IT is เต็มสิบ. by aoikyosuke (.9)
“ธี เอ่อ ธี ชอบเจนได้มั้ย”
คนเราถ้าไม่มีความหวัง และถ้าไม่เพราะคนที่ชอบทำเหมือนมีท่าทีด้วย คงไม่มีใครกล้าพูดคำนี้ออกมาเด็ดขาดและธีรพลก็มั่นใจแล้ว ถึงได้พูดคำนี้ออกมา
“เฮ้ย ล้อกันเล่นหรือเปล่า ธี เราเป็นเพื่อนกันไง ล้อเล่นแบบนี้เจนไม่ขำเลยนะ”
ไม่ขำ
ใช่
ธีรพลก็ไม่ได้ล้อเล่นให้ขำ
“ธีจริงจัง”
เพราะว่าจริงจัง ธีรพลถึงกล้าที่จะลองรักดูและใช้เวลาหลายปีในการอยู่ข้าง ๆ มาตลอดจนถึงวันที่มั่นใจแล้วว่าเราน่าจะชอบกันจริง ๆ ถึงได้พูดคำนี้ออกมา
“ธีชอบเจนจริง ๆ นะ”
“ธี คือ เรา...”
“...............”
“เราไม่ได้คิดอะไรกับธีว่ะ เราเห็นธีเป็นเพื่อนที่ดีมาตลอด ธีเข้าใจเราใช่มั้ย”
“.............”
ไม่
ไม่เข้าใจ ธีรพลไม่คิดว่าตัวเองจะเข้าใจอะไรได้ทั้งนั้น ตัดสินใจในวันนี้ เพื่อทำให้ทุกอย่างเป็นจริงแล้วสิ่งที่ได้รับกลายเป็นคิดไปเองแค่คนเดียว
แล้วที่ผ่านมาเรียกว่าอะไร
“เรา ขอตัวก่อนนะ เอาไว้ เดี๋ยวค่อยคุยกันนะธี”
คำว่าเดี๋ยวค่อยคุยกัน ธีรพลพยายามทำความเข้าใจและแอบคิดเข้าข้างตัวเองว่า บางทีเธออาจต้องการเวลาในการตัดสินใจอีกหน่อย
บางที...
อาจจะเป็นแบบนั้น
บางทีนะ....
แต่นับตั้งแต่วันนั้น เธอไม่เคยมองกลับมาที่ธีรพลอีกเลย
+++
“ไม่ใช่ว่ารังเกียจหรอก เอาจริง ๆ ธีมันก็เป็นคนดีนะ เรียนก็เก่งช่วยทำรายงาน มีเลคเชอร์ก็จดไว้ให้ตลอด แต่ว่า....”
“พาไปไหนด้วยไม่ได้ใช่ป่ะ”
“ก็นะ”
“ไม่ใช่ว่าจะคบคนที่หน้าตานะ แต่ก็อย่างที่เห็นนั่นแหละ”
“เข้าใจว่ะ เกาหลียังไม่กล้าศัลยกรรม ก็คิดดูแล้วกัน”
ธีรพลยืนมองตัวเองที่หน้ากระจก แววตาเลื่อนลอย ไม่คิดว่าจะได้ยินคำพูดแบบนี้จากคนที่เหมือนคบหากันมาหลายปี และเมื่อบอกความรู้สึกออกไปจริง ๆ เธอกลับบอกว่าไม่คิดอะไรเห็นธีรพลเป็นแค่เพื่อนเท่านั้น
ธีรพลเป็นคนที่ดี เรียนเก่ง ตั้งใจเรียน แต่พาไปไหนด้วยไม่ได้
คำว่าพาไปไหนด้วยไม่ได้ ธีรพลเข้าใจแล้ว เข้าใจดีหมดทุกอย่าง เพราะหน้าตาแบบนี้ เพราะหน้าตารูปร่างเป็นแบบนี้
นอกจากความดี นอกจากความรักที่มีให้ ไม่ได้มีอะไรให้เธอภาคภูมิใจเลยสักอย่าง
พาไปไหนด้วยไม่ได้
เกาหลียังไม่กล้าศัลยกรรม
“ไอ้เหยินธี”
“ว่าไงขวานฟ้าหน้าดำ นอกจากตาขาวแล้วมีส่วนไหนของมึงที่เป็นสีขาวบ้างมั้ยวะ ฮ่า ฮ่า ฮ่า”
“นี่ถ้ามึงเรียนไม่เก่งนะ มึงแม่งไม่มีห่าอะไรดีสักอย่างเลยนะธี ไม่รวย ไม่หล่อ ไม่มีเหี้ยอะไรทั้งนั้น”
เรื่องบางอย่างที่เคยเกิดขึ้นในชีวิต บางทีมันก็เหมือนความฝัน ถึงจะผ่านไปนานแค่ไหน แต่ก็ยังฝังใจอยู่ตลอดเวลา
“ให้ไอ้ธีไปยืนเป็นแบ็คกราวด์ก็ได้นะ ส่งบทอะไรให้มันก็เล่นไม่ได้ ไปยืนสั่นอยู่หน้าเวที ส่งเสริมไม่ขึ้นเลยว่ะ นี่ก็ช่วยเต็มที่พยายามให้มีบทแล้วนะ”
“พอส่งไปยืนรายงานหน้าชั้นทีไร ไอ้ธี แม่งพูดเหี้ยอะไรไม่รู้ กูฟังไม่รู้เรื่องเลยว่ะ”
“............”
“............”
“คุณธีรพล”
“นี่”
“คุณธีรพลหิวจนเป็นลมไปแล้วเหรอครับ นี่ผมไปแค่ไม่ถึงครึ่งชั่วโมงเองนะ”
ธีรพลเงยหน้าขึ้นมองคนที่เรียก และเต็มสิบก็ขมวดคิ้วมุ่น เมื่อเห็นว่าหน้าของธีรพลแทบไม่มีสีเลือดและดูแย่กว่าก่อนที่จะไปซื้อข้าวให้
“เฮ้ย อย่าเพิ่งตายนะ เป็นอะไรเนี่ย”
ไม่ได้เป็นอะไร แค่บางทีอาจจะน้ำตาลตกเลยรู้สึกว่าต้องรีบเติมน้ำตาลเข้าไปในกระแสเลือดเท่านั้น
“ซื้อน้ำแดงมาหรือเปล่า”
ไม่ต้องรอให้ถามอีกรอบ เต็มสิบจัดการเปิดฝาขวดน้ำแดงส่งให้ธีรพลทันที
“อือ”
ธีรพลรีบยกขวดน้ำแดงขึ้นดื่ม และยกหลังมือขึ้นเช็ดปากก่อนจะวางขวดไว้ข้างตัว ถอนหายใจยาว และหันไปมองหน้าของเต็มสิบที่ทำหน้าเหมือนกำลังไม่สบายใจกับอาการของธีรพล
“ผมไม่ได้เป็นอะไร แค่น้ำตาลตกเฉย ๆ มั้ง”
ไม่รู้ว่ะ
ไม่รู้ด้วยหรอกว่าน้ำตาลตกอะไรนั่นน่ะมันคืออะไร สิ่งที่เห็นคือหน้าธีรพลแม่งซีดขนาดนี้ จะไปรู้ได้ยังไงว่าเป็นอะไร
“แกะกล่องข้าวให้หน่อย ไม่มีแรง”
เฮ้ยยยย อย่าน่า อย่ามามุกนี้ อย่ามาทำเป็นหลอกใช้กันหน่อยเลย
“เปิดเองสิคุณ ไม่ได้เป็นง่อยไม่ใช่เหรอ”
ตอบออกไปแบบนั้นและธีรพลก็ทำเพียงแค่หยิบกล่องข้าวมาและพยายามดึงแผ่นพลาสติกออก เห็นแบบนั้นเต็มสิบถึงได้รู้ว่าอีกฝ่ายไม่ได้แกล้งหลอกใช้ น่าจะไม่มีแรงจริง ๆ อย่างที่บอก เพราะแม้กระทั่งดึงแผ่นพลาสติกที่ปิดกล่องข้าวยังดึงไม่ออก เต็มสิบก็เลยอดไม่ได้ ต้องเป็นฝ่ายดึงกล่องข้าวในมือธีรพลมาและดึงแผ่นพลาสติกออกให้
“ให้ป้อนด้วยเลยดีมั้ย”
“อ้าาาา”
แค่ประชด แต่ธีรพลอ้าปากและจะแกล้งให้เต็มสิบป้อนข้าวให้จริง ๆ
“โห ข้าวก็หาให้กิน น้ำแดงก็ซื้อให้กิน กล่องข้าวก็ต้องเปิดให้ ยังต้องป้อนข้าวอีก ไม่เกินไปหน่อยเหรอครับ พ่อกุมารทอง”
“ก็ไม่นะ”
ตอบออกมาได้หน้าตาเฉย และเต็มสิบก็ได้แต่อ้าปากค้างเพราะคำตอบที่ธีรพลตอบออกมา แบบนี้หมายความว่ายังไง ตั้งใจกวนตีนกลับกันใช่มั้ย
“คุณนี่ก็ไม่ธรรมดาเหมือนกันนะ กวนตีนชิบหาย”
“ผมก็เอาคืนคุณไง”
เอาคืนบ้าอะไรล่ะ แบบนี้มันกวนตีนจนน่าตบกะโหลกชัด ๆ ถ้าเป็นไอ้หมาห่าแตงกวาอะไรนั่นกูเตะไม่เลี้ยงแล้ว แต่นี่เห็นว่าเป็นคนหรอกนะ ถึงไม่อยากทำอะไร
“รีบ ๆ กิน รีบ ๆ อิ่มเถอะ ผมไม่ได้ว่าง ซ้อมให้คุณเสร็จ ผมก็ต้องไปดูระบบต่อ มันเสียเวลานะ ถามจริง ๆ เถอะ ทำไมคุณทำอะไรพวกนี้ได้ห่วยแตกขนาดนี้วะ”
“ใครจะไปเหมือนคุณล่ะ ถึงเป็นไอที แต่บ้านเป็นโรงเรียนสอนลีลาศ”
อ่อ
“คนมันเพอร์เฟค ของมันแน่อยู่แล้ว”
เต็ํมสิบภาคภูมิใจกับสิ่งที่ธีรพลพูดประชด และธีรพลก็ได้แต่เมินหน้าหนีและหัวเราะออกมาด้วยความขำ
“ถ้าผมเป็นคนมีความมั่นใจในตัวเองมาตั้งแต่แรกแบบคุณก็คงดี”
ก็แค่คิดอะไรเรื่อย ๆ
แค่คิดอะไรไปเล่น ๆ แค่นั้น และเต็มสิบก็หันมาถามคนที่ยิ้มคนเดียวเงียบ ๆ
“คุณว่าไงนะ”
ไม่ได้ว่าไงหรอก ไม่มีอะไร
“ผมจะตั้งใจซ้อม วันงานผมต้องเต้นได้ดีกว่าทุกคนแน่ ๆ ผมจะทำให้ได้”
เออ เอาเถอะครับ เอาที่พ่อประชาสัมพันธ์กุมารทองที่เป็นที่รักของบอสสบายใจ
“ได้อย่างนั้นก็ดี”
แน่ล่ะ ยังไงก็ต้องได้อย่างนั้นอยู่แล้ว
“ก็ผมหล่อ ผมหน้าตาดี ทำอะไรก็ไม่น่าเกลียดอยู่แล้ว ต่อให้เต้นท่าตลกแค่ไหนก็เถอะ ยังไงผมก็ยังดูดี ผมทำได้อยู่แล้ว เรื่องแค่นี้ไม่มีปัญหา”
เหรอครับ
อืม
เอาเลยครับ
เอาที่สบายใจเถอะครับ
เต็มสิบพยักหน้ารับ และเบะหน้าใส่ธีรพลด้วยความหมั่นไส้ และธีรพลก็หัวเราะออกมากับสิ่งที่เต็มสิบทำ
มั่นใจสิ
พยายามจะมั่นใจ
หน้าตาดี ทำอะไรก็ไม่น่าเกลียดอยู่แล้ว พยายามให้เป็นแบบนั้น กำลังพยายามให้เป็นแบบนั้นอยู่
ก็แค่ลืมตัวตนของตัวเองในแบบเดิมไปซะ และเป็นธีรพลในปัจจุบันแค่นั้น
ธีรพลคนที่หน้าตาดี มั่นใจในตัวเอง และเป็นถึงประชาสัมพันธ์ของบริษัทที่มีชื่อเสียงในระดับประเทศ
ก็แค่ลืมธีรพลคนเดิม
คนที่เป็นได้แค่แบ็คกราวด์ที่ยืนอยู่หลังม่าน คนที่ถูกเหยียดหยามและเป็นตัวตลกของเพื่อน ๆ
คนที่แม้จะมีความรักก็มีไม่ได้
“คุณธีรพล”
“หือ”
ธีรพลหันมาตามเสียงเรียกและเต็มสิบก็จับไหล่ของธีรพลเอาไว้
“ผมถามจริง ๆ นะ คุณกลัวอะไรอยู่กันแน่”
กลัวอะไรเหรอ
ไม่ได้กลัวอะไรทั้งนั้น ไม่มีอะไรต้องกลัว ไม่มีเลยจริง ๆ
“คนอย่างผมจะกลัวอะไร ไม่มีอะไรต้องกลัวแล้ว ที่ต้องกลัว ก็แค่กลัวว่า ถึงวันจริง คุณนั่นแหละที่จะเต้นสู้ผมไม่ได้ แล้วอย่ามาร้องไห้เสียใจทีหลังที่ผมเต้นดีกว่าล่ะ”
อ่อ
ก็เอา
ได้แบบนั้นก็ดี
ก็ขอให้เป็นแบบนั้นจริง ๆ ก็แล้วกัน
TBC.