี่เหมเขาจะมาเป็นหมอดูแลน้องไผ่นะ” พี่สิบทิศพูดต่อใบหน้าเปื้อนยิ้ม



“จะ..จริงเหรอฮะ?” น้องไผ่ถามกลับไป น้องไผ่แทบไม่เชื่อหูตัวเองเลยว่าคนที่จะมาดูแลน้องไผ่จะเป็นพี่เหมคนที่น้องไผ่แอบปลื้มและมองว่าเป็นฮีโร่มาตลอดจะมาดูแลน้องไผ่อีกครั้ง



ใช่ครับ…อีกครั้ง ตั้งแต่ตอนน้องไผ่เด็กๆพี่เหมมักจะคอยปกป้องดูแลน้องไผ่เสมอมา จนถึงวันที่พี่เหมได้จากน้องไผ่ไป



“จริงสิพี่จะมาดูแลน้องไผ่จนกว่าน้องไผ่จะเดินได้” พี่เหมเป็นฝ่ายตอบแทนพี่สิบทิศ



“แล้วพี่เหมไม่ทำงานที่โรงพยาบาลเหรอฮะ”



“พอดีว่าสิบทิศเขาไปทำเรื่องกับโรงพยาบาลขอให้พี่มาดูแลน้องไผ่โดยเฉพาะแต่ถ้าน้องไผ่อึดอัดก็บอกให้สิบทิศหาคนมาแทนได้นะ”



“น้องไผ่ไม่อึดอัดฮะ” น้องไผ่รีบตอบกลับไปกลัวว่าพี่เหมจะไม่ดูแลน้องไผ่ พี่สิบทิศกับพี่เหมก็มองหน้ากันแล้วยิ้มออกมา



“เห็นไหมไอ้เหม น้องไผ่เขาไม่อึดอัดที่แกมาเป็นหมอดูแลเขาหรอก” พี่สิบทิศพูดกับเหม สีหน้าที่แสดงออกมานั้นก็บ่งบอกว่าดีใจสุดๆ



“ว่าแต่พี่เหมจะอึดอัดไหมฮะที่ต้องมาดูแลน้องไผ่” น้องไผ่ถามกลับไปบ้าง ถ้าพี่เหมอึดอัดน้องไผ่จะได้บอกพี่สิบทิศหาคนอื่นมาดูแลน้องไผ่แทน



“พี่ไม่อึดอัดหรอก น้องไผ่อย่าคิดมาก” พี่เหมตอบมุมปากก็ยกยิ้มฉายแววความหล่ออกมา



“เออ เหม…ฉันให้คนจัดห้องนอนเอาไว้แล้วยังไงก็ลงไปเอากระเป๋าขึ้นมาเก็บที่ห้องกันเถอะ” พี่สิบทิศบอกพี่เหม ถึงว่าล่ะทำไมคุณพ่อถึงให้คนมาจัดห้องนอนสำหรับแขกเอาไว้อีกห้อง



“ก็ดีเหมือนกัน ฉันจะได้จัดของให้เรียบร้อย เสร็จแล้วจะได้ไปสวัสดีคุณนักรบด้วย” พี่เหมเห็นด้วยกับพี่สิบทิศ



“น้องไผ่ เดี๋ยวพี่พาไปส่งที่ห้องนอนนะแล้วก็อย่าแอบฝึกเดินล่ะรอให้พี่มาก่อน” พี่เหมหันมาคุยกับน้องไผ่แถมกำชับไม่ให้น้องไผ่ฝืนเดินคนเดียวเหมือนก่อนหน้านี้



“ฮะ น้องไผ่จะไม่ดื้อ น้องไผ่จะอ่านหนังสือในห้องพลางๆ” น้องไผ่ตอบกลับไปเพราะช่วงนี้ก็ใกล้จะสอบเก็บคะแนนแล้ว อ่อ น้องไผ่ลืมบอกทุกคนไปว่าน้องไผ่เรียนนอกระบบซึ่งต้องพยายามเรียนรู้ด้วยตัวเองซึ่งน้องไผ่ก็เพียรอ่านหนังสือทุกๆวัน



“ดีมาก…พอพี่จัดการธุระเสร็จแล้วพี่จะมาตรวจร่างกายน้องไผ่คร่าวๆนะ” พี่เหมบอกกับน้องไผ่ท่าทางใจดี พี่เหมยังคงนิสัยดีไม่เปลี่ยน พลอยให้น้องไผ่รู้สึกดีไม่น้อยที่พี่เหมมาเป็นคนดูแล



พี่เหมและพี่สิบทิศก็พาน้องไผ่มาส่งที่ห้องนอนแล้วพากันออกไป น้องไผ่ก็ได้แต่มองแผ่นหลังกว้าง ในสมองก็ผุดความทรงจำในตอนวัยเด็กขึ้นมา



ย้อนไปในตอนที่น้องไผ่จำความได้ ในไร่แสงจันทร์ไม่มีเด็กหรือลูกคนงานเลยที่พอจะเป็นเพื่อนเล่นกับน้องไผ่ กลายเป็นว่าน้องไผ่ก็ต้องเล่นคุณแม่ ตุ๊กตา ผิดกับพี่สิบทิศที่อายุห่างจากน้องไผ่ตั้งสิบปี เขามีเพื่อนรุ่นเดียวกันนั่นก็คือพี่เหมที่เป็นลูกหัวหน้าคนงานในฟาร์มโคนม



“น้องไผ่คิดถึงพี่ไหม?” มือหนาเข้ามาปิดตาของน้องไผ่ น้องไผ่ยกมือตัวเองจับดูก็รับรู้ได้ว่าใครแกล้งน้องไป่



“พี่สิบทิศ!!! เอามืออกเลยนะฮะ น้องไผ่มองไม่เห็น” น้องไผ่โวยวายแต่ดูเหมือนว่าจะยิ่งยุให้พี่สิบทิศปิดตาน้องไผ่แน่นกว่าเดิม



“สิบทิศอย่าแกล้งน้องไผ่สิ” เสียงสวรรค์ที่มักจะได้ยินเวลาที่ผมขอความช่วยเหลือ…เสียงของพี่เหม



“ปล่อยก็ได้ ฉันแค่อยากจะหยอกน้องไผ่เล่นแค่นั้นเอง” พี่สิบทิศปล่อยมือแล้วหันไปคุยกับพี่เหม



“จริงสิ…น้องไผ่ยังไม่ตอบพี่เลยว่าคิดถึงพี่หรือเปล่า?” พี่สิบทิศทวงคำตอบจากน้องไผ่



“คิดถึงสิฮะ…น้องไผ่คิดถึงพี่สิบทิศแล้วก็พี่เหมด้วย” น้องไผ่ยิ้มร่าให้กับพี่ทั้งสองคนที่ไปเรียนโรงเรียนประจำและจะกลับบ้านมาในช่วงสุดสัปดาห์เท่านั้น



“คิดถึงพี่แบบนี้ พี่ต้องให้รางวัลเสียหน่อย” พี่สิบทิศพูดพร้อมกับล้วงกระเป๋ากางเกงของตัวเอง



“น้องไผ่…ปิดตา” พี่สิบทิศบอกกับน้องไผ่ น้องไผ่เองก็ทำตามอย่างว่าง่ายแถมอดตื่นเต้นไม่ได้ว่าพี่สิบทิศจะให้อะไร พี่สิบทิศจับมือน้องไผ่แล้ววางมือทับลงมาอีกที คงามรู้สึกนิ่มๆเย็นๆ มันเหนียวหนึบอย่างบอกไม่ถูก



“อ้าก!!!!....ทาก!!!!” น้องไผ่ร้องลั่นในมือของน้องไผ่มีตัวทากเล็กที่ชวนขนลุก



“ฮึก…ฮือ..อ…” น้องไผ่ร้องออกมา มือก็สั่นไม่มีแรงแม้จะสะบัดออก ส่วนพี่สิบทิศก็ยืนหัวเราะน้องไผ่ นึกๆดูแล้วไม่คิดว่าคนอายุสิบแปดเขาทำกัน



“สิบทิศทำไมชอบแกล้งน้องไผ่จัง” พี่เหมหยิบตัวทากออกจากมือของน้องไผ่แล้วจับน้องไผ่อุ้มขึ้นมา น้องไผ่ก็เอาหน้าซุกบ่ากว้างแล้วีร้องไห้ต่อก่อนจะได้ยินพี่เหมดุพี่สิบทิศ



“เหม นายเองก็ชอบโอ๋น้องไผ่เหมือนกัน ตั้งแต่น้องไผ่เกิดมาจนน้องไผ่แปดขวบนายก็ยังโอ๋”



“ก็ฉันไม่มีน้องชายนี่” พี่เหมบอกกับพี่สิบทิศ อ่อ ผมลืมบอกไปว่าพี่เหมเป็นลูกชายคนเดียว



“ถ้าอย่างนั้นฉันยกน้องไผ่ให้ นายจะเอาไม่ล่ะ?” พี่สิบทิศถามพี่เหม



“ฮึก…น้องไผ่จะเป็นน้องพี่สิบทิศ พี่สิบทิศอย่าทิ้งน้องไผ่” พอได้ยินว่าจะถูกยกให้เป็นน้องคนอื่น น้องไผ่ก็รีบพูดแล้วอ้าแขนให้พี่สิบทิศอุ้ม พี่ชายตัวดีก็รวบตัวน้องไผ่มากอดแล้วหอมแก้มขาวเบาๆ



“น้องไผ่ไม่อยากเป็นน้องชายพี่เหรอ?” พี่เหมลูบผมดำขลับของน้องไผ่เบาๆ



“อยากสิฮะ น้องไผ่ชอบพี่เหม พี่เหมใจดีกับน้องไผ่” น้องไผ่ยิ้มแป้น ทุกคนก็ยิ้มตามน้องไผ่ออกมาทันที



“แล้วพี่ล่ะ?” พี่สิบทิศถามบ้าง



“พี่สิบทิศขี้แกล้งแต่น้องไผ่ก็อยากเป็นน้องชายอยู่ดีฮะ” น้องไผ่พูดพร้อมกับหัวเราะ พี่สิบทิศเองก็คงหมั่นไส้จับน้องไผ่ลงนอนที่โซฟาแล้วจี้เอวจนน้องไผ่จั๊กจี้



“ฮ่า.า .พอ…พี่เหม…ฮ่า..ฮ่า..ช่วยน้องไผ่ด้วย”



เวลาในตอนนั้นมันผ่านไปอย่างรวดเร็ว จากที่พี่สิบทิศและพี่เหมกลับมาไร่ทุกสุดสัปดาห์ตอนนี้ก็เริ่มไม่ค่อยกลับบ้าน ตอนนั้นน้องไผ่ลองถามคุณพ่อดู คุณพ่อก็บอกว่าพี่สิบทิศกับพี่เหมต้องเตรียมตัวสอบเพื่อเข้าเรียนมหาวิทยาลัย จนกระทั่ง….



“คุณนักรบ คุณแสงจันทร์” ในขณะที่น้องไผ่กำลังเล่นอยู่กับคุณพ่อและคุณแม่ พ่อแม่ของพี่เหม รวมถึงตัวของพี่เหมก็เข้ามาหาที่บ้านใหญ่



“มีอะไรเหรอ นายเรือง?” คุณพ่อถามกลับไป ดูเหมือนจะแปลกใจเล็กน้อยที่อีกฝ่ายมาทั้งครอบครัว ส่วนน้องไผ่ก็วิ่งไปนั่งบนตักของพี่เหม โดยที่แขนแกร่งโอบเอวเล็กอัตโนมัติด้วยความเคยชิน



“คือผมจะขอลาออกจากไร่ครับ” ลุงเรืองบอกกับคุณพ่อไป ทั้งคุณพ่อและคุณแม่ถึงกับตกใจรวมถึงน้องไผ่ด้วย



“มีปัญหาอะไรหรือเปล่า? นายเรือง” คุณพ่อถาม ลุงเรืองยิ้มก่อนจะให้คำตอบว่า…



“ไม่มีครับ ตลอดเวลาที่ผมอยู่ที่นี่ ผมทำงานอย่างมีความสุขไม่เคยมีปัญหาอะไรเลยครับ แต่ที่ผมต้องลาออกก็เพราะว่าพ่อของผมเสียชีวิตแล้วท่านก็แบ่งที่ดินให้ ผมคิดว่าจะกลับไปทำไร่ ทำนาที่นั่น ถือว่าไปดูแลแม่ของผมด้วย อีกอย่างตาเหมก็จะเข้ามหาลัยพอดีเลยไม่ต้องกังวลเรื่องย้ายที่เรียน” ลุงเรืองอธิบายคำตอบมายาวยืดแต่น้องไผ่จับใจความประโยคได้เพียงอย่างเดียวคือ…พี่เหมต้องไปจากที่นี่ด้วย



“ฉันเข้าใจแล้ว ว่าแต่นายเรืองจะไปวันไหน?”



“คิดว่าอีกสองสามวันครับ ตอนนี้ก็เริ่มเก็บของไปบ้างแล้ว”



“ทำไมเร็วอย่างนี้เนี่ย? ฉันไม่ทันได้เตรียมใจเลย” คุณแม่เอามือทาบอก ท่านคงใจหายที่อยู่ๆครอบครัวของลุงเรืองออกจากไร่ไปกะทันหัน



“ขอโทษที่เพิ่งมาบอกนะครับ ตอนแรกผมก็ลังเลแต่พอตัดสินใจก็มาบอกคุณนักรบเลย” ลุงเรืองเอ่ย



“พี่เหมจะไม่อยู่ที่นี่ พี่เหม..ฮือ..อ..จะทิ้งน้องไผ่” น้องไผ่ร้องไห้ออกมา จำได้ว่าตอนนั้นไผ่ปวดใจมากๆ น้องไผ่ไม่อยากให้พี่เหมไป



“พี่ไม่ได้ทิ้งน้องไผ่นะ” พี่เหมเอ่ย น้องไผ่ไม่ฟังแล้วก็วิ่งออกจากตักพี่เหมไปหน้าบ้าน



“น้องไผ่ระวัง!!!” ด้วยความที่น้ำตาเอ่อนองจนมองอะไรก็พร่าไปหมด น้องไผ่ก็เลยวิ่งชนกระถางต้นไม้แล้วล้มไปนอนกับพื้น



“ฮือ..ฮือ….” น้องไผ่จำได้ว่าร้องไห้หนักมาก ทั้งเจ็บแผลที่ลเมทั้งเจ็บใจที่พี่เหมทิ้ง



“น้องไผ่เจ็บมากไหม?” พี่เหมอุ้มน้องไผ่ขึ้นมา น้องไผ่ก็กอดพี่เหมไว้แน่น



“พี่เหมทิ้งน้องไผ่..ฮึก” น้องไผ่ไม่ตอบแต่พูดถึงเรื่องที่พี่เหมจะไปจากไร่



“พี่ไม่ได้ทิ้งนะน้องไผ่…พี่แค่ย้ายกลับไปที่บ้าน”



“พี่เหมไม่ทิ้งน้องไผ่จริงๆนะฮะ” น้องไผ่คลายสะอื้น พอได้ยินว่าพี่เหมไม่ได้ทิ้งตัวเองไผ



“ครับ พี่เหมไม่ทิ้งไว้มีโอกาส พี่เหมจะมาหา” พี่เหมพูดพลางใช้นิ้วโป้งเกลี่ยแก้มที่มีคราบน้ำตา



“พี่เหมต้องกลับมาดูแลน้องไผ่นะ” น้องไผ่เอ่ยพร้อมยื่นนิ้วก้อยไปหาพี่เหม พี่เหมยิ้มก่อนจะเอายิ้วก้อยมาเกี่ยวพันเอาไว้



“พี่สัญญาครับ”



หลังจากนั้นพี่เหมก็ออกจากไร่ไปกับครอบครัว น้องไผ่จำได้ว่าร้องไห้จนหลับไป ตื่นอีกทีก็ไม่สบายจนที่บ้านเป็นห่วง พี่สิบทิศเองที่ปกติจะแกล้งน้องไผ่ก็กลับกลายมาดูแลน้องไผ่เป็นอย่างดี กลับมาที่เรื่องพี่เหมต่อนะฮะ ช่วงแรกพี่เหมก็ติดต่อมาบ้างโดยผ่านพี่สิบทิศแต่ระยะหลังจากที่พี่สิบทิศเข้ามหาลัย น้องไผ่ก็ไม่ได้ข่าวของพี่เหมอีกเลย น้องไผ่ก็คิดว่าพี่เหมคงลืมน้องไผ่และคิดว่าชีวิตนี้อาจจะไม่เจอกันอีกจนมาถึงวันนี้…



“คิดอะไรอยู่ หืม?” เสียงทุ้มเอ่ยกระซิบข้างหู ก่อนคางจะวางบนบ่าของน้องไผ่



“พะ…พี่เหม มาตั้งแต่เมื่อไหร่?”



“เมื่อกี้นี่แหละ พี่เรียกน้องไผ่ก็ไม่ยอมพูด เหม่อถึงใครหรือเปล่าเนี่ย?” พี่เหมเอ่ย แล้วมานั่งย่อตัวอยู่ตรงหน้าของน้องไผ่



“เปล่าฮะ” น้องไผ่รีบปฏิเสธ ใครจะกล้าบอกว่าคิดถึงพี่เหมกันล่ะ พี่เหมเองพอฟังคำตอบก็ยิ้มออกมา มือหนาก็กอบกุมมือนิ่มเอาไว้



“น้องไผ่…พี่มาดูแลน้องไผ่ตามสัญญานะ” พี่เหมพูดกับน้องไผ่ แสดงว่าพี่เหมไม่เคยลืมคำมั่นสัญญาที่ให้ไว้…แล้วจู่ๆก้อนเนื้อตรงอกข้างซ้ายก็เต้นระรัว













.............................................
ขอโทษที่มาช้านะคะ พอดีว่าเมื่อขนของหนีน้ำท่วม เลยไม่มีเวลาแต่ง
วันนี้ท่านยุ่งจะไม่พูดมาก
ตอนนี้นิยายยังคงเอื่อยๆ ยังไม่เข้าโหมดใสใสนะคะ ยังไงอย่าเพิ่งทิ้งกันไปก่อน

สุดท้ายนี้ขอขอบคุณที่เข้าทาอ่าน ติดตาม เม้น ให้กำลังใจกันนะคะ
หัวข้อ: Re: บันทึกรัก...ไร่แสงจันทร์ 20++ Yaoi (ซ่อนรัก + เมื่อผมมีเมีย(ผัว)เป็นคู่กัด)
เริ่มหัวข้อโดย: sirin_chadada ที่ 05-12-2016 15:09:13
ชื่อเรื่องย่อยคือ ซ่อนรัก สินะคะ (ตอนแรกเข้าใจว่าเป็นอีกชื่อหนึ่ง ก็สงสัยอยู่ว่าสองคนนี้ไม่เห็นมีทีท่าเป็นคู่กัดตรงไหนเลย)

ปล. รบกวนคนเขียนใส่ตอนกับวันที่อัพเดทไว้ที่หัวเรื่องด้วยนะคะ (คนอ่านจะได้รู้นะ ว่ามีตอนใหม่แล้ว)
หัวข้อ: Re: บันทึกรัก...ไร่แสงจันทร์ 20++ Yaoi (ซ่อนรัก + เมื่อผมมีเมีย(ผัว)เป็นคู่กัด)
เริ่มหัวข้อโดย: magic-moon ที่ 05-12-2016 16:40:28
ชื่อเรื่องย่อยคือ ซ่อนรัก สินะคะ (ตอนแรกเข้าใจว่าเป็นอีกชื่อหนึ่ง ก็สงสัยอยู่ว่าสองคนนี้ไม่เห็นมีทีท่าเป็นคู่กัดตรงไหนเลย)

ปล. รบกวนคนเขียนใส่ตอนกับวันที่อัพเดทไว้ที่หัวเรื่องด้วยนะคะ (คนอ่านจะได้รู้นะ ว่ามีตอนใหม่แล้ว)
เห็นด้วยค่ะ
หัวข้อ: Re: บันทึกรัก...ไร่แสงจันทร์ 20++ Yaoi (ซ่อนรัก + เมื่อผมมีเมีย(ผัว)เป็นคู่กัด)
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 05-12-2016 18:51:46
พี่เหม น้องไผ่  :L1: :L1: :L1:
หัวข้อ: Re: บันทึกรัก...ไร่แสงจันทร์ 20++ Yaoi (ซ่อนรัก + เมื่อผมมีเมีย(ผัว)เป็นคู่กัด)
เริ่มหัวข้อโดย: เมื่อนั้นฝันว่า ที่ 06-12-2016 13:24:58
ดูท่าแล้วน่าจะมาม่าหนัก
หัวข้อ: Re: บันทึกรัก...ไร่แสงจันทร์ 20++ Yaoi (ซ่อนรัก + เมื่อผมมีเมีย(ผัว)เป็นคู่กัด)
เริ่มหัวข้อโดย: TanYung0209 ที่ 07-12-2016 15:03:54
ชื่อเรื่องย่อยคือ ซ่อนรัก สินะคะ (ตอนแรกเข้าใจว่าเป็นอีกชื่อหนึ่ง ก็สงสัยอยู่ว่าสองคนนี้ไม่เห็นมีทีท่าเป็นคู่กัดตรงไหนเลย)

ปล. รบกวนคนเขียนใส่ตอนกับวันที่อัพเดทไว้ที่หัวเรื่องด้วยนะคะ (คนอ่านจะได้รู้นะ ว่ามีตอนใหม่แล้ว)
เห็นด้วยค่ะ

ว่าจะเขียนแต่หัวเรื่องไม่พอ 555 เดี๋ยวจะลบเหลือแค่บันทึกรักไร่แสงจันทร์นะคะ
หัวข้อ: Re: บันทึกรัก...ไร่แสงจันทร์ 20++ Yaoi (ซ่อนรัก + เมื่อผมมีเมีย(ผัว)เป็นคู่กัด)
เริ่มหัวข้อโดย: pe-ar ที่ 07-12-2016 20:15:11
ิติดตามๆๆๆ
หัวข้อ: Re: บันทึกรัก...ไร่แสงจันทร์ 20++ Yaoi (ซ่อนรัก) EP.3 08/12/2016
เริ่มหัวข้อโดย: TanYung0209 ที่ 08-12-2016 16:40:30
บันทึกรักบ้านไร่

Writer : Tan-Yung0209

File : ซ่อนรัก 03

 

 

 

 

 

 

 

ภายในหนึ่งอาทิตย์ที่ผ่านมา เหมก็เตรียมความพร้อมให้ร่างกายของไผ่เพื่อที่จะได้ฝึกเดิน สาเหตุที่เหมไม่ให้ไผ่ฝึกเดินเลยนั้นก็เพราะอยากจะตรวจสอบร่างกายและจิตใจของร่างเล็กว่าพร้อมที่จะกลับมาเดิยหรือยัง ดังนั้นเวลาที่ผ่านมา เหมก็ทำกายภาพบำบัดให้ไผ่ ซึ่งก่อนหน้านี้ทรายเป็นคนทำให้อยู่แล้วกล้ามเนื้อขาของไผ่จึงไม่ได้อ่อนแรงตามที่เหมคาดคะเนเอาไว้ในทีแรก ส่วนสภาพจิตใจเหมพอรู้มาจากเพื่อนรักอย่างสิบทิศถึงปมในใจของไผ่ แต่ดูเหมือนว่าปมมันได้หายไปแล้ว ตอนนี้ไผ่อยากเดินด้วยใจของไผ่เอง

 

“น้องไผ่ค่อยๆก้าวเท้านะ” เหมเอ่ย วันนี้เป็นวันแรกที่เหมจะให้ไผ่ได้เดิน ไผ่เองก็ทำตาม โดยเริ่มจากขยับเท้าขวาไปด้านหน้า

 

“โอ๊ะ!!” ไผ่อุทาน เพียงก้าวแรกไผ่ก็เซจนต้องจับราวเหล็กเอาไว้ เหมเองก็ตกใจจนรีบกอดไผ่เอาไว้แน่นจนไผ่พิงเข้ากับแผงอกแกร่ง

 

“เจ็บขาเหรอน้องไผ่?” เหมถามอาการ

 

“เปล่าฮะ แค่รู้สึกขามันตึงๆนิดหน่อย เดี๋ยวไผ่จะหัดเดินอีกรอบนะฮะ” ไผ่บอกกับเหมพร้อมส่งยิ้มให้ ก่อนจะตั้งสติแล้วขยับขาก้าวย่างบนพื้นนุ่ม

 

“อ๊ะ!!!” ไผ่นั่งลงไปกองกับพื้น เหมก็รีบเข้ามาพยุง

 

“พี่เหม…ไม่ต้องฮะ เดี๋ยวน้องไผ่จะลุกเอง” ไผ่พูดห้าม เหมจึงยืนอยู่กับที่ในใจก็อยากจะลองให้คนตัวเล็กพยายามด้วยตัวเองดู

 

ไผ่นั่งจับขาตัวเองสายตาก็จ้องมองไปด้วย ถึงวันนี้เขาจะเดินไม่ได้แต่เขาก็อยากจะลองยืนได้ด้วยตัวเองสักครั้งเพื่อคนในครอบครัวจะได้ไม่ต้องกังวลเรื่องของไผ่อีก พอคิดได้อย่างนี้แล้ว มือขาวก็จับราวสีบลอนด์เงินพยุงตัวเองให้ตนได้ยืนขึ้น

 

‘อึก’

 

ไผ่กัดฟันตัวเองแล้วใช้แรงมี่พอจะมีลุกขึ้นยืนอย่างยากลำบาก เหมที่มองอยู่ก็อยากเข้าไปช่วยแต่ก็ไม่อยากขัดเจตนารมณ์ของไผ่ที่ต้องการจะยืนด้วยขาของตัวเอง

 

“พี่เหม…น้องไผ่ยืนได้แล้วฮะ” ความพยายามของไผ่ก็สำเร็จ เจ้าตัวดีใจจนรีบบอกให้เหมดู โดยไม่รู้ว่าทุกการกระทำตกอยู่ในสายตาของเหมทั้งหมด

 

“เก่งมากเลยน้องไผ่ ไหนลองเดินให้พี่ดูสักก้าว” เหมกล่าวชมให้กำลังใจไผ่ ไผ่ก็ยิ้มร่าแล้วเนิ่มหัดเดินอีกครั้ง แต่ทว่า…

 

“โอ๊ะ!! เกือบไป” พอไผ่จะเดินขาก็เหมือนจะอ่อนแรงไปเองจนเกือบจะล้มลงไปอีก โชคดีที่ไผ่จับราวเหล็กเอาไว้

 

“ขาน้องไผ่อาจจะยังไม่พร้อม” เหมเอ่ยจากการประเมินด้วยตาเปล่า ไผ่พอได้ยินก็หน้าเศร้าทันที…เขาไม่มีโอกาสจะกลับมสเดินได้อีกครั้งเหรอ?

 

“อย่าเพิ่งทำหน้าลูกหมาถูกทิ้งสิ วันนี้เป็นวันแรกแค่ไผ่ยืนได้ด้วยตัวเองก็เก่งแล้ว” เหมพูดต่อ มือหนาก็ลูบผมนุ่มเบาๆ

 

“แต่น้องไผ่อยากเดินได้เร็วๆนี่ฮะ” ไผ่พูดเสียงอ่อน

 

“เอาอย่างนี้ไหม? พี่จะช่วยไผ่หัดเดินด้วยวิธีลัด”

 

“เอาฮะ น้องไผ่อยากเดิน” ไผ่รีบตอบตกลงทั้งที่ไม่รู้วิธีของเหม

 

“แน่ใจ?” เหมถามย้ำ

 

“แน่ใจฮะ” เพราะความเชื่อใจ ไผ่ก็ตอบตกลงทันทีทันใด

 

เหมจึงเข้ามาเดินซ้อนหลังของไผ่ แขนแกร่งล็อคเอวเล็กเอาไว้แล้วอุ้มไผ่จนตัวลอย ไผ่ทีตกใจไม่ทันจะได้พูดหรือซักถามอะไร เหมก็ปล่อยตัวไผ่ลงแต่ไผ่ไม่ได้ยืนบนพื้น หากฝ่าเท้าเล็กสัมผัสกับเท้าของเหมแทน

 

“พี่เหมจะทำอะไรฮะ?” ไผ่เงยหน้าถาม ตาหวานสบตากับตาคมที่จ้องมาที่ไผ่เองเช่นกัน จนไผ่รู้สึกขัดเขินและรีบก้มหน้าเพื่อไม่ให้เหมเห็นใบหน้าที่เปลี่ยนเป็นสีแดงราวกับใบเมเปิ้ล

 

“ก็จะหัดให้น้องไผ่เดิน…เชื่อใจพี่นะ”

 

“ฮะ”

 

พอไผ่ตอบตกลง เหมก็เริ่มก้าวขาตัวเองไปข้างหน้าโดยมีเท้าของไผ่วางอยู่บนเท้าของตน เหมก้าวเท้าอย่างนี้ไปเรื่อยๆ พร้อมกระชับกอดไผ่แน่นขึ้นเพราะกลัวว่าไผ่จะล้มลงไป

 

‘เปะ’

 

หยดน้ำใสใสตกลงบนแขนของเหม…ไผ่กำลังร้องไห้ การร้องไห้ครั้งนี้ไม่ใช่การร้องไห้เพราะความเสียใจ หากเป็นการร้องไห้ที่เกิดจากความตื้นตันใจที่ตัวเองสามรถเดินได้ในรอบสองปี ถึงแม้การก้าวขาแต่ละก้าวเหมจะเป็นคนช่วยก็ตามที

 

“เจ็บเท้าเหรอน้องไผ่?” เหมหยุดเดิน ใบหน้หล่อโน้มลงเพื่อจะมองใบหน้าอาบน้ำตาของไผ่

 

“น้องไผ่ไม่ได้เจ็บเท้า น้องไผ่ดีใจที่ได้เดินอีกครั้งฮะ” ไผ่ตอบ

 

“พี่ก็คิดว่าเจ็บ แต่ถ้าเจ็บขึ้นมาจริงๆก็บอกพี่นะ”

 

“ฮะ พี่เหม”

 

จากนั้นเหมก็พาไผ่เดินไปรอบๆห้อง ไผ่ก็หยุดร้องไห้และเผยรอยยิ้มแห่งความสุขออกมา รอยยิ้มที่ในเวลาสองปีมานี้ น้อยครั้งที่ใครจะได้เห็น

 

‘แกร็ก’ ประตูห้องของไผ่เปิดออก นักรบที่มาเยี่ยมลูกชายก็เห็นรอยยิ้มของไผ่ที่เหมือนกับรอยยิ้มของภรรยาอย่างกับแกะพิมพ์

 

“คุณพ่อฮะ” ไผ่เรียกคนเป็นพ่อ เหมเองก็หยุดเดิน

 

“ทำไมน้องไผ่ของพ่อถึงมายืนบนเท้าพี่เหมแบบนี้ล่ะครับ” นักรบเข้าสวมกอดลูกชายก่อนจะอุ้มไผ่ให้ออกจากตัวเหม

 

“พี่เหมให้น้องไผ่หัดเดินฮะ” ไผ่ตอบเสียงเจื้อยแจ้ว

 

“ใช่ครับ ผมให้น้องไผ่หัดเดินวันแรก พอเดินกับราวจับน้องไผ่ก็ล้มตลอดเลยต้องใช้วิธีนี้” เหมพูดเสริม

 

“น้องไผ่เหยียบเท้าพี่เหมเขากระดูกแตกแล้วมั้งเนี่ย” นักรบพูดพร้อมกับหัวเราะในลำคอ

 

“คุณพ่อฮะ!!! น้องไผ่ตัวเบานะฮะ” ไผ่หน้ามุ่ย มือก็กำหมัดชกอกคนเป็นพ่อเบาๆ

 

“โอ๋ๆ พ่อแค่หยอกเอง…ฟอด” นักรบรีบง้อลูกชายตามด้วยหอมแก้มเป็นการไถ่โทษ

 

“น้องไผ่ไม่งอนก็ได้ฮะ” ไผ่ยิ้มร่า นักรบจึงอุ้มไผ่ไปนั่งที่รถเข็นและหันมาพูดกับเหม

 

“ยังไงน้าก็ขอฝากน้องด้วยนะ น้าอยากให้น้องไผ่กลับมาเดินได้อีกครั้ง” นักรบพูดกับเหม

 

“น้องไผ่ต้องกลับมาเดินได้แน่นอนครับ วันนี้น้องไผ่ก็ยืนเองได้ถือว่าเป็นสัญญาณที่ดีเลยครับ” เหมบอกกับนักรบ คนเป็นพ่อพอได้ฟังข่าวดีก็ใจชื้นขึ้นมาว่าพอจะมีความหวังแล้ว

 

“น้องไผ่เองก็อย่าดื้อกับพี่เหมเขานะ พี่เหมให้ทำอะไรก็ต้องเชื่อฟัง เป็นเด็กดีแล้วต้องอดทนเอาไว้มากๆ” นักรบบอกกับลูกชายเพราะอยากให้ไผ่ทำตามคำที่หมอสั่งจะได้กลับมาเดินเหมือนเมื่อก่อน

 

“ฮะ คุณพ่อ” ไผ่รับคำแล้วหันไปมองเหมที่มีรอยยิ้มจางๆที่มุมปาก

 

“วันนี้พ่อต้องเข้าไปทำธุระในเมือง น้องไผ่อยากกินอะไรบ้าง?”

 

“น้องไผ่อยากหม่ำเค้กฮะ”

 

“ได้ครับแต่อย่ากินเยอะนะ พ่อสงสารพี่เหม” นักรบพูดหยอก จนลูกชายคนเล็กหน้างออีกรอบ

 

“คุณพ่ออ่ะ น้องไผ่งอนคุณพ่อนะฮะ” ไผ่เอ่ยพร้อมกับหันหน้าไปทางอื่น

 

“หายงอนพ่อนะ แล้วพ่อจะซื้อเค้กให้สองชิ้น”

 

“น้องไผ่ขอสามฮะ”

 

“ตกลง พ่อจะซื้อมาให้สามชิ้น”

 

“คุณพ่อใจดีที่สุดเลย~” ไผ่พูดออกมาเสียงร่าเริง จนนักรบรู้สึกหวงลูกชายเพราะน่ารักเกินไป

 

“ใจดีเพราะมีลูกน่ารักเนี่ยแหละ อ่า…พ่อต้องไปก่อนนะ เดี๋ยวไปทำธุรพะไม่ทัน”

 

“ฮะ คุณพ่อ”

 

“เหม น้าฝากน้องไผ่ด้วยนะ” นักรบไม่ลืมที่จะย้ำเหมให้ดูแลไผ่

 

“ครับ คุณนักรบ” เหมรับคำ

 

จากนั้นนักรบก็ออกจากห้องไป ส่วนเหมก็ทำกายภาพบำบัดให้กับไผ่ก่อนจะไปทานอาหารมื้อเย็นพร้อมกับสิบทิศที่เลิกงานจากไร่พอดี

 

‘ซ่า….ซ่า….’

 

สายฝนที่ไม่มีทีท่าจะตกกลับตกลงมาอย่างหนัก แสงสีขาววูบวาบไปมาตามด้วยฟ้าร้องที่ดังโครมครามทำให้ไผ่ที่นั่งอ่านหนังสือที่ห้องรับแขกพร้อกับเหมและสิบทิศถึงกับสะดุ้ง

 

“น้องไผ่เป็นอะไร หน้าซีดเชียว” สิบทิศถามเพราะเห็นท่าทางไผ่ดูลนๆ

 

“น้องไผ่คงจะตกใจเสียงฟ้าร้อง ดูสิอยู่ดีๆก็ตกลงมา” เหมพูดตามสิ่งที่คิด เขาจำได้ว่าไผ่กลัวเสียงฟ้าร้องจนร้องไฟ้ทุกครั้ง

 

“น้องไผ่ตกใจเสียงฟ้าร้องตามที่พี่เหมบอกนั่นแหละฮะ แต่น้องไผ่ใจไม่ดีด้วยฮะ” ไผ่เอ่ย มือก็ทาบอกตัวเองไว้ ตั้งแต่ทานมื้อเย็นเสร็จไผ่ก็กระวนกระวายนึกนักรบตลอดเวลา ไผ่สังหรณ์ว่าจะเกิดเรื่องร้ายๆกับพ่อตัวเอง

 

‘Rt…Rt…’

 

เสียงโทรศัพท์มือถือของสิบทิศดังขึ้น ทำให้ทุกคนหันไปมองด้วยความสนใจ สิบทิศมองโทรศัพท์ก็พบว่าเป็นเบอร์แปลก

 

“สวัสดีครับ” สิบทิศรับสาย

 

‘สวัสดีครับ นี่สถานนีตำรวจ××× อยากทราบว่านี่ใช่คุณสิบทิศหรือเปล่าครับ’

 

“ใช่ครับ” สิบทิศเอ่ย พลางขมวดคิ้วที่อยู่ๆคำรวจก็โทรมาหาเขาในช่วงค่ำ

 

‘ผมมีเรื่องจะแจ้งให้ทราบครับ…คุณนักรบ ได้ถูกฆาตกรรมครับ ตอนนี้ศพอยู่ที่โรงพยาบาล×××….’ ปลายสายได้บอกข่าวร้ายพร้อมรายละเอียดคร่าวๆ

 

“ครับ เดี๋ยวผมจะออกไป” สิบทิศถึงกับตัวชา…เขาได้สูญเสียพ่อไปแล้ว

 

“พี่สิบทิศ ใครโทรมาฮะ” ไผ่ถาม พอเห็นสีหน้าพี่ชายไผ่ก็ชักใจไม่ดี สิบทิศเดินมาที่ไผ่แล้วสวมกอดคนในครอบครัวเพียงคนเดียวที่เหลืออยู่

 

“น้องไผ่ครับ…คุณพ่อตายแล้ว” สิบทิศพูดออกมาเสียงแผ่วแต่ดังพอที่จะให้ไผ่และเหมได้ยิน

 

“ไม่จริงใช่ไหมฮะ?...พี่สิบทิศ..ไม่จริงใช่ไหมฮะ?” ไผ่พูดเสียงสั่นเครือ

 

“จริงครับ…คุณพ่อท่านเสียแล้ว” สิบทิศพูดพลางกลั้นน้ำตาเอาไว้ แขนทั้งสองก็กอดไผ่ไว้แน่น ไป่เองก็กอดสิบทิศตอบ

 

“ฮือ….ไม่จริง..คุณพ่อต้องไม่ตายสิ..ฮึก..ฮือ…คุณพ่อบอกว่าซื้อเค้กให้น้องไผ่หม่ำ..ฮือ..อ..” ไผ่ปล่อยโฮออกมากับการสูญเสียคนสำคัญในชีวิตอีกคนหนึ่ง เมื่อสองปีก่อนก็เป็นคุณแม่ พอมาวันนี้ก็เป็นคุณพ่อ หัวใจของไผ่ตอนนี้แตกสลายไม่มีชิ้นดี ทำไมคนที่รักถึงจากเขาไป…ไม่มีใครรักเขาแล้วหรือ?

 

เหมที่นั่งอยู่ใกล้ๆก็ได้แต่อึ้งไม่คิดว่าคนที่เพิ่งเจอกันเมื่อตอนเย็นอย่างนักรบจะเสียชีวิต ก่อนจะได้ยินคำพูดของนักรบก้องอยู่ในหัว

 

‘เหม น้าฝากน้องไผ่ด้วยนะ’

 

เหมมองไปยังไผ่ที่กำลังร้องไห้ออกมาอย่างน่าสงสาร ใบหน้าหวานเปรอะเปื้อนไปด้วยคราบน้ำตา เหมจับจ้องไปที่ไผ่ไม่วางตา หากวิญญาณของนักรบวนเวียนอยู่ที่นี่ เขาก็ขอสัญญาให้นักรบรู้ว่าเขาจะดูแลไผ่เป็นอย่างดี

 

 

 

 

 

 

 

 

..............................................................................

สวัสดีจ้า กลับมาแล้ว ตอนนี้สั้นมาก 5555พอดีท่านยุ่งไปกรุงเทพมาจ้าเลยไม่มีเวลาปั่นนิยาย บวกกับก่อนหน้าจะไปกรุงเทพ น้ำดันท่วม ไฟฟ้าก็ถูกตัดอีก

ชีวิตท่านยุ่งน่าสงสารมากแต่คงน้อยกว่าน้องไผ่ในตอนนี้

 

ป.ล. น้องไผ่จะไม่ดราม่านะคะ ไม่ดราม่าเท่ากับพระลักษณ์ 5555 #พระลักษณ์นี่มาม่าสุดๆแล้วที่แต่งมา

 

สุดท้ายนี้ขอขอบคุณมิตรรักแฟนนิยายที่ติดตาม อ่าน เม้น นะคะ
หัวข้อ: Re: บันทึกรัก...ไร่แสงจันทร์ 20++ Yaoi (ซ่อนรัก) EP.3 08/12/2016
เริ่มหัวข้อโดย: MayA@TK ที่ 08-12-2016 21:14:38
 :o12: :o12: :o12: :o12: :o12: :o12:

 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: บันทึกรัก...ไร่แสงจันทร์ 20++ Yaoi (ซ่อนรัก) EP.3 08/12/2016
เริ่มหัวข้อโดย: DESZCZ ที่ 08-12-2016 21:30:11
เศร้า :sad4:
น้องไผ่ชีวิตน่าสงสาร ขอให้จับตัวคนฆ่าได้เร็วๆ
หัวข้อ: Re: บันทึกรัก...ไร่แสงจันทร์ 20++ Yaoi (ซ่อนรัก) EP.3 08/12/2016
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 08-12-2016 21:50:15
ไม่ทันไร พ่อของไผ่ ก็มาถูกฆาตกรรม :mew2: :mew2: :mew2:
หัวข้อ: Re: บันทึกรัก...ไร่แสงจันทร์ 20++ Yaoi (ซ่อนรัก) EP.4 P.1 09/12/2016
เริ่มหัวข้อโดย: TanYung0209 ที่ 09-12-2016 18:57:34
บันทึกรักบ้านไร่

Writer : Tan-Yung0209

File : ซ่อนรัก 04















เวลาล่วงเลยไปหลายวัน งานศพของนักรบถูกจัดอย่างยิ่งใหญ่ ญาติพี่น้องรวมถึงคนงานในไร่ต่างโศกเศร้ากับการจากไปของนักรบโดยเฉพาะอย่างยิ่งลูกชายของนักรบอย่างสิบทิศและไผ่ที่เหลือเพียงสองคนพี่น้อง สิบทิศผู้เป็นพี่ก็กลายเป็นเสาหลักในครอบครัวและไร่แสงจันทร์แทนพ่อ เขาจึงต้องเข้มแข็งและเก็บน้ำตาเอาไว้ ซึ่งผิดกับไผ่ที่ร้องไห้ตั้งแต่วันที่รับรู้ว่าสูญเสียพ่อจนกระทั่งถึงวันนี้...วันฌาปนกิจศพของนักรบ



เสียงสวดมนต์ครั้งสุดท้ายดังก้องวัด แทรกด้วยเสียงสะอื้นไห้ของไผ่ที่พนมมือทั้งน้ำตา ใครที่ได้เห็นก็ต่างสงสารร่างเล็กด้วยกันทั้งนั้น บ้างก็ซุบซิบกันว่าไผ่อาภัพ เสียทั้งพ่อและแม่แถมขาก็เดินไม่ได้อีก เรื่องเหล่านี้ก็เข้าหูของไผ่แต่ไผ่ก็ไม่ได้ถือโทษโกรธคนพูดเพราะว่ามันคือเรื่องจริง อีกอย่างสิ่งที่ไผ่ให้ความสนใจมากกว่าคำพูดเหล่านี้นั้นก็คือเหมที่ไม่ได้อยู่ในงาน



“เอาล่ะทุกคน มาช่วยยกโลงหน่อย” พอพระสงฆ์สวดมนต์จนจบ คนในไร่ก็ต่างมาช่วยยกโลงศพของนักรบไปยังเมรุ สิบทิศเองก็เข็นรถเข็นของไผ่ตามไปด้วยเช่นกัน



พอไปถึงยังเมรุเผาศพ ทั้งหมดก็สวดมนต์ขออโหสิกรรมรวมทั้งอธิษฐานให้นักรบไปสู่สุขคติและบันดาลให้เจอตัวคนร้าย เสร็จแล้วไผ่ก็ช่วยสิบทิศแจกดอกไม้จันทน์ให้แก่คนร่วมงาน



“เดี๋ยวพี่หยิบเอง” เสียงที่คุ้นเคยเอ่ยขึ้น ไผ่เงยหน้ามองเจ้าของเสียงก็พบว่าเป็นเหม ไผ่นิ่งเงียบไม่พูดอะไร เหมเองก็หยิบดอกไม้จันทน์ไปวางไว้ที่โลงของนักรบ



ทั้งสิบทิศ ไผ่ รวมถึงป้าศรีก็ช่วยกันแจกจ่ายดอกไม้จันทน์จนเสร็จก็ถึงเวลาที่ตัวเองเป็นฝ่ายไปวางบ้าง ป้าศรีเป็นฝ่ายวางดอกไม้ก่อน ตามมาด้วยสิบทิศและไผ่ที่ขอให้สิบทิศช่วยพยุงให้ตัวเองได้ยืนขึ้นเพื่อมองใบหน้าของพ่อเป็นครั้งสุดท้าย



“ฮือ..อ…คุณพ่อฮะ…” ไผ่โน้มตัวลง มือก็วางดอกไม้จันทน์ไว้ตรงอกของร่างที่ไร้ลมหายใจ แล้วเรียกหาพ่อทั้งน้ำตา เสียงสั่นเครือชวนให้คนฟังหดหู่ใจอย่างบอกไม่ถูก สิบทิศเข้ามากอดจากทางด้านหลัง มือหนาลูบผมนุ่มเป็นการปลอบใจ ในขณะเดียวกันนั้นสัปเหร่อก็นำโลงศพเข้าสู่เตาเผา



“ฮึก…ก….ฮือ..อ…คุณพ่อ..พี่สิบทิศ..น้องไผ่จะไปหาคุณพ่อ” ไผ่ดิ้นรนพยายามพุ่งตัวไปข้างหน้าแม้จะเดินไม่ได้ สิบทิศจึงกอดไผ่เอาไว้แน่น



“ฮือ..อ…..ฮือ...ฮือ..อ…” ไผ่นั่งทรุดลงกับพื้นแล้วร้องไห้ออกมาไม่อายใคร สิบทิศก็ทำได้เพียงกอดเท่านั้นเพราะเขาเองก็เจ็บไม่ต่างจากไผ่แต่ไม่สามารถแสดงออกมาได้



ไฟร้อนก็เผาผลาญโลงและร่างกายของนักรบจนหมดสิ้น ไผ่ที่ถูกสิบทิศอุ้มให้มานั่งบนรถเข็นก็เหม่อลอยมองควันสีเทาที่พวยพุ่งสู่ท้องฟ้า ในใจก็คิดว่าทั้งพ่อและแม่ก็คงจะได้เจอกันที่สวรรค์แล้ว



“สิบทิศ เราเสียใจด้วยนะ” เสียงหญิงสาวเอื้อนเอ่ยกับสิบทิศ ทำให้ไผ่หันไปมองด้วยความสนใจ



“อ้าว..พลอย เราคิดว่าจะไม่มาเสียอีก” สิบทิศพูดกับหญิงสาว ไผ่มองพลอยที่ยืนอยู่กับเหมอย่างพิจารณา พลอยเป็นผู้หญิงที่สวย โครงหน้า ตา ปาก จมูก คิ้ว ถือว่าชัดได้สัดส่วน ผิวก็ขาวอมชมพู รูปร่างก็สูงโปร่ง



“ต้องมาสิ ตอนแรกคิดว่าจะมาไม่ทันเสียแล้ว โชคดีว่าเหมไปรับ” พลอยเอ่ย ไผ่ที่ได้ฟังก็ร้องอ๋อในใจ นี่คงเป็นสาเหตุที่เหมหายไปจากงานตั้งแต่เช้าสินะ



“อ่อ ไผ่ พี่ลืมแนะนำไปเลย พี่สาวคนนี้ชื่อพลอยนะเป็นเพื่อนพี่และก็เป็นแฟนของเหมด้วย” สิบทิศแนะนำพลอยให้กับน้องชายได้รู้จัก



“สวัสดีจ๊ะน้องไผ่ ยินดีที่ได้รู้จักนะ” พลอยทักทาย เด็กชายวัยรุ่นหน้าหวานที่นั่งอยู่บนรถเข็น



“สวัสดีฮะ พี่พลอย” ไผ่ยกมือไหว้พร้อมกล่าวคำทักทายเสียงแผ่วเบา



“แล้วพลอยนอนไหนล่ะคืนนี้ พักบ้านเราได้นะ” สิบทิศพูดชวนเพื่อน



“ไม่เป็นไร เราจองโรงแรมไว้ อีกอย่างพรุ่งนี้เรากลับกรุงเทพเลยไม่อยากนั่งรถไปสนามบินไกลๆ” พลอยปฏิเสธ



“งั้นคืนนี้เหมก็ไปนอนกับพลอยล่ะสิ” สิบทิศพูดหยอกเหมที่ยืนหน้านิ่ง ไม่แสดงความหวานแบบที่คู่รักเขาทำกัน โดยไม่รู้ว่าไผ่ที่นั่งฟัง นั่งมอง กำลังเจ็บจี๊ดๆที่ก้อนเนื้อตรงอกข้างซ้าย



“ไม่ล่ะ ฉันจะนอนที่บ้านนายนั่นแหละ” เหมเอ่ยน้ำเสียงราบเรียบ



“นานๆทีแฟนมาหา แกจะนอนกับแฟนฉันก็ไม่ว่า ส่วนเรื่องดูแลน้องไผ่ไม่ต้องเป็นห่วงจริงไหม?...น้องไผ่” สิบทิศพูดกับเหมก่อนจะให้ไผ่ช่วยสนับสนุนความคิด



“ฮะ” ไผ่พูดออกมาสั้นๆ ตาก็ประสานกับสายตาของเหมที่มองไผ่เช่นกัน ไผ่รีบก้มหน้าหลบสายตาเหม



“ไม่ต้องมานอนเป็นเพื่อนพลอยหรอก พลอยตามใจเหม” พลอยเอ่ย หล่อนเข้าใจแฟนหนุ่มซึ่งอีกด้านหนึ่งคือเจ้าชายน้ำแข็งที่มีความคิดที่ไม่มีใครเข้าถึง รวมทั้งโลกส่วนตัวสูง



“โอเค เดี๋ยวพลอยกลับกับเราก็ได้ เรามีธุระในเมือง ส่วนเหมช่วยพาไผ่กลับบ้านด้วยแล้วกัน” สิบทิศเอ่ยเพราะเขาเองก็จะไปรับพยานที่เห็นคนร้ายที่ฆ่าพ่อมาอยู่กับตน จึงถือโอกาสส่งพลอยกลับโรงแรม



“อืม ตกลง” เหมเอ่ย แล้วเข็นรถเข็นพาไผ่ไปที่รถ



“ไอ้เหมมันเย็นชากับพลอยแบบนี้เหรอ?” สิบทิศถามพลอยที่ยืนหน้านิ่ง หลังจากที่เหมเดินออกห่างไปแล้ว



“ก็ประมาณนั้นแหละ เหมเขาเป็นคนพูดน้อยแล้วแสดงความรักไม่เก่ง” พลอยบอกสิบทิศพร้อมเผยรอยยิ้มจางๆที่ดูก็รู้ว่าฝืน



ทางด้านเหมและไผ่ พอถึงที่รถเหมก็อุ้มไผ่ขึ้นไปนั่งใกล้คนขับและพับรถเข็นเก็บไว้หลังรถ จากนั้นก็เดินทางออกจากวัดไปยังบ้าน



“น้องไผ่ อยากกินขนมไหม?” เหมพูดทำลายความเงียบหลังจากขับรถมาได้สักระยะ



“ไม่ฮะ…น้องไผ่ไม่หิว” ไผ่ตอบ ตาก็มองไปนอกหน้าต่าง วินาทีนี้ไม่ไม่หิว ไม่อยากกินอะไรทั้งนั้น ไผ่ทั้งรู้สึกจุก รู้สึกเจ็บ จากการสูญเสียพ่อและการที่รู้ใจตัวเองว่าดันรักเหมเข้าให้แล้ว



“พี่รู้ว่าน้องไผ่ยังเสียใจแต่ถ้าน้องไผ่ไม่กินอะไร น้องไผ่ก็จะไม่สบายขึ้นมาได้…แบบนี้จะเอาแรงที่ไหนหัดเดิน” เหมพูดชักจูง ไผ่ในตอนนี้ซูบผอมอย่างเห็นได้ชัด จากที่ตัวเล็กอยู่แล้วก็เล็กเข้าไปอีก ยิ่งตอยเหมอุ้มขึ้นรถ เหมรู้สึกได้ถึงน้ำหนักที่ลดฮวบของคนในอ้อมแขน



“แล้วแต่พี่เหมฮะ” ไผ่ฉุกคิดคำพูดของเหมและนึกถึงนักรบที่ปรารถนาให้ไผ่กลับมาเดินได้ เหมเองได้ยินคำพูดของไผ่ก็ยิ้มออกมา ถือว่าไผ่ยอมกินอะไรขึ้นมาบ้างแล้ว เหมจึงขับรถเลี้ยวไปที่ร้านอาหารข้างทาง พอรถจอดปุ๊บ เหมก็จัดแจงให้ไผ่นั่งรถเข็นแล้วพาเข้าไปในร้าน



“น้องไผ่อยากกินอะไรสั่งได้เลยนะ ที่นี่มีทั้งของคาวและของหวาน” เหมบอกกับไผ่ คนตัวเล็กจึงเปิดรายการอาหารและไล่ดูอาหารที่อยากจะกิน



“น้องไผ่ขอข้าวผัดปูฮะ ส่วนน้ำก็ขอน้ำเปล่า” ไผ่สั่งอาหารง่ายๆเพราะรู้ตัวว่าทานได้ไม่เยอะ



“ส่วนผมขอกาแฟแก้วนึงครับ” เหมสั่ง พนักงานก็ทบทวนรายการอาหารอีกครั้งก่อนจะออกไป



“พี่เหมไม่ทานข้าวเหรอฮะ?”



“พี่ทานมาแล้วกับพลอยก่อนจะไปในงาน” เหมตอบ ไผ่พยักหน้าอย่างเข้าใจแล้วเผลอเม้มปากตัวเองแน่นเพื่อข่มใจความเจ็บที่แล่นอยู่ในอก ก่อนที่ทั้งสองคนจะไม่พูดอะไรออกมา ทุกอย่างเลยตกอยู่ในความเงียบ จนพนักงานนำอาหารมาเสิร์ฟ



ไผ่ตักข้าวอย่างเงียบๆ ข้าวผัดปูร้านนี้ทุกครั้งที่มาไผ่จะรับรู้ถึงรสชาติความอร่อยแต่วันนี้ไผ่รู้สึกว่ามันฝืดคอจนกลืนไม่ลง ไผ่กินได้ไม่กี่คำก็รวบช้อนบ่งบอกว่าตนไม่กินแล้ว



“น้องไผ่ ทำไมทานแค่นี้ล่ะ? ทานอีกสิ” เหมที่นั่งดื่มกาแฟก็บอกให้คนที่นั่งอยู่ใกล้ๆ กินข้าวในจานที่ทานไปไม่ถึงครึ่ง



“น้องไผ่อิ่มแล้วฮะ” ไผ่เอ่ยเสียงแผ่วเบา



“ต้องทานอีก มานี่เดี๋ยวพี่ป้อน” เหมยกจานข้าวมาไว้ตรงหน้าแล้วตักข้าวมาจ่อปากของไผ่



“อ้าปาก”



“……”



“น้องไผ่ พี่ไม่ชอบคนดื้อนะ” เหมบอกกับไผ่เสียงเรียบ ไผ่กลัวว่าเหมจะโกรธจึงยอมอ้าปากกินข้าวที่เหมป้อน



“พี่เหม น้องไผ่ทานเองก็ได้ฮะ” ไผ่เคี้ยวข้าวเสร็จก็รีบบอกเพราะรู้สึกได้ถึงสายตาที่จับจ้องจากคนรอบข้างโดยเฉพาะผู้หญิงที่นั่งอยู่ที่โต๊ะใกล้ๆ



“ไม่ต้อง พี่ป้อนเอง” เหมตักข้าวป้อนไผ่ต่อ ไผ่ที่ไม่สามารถโต้ตอบอะไรได้ก็ทานข้าวที่เหมป้อนเข้าปากคำแล้วคำเล่า



“พี่เหม น้องไผ่ไม่ไหวแล้วฮะ” ไผ่บอกเพราะตอนนี้ไผ่รู้สึกอิ่มแล้วจริงๆ เหมมองข้าวในจานด็พบว่าไผ่กินข้าวไปเยอะพอสมควรจึงวางช้อนลง



“โอเค เดี๋ยวพี่ขอตัวเข้าห้องน้ำก่อน” เหมลุกออกจากโต๊ะไป ไผ่ก็นั่งเงียบๆรอเหมกลับมา หัวใจของไผ่สั่นไหวกับการที่เหมป้อนข้าวให้



‘ไม่ได้นะน้องไผ่ พี่เหมมีแฟนแล้ว’ ไผ่รีบเตือนตัวเองในใจว่าอย่าหวั่นไหว อย่าแสดงออกว่ารักเหมเป็นอันขาด



“ผู้ชายคนที่นั่งข้างๆโต๊ะเราหล่อเนอะ เสียดายมากับแฟน”



“แฟนเหรอ? ใครจะเอาเด็กนั่งรถเข็นมาเป็นแฟน คิดบ้างสิแก”



“นั่นสิ ฉันเองก็ลืมคิดไป สงสัยคงจะเป็นน้องชาย”



ผู้หญิงโต๊ะข้างๆพูดขึ้นไม่ดังมากนักแต่ก็เข้ามาในหูของไผ่ทุกประโยค ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าพวกผู้หญิงเหล่านั้นพูดถึงใคร ไผ่จิกขาต้นขาตัวเองข่มอารมณ์ไม่ให้ร้องไห้ออกมา



“กลับกันเถอะน้องไผ่” เหมที่ทำธุระเสร็จและอวะไปจ่ายเงินเป็นที่เรียบร้อยก็กลับมาเข็นรถให้ไผ่ไปที่รถและจัดการไผ่ให้นั่งประจำที่ เหมเองก็ขับรถออกจากร้านไปโดยที่ไผ่ก็นั่งนิ่งๆไม่พูดอะไรต่อ จิตใจของไผ่มันเจ็บช้ำจนไม่มีชิ้นดีน้ำตาที่เพิ่งจะเหือดแห้งก็ไหลออกมาอีกครั้ง เหมเองก็ตกใจที่อยู่ๆไผ่ก็ร้องไห้ เขาคิดว่าไผ่ยังคงเศร้าจากการจากไปของนักรบจึงปล่อยให้ไผ่ร้องไห้ระบายความเสียใจออกมา ส่วนตนก็ขับรถด้วยมือเพียงข้างเดียวเพราะมืออีกข้างคอยกุมมือของไผ่เอาไว้แน่น



‘พี่เหมอย่าทำดีกับน้องไผ่ได้ไหม?’



‘พี่เหมอย่าทำให้น้องไผ่รู้สึกรักได้ไหม?’



‘คนพิการอย่างน้องไผ่รู้ตัวดีว่าไม่คู่ควรกับพี่เหม’























....................................

มาแล้วววววววว น้องไผ่มาแล้ว

น้องไผ่มาพร้อมมาม่าถ้วยเล็กๆรสชาติเค็มๆน่าอร่อย 555555555



ไม่อยากพูดอะไรมา กลัวคนอ่านจะตบตีเผากระท่อมหลังใหม่ของท่านยุ่ง ซึ่งสร้างจากไม้ไผ่ทองคำ

ความมาม่ายังมีอีกเพิ่มความเผ็ชเรื่อยๆ แต่ไม่เท่ากับพระลักษณ์

คนอ่านจึงไม่ต้องเสียน้ำตา อิอิ



สุดท้ายนี้ขอขอบคุณที่เข้ามาอ่านมาติดตามนะคะ ม๊วฟฟฟฟ
หัวข้อ: Re: บันทึกรัก...ไร่แสงจันทร์ 20++ Yaoi (ซ่อนรัก) EP.4 P.1 09/12/2016
เริ่มหัวข้อโดย: MayA@TK ที่ 09-12-2016 21:26:39
 :o12: :o12: :o12:
น้องไผ่ซ่อนความรักความรู้สึกของตัวเองไม่ให้พี่เหมรู้ซินะ

 :sad4: :sad4: :sad4: :sad4: :sad4:

 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: บันทึกรัก...ไร่แสงจันทร์ 20++ Yaoi (ซ่อนรัก) EP.4 P.1 09/12/2016
เริ่มหัวข้อโดย: TanYung0209 ที่ 09-12-2016 22:53:11
:o12: :o12: :o12:
น้องไผ่ซ่อนความรักความรู้สึกของตัวเองไม่ให้พี่เหมรู้ซินะ

 :sad4: :sad4: :sad4: :sad4: :sad4:

 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:


นี่คือที่มาของชื่อนิยายนั่นแหละค่ะ ซ่อนความรักเอาไว้
หัวข้อ: Re: บันทึกรัก...ไร่แสงจันทร์ 20++ Yaoi (ซ่อนรัก) EP.5 P.1 10/12/2016
เริ่มหัวข้อโดย: TanYung0209 ที่ 10-12-2016 20:53:20
บันทึกรัก…ไร่แสงจันทร์

Writer : Tan-Yung0209

File : ซ่อนรัก 05















ภายในไร่ก็เกิดการเปลี่ยนแปลงหลายอย่างทั้งเจ้าของไร่คนใหม่อย่างสิบทิศ รวมถึงสมาชิกใหม่ที่เข้ามาในบ้านอย่าง ‘พี’ พยานปากเอกเพียงคนเดียวที่เห็นฆาตกรแต่กลับความจำเสื่อม สิบทิศจึงพามาอยู่ที่ไร่ภายใต้การดูแลของสิบทิศเอง นี่เป็นแค่ความเปลี่ยนแปลงที่เห็นโดยผิวเผิน หากแท้ที่จริงแล้วยังมีอีกหนึ่งสิ่งที่ไม่เหมือนเก่า นั่นก็คือตัวของไผ่เอง





ไผ่เองก็คอยปั้นหน้า แสร้งยิ้ม หลอกทุกคนและตัวเองว่าเข้มแข็งและพร้อมที่จะก้าวผ่านเรื่องราวร้ายๆ นอกจากนี้ไผ่ก็พยายามตัดใจจากเหมทันทีที่รู้ตัวว่ารักแต่กลับทำอะไรไม่ได้ ยิ่งในตอนที่ไผ่สูญเสียพ่อไป เหมก็เข้ามาดูแลไผ่มากยิ่งขึ้นเพื่อแบ่งเบาภาระให้สิบทิศที่ทำงานและคอยสืบเรื่องนักรบรวมถึงดูแลพยานอย่างพี



การดูแลที่มากขึ้นของเหมไม่ใช่แค่เข้ามากายภาพบำบัดหรือพาไผ่หัดเดิน เหมได้ย้ายข้าวของมานอนกับไผ่ที่ห้องและคอยดูแลไผ่ตลอดยี่สิบสี่ชั่วโมง เหมไม่อยากละสายตาไปจากไผ่เพราะเขารู้ว่าไผ่จิตใจอ่อนไหว จึงไม่อยากทิ้งไผ่ไว้คนเดียว



การกระทำของเหมดูเหมือนจะเป็นข้อดี แต่เปล่าเลยมันยิ่งทำให้ไผ่เจ็บช้ำหนักขึ้นไปอีก จากที่พยายามทำตัวออกห่างเหมก็เข้ามาใกล้ บางครั้งไผ่แกล้งหลับไม่อยากรับรู้อะไรก็ต้องได้ยินเหมพูดคุยโทรศัพท์กับพลอยแทบทุกคืน ถึงเหมจะพูดน้อยก็ตาม ไผ่ที่ได้ยินก็ปวดใจมากจนบางครั้งต้องนอนร้องไห้กลั้นเสียงแล้วปล่อยหยาดน้ำตาให้เปรอะเปื้อนหมอน



จนกระทั่งเช้าวันนี้ ความปรารถนาของไผ่ก็สัมฤทธิ์ผล เหมไม่อยู่เนื่องจากไปพบพลอยที่มาหาชายหนุ่มจากกรุงเทพ ไผ่จึงอยู่ที่บ้านร่วมกับสิบทิศ



“พี่สิบทิศฮะ พี่พีไปไหนล่ะฮะ?” ไผ่ถามหาพี ที่ไผ่นับถือเป็นพี่….สะใภ้ ไผ่นั้นพอจะเดาความสัมพันธ์ระหว่างสิบทิศกับพีว่าเป็นยังไง



“วันนี้พีเขาไปทำไร่ พี่เองก็จะแวะไปหาตอนเที่ยงนี่แหละ” สิบทิศตอบ



“ถ้าอย่างนั้นพี่สิบทิศพาไผ่ไปส่งที่ห้องได้ไหมฮะ?”



“น้องไผ่ง่วงเหรอ? หรือว่าไม่สบายตรงไหรหรือเปล่า?” สิบทิศถามน้ำเสียงและท่าทางดูร้อนรน



“เปล่าฮะ น้องไผ่แค่จะไปฝึกเดินเท่านั้นเอง” ไผ่พูดออกมาทั้งรอยยิ้มพลอยทำให้สิบทิศยิ้มตามไปด้วยที่ไผ่เข้มแข็งมากขึ้น



“ทำไมไม่รอเหมกลับมาก่อนล่ะน้องไผ่?” สิบทิศถามต่อ



“น้องไผ่อยากเดินได้เร็วๆฮะ คุณพ่อคุณแม่ที่มองน้องไผ่จากบนฟ้าจะได้ดีใจ” ไผ่พูดน้ำเสียงสดใสแต่ดวงตาก็มีน้ำตาคลอนิดๆพอพูดถึงคนที่รักทั้งสองคน



“ดีแล้วที่น้องไผ่กระตือรือร้นที่จะเดิน ถ้าฝึกบ่อยๆน้องไผ่จะได้กลับมาเดินได้ ทีนี้เหมมันจะได้กลับไปทำงานที่โรงพยาบาลแล้วเจอแฟนมันบ่อยขึ้น” สิบทิศพูดออกมาตามความคิดเพราะส่วนตัวก็เกรงใจเพื่อนรัก



“ถ้าน้องไผ่หายดี พี่เหมก็จะไปเหรอฮะ?”



“ใช่ มีอะไรหรือเปล่าน้องไผ่?”



“ไม่มีอะไรฮะพี่สิบทิศ” ไผ่รีบปฏิเสธ ในสมองตอนนี้ก็เกิดความคิดอะไรบางอย่างขึ้นมา



..

..

..



เวลาล่วงเลยมาถึงค่ำ ไผ่ในตอนนี้กำลังหัดเดินด้วยตัวเองโดยมีราวเหล็กคอยพยุงตัว นับตั้งแต่สิบทิศมาส่งไผ่ที่ห้องนอน ไผ่ก็ฝึกเดินโดยไม่หยุดพัก ขนาดแม่บ้านเอาอาหารมาให้ไผ่ก็ไม่ยอมกิน ใจของไผ่กำลังมุ่งมั่นที่จะเดินให้ได้เพื่อเหมจะได้ไม่ต้องมาดูแลตนอีก



“อึก..”



ไผ่กัดฟันด้วยความเจ็บปวด ขาทั้งข้างเริ่มเจ็บเพราะไผ่ไม่ยอมหยุดพัก ซึ่งก่อนหน้านี้ขาของไผ่ก็เริ่มล้าแต่ไผ่ก็ฝืนเดินจนขาทั้งสองข้างก็อ่อนแรงส่งผลให้ไผ่ล้มลงไปนั่งกองกับพื้น



“จะล้มไม่ได้นะน้องไผ่…ฮึก..ก..น้องไผ่ต้องเดินให้ได้…ฮือ..อ..” ไผ่ทุบตีขาตัวเองทั้งน้ำตาด้วยความไม่พอใจ



“อย่าอ่อนแอสิน้องไผ่ อย่าเป็นตัวถ่วงใคร…ฮือ…อ…” ไผ่ทุบตีขาสลับกับหยิกขาตัวเองแรงๆเพื่อระบายความอัดอั้นที่สะสมภายในจิตใจ



“น้องไผ่!!!! หยุดเดี๋ยวนี้นะ” ในขณะเดียวนั้นเองเหมที่กลับมาจากไปหาพลอยก็เข้ามาเจอไผ่ที่นั่งร้องไห้พร้อมกับทำร้ายตัวเอง



“น้องไผ่ไม่หยุด…อึก..น้องไผ่จะตีจนกว่าขามันจะมีแรง” ไผ่ยังทุบตีขาตัวเอง เหมจึงรีบเข้ามารวบมือเล็กเอาไว้ไม่ให้ทำตามใจอีก



“พี่เหมปล่อยน้องไผ่!!!...ปล่อย” ไผ่ขัดขืน พยายามขยับมือให้หลุดพ้นจากมือหนาที่กุมแน่น



“พี่ไม่ปล่อย…แม่บ้านบอกพี่ว่าน้องไผ่หัดเดินตั้งแต่เที่ยงจนถึงค่ำ ขาของน้องไผ่เลยล้าเพราะน้องไผ่หักโหม ดังนั้นน้องไผ่ต้องพักผ่อนไม่ใช่มาทุบตีขาให้ตัวเองเดินได้แบบนี้” เหมพูดเสียงดุ ตาก็จ้องไปที่ใบหน้าอาบน้ำตาของร่างบาง



“น้องไผ่อยากเดินได้เร็วๆ…ฮือ..อ…น้องไผ่ไม่อยากเป็นภาระใคร ไม่อยากเป็นภาระของพี่เหม”



“พี่เคยบอกเหรอว่าน้องไผ่เป็นภาระของพี่” เหมถามกลับ เขาหนักใจกับการที่ไผ่คิดเองเออเองแถมคิดในแง่ลบอีก



“พี่เหมไม่บอกไผ่ก็รู้ ถ้าไผ่หายพี่เหมจะได้กลับไปทำงานใช้ชีวิตเหมือนเดิม ได้เจอกับพี่พลอยมากขึ้น” ไผ่พูดออกมาทั้งน้ำตาที่ยังคงไหลพราก ยิ่งพูดถึงชื่อของกญิงสาวไผ่ก็รู้สึกหน่วงเหมือนมีอะไรมาชกตรงอก



“แล้วไผ่ไม่อยากเจอพี่หรือไง? ถึงฝืนเดินขนาดนี้” เหมถามด้วยน้ำเสียงที่จริงจัง



“ไผ่อยากเจอแต่ไผ่ไม่อยากเจ็บ…ไผ่ไม่อยากรักพี่เหม ไผ่อยากเดินได้เร็วๆ หายเร็วๆ เราสองคนจะได้ออกไปจากชีวิตกันและกัน” ไผ่ระเบิดความรู้สึกที่มีต่อเหมผ่านคำพูด



ไผ่รู้ดีว่าถ้าพูดออกไปความรู้สึกหลังจากนี้การวางตัวของตนและเหมจะไม่เหมือนเดิม แต่ไผ่ไม่อาจเก็บมันเอาไว้ได้จึงจำเป็นต้องพูดออกไป เหมที่ได้ฟังก็ตกใจไม่น้อยแต่ยังคงแสดงสีหน้าเรียบเฉย มือที่กุมมือสวยของไผ่ก็คลายออก ไผ่ร้องไห้หนักกว่าเดิมจนตาพร่ามัวไปด้วยน้ำตา ไผ่รู้ตัวว่าเหมคงจะรังเกียจตัวเองไม่น้อยที่เป็นผู้ชายรักผู้ชายด้วยกันที่สำคัญยังเดินไม่ได้เสียอีก



“พี่เหม…ฮึก…รู้แล้วก็ไปจากไผ่นะฮะ…ไผ่คงเดินไปจากพี่เหมไม่ได้…ฮือ..อ…ดังนั้นไผ่ขิร้องให้พี่เหมเดินไปจากไผ่ด้วยเถอะฮะ….ฮือ..ฮือ..อ…อ…อื้ม..ม…” ไผ่ที่พูดผลักไสร่างสูงก็ถูกปิดปากด้วยริมฝีปากหนา…เหมกำลังจูบไผ่



“อึก..ก..” ไผ่ร้องออกมาในลำคอ มือก็ทุบตีให้เหมหยุดจูบตัวเองแต่ดูเหมือนเหมจะไม่สะทกสะท้านแถมยังอุ้มไผ่ไปนอนบนเตียงทั้งที่ยังจูบอยู่



เหมบดเบียดริมฝีปากลงไปหนักๆจนไผ่รู้สึกแสบร้อน ลิ้นหนาก็เข้าไปกวาดชิมความหวานในโพลงปากอุ่น ไผ่พยายามหลบหลีกแต่กลับถูกลิ้นของเหมตวัดหยอกเหย้าจนไผ่ที่มีท่าทีขัดขืนเริ่มอ่อนแรง เหมที่รับรู้ได้ว่าคนใต้ร่างเริ่มเข้าสู่เกมรัก เขาจึงใช้มือสอดเข้าไปใต้เสื้อสีชมพูอ่อนของไผ่แล้วลูบไล้ผิวเนียนตรงหน้าท้อง ก่อนจะค่อยๆถอนจูบ



“พี่เหมอย่าทำแบบนี้…ไผ่ขอร้อง…ฮึก..ก…” ไผ่ที่แม้ว่าจะรู้สึกดีกับจูบเมื่อครู่แต่เขาก็มีสติพอที่จะรู้ว่าสิ่งทำอยู่มันผิด มือสวยจึงใช้แรงที่มีอยู่ดันตัวของเหมให้ออกห่าง



“พี่จะทำ” เหมพูดสั้นๆ แล้วรวบมือของไผ่ตรึงไว้เหนือหัวด้วยมือข้างเดียว มือที่ว่างอีกข้างก็ปลดสายเข็มขัดของตัวเองมามัดข้อมือของไผ่ไว้กับหัวเตียง



“พี่เหมจะทำแบบนี้ไม่ได้…พี่เหมมีพี่พลอย พี่เหมจะทำกับไผ่อย่างนี้ไม่ได้” ไผ่เอ่ย ร่างเล็กพยายามขยับแขนให้หลุดจากพันธนาการ สัญชาตญาณสั่งให้ไผ่ต้องหนี แต่…ไผ่เดินไม่ได้



“อยู่กับพี่อย่าพูดถึงคนอื่น!!” เหมบอกออกไปอย่างหงุดหงิด ก่อนที่จะใช้มือกระชากเสื้อของไผ่จนขาดวิ่น



“พี่พลอยไม่ใช่คนอื่น พี่พลอยเป็นแฟนพี่เหม!!” ไผ่พูดเตือนสติเหมและตัวเอง ตาก็มองเหมด้วยความตื่นกลัว เหมไม่มีท่าทีอ่อนเลย เหมในตอนนี้น่ากลัวมากสำหรับไผ่



ร่างสูงนิ่งเงียบไม่พูดอะไรต่อแต่กลับใช้มือบีบคางของไผ่เอาไว้แล้วโน้มใบหน้าลงเพื่อจูบ ไผ่หันหน้าหนีแต่ก็ถูกเหมบีบคางให้หันกลับแล้วมอบรสจูบที่แสนเร่าร้อน จนคนที่ไม่ประสีประสาในเรื่องบนเตียงอย่างไผ่ถึงกับอ่อนระทวยราวกับขี้ผึ้งลนไฟ



“อืม…” เหมครางในลำคอ เขาพึงพอใจกับจูบครั้งนี้ ลิ้นชื้นที่คอยหลบหลีกก็ถูกลิ้นหนาชักจูงจนโต้ตอบกลับมาถึงจะเงอะงะไม่ประสีประสาแต่มันบ่งบอกถึงความบริสุทธิ์ที่เหมจะได้รับหลังจากนี้



ไผ่เองที่ถูกล่อลวงเข้าสู่บ่วงนายพรานอย่างเหมก็เริ่มไร้สติปล่อยให้เหมลูบไล้ไปตามตัว ตั้งแต่เอวคอดลากผ่านแผ่นอกแล้วลูบลงมาที่หน้าท้องเนียนซ้ำแล้วซ้ำเล่าจนไผ่เสียววูบวาบในท้องเหมือนมีนกกระพือปีกอยู่ภายใน



พอเห็นว่าไผ่คล้อยตาม เหมก็จัดการถอดกางเกงของไผ่ออกเผยให้เห็นร่างเปลือยที่ขาวสะอาดตาที่นานครั้งจะโดนแสงแดด เหมผละปากจากริมฝีปากนิ่มเปลี่ยนไปประทับตรงแผ่นอกแทน เหมค่อยๆทำรอยแดงจนทั่ว ที่จริงเหมอยากจะทำตรงคอของไผ่มากกว่าแต่กลัวว่าสิบทิศหรือใครจะเห็นเข้า



‘จุ๊บ…จุ๊บ..’



เหมครอบครองยอดอกสีชมพูแล้วดูดดุนแรงๆจนเกิดเสียง ไผ่หายใจหนักๆจนอกกระเพื่อมไปตามปากของเหม ลิ้นที่เคยชิมความหวานในโพลงปากตอนนี้ก็ใช้เลียที่ยอดอกอย่างเมามัน มือที่คอยลูบกายเล็กก็เลื่อนลงมาเกี่ยวชั้นในของไผ่ออก



“พะ..พี่เหม” ไผ่เรียกชื่ออีกฝ่ายตอนนี้สติที่หายไปก็กลับคืน



เหมเงยหน้าขึ้นมองไผ่ที่นอนน้ำตาไหลเป็นสายถึงอย่างนั้นเหมก็ไม่ยอมหยุด เขาใช้มือกอบกุมแก่นกายเล็กของไผ่พร้อมขยับรูดรั้งเป็นจังหวะช้าเร็วสลับกันไป



“พี่เหม…ฮึก…อ่ะ..หยุด..ด..” ไผ่ร้องห้ามเสียงขาดช่วง



“ปากบอกให้หยุดแต่ร่างกายไผ่มันไม่ยอมหยุด” เหมยิ้มร้ายมือก็ขยับส่วนอ่อนไหวของไผ่เร็วขึ้นจนมีน้ำใสๆปริ่มอยู่ส่วนปลาย เหมใช้นิ้วจาดมืออีกข้างปาดน้ำนั้นมาป้ายตรงปากทางสีชมพูสด



“ไม่…พี่เหม…อย่า.า…อย่าทำน้องไผ่…ฮือ…อ…”



ไผ่ร้องไห้ออกมา ปากก็พร่ำบอกให้เหมหยุดแจ่เหมก็ไม่ทำตามแถมยังแทรกนิ้วเข้าไปในกายของไผ่ทั้งที่ไผ่ไม่พร้อมและไม่ยินยอม



“เจ็บ..ฮือ…ไผ่เจ็บ..เอาออกไป.”



เหมไม่สนใจคำร้อง เขาสนใจเพียงมือที่ขยับแก่นกายเล็กและนิ้วที่ขยับเข้าออกในตัวของไผ่ที่เพิ่มจากหนึ่งเป็นสอง จากสองเป็นสาม จนไผ่ร้องออกมาด้วยความเจ็บปวดที่แฝงไปด้วยความเสียวซ่าน



“อึก..อะ…อ่า..พอ…อย่า..ทำไผ่..อย่าทำไผ่นะฮะ…พี่เหมจะเกลียดไผ่..ฮึก.ก..ไผ่ไม่ว่าแต่อย่าทำแบบนี้กับไผ่…ฮือ..อ..”



ร่างเล็กพูดออกมาจากใจ เขาไม่อยากมีความสัมพันธ์ทางกายที่ไร้ความรักกับเหม เขายอมให้เหมเกลียดหรือด่าว่าเขาผิดเพศยังดีเสียกว่าต้องมารองรับกามอารมณ์ที่เกิดจากความไม่พอใจของเหมที่มีต่อเขา เพราะการทำแบบนี้มันมีแต่สร้างความเจ็บปวดเท่านั้น



“อย่า..า…ไม่..อ๊ากก…”



คำพูดของไผ่คงจะเข้าหูซ้ายทะลุหูขวา เหมจับขาของไผ่มาพาดบ่าตัวเองแล้วปลดกางเกงและชั้นในออกเผยแท่งร้อนที่แข็งขืนพร้อมรบ เหมกดกายเข้าไปในตัวไผ่ทีเดียวจนสุด ไผ่ร้องลั่นด้วยความเจ็บ ร่างกายที่แสนบอบบางเหมือนจะแตกออกเป็นเสี่ยงๆ



“ฮือ..อ..ใจร้าย..พี่เหมใจร้าย..” ไผ่ต่อว่า เหมที่กัดฟันกลั้นอารมณ์กลัวจะปลดปล่อยในกายของไผ่เพราะช่องทางที่คับแน่นก็ค่อยๆขยับกายเข้าออกเป็นจังหวะช้าๆ



“ฮึก..ก..เลว…พี่เหม…เลวที่สุด..น้องไผ่เกลียด…” ไผ่พูดออกมาทั้งน้ำตา ไม่คิดว่าเหมจะข่มขืนตนทั้งที่เหมมีพลอยอยู่แล้ว

 

“เกลียดเหรอ?...ก่อนหน้านี้ยังบอกว่ารักพี่อยู่เลย” เหมยอกย้อน ไผ่กัดปากแน่นไม่คิดว่าตนจะรักคนที่เป็นเทพบุตรที่จิตใจราวกับปีศาจอย่างเหมไปได้อย่างไร



“อ่ะ..อ่า.า…หยุด…อืม..หยุด”



“อ่า.า..ซี๊ด..ด…แน่นแบบนี้ใครจะหยุด” เหมยิ้มร้ายแล้วกระแทกกระทั้นเข้าไปเต็มแรงจนไผ่โยกไปตามแรง



“อ่ะ…อ่า.า…อ๊ะ..อ๊ะ..อื้อ…”



“ซี๊ด…เสียวชิบ”



ทั้งสองคนครางกระเส่าออกมาไม่หยุดยิ่งเหมกระแทกเข้าจุดกระสัน ไผ่ถึงกับครางออกมาไม่เป็นภาษามือก็จิกเล็บไปที่สายเข็มขัดระบายความเสียว ส่วนเหมก็ถูกผนังนุ่มอุ่นภายในของไผ่ตอดรัดแก่นกายร้อยถี่ยิบ จนเขาต้องเร่งสะโพกให้เข้ากับแรงตอด



‘เพี๊ยะ’



เหมตีบ้านท้ายขาวของไผ่จนเป็นรอยแดงแล้วเร่งสะโพกกระแทกเร็วขึ้นเรื่อยๆ ไผ่ก็ปิดตาแน่นไม่อยากจะรับรู้อะไร



“อืม.ม…ลืมตา”



“อ่ะ..อ่า.า..มะ..ไม่..โอ๊ย!!” ไผ่ที่ปฏิเสธก็ถูกเหมเล่นงานด้วยกระแทกจนไผ่จุก



“ดื้อ…อ่า.า..” เหมดุและอดไม่ได้ที่จะกัดตรงขาอ่อนของไผ่ พร้อมขยับกายเข้าออกไม่ยอมผ่อนแรงจนไผ่ครางระงม



“พอ..อ…ได้แล้ว..อ่า.า…หยุดได้แล้ว…” เสียงหวานบ่งบอกถึงความอ่อนแรงทำให้เหมรู้ดีว่าไผ่กำลังจะเสร็จ เหมจึงเร่งจังหวะช่วงสุดท้ายทั้งเร็ว ทั้งหนัก ทั้งแรง



“อ๊ะ..อ๊า.าา….า…..” ไผ่เชิดหน้าขึ้นปากก็เผยอส่งเสียงครางหวานเฮือกสุดท้ายออกมาพร้อมกับน้ำสีขาวขุ่นที่ออกมาเปรอะเปื้อนหน้าท้องลอนสวยของเหม



“อืม.ม…อ่า..า..” เสียงครางต่ำร้องออกมาในวินาทีที่น้ำรักของเขาเข้าไปในกายเล็ก



“ฮือ…ออกไป…ฮึก..ก…ออกไป” ไผ่ไล่คนที่ยังไม่ยอมถอนกายให้ออกไป เหมใช้นิ้วโป้งเกลี่ยน้ำตาที่ไหลอาบแก้มอย่างอ่อนโยน



“กล้าไล่ผัวตัวเองเหรอ?...น้องไผ่”



















...............................

อิพี่เหม!!!!!!!!!!!!!!!!

หมดกันกับลุคเจ้าชายหิมะที่คนในไร่มอบฉายาให้

ใจร้ายกับนุ้งไผ่แบบนี้ กระท่อมของท่านยุ่งพังแน่

#โดนปาหินft.ไฟเผา



เอาเป็นว่าท่านยุ่งขอลี้ภัยไปก่อน



ขอบคุณทุกคนที่เข้ามาอ่านมาตามมาเม้นมาเป็นกำลังใจให้นะคะ



หัวข้อ: Re: บันทึกรัก...ไร่แสงจันทร์ 20++ Yaoi (ซ่อนรัก) EP.5 P.1 10/12/2016
เริ่มหัวข้อโดย: ❣☾月亮☽❣ ที่ 10-12-2016 21:05:46
 :angry2:   เอิบบบ.
หัวข้อ: Re: บันทึกรัก...ไร่แสงจันทร์ 20++ Yaoi (ซ่อนรัก) EP.5 P.1 10/12/2016
เริ่มหัวข้อโดย: GBlk ที่ 10-12-2016 21:33:17
เงิบ
หัวข้อ: Re: บันทึกรัก...ไร่แสงจันทร์ 20++ Yaoi (ซ่อนรัก) EP.5 P.1 10/12/2016
เริ่มหัวข้อโดย: fahsai ที่ 10-12-2016 21:48:33
ขอให้น้องไผ่ไม่รัก ขอให้เหมโดนสิบทิศกระทืบ
โกรษแทนน้องไผ่ ฮืออ
หัวข้อ: Re: บันทึกรัก...ไร่แสงจันทร์ 20++ Yaoi (ซ่อนรัก) EP.5 P.1 10/12/2016
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 10-12-2016 21:56:50
เหม นี่ยังไงกัน เป็นตัวร้ายหรอ  :z6: :z6: :z6:
       :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: บันทึกรัก...ไร่แสงจันทร์ 20++ Yaoi (ซ่อนรัก) EP.5 P.1 10/12/2016
เริ่มหัวข้อโดย: sirin_chadada ที่ 10-12-2016 22:52:53
เร็วไปไหมไอ้พี่เหม
หัวข้อ: Re: บันทึกรัก...ไร่แสงจันทร์ 20++ Yaoi (ซ่อนรัก) EP.5 P.1 10/12/2016
เริ่มหัวข้อโดย: เมื่อนั้นฝันว่า ที่ 11-12-2016 10:03:39
สงสารสิบทิศ...อ้าว ไม่ใช่เหรอ
หัวข้อ: Re: บันทึกรัก...ไร่แสงจันทร์ 20++ Yaoi (ซ่อนรัก) EP.5 P.1 10/12/2016
เริ่มหัวข้อโดย: pe-ar ที่ 11-12-2016 11:07:22
อ้าวยังไงอิพี่เหม
หัวข้อ: Re: บันทึกรัก...ไร่แสงจันทร์ 20++ Yaoi (ซ่อนรัก) EP.5 P.1 10/12/2016
เริ่มหัวข้อโดย: MayA@TK ที่ 11-12-2016 12:54:00
 :a5: :a5: :a5: :a5: :a5:

หรือที่ผ่านมาเราเชียร์ผิดคน ไอ้พี่เหมมมมมมมมมมมมมมมม :beat: :beat: :beat: :beat:

 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: บันทึกรัก...ไร่แสงจันทร์ 20++ Yaoi (ซ่อนรัก) EP.6 P.2 12/12/2016
เริ่มหัวข้อโดย: TanYung0209 ที่ 12-12-2016 21:26:25
บันทึกรัก…ไร่แสงจันทร์

Writer : Tan-Yung0209

File : ซ่อนรัก 06













[เหม Part]



‘เราเลิกกันเถอะ’



ผมพิมพ์ข้อความส่งไปยังเบอร์โทรศัพท์มือถือของพลอย อาจจะดูเลวร้ายที่ผมทำแบบนี้กับพลอยแต่ผมไม่อาจหลอกตัวเองได้อีกต่อไป มันถึงเวลาที่ผมจะต้องตามใจตัวเองอีกครั้ง ผมวางโทรศัพท์มือถือของผมไว้บนโต๊ะ แล้วล้มลงนอนกอดร่างเล็กที่นอนสลบหลังจากที่ผมจัดการฝังรอยรักรอบที่สามในห้องน้ำ



พอได้สัมผัสได้กอดมันทำให้ผมอดคิดถึงเรื่องราวของผมกับไผ่เมื่อหลายปีก่อน มันเป็นความรักที่เกิดจากความผูกพันธ์ที่ค่อยๆก่อตัวขึ้นภายในใจของผม



ย้อนเวลาไปคืนก่อนที่ผมจะย้ายจากไร่แสงจันทร์ ฝนที่ตกหนักตั้งแต่ตอนเย็นส่งผลให้อากาศในตอนกลางคืนหนาวเหน็บ ผมที่กำลังจัดกระเป๋าก็ต้องวางมือเมื่อสิบทิศวิ่งมาหาผมที่บ้านพักสีหน้าไม่สู้ดีพร้อมประโยคที่ทำวิ่งออกจากบ้านไปในทันที



‘เหม…น้องไผ่หายตัวไป’



ผมวิ่งหน้าตาตื่นมองหาเด็กน้อยวัยเจ็ดขวบท่ามกลางสายฝนที่พร่ำตกลงมาไม่ขาดสาย ผู้คนในไร่ต่างถือไฟฉายส่องหาน้องไผ่ ไม่เว้นแต่คุณน้านักรบที่ออกมาจากบ้านใหญ่เพื่อตามหาลูกด้วยตัวเอง



“น้องไผ่!!!...น้องไผ่!!!” ทุกคนในไร่รวมถึงผมต่างก็ร้องเรียกชื่อคนที่หายไป จะว่าไปวีนนี้ผมไม่เห็นน้องไผ่มาหาผมเลย ซึ่งปกติวันหยุดน้องไผ่จะมาอยู่กับผมทั้งวัน ไม่สิ…ตั้งแต่วันที่ผมและครอบครัวไปบอกลาคุณน้านักรบ น้องไผ่ก็พยายามหลบหน้าไม่ยอมพูดคุย บางวันผมเข้าไปหาสิบทิศในบ้านน้องไผ่ก็พยายามหลบหน้าผมด้วยการออกไปเล่นที่อื่นทั้งที่ปกติจะวิ่งมากอดผม หอมแก้มผมด้วยซ้ำ



“หาไม่เจอว่ะ…เหมแกหาเจอไหม?” ผมกับสิบทิศที่วิ่งวนจนทั่วไร่ก็มาเจอกันอีกครั้ง



“ไม่เจอเลย ช่วงนี้น้องไผ่ชอบไปที่ไหนหรือเปล่า?”



“ก็คงจะเล่นในไร่เรานี่แหละ เวลากลับบ้านเสื้อผ้าจะมอมแมมเปื้อนโคลนกับมีดอกหญ้าตลอดแต่บางวันคุณแม่บอกว่าได้กลิ่นดอกกุหลาบติดมาด้วย”



เปื้อนโคลนกับเศษฟางอย่างนั้นเหรอ? ในไร่แสงจันทร์การจะเปื้อนสองสิ่งนี้ก็ถือว่าปกติแต่มันมีสถานที่เดียวที่มีดอกกุหลาบนั่นก็คือกระท่อมร้างท้ายไร่



“สิบทิศ เราแยกกันตามหาอีกรอบเถอะ”



“ได้เลย”



ผมปลีกตัวไปท้ายไร่ รีบวิ่งฝ่าฝนไปที่นั่น ทำไมผมโง่อย่างนี้ในเมื่อกระท่อมท้ายไร่เป็นที่ที่ผมชอบพาน้องไผ่มาเล่น มานอนกล่อมเลยขนพวกเครื่องนอนเก่าๆแต่สภาพดีอยู่จากที่บ้านมาไว้ที่กระท่อมรวมถึงปลูกกุหลาบไว้รอบๆจนที่นั่นกลายเป็นฐานทัพของเด็กน้อยไปแล้ว



“น้องไผ่!!!!”

ผมผลักประตูไม้พร้อมกับเรียกชื่ออีกคน ผมถอนหายใจเฮือกใหญ่ที่ได้พบน้องไผ่ที่นั่งร้องไห้จนตาบวมตรงมุมห้อง



“น้องไผ่…ร้องไห้ทำไม? บอกพี่เหมสิครับ” ผมเดินเข้าไปนั่งใกล้ๆน้องไผ่ที่ช้อนตามองผมก่อนจะรีบก้มหน้า



“ฮึก…พี่เหม..พี่เหมทิ้งน้องไผ่”



“พี่ไม่ได้ทิ้งนะ” ผมสวมกอดน้องไผ่ที่ร้องไห้จนตาบวม



“พี่เหมตัวเปียก ปล่อยน้องไผ่เลยนะฮะ” น้องไผ่ขืนตัว ผมเลยนึกออกว่าตอนนี้ตนเองเปียกโชกไปด้วยฝน ผมจึงผละตัวออกจากน้องไผ่แล้วถอดเสื้อและกางเกงออกเหลือไว้เพียงบ็อกเซอร์



“โป๊…” น้องไผ่รีบปิดตา ผมหัวเราะในลำคอถึงความใสซื้อของคนตัวเล็กที่เห็นกันมาตั้งแต่เกิด พูดจริงๆคือผมเกาะขอบเปลน้องไผ่ เลี้ยงน้องไผ่ตั้งแต่เล็ก นึกๆดูแล้วจะเรียกว่าผมเลี้ยงต้อยก็คงไม่ผิด



“ก็เสื้อผ้าพี่เปียกแต่ตอนนี้พี่ไม่เปียกแล้ว” ผมกอดน้องไผ่อีกครั้ง คราวนี้ก็อุ้มเจ้าตัวเล็กมานั่งคร่อมตักแล้วหยิบผ้าห่มผืนบางมาคลุมตัวน้องผมและน้องไผ่เอาไว้



“น้องไผ่ไม่ให้กอด…พี่เหมทิ้งน้องไผ่”



“พี่บอกแล้วไงว่าไม่ได้ทิ้ง…น้องไผ่จอมดื้อ” ผมยีผมนิ่มเบาๆ จนน้องไผ่ทำหน้าบึ้งใส่



“น้องไผ่ไม่ได้ดื้อนะฮะ” น้องไผ่เถียง



“ดื้อสิ หายตัวออกจากบ้านจนคนออกตากหากันทั้งไร่”



“น้องไผ่ไม่ได้หายตัว น้องไผ่แค่เล่นมที่กระท่อมแล้วฝนตก น้องไผ่กลัวฟ้าร้องนี่ฮะ น้องไผ่ไม่กล้าออกไป” น้องไผ่รีบอธิบายคำตอบ



“ถ้าอย่างนั้น พี่จะพาส่งกระท่อมนะ”



“ฮะ” น้องไผ่ตอบตกลง ผมอุ้มน้องไผ่สภาพใส่บ็อกเซอร์ตัวเดียวกลับไปยังบ้านใหญ่ ที่นั่นคุณน้าแสงจันทร์และคุณน้านักรบ พ่อแม่ของน้องไผ่กับลังยืนอยู่ด้วยท่าทีกระวนกระวายใจ



“น้องไผ่!!!!” คุณน้าแสงจันทร์รีบวิ่งเข้ามาอุ้มน้องไผ่เอาไว้แล้วกอดเอาไว้แนบอก



“เหมไปเจอน้องที่ไหนเหรอ?” คุณน้านักรบถาม



“น้องไผ่ติดฝนที่กระท่อมท้ายไร่ผมเลยพามาส่ง” ผมตอบกลับไป



“ขอบใจมากนะเหม พรุ่งนี้ต้องเดินทางแล้วยังลำบากหาน้องให้อีก” คุณน้าแสงจันทร์กล่าวขอบคุณ มือก็ลูบผมน้องไผ่ด้วยความเอ็นดู



“ไม่เป็นไรครับ ถ้าไม่มีอะไรแล้วผมขอตัวกลับก่อนนะครับ” ผมบอกลา เตรียมตัววิ่งกลับบ้านพัก



“พี่เหมนอนกับน้องไผ่นะฮะ” เสียงเล็กเอ่ย ทำให้ผมหยุดชะงัก



“น้องไผ่อย่าไปกวนพี่เหมสิลูก” คุณน้านักรบพูดปรามน้องไผ่



“น้องไผ่อยากนอนกับพี่เหม พรุ่งนี้พี่เหมต้องไปอยู่ที่อื่นแล้ว..ฮือ..อ…น้องไผ่อยากอยู่กับพี่เหม” ไผ่เริ่มงอแง ผมเห็นน้ำตาของน้องไผ่ก็รู้สึกไม่ดีเอามากๆ



“เหม น้ารบกวนนอนกับน้องได้ไหม?” คุณน้าแสงจันทร์เอ่ยขอ



“ได้ครับ” ผมตอบออกไปอย่างไม่ลังเล



“เดี๋ยวขึ้นไปพร้อมกับน้องส่วนเสื้อผ้าก็ใส่ของสิบทิศไปก่อน” คุณน้าแสงจันทร์พูดต่อ น้องไผ่ก็ยิ้มหวาน จากนั้นคุณน้านักรบก็ให้คนไปประกาศบอกคนงานที่ตามหารวมถึงสิบทิศให้รับรู้ว่าเจอตัวน้องไผ่แล้ว



ผมอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าโดยใช้เวลาสั้นๆ จากนั้นก็มานั่งรอน้องไผ่อยู่บนเตียงนุ่ม ไม่นานน้องไผ่ที่เพิ่งจะอาบน้ำเสร็จก็เข้ามาในห้องโดยมีแม่มาส่ง แก้มทั้งสองก็ขาวนวลเพราะโดนปะแป้งหอมทั้งสองข้าง



“พี่เหม~” น้องไผ่วิ่งมากอดผมที่นั่ง ผมก็จับอุ้มให้ขึ้นมานอนบนเตียง



“ดูสิ รักพี่เหมจนพี่สิบทิศน้อยใจแน่เลย” คุณน้าแสงจันทร์พูดแซวลูกชายคนเล็ก



“น้องไผ่ก็รักพี่สิบทิศนะฮะ”



“ค่ะ คุณแม่เชื่อว่าน้องไผ่รักพี่สิบทิศแล้วก็พี่เหม” คุณแสงจันทร์ยิ้มออกมาเมื่อเห็นน้องไผ่มีความสุข



“เหม น้าฝากน้องด้วยนะ”



“ครับ คุณน้าไม่ต้องเป็นห่วง”



“ฝันดีนะน้องไผ่ เหมก็ด้วย” คุณน้าแสงจันทร์เอ่ยแล้วปิดประตูห้องนอน ผมก็เดินไปปิดไฟห้องนอน เปิดเพียงโคมไฟให้พอมีแสงสลัวเท่านั้น น้องไผ่ที่นอนชิดกำแพงก็มองผมตาแป๋ว



“ไม่ง่วงเหรอ?” ผมถาม น้องไผ่ก็ส่ายหน้าเป็นคำตอบ ปมอมยิ้มและล้มตัวนอนกอดย้องไป่โดยสอดแขนให้เด็กน้อยได้นอนหนุน



“พี่เหมฮะ พี่เหมอยู่ที่นี่กับน้องไผ่ไม่ได้เหรอฮะ?” น้องไผ่ถามผมเสียงอ่อน ผมก้มมองดูก็พบว่าน้องไผ่กำลังจะร้องไห้



“ไม่ได้ พี่ต้องไปกับครอบครัวพี่” ผมตอบพร้อมกระชับกอดแน่น น้องไผ่ก็สะอื้นไห้ออกมา เฮ้อ…ถ้าเลือกได้ผมก็อยากอยู่กับน้องไผ่ไม่ไปไหน



“แต่พี่จะกลับมาหาน้องไผ่แน่นอน” ผมพูดต่อ



“แล้วจะอยู่กับน้องไผ่ใช่ไหมฮะ?” น้องไผ่คลายสะอื้นแล้วถามผมกลับ



“ใช่ พี่จะกลับมาอยู่กับน้องไผ่” ผมให้คำตอบ



“ฮะ…น้องไผ่จะรอ พี่เหมต้องกลับมาอยู่กลับน้องไผ่นะฮะ”



“พี่ให้สัญญา”



และนั่นก็คือความทรงจำสีจางระหว่างผทมกับน้องไผ่ก่อนจะจากกัน หลังจากนั้นผมก็ยังติดต่อกับน้องไผ่อยู่บ้างแต่ก็หยุดการติดต่อเพราะผมเรียนแพทย์ ซึ้งเรียนหนักจนไม่มีเวลาติดต่อใครแม้แต่คนในครอบครัวเอง ถึงอย่างนั้นผมกลับคิดถึงใบหน้าเปื้อนยิ้มของน้องไผ่ทุกวัน จนผมมั่นใจว่าผมหลงรักน้องไผ่ เด็กชายที่ผมเลี้ยงมากับมือ



[เหม End]



เช้าวันใหม่ที่เคยสดใสสำหรับไผ่ บัดนี้มันดูหม่นหมองไม่ต่างอะไรกับจิตใจของไผ่ เปลือกตาค่อยๆเปิดออกมองดูสิ่งต่างๆรอบห้อง ไผ่สำรวจตัวเองที่ใส่เสื้อแขนยาวและกางเกงขายาว เหมคงจะเปลี่ยนให้ตอนหลับ ไผ่คิดในใจ



‘พี่เหม’



ไผ่ไม่เห็นเหมข้างกายก็นึกน้อยเนื้อต่ำใจรวมถึงเหตุการณ์ที่แสนเลวร้ายเมื่อคืนนี้ ไผ่คิดว่าเหมคงจะลงโทษให้ตนเจ็บปวดจะได้ไม่ต้องมายุ่งกับเหมอีก แค่คิดน้ำตามันก็พาลไหล



‘Rt….Rt…’



เสียงโทรศัพท์มือถือที่ไม่คุ้นหู ทำให้ไผ่มองหาจุดกำเนิดเสียงก็พบว่ามือถือของเหมดังขึ้นพร้อมชื่อคนที่โทรมานั่นก็คือ…พลอย



‘แกร็ก’



ประตูห้องเปิดออก ไป่ทำทีเป็นนอนหลับต่อ เหมที่ลงไปสั่งแม่บ้านให้ทำข้าวต้มให้ไผ่ก็เข้ามาได้จังหวะพอดีจึงรับโทรศัพท์



“อืม…ได้สิพลอย…ได้….เจอกัน..เดี๋ยวจะออกไปหาเลย” เหมวางสายแล้วมองไปที่ไผ่ที่กำลังนอนแกล้งหลับอยู่บนเตียง



‘ฟอด’



เหมหอมแก้มนิ่มของไผ่ ก่อนจะเดินออกจากห้องไปโดยไม่รู้ว่าทุกบทสนทนาที่คุยกับพลอยและการกระทำเมื่อครู่ ไผ่รับรู้ทุกอย่าง…



“พี่เหมไปหาคนที่รักแล้ว…น้องไผ่ต้องยอมรับความเจ็บปวดให้ได้นะ”

















................................

มาถึงครึ่งทางแล้วสำหรับเรื่องนี้ อิพี่เหมของเราก็ระบายความในใจให้เราฟังแต่ไม่ให้น้องฟัง

น้องไผ่เลยเข้าใจผิดไปตามระเบียบ อิอิอิ





สุดท้ายนี้ขอขอบคุณที่เข้ามาอ่านมาตามมาเม้นนะคะ
หัวข้อ: Re: บันทึกรัก...ไร่แสงจันทร์ 20++ Yaoi (ซ่อนรัก) EP.6 P.2 12/12/2016
เริ่มหัวข้อโดย: MayA@TK ที่ 12-12-2016 21:39:49
ถึงจะเลี้ยงต้อยน้องมาตั้งแต่เด็กก็แล้วทำไมไม่บอกน้องคุยกับน้องดีๆ
แทนที่จะบอกเลิกแฟนก่อนมาวุ่นวายกับน้องนี่ดันปล้ำน้องก่อนแล้วบอกเลิกแฟน

 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: บันทึกรัก...ไร่แสงจันทร์ 20++ Yaoi (ซ่อนรัก) EP.6 P.2 12/12/2016
เริ่มหัวข้อโดย: sirin_chadada ที่ 12-12-2016 21:59:57
 :beat: ก็แล้วทำไมไม่พูดไปล่ะไอ้พี่เหม มาบอกคนอ่านน้องก็ไม่รู้ด้วยหรอกนะ
หัวข้อ: Re: บันทึกรัก...ไร่แสงจันทร์ 20++ Yaoi (ซ่อนรัก) EP.6 P.2 12/12/2016
เริ่มหัวข้อโดย: GBlk ที่ 13-12-2016 03:37:22
โอ้ยยย ดราม่าตามระเบียบ
หัวข้อ: Re: บันทึกรัก...ไร่แสงจันทร์ 20++ Yaoi (ซ่อนรัก) EP.6 P.2 12/12/2016
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 13-12-2016 06:29:50
เหม มีแต่.....ไม่มีปากแน่เลย :ling1: :ling1: :ling1:
หัวข้อ: Re: บันทึกรัก...ไร่แสงจันทร์ 20++ Yaoi (ซ่อนรัก) EP.6 P.2 12/12/2016
เริ่มหัวข้อโดย: Dolamon ที่ 13-12-2016 06:59:10
พี่เหม ทำน้องไผ่ของป้าเข้าใจผิด




 :katai1: :katai1: :katai1:
หัวข้อ: Re: บันทึกรัก...ไร่แสงจันทร์ 20++ Yaoi (ซ่อนรัก) EP.6 P.2 12/12/2016
เริ่มหัวข้อโดย: TanYung0209 ที่ 13-12-2016 11:25:36
เหม มีแต่.....ไม่มีปากแน่เลย :ling1: :ling1: :ling1:

พี่เหมเธอได้ฉายาเจ้าชายหิมะค่ะ เธอไม่ค่อยพูด นิ่งๆ แบบนานๆทีจะพูดออกมาแต่เธอจะพูดเฉพาะคนสนิท
หัวข้อ: Re: บันทึกรัก...ไร่แสงจันทร์ 20++ Yaoi (ซ่อนรัก) EP.7 P.2 14/12/2016
เริ่มหัวข้อโดย: TanYung0209 ที่ 14-12-2016 17:54:39
บันทึกรัก…ไร่แสงจันทร์

Writer : Tan-Yung0209

File : ซ่อนรัก 07













หลังที่เหมออกไป ไผ่ก็ร้องไห้จนหลับตื่นมาอีกทีก็เกือบเที่ยงแล้วโดยที่แม่บ้านเข้ามาปลุกแล้วทำข้าวต้มกุ้งให้กินตามที่เหมได้สั่งเอาไว้ก่อนเข้าไปในเมือง



“น้องไผ่เช็ดตัวไหมคะ เดี๋ยวป้าเช็ดให้” ป้าแม่บ้านที่รู้ว่าเจ้านายจึงเสนอความช่วยเหลือ



“ไม่เป็นไรครับ เดี๋ยวน้องไผ่เช็ดเอง ป้าอรช่วยพาน้องไผ่ไปที่ห้องน้ำก็พอ” ไผ่รีบปฏิเสธเพราะขืนให้ป้าอรเช็ดตัวก็คงเห็นรอยตามตัวของตนแน่



“เดี๋ยวป้าจะเตรียมเสื้อผ้ากับน้ำอุ่นให้นะคะ” ป้าอรเอ่ย แล้วจัดการทำตามที่ตัวเองพูด พอเสร็จก็พาไผ่เขาไปนั่งเก้าอี้พลาสติกในห้องน้ำ



“ถ้ามีอะไรให้ป้าช่วย บอกได้เลยนะคะ ป้าจะรออยู่ที่หน้าห้องน้ำ”



“ฮะ ป้าอร” ไผ่ส่งยิ้มให้ พอป้าบัวออกไป ไผ่ก็ถอดเสื้อผ้าตัวเองออก ตาคู่สวยมองตัวเองในกระจกก็พบว่าผิวขาวเนียนมีรอยแดง รอยช้ำเต็มไปหมด ไผ่หยิบผ้าในอ่างใส่น้ำอุ่นขนาดเล็กแล้วบิดพอหมาดเช็ดถูตามตัวผ่านร่องรอยที่เหมได้ฝากไว้



‘พี่เหม…หยุด!!..อ๊า.า…’



‘อย่าห้ามพี่เลย..อืม.ม…’



เสียงร้องห้ามและเสียงครวญครางดังเข้าสู่โสตประสาท พอได้เห็นร่องรอยเหล่านี้ภาพเหตุการณ์ก็ฉายเข้ามาในสมอง



“ฮึก..สกปรก..ก…น้องไผ่สกปรก” ไผ่พึมพำกับตัวเอง มือก็ใช้ผ้าผ้าถูรอยจ้ำแรงๆจนแทบถลอก มันเป็นตราบาปสำหรับไผ่ มันสิ่งที่ย้ำเตือนไผ่ว่าอย่าไปรักคนที่ไม่รักเรา อย่าไปรักคนที่มีเจ้าของ



ไผ่ทำธุระจัดการตัวเองเสร็จก็เรียกป้าอรให้พาออกไปจากห้องน้ำ โชคดีที่ป้าบัวจัดเตรียมเสื้อผ้าที่มิดชิดจึงทำให้รอยแดงไม่โผล่ออกมา ถึงอย่างนั้นไผ่ก็ระวังตัวอยู่ดีโดยเฉพาะหากเจอสิบทิศพี่ชายของตน



“ป้าอร ช่วยพยุงน้องไผ่ไปนั่งข้างล่างได้ไหมฮะ น้องไผ่เบื่อ…” ไผ่ขอร้องผู้อวุโสกว่า



“ได้ค่ะ” ป้าอรยิ้มรับ คิดว่าไผ่คงจะเบื่อที่ต้องทนอุดอู้อยู่ในห้องทั้งวัน



จากนั้นป้าอรก็พาร่างบางลงบันไดไปอย่างทุลักทุเลเพราะต้องคอยระวังไม่ให้ไผ่ตกบันได ไผ่เองก็พยายามเดินเพื่อลดภาระแม่บ้าน ถ้าวันปกติสิบทิศจะเป็นคนอุ้มไผ่ลงไปชั้นล่างแต่หลังจากที่เหมมาดูแลไผ่ สิบทิศก็ยกไผ่ให้กับเหมดูแลจัดการทุกเรื่อง แต่วันนี้เหมไปหาพลอย…



“ป้าอรให้น้องไผ่นั่งตรงนี้ก็ได้ฮะ” พอได้นั่งรถเข็นไผ่ก็ชี้บอกป้าบัวให้ไปที่หน้าบ้าน



“น้องไผ่ไม่สบายอยู่นะคะ จะมานั่งตากแดดตากลมอย่างนี้ได้ยังไง” ป้าอรพูดด้วยความเป็นห่วง หล่อนสังเกตถึงความสร้อยที่ฉายออกมาจากดวงตาของเจ้านายคนเล็กรวมถึงความร้อนจากร่างกายที่แผ่ซ่าน



“ไม่เป็นไรฮะ น้องไผ่อยากนั่งดูโน่น ดูนี่มากกว่า นั่งในบ้านดูทีวีมันน่าเบื่อ” ไผ่ยังคงยืนยันที่จะนั่งนอกบ้าน



“ถ้าอย่างนั้นน้องไผ่มีอะไรก็เรียกป้านะคะ เดี๋ยวป๊าจะเข้าครัวก่อน” สุดท้าบป้าอรก็ใจอ่อนยอมไผ่



“ฮะ” ไผ่ตอบรับ



ดวงตาคู่สวยก็ทอดมองไปข้างหน้า มองคนงานในไร่ที่เดินผ่านไปผ่านมา บางคนก็ตะโกนทักทาย บางคนก็ยิ้มให้ ไผ่เองก็ฝืนยิ้มตอบเพื่อกลบเกลื่อนความเศร้า



ในระหว่างที่ไผ่กำลังนั่งเหม่ออยู่นั้น เขาก็เห็นสิบทิศ พี รวมถึงเหมเดินมาที่บ้านใหญ่ ไผ่กัดปากแน่นด้วยความเครียดไม่รู้ว่าจะทำอย่างไรดี ไม่รู้ว่าตัวเองจะทนเห็นเหมได้นานขนาดไหน



“น้องไผ่ทำไมมานั่งตากลมอยู่ตรงนี้ล่ะ? ไหนเหมบอกว่าไม่ค่อยสบาย” สิบทิศเอ่ยถามน้องชาย ไผ่ก็เหลือบมองเหมเล็กน้อยก็พบว่าเหมเองก็มองมาที่ตนเช่นกันจึงรีบหลบหน้า



“น้องไผ่ไม่เป็นอะไรมากเสียหน่อย พี่สิบทศไม่ต้องห่วงน้องไผ่นะฮะ” ไผ่บอกกับพี่ชายพร้อยยิ้มหวานจนเห็นฟันที่เรียงกันเป็นระเบียบ จนสิบทิศอดที่จะลูบแก้มนิ่มด้วยความเอ็นดูไม่ได้ก่อนที่จะหันไปคุยกับพี



"วันนี้พี่ต้องปรึกษาเรื่องงานกับหัวหน้าคนงานพร้อมกับเหม พี่อยากฝากพีดูแลไผ่แทนเหมกับพี่ด้วย" สิบทิศบอกกับพีและไม่ลืมที่จะหอมแก้มพีฟอดใหญ่



"พี่สิบทิศอย่ามารุ่มร่ามแบบนี้นะครับไม่อายคุณเหมกับน้องไผ่หรือไง" พีทำท่าไม่พอใจแก้เขิน



"อายทำไม? ไผ่กับเหมก็รู้ว่าพี่จีบพี" สิบทิศเอ่ย



"ใช่ครับไผ่รู้แล้ว เมื่อกี้ที่พี่สิบทิศหอมแก้มพี่พี ไผ่ก็ไม่รู้ไม่เห็นอะไรเลยฮะ" ไผ่เอามือมาปิดตา ในใจก็อิจฉาสิบทิศและพีอยู่ไม่น้อย



"ถ้าคุณไผ่ไม่รู้ไม่เห็นแล้วคุณไผ่รู้ได้ยังไงว่าพีเขาถูกคุณสิบทิศหอมแก้ม" เหมที่ไม่มีบทพูดก็พูดขึ้นมา ทำเอาทุกคนหัวเราะครืนยกเว้นพีที่หน้าขึ้นสี ไผ่เองก็ไม่ตอบอะไรก่อนจะนึกแปลกใจที่เหมดูมีท่าทางปกติซึ่งผิดกับเขาที่พยายามข่มความวุ่นวายสับสน



"พี่สิบทิศกับคุณเหมรีบไปเถอะครับ พีจะดูแลน้องไผ่ให้เอง" พีออกปากไล่ให้สิบทิศกับเหมไปประชุมเพราะกลัวว่าถ้าอยู่ต่อพีคงโดนแซวไม่เลิกแน่



"ครับ พี่ไปก่อนนะ ห้ามออกไปไหนล่ะ" สิบทิศพูดทิ้งท้ายพร้อมกับส่งยิ้มละมุนแล้วก็เดินออกจากบ้านไปพร้อมกับเหม



"ได้เวลาสนุกแล้วสิ~" ไผ่พูดออกมา เล่นเอาพีสงสัยว่าอะไรคือเวลาสนุกที่ไผ่ว่า



"เวลาสนุกอะไรครับ" พีถาม



"ก็ไผ่จะชวนพี่พีไปเดินเล่นแถวสวนดอกไม้ของคุณแม่นะฮะ ถ้าปกติพี่เหมกับพี่สิบทิศไม่ชอบให้ไผ่ไปเพราะว่าอยู่ไกลจากตัวบ้านแถมอากาศร้อนเลยกลัวว่าไผ่จะเหนื่อยจะป่วยขึ้นมา" ไผ่บอกกับพี ที่จริงแล้วสาเหตุที่ชวนพีไปก็เพราะต้องการกำลังใจจากความรักของแสงจันทร์ที่มีอยู่ในสวนแห่งนี้



"พอพี่สิบทิศกับคุณเหมไม่อยู่น้องพีเลยแอบไปที่สวนดอกไม้กับพี่สินะครับ" พีเอ่ย



"ใช่เลย~ พี่พีพาน้องไผ่นะฮะ แล้วน้องไผ่จะไม่พูดเรื่องที่พี่สิบทิศกอดจูบพี่พีอีก คึคึ"  ไผ่แกล้งหยอกว่าที่พี่สะใภ้ตัวเอง อย่างน้อยไผ่ก็ต้องแสดงละครหลอกตาว่ายังเป็นปกติ



"น้องไผ่ หยุดพูดเลยนะ!!"



พีพาไผ่ออกมาจากบ้านเดินตามทางที่ไผ่บอกออกไปเรื่อยๆ จนมาถึงสวนดอกไม้ที่ไผ่บอกเอาไว้ ความจริงแล้วพีไม่อยากจะมาด้วยซ้ำเพราะสิบทิศสั่งเอาไว้แต่พีก็มาแพ้ลูกอ้อนของไผ่รวมทั้งคำบรรยายถึงดอกไม้นานาชนิดที่อยู่ในสวน พีก็เลยฝ่าฝืนคำสั่งของสิบทิศแล้วพาไผ่ออกมา



"สวย" พีอุทานขึ้นมาทันทีที่เห็นดอกไม้ในสวน



"ไผ่บอกแล้วว่าสวย แม่ของน้องไผ่เป็นคนปลูกเอาไว้ฮะ" ไผ่บอกกับพี สายตาก็กวาดมองไปรอบๆยิ่งมองไผ่ก็ยิ่งคิดถึงพ่อและแม่ จนน้ำตาไหลเอ่อออกมา



"น้องไผ่เป็นอะไรครับ" พีตกใจที่จู่ๆไผ่ก็ร้องไห้ขึ้นมา



"ฮึก..น้องไผ่คิดถึงแม่..ฮือ..อ.." ไผ่ร้องไห้ออกมาพีจึงนั่งลงคุกเข่าตรงหน้าไผ่แล้วคว้าร่างเล็กเข้ามากอด ไผ่เองก็กอดพีกลับ ความว้าเหว่ประเดประดังเข้ามาไผ่รู้สึกราวกับตัวเองน้ำท่วมปากจะพูดจะระบายอะไรให้ใครฟังก็ไม่ได้ ไผ่รู้สึกอับอายเกินกสว่าที่จะเล่าออกไป



"ไม่เอานะครับ ไม่ร้อง" พีพูดปลอบพร้อมกับลูบหลังของไผ่เบาๆ สักพักไผ่ก็หยุดสะอื้น ไผ่รู้สึกดีขึ้รจากกอดของพี ไผ่อบอุ่นใจราวกับคนในครอบครัวกอด



"พี่พีพาน้องไผ่ไปที่กอไผ่หน่อยครับ" ไผ่ใช้มือเช็ดคราบน้ำตาตัวเองที่อาบแก้ม นิ้วเรียวก็ชี้ไปที่กอไผ่ที่อยู่ใกล้ริมน้ำ



"พี่ว่าเราอย่าไปดีกว่านะครับมันอยู่ใกล้แม่น้ำ"



"พาน้องไผ่ไปเถอะนะฮะ พอไปที่กอไผ่เราสองคนก็กลับไปที่บ้านกันเลยแล้วน้องไผ่จะไม่รบกวนพี่พีอีก" ไผ่ร้องคอ ดวงตาแดงก่ำสั่นเครือจนพีสงสารจนใจอ่อนยอมพาไผ่ไปที่กอไผ่อยู่ดี



"แม่น้องไผ่ปวดท้องคลอดน้องไผ่ที่นี่แหละฮะ น้องไผ่ก็เลยชื่อไผ่" ไผ่บอกกับพีและพยายามลุกขึ้นยืน



"น้องไผ่เดี๋ยวพี่ช่วย" พีเข้ามาพยุงไผ่



"ไม่ต้องฮะ น้องไผ่ขอลองหัดเดินเอง" ไผ่ปฏิเสธความช่วยเหลือจากพี พีจึงคอยเฝ้าระวังไผ่อยู่ใกล้ๆ ไผ่ค่อยๆเดินไปที่กอไผ่ช้าๆทีละก้าวอย่างทุลักทุเล ความเจ็บเสียดที่บั้นท้ายยังคงมีอยู่ ฟันซี่คมกัดที่ริมฝีปากล่างแน่นกลั้นความเจ็บปวดเอาไว้



"อ๊ะ..." ยังไม่ทันที่ไผ่จะถึงเป้าหมายร่างเล็กกลับเซถลาตกลงไปในคลองที่อยู่ใกล้ๆ



'ตูม'พีรีบกระโดดลงไปช่วยไผ่ที่ลอยไปไกลจากริมตลิ่ง



"พี่พีช่วยด้วย..ฮึก" ไผ่ดำผุดดำว่าย พยายามส่งเสียงเรียกให้พีช่วยเหลือแต่ด้วยขาที่ยังใช้การไม่ได้ทำให้ไผ่ไม่สามารถตีน้ำเพื่อลอยตัวอยู่ในน้ำได้ ร่างของไผ่ค่อยๆจมลงไป



"ว๊าย!!!!! น้องไผ่จมน้ำ ช่วยด้วย!!!! คุณไผ่จมน้ำ" คนงานที่ผ่านมาเห็นเหตุการณ์ก็รีบตะโกนบอกให้คนงานแถวนั้นรีบมาช่วยเจ้านายึนเล็ก



อีกด้านหนึ่งสิบทิศและเหมก็พูดคุยถึงรายละเอียดการจัดงานกับหัวหน้าฝ่ายต่างๆไม่ว่าจะเป็น ลุงพล ลุงชิต ป้าศรี และคนอื่นๆอีกมากมาย



"ตามนี้นะครับ ใครอยากได้อะไรเพิ่มเติมให้บอกกับเหมนะครับ" สิบทิศบอกกับทุกคนก่อนจะปิดการประชุม



"คุณสิบทิศครับ!!..แฮ่ก..แฮ่ก" คนงานวิ่งมาหาสิบทิศสภาพเหนื่อยหอบ



"มีเรื่องอะไร?" สิบทิศถาม สายตามองไปที่คนงานก็เดาได้ไม่ยากว่าเกิดเรื่องร้ายแน่ๆ



"น้องไผ่ตกลงไปในคลองที่สวนดอกไม้คุณนายครับ" คนงานรายงานจบ สิบทิศและเหมรวมทั้งคนที่อยู่ในห้องประชุมรีบไปที่สวนดอกไม้ทันที สิบทิศร้อนใจจนเห็นได้ชัด เขาภาวนาไม่ให้น้องชายเป็นอะไร



เมื่อถึงที่เกิดเห็นสิบทิศและเหมฝ่าผู้คนมามากมายที่รุมล้อมไผ่ที่นอนสลบอยู่โดยมีพีคอยผายปอดให้อยู่ สภาพของทั้งสองเปียกปอนพอกัน



"พีออกไปก่อน เดี๋ยวผมทำเอง" เหมบอกกับพี พีเองก็ถอยออกมาเพราะยังไงเหมก็เป็นหมอ



"ออกมานี่!!" สิบทิศคว้ามือของพีออกมา พีแทบล้มลงเพราะถูกลากแบบไม่ทันตั้งตัว



"พี พี่บอกว่ายังไงอย่าออกจากบ้านใช่ไหม แล้วนี่มันอะไร ตอบพี่มา!!!" สิบทิศตวาดใส่พีดังลั่นจนพีรวมถึงคนอื่นๆตกใจจนสะดุ้ง



"พีขอโทษ..ครับ" พีพูดเสียงสั่น เขาสำนึกผิดถ้าย้อนเวลาไปได้พีจะไม่พาไผ่มาที่นี่แน่นอน



"ขอโทษงั้นเหรอ? ถ้าไผ่ตายขึ้นมาจะทำยังไง!!!" สิบทิศผลักพีจนพีล้มลงกับพื้น พีตกใจจนใช้มือค้ำยันกับพื้น ก้อนหินจึงบาดครูดเกิดเป็นแผลทางยาวที่ฝ่ามือ เลือดสีแดงฉานไหลออกมา พีมองหน้าสิบทิศน้ำตาคลอเบ้า สิบทิศเองก็ไม่ตั้งใจที่จะทำให้พีเจ็บตัว ร่างสูงรู้สึกผิดที่พลั้งมือทำร้ายพีไป



ในขณะนั้นเองเหมก็พยายามช่วยชีวิตไผ่ด้วยการผายปอดจนไผ่สำลักน้ำออกมา สติที่เลือนลางของไผ่ก็รับรู้ได้ว่าใบหน้าที่อยู่ห่างจากตนไปไม่ถึงคืบนั่นคือเหม…พี่เหมมาช่วยน้องไผ่เหรอฮะ? พี่เหมเกลียดน้องไผ่แล้วทำไมถึงมาช่วยล่ะ? คำถามมากมายวนเวียนอยู่ในหัว ไม่นานไผ่ก็หมดสติไปเพราะความอ่อนล้าบวกกับไข้ที่มีอยู่แล้ว



‘น้องไผ่อย่าเพิ่งเป็นอะไรนะ กลับมาฟังพี่อธิบายเรื่องราวทั้งหมดก่อน’












............................... .......
มาแล้วค่ะ มาแล้ว ตอนนี้เอื่อยๆ อิงกีบเรื่องหัวใจจดจำรัก มีการเปลี่ยนคำสรรพนามเล็กน้อยนะคะจากเรื่องพี่สิบทิศกับพี่พี

เอาเป็นว่าตอนหน้าเตรียมด่าพี่เหมและสำรองเลือดนะคะ

สุดท้ายนี้ขอขอบคุณที่เข้ามาอ่านมาเม้นมาเป็นกำลังฝจให้นะคะ
หัวข้อ: Re: บันทึกรัก...ไร่แสงจันทร์ 20++ Yaoi (ซ่อนรัก) EP.7 P.2 14/12/2016
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 14-12-2016 18:07:13
ค้าง...... :z3:
หัวข้อ: Re: บันทึกรัก...ไร่แสงจันทร์ 20++ Yaoi (ซ่อนรัก) EP.7 P.2 14/12/2016
เริ่มหัวข้อโดย: ❣☾月亮☽❣ ที่ 14-12-2016 18:13:47
รอค่ะ.  :L2:  :pig4:
หัวข้อ: Re: บันทึกรัก...ไร่แสงจันทร์ 20++ Yaoi (ซ่อนรัก) EP.7 P.2 14/12/2016
เริ่มหัวข้อโดย: MayA@TK ที่ 14-12-2016 20:32:35
ทั้งสิบทิศทั้งเหมมันน่า :z6: :z6: :z6: :z6: :z6:

 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: บันทึกรัก...ไร่แสงจันทร์ 20++ Yaoi (ซ่อนรัก) EP.8 P.2 17/12/2016
เริ่มหัวข้อโดย: TanYung0209 ที่ 17-12-2016 15:44:44
บันทึกรัก…ไร่แสงจันทร์

Writer : Tan-Yung0209

File : ซ่อนรัก 08















พอสิบทิศพาไผ่มาที่ห้องนอน เหมก็พูดโน้มน้าวให้สิบทิศออกจากห้องไปเพราะตนจะเปลี่ยนเสื้อผ้าให้คนที่นอนสลบอยู่ หากสิบทิศได้เห็นรอยรักที่เขาได้ฝากไว้กับไผ่ แน่นอนว่าไร่แสงจันทร์คงลุกเป็นไฟ สิบทิศเองก็ออกจากห้องเพราะใจหนึ่งยังคงรู้สึกผิดกับพีและอยากจะไปขอโทษแต่ก่อนจะไปเขาก็ไม่ลืมฝากฝังให้เหมดูแลไผ่เอาไว้ให้ดี



“อืม..” ไผ่ครางออกมาในลำคอ ตาก็ค่อยๆเปิดออก ความทรงจำครั้งล่าสุดก็คือเห็นหน้าเหมที่มองตนด้วยความเป็นห่วง…พี่เหมอย่างนั้นเหรอ? พอไผ่นึกถึงเหมก็ตกใจจนสะดุ้ง เหมที่นั่งเฝ้าไผ่อยู่ข้างเตียงก็พลอยตกใจไปด้วย



“น้องไผ่เป็นอะไร? ปวดหัวหรือเปล่า?” เหมสอบถามอาการ ไผ่เองพอเห็นว่าเหมอยู่ใกล้ ก็ฝืนลุกนั่งถอยไปจนชิดติดผนังแก้ว มือทั้งสองก็ดึงผ้าห่มมาปิดคลุมกายไว้



“ไม่ฮะ..น้องไผ่ไม่เป็นไร” ไผ่ตอบกลับไปน้ำเสียงสั่นเครือ เหมอาการของไผ่ก็พอจะเดาได้ว่าไป่คงกลีวเขาเข้าให้แล้ว



“น้องไผ่…พี่มีเรื่องจะคุยกับน้องไผ่” เหมพูดน้ำเสียงจริงจัง เห็นทีเขาต้องพูดเปิดใจกับคนตรงหน้าเสียที



“พี่เหมจะบอกว่าให้น้องไผ่เลิกรักพี่เหมใช่ไหมฮะ? พี่เหมไม่ต้องห่วงนะฮะ…อึก…น้องไผ่จะเลิกรักพี่เหมให้ได้แต่..ฮึก..ฮือ…น้องไผ่ขอเวลาสักหน่อย” ไผ่พูดออกมาทั้งน้ำตา



“ไผ่หยุดพูด ฟังพี่ก่อน” เหมพูดเสียงนิ่ง ไผ่ก็หยุดพูดแต่ไม่วายสะอื้นออกมา



“เรื่องเมื่อคืนที่พี่ทำกับไผ่ พี่จะไม่ขอโทษไผ่” เหมเอ่ย ไผ่ก็ร้องไห้หนักกว่าเดิมเพราะตีความว่าเหมตั้งใจจะลงโทษไผ่ เหมที่ไม่รู้ความคิดของไผ่พอเห็นว่าไผ่ร้องไห้ก็ดึงร่างเล็กเข้ามาสวมกอด ไผ่ขืนตัวเล็กน้อยแต่ก็ถูกเหมกอดรัดไว้แน่น



“ที่พี่ทำไปก็เพราะพี่อยากให้น้องไผ่เป็นของพี่” เหมพูดต่อ ไผ่ชะงักเล็กน้อยก่อนจะคิดทวนคำพูดของเหมเมื่อครู่



“ให้น้องไผ่เป็นของพี่เหมเหรอฮะ” ไผ่เงยหน้ามองเหมอย่างฉงน ตอนนี้ขนตายาวเปียกชุ่มไปด้วยน้ำตา จมูกก็แดงก่ำเนื่องจากผ่านการร้องไห้มา



“ใช่ น้องไผ่บอกจะออกห่างจากพี่ พี่ไม่ยอมหรอกไผ่ เราห่างกันมามากพอแล้ว เวลานี้เราสองคนก็ได้อยู่ได้เจอกัน อยู่ด้วยกัน อีกอย่างใจเราก็ตรงกัน พี่ยอมทำเรื่องเลวร้ายเพื่อให้ไผ่อยู่กับพี่”



“แต่พี่เหมมีพี่พลอย” ถึงไผ่จะอึ้งและรู้สึกดีนิดๆกับคำพูดของเหม แต่ไผ่ตระหนักเสมอว่าเหมมีคนรักอยู่แล้ว



“พี่กับพลอยเราเลิกกันแล้ว เราสองคนต่างก็ระหองระแหงกันพักใหญ่แล้ว”



“เลิกกันตอนไหนฮะ…วันก่อนพี่เหมไปหาพี่พลอย วันนี้ก็ไปหาอีก” ไผ่คลายความเสียใจก็ซักถามเหมต่อ



“บอกเลิกเมื่อคืน…ส่วนเมื่อเช้าก็ไปเคลียร์” เหมตอบออกไปตรงๆไม่คิดปิดบังอะไร



“น้องไผ่เป็นตัวปัญหาสิฮะ” ไผ่พูดเสียงเศร้า



“น้องไผ่ไม่ใช่ตัวปัญหา พลอยเองก็รู้เรื่องพี่ชอบน้องไผ่” เหมเอ่ย วันนี้ที่เขาไปคุยกับพลอย พลอยไม่ได้ถือโทษอะไรเพราะหล่อนรู้ว่าเหมมีไผ่อยู่ในใจตลอดเวลา พลอยคิดว่าตัวเองผิดที่ตามตื้อให้เหมมาเป็นแฟนของตน เหมเองก็คิดว่าตัวเองก็ผิดที่รับรักพลอยทั้งที่ใจได้มอบให้ไผ่ไปหมดแล้ว



“ระ…เรื่องจริงเหรอฮะ” ไผ่ถามเสียงอ่อน



“เรื่องจริงสิ พี่รักน้องไผ่มาตั้งนานแล้วนะ พี่ขอโทษที่หายไป” เหมกอดแน่นยิ่งกว่าเดิม ไผ่เองก็กอดตอบ ความเสียใจก็ถูกขจัดออกจากใจไผ่จนหมดสิ้น



“พี่เหมหายไปไหนมาฮะ” ไผ่ถามต่อ



“พี่เรียนหนักพอจบก็ทำงาน เป็นหมอไม่ค่อยมีเวลาว่างหรอก พี่ยังคิดเลยว่าน้องไผ่คงลืมพี่ไปแล้ว”



“น้องไผ่ไม่ลืมพี่เหมนะฮะ น้องไผ่จะลืมคนที่ตัวเองรักได้ยังไง” ไป่รีบพูดแย้งออกมา ก่อนจะหน้าแดงเพราะคำพูดของตัวเองเมื่อครู่



“ครับ..พี่รู้เมื่อคืนพี่ดีใจมากแต่ก็นั่นแหละ น้องไผ่ดื้อไม่ฟังพี่ อีกอย่างต่อให้พี่บอกความในใจน้องไผ่ก็ไม่อยากอยู่กับพี่อยู่ดี พี่เลยต้องทำให้น้องไผ่เป็นของพี่แล้วไปเคลียร์กับพลอย”



“พี่เหมทำน้องไผ่เจ็บ” ไผ่บอกออกมาตรงๆ ตลอดทั้งวันเขาเฝ้าโทษตัวเอง เสียใจกับสิ่งที่เกิดขึ้น เหมลูบผมดำขลับของไผ่เบาๆ



“พี่ขอโทษที่ทำน้องไผ่สับสน ทำไผ่เจ็บใจแต่พี่ยอมรับว่าเห็นแก่ตัวพี่ไม่อยากให้น้องไผ่ตัดใจ พี่อยากให้น้องไผ่เป็นของพี่คนเดียว” เหมผละกอดจากร่างบาง ดวงตาคมจ้องมองดวงตากลมโตที่ช้อนมองอย่างสงสัย ตาประสานกันทำให้เห็นเงาตัวเองในตาของอีกฝ่าย



“ในสายตาพี่มีเพียงน้องไผ่ ในสายตาน้องไผ่เองก็มีแค่พี่ได้ไหม?”



“ได้ฮะ”



“พี่รักน้องไผ่นะ” เหมบอกรักแล้วโน้มใบหน้าประทับรอยจุมพิตที่หน้าผากเนียน



“น้องไผ่ก็รักพี่เหมนะฮะ” ไผ่บอกรักตอบ ก่อนจะคว้าผ้าห่มมาปิดหน้า



‘ไม่ปล่อย!!!!!’ เสียงสิบทิศดังมาจากห้องนอนที่อยู่ติดกัน ทำให้ไผ่สะดุ้ง



"ปล่อยพีเถอะนะ...ฮือ.." พีสะอื้นไห้ ไผ่รู้ทันทีเลยว่าทั้งสองทะเลาะกันสาเหตุก็คงไม่พ้นเรื่องไผ่ตกน้ำ



“พี่เหมพาน้องไผ่ไปหาพี่สิบทิศหน่อยฮะ” ไผ่บอกเหมอย่างร้อนรน เขาเป็นสาเหตุที่ทำให้พีโดนสิบทิศโมโหใส่



“ไม่ต้องหรอกน้องไผ่ ผัวเมียทะเลาะกันเดี๋ยวเขาเคลียร์กันได้เหมือนพวกเราสองคนไง” เหมพูดออกมาพร้อมเผยรอยยิ้มที่นานๆจะได้เห็นสักครั้ง ขณะเดียวนั้นเองเสียงครางหวานของพีก็ดังเล็ดลอดออกมา จนไผ่หน้าร้อนฉ่าเพราะรู้ว่าห้องข้างๆทำอะไร



“ใครเป็นเมียพี่เหมกันฮะ” ไผ่ทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้กลบเกลื่อนความอาย



“น้องไผ่ขี้ลืมจริงๆนะ อย่างนี้ต้องถูกพี่ทวนความจำ” เหมพูดพลางมือก็ล้วงเข้าไปในกางเกงของไผ่ พอได้ยินเสียงข้างห้องเหมก็เริ่มมีอารมณ์บวกกับเขาเก็บความอัดอั้น



“พี่เหมฮะ…หยุด..อื้อ..อ…”



“น้องไผ่ต้องถูกพี่ลงโทษ โทษฐานไปเดินเล่นนอกบ้านโดยไม่มีพี่” เหมดันตัวไผ่ มือก็ยังคงนวดคลึงส่วนอ่อนไหวของไผ่



“น้องไผ่ขอโทษ..อื้อ..อ….อย่าแกล้งน้องไผ่สิฮะ..อ่า.า..ไม่อย่างนั้นน้องไผ่โกรธพี่เหมนะ” ไผ่ขู่ไปด้วยครางไปด้วย เหมก็หยุดมือแล้วจ้องใบหน้าของไผ่นิ่ง



“พี่ไม่ได้แกล้ง พี่ตั้งใจจะเอาจริงๆ แต่วันนี้น้องไผ่ป่วยพี่ขอแค่ภายนอกนะ” เหมพูดอ้อน ไผ่เม้มปากแสดงถึงความลังเลที่มีอยู่ภายในใจ



“น้องไผ่กลัวฮะ”



“พี่ทำให้น้องไผ่หายกลัวเอง”



“แต่…อุ๊บ”



ไผ่ที่พยายามบ่ายเบี่ยงเพราะยังคงอ่อนเพลียจากการจมน้ำก็ถูกเหมประกบริมฝีปากจูบ รสจูบครั้งนี้แตกต่างจูบที่เหมมอบให้ครั้งก่อน วินาทีนี้ความหวานของกันและกันถูกส่งผ่านทางปากโดยมีลิ้นคอยเกี่ยวตวัดเป็นตัวเชื่อม



เหมพลิกร่างของไผ่ให้ทับตัวเอง มือก็ถอดกางเกงของร่างเล็กออกแล้วลุกขึ้นนั่งพิงหัวเตียง พร้อมแขนที่โอบไผ่ไปด้วย กลายเป็นว่าตอนนี้ไผ่นั่งคร่อมตักโดยที่เหมคอยสอนบทจูบอยู่ไม่ขาด



‘จ๊วบ’



เหมดูดเม้มปากล่างหนักๆจนเกิดเสียง เหมมองตาหวานเยิ้มของไผ่ก่อนที่จะใช้จมูกคลอเคลียแก้มใสลากลงมาผ่านคอคนถึงไหล่เนียน มือหนาเองก็รูดซิปกางเกงตัวเองออกแล้วนำแก่นกายที่แข็งขืนออกมารวบไว้กับแก่นกายเล็กด้วยมือข้างเดียว ไผ่สะดุ้งเล็กน้อยเพราะสัมผัสได้ถึงความร้อนที่ท่อนเอ็นของเหม



“อ่า…น้องไผ่…อืม..”



“อ่ะ…อ่า.า…อะ..อ๊ะ..”



เสียงครางกระเส่าของทั้งสองดังประสานกัน มือของเหมก็ขยับรูดขึ้นลงเร็วตามอารมณ์ มือที่ว่างอีกข้างก็คอยลูบแผ่นหลังขาวผ่านเสื้อตัวบางของไผ่



“พี่เหม..อย่า..า…เร็วสิฮะ..น้องไผ่กลัวร้อง…เสียงดัง…พี่สิบทิศจะได้ยิน” ไผ่เอ่ยออกมาเสียงหวาน อารมณ์ของไผ่ตอนนี้มันสามารถทำให้ไผ่หวีดร้องออกมาสุดเสียงได้



“กัดบ่าพี่เลยน้องไผ่..อืม” เหมเสนอ ไผ่จึงกัดลงที่บ่าของเหม ร่างสูงไม่รู้ากเจ็บสักนิด ยิ่งเขี้ยวฝังเนื้อของเขาลึกเท่าไร ความเสียวซ่านก็มากขึ้นตามด้วย



“อืม..ม….น้องไผ่”



“อึก.ก..อื้ม..”



เหมจูบขมับลงมาที่สันกรามของเด็กน้อย ไป่จึงละจากไหล่แกร่ง เงยหน้าขึ้นรับบทจูบอย่างรู้งาน แขนเรียวโอบกอดเหมไว้แน่นเช่นเดียวกับเหมที่ยังขยับแก่นกายของตัวเองและไผ่ไม่ยอมวางมือ



“พี่เหม..เร็ว..ว..อีกนิด”



ไผ่ที่กำลังจะปลดปล่อยก็บอกสิ่งที่ตนเองต้องการเสียงแหบพร่า เหมก็ไม่ปฏิเสธ เขายิ่งเร่งจังหวะจนในที่สุดทั้งตนและคนรักก็ปลดปล่อยมาพร้อมกัน น้ำสีขาวขุ่นเปรอะเปื้อนเลอะเสื้อของทั้งสองคน ไผ่เอนหน้าซบเหมด้วยความเหนื่อยอ่อน เหมก็ลูบผมนุ่มเบาๆอย่างนึกเอ็นดู



“อะ…อ่า.า…พี่สิบทิศ”



“อืม..ม…พี”



ถึงบทรักของเหมและไผ่จะจบลงแต่อีกคู่หนึ่งยังไม่จบและมีแววว่าจะมีรอบที่สองที่สามตามมา ไผ่ที่ได้ยินก็ซุกอกเหมและกอดเอวหนาแน่นกว่าเดิม เหมนึกขำเพราะรู้ว่าไผ่กำลังเขินอาย



"เป็นไงน้องไผ่ พี่บอกแล้วว่าไม่ต้องไปห้ามคุณสิบทิศเขาจัดการเองได้" เหมพูดกับคนที่นอนอยู่ในอ้อมกอด



"ฮะ น้องไผ่รู้....แต่มันใช่เรื่องไหมฮะที่พี่เหมจะหื่นตามพี่สิบทิศแล้วมาหม่ำน้องไผ่เนี่ย!!!"



















...............................

ไม่ได้อัพรัวมาสองสามวัน

นอกจากงานหนัก ความขี้เกียจก็มาเยือน 555555



วันนี้เลยปั่น เขาดีกันแย้ว เขาคืนดีกันง่ายมาก หลายคนอยากให้น้องไผ่งอน อย่าเลยค่ะให้เขามีความสุขก่อนเจอตอขนาดใหญ่

อิอิอิ



สุดท้ายนี้เช่นเดิมนะคะที่เข้ามาติดตามกัน อ่านกัน เม้นกัน ม๊วฟ

หัวข้อ: Re: บันทึกรัก...ไร่แสงจันทร์ 20++ Yaoi (ซ่อนรัก) EP.8 P.2 17/12/2016
เริ่มหัวข้อโดย: ❣☾月亮☽❣ ที่ 17-12-2016 15:56:19
 :haun4:   มีความนอนคุยกัน  :hao6: 
หัวข้อ: Re: บันทึกรัก...ไร่แสงจันทร์ 20++ Yaoi (ซ่อนรัก) EP.8 P.2 17/12/2016
เริ่มหัวข้อโดย: sirin_chadada ที่ 17-12-2016 16:20:37
พี่ชายน้องไผ่สินะ ตอที่ว่าน่ะ
หัวข้อ: Re: บันทึกรัก...ไร่แสงจันทร์ 20++ Yaoi (ซ่อนรัก) EP.8 P.2 17/12/2016
เริ่มหัวข้อโดย: Mura_saki ที่ 17-12-2016 17:08:40
 :haun4: :haun4:
หัวข้อ: Re: บันทึกรัก...ไร่แสงจันทร์ 20++ Yaoi (ซ่อนรัก) EP.8 P.2 17/12/2016
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 17-12-2016 18:59:16
สองคู่ สู่สวาท  :ling1: :ling1: :ling1:
หัวข้อ: Re: บันทึกรัก...ไร่แสงจันทร์ 20++ Yaoi (ซ่อนรัก) EP.8 P.2 17/12/2016
เริ่มหัวข้อโดย: MayA@TK ที่ 17-12-2016 22:10:18
 :z1: :z1: :z1: :z1: :z1:

 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: บันทึกรัก...ไร่แสงจันทร์ 20++ Yaoi (ซ่อนรัก) EP.8 P.2 17/12/2016
เริ่มหัวข้อโดย: GuoJeng ที่ 18-12-2016 23:19:55
พี่เหมบอกรักน้องไผ่แล้ว แล้วคู่พี่สิบทิศล่ะ 555 คงยาวจนสว่างใช่มั้ย
หัวข้อ: Re: บันทึกรัก...ไร่แสงจันทร์ 20++ Yaoi (ซ่อนรัก) EP.9 P.2 24/12/2016
เริ่มหัวข้อโดย: TanYung0209 ที่ 24-12-2016 10:45:57
บันทึกรัก…ไร่แสงจันทร์

Writer : Tan-Yung0209

File : 09











เวลาผ่านไปเกือบเดือน ไผ่และเหมก็กลายเป็นคนรักกันแต่ไม่สามารถเปิดเผยได้ เนื่องจากไผ่ไม่อยากให้สิบทิศรู้ เหมที่ตั้งใจจะบอกตั้งแต่แรกก็ต้องยอมในการตัดสินใจของไผ่ที่ให้เหตุผลว่า…สิบทิศเป็นคนหวงน้องขนาดหนัก ถ้าจะบอกก็ไผ่ขอเตรียมใจและคิดวิธีให้สิบทิศยอมใจอ่อนเสียก่อน ถึงอย่างนั้นเหมกับไผ่ก็มีความสุขเพราะตัวติดกันเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว พอเหมเอ่ยปากอ้างมานอนห้องไผ่เพราะอยากดูแลไผ่ สิบทิศก็ไม่ขัดข้อง กลายเป็นว่ากลางคืนหรือเวลาที่ไร้เงาสิบทิศเหมจะใช้เวลานี้ตักตวงความสุขอย่างเต็มที่



‘ฟอด..’ เหมหอมแก้มคนในอ้อมแขนฟอดใหญ่ส่งผลให้ไผ่หน้ามุ่ย ถึงอย่างนั้นคนขี้เซาก็ไม่ยอมตื่นอยู่ดี



“น้องไผ่เช้าแล้วนะ ตื่นได้แล้ว” เหมปลุกอีกคนน้ำเสียงนุ่มนวลแต่ไผ่ก็ไม่ยอมตื่นซ้ำยังเข้ามากอดซุกเล่นเอาเหมใจสั่นเพราะแขนดัดพาดตกมาที่บริเวณหน้าท้องแกร่ง ปลายนิ้วก็แตะใกล้กับน้องชายของเหมที่มีเพียงบ็อกเซอร์ตัวเดียวปิดไว้



“น้องไผ่…น้องไผ่ครับ” เหมเรียกซ้ำไผ่ก็ยังคงนอนหลับ ลมหายใจสม่ำเสมอที่รดอกทำเอาเหมต้องท่องคำว่าอดกลั้น อดทนไว้ในใจ ตอนนี้เหมถูกรุกล้ำด้วยลมหายใจและมือที่กำลังไล้ตามหน้าท้อง



‘อดทน อดกลั้น….อดทน อดกลั้น..อด….อดไม่ได้แล้วเว้ย!!!’



เหมร้องตะโกนในใจก่อนที่จะคร่อมทับแมวขี้เซาไว้ใต้ร่าง นิ้วเรียวเกลี่ยแก้มนิ่มอย่างเบามือพร้อมเผยรอยยิ้มออกมา ไม่ว่าเวลาจะผ่านไปแล้วหลายปี ไผ่ยังคงขี้เซา หลับลึก นอนไม่รู้สึกตัวเช่นเดิม



“น้องไผ่ถ้าไม่ตื่นพี่จะกินน้องไผ่นะ”



“……..”



เหมให้โอกาสโดยการพูดปลุกอีกคนเป็นครั้งสุดท้ายแต่ไผ่กลับหลับไม่ยอมตื่นเช่นเดิม เหมยิ้มกริ่มก่อนจะเริ่มจู่โจมเด็กน้อยของเขา



ปลายจมูกโด่งเริ่มคลอเคลียที่ปลายจมูกรั้นไล่ลงมาที่ริมฝีปากนิ่ม ปลายคาง พอถึงคอเห็มก็ซุกไซร้สูดดมกลิ่นกาย ปลายลิ้นชื้นก็ตวัดเลียสลับกับเม้มเบาๆ ทำให้ไผ่ที่ยังหลับอยู่ถึงกับหดคอหนีตามสัญชาตญาณ



เหมหยุดเงยหน้ามองก็พบว่าไผ่ยังหลับอยู่ก็ทำการปลุกต่อ คราวนี้เหมใช้มือถอดกระดุมเสื้อของไผ่ทีละเม็ดจดหมดและไม่ลืมที่จะถอดกางเกงนอนตัวบางของไผ่ออกจนเหลือร่างบางเปลือยเปล่า เหมก้มลงเลียที่เม็ดบัวสีชมพูของไผ่จนแข็งเป็นไต



“อื้อ..อ…อ่า.า…”



ไผ่ครางออกมาที่ที่ตายังคงปิดสนิด มือเล็กก็พยายามดันสิ่งที่มารบกวนเวลานอนให้ออกไปแต่กลับถูกเหมตรึงข้อมือไว้แนบกับเตียงให้นอนนิ่งๆเพื่อที่เหมจะได้ดูดดุนยอดอกจนสมใจ



“อ่า…า.อ่า..อ่ะ”



ไผ่ยังคงครวญครางไม่หยุด เหมพอได้ฟังเสียงหวานเขาก็ยิ่งได้ใจจากที่เล่นแค่หน้าอกก็พรมจูบลงมาที่ท้องเนียนและทิ้งรอยเอาไว้จนทั่ว ไผ่เกร็งหน้าท้องด้วยความรู้สึกปั่นป่วนภายใน ส่งผลให้สาวนอ่อนไหวที่สงบนิ่งนั้นชูชันขึ้นมา มือหนาของเหมก็กอบกุมนวดเค้นเอาไว้พร้อมกับปากที่เล่นอยู่กับหน้าท้องเรียบ



“อื้อ..อ่า.า….อ่ะ…อืม.ม….”



ไผ่ร้องออกมาด้วยความเสียว ยิ่งเหมขยับเร็วมากเท่าไหร่ก็ยิ่งทำให้ไผ่ร้องดังมากขึ้น ไม่เพียงเท่านั้นเหมยังใช้มือที่ว่างป้ายน้ำรักที่ปริ่มออกมาตรงส่วนปลายของร่างเล็กป้ายตรงช่องทางสีชมพูอ่อนแล้วค่อยๆกดแทรกเข้าไปเบาๆ



“อ๊ะ..อ่า.า….อ่ะ..อ่ะ…อ่า.”



ไผ่เริ่มกระสับกระส่าย ใบหน้านิ่วเล็กน้อยกับอารมณ์ที่เกิดขึ้น ผิวที่ขาวตอนนี้ก็กลายเป็นสีแดงเพราะความร้อนภายในร่างกายที่ต้องการปลดปล่อยราวกับภูเขาไฟรอการระเบิด



เหมเองก็รู้ดีว่าไผ่กำลังจะปลดปล่อยจึงหยุดขยับส่วนอ่อนไหวและนิ้วที่อยู่ในกายของไผ่ ร่างสูงลุกขึ้นนั่งแล้วถอดกางเกงออกให้แก่นกายใหญ่ที่คับพองออกมาสัมผัสอากาศนอกกางเกงก่อนที่จะจัดการจัดขาเรียวให้อ้าออกแล้วแทรกกายรวมเป็นหนึ่งกับไผ่



“อ่า…ซี๊ด..”



เหมครางอือออกมาด้วยความพึงพอใจ ไม่ว่าจะกี่ครั้งส่วนนี้ของไผ่ยังคงคับแน่นเสมอสำหรับเหมและแน่นอนว่าจะเป็นของเหมตลอดไปด้วย สะโพกหนาเริ่มขยับเข้าออกช้าๆเพราะกลัวว่าไผ่จะตื่นแต่ไม่ทันเพราะตอนนี้คนที่นอนหลับค่อยๆลืมตาขึ้นพร้อมกับเสียงครางที่เปล่งออกมา



“พะ…พี่เหม.ม…อ่า.า…พี่เหมทำน้องไผ่..แบบนี้ไม่..ได้นะ..อื้อ..อ. “



“อะ..พี่แค่ปลุกน้องไผ่เอง..อืม..”



พูดจบเหมก็เร่งจังหวะและเพิ่มแรงกระแทกเพราะเห็นว่าไผ่ก็ตื่นแล้วไม่จำเป็นต้องออมแรงเหมือนก่อนหน้านี้ จนไผ่ครางออกมาไม่เป็นภาษาและตีเหมตามบ่าตามแผงอกด้วยความหมั่นไส้คนหื่น



“อย่าตีผัวสิ ผัวแค่ปลุก” เสียงทุ้มที่ดังออกมาทำให้ไผ่แทบละลาย มือหนาเองก็รวบมือเล็กที่ทุบตีให้ตรึงไว้กับเตียง



“ปะ..ปลุกอะไรกันฮะ..พี่เหมหื่น”



“หื่นกับเมียคนเดียว..อ่า..า..เมียตอดผัวรัวเลย” เหมไม่วายแซวไผ่ เมื่อแก่นกายใหญ่ของเขาถูกผนังนุ่มตอดรัดจนเหมแทบปลดปล่อย



“พี่เหมบ้า..อ่ะ…อ่า…น้องไผ่บอกแล้วให้ทำแค่ศุกร์เสาร์..อืม..ม..อาทิตย์”



“แค่สามวันมันไม่พอ..อ่า.า..”



สำหรับเหมเขายอมรับเลยว่าอยากจะกินเด็กน้อยใต้ร่างทุกวัน ทุกเวลา ไอ้เงื่อนไขสามวันของไผ่เขาทำได้แค่สองอาทิตย์เท่านั้น



“อ๊ะ..พี่เหม..น้องไผ่เสียว..โอว.ว…”



“ตรงนี้เหรอ..ฮืม.ม..”



เหมก็เร่งจังหวะกระแทกขึ้นเรื่อยๆเหมือนกับพายุที่โหมกระหน่ำจนเตียงสั่นโยกเบาๆ ไผ่รู้สึกเกร็งไปทั้งตัวกับการที่ถูกเหมทำรักให้



“อ่า.า..อ่ะ..อ่ะ..อ๊ะ….อ่า.า..จะ..ไม่ไหว..แล้ว.ว….…”



“น้องไผ่..เรียกชื่อพี…” เหมร้องคอและเร่งขยับกายกระแทกกระทั้นเร็วขึ้น



“อ๊ะ…พี่เหม..พี่เหมฮะ…ฮ๊า.า…”



ในที่สุดไผ่ก็ปลดปล่อยน้ำรักสีขาวขุ่นออกมาเลอะเปื้อนหน้าท้องของเหม เหมเองก็ปลดปล่อยเข้าไปในกายของไผ่



“ลูกแมวขี้เซาของพี่..ฟอด” เหมล้มตัวนอนทับไผ่ก่อนจะหอมแก้มนิ่มฟอดใหญ่



“พี่เหม…สายแล้ว เดี๋ยวพี่สิบทิศสงสัยนะฮะ” ไผ่เอ่ย



“ถ้าอย่างนั้นไปอาบน้ำกันก่อนเนอะ” เหมลุกขึ้นแล้วอุ้มไผ่ไปห้องน้ำ จากนั้นทั้งสองก็อาบน้ำชำระร่างกายที่ชุ่มเหงื่อและน้ำรักด้วยกัน



■■■■■■■



หลังจากที่ทั้งสองคนอาบน้ำเสร็จ เหมก็พาไผ่มานั่งที่สวนหน้าบ้านซึ่งพีก็นั่งเล่นอยู่ตรงนั้นพอดี เหมจึงฝากไผ่ไว้กับพี ส่วนตัวเองก็เข้าไปหยิบโทรศัพท์มือถือบนห้อง



“พี่พีงานที่ไร่ของเราปีนี้ น้องไผ่สนุกมากเลยฮะ พี่เหมพาน้องไผ่ไปเที่ยวจนทั่วเลย” ไผ่พูดถึงงานประจำปีของไร่ที่เพิ่งจบลงไป



“พี่นี่สิ ไม่ค่อยได้ไปไหนเลย พี่สิบทิศส่งพี่เข้าประกวดหนุ่มหล่อประจำไร่จนอดเที่ยวเลย” พีบ่นให้ไผ่ฟัง



“ทำไงได้ล่ะฮะ พี่สิบทิศเขาอยากอวดเมีย” ไผ่พูดแซว จนพีหน้าขึ้นสี



อีกด้านหนึ่งสิบทิศตื่นขึ้นมาก็พบว่าข้างกายไม่มีคนรัก สิบทิศรีบออกจากห้องก็พบว่าเหมเดินผ่านหน้าห้องออกมาพอดี



“เหม พีไปไหน?” สิบทิศถามเหม ท่าทางลนลานของเพื่อนรักทำให้เหมอดที่จะพูดแซวไม่ได้



“พีนั่งเล่นอยู่ที่หน้าบ้านกับน้องไผ่ ไม่ต้องเป็นห่วงว่าจะไปไหนไกลเจ็บสะโพกแบบนั้น ไปไหนไม่รอดหรอก” เหมตอบกลับหน้าตายผิดกับน้ำเสียงล้อเลียนจนสิบทิศอยากจะยกขาก้านคอเหม



“ไม่ต้องมาจ้องฉันมากนะครับ ฉันเขิน” เหมพูดต่อแล้วก็เดินเข้าไปในห้องของไผ่



“ไอ้เหม พอพูดแล้วกวนตีนฉิบหาย” สิบทิศสบถก่อนจะกลับเข้าห้องตัวเองเพื่ออาบน้ำแต่งตัวให้เรียบร้อยพร้อมที่จะไปหาคนรักและน้องชาย



กลับมาที่ไผ่และพีตอนนี้ก็ได้พูดคุยถึงธุรกิจใหม่ของไร่โดยที่ไผ่เป็นคนเสนอไอเดียให้กับสิบทิศ

“ดีใจด้วยนะน้องไผ่ อาทิตย์นี้ได้ข่าวว่าคนมาเที่ยวมาพักที่รีสอร์ทเยอะเลย” พีออกปากชมไผ่ที่วางแผนเปิดรีสอร์ทเล็กๆและบุฟเฟ่ต์ผลไม้ในไร่ซึ่งตอนนี้ก็เปิดมาได้เดือนกว่า



“ครับพี่พี ตอนแรกน้องไผ่ก็ไม่คิดว่าพี่สิบทิศจะนำคำที่น้องไผ่คิดไปทำจริงๆ” ไผ่พูดออกมาอย่างยิ้มแย้ม ไผ่มีความคิดสร้างสรรค์ชอบคิดโครงการต่างๆโดยจะเล่าไอเดียให้พี่ชายฟัง ส่วนใหญ่สิบทิศก็จะจัดให้ตามคำของไผ่ ซึ่งมักจะประสบความสำเร็จ อย่างรีสอร์ทครั้งนี้นอกจากไผ่จะคิดโครงการไผ่ยังคิดออกแบบรีสอร์ทแต่ละหลังด้วยตนเอง ถ้าไม่เกิดอุบัติเหตุไผ่ก็เข้ามหาลัยและคงจะเลือกคณะสถาปัตยกรรมหรือด้านที่เกี่ยวข้องกับการออกแบบ



‘ครืด...’



เสียงรถยนต์มาจอดตรงหน้าบ้าน ไผ่ชะเง้อคอคอยดูก็เห็นผู้ชายหน้าตาดีที่ดูเท่และสวยในคนเดียวกันลงมาจากรถมุ่งหน้ามาทางตนและพี



“เอ่อ...ขอโทษครับ นี่ทางเข้ารีสอร์ทไร่แสงจันทร์หรือเปล่า?”



“ที่จริงทางเข้ารีสอร์ทต้องตรงไปอีกนิดนะครับ ส่วนตรงนี้เป็นทางเข้าไร่กับบ้านเจ้าของไร่ครับ” พีที่นั่งหันหลังอยู่ก็หันไปตอบคนที่น่าจะเป็นนักท่องเที่ยวแทนไผ่



“พี่พี....” คนมาใหม่เรียกชื่อมือก็ปิดปากตัวเองราวกับไม่เชื่อว่าจะเจอคนที่เขาตามหาที่นี่ พีกับไผ่เองก็ตกใจไม่น้อยที่อีกฝ่ายรู้จักพี



“พี่พี....” ชายหนุ่มเข้ามากอดพีเอาไว้แน่น พีนั่งนิ่งทั้งที่จริงเขาสามารถผลักผู้ชายแปลกหน้าคนนี้ออกไปได้แต่เหมือนบางอย่างมันทำให้พีรู้สึกว่าตนกับคนๆนี้มีสายสัมพันธ์เชื่อมโยงกันอยู่



“นี่มึงปล่อยเมียกูเดี๋ยวนี้!!!” สิบทิศที่เดินมาหาพีกับไผ่ก็เห็นว่ามีผู้ชายเข้ามากอดคนรักก็รีบเดินมาผลักออกไปทันที ไอ้ผู้ชายคนนี้มันเป็นใครกล้าดียังไงมากอดเมียของเขา



“โอ๊ย!!.” คนโดนผลักร้องออกมา ก่อนจะชายอีกสามคนลงมาจากรถแล้วช่วยประคอง



“น้องเคียวเจ็บมากไหมลูก?” คนที่เป็นพ่อถามลูกชาย



“มึงกล้าดียังไงมาผลักเมียกู!!” ผู้ชายท่าทางนักเลงเข้ามาหาสิบทิศ



“เบอร์บอนด์ ป๋าวินดูนี่ก่อน” คีร์เรียกให้สองคนดูพีที่นั่งอยู่ตรงหน้า



“พี!!!!!” ทั้งชัชวินและเบอร์บอนด์ตะโกนออกมาพร้อมกัน เมื่อพบกับคนที่ตามหามาตลอด



“พวกคุณรู้จักผมด้วยเหรอครับ?” พีตกใจที่ปนดีใจที่เหมือนเขาจะได้เจอคนที่รู้จักก่อนหน้าที่จะความจำเสื่อม



“พี่พี...พี่พีพูดอะไรแบบนั้นล่ะครับพวกเราเป็นครอบครัวเดียวกันนะครับ..ฮึก..ก..” ลิเคียวร้องออกมา ร่างโปร่งคิดว่าพี่ชายยังคงโกรธเขาอยู่จนเบอร์บอนด์เข้ามากอด



“เอ่อ...น้องไผ่ว่าทุกคนเข้ามาคุยกันด้านในก่อนดีกว่านะครับ”ไผ่ที่มีสติที่สุดก็พูดชวนทุกคนเข้าไปในบ้าน



ในห้องรับแขกตอนนี้ก็เติมเต็มไปด้วยคนที่รู้จักกับพี ทั้งฝ่ายของสิบทิศและฝ่ายของชัชวินก็พูดคุยกันจนทุกคนได้รู้ว่าชัชวินคือพ่อของพี คนที่เข้ามากอดพีชื่อลิเคียวก็เป็นน้องชาย คนที่จะเกือบชกสิบทิศก็คือเบอร์บอนด์เป็นคนรักของลิเคียวและคีร์เป็นคนรักของชัชวินแต่ชัชวินก็ไม่ได้เล่าสาเหตุที่แน่ชัดวาทำไมพีถึงออกจากบ้าน บอกแค่ว่าพีกับลิเคียวมีเรื่องเข้าใจผิดและทะเลาะกัน ทางด้านชัชวินก็ได้รู้ว่าพีไม่ได้โกรธหรือทำเป็นจำทุกคนไม่ได้แต่พีความจำเสื่อมและกำลังถูกตามฆ่าเพราะเป็นพยานคนสำคัญในคดีพ่อของสิบทิศ



“พี กลับบ้านไปกับป๊า เดี๋ยวป๊าจะให้คีร์หาหมอเก่งๆมารักษา อีกอย่างอยู่ที่นี่ลูกไม่ปลอดภัยแน่ๆ” ด้วยความเป็นห่วงลูก ชัชวินก็คิดจะพาพีกลับบ้านทันทีแต่ก็ชะงักเมื่อเห็นว่าพีมีสีหน้าอึกอัก



“พี่พีไม่ดีใจเหรอครับหรือไม่เชื่อว่าเราเป็นครอบครัวของพี่พี เดี๋ยวเคียวจะเอารูปที่เราอยู่ด้วยกันมาให้พี่พีดูก็ได้นะครับ” ลิเคียวเอ่ย พร้อมกับบอกให้ชัชวินหยิบโทรศัพท์มือถืออกมาเพราะของตนเพิ่งจะซื้อใหม่เนื่องจากเบอร์บอนด์ทำโทรศัพท์มือถือของตนตกระเบียงไป”



“พี่เชื่อเคียวและเชื่อทุกคนเพียงแต่พี่กับพี่สิบทิศ....” พีเม้มปากแน่นมือก็จิกเกร็งไปที่กางเกง สิบทิศที่เห็นคนรักมีสีหน้ากังวลก็จับมือพีไว้แน่น

“ผมกับพีเราสองคนเป็นคนรักกัน” สิบทิศพูดออกไปตรงๆด้วยน้ำเสียงจริงจัง สายตาจ้องมองไปที่พ่อตาที่นั่งขบเขี้ยว ไหนจะน้องชายเมียที่จิกตามองเขาอย่างไม่พ่อใจ



“เรื่องจริงเหรอ? พี” ชัชวินถามลูกชาย พีไม่ตอบได้แต่พยักหน้า เขารู้สึกได้ว่าทั้งพ่อและน้องชายมีรังสีความหวงเขามากขนาดไหน



“น้องเคียวไม่ยอม น้องเคียวไม่โอเคคนที่มาผลักน้องเคียว อีกอย่างน้องเคียวรู้สึกว่าคุณสิบทิศเขาดูหื่นๆแบบนี้พี่พีไม่ปลอดภัยแน่นอนครับป๊า” ลิเคียวบอกกับชัชวิน ทุกคนหลุดขำโดยเฉพาะไผ่ที่นั่งเงียบอยู่พักใหญ่ จะไม่ให้ไผ่ขำได้ยังไงเพราะไผ่รู้ว่าพี่ชายของตัวเองนั้นโคตรหื่น



“ผมเองก็ไม่ยอมยกพีให้คุณหรอก คุณสิบทิศ ยิ่งพีความจำเสื่อมและก็ถูกตามทำร้ายแบบนี้ ผมไม่มั่นใจว่าคุณจะปกป้องลูกชายของผมได้” ชัชวินบอกกับสิบทิศน้ำเสียงที่เปล่งออกมามันทั้งทุ้มและทรงพลังจนสิบทิศ ไผ่และเหมที่เพิ่งมาทีหลังอดคิดไม่ได้ว่าชัชวินนั้นเป็นใคร



“ถ้าอย่างนั้นผมขอพิสูจน์ให้คุณเห็นว่าผมสามารถดูแลลูกชายของคุณได้” สิบทิศเอ่ยออกมาอย่างไม่เกรงกลัว โดยที่เบอร์บอนด์นั่งมองก็ภาวนาให้สิบทิศที่กำลังจะโดนพ่อตาและเมียของเขารับขวัญให้ผ่านไปได้ด้วยดีเพราะเบอร์บอนด์เคยเจอประสบการณ์นี้มาแล้ว



“ก็ดีเตรียมตัวเตรียมใจเอาไว้เลย” ชัชวินยกยิ้มมุมปากในหัวก็นึกแผนสนุกๆเอาไว้ในหัวที่ดูก็รู้ว่าไม่ธรรมดาแน่นอน



“ผมชื่อสิบทิศมาจากผู้ชนะสิบทิศไม่ว่าจะเจออะไรผมก็ชนะและผ่านมันไปได้” สิบทิศพูดออกมาอย่างมั่นใจเพื่อพีแล้วสิบทิศก็ยอมทำทุกอย่าง พีเองที่ได้ฟังก็รู้สึกดีที่สิบทิศรักตนมากขนาดนี้



“ถ้าอย่างนั้นก็รู้เอาไว้ด้วยว่าชื่อจริงของผม ชัชนันท์และชื่อของป๊าอย่างชัชวินก็มีความหมายว่านักรบเหมือนกัน” ลิเคียวพูดออกมาทั้งรอยยิ้มที่ดูไร้เดียงสาผิดกับแววตาที่มองมา สิบทิศเองก็มองกลับไปก็คิดว่าตนได้เจอศึกหนักเข้าให้แล้ว



ไผ่ที่นั่งฟังและดูเหตุการณ์ระหว่างสิบทิศและครอบครัวของพีก็นึกหวั่นใจในความรักของตน มือเรียวคว้าหมับเข้าที่มือของเหม ความเย็นเฉียบของไผ่ทำให้เหมรู้ดีว่าคนรักกำลังกังวลไม่ใช่เรื่องของสิบทิศและพีแต่เป็นเรื่องของเขาเองที่ยังไม่สามารถเปิดเผยได้ เหมจึงบีบมือไผ่เบาๆให้รับรู้ว่าเขาจะปกป้อง ดูแลไผ่ ไม่ว่าจะเจออุปสรรคแบบไหนก็ตาม










..................
ไม่ว่างจริงๆ งานเยอะ เรื่องแยะ ป่วยอีก เพิ่งมาอัพ อย่าด่า อย่าตบ อย่าตี  ฮืออออ อย่าทิ้งด้วยนะคะ

ตอนนี้ไม่มีไรมากค่ะ มาจากเรื่องพี่สิบทิศเขา

ขอบคุณที่อ่านที่ติดตามนะคะ
หัวข้อ: Re: บันทึกรัก...ไร่แสงจันทร์ 20++ Yaoi (ซ่อนรัก) EP.9 P.2 24/12/2016
เริ่มหัวข้อโดย: sirin_chadada ที่ 24-12-2016 11:24:09
งานเข้าคุณพี่ชายแล้ว
หัวข้อ: Re: บันทึกรัก...ไร่แสงจันทร์ 20++ Yaoi (ซ่อนรัก) EP.9 P.2 24/12/2016
เริ่มหัวข้อโดย: MayA@TK ที่ 24-12-2016 13:36:52
ยังไงพี่สิบทิศก็อย่าลืมนะว่าตัวเองเคยโดนทดสอบเรื่องพี
ถึงคราวน้องไผ่กับพี่เหมก็อย่ากีดกันเลยนะ :hao3: :hao3: :hao3: :hao3:

 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: บันทึกรัก...ไร่แสงจันทร์ 20++ Yaoi (ซ่อนรัก) EP.9 P.2 24/12/2016
เริ่มหัวข้อโดย: DESZCZ ที่ 25-12-2016 18:00:47
สิบทิศเจองานหนักแล้ว
หัวข้อ: Re: บันทึกรัก...ไร่แสงจันทร์ 20++ Yaoi (ซ่อนรัก) EP.9 P.2 24/12/2016
เริ่มหัวข้อโดย: GuoJeng ที่ 25-12-2016 21:08:12
  พีไปอยู่กับพ่อนั้นล่ะดีแล้ว สิบทิศก็พิสูจน์ตัวเองไปสิ
หัวข้อ: Re: บันทึกรัก...ไร่แสงจันทร์ 20++ Yaoi (ซ่อนรัก) EP.9 P.2 24/12/2016
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 25-12-2016 21:20:36
ไรท์ หายป่วยไวๆ นะ :mew1: :mew1: :mew1:
สิบทิศ เจอนักรบซะแล้ว
จะสู้ไหวไม่ไหว ต้องดูกัน
น้องไผ่ รู้ว่าพี่สิบทิศ โคตรหื่น
แล้วพี่เหมล่ะ หื่นพอกับพี่สิบทิศ มั้ยน้องไผ่
        :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: บันทึกรัก...ไร่แสงจันทร์ 20++ Yaoi (ซ่อนรัก) EP.9 P.2 24/12/2016
เริ่มหัวข้อโดย: oiruop ที่ 25-12-2016 21:38:43
 :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: บันทึกรัก...ไร่แสงจันทร์ 20++ Yaoi (ซ่อนรัก) EP.10 P.2 03/01/2017
เริ่มหัวข้อโดย: TanYung0209 ที่ 03-01-2017 14:06:07
บันทึกรัก...ไร่แสงจันทร์

Writer : Tan-Yung0209

File : ซ่อนรัก 10















“น้องไผ่ ไปกินขนมกับพี่เคียวกันเถอะ” ลิเคียววิ่งมาหาไผ่ที่นั่งอยู่ที่สวนกับเหม



“ขนมอะไรฮะ” ไผ่ถามกลับพร้อมส่งรอยยิ้มให้อีกฝ่าย



“ขนมเค้กครับ พี่เคียวไปในเมืองเลยซื้อมา น้องไผ่ไปกินด้วยกันนะ” ลิเคียวพูดชวน พร้อมย่อตัวลงนั่งคุกเข่าตรงหน้า



“แล้วทำไมไม่กินกับเบอร์บอนด์ล่ะครับ” เหมเอ่ยถาม พยายามเก็บอารมณ์หงุดหงิดเอาไว้ บอกตรงๆเลยว่าเหมนั้นหึงลิเคียวกับไผ่มาก ถึงแม้ว่าลิเคียวจะมีคนรักและมีฐานะเดียวกับไผ่ก็ตาม แต่เบอร์บอนด์เองก็เคยบอกว่าลิเคียวนั้นเป็นรุกมาก่อน



“อ่อ เบอร์บอนด์ไม่ชอบขนมหวาน เคียวเลยมาชวนน้องไผ่ไปกินด้วยกัน พี่เหมจะไปด้วยก็ได้นะครับ” ลิเคียวเอ่ย



“พี่เหม น้องไผ่อยากหม่ำเค้กฮะ” ไผ่พูดอ้อนวอนกับเหม



“โอเค ถ้าอย่างนั้นเราจะไปทานเค้กด้วยกัน”



ทั้งสามคนก็พากันไปที่รีสอร์ท ซึ่งที่นั่นมีชัชวิน คีร์และเบอร์บอนด์นั่งอยู่ด้วย เหมและไผ่จึงทักทายทุกคน ทั้งชัชวิน คีร์รวมทั้งลิเคียวและเบอร์บอนด์ล้วนใจดีกับไผ่ บรรยากาศจึงดูอบอุ่นจนไผ่รู้สึกผ่อนคลายและในระหว่างที่พูดคุยกันเค้กจะถูกนำมาวางเอาไว้ตรงหน้า



“น้องไผ่กินเค้กกันเถอะ” ลิเคียววางจานเค้กให้ไผ่ ก่อนจะตักสตรอเบอร์รี่ชิ้นโตแถมไปให้ด้วย



“ฝนตกหนักแน่ๆ ลูกชายป๊าแบ่งสตรอเบอร์รี่ให้คนอื่น” ชัชวินเอ่ยแซวเพราะเขารู้นิสัยลูกชายดี ลิเคียวเป็นคนที่โปรดปรานและหวงสตรอเบอร์นรี่ยิ่งกว่าอะไรดี



“ก็น้องเคียวชอบน้องไผ่นี่ครับ” ลิเคียวบอกความรู้สึกที่มีกับไผ่ออกมาตรงๆเล่นเอาคนที่ได้ยินเหวอตามๆกัน ไม่เว้นแม้แต่เหมที่พยายามข่มอารมณ์หึงหวงเอาไว้



“พี่ลิเคียว…เอ่อ..” ไผ่เรียกชื่อลิเคียวใบหน้ามีแต่ความสงสัย



“พี่ชอบน้องไผ่จริงๆนะ พี่อยากมีน้องชายกับเขาบ้าง” ลิเคียวเอ่ย ทุกคนก็พากันโล่งอกคิดว่าลิเคียวจะชอบไผ่ในทางชู้สาวเพราะไผ่เองก็จัดได้ว่าเป็นสเปคของลิเคียวในสมัยที่รุก ก่อนจะเปลี่ยนเป็นรับตอนเจอเบอร์บอนด์



“เมียพูดแบบนี้ผัวตกใจแทบแย่” เบอร์บอนด์พูดพลางแสร้างเอามือมาทาบอก



“เอ๊ะ…หรือว่าจะจีบน้องไผ่ดีนะ” ลิเคียวแกล้งพูดหยอกคนรัก



“ไอ้แสบหยุดแกล้งเบอร์บอนด์เลย ดูน้องไผ่สิตกใจกับคำพูดลูกแล้วนะ” ชัชวินดุลิเคียวที่แกล้งหยอกคนอื่นไปทั่ว



“น้องไผ่ไม่ต้องตกใจนะ พี่ล้อเบอร์บอนด์เล่น ฮ่า…ฮ่า”



“ฮะ” ไผ่ขานรับ



“น้องเคียวระวังคืนนี้เบอร์บอนด์จัดหนักนะ” คีร์พูดแซว ลิเคียวถึงกับชะงักก่อนจะหันไปหาไผ่



“น้องไผ่พี่ขอนอนกับน้องไผ่ด้วยสิ” ลิเคียวคุกเข่าแล้วเข้าไปกอดเอวน้องไผ่ เหมอยากจะกระชากลิเคียวออกแต่ไผ่ก็ส่งสายตาปรามเอาไว้ ทำให้ชายหนุ่มทำได้เพียงยืนอดทนเท่านั้น



“นี่ไอ้ลูกแมวจะไปกอดน้องเขาทำไม?” เบอร์บอนด์แยกลิเคียวออกจากไผ่ให้มานั่งบนตักตัวเองก่อนจะใช้แขนหนาล็อคเอวบางไว้แน่น



“มึงปล่อยกูนะ!!!!”



“ไม่ปล่อย”



“กูจะกินเค้ก” ลิเคียวโวยวาย มือก็ทุบ ข่วน แขนของเบอร์บอนด์จนเป็นรอยแดง



“ไปกินกับกูที่กห้อง” พูดจบเบอร์บอนด์ก็อุ้มลิเคียวพาดบ่าไปที่ห้องพัก



“อย่าถือสาไปเลยนะน้องไผ่” ชัชวินบอกกับไผ่ที่นั่งเหวอ



“น้องเคียวคงอยากจะมีน้องชายบ้างเลยเอ็นดูน้องไผ่” คีร์พูดเสริม



“อ่อ น้องไผ่เองก็ดีใจฮะที่มีพี่ชายอย่างพี่เคียว” ไผ่ยิ้มกว้าง เพราะลิเคียวนั้นใจดีและคอยให้คำปรึกษากับน้องไผ่ในหลายๆเรื่องทั้งที่เพิ่งจะรู้จักกัน



“เอ่อ ผมขอตัวพาน้องไผ่ไปทานยาก่อนนะครับ” เหมที่เงียบไปนานก็พูดขึ้น ชัชวินเองก็เข้าใจก่อนจะใส่ขนมเค้กลงกล่องส่งให้ไผ่ไปกินที่บ้านใหญ่ ไผ่ขมวดคิ้วเล็กน้อยเพราะจำได้ว่าตัวเองมียากินในตอนเช้าและเย็นเท่านั้น



“น้องไผ่ บอกสิบทิศด้วยว่าอาจะไปหา”



“ฮะ…คุณอาชัชวิน”



พอแยกตัวออกจากพวกของชัชวินแล้ว เหมก็แสดงสีหน้าหงุดหงิดออกมาอย่างชัดเจนจนไผ่รู้สึกได้ ทั้งสองต่างฝ่ายต่างก็เงียบ คนหนึ่งสะกดอารมณ์ อีกคนก็ไม่ต้องการพูดอะไรออกไปเพราะกลัวว่าเหมจะไม่พอใจมากขึ้นกว่าเก่า เหมเข็นรถพาไผ่ขนมาถึงสวนดอกไม้ของแสงจันทร์ซึ่งไร้ผู้คน



“ไผ่เลิกยุ่งกับลิเคียวจะได้ไหม?” เหมพูดออกมา ไผ่หน้าเหวอเล็กน้อยไม่คิดว่าจะถูกขอร้องแบบนี้



“มีอะไรหรือเปล่าฮะ พี่เหม?”



“พี่หึง พี่หวง พี่ไม่ชอบให้ใครมาใกล้น้องไผ่” เหมพูดออกมาตามความรู้สึกที่ล้นออกมาจากอก ไผ่พอได้ฟังก็ยิ้มบาง ใบหน้าแดงระเรื่อไม่คิดว่าคนหน้านิ่งจะหึงหวงเป็นด้วย



“ยิ้มอะไรครับน้องไผ่” เหม ตาก็จ้องร่างบางนิ่ง



“ก็ตลกที่พี่เหมหึงไผ่กับพี่เคียวนี่ฮะ พี่เหมก็รู้ว่าพี่เคียวมีพี่เบอร์บอนด์”



“มีก็แล้วไงล่ะ? ก็พี่ไม่ชอบให้ใครมาเกาะแกะน้องไผ่ ลองคิดดูนะว่าถ้าพี่มีคนมาเกาะแกะบ้างน้องไผ่จะชอบไหม?”



“ไม่ฮะ น้องไผ่ไม่ชอบ” ไผ่รีบตอบ ขืนใครมายุ่งกับพี่เหมของเขา เขาคงต้องช้ำใจจนร้องไห้แน่ๆ



“อีกอย่าง…พี่อยากจะเปิดเผยเรื่องของเราสองคนให้สิบทิศและคนอื่นได้รับรู้เสียที พี่ไม่คบกับน้องไผ่แบบหลบๆซ่อนๆอย่างนี้” เหมบอกความต้องการที่ไผ่มักจะปฏิเสธ



“มะ…ไม่ฮะ” คำตอบเดิมที่เหมคาดการณ์ไว้ก็หลุดออกมาจากปากไผ่ เหมถอนหายใจหนักๆออกมา ไผ่ที่เห็นท่าทางของเหมก็ใจไม่ดี



“พี่เหมฮะ…คือ..”



“กลับเข้าบ้านกันเถอะ” เหมพาไผ่เข้าไปที่บ้านและส่งคนตัวเล็กถึงห้องนอน ไผ่พยายามที่จะพูดกับเหมแต่เหมก็แสดงสีหน้าออกมาว่าไม่พร้อมที่จะรับฟัง เหมกำลังไม่พอใจ…



“พี่เหมจะไปไหนฮะ?” ไผ่ถามเพราะปกติเหมจะเข้ามานอนกอดไผ่ คนถูกถามไม่ตอบมือก็เปิดประตูออกไป สักพักป้าอรผู้เป็นแม่บ้านก็เข้ามาในห้อง



“ป้าอรมีอะไรหรือเปล่าฮะ?” ไผ่ถาม พยายามทำตัวให้เป็นปกติ



“พอดีคุณเหมไปข้างนอกเลยฝากให้ป้ามาดูแลน้องไผ่ก่อนค่ะ” ป้าอรตอบ



“ไม่เป็นไรฮะป้าอร น้องไผ่อยู่คนเดียวได้ พอดีน้องไผ่จะนอนเสียหน่อย” ไผ่นอนหันหน้าเข้าหาผนัง ป้าอรจึงไม่รบกวนปล่อบยให้ไผ่นอนคนเดียว



“ฮึก..ฮือ….พี่เหม..” ทันทีที่ประตูห้องปิดสนิทไผ่ก็ร้องไห้ออกมา ไผ่รู้ว่าเหมอึดอัดกับการที่ความรักของทั้งคู่ไม่ยอมเปิดเผยแต่จะให้ทำอย่างไรในเมื่อไผ่กลัวว่าสิบทิศจะเข้ามาขัดขวาง ไผ่กลัวว่าเหมจะทิ้งไผ่ไปจากที่ได้เห็นแววตาคู่นั้นที่มองไผ่ราวกับไร้ความรู้สึก ไหนจะแผ่นหลังกว้างที่เขาได้เห็นตอนเหมเดินจากห้องไปโดยไม่พูดจา



.

.

.



เวลาล่วงเลยไปจนถึงค่ำ เหมที่กลับมาจากในเมืองก็เข้ามาในห้องเพื่อปลุกไผ่ให้ตื่นตามคำสั่งของสิบทิศ พอเข้ามาในห้องก็เห็นไผ่นอนกอดหมอนของตนเอาไว้แน่น เปลือกตาบวมนิดๆมีน้ำตาซึมอยู่เล็กน้อย



“น้องไผ่ตื่น..” เหมกระซิบข้างหู ตอนนี้เขาอารมณ์เย็นขึ้นมากกว่าเก่า



“พะ..พี่เหม มาแล้วเหรอฮะ” ไผ่ตื่นขึ้นทันทีเมื่อได้ยินเสียงนุ่มทุ้มของชายอันเป็นที่รัก



“ตื่นแล้วก็ไปล้างหน้ากันก่อนนะ” เหมพยุงไผ่ให้ลุกออกจากเตียง ไผ่เองก็เดินช้าๆโดยที่มีเหมคอยประคองเอาไว้



“พี่เหมหายโกรธน้องไผ่แล้วเหรอฮะ?” ไผ่ถามในระหว่างที่ยืนล้างหน้า เหมมองไผ่ผ่านกระจกก็เห็นว่าคนตัวเล็กกำลังจะร้องไห้ออกมา



“ชู่ว….อย่าคิดมาก วันนี้สิบทิศจัดปาร์ตี้เล็กๆยังไงก็ลืมๆเรื่องที่ทะเลาะกันดีกว่านะ” เหมพยายามทำตัวให้เป็นปกติ เขารู้ดีว่าเขาทำให้คนตัวเล็กคิดมากขนาดไหน



“ฮะ” ไผ่ยิ้มบางๆออกมา ถึงจะคิดมากกับเรื่องเมื่อตอนกลางวันก็ตาม



ทั้งสองคนเข้าร่วมปาร์ตี้รอบกองไฟกันระหว่างสองครอบครัวนั่นก็คือครอบครัวของชัชวินและครอบครัวของสิบทิศซึ่งชัชวินคุณพ่อจอมหวงก็มองสิบทิศตาเป็นมันที่ป้อนนู่นป้อนนี่ให้กับพีผู้เป็นลูกชาย



“เอาล่ะครับต่อไปเรามาเล่าเรื่องของตัวเองที่คิดว่าพีคสุดในชีวิตเริ่มจาก...พี่ลิเคียว” น้องไผ่ที่เห็นว่าทุกคนเริ่มจะอิ่มจากมื้ออาหารก็เริ่มเล่นเกมประจำปาร์ตี้รอบกองไฟ



 



 



“จุดพีคสุดในชีวิตคือพี่ว่างไม่มีอะไรทำเลยไปหาเรื่องคนให้กับรุ่นพี่ในกลุ่ม สุดท้ายไอ้ผู้ชายที่พี่หาเรื่องมันก็เป็นคนรักของพี่เอง...นั่นก็คือเบอร์บอนด์แต่กว่าเราจะรักกันสบายๆเราทั้งคู่ผ่านด่านหิน อุปสรรคทั้งป๊าวินแล้วก็พี่พี”



“พี่เหรอ?” พีชี้ตัวเอง ร่างโปร่งตกใจเล็กน้อยไม่คิดว่าตัวเองจะมีส่วนร่วมในการทำอะไรแบบนี้



“ใช่ ตัวดีเลยด้วย” เบอร์บอนด์เอ่ย พีก็พยายามนึกคิด คราวนี้คีร์ก็นึกขึ้นมาได้ว่าหากพีจำได้ขึ้นมาเรื่องไม่ดีคงตามมาแน่



“พี่อยากฟังเรื่องของน้องไผ่บ้างได้ไหมครับ?” คีร์รีบเปลี่ยนเรื่อง ไผ่มองไปที่เหมแววตาเศร้าก่อนจะเล่าเรื่องราวที่พีคที่สุดให้ทุกคนฟัง



“น้องไผ่แอบรักคนๆหนึ่งครับ แอบรักมานานแล้วจนกระทั่งคนๆนั้นเขาไปเรียนต่อน้องไผ่ก็ยังคงแอบรัก...จนกระทั่งน้องไผ่ประสบอุบัติเหตุคราวนี้ก็เลยคิดว่าคงไม่สมหวังแล้ว ใครเขาจะมารักคนที่เดินไม่ได้อีกอย่างพี่เขาคงไปทำงานของเขาคงไม่สนน้องไผ่หรอกแต่เขากลับมาดูแลน้องไผ่จนน้องไผ่รักเขามากและบอกรักเขาไปเราแอบคบกันไม่ให้พี่สิบทิศรู้แต่วันนี้น้องไผ่ไม่อยากแอบคบแล้วครับ...พี่สิบทิศครับน้องไผ่กับพี่เหมเรารักกันครับ” ไผ่พูดออกไปตรงๆ



“นี่มันหมายความว่ายังไง? เหมนายกับน้องของฉัน....” สิบทิศมองหน้าเพื่อนรักที่ไม่คิดจะหักเหลี่ยมกันขนาดนี้ ไผ่ตกใจที่เห็นสิบทิศที่โมโหจัดจนร้องไห้ออกมา เหมพอเห็นไผ่ร้องไห้ก็เข้าประคองกอด



“พี่สิบทิศใจเย็นๆ ค่อยคุยกันเป็นการส่วนตัวดีกว่านะครับ” พีเข้ามาดึงสิบทิศที่ยืนขึ้นให้นั่งลง กลายเป็นว่าตอนนี้งานเริ่มกร่อยทุกคนเริ่มหน้าเสีย



“อืม...” สิบทิศพูดออกมาสั้นๆ ทุกคนก็เริ่มพูดคุยส่วนเกมพูดความจริงก็พับเก็บเอาไว้ แต่ด้วยบรรยากาศที่ไม่คึกคักเหมือนเก่าลิเคียวจึงคิดสร้างบรรยากาศ

 

“ค่ำคืนรอบกองไปในวันนี้ มันไม่มีอะไรดีไปกว่าการร้องเพลง” ลิเคียวเอ่ยแล้วคว้ากีตาร์ที่วางอยู่ใกล้ๆมาบรรเลง



“ทำไม๋เธอต้องยิ้มทุกทีที่เดินส๊วนกัน ทำไมต้องหว๋านทุกครั้งที่เอ้ย.. ว๊า….จา”



“เมียหยุดร้องเดี๋ยวนี้ ผัวขอร้อง!!!!” เบอร์บอนด์ใช้มือปิดปากคนร้องเพี้ยนซึ่งสร้างเสียงหัวเราะให้กับทุกคนได้ดี ยกเว้นสิบทิศ เหมและไผ่

























..............................

มันกลับมาแล้วนะคะ มาม่าถ้วยเล็กๆ มันมากับความน่ารัก



ไรท์ไม่อยู่ติดภารกิจหลายอย่าง ทั้งฆ่าไวรัสในตัว ทำงานส่งท้ายปี แล้วจัดทำไฟล์ส่งโรงพิมพ์เลยไม่ค่อยจะว่างแต่งนิยายซ่อนรัก ต้องขอโทษด้วยนะคะ



ขอขอบคุณที่ติดตาม อ่าน เม้น เป็นกำลังใจให้นะคะ



สวัสดีปีใหม่ย้อนหลังค่ะ



 



หัวข้อ: Re: บันทึกรัก...ไร่แสงจันทร์ 20++ Yaoi (ซ่อนรัก) EP.10 P.2 03/01/2017
เริ่มหัวข้อโดย: MayA@TK ที่ 03-01-2017 14:22:52
 :katai1: :katai1: :katai1: :katai1: :katai1:
ใจเขาใจเรานะพี่สิบทิศ คิดด้วยว่าถ้าพี่โดนกีดกันเรื่องพีจะเป็นยังไง

 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: บันทึกรัก...ไร่แสงจันทร์ 20++ Yaoi (ซ่อนรัก) EP.10 P.2 03/01/2017
เริ่มหัวข้อโดย: GuoJeng ที่ 04-01-2017 21:57:14
พี่ชายรู้แล้วดีที่สุดคับ รู้ไวก็ดีแล้ว
 รออ่านตอนต่อไปคับ
หัวข้อ: Re: บันทึกรัก...ไร่แสงจันทร์ 20++ Yaoi (ซ่อนรัก) EP.10 P.2 03/01/2017
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 04-01-2017 22:37:07
จะยังไงกันนะ
พี่สิบทิศ มีพี เป็นคนรัก
แต่จะไม่ให้ไผ่มีเหมเป็นคนรัก
ตามต่อ  :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:
       :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: บันทึกรัก...ไร่แสงจันทร์ 20++ Yaoi (ซ่อนรัก) EP.10 P.2 03/01/2017
เริ่มหัวข้อโดย: aom2529 ที่ 12-01-2017 02:55:24
อ่านทันแย้วววว..ร้องไห้อย่างหนักหน่วง... :m15:
หัวข้อ: Re: บันทึกรัก...ไร่แสงจันทร์ 20++ Yaoi (ซ่อนรัก) EP.11 P.3 12/01/2017
เริ่มหัวข้อโดย: TanYung0209 ที่ 12-01-2017 20:32:54
บันทึกรัก…ไร่แสงจันทร์

Writer : Tan-Yung0209

File : ซ่อนรัก 11

















“นานแค่ไหนแล้ว?....ตอบมาสิว่านานแค่ไหนแล้ว!!!!!” สิบทิศตะคอกใส่เหมและไผ่ที่นั่งอยู่ตรงหน้าเขา ไผ่สะดุ้งเฮือก น้ำตาเม็ดใสก็ไหลออกมาด้วยความกลัว



หลังจากที่ไผ่ได้เปิดเผยถึงความสัมพันธ์ระหว่างตัวเองและเหม สิบทิศก็ตั้งท่าไม่ยอมรับและแสดงความโมโหออกมาทางแววตาแต่ไม่ทันที่จะได้พูดคุย ก็เกิดเหตุการณ์เลวร้ายกับพีซึ่งเกี่ยวข้องกับการตายของนักรบพ่อของสิบทิศและไผ่ ถึงกระนั้นทุกอย่างก็ผ่านพ้นไปด้วยดีคนร้ายก็ถูกจับไปดำเนินคดีตามระเบียบ พอเคลียร์เรื่องคดีของนักรบเป็นที่เรียบร้อยแล้ว สิบทิศก็เรียกเหมและไป่มาคุยเป็นการส่วนตัวในห้องทำงาน



“สิบทิศ นายจะขึ้นเสียงทำไม? ไม่เห็นเหรอว่าน้องไผ่กลัว” เหมกอดคนรักไว้แน่น…แน่นพอที่จะสัมผัสได้ว่าร่างกายเล็กนั้นสั่นสะท้านเพียงใด



“จะไม่ให้ฉันขึ้นเสียงเหรอ? ดูสิ่งที่นายทำสิ ฉันให้นายดูแลน้องไผ่แต่นายกลับดูแลน้องไผ่เกินหมอกับคนไข้!!!”



“ฉันรู้ว่านายหวงน้องไผ่แต่ทำยังไงได้ฉันรักน้องไผ่” เหมพูดออกมาตรงๆ



“น้องไผ่ มันบังคับน้องใช่ไหม?” สิบทิศหันไปถามน้องชาย เขาไม่คิดว่าน้องชายจะรักเหม



“น้องไผ่รักพี่เหมฮะ” ไผ่บอกกับสิบทิศ



“ไม่…เป็นไปไม่ได้…บอกความจริงพี่มาว่าเหมบังคับขืนใจน้องไผ่ใช่ไหม?” สิบทิศพูดไปตามที่ตนคิดซึ่งมันสะกิดใจไผ่ให้ชะงักจนสิบทิศรับรู้ได้



“เออ ฉันยอมรับว่าฉันขืนใจน้องไผ่แต่เราสองคนรักกัน” เหมพูดสวนกลับไป แขนแกร่งก็โอบกอดไผ่แน่นยิ่งกว่าเก่า



“เอามือมึงออกจากน้องฉันเดี๋ยวนี้!!!” สิบทิศตวาด อสการหวงน้องชายกำเริบ



“ทำไมฉันต้องเอามือออกจากเมียฉันด้วย” เหมถามสิบทิศกลับเสียงเรียบ



“ไอ้เหม แกกล้าพูดนะว่าน้องชายฉันเป็นเมียแก”



“ก็มันเป็นความจริง”



“ไอ้เหม…น้องไผ่มากับพี่” สิบทิศกัดฟันกรอดก่อนขะลุกขึ้นมากระชากไผ่แล้วอุ้มพาดบ่า



“พี่สิบทิศ..ปล่อย..ปะ…ปล่อย” ไผ่ทุบตีหลังของสิบทิศ



“สิบทิศปล่อบน้องไผ่เดี๋ยวนี้!!!” เหมที่พยายามทำใจให้เย็นก็ต้องร้อนรนขึ้นมาเมื่อถูกสิบทิศพาคนรักไป สิบทิศเองก็ไม่คิดที่จะทำตามคำขอของเพื่อนและน้องชาย เขาก้าวออกจากห้องทำงานมุ่งไปยังห้องนอนของไผ่โดยมีเหมคอยเดินตามอยู่ด้านหลัง



“ออกไปไอ้เหม ถ้าคิดยังจะคุยกับฉันแกกลับไปที่ห้องทำงาน”



“ไม่ฉันไม่กลับ!!!” เหมเป็นห่วงไผ่ทำให้เขาคิดที่จะปฏิเสธ



“เกิดอะไรขึ้นครับ?” พีที่ได้ยินเสียงโวยวายจากชั้นล่างก็รีบวิ่งขึ้นมา พอมาถึงก็พบภาพที่สิบทิศอุ้มไผ่ทั้งน้ำตาและมีปากเสียงกับเหม



“พีพาเหมไปที่ห้องทำงานหน่อย” สิบทิศเอ่ย



“พี่เหมไปที่ห้องทำงานก่อนนะครับ” พีที่คิดจะช่วยไกล่เกลี่ยพอเห็นสีหน้าและน้ำเสียงของสิบทิศก็รู้ว่า น้ำเชี่ยวไม่ควรเอาเรือไปขวาง



“แต่….”



“เชื่อพีเถอะนะครับ” พีพูดย้ำพร้อมส่งสายตาขอร้องให้เหมผ่อนปรนตาม เหมถอนหายใจเฮือกใหญ่ สายตาก็มองไผ่ที่น้ำตานองหน้า



‘ปัง!!!’ เสียงประตูห้องนอนดังสนั่นบ่งบอกอารมณ์ของสิบทิศได้ดี เหมที่จะกลับห้องทำงานก็แทบจะเดินกลับไปแต่พีก็รั้งเอาไว้



“พี่เหมกลับเข้าห้องเถอะครับ ไปตอนนี้ก็ยิ่งทำให้พี่สิบทิศโกรธ” พี่เอ่ย เหมจึงจำใจเข้าไปนั่งรอในห้องทำงาน โชคดีที่พีได้เตือนสติเขาไว้ สิบทิศนั้นเป็นคนใจดีแต่เด็ดขาด หากได้โมโหหรือโกรธใครขึ้นมาก็เหมือนมีพายุเข้ามาถล่มอย่างไงอย่างนั้น



ทางด้านสิบทิศกับไผ่ ร่างสูงก็วางคนร่ำไห้นั่งบนเตียงกว้าง ไผ่ร้องไห้อย่างหนักใบหน้าก็ก้มต่ำไม่ยอมมองหน้าคนที่ยืนอยู่ตรงหน้า



“น้องไผ่…บอกพี่มาว่าไปรักกับไอ้เหมตั้งแต่เมื่อไหร่ บอกมา!!!”



“ฮึก…ก….พี่สิบทิศ….ฮือ…อ…..” ไผ่ไม่ตอบแต่กลับร้องไห้หนักกว่าเก่าด้วยความที่ตกใจจากการถูกสิบทิศขึ้นเสียงใส่และดูเหมือนว่าสิบทิศจะพอรู้ว่าตัวเองเสียงดังกับน้อง ชายหนุ่มจึงยืนนิ่งอยู่สักพักก่อนจะลูบหน้าไล่อารมณ์ร้อนในใจให้ออกไป



“น้องไผ่ บอกพี่มาสิครับว่าไปรักเหมตั้งแต่เมื่อไหร่?” สิบทิศย่อเข่านั่งลง มือหนาก็สัมผัสกับมือสวยที่มีน้ำตาหยดใส่จนเปียกชุ่มหลังมือ



“ฮึก…น้องไผ่ชอบพี่เหมมานานแล้ว…แต่มารู้ตัวว่ารักก็ตอนเจอพี่เหมอีกครั้งฮะ..ฮือ..อ…” ไผ่พอเห็นว่าสิบทิศใจเย็นก็ตอบคำถาม สิบทิศฟังนิ่งในสมองก็คิดว่าตนเป็นคนชัดชวนเหมเข้ามาในไร่จนทั้งสองได้เจอกัน



“รักเหมมากไหม?”



“รักมากฮะ” ไผ่ตอบอย่างไม่ลังเล



“เรื่องที่มันขืนใจล่ะ?....ไม่จริงใช่ไหม?” สิบทิศข่มใจถามน้องชายที่เขาเฝ้าทะนุถนอมมาตั้งแต่ไผ่ยังเล็ก น้องชายตัวเล็กๆของเขานั้นจะต้องไม่แปดเปื้อน



“จะ…จริงฮะ” ไผ่ตอบเสียงแผ่วแต่ก็คมพอที่จะเป็นมีดกรีดใจให้สิบทิศเจ็บปวดได้



“แต่ตอนนี้ทั้งพี่เหมและน้องไผ่ก็รักกันเข้าใจกันดีฮะ…พี่สิบทิศอย่าโกรธพี่เหมกับน้องไผ่นะฮะ” ไผ่ขอร้อง น้ำตาก็ไหลรินอาบแก้มหวังว่าพี่ชายจะใจอ่อน



“พี่ไม่หายโกรธ น้องไผ่รออยู่ที่นี่ พี่จะกักบริเวณน้องไผ่ ส่วนไอ้เหมพี่จะไปจัดการให้มันไม่มาวุ่นวายที่นี่อีก” สิบทิศบอกไผ่เสียงแข็ง สีหน้าท่าทางที่ดูจริงจังเล่นเอาไผ่ใจหาย



“พี่สิบทิศอย่านะครับ น้องไผ่ไม่เอาแบบนี้ น้องไผ่ขอร้องล่ะพี่สิบทิศ…ฮือ…น้องไผ่ขอร้องนะฮะ” ไผ่คว้าหมับจับแขนที่ลุกขึ้นยืน



“น้องไผ่หยุดขอร้องเสียเถอะ พี่ไม่มีทางที่จะใจอ่อนเป็นอันขาด” สิบทิศปัดมือเล็กที่จับแขนตัวเองออกแล้วมุ่งหน้าไปยังห้องทำงานโดยไม่สนใจเสียงร้องขอปนสะอื้นที่ไล่ตามหลังของไผ่



‘ผัวะ’



ทันทีที่สิบทิศเข้ามาในห้องทำงาน เขาก็ประเคนหมัดเข้าไปที่ใบหน้าของเหมจนคนโดนต่อยล้มหงาย สิบทิศไม่ปล่อยโอกาสให้เหมได้ลุกขึ้นมา เขากระหน่ำชกเหมไม่ยั้งและตัวเหมเองก็ไม่คิดที่จะตอบโต้ใดๆ มันทำให้สิบทิศยิ่งโมโห



“พี่สิบทิศหยุดครับ อย่าชกพี่เหม!!” พีซึ่งอยู่ในเหตุการณ์ก็รีบรวมสติแล้วรีบล็อคตัวสิบทิศเอาไว้



“พีปล่อยพี่!!!” สิบทิศขืนตัว พีนั้นมีแรงน้อยกว่าจึงไม่สามารถจับตัวสิบทิศไว้ได้



“ไอ้เพื่อนชั่ว มึงทำกับน้องกูแบบนี้ได้ยังไง?” สิบทิศที่มักจะพูดดีตลอดแม้ยามโกรธแต่ครั้งนี้เขาเหลืออดแล้วจริงๆที่รู้ว่าเหมทำร้ายน้องชายตัวน้อย



“เออ กูทำเพราะกูรักน้องมึง กูรักมานานแล้วแล้วมันก็เป็นอดีตไปแล้ว กูกับน้องมึงตอนนี้เรารักกันมาก มึงเข้าใจไหม?” เหมที่เงียบไปนานก็เป็นฝ่ายพูดขึ้นมาบ้าง



“มึงกล้าบอกว่ารักน้องกูมานานแล้ว แล้วพลอยล่ะ? มึงคบแก้เหงาสินะ ไม่แน่มึงคงจะคบน้องกูแก้เหงาเหมือนกัน!!!”  สิบทิศตะคอกใส่หน้าเหมตามด้วยกำปั้นที่ชกเข้าที่ท้องแกร่งของอีกฝ่ายอย่างหนักหน่วง



“พี่สิบทิศ…ฮือ.อ…หยุด”



ไผ่ที่ได้ยินเสียงพี่ชายของตนและเหมทะเลาะกันก็พยายามเดินไต่ผนังออกจากห้องด้วยความยากลำบากจนตอนนี้ก็หยุดอยู่ที่ประตูห้อง มือเรียวทั้งสองก็จับกรอบประตูประคองตัวเองเอาไว้



“น้องไผ่” พีรีบเข้าไปประคองไผ่



“พี่พีไม่ต้องน้องไผ่เดินเองได้ฮะ” ไผ่ปฏิเสธ เพราะตัวเองอยากให้สิบทิศเห็นว่าเขาเข้มแข็งและกำลังจะหายดี เขาไม่ใช่คนอ่อนแอที่ทำอะไรไม่ได้…ไผ่ไม่อยากให้สิบทิศเป็นห่วงและหวงมากเกินไป



“พี่สิบทิศหยุดชกพี่เหมนะฮะ” ไผ่เดินหาสิบทิศอย่างทุลักทุเล พอถึงตัวร่างสูงไผ่ก็เข้าสวมกอดจากด้านหลัง สิบทิศยืนนิ่ง เหมเองก็ลุกขึ้นมาแล้วใช้มือเช็ดเลือดที่มุมปาก



“ถ้าอยากให้พี่หยุด มันก็จะต้องออกไปจากไร่นี้” สิบทิศเอ่ย ประโยคนี้สร้างความตกใจให้คนฟังเป็นอย่างดี



“พะ…พี่สิบทิศล้อเล่นใช่ไหมฮะ…ฮือ..ฮือ…พี่สิบทิศล้อเล่นกับน้องไผ่ใช่ไหมฮะ?” ไผ่ถามย้ำทั้งน้ำตา



“พี่พูดจริง” สิบทิศยืนยันในคำตอบ



“พี่สิบทิศ พีว่าพี่สิบทิศใจ…”



“พีไม่ต้องพูดอะไรทั้งนั้น” พีที่พยายามเข้าไกล่เกลี่ยก็ถูกสิบทิศพูดขัดขึ้นมา ตอนนี้พีสงสารไผ่และเหมจับใจที่ถูกสิบทิศขัดขวางในความรัก



“สิบทิศกูยอมให้มึงต่อยกู กูจะไม่ออกจากไร่ กูจะอยู่กับน้องมึง” เหมเอ่ย เรื่องอะไรที่ตนจะต้องออกจากไร่เพียงเพราะเพื่อนรักของตัวเองซึ่งเป็นพี่ชายคนรักไม่เห็นด้วย กว่าเขาจะได้เจอไผ่ กว่าจะได้บอกรัก กว่าจะได้อยู่ด้วยกัน เหมต้องต่อสู้กับอุปสรรคในเวลาจนถึงตอนนี้เขาจะไม่ยอมจากลาไผ่อีกต่อไป



“กูไม่ให้มึงเข้าใกล้ไผ่อีกต่อไป มึงไสหัวไปจากบ้านกูเลย ส่วนไผ่พี่จะขังเราเอาไว้ในห้องไม่ให้ออกไปไหน!!!” ไผ่ล้มทั้งยืนเมื่อได้ยินคำพูดของสิบทิศจนเหมเข้าไปประคองกอดเอาไว้



“มึงทำแบบนี้ได้ยังไง มึงเองก็เคยถูกคุณชัชวินทดสอบ มึงน่าจะเข้าใจถึงความทรมานกับการถูกขัดขวางจากความรัก แล้วทำไมมึงถึงมาขัดขวางพวกเราสองคน มึงตอบมาสิ สิบทิศว่าทำไม?” เหมถามพลางปลอบโยนคนที่ร้องให้ใบหน้าซุกอกของเขาไปพลาง



“กูจะขัดขวาง มึงจะทำไม?”















..........................................  ...



มาช้าาาาาา ขอโทษ!!!!!!



หลายคนอาจจะรู้และหลาคนอาจจะไม่รู้

สาเหตุที่หายไปคือน้ำท่วมค่าาา ไฟดับ เนตขัดข้อง  บ้านไรท์ท่วมเกือบถึงชั้นสองแถมของเสียหายต้องกู้ซากทำความสะอาดบ้านรวมถึงที่ทำงานด้วย ไรท์ขอโทษนะคะ



วันนี้มาลงแล้ว ไม่รู้คนอ่านจะทิ้งหรือเปล่า ฮืออออ



ตอนหน้าซ่อนรักจบแล้วนะคะ ติดตามอ่านเรื่องทิวเอก เอกทิวได้ เร็วๆนี้



สุดท้ายนี้ขอบคุณที่อ่าน ที่เม้น ที่รอนะคะ ม๊วฟ

หัวข้อ: Re: บันทึกรัก...ไร่แสงจันทร์ 20++ Yaoi (ซ่อนรัก) EP.11 P.3 12/01/2017
เริ่มหัวข้อโดย: MayA@TK ที่ 12-01-2017 22:22:13
หมั่นไส้พี่สิบ พีช่วยดึงหูพี่แกแล้วอธิบายหน่อยซิว่ากีดกันคนเขารักกันมันไม่ดี :katai4: :katai4: :katai4:

 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: บันทึกรัก...ไร่แสงจันทร์ 20++ Yaoi (ซ่อนรัก) EP.11 P.3 12/01/2017
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 12-01-2017 23:26:18
สิบทิศ ลืมความรู้สึก
ตอนที่ถูกพ่อ น้อง ของพี กีดกันไปแล้ว
เลยมาทำกับเหม น้องไผ่
ต้องเกิดเรื่องไม่ดีกับน้องไผ่ ก่อนมั้ง ถึงจะยอม
       :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: บันทึกรัก...ไร่แสงจันทร์ 20++ Yaoi (ซ่อนรัก) EP.11 P.3 12/01/2017
เริ่มหัวข้อโดย: TanYung0209 ที่ 14-01-2017 03:25:31
ทำเรื่องนี้เป็นเล่มดีไหม
หัวข้อ: Re: บันทึกรัก...ไร่แสงจันทร์ 20++ Yaoi (ซ่อนรัก) EP.11 P.3 12/01/2017
เริ่มหัวข้อโดย: fay 13 ที่ 14-01-2017 13:29:50
 :mew1:
หัวข้อ: Re: บันทึกรัก...ไร่แสงจันทร์ 20++ Yaoi (ซ่อนรัก) EP.11 P.3 12/01/2017
เริ่มหัวข้อโดย: shcheribrand ที่ 15-01-2017 11:19:02
อยากตบสิบทิศ. รักพี่เหม พี่เหมสู้้้ๆ :katai1: :katai1:
หัวข้อ: Re: บันทึกรัก...ไร่แสงจันทร์ 20++ Yaoi (ซ่อนรัก) EP.12 P.3 18/01/2017
เริ่มหัวข้อโดย: TanYung0209 ที่ 18-01-2017 20:55:00
บันทึกรัก…ไร่แสงจันทร์

Writer : Tan-Yung0209

File : ซ่อนรัก 12 The End













“ฮือ…ฮือ..อ….ฮึก..ก…พี่สิบทิศ..อย่าขังน้องไผ่…ฮือ…” ไผ่ร่ำไห้จนน้ำตาแทบเป็นสายเลือด สภาพของไผ่ในตอนนี้ไม่ต่างอะไรจากนักโทษที่ถูกกักขัง ใช่…ไผ่ถูกขังไว้ในห้องนอนของตน



ย้อนเวลาไปไม่กี่นาทีก่อนหน้านี้  สิบทิศที่ชกต่อยกับเหมจนไผ่ต้องออกมาห้ามเอาไว้ก็ถูกพี่ชายอุ้มกลับมาที่ห้องก่อนจะใช้ผ้าผูกข้อเท้าเล็กไว้กับขาเตียง ส่วนเหมสิบทิศก็ลากลงไปชั้นล่างก่อนจะผลักไสไล่ส่งให้เหมออกจากบ้านไป ซึ่งเหตุการณ์ทั้งหมดนั้นตกอยู่ในสายตาของไผ่ที่มองผ่านหน้าต่าง



‘เปรี้ยง!!!’



เสียงฟ้าร้องคำรามตามด้วยฝนที่เทกระหน่ำลงมา เหมที่นั่งรออยู่หน้าบ้านก็เงยหน้ามองไปยังห้องของคนรักที่ตอนนี้คงจะร้องไห้จนแทบขาดใจ คิดแล้วเหมก็ยิ่งเจ็บใจที่ไม่สามารถปลอบประโลมไผ่เอาไว้ได้



“อึก…” เหมกลั้นเสียงสะอื้นแล้วปล่อยให้น้ำตาไหลปนกับสายฝน ตาคมสบตาคู่สวยที่ตอนนี้ก็จ้องมองเขาเหมือนกัน



“น้องไผ่…พี่รักน้องไผ่!!!!!” เหมตะโกนลั่นแข่งกับเสียงสายฝนที่ตกลงมา คำบอกรักที่บอกออกไปซ้ำไปซ้ำมาโดยไม่สนใจว่าอีกคนจะได้ยินหรือไม่



ไผ่ที่ได้ยินเสียงของเหมถึงจะไม่ชัดก็รับรู้ได้ว่าเหมพูดว่าอะไร มันทำให้ไผ่มีความสุขขึ้นมาเล็กน้อย ริมฝีปากคลี่ยิ้มทั้งที่น้ำตายังไหล…แต่คำพูดที่ว่าความสุขมักจะอยู่กับเราไม่นานนั้นมักจะเป็นความจริงอยู่เสมอ



“น้องไผ่นอนเดี๋ยวนี้” สิบทิศที่เข้ามาในห้องนอนของไผ่อีกครั้งด้วยอารมณ์หงุดหงิดที่ได้ยินเสียงเหมคนที่ตนเพิ่งจะไล่ออกจากบ้าน ก็พาลให้เขาเสียงดังใส่ไผ่จนร่างบางสะดุ้งโหยง



“น้องไผ่ไม่นอนฮะ..ฮึก..” ไผ่บอกกับสิบทิศ ตากลมโตก็จ้องเหมที่ยังยืนอยู่ที่หน้าบ้าน ทำให้สิบทิศยิ่งโมโหจนคว้าผ้าม่านปิดหน้าต่างเอาไว้และดันตัวไผ่ให้นอน



“พี่สิบทิศ..พะ..พี่สิบทิศทำอะไร?”



“ไม่ต้องถามอะไรทั้งนั้น นอนหลับไปแล้วลืมทุกสิ่งทุกอย่างที่เกี่ยวกับไอ้เหม” พูดกับไผ่เสียงเข้มก่อนที่จะเดินจากไปพร้อมล็คประตูห้องนอนของไผ่เอาไว้ ไผ่เองก็นอนมองเพดานด้วยความพร่ามัวเพราะมีม่านน้ำตาคอยบดบัง นึกน้อยใจที่ตัวเองยังเดินได้ไม่ดีจึงทำให้ต้องนอนอยู่อย่างนี้ อีกทั้งนึกน้อยใจในโชคชะตาที่ตนไม่สมหวังในความรัก



‘คุณพ่อฮะ…คุณแม่ฮะ…น้องไผ่รักพี่เหม คุณพ่อคุณแม่ช่วยให้พี่สิบทิศเปิดโอกาสให้น้องไผ่ได้ไหมฮะ?’

.



.



.

หนึ่งอาทิตย์ผ่านไป ซึ่งมันนานเป็นปีสำหรับไผ่ สิบทิศยังคงกักบริเวณไผ่หรือจะเรียกว่ากักขังก็คงไม่ผิด ประตูห้องที่นานๆครั้งจะเปิดออกโดยมีพีกับลิเคียวคอยเอาข้าวมาให้อีกทั้งชวนคุยให้พีคลายเหงา ส่วนสิบทิศนั้นไม่เคยจะโผล่หน้าให้ไผ่ได้เห็นจนไผ่คิดในใจว่าสิบทิศคงจะโกรธไผ่อยู่



“วันนี้น้องไผ่จะฝึกเดินไหม?” พีถาม ช่วงนี้หน้าที่ของพีคือการดูแลไผ่และคอยช่วยไผ่ฝึกเดินจนกว่าสิบทิศจะหาคนมาดูแลไผ่ได้



“เดินฮะ” ไผ่ตอบเสียงแผ่ว ร่างกายก็ดูซูบผอมอย่างเห็นได้ชัดจากการที่เจ้าตัวตรอมใจ สองสามวันก่อนหน้านี้ไผ่เอาแต่นอนร้องไห้ไม่ยอมทำอะไร แม้แต่ข้าวซักคำก็ไม่ยอมแตะ จนลิเคียวอดห่วงไม่ได้



‘น้องไผ่ ทานข้าวนะครับ’ ลิเคียวตักข้าวจ่อปากคนที่นั่งใจลอย



‘น้องไผ่ไม่หิวฮะ’ ไผ่ปฏิเสธโดยที่ไม่ได้หันมามองลิเคียวแม้แต่น้อย ไผ่นั้นเหม่อลอยมองไปที่นอกหน้าต่างเท่านั้น



‘ถ้าน้องไผ่ไม่กิน น้องไผ่จะมีแรงเดินเหรอ? พี่อุตส่าห์คิดแผนที่จะพาน้องไผ่หนีเสียหน่อย’



นั่นคือที่มาที่ทำให้ไผ่ยอมกินข้าวและฝึกเดินทุกวัน บางครั้งตอนดึกๆไผ่ก็ฝึกเดินคนเดียวจนเริ่มคล่องตัวและมีพัฒนาการที่ดีขึ้นอย่างก้าวกระโดดอาจเป็นเพราะว่าไผ่ต้องการจะออกจากห้องไปพบกับเหมเร็วๆ



“วันนี้น้องไผ่เดินได้ดีเลย” ลิเคียวพูดชม ไผ่เองก็ยิ้มออกมา เขาเองก็คิดว่าตัวเองเดินได้ดีจนแทบจะเป็นปกติ



“พี่เคียวฮะ…คืนนี้พาน้องไผ่หนีไปได้ไหมฮะ” ไผ่ร้องขอ ร่างบางยอมรับว่าตอนนี้ใจร้อนอยากออกจากห้องไปเสียตอนนี้ด้วยซ้ำ



“น้องไผ่ใจเย็นๆ พี่ว่ารอก่อนดีกว่า ให้น้องไผ่เดินได้คล่องกว่านี้…”



“พี่เคียวจะไม่ช่วยไผ่ให้เจอกับพี่เหมใช่ไหมฮะ?” ลิเคียวพูดไม่ทันจบไผ่ก็พูดสวนขึ้นมา



“ไม่ใช่อย่างนั้นครับ” ลิเคียวรีบปฏิเสธ



“ถ้าอย่างนั้นก็พาน้องไผ่หนีสิฮะ” ไผ่พูดพลาง เขย่าแขนลิเคียวไปพลาง



“วันนี้คงจะไม่ได้นะน้องไผ่…วันนี้พี่สิบทิศจะคุยกับน้องไผ่ที่รีสอร์ท” พีที่เข้ามาในห้องก็ได้ยินบทสนทนาของไผ่และลิเคียวพอดี



“น้องไผ่อย่าดื้อนะครับ เชื่อพี่สักครั้ง อดทนสักนิดแล้วทุกอย่างจะดีขึ้นเอง” พีเอ่ย พร้อมกับแขวนชุดไว้ในเสื้อผ้าของไผ่



“ชุดอะไรเหรอครับพี่พี” ลิเคียวถาม



“ชุดของน้องไผ่นะสิ จะให้น้องไผ่ใส่ไปเจอพี่สิบทิศ” พีเอ่ย ไผ่ก็มองชุดในตู้เสื้อผ้าไม่วางตา ในใจก็สงสัยว่าทำไมถึงต้องใส่ชุดนี้ด้วย



“ลิเคียวยังไงพี่ก็ฝากน้องไผ่ก่อนนะ ตอนเย็นพี่จะโทรมาบอกว่าให้พาน้องไผ่ออกจากห้องตอนไหน ยังไงก็ช่วยดูแลจัดการทุกอย่างให้เรียบร้อยด้วย” พีสั่งก่อนจะออกจากห้องไป



“น้องไผ่ จะดูหนังไหม?” ลิเคียวถามคนที่นั่งหน้านิ่งอยู่บนเตียง



“ไม่ฮะ น้องไผ่รู้สึกเพลีย ขอนอนพักดีกว่าฮะ” ไผ่บอก ก่อนจะเอนตัวล้มลงนอนบนเตียง ลิเคียวเองก็ดูหนังฆ่าเวลาโดยไม่รู้ว่าไผ่ไม่ได้นอนหลับ ร่างบางกำลังคิดหนีและนอนเก็บแรงเอาไว้



.



.



.



ในตอนเย็น พีได้โทรมาหาลิเคียวเพื่อนัดแนะเวลาที่จะพาไผ่ออกจากห้อง ลิเคียวจึงปลุกไผ่ให้ตื่นขึ้นมา ไผ่เองก็รู้ว่าต้องจัดการตัวเองก็ทำโดยไม่อิดออด อีกทั้งยังเดินเองโดยที่ลิเคียวไม่ต้องประคอง พอถึงเวลาที่กำหนด ลิเคียวก็เปิดประตูห้องซึ่งสิบทิศให้แม่บ้านไขกุญแจปลดล็อคไว้ก่อนหน้านี้ พาไผ่ออกจากบ้านไปหาสิบทิศ



“น้องไผ่เดินไหวไหมครับ?” ลิเคียวหันไปถามไผ่ที่เดินอยู่ข้างๆ



“ไหวฮะ” ไผ่ตอบ ก่อนจะผลักลิเคียวให้ล้มลงไปกับพื้น ส่วนตัวเองก็รีบวิ่งหนีไปในไร่อย่างยากลำบาก เนื่องจากขาทั้งสองข้างยังคงอ่อนแรง ลิเคียวเองก็รีบลุกขึ้นแล้วตามไผ่ไปแต่ด้วยความที่ไม่ชำนาญเส้นทาง อีกทั้งต้นไม้มากมายรายล้อมทำให้ลิเคียวพลัดหลงกับไผ่



“ให้ตายสิ ขืนตามต่อไปก็คงหาไม่เจอ เห็นทีต้องกลับไปบอกทุกคนที่รีสอร์ทดีกว่า” ลิเคียวสบถกับตัวเอง ก่อนจะวิ่งกลับไปยังรีสอร์ท



ไผ่ที่หลบอยู่หลังต้นไม้พอเห็นลิเคียวเดินจากไปจนลับตาก็ออกจากที่ซ่อน มือเรียวเองก็ทาบหน้าอกอย่างโล่งใจที่ไม่ถูกจับได้ จากนั้นขางสองข้างก็ค่อยๆก้าวเดินไปทางรั้วด้านข้างของไร่ สถานที่ที่ไผ่จะใช้เป็นเส้นทางหนี



แต่การเดินทางออกไปมันไม่ใช่เรื่องง่าย ยิ่งไผ่ที่กลับมาเดินได้เป็นปกติไม่เมื่อไม่นานมานี้นั้นก็ยิ่งลำบาก ไผ่ใช้แรงทั้งหมดไปกับการวิ่งหนีลิเคียว กลับกลายเป็นว่าตอนนี้ไผ่ก็เริ่มจะหมดแรง



‘ครืน…ครืน..’



เสียงฟ้าร้องและกลุ่มเมฆทีดำทมิฬลอยอยู่บนท้องฟ้าเป็นสัญญาณบอกว่าฝนจะตกลงมาในอีกไม่ช้า ไผ่รีบเร่งฝีเท้าแม้ทุกย่างก้าวจะเจ็บปวดก็ตาม



‘แปะ…แปะ….ซ่า.า…’



เหมือนฟ้าจะกลั่นแกล้งไผ่จึงได้เสกฝนลงมาอย่างหนัก ไผ่รีบหาที่หลบก็เห็นกระท่อมเล็กๆที่ตนเคยมาหลบฝนตอนเด็กๆ ไป่ไม่รีรอที่จะเดินเข้าไป



“อ๊ะ!!!” ไผ่ก้าวขาเหยียบขั้นบันไดแต่ด้วยความที่ยังเดินไม่ถนัดบวกกับฝนที่ตกมันก็ทำให้ไผ่ลื่นล้มลงไปกองกับพื้น



“ฮึก..ฮือ.อ..” ไผ่ร้องไห้ออกมาแต่ก็พยายามลุกขึ้นยืนแล้วเดินขึ้นไปยังตัวกระท่อมจนสำเร็จ



มือเรียวผลักประตูไม้ไผ่ออกช้าๆแล้วเข้าไปด้านใน ไผ่ล้มลงนั่งด้วยความเหนื่อยอ่อน ตาก็มองไปรอบๆห้องสี่เหลี่ยม ภาพความทรงจำเก่าๆก็เข้ามาในสมอง เหตุการณ์ก่อนเหมจะจากไปก็เป็นวันฝนตกแล้วไผ่เองก็มาหลบอยู่ในกระท่อมแห่งนี้จนเหมเป็นคนมาเจอ



“ฮือ..อ..พี่เหม..น้องไผ่คิดถึงพี่เหม” ไผ่ร้องไห้โฮออกมา เขานึกเพ้อว่าเหมจะมาตามหาเขาจนถึงกระท่อมแห่งนี้ ซึ่งมันไม่มีวันเป็นจริงเพราะเหมถูกสิบทิศไล่ออกจากบ้าน



“โครม!!!” ประตูถูกผลักออกอย่างแรงจนไผ่สะดุ้งโหยง ร่างบางนั่งกอดเข่าที่มุมห้องด้วยความกลัว ก่อนจะมีเงาใหญ่ๆแวบเข้ามาในห้อง



“ฮือ.อ…ออกไป..กลัวแล้ว..น้องไผ่กลัวแล้ว” ไผ่ร้องออกมาด้วยความกลัว อีกทั้งก้มหน้าไม่ยอมมองอีกฝ่าย



‘หมับ’ ไผ่ถูกสวมกอด ความอบอุ่นจากคนมาใหม่ทำให้ร่างกายของไผ่อบอุ่นไปด้วย ไผ่ทุบตีคนให้ออกไปแต่อีกฝ่ายกลับกอดรัดแน่น



“น้องไผ่ไม่คิดถึงพี่เหรอ?” เสียงที่เปล่งออกมาเพียงแผ่วเบานั้นสามารถทำให้การกระทำของคนในอ้อมแขนเปลี่ยนไป



“พะ…พี่..อื้อ” ไม่ทันที่ไผ่จะได้พูดจบ เหมก็บดเบียดริมฝีปากตามด้วยสอดลิ้นเข้าไปหยอกเหย้าลิ้นเล็กอย่างกระหายและโหยหา ไผ่เองก็โอบคอกดท้ายทอยของเหมเข้าหาพร้อมกับจูบตอบกลับไปโดยไม่อาย ซึ่งต่างจากทุกครั้งที่ไผ่จะเคอะเขิน



‘จุ๊บ’ เหมถอนจูบ ริมฝีปากหนาผละออกออกจากริมฝีปากบางอย่างอ้อยอิ่ง



“น้องไผ่ทำไมมาอยู่ที่นี่ล่ะครับ?” เหมถาม



“น้องไผ่ก็หนีพี่สิบทิศฮะ…อ่ะ…พี่เหมเราสองคนรีบหนีออกจากไร่กันเถอะฮะ ก่อนที่พี่สิบทิศจะมาเจอเราทั้งสองคน” ไผ่รีบชวนเหมให้ออกจากไร่ ชายหนุ่มกลัวว่าถ้าสิบทิศมาเจอทั้งเขาและเหมจะไม่ได้เจอกันตลอดกาล



“ถ้าอย่างนั้นเรารีบไปกันเถอะ น้องไผ่ขี่หลังพี่นะ” เหมหันหลังให้ ไผ่ก็เข้าสวมกอดขี่แผ่นหลังกว้าง



เหมพาไผ่ออกจากกระท่อม ฝ่าฝนที่ตอนนี้เริ่มซาลง ทั้งสองพูดคุยถึงความทรงจำในวัยเด็ก ก่อนที่ไผ่จะสังเกตว่าเหมพาไผ่มาทางไปรีสอร์ท



“พี่เหมฮะ..พี่เหมมาที่นี่ทำไม พี่สิบทิศอยู่ที่นี่นะฮะ” ไผ่บอกกับเหม เพื่อที่คนรักจะได้เดินกลับแต่ทว่าเหมกลับเดินเข้าไปในรีสอร์ท ไม่ว่าไผ่จะพูดอะไรเหมก็ยังเดินเข้าไปอยู่ดี



“นี่มันอะไรกันฮะ?”



ไผ่ถามออกมา สายตาก็กวาดมองส่วนห้องโถงของรีสอร์ทที่ตกแต่งด้วยดอกไม้สีขาวและสีชมพู ที่สำคัญสิบทิศ พี ชัชวิน ลิเคียวและเบอร์บอนด์รวมทั้งครอบครัวของเหมก็นั่งอยู่ด้วยกันพร้อมหน้าพร้อมตา



“ไปเจอน้องไผ่ที่ไหนเหรอเหม?” พ่อของเหมถาม ทุกคนก็รอฟังคำตอบ



“ที่กระท่อมสวนกุหลาบครับ” เหมตอบแล้วย่อตัวลงให้ไผ่ยืนอยู่บนพื้น คีร์ก็รีบเอาผ้ามาคลุมตัวไผ่ที่ยืนตัวสั่นเพราะเปียกฝน



“พี่เหม…ทำไม?” ไผ่มองหน้าเหมสลับกับมองหน้าทุกคนด้วยความสงสัย



“ทั้งสองคนมานั่งลงก่อนเดี๋ยวจะเล่าให้ฟัง” สิบทิศเอ่ย



จากนั้นสิบทิศก็เล่าเรื่องราวทั้งหมดให้ไผ่ได้ฟัง หลังจากที่ขังไผ่ไว้ในห้อง สิบทิศก็เข้าชกเหมต่อที่หน้าบ้านโดยเป็นเอก ทิว คอยห้ามเอาไว้ ในตอนนั้นสิบทิศยอมรับว่าโกรธมากจนพีทนไม่ไหวก็เข้ามาพูดเตือนสติว่าตนถูกชัชวินขัดขวาง ให้พีกลับกรุงเทพสิบทิศจะทำอย่างไร สิบทิศจึงได้คิดขึ้นมาได้ว่ามันคงจะเจ็บปวด เลยได้คุยกับเหมและได้ตกลงกันว่าให้เหมพิสูจน์ตัวเองแล้วก็แสดงให้สิบทิศเห็นว่าเหมรักไผ่จริง เหมจึงขอเวลา1อาทิตย์เพื่อกลับไปหาครอบครัวที่ต่างจังหวัด ส่วนสิบทิศก็กลัวว่าไผ่จะหนีไปเสียก่อนจึงต้องกักบริเวณ อีกทั้งอยากเซอร์ไพรท์ไผ่จึงกำชับทุกคนไม่ให้บอกเรื่องราวเกี่ยวกับเหม จนกระทั่งเมื่อวานเหมติดต่อสิบทิศว่าจะพาครอบครัวของตัวเองมาพูดคุยกับสิบทิศวันนี้



“พี่สิบทิศยอมรับแล้วเหรอฮะ?” ไผ่ถามพี่ชายอีกครั้ง เพื่อย้ำเตือนว่าตนเข้าใจไม่ผิด



“ใช่สิ” สิบทิศตอบ มือก็ลูบผมสีดำขลับเบาๆ



“ถ้าไม่ยอมรับ ลุงก็จะมาคุยให้คุณสิบทิศยอมรับเอง” พ่อของเหมเอ่ย ที่จริงแล้วทางครอบครัวของเหมตกใจมากตอนที่เหมบอกว่าชอบผู้ชายและตกใจยิ่งกว่าเมื่อผู้ชายที่ว่าคือไผ่ ลูกชายของนักรบซึ่งเป็นเจ้านายเก่า แต่แทนที่คิดจะเสียใจหรือขัดขวาง ทางครอบครัวของเหมกลับเข้าใจและยินดีเพราะนี่คือความสุขของลูก



“เอาล่ะครับ ไหนๆทุกคนก็ทำความเข้าใจแล้ว เคียวอยากจะฟังความในใจของทั้งสองคนบ้างครับ” ลิเคียวจอมแสบเอ่ยขึ้นมา ทำให้ไผ่กับเหมแทบจะปรับสีหน้าไม่ทัน ยิ่งทุกคนคอยปรบมือส่งเสียงเชียร์ ทั้งสองก็ยิ่งกดดันและตื่นเต้น



“น้องไผ่ไม่รู้จะพูดอะไรฮะ ทุกอย่างมันฉุกละหุกไปหมด เอาเป็นว่าน้องไผ่ขอบคุณทุกคนที่ยอมรับความรักของน้องไผ่กับพี่เหมนะฮะ โดยเฉพาะพี่สิบทิศพี่ชายของน้องไผ่ ตลอดสองปีที่ผ่านมาน้องไผ่อาจจะเป็นภาระให้กับพี่สิบทิศ นะ…น้องไผ่ขอบคุณมากที่ดูแลน้องไผ่เป็นอย่างดี ขอบคุณจริงๆนะฮะ…ฮึก…อีกอย่างเพราะพี่สิบทิศ..น้องไผ่จึงได้เจอพี่เหม คนที่น้องไผ่รัก…ฮือ..อ..” ไผ่พูดทั้งน้ำตา น้ำตาที่มาจากความตื้นตัน ความปลื้มปิติที่ล้นอกออกมา สิบทิศที่ได้ฟังก็เข้ามาสวมกอดไผ่ที่ตอนนี้ร้องไห้ออกมา จนคนเป็นพี่ต้องคอยเช็ดน้ำตาให้



“น้องไผ่พูดจบแล้ว ขอเชิญพี่เหมพูดยาวๆสักประโยคให้เคียวฟังหน่อยครับเพราะตั้งแต่มาที่นี่เคียวได้ยินพี่เหมพูดไม่ถึงสามประโยค” ลิเคียวพูดจบทุกคนก็หัวเราะดังลั่น จะทำยังไงได้ล่ะ? เหมเขาขึ้นชื่อว่าเจ้าชายหิมะ



“เช่นเดียวกับที่น้องไผ่ได้บอกไว้ ผมขอขอบคุณทุกๆคนที่ยอมรับและเข้าใจในความรักของผม ถึงความรักในครั้งนี้มันจะดูไม่ถูกต้องแต่ผมอยากให้รู้ โดยเฉพาะสิบทิศ…ฉันรู้ว่านายมีน้องไผ่เป็นญาติเพียงคนเดียว นายไม่แปลกที่จะหวง ฉันเข้าใจดีแต่นายไม่ต้องกังวลเพราะฉันจะรักและดูแลน้องไผ่ไปตลอดชีวิตของฉัน ฉันขอให้คำมั่นสัญญานี้กับนายโดยมีทุกคนเป็นพยาน” เหมพูดจบทุกคนก็โห่ร้องให้กับคำพูดที่มาจากใจชายหนุ่ม รวมทั้งดีใจที่เหมพูดประโยคยาวๆได้



หลังจากนั้นทั้งหมดก็ร่วมรับประทานอาหารด้วยกันต่อด้วยการสังสรรค์ เต้นกันบ้าง ดื่มเหล้ากันบ้าง โดยพ่อตาอย่างชัชวิน ลิเคียว รวมทั้งสิบทิศดวลเหล้ากัน จนคนรักแอบปาดเหงื่อเพราะเวลาเมาสามคนนี้โคตรหื่น!!!!



เหมกับไผ่เดินออกมาจากห้องโถง ทั้งสองคนเดินเล่นไปจนถึงสวนหย่อมเล็กที่ต้นไม้เปียกชุ่มไปด้วยฝนที่เคยตกไปก่อนหน้านี้



“วันนี้น้องไผ่ดีใจมากๆเลยฮะ ที่เราสองคนได้อยู่ด้วยกัน ตอนพี่เหมไม่อยู่น้องไผ่ร้องไห้ทุกวันเลย” ไผ่เอ่ย



“พี่ก็ดีใจ ตอนที่ไม่ได้อยู่ด้วยกันพี่เองก็คิดถึงน้องไผ่” เหมสวมกอดไผ่แน่น



“ไผ่ดีใจที่ทุกคนยอมรับ ไผ่ดีใจจริงๆฮะ” ไผ่พูดต่อ



“ต่อไปนี้เราสองคนก็จะได้รักกันอย่างเปิดเผยเสียที ไม่ต้องคอยหลบคอยแอบว่าใครจะมารู้ว่าเรารักกัน จะจูบกันตรงไหนก็ไม่มีใครว่า” เหมพูดติดตลก ไผ่ที่ตั้งใจฟังพอได้ยินประโยคสุดท้ายก็อดไม่ได้ที่จะหยิกเหมด้วยความหมั่นไส้



“หยิกพี่เหรอ? จับจูบดีกว่า” เหมไม่ได้พูดขู่ เขาจับไผ่มาจูบจริงๆ



ความรักทั้งหมดที่เคยปิดบังไม่ให้ใครรู้เพราะคำว่ากลัวหรือเพราะเหตุผลล้านแปด ตอนนี้ไผ่กับเหมได้ข้ามผ่านจุดนั้นไปแล้ว ทั้งสองจะไม่ ‘ซ่อนรัก’ อีกต่อไป เขาทั้งคู่พร้อมที่จะแสดงความรักให้ทุกคนได้รับรู้





















........................................

มาแล้ว สุดท้ายก็ถึงบทสรุป



ไม่รู้จะถูกใจกันไหม เอาเป็นว่าเขาสมหวังกันเนอะ

ขอโทษที่อัพนิยายช้านะคะ งานหลักรัดตัวเลยไม่ค่อยมีเวลาแต่ง



สุดท้ายนี้ขอขอบคุณทุกคนที่คอยติดตาม อ่าน เม้นเป็นกำลังใจนะคะ หวังว่าจะเป็นกำลังใจให้ทุกๆเรื่องนะคะ

ขอบคุณจริงๆค่ะ

#อย่าลืมติดตามอีกคู่นึงนะคะ เอกทิว×ทิวเอก
หัวข้อ: Re: บันทึกรัก...ไร่แสงจันทร์ 20++ Yaoi (ซ่อนรัก) EP.12 P.3 18/01/2017
เริ่มหัวข้อโดย: MayA@TK ที่ 18-01-2017 21:06:45
ดีนะตอนหนีน้องไผ่ไม่เป็นอะไรไปอีก

 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: บันทึกรัก...ไร่แสงจันทร์ 20++ Yaoi (ซ่อนรัก) EP.12 P.3 18/01/2017
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 18-01-2017 21:20:09
พี่เหม น้องไผ่  :กอด1: :กอด1: :กอด1:
ห่างกันแค่ไหน เขาสูงบังกั้นไว้ รักยังให้มาเจอ
       :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: บันทึกรัก...ไร่แสงจันทร์ 20++ Yaoi (ซ่อนรัก) EP.12 P.3 18/01/2017
เริ่มหัวข้อโดย: sirin_chadada ที่ 18-01-2017 22:28:42
ดูรวบรัดหน่อย ๆ
สถานการณ์บ้านคนเขียนกลับเป็นปกติหรือยังคะ
หัวข้อ: Re: บันทึกรัก...ไร่แสงจันทร์ 20++ Yaoi (ซ่อนรัก) EP.12 P.3 18/01/2017
เริ่มหัวข้อโดย: Jessiebier ที่ 18-01-2017 23:09:28
สนุกๆๆ :katai2-1:
หัวข้อ: Re: บันทึกรัก...ไร่แสงจันทร์ 20++ Yaoi (ซ่อนรัก) EP.12 P.3 18/01/2017
เริ่มหัวข้อโดย: TanYung0209 ที่ 19-01-2017 06:08:11
ดูรวบรัดหน่อย ๆ
สถานการณ์บ้านคนเขียนกลับเป็นปกติหรือยังคะ







สถานการณ์ดีขึ้นแล้วค่ะแต่ตอนนี้ฝนตกหนักอีกแล้ว
หัวข้อ: Re: บันทึกรัก...ไร่แสงจันทร์ 20++ Yaoi (ซ่อนรัก) EP.12 P.3 18/01/2017
เริ่มหัวข้อโดย: fay 13 ที่ 19-01-2017 08:10:04
 :mew1:
หัวข้อ: Re: บันทึกรัก...ไร่แสงจันทร์ 20++ Yaoi (ซ่อนรัก) EP.12 P.3 18/01/2017
เริ่มหัวข้อโดย: TanYung0209 ที่ 19-01-2017 13:00:12
 :katai1:ฝากเพจค่าา https://www.facebook.com/gingerale0209/
หัวข้อ: Re: บันทึกรัก...ไร่แสงจันทร์ 20++ Yaoi (คู่กัด) EP.00 P.3 20/01/2017
เริ่มหัวข้อโดย: TanYung0209 ที่ 20-01-2017 16:40:36
บันทึกรัก…ไร่แสงจันทร์

Writer : Tan-Yung0209

File : เมื่อผมมีเมีย(ผัว)เป็นคู่กัด 00











อ่านด้วยนะ!!!!!

มาแล้วกับคู่เอกทิว ทิวเอก คู่กัดประจำไร่แสงจันทร์ สองคนนี้คือคู่สร้างคู่สมที่หลายคนรอคอย...ไม่เน้นมาม่า เน้นคอมเมดี้ บ้าบอคอแตก ไร้สาระสุดๆ

ป.ล. ฝากติดตามด้วยนะคะ อ่อ ใครสนใจบันทึกรักบ้านไร่เป็นหนังสือบ้าง ช่วยเม้นบอกนะคะ ถ้ามีสัก10เล่มก็จะทำ ป.ล. ราคาคงไม่แพงเพราะปกจะวาดเอง(ถึงจะไม่สวยก็เถอะ)5555









‘ทิว’ ชายหนุ่มร่างสูง หน้าตาหล่อเหลา โดยเฉพาะตาที่ดูเฉี่ยวยิ่งเสริมบุคลิคให้ดูหล่อร้ายแบบพวกเพลย์บอย ตอนนี้เขากำลังนั่งอยู่ปลายเตียงในห้องพักใหม่ด้วยสีหน้ากลัดกลุ้ม จะไม่ให้เขากลัดกลุ้มได้ยังไงในเมื่อมีรูมเมท ไม่สิ…ต้องบอกว่าคู่กัดมาอยู่ร่วมห้อง



“มึงจะนั่งเฉยอีกนานไหม? รีบมาจัดของสิวะ”



คู่กัดของทิวที่ชื่อว่า ‘เป็นเอก’ หรือที่ทิวจะเรียกว่า ‘ไอ้เอก’ กำลังจัดเสื้อผ้าใส่ตู้เสื้อผ้าอย่างไม่รู้สึกเดือดร้อนหรือร้อนรนใจที่ต้องมาอยู่กับคู่ปรับเลย ท่าทางนิ่งๆที่เข้ากันดีกับหน้าตาหล่อ ดวงตาเรียวเล็กที่มีเครื่องหน้าชัด ถ้าผู้หญิงเห็นสองคนนี้อยู่ด้วยกันรับรองเลยว่าคงเลือกไม่ถูกแน่นอน



ทิวหยิบกระเป๋าตัวเองแล้วเริ่มจัดของ ในใจก็โทษตัวเองว่าไม่น่าใจร้อนไปมีเรื่องชกต่อยกับ ‘พี’ คนงานคนใหม่ ที่ดูเหมือนว่า ‘สิบทิศ’ ผู้เป็นเจ้านายจะคอยดูแลเป็นพิเศษ จนเขาและเป็นเอกต้องมาอยู่ด้วยกัน



ย้อนเวลากลับไปในตอนเที่ยง



เหตุการณ์ทะเลาะวิวาทที่โรงอาหารในไร่เมื่อตอนเที่ยงนั้นผู้เกี่ยวข้องในเหตุการณ์ทั้งสี่คน พี เป็นเอก ทิวและส้มจี๊ดก็เดินมาที่บ้านใหญ่ พีใจเต้นรัวเพราะไม่เคยเห็นสิบทิศในตอนโกรธก็รู้สึกกลัวขึ้นมาทันที ต่างจากเป็นเอกกับทิวที่ทะเลาะกันบ่อยจนถูกเจ้านายเรียกไปตักเตือนอยู่เสมอ



"กลัว เหรอไอ้หน้าอ่อน" ทิวยิ้มเยาะเมื่อเห็นพีนิ่งเงียบหน้าตาซีดเผือด พีมองทิวด้วยสายตาไม่พอใจ



"หุบปากมึงไปไอ้ทิวจะถึงบ้านใหญ่แล้วยังจะหาเรื่องชกอีก" เป็นเอกเอ่ยออกมาสร้างความไม่พอใจแก่ทิวเป็นอย่างมาก



"พูดอย่างนี้มึงกับกูจะเอากันสักทีตอนนี้แล้วค่อยไปหาคุณสิบทิศที่บ้านใหญ่มึงจะเอาไหม?" ทิวหาเรื่องท้าชกเป็นเอก คนที่โดนท้าด้วยความเอือมระอา ทิวก็เหมือนกับเด็กไม่รู้จักโตเป็นพวกแพ้แล้วพาล



"โอ๊ย!!! พวกพี่จะทะเลาะอะไรกันหนักหนาเนี่ย รีบไปหาคุณสิบทิศได้แล้วขืนช้าคุณสิบทิศเล่นพวกเราแน่" ส้มจี๊ดห้ามทัพในหัวก็นึกถึงเวลาที่เจ้านายสุดหล่อโกรธขึ้นมาทั้งโหดทั้งดุชนิดที่ว่าคุณนักรบพ่อของคุณสิบทิศยังห้ามไม่อยู่ ส่วนเป็นเอกกับทิวพอถูกห้ามทัพก็หยุดกัดกันชั่วคราวแล้วเดินต่อไปจนถึงบ้านใหญ่



"สวัสดีครับ/สวัสดีค่ะ" ทุกคนยกมือไหว้กล่าวคำสวัสดีแดคนที่นั่งอยู่ตรงหน้า



"สวัสดี นั่งลงก่อนสิ" สิบทิศกล่าวด้วยน้ำเสียบเรียบนิ่งซึ่งผิดวิสัยจากเดิมไผมาก ทุกคนก็นั่งลงตามคำเชิญชวนปากก็ปิดเม้มไม่มีใครพูดอะไรออกมา พีสังเกตว่าทุกคนจะเกรงกลัวสิบทิศมากแม้แต่ทิวยังไม่กล้าจะสบตาสิบทิศด้วยซ้ำ



"เรื่องมันเป็นมายังไง ส้มจี๊ดเล่าให้ฉันฟังหน่อย" สิบทิศหันไปถามหญิงสาวเพียงหนึ่งเดียวในห้อง



"ก็เหมือนเดิมค่ะพี่ทิวกับพี่เอกทะเลาะกันเพราะความสวยของส้มจี๊ดแต่ที่ต่างจากเดิมคือพี่พีเข้ามาช่วยส้มจี๊ดเลยชกต่อยกับพี่ทิว" ส้มจี๊ดให้สิบทิศฟังสั้นๆ



ที่จริงแล้วเรื่องทะเลาะวิวาทของเป็นเอกและทิวเรียกว่าบ่อยครั้งมาก ทุกครั้งที่เจอกันก็จะต้องชกตีกันตลอด เดิมทีสองคนนี้อยู่ไร่เดียวกันแต่ด้วยคนเก่งสองคนมาเจอกัน คนหนึ่งใจเย็นมีความคิดเป็นของตัวเอง อีกคนก็ใจร้อนเชื่อมั่นในตัวเองสูงจึงขัดคอกันบ่อยๆบวกกับมีส้มจี๊ดที่ชอบเป็นเอกอย่างออกนอกหน้าโดยที่ทิวนั้นตามจีบส้มจี๊ดอยู่ ทั้งสองจึงไม่กินเส้นกันจนสิบทิศต้องให้ทำงานคนละไร่แต่ถึงอย่างนั้นก็ยังมีเรื่องทุกครั้งที่เจอหน้าจนสิบทิศเรียกมาตักเตือนอยู่บ่อยครั้ง



"ส้มจี๊ด เธอออกไปก่อนฉันจะคุยกับสามคนนี้" สิบทิศบอกให้ส้มจี๊ดออกไปเพราะหน้าที่แล้ว คราวนี้ทั้งห้องก็เหลือผู้พิพากษาหนึ่งคนและจำเลยอีกสาม



"เอก ทิว" สิบทิศเรียกชื่อของทั้งสองคน



"ครับ" คนถูกเรียกชื่อขานรับแล้วมองไปยังเจ้านายที่ตีหน้านิ่ง



"ฉันเตือนพวกนายกี่ครั้งแล้ว" สิบทิศถาม



"นับไม่ถ้วนครับ" เป็นเอกเป็นคนตอบ



"หวังว่าครั้งนี้เป็นครั้งสุดท้ายที่พวกนายสองคนจะทะเลาะกันนะ"



"ครับ/ครับ" เป็นเอกกับทิวพูดพร้อมกัน



"ถ้ายังมีเรื่องกันอีกฉันจะไล่นายทั้งสองคนออก" สิบทิศพูดออกมา ไม่ใช่แค่คำขู่สิบทิศพูดจริงถึงแม้ว่าเป็นเอกกับทิวจะเป็นคนมีความสามารถแต่หากทำตัวมีปัญหาสิบทิศก็จำเป็นต้องไล่ออก



"ผมจะพยายาม" ทิวบอกกับสิบทิศ



"ไม่ใช่จะพยายามแต่ต้องห้ามทะเลาะกัน เข้าใจไหม?"



"ครับ"



"แล้วหลังจากนี้ฉันจะสั่งให้คนย้ายของทั้งสองไปที่บ้านพักของคนงานที่ฟาร์มโคนม" สิบทิศเอ่ย ทั้งเป็นเอกและทิวแปลกใจที่ถูกย้ายไปที่บ้านพักของคนงานโคนมซึ่งถือได้ว่าเป็นงานยากเพราะการทำไร่ผลไม้มันไม่ละเอียดเท่ากับการดูแลสัตว์



"ไม่ต้องตกใจฉันไม่ให้พวกนายเลี้ยงโคนมหรอกนะ..." พอสิบทิศพูดแบบนี้ทั้งทิวทั้งเป็นเอกก็โล่งอกขึ้นมา



"แต่ฉันจะให้ไปล้างคอกทุกเย็นเป็นเวลา1เดือนและพวกนายต้องนอนอยู่ด้วยกัน ทุกเที่ยงมารายงานตัวกับฉัน" สิบทิศพูดต่อจนจบทั้งเป็นเอกทั้งทิวก็แทบจะล้มทั้งยืน มันเหมือนโดนกลั่นแกล้งกันชัดๆ



"คือ..."



"ไม่ต้องพูดอะไรทั้งนั้นคำพูดของฉันคือคำสั่งที่พวกนายสองคนต้องปฏิบัติตาม" สิบทิศเอ่ยขึ้นเมื่อเห็นว่าทิวพยายามจะแย้ง



"ครับ" ทิวจึงต้องจำใจยอมรับ



นี่คือสาเหตุที่ทำให้คู่กัด คู่ปรับมาอยู่ด้วยกันและที่สำคัญมันคือจุดเริ่มต้นของความสัมพันธ์ที่พัฒนาเป็นความรัก…ว่าแต่แมนๆแบบนี้ใครจะรุกใครจะรับ?























หัวข้อ: Re: บันทึกรัก...ไร่แสงจันทร์ 20++ Yaoi (คู่กัด) EP.00 P.3 20/01/2017
เริ่มหัวข้อโดย: shcheribrand ที่ 20-01-2017 22:37:18
เชียร์เป็นเอกรุกทิว5556 :hao6:
หัวข้อ: Re: บันทึกรัก...ไร่แสงจันทร์ 20++ Yaoi (คู่กัด) EP.01 P.3 23/01/2017
เริ่มหัวข้อโดย: TanYung0209 ที่ 23-01-2017 18:18:54
บันทึกรัก…ไร่แสงจันทร์

Writer : Tan-Yung0209

File : เมื่อผมมีเมีย(ผัว)เป็นคู่กัด 01













สวัสดีครับผมชื่อ ‘เป็นเอก’ เป็นหนุ่มไร่ส้มที่ไร่แสงจันทร์ ถ้าจะให้พูดถึงความเป็นตัวผมก็คงจะนิ่งๆไม่ค่อยพูดมาก อยู่แบบปกติทั่วไปนี่แหละครับ ผมเป็นคนธรรมดาไม่ได้วิเศษมาจากไหน ชีวิตผมก็มีแค่งานในไร่เท่านั้น



สาเหตุที่ผมได้ทำงานไร่ส้มที่ไร่นี้ก็เพราะผมอยากได้ประสบการณ์จากงานในไร่ เพื่อที่สักวันผมมีเงินผมจะได้ทำไร่เล็กๆเป็นของตัวเองบ้าง แล้วอีกอย่างไร่แสงจันทร์ไม่ใช่ไร่ที่ใครจะเข้ามาทำงานได้ง่ายๆ ทุกคนต้องผ่านการทดสอบรวมถึงสอบสัมภาษณ์กับเจ้าของไร่เสียก่อน แน่นอนว่าผมผ่านฉลุย



ทุกสิ่งทุกอย่างเป็นไปอย่างที่ผมคิดเลยครับ งานที่นี่วางระบบไว้อย่างดี ทุกคนในไร่เป็นมิตรให้แก่กัน ถ้าจะบอกมีความสุขไหม? บอกเลยว่ามีแต่ถ้าถามว่าสงบไหม? ผมขอบอกชัดๆเน้นๆเลยครับว่า ไม่มี!!!!



สาเหตุของความสงบที่หายไปมาจากผู้ชายคนหนึ่งที่ชื่อว่า ‘ทิวไผ่’ หรือ ‘ทิว’ คนงานที่เข้ามาทำงานพร้อมกับผม ทิวทำงานที่ไร่องุ่นครับ หลายคนอาจจะตั้งคำถามว่าทำงานคนละที่แล้วทำไมถึงได้เจอกัน มีปัญหากัน ก็เพราะว่าเวลาพักเที่ยงเหล่าคนงานในส่วนต่างๆ ทั้งโคนม คอกม้า ไร่องุ่นและอีกมากมายรวมถึงไร่ส้มที่ผมทำงานอยู่ด้วย



ตอนแรกต่างคนต่างก็กินข้าวกันในพวกของตัวเอง มีบ้างที่เพื่อนต่างกลุ่มจะมาร่วมวง ดูเหมือนจะไม่มีปัญหาใช่ไหมครับ? อันที่จริงตัวต้นเหตุก็คือ ‘ส้มจี๊ด’ ลูกสาวป้าศรีแม่ครัวของไร่แสงจันทร์ที่ขยันเอาอกเอาใจผมจนออกนอกหน้าทำให้ทิวไม่พอใจมาหาเรื่องผมก็เพราะมันชอบน้องส้มจี๊ด



“นี่…มึง” ในขณะที่ผมกำลังจะเดินกลับไร่ส้มก็มีเสียงๆหนึ่งเรียกผมเอาไว้แต่ผมก็ทำทีไม่สนใจ



“เฮ้ย!! หูหนวกเหรอกูเรียกมึงไม่ได้ยินหรือไง?”  คราวนี้ไม่ได้มาแค่เสียง เจ้าของเสียงเข้ามากระชากบ่าผมเอาไว้



“ก็เรียกมึง มึง มึง กูจะรู้ไหมว่ามึงเรียกกู” ผมตีหน้านิ่งพูดสวนไป คนอะไรไร้มารยาท



“เออ กูชื่อทิว มึงชื่ออะไรล่ะ?”



“กูชื่อเป็นเอกหรือมึงจะเรียกเอกก็ได้” ผมเห็นมันแนะนำตัวมาผมก็แนะนำตัวกลับไป



“เอก กูขอเตือนมึงให้มึงเลิกยุ่งกับน้องส้มจี๊ด”



“ทำไม?”



“กูจีบน้องส้มจี๊ดอยู่แล้วไม่นานก็จะได้เป็นแฟนกัน” ทิวบอกกับผม ตาก็เหลือบมองผม ริมฝีปากกระตุกขึ้นมาดูยียวนชวนกวนตีน



“แล้วไง กูต้องทำตามด้วย?” ผมถามกลับไปน้ำเสียงกวนตีนสู้กลับ



“ต้องทำไม่อย่างนั้นมึงเจอดีแน่” ทิวพูดกระซิบกระซาบข้างหูแล้วเดินจากผมไป



นั่นคือจุดเริ่มต้นของการเป็นศัตรูของเราสองคนครับ เรื่องอะไรที่ผมต้องทำตามที่มันสั่งด้วย อีกอย่างผมบริสุทธิ์ไม่คิดกับส้มจี๊ดเชิงชู้สาวแต่บางครั้งผมเองก็ยอมรับว่านึกสนุกแกล้งมันด้วยการพูดคุยกับส้มจี๊ดให้ทิวมันโกรธ ผมว่าผมโรคจิตนะครับ ชอบทำให้มันโกรธใบหน้าเวลามันโกรธผมว่าดูตลกดี แต่ทิวคงไม่ตลกด้วย



“ไอ้เอก กูบอกแล้วไงว่าอย่ามายุ่งกับน้องส้มจี๊ด!!!” มันชี้หน้าด่าผมกลางไร่



“มึงเป็นอะไรกับน้องส้มจี๊ดล่ะ? ถึงบอกให้กูห้ามยุ่ง” ผมวางคีมตัดกิ่งแล้วหันไปถามคนที่ยืนกำหมัดอยู่ข้างหลัง ทิวกัดฟันกรอดเพราะมันคงบอกไม่ได้ว่าเป็นอะไรกับส้มจี๊ด



“แฟนก็ไม่ใช่เสือกหวงก้าง ทำตัวเป็นหมาหวงก้างไปได้”



“มึงว่ากูเหรอ?” ทิวไม่ถามอย่างเดียว หมัดหนักๆก็เข้าประเคนใบหน้าผมเข้าอย่างจัง ผมเองไม่ชอบมีเรื่องก็จริงแต่ถ้าใครหาเรื่องผมเองก็พร้อมโต้กลับ



“เหี้ย!!” มันร้องออกมาเมื่อถูกเตะไปที่กลางหลัง เราสองคนตะลุมบอนกันผลัดกันชก ผลัดกันเตะ จนคนต้องเข้ามาห้ามและถูกเรียกตักเตือน



หลังจากนั้นผมกับทิวก็มีเรื่องกันบ่อยครั้งและถูกลงโทษให้หักเงินเดือนบ้าง ให้อดข้าวเย็นบ้างจนกระทั้งวันหนึ่ง ‘พี’ คนงานคนใหม่ที่เข้ามาทำไร่ส้ม ผมเห็นครั้งแรกก็ถูกชะตาจึงได้ชวนคุยแล้วสอนงานให้คร่าวๆ จนถึงจุดที่พลิกชะตาชีวิตของผมนั่นก็คือโรงอาหาร



ผมพาพีมาทานข้าว ส้มจี๊ดพอเห็นพีก็มานั่งชวนคุย ก่อนจะเร่งให้พีรีบกินก่อนคนในไร่องุ่นจะมา



“พูดปุ๊บมาพอดีเลย” ส้มจี๊ดเบะปากใส่เมื่อเห็นกลุ่มคนงานไร่องุ่นเดินมาแต่ไกล





“น้องส้มจี๊ดไปตักข้าวให้พี่หน่อยสิ พี่ทิวหิวข้าวจนตาลายหมดแล้ว” ทิวที่ท่าทางเอาเรื่องเดินเข้ามาหาส้มจี๊ดที่นั่งอยู่กับพีและผม





“ไม่ว่าง พี่หิวก็ไปต่อแถวเองสิ” ส้มจี๊ดพูดน้ำเสียกกระแทกกระทั้นใส่ติดจะรำคาญเพราะคอยตามจีบแล้วพาลหาเรื่องผู้ชายทุกคนที่เข้ามาใกล้





“ไม่ว่างเพราะนั่งอยู่กับหมาเหรอน้องส้มจี๊ด” ทิวเอ่ยแล้วชายตามองไปที่ผม ซึ่งนั่งกินข้าวทำทีเป็นไม่ได้ยินทิวก็ยิ่งหมั่นไส้เข้าไปใหญ่





“ลุกไปตักข้าวให้พี่หน่อยสิ” ทิวคว้าแขนส้มจี๊ดให้ลุกขึ้น หญิงสาวสะบัดแขนแต่ก็สู้แรงของทิวไม่ได้





“ไอ้ทิวปล่อยลูกข้าเดี๋ยวนี้!!!” ป้าศรีเห็นว่าลูกสาวกำลังตกอยู่ในสถานการณ์ไม่สู้ดีก็ตะโกนใส่ทิว คนงานคนอื่นจะเข้าไปช่วยแต่ถูกคนงานไร่องุ่นซึ่งเป็นลูกน้องของทิวคอยกันตัวเอาไว้กลายเป็นว่าในวงล้อมตอนนี้มีเพียง ผม พี  ส้มจี๊ด และก็ทิว





“ไอ้ทิว มึงปล่อยส้มจี๊ดได้แล้วมึงไม่เห็นเหรอว่าน้องเจ็บแขน” ผมลุกขึ้นมาต่อว่าทิวอย่างเหลืออดเพราะส่วนตัวไม่ชอบที่เห็นผู้ชายรังแกผู้หญิง





“มึงไม่ต้องมาทำเป็นสุภาพบุรุษเลยไอ้เอก กูจะให้ส้มจี๊ดไปตักข้าวมึงจะทำไม!!!”





“พวกพี่ใจเย็นก่อนนะครับ” พีเข้ามาขวางเอาไว้แล้วดึงตัวส้มจี๊ดออกมาหลบด้านหลังตัวเองอย่างเนียนๆ



 

“มึงเป็นใคร มาเสือกอะไรด้วยถ้าไม่อยากโดนกูกระทืบส่งน้องส้มจี๊ดมา” ทิวหันมาด่าพี





“พี่พีส้มจี๊ดกลัว..ฮือ..” ส้มจี๊ดร้องไห้ออกมา





“กูไม่ส่งให้มึงจะทำไม” พีพูดโต้ตอบกลับไป





“ไม่ส่งใช่ไหม...ได้มึงต้องเจอตีนกู” ทิวพูดจบก็ยกขาถีบไปที่หน้าท้องของพีโชคดีที่หลบทัน





“ส้มจี๊ดหลบไปก่อน” พีหันไปบอกส้มจี๊ด ส่วนตัวเองก็เข้าไปช่วยผมที่เข้ามาขวางไม่ให้ทิวทำร้ายพี





‘ผัวะ’ หมัดต่อหมัดระหว่างผมและทิวที่ซัดใส่กันอย่างไม่มีใครยอมใครแต่ผมก็เสียหลักถูกทิวเตะเข้าที่ซี่โครงจนล้มลงไป พีวิ่งเข้าไปถีบกลางหลังของทิวจนล้มไปที่โต๊ะก่อนจะขึ้นคร่อมชกหน้าทิวไม่ยั้ง





“มึงคิดว่าชกกูได้ฝ่ายเดียวเหรอ” ทิวรวบแรงเฮือกใหญ่พลิกตัวของพีให้นอนอยู่ใต้ร่างแทนก่อนจะง้างมือเข้าชกใส่หน้าบ้าง





“หยุดเดี๋ยวนี้!!!!” เสียงทรงพลังที่ทำเอาทุกคนหยุดชะงัก คุณสิบทิศเดินเข้ามาในโรงอาหารก่อนจะมองไปรอบๆก็พอจะเดาสถานการณ์ได้ว่ามีเหตุทะเลาะวิวาทกัน





“คนที่มีเรื่องตามฉันไปที่บ้านใหญ่ทุกคน!!!”



สิ้นเสียงคุณสิบทิศพวกเราก็ถูกตักเตือนพร้อมรับบทลงโทษที่ไม่สามารถผ่อนปรนได้



“ไอ้เอกมึงไปนอนบนพื้น เตียงนี้ของกู” ทิวที่เดินออกมาจากห้องน้ำในสภาพใส่บ็อกเซอร์ตัวเดียว ท่อนบนเปล่าเปลือยโชว์หน้าท้องเป็นลอนที่มีหยดน้ำเกาะอยู่



“เรื่องอะไรที่กูจะนอนพื้น ของทุกอย่างในนี้มึงกับกูมีสิทธิ์เท่ากัน ถ้ามึงไม่พอใจมึงก็ไปบอกคุณสิบทิศ” ผมเอ่ย มือก็เอื้อมหยิบหนังสือมาอ่าน

‘พรึบ’ ทิวดึงหนังสือออกจากมือผม



“แต่กูไม่อยากนอนบนเตียงกับมึง” ทิวเอ่ย ใบหน้าเรียบนิ่งที่มีไว้ขู่ผม ทำไมผมรู้สึกขำมากกว่าจะกลัวกันนะ



“นั่นมันปัญหาของมึง ไม่อย่างนั้นก็นอนบนพื้น” ผมเอ่ยอย่างไม่ใส่ใจ มือก็ดึงหนังสือกลับแล้วอ่านต่อ ทิวก็ลุกออกจากเตียงแล้วหยิบหมอนเล็กๆมาวางไว้ข้างๆผม



“มึงห้ามล้ำหมอนนี่เป็นอันขาด” ทิวบอกกับผมก่อนจะล้มตัวนอนลงไปเล่นโทรศัพท์มือถือ ให้ตายเหอะเหมือนเด็กอนุบาลแย่งที่นอนชัดๆมีการแบ่งเขตเอาหมอนกั้นด้วย ขนาดวันแรกยังมีเรื่องให้กัดกัน ถ้าอยู่ครบเดือนมีหวังประสาทกินแน่



เราสองคนต่างคนต่างก็อยู่ในโลกส่วนตัวไป ผมอ่านหนังสือไปเรื่อยๆจนกระทั่งรู้สึกง่วงและคิดจะปิดไฟนอน จึงหันไปดูอีกคนก็พบว่านอนหลับไปแล้ว ผมมองใบหน้าที่มีแผลจากการชกต่อยที่ตอนนี้หลับชนิดที่ไม่รู้สึกตัว คงจะหมดฤทธิ์เฉพาะตอนหลับ



“ฝันดีบัดดี้” ผมกระซิบข้างหูของทิวเบาๆ ถึงผมกับมันจะชกกันบ่อย ด่ากันทุกวัน ผมกลับไม่รู้สึกเกลียดมันเลยสักนิด…





















...................................

มาแล้วค่า

เรื่องนี้ท่านยุ่งจะเขียนให้ตัวละครเล่าเรื่องสลับกัน

ตอนนี้เราเริ่มกันที่พี่เป็นเอกคนแมน ที่มาเล่าถึงการเป็นคู่กัดของพี่แกกับทิว หวังว่าจะชอบกันนะคะ



ได้อ่านคอมเม้นกันมากมายดีใจนะคะที่ชื่นชอบกัน หวังว่าจะติดตามอ่านคู่นี้กันเยอะๆนะคะ เราจะ...

โนมาม่า โนน้ำตา เรามีความฮา ความบ้าล้วนๆ



สุดท้ายนี้ขอขอบคุณที่เข้ามาอ่านและติดตามกันนะคะ



หัวข้อ: Re: บันทึกรัก...ไร่แสงจันทร์ 20++ Yaoi (คู่กัด) EP.01 P.3 23/01/2017
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 23-01-2017 19:49:24
คิดว่าจะนอนกันดีๆ ได้มั้ย  :katai1: :katai1: :katai1:
เอ่อ.....งคนอ่านไม่เชื่อคนนึงละ :hao3:
รอตอนต่อไป
       :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: บันทึกรัก...ไร่แสงจันทร์ 20++ Yaoi (คู่กัด) EP.01 P.3 23/01/2017
เริ่มหัวข้อโดย: fay 13 ที่ 24-01-2017 08:14:47
 :mew2:
หัวข้อ: Re: บันทึกรัก...ไร่แสงจันทร์ 20++ Yaoi (คู่กัด) EP.01 P.3 23/01/2017
เริ่มหัวข้อโดย: mystery Y ที่ 25-01-2017 00:01:43
มาติดตามด้วยคน~
หัวข้อ: Re: บันทึกรัก...ไร่แสงจันทร์ 20++ Yaoi (คู่กัด) EP.02 P.3 25/01/2017
เริ่มหัวข้อโดย: TanYung0209 ที่ 25-01-2017 18:38:41
บันทึกรัก…ไร่แสงจันทร์

Writer : Tan-Yung0209

File : เมื่อผมมีเมีย(ผัว)เป็นคู่กัด 02















สวัสดีครับ ผมชื่อ ‘ทิวไผ่’ เรียกสั้นๆว่าทิวครับ ชื่อผมดูตลกว่าไหม? แน่นอนว่ามันเป็นความลับด้วย ผมจะไม่ยอมให้ใครรู้ชื่อของผมเป็นอันขาด



เรามาเข้าเรื่องกันดีกว่า นี่นับว่าเป็นครั้งที่สองที่ผมนอนไม่หลับตั้งแต่มาอยู่ไร่แสงจันทร์แห่งนี้ ครั้งแรกก็คือวันที่ผมถูกพ่อส่งมาทำงานในไร่เพื่อจะดัดสันดาร ไม่สิ เรียกให้ถูกว่าตัดหางปล่อยวัดและครั้งล่าสุดก็คือเมื่อคืนที่ผมต้องนอนร่วมเตียง ร่วมก้องกับ ‘เป็นเอก’ ศัตรูหัวใจคนสำคัญ



ผมลุกออกจากเตียงแล้วก้มมองคนที่นอนหลับไม่รู้เรื่องรู้ราว ถ้าผมเอาหมอนมากดหน้ามัน มันก็คงไม่รู้ตัวด้วยซ้ำ ผมบิดขี้เกียจเล็กน้อนแล้วเดินไปยังห้องน้ำ



“แม่ง ลืมหยิบยาสีฟัน” ผมสบถ เมื่อนึกขึ้นได้ว่ายาสีฟันยังคงอยู่ที่บ้านพักหลังเก่า ถ้าจะให้กลับไปเอามันต้องใช้เวลา ในระหว่างที่ผมกำลังคิดว่าจะทำอย่างไรดี ตาก็เหลือบไปเห็นยาสีฟันที่วางใกล้กับแปรงสีฟันเป็นเอก



‘เรื่องอะไรที่กูจะนอนพื้น ของทุกอย่างในนี้มึงกับกูมีสิทธิ์เท่ากัน ถ้ามึงไม่พอใจมึงก็ไปบอกคุณสิบทิศ’



เสียงของเป็นเอกมันดังก้องในหัว ในเมื่อมันบอกเองว่าของทุกอย่างในนี้ผมกับมันมีสิทธิ์เท่ากัน ผมก็ถือโอกาสบีบยาสีฟันลงบนแปรงสีฟันของผมเอง ก่อนจะนึกอะไรบางอย่างออกมา…



ผมอาบน้ำเสร็จก็รีบแต่งตัวออกจากบ้านพักไปทำงาน ส่วนเป็นเอกผมก็ปล่อยให้มันนอนไป ผมไม่คิดจดปลุดหรอกเพราะอยากให้มันตื่นสาย ลุงพล ลุงชิต ก็จะได้ด่ามัน



“เฮ้ย!!! ลูกพี่ทิวมาแล้ว” ดิน ลูกน้องคนสนิทของผมรีบวิ่งเข้ามาหา



“ไหนวะ..ลูกพี่ทิว!!!” คราวนี้นอกจากไอ้ดิน ก็มีน้องชายฝาแฝดของมันอีกสามคน นั่นก็คือ น้ำ ลม ไฟ ผมว่าตอนแม่มันปวดท้องคลอดคงจะดูละครสี่ยอดกุมารพอดี



“เป็นอะไรกันวะ แล้วนี่มากอดกูทำไม?” ผมถามเพราะถูกผู้ชายสี่คนถึงมันจะตัวเล็กกว่าผมแต่ถ้าผมถูกรุมกอดขนาดนี้ ผมก็สู้แรงไม่ไหวเหมือนกัน



“ผมนึกว่าลูกพี่ทิวจะเป็นอะไรไปเสียแล้ว” น้ำเอ่ย



“นี่มึงแช่งกูเหรอ? ไอ้น้ำ”



“เปล่าครับลูกพี่ทิว ก็ผมได้ยินคนเขาพูดกันว่าลูกพี่ทิวกับพี่เป็นเอกถูกย้ายไปอยู่บ้านพักเดียวกัน ผมก็กลัวว่าพวกพี่จะทะเลาะกันตีกันตายคาบ้านพัก” น้ำอธิบาย ส่วนฝาแฝดอีกสามคนก็พยักหน้าตาม



“เหอะ กูไม่เป็นอะไรง่ายๆหรอก ไอ้เอกจะสู้อะไรกูได้ แค่หน้าตากูก็กินขาดแล้ว”



“นี่พวกแกจะอู้งานอีกใช่ไหม รีบไปทำงาน!!!” ลุงพลที่ไม่รู้มาตั้งแต่ตอนไหน เอาเป็นว่าลุงแกตวาดพวกเราจนผมต้องกับไอ้พวกแฝดแยกย้ายกันไปทำงานต่อ ช่วงนี้งานหนักนิดหน่อยเพราะคอยประคบประหงมองุ่นลูกรักให้อยู่รอดปลอดภัยไปจนถึงวันเก็บผล



ตอนเที่ยง



เวลาที่ผมรอคอยก็มาถึง…เวลาพักเที่ยง เวลาที่ผมจะได้เติมพลังและได้เจอหน้าน้องส้มจี๊ดแสนสวยของผม



“ลูกพี่ทิวอารมณ์ดีเชียวนะครับ” ลมพูดออกมา มันคงจะเห็นใบหน้าเปื้อนยิ้มของผม



“ใช่สิ จะไม่ให้กูอารมณ์ดีได้ยังไง เดี๋ยวกูก็จะได้เจอน้องส้มจี๊ด” ผมพูดพลาง ยิ้มไปพลางจนผมดูคล้ายกับคนบ้า



“แต่ลูกพี่ทิวต้องไปรายงานตัวกับคุณสิบทิศพร้อมกับพี่เป็นเอกไม่ใช่เหรอ?” คำพูดของไอ้ไฟทำให้รอยยิ้มของผมหายไปทันที จริงสิ ผมเกือบลืมไปแล้วนะเนี่ย



“สวัสดีบัดดี้” เสียงที่แสนระคายหูดังมาทักทาย ผมหันไปมองเจ้าของเสียง



“พวกมึงไปก่อน กูมีเรื่องจะคุยกับ ‘บัดดี้’ เป็นการส่วนตัว” ผมบอกกับแก๊งค์สี่ยอดกุมาร ตาก็มองเป็นเอกที่ยืนหน้านิ่งอยู่ตรงหน้า



“แปรงฟันแล้วยังมึง?” พูดจบผมก็เอามือปิดจมูกตัวเองไปด้วย



“แปรงแล้ว พอดีกูซื้อยาสีฟันตุนเอาไว้หลายหลอด ว่าแต่มึงเถอะ ปากเหม็นมากเหรอ? ถึงใช้ยาสีฟันไปหมดหลอด” เป็นเอกตอบแถมยังยกยิ้มกวนตีนใส่ผมอีก



“ใครว่ากูเอามาใช้ กูก็แค่….”



“แค่อะไร?”



“ช่างมัน เอาเป็นว่ามึงกับกูรีบกินข้าวดีกว่า วันนี้ต้องพบคุณสิบทิศอีก” ผมเบี่ยงประเด็น ใครอยากจะบอกล่ะครับว่าผมเอายาสีฟันมันไปบีบใส่ลองเท้าผ้าใบกับกางเกงบางตัวของมัน ผมก็หวังว่ามันจะเจอแจ็คพ็อตสักวัน



ผมกับเป็นเอกเดินไปยังโรงอาหารแล้วต่อแถวรับข้าว ต่างคนต่างไม่พูดอะไรกันครับแต่คนที่พูดคือคนงานส่วนใหญ่ที่คอยมองและซุบซิบเรื่องของผมกับเป็นเอก ประมาณว่าทำไมมาด้วยกัน โดนทำโทษจริงเหรอ? มันไม่ชกกันตายคาห้องตั้งแต่เมื่อคืนเหรอ? และสารพัดคำพูดที่พวกเขาพูดคุยกัน แต่ผมก็ไม่คิดจะสนใจคำพูดเพราะผมสนใจอาหารที่ถืออยู่ในมือมากกว่า



ผมกับเป็นเอกนั่งเผชิญหน้ากัน ต่างคนต่างกินมีบ้างที่ผมจะลอบมองและรู้สึกได้ว่ามันเอกก็ลอบมองผม ความเงียบปกคลุมเพราะทั้งโต๊ะมีแค่เราสองคนเท่านั้น จนกระทั่ง…



“นี่น้ำกระเจี๊ยบแสนอร่อย ส้มจี๊ดให้พี่เอกแล้วก็พี่ทิวจ๊ะ” มือขาววางแก้วน้ำกระเจี๊ยบสีแดงก่ำตรงหน้าผม ส้มจี๊ดผู้หญิงที่คอยผลักไสผมตอนนี้กลับทำดีกับผมอย่างไม่น่าเชื่อ



“ส้มจี๊ดดีใจมากเลยนะจ๊ะที่พี่เอกกับพี่ทิวไม่ทะเลาะกัน” ส้มจี๊ดเอ่ย ริมฝีปากคลี่ยิ้มออกมาจนใจผมแทบละลาย เป็นอย่างนี้นี่เองถ้าผมทำดีกับเป็นเอก น้องส้มจี๊ดก็จะมองผมเป็นคนดีแล้วบางทีก็จะใจอ่อนยอมเป็นแฟนผมก็เป็นได้



“ใครมันจะทะเลาะกันทุกวันล่ะน้องส้มจี๊ด พี่เองก็เริ่มเบื่อแล้วที่ต้องทะเลาะกับไอ้เอก” ผมบอกหญิงสาวที่ผมตามจีบ เป็นเอกมองหน้าผม ผมเองก็ทำทียิ้มกลับไป



“ส้มจี๊ดมาช่วยแม่ตักข้าว!!” ป้าศรีเรียกลูกสาว ส้มจี๊ดเลยต้องกลับไปตักข้าวต่อ



“กูไปญาติดีกับมึงตั้งแต่เมื่อไหร่?” เป็นเอกถาม



“ก็ไม่ได้ญาติดีอะไร กูแค่แกล้งทำดีกับมึง พวกเราสองคนจะได้ไม่ถูกคุณสิบทิศแพ่งเล็งไง



“ไม่ใช่เพราะมึงจะทำเป็นดีกับกูเพราะจะทำคะแนนกับน้องส้มจี๊ดหรอกนะ” เป็นเอกพูดต่อแถมยังพูดถูกอีกตังหากเรื่องที่ผมทำดีกับมันเรื่องส้มจี๊ด



“แสนรู้ว่ะมึง” ผมเอ่ย เป็นเอกมองหน้าผมแล้วส่ายหัวเบาๆ จากนั้นเราทั้งสองคนก็กินข้าวกันต่อจนเสร็จ



ในช่วงเที่ยงผมกับเป็นเอกก็ได้ไปหาคุณสิบทิศ คุณสิบทิศเองก็ถามว่าเป็นยังไง? อยู่ได้ใช่ไหม? แน่นอนว่าพวกเราสองคนไม่มีใครกล้าพูดว่า ‘ไม่’ เพราะขืนพูดไปดีไม่ดีคุณสิบทิศอาจจะให้ผมกับเป็นเอกทำอะไรแผลงก็เป็นไปได้



หลังจากที่รายงานตัวเสร็จ ผมก็กลับไปไร่องุ่นเช่นเดียวกับเป็นเอกที่กลับไปไร่ส้ม ผมก็ทำงานไปพลางตวาดไอ้พวกสี่ยอดกุมารไปพลางที่มัวแต่เล่นกันแล้วยังมาถามซอกแซกเรื่องผมกับเป็นเอกอีก



“ลูกพี่ทิวได้ข่าวว่าลูกพี่นอนกับพี่เป็นเอกคืนเดียวก็ดีกันเลยเหรอ? ผมอยากรู้ว่าพี่เป็นเอกเขาทำอะไรกับลูกพี่ถึงได้ดีกันได้” ไอ้ไฟเข้ามาถามผม ส่วนคนที่เหลือก็เงียบฟังคำตอบ…ไม่ค่อยจะเสือกกันเลยนะพวกมึง



“มันไม่ได้ทำอะไรกูทั้งนั้นแหละ ใครมาถามอีกกูจะกระทืบฝังร่างไว้ใต้ต้นองุ่นเลยคอยดู” ผมพูดขู่ ทุกคนเลยกลับไปทำงานต่อ



ตอนเย็น พอเลิกงานหลักจากไร่องุ่น ผมกับเป็นเอกก็ต้องมาที่ฟาร์มโคนมเพื่อทำภารกิจเก็บ กวาด ชะล้าง บรรดาขี้สีเขียวของโคนมให้ออกไป เพื่อสุขอนามัยของสัตว์แต่ก่อความเหนื่อยล้าให้กับผมสุดๆ



“เสร็จสักที” เป็นเอกเอ่ย ในขณะที่ยืนล้างมือ



“กูล้างด้วย” ผมเดินแทรกตัวดันคนที่ยืนล้างมือออกไป ก่อนจะเปิดน้ำให้ไหลแรง ไม่พอผมใช้นิ้วกดไปที่ก็อกน้ำทำให้น้ำกระจายไปทั่วบริเวณ จนเป็นเอกที่ยืนอยู่ข้างๆเปียกปอน



“ไอ้ทิว มึงเล่นห่าอะไร!!!” เป็นเอกที่ใจเย็นตอนนี้มันโวยวาย เจ้าตัวเข้ามาใกล้ผมแล้วใช้มือกดน้ำที่ก็อกให้สาดมาทางผมบ้าง



“ไอ้เหี้ย!!! กูเปียกหมดแล้ว” คราวนี้ผมเป็นฝ่ายโวยวายบ้าง



“เออ กูก็ตั้งใจให้มึงเปียกไง” เป็นเอกพูดพร้อมยกยิ้ม



ผมกับเป็นเอกก็หยุดเปิดน้ำสาดใส่กัน เราสองคนก็เดินกลับที่พัก พอมาถึงก็เกิดปัญหาการแย่งห้องน้ำกัน



“กูอาบก่อน” ผมเดินไปที่ห้องน้ำแต่ถูกเป็นเอกที่ก้าวขาไวกว่าขวางทางไว้



“กูมาถึงก่อน”



“แต่กูจะอาบก่อน” ผมยังรั้นที่จะอาบน้ำก่อน



“เอาอย่างนี้ไหม? มึงอาบน้ำพร้อมกับกู” เป็นเอกเอ่ย ตาก็ก้มมองร่างกายของผมแล้วหยุดอยู่ที่กลางกายของผมซึ่งมีผ้าขนหนูสีขาวพันไว้ ผมรู้สึกขนลุกถึงจะรู้ว่ามันแกล้งผมก็ตาม



“กูไปอาบห้องไอ้เรย์ก็ได้” ผมเดินออกจากห้องไปทั้งที่มีผ้าขนหนูตัวเดียวไปยังบ้านพักใกล้ๆ มันเป็นเรื่องปกตินะครับเพราะอยู่กันมีแค่ผู้ชาย บางคนใส่บ็อกเซอร์ตัวเดียวมาเล่นกีตาร์หน้าห้องก็มี พอถึงห้องเรย์ผมอาบน้ำโดยใช้เวลาไม่นานเพราะรู้สึกล้าไปทั้งตัว พอถึงห้องผมก็ล้มตัวนอนทั้งๆที่นุ่งผ้าขนหนู ส่วนเป็นเอกยังอาบน้ำไม่เสร็จครับ ซึ่งผมก็ไม่สนใจหรอก ผมในตอนนี้ง่วงนอนเต็มที



ในขณะที่ผมหลับอยู่แล้วดูเหมือนจะฝันดีด้วยซ้ำ ผมก็รู้สึกถึงแรงยวบของที่นอนข้างๆ เป็นเอกมันคงจะนอนเหมือนกัน



‘พลั่ก’



“โอ๊ย!!! เหี้ย!!!”



ผมตกเตียงครับ ไอ้เป็นเอกทำผมตกเตียง!!! ผมลุกขึ้นนั่งมือก็ลูบหลังตัวเอง มืออีกข้างก็รั้งผ้าขนหนูที่ดูหมิ่นเหม่เกือบจะเห็นของยักษ์ใหญ่กลางกายผม ส่วนเป็นเอกก็ยืนหมุนข้อเท้าอยู่บนเตียง นี่มันถีบผมตกลงมาสินะ



“คนนอนอยู่ดีๆ มึงมาถีบทำไม?”



“แล้วเสื้อผ้ากูอยู่ดีๆมึงเอายาสีฟันมาป้ายทำไม?”  เป็นเอกพูดเสียงนิ่ง ผมก็นึกขึ้นได้ว่าเมื่อเช้าผมแกล้งมัน



“กูอยากแกล้งมึง” ผมพูดตรงๆ แล้วลุกไปนอนอีกครั้ง พอผมนอนปุ๊บ ไอ้เป็นเอกก็นั่งคร่อมตัวผมปั๊บ



“เหี้ย!! มึงลุกออกไปเลย มานั่งบนตัวกูทำไม?” ผมผลักมันแต่ก็ถูกมันรวบข้อมือไว้ ตอนนี้ร่างกายผมมันไม่มีแรงพอที่จะสู้กับเป็นเอกได้



“กูอยากคร่อมมึง” มันตอบ รอยยิ้มแสนชั่วร้ายก็เคลืบอยู่บนใบหน้าของมันด้วย



























............................................

มาแล้วกับความบ้าบอ บ้าบอที่สุดของที่สุด

เรื่องนี้จะเขียนแบบตัวละครสลับกับเล่าเรื่องนะคะ ตอนที่แล้วพี่เป็นเอกเล่า ตอนนี้ลูกพี่ทิวเล่า



ตอนหน้าอย่าคิดว่าจะเสียเลือด ขึ้นชื่อว่าลูกพี่ทิวผู้ยิ่งใหญ่แห่งไร่องุ่นจะมาเสียท่าง่ายๆได้ยังไง อีกอย่างพี่เป็นเอกเองก็ต้องระวังตัววันไหนลูกพี่ทิวคึก พี่เป็นเอกอาจจะไม่รอด 5555555555



สุดท้ายนี้ขอขอบคุณที่ติดตามอ่านกันนะคะ เข้ามาเม้นมารอ ดีใจมากค่ะ

หัวข้อ: Re: บันทึกรัก...ไร่แสงจันทร์ 20++ Yaoi (คู่กัด) EP.02 P.3 25/01/2017
เริ่มหัวข้อโดย: ❣☾月亮☽❣ ที่ 25-01-2017 22:29:54
แจ้งเจตนาชัดดีจังพี่เอก คร่อมแล้วไงต่อคะ
ว่าแต่ไม่มีเสียเลือดแล้วมีเสียเหงื่อไหมล่ะเนี่ย
หัวข้อ: Re: บันทึกรัก...ไร่แสงจันทร์ 20++ Yaoi (คู่กัด) EP.02 P.3 25/01/2017
เริ่มหัวข้อโดย: mystery Y ที่ 26-01-2017 08:05:33
รอตอนต่อไป~
หัวข้อ: Re: บันทึกรัก...ไร่แสงจันทร์ 20++ Yaoi (คู่กัด) EP.03 P.3 28/01/2017
เริ่มหัวข้อโดย: TanYung0209 ที่ 28-01-2017 20:42:42
บันทึกรัก...ไร่แสงจันทร์

Writer : Tan-Yung0209

File : เมื่อผมมีเมีย(ผัว)เป็นคู่กัด

 

 

 

 

 

 

 

“กูอยากคร่อมมึง”

 

ผมตอบคนที่นอนใต้ร่างพร้อมเผยรอยยิ้มกวนๆให้กับมัน ผมพอจะจับจุดได้ว่าทิวที่กล้าในทุกๆเรื่องเป็นผู้ชายแท้ๆที่หวงตัวเอง ถ้ามันโดนผมคร่อมไว้หรือทำให้มันเข้าใจว่าผมเป็นเกย์ มันคงจะตกใจน่าดู

 

“คร่อมบ้าคร่อมบออะไอ้เอก มึงลงจากตัวกูเดี๋ยวนี้!!!” ทิวตะคอกใส่หน้าผม แถมยังมองดุมาอีก ถึงจะดูดุแค่ไหนผมก็มองเห็นความหวั่นกลัวในดวงตาคู่นี้อยู่ดี

 

“เรื่องอะไร ทำไมมึงกลัวกูเหรอ?” ผมแกล้งโน้มหน้าไปใกล้ใบหูอีกคนแล้วกระซิบเบาๆโดยใช้น้ำเสียงที่เย็นพอให้คนฟังเสียวสันหลัง

 

“กลัวเหี้ยไรล่ะ!!!”

 

“เฮ้ย!!!”

 

ความประมาทของผมทำให้ทิวอาศัยจังหวะที่ผมผ่อนแรงจับข้อมือมัน กระชากข้อมือหลุดออกมาแล้วผลักผมจนผมล้มไปนอนแล้วทิวก็เป็นฝ่ายคร่อมทับผมแทน

 

“มึงคิดว่ามึงคร่อมคนอื่นเป็นอย่างเดียวเหรอวะ เสียใจว่ะกูเองก็คร่อมเก่งจนสาวหลง” ทิวรวบข้อมือผมตรึงกับเบาะนุ่ม มุมปากกระตุกยิ้มร้าย ฮึ!! ถึงจะร้ายผมก็ไม่กลัวมันหรอก

 

“เหรอวะ? สาวหลงเหรอวะ แต่กูเห็นน้องส้มจี๊ดไม่ยักจะหลงมึงว่ะ” ผมพูดกวนแทงใจมันไป ได้ผลครับทิวกัดฟันกรอด มือก็กำหมัดเตรียมง้างชกผม

 

“อย่าชกกูนะ ถ้าหน้ากูเป็นแผลคุณสิบทิศกับน้องส้มจี๊ดจะได้รู้ว่ามึงแกล้งทำเป็นดีกับกู”

 

“ขอบคุณที่เตือน กูลืมไป” ทิวลดมือลงแต่มันยังคร่อมผมอยู่ดี

 

“คิดจะนั่งคร่อมกูจนถึงเมื่อไหร่? หรืออยากจะขย่มกูแทน” ผมถามแล้วแกล้งขยับกลางกายถูไถกับบั้นท้ายทิว ทิวชะงักก่อนจะรีบปรับสีหน้าให้เป็นปกติถึงแบบนั้นก็ไม่รอดพ้นสายตาผมหรอก

 

“ขย่มเหี้ยไร? เท่านิ้วก้อยอย่างมึงอย่ามาคิดเสียบกู ไม่สิไม่ว่าใครก็ตามจะผู้หญิง ผู้ชายก็เถอะ อีกอย่างถึงกูจะชกหน้ามึงไม่ได้แต่กูก็ทำอย่างอื่นได้” ทิวเอ่ย ก่อนจะก้มหน้าลงมากัดผมที่บ่า

 

“ซี๊ด....เชี่ยทิว” ผมกัดปากแน่นไม่ร้องโวยวายอะไรเพราะกลัวบ้านข้างๆจะได้ยินจนแตกตื่น ทิวผละปากออกหลังจากที่ฝั่งเขี้ยวลงบ่าผมจนพอใจ

 

“แม่ง มึงเป็นหมาเหรอวะ?” ผมสบถ

 

“เออ หมาบ้าด้วย” มันลุกจากตัวผมแล้วถีบผมตกเตียง

 

“มึงจะมาถีบกูทำไม?” ผมเริ่มไม่พอใจ ทั้งที่กัดผมแล้วยังจะมาถีบผมตกเตียงอีก

 

“ค่าเสียเวลานอน เสือกมายุ่งตอนกูหลับ” ทิวเอ่ยแล้วล้มตัวนอน ผมเองก็ลุกขึ้นปิดไฟแล้วกลับมานอนบนเตียง ผมพลิกตัวนอนไปทางทิวก็พบว่ามันนอนหลับไปแล้ว สงสัยมันคงจะเหนื่อยมากจริงๆ

 

.

.

.

 

เช้าที่แสนสดใส ทิวก็ออกไปจากไร่ตั้งแต่เช้า ผมว่าผมตื่นไม่สายนะครับแต่ไอ้ทิวตื่นเร็วกว่า ผมอาบน้ำเสร็จก็ทานขนมปังที่ซื้อตุนเอาไว้กับนมเป็นอาหารเช้า พอเสร็จก็แต่งตัวโดยผมต้องคอยสอดส่องเสื้อตัวเองว่ามีร่องรอยยาสีฟันหรือไม่ ซึ่งมันมีเกือบทุกตัวจนเหลือเสื้อยืดตัวสุดท้ายที่คอกว้างและย้วยพอผมใส่ปุ๊บ ผมก็สำรวจตัวเองหน้ากระจกปรากฏว่าเสื้อตัวนี้มันจะทำให้ผมยิ้มไม่หยุดตลอดวัน

 

“ไอ้เอก สวัสดี” ลุงชิตเข้ามาตบบ่าผมที่กำลังเก็บผลส้ม

 

“สวัสดีครับลุงชิต มาส่องคนอู้งานเหรอครับ?” ผมถามหัวหน้างานอย่างอารมณ์ดี

 

“เออ ว่าจะมาดู เฮ้ย!! ไอ้เอกบ่าไปโดนอะไรกัด เป็นรอยเขี้ยวเลย” ลุงชิตถามผมด้วยความเป็นห่วง ลุงชิตจ้องมองชนิดที่ว่าไม่ละสายตาเลย

 

“อ๋อ เมื่อคืนผมกับไอ้ทิวเล่นกันครับ ผมพลาดท่าโดนมันนั่งคร่อมแล้วกัดบ่าผมเนี่ย” ผมบอกลุงชิตอย่างอารมณ์ดี ที่สำคัญผมจงใจพูดเสียงดังให้คนอื่นๆได้ยินเพื่อที่จะได้พูดกันต่อๆไปจนไอ้ทิวได้ยิน

 

ข่าวเรื่องผมถูกทิวกัดแพร่สะพัดไปทั่วในเวลาไม่ถึงชั่วโมง ผมกลายไปจุดสนใจและคนส่วนใหญ่ก็ทำเป็นมาทักทายผมเพื่อที่ได้มองรอยกัดที่ผมจงใจ เปิดบ่าให้เห็นชัดๆ ผมคิดว่าตอนนี้ไอ้ทิวคงได้ยินข่าวนี้แน่ๆ ถ้าเจอกันมันคงอาละวาดที่โรงอาหารแน่

 

จนกระทั่งมาถึงเวลาที่ผมรอคอย ช่วงพักเที่ยงผมมาดักรอมันที่หน้าโรงอาหารเลยครับ ไม่นานผมก็เห็นทิวเดินหน้านิ่งแล้วเดินตรงมาที่ผม

 

“ไอ้เอก มึงปล่อยข่าวเหี้ยไรของมึง ห๊ะ!” ทิวเดินเข้ามาในระยะประชิด มันข่มอารมณ์โกรธเอาไว้ไม่ให้แสดงออกมา มันคงอดทนที่จะต้องลงไม้ลงมือกับผม ผมอยากจะปรบมือให้ที่คนใจร้อนอย่างไอ้ทิว สามารถอดทนเป็นกับเขาด้วย

 

“หรือว่าข่าวที่ออกมามันไม่จริง?” ผมถามกลับไป ทิวเม้มปากแน่น ใกล้แล้ว....คงใกล้ระเบิดแล้ว

 

“จะว่าไปมึงกัดกู กูนึกถึงคนที่เคยขย่มกูแล้วเสียวจนกัดกูเลยว่ะ” ผมพูดไปด้วยกลั้นขำไปด้วย ผมสังเกตทิวกำหมัดแน่น ผมกวนโมโหมันเก่งมากถูกไหม จะว่าไปไอ้ทิวคือคนแรกที่ทำให้ผมรู้สึกอยากแกล้งและปั่นหัว มันทำผมนิสัยเสีย

 

“มึงอยากพูดอะไรก็เรื่องของมึง” ทิวเอ่ยแล้วเดินไปต่อแถวรับข้าว ทิ้งให้ผมยืนแปลกใจ ไอ้ทิวมันเป็นอะไรของมัน

 

“มึงเป็นอะไรบอกกูมาดิ” ผมวางจานข้าวนั่งอยู่กับมันสองคนเช่นเดิมเพราะไม่มีใครกล้ายุ่ง

 

“........................” ทิวเงยหน้ามองผมก่อนจะก้มหน้ากินข้าวต่อโดยไม่พูดไม่จา

 

“เฮ้ย!! มึงอย่าเงียบสิ อยากจะต่อยกูก็ต่อยสิ เงียบแบบนี้ดูไม่เป็นมึงเลย” ผมพูดต่อ ทิวก็เงียบเช่นเดิม ผมเลยหยุดถามแล้วกินข้าวต่อจนกระทั่งคุณสิบทิศเข้ามาที่โรงอาหาร

 

“เป็นยังไงบ้าง? ยังทะเลาะกันอยู่อีกไหม?” คุณสิบทิศถามทิว ทิวเงยหน้าขึ้นมา ตาก็มองมาที่ผม

 

“ไม่ครับคุณสิบทิศ” ผมตอบแทนทิว

 

“ก็ว่าอยู่ ได้ยินคนในไร่พูดกันว่าพวกนายเล่นกันแล้วทิวคร่อมนายแล้วกัด เล่นแผลงๆดี” คุณสิบทิศเอ่ย

 

“คุณสิบทิศครับ ผมรู้สึกไม่สบายขอลางานไปพักนะครับ” ทิวรวบช้อนแล้วพูดกับคุณสิบทิศ

 

“ได้สิ ถ้าไม่สบายฉันไม่หักเงินเดือนหรอก” คุณสิบทิศอนุญาต ทิวยกมือไหว้ขอบคุณแล้วเดินออกไป

 

“คุณสิบทิศ จะหักเงินเดือนผมก็ได้ครับ”

 

“ทำไม?”

 

“ผมจะลาไปดูไอ้ทิวมันหน่อยเห็นมันเงียบๆ” ผมตอบ

 

“เอาสิ บัดดี้กันแล้วนี่” คุณสิบทิศบอกกับผมเสร็จ ผมก็เอาจานไปเก็บแล้วตรงไปที่บ้านพัก พอเปิดประตูห้องก็พบว่าทิวนอนคลุมโปงอยู่บนตียง

 

“ทิว มึงเป็นอะไรมากไหม?” ผมเข้าไปนั่งใกล้ๆ มือก็จับบ่ากว้างเบาๆ

 

‘ผัวะ’

 

หมัดหนักๆชกเข้าตรงบ่า เล่นเอาผมเจ็บไม่น้อย ไม่พอทิวมันขึ้นคร่อมผมอีก ผมเองก็สวนหมัดกลับไปแต่ทิวมันหลบไปได้

 

“มึงบอกเองนะว่าให้กูชก” ทิวเอ่ย ผมก็เข้าใจทันทีว่าทิวมันคงจะกระทืบผมที่ห้องแน่ๆ

 

“มึงก็เลยทำเป็นลาป่วยแล้วมานอนรอกูเพื่อที่จะเอาคืนสินะ” ผมจับมันพลิกบ้าง แล้วล็อคตัวมันเอาไว้ ตอนนี้เราสองคนนอนหันหน้าเข้าหากัน มือผมก็จับมือมันแน่นและขาก็เกี่ยวขาเกี่ยวเอวมันไว้ไม่ให้มันดิ้นหลุดไปไหน

 

“แล้วแต่มึงจะคิด มึงแม่งโรคจิตหรือเปล่าที่ทำเป็นสร้างข่าวลือให้คนคิดว่ามึงกับกูเล่นแปลกๆ ดีไม่ดีคนจะมองว่ามึงกับกูกลายเป็นคู่เกย์แทนคู่กัด

 

“อ้าว มึงไม่ชอบเหรอ?” ผมทำทีไม่เดือดร้อนอะไร

 

“ใครจะชอบวะ แบบนี้น้องส้มจี๊ดจะมองว่ากูเป็นยังไง? ที่ต้องมาเป็นคู่เกย์กับมึง” ทิวพูดต่อน้ำเสียงจริงจัง

 

“ก็ช่างสิวะ มึงอคติกับเกย์หรือไง?”

 

“กูไม่ได้อคติแต่กูไม่ได้เป็นและกูก็รำคาญที่มีคนมาถามเรื่องข่าววันนี้” ทิวพูดด้วยน้ำเสียงหงุดหงิด

 

“โอ๋ๆ อย่าอารมณ์เสีย...จุ๊บ” ผมจุมพิตไปที่แก้มขวา ทิวชะงักตาเบิกกว้างก่อนจะนอนนิ่งเป็นก้อนน้ำแข็ง

 

“โดนจุ๊บนี่นอนนิ่งไปเลยเหรอครับ เดี๋ยวกูจะจูบมึงให้หายนิ่งเอง....อ๊ากก” ไม่ทันที่ผมจะแกล้งมันต่อ ทิวก็ก้มกัดข้อมือผมแทน

 

“เล่นผีๆแบบนี้ วันนี้มึงไปนอนกับไอ้เรย์เลย สัด!!!”

 

“กูไม่ไปใครจะทำไม? จะหอมแก้มกูกลับก็ได้นะ”

 

“ทำไมมึงกวนตีนแบบนี้วะ ทุกทีมึงไม่ใช่แบบนี้”

“มึงสนใจกูด้วยเหรอ? ถึงรู้ว่ากูเป็นคนยังไง?” ผมถามพร้อมกับยื่นหน้าเข้าไปใกล้ หน้าขาวๆของมันมีสีแดงระเรื่อ

 

“อะ....เออ ก็มึงศัตรูกู กูต้องรู้นิสัยใจคอเพื่อจะจัดการมึง” ทิวเอ่ย ดูก็รู้ว่าตอบแถจนสีข้างถลอก ถ้าไม่คิดเข้าข้างตัวเองผมคงกลายเป็นส่วนหนึ่งในชีวิตมันไปแล้ว

 

“อย่างนั้นเหรอ? กูเชื่อก็ได้” ผมพูดพลางกลั้วหัวเราะ

 

“มึงหัวเราะอะไร?”

 

“กูหัวเราะตัวเอง ที่กูสนใจมึงไม่ใช่เพราะเห็นเป็นศัตรู” ผมตอบด้วยรอยยิ้ม

 

“แล้วมึงเห็นกูเป็นอะไร?” ทิวถามกลับ อีกทั้งมองผมอย่างคาดคั้นคำตอบอีก

 

“ไม่บอก..จุ๊บ” ผมแกล้งจุ๊บปลายจมูกโด่งทีเผลอ

 

“ไอ้เอก ออกไปเลยไป!!!!”

 

ถึงมันจะออกปากไล่แต่คืนนั้นผมก็ยังนอนร่วมเตียงกับมัน เพิ่มเติมคือได้รอยกัดอีกหลายรอยและสุขใจที่ได้เห็นหน้าเหรอหราของทิวที่บ่งบอกว่ามันทำอะไรไม่ถูกเลยที่เจอผมเล่นงาน

















.........................................................................................

มาแล้ว คราวนี้พี่เอกเราแกล้งลูกพี่ทิวด้วย

เป็นกำลังใจให้ลูกพี่ทิวเอาคืนพี่เอกด้วยนะคะ

ตอนนี้ไม่มีอะไรมากแค่อยากบอกว่าคู่นี้เขากวนตีนกันมากกว่าที่จะถือมีดแทง

เขาใช้อย่างอื่นแทงกันค่ะ

สุดท้ายนี้ขอบคุณคนอ่าน คนเม้นและทุกกำลังใจนะคะ

หัวข้อ: Re: บันทึกรัก...ไร่แสงจันทร์ 20++ Yaoi (คู่กัด) EP.04 P.3 02/02/2017
เริ่มหัวข้อโดย: TanYung0209 ที่ 02-02-2017 21:33:11
บันทึกรัก…ไร่แสงจันทร์

Writer : Tan-Yung0209

File : เมื่อผมมีเมีย(ผัว)เป็นคู่กัด















ผมว่าใช่…มันต้องใช่แน่ๆ ไอ้เอกต้องเป็นเกย์ มันต้องชอบผู้ชายด้วยกัน อย่างเวลาอยู่ที่ห้องด้วยกันมันชอบทำทีมาจับแขนผม ตัวผม จนผมขนลุก บางคืนผมต้องไปนอนกับเรย์ที่อยู่บ้านพักใกล้ๆ แล้วอยู่ดีๆผมก็ถูกคุณสิบทิศเรียกตัว



“ทิว” คุณสิบทิศเรียกผมด้วยน้ำเสียงและท่าทางสบายๆ



“ครับ คุณสิบทิศ” ผมเองก็ขานรับเจ้านายของผม



“ได้ข่าวว่านายไปนอนห้องเรย์เหรอช่วงนี้ มีปัญหาอะไรกับเป็นเอกหรือเปล่า?” คุณสิบทิศถาม ผมประหลาดใจไม่น้อยที่คุณสิบทิศทราบเรื่องนี้



“ตอบมาสิ ไม่ต้องคิดหรอกว่าฉันรู้ได้ยังไง” คุณสิบทิศพูดต่ออย่างรู้มัน



“ไม่ได้มีปัญหาอะไรครับ” ผมตอบ



“ถ้าอย่างนั้นก็นอนที่ห้องตัวเองกับเป็นเองสิ ฉันสั่งให้นายเป็นบัดดี้กัน ต้องกิน ต้องนอนด้วยกันเป็นเวลาหนึ่งเดือนแต่นายกลับไปนอนบ้านของเรย์หนึ่งอาทิตย์ ฉันก็ขอเพิ่มเวลาให้พวกนายอยู่ด้วยกันอีกหนึ่งอาทิตย์เช่นกัน”



“คุณสิบทิศ…” ผมร้องโอดครวญ



“เอาล่ะ ไปทำงานได้”



ผมเดินออกจากห้องทำงานคุณสิบทิศแล้วตรงไปยังฟาร์มโคนมเพื่อไปจัดการทำความสะอาดเหมือนทุกๆวัน แตกต่างเพียงเวลาที่วันนี้ต้องมาล้างตั้งแต่บ่าย ถ้าล้างเสร็จผมก็กลับไปนอนพักหรือจะไปเที่ยวเตร็ดเตร่ได้เลยครับ พอผมไปถึงที่นั่นก็พบเป็นเอกกำลังใช้สายยางฉีดน้ำล้างพื้นอยู่



“ไอ้เอก มึงไปบอกคุณสิบทิศเรื่องที่กูไปนอนที่ห้องไอ้เรย์ใช่ไหม?” ผมเดินไปหาแล้วถามคำถามโดยไม่คิดที่จะช่วยอีกฝ่ายทำความสะอาด



“เออ กูบอกเอง” เป็นเอกตอบ โดยที่มันไม่คิดจะหันมาคุยกับผม เหอะ กวนตีน!!!



“มึงบอกทำไมวะ? มึงไม่ดีใจเหรอวะที่นอนคนเดียว ไม่ต้องนอนเบียดกับกู” ผมเอ่ย พยายามพูดชักจูงมันไปด้วย



“ไม่ดีใจว่ะ ถึงเตียงจะกว้างนอนสบายแต่เวลาไม่โดนมึงกัด กูรู้สึกแปลกๆเหมือนชีวิตขาดอะไรไป” เป็นเอกหันมาพูดกับผมพร้อมโปรยยิ้มมาให้อีก ยิ้มที่ดูหวานราวน้ำเชื่อม สำหรับผมแล้วไม่ต่างอะไรกับยาพิษเลย



“มึงโรคจิตเหรอที่ชอบให้กูกัด แล้วทำไมมึงไม่ให้น้องพีกัดล่ะ?” ผมพูดสวนกลับไป ผมพอจะดูออกว่าเป็นเอกมันรู้สึกดีๆกับพีอยู่ ถึงไม่รู้ว่าดีถึงระดับไหนก็ตาม



“อ่อ ลืมไปว่าพีเป็นคนที่คุณสิบทิศชอบ มึงคงจะไม่ชอบคนรักเจ้านายหรอก ถูกไหม?” ผมเอ่ย ปรายตามองแล้วยกยิ้มให้กับเป็นเอกที่ยืนเงียบ มันคงเจ็บแน่ๆที่ผมพูดแทงใจดำมัน



“เฮ้ย!!! ไอ้ทิว ไอ้เอก น้องไผ่จมน้ำ” เรย์วิ่งมาหาผมหน้าตาตื่น



“จมที่ไหนวะ” เป็นเอกถามเรย์



“จมที่สวนดอกไม้ว่ะ” เรย์ตอบ พอรู้อย่างนี้แล้วทั้งผมกับเป็นเอกก็รีบวิ่งไปที่สวนดอกไม้ของคุณแสงจันทร์ ในใจผมก็ภาวนาให้น้องไผ่ผู้เป็นรอยยิ้มของไร่แสงจันทร์ไม่เป็นอะไร



พอไปถึงจุดเกิดเหตุ มีผู้คนมากมายกำลังเดินกลับไปทำไร่ต่อ แวบนึงผมเห็นคุณสิบทิศเดินทำหน้าทำตาเหมือโมโหใครมาเป็นสิบชาติ ผมเองไม่คิดจะเข้าหาหรอกครับผม มองหาคนที่พอจะสอบถามเรื่องราวได้ดีกว่าจนมาพบป้าศรีที่เดินมาทางพวกเราสองคนพอดี



“ป้าศรี น้องไผ่เป็นยังไงบ้าง?” เป็นเอกถาม



“น้องไผ่ปลอดภัยแล้ว เมื่อกี้เหมเพิ่งจะอุ้มน้องไผ่กลับบ้านใหญ่” ป้าศรีตอบ



“แล้วน้องไผ่จมน้ำได้ยังไงล่ะป้าศรี” ผมถาม เพราะน้องไผ่ไม่น่าจะไปที่สวนดอกไม้คนเดียวได้



“นั่นแหละ ที่คุณสิบทิศถึงกับโกรธเลือดขึ้นหน้า” ป้าศรีกวักมือให้พวกเราเข้าไปใกล้แกมากกว่าเดิม สงสัยเรื่องนี้คงสำคัญมาก ผมกับเป็นเอกก็เดินเข้าหาอย่างรวดเร็ว



“เห็นคนงานบอกว่าพีพาน้องไผ่ไปในสวนดอกไม้แต่ไม่มีใครรู้หรอกว่าทั้งสองคนไปทำอะไร รู้อีกทีคือน้องไผ่ตกลงไปในคลองแล้วพีนั่นแหละที่ไปช่วย จนคนงานแถวนั้นผ่านมาก็รีบไปตามคนมาช่วย พอเหมมาถึงก็เข้าช่วยน้องไผ่แต่คุณสิบทิศพอมาถึงก็ผลักพีล้มลงพื้นจนเลือดออก ป้านี่สงสารพีมาก คิดว่าพีคงไม่ได้ตั้งใจจะทำให้น้องไผ่ตกลงไปในคลองหรอก” ป้าศรีเล่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น



“ขอบคุณมากป้าศรี” ผมเอ่ย ป้าศรีก็เดินกลับโรงอาหาร



“ไอ้เอก ไปล้างคอกต่อ” ผมบอกกับบัดดี้จำเป็นที่ยืนเงียบ



“ไอ้เอก ไอ้หูหนวก ไม่ได้ยินเหรอ? กูบอกให้ไปล้างคอกต่อ” ผมจับบ่าแล้วเขย่าแรงๆ



“มึงไปล้างต่อเถอะ กูขอตัวก่อน” เป็นเอกบอกน้ำเสียงเรียบนิ่ง



“เอ้า..ไอ้นี่!! มึงจะอู้เหรอวะ?” ผมถามกลับไปด้วยความรู้สึกไม่พอใจ



“เดี๋ยวพรุ่งนี้กูทำเองคนเดียว” เป็นเอกเอ่ย ก่อนที่จะเดินหนีผมไปดื้อๆ เหอะผมทำคนเดียวก็ได้ ก่อนทำผมขอพนมมือแช่งให้วัวขี้กระจายให้เป็นเอกล้างจนหมดแรงไปเลย



.

.

.



กว่าจะล้างเสร็จก็เล่นเอาถึงเย็น ถ้าทำสองคนมันคงจะเสร็จตั้งแต่บ่าย แต่นี่ผมต้องทำคนเดียว ดีหน่อยที่ก่อนหน้านี้เป็นเอกมากวาดพวกสิ่งสกปรกไปบ้างแล้ว  ถึงอย่างนั้นมันก็เป็นงานหนักของผมอยู่ดี



“มันไม่อยู่ที่บ้านเหรอเนี่ย?” พอผมไขกุญแจเข้าไปในบ้านพักก็ไม่พบเจอใครสักคนที่อยู่เลยแล้วมันหายหัวไปไหนกันนะหรือมันอู้งานหนีไปเที่ยว ช่างเถอะ!! ผมไปอาบน้ำดีกว่าทั้งกลิ่นตัว กลิ่นขี้ เหม็นไปทั้งตัว



ผมจัดการทำความสะอาดร่างกายจนเสร็จ รู้สึกตัวเองตัวหอมที่สุดในรอบหลายวันที่ผ่านมา จะทำไงได้ล่ะครับผมไปอาบน้ำห้องไอ้เรย์ด้วยความเกรงใจเลยอาบน้ำไม่นานทั้งที่ปกติผมอาบน้ำประมาณสี่สิบนาที แต่วันนี้ผมอยู่คนเดียว อาบที่ห้องตัวเองก็เลยจัดการยืนแช่น้ำ สระผม ทาสบู่ วนไปหลายรอบ พอออกจากห้องน้ำมองไปที่นาฬิกาก็พบว่าเข็มของมันบ่งบอกเวลาค่ำเสียแล้ว ถึงอย่างนั้นภายในห้องก็ไม่มีร่องรอยของเป็นเอกอยู่ดี



“มันหายหัวไปไหนของมันวะ” ผมบ่นไปพลางแต่งตัวไปพลาง ลำไส้ในท้องก็เริ่มส่งเสียงร้องว่าหิวมากมาย ผมเลยออกจากห้องไปหาอะไรกินข้างนอกก่อนที่ประตูไร่จะปิด



ในระหว่างที่ผมเดินใจผมก็นึกเป็นห่วงเป็นเอกกลัวว่ามันจะเป็นอะไรไป ดีไม่ดีอาจจะโดนคนดักตีหัวเพราะความอวดดีไปแล้ว เดี๋ยวสิ…ผมคิดถึงมัน นึกถึงมันเหรอเนี่ย? มันต้องไม่เป็นแบบนี้สิ จะไปนึกถึงศัตรูหัวใจ จะไปนึกถึงคนที่ทำให้ผมเดือดร้อนทำไม? เวลานี้มึงต้องนึกถึงกับข้าวที่จะแดกดีกว่า…ไอ้ทิว



ไม่รู้ว่าไร่แสงจันทร์คับแคบหรือเป็นเพราะความบังเอิญที่ทำให้ผมได้เจอกับเป็นเอกแต่มันไม่ได้อยู่คนเดียวด้วยสิ เป็นเอกอยู่กับพีที่กำลังร้องไห้อยู่และแล้วต่อมความอยากรู้อยากเห็นก็ทำงาน ผมหลบอยู่ที่หลังต้นไม้คอยสอดส่องอยู่ห่างๆ เหตุการณ์ในตอนนี้คือพีที่ร้องไก้ก็ถูกเป็นเอกสวมกอด ร้ายเหมือนกันนะไอ้เหี้ยเอกแอบตีเนียนกอดคนที่แอบชอบล่ะสิ กูขอให้คุณสิบทิศมาเจอ



“ทำอะไรกัน!!!”



สิบทิศเดินเข้ามา นี่ปากผมศักสิทธิเกินไปไหม? ผมว่าไอ้เป็นเอกตายอย่างเขียดแน่ ดูสีหน้าท่าทางคุณสิบทิศโกรธน่าดูก็เป็นเอกเสือกไปกอดคนที่คุณสิบทิศหมายปองเอาไว้



"พีมานี่!!" คุณสิบทิศกระชากพีให้ออกจากอ้อมกอดของเป็นเอก คุณสิบทิศตอนนี้ไม่ต่างจากหมาบ้าที่ถูกพิษรักแรงหึงบังตาเลยครับ น่ากลัวชิบหาย ผมที่ชกคน มีเรื่องกับชาวบ้านมาร้อยแปดย่านน้ำ ผมยังกลัวคุณสิบทิศเลย



"คุณสิบทิศ คุณดึงพีไปแบบนี้พีเจ็บนะครับ" เป็นเอกพูดออกมา มันคงไม่พอใจที่คุณสิบทิศทำรุนแรงกับพี ศึกชิงนางมาแล้วสินะครับ



"หุบปาก!! ไปเลยอย่ามาเสือกเรื่องผัวเมีย" สิบทิศชี้หน้าด่าเป็นเอกแล้วลากพีที่ยังคงร้องไห้ออกไป ส่วนเป็นเอกก็ยืนหน้านิ่งอยู่ที่เดิม มันคงอกหัก เจ็บหนักๆ จะทำไงได้ล่ะ คุณสิบทิศประกาศลั่นขนาดนั้น



เมื่อครู่พระเอกอย่างคุณสิบทิศมาแล้ว ตัวร้ายอย่างผมขอออกโรงบ้างก็แล้วกัน ผมก้าวออกจากที่ซ่อนเดินเข้าไปหาเป็นเอก



“กูว่าจะชวนมึงไปแดกข้าวแต่กูคิดว่ามึงคงอิ่มเพราะกินน้ำใต้ศอกคนอื่นเขา” ผมพูดและตั้งใจกระทบมัน



“มึงพูดเหี้ยอะไร?” เป็นเอกชะงักก่อนจะตีหน้านิ่งทำเสียงปกติ มันคิดว่าผมไม่เห็นมันหลุดฟอร์มหรือไง



“ก็กูพูดในสิ่งที่เห็น คิดจะไปยุ่งกับคนที่มีคนรักอยู่แล้ว ถ้ากูเป็นคุณสิบทิศกูกระทืบมึงตายคาตีนแล้ว” ผมพูดต่อ



“มึงจะเยาะเย้ยกูใช่ไหม?”



“ใช่สิ กูจะมาเยาะเย้ยมึง อยู่ดีไม่ว่าดีไปรักคนมีเจ้าของ รู้ทั้งรู้ก็ยังเสือกไปกอดเขาอีก ตีเนียนเก่งนะมึง อย่างมึง…”



 “หุบปากเลยถ้ามึงไม่อยากเจอดี” เป็นเอกมองผมตาขวางมือมันก็กำหมัดแน่น ถ้าจะชกกันผมก็ไม่กลัว



“กูยังพูดไม่จบ มึงมันพวกขาดความอบอุ่นถึงได้ชอบเป็นตัวแทรกกลางระหว่างความรักของคนอื่นทั้งของกูกับน้องส้มจ๊ด ทั้งคุณสิบทิศกับพี”



“มึงไม่หยุดพูดใช่ไหม!!!” เป็นเอกตะคอกใส่ มือก็จับบ่าผมแล้วดันผมจนหลังชนกับต้นไม้



“มึงอยากจะชกกับกูใช่ไหม? เข้ามาเลย” ผมพูดท้า ผมมั่นใจว่าคุณสิบทิศไม่ไล่ผมออกแน่นอน ดีไม่ดีอาจจะตบรางวัลให้ผมที่ชกเป็นเอกได้



“ฮึ” เป็นเอกยิ้มเยาะผม ผมขมวดคิ้วมันจะยิ้มทำไมของมัน ในระหว่างที่ผมเผลอ ริมฝีปากของผมก็ถูกริมฝีปากของคนตรงหน้าเข้ามาประกบ



“เหี้ย!!”



‘ผัวะ’



ผมหันหน้าหนีแล้วชกมันเข้าที่หน้า เป็นเอกมองแล้วพุ่งตัวอัอมเข้ามาล็อคเอวผม ก่อนจะจับปลายคางผมให้หันไปจูบกับมัน



“ฮืม..” เสียงครางพึมพำในลำคอบ่งบอกว่าถึงความขัดใจของเป็นเอก ผมพยายามดันหน้าออก มือหนาก็บีบปลายคางจนผมเจ็บจี๊ด ปลายลิ้นร้อนสอกเข้ามาในโพลงปากผมโดยที่ผมเองก็ใช้ลิ้นดุนดันให้ลิ้นที่รุกล้ำออกไปจากโพลงปาก



ถึงผมจะผลักไสขนาดไหน เป็นเอกก็ยิ่งบดเบียดปากเป็นเท่าตัวจนผมแสบปากไปหมด ลิ้นของมันไล่ไปตามซี่ฟันของผมจนครบแล้วเกี่ยวตวัดลิ้นผมให้มีส่วนร่วมกับมัน สุดท้ายผมก็ปล่อยให้เป็นเอกชักจูงผม ปล่อยไปตามอารมณ์ที่อีกคนเป็นฝ่ายก่อขึ้นมา ยอมรับเลยว่าเป็นเอกจูบเก่งไม่ผิดจากที่มันเคยอวดว่าสาวหลงมันทุกราย ขนาดผมยังเกือบครองสติไว้ไม่อยู่ จนกระทั่งเป็นเอกผละปากและปล่อยผมให้เป็นอิสระจากอ้อมแขนของมัน



‘ผัวะ’



“ไอ้เหี้ย!!” ผมต่อยหน้ามันอีกรอบ ตามด้วยตะคอกด่าใส่ เป็นเอกล้มลงไปนอนกับพื้นแถมยังมองผมไม่วางตา ส่วนผมนั้นก็รีบเดินกลับบ้านพักไปพร้อมกับความโมโห



‘แม่ง ไอ้เอก มึงเป็นเกย์จริงๆสินะ’ ผมลูบปากตัวเองเบาๆ ในหัวก็เริ่มนึกถึงสัมผัสและรสจ๔บของคู่อริ



“มึงไม่มีทางได้จูบกูเป็นครั้งที่สองแน่!!!”

















....................................

ตอนนี้ไม่มีอะไร นอกจากจะบอกว่าปล้ำจูบ!!!!

ขอเม้นเป็นกำลังใจหน่อยนะคะ

วินาทีนี้ท่านยุ่งเครียดด้วยทั้งงานและสุขภาพของคุณตา ทำให้ไม่ค่อยสะดวกในการปั่นนิยาย ยังไงอย่าทิ้งกันไปนะคะ ท่านยุ่งยังแต่งแต่อัพช้ากว่าเดิม ขอผ่านช่วงนี้ไป



ขอบคุณทุกคนที่เข้ามาอ่านมาเม้นนะคะ
หัวข้อ: Re: บันทึกรัก...ไร่แสงจันทร์ 20++ Yaoi (คู่กัด) EP.04 P.3 02/02/2017
เริ่มหัวข้อโดย: shcheribrand ที่ 04-02-2017 10:17:08
จูบกันแล้ววว :mew3: :mew3: :mew4:
หัวข้อ: Re: บันทึกรัก...ไร่แสงจันทร์ 20++ Yaoi (คู่กัด) EP.04 P.3 02/02/2017
เริ่มหัวข้อโดย: sirin_chadada ที่ 04-02-2017 16:26:28
ให้กำลังใจคนเขียนค่ะ
หัวข้อ: Re: บันทึกรัก...ไร่แสงจันทร์ 20++ Yaoi (คู่กัด) EP.05 P.3 06/02/2017
เริ่มหัวข้อโดย: TanYung0209 ที่ 06-02-2017 16:27:00
บันทึกรัก…ไร่แสงจันทร์

Writer : Tan-Yung0209

File : เมื่อผมมีเมีย(ผัว)เป็นคู่กัด

 

 

 

 

 

 

 

เมื่อคืนผมไปนอนกับไอ้เรย์ไม่ได้กลับไปนอนห้องกับทิว ผมไม่กล้าสู้หน้ามันครับ ไม่สิ ผมรู้สึกใจสั่นแปลกๆอย่างบอกไม่ถูก ตอนเช้าผมก็ไม่ได้กลับไปที่ห้องก็ไม่รู้ว่าทิวมันจะไประบายอารมณ์ใส่ข้าวของจนเละขนาดไหน

 

“เป็นเอก”

 

“ครับ ลุงชิต” ผมขานรับคนที่เรียกชื่อ

 

“ไม่สบายหรือเปล่า? ข้าเห็นเอ็งเหม่อมาสักพักแล้ว”

 

“เปล่าครับ แค่มีเรื่องให้คิดนิดหน่อยครับ” ผมตอบ

 

“ปรึกษาข้าได้นะ ยังไงข้าก็เอ็นดูเอ็งเป็นลูกหลานคนหนึ่ง” ลุงชิตเดินเข้ามาตบบ่าผมแล้วกอดคอลากผมออกมายืนคุยในที่ลับตาคน

 

“ลุงชิตเคยรู้สึกใจสั่นกับใครไหมครับ?” ผมตัดสินใจถามลุงชิต คนที่ผมไว้ใจและเคารพเหมือนพ่อคนหนึ่ง

 

“เคยสิวะ ตอนนี้ก็ยังเป็นอยู่ ฮ่า ฮ่า ฮ่า ใจสั่นกับแม่ศรีของนังส้มจี๊ดยังไงล่ะ?” ลุงชิตพูดกลั้วหัวเราะ ผมรู้มาว่าลุงชิตตามจีบแม่หม้ายอย่างป้าศรีมาหลายปีแล้ว

 

“ว่าแต่เอ็งมีคนทำให้ใจสั่นเหรอวะ?” ลุงชิตถามต่อ

 

“ใช่ครับ” ผมตอบ ลุงชิตก็ยิ้มให้ผม ยิ้มแบบล้อๆ สงสัยผมคงต้องโดนลุงแกแซวทุกวันแน่ครับ

 

“ฮั่นแหนะ ว่าแต่สาวที่ไหนหรือว่าจะเป็นนังส้มจี๊ด” ลุงชิตถามแกคงจะเห็นว่าส้มจี๊ดชอบมาวนเวียนใกล้ๆตัวผมอยู่บ่อยๆ

 

“ถ้าผมจะบอกลุงว่าคนที่ผมใจสั่นด้วยเป็นผู้ชาย ลุงคิดว่าไงครับ?” ผมเอ่ย ลุงชิตที่ตอนแรกยิ้มอยู่ก็หุบยิ้มแล้วจ้องมองก็มองผมไม่วางตา

 

“เอ็งพูดจริงใช่ไหม?” ลุงชิตถามย้ำ

 

“ลุงก็รู้ว่าผมเป็นคนยังไง?” ผมพูดต่อ นิสัยของผมไม่ใช่คนที่จะมาพูดเล่นอะไรอย่างนี้ ลุงชิตเองก็รู้เหมือนกันในข้อนี้

 

“ถ้าชอบผู้ชายจริงๆ ข้าก็ไม่ว่าหรอก ความรักมันอยู่ที่ใจไม่ใช่ที่เพศ” ลุงชิตตบบ่าผมเบาๆเป็นเชิงให้กำลังใจ

 

“แต่ที่ข้าข้องใจ ใครวะที่ทำให้เอ็งใจสั่น ปกติเอ็งก็อยู่กับต้นส้มในสวน ผู้ชายที่เอ็งพูดคุยกับเอ็งก็มีพี แต่ข้าว่าน่าจะไม่ใช่ พีเองก็เป็นคนรักของคุณสิบทิศ เอ็งคงไม่คิดจะเอาถูกไหม?” ลุงชิตเริ่มคิดหาคำตอบ

 

“ใช่ครับ ผมไม่คิดเอาคนที่ผมเอ็นดูเป็นน้องมาทำเมียหรอกครับ อีกอย่างลุงชิตลองนึกถึงผู้ชายอีกคนที่อยู่กับผมบ่อยๆสิครับ” ผมบอกใบ้ให้กับลุงชิตที่ยืนคิดไม่ตก ตอนประชุมจะจัดงานประจำไร่ผมไม่เห็นลุงชิตจะเคร่งเครียดขนาดนี้เลย

 

“คนที่อยู่กับเอ็งบ่อยๆ…อยู่กับเอ็งบ่อยๆ….เดี๋ยวสิอย่าบอกนะว่าจะเป็น….” ลุงชิตถึงกับตาลีตาเหลือกพอรู้ว่าคนที่ทำให้ผมใจสั่นนั้นเป็นใคร

 

“ครับ อย่างที่ลุงชิตคิดนั่นแหละ” ผมส่งยิ้มบางๆให้

 

“เจ้าทิวมันรู้หรือยังว่าเอ็งชอบมัน”

 

“ยังไม่รู้ครับ ผมไม่รู้จะทำยังไงให้มันรักผม ลุงก็รู้ว่ามันกับผมเจอกันทุกทีมีเรื่องประจำ ผลัดกันแพ้ชนะ แต่ครั้งนี้ผมแพ้มันเพราะดันไปรักมันก่อน” ผมเอ่ย สมองก็คิดว่าจะทำอย่างไรถึงจะชนะใจอีกฝ่ายได้ ซึ่งก่อนหน้านี้เขาดันพลั้งปากไปจูบก็ไม่รู้ว่าจะเอาหน้าไปไว้ที่ไหน

 

“เหอะๆ…เอ็งยังมีทางนะ” ลุงชิตยักคิ้วให้ ผมเองก็กระตุกยิ้มตอบ ขึ้นชื่อว่าลุงชิตร่วมมือด้วยแล้ว ผมคงจะชนะใจทิวได้ไม่ยาก

 

.

.

.

 

ตอนเย็น ผมและคนงานคนอื่นก็ถูกเรียกให้จัดสถานที่เพื่อจัดงานประจำปีของไร่แสงจันทร์ ผมนั้นยังไม่เห็นทิวเลยวันนี้ ไม่รู้หายหัวไปไหน

 

“มองหาใครเหรอพี่เอก?” ดิน คนงานไร่องุ่นเอ่ยทัก

 

“มองหาไอ้ทิว” ผมตอบกลับไป เผื่อว่าดินจะเห็นทิวบ้าง

 

“นึกว่ามองหาสาวที่ไหน ที่แท้มองหาลูกพี่ทิวนี่เอง ลูกพี่ทิวกำลังจัดโต๊ะที่ลานหน้าเวทีครับพี่เอก” ดินบอกกับผมก่อนจะไปช่วยคนงานคนอื่นๆจัดสถานที่ต่อ ส่วนผมพอรู้ว่าเป้าหมายอยู่ที่ไหนก็รีบเดินไปหาทันที

 

“มา เดี๋ยวกูช่วย” ผมจับขอบโต๊ะฝั่งตรงข้ามกับทิว คนตรงหน้าที่ก้มหน้าอยู่นั้นพอได้ยินเสียงของผมก็เงยหน้าขึ้นมามอง คิ้วเข้มทั้งสองก็ขมวดเป็นปม

 

“ไม่ต้อง กูทำเอง” เป็นไปตามคาด ทิวปฏิเสธผม แต่ผมไม่สนใจครับคิดจะช่วยมันอยู่ดี มันก็ไม่ได้ว่าอะไรผมครับ จากนั้นเราสองคนก็ช่วยกันจัดโต๊ะจนเสร็จโดยไม่พูดจาอะไร

 

จนกระทั่งท้องฟ้ากลายเป็นสีดำ คุณสิบทิศอยากให้ลองเครื่องเสียง คนงานเลยมีเฮครับเพราะลองเครื่องเสียงที่ว่าไม่ต่างอะไรกับวันงานเลย มีดนตรี มีอาหาร มีเครื่องดื่ม ที่สำคัญผมมีทิวอยู่ใกล้ๆ

 

ทิวเดินตรวจรอบงานๆจนเสร็จตามคำสั่งของคุณสิบทิศที่ต้องการรักษาความปลอดภัยไม่ให้เกิดเรื่องไม่ดีในงานโดยผมคอยเดินตามหลัง ผมรู้นะครับว่ามันรำคาญผมมากมายขนาดไหน ทั้งชักสีหน้า ทั้งจิ๊ปาก

 

“มึงจะตามอะไรกูนักหนา ไม่ไปแดกเหล้าหรือไง?” ทิวมันคงเหลืออดเลยหันมาถามผม

 

“แดก กูจะแดกพร้อมมึง” ผมตอบกลับไป ใบหน้าเรียบเฉย ผิดกับทิวที่คงอยากจะกัดคอให้เจี้ยวจมคอหอย

 

“ไม่ต้อง กูไม่อยากแดกกับมึง!!!” ทิวปฏิเสธเสียงแข็ง

 

“ทำไมวะ หรือว่ามึงกลัวว่ากูจะจูบมึง” ผมพูดแหย่ หน้าของทิวก็ขึ้นสีจนผมสามารถเห็นได้ชัดแม้ว่าตอนนี้จะมืดแล้วก็ตาม

 

“กลัว ใช่กูกลัว…คนอะไรจูบห่วยชิบหาย ห่วยจนกูหมดอารมณ์จะเอากับสาวไปด้วย กาก!!!”

 

“กากเหรอ? ถ้ากูจะจูบมึงแก้ตัวอีกรอบจะได้ไหมวะ?” ผมถามพร้อมยักคิ้วข้างเดียวกวนตีนมันไปด้วย

 

“ไม่มีทางหรือว่า…มึงอยากให้กูสอนว่าจูบจริงๆเขาทำยังไง?” ทิวยกยิ้มแล้วยื่นหน้าเข้ามาใกล้ผม ใกล้ชนิดที่ว่าปลายจมูกของเราสองคนห่างกันเพียงเซ็นเดียวเท่านั้น ดวงตาของเราประสานกันและเห็นภาพของตัวเองในแววตาอีกฝ่าย

 

“ลูกพี่ทิว พี่เอกไปกินเหล้ากัน!!!!” เสียงเรียกของน้ำดังมาแต่ไกลทำให้เราสองคนชะงัก

 

“ถึงเวลาสวมบทบัดดี้อีกแล้วสินะ” ทิวบ่นพึมพำแล้วเดินนำหน้าผมไป ผมเองก็เริ่มแปลกใจในพฤติกรรมของทิวเมื่อครู่ว่าทำไมถึงทำแบบนี้กับผม

 

“เจ๊แอลลี่มาอีกแล้วเหรอป้า นั่นจะมอมเหล้าคุณสิบทิศหรือไง” ทิวที่เดินนำผมกำลังถามป้าศรีที่ยืนตักอาหาร

 

“ก็เออสิวะ นี่พีหายไปไหนไม่รู้ พวกเอ็งไปนั่งรวมกลุ่มกับคุณสิบทิศก่อนไป ส้มจี๊ดแกก็ด้วยเดี๋ยวอาหารแม่จัดการคนเดียวได้” ป้าศรีบอกให้ทิว ผมและส้มจี๊ดไปนั่งกับสิบทิศ ซึ่งพวกเราก็ทำตามแต่โดยดี

 

“คุณสิบทิศผมขอนั่งด้วยนะครับ” ทิวพูดขอ

 

"เอาสิ" คุณสิบทิศอนุญาต ท่าทางของคุณสิบทิศรู้สึกโล่งใจที่มีคนมานั่งร่วมโต๊ะด้วยผิดกับแอลลี่ที่หน้างอไม่พอใจ

 

“พี่พี คุณไผ่ พี่เหม มาทางนี้ค่ะ” ส้มจี๊ดเห็นคนมาใหม่กำลังเดินมา ส้มจี๊ดรีบลุกขึ้นให้พีนั่งใกล้กับสิบทิศ

 

“ใครจะเอาอะไรบ้างเดี๋ยวผมไปหยิบให้” พอทุกคนนั่งลงจนครบ ทิวก็ถามคนมาใหม่

 

“น้องไผ่ขอน้ำส้มฮะ” น้องไผ่เอ่ยแล้วก็หันไปมองแอลลี่ ร่างเล็กตกใจไม่น้อยที่เห็นหญิงสาวซึ่งน้องไผ่ดูจะไม่ค่อยจะชอบหน้าแอลลี่สักเท่าไหร่ ที่จริงไม่มีใครในไร่จะถูกใจแอลลี่เลยสักคน

 

“พี่เอาเหล้าก็แล้วกัน” เหมบอกกับทิว

 

“พีเอาอะไร?” ผมถามคนที่นั่งนิ่ง

 

“เหล้าครับ ขอ ออนเดอะร็อค” พีบอก ผมและคนอื่นๆถึงกับตะลึงไม่คิดว่าพีจะสั่งเหล้าซึ่งดูขัดจากบุคลิกมาก

 

“พี..” คุณสิบทิศพูดเสียงดุ พีไม่สนใจไม่หันไปมอง บรรยากาศดูท่าจะมาคุ

 

“โอเค เดี๋ยวไปเอามาให้” แทนที่จะห้าม ทิวลุกไปเอาเครื่องดื่มและของกินเล่นมาพร้อมกับแจกจ่ายให้กับทุกคน

 

“สิบทิศคะ กินนี่สิคะ แอลลี่ป้อน”

 

“สิบทิศคะ ดื่มนี่หน่อยนะคะ”

 

“สิบทิศคะ....”

 

ทั้งโต๊ะมีเสียงเจื๊อยแจ๊วของแอลลี่คนเดียว คนที่เหลือเงียบไม่กล้าพูดอะไรออกมาเพราะสัมผัสได้ถึงพลังงานบางอย่างที่แผ่ซ่านมาจากพีที่ยกแก้วเหล้าขึ้นมากระดกแก้าแล้วแก้วเหล้าไม่ขาดมือ

 

“พีอย่ากินเยอะ” คุณสิบทิศจับข้อมือเล็ก คงไม่อยากให้พีดื่มกลัวว่าพีจะเมา

 

“เรื่องของผม” พีที่เริ่มเมาพูดออกไป มือก็ดึงกลับมาคว้าแก้วเหล้าดื่มต่อ

 

“นี่นายเป็นลูกน้องมาพูดกับสิบทิศแบบนี้ได้ไง!!” แอลลี่ว่าพี พร้อมกอดแขนเอาหัวซุกบ่ากว้างของสิบทิศเอาไว้ สายตามองพีอย่างดูแคลน พีเองมองหน้าแอลลี่กลับไม่เกรงกลัวแววตาแข็งกร้าวดุจนางพญาของพียิ่งรอยยิ้มมุมปากที่เผยออกมาทำให้แอลลี่รวมทั้งคนทั้งโต๊ะขนลุกซู่ พีน่ากลัวจริงๆครับ

 

“ใครว่าผมเป็นลูกน้องกันครับ ผมเป็นเมียพี่สิบทิศและอีกอย่างถ้าไม่อยากถูกผมชกจนซิลิโคนทะลุจมูกก็ปล่อยแขนผัวผมได้แล้ว!!!”

 

“ฉันไม่เชื่อนายหรอกย่ะว่านายเป็นเมียสิบทิศ!!!” แอลลี่เถียงกลับ ผมได้แต่นั่งดูคนทะเลาะกัน

 

“ไม่เชื่อใช่ไหม?...คอยดูนี่นะ” พีพูดจบก็ดึงมือแอลลี่ออกจากแขนของสิบทิศ ก่อนจะลุกจากเก้าอี้ไปนั่งคร่อมตักสิบทิศโดยที่ทั้งสองเข้าหากัน สิบทิศก็กอดเอวบางเอาไว้เพราะกลัวพีจะเมาตกจากตัก พีเองก็ใช้มือกุมหมับเข้าที่บ่าแล้วโน้มหน้าตัวเองเข้าไปใกล้ พีกัดริมฝีปากล่างหนาแล้วจูบสั้นๆไม่นานก็ผละริมฝีปากออก ผมนี่ช็อคไปเลยครับ

 

“กรี๊ด!!!!!!!!! ออกไปเลยนะแกมาจูบพี่สิบทิศได้ยังไง ออกไปเดี๋ยวนี้!!!” แอลลี่โวยวายกรี๊ดลั่นงานมือก็ผลักพีออกจากตักของสิบทิศ

 

“นี่คุณแอลลี่อย่าทำพี่พีนะ!!” ส้มจี๊ดเข้ามาดึงตัวแอลลี่ออกมา ผมและทิวเองก็คอยช่วย

 

“พวกแกปล่อยฉันเดี๋ยวนี้นะ!!! พี่สิบทิศให้คนของพี่สิบทิศปล่อยแอลลี่สิคะ” แอลลี่ดิ้นไปมาพยายามดิ้นรนให้ตัวเองเป็นอิสระ ยากหน่อยตรงโดนรุมสาม

 

“ทุกคนจับไว้นะ อย่าให้แรดมาพุ่งชนพี่สิบทิศ!!” พีพูดขึ้นมาบ้างมือก็คว้าขวดเหล้าแล้วกระดกเข้าปาก

 

“แกมีสิทธิอะไรมาสั่งลูกน้องของสิบทิศ!!”

“สิทธิของความเป็นเมียเจ้าของไร่ไง” พีบอกกับแอลลี่มุมปากก็ยกยิ้มขึ้น นึกถึงนางร้ายในละครนะครับ นั่นแหละคือหน้าของพี

 

“ไม่จริง มันไม่จริงใช่ไหมสิบทิศ” แอลลี่ถามคุณสิบทิศ

 

“พอดีว่าเมียฉันเขาไม่เคยโกหกใครน่ะ...แอลลี่” คุณสิบทิศตอบแล้วหอมแก้มนิ่มของพีฟอดใหญ่ จนคนเมาที่หน้าแดงอยู่แล้วก็แดงจัดขึ้นไปอีก

 

“กรี๊ด!!!!!!!”แอลลี่กรี๊ดลั่น กรี๊ดหนักกว่าเก่า ร่างบางสะบัดตัวจากพวกของส้มจี๊ดแล้ววิ่งออกจากงานไป

 

“พี่พีจ๊ะ แรดออกไปแล้ว” ส้มจี๊ดพูดขำๆบอกกับพี ที่เมาแล้วเอาหน้าซุกบ่าของเจ้านาย ส่วนผมกับทิวแทบจะหัวเราะกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทั้งอาหารหึงของคนเมาและอาหารหวีดร้องของแอลลี่

 

“น้องไผ่ไม่คิดเลยว่าพี่พีจะมายสายโหด” น้องไผ่พูดออกมาเมื่อเห็นฤทธิ์เดชพี่สะใภ้

 

“พี่ไม่โหด พี่ใจดี..อึก” พีตอบแล้วลุกออกจากตักของคุณสิบทิศแต่ก็ถูกสิบทิศรั้งเอวให้นั่งตักต่อ

 

“พี่สิบทิศปล่อยเลยนะ” พีบอกคุณสิบทิศเสียงดุ

 

“ไม่ปล่อย” คุณสิบทิศมองคนเมา

 

“พีงอนพี่สิบทิศ พี่สิบทิศปล่อยตัวเองให้แอลลี่มากอดแขน...” ทุกคนฟังที่พีพูดออกมาพร้อมกับทุบตีอกแกร่งของคุณสิบทิศก็อมยิ้มเพราะไม่เคยมีใครกล้าทำอะไรกับคุณสิบทิศแบบนี้แถมคุณสิบทิศเองก็ปล่อยให้ทำ

 

“จะให้พี่ชก ผลัก ตบ ด่าเหรอไง? อย่างน้อยแอลลี่เขาก็เป็นเพื่อนพี่” คุณสิบทิศบอกกับคนเมาที่มีสีหน้าไม่พอใจ

 

“แล้วทีพีกับพี่เอก พี่สิบทิศยังมาหึง มาหวงเลย” พีดันตัวออกจากคุณสิบทิศแล้วไปยืนด้านหลังของผมที่รู้ตัวว่าความซวยกำลังบังเกิด ส่วนคนอื่นที่ได้ยินพีพูดก็แทบจะสำลักเหล้าออกมา

 

“พี่เอกกับพีเราเป็นพี่ชายน้องชายกันพี่สิบทิศยังหึงเลย” พีก้มตัวกอดคอผมจากด้านหลัง ผมจับแขนที่คล้องให้ออกแต่พียิ่งกอดแน่น ผมมองหน้าพีที่เหมือนเด็กประชดเอาแต่ใจสลับกับมองหน้าคุณสิบทิศที่แทบจะยิงหัวเขาทิ้งได้แล้ว

 

"ก็เอกมัน...."

 

"ผมกับพีเราเป็นแค่พี่น้องครับ ผมไม่คิดอะไรเกินเลยไปกว่านี้แล้ว" ผมชิงพูดออกมา ผมไม่อยากให้พีรับรู้ว่าผมแอบรักพี แค่แวบนึงนะครับ

 

"เห็นไหม? พี่เอกกับพีเป็นพี่น้องกัน" พีเอ่ยแล้วหยิบแก้วเหล้าของผมมาดื่ม

 

"พีหยุดกินได้แล้ว" คุณสิบทิศพูดห้ามแต่พีไม่ฟังรินเหล้าใส่แก้วดื่มไม่หยุด

 

"ร้อนจัง~.." พีพูดบ่นขึ้นมา

 

"เฮ้ย!!!" คุณสิบทิศร้องออกมาเสียงดังเมื่อพีเลิกเสื้อขึ้น โชคดีที่ว่าทิวซึ่งอยู่ใกล้ๆพีดึงเสื้อของพีลงเอาไว้ทัน

 

"พี่ทิวจะมาจับเสื้อพีทำไม พีร้อนจะถอดเสื้อ!!!!" พีโวยวาย

 

"ขืนพี่ไม่จับมีหวังคุณสิบทิศควักลูกตาคนที่มองพีถอดเสื้อแน่" ทิวเอ่ย มือก็จับชายเสื้อไว้ คุณสิบทิศลุกจากเก้าอี้เดินไปหาคนเมาที่ยืนอยู่

 

"ทิว ปล่อยเลย" คุณสิบทิศเอ่ย ทิวก็ปล่อยเสื้อของพีตามคำสั่ง พียิ้มร่าที่ได้ถอดเสื้อแต่ก็ยิ้มได้ไม่นานเมื่อร่างโปร่งถูกสิบทิศอุ้มพาดบ่า

 

"พี่สิบทิศอุ้มพีทำไม!!!!" พีโวยวาย มือก็ชกกลางหลังของคุณสิบทิศ

 

"ทุกคนฉันขอตัวพาคนเมาไปนอนก่อนละกัน กินดื่มกันตามสบายเลย" คุณสิบทิศบอกลาทุกคนที่โต๊ะแล้วแบกพีกลับไปที่บ้านใหญ่

 

"เอาค่ะทุกคน เรามาพนันกันดีกว่าว่าคืนนี้คุณสิบทิศกับพี่พีจะได้นอนกันหรือเปล่า!!!" ส้มจี๊ดเปิดการพนันกลางงาน

 

"เฮ้!!!!! เอาเลยมาพนันกัน" ทุกคนในงานให้ความสนใจร่วมการพนันกัน โดยที่เหม ไผ่ ทิวและเป็นเอกนั่งขำเจ้ามือการพนันอย่างส้มจี๊ด

 

หลังจากทุกคนลงขันพนันกัน ผมกับทิวก็กระดกเหล้าต่อ ทิวยกแก้วเหล้าขึ้นมาดื่มหลายต่อหลายแก้วไม่มีหยุดพัก ในระหว่างนั้นก็เอาใจส้มจี๊ดจนผมรู้สึกหวงมันขึ้นมา

 

“ไอ้ทิว มึงเมาแลวกูว่ากลับห้องกันดีกว่า” ผมลุกออกจากเก้าอี้แล้วคว้าแขนมันไว้ให้ลุกตาม

 

“อะไรวะ กูไม่เมาจะแดกต่อ มึงอย่าเสือก” คนเมาสลัดมือผมออกแล้วดื่มต่อ สภาพมันคือหมาไม่แดกมาก

 

“พี่ทิว ส้มจี๊ดว่าพี่ทิวดื่มเยอะไปแล้วนะจ๊ะ ให้พี่เอกพาไปนอนเถอะ” ส้มจี๊ดที่เห็นสภาพทิวและอยากจะช่วยผม จึงพูดกับทิวให้

 

“ก็ได้… เพ่เห็นว่า.า…น้องส้มจี๊ด..ขอ..หรอกนะ” เสียงของทิวเริ่มยานคาง

 

ผมหิ้วปีกทิวออกจากงานแล้วตรงไปยังห้องพัก ระหว่างทางมันก็ร้องเพลงสลับกับด่าผมจนผมอยากจะโยนมันลงไปร่องน้ำในสวนส้มมากเลยครับ

 

“โอ๊ย!!!” ทิวร้องออกมา จะไม่ให้ร้องก็คงแปลกเพราะโดนผมผลักให้นอนบนเตียงทันทีที่ถึงห้อง ผมเดินไปปิดประตูแล้วกลับมาจัดการให้ทิวนอนบนเตียงให้ดี

 

“แดกเยอะอย่างกับอาบเหม็นชิบหาย” ผมบ่นไปด้วยเดินไปหยิบอ่างใส่น้ำไปด้วย ขืนไม่เช็ดตัวให้มันผมคงไม่ได้นอน

 

“ไม่อาว..ว…ออกปาย.ย..” พอผมลงมือเช็ด คนเมาก็ลงมือโวยวาย

 

“พูดมากเดี๋ยวกูจับจูบมึงหรอก” ผมพูดออกมาไม่จริงจัง ก่อนจะลงมือเช็ดตัวอีกคนต่อ

 

‘ขวับ’

 

อ่างน้ำขนาดเล็กตกลงบนพื้นจนน้ำกระจาย ข้อมือของผมโดนมือหนากระชากจนผมล้มหน้าคว่ำไปนอนบนเตียง ทิวอาศัยจังหวะนี้ขึ้นคร่อมผมแล้วพลิกตัวผมให้นอนหงาย

 

“จูบ…”

 

ทิวพึมพำเบาๆ ใบหน้าหล่อโน้มลงมาประทับริมฝีปาก ผมเผยอปากรับจูบของคนเมา ลิ้นของทิวสอดเข้ามาในโพลงปากโดยที่ลิ้นของผมคอยตวัดรับรสขมของเหล้าที่ยังคละคลุ้งในปากของอีกคน ทิวผละปากแล้วบดจูบย้ำๆซ้ำๆจนผมแสบปาก

 

“กูจา….สอนมึงจูบจา…ได้รู้ว่า.า..จูบจริงๆ..เปน..ยาง.งาย..ย...” ทิวมองหน้าผมตาฉ่ำเยิ้ม ริมฝีปากแดงมีหยาดน้ำลายของผมเปื้อนอยู่นิดๆ ผมยิ้มมุมปาก ตอนนี้อยากมอมเหล้ามันให้หนักกว่านี้ครับ

 

“ถ้ากูจะให้มึงสอนวิธีเอาสาวให้ มึงจะสอนกูไหม?” ผมแกล้งถาม ทิวหรี่ตามองแล้วคลี่ยิ้ม

 

“ได้สิ…กูจะสอนมึงเอง”

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

...........................

มาแล้ว มาช้า แต่มาเยอะ

เป็นการตัดตอนที่เลอค่าเพราะว่าตอนหน้าเราจะให้คนสอนอย่างลูกพี่ทิวมาเล่ากัน 55555

ไม่รู้จะเล่าไหวไหม เมาซะขนาดนั้น

 

ขอบคุณที่อ่านที่ติดตามนะคะ มีคนมาถามว่าจะทำเล่มเรื่องนี้ไหม อันนี้ขอถามกลับนะคะ ถ้ามีคนสนใจเกิน 10 คนจะทำนะคะ

 

สุดท้ายนี้ขอขอบคุณที่เข้ามาอ่านมาเม้นนะคะ
หัวข้อ: Re: บันทึกรัก...ไร่แสงจันทร์ 20++ Yaoi (คู่กัด) EP.05 P.3 06/02/2017
เริ่มหัวข้อโดย: shcheribrand ที่ 06-02-2017 18:26:49
รอตอนต่อไป รอลูกพี่ทิวอ่ะ  :mew1: :mew1:
หัวข้อ: Re: บันทึกรัก...ไร่แสงจันทร์ 20++ Yaoi (คู่กัด) EP.05 P.3 06/02/2017
เริ่มหัวข้อโดย: ❣☾月亮☽❣ ที่ 06-02-2017 18:51:06
เพ่ทีวววมาวววแบบ นี้. จะ ล่าวว ไหว. เร้อออออ.    :hao6:
หัวข้อ: Re: บันทึกรัก...ไร่แสงจันทร์ 20++ Yaoi (คู่กัด) EP.05 P.3 06/02/2017
เริ่มหัวข้อโดย: mystery Y ที่ 07-02-2017 09:15:26
รอตอนต่อไป~
หัวข้อ: Re: บันทึกรัก...ไร่แสงจันทร์ 20++ Yaoi (คู่กัด) EP.05 P.3 06/02/2017
เริ่มหัวข้อโดย: Jessiebier ที่ 07-02-2017 12:45:00
 :really2:ตอนหน้าจะเกิดอะไร๊รรรร รอเธอรอไรท์ :mew1: :hao7: :pig2:
หัวข้อ: Re: บันทึกรัก...ไร่แสงจันทร์ 20++ Yaoi (คู่กัด) EP.06 P.4 09/02/2017
เริ่มหัวข้อโดย: TanYung0209 ที่ 09-02-2017 20:39:23
บันทึกรัก…ไร่แสงจันทร์

Writer : Tan-Yung 0209

File : เมื่อผมมีผัว(เมีย)เป็นคู่กัด















“อืม.ม…” ผมครางออกมาเบาๆ คอของผมแห้งผากจากแอลกอฮอล์ที่ดูดน้ำในร่างกายของผมไป ผมลุกขึ้นนั่งอย่างยากลำบาก สาเหตุคงมาจากอาการเมาค้างและ…



‘แปะ’



แขนของสมาชิกอีกคนในห้องวางตกที่หน้าท้องของผม ผมก้มดูก็แทบช็อค!!! ทั้งผมและเป็นเอกอยู่ในสภาพเปล่าเปลือย จากนั้นภาพเหตุการณ์เมื่อคืนก็ฉายขึ้นมา



เมื่อวานในตอนเที่ยง



ผมที่กลุ้มใจจากการที่ถูกไอ้เอกหรือเป็นเอกของใครหลายคนจูบเข้า ผมเครียด ไม่ใช่เครียดเพราะถูกจูบ แต่ผมเครียดที่ถูกจูบแล้วผมกลับไม่รู้วึกรังเกียจมันแม้แต่น้อย ถ้าเจอหน้ามันผมเองก็ไม่รู้จะทำอย่างไร สุดท้ายผมก็เลือกที่จะเดินไปหาคุณสิบทิศ



“สวัสดีครับคุณสิบทิศ” ผมยกมือไหว้เจ้านายหนุ่ม



“สวัสดีทิว มารายงานตัวใช่ไหม? ยังไม่ถึงเวลานี่” คุณสิบทิศก้มมองนาฬิกาเพราะผมมาเร็วกว่าเวลาที่นัดไว้



“ผมไม่ได้รายงานตัวครับ ผมมีเรื่องจะขอร้องคุณสิบทิศครับ” ผมเอ่ย มือก็กำกางเกงยืนตรงขาเอาไว้แน่น



“ขอร้องอะไร? ถ้าช่วยได้ฉันก็จะช่วย” คุณสิบทิศเอ่ยอย่างอารมณ์ดี



“คือผม..ผมอยากจะย้ายกลับไปนอนที่บ้านคนงานไร่องุ่นครับ แต่คุณสิบทิศไม่ต้องห่วงนะครับผมยังมาทำงานที่ฟาร์มโคนมเหมือนเดิม” ผมทั้งขอร้อง ในใจก็เต้นตุบตับอยากให้คุณสิบทิศอนุญาต



“ทะเลาะกับเป็นเอกหรือเปล่า?” คุณสิบทิศถามผม ตาเหยี่ยวก็มองจิกมา นี่ถ้าผมบอกทะเลาะกันคงโดนไล่ออกแน่



“ไม่ได้ทะเลาะกันครับ” ผมตอบกลับไป



“แน่นะ?” คุณสิบทิศถามทวนอีกรอบ แถมมองผมเหมือนคาดคั้นคำตอบ



“แน่ครับ” ผมตอบ



“ถ้าไม่มีปัญหากันก็อยู่ด้วยกันต่อ” คุณสิบทิศเอ่ย มือก็หยิบแฟ้มเอกสารด้านหลังมาเซ็น



“คุณสิบทิศครับ กรุณาผมเถอะครับ ผมสัญญาว่าจะไม่สร้างความวุ่นวายอีก” ผมร้องขออีกรอบ ยังไงผมจะต้องย้ายกลับไปบ้านพักไร่องุ่นให้ได้



“นายก็บอกฉันมาสิว่า ทำไมถึงย้ายห้อง ฉันขอความจริงนะทิว ฉันเชื่อว่านายนักเลงพอ” คุณสิบทิศวางปากกาแล้วมาพูดกับผมโดยเน้นประโยคสุดท้ายเล่นเสียผมกดดันไม่น้อย



“ผมถูกไอ้เอกมันจูบเอาครับ” ผมกลั้นใจพูดออกไป คุณสิบทิศชะงักเล็กน้อยก่อนจะพยักหน้าแสดงออกว่าเข้าใจความรู้สึกผม



“อืม ฉันเข้าใจแล้วแต่ฉันอยากให้นายอยู่กับเป็นเอกต่อนะทิว”



“ทำไมล่ะครับคุณสิบทิศ?” ผมถามกลับไปอย่างรวดเร็ว



“ฉันคิดว่าฉันมองนายไม่ผิดนะทิว นายใจร้อนก็จริงแต่นายมีข้อดีคือเป็นคนตรงและกล้าที่จะสู้ ปัญหา ที่เป็นเอกจูบนายทำไมนายไมลองเผชิญหน้าสู้กับเป็นเอกล่ะ? อีกฝ่ายจะได้รู้ว่าแค่จูบคนอย่างนายไม่คิดมากหรอก?” คุณสิบทิศเอ่ย มือก็ตบบ่าผมเบาๆ อย่างที่คุณสิบทิศพูดปัญหาร้อยแปดพันเก้าผมผ่านมาเยอะแล้ว เรื่องจูบกับแค่เรื่องแปลกใหม่ในชีวิตผมต้องผ่านไปได้อีกแน่



“แล้วผมจะต้องทำยังไงต่อดีครับ บอกตรงๆผมเข้าหน้ามันไม่ติด”



“ทำตัวให้ปกติสุดแล้วก็เพิ่มความนิ่งเอาไว้ ให้ดูว่านายไม่เกรงกลัวและเหนือกว่าเป็นเอก อ่อ ดีไม่ดี ทางเป็นเอกเองอาจจะไม่คิดอะไรกับจูบก็ได้” คุณสิบทิศพูดทั้งรอยยิ้ม บางทีเป็นเอกอาจจะลืมไปแล้วก็ได้ ซึ่งผมอยากจะคิดอย่างนั้น ถ้าหากไม่ใช่เพราะหลายคือก่อนมันเที่ยวมาจับตัวแนวลวนลามจนผมต้องกัดมัน



“อย่าเครียดสิเพราะเดี๋ยวจะทำงานที่ฉันสั่งไม่ไหว?”



“งานอะไรครับ?” ผมถาม ความสงสัยเริ่มประเดประดังเข้ามา



“จัดสถานที่งานประจำปีของไร่เรา”



วันนั้นทั้งวันผมเลยอยู่ที่ลานหน้าเวที คอยจัดโต๊ะจัดของร่วมกับคนงานไร่อื่น วันนี้ถือว่าเป็นงานหนักสำหรับผมเลยก็ว่าได้ แต่ผมก็รู้สึกดีเพราะมันทำให้ผมไม่คิดฟุ้งซ่าน



จนกระทั่งเวลาล่วงเลยไปจนเกือบเย็น เป็นเอกก็มาช่วยงานผม พอปฏิเสธมันก็ยังตามตื้อผมจนจะเป็นเงาของผมไปแล้วครับ พอจัดสถานที่เสร็จผมกับเป็นเอกก็ต้องแสร้งทำดีต่อหน้าผู้อื่น เป็นเอกคอยตีเนียนโอบเอวผมบ้างล่ะ ผมก็เลยโอบไหล่มันกลับบ้าง ก่อนจะไปช่วยคุณสิบทิศออกจากแอลลี่ หลังจากที่ช่วยจนเจ้านายพ้นภัย ผมก็กระดกเหล้าเข้าปากแก้วแล้วแก้วเล่าจนเมาแทบจำอะไรไม่ได้ เชี่ยเอ๊ย!!! นึกให้ออกสิวะเมื่อคืนเกิดอะไรขึ้น ตั้งสติไว้ไอ้ทิว ตั้งสติเอาไว้….ตอนกลับห้องรู้สึกว่าเป็นเอกหิ้วมาพอหลังจากนั้นก็..เช็ดตัว…เดี๋ยวๆ…หลังจากนั้นมัน...เหี้ยเอ๊ย!!!!



ผมจำเหตุการณ์ทั้งหมดได้แค่คิด ผมก็แทบอยากจะนอนหลับไม่ตื่นไปเลย



..

..

..



“ถ้ากูจะให้มึงสอนวิธีเอาสาวให้ มึงจะสอนกูไหม?” เป็นเอกแกล้งถาม ผมหรี่ตามองแล้วคลี่ยิ้ม



“ได้สิ…กูจะสอนมึงเอง” ผมในสภาพที่ไม่สมบูรณ์ทั้งร่างกายและสติก็พลั้งปากพูดไป ก่อนที่ปากจะถูกปิดด้วยปากอีกครั้ง



ผมเอนไปด้านหลังแล้วนอนลงกับเตียง เป็นเอกก็ตามมาคร่อมทับทันทีโดยที่ปากของเราไม่ห่างออกจากกันสักวินาทีเดียว ต่างฝ่ายต่างฉกฉวยความหวาน ตักตวงรสจูบของกันและกันจนสติกระเจิดกระเจิง ผมดูดปลายลิ้นเป็นการส่งท้ายแล้วผละปากออก เป็นเอกถอดเสื้อตัวเองออก ผมก็เลยลุกขึ้นนั่งแล้วโอบเอวหนาไว้ เป็นเอกเองก็จับบ่าผมเอาไว้แน่น



“ซี๊ด….” เป็นเอกร้องออกมาทันทีที่ฟันซี่ขาวของผมขบกัดตามซอกคอตามด้วยใช้ลิ้นตวัดตามรอยฟันที่ทำเอาไว้ เป็นเอกคงจะเสียวน่าดู สังเกตได้จากมือของมันที่ขย้ำบ่าของผมแน่น



“อ่า.า….” ผมถึงกับครางออกมา เมื่อถูกเป็นเอกเอาคืน เป็นเอกไม่ได้กัดผมหรอกครับแต่มันดูดเม้มคอผมแรงมากจนผมจิกเล็บไปที่เอวและข่วนไปตามแผ่นหลังกว้าง



ต่างคนต่างก็สร้างรอยไปจนทั่วคอ เป็นเอกก็ดันตัวผมให้นอนลงบนอีกครั้ง พร้อมเลื่อนปากลงมาที่แผ่นอกที่กระเพื่อมถี่จากการหายใจเร็วของผม



‘จุ๊บ…จุ๊บ’



เป็นเอกดูดยอดอกของผมจนเกิดเสียงสลับซ้ายขวา ความเสียวซ่านแล่นผ่านทั่วแผ่นหลัง มือของผมกดหัวคนบนร่างให้แนบแน่นกับอกของผมเอง เป็นเอกทั้งดูดทั้งใช้ลิ้นเลียจนยอดอกผมช้ำแดง ก่อนจะเงยหน้าขึ้นมามองผมที่กำลังมองมันเช่นกัน สายตาของเป็นเอกไม่ต่างจากหมาป่าล่าเนื้อ ผมกระตุกยิ้มนิดๆแล้วพลิกตัวเป็นเอกให้นอนตะแคงข้างๆผม เราสองคนหันหน้าเข้าหากัน



“อ๊ะ!!” เป็นเอกร้องออกมา เมื่อโดนผมกัดเข้าไปที่ปลายคาง ผมเปลี่ยนเป็นฝ่ายคร่อมมันกลับแล้วไล่กัดไล่งับตามร่างกายของเป็นเอกจนทั่ว โดยเฉพาะบริเวณหน้าท้องที่ดูเหมือนว่าเป็นจุดอ่อนเพราะผมลากลิ้นทีไร หน้าท้องเป็นลอนมักจะหดเกร็งอยู่ร่ำไป



“พะ…พอก่อน” เป็นเอกบอกกับผมเสียงสั่น ผมหยุดชะงัก ใบหน้าแสดงออกว่าไม่สบอารมณ์เพราะผมรู้สึกอยากปลดปล่อยตามประสาลูกผู้ชายแถมกำลังเมาอีกตังหากอารมณ์ดิบจึงถูกกระตุ้นได้ง่ายกว่าปกติ



“มะ..ไม่อยากพอ” ผมพูดเสียงแหบพร่า



“ช่วยกันนะมึง” เป็นเอกเอ่ยแล้วคว้ามือผมมาวางที่กลางกายมันที่คับพองผ่านกางเกงยีนส์ตัวหนา เช่นเดียวกับมือมันที่วางอยู่กลางกายผมเช่นกัน



เราทั้งสองคนก็ปลดซิบกางเกงของกันและกัน ฝ่ามือร้อนล้วงเข้าไปในกางเกงชั้นในผม ส่วนผมก็ลูบมันผ่านผ้าบางจนแก่นกายของเป็นเอกล้นออกนอกกางเกงใน



“อ่า.า……อะ..อา.า..”



“อืม.ม….ซี๊ด.ด…อ่าาา”



เสียงครางร้องประสานเป็นทำนองเดียวกับมือที่ขยับช้าๆและเร่งเป็นจังหวะเร็วขึ้นตามแรงอารมณ์ เป็นเอกเอกจับท้ายทอยผมให้ก้มต่ำแล้วจูบผมอย่างกระหาย ผมเองก็จูบตอบกลับไป เราสองคนนอนล้มกลิ้งไปมาบนเตียง ผลัดกันนอนทับจนสุดท้ายก็หยุดที่ขอบเตียง ผมถูกเป็นเอกนอนทับ เป็นเอกคว้ามือผมทั้งสองข้างตรึงไว้เหนือศีรษะของผม ผมที่เริ่มอ่อนแรงจากฤทธิ์เหล้ารวมกับการถูกเร้าโลมก็ทำได้เพียงนอนหอบและมองเป็นเอกที่เบียดตัวเข้าหาผมและรวบแท่งร้อนทั้งของผมและของมันเอาไว้ในมือข้างเดียว



“อ่ะ..อ่า.า…เร็ว.ว..อีก…อืม.ม..”



“ของมึงร้อนว่ะ..อ่า.า….กูอยากใช้ปากดับร้อนชิบหาย”



เป็นเอกเอ่ยเสียงกระเส่า ผมเองก็นอนครางด้วยความเสียวซ่านที่ถูกอีกฝ่ายมอบให้ ยิ่งผมได้ยินเสียงเป็นเอกคราง อารมณ์ของผมก็ยิ่งพลุ่งพล่านจนใกล้ปลดปล่อย



“อ่ะ..อะ..อ๊ะ..อ่า.า…จะออกแล้ว..เร็ว.ว…อืม.ม..”



เป็นเอกได้ยินผมเอ่ยก็ปล่อยมือแล้วจับขาผมแยกออก เป็นเอกขยับตัวก้มหน้ามาตรงกลางกายผม ปากร้อนค่อยๆครอบแก่นกายผมแล้วรูดรั้งรัว ไม่นานผมก็ปลดปล่อยออกมา



“อ่า.า..ส์…”



ร่างกายของผมกระตุกเกร็งน้ำสีขาวขุ่นถูกปลดปล่อยเข้าไปในปากของเป็นเอก ปลายเท้าของผมจิกกับเตียง มือก็กำผ้าปูที่นอนจนยับยู่ยี่ เป็นเอกดูดกลืนน้ำของผมจนหมดแล้วผละปากออก จากนั้นก็ใช้ลิ้นเลียน้ำรักที่ยังหลงเหลืออยู่ตรงส่วนปลายแท่งร้อนของผมเบาๆ



จากนั้นผมก็หลับไปเพราะความเพลียและจำอะไรไม่ได้ ตื่นมาก็พบตัวเองนอนเปลือยอยู่กับเป็นเอกแถมที่หน้าท้องผมมีคราบน้ำรักแห้งเกรอะกรังอยู่ด้วย ผมกำลังสับสนในเมื่อมันกินน้ำของผมไปแล้ว น้ำที่อยู่บนหน้าท้องนี่ของใคร



“ตื่นแล้วเหรอ?..อืม” เป็นเอกที่ตื่นตั้งแต่ตอนไหนไม่รู้เอ่ยถาม แล้วขยับมานอนตักผม แขนของมันก็กอดเอวผมแน่น



“เหี้ยเอกปล่อยกู!!! มึงบอกมาเดี๋ยวนี้ว่าเกิดอะไรขึ้น!!!”



“มึงคิดว่าเกิดอะไรขึ้นล่ะ? หลักฐานก็มีนะ น้ำของกูที่กูปล่อยเลอะหน้าท้องมึงไง” เป็นเอกตอบอย่างอารมณ์ดี ผิดกับผมที่ขมวดคิ้วเป็นปม นี่ผมพลาดท่าให้มันปล้ำเหรอเนี่ย!!!!



“ทำไมทำหน้าเครียดล่ะเมีย? กูยังไม่ได้เสียบมึงนะเมียก็แค่เกือบ” มันเงยหน้าขึเนมาถามผม แล้วจับมือผมมาแนบแก้มมันอีก



“ใครเมียมึงไอ้สัตว์!!!”



“ก็มึงไง…ทิว” เป็นเอกเอ่ย น้ำเสียงจริงจังจนผมแปลกใจ



“ทำไม? มึงนึกสนุกอะไรห๊ะ!!!!” ผมตวาดกลับไป มีอย่างที่ไหนอยากได้ผมเป็นเมีย



“กูอยากเอามึง เอามึงมาทำเมีย มานอนครางใต้ร่างกู ชัดยัง?”



“ฮึ!!! ถ้ามึงอยากเป็นเมียกู กูก็ว่าไปอย่าง” ผมยกยิ้มให้มัน เป็นเอกเงียบก่อนจะพูดขึ้นมาว่า



“เอาอย่างนี้ไหม? คืนนี้เราสองคนไปประกวดหนุ่มหล่อประจำไร่ ถ้าใครชนะคนนั้นจะต้องเป็นผัว ส่วนคนแพ้ต้องเป็นเมีย” เป็นเอกยื่นข้อเสนอ คราวนี้เป็นฝ่ายผมที่เงียบบ้าง



“เงียบแบบนี้หรือว่าป๊อด? ได้ข่าวว่าลูกพี่ทิวแห่งไร่องุ่นไม่กลัวใคร สงสัยเรื่องโกหกว่ะ”



“ใครป๊อด มึงพูดให้ดีไอ้เป็นเอก เรื่องแค่นี้กูชนะมึงแน่นอน” ผมพูดสวนกลับไป



“ถ้าอย่างนั้นแสดงว่า….”



“กูตกลง!!!”

















...............................

มาแล้ว ป่วยแล้วเน้ออออ

ตอนนี้ใสใส ใสใส

ในขณะที่พี่เอกมีลุงชิตเป็นแบ็ค พี่ทิวก็มีคุณสิบทิศเป็นแบ็ค (คุณสิบทิศอยากให้ทิวปราบเอกเพื่อที่จะไม่ให้เอกยุ่งกะพี ร้ายยยย)



ตอนหน้าใครผัว ใครเมียติดตามกันนะคะ อิอิ

เอาเป็นว่าเฮฮาปาจิงโกะ

ป.ล. ขอบคุณที่เข้ามาอ่านเม้นกันนะคะ จุ๊บ
หัวข้อ: Re: บันทึกรัก...ไร่แสงจันทร์ 20++ Yaoi (คู่กัด) EP.06 P.4 09/02/2017
เริ่มหัวข้อโดย: sirin_chadada ที่ 09-02-2017 22:14:31
ที่แท้สิบทิศมีแผน (เพื่อประโยชน์แอบแฝงของตัวเอง) ก็ว่าอยู่นะว่าคำแนะนำฟังดูแปลก ๆ
หัวข้อ: Re: บันทึกรัก...ไร่แสงจันทร์ 20++ Yaoi (คู่กัด) EP.07 P.4 15/02/2017
เริ่มหัวข้อโดย: TanYung0209 ที่ 15-02-2017 18:16:52
บันทึกรัก…ไร่แสงจันทร์

Writer : Tan-Yung0209

File : เมื่อผมมีเมีย(ผัว)เป็นคู่กัด 07

 

 

 

 

 

 

 

“และแล้วก็ถึงเวลาที่ทุกคนรอคอยแล้วนะครับ...นั่นก็คือการประกวดหนุ่มหล่อประจำปีแห่งไร่แสงจันทร์ของเรา!!!!” ลุงชิตผู้ทำหน้าที่เป็นพิธีกรคู่กับป้าศรีในค่ำคืนนี้พูดเปิดงาน เสียงโห่ร้องโดยเฉพาะสาวน้อย สาวใหญ่ทั้งในไร่หรือบุคคลทั่วไปที่เข้ามาดูผู้เข้าประกวดชนิดที่ว่าติดขอบเวที

 

“ใช่ค่ะ ซึ่งปีนี้มีหนุ่มหล่อในไร่ของเราที่คัดสรรมาแล้วห้าคนและขอบอกว่าทุกคนหน้าตาดีไม่มีใครแพ้ใครเลยค่ะ” ป้าศรีพูดขึ้นมาเรียกเสียงกรี๊ดจากผู้หญิงเกรียวกราว

 

“เพื่อไม่ให้เสียเวลา ผมลุงชิตอดีตหนุ่มหล่ออันดับสามของไร่และป้าศรีคนสวยประจำไร่จะขอประกาศรายชื่อผู้เข้าประกวดเลยนะครับ”

 

“คนแรกนะคะ ฟาร์มโคนมส่งเข้าประกวด....เรย์ค่า!!!!!” ชายหนุ่มชื่อเรย์ก็ขึ้นบนเวทีและเดินไปมาอวดหุ่นสูงโปร่ง ยิ้มหวานที่มีลักยิ้มบุ๋มลึกอยู่ตรงแก้ม ตาสองชั้นดูหวานเสียจนผู้หญิงยังอาย เรียกได้ว่าแค่คนแรกก็เรียกเสียงเชียร์ได้จากผู้ร่วมงาน

 

“เสียงเชียร์ดังสนั่นมากเลยนะครับสำหรับหนุ่มฟาร์มโคนม ต่อไปลุงชิตขอแนะนำผู้เข้าประกวดคนที่สองมาจากทีมงานคนเลี้ยงม้าในไร่ของเรา....เมฆครับ!!!!” ชายหนุ่มผิวสีน้ำผึ้งร่างสูงกำยำ ตาคมดั่งเหยี่ยวใบหน้านิ่งเย็นชาเหมือนพระเอกที่หลุดมาจากนิยายโรแมนซ์ พอปรากฏตัวขึ้นมาเสียงเชียร์ก็ดังไม่แพ้เรย์ผู้เข้าประกวดคนแรก

 

“ผ่านไปสองคนแล้วนะคะ เรามาต่อคนที่สามเลยนะคะ....ทิว หนุ่มหล่อจากไร่องุ่นค่า!!!” ทิวเดินขึ้นเวทีด้วยความหล่อรวมทั้งท่าทางแบดบอย ดูมีสเน่ห์เหลือร้าย ทำให้เป็นที่จับตามองของทุกคนและถือว่าเป็นตัวเก็งของงานวันนี้

 

“เพื่อความรวดเร็วเรามาต่อคนที่สี่เลยนะครับ....เป็นเอก หนุ่มหล่อจากไร่ส้ม!!!!” ผมขึ้รเวทีเป็นคนสุดท้าย ทุกย่างก้าวผมมาพร้อมรอยยิ้มอบอุ่นที่ขโมยใจคนไปเกือบทั้งไร่ ผมเดินรอบเวทีก่อนจะไปหยุดยืนใกล้กับทิว ซึ่งเรียกเสียงกรี๊ดได้ดี วันนี้ผมต้องชนะไม่ใช่เพราะรางวัลจากไร่แต่…ผมต้องการคนที่ยืนข้างๆเป็นของผม เป็นรางวัลในค่ำคืนนี้

 

“ยิ้มจนเมื่อยปากยังมึง” ทิวคงจะอดไม่ได้ที่จะพูดแขวะ อย่างว่าใกล้กันทีไรต้องมีเรื่องให้จิกกัดกันตลอด

 

“อิจฉากูหรือไง? มึงเองก็ยืนเก๊กจนเมื่อยหน้าแล้วนี่”  ผมไม่ยอมให้ทิวแขวะอยู่ฝ่ายเดียวก็พุดสวนกลับไป หลังจากที่กัดกันพอเป็นพิธีเราสองคนก็ยืนสงบทำตัวปกติต่อไป ขืนยุกยิกอาจโดนเพ่งเล็งได้

 

“ทุกปีไร่ของเราจะมีผู้เข้าประกวดจากไร่ในส่วนต่างๆแค่สี่คนแต่ปีนี้พิเศษสุดนะคะเพราะคุณสุดท้ายเรียกได้ว่ามาสมัครก่อนเวลาประกวดเพียงไม่กี่นาที” ป้าศรีกล่าว ซึ่งคนที่ยืนอยู่หลังเวทีอดที่จะตื่นเต้นไม่ได้

 

“ใช่ครับ เพื่อไม่ให้เสียเวลาผู้เข้าประกวดคนสุดท้าย คุณสิบทิศเจ้าของไร่ส่งเข้าประกวด....พีครับ!!!” เสียงปรบมือต้อนรับการเปิดตัวของพี หนุ่มร่างโปร่งหน้าตาดีผิวขาวน้ำนม ลักษณะไม่ต่างจากลูกผู้ดีจนไม่คิดว่าจะมาทำงานอยู่ในไร่ ใบหน้านิ่งๆที่เก็บความตื่นเต้นเอาไว้โดยเจ้าตัวไม่รู้เลยว่าแววตาของตนไม่สามารถปิดความรู้สึกเขินอายจนคนที่เห็นอดจะเอ็นดูไม่ได้โดยเฉพาะคุณสิบทิศที่อดจะภูมิใจคนรักไม่ได้ นี่คุณสิบทิศคงจะอวดเมียให้คนทั้งำร่ได้รู้จักแน่นอน

 

“มาครบกันทุกคนแล้วนะครับ แต่ละคนความหล่อสูสีกันจนไม่รู้ว่าใครจะได้ครองตำแหน่งแต่ที่แน่ๆเลยนะครับ พี ผู้ประกวดหมายเลขห้าครองตำแหน่ง...เมียเจ้าของไร่เป็นที่เรียบร้อยแล้ว” ลุงชิตพูดแซว พีหน้าแดงแจ๋ไม่คิดว่าโดนลุงชิตแกล้งออกอากาศแบบนี้ ส่วนกองเชียร์ก็โห่แซวรับมุกของลุงชิตโดยเฉพาะส้มจี๊ดที่ผันตัวมาเป็นสาววายนั้นกรี๊ดจนคอหอยแทบพัง

 

“เอาล่ะค่ะ ทุกคนเห็นหน้าค่าตาผู้เข้าประกวดกันไปแล้วจะเห็นได้ว่าหล่อกันทุกคน ซึ่งถ้าตัดสินที่หน้าตาบอกเลยว่าทุกคนตัดสินลำบากแน่ๆ ดังนั้นเราจะให้ผู้เข้าแข่งขันแสดงความสามารถกันค่ะ” ป้าศรีเอ่ย

 

“ดังนั้นเราจะให้ผู้เข้าประกวดไปเตรียมตัวสำหรับการแสดงที่หลังเวทีก่อนแต่ทุกคนไม่ต้องกลัวว่าจะไม่มีอะไรดูนะคะเพราะช่วงพักเบรกแบบนี้ ไร่ของเราเตรียมการแสดงจากกลุ่มแม่บ้านไร่แสงจันทร์ เชิญชมได้เลยครับ” พอสิ้นเสียงลุงชิต ผู้เข้าประกวดทุกคนก็รีบลงหลังเวที กลุ่มแม่บ้านก็ขึ้นมาร้องมาเต้นกันอย่างสนุกสนานจนคนที่มาดูก็พลอยเต้นตามไปด้วย

 

“คุณพีเตรียมการแสดงอะไรเหรอครับ?” เรย์ถามคนรักของเจ้านาย พีมองเรย์ที่ตอนนี้เปลือยท่อนบนส่วนท่อนร่างใส่กางเกงมวย วันนี้เรย์จะแสดงรำแม่ไม้มวยไทย

 

“ผมยังไม่รู้จะแสดงอะไรเลยครับ?” พีตอบ ก่อนจะเริ่มครุ่นคิดว่าจะแสดงอะไรดี จะว่าไปพีคงเพิ่งจะโดนส่งตัวมาประกวดอย่างฉุกละหุกเลยไม่รู้จะทำอะไร แสดงอะไร

 

“เรย์ใครใช้ให้มึงถอดเสื้อโชว์หุ่นขี้ก้าง มึงรีบไปใส่เสื้อเลยนะ” เมฆที่เดินเข้าพูดดุเรย์มือก็ถือดาบคู่ในมือ เรย์หน้ามุ่ยก่อนจะเดินไปหยิบเสื้อกล้ามมาใส่

 

ผมเองก็ถอดเสื้อเผยรอยกัดจางๆของทิว พอทิวเห็นมันก็รีบเอาผ้ามาคลุมตัวผม

 

“มึงจะถอดเสื้อทำไม?” ทิวถามเสียงดุ ตาก็ไล่มองตามรอยบนตัวผม

 

“กูแสดงตีกลองสะบัดชัย ทำไมหวงกูเหรอเมีย?” ผมถามเสียงทะเล้นแล้วยื่นหน้าเข้าไปใกล้

 

“หวงเหี้ยมึงสิ” ทิวด่ากลับไม่พอยังเอาขลุ่ยมาตีเข้าที่แขนผมอีก มันนี่ซาดิสของแท้เลย

 

“ก็เห็นเอาผ้ามาคลุมตัวกู”

 

“รอยฟันกูเต็มตัวไม่เห็นเหรอวะ!!”

 

“เรื่องนั้นมึงไม่ต้องห่วง กูไปซื้อรองพื้นมาแล้ว มึงเองก็อย่าใช้แรงเป่าขลุ่ยมากล่ะเพราะคืนนี้ต้องมาเป่าปี่ให้กู” ผมพูดหยอก ทิวกัดฟันข่มอารมณ์ มันคงไม่อยากโวยวายหลังเวทีแต่คนอย่างทิวถ้าไปง่ายๆก็ไม่ใช่มัน มือเรียวชูนิ้วกลางด่าผมแทนการใช้เสียง ผมหัวเราะเบาๆ สมกับที่เป็นมึงจริงๆเลยทิว

 

จากนั้นผมก็แต่งตัวต่อทั้งนุ่งผ้าเอง ทารองพื้นเองก็อาศัยมุมมืดที่พอมีไฟสลัวเล็กน้อยในการทา ผมไม่อยากให้ใครเห็นเพราะเจ้าของรอยเขาหวง ฮ่า ฮ่า ฮ่า พอจัดการตัวเองเสร็จ ผมก็พบว่าพีกำลังยืนหน้าเครียด

 

“พี คิดไม่ออกเหรอว่าจะแสดงอะไร?” ผมถาม

 

“ครับพี่เอก” พีตอบไปตามตรง

 

“ถ้าอย่านั้นก็เอาสิ่งที่พีชอบสิ เอาที่แบบพอนำมาแสดงได้” ทิวพูดขึ้นมาบ้าง พีก็คิดตามก่อนจะยิ้มออกมาทำให้ทุกคนเบาใจว่าสุดที่รักของคุณสิบทิศมีรอยยิ้มออกมาแล้ว

 

เมื่อจบการแสดงจากกลุ่มแม่บ้าน พิธีกรบนเวทีก็เรียกผู้เข้าประกวดออกไปแสดงความสามารถกันตามลำดับ ส่วนคนที่ไม่ได้ถูกเรียกก็นั่งรออยู่หลังเวที ทุกคนแสดงออกมาได้ดี ได้รับเสียงปรบมือและเสียงโห่จากกองเชียร์กันดังสนั่น โดยเฉพาะพีที่ร้องเพลงรักหวานๆจนทั้งไร่เป็นสีชมพู

 

“ลุงแทบจะเบาหวานขึ้นเลยครับ ฮ่า ฮ่า ฮ่า ยังไงขอเชิญผู้เข้าประกวดทุกคนขึ้นมาบนเวทีนะครับระหว่างนี้ลุงจะขออธิบายวิธีการตัดสินนะครับ ให้คนที่มีดอกกุหลาบในมือซึ่งเราได้เปิดขายอยู่ข้างเวทีตั้งแต่เริ่มการแข่งขัน ดอกกุหลาบมีจำนวนหนึ่งร้อยดอกซึ่งสามารถซื้อได้คนละหนึ่งดอกเท่านั้นใครที่มีดอกกุหลาบในมือก็นำมามอบให้กับผู้เข้าประกวดที่ชอบได้เลยครับ” ลุงชิตอธิบายให้คนในงานฟังซึ่งการตัดสินนี้ก็มีมาตั้งแต่จัดการประกวดครั้งแรก ผมลุ้นในใจให้ฟ้าเข้าข้าง ให้คนชอบการแสดงกลองสะบัดชัยของผมมากกว่าเพลงขลุ่ยของทิว

 

“ผู้เข้าแข่งขันคนไหนได้ดอกกุหลาบเยอะสุดคนนั้นชนะ และอันดับอื่นๆก็จัดตามจำนวนดอกกุหลาบที่ได้ค่ะ” ป้าศรีอธิบายต่อ ตอนนี้ผู้เข้าประกวดทุกคนรวมทั้งผมมายืนชิดขอบเวทีเพื่อเตรียมรับดอกกุหลาบ ส่วนคนที่มีกุหลาบในมือก็เริ่มทยอยเข้าแถวให้กับคนที่ชอบอย่างเป็นระเบียบ ถ้าคาดคะเนด้วยสายตา ผมกับทิวนั้นก็ถูกคนมอบดอกไม้ให้มากมายจนยากที่จะรู้ว่าใครมากกว่า

 

การมอบดอกไม้ให้แก่ผู้เข้าประกวดก็เสร็จสิ้นลง เจ้าหน้าที่นับดอกกุหลาบซึ่งก็คือเหล่าคนงานต่างก็ช่วยนับกันอย่างขมักเขม่น ในระหว่างนี้ลุงชิตกับป้าศรีก็พูดคุยกับผู้เข้าประกวดพอหอมปากหอมคอ เหงื่อของผมผุดขึ้นตามหน้าผากด้วยความตื่นเต้น ผมลอบมองไปที่คนใกล้ตัว ทิวเองมีอาการประหม่าเช่นกัน ทิวคงจะลุ้นเหมือนกับผมเพราะผลแพ้ชนะมันจะทำให้โชคชะตาของเราสองคนแปรเปลี่ยนไปตลอดกาล ไม่นานผลคะแนนและการจัดอันดับก็เสร็จสิ้น ผลตัดสินก็ถูกส่งมาให้พิธีกรทั้งสองคน

 

“ในที่สุดเราก็มาถึงช่วงสุดท้ายแล้วนะครับป้าศรี”

 

“ใช่ค่ะลุงชิต ตอนนี้ผลคะแนนก็อยู่ในมือของดิฉันแล้วแต่ก่อนที่จะประกาศก็ขอเชิญคุณสิบทิศ เจ้าของไร่แสงจันทร์ขึ้นมาบนเวทีมอบรางวัลให้กับผู้เข้าประกวดค่ะ” ป้าศรีพูดเชิญร่างสูงขึ้นมาบนเวที ทุกคนในงานไม่ว่าจะเป็นผม  ทิว พี เมฆและเรย์หรือจะเป็นผู้คนที่มาร่วมงานต่างก็ตื่นเต้นกับการประกาศผล

 

“ต่อไปเราจะประกาศผู้ที่ได้รองชนะเลิศอันดับที่สองได้แก่....เมฆ จากทีมงานคนเลี้ยงม้าครับ” สิ้นเสียงลุงชิต เมฆก็เดินออกมาหน้าเวที เสียงเชียร์จากคนเลี้ยงม้าก็ดังขึ้นมา

 

“ขอแสดงความยินดีกับเมฆด้วยนะคะ ต่อไปนี้ป้าศรีก็จะขอประกาศรองชนะเลิศอันดับหนึ่งนะคะ ได้แก่... ทิว จากไร่องุ่นค่า” ทิวยิ้มกว้าง ขายาวก็ก้าวออกมายืนใกล้กับเมฆ แวบนึงผมเห็นแววตาสั่นเครือของมัน ตอนนี้ที่เหลืออยู่อีกด้านหนึ่งของเวทีก็เหลือ ผม พีและเรย์ ถ้าผมไม่ได้รางวัลก็เท่ากับผมแพ้ ผมต้องได้ที่หนึ่ง…ที่หนึ่งเท่านั้น

 

“มาถึงการประกาศผลผู้ที่ได้ตำแหน่งชนะเลิศแล้วนะคะ เชื่อว่าทุกคนรอคอยกันว่าใครจะได้”

 

“ใช่ครับ ที่จริงแล้วดอกไม้ที่ทุกคนได้รับห่างกันแค่ไม่กี่ดอกด้วยซ้ำเพราะปีนี้มีแต่คนหน้าตาดี ลุงเองยังไม่รู้ให้ดอกไม้ใครเลย” ลุงชิตพูดต่อ ผมกำหมัดแน่น ชีวิตไม่เคยต้องมาเครียดจากการลุ้นอะไรแบบนี้มาก่อน

 

“และผู้ที่ได้ตำแหน่งชนะเลิศ ได้แก่.......เป็นเอก หนุ่มไร่ส้มของเรา ได้ที่หนึ่งสมชื่อเลยค่ะ” ป้าศรีประกาศผล ทุกคนส่งเสียงเฮ ร่วมปรบมือให้กำลังใจ คุณสิบทิศก็มอบช่อดอกไม้รวมถึงเงินรางวัลให้กับผู้ชนะและผู้เข้าประกวดที่ไม่ได้รับตำแหน่งอีกสองคน

 

“ตอนนี้ก็เสร็จสิ้นการประกวดแล้ว ขอเชิญทุกคนกลับไปพักผ่อนได้ส่วนใครที่ไม่ง่วง เดี๋ยวจะมีการแสดงดนตรีสดให้ทุกคนได้ครื้นเครง ร้อง เต้นกันให้ถึงเช้าเลยครับ” ลุงชิตประกาศเรียกปรบมือและความพอใจให้กับผู้ร่วมงานเป็นอย่างมาก

 

ผู้เข้าประกวดและพิธีกรก็ทยอยลงจากเวที ผมคว้าหมับที่ข้อมือของทิว ทิวพยายามกระชากมือตัวเองออกแต่ผมก็จับไว้แน่น ผมชอบนะเวลาที่มันพยศแบบนี้ ผมอดใจไม่ไหวอยากลากมันกลับห้องเร็วๆ

 

‘เอี๊ยด!!!’ เสียงอะไรบางอย่างดังมาจากด้านบน พอมองขึ้นไปก็เห็นว่าสปอร์ตไลท์กำลังตกลงมา

 

“พีระวัง!!” คุณสิบทิศเห็นว่าวัตถุขนาดใหญ่กำลังจะตกใส่คนรัก มือหนาผลักร่างโปร่งให้ห่างออกไป

 

‘โครม!!!!’

 

“พี่สิบทิศ!!!!!” พีร้องออกมาสุดเสียง คุณสิบทิศหลบไม่ทันโดนสปอร์ตไลท์กระแทกเฉียดหัวและที่แขนจนร่างสูงล้มลงไปนอนกับพื้น

 

“พี่สิบทิศ...ฮึก...ฮือ..อ.. อย่าเป็นอะไรนะครับ” พีวิ่งมาหาร่างที่ไร้สติของสิบทิศพร้อมกับร้องไห้ออกมาไม่อายใคร ผม ทิว และคนงานคนอื่นๆต่างก็รีบยกสปอร์ตไลน์ออกและติดต่อเรียกรถโรงพยาบาล

 

“ฮือ...พี่สิบทิศ.ฮึก...เลือด.....” พีพูดเสียงสั่น ก่อนที่สติจะดับวูบลงไปอีกคน คราวนี้คนงานต่างก็รีบปฐมพยาบาลให้ พอรถพยาบาลมาถึงทั้งสองคนก็ถูกส่งขึ้นรถพยาบาลเพื่อทำการรักษาต่อทันที

 

ค่ำคืนที่น่าจะกลายเป็นค่ำคืนแสนสนุกกลับกลายเป็นว่างานกร่อย หลายคนทยอยกลับไปฟังข่าวของคุณสิบทิศ รวมทั้งผมและทิวที่กลับมาที่ห้องเช่นเดียวกัน

 

‘หมับ’

 

ผมกอดเข้าที่เอวของทิวที่บางกว่าของผมเล็กน้อย ทิวที่กำลังเดินก็หยุดชะงักแล้วขืนตัวออกจากอ้อมกอด ผมก็เลยจัดการกอดแน่นกว่าเก่า

 

“ไอ้เอกปล่อยกูได้แล้ว” ทิวเอ่ย เสียงมันดูเหมือนคนอ่อนแรง ผมเลยคลายกอด ทิวก็เดินตรงไปนอนบนเตียงต่อสีหน้าเป็นกังวล

 

“เป็นอะไร?” ผมล้มลงนอนข้างๆแล้วกอดมันต่อ คราวนี้มันไม่ได้ขืนตัวแต่แววตาของมันแสดงความเครียดออกมา

 

“กูกลัวคุณสิบทิศเป็นอะไรไป” ทิวพูดเสียงแผ่ว ท่าทางทิวคงกังวลจริงๆ

 

“คุณสิบทิศต้องไม่เป็นอะไร มึงอย่าห่วงเลย” ผมพูดปลอบ

 

“ไม่ให้กูห่วงได้ยังไง คุณสิบทิศเป็นเจ้านาย เป็นผู้มีพระคุณและให้โอกาสเด็กที่ถูกตัดหางปล่อยวัดอย่างกูทำงาน จริงสิ มึงไม่ห่วงก็ไม่แปลก มึงจ้องจะแดกน้องพีอยู่นี่”

 

“ทิว กูไม่ได้คิดกับพีเกินพี่น้อง กูเองก็เป็นห่วงคุณสิบทิศเหมือนกัน” ผมเอ่ยอย่างจริงจัง

 

“กูไม่เชื่อหรอกว่ามึงไม่ได้คิดอะไรกับน้องพี” ทิวเหยียดยิ้มใส่ผม ผมถอนหายใจหนักๆให้กับคนที่คิดเองเออเองแบบมัน

 

“แล้วอยากรู้ไหมว่ากูคิดอะไรกับมึง” ผมจับคางของอีกฝ่ายให้หันมามองหน้าของผม

 

“คิดอะไร?” ทิวถามกลับ คิ้วหน้าทั้งสองขมวดเป็นเชิงถาม

 

ผมไม่พูดอะไรแต่โน้มหน้าเข้าไปหา ทิวเหมือนจะรู้ตัวก็เลยผละหน้าออก ถึงอย่างนั้นผมก็จับปลายคางเอาไว้แน่นและบีบแรงๆจนทิวเปิดปากออกมา ผมอาศัยจังหวะนี้ประกบปากสอดลิ้นเข้าไปในโพลงปากอุ่น

 

“ฮืม..”

 

ผมพึงพอใจกับรสจูบ ลิ้นตวัดกวาดชิมจนทั่วอยากกระหายราวกับได้ชิมขนมหวาน ทิวในตอนนี้ก็มีท่าทีอ่อนลงก็ตวัดลิ้นตอบพร้อมกับเอียงศีรษะรับจูบของผมที่บดเบียดจนตัวผมเองรู้สึกแสบปาก

 

ผมค่อยๆขยับตัวคร่อมกายของร่างหนาในขณะที่ริมฝีปากยังคงติดกัน มือทั้งสองข้างของผมก็ไล่ปลดกระดุมของอีกฝ่ายทีละเม็ด ทีละเม็ด จนถึงเม็ดสุดท้าย จากนั้นผมก็ถอนจูบโดยที่มีน้ำลายเชื่อมติดกัน ผมถอดเสื้อตัวเองออกแล้วโยนลงเตียงแล้วก้มหน้ามองใบหน้าหล่อที่ปากแดงเจ่อ

 

“ทิว…กูทวงสัญญา”

 

“อืม กูรู้แล้ว อยากทำอะไรก็รีบทำจะได้เสร็จๆ” ทิวพูดกับผมโดยที่ตาก็มองผมนิ่ง มันคงเตรียมใจไว้แล้วสินะ ตั้งแต่ผลแพ้ชนะถูกประกาศบนเวที

 

ผมก้มหน้าซุกไซร้คอช้าๆ ปากก็ดูดเม้มเบาๆให้พอเป็นรอยแดง ทิวครางเบาๆแล้วเม้มปากแน่น ผมก็ยิ่งอยากแกล้งคนที่ปากเก่งขี้โวยวายหายไปไหนแล้วเนี่ย สงสัยคงต้องปลุกให้ตื่นเสียหน่อย

 

“เหี้ย!!..กัดกูทำไม” ทิวดันหัวผมออกหลังจากที่ผมฝังเขี้ยวไปยังบ่าเนียน ผมกระตุกยิ้ม ทิวจอมโวยวายกลับมาแล้ว

 

“กูอยากกัดว่ะ มึงเองก็เสือกนอนนิ่งจนกูคิดว่ากูเอากับตอไม้” ผมพูดแล้วใช้มือลูบแก้มทิวเบาๆ

 

“หรือว่ามึงไร้น้ำยา?” ผมพูดยั่วโมโห ให้ตายสิผมว่าผมโรคจิตแน่นอน แทนที่จะจับมันทำเมียให้เสร็จๆไปแต่กลับอยากให้มันโมโหมากกว่า พูดตรงๆเลยครับการที่มันยอมผมง่ายๆทำผมหมดอารมณ์ไปมากโข

 

“อย่ามาหยามกูนะ!!!” ทิวตะคอกใส่ผม ในที่สุด การยั่วโมโหของผมก็ประสบความสำเร็จ

 

“แสดงมาสิ…ให้กูรู้” ผมยิ้มให้ ทิวเลยจับท้ายทอยของผมไว้แน่นแล้วยื่นหน้าเข้าหา ริมฝีปากของเราสองคนก็แตะกันอีกรอบ ทิวจูบผมอย่างเร่าร้อน ดุเดือดตามนิสัยที่ไม่ยอมคนซึ่งเข้าทางผมเป็นที่สุด

 

ผมเองก็จูบตอบ มือก็ปลดกางเกงของทิวออกไปด้วย ผมใช้มือลูบเบาๆที่ชั้นในสีเข้มไม่นานมังกรที่หลับใหลก็ตื่นขึ้นมาจนล้นขอบกางเกงใน

 

“อืม..ม…”

 

ทิวครางในลำคอเมื่อผมใช้นิ้วโป้งถูวนส่วนปลายที่แก่นกายของมัน ผมผละปากแล้วไล่จูบตั้งแต่ซอกคอลงมาถึงแผงอกขาวที่มีรอยจูบจางๆของผม ครั้งนี้ผมก็ซ้ำรอยเก่าจนแดงช้ำก่อนจะใช้ปากดูดดุนยอดอกสีเข้มจนเกิดเสียงและเพิ่มความเสียวซ่านด้วยการใช้ลิ้นตวัดรัวรับกับจังหวะมือที่เริ่มขยับขึ้นลงตรงแก่นกาย

 

ใบหน้าของคนที่ถูกกระทำบูดเบี้ยวจากการที่พยายามข่มอารมณ์ ผมก็ยิ่งเร่งมือจนทิวเปิดปากครางออกมา ทิวก้มมองผมตาเขียวสงสัยมันคงจะโมโหที่ผมแกล้งมัน ก่อนที่เจ้าตัวจะสอดมือเข้ามาในกางเกงผมแล้วนวดเค้นแท่งร้อนของผมที่ระอุ

 

“ซี๊ด..ด..เร็วอีกหน่อย”

 

ผมร้องบอกพร้อมดึงกางเกงตัวเองลงเพื่อให้ทิวสามารถทำได้สะดวกขึ้น ทิวก็จัดให้แถมใช้เล็บลากครูดเบาๆจนผมเสียวไส้ เราสองคนต่างก็รูดรั้งแก่นกายกันและกันจนทิวปลดปล่อยออกมา ส่วนผมก็คว้าข้อมือของทิวให้หยุดก่อนที่ผมจะปลดปล่อยไปด้วย

 

“กูอยากแตกในตัวมึงมากกว่า” ผมกระซิบข้างหูแล้วเม้มเบาๆ จากนั้นผมก็ลุกขึ้นนั่งแล้วดึงกางเกงยีนส์ที่แสนเกะกะของทิวออก ผมจับขาของมันให้อ้าออกแล้วแทรกตัวเข้าไปนั่งอยู่ตรงกลางระหว่างขา

 

“หยุด…มึงจะด่ากูใจไม่ถึงก็ได้..แต่…” ทิวบอกกับผม สีหน้าเป็นกังวลมาก ผมเข้าใจมันนะครับ ชายทั้งแท่งอยู่ๆจะให้มารับมันคงจะรู้สึกไม่ดี

 

“ไม่เอา กูหยุดไม่ได้….” ถึงผมจะเข้าใจมันแต่ผมขอเห็นแก่ตัว

 

ผมหันไปไล่จูบขาของมันตั้งแต่เข่าไล่ลงมาเรื่อยๆจนถึงขาอ่อนท่ามกลางเสียงร้องห้ามของทิว โดยเฉพาะขาอ่อนด้านในที่ผมจงใจทำรอยเอาไว้จนไม่เหลือที่ว่าง ผิวมันลื่นกว่าที่คิดแถมยังขาวมากเสียด้วย อาจเป็นเพราะแดดที่ทำให้ผิวนอกร่มผ้ามีสีเข้มแต่พอเปลือยแบบนี้ ทิวเป็นผู้ชายที่ผิวดีคนนึงเลยทีเดียว

 

“อึก…มึงหยุด..หยุดเดี๋ยวนี้”

 

ทิวร้องห้าม มือของมันพยายามผลักหัวผมที่ใช้ลิ้นเลียรอบช่องทางสีชมพูอ่อนอย่างลุ่มหลง อยากผลักอยากดันก็ทำไป ผมใช้มือดันขายาวให้อ้าออกกว่าเดิมแล้วออกแรงดันขาให้ชิดติดอกของทิว

 

พอช่องทางชุ่มไปด้วยน้ำลายและน้ำสีขาวขุ่นของทิวที่ออกมาก่อนหน้านี้ที่ไหลลงมาเปื้อนที่ช่องทาง ผมก็สอดนิ้วเข้าไปช้าๆ

 

“อึก”

 

ทิวกัดปากแน่นไม่ยอมส่งเสียงออกมา ทิวกำลังอดทนต่อความเจ็บปวด ผมเองก็พยายามเบามือที่สุดด้วยการกดนิ้วเข้าออกช้าๆแล้วเพิ่มนิ้วเป็นสองนิ้ว

 

“อย่าเกร็งนะมึง” ผมพูดกับมัน เมื่อเห็นว่าช่องทางเริ่มขยายมากกว่าเดิมแต่ไม่พอที่จะรับสิ่งที่ใหญ่กว่านิ้วได้

 

“อ่า….า…”

 

ทิวหลุดครางออกมา ผมรู้ทันทีว่านั่นคือจุดกระสัน ผมกระแทกนิ้วหนักเข้าไปจุดเดิมอีกสามสี่ครั้ง จนได้ยินเสียงครางแหบสเน่ห์ร้องบอกราวกับว่าพร้อมปรับตัว ผมเอานิ้วออกแล้วจับแท่งร้อนที่พร้อมรบจ่อเข้าไปแทน

 

“เชี่ย..เจ็บ..ไอ้เหี้ยเอกกูเจ็บ!!!” ทิวโวยวาย

 

“อ่า.า…แน่นชิบหาย..อืม” ผมไม่สนคำด่า ผมสนแค่ว่ากายของเราสองคนเป็นหนึ่งเดียวกันแล้ว

 

ผมเริ่มขยับกายเข้าออกช้าๆเนิบนาบ พร้อมประกบปากจูบให้ทิวได้ผ่อนคลายสลับกับเค้นหน้าอกกว้าง จากเสียงร้องเจ็บปวดก็กลายเป็นดีขึ้น ผมก็เร่งสะโพกกระแทกหนักขึ้นกว่าเก่า

 

“อ่ะ..จุก…อือ…กูจุก” ทิวครางออกมา ใบหน้าเหยเกแสดงว่าจุกจริงๆ ผมเลยผ่อนแรงเล็กน้อยแต่ก็ไม่ได้เบากว่าช่วงแรก

 

“อ่า..า..ของมึงมันตอดกูแล้วว่ะ” ผ่านไปไม่นานผนังนุ่มในตัวของมันก็ตอดรัดจนผมแทบขยับไม่ได้ ทิวมีอารมณ์ร่วแล้วผมเองก็จะไม่เกรงใจเช่นกัน

 

“อ่ะ..อ่า..า….อ่ะ”

 

“อ่า…เสียวว่ะ..อืม”

 

ผมเร่งจังหวะขึ้นเรื่อย เราทั้งสองคนต่างครางระงมไม่ใครยอมลดเสียง ผมมองไปที่ใบหน้าของทิว ผมอยากเก็บภาพนี้ไว้ซึ่งดูเหมือนผมจะจ้องนานไปหน่อย ใบหน้าของคนปากดีถึงได้แดงระเรื่อ…ดูแล้วน่ารักไปอีกแบบ

 

‘พั่บ พั่บ พั่บ’

 

เสียงเนื้อกระทบกันในช่วงนาทีที่ผมกำลังจะปลดปล่อย แรงกระแทกที่ส่งเข้าไปทำให้นอกจากจะเกิดเสียงแล้วร่างกายของคนใต้ร่างก็โยกคลอนจนทิวจิกเล็บขีดข่วนไปตามแผ่นหลังของผม

 

“ยังไม่วายทำร้ายกูอีก…อ่า..า..” ผมทำทีเป็นบ่น รู้สึกแสบหลังขึ้นมานิดๆ เห็นทีต้องจัดหนักแล้ว

 

“โอ๊ย…ไอ้เหี้ยเอก..กู..เจ็บ..อ่ะ..อ่า..เจ็บ” ทิวด่าผมแล้วข่วนแขนแทนหลัง นี่คิดจะข่วนผมทั้งตัวหรือไง

 

ต่อให้มันข่วนผมเป็นร้อยแผล ผมก็หยุดที่จะทำรักมันไม่ได้ ผมขยับเร็วขึ้นเรื่อยๆ จนท้ายที่สุดผมก็ปลดปล่อยน้ำสีขาวขุ่นออกมาในช่องทางอุ่น ทิวเองก็ปลดปล่อยออกมาเช่นกันก่อนที่เปลือกตาของคนที่โดนกระทำจะหลับลง ผมอยากทำมันต่อนะแต่ก็เห็นว่าอีกคนไม่ไหวแล้ว

 

“หลับแล้วเหรอวะ….กูยังไม่บอกรักมึงเลย…ฟอด” ผมพึมพำแล้วหอมแก้มเบาๆ คืนนี้เป็นคืนที่ผมมีความสุขที่สุด

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

.................................

 

มาแล้วนะจ๊ะ มาแล้วคนดี

Nc กากอย่าคาดหวังนะจ๊ะ

ไรท์ยังคงไม่สบาย เลยแต่งช้า โทษทีนะคะ

ป.ล. อยากทำเล่มนิยายชุดนี้มีคนสนใจไหม ถ้ามีสัก10คน อาจจะทำนะคะ

 

ขอบคุณที่เฝ้าติดตามนะคะ อ่าน เม้น ดีจายยยย
หัวข้อ: Re: บันทึกรัก...ไร่แสงจันทร์ 20++ Yaoi (คู่กัด) EP.07 P.4 15/02/2017
เริ่มหัวข้อโดย: sirin_chadada ที่ 15-02-2017 19:44:25
เขาแซ่บกันแล้ว...
หัวข้อ: Re: บันทึกรัก...ไร่แสงจันทร์ 20++ Yaoi (คู่กัด) EP.07 P.4 15/02/2017
เริ่มหัวข้อโดย: mystery Y ที่ 16-02-2017 17:31:51
สนุกล่ะงานนี้!
หัวข้อ: Re: บันทึกรัก...ไร่แสงจันทร์ 20++ Yaoi (คู่กัด) EP.07 P.4 15/02/2017
เริ่มหัวข้อโดย: mild-dy ที่ 16-02-2017 19:07:33
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: บันทึกรัก...ไร่แสงจันทร์ 20++ Yaoi (คู่กัด) EP.08 P.4 20/02/2017
เริ่มหัวข้อโดย: TanYung0209 ที่ 20-02-2017 18:58:47
บันทึกรัก…ไร่แสงจันทร์

Writer : Tan-Yung0209

File : เมื่อผมมีเมีย(ผัว)เป็นคู่กัด 08















ผมตื่นขึ้นมาในเช้าอีกวันตามระบบกลไกการตื่นนอนของผมที่มักจะตื่นเช้าเป็นปกติ แต่เช้าวันนี้มันไม่ได้ปกติสำหรับผมเลย อาการปวดเมื่อยตามร่างกายรวมทั้งอาการเจ็บแสบบริเวณช่องทางที่ถูกเป็นเอกชำแหละมันส่งผลให้ผมขยับตัวได้อย่างลำบาก



ผมขยับตัวช้าๆ มือก็จับแขนที่พาดเอวของผมให้ออกไป ผมเลิกผ้าห่มออกก็พบว่าตามตัวและขาของผมไม่มีน้ำสีขาวขุ่นปนเลือดเปรอะเปื้อนอยู่เล็กน้อย ผิดกับตามตัวของผมที่สะอาดสงสัยคนที่นอนหลับข้างๆคงจะเช็ดทำความสะอาดให้เพียงแต่ไม่สะอาดพอ



“จะไปไหน” เสียงทุ้มมาพร้อมกับมือที่จับแขนผมที่กำลังจะลุกออกจากเตียง ผมหันไปก็พบว่ามันนอนจ้องผมอยู่



“ห้องน้ำ” ผมตอบกลับไปสั้นๆ



“เดี๋ยวกูพาไป” เป็นเอกไม่พูดเพียงอย่างเดียว เขายังลุกมานั่งโอบเอวผมไว้อีกด้วย



“ไม่ต้องกูไปเองได้ แล้วมึงก็ไม่ต้องมาโอบเอวกู กูไม่ใช่สาวน้อยหรือเด็กในสต๊อกของมึง” ผมพูดเสียงนิ่งแล้วรีบลุกขึ้นยืน ผลที่ได้คือผมเซเล็กน้อยดีที่ผมจับบ่ากว้างของเป็นเอกไว้ทัน



“มึงแม่งดื้อ…ดื้อชิบหาย” เป็นเอกมันบ่นใส่ผมแล้วพยุงผมเข้าห้องน้ำ ที่จริงมันไม่พยุงผมเองก็เดินเข้าห้องน้ำได้นะครับ



พอเข้าไปในห้องน้ำเป็นเอกก็ไม่ยอมออก ผมเองก็ไล่มันไป มันก็ไม่ยอมออก พอผมจะชกแรงยกแขน ยกมือก็เสือกไม่มี จนมันหัวเราะเยาะใส่ ผมทำได้เพียงกำหมัดแล้วหันหลังอาบน้ำให้กับมัน ผมได้ยินมันหัวเราะเบาๆตามด้วยเสียงน้ำที่ตักอาบรดตัว…



“มึงนอนพักไป ไม่ต้องไปทำงาน” เป็นเอกบอกกับผมที่กำลังเลือกกางเกงยีนต์ในตู้เสื้อผ้า



“ทำไมกูต้องนอนพักด้วย กูไม่ได้เป็นอะไรเสียหน่อย” ผมเอ่ย



“ก็เมื่อคืนมึงโดนกูเอา” เป็นเอกเอ่ย ผมชะงักก่อนจะทำสีหน้าเรียบเฉย



“อ่อ พอดีกูไม่รู้สึกอะไร” ผมแต่งตัวเสร็จก็เดินออกจากห้อง แวบหนึ่งผมเห็นสีหน้าเศร้าๆของเป็นเอก ผมว่าผมตาฝาดเพราะว่ามันจะเศร้าเรื่องอะไร



ผมเดินออกมาจากห้องพัก ที่ว่าไม่รู้สึกอะไรก็โดนตราหน้าว่าโกหก ผมปวดตรงสะโพกเดินทีแทบอยากจะล้มที ให้ตายสิไม่คิดว่าจะปวดมากขนาดนี้เลย ทั้งที่ผมลองเปิดดูคลิปโป๊เกย์เพื่อเอาไว้รุกเป็นเอก ผมจำได้ว่าคนรับร้องครางอย่างสุขสมดูมีความสุข แม่ง…หลอกลวง!!!!!



“เฮ้ย!! ไอ้ทิวจะไปเยี่ยมคุณสิบทิศกับพีหรือเปล่า?” ลุงชิตที่ตะโกนมาตากอีกฟากหนึ่งของร่องน้ำในสวน ทำให้ผมที่สติหลุดลอยไปก่อนหน้านี้กลับเข้าร่าง



“ไปครับลุง” ผมรีบตอบโดยไม่ต้องคิดอะไร



“ผมไปด้วย!!!!” เสียงคนที่ผมไม่อยากจะได้ยินมากที่สุดก็ดังตามหลังมา เป็นเอกวิ่งมายืนใกล้ผมแล้วกอดเอวผมเอาไว้หลวมๆ ลุงชิตมองหน้าผมสลับกับเป็นเอกก็ยกยิ้มขึ้นมา ลุงชิตยิ้มทำไม?



“งั้นก็ตามข้ามา เดี๋ยวขึ้นรถไปพร้อมกันเลย” ลุงชิตเอ่ยแล้วเดินนำเราสองคนไปที่รถ ผมเองก็แกะมือที่มากอดเอวออก พอปัดออกจากเอวมันก็มากอดคอ ผมก็ดึงออกอีก คราวนี้ก็มาจับมือแถมจับแน่นอีก



“มึงจะมาจับมือกูทำไม?” ผมพูดเสียงเบาๆพร้อมชักสีหน้าใส่



“เผื่อมึงล้ม”



“กูไม่ได้อ่อนแอ” ผมสะบัดมือออกแล้วเดินขึ้รถไปนั่งคู่กับลุงชิต



“เออ ไอ้เอกข้าปวดมือว่ะ เอ็งมาช่วยขับที” ลุงชิตบอกเป็นเอกให้มาขับรถแทน ส่วนตัวเองก็ไปนั่งเบาะหลัง เป็นเอกก็ไม่ขัดข้องเข้ามานั่งประจำที่คนขับแล้วส่งยิ้มให้ผม ผมรู้สึกว่าตัวเองกำลังโดนแกล้งเลยครับ



ระหว่างที่เดินทางไปโรงพยาบาล ลุงชิตมักจะเป็นคนชวนคุยถามโน่น ถามนี่ ส่วนใหญ่ก็จะคุยกับเป็นเอก ส่วนผมก็นั่งเงียบเพราะไม่ได้สนิทกับคนที่ไร่ส้มสักเท่าไหร่



“ไอ้ทิว เป็นอะไรวะทำไมวันนี้เงียบๆ หรือว่าเมื่อคืนพักผ่อนไม่พอ” ลุงชิตถามมันรู้สึกจี้จุดมากเลยครับ



“เปล่าลุง ผมไม่รู้จะพูดอะไร นั่งฟังดีกว่า” ผมตอบ



“แปลกนะ ข้าคิดว่าวันนี้ข้าจะได้ฟังพวกเอ็งกัดกันเสียอีก” ลุงชิตพูดอย่างอารมณ์ดี



“ผมกลัวว่าทะเลาะต่อหน้าลุงแล้วลุงจะไปบอกคุณสิบทิศแบบนี้ผมก็โดนไล่ออกสิ” ผมยกกฏบัดดี้ขึ้นมาอ้าง ลุงชิตก็ยิ้มให้…ยิ้มแบบมีเลศนัยด้วยสิ ผมรู้สึกเหมือนรู้เรื่องอะไรบางอย่างเกี่ยวกับผมและเป็นเอก



ก่อนที่ผมจะฟุ้งซ่านไปไกลกว่านี้ เราทั้งสามก็มาถึงโรงพยาบาล พอลงจากรถลุงชิตก็เดินนำพวกเราไปยังห้องของผู้ป่วย



“เดี๋ยวแวะหาพีก่อนละกัน เมื่อคืนสลบไปคงจะตกใจน่าดู” ลุงชิตเอ่ย แล้วเปิดประตูเข้าไปก็พบว่าพีกำลังทานยาอยู่พอดี



“ลุงชิต พี่เอก พี่ทิว” พียกมือไหว้ทั้งที่มีสายน้ำเกลือระโยงระยาง ภายในคืนเดียวทำให้แววตาสดใสของพีเปลี่ยนเป็นเศร้าหมอง พีคงจะรักคุณสิบทิศมาก ผมเองก็ลอบมองเป็นเอกเช่นกันมันเองก็คงจะรู้เหมือนที่ผมรู้สึกนึกคิดในตอนนี้



“เป็นไงบ้าง?” ลุงชิตถาม



“พีไม่เป็นอะไรครับ ว่าแต่พี่สิบทิศอยู่ไหนครับ?” พีถามหาคนรักสีหน้าเป็นกังวล เป็นผมถ้าเห็นคนรักโดนเหล็กตกลงมาใส่แบบนั้นผมคงจะอยู่ในสภาพไม่ต่างกัน แต่…ทำไมผมถึงเห็นภาพเป็นเอกโดนเหล็กทับด้วย



“มึงเป็นอะไรไอ้ทิว ยืนสลัดหัวตั้งแต่เมื่อกี้แล้ว” เป็นเอกหันมาถามผม



“เปล่า เดี๋ยวพี่ไปหารถเข็นมาให้นะพี เดี๋ยวเราจะไปเยี่ยมคุณสิบทิศพร้อมกัน” ผมตอบปฏิเสธแล้วหันไปบอกกับพีเพื่ออาสาไปเอารถเข็น ก่อนจะรีบเดินออกจากห้องไป



‘อึก’



ผมกัดปากแน่นผมรู้สึกเจ็บแปลบบริเวณสะโพก ไม่น่าเดินเร็วเลย…แม่ง ถึงจะเจ็บผมก็กัดฟันเดินหารถเข็นต่อไป



‘หมับ’



มือของผมถูกกุมเอาไว้ด้วยมืออีกคน ผมหันไปมองก็พบว่าเป็นคนที่ผมไม่อยากจะเจอหน้ามากที่สุด



“หน้ามึงซีด ตัวก็เริ่มร้อน กูว่ามึงไม่สบายว่ะทิว” เป็นเอกเอ่ย มือที่ว่างก็เอามาแตะหน้าผากผมอีก



“เรื่องของกู!!! ปล่อยมือกูได้แล้ว” ผมสะบัดมือใส่ ผมไม่ชอบแสดงอาการอ่อนแอหรือป่วยให้ใครได้เห็นโดยเฉพาะคนที่ผมไม่ชอบขี้หน้าอย่างเป็นเอก



“มึงจะเสียงดังในโรงพยาบาลไม่ได้ อ่อ กูเองไม่คิดจะปล่อยมือมึงด้วย” เป็นเอกเอ่ยแล้วคว้าข้อมือผมมาจับใหม่ จนกระทั่งเจอรถเข็นเป็นเอกถึงจะยอมปล่อยมือแล้วเป็นเข็นรถไปรับพี



“น้องพีนั่งเลยเดี๋ยวพี่เข็นให้” ผมพูดกับพีที่ลุงชิตพยุงให้ลงจากเตียง



“ไม่ต้องเดี๋ยวกูเข็นเอง” เป็นเอกเข้ามายืนแทรกตัวผมให้ออกไปแล้วเข็นพีไปหาคุณสิบทิศที่อยู่ไม่ไกลจากห้องของพีมากนัก ผมที่เดินตามหลังก็ได้แต่คิดว่าเป็นเอกคงจะห่วงพีมากจนอยากจะทำทุกอย่างเพื่อพี เพียงได้เข็นรถให้ก็ยังดี…พอคิดแล้วทำไมผมถึงเจ็บแล้วไอ้ความรู้สึกไม่พอใจ มันเกิดขึ้นมาได้อย่างไร?”



“สวัสดีครับ คุณสิบทิศ” ผม เป็นเอกและลุงชิตยกมือไหว้เจ้านายที่นอนอยู่บนเตียง รอบศีรษะมีผ้าก็อตสีขาวและแขนก็มีเฝือกอ่อนใส่เอาไว้ เล่นเอาผมตกใจเลยทีเดียวแต่คนที่ตกใจมากที่สุดก็คงหนีไม่พ้นคนที่นั่งร้องไห้น้ำตาคลออย่างพี เล่นเอาคุณสิบทิศทั้งปลอบ ทั้งกอด ทั้งโอ๋ สรุปคือคนเจ็บหนักกำลังปลอบใจคนมาเยี่ยมแทน



จากนั้นพวกเราก็พูดคุยกัน คุณสิบทิศฝากลุงชิตและให้ไปบอกลุงพลช่วยดูแลไร่โดยรวม และฝากฝังผมกับเป็นเอกช่วยงานลุงชิตและลุงพลในระหว่างที่คุณสิบทิศรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาล ผมก็รับปากอย่างดีเพราะใจของผมนับถือคุณสิบทิศอยู่ไม่น้อย หลังจากที่สั่งงานเราก็พูดคุยกันอีกพักใหญ่ก่อนจะขอลากลับไร่ไป อีกทั้งอยากให้คนไข้ได้พักผ่อน



“ลุงชิตครับ ลุงช่วยแวะคลีนิคยาหน่อยสิครับ” เป็นเอกเอ่ยแล้วจอดรถตรงข้างทาง



“ไม่สบายเหรอวะ ทำไมเอ็งไม่ให้หมอตรวจที่โรงพยาบาลล่ะ?” ลุงชิตถาม



“เปล่าครับลุง ผมก็แค่จะซื้อยาติดไว้ในห้องเฉยๆ” เป็นเอกตอบแล้วลงจากรถไป



“ไอ้ทิว ข้าว่าวันนี้เอ็งเงียบผิดปกตินะ” ตอนนี้ทั้งรถเหลือผมกับลุงชิตแค่สองคน ลุงชิตเลยเปิดประเด็นถาม



“จะให้ผมเถียงกับมันเหรอลุง? พอเถียงกันเป็นเรื่องอีก ลุงไม่รำคาญเหรอ? แล้วอย่างที่ผมบอกตอนขามาว่าผมกลัวโดนไล่ออก” ผมเอ่ยน้ำเสียงแหบแห้ง อยู่ๆก็รู้สึกร้อนผ่าวในคอขึ้นมา



“ข้าไม่ได้หมายความว่าให้เอ็งทะเลาะกับไอ้ทิวแต่ปกติแกจะพูดมากวันนี้เอ็งเงียบจนข้าผิดสังเกต ‘มีอะไรกับไอ้เอกหรือเปล่า?’” ลุงชิตถามโดยเน้นเสียงที่ประโยคสุดท้ายเล่นเอาผมแทบสะดุ้ง ดีที่ประคองสติทำให้เก็บอาการไว้ทัน ผมไม่ต่างอะไรกับวัวสันหลังหวะเลย



“ก็ไม่มีอะไรครับลุงชิต” ผมตอบสั้นๆ เป็นจังหวะเดียวที่เป็นเอกกลับมาพอดี ลุงชิตเลยไม่ถามอะไรต่อ



ไม่นานเราก็กลับมาถึงไร่แสงจันทร์ ด้วยฝีมือไม่สิ! ฝีตีนของเป็นเอกที่ขับเร็วจนผมแทบอ้วกออกมา เห็นทีต้องกลับห้องไปเอายามากินเสียก่อน



“อ้าว ทิวจะไปไหน?”



“ว่าจะกลับห้องก่อนครับ เดี๋ยวผมจะแวะเข้าช่วยงานลุงนะครับ” ผมบอกลุงชิต แล้วเดินตรงไปที่ห้อง



“เชี่ย!!” ผมอุทานออกมา อยู่ๆพื้นในห้องมันเอียงๆจนผมเซไปข้างหน้า



“ระวังหน่อยสิ” แขนของเจ้าของเสียงเข้ามากอดจากด้านหลังตรึงผมไว้แนบอกทำให้ผมรอดจากการหน้าทิ่มไปกับพื้น…ถึงอย่างนั้นผมยอมหน้าทิ่มดีกว่าโดนให้คนที่คุณรู้ว่าใครมาสวมกอด



“ปล่อยกู!!!” ผมโวยวาย อยากจะชกมันใจจะขาดแต่ร่างกายมันเสือกไม่มีแรงนี่สิคือปัญหา



“ปล่อยแล้วมึงก็ล้มลงสิ ถ้ากูไม่ตามมาก็คงนอนกองตายไปแล้ว” เป็นเอกพูดกับผมเสียงดุ



“กูจะตายก็เรื่องของกูมึงมาเสือกอะไรด้วย” ผมพูดสวนกลับไป



“กูกลัวมึงมาตายเดือดร้อนคนจัดงานศพอีกแต่กูว่ามีแรงเถียงกับกูได้ขนาดนี้คงมีแรงกินยา” เป็นเอกเอ่ยแล้วล็อคตัวผมให้ล้มหงายหลังทับมันบนเตียงกว้าง ไม่ใช่แค่ใช้แขนล็อคอย่างเดียวนะครับ เป็นเอกมันใช้ขาก่ายผมด้วย



“เหี้ย!!! มาล็อคกูทำไม?”



“ถ้ามึงอยากให้กูปล่อยมึงต้องกินยา”



“เออ!!!”



สุดท้ายเป็นเอกก็ปล่อยตัวผมให้นอนบนเตียง ส่วนมันก็ไปเตรียมยามาให้ ผมเองก็ดันนอนเงียบไม่พูดอะไร ที่ไม่พูดไม่ใช่อะไรหรอกครับแค่หาจังหวะเอาคืน



“เอา แดกซะ” เป็นเอกยื่นเม็ดยากับแก้วน้ำมาให้ ผมก็รับยาแล้วนำเข้าปากตามด้วยน้ำ ไม่มีท่าทีอิดออดขัดขืนแต่อย่างใด



‘พรวด…’ ใช่ครับ…ผมพ่นยา พ่นน้ำใส่หน้ามันจมเปียกโชก



“มึงทำเหี้ยอะไร ไอ้ทิว!!!!” เป็นเอกตะคอกใส่ผม มันคงจะโมโหมากซึ่งเป็นไปตามความตั้งใจของผม



“ก็พ่นยาใส่มึงไง กูไม่แดก ไม่ต้องมาทำดีกับกู!!!”



“กูให้มึงแดกมึงไม่แดกดีๆเองนะทิว” เป็นเอกมองผมสายตาเรียบนิ่ง เหอะ! คิดว่าผมจะกลัวมันหรือไง?



“กูไม่แดกมึงจะทำอะไรกู?” ผมแสะยิ้ม สงครามประสาทครั้งนี้ผมต้องชนะ



“กูจะทำอย่างนี้ไง?”



เป็นเอกพูดจบมันเอายาซัดเข้าปากตัวเองแล้วดื่มน้ำเข้าไป ในขณะที่ผมมองการกระทำและยังคงงุนงงอยู่นั้นเป็นเอกก็เข้าประกบปากผมแล้วสอดลิ้นดันยาเข้ามาในปากพร้อมกับน้ำที่ถ่ายเทเข้ามาด้วย ทั้งเม็ดยาและน้ำก็ไหลเข้าคอผมถึงอย่างนั้นเป็นเอกก็ไม่ยอมถอนปาก มันจูบผมเนิบนาบแล้วปิดท้ายด้วยการดูดลิ้นเบาๆ



“หึ ยังจะดื้ออีกไหม?” คราวนี้เป็นฝ่ายเป็นเอกที่ยิ้มมุมปาก



“ดื้อ ใครดื้อ พูดซะหน่อมแน้ม สัตว์!!!” ผมด่ามัน ให้ตายสิมันว่าผมดื้อ ผมไม่ใช่เด็กอนุบาลนะครับ อีกอย่างที่หน้าเจ็บใจถึงผมจะด่ามันก็ยังยิ้มได้ ผมโคตรเกลียดมันเลยที่ไม่สะทกสะท้านกับคำด่าของผม สัตว์!!!!!!!!!





















..................................

ลูกพี่ทิวจะด่าเหี้ย ด่าสัตว์ พี่เป็นเอกไม่สะท้านเพราะรักบังตา (แหวะ)

อีกอย่างลูกพี่ทิวไม่รู้ว่าพี่เป็นเอกแก่กว่า1ปี

เด็กอนุบาลของพี่เป็นเอก 5555555



มีแอบหึง แอบซึน แอบมึนด้วย

ถึงอย่างนั้นแม้จะถูกแทงจากข้างหลังพี่ทิวก็ยังทำตัวปกติต่อไป ความหน่อมแน้มไม่ใช่สไตล์ลูกพี่ทิวเลย



สุดท้ายนี้ขอบคุณทุกคนที่ติดตามอ่านเม้นเป็นกำลังใจนะคะ ติชมได้ค่าา
หัวข้อ: Re: บันทึกรัก...ไร่แสงจันทร์ 20++ Yaoi (คู่กัด) EP.08 P.4 20/02/2017
เริ่มหัวข้อโดย: mild-dy ที่ 20-02-2017 21:08:35
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: บันทึกรัก...ไร่แสงจันทร์ 20++ Yaoi (คู่กัด) EP.09 P.4 25/02/2017
เริ่มหัวข้อโดย: TanYung0209 ที่ 25-02-2017 19:06:01
บันทึกรัก…ไร่แสงจันทร์

Writer : Tan-Yung0209

File : เมื่อผมมีเมีย(ผัว)เป็นคู่กัด















“ทิว อ้าปาก กูจะป้อนยาให้” ผมบอกกับคนตรงหน้าที่ตอนนี้อ้าปากอย่างว่าง่าย



“อ้ามมม” ทิวงับช้อนที่มียาน้ำเข้าไปในปาก



“ดีมากว่านอนสอนง่ายแบบนี้ กูรักตายเลย” ผมลูบแก้มทิวเบาๆ



“ไอ้เอกกูร้อน มึงเช็ดตัวให้หน่อยสิ” ทิวส่งสายตาอ้อนมาให้ผม เห็นแล้วผมยิ่งหลงมันหัวปักหัวปำ



เคร้ง!!!



ทุกอย่างมันไม่เป็นไปตามที่คิดเลยครับ ผมคิดว่าหลังจากที่ได้มันมาเป็นเมีย ถึงผมจะคิดว่ามันเป็นเมียคนเดียวก็ตามเถอะ ทิวเองน่าจะกลัวผมสักนิดไม่ก็ลดความกระด้างกระเดื่องกับผมบ้าง เห็นหลายคนที่ผมรู้จักที่เขามีแฟนเป็นผู้ชาย บางคนเล่าว่าหลังจากเมียโดนเสียบจะขี้อ้อน น่ารัก จะออกแนวลูกแมวตัวน้อยที่ขู่เราแต่ก็คลอเคลียเราอยู่ดี แต่ทิวมันไม่ใช่!!!!!



ดื้อรั้น!!! ดื้อเงียบ!!! ดื้อบริสุทธิ์ ทุกอย่างที่มันทำตอนนี้คือดื้อที่สุดเท่าที่ผมเคยเห็น  ไม่มีความหวาน ไม่มีความอ่อนแอให้เห็น ทิวทำตัวราวกับว่าเรื่องคืนนั้นไม่ส่งผลกับการดำเนินชีวิตแต่อย่างใด ผิดกับผมที่ตามติดทิวแจ จนทิวรำคาญไล่ด่าผมในตอนคนอื่นไม่อยู่หลายรอบ ถึงจะไล่เป็นพันรอบผมก็ไม่ไปอยู่ดี



“จะตามอะไรกูนักหนา!!! ไม่ไปทำงานหรือไง?” ทิวที่กำลังเดินไปไร่องุ่นหันมาขึ้นเสียงใส่ผม



“ไร่ส้มช่วงนี้เพิ่งเก็บผลส่งขายไปเลยไม่มีอะไรทำ” ผมตอบ



“งั้นมึงก็ไปนอนที่ห้องสิ จะมาตามกูเพื่อ?!” ทิวถามผมต่อ ใบหน้าบึ้งตึงจนผมอยากจะหยิกแก้มให้หายหมั่นเขี้ยว



“กูอยากตามเมียกู ที่สำคัญกูรู้มาว่าไร่องุ่นช่วงนี้ไม่มีอะไรทำเหมือนกันนี่นาแล้วทำไมมึงถึงยังจะไป?” ผมขยับเข้าไปใกล้แล้วยื่นหน้าเข้าหาใบหน้าหล่อของอีกฝ่ายในระยะประชิด จนทิวหน้าเหวอเล็กน้อยก่อนที่จะรีบตีหน้านิ่งต่อ



“ใครเมียมึง มึงพูดให้ดีๆนะไอ้เอก” ทิวพูดใบหน้าไม่พอใจ



“ก็มึงไง เรื่องคืนนั้นจำไม่ได้เหรอ?” ผมยกยิ้ม ทิวเงียบไปพักหนึ่งก่อนจะพูดขึ้นมาว่า



“อ๋อ เรื่องคืนนั้น พอดีว่ากูไม่รู้สึกอะไรก็แค่พนันกัน” ทิวพูดจบมันก็รีบเดินหนีไป คราวนี้ไม่ได้หนีเข้าไร่องุ่นแต่ทิวกลับเดินตรงไปยังบ้านใหญ่ของคุณสิบทิศ



ลืมบอกไปครับว่าคุณสิบทิศออกจากโรงพยาบาลแล้ว สร้างความโล่งอกโล่งใจให้กับคนในไร่ ที่สำคัญเมื่อวานนี้พ่อของพีได้มาที่ไร่ทำให้ทุกคนรู้ว่าพีไม่ใช่คนธรรมดากลับเป็นทายาทเจ้าของบริษัทส่งออกอาหารทะเลรายใหญ่ของประเทศ แถมยังรวยมีสัมปทานรังนกรวมทั้งเกาะส่วนตัวอยู่ทางใต้อีก พ่อของพีหรือคุณชัชวินนั้นไม่ได้มาคนเดียว เขายังมากับคนรักรวมทั้งลูกชายและลูกเขยด้วย คุณสิบทิศถึงกับเจอศึกหนักเลยครับ



“เฮ้!!! รอกูด้วย” ผมวิ่งตามทิวไป คิดแล้วก็ตลกเมื่อก่อนทิวเข้ามาหาเรื่องผม ตอนนี้กลายเป็นผมที่เป็นฝ่ายเข้าหาแทนเพราะใกล้ถึงเวลาที่ผมกับทิวจะต้องแยกออกจากกันหมดความเป็นบัดดี้กันแล้ว



“สวัสดีครับ” ทิวยกมือไหว้สิบทิศรวมถึงคุณชัชวินที่กำลังนั่งอยู่ด้วย



“มีอะไรทิวหรือเปล่าถึงได้มาถึงบ้านใหญ่พร้อมกับเป็นเอก?” สิบทิศถาม ทิวมันก็เหลือบมองผมนิดๆ



“ผมมาเยี่ยมคุณสิบทิศครับแล้วคิดว่าจะขอลางานสักสามวัน” ทิวเอ่ย เล่นเอาผมคิ้วขมวดนี่มันคิดจะหนีผมใช่ไหม?



“เอาสิ จะว่าไปตั้งแต่นายมาอยู่นี่นายเองก็ไม่เคยลางานเลย เอาเป็นว่าฉันอนุญาต” คุณสิบทิศเอ่ย ทิวถึงกับยิ้มออกมาผมรู้สึกหงุดหงิดไม่อยากจะให้มันยิ้มให้ใคร



“ขอบคุณมากครับ”



“แล้วจะหยุดกลับบ้านเหรอครับ?” พีเป็นฝ่ายถามขึ้นมาบ้าง



“ไม่ๆ พี่จะไปเที่ยวเกาะล้าน” ทิวตอบ



“กูไปด้วย!!” ผมพูดโพล่งขึ้นมา ทุกคนหันมามองผมเป็นจุดเดียวเพราะปกติผมจะเป็นคนนิ่งๆเงียบๆแต่กลายเป็นว่าผมติดนิสัยเสียงดังมาจากทิว ทิวเองก็ติดนิสัยเงียบๆไปจากผมเสียได้



“จะตามกูไปทำไม?” ทิวถามผมสีหน้าไม่พอใจ



“กูกับมึงเป็นบัดดี้ มึงไปไหนกูจะไปด้วย”



“ถ้ากูจะไปนรกมึงจะตามกูไปไหม?”



“ไม่…เพราะกูจะพามึงขึ้นสวรรค์มากกว่า” ผมยิ้มกว้าง ทิวกัดฟันกรอดคงจะรู้ความหมายที่ผมสื่อออกไป



“คุณสิบทิศผมขอลาหยุดด้วยครับ” ผมพูดกับเจ้านาย



“เอาสิ ช่วงนี้ไร่ส้มไม่มีงานอะไร ฉันอนุญาต”



“พี่ทิวมีที่พักหรือยังครับ?” ลิเคียวน้องชายของพีถาม อ่อ ผมได้ยินข่าวลือแสบชนิดที่คุณสิบทิศยังปวดขมับ



“ยังเลย พี่คิดว่าจะไปหาตอนไปถึง”



“เอาอย่างนี้ ไปพักที่รีสอร์ทของน้องเคียวก็ได้ น้องเคียวให้พักฟรีเลย อ่อ กับพี่เป็นเอกด้วยนะครับ” ลิเคียวยื่นข้อเสนอ ใครบอกว่าลิเคียวแสบผมว่า ลิเคียวน่ารักใจดีมากกว่า



“เอ่อ พี่เกรงใจ” ทิวปฏิเสธ



“พี่ก็ด้วย” ผมเองก็ปฏิเสธเช่นกัน



“ถ้าไม่ไปพักน้องเคียวงอนคอยดูสิ” ลิเคียวหน้าบึ้งใส่ ทิวถึงกับทำอะไรไม่ถูก ส่วนผมเองก็เห็นคุณชัชวินนั่งมองเราสองคนไม่วางตาราวกับว่าผมไปชกลูกชายของเขา ผมว่าทิวเองก็สัมผัสได้ถึงอาการเสียวสันหลังนี้



“พี่ไปพักก็ได้ครับ”



“พี่เองก็ด้วย”



สรุปแล้วเราสองคนก็ต้องพักที่รีสอร์ทของลิเคียวโดยที่ลิเคียวเป็นคนจัดการติดต่อห้องพักรวมถึงรถที่จะให้พวกเราสองคนใช้เที่ยวรอบเกาะด้วย



วันเดินทาง



คุณสิบทิศให้เราสองคนยืมรถขับไปชลบุรีครับ แน่นอนว่าทั้งผมทั้งทิวปฏิเสธแต่คุณสิบทิศก็สั่งให้เอาไปไม่อย่างนั้นจะหักเงินเดือน ผมเลยต้องเอารถไป



“ขับช้า รู้งี้กูขับเองดีกว่า” ทิวบ่น



“กูไม่อยากเฉียดนรกไปกับมึง ที่สำคัญมึงไม่เคยขับรถทางไกล กูขับน่ะถูกต้องแล้ว” ผมเอ่ย แล้วขับรถเรื่อยๆไม่รีบเร่ง ส่วนหนึ่งผมอยากอยู่กับมันนานๆ



“ขับช้าก็ถึงช้า กูอยากพักผ่อนเร็วๆ อุตส่าห์จะมาคนเดียวมึงก็เสือกตามมาแถมยังมาถ่วงเวลากูอีก” ทิวหงุดหงิดใส่ผม ผมรู้สึกเสียใจลึกๆทั้งๆที่รู้ว่ามันขี้โวยวาย ปากไว ถึงอย่างนั้นคำว่า ‘ตัวถ่วง’ มันกลับมีอิทธิพลกับผม



“เออ ให้ออกจากเมืองแล้วกูจะเหยียบให้ถึงที่ไม่เกินสองชั่วโมง”



ผมไม่ได้พูดเล่นนะครับ พอออกจากเมืองผมเหยียบชนิดที่ไม่ไว้หน้าอินหน้าพรหม ทิวเองก็ดูจะพอใจเพราะฮัมเพลงดูแล้วมีความสุข ผมก็ขับไปเรื่อยท่ามกลางเสียงเพลงซึ่งไร้เสียงของพวกเราที่พูดคุยกัน เผลอแป๊บเดียวทิวหลับไปแล้วครับ มันสบายจนหลับเห็นแล้วอยากลักหลับในรถชิบหาย แต่ต้องข่มใจเอาไว้



‘ถึงรีสอร์ทเมื่อไหร่มึงเสร็จกูอีกรอบแน่ทิว!!!’



ไม่เกินสองชั่วโมง เราก็ขับรถมาถึงท่าเรือซึ่งเราจะซื้อตั๋วจากที่นี่และขึ้นเรือไปยังเกาะล้าน



“ทิวๆ…ตื่นได้แล้ว” ผมปลุกคนนอนหลับที่หน้างอจากการโดนปลุก



“กูจะนอน” เด็กดื้อพึมพำออกมาเบาๆแล้าเอาหน้าซุกกับประตูรถ



“มึงจะไม่ไปเกาะล้านใช่ไหม?” ผมกระซิบข้างหู ได้ผลทิวตื่นขึ้นมาแถมหันมาทางผมจนปลายจมูกโด่งของเราเฉียดกัน แก้มขาวๆของทิวขึ้นสิเล็กน้อย



“ไปสิ รีบไปซื้อตั๋วดีกว่า” พอได้สติทิวก็หลบหน้าผมแล้วลงจากรถ เราสองคนเอาสัมภาระออกมาเดินทางขึ้นเรือไปยังเกาะล้าน



“โอ๊ะ!!” ระหว่างที่เดินไปขึ้นเรือก็มีชาวต่างชาติเดินชนกับทิว



“Oh, Sorry!!” หนุ่มตาน้ำข้าวรีบขอโทษทิว ทิวพอเห็นว่าอีกฝ่ายไม่ได้ตั้งใจจึงยิ้มให้แล้วเดินตามผม



“รีบมา” ผมคว้าข้อมือของทิวแล้วรีบขึ้นเรือโดยหันไปมองฝรั่งที่มองมาที่ทิวและผมเช่นกัน ผมไม่ถูกชะตาและรู้สึกได้ว่าผู้ชายคนนี้ชอบทิว หวังว่าผมจะไม่เจอผู้ชายคนนี้ที่เกาะล้าน



“เฮ้ย!! มึงปล่อยกู” ทิวเอ่ย มันไม่กล้าโวยวายให้เป็นจุดสนใจเพราะคนนั่งอยู่บนเรือเต็มไปหมด



“อืม” ผมเองก็นึกขึ้นได้ว้าตอนนี้อยู่บนเรือแล้วก็ปล่อยข้อมือของทิวออก พร้อมกับเรือที่แล่นออกจากฝั่งทำให้เรือโคลงเคลงเล็กน้อย



“เชี่ย!!!” ทิวเซถลา ผมรีบคว้าเอวของมันมากอด ทุกการกระทำตกอยู่ในสายตาของนักท่องเที่ยวที่นั่งยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ ดีครับเขาจะได้รูว่าไอ้ทิวเมียผม



“เลิกกอดกูได้แล้วกูจะนั่ง” ทิวพูดเสียงเข้ม ผมก็ทำตามแต่โดยดีผมรู้ว่ามันเขินก็แววตามันฟ้องชัดขนาดนั้น



เรือแล่นไปเป็นเวลาครึ่งชั่วโมง ระหว่างทางเราก็มองคลื่นทะเล มองวิวไปเรื่อยเปื่อย ผมหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาถ่ายรูป ผมไม่ได้ถ่ายรูปวิวนะครับ ผมถ่ายทิวที่นั่งมองทะเลด้วยรอยยิ้มบางๆ พร้อมกับแสงอาทิตย์คอยสาดส่องกายเล็กน้อย เป็นภาพที่ชวนมอง



“ถึงสักที~” ทิวพูดออกมาอย่างอารมณ์ดีเมื่อเรือจอดเที่ยบท่าบนเกาะล้าน ผมเองก็โทรหาคนที่รีสอร์ทให้ออกมารับ ไม่นานคนของรีสอร์ทก็ขับมอเตอร์ไซค์มา



“สวัสดีครับ ใช่คุณเป็นเอกกับคุณทิวหรือเปล่าครับ”



“ใช่ครับ” ผมตอบ



“ไม่ทราบว่าขับมอเตอร์ไซค์เป็นไหมครับ?”



“ขับเป็นครับ”



“ถ้าอย่างนั้นรบกวนคุณเป็นเอกขับรถคนนั้นะครับแล้วให้คุณทิวซ้อนท้าย ส่วนผมจะนั่งไปกับลูกน้องขับนำหน้าไป” พนักงานเอ่ย ผมก็ตกลงดีเสียอีกที่ทิวซ้อนท้ายผม



“รีบขึ้นมา” ผมบอกทิวที่ยืนเก้ๆกังๆ ดูหน้าก็รู้ว่าไม่อยากจะนั่งซ้อนท้ายผมแต่เหตุการณ์บังคับทิวเลยต้องนั่งด้วยความจำยอม



ผมขับรถตามพนักงานรีสอร์ทไปไม่นานก็ถึงที่พักริมทะเล รีสอร์ทของน้องเคียวสวยงามแต่ละห้องก็ลอยอยู่บนน้ำเป็นหลังๆ



“คุณทิว คุณเป็นเอกเชิญเช็คอินค่ะ” พนักงานกล่าวต้อนรับ ผมก็ไปเช็คอินแล้วรับกุญแจห้อง



“มีห้องเดียวเหรอครับ?” ทิวถาม ผมเองก็คิดว่าจะจัดให้สองห้องเหมือนกัน



“ห้องเดียวค่ะ” พนักงานตอบ



“ผมขอเปิดอีกห้องครับ” ทิวเอ่ย ผมเองก็ไม่พูดขัดอะไร ถึงขะนอนแยกห้องผมก็จัดการรวบตัวมานอนกับผมได้อยู่ดี



“ขอโทษด้วยนะคะ ห้องพักเต็มแล้ว คุณลิเคียวเองก็แจ้งมาเพียงห้องเดียว” พนักงานสาวอธิบาย สรุปผมกับทิวก็ได้นอนห้องเดียวกัน ต้องขอบคุณลิเคียวมากที่ช่วยจัดการ ไอ้ที่เขาลือว่าแสบผมเริ่มจะเชื่อแล้วสิ แต่ถ้าแสบแล้วจอมวางแผนแบบนี้ผมก็ชอบนะครับเพราะจะทำให้คืนนี้ผมจัดการกอดทิวให้หายอยาก

































................. ........

มาแล้วววว

ไรท์เปื่อยเลยอัพช้า ไม่ป่วยก็ช้า 5555

อ่อ ตอนหน้าเสียเลือด แถมอยู่ริมทะเลแบบนี้ชวนนึกถึงฉากจับปลาฉลามของคุณชัชวินกับพี่คีร์ -.,-



ไม่อยากพูดเยอะแล้ว ไรท์ขอตัวไปพักก่อนนะคะ รักคนอ่าน รักคนเม้น รักคนให้กำลังใจ รักทุกคน จุ๊บ



ฝากติดตามด้วยนะคะ
หัวข้อ: Re: บันทึกรัก...ไร่แสงจันทร์ 20++ Yaoi (คู่กัด) EP.09 P.4 25/02/2017
เริ่มหัวข้อโดย: sirin_chadada ที่ 25-02-2017 21:01:02
อยากได้แมวน้อยแต่ดูท่าจะได้เสือหนุ่มมาแทนนะเอก
หัวข้อ: Re: บันทึกรัก...ไร่แสงจันทร์ 20++ Yaoi (คู่กัด) EP.09 P.4 25/02/2017
เริ่มหัวข้อโดย: mystery Y ที่ 25-02-2017 22:22:52
ฮันนีมูนเหรอคู่นี้?
หัวข้อ: Re: บันทึกรัก...ไร่แสงจันทร์ 20++ Yaoi (คู่กัด) EP.09 P.4 25/02/2017
เริ่มหัวข้อโดย: เมื่อนั้นฝันว่า ที่ 26-02-2017 09:24:07
 :pig4:
หัวข้อ: Re: บันทึกรัก...ไร่แสงจันทร์ 20++ Yaoi (คู่กัด) EP.09 P.4 25/02/2017
เริ่มหัวข้อโดย: boonpa ที่ 26-02-2017 12:15:01
 :pig4: คู่นี้เดี๋ยวรักกันเดี๋ยวตีกันสมกันดีจริง ๆ
หัวข้อ: Re: บันทึกรัก...ไร่แสงจันทร์ 20++ Yaoi (คู่กัด) EP.09 P.4 25/02/2017
เริ่มหัวข้อโดย: วายซ่า ที่ 26-02-2017 12:41:14
เหมือนมีเทพอุ้มสมนะคู่นี้   :katai2-1:
หัวข้อ: Re: บันทึกรัก...ไร่แสงจันทร์ 20++ Yaoi (คู่กัด) EP.09 P.4 25/02/2017
เริ่มหัวข้อโดย: Jessiebier ที่ 26-02-2017 14:22:17
รอเป็นเอกกินทิวริมทะเลจ้า :katai2-1: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: บันทึกรัก...ไร่แสงจันทร์ 20++ Yaoi (คู่กัด) EP.09 P.4 25/02/2017
เริ่มหัวข้อโดย: ❣☾月亮☽❣ ที่ 26-02-2017 15:28:14
 :mew1: เป็นกำลังใจให้คนเขียนนะคะ
หัวข้อ: Re: บันทึกรัก...ไร่แสงจันทร์ 20++ Yaoi (คู่กัด) EP.09 P.4 25/02/2017
เริ่มหัวข้อโดย: mild-dy ที่ 02-03-2017 23:33:58
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: บันทึกรัก...ไร่แสงจันทร์ 20++ Yaoi (คู่กัด) EP.10_70% P.4 3/03/2017
เริ่มหัวข้อโดย: TanYung0209 ที่ 03-03-2017 20:29:58
บันทึกรัก...ไร่แสงจันทร์

Writer : Tan-Yung0209

File : เมื่อผมมีเมีย(ผัว)เป็นคู่กัด













ผมนั่งมองรอยแดงตรงมุมปากของคนที่นั่งกินปลาอยู่ตรงข้าม รอยแดงที่เกิดจากหมัดของผมเอง



“นั่งมองกู อยากแดกปลากูหรือไง?” เป็นเอกถามผมน้ำเสียงขุ่นเคือง



“กูดูรอยชกต่างหากล่ะ…เหมาะกับมึงดี” ผมยิ้มขำ สมหน้ำหน้าใครใช้ให้มันมาเล่นแผลงๆใส่ผม



“กูยอมให้ชกนะ ถ้ากูได้…..” เป็นเอกไม่พูดต่อเพราะรู้ดีว่าผมนั้นเข้าใจว่ามันพูดถึงอะไร



“หุบปาก รีบแดกไปเลยเดี๋ยวกูจะขับรถชมเกาะอีก” ผมรีบเปลี่ยนเรื่อง



“เออ กูรู้ว่ามึงเขินเรื่องที่กูจับไข่มึงในห้อง”



“สัตว์!!!!!”



หลังจากที่ระงับอารมณ์ไปพลาง กินข้าวไปพลาง ในที่สุดเราทั้งสองคนก็ทานข้าวเที่ยงเสร็จเป็นที่เรียบร้อย จากนั้นผมก็นั่งซ้อนมอเตอร์ไซค์โดยมีเป็นเอกเป็นคนขับเที่ยวรอบเกาะ ผมไม่อยากนั่งซ้อนท้ายเลยครับแต่ทางรีสอร์ทจำกัดมอเตอร์ไซค์หนึ่งห้องต่อหนึ่งคัน ผมว่าน้องลิเคียวต้องแกล้งแน่ๆ



อีกอย่างพอจะติดต่อเช่ารถจากข้างนอกก็ถูกเป็นเอกยึดโทรศัพท์มือถือ ยังไม่พอมันจับผมกอดฟัดแล้วจับความเป็นชายของผม จนผมต้องประทับหมัดลงบนใบหน้ากว่าจะกลับไปที่ไร่แผลมันคงหายพอดี



“ไอ้เอกหยุดรถ กูอยากเล่นน้ำที่นี่” ผมบอกให้สารภีประจำตัวหยุดรถที่หาดตาแหวนแต่มันก็ไม่ยอมหยุด



“ไอ้เอกไม่ได้ยินหรือไง!!!” ผมตะโกนใส่เพราะคิดว่ามันขับมอเตอร์ไซค์อยู่อาจจะไม่ได้ยิน



“ได้ยินแล้วแต่กูไม่จอด แดดร้อนเปรี้ยงผ่าหัวขนาดนี้เดี๋ยวมึงป่วยพอดี รอบ่ายสามบ่ายสี่เดี๋ยวกูพามา” เป็นเอกตอบ ผมหงุดหงิดขึ้นมาทันที



“อะไรวะ เสือกตามกูมาไม่พอยังจะห้ามกูอีก!!!” ผมขึ้นเสียงใส่ เป็นเอกก็เลยหยุดรถ



“ก็กูกลัวมึงไม่สบาย” เป็นเอกเห็นผมโมโหก็เลยพูดเสียงเย็นใส่ เย็นแค่ไหนผมก็ไม่ทน



“กูแข็งแรง” ผมถอดเสื้อแล้าปาใส่หน้าเป็นเอก ขาสองข้างก็จ้ำอ้าวก้าวลงไปที่ทรายสีขาว



“ทิวรอด้วย” เป็นเอกพูดไล่หลัง ผมไม่ฟังในหัวมีแค่ผมอยากเล่นน้ำเท่านั้น



‘พลั่ก’



ยังไม่ทันได้เปียกน้ำผมก็ชนกับใครบางคนที่วิ่งเข้ามาพอดี แม่งไม่มีตาหรือไงวะ



“Are you Ok?” คำพูดถูกเปล่งออกมาพร้อมกับมือที่ยื่นเข้ามาช่วยผม พอเงยดูก็พบว่าเป็นฝรั่งที่ชนกับผมตรงท่าเรือ



“you’re welcome” ผมไม่จับมือของอีกฝ่าย ผมลุกขึ้นยืนด้วยตัวเองทำให้คนที่ยื่นมือต้องยืนเก้อ



“Really?”



“Yes” ผมตอบส่งๆ มันจะถามอะไรหนักหนา ผมรำคาญรีบเดินไปข้างหน้าเพราะรู้สึกว่าเป็นเอกเดินตามทันแล้ว



“What’s your name?” มือใหญ่ยักษ์ของฝรั่งหัวดำคว้าเข้าที่แขนของผม สงสัยวอนหาตีนแล้ว



“You do not need to know the name of him. But you shoud to know…He is my boyfriend” ไม่ใช่คำตอบของผมครับ ผมไม่ได้พูด คนที่พูดคือเป็นเอกที่สำคัญมันดึงผมเข้าไปกอด





“ใครเมียมึง?” ผมดันตัวออกแต่เป็นเอกยิ่งกอดแน่น





“หรือมึงอยากเป็นเมียไอ้ฝรั่งนี่” เป็นเอกกระซิบข้างหูแล้วลากผมไปอีกทาง





“ปล่อยกูได้แล้ว” พอลับตาฝรั่งผมก็ผลักเป็นเอกออกส่วนตัวเองก็ลุยน้ำทะเลสีฟ้า





“อย่าไปที่ลึกๆสิไอ้ทิว”





“กูว่ายน้ำเป็นหรอก” ผมตอบกลับไปแล้วกระโจนตัวไปข้างหน้าว่ายน้ำอย่างสบายใจ ถึงแดดจะร้อนจนแสบผิวผมก็ไม่หวั่น



“มาแข่งดำน้ำกันเอาไหม?” เป็นเอกถาม แข่งดำน้ำนี่เข้าทางแชมป์อย่างผมที่ตอนเด็กๆผมมักจะดำน้ำแข่งกับเพื่อนในคลองข้างบ้าน





“เอาสิ กูขอบอกว่ากูเป็นแชมป์เรื่องนี้” ผมบอกกับมัน เป็นเอกก็ยิ้มให้อย่างไม่นึกเกรงกลัว





“ก็ลองดูแล้วจะได้รู้ว่าใครจะโผล่หัวขึ้นจากน้ำก่อน” เป็นเอกพูดด้วยความมั่นใจ





“กูให้สัญญาณเอง 1…2…3”



ทั้งผมทั้งเป็นเอกก็ดำน้ำลงไปหลังจากที่ผมให้สัญญาณ มือขอเป็นเอกก็มาคว้าคอแล้วล็อกท้ายทอยของผมเอาไว้ เป็นเอกใช้จังหวะที่ผมกำลังตกใจอยู่นั้นมันก็เข้ามาประกบปากจูบผมอย่างรวดเร็ว



“ฮือ”



ผมครางฮืออยู่ในลำคอ ปลายลิ้นชื้นเกี่ยวตวัดหยอกล้อในปากคอยชักนำให้ผมจูบตอบ ออกซิเจนถูกถ่ายทอดให้กันและกันจนหมดสิ้น ผมที่เริ่มหายใจไม่ออกก็ตีหลังอีกฝ่าย เป็นเอกก็ยอมถอนจูบแต่โดยดี



‘แฮ่ก…แฮ่ก…’



ผมกอบโกยอากาศเท่าที่จะทำได้ โดยที่เป็นเอกโผล่จากน้ำตามมาติดๆ ผมมองมันติดจะเคืองนิดๆ ส่วนเป็นเอกนะเหรอครับยิ้มกว้าง คงสนุกมากที่ได้แกล้งผมแบบนี้





“มึงโผล่ขึ้นจากน้ำก่อน มึงแพ้” เป็นเอกพูดหน้าตาย





“ก็ใครใช้ให้มึงมา…” ผมเว้นคำที่ทุกคนก็รู้ว่าคือคำอะไรเอาไว้ ผมไม่อยากพูดเพราะแค่คิดก็รู้สึกร้อนหน้าขึ้นมา





“ก็กูอยากจูบมึง” เป็นเอกเอ่ยด้วยสีหน้ากวนๆ ผมรู้สึกว่าช่วงนี้มันเป็นฝ่ายที่ชอบตอแยผม ไม่ใช่ผมที่ชอบหาเรื่องมัน





“ถ้าเงี่ยนมากก็ไปจูบกับคนอื่นสิวะ”





“มึงพูดเองนะทิว” เป็นเอกถาม





“เออ” ผมก็ตอบยืนยัน ตาก็มองเป็นเอกที่เหมือนจะหงุดหงิด





“เชิญมึงเล่นน้ำทะเลไป เดี๋ยวกูจะไปจีบผู้หญิงตรงโน้นหน่อย” พูดจบเป็นเอกก็เดินไปยังกลุ่มผู้หญิง





“อยากจะทำอะไรก็ทำ” ผมพึมพำ สายตาก็มองตามหลังของเป็นเอกไปแล้วเล่นน้ำต่อ





.

.

.





ไม่รู้ว่าผมเล่นน้ำจนนานขนาดไหน พอยกมือมาดู มือก็ย่นๆเหี่ยวไปซะแล้ว คงถึงเวลาที่ผมจะต้องขึ้นฝั่ง ผมมองหาเป็นเอกเพื่อจะเอากุญแจรถ เหอะ! นึกว่าจะไปไหนไกลเป็นเอกนั่งอยู่กับผู้หญิงกลุ่มหนึ่ง ตัวผู้หญิงก็นั่งเบียดมันจนจะสิงร่างกันอยู่แล้ว ความรู้สึกไม่พอใจก็ครอบงำจิตใจผม เห็นทีผมต้องทำอะไรสักอย่าง





ผมเดินเข้าไปกลางวง ท่ามกลางสายตาของทุกคนที่งุนงงว่าผมคือใคร เป็นเอกเองก็ตกใจเช่นกันที่เห็นผมมายืนอยู่ตรงหน้า





“เมีย ผัวเล่นน้ำเสร็จแล้วกลับห้องกันดีกว่า” ผมพูดกับเป็นเอกแล้วดึงแขนให้คู่กัดลุกขึ้นมา เป็นเอกก็ลุกขึ้นมาไม่มีท่าทีขัดขืน เข้ามทางผมเลยครับ ผมจับเอวหนามากอดเอาไว้ ตอนนี้ผู้หญิงทั้งกลุ่มนั่งอ้าปากค้าง เหวอกันไปเลยทีเดียว





“ผัวพี่มาตามแล้ว พี่กลับก่อนนะครับ” เป็นเอกเอ่ยกับผู้หญิงทั้งกลุ่มแล้วโบกมือลา ก่อนจะเป็นฝ่ายมาเกี่ยวผมแล้วลากผมออกจากวง โธ่เว้ย!! คิดว่ามันจะเสียหน้า ที่ไหนได้ไอ้เหี้ยนี่หน้าด้านกว่าที่คิด





“เอากุญแจมานี่” พอถึงรถผมก็แบมือเอากุญแจรถทันที





“ใส่เสื้อก่อนแล้วกูจะให้” เป็นเอกยื่นเสื้อผมก็รับมาใส่เพราะเริ่มแสบผิวขึ้นมาบ้างแล้ว





“ผัวขับนะเมียจะซ้อนท้าย” เป็นเอกส่งกุญแจมาให้โดยไม่ลืมพูดแซวผม ถึงห้องเมื่อไหร่พ่อจะกระทืบให้



ผมเป็นคนขับ เป็นเอกเป็นคนซ้อนท้าย ในที่สุดผมก็ได้ขับรถสักที พูดเลยว่าผมมีความสุขกับการเอาหน้าโต้ลมแบบนี้ แต่ความสุขอยู่กับเราได้ไม่นานหรอกครับ เป็นเอกขัดความสุขด้วยการกอดเอวแล้วเอาหน้ามาแนบแผ่นหลังของผม







“มากอดกูทำไม?”





“เมียอยากกอดอ่ะ” เป็นเอกทำเสียงออดอ้อน โอ๊ย!! กวนตีนกูชิบ





“อยากกอดก็กอดไป” ผมพูดประชด เป็นเอกก็ประชดกลับด้วยการกอดแน่นยิ่งกว่าเดิม





ในที่สุดก็ถึงรีสอร์ท ผมรู้สึกเปลืองตัวเพราะเป็นเอกไม่ใช่แค่กอด มือหนายังลูบจนหน้าท้องผมหดเกร็ง พอลงจากรถผมก็เดินจ้ำเข้าห้องทันที





“ผัวจ๋า อาบน้ำไหมเมียอาบให้”เป็นเอกยังคงรักษาความกวนตีนคงเส้นคงวา





“มึงทำแบบนี้ทำไม?” ผมถาม ผมสุดจะทนแล้ว





“ทำอะไร?” เป็นเอกถามกลับ พอเห็นผมพูดจริงจังก็หยุดเล่น





“มึงตามกูมาทำไม? มึงมาลุ่มล่ามกับกูทำไม?” ผมถามต่อ ไหนๆก็อยู่กันสองคน ถ้าโกรธเคืองก็ชกกันให้จบๆในห้องนอน





“นี่มึงยังไม่รู้อีกเหรอ?”  เป็นเอกนั่งลงบนเตียงเอามือลูบหน้า เหมือนคนที่กำลังเหนื่อยใจ





“ถ้ารู้กูจะถามมึงหรือไง?” ผมตอบ





“ที่กูทำไปทั้งหมดเพราะกูรักมึง” คำตอบของเป็นเอกทำให้ผมถึงกับตะลึง รักอย่างนั้นเหรอ? เป็นเอกรักผม…ที่สำคัญหัวใจของผมก็เต้นแรงไปกับคำพูดเสียด้วยสิ





“อย่ามาเล่นตลกเลย กูไม่ขำ” ผมพูดค่อ ในใจก็หวั่นว่าเป็นเอกคงอยากตะเอาคืนผมเพราะผมชอบหาเรื่องมันอยู่บ่อยครั้ง





“กูรักมึง รักจริงๆ เชื่อกูสิ” เป็นเอกดึงผมเข้าสวมกอดแน่น ปากก็พร่ำบอกรัก





“อยากให้กูเชื่อมึงก็พิสูจน์สิ” ผมยื่นข้อเสนอวัดใจคนที่โอบร่างผมไว้





“ว่ามาสิ”





“เป็นเมียกูสิให้กูรุกมึง…ทำได้ไหมเป็นเอก?”







...............70%................















.........................

ช่วงนี้ใกล้สอบ ไรท์ต้องทำข้อสอบเก็บคะแนนและตรวจงาน งานเข้าจริงจัง
หัวข้อ: Re: บันทึกรัก...ไร่แสงจันทร์ 20++ Yaoi (คู่กัด) EP.10_100% P.4 05/03/2017
เริ่มหัวข้อโดย: TanYung0209 ที่ 05-03-2017 20:53:21
......30%...


 “ถ้าการให้มึงรุกแล้วมึงเชื่อ กูก็จะยอม ขอแค่มึงรักกูเหมือนกับที่กูรักก็พอ” เป็นเอกตกลงพร้อมกับมีเงื่อนไขให้ ผมหรี่ตามองเป็นเอกที่สีหน้าจริงจังไม่ต่างจากผม





“ว่ายังไง? ถ้ามึงรักกู กูก็จะยอมเป็นให้มึงเอา” เป็นเอกเห็นผมเงียบก็ถามย้ำ ผมฉุกคิดว่าผมรักมันหรือไม่ เพราะตั้งแต่วันแรกที่รู้จักกันไม่มีวันไหนที่จะไม่ชกหรือจิกกัดเหน็บแนม พอได้อยู่ด้วยกันได้ทำความรู้จักกันมากขึ้น ลึกๆผมรู้สึกดีที่ได้อยู่กับมันและรู้สึกแย่ที่มันไปอยู่กับคนอื่น





“กูไม่รู้ ที่รู้ๆกูไม่ชอบเวลามึงอยู่กับคนอื่น” ผมตอบแล้วรีบหมุนตัวเข้าไปในห้องน้ำ ผมไม่อยากให้เป็นเอกรู้ว่าผมเขินนิดๆ





“เดี๋ยวสิ มึงหึงกูถูกไหม?..ฮึ หน้าแดงด้วย” เป็นเอกคว้าบ่าผมแล้วกระชากให้ผมยืนเผชิญหน้า



“แดดเผากูเหอะ อีกอย่างปล่อยกูได้แล้วกูจะอาบน้ำ”



“แล้วมึงจะไม่เอากูหรือไง? มึงหึงกูแสดงว่ามึงรักกู” เป็นเอกเอ่ย มือหนาก็ลูบเบาๆตรงแผงอกกว้างของผม คิดจะอ่อยกันหรือไง



“มึงเริ่มก่อนนะไอ้เอก” ในเมื่อเสนอมาผมก็จัดให้



ผมประกบปากจูบแล้วดันตัวของเป็นเอกเข้าไปชิดกับฝาผนังห้องน้ำอย่างแรง  ลิ้นร้อนคอยตวัดเชื้อเชิญให้เข้าไปในปาก มือก็ผลัดกันถอดเสื้อถอดกางเกงจนร่างกายของเราทั้งคู่เปลือยเปล่า



เนื้อแนบเนื้อจนสัมผัสถึงอุณหภูมิร่างกายที่สูงขึ้นของอีกฝ่าย ลิ้นที่โดนดูดดุนจนแสบปลายลิ้นไปหมดจนผมต้องเอาคืนด้วยการขบกัดหนักๆจนของเหลวรสเฝื่อนของเลือดติดปลายลิ้น



“แม่ง..มึงโรคจิตชิบหาย” เป็นเอกผละปากบ่นก่อนจะกัดปลายคงผมเบาๆ



“ถ้ามึงไม่ชอบก็อย่ามารักกับกู” ผมมองมันด้วยแววตานิ่งๆ



“กูชอบ จัดหนักๆเลยนะมึง” เป็นเอกยิ้ม แล้วโอบกอดผมแน่นจนกลางกายของเราเบียดเสียดกันจนแข็งขืน



ไม่รู้อะไรดลใจเราสองคนถึงได้ทำอะไรเหมือนกัน มือของผมและเป็นเอกต่างจับแก่นกายของอีกคนแล้วขยับรูดขึ้นลงช้าๆชวนเสียวท้อง



“อืม…ม….ทิว”



“อือ..เอก..อ่า.า..”



ต่างคนต่างครางกระเส่า ก่อนที่ผมจะก้มหน้าสร้างรอยฟันตรงซอกคอขาว เป็นเอกก็เอียงคอให้ผมกัด ถึงอย่างนั้นปากของมันก็ซนพอที่จะเม้มรอยตามบ่าและกระดูกไหปลาร้าของผมจนแดงเป็นจ้ำๆ เราสองคนใช้ปากและมือพากันไปถึงจุดเสียว



“เชี่ย..เจ็บ” เป็นเอกร้องออกมา ฟันของผมขบกัดตรงซอกคอ ผมยกยิ้มแล้วเอื้อมหยิบผ้าขนหนูผืนยาวขึ้นมามัดข้อมือเป็นเอกเอาไว้



“สายอุปกรณ์นะมึง”



“สายเอสต่างหากล่ะ” ผมตอบแล้วมิวายที่จะตีก้นของเป็นเอกแรงๆ เป็นเอกยิ้มออกมาราวกับท้าทายให้ผมจัดหนักๆแรงๆเน้นๆ จากนั้นมันก็ใช้มือที่ถูกมัดคล้องคอผมเอาไว้



“ส่วนกูสายเอ็ม” เป็นเอกจับผมจูบอีกรอบ พอผละออกก็เอาแขนที่คล้องคอออกแรงๆจนผ้าขนหนูคลายออก



“แต่กูชอบรุกเอสว่ะ”



“เฮ้ย!!”



ในขณะที่ผมกำลังฟังมันพูด เป็นเอกก็พลิกตัวผมให้ติดกับฝาผนังแทน คนตรงหน้าค่อยๆย่อตัวลงแล้วจับแก่นกายผมเข้าปาก



“อื้ม…เดี๋ยว…กูต้องรุกมึงสิ..อ่ะ”



ผมร้องค้าน เป็นเอกก็เหมือนไม่สนใจแถมยังเร่งปากรูดจนผมแทบยืนไม่ติด กลางกายผมปวดหนึบไปหมด เป็นเอกพอเห็นว่าผมกำลังจะปลดปล่อย ก็เอาปากออก





“อย่าเพิ่งรีบ…ออกพร้อมกูดีกว่านะเมีย” เป็นเอกเงยหน้ามอง ผมเองก็กำลังหมดแรงรวมถึงต้องการจะปลดปล่อยจึงใช้มือจับแท่งร้อนของตัวเอง



“ไม่เอาดิ…ไม่ช่วยตัวเอง”



“มึงก็รีบหันหลังให้กูเอามึงสิ”



“ไม่…กูจะเอามึง” เป็นเอกยืนขึ้นแล้วเบียดตัวเข้าหา อีกทั้งใช้ขามาแทรกกลางตรงระหว่างผมเอาไว้ แก่นกายของผมเสียดสีกับขาอ่อนของเป็นเอกเบาๆจนมีน้ำใสๆปริ่มออกมาตรงส่วนปลาย



“ไหนมึงบอกจะให้กูเอามึงไงล่ะ?” ผมถามกลับไป



“เอา…เป็นผัวต่างหาก” พูดจบ มือหนาก็ยกขาผมข้างนึงแล้วย่อตัวแทรกแก่นกายเข้ามาในร่างกายของผมที่ไม่ทันจะตั้งตัว



“เหี้ย..เจ็บ..อ่ะ…เจ็บ” ถึงจะเคยโดนมันเอามาแล้วผมก็ยังเจ็บอยู่ดี



“หายใจลึกๆ ผ่อนคลายจะได้ไม่เจ็บ” เป็นเอกกระซิบข้างหู มือที่ว่างก็คอยบดขยี้ยอดอกของผมให้รู้เสียวกลบความรู้สึกเจ็บ



“ตอดชิบหาย..อ่า..า…กูขอกระแทกเลยละกัน” เป็นเอกยิ้มพลางแกล้งครางไปพลาง





“ไม่ต้องมาขออะไรกู สัด!!! นึกจะเสียบก็เสียบเข้ามา..อ่ะ…อ่า.า…” ผมตะคอกใส่มัน ไม่พอผมยังกัดบ่าให้มันนึกเจ็บบ้าง





“อ่า…กัดแรงๆเลย”



ผมฝังเขี้ยวลงไป ยิ่งเป็นเอกกระแทกมาแรงเท่าไหร่ผมก็ยิ่งกัดแรงมากขึ้น เป็นเอกคงจะเมื่อยที่ต้องยกขาผม เลยดันตัวผมไปนั่งที่เคาท์เตอร์อ่างล้างหน้า



“อ่ะ..อ่า.า..อะ…อ้ะ…อ๊ะ” ผมครางระงม



พอนั่งปุ๊บเป็นเอกก็ยกขาผมให้แยกออก ตามด้วยการแทรกกายที่ลึกยิ่งกว่าเก่าจนภายในของผมตอดรัด ยิ่งเป็นเอกขยับก็ยิ่งตอดรัด ร่างกายผมตอบสนองต่อเป็นเอกอย่างดีจนไร้ที่ติ

“อ่า.า…..”



“อืม.ม..ทิว.ว…มึงทำกูเสียวว่ะ”



“อึก..หยุดทำไม?” เป็นเอกขยับกายได้สักพักอยู่ๆมันก็หยุดขยับ ทำแบบนี้ผมก็ค้างสิครับ เป็นเอกไม่ตอบ กลับถอนกายแล้วจับผมยืนหันไปส่องกระจก ผมเห็นเงาของตัวเองที่มีอีกคนยืนซ้อนหลัง แขนแกร่งรั้งเอวผมแล้วรวมกายกับผมอีกครั้ง



“ขยับสิ” ผมกลายเป็นคนอ้อนวอนแทน จะทำยังไงได้ผมอยากปลดปล่อย



“บอกรักกูก่อน..อืม..” เป็นเอกกระซิบข้างหู ตาก็มองใบหน้าผมผ่านกระจก แววตาที่สื่ออกมาทำให้ผมใจสั่นจนต้องหันไปทางอื่น



“ไม่..บอก” ผมปฏิเสธ ผมว่ามันเองก็อยากจะขยับเต็มที เอาสิผมไม่บอกมันก็ไม่ได้ขยับนะ



“บอกผัวสักนิดนะเมีย…ผัวบอกรักเมียแล้วเมียไม่บอกรักผัวบ้างเหรอ?” เป็นเอกพูดเสียงพร่า มือข้างที่กอดเอวผมก็เลื่อนลงต่ำ นิ้วโป้งก็กดลงตรงส่วนปลายไม่ให้ผมได้ปลดปล่อย มืออีกข้างก็จับคางผมให้หันหน้ามามองกระจก



“อย่าทำแบบนี้..ทรมานนะ..อืม..”



“บอกรักผัวก่อน…” เป็นเอกยังคงตอแยไม่เลิก



“เออ…กูรักมึง..อื้อ..อ่า.า.. อ่ะ…เบาหน่อย..” สิ้นคำบอกรักเป็นเอกก็กระแทกผมทันที กระแทกอย่างหนักหน่วงจนผมจุกไปหมด



“เบาไม่ได้..ผัวไม่อยากยั้ง…ซี๊ด.ด…” เป็นเอกคำรามมือกก็ขยับแก่นกายผมรับจังหวะสะโพกที่คอยสวนเข้าออกในกายผม



“อ่า.า….จะปล่อยแล้ว..ว…”



“ปล่อย.ย..อืม.ม…พร้อมกันนะ”



ถึงเป็นเอกจะสั่งให้ปล่อยพร้อมกัน ผมก็ดันแซงนำหน้าไปเสียก่อน น้ำสีขาวขุ่นทะลักจนเต็มฝ่ามือของเป็นเอกและกระเซ็นไปโดนกระจกที่สะท้อนท่วงท่าการร่วมรักของเราทั้งสองในครั้งนี้ ก่อนที่เป็นเอกจะปลดปล่อยเข้ามาในตัวผมจนได้รับความรู้สึกที่อุ่นวาบ



“กูรักมึงนะทิว..ฟอด” เป็นเอกหอบ ริมฝีปากหนาจรดลงแก้มของผม จากนั้นก็ใช้คางเกยบ่า เป็นเอกกอดผมแน่นไม่ยอมปล่อยและที่สำคัญมันไม่ยอมถอนตัวออกและเริ่มขยับกายอีกครั้ง!!!

















 

 

 

 

.........................

มาแล้วกับ 30% ที่เหลือ nc ไม่เก่งนะคะ ขอโทษด้วยถ้าหวัง nc 55555

ช่วงนี้งานยุ่งอัพช้าขออภัยจริงๆ

รอหน่อยนะคะขอบคุณที่ติดตามกันนะคะ
หัวข้อ: Re: บันทึกรัก...ไร่แสงจันทร์ 20++ Yaoi (คู่กัด) EP.10_100% P.4 05/03/2017
เริ่มหัวข้อโดย: sirin_chadada ที่ 05-03-2017 22:07:43
นึกว่าเป็นเอกจะยอมให้ทิวกดจริง ๆ เสียอีก
บังคับบอกรักกันอย่างนี้เลยเหรอ
หัวข้อ: Re: บันทึกรัก...ไร่แสงจันทร์ 20++ Yaoi (คู่กัด) EP.10_100% P.4 05/03/2017
เริ่มหัวข้อโดย: เมื่อนั้นฝันว่า ที่ 06-03-2017 16:44:31
เมื่อไหร่ทิวจะได้กดเอกอ่าา
หัวข้อ: Re: บันทึกรัก...ไร่แสงจันทร์ 20++ Yaoi (คู่กัด) EP.10_100% P.4 05/03/2017
เริ่มหัวข้อโดย: ❣☾月亮☽❣ ที่ 06-03-2017 21:14:21
 :jul1:   โอ้โห ร้ายจริงนะผัว
หัวข้อ: Re: บันทึกรัก...ไร่แสงจันทร์ 20++ Yaoi (คู่กัด) EP.11_ P.4 09/03/2017
เริ่มหัวข้อโดย: TanYung0209 ที่ 09-03-2017 20:23:36
บันทึกรัก…ไร่แสงจันทร์

Writer : Tan-Yung0209

File : เมื่อผมมีผัว(เมีย)เป็นคู่กัด 11















“ทิว หยุดงอนกูได้แล้ว” ผมพูดกับคนข้างๆที่นั่งเงียบไม่ยอมพูด



“กูไม่ได้งอน กูแค่โกรธ!!!” ทิวกระแทกเสียงใส่ ผมไม่แปลกใจหรอกที่เมียผมจะโกรธขนาดนี้



“ก็รีบหายโกรธก่อนที่เราจะถึงไร่ก็แล้วกันนะ…ฟอด” ผมพูดแล้วหอมแก้มมันเป็นพลังงานให้กับตัวเอง



“มึงอยากตายรึไง!!! ขับรถเลย!!!”



“ครับๆ”



เมียสั่งต้องทำตาม ช่วงนี้ต้องยอมมันก่อนเพราะผมเองก็เอาแต่ใจจับมันปล้ำทั้งสองคืนติดต่อกันตลอดที่อยู่บนเกาะล้าน แถมก่อนออกจากเกาะผมก็จัดทิวส่งท้าย ทิวเลยโกรธผมตั้งแต่บนเกาะจนตอนนี้เข้าเขตตัวจังหวัดที่เราทำงานกันแล้ว ทิวก็ยังหน้ามุ่ยอยู่ดี



“ทิว อย่าโกรธกูนะ กูขอโทษที่อดใจไม่ไหว”



“มึงลองมารับบ้างสิ แม่งล่อกูทั้งคืนไม่พอยังมาตอนเข้าอีก” ทิวเอ่ยน้ำเสียงเคืองนิดๆ



“ทิว…” ผมยื่นมือจะจับแขนมันเอาไว้ แต่ทิวกลับสะบัดออก



“ไม่ต้องมาจับตัวกู”



ผมถอนหายใจแล้วขับรถต่อไป ไม่ใช่แค่เรื่องที่ทิวโกรธผมอย่างเดียว ผมหนักใจเรื่องความรู้สึกที่ทิวมีค่อผมด้วย ถึงปากจะบอกรักผม ร่างกายจะยอมผมแต่…หัวใจของทิวยังไม่ยอมและไว้วางใจผมไม่เต็มร้อย



“ทิว หายโกรธกูนะกูอยากให้มึงอารมณ์ดี” ผมยังคงง้อต่อไป



“ใครทำกูอารมณ์เสียล่ะ?”  ทิวพูดพร้อมเหล่มองมาทางผม



“กูทำมึงอารมณ์เสีย กูเลยขอโทษไง” ผมยอมรับความผิดทุกประการ



“อืม” ทิวตอบออกมาสั้นๆ



“อืมนี่คือหายโกรธกูแล้วถูกไหม?” ผมถาม



“อืม”



“ทิว วันนี้พอถึงไร่ก็เป็นวันสุดท้ายที่เราจะได้อยู่ด้วยกันนะ กูอยากมีความสุขกับมึงให้มากๆ” ผมพูดต่อ



“ก็แค่แยกห้อง ไม่ใช่ว่าจะไม่เจอนี่” ทิวเอ่ย ก็ถูกของมันนั่นแหละยังไงก็เจอกันแต่สำหรับผมเจอแค่กินข้าว หลังเลิกงานมันน้อยไปครับผมอยากเจอกับมันอีกอยากนอนกกนอนกอดทั้งคืน



“กูอยากอยู่กับมึงตลอดเวลา” ผมพูดไปตามความรู้สึก…หลงเมีย



“เหอะ…ก็แค่หลงกูสินะ” ทิวพูดออกมามีความเหยียดในน้ำเสียง ผมดูออกว่าคงจะไม่พอใจ



“ทิวกูรักมึง มึงเชื่อใจกูสิ”



“รักกกูหรืออยากเอาชนะกูกันแน่ล่ะ?” ทิวถาม มุมปากก็ยกยิ้มราวจะประชดประชัน



“คือกู…”



“ไม่ต้องพูดแล้ว ถึงไร่แล้ว”



ผมไม่ทันได้ตอบทิวก็พูดเบรคผมเอาไว้ อุตส่าห์ขับไม่รีบแล้วเชียวในที่สุดถึงไร่จนได้ ผมขับรถไปจอดไว้ที่ลานจอดรถ พอรถจอดสนิททิวก็ลงจากรถแล้วหยิบกระเป๋าโดยไม่คิดจะรอผมเลย



“ไม่คิดจะรอผัวหรือไง?” ผมที่รีบจ้ำอ้าวตามมาคว้ามือเรียวมากุม



“หยุดพูดว่ามึงเป็นผัวกูสักที” ทิวพูดออกมา ความไม่พอใจถูกถ่ายทอดผ่านน้ำเสียง



“หรือว่าไม่จริง?” ผมถามกลับ



“มึงถามตัวเองก่อนเถอะ”



ชัดเลยครับ ทิวยังไม่ไว้ใจผมยังคิดว่าผมทำกับมันเพียงเพราะจะเอาชนะ ผมบอกรักมันทั้งวันทั้งคืนไม่คิดจะเชื่อกันเลยหรือไง



ทิวเดินนำหน้าผมไปไกลแล้ว พอแบบนี้นิสัยเหมือนผู้หญิงขี้งอนไม่มีผิด ถ้าเมื่อก่อนคงกระชากเสื้อผมชกไปแล้ว เออ ลืมไปตอนนี้ผมกับทิวติดคดีกันทั้งคู่



“พี่เอกเที่ยวสนุกไหมครับ?” พีที่เดินมากับเหมและน้องไผ่ถามผม



“สนุกครับ” ผมตอบ



“แล้วพี่ทิวไปไหล่ะฮะ?” น้องไผ่ถามถึงคนรักของผม



“ไอ้ทิวเดินกลับไปบ้านพักแล้วครับ”



“ว่าจะชวนพวกพี่ไปงานปาร์ตี้รอบกองไฟคืนนี้นะครับ ยังไงน้องไผ่ฝากพี่เอกบอกพี่ทิวด้วยนะฮะ”



“ได้เลยครับ พี่ขอตัวกลับก่อนนะครับ” ผมรับปากแล้วบอกลาไปทีเดียว ต้องรีบกลับห้องเผื่อทิวเล่นแผลงๆไม่ให้ผมเข้าห้อง



‘แกร็ก’



ประตูห้องไม่ได้ล็อกที่สำคัญ เมียนอนถอดเสื้อเล่นโทรศัพท์อยู่บนเตียงเสียด้วย นี่มันอ่อยผมอยู่ใช่ไหม? ทิวคงรู้ตัวว่าถูกจ้องเลยเหลือบมองผมก่อนจะเล่นโทรศัพท์ต่อ



“อ่อยกูเหรอ?” ผมวางกระเป๋าแล้วนอนหนุนตักกว้าง



“อ่อยเหี้ยอะไร แล้วไปนอนบนหมอนสิวะไม่ใช่มานอนบนตักกู” ทิวเอ่ย มือก็กดแป้นพิมพ์ไม่สนใจผมเลย



“ก็มึงถอดเสื้อ” ผมหันหน้าซุกหน้าท้องลอนของมันที่มีรอยแดงจางๆจากการประทับตราของผม



“กูร้อน!!!” ทิวโวยวายแต่มือมันก็ไม่ยักจะดันหัวผมออก ผมก็เลยนอนหนุนตักมันต่อไป



‘ก็อก..ก็อก’



เสียงเคาะประตูขัดจังหวะ ผมเลยต้องลุกจากตักของทิวไปเปิดประตู ในใจก็คิดถ้าเจอหน้าพ่อจะชกให้ฟันหักเลยโทษฐานมาขัดขวางความสุข



“คุณชัชวิน…” ไอ้ที่จะชกผมต้องเก็บโครงการนี้ไว้ก่อน ก็คนมาเคาะดันเป็นผู้ทรงอิทธิพลต่อเจ้าของไร่



“ฉันมีเรื่องให้เธอและทิวช่วย” คุณชัชวินเอ่ยทั้งผมและทิวต่างก็มองหน้ากัน



.

.

.



ท้องฟ้าทาสีดำ พวกเราก็ได้จัดปาร์ตี้รอบกองไฟที่จัดขึ้นเฉพาะคนภายในครอบครัวของคุณสิบทิศและคุณชัชวิน โดยมีคนนอกที่ได้รับเชิญก็คือ พี่เหมหมอเจ้าของไข้น้องไผ่และผมกับทิวเท่านั้น



ในระหว่างที่ทุกคนอยู่รอบกองไฟ ผมกับทิวเราสองคนต่างซุ่มอยู่ด้านนอกตามแผนของคุณชัชวินที่ทำทีให้เราทั้งสองคนแกล้งลักพาตัวพิสูจน์ความรักระหว่างลูกชายกับคุณสิบทิศ



“แม่งยุงกัด” ทิวยืนตบยุงอยู่ใกล้ๆผม เหอะ จะไม่ให้กัดได้อย่างไรในเมื่อทิวเล่นใส่เสื้อกล้ามมายืนตากยุง



“ทำไมไม่ใส่เสื้อแขนยาว” ผมดุมัน



“ก็กูร้อน” ทิวเอ่ย มันคงร้อนจริงๆเพราะเหงื่อผุดเต็มใบหน้าจนผมอยากจะโลมเลีย



“จ้องกูอยากมีเรื่องหรือไง?” ทิวคงจะรู้ว่าผมจ้องเจ้าตัวนานจึงได้ถามผมด้วยประโยคชวนกาเรื่อง



“ใช่…เรื่องบนเตียง” ผมกระซิบข้างหูแล้วขบติ่งหูนิ่มเบาๆ



“เตียงบ้านมึงสิ!” ทิวถีบผม ดีที่ผมหลบทัน



“จะไปไหมล่ะบ้านกู?” ผมกวนตีนกลับ



“ไอ้…..”



ไม่ทันที่ทิวจะได้ด่าผม ผมก็ได้ยินเสีงดังมาจากอีกทางหนึ่งซึ่งไม่ไกลจากพวกเรามากนัก



“น้องพี”



“อ้าว พี่ทิว พี่เอก ทำไมมาอยู่ที่นี่ล่ะครับ?” พีถาม



“พี่มารอพีนั่นแหละ” ทิวตอบ



“รอ?” พีทำหน้าสงสัย



“ใช่รอ พีมากับพี่ดีกว่าเดี๋ยวพี่จะเล่าให้ฟัง” ผมเอ่ย พีก็เดินตามเราสองคนโดยดีไม่มีท่าทีอิดออดอะไร เราทั้งหมดเดินมาถึงเรือนเล็กก็เจอกับผู้ชายสวมชุดดำใบหน้าก็มีหมวกไหมพรมคอยปกปิดอำพลางเอาไว้ ในมือก็ถืออาวุธสีเงินแวววับ

“ส่งเด็กนั่นมา ถ้าพวกมึงไม่อยากตาย” คำพูดแรกที่เจอกันคนร้ายก็พูดประโยคนี้ขึ้นมา



“พวกกูไม่ส่งน้องชายให้มึงหรอก” ผมพูดกับคนร้าย ทิวเองก็จับพีให้ยืนอยู่ด้านหลังโดยตนคอยกันท่าไว้



“พวกมึงเลือกเองนะ” ชายชุดดำพูดออกมาพร้อมพุ่งตัวเข้ามาทำร้ายผมตอนทีเผลอ ดีที่ผมหลบทัน

 

เราทั้งสองคนต่อสู้กัน แต่คนร้ายได้เปรียบกว่าเพราะมีอาวุธจึงแทงเฉียดหน้าท้องของผมจนล้มลงนั่งกองกับพื้น อุปสรรคของคนร้ายยังไม่จบเพราะยังเหลือทิวที่ใช้ตัวเองบังพีเอาไว้



“พี่เอก!!!!” พีร้องออกมา ร่างกายก็เริ่มสั่นเทาด้วยความกลัว



“กูจะถามมึงอีกครั้ง...มึงจะออกไม่ออก ถ้าไม่...มึงได้นอนกองแบบไอ้นั่นแน่” ชายชุดดำพูดกับทิวพร้อมกับมองผมที่บาดเจ็บอยู่

 

“ไม่ออก!!!” ทิวตั้งมั่นจะปกป้องคนรักของเจ้านาย ทิวผลักตัวพีที่ยืนตัวสั่นให้ออกห่าง

 

คนร้ายเห็นว่าทิวเองก็คงไม่ยอมก็เข้าไปต่อสู้ ทั้งสองคนสู้กันอย่างไม่มีใครยอมใครคนหนึ่งสู้เพื่อปกป้อง อีกคนสู้เพื่อทำลาย



“อั่ก....” ทิวเซถลาเมื่อถูกคนร้ายถีบเข้าไปที่หน้าท้องก่อนจะได้ร้องออกมาอีกรอบเมื่อถูกคนร้ายใช้มีดฟันเข้าไปที่แผ่นหลังทันทีที่ปลายมีดกรีดลงผิวหลังเลือดสีแดงฉาดก็พุ่งออกมา ก่อนจะล้มลงไปอีกคน ผมกัดฟันกรอดมันบังอาจทำร้ายเมียผม



“พี่ทิว!!!” พีร้องออกมาก่อนจะช็อกหมดสติลงไปกับพื้น คนร้ายจึงเดินเข้าไปหาพีแล้วจับร่างไร้สติอุ้มขึ้นมาพาดบ่า



‘หมับ’ ถึงจะบาดเจ็บแต่ผมก็รวบรวมแรงจับขาของคนร้ายเอาไว้ไม่ให้เดินออกไปได้



“มึงนี่ชอบเจ็บตัวจริงๆ” คนร้ายสะบัดเท้าออกจากมือหนาและเตะเสยหน้าของผม หน้าของผมชาวาบขึ้นมาทันที



“บอกเจ้านายมึงด้วยให้รอกูติดต่อมาเองและห้ามแจ้งตำรวจเป็นอันขาดเพราะกูรู้ทุกความเคลื่อนไหวของพวกมึง” คนร้ายพูดกับผมและทิว ก่อนจะเดินตรงไปที่รถที่จอดห่างไม่ไกลนักออกไปจากไร่ ทิวและผมเองก็พยายามช่วยพยุงกันและกันเดินมาบอกทุกคนที่ปาร์ตี้รอบกองไฟ ก่อนที่เราทั้งสองจะถูกหามส่งโรงพยาบาล ผมภาวนาให้เราทั้งสองคนได้ฟื้นขึ้นมาไม่สูญเสียใครคนใดคนหนึ่ง































.....................

เอาใจช่วยพี่เอกพี่ทิวด้วยนะคะ

ตอนหน้าจบแล้ววววววววววว

กรี๊ด

ขอบคุณทุกคนที่เข้ามาอ่านมาเม้นนะคะ รักนะคะ

#ไปดูหน้ากากนักร้องแล้ว บัย

หัวข้อ: Re: บันทึกรัก...ไร่แสงจันทร์ 20++ Yaoi (คู่กัด) EP.11_ P.4 09/03/2017
เริ่มหัวข้อโดย: sirin_chadada ที่ 09-03-2017 20:40:17
เดี๋ยวนะ ละครฉากนี้สมจริงไปไหม แค่จะพิสูจน์ความจริงใจเองไม่ใช่เรอะ
หัวข้อ: Re: บันทึกรัก...ไร่แสงจันทร์ 20++ Yaoi (คู่กัด) EP.11_ P.4 09/03/2017
เริ่มหัวข้อโดย: mystery Y ที่ 09-03-2017 22:50:48
รักกันแล้ว?
หัวข้อ: Re: บันทึกรัก...ไร่แสงจันทร์ 20++ Yaoi (คู่กัด) EP.11_ P.4 09/03/2017
เริ่มหัวข้อโดย: วายซ่า ที่ 09-03-2017 23:22:15
คืออัลรัย   :hao4:
หัวข้อ: Re: บันทึกรัก...ไร่แสงจันทร์ 20++ Yaoi (คู่กัด) EP.11_ P.4 09/03/2017
เริ่มหัวข้อโดย: Jessiebier ที่ 09-03-2017 23:54:57
ชอบคู่นี้จังเลย เอกทิว :mew1: :mew1:
หัวข้อ: Re: บันทึกรัก...ไร่แสงจันทร์ 20++ Yaoi (คู่กัด) EP.12_ P.5 จบแล้ว 15/03/2017
เริ่มหัวข้อโดย: TanYung0209 ที่ 15-03-2017 21:01:03

บันทึกรัก…ไร่แสงจันทร์
Writer : Tan-Yung0209
File : เมื่อผมมีเมีย(ผัว)เป็นคู่กัด

“เอก!!!!”

ผมตะโกนสุดเสียง ผมฝันร้ายเห็นเป็นเอกถูกทำร้ายจนละเมอออกมารู้ตัวอีกทีร่างกายของผมนอนอยู่บนเตียงเล็ก ที่หลังมือมีสายน้ำเกลือระโยงระยางเต็มไปหมด และอาการปวดแผลที่ด้านหลังทำให้ผมรู้ดีว่าผมไม่ได้ฝัน ทั้งผมและเป็นเอกถูกทำร้าย

“ทิว…เป็นไงบ้าง?” ผมที่กำลังรวบรวมสติก็ต้องหันไปหาเจ้าของเสียง ลุงชิตเดินเข้ามาในห้องพร้อมถามไถ่อาการ

“ไอ้เอกล่ะครับลุง?” ผมถามหาอีกคน

“เฮ้ย!!! พวกเอ็งมันยังไงกันวะ เมื่อกี้ข้าไปเยี่ยมเป็นเอกมันก็ถามถึงเอ็ง พอมาเยี่ยมเอ็งก็ดันถามหามัน” ลุงชิตส่ายหน้าแล้วนั่งลงบนเก้อี้ใกล้เตียง

“ที่ผมถาม ผมกลัวว่าจะไม่มีใครให้ชกต่างหากล่ะลุง” ผมแถ ใครจะบอกกันล่ะครับว่าผมแอบห่วงเป็นเอกเหมือนกัน

“เป็นห่วงมันก็พูดตรงๆสิวะ ไอ้ทิวไผ่คนเดิมหายไปไหน?”

“เออๆ ก็ห่วงมันนิดหน่อย” ผมตอบเสียงอ้อมแอ้ม

“ห่วงเยอะๆข้าก็ไม่ว่าหรอก เมียจะห่วงผัวไม่ใช่เรื่องแปลก” ลุงชิตพูดเสียงออกแนวจะล้อผมนิดๆ

“ลุงชิตรู้ได้ยังไง?” ผมถามโพร่งออกไป ไอ้เอกมันเอาเรื่องที่ผมรับให้มันไปพูดใช่ไหม? มันคงอยากจะให้ผมเสียหน้ามากสินะ

“ข้าแค่แหย่เอ็งเล่น ไม่คิดว่าจะเป็นเรื่องจริง” ลุงชิตพูดต่อ ผมมองไปในแววตารู้เลยว่าลุงชิตคงจะมองออกและรู้เรื่องความสัมพันธ์ของผมกับเป็นเอก

“อย่าทำหน้าอย่างนี้สิวะไอ้ทิว ข้ากลัวเอ็งจะปาดคอข้า” ลุงชิตพูดติดตลก สภาพผมตอนนี้แค่ลุกจากเตียงยังลำบาก

“ผมไม่ปาดตอลุงหรอกครับ ถ้าเป็นอีกคนผมก็ไม่แน่” ผมพูด ในหัวก็นึกถึงเป็นเอกที่คงจะเยาะเย้ยผมในใจตลอดเวลา

“ใจเย็นๆทิว ว่าแต่จะไปเยี่ยมเป็นเอกไหม? ถ้าเอ็งไปมันคงจะดีใจ” ลุงชิตเห็นว่าผมเริ่มเดือดก็เลยเปลี่ยนเรื่อง

“ไม่ดีกว่าลุง ผมเจ็บแผล…อ่อ น้องพีเป็นยังไงบ้าง? ช่วยมาได้ไหม?”

“คุณสิบทิศออกไปช่วยเมื่อเช้า ยังไม่ส่งข่าวมาเลย” ผมพยักหน้า ใจผมก็ภาวนาให้ทุกคนปลอดภัยและจับคนร้ายมาให้ได้ ผมรอกระทืบมันอยู่

“ข้าไม่รบกวนเอ็งแล้ว แล้วเอ็งแน่ใจนะว่าจะไม่ไปหาเป็นเอก” ลุงชิตถามย้ำอีกรอบ

“เรื่องอะไรผมจะต้องไปหามันด้วย” ผมตอบกลับ คิ้วก็ขมวดเป็นปม

“เออๆ นอนพักไปแล้วข้าไปก่อน”

“ลุงชิต ได้ข่าวคุณสิบทิศกับน้องพี อย่าลืมบอกผมนะครับ” ก่อนลุงชิตจะไป ผมก็พูดทิ้งท้ายเอาไว้

“เออ” ลุงชิตรับคำแล้วออกจากห้องไป

ผมนอนอยู่บนเตียงต่อและได้รับการดูแลเป็นอย่างดีจากพยาบาล ทั้งเช็ดตัว ทั้งป้อนข้าว ทั้งคอยเข้ามาตรวจดูอาการของผมเป็นระยะ บาดแผลฟกช้ำของผมมีอยู่ไม่มากแต่ที่ทำให้เจ็บก็ต้องเป็นแผลจากด้านหลังที่ทำให้ผมต้องนอนตะแคงไปมาเป็นระยะ เวลาผ่านไปเกือบค่อนวันผมเริ่มเหงาปาก ไร้เงาคนเยี่ยม ก็เข้าใจนะครับว่าคนในไร่ต้องทำงาน ไอ้แฝดสี่ก็คงวุ่นกับการทำหน้าที่แทนผม นอกจากจะเหงาปาก…ผมก็ยังนึกเป็นห่วงว่าเป็นเอกฟื้นขึ้นมาหรือยังเพราะมันโดนกระทืบหนักกว่าผมเสียอีก

“จ๊ะเอ๋ พี่ทิว~” เสียงหวานหูเรียกผมพร้อมกับประตูห้องที่เปิดออก ส้มจี๊ดเดินเข้ามาในมือก็ถือถุงขนม

“น้องส้มจี๊ด มากับใครเหรอ?” ผมถาม ในใจก็หวังว่าจะมีคนมาเยี่ยมผมเยอะๆ

“มากับคุณเหนือฟ้า แป๊บนะพี่ทิว….คุณเหนือฟ้ารีบเดินสิ!!!” ส้มจี๊ดตะโกนออกนอกประตู ผมล่ะกลัวพยาบาลจะมาตบหัวโทษฐานที่เสียงดัง

“มาแล้ว เร่งจริง” เสียงของคุณเหนือฟ้าลอยมาติดๆ ส้มจี๊ดเปิดประตูห้องออก คุณเหนือฟ้ามาพร้อมกับเป็นเอกที่อยู่บนรถเข็น

“ส้มจี๊ดวางขนมไว้ตรงนี้นะ” ส้มจี๊ดรีบวางขนมแล้วออกจากห้องไป

“ส่วนฉันก็ไปก่อน ยังไงก็คุยกันให้ดีล่ะเรื่องไหนค้างคาใจก็เคลียร์กันซะ” คุณเหนือฟ้าบอกกับผมแล้วเดินออกไป

เป็นเอกนั่งอยู่ตรงหน้าผมที่นอนตะแคงหันไปทางมันพอดิบพอดี ต่างคนต่างเงียบและจ้องกน้าอีกฝ่ายเหมือนจะรอให้ใครสักคนเริ่มพูดก่อน

“แผลเป็นไงบ้าง?” เป็นเอกเป็นฝ่ายเริ่มต้นถามขึ้นมาก่อน

“ก็งั้นๆ” ผมตอบกลับไป ใครอยากจะบอกล่ะว่าเจ็บแผลเป็นระยะ เสียฟอร์มแย่

“ก็ดี กูเห็นมึงไม่ไปเยี่ยมกู กูก็คิดว่าจะเป็นหม้าย” เป็นเอกพูดอย่างอารมณ์ดี

“ใครเมียมึง อีกอย่างเรื่องอะไรที่กูจะต้องไปเยี่ยมมึงด้วย”

“เผื่อมึงจะห่วงกูไง เฮ้อ…เป็นกูสินะที่เป็นห่วงมึงแค่ฝ่ายเดียว” เป็นเอกถอนหายใจ สีหน้าเศร้าขึ้นมาทันที

“เรื่องของมึงสิ” ผมเองก็ไม่ยอมที่จะบอกว่าเป็นห่วงมันหรอกครับ

“ปากแข็ง”

“ใครปากแข็ง กูพูดความจริง” ผมยังคงยืนยันว่าไม่ได้ห่วงมันอยู่ดี

“ปากแข็ง…กูว่ากูต้องดูดปากมึงให้นิ่มบ่อยๆ” พูดจบมันก็ยื่นหน้าเข้ามาใกล้

“ไอ้เหี้ยเอก หยุดทำรุ่มร่ามกับกู” ผมเองก็เบือนหน้าหนี

“คิดว่าจะหนีกูพ้นเหรอ เมื่อกี้เรียกผัวว่าเหี้ยอีก เห็นทีต้องจัดหนัก” เป็นเอกยิ้มพราวแล้วใช้มือล็อคท้ายทอยของผมเอาไว้เพื่อที่ตัวมันเองจะได้จูบผมได้ง่ายๆ

“เฮ้ย!!! คุณสิบทิศกับคุณพีปลอดภัยแล้ว” เหมือนสวรรค์จะเข้าข้างผมอยูบ้าง ลุงชิตเข้ามาขัดจังหวะพอดิบพอดี เป็นเอกก็ส่งเสียงจิ๊ปากไม่พอใจ

“แล้วจับคนร้ายได้ไหมลุง?” ผมถามอย่างกระตือรือล้น

“จับได้สิ” ลุงชิตเอ่ย แต่แทนทีจะดีใจผมจับน้ำเสียงปนเศร้าของลุงชิตได้

“มันเป็นใครครับ?” เป็นเอกถามต่อ ลุงชิตกลืนน้ำลายเฮือกใหญ่ ก่อนที่จะให้คำตอบกับพวกเรา

“ลุงพลของเรานั่นแหละ”

พอได้รู้ว่าใครคือคนร้ายทั้งผมและเป็นเอกก็เงียบกริบ ไม่คาดคิดว่าคนร้ายจะเป็นคนใกล้ตัว จะเป็นคนที่ผมเคารพเหมือนพ่อ เป็นครูที่ช่วยสอนการทำงานในไร่ ลุงพลเป็นที่เคารพของทุกคนในไร่เหมือนลุงชิต…ทำไมลุงพลถึงทำแบบนี้ด้วย

ลุงชิตที่เห็นว่าพวกเรานั่งเงียบจึงได้เล่าต่อคร่าวๆว่า ลุงพลต้องการจะเอาไร่แสงจันทร์เป็นของตัวเอง เพราะลุงพลก็เป็นลูกเมียเก็บของปู่คุณสิบทิศ เท่ากับว่าคุณนักรบและลุงพลเป็นพี่น้องคนละแม่ ผมได้ฟังก็ถึงกับอึ้ง พร้อมกับฉุกคิดว่าโลกนี้ไม่มีอะไรแน่นอนจริงๆ…แม้แต่ใจของผมในตอนนี้ก็ตาม

.
.
.

ทั้งผมและเป็นเอกต่างพักฟื้นไม่นานก็สามารถออกจากโรงพยาบาลได้ ระหว่างที่รักษาตัวอยู่นั้นคุณสิบทิศก็จัดการเรื่องให้เป็นเอกย้ายเตียงมานอนห้องเดียวกับผม อย่าเรียกว่านอนเลยครับเพราะมันชอบมานั่งเฝ้าบ้าง นอนคุยกับผม นอนกัดกับผม บางทีก็ลวนลามจนผมจัดการกัดมันไปหลายแผล กว่าจะออกจากโรงพยาบาลก็ช้ำทั้งคู่

“ทิวรอกูด้วยสิ” เป็นเอกเดินตามผมที่กำลังเดินผ่านไร่องุ่นไปยังบ้านพัก

“กูจะรีบไปเก็บของ” ผมเอ่ย

“กูไม่ให้เก็บ” เป็นเอกเข้าสวมกอดผมจากด้านหลัง กอดเบาๆเพราะรู้ว่าผมยังมีอาการเจ็บแผลอยู่บ้าง

“ไอ้เอกมากอดกูทำไม คนมองเต็มหมดแล้ว” ผมพูดท้วงมัน ตอนนี้สายตาทุกคู่จับจ้องเราสองคนด้วยความสนใจ

“มองไปสิจะได้รู้ว่ากูรักมึง…ทุกคนครับผมรักทิวครับ!!!” นอกจากเป็นเอกจะไม่แคร์สายตาคนอื่นแล้ว มันยังบอกรักผมต่อหน้าคนงานมากมาย

“ไอ้เอก มึงหาเรื่องกูหรือไงถึงพูดอะไรบ้าๆออกมาอย่างนี้” ผมแกะมือมันออกแล้วหันไปเผชิญหน้ากับคนที่ยืนยิ้มไม่สะทกสะท้าน

“กูไม่ได้พูดบ้าๆ กูบอกรักมึง…ทุกคนได้ยินไหม!!!” เป็นเอกยังคงบอกรักผมแถมตะโกนถามอีก มึงเล่นเสียงดังขนาดนี้คนไม่ได้ยินก็หูหนวกแล้ว

“ได้ยิน!!!” ทุกคนพร้อมใจกันตอบ ที่สำคัญยิ้มกว้าง เหอะ นี่ไม่ใช่รายการขอแต่งงานที่โด่งดังในทีวีหรอกนะ พวกนี้จะพร้อมใจเกินไปแล้ว

“มึงจะหาเรื่องให้กูอาย มึงอยากจะเอาชนะกูไปถึงไหน?” ผมถาม อยากรู้ความจริงว่ารักจริงหรือแค่ขำๆ

“กูแพ้มึงไอ้ทิว…มึงชนะใจกูแต่กูไม่เคยชนะใจมึง กูรักมึงมาก มึงยังไม่รู้ตัวอีกหรือไง?” เป็นเอกพูดจริงจัง ทุกคนที่อยู่ในเหตุการณ์เงียบรอมให้ผมที่ยืนนิ่งพูดขึ้นมา

“ใครจะรู้ล่ะ มึงกับกูเป็นคู่กัดกันตลอด ทะเลาะทุกวัน” ผมพูดออกไปบ้าง

“แล้วจะเปลี่ยนคู่กัดเป็นคู่รักได้ไหม?” เป็นเอกถาม

“…..” ผมเงียบใส่

“ได้ไหม? ทิวเป็นแฟนกับกูได้ไหม?”

“ไม่!!!” ผมปฏิเสธเสียงแข็ง เป็นเอกผงะเล็กน้อย มีน้ำตาเอ่อตรงตาคู่คม เป็นเอกเสียใจมากจริงๆ

“เราได้กันแล้วมันเลยจุดคำว่าแฟนไปแล้วไอ้บ้า” ผมโน้มไปกระซิบข้างหู ดูเหมือนจะเรียกรอยยิ้มจากเป็นเอกได้ดีทีเดียว

“สรุปว่ามึงกับกูคบกันถูกไหม?” เป็นเอกถามผมอีกครั้ง

“เออ”

“มึงรักกูใช่ไหม?”

“เออ กูรักมึง”

“เฮ้ว!!....เขาดองกันแล้วเว้ย!!!! คืนนี้ต้องฉลอง”

สิ้นเสียงคำบอกรักของผม ทุกคนต่างโห่ร้องด้วยความยินดี เป็นเอกเข้ามากอดผม ผมเองก็กอดตอบ ใครจะคิดล่ะครับว่าคู่กัดที่ทะเลาะกันตั้งแต่วันแรกที่เจอหน้าจะกลายเป็นคู่รักในวันนี้ อ่อ…ถึงจะรักกันผมก็ยังคิดที่จะจับเป็นเอกทำเมียอยู่ดี…อย่าบอกมันนะครับ


















........................  ...
จบแล้ว จบอาจจะไม่สนุกแต่ก็จบแบบนี้แหละ
กว่าจะได้อัพไรท์แทบจะช็อคเลยเพราะงานหนักมาก ปัญหาสุขภาพอีก แต่ก็หาเวลามาปั่นจนได้ ไม่รู้จะมีใครอ่านอีกไหม แฮร่...
สุดท้ายนี้ขอขอบคุณคนอ่าน คนเม้น คนให้กำลังใจและฝากติดตามเรื่องต่อไปด้วยนะคะ เร็วๆนี้








หัวข้อ: Re: บันทึกรัก...ไร่แสงจันทร์ 20++ Yaoi (คู่กัด) EP.12_ P.5 จบแล้ว 15/03/2017
เริ่มหัวข้อโดย: mystery Y ที่ 16-03-2017 08:30:46
จบแล้ว สนุกดีค่ะ
หัวข้อ: Re: บันทึกรัก...ไร่แสงจันทร์ 20++ Yaoi (คู่กัด) EP.12_ P.5 จบแล้ว 15/03/2017
เริ่มหัวข้อโดย: วายซ่า ที่ 16-03-2017 22:53:36
จบซะแล้ว  ขอบคุณมากๆ นะคะ

รักษาสุขภาพด้วยนะ รอติดตามเรื่องใหม่ค่า   :กอด1:
หัวข้อ: Re: บันทึกรัก...ไร่แสงจันทร์ 20++ Yaoi (คู่กัด) EP.12_ P.5 จบแล้ว 15/03/2017
เริ่มหัวข้อโดย: sirin_chadada ที่ 17-03-2017 07:46:14
ขอบคุณค่ะ
 :pig4:  :pig4:  :pig4:
หัวข้อ: Re: บันทึกรัก...ไร่แสงจันทร์ 20++ Yaoi (คู่กัด) EP.12_ P.5 จบแล้ว 15/03/2017
เริ่มหัวข้อโดย: ❣☾月亮☽❣ ที่ 17-03-2017 08:12:23
 :mew1:  ทิวกับเอกน่ารักกันดีจัง
ขอบคุณคนเขียนนะคะ
หัวข้อ: Re: บันทึกรัก...ไร่แสงจันทร์ 20++ Yaoi (คู่กัด) EP.12_ P.5 จบแล้ว 15/03/2017
เริ่มหัวข้อโดย: Ice_Iris ที่ 17-03-2017 10:07:06

ชอบอ่ะ

ชอบคู่เป็นเอก กับ ทิวไผ่

ส่วนคู่ของพี่เหมกับน้องไผ่ก็น่ารัก

ขอบคุณที่แบ่งปันขอรับ

หัวข้อ: Re: บันทึกรัก...ไร่แสงจันทร์ 20++ Yaoi (คู่กัด) EP.12_ P.5 จบแล้ว 15/03/2017
เริ่มหัวข้อโดย: aoihimeko ที่ 18-03-2017 00:59:45
น่ารักมากจริงๆ.  ขอบคุณเรื่องราวดีๆค่ะ
หัวข้อ: Re: บันทึกรัก...ไร่แสงจันทร์ 20++ Yaoi (คู่กัด) EP.12_ P.5 จบแล้ว 15/03/2017
เริ่มหัวข้อโดย: sk_bunggi ที่ 16-08-2019 14:09:40
 :hao7: :hao7:
หัวข้อ: Re: บันทึกรัก...ไร่แสงจันทร์ 20++ Yaoi (คู่กัด) EP.12_ P.5 จบแล้ว 15/03/2017
เริ่มหัวข้อโดย: ASAMENG ที่ 22-10-2019 18:08:22
 :hao3: :L2: :กอด1:
หัวข้อ: Re: บันทึกรัก...ไร่แสงจันทร์ 20++ Yaoi (ซ่อนรัก) EP.4 P.1 09/12/2016
เริ่มหัวข้อโดย: Somsitwiegel ที่ 24-10-2019 09:49:46
:o12: :o12: :o12:
น้องไผ่ซ่อนความรักความรู้สึกของตัวเองไม่ให้พี่เหมรู้ซินะ

 :sad4: :sad4: :sad4: :sad4: :sad4:

 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
  ไม่ชอบความรู้สึกนี้แอบรัก เจ็บจี้ดๆๆ น้องไผ่น่าสงสารจัง
หัวข้อ: Re: บันทึกรัก...ไร่แสงจันทร์ 20++ Yaoi (คู่กัด) EP.12_ P.5 จบแล้ว 15/03/2017
เริ่มหัวข้อโดย: mentholss ที่ 25-05-2021 10:38:17
 :-[
หัวข้อ: Re: บันทึกรัก...ไร่แสงจันทร์ 20++ Yaoi (คู่กัด) EP.12_ P.5 จบแล้ว 15/03/2017
เริ่มหัวข้อโดย: Eakkadoor ที่ 27-05-2021 10:43:46
น่ารักมากกกกก ชอบๆๆๆๆ :3123: