only love♥แค่รัก ตอนที่ ๑๔ [62/02/09] จบแล้ว
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: only love♥แค่รัก ตอนที่ ๑๔ [62/02/09] จบแล้ว  (อ่าน 5791 ครั้ง)

ออฟไลน์ happy_chchang

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 24
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +7/-0
Re: only love♥แค่รัก ตอนที่ ๑๑ [61/11/10]
«ตอบ #30 เมื่อ10-11-2018 20:07:00 »

- ๑๑ -




เช้านี้ผมได้ออกจากห้องมาก่อนที่เด็กนั่นจะตื่น ผมเห็นว่านอนหลับสบายผมเลยเลือกที่จะไม่ปลุก แต่เขียนโน๊ตไว้แล้วว่าผมออกมาทำงานก่อนแล้ว อาหารทำให้แล้วอยู่ในตู้เย็นอย่าลืมอุ่นก่อนกินเพราะผมไม่รู้ว่าเด็กนั่นจะตื่นกี่โมงผมเลยเลือกที่จะเก็บอาหารเช้าเข้าใส่ไว้ในตู้เย็น


“ไอ้นัดมึงว่าวันนี้ออฟฟิศเรามันทำไมบรรยากาศสีชมพูป่าวว่ะ ทำไมกูรู้สึกมันสีชมพูสีชมพูว่ะ มึงรู้มั้ยว่าออร่าสีชมพูมาจากไหน”

นับหนึ่ง

“นั้นสิพี่ต้า แต่ผมเหมือนจะเห็นมันมาจากโต๊ะทำงานข้างๆพี่อ่ะ เอ๋! โต๊ะใครน่า”

นับสอง

“หรอว่ะ”

นับสาม

“พวกมึงสองคน เดือนนี้โดนหักคนละพัน อย่าถามหาเหตุผลเพรากูเป็นคนเบิกจ่าย”

“ไอ้พบ! มึงใช้อำนาจโดยมิไม่ชอบพบ”

“มึงเถียง หักอีกห้าร้อย”


ถึงผมบอกว่าจะหักเงินเดือนมันทุกคนคงคิดว่ามันจะเลิกกระแนะกระแหนผมแต่ป่าวเลย เพราะทั้งวันผมก็ยังโดนเหมือนเดิม จนถึงเลาเลิกงานผมก็ยังมิวายโดนอยู่ดี เพราะมันรู้ว่าเมื่อคนเด็กนั่นนอนอยู่ที่ห้องขอผม เพราะเมื่อวานมันโทรมาแล้วมันได้ยินเสียงของอีกคนที่อยู่ในห้องด้วย ไม่รู้ว่าเด็กนั้นตั้งใจที่จะถามหาของนู้นี่นั้นในเวลาที่ผมคุยโทรศัพท์อยู่ ผมเลยรู้ว่าผมนั้นไม่ได้อยู่คนเดียว มันก็ถามตื้อจนรู้ว่าเป็นใครอีกคนที่อยู่นห้องผม เช้ามาเลยเป็นอย่าที่เห็น


ผมกลับห้องมาพอดีกับอีกคนที่ผมคิดว่ากลับไปแล้วได้เปิดประตูออกมาจากห้องนอนสภาพที่ผมเห็นเหมือนพึ่งอาบน้ำเสร็จมา แถมยังไม่ใส่เสื้อแล้วยังทำตัวเหมือนเป็นห้องตัวเองแบบนี้ด้วย

“ยังอยู่ เอ้ย! ยังไม่กลับรึไง แล้วไม่นี่ไม่ได้ออกไปไหนอยู่แต่ในห้องหรอ”

“ป่าว”

“....”

“ออก ออกไปเมื่อบ่ายๆ”

“แล้วทำไม”

“กลับไปขนของมา”

“....”

“มาอยู่ที่นี่”

“ฮ่ะ!”



ไม่ต้องมายิ้มเมื่อกี้นี้บอกว่าไงนะ ขนของ มาอยู่ที่นี่ เดี๋ยว เดี๋ยวมึงถามเจ้าของห้องเค้ารึยัง

“แล้วนี่กินอะไรแล้วยัง”

“ยัง แล้ว....พี่ล่ะ”

“ยัง”

“งันเรามาทำอาหารกินกัน รึถ้าพี่เหนื่อยออกไปกินข้างนอกรึจะสั่งมากินดี”

“....”

“ผมรอพี่กลับมาจนหิวจะแย่แล้ว”

“ยัง ยังไม่กินอะไรทั้งนั้น วีมานั่งที่โต๊ะกินข้าวก่อน เรามีเรื่องที่จะต้องคุยกัน”

ผมว่าเราต้องมาคุยกันแบบจริงจังแล้ว ผมจะได้ทำตัวถูก ผมไม่อยากคิดไปเองหรือเข้าข้างตัวเอง เด็กนั่นก็ไม่ได้มีท่าทีไม่พอใจอะไรก็ยอมมานั่งดีๆ

“นี่”

“ผมก็มีชื่อนะ ผมไม่ได้ชื่อนี่ซักหน่อย” อะ ไอ้เด็กนี่นิ

“วี”

“ครับพบ”

“ต้องเรียกพี่ว่าพี่พบสิ”

“ครับ ครับพี่พบ”

“ดีมากน้องวี”

“....”

“....”

“มีอะไรก็พูดมา เร็วๆหิวแล้วนะ”

“ขนข้าวขนของมาทำไม”

“มาอยู่กับพี่ไง”

“บอกจะมาอยู่ขอเจ้าของห้องเค้ารึยัง”

“ผมขอมาอยู่นี้นะ นะ นะ....พี่พบ”

“....” อ่ะ งือ ไอ้บ้าเอ้ย ตอนนี้ผมเดาได้เลยว่าหน้าของผมนั้นต้องแดงมากแน่ๆเพราะผมรู้สึกร้อนไปทั้งใบหน้ารามไปถึงใบหูแถมยังใจเต้นแรงมากๆด้วย

“เงียบแปลว่าตกลง”

“วี”

“ผมชอบพี่จริงๆนะ”

“....”

“ไม่ว่าตั้งแต่เมื่อก่อน จนถึงตอนนี้”

“....”

“เราลืมเรื่องที่ผ่านมาแล้วปล่อยให้มันเป็นอดีต แล้วเราเริ่มต้นกันใหม่ด้วยกันอีกครั้งนะ”

“....” วีพูดทั้งๆที่มองมาที่ผมด้วยรอยยิ้มที่ดูจริงใจ แถมยังกุมมือผมไว้ไม่ยอมปล่อย แถมสัมผัสที่หลังมือที่มีนิ้วโป้งเคลื่อนไหวสัมผัสเบาๆให้เคลิบเคลิ้มตาม

“นะครับ”

“....”

“พี่พบ...”

“....”

“นายรวี....รักนายพบตะวันจริงๆนะ”

“....”คนที่อยู่ตรงหน้าผมนั้นเริ่มมีอาการอยู่ไม่สุกเริ่มลุกลี้ลุกลนเมื่อผมเอาแต่ที่จะเงียบ

“ผมขอโทษ...พี่ลืมเรื่องที่ผมพูดไปเถอะ ผม....ผม”

“....”

“หิวแล้วแหละ ทำอาหารให้ผมทานหน่อยสิ....ครับ....อิ่มแล้ว.....ดะ....เดี๋ยว....ผมขนของ ของผมกลับเลย พี่ไม่ต้องกลัวนะ ผมพูดคำไหนคำนั้นแน่นอน”

“......”



ทำไมล่ะ ทำไมยังยิ้มได้ ทำไมถึงยังยิ้มอยู่

“....”

“ผมว่าผมไม่ทานแล้วจะดีกว่า กลับไปทานที่บ้านน่าจะดีกว่า แม่ผมอาจจะคอยทานข้าวอยู่ที่บ้านก็ได้....เนอะพี่”

“....” ไม่สิ ผมต้องการมันแบบนี้จริงๆหรอ ต้องการที่จะให้มันเป็นแบบนี้จริงๆหรอ แล้วตลอดเวลาที่ผ่านมาผมเฝ้ามองเพื่อให้มันเป็นแบบนี้หรอ

“ผมขอโทษนะ เดี๋ยวผมกลับแหละ ขอไปหยิบกระเป๋าในห้องก่อนนะ”


ซวบ!


ผะ...ผม ผมไม่รู้จะทำยังไงให้เด็กนั่นไม่ออกไปจากห้องนี้ แต่ แต่ผมไม่รู้จะเริ่มพูดหรือเริ่มที่จะทำอย่างไรก่อน จนเด็กนั่นลุกจากเก้าอีเพื่อไปเก็บของ ผมรู้เพียงแค่ต้องหยุดเด็กนั่นไว้ไม่ให้ไปไหน คิดได้แบบนั้นร่างกายผมก็พุงไปก่อนที่สมองจะสั่งการ ผมรีบไปกอดจากด้านหลังเพื่อนหยุดไม่ให้ไปไหนไม่ให้ไปไกลกว่านี้ ทันทีที่ผมถึงตัวของวีผมรับรู้ได้ถึงอาการสั่นทึมของร่างกายเด็กนั่น พร้อมสัมผัสเปียกๆที่หยดลงบนท่อนแขนของผมที่โอบรัดตัวของเด็กนั่นอยู่ ทันทีที่หยดน้ำนั้นโดนท่อนแขนผมก็มีมือที่เย็นเฉียบรีบมาเช็ดหยดน้ำนั้นออกไปจากท่อนแขนของผม

“ขอโทษ....นะวี อย่าไปไหนเลย อย่าไปไหน....อีกเลยนะ”

“.....”อย่าร้องไม่เอาไม่ร้องนะ

“อยู่ที่นี่นะ อยู่ด้วยกัน”

“....”

“อย่าทิ้งกันนะ ไม่อยากที่จะอยู่คนเดียวอีกแล้ว”

พึบ!

ทันทีที่ผมพูดประโยคนั้นจบคนที่ผมสวมกอดอยู่นั้นพลิกตัวกลับมาดึงผมเข้าสู่อ้อมกอดพร้อมทั้งซบหน้าอยู่บนไหล่ของผม รับรู้เลยว่าไหล่ของผมนั้นค่อยๆเปียกขึ้น ตอนนี้ผมยิ้มออกมาโดยไม่สามารถหุบยิ้มลงได้เลยจริงๆ ผมเห็นเด็กนั่นร้องไห้ไม่หยุดผมเลยต้องลูบหลังปลอบเด็กน้อยของผมที่ร้องไห้สะอึกสะอื้น ยิ่งปลอบก็ยิ่งร้อง ยิ่งปลอบก็ยิ่งกอดรัดผมแน่นเข้าไปอีก โอ้ยจะหายใจไม่ออกแล้วนะ

จ๊อก!

ผมว่าสิ่งแรกที่ต้องทำคือพาเด็กน้อยของผมไปกินข้าวซะแล้ว เดี๋ยวโรคกระเพาะจะถามหาเอา



“ตกลงเป็นแฟนผมสักที่สิ”

“พูดมากจริง นั่งรอกินข้าวแบบเงียบๆไม่ได้รึไง” ยิ่งโตยิ่งพูดมากจริงตั้งแต่ผมเริ่มทำอาหารวีมันก็จ้อไม่หยุดและคำถามที่ได้ยินมากว่าห้าครั้งแล้วที่ถามผมก็ไอ้คือประโยคนี้นี่แหละ

“ก็ตอบผมก่อนสิ ผมรอมาสามปีแล้วนะ”

“อ๊ะ กินให้หมดแล้วค่อยคุยกัน” ผมวางจานข้าวผัดที่พึ่งจะทำเสร็จตรงหน้าวีแล้วก็เดินออกมาไม่ได้สนใจอีกคนที่นั่งเอาแต่จ้องมองผม

“ไปไหนไม่กินข้าวก่อนหรอ ยังไม่ได้กินข้าวเหมือนกันไม่ใช่หรอพบ เอ้ยพี่พบ”

“ไม่กิน ไม่อยากกิน” ผมไปอาบน้ำดีกว่าเหนียวตัวไปหมดแล้ว


อ๊ะ! โอ้ย!

ไอ้บ้ากระโดดลงมาได้ คิดว่าตัวเองเบาขนาดนั้นเลยรึไง

“หนัก....ไอ้วีลุกก่อน วีลุกมันหนัก” ไอ้บ้าผมกำลังนอนดูรายการทีวีอยู่เพลิน อยู่ๆดีๆก็เหมือนมีคนโยกกระสอบทรายใส่ มันน่าบ้องหูจริงๆ

“พี่ตอบผมมาก่อนสิ”

“แล้วไม่กลัวว่าสุดท้ายมันจะจบเหมือนเดิมรึไง” ใช่ตอนนี้ผมกำลังสองจิตสองใจใจหนึ่งก็อยากที่จะตกลงอีกใจก็กลัว

“ผมไม่กลัวหรอเพราะยังไงเรื่องราวตลอดที่ผ่านมาคือผมรักพี่ตลอดสามสี่ปีที่ผ่านมา”

“ไม่ใช่แบบนั้น”

“พี่เราควรที่จะอยู่กับปัจจุบันสิ เราทำปัจจุบันให้ดีที่สุด ก่อนที่เราจะคิดว่าสุดท้ายมันจะจบอย่างไรสิ”

“....”

“ไม่ว่าถ้าสุดท้ายมันจะต้องจบด้วยการเลิกรา อย่างน้อยเราก็ทำทุกวันที่ผ่านมาด้วยความจริงใจ ว่าเราไม่ได้หรอกตัวเอง สามสี่ปีของเรา....มันควรชัดเจนได้แล้ว”

“....”

 จุ๊บ

“รักนะ”

จุ๊บ จุ๊บ

“เป็นแฟนกันนะ”

จุ๊บ จุ๊บ จุ๊บ

“นะ....นะครับ”

“ปล่อยก่อน” ปล่อยก่อนทำตัวไม่ถูกแล้วงือปล่อยพี่ไปก่อนนะน้องขอพี่ทำใจแปบ พี่เหมือนหัวใจจะวายเหมือนจะเป็นลม เหมือนจะวูบ งือ

“....”

“เร็ว ปล่อยก่อน”

จุ๊บ

“มาจูบกันแบบนี้ผมติต่างว่าพี่ตกลงแล้วนะ โวยวายที่หลังไม่ได้แล้วด้วย” เอ้ย มะมันไปเองไม่ได้ตั้งใจ




“โอ้ย! มดกัด ไอ้นัดไอ้เบ้นมึงดูดิมดมันมาจากทางไหนว่ะ”

“ผมก็ไม่แน่ใจ พี่พบเห็นป่ะ”

ไอ้นัดนับหนึ่ง

“...”

“พี่พบเห็นมั้ย ผมว่ามันเหมือนเดินมาจากทางพี่นี่น่า”

ไอ้เบ้นนับสอง

“เออใช่กูก็ว่ามาจากทางนั้น”

ไอ้ต้านับสาม

“เดือนนี้หักคนละพัน”

“โอ้ยไอ้พบมึงหักจนจะเกินเงินเดือนที่กูได้แล้วนะ มึงมันไอ้หน้าเลือด”

“มอสไปแดกชาร้านแซมกันดีกว่า”

“มึงอย่ามาเปลี่ยนเรื่องเลยไอ้พบ”

“ป่ะ”

“ไอ้พบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบ”

คงคิดว่าผมกับวีคงโจ๊ะพรึมๆกันละสิ ไม่มีหรอมากสุดก็แค่จูบกับที่ห้องนั่งเล่น แล้วก็เข้าห้องนอนที่นอนจริงๆนอนคือนอนแม้ตอนตื่นมาจะโดนจับมืออยู่ก็ตาม ส่วนกระเป๋าเสื้อผ้าของวีนั้นก็ยังอยู่ที่ห้องของผมแต่เสื้อผ้านั้นถูกพับและแขวนอยู่ในตู้เสื้อผ้าของผมเรียบร้อยสวยงาม


หลังจากวันนั้นผมก็เหมือนมีเจ้ากรรมนายเวรติดตาม อยากจะให้ที่บริษัทเรียกมันเข้าบริษัทบ่อยๆจริงๆ วีมันเอาเวลามาเดินตามผมแล้วดองงานไว้ทำวันสุดท้ายใกล้ส่ง มันน่าจับมาตีสักที่สองที พอใกล้ส่งแล้วก็โหมงานจนร่างกายแย่ทุกที มันน่าตีน่ากระทบ น่าจับหักครึ่งจริงๆ

“พบนี่ใครหรอ”

“อ่า”

“แฟนครับ”

“ฮ่ะคุณเป็นแฟนของพบหรอ”

“ครับ”

“พบ”

“เออ ว่าไง”

“อ๊ายยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยย ไปหามาจากไหนทำไมหล่อแบบนี้ โอ้ยที่มันชายในฝันของเค้าเลยนะ งือแซมอยากได้อยากโดนแบบนี้ นิๆๆคุณชื่ออะไรหรอ ทำงานหรือเรียนอยู่”

“เออ..”

“แซมจะ...ใจ”

“นี่พบอย่าพึ่งพูดหลบไปสิไม่ได้อยากจะคุยด้วยเลยหลบๆ ว่าไงจ๊ะสุดหล่อ” ผมละปวดหัวเลย เหมือนวีมันก็ทำตัวไม่คอยถูกได้แต่ส่งสายตาขอความช่วยเหลือมาให้ผม ผมเลยได้แต่พยักหน้ากลับไปแบบตอบๆไปจะได้จบๆ


“ชื่อวี ครับ ทำงานแล้วครับ”

“นิอายุเท่ากันรึเด็กกว่าจ๊ะ”

“ดะ เด็กกว่าครับ”

“แล้วทำไมไม่เรียกพบว่าพี่ละทั้งๆที่แก่กว่า เดี๋ยวนี้กินยายอ่อนสินะพบ” ผมได้แต่มองบ่นใส่ ใช่สิเมื่อก่อนแซมก็กินหญ้าอ่อนแบบผมเหมือนกันเถอะ

“พบเป็นแฟนไม่ใช่พี่” อ่า หน้าร้อนขึ้นมาทันที ไม่น่าให้เด็กบ้านั่นพูดเลย พอได้พูดก็พูดเยอะเกินไปแล้ว








* * * *







« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 10-11-2018 20:55:11 โดย happy_chchang »

ออฟไลน์ DrSlump

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3382
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +104/-2
Re: only love♥แค่รัก ตอนที่ ๑๑ [61/11/11]
«ตอบ #31 เมื่อ10-11-2018 20:26:18 »

 :pig4: :pig4: :pig4:

แหม่...จะเป็นจะตายมาสามปีเศษ  ยังจะมาเล่นตัวอีกนะ  อิพี่พบ

แต่ว่า...นุ้งวีกลับมาคราวนี้  ชัดเจนขึ้นมากนาจา   ไม่คลุมเครือเหมือนแต่ก่อนแล้ว  อิอิ

ออฟไลน์ happy_chchang

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 24
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +7/-0
Re: only love♥แค่รัก ตอนที่ ๑๒ [61/11/21]
«ตอบ #32 เมื่อ21-11-2018 00:52:42 »

- ๑๒ -




 “ถ้ากูเป็นเจ้าของบริษัทมึงกูจะไล่มึงออกจากงาน แล้วกูจะเก็บเงินค่าไฟ ค่าน้ำมึง”

“....”

“โฮ!! พูดด้วยก็ไม่พูดด้วย ยังจะเอาแต่ทำงานมาทำอีกนะ”

“ต้า”

“ไม่พบมึงจะพูดเข้าข้างมันใช่ไหมล่ะ ก็นั่นมันแฟนมึงนิ” ยัง ยังไม่หยุด

“ป่าวกูจะบอกว่ามันใส่หูฟังอยู่ มันคงจะได้ยินที่มึงบ่นหรอก”

“รู้แล้วก็เงียบไอ้ควาย” ฮู้! พี่มอสหัวร้อนแล้ว ต้ามึงไม่รีบเงียบมึงชะตาขาดแน่ เอาเลยมอสเอาเลย เอาให้หนักๆเลย

“....”

“งันแยกย้ายทำงานดีกว่าเนอะ อยากทำงานจังเลย งานอยู่ไหนน่า”


ผมก็พึ่งรู้ได้ไม่นานหลังจากที่ได้คบเป็นแฟนกับวี ว่าตลอดเวลาสามปีที่ผ่านมานั้นพวกมันทั้งสองคนรู้เรื่องของผมทุกอย่าง แหละคอยช่วยเหลือผมในตอนที่ผมอ่อนแอและทั้งวีในวันที่ต้องห่างกันไกลก็คอยส่งข่าวความเป็นไปของผมให้วีได้รับรู้ แต่ก็นั่นแหละ มันทั้งสองมีการแสดงออกที่แตกต่างกัน แต่ทั้งคู่มีความห่วงใยมาให้ทั้งผมและวีเสมอ นี่แหละพี่ชายผมเอง พี่ผม พี่ผม
     


“จะพาไปไหน ประตูทางขึ้นอยู่ทางนี้” หลังเลิกงานผมก็เดินกลับห้องพร้อมกันเหมือนเช่นปกติที่ผ่านมา แต่วันนี้อีกคนที่มักจะเดินกลับด้วยกันกลับไปเดินไปทางประตูคอนโดเหมือนปกติ แต่กลับพาผมเดินไปยังที่จอดรถแทน

“จะพาไปกินข้าว ข้างนอกมีที่ที่นึงที่อยากให้ไปลองชิมด้วยกัน”

“เงินออกรึไง”

“ป่าว งานนี้กินฟรี” โถ่ไอ้เราก็นึกว่าจะใจดีพาไปเลี้ยง จากที่ทำอาหารให้กินทุกวัน

“จริง”

“แต่คืนนี้ต้องเอาตัวมาแลกค่าอาหารนะ” มะเงกสิ หยุดเลยนะไอ้สายตากรุ้มกริ่มแบบนี้เนีย

“งันวนรถกลับยูเทิร์นข้างหน้าเลย” ไม่ต้องไปกินอาหารข้างน้องเลยผมยอมกลับไปกินที่ห้องดีกว่าไม่ต้องเสียอะไรด้วย

“อยากขนาดนั้นเลยหรอ”

“วนรถกลับห้องไปเก็บของ แล้วออกจากห้องไปเลย”

“ฮ่าๆ” ไม่ต้องมาขำไอ้หน้าหมี พักนี้เห็นยอมหน่อยเอาใหญ่เลยนะ


นั่งรถมาได้พักใหญ่รถก็เลี้ยวเข้ามาในหมู่บ้านผมก็คิดว่า อาจจะเป็นร้านอาหารแบบโฮมเมด แบบร้านเล็กๆที่ใช้พื้นที่ของบ้านเป็นร้านอาหาร แต่บ้านที่วีมาจอดอยู่หน้าบ้านไม่มีวี่แววว่าจะเหมือนเป็นร้านอาหารใดๆ แล้วยิ่งประตูบ้านเปิดออกก็ยิ่งไม่ใช่ร้อยเปอร์เซ็น เพราะว่านี่มันคือบ้าน บ้านพักอาศัยธรรมดา แต่อาจจะไม่ธรรมดาหน่อยตรงที่หลังก็ใหญ่พอสมควรแต่ไม่ได้ใหญ่เวอร์วังแต่ดูมีฐานะ และมีพื้นที่สวนให้พอวิ่งเล่นได้ แล้วนี่วีพาผมมาบ้านใครเนีย


“ถึงแล้วลงสิ”

“ไม่ ที่นี่ที่ไหน บ้านใคร มาทำไม” ไม่บอกผมไม่ลงจริงๆด้วย แล้วนี่หลอกมาทำอะไรมิดีมิร้ายกันหรือป่าว

“พบถามเยอะจัง”

“วีอย่ากวน ถามดีๆก็ช่วยตอบดีๆด้วย” นี่มันความปลอยภัยในชีวิตของผมเลยนะ

“ไม่ได้กวน ป่ะลงไปเดี๋ยวก็รู้เอง” ผมจะมีสิทธิรู้ก่อนไม่ได้เลยรึไง เลยทำให้ผมกับวีนั้นยื้อยุดฉุดกระชากกันอยู่พักใหญ่ จนสุดท้ายผมก็พ่ายแพ้โดนพาเข้ามาในตัวบ้านจนได้


“อ่าวเด็กๆมากันแล้วหรอคะ มาๆนั่งพักกันก่อนเดี๋ยวแม่เอาน้ำมาให้นะ”

ผมยืนงงอยู่ไม่นานก็มีหญิงสวยแบบหน้าหมวยแลดูมีอายุพอสมควร ก็เดินเข้ามาทักทาย ผมตกใจก็เลยรีบยกมือไหว้ไว้ก่อน จนผู้หญิงคนนั้นแนะนำตัวเองว่าแม่ ผมนิตัวเย็นขึ้นมาทันที จนผมได้ยินว่าคุณแม่จะไปยกน้ำมาให้ทั้งๆที่ผมอายุน้อยกว่ามันคงดูไม่ดีแน่ ถ้าให้ท่านทำแบบนั้น ผมเลยรีบเดินไปอาสาที่จะยกน้ำมาให้แทนด้วยความเกรงใจ แต่ไม่ทันได้ก้าวขาไปได้ไกลก็กลับโดนดึงแขนไว้

“ไม่ต้องไป ไปนั่งเถอะ ไปนั่งด้วยกันเถอะ อยู่คนเดียวมันเหงา” เหงาบ้าเหงาบออะไรบ้านตัวเองแท้ๆ รึไม่ใช่บ้าน ใช่สีแต่ยืนอยู่ทั้งคน

“แต่เราไม่ควร...”

“ปล่อยแม่เค้าไปอย่าไปขัดเค้า”

“แต่...แม่นิแม่ใคร” ผมขอถามเพื่อความแน่ใจสักหน่อย

“แม่ผมไง”

“แล้วทำไมไม่บอกก่อนว่าจะพามาหาแม่ ได้ซื้อของติดไม้ติดมือมาบ้าง”

“ไม่ต้องหรอกลูก เปลืองเงิน เก็บเงินไว้ดีกว่า”

“อ่อ...สวัสดีครับ”

“เอาใหม่ๆ เรียกแม่ด้วยสิคะพี่พบ”

“อ่า...สวัสดีครับคุณแม่”

“อ่าดีมากค่ะ วีลุกไปนั่งที่อื่นแม่จะนั่งตรงนี้”

“ไม่เป็นไรครับเดี๋ยวผมลุกเองดีกว่า”

“ไม่ๆลูกแม่จะนั่งกับพี่พบ ส่วนคนไม่เกี่ยวก็ลุกค่ะ”



 เคยเห็นหมาหัวเน่ามั้ยครับ ตอนนี้ผมกำลังเห็นอยู่ตรงหน้าผม หูลู่สายตาละห้อยพร้อมเงามือดำแห่งความเศร้าปกคุมอยู่เต็มบริเวณนั้น

“แม่อยากเจอพี่พบมานานแล้วลูก แม่เคยเจอแต่รูปโทรศัพท์ของตาวี แล้วก็เสียงบ่นจากเจ้าวีว่าพี่พบทิ้งไปอย่างนั้นอย่างนี้ แม่นะละอยากเอากาวหนังไก่ปิดปากเช้าเย็นเลยละ”

“อ่าครับ”

“เนียพี่พบนะพี่พบไม่น่าตกลงคบกับเจ้าวีไวเลย น่าจะปล่อยไว้สักปีสองปีค่อยตกลงคบ”

“อ่า....ครับ”

“แล้วอีกอย่างนะวันที่พี่พบตกลงคบกับเจ้าวีนะ เช้ามารีบป่าวประกาศตะโกนตั้งแต่ยังไม่เข้าบ้าน อวดใหญ่เลยว่าได้เป็นแฟนกันแล้วนะ พบยอมรับรักแล้ว พบยังรักผมอยู่อย่างนั้นอย่างนี้ เค้ายังคิดกับผมเหมือนเดิมอย่างนั้นอย่านี้จนแม่รำคาน”

“ครับ” ครับผมเขิน เขินมาเขินจนคิดอะไรไม่ออกแล้วครับ

“แม่พอแล้วผมอายน่า จะเผาผมไปถึงไหน ไว้หน้าผมบ้างสิ”

“หยุด!! แม่ยังพูดไม่จบ ถ้าไม่อยากฟังก็ออกไปจะไปนั่งที่ไหนก็ไป อยู่ก็เกะกะจริงๆ”

“แม่!”

“นี่พี่พบยังมีอีกนะ เจ้าวีนะ”

“คุณพอแล้วไว้หน้าหน่อยลูกบ้าง เดี๋ยวมันก็มางึมงำว่าวันนี้ทำตัวไม่ดีทำตัวไม่เท่ต่อหน้าพบเค้าอีกหรอ”

“พ่อมาประโยดเดียว ยิ่งกว่าแม่พูดมาตั้งนานอีก”

“ฮ่าๆ อ่าวหรอพ่อขอโทษๆ สวัสดีพบใช่มั้ยลูก หิวรึยังเราขอโทษนะพอดีพ่อติดโทรศัพท์กับลูกค้าเลยลงมาช้า เราคงรอทานข้าวจนหิวแล้วสินะ ป่ะไปทานข้าวกัน”


“วันนี้นอนที่นี่เนอะ มันก็มืดค่ำแล้วขับรถมืดค่ำแบบนี้ก็คงไม่ดีเท่าไรนอนนี่แหละลูก”

“ใช่นอนที่นี่แหละ นอนห้องเจ้าวีนั่นแหละแม่เข้าไปทำความสะอาดทุกอาทิตไม่ต้องกลัวจะมีฝุ่นจ๊ะ”

“พ่อว่าห้องสกปกน่าจะน่ากลัวน้อยกว่าเจ้าวีนะคุณ”

“พ่อ!”

“ฮ่า ฮ่า ตามสบายนะพ่อขอขึ้นไปนอนก่อนแล้วกัน”

“งันแม่ก็ไปด้วยดีกว่า จะขึ้นนอนกันก็ปิดไฟปิดประตูกันด้วยนะลูก แม่ไปแหละ ไปค่ะคุณ”

ผมได้แต่ยิ้มให้กับความน่ารักของครอบครัวที่ผมได้เห็นอยู่ตรงหน้านี้ แต่มันก็มีอยู่แว๊บนึงที่ผมคิดว่าถ้าคนบนฟ้าผมยังอยู่มันก็คงอบอุ่นไม่ต่างจากที่อยู่ตรงหน้าผม แต่ผมรู้สึกว่ามีรังสีที่แปลกประหลาดจนต้องหันไปมอง

“ยิ้มอะไร”

“ป่าว”

“หน้าตาดูไม่น่าไว้ใจเลยนะ”

ไอ้สายตากรุ้มกริ่มที่ส่งมานั้นมันไม่น่าไว้ใจเลยให้ตายสิ สุดท้ายก็ต้องพาตัวเองเข้ามาในห้องของวีอยู่ดีอย่างปฏิเสธไม่ได้

“เครื่องซักผ้าอยู่ไหนหรอ”

“อยู่ชั้นล่าง ทำไม”

“จะซักเสื้อผ้าไง ไม่ซักแล้วจะเอาอะไรใส่พรุ่งนี้เล่า”

“เสื้อผ้าผมไง ผมใส่เสื้อผ้าพบได้ พบก็ใส่เสื้อผ้าผมได้ ไม่ต้องกลัวผมรังเกียจนะ” เดี๋ยวนะมันใช่หรอ

“นิรังเกียจกูควรพูดป่ะไม่ใช่มึง แล้วอีกอย่างนะ เดียวนี้ไม่มีพี่ขึ้นก่อนชื่อเลยนะ”

“ก็บอกแล้วไงเป็นแฟนกันจะเรียกพี่ทำไมรึอยากเป็นพี่ อ่าวจะไปไหน”

“ยุ่ง” จะไปไหนก็เรื่องของกูอย่ามาถามมากได้ม่ะพูดไม่เข้าหู ไปนอนนอกห้องเราไป



“จะไปไหนอีกนี่กลับห้องได้แล้ว วีมันเหนื่อยแล้วนะ กลับไปนอนที่ห้องเถอะนะ นะ นะ” วันนี้เป็นวันหยุดของผม ผมเลยตามใจเด็กน้อยว่าอยากออกไปไหนผมจะไปด้วย วันนี้ทั้งวันผมสองคนเลยออกไปกินข้าว แล้วแวะเลยไปดูแกลเลอรี่สองที่ก็แทบจะหมดวันแล้ว แล้วมันก็เหนื่อยมา ผมเหนื่อยมาก ได้ยินมั้ยว่าผมเหนื่อยมาก ถ้าไม่ติดว่าผมอายนะมองอยากจะงองแงมันซะตรงนี้

“น่า”

“น่า อะไรเล่าจะกลับไปนอน กลับไปทำงานที่ค้างไว้ อยากกลับแล้ว”

“น่า” น่ามะเงกสิ สุดท้ายผมก็ยอมเดินตามคุณเค้าก็ผมบอกเองนิว่าวันนี้ผมจะตามใจ ก็เลยตามเลย ส่วนงานก็ค่อยทำพรุ่งนี้แล้วกันนะยังไงพรุ่งนี้ก็ยังเป็นวันหยุดอีกวัน คอยดูนะผมจะนอนเป็นผัก ผมจะนอนให้รากงอกใครก็ห้ามผมไม่ได้


“มาวัดทำไม”

“มาไหว้แม่กับพ่อ”

“พ่อ....แม่ใคร”

“พบไง”

“รู้ได้ไงว่า....อยู่ที่วัดนี้”

บ้าน่า....

มันบ้ามาก

มันบ้ามากจริงๆ

“นี่แฟนไง เป็นแฟนกันวีก็ต้องรู้เรื่องของคนที่เป็นแฟนเป็นธรรมดา เรื่องของพบผมรู้ทุกอย่างแหละ”

“....”

“เงียบทำไม ขอโทษถ้า....ถ้าทำให้รู้สึกวุ่นวายเรื่องส่วนตัวเกินไป”

“....”

“ขอโทษนะ งันเรากลับกันเถอะ”

“ป่าว ขอบคุณนะ....”

“....”

“ขอบคุณ....ที่ใส่ใจกันขนาดนี้”

“....” ผมเงยหน้าขึ้นมาเห็นว่าวีนั้นยิ้มให้ผมอยู่ เป็นยิ้มที่ผมอยากให้มันอยู่กับผมตลอดไปไม่อยากให้มันหายไปจากผมเหมือนคนอื่นๆที่ผ่านเข้ามา

:)

:)

“อย่ามายิ้มแบบนี้ ถ้าไม่ติดว่าที่นี่ไม่ใช่วัดนะพบ”

:)

“พอเลย ก็บอกว่าอย่ามายิ้มแบบนี้ ไปไหว้พ่อกับแม่แล้วพี่ของพบดีกว่า อยากไปฝากตัวเป็นลูกเขยจะแย่”

“ลูกเขยอะไรเล่า”

ตลอดทางที่เราสองคนเดินตามทางภายในวันที่จะนำไปสู่ที่อยู่ของคนที่ผมรัก พวกเราไม่ได้มีการจับมือใดๆ พวกเราทำแค่เดินข้างๆกันไปตลอดเส้นทาง แต่ผมกลับรู้สึกอุ่นใจและอบอุ่นที่มีคนที่เดินอยู่ข้างๆมาด้วยกันกับผม ผมไม่เคยมาที่นี่พร้อมใครคนใดเลยแม้แต่เพื่อนทั้งสองคนของผม ในทุกๆครั้งที่ผมมาที่นี่ผมมักจะเลือกมาคนเดียว ผมเลือกที่จะมาแสดงความอ่อนแอที่ผมเก็บมันไว้คนเดียว เพื่อมาระบายเรื่องราวต่างๆผมได้เจอทั้งเรื่องสุข ทั้งเรื่องเศร้าให้พวกเค้าฟัง

แต่ครั้งนี้มันต่างออกไป มันต่างออกไปจริงๆผมเต็มใจที่จะมาที่แห่งนี้พร้อมใครอีกคน

“ไม่ต้องห่วงนะครับ ผมจะดูแลลูกพ่อกับแม่ให้ดีที่สุดเท่าที่ผู้ชายคนคนนึงจะทำได้ ขอบคุณที่ทำให้เค้าได้เจอกับผม ผมจะรักษาหัวใจของพบตะวันเท่าที่ชีวิตผมจะทำได้”

“เกินไป”

“พบ”

“ว่า”

“รวีรักพบตะวันนะครับ”

“...มาพูดอะไรในนี้เล่า”

“ก็อยากให้ทุกคนในครอบครัวของพบได้ยินด้วยว่าผมจริงจังและจริงใจแค่ไหน ท่านจะได้สบายใจ ว่าผมจะดูแลลูกชายเค้าได้”

“พ่อแม่ ฟังไว้เลย ถ้าเด็กนี่ทำผมเสียใจ ช่วยมาเอาคืนแทนผมให้หนักเลยนะครับ ฮ่าๆ”

 ก็ตามที่เห็นครอบครัวของผมเสียไปหมดแล้วทุกคน ใช่ครับทุกคน พวกเค้าจากผมไปด้วยอุบัติเหตุทางรถยนต์ช่วงที่ผมเรียนผมมหาวิทยาลัย  ช่วงนั้นก็ตอบได้ชัดๆดังๆได้เลยว่าโคตรเหี้ย เรียนก็หนักครอบครัวก็มาจากไปโดยไม่มีคำล่ำลาใดๆกันก่อน แต่อย่าไปพูดถึงมันเลยเรื่องครับมันผ่านมานานแล้ว แต่ก็ต้องขอบคุณหลายๆคนที่ช่วยผมในวันนั้น แต่ที่ลืมไม่ได้คือไอ้ต้ากับมอสทั้งสองคนรวมทั้งคุณพ่อคุณแม่ของทั้งสองคนด้วยในช่วงนั้นดูแลผมตัวแทบติดกันยี่สิบสี่ชั่วโมง

จนมาถึงตอนนี้มันก็ผ่านมาหลายปีแล้ว เราจมอยู่กับช่วงเวลานั้นไม่ได้ เพราะชีวิตเราต้องเดินไปข้างหน้า เพราะผมคิดแบบนั้นผมเลยยังมีชีวิตอยู่ถึงตอนนี้

ผมไม่ได้รู้สึกว่าผมขาดใครไปเพราะทุกๆคนอยู่กับผมเสมอไม่ได้อยู่ข้างกายแต่อยู่ในใจและความทรงจำของผมเสมอไม่เคยจากไปไหน 

ทุกคนไม่ต้องห่วงผมนะ ตอนนี้มีคนที่รักผมและเป็นห่วงผมอยู่รอบตัวผมเลย ไม่ต้องห่วงว่าผมจะเหงานะ ผมไม่เหงาหรอก ไม่เชื่อถามลูกเขยของพ่อกับแม่สิ พี่ผมกินเด็กแหละ ฮ่าฮ่าฮ่า





* * * *








ออฟไลน์ DrSlump

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3382
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +104/-2
Re: only love♥แค่รัก ตอนที่ ๑๒ [61/11/21]
«ตอบ #33 เมื่อ21-11-2018 01:29:47 »

 :pig4: :pig4: :pig4:

ออฟไลน์ happy_chchang

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 24
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +7/-0
Re: only love♥แค่รัก ตอนที่ ๑๓ [61/12/20]
«ตอบ #34 เมื่อ20-12-2018 23:06:21 »

- ๑๓ -




แล้วเหตุการณ์ที่ผมไม่อยากจะให้เกิดขึ้น มันก็ได้เกิดขึ้นกับผมจนได้

“วี....ตื่นขึ้นมากินยาก่อน”

“งืออออ”

“งือก็ลุก ไม่ใช่งือแล้วนอนต่อ”

“....ไอ้วีรีบตื่นมาแดกยาให้ไว้ๆ กูจะไปทำงานสายแล้วเนีย” ไม้อ่อนก็แล้วไม่ยอมเชื่อ ก็ต้องเจอไม้แข็งแบบนี้แหละ ผมทั้งเป็นห่วงคนที่นอนป่วยอยู่บนเตียง ไหนจะห่วงงานเพราะใกล้เวลาที่นัดลูกค้าคุยงานที่ออฟฟิศอีก

“ไม่ไปไม่ได้หรอ”

“....ไวๆ” วีมันป่วยมาได้สองวันแล้ว แต่เมื่อคืนเหมือนจะหนักกว่าวันที่ผ่านมา เพราะเจ้าตัวนั้นตัวร้อนจนนอนไม่ได้ จะพาไปโรงพยาบาลก็ไม่ยอมไป เมื่อคืนก็ได้เช็ดตัวตลอดแทบทุกชั่วโมง จนเช้ามาไข้ลดลง

ไอ้อาการป่วยที่วีเป็นนั้นไม่ได้มาจากการไปตากฝนหรือตากแดดที่ไหน แต่เกิดจากการโหมงานหนัก ไม่หลับไม่นอนเพราะชอบดองงาน ไม่ถึงใกล้วันส่งงานก็ไม่เริ่มทำ บอกอารมณ์ไม่ได้บ้างล่ะไม่มาบ้างล่ะ คิดงานไม่ออกบ้างล่ะ เป็นไงสุดท้ายก็ป่วย ไม่สบาย แล้วนี่ไม่ใช่การป่วยครั้งแรก แต่แค่ครั้งนี้มันหนักกว่าทุกทีที่เป็น


ไม่ใช่ผมไม่เป็นห่วงแต่ผมก็มีงานที่ต้องทำ ผมว่าหลังจากหายป่วยในรอบนี้ผมว่าต้องมาคุยเรื่องการจัดการเวลาซะหน่อย ทำงานเอาแต่ใจแบบนี้ได้ตายไวแน่  ถ้าตายก่อนผม ผมจะด่าจนกว่าจะฟื้นกลับมาเลยคอยดู


“รีบไปไหนว่ะพบ เออแล้ววันนี้วีมันไม่มาหรอว่ะ กูเหงาอ่ะ”

“มันไม่สบาย”

“อ่อ แล้วมึงจะไปไหนไม่ไปกินข้าวกับพวกกูหรอ”

“ไม่ พวกมึงไปกินกันเลย เดี๋ยวกูกลับไปกูมันก่อน”

“เป็นหนักหรอว่ะ ถึงหาข้าวแดกเองไม่ได้”

“ลูกแหง่”

“ก็มึงมันสปอยล์มันเองห่า แล้วทำมาบ่น”


ผมก็ว่าผมไม่ได้ตามใจมันนะ รึว่าตามใจ แต่ถ้าไม่ตามใจคนที่อยู่ข้างๆเราแล้วจะไปตามใจใคร.....................เนอะ


“กินข้าวกินยารึยัง”

ผมมกลับเข้ามาในห้องได้ก็เจอกับก้อนผ้าที่เป็นก้อนอยู่บนโซฟา ก้อนกลมนั้นรับรู้ถึงมามาถึงของผมก็ค่อยๆขยับตัว แล้วค่อยๆโผล่ศีรษะออกมาสบตากับผู้มาเยือนแบบผม หลับอยู่แน่ๆเพราะดวงตาที่สบตากับผมอยู่นั้นแดงก่ำจนน่าสงสาร หรือไข้กลับมาดีแล้วนะ

“มากอดหน่อย”

“ตัวยังอุ่นๆอยู่เลย กินยาตามที่บอกรึป่าวทำไมตัวกลับร้อนกว่าเมื่อเข้าอีก”

“อืม....ไม่รู้แต่กินยากินข้าวแล้วนะ กินตามที่บอกเลย”

“....”

“จริงๆนะ”

“อืม....ดีแล้ว”

“เป็นห่วงละสิถึงรีบกลับมา”

“ก็ไม่ได้ห่วงเท่าไร แต่กลัวมีคนตายที่ห้องเลยต้องมาดูสักหน่อย” ดูทำหน้าเข้า คิดว่าน่ารักรึไงทำหน้าทำตาแบบนั้น ไอ้เด็กน้อง.....ของผม

“ฮึ แล้ววีกินข้าวมารึยัง”

“ยัง”

“งันนั่งรอก่อนเดี๋ยวไปทำให้”

“ไม่สบายอยู่ก็นอนไป เดี๋ยวทำกินเอง” แม่ะอยากจะทำอาหารขึ้นมาเลยนะ ป่วยอยู่ไม่ดูสภาพตัวเองเลย ทีตอนสบายดีบอกให้ทำอาหารให้หน่อยบอกขี้เกียจมันน่านัก



“ขอคำนึง”

“....” ผมได้แต่เหล่ตาไปมอง ไหนว่ากินแล้วไง ตอนที่ผมจะทำอไรทานเจ้าตัวบอกกินแล้วอิ่มแล้ว แล้วทีนี้มาบอกขอคำนึง

“นะคำนึง”






“กูไปแล้วนะ มีเรื่องอะไรก็เอาไว้คุยตอนกูกลับมาแล้วกัน”

“เออ กลับมาต้องท้องนะ กูอยากมีหลาย กูอยากเล่นกับหลาน”

“ตีนนิ ขอแต่ละเรื่อง” ห่าต้าทำอย่างกับกูท้องได้

“ถ้ากูคิดถึงเดี๋ยวโทรไปหานะรับโทรศัพท์กูด้วยไม่ใช่มัวทำลูกกันจนไม่สนใจโลกภายน้องนะมึง”

“ถ้าโทรมาก็รับถ้ามีสัญญาน แต่ถ้าโทรมาเรื่องงานเลิกคุย ลาหยุดคือหยุดไม่คุยเรื่องงาน”

“เออ เที่ยวให้สนุกแล้วกันที่ออฟฟิศกูดูแลให้”

“ฝากด้วยนะ”

“เออ/เออ”

“เฮ้ยพวกมึงพี่ไปก่อนนะเจอกันอาทิตย์หน้า”

“ครับ/ค่า”


การสั่งลาเมื่อกี้คือผมลาหยุดหนึ่งอาทิตเพื่อออกเที่ยว มันไม่ใช่ความคิดของผมที่จะหยุดงานเพื่อเที่ยวพักผ่อนหรอก เพราะการพักผ่อนของผมคือการนอน นอนเฉยๆ นอนโง่ๆ ใช้พลังงานให้น้อยที่สุด ใครว่าเที่ยวแล้วจะไม่เหนื่อย มันเหนื่อยมากเลยนะ เพราะเราต้องขยับเคลื่อนไหวตลอดเวลา ถึงกายจะเหนื่อยแต่จิตใจมันได้รับการเยียวยา ได้มองสิ่งต่างๆประสบการณ์ใหม่ๆที่มากว่ารถติดและตึกที่เห็นทุกๆวัน อีกคนที่ไปกับผมเค้าบอกมาแบบนั้น

ไอ้เราก็เออ ออ ไปเพราะขับไปก็เท่านั้น


เพราะทุกวันหยุดยาวผมเลือกที่จะนอนอยู่ที่ห้อง จนวีมันว่าผมยิ่งแก่ยิ่งขี้เกียจขยับตัว


ส่วนเรื่องไปเที่ยวตัวตั้งตัวตีเก็บของอยู่ที่ห้องนู้น เด็กนั่นให้เหตุผมว่าตลอดสองปีเราสองคนไม่ได้ไปเที่ยวต่างจังหวัดกันสองคนเลย พอวันหยุดยาวผมก็ไม่ไปไหนด้วยเพราะผมไม่ชอบคนเยอะ แล้วสองปีที่ผ่านมาต่างคนก็ต่างทำงานเยอะมีเวลาส่วนตัวก็แค่หลังเลิกงาน

ทำให้เมื่อสองเดือนที่แล้ว  เด็กนั่นมาบอกว่าอีกสองเดือนไปเที่ยวกัน เตรียมเคลียงานแล้วลาหยุดไว้ด้วยอาทิตย์นึง

เลยทำให้สองเดือนที่ผ่านมาของผมทำงานหนักขึ้นเพื่อให้งานเสร็จก่อนกำหนดจะได้ไม่กระทบหลังจากที่ผมกลับมา ใครบอกผมชอบตามใจผมแค่ไม่อยากที่จะขัดเฉยๆ

ตลอดสองเดือนที่ผ่านมาทำให้ผมได้กลับไปมองตัวเอง ได้คิดว่าที่ผ่านมาเราแทบไม่ได้ไปไหนด้วยกันที่ไกลๆเลย ผมแค่คิดว่าที่ผ่านมาทุกวันมันก็ดีมากแล้ว ผมลืมคิดถึงอีกคนไปว่าเค้าอาจไม่ได้คิดเหมือนกัน เค้าอาจจะอยากได้มากกว่าที่เป็นอยู่ บางที่ผมอาจทำตัวละเลยไปบ้าง แต่เด็กนั่นก็ไม่เคยทิ้ง ไม่เคยหายไป ไม่เคยทิ้งผมไว้ข้างหลังเลย

ถึงจะบ่นให้ฟังบ่อยๆก็เถอะ



ปัง!


“กลับมาแล้วหรอ”

“อืม พรุ่งนี้ออกกันกี่โมง”

“ยังไม่ไปไปวันรืน”

“ทำไม”

“ก็ให้พบได้นอนก่อนไง”

“....”

“วีรู้นะว่าสองสามวันนี้พบไม่ค่อยได้นอน วันนี้ก็เลยอยากให้ได้นอนให้เต็มที่ ตื่นสายๆได้เลย นอนไม่เต็มอิ่มเดียวงองแง”

“งองแงอะไรเล่า” ก็เป็นซะแบบนี้แล้วจะให้ผมขัดอะไรเด็กนั่นได้

“พบง่วงแล้วก็ไปนอน อดนอนจนใต้ตาดำหมดแล้วไหนจะตีนกาเพิ่มมาอีกดูสิ แล้วซีรี่ก็ไม่ต้องดูอาบน้ำนอนเลย รึจะกินข้าวก่อนหรือจะไม่กิน”

“กินกินมาแล้ว แต่ขอดูให้จบตอนก่อนแล้วค่อยนอนนะ”

“....”

“ก็มันค้างคา” เด็กนั่นไม่ได้สนใจที่ผมบอกใดๆ เดินไปปิดทีวีแล้วกลับมายืนเท้าเอวมองหน้าผม

“.....”

“....”

“แบกไปหน่อย” พี่ไม่ไหวแล้ว พอปิดทีวีพี่ก็หมดแรง อย่าหวังว่าไอ้เด็กนั่นมันจะอุ้มผมเหมือนผมเป็นสาวน้อยหรอกนะ ถึงจะอุ้มไหวแต่ก็คงไม่น่าจะถึงห้อง ผมก็ไม่ได้ตัวเล็กๆตัวน้อย เราสองคนตัวก็พอๆกันเด็กนั่นอาจจะตัวหนากว่าหน่อย แต่ก็นิดเดียวเพราะแค่มันไหล่กว้างกว่าแค่นั้น วีมันลากผมขึ้นหลังแบกผมเข้ามายังในห้องนอน เอาหัวหนุนหมอนห่มผ้า พร้อมกับจูบเบาที่หน้าผากก่อนผละห่างออกไป

“ขอบคุณนะ” ขอบคุณที่ดูแลเสมอมา




“วีปวดฉี่ ใกล้ถึงปั้มยัง”

“ไม่แน่ใจเหมือนกัน ไหวรึป่าวรึจาเข้าทางก่อน”

“ไม่เอา อั้นได้อยู่”


เหมือนผมยังมีแต้มบุญเหลืออยู่ ขับมาได้ไม่ถึงห้ากิโลก็มีปั๊มพอดี พอเลี้ยวเข้าปั๊มน้ำมันวีก็เลี้ยวเข้าช่องเติมน้ำมัน แต่ผมไม่ไหวแล้ว

“ไปก่อนนะไม่ไหวแล้ว เจอกันหน้าเซเว่นนะ ไปแล้ว” ผมไม่สนใจว่าวีจะตอบอะไร พูดจบผมก็เปิดประตูลงแทบจะวิ่งสี่คูณร้อยเข้าห้องน้ำ พอได้ปลอดปล่อยสิ่งที่ทนอดกลั้นมานาน ก็รู้สึกโล่ง เหมือนรอดตาย แล้วได้โลกใบใหม่ ฮ่าๆ



อุ๊ย!

“ขอโทษครับ” พอดีผมเข้าห้องน้ำแล้วเปิดประตูออกมาเจอกับคนที่กลังเดินผ่านห้องผมพอดีเลยทำให้ต่างคนต่างตกใจ  แต่ก็ไม่ได้อะไรนอกจากยิ้มให้กัน จนผมเดินไปที่อ่างล้างมือ ผู้ชายคนนั้นก็ยืนล้างมืออยู่


“ผมจะไปเซเว่นน่ะ”

“อ่อครับ”

“ไปเซเว่นเหมือนกันหรอครับถึงเดินมาทางนี้”

“ครับ”






รวี


เช้าวันนี้ผมออกมาจากห้องตั้งแต่เช้า หลังจากให้พบเค้าได้พัก นอนเติมพลังหลังจากโหมงานหนัก พบมักจะชอบบ่นว่าผมทำงานหนัก ทั้งๆที่ตัวเองก็ทำงานหนักไม่แพ้กัน เลยทำให้ผมคิดได้เลยคิดจัดการแบ่งเวลาที่จะดูแลพบ ให้มากขึ้น ในตอนแรกที่คิดจะทำผมคิดว่ามันจะเหนื่อยเพิ่มขึ้นรึป่าวนะ แต่พอได้ลองทำได้ลองดูแล มันไม่ได้เหนื่อยขนาดนั้น แต่มันกลับสุขใจมากกว่าที่ได้ดูแลคนที่เรารัก ได้เห็นเค้ามีความสุข


ตลอดสองปีที่คบกันมา ไม่ใช่เราไม่เคยทะเลาะกัน ไอ้เรื่องทะเลาะกันมันก็มี แต่ไม่ได้ใหญ่โต มันแค่กินข้าวกันหนึ่งมื้อหรือหลับหนึ่งตื่นขึ้นมาก็หาย งอนกันเหมือนก่อนหน้านี้ไม่ได้มีเรื่องมึนตึงกันมา

แต่จะว่าไปผมก็มีน้อยใจบ้างเหมือนกันนะ เกือบในทุกครั้งที่มีวันหยุดยาวๆ ผมยากออกไปเที่ยวกับสองคนกับเค้าบ้าง แต่พบกลับเลือกที่จะนอนอยู่ที่ห้องมากกว่า พบมักจะบอกกว่าไม่ชอบคนเยอะ ผมก็ทำได้แค่ทำความเข้าใจ แล้วบอกกับตัวเองว่าอย่างน้อยเราก็ใช้เวลาด้วยกันสองคนในห้อง ห้องนี้


แต่มันก็ถึงจุดที่ผมว่าเราสองคนต้องไปสร้างความทรงจำในที่อื่นๆบ้างแล้ว  ที่จริงเรื่องที่ไปเที่ยวผมก็กึ่งมัดมือชกพบเค้า เพราะผมเป็นห่วง เพราผมเห็นว่าเค้านั้นทำงานหนักอยากให้ไปผ่อนคลายให้ธรรมชาติบำบัดเค้าบาง



“วีปวดฉี่ ใกล้ถึงปั้มยัง”

“ไม่แน่ใจเหมือนกัน ไหวรึป่าวรึจาเข้าทางก่อน”

“ไม่เอา อั้นได้อยู่” ได้จริงหรอผมเห็นว่าขนลุกหมดแล้ว ไม่เอาอย่ามาฉี่ในรถนะพบ ถ้าฉี่จะให้ล้างรถเองจนกว่ากลิ่นมันจะหายเลย


จนขับมาได้ไม่นานก็มาเจอปั้มเหมือนพบจะดีใจกว่าตอนผมขอเป็นแฟนซะอีก


 “ไปก่อนนะไม่ไหวแล้ว เจอกันหน้าเซเว่นนะ ไปแล้ว”

คงจะไม่ไหวแล้วจริงๆ เพราะพอผมจอดรถเพื่อเติมน้ำมัน พบหันมาสั่งผมให้ไปรอที่หน้าเซเว่นเสร็จ ก็วิ่งออกจากรถไปเลย โชคดีที่รถไม่เยอะเลยทำให้ได้ที่จอหน้าเซเว่นพอดีไม่ต้องไปจอดไกลแน่ ผมลงรถมารอพบที่หน้าเซเว่นตามที่นัดกันไว้ ผมรอที่จะเข้าไปซื้อขนมทานเล่นระหว่างขับรถพร้อมกัน ไม่นานผมก็เห็นพบเดินมา แต่ ไม่ได้เดินมาคนเดียว ใคร ทำไมผมไม่รู้จัก ผมเลยจ้องมองสองคนนั้นไม่วางตา จนกว่าพบจะเห็นผม และไม่นานเหมือนพบก็จะเห็นผมแล้วเหมือนกันเพราะพบรีบเดินมาแล้วมาเกาะแขนผมในทันทีที่ถึงตัวผม


แล้วพบก็ลากผมเข้ามาในเซเว่นทันที ผมหันไปมองไปนอกร้านก็ยังไอ้หมอนั่นมองตามพบอยู่ดี


“ใคร”

“ไม่รู้ เจอในห้องน้ำแล้วพอดีค้าก็จะมาเซเว่นเหมือนกัน เอาไส้กรอกหรือโบโลน่าดี วีมึงอยากกินอะไร”

“โบโลน่าพริก” เปลี่ยนเรื่องเก่ง

“แต่กูอยากกินไส้กรอกอ่ะ”

“งันก็เอามาทั้งสอง”


พอกลับมาถึงรถกำลังจะเข้ารถผมก็ดันหันไปเห็นว่าไอ้บ้านั่นกำลังโบกมือมาทางพวกผม

“พบรีบเข้ารถร้อน”

“เออๆไอ้คุณชาย” ฮึอย่าหวังว่าจะสมหวัง ไอ้หน้าปลาไหลมาทางไหนกลับไปทางนั้น





* * * *



ออฟไลน์ DrSlump

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3382
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +104/-2
Re: only love♥แค่รัก ตอนที่ ๑๓ [61/1/20]
«ตอบ #35 เมื่อ20-12-2018 23:24:03 »

 :pig4: :pig4: :pig4:

แหม่...พี่พบเสน่ห์แรงนะนั่น

ป.ล.  วาร์ปมาไกลเลย ตั้งสองปีแหนะ  หุหุ

ออฟไลน์ Kelvin Degree

  • ถ้าวันนั้นเลือกที่จะเดินออกไป คงไม่เจ็บมาจนถึงทุกวันนี้...
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1700
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +57/-2
Re: only love♥แค่รัก ตอนที่ ๑๓ [61/1/20]
«ตอบ #36 เมื่อ24-12-2018 00:29:12 »

หึหึ สร้างความทรงจำที่ดีที่อื่นแล้วๆๆ

ออฟไลน์ Cyclopbee

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 174
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +8/-0
Re: only love♥แค่รัก ตอนที่ ๑๓ [61/1/20]
«ตอบ #37 เมื่อ24-12-2018 19:18:48 »

 :pig4: :3123:

ออฟไลน์ happy_chchang

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 24
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +7/-0
Re: only love♥แค่รัก ตอนที่ ๑๔ [62/02/09]
«ตอบ #38 เมื่อ09-02-2019 00:46:24 »

- ๑ ๔ –




รวี


สวัสดีครับท่านผู้ชมขอต้อนรับสู่ Island
ในดินแดนที่เรียกที่นี่ว่าเกาะช้าง

ใช่ครับ ตอนนี้ผมอยู่ที่ที่มีชื่อเรียกนามว่าเกาะช้าง และแถมที่พักของผมมีชื่อความหมายเดียวกับชื่อเกาะแห่งนี้อีกด้วย แต่ด้วยความที่ผมขับรถพาลูกทัวร์อย่างพบมาด้วย วันนี้ผมนั้นทั้งพาเค้านั่งรถลงเรือ กว่าจะมาถึงที่เกาะแห่งนี้ก็เล่นเอาบ่ายแก่ๆ จนแก่อีกนิดเรียกกว่ามืดค่ำก็ได้

ผมเคยมาที่นี่กับครอบครัวครั้งนึงแล้วและรู้สึกประทับใจที่แห่งนี้เป็นอย่างมากก็เลย ผมก็เลยอยากจะพาคนสำคัญของผมมาเที่ยวด้วย และผมก็คิดว่าพบก็น่าจะประทับใจมากๆแน่นอน

ห้องที่เราพักก็ไม่หรูหราหมาเห่าอะไร ก็แค่ห้องพักธรรมดา ที่สสะอาดและสะดวกสบายเป็นอย่างมาก ด้วยไอ้เราก็มนุษย์เงินเดือนคนนึง ไม่ได้มีเงินถุงเงินถังอะไร ผมรู้ว่าพบต้องคิดว่า แค่มากกันกับผมสองคน เค้าก็ต้องคิดว่ามันพิเศษมากมายอยู่แล้ว แต่ก็นะ ผมก็อยากให้เค้าสบายเลยเลือกที่พักเป็นโรงแรม แทนที่จะเป็นเกสเฮ้าส์ ถ้าไม่พูดเอาหล่อก็คือผมอยากอยู่กับพบสองคนจบนะ แต่ตอนเนีย....

ที่น่าสงสัยในตอนนี้คือพบ.....
 
เพราะตั้งแต่เดินเข้าห้องมาผมก็เห็นพบนั้นเห็นเดินสำรวจนู้นนี้นั่นในห้องนี้ไปทั่วทุกมุม จนสุดท้ายก็จบที่นั่งมองออกไปทางหน้าต่างอยู่นานสองนาน ก็ไม่เห็นจะละสายตากลับออกมาจากหน้าต่างนั้นเลย ผมว่ามันผิดปกติแล้ว มันต้องมีอะไรแน่ๆ แล้วตอนนี้ผมก็รู้สึกตะหงิดๆ และกำลังจะหัวร้อน ผมบอกเลยว่าหัวผมเริ่มร้อนขึ้นเรื่อยๆ เราอยู่กันสองคนแต่ทำไมถึงไม่สนใจผมละ ต้องสนใจผมสิ

"พบมองอะไรอยู่ แถวนั้นมีอะไรน่าสนใจ"

"อยาก......เดอร์...."

ฮ่ะ! อะไรนะพูดไรงึมงำอยู่คนเดียว ตกลงเมื่อกี้พบได้ตอบผมรึป่าวว่ะ หรือคุยกับตัวเอง ไม่ได้การแล้ววิวห้องผมคือมองออกไปจะเห็นสระน้ำของโรงแรม แล้วยิ่งวิวห้องของผมมองออกไปเเล้วเจอสระว่ายน้ำด้วย หรือว่าพบกำลังส่องสาวหมวย สาวฝรั่ง สาวแขก หรือสาวไทย....ที่....ไหว้น้ำอยู่ล่ะ.....ไม่ได้นะ มองได้แต่ แต่แต่แค่อย่าสนใจมากมายขนาดนี้สิ ถ้าอยากมองคนเล่นน้ำก็บอกสิ จะเล่นโชว์ให้พบมองซ้ายแลขวาจะยอดําผุดดําว่ายจนตัวเปื่อยเลย....ก็ยอม

"พบมองอะไร”

“นั่นไง”

“ไหน....มะ....ไม่เห็นมีใครเค้าว่ายน้ำเลย" ก็แน่สิตอนนี้มันเลยเวลาที่เค้าเปิดสระน้ำแล้วนี่

"นั่นไง"

นั่นไง นั่นไง อะไรพบผมไม่เห็นมีใครเลย หรอว่า....ละหรอว่าพบเห็นอะไรในสิ่งที่ผมมองไม่เห็นกันนะ

เฮ้ย !

อย่านะ ผมไม่ได้กลัวหรอกนะ แต่....แต่ก็ไม่ได้อยากเจอ

"สไลเดอร์สีขาวนั่นไง"

"อ่อแล้วมันทำไม" อ่อ อ่อ อ่อ อ่อ โล่งออกไปหนึ่งเรื่องไม่ใช่เรื่องลี้ลับที่มองไม่เห็น ผมก็สบายใจแล้ว ไม่ได้กลัวนะแค่ไม่อยากเจอ

"อยากเล่น"

ฮ่ะ นั่นมันของเด็กไม่ใช่รึไง ป้ายก็ติดอยู่โทนโท่

"พบนั่นมันของเด็ก"

"ไม่เป็นไรหรอกน่า ใหญ่ขนาดนั้นรับน้ำหนักเราไหวน่า....เชื่อสิ"

โอ้ย ผมละปวดหัว ใครมาบอกว่าเล่นได้ เค้าก็บอกอยู่แถมยังเขียนอยู่ว่าสำหรับเด็กเท่านั้น

ย่ำหนึ่ง

ย่ำสอง

ย่ำสามว่า....ของเด็ก

"พบไปเล่นบนเตียงก็ได้ผมมีม้าโยกนะ พร้อมให้พบเล่นทั้งคืนเลยนะ" ทึกทนต่อแรงกระทก พร้อมพาให้คุณนั้นหรรษา

"หยุด!! เก็บสายตาหื่นกามไปเดี๋ยวนี้เลยนะไอ้หื่น!!"

"ฮ่าๆ โอเค โอเค งันไปหาอะไรกินกันดีกว่าหิวแล้ว"

"อืม"

ต่อให้ปากจะตอบ อืม แต่สายตาก็ยังไม่ละไปจากสไลเดอร์สีขาวสำหรับเด็กนั่นอยู่ดี อะไรจะอยากเล่นขนาดนั้นกัน

“ไปเร็วผมหิวแล้วจริงๆนะ ถ้าอยากเล่นเดี๋ยวคราวหน้าผมพาไปเล่นที่สวนน้ำที่ไหนสักที่แล้วกันนะ แต่ตอนนี้เราไปหาอะไรกินกันเถอะ....นะ....นะครับ”





พบตะวัน



เช้านี้ช่างหนาวซะเหลือเกินนี่ผมอยู่ที่ไหนประเทศไทยหรือขั้วโลกเหนือกันนะ หรือว่าผมเป็นหมีขาวไม่ใช่มนุษย์กัน

อือ....หนาว หนาวจนปวดฉี่ไปหมดแล้ว ปวดจนทนนอนต่อไม่ไหวจะต้องยอมออกจากผ้าห่มแล้วฝ่าอากาศเยือกเย็นในห้องนี้ไปทำภาระกิจในห้องน้ำ หลังจากเสร็จธุระปล่อยน้ำออกจากตัวผมว่าผมต้องไปดูสักหน่อยแล้วไอ้ต้นตอความเหน็บหนาวของเช้านี้มันคืออะไร

16....องศา

โอ....โอ้....ใครมันปรับไปหนาวขนาดนั้นว่ะ ทั้งห้องนี้มีกันอยู่แค่สองชีวิตและมันก็ต้องไม่ใช่ผมแล้วหนึ่งและมันยังเหลืออีกหนึ่งคน ไอ้หมาวี นี่มึงกะแช่แข็งกันเลยรึไง ดีนะที่นี่ยังเป็นที่โรงแรมถ้าเป็นที่ห้องผมผมจะเก็บค่าไฟไอ้หมาวีคูณสองจากมันเลยคอยดู นอนหนาวขนาดนี้ถ้าเกินนอนดิ้นออกจากผ้าห่มขึ้นมาได้ป่วยกันแน่ๆ แล้ววีมันยิ่งนอนดิ้นๆอยู่ได้ป่วยกันพอดี อย่าให้ได้พูดถึงการนอนดิ้นของวีมันวีระกรรมเยอะเหลือหลายมากมาย ถึงมันจะไม่ได้ดิ้นเยอะดิ้นหนักทุกวันแต่การนอนด้วยกันแทบทุกคืนมันทำให้ผมเจ็บมาเยอะ แล้วยิ่งวันนี้เราสองคนมีแพลนจะไปดำน้ำด้วย

"วีตื่นเร็วรีบตื่นไปกินอาหารเช้ากันเดี๋ยวไม่ทันรถมารับนะ" อาหารเช้าสำคัญนะเพราะวันนี้เราต้องใช้พลังงานเยอะมากจากการที่ผมนั้นเคยดำน้ำมาก่อนหน้านี่แล้ว ท้องอิ่มดีกว่าหิวโหยนะ

"อืม"

"รถมาเก้าโมงนะนี้แปดแล้วเร็ว" เรียกก็แล้วพยายามดึงออกจากที่นอนก็แล้วก็ยังได้คำตอยเดิมว่า

"อืม"

"อืมไม่ต้องไปอยู่มันนี่แหละ"

อืมๆอยู่นั้นแหละ ไม่คอยแล้วตื่นก็ตามมาเองเเล้วกัน ว่าจะไม่หัวร้อนแล้วนะ ถ้าไม่ทันก็ไม่ต้องไปเดี๋ยวไปคนเดียวก็ได้ ถึงจะหงุดหงิดก็ตามแต่ผมก็ยังไปปรับแอร์ให้อุณหภูมิสูงขึ้นถึงจะมีเรื่องให้หงุดหงิดแต่เช้าแต่ก็เป็นห่วงจะแข็งตายไปซะก่อนผมไม่อยากจะหาแฟนใหม่นะ

ห้องอาหารที่นี่ก็จะอยู่ไกลจากที่ผมพักนิดหน่อยต้องเดินข้ามถนนไปอีกฝัง จะมีอะไรให้กินมั้ยน่า....ไม่สิมันต้องมีแต่จะอร่อยถูกปากมั้ยนะ


ห้องอาหารของที่นี่นั้นอยู่ติดริมทะเลส่วนเรื่องรสชาติก็จัดว่ากลางแต่มีให้เลือกหลากหลายแล้วแต่ชอบแต่บรรยายกาศริมทะเลในตอนเช้าๆก็ดีไม่หยอก มีแต่ฝรั่งเต็มไปหมดเลยหาคนไทยไม่เจอ ไม่เหมือนอยู่ในประเทศตัวเองเลย

ในขณะที่ผมกำลังดื่มด่ำกับอาหารพร้อมเสียงคลื่นซัดสาดในตอนเข้าก็มีเด็กหน้ามุ่ยมานั่งจองหน้าผมไม่วางตา ชอบละสิถึงมองไม่ว่างตาเลย ยังไงซิ

"ทำไมไม่คอย"

"ไปตักอาหารมากินไป ใกล้ได้เวลารถมารับแล้ว"

ยังอีก ยังมานั่งจ้องหน้ากันอีก ไปตักอาหารมากินได้แล้ว

"เร็วสิไหนบอกจะพามาเที่ยวด้วยกันสองคนไง ทำไมยังมาทำหน้าเป็นตูดแบบนี้อีก....ไปสิ"

"ครับ ครับ ครับ"

กว่าวีมันจะกินอิ่มก็ได้เวลารถมาพอดี ดีหน่อยที่เราสองคนเปลี่ยนเสื้อพร้อมแล้ว ของก็พกมาพร้อมเหมือนกัน แค่เดินกลับมานั่งรอที่รอบบี้โรงแรม โซฟายังไม่หายเย็นจากแอร์รถที่จะมารับก็มาทันทีตรงเวลาสุดๆ

แต่ความสุดไม่ได้หยุดอยู่แค่นั้นรถที่เค้าใช้มารับคือรถกระบะที่มีหลังคานั่งได้ประมาณแปดคนแล้วเค้ามารับพวกผมเป็นสองคนสุดท้าย ทำให้พวกผมสองคนหน้าหลังสุด และที่สุดคือเล่นทางที่ไปยังท่าเรือนั่นด้วยความว่าที่นี่เป็นเกาะ เส้นทางเลยไม่ได้ตรงเป็นเส้นก๋วยเตี๋ยวแต่เหมือนยกถนนเส้นที่มุ่นหน้าสู่ปายมาไว้ที่เกาะแห่งนี้

ไอ้เราก็ไม่อะไรหรอกเพราะผมไม่ใช่คนเมารถเมาเรืออะไรแต่ก็มักจะเมาน้ำน้ำที่สีเหลืองๆส้มๆน้ำตาลๆซะมากกว่า แถมตลอดทางมีทั้งต้นไม้ใหญ่เล็กให้มองให้สนใจแถมยังมีลิงให้มองหาตามข้างทางอีกด้วย แต่ผมรู้สึกว่าคนที่นั่งข้างๆผมนั้นไม่ค่อยจอยกับผมเท่าไรเพราะวีมันเริ่มเอามือมาจับมือผมไปจับไว้ไม่ปล่อย สักพักก็เอาศรีษะมาพิงที่ไหลของผม ผมว่าอาการมันไมม่โอเคแล้ว

"เป็นอะไร"

"เหมือนจะเมารถเลย"

ผมว่าไม่เหมือนจะเเล้วล่ะ ผมเห็นท่าไม่ดีเลยต้องดึงวีมาซบที่อกให้หลับตาพยายามไม่มองขางทางอีกแขนก็ต้องโอบกันตกไว้เพราะพี่คนขับเค้าคงกำลังสนุกกับการขับขี่ของพี่เค้าเพราะพี่เค้าเล่นใส่เต็มทุกโค้งเลย ส่วนในคนที่เหลือในรถเค้าก็ไม่ได้สนใจผมสองคนเท่าไรเพราะเค้าก็พยายามตั้งหน้าตั้งตาพยายามหาที่เกาะของตัวเองกันอยู่ แถมเป็นชาวต่างชาติด้วยเค้าก็ไม่ค่อยสนใจเรื่องแบบนี้เท่าไรอยู่แล้ว

สุดท้ายรถก็มาจอดที่ท่ารถได้อย่างปลอดภัยพร้อมทั้งวีที่ไปขย้อนสิ่งที่กินเมื่อเช้าทั้งหมดออกมาอย่างน่าสงสาร ไม่ต้องเสียใจไปนะ มีคนที่นั่งมาด้วยกันอาเจียนเป็นเพื่อนอีกสองคนสบายใจได้ ไม่ต้องอายไปนะ

"ไหวป่าว....ปวดหัวมั้ย"

"อืม"

"งันรอนี่ก่อนเดียวไปซื้อยาซื้อน้ำมาให้"

น่าสงสารจริงๆเด็กน้อยของผมนอกจากซื้อยาซื้อน้ำแล้วผมก็เลยซื้อขนมติดไปด้วย เด็กน้อยน่าสงสารของผมก็ยังนั่งข้างถังขยะเพื่อนรักของเค้าอยู่เหมือนเดิม

"ไหวมั้ยวี ถ้าไม่ไหวกลับไปนอนพักที่โรงแรมกัน"

"ไม่เอา ตั้งใจพามาแล้ว"

"โอเคงันล้างหน้าล้างตาแล้วกินยาก่อน"
และดูเหมือนยาจะออกฤทธิ์ดีรึวีนั้นไม่ได้เมาคลื่นทะเลก็ไม่รู้เพราะดูไม่ได้มีอาการเวียนหัวเหมือนตอนที่นั่งรถมา ในคณะที่เรือกำลังออกก็มีลูกเรือออกมาพูดถึงทริปดำน้ำของเราในครั้งนี้ว่าเราจะไปกันทั้งหมด 4 เกาะ พร้อมทั้งย่ำเรื่องความปรอดภัยและสิ่งที่ต้องระวังทั้งอยู่บนเรือและตอนอยู่ในท้องทะเล 

เราต้องนั่งเรือออกมาจากเกาะประมาณหนึ่งชั่วโมงเราก็มาถึงเกาะแรกที่จะลงไปดำน้ำกันแล้ว น้ำใสมาก

“ไหวมั้ยวี” ดูจากหน้าตาที่สดใสเหมือนไม่เคยผ่านการเป็นเพื่อนกับถังขยะมาก่อน เห็นหน้าตาสดใสแบบนี้ก็สบายใจหน่อย

“ไหวสิ ป่ะลงไปกันเถอะ”

“อืม”

สิ่งแรกที่รู้สึกคือน้ำเย็นมาก ฮ่าๆ แม้วันนี้คลื่นอาจจะแรกไปสักนิดแต่ก็ยังไหว้ไหวอยู่ ไม่น่าเชื่อว่าทะเลอ่าวไทยนั้นก็สวยไม่แพ้ทะเลฝั่งอันดามันเลย มีทั้งปลาน้อยใหญ่หลากสี แถมยังมีประการังสีม่วงสีน้ำเงินที่เรามักไม่ค่อยได้เห็นมันสวยมากจริงๆ แต่ในความสวยงงามนั้นยังมีสิ่งที่อันตรายนั้นคือหอยเม่น ซึ่งเยอะมากๆฮ่าๆ แล้วไหนจะต้องระวังไม่ให้คลื่นซัดไปกระแทกกับโขดหินที่แหลมคมแต่ก็ถือว่าคุ้มกับความสวยงานที่ได้มา

แต่ละเกาะก็มีความสวยและปะการังที่ต่างกัน เลยทำให้รู้สึกตื่นเต้นทุกครั้งที่ไปจอดที่เกาะใหม่เพราะจะลุ้นว่าเกาะนี้จะเป็นยังไงนะจะเจอปลาแบบไหนบ้าง นี่แหละนะคือเสน่ห์ของท้องทะเล


ตอนนี้เรามากินอาหารเย็นในร้านแห่งนึงในเกาะนี้วิวที่ได้มองเห็นวิวทำเลแต่เป็นทำแลปากแม่น้ำที่น้ำจืดจากในเกาะไหลลงสู่พื้นท้องทะเลแห่งนี้

“ดูVanilla Skyนั้นสิ”

“ดูหนังมากไปป่ะ”

“โถ่ ช่วยอินหน่อยสิ”

“อ่ะๆ เอาใหม่”

“พบดูVanilla Skyนั้นสิ”

“จีบได้แฟนตายแล้ว”

“เฮ้ย!! ไม่ใช่แบบนี้ดิโถ่”

“ก็เคยดูแต่โฆษณานี่นิ”

“ช่วยมีอารมณ์โรแมนติกให้กันหน่อยสิคุณพบ”

“แค่อยู่ด้วยกันสองคนในทุกๆวันเราจนถึงตอนนี้ยังไม่โรแมนติกอีกหรอ” เงียบเลยผมไม่รู่ว่าคนที่นั่งตรงข้ามผมนั้นหน้าแดงเพราะแสงอาทิตในยามเย็นหรือเขินกับสิ่งที่ผมได้พูดมันออกไป แต่ผมว่าผมน่าจะเดาได้ไม่อยากกับได้เด็กขี้เขินตรงหน้าผม

อาหารเย็นของพวกเรานั้นเต็มโตจนคิดว่ากินกันแค่สองคนจะหมดหรือไม่ถ้าเหลือก็เสียดาย อาหารก็หน้าตาดีแถ่ร่อยเหมือนหน้าตาไหนจะยังบรรยายกาศดีๆริมทะเลที่ผมสายลมพัดผ่านไปเอื่อยๆให้เย็นสบาย

“พบไม่มีไอ้น้ำเขียวๆ เอาน้ำฝรั่งไปแทนก็ได้เนอะ”

“อืม....ขอบคุณ”

“อร่อยมั้ย”

“อร่อยดี แต่สั่งมาเยอะเกินไปป่าวว่ะ”

“อร่อยก็กินไปเถอะ กินไปเยอะๆ แต่เอาแค่ที่ไหวนะอย่ายัดเกินเดี๋ยวจะปวดท้องเอา”

“ครับ ครับ ทราบแล้วครับ”

“เออเดี๋ยวกินอาหารอิ่มแล้วค่อยไปนั่งดูหิ่งห้อยกัน”

ใช่ครับคุณฟังไม่ผิดเรามันโปรแกรมที่จะไปต่อหลังจากกินอาหารอิ่มคือการไปร่องเรือชมหิ่งห้อย ใช่ครับเรามาดูหิ่งห้อยบ่นเกาะช้างกัน ผมก็พึ่งรู้เหมือนกันว่าบนเกาะแห่งนี้มีหิ่งห้อยให้ชม เป็นบริการของทางร้านอาหราเค้า แต่วีบอกว่าต้องแจ้งกับที่ร้านก่อนว่าจะต้องการไปชมหิ่งห้อยเพราเค้าจำกัดคนที่จะขึ้นเรือในแต่ระรอบ มันก็ดูน่าตื่นเต้นดีใครจะไปคิดว่าจะได้ชมหิ่งห้อยบนเกาะแบบนี้ ผมก็นึกว่าอยากจะดูหิ่งห้องก็ต้องไปที่อัมพวา

“ป่ะ อิ่มยัง”

“อิ่มแล้วอิ่มมากด้วย”

หลังจากกินอาหารกันจนอิ่มหนำกันวีก็ไปแจ้งกับพนักงานว่าพร้อมแล้ว ก็เดินไปยังท่าน้ำของทางร้านเพื่อไปลงเรือ ดูจากขนาดเรือแล้วนั่งได้ประมาณ 10 ชีวิต แล้วเรือรอบที่ผมนั่งนั้นมีกันแค่หกคน มีผมสองคนแล้วที่เหลือเป็นชาวต่างชาติ

หลังจับจองพื้นที่บนเรือเสร็จก็มีคนขับเรือพาเรือที่พวกเรานั่งนั้นแล่นสอนทางน้ำเข้าไปในป่าโกงกาง ค่อยๆห่างจากชุมชนขึ้นเรื่อยๆพร้อมกับแสงสว่างที่ค่อยๆจางหายไปแทนที่ด้วยความมืด แต่ก็ไม่ได้มือจนมืออะไรไม่เห็นเพราะยังมีแสงจันที่ค่อยช่วยน้ำทาง บรรยายกาศรอบๆตัวเงียบงันได้ยิ่งแต่เสียงเครื่องยนต์

“พบๆ”

“ฮือ”

“กลัวมั้ย”

“ไม่”

“ฮู้เก่งจังเลย”

“นั่งเงียบๆไปเลย” ผมไม่รู้ว่าทำไมวีถึงถามผมแบบนั้นว่ากลัวมั้ยแต่ผมเข้าใจแล้วจากที่ผมสั่งให้นั่งเงียบๆเค้าก็เอามือผมไปจับไว้ไม่ยอมปล่อย ฮึ ใครกันนะที่กลัว

“วันนี้ไม่ค่อยมีหิ่งห้อยหน่อยนะครับ”

“อ่อครับ” ครับผมก็ได้แค่ตอบรับพี่คนขับเรือไป

“วันนี้มันเป็นข้างขึ้นก็เลยจะไม่ค่อยเจอ”

“เออครับ”

“ใช่ครับผมเจอนับได้แค่ห้าตัวเอง ฮ่า ฮ่า ฮ่า”

ครับใช่ครับวันนี้การร่องเรือของพวกเราเจอหิ่งห้อยไปห้าตัว  คิดซะว่าเรามาในจังหวะที่ไม่ดีเอง แต่มันก็น่าตื่นเต้นดีนะครับแต่ถ้าได้เจอเยอะว่านี้มันคงจะสวยมากแน่ๆเลย แต่ก็ถือว่าเรายังได้เจอดีกว่าไม่ได้เจอเลย หลังจากชื่นชมความสวยงามของหิ่งห้อยเสร็จพวกผมก็ตรงกับมายังที่พักเพื่อพักผ่อนเพราะวันนี้ทั้งวันเราให้พลังงานกันไปเยอะมา ทำเราร่างกายผมนั้นล้าไปเลย ส่วนค่ำคืนนี้พวกผมสองคนขอลาไปพักผ่อนกันก่อน เพื่อจะได้ตื่นมาพบกับเช้าที่สดใสในวันพรุ่งนี้


จากที่คิดไว้ว่าจะตื่นเช้ามารับลมเย็นริมทะเลแต่ความเป็นจริงพวกเราสองคนตื่นกันสายจนไม่ทันกินอาหารเช้าของทางโรงแรมที่เตรียมไว้ให้

ผมตื่นขึ้นมาถือว่านอนเต็มอิ่มแต่มีอาการปวดเนื้อปวดตัวนิดหน่อย แถมวันนี้ผมถามเจ้าของทริปบอกว่าวันนี้ไม่มีโปรแกรมที่จะไปไหน ผมเลยอยากที่จะนอนโง่ๆอยู่ที่ห้องที่ให้สมกับเป็นวันหยุดที่พักผ่อนจริงๆ การพักผ่อนคือการอยู่เฉยๆ ไม่ได้มีกิจกรรมอะไรแบบจริงจัง

“อยากไปทำอะไรมั้ยวันนี้”

“....ยังไม่รู้แต่ตอนนี้ขอนอนก่อนได้มั้ย”

“ได้สิ”

ผมงัวเงียตอบไปเพราะยังรู้สึกไม่สบายตัว ข้าวเช้าข้าวกลางวันขอพักไว้ก่อนผมขอนอนเอาแรงก่อนจริงๆ

“พบ....พบตื่นเร็ว”

“อือ....”ปล่อยผมผมจะนอน....อย่า....กวน....ผม....

“พบตื่น.....”

“อือ....ตื่นแล้ว” ตื่นแล้วตื่นแล้วนี่ไง

“ตื่นก็ลืมตาสิ....เร็วตื่นมากินข้าวเร็วนี่บ่ายแล้วนะคุณ เดี๋ยวก็ปวดท้องเอาเร็วตื่น....”

“เออ....ตื่นนี่ไงตื่นไง”

“จะกินที่เตียงหรือกินที่โซฟา”

“โซฟาดีกว่า....ออกไปซื้อมาเองหรอ”

“ใช่ กลัวคนแถวนี้จะหิวใส้กิวซะก่อน”

“จ้า”

“ไม่ใช่วีก็ไม่มีใครเข้าใจพบเท่ากับผมอีกแล้ว....”

“....ขอบคุณนะ”

จุ๊บ!!


ท้องทะเลยามเย็น แสงอ่อนสาดซ่องทอดผ่านกายของคนสองคนที่เดินทอดน่องอยู่ที่ริมหาดที่เงียบสงบ

“ไม่อยากกลับไปทำงานเลย”

“ไม่ทำงานแล้วจะเอาเงินที่ไหนกิน”

“ให้พบเลี้ยงไง เลี้ยงผมหน่อยสิครับ”

“ขอโทษนะครับผมไม่นิยมเลี้ยงต้อย”

“แต่ได้ข่าวว่ากินเด็กนิ”

“ใครบอกเลิกไปแล้ว ว่าจะหาใหม่อยู่”

“ไม่ได้ พบอ่ะ”

“อะไร”

“ไม่เอาไม่คุยเรื่องนี้แล้ว”

“แล้วใครเป็นคนเริ่ม”

“แม่บอกให้ไปหาที่บ้านก่อนค่อยกลับห้อง”

“อืม”


ท้องทะเลในยามเย็นมันชั่งอบอุ่นเสียเหลือเกิน ไม่ได้อบอุ่นจนร้อน แต่เป็นความอบอุ่นที่สบายใจ อาจจะเพราะบรรยายกาศหรือว่าอะไรแต่ที่แน่นอนในความรู้สึกคือวีที่กุมมือผมเดินอยู่ตอนนี้

เค้าคือว่าสบายใจ ไม่ว่าจะอยุ่ในเหตุการณ์แบบไหน หรือบรรยายกาศแบบใดเค้าก็คือความสบายใจของผมเสมอ

ตลอดเวลาที่เรารู้จักกันมา เราผ่านเรื่องราวมากมายไม่ว่าจะสุขจนล้นใจ หรือเจ็บเจียนตาย พวกเราสองคนก็เจอมันมาหนดแล้ว แล้วพวกเราก็ผ่านมันมาแล้ว เรื่องราวเล่านั้นคงได้แค่ทิ้งมันไว้เพียงอดีต ที่คอยย่ำเตือนว่าช่วงเวลานั้นมันสุขหรือเศร้าขนาดไหนจะได้ไม่กลับไปพบเจอมันอีก แต่ถ้าสิ่งใดดีก็พยายามรักษามันไว้

“พบ.....”

“.....”

“รักนะ!!!”

โดยตะโกนทำไมตกใจหมด ไม่อายบ้างรึไง แต่มันก็เขินเหมือนกันนะที่ทำอะไรบ้าๆบอๆแบบนั้น

จุ๊บ

“รักเหมือนกันครับ”

ไปครับแยกย้ายกันกลับไปพักผ่าน แล้วกลับไปทำงานที่รักกัน เพราะความสุขส่วนใหญ่ก็มักมีเรื่องๆเงินๆทองๆเข้ามาเอี่ยวด้วยเสมอ

ขอให้มีความสุขกับคนที่เป็นความสบายใจของคุณนะครับ






THE
     END








ปล.
- สวัสดีแล้วก็ขอบคุณทุกๆคนที่เข้ามาอ่าน
- ขอบคุณอีกครั้งที่เข้ามาอ่านกัน ถึงจะเกเรหางหายจากการลงนิยายไปบ่อยครั้ง ทำให้มันอ่าจไม่ต่อเนื่อง ยอมรับว่าช่วงที่ผ่านมาเจอเรื่องใหญ่ๆเข้ามาเยอะพบสมควร แต่ไม่ต้องห่วง ตามที่หลายๆคนมักบอกว่าฟ้าหลังฝนย่อมดีเสอม เราก็หวังว่ามันจะเป็นแบบนั้นเหมือนกัน
- ขอบคุณนะ แล้วพบกันใหม่นะ


ออฟไลน์ DrSlump

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3382
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +104/-2
Re: only love♥แค่รัก ตอนที่ ๑๔ [62/02/09]
«ตอบ #39 เมื่อ09-02-2019 01:36:50 »

 :pig4: :pig4: :pig4:

อ้าววว  โผล่มาอีกที จบซะแระ

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Re: only love♥แค่รัก ตอนที่ ๑๔ [62/02/09]
« ตอบ #39 เมื่อ: 09-02-2019 01:36:50 »
ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ Kelvin Degree

  • ถ้าวันนั้นเลือกที่จะเดินออกไป คงไม่เจ็บมาจนถึงทุกวันนี้...
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1700
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +57/-2
Re: only love♥แค่รัก ตอนที่ ๑๔ [62/02/09]
«ตอบ #40 เมื่อ11-02-2019 23:43:58 »

ทำไมจบเร็วจัง แต่ก็สนุกดี ขอบคุณครับ,,,

ออฟไลน์ AkuaPink

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2033
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +59/-1
Re: only love♥แค่รัก ตอนที่ ๑๔ [62/02/09]
«ตอบ #41 เมื่อ16-11-2019 22:08:10 »

 :pig4:
 :3123: :L2: :L1:

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด