IT is เต็มสิบ. by aoikyosuke (.5)
“นับเป็นมั้ยครับ ห้า หก เจ็ด แปด นับสิครับ”
เต็มสิบคิดว่า คุณธีรพล ฝ่ายประชาสัมพันธ์ช่างเป็นคนที่สอนยากสอนเย็น สอนเท่าไหร่ก็ไม่ทำให้ทักษะการเต้นดีขึ้นเลย
“คุณนี่มันจริง ๆ เลยนะ”
ได้แต่ส่ายหน้าด้วยความกลุ้มใจ และธีรพลก็หันมามองเต็มสิบที่ถอนหายใจใส่
ก็ถ้ามีทักษะในการร้องรำทำเพลงดีสุด ๆ จะต้องให้มาสอนทำไมวะ เรื่องแค่นี้ไม่น่าต้องพูดให้มากความ
ธีรพลลดแขนของตัวเองลง และรู้สึกเบื่อหน่ายกับสถานการณ์นี้เต็มทน
“ถ้าไม่ใช่เพราะบอสขอมา คิดว่าคนอย่างผมจะทำแบบนี้หรือไง”
แน่ะ ยังจะปากดีอีก กูอุตส่าห์สละเวลามาสอนทั้งที แทนที่จะขอบคุณเสือกมาปากดีใส่ซะได้
“ขอบคุณสักคำน่ะมีมั้ย”
พูดออกไปลอย ๆ และธีรพลก็หันมามองหน้าเต็มสิบทันที ไม่อยากจะพูดขอบคุณแต่เพราะคิดว่าเป็นทีมเดียวกันเลยจำใจต้องพูดออกไปส่ง ๆ จะได้จบเรื่องไป
“ขอบคุณก็ได้”
โห ถ้าจะขอบคุณขนาดนี้นะ เกรงใจแย่เลยครับ
“เป็นเกียรติอย่างสูงจริง ๆ” ประชดกลับไปและเต็มสิบก็เมินหน้าหนีคนที่พูดขอบคุณได้โคตรไม่จริงใจ
“ถามจริง ๆ คุณเป็นประชาสัมพันธ์ได้ยังไง ทักษะร้องรำทำเพลงแย่ขนาดนี้”
เพราะสงสัยถึงได้ถามและธีรพลก็นิ่งงันกับสิ่งที่เต็มสิบถาม จะบอกว่ามาเป็นประชาสัมพันธ์ได้ยังไงงั้นเหรอ พูดไปเรื่องนี้มันก็ยาว
“ก็ผมหน้าตาดี”
“ผมนึกว่าคุณจับเบอร์ได้”
“อ่อ คุณหน้าตาดีกว่าผมงั้นสิ”
“ก็ไม่รู้สิ ผมได้รับคัดเลือกให้ถือพานไหว้ครูมาตั้งแต่อนุบาลสอง”
บังเอิญเรียนชายล้วนและเด็กผู้ชายคนอื่นมัวแต่เล่นและเต็มสิบก็ไม่รู้ว่าตัวเองโดนยัดเยียดให้ถือพานได้ยังไงแม้กระทั่งตอนนี้ก็จำไม่ได้ แต่ก็สามารถเอาเรื่องนี้มาโม้ได้ตลอดจนโต
“ห้ะ”
“ผมหล่อมาตั้งแต่อนุบาล ถ้าไม่ใช่ตอนเด็ก ๆ เผลอไปดมกาว หน้าผมจะเข้ารูปกว่านี้”
กวนประสาทที่สุด ธีรพลหมดคำจะพูดกับเจ้าหน้าที่แผนกไอทีที่มาสอนให้เต้นในวันนี้
ทำไมถึงเป็นคนแบบนี้ เต็มสิบเป็นไอทีที่กวนประสาทที่สุดในโลก เกิดมาไม่เคยเจอคนแบบนี้มาก่อนเลยจริง ๆ
“นี่ผมเหนื่อยกับคุณมากเลยนะคุณเต็มสิบ”
“เฮ้ย คุณจะเหนื่อยได้ยังไง ผมยังไม่เหนื่อยเลย นี่ผมสดชื่นกระปรี้กระเปร่ามากเลยนะ”
ไม่ใช่แค่พูด แต่เต็มสิบยังเอียงคอและยิ้มกว้าง ด้วยหน้าตาที่ธีรพลอยากจะเอานิ้วจิ้มตาคนที่ทำหน้าตาได้กวนประสาทที่สุด
“นี่ตอนนอนคุณเซ็ทผมแบบนี้ก่อนนอนด้วยหรือเปล่าเนี่ยคุณธีรพล”
สงสัยในเรื่องที่ไม่ควรสงสัย และธีรพลก็หงุดหงิดรำคาญใจกับคนที่สนใจทุกเรื่องของธีรพล ยกเว้นเรื่องเต้น
“คุณเต็มสิบ”
“ห้า หก เจ็ด แปด เอ้า มาเต้นกันอีกรอบ เดี๋ยวผมก็จะรีบไปทำงานต่อเหมือนกัน”
เปลี่ยนเรื่องคุยในทันที และธีรพลก็นึกโมโหคนที่เปลี่ยนเรื่องโดยไม่สนใจความรู้สึกของธีรพลว่ากำลังรู้สึกหงุดหงิดโมโหมากขนาดไหน
“เวลาคุณสั่นขา ให้มันได้ฟิลหน่อย เอวมีก็ต้องใช้”
ท่าเต้นบ้า ๆ บอ ๆ แบบนั้น ยอมเต้นก็บุญเท่าไหร่แล้ว ยังจะเอาออพชั่นเสริมเพิ่มเข้าไปอีก สนุกมากนักหรือไง
“คุณนี่ก็แปลกนะ ยิ้มแย้มเป็นมิตรกับคนอื่นตลอดแต่กับผมนี่ไม่รู้จะโกรธทำไมมากมาย ผมไม่เคยไปแย่งลูกชิ้นในก๋วยเตี๋ยวของคุณซะหน่อย”
เปรียบเทียบได้โดนใจ และธีรพลก็หันมามองหน้าของคนที่ยังลอยหน้าลอยตาและเริ่มนำการเต้นให้ธีรพลเต้นตามแล้ว
แค่นับสเต็ปก็ยากแล้ว ยังต้องใส่ความรู้สึกสนุกสนานลงไปในการเต้นอีกทำไมมันยากขนาดนี้ไม่เข้าใจ
จำใจเต้นไปอย่างฝืน ๆ พร้อมกับฝึกทักษะการต่อปากต่อคำกับเจ้าหน้าที่แผนกไอทีที่กวนประสาทที่สุดอย่างเต็มสิบไปด้วย
ทักษะการเต้นไม่พัฒนา ธีรพลไม่แปลกใจ เพราะอาจไม่ได้มีความสามารถทางด้านนี้แบบจริงจัง
แต่ถ้าทักษะการต่อปากต่อคำ ไม่พัฒนานี่สิ คงจะน่าประหลาดใจน่าดู
++++
ตลอดหนึ่งสัปดาห์เต็ม ธีรพลต้องทำงานที่ได้รับมอบหมายและออกนอกสถานที่ไปพบลูกค้าเพื่อประชาสัมพันธ์องค์กร กลับมายังไม่ทันได้หยุดพักก็ต้องซ้อมเต้นทั้งที่ไม่มีทักษะทางด้านนี้เลยด้วยซ้ำ
วันหยุดทั้งที ควรจะได้ทำอะไรบ้าง แต่กลายเป็นว่านอนหลับตลอดทั้งวัน และเพิ่งตื่นนอนตอนบ่าย สุดท้ายวันหยุดที่รอคอยก็กำลังบินจากไปทั้งที่ยังไม่ทันได้ทำอะไรเลย
ตื่นขึ้นมาก็ท้องร้อง หิวข้าว แต่ไม่มีอะไรให้กิน
เปิดตู้เย็นค้นหาของที่พอกินได้ก็ไม่มีอะไรเหลือ น้ำเปล่าในตู้เย็นมีเหลือแค่เพียงครึ่งขวดและธีรพลก็ได้แต่ถอนหายใจ
เสื้อยืดเก่า ๆ แขวนอยู่บนพนักโซฟาและธีรพลก็แค่สวมเสื้อและคว้าแว่นตาที่วางไว้บนโต๊ะมาใส่
การที่มีบ้านอยู่ไกลบริษัทมันก็ดีแบบนี้เวลาที่กลับมาเป็นตัวของตัวเองไม่ต้องสวมบทบาทประชาสัมพันธ์ของบริษัทที่ดูดีตั้งแต่หัวจรดเท้าก็ไม่ต้องกลัวว่าจะเจอคนรู้จัก
มีแค่กระเป๋าตังค์ใบเดียวและคว้าหมวกแก๊ปมาสวมก็สามารถเดินไปซื้อข้าวกินได้แล้วโดยไม่ต้องสนใจใครอีก
“ส้มตำไทยใส่ปู แล้วก็ลาบหมู น้ำตกหมู ข้าวเหนียวสอง คอหมูย่าง กลับบ้านครับ”
สั่งอาหารเรียบร้อยและเดินไปหยิบหนังสือพิมพ์ที่วางอยู่บนโต๊ะมาเปิดอ่านข่าวที่ไม่มีเนื้อหาสาระอะไรให้สนใจ เป็นเพียงการอ่านเพื่อรอเวลาเท่านั้น
เต็มสิบคิดว่า คนที่นั่งอ่านหนังสือพิมพ์อยู่ที่โต๊ะถัดไปหน้าตาคุ้นมาก คล้ายกับคนรู้จัก คล้ายกับ..........
“180 บาทครับ”
ธีรพลเปิดกระเป๋าสตางค์และหยิบเงินส่งให้กับเจ้าของร้าน ปิดหนังสือพิมพ์และรับถุงอาหารที่สั่งมาถือเอาไว้ รับเงินทอนเรียบร้อยและเดินหิ้วถุงส้มตำแกว่งไปแกว่งมาตลอดทาง เดินกลับบ้านและร้องเพลงไปด้วยในระหว่างเดิน
“หนุ่มฟ้อหล่อเฟี้ยว มีผมคนเดียว รูปหล่อจริง ๆ นะเนี่ย”
ถ้าต้องฟังเพลงเดิมซ้ำ ๆ ติดต่อกันอยู่บ่อย ๆ ถึงไม่เคยชอบเพลงที่ฟัง แต่ก็เหมือนเพลงนี้วนไปวนมาอยู่ในหัวไม่ยอมหยุด
มีรถมอเตอร์ไซค์มาจอดเทียบและธีรพลก็หันไปมอง
“คุณธีรพลไปไงมาไงครับเนี่ย ผมเห็นคุณตั้งแต่ในร้านส้มตำ คิดเอาไว้ว่าใช่ต้องใช่แน่ ๆ มันเป็นอะไรที่พูดยาก แต่ถ้าเห็นชัด ๆ ก็คงรู้แน่”
คนที่ไม่อยากให้เจอในสภาพนี้มากที่สุดตอนนี้มาอยู่ตรงหน้า และธีรพลก็เบิกตากว้างภายใต้แว่นสายตาหนา ๆ ที่สวมอยู่
“บ้านคุณอยู่แถวนี้เหรอ บ้านเพื่อนผมก็อยู่แถวนี้ เดี๋ยวผมไปส่ง”
ชวนกันดื้อ ๆ โดยไม่สนใจว่าธีรพลจะอยากให้ไปส่งหรือไม่
“ทักคนผิดแล้วคุณ”
ธีรพลรีบก้าวขาให้เร็วขึ้นเพื่อให้พ้นจากการถูกตาม แต่เต็มสิบก็ยังตามไม่ลดละ
“ทักผิดได้ยังไง นี่ไม่ใช่ละครไทยนะคุณ แค่ใส่แว่นใส่หมวกแล้วคนจะจำไม่ได้เหรอ ไม่ตลกไปหน่อยหรือไงคุณ”
ใช่ ตลกมากด้วย แล้วยังไง แล้วจะตามมาทำไมวะ
“นี่คุณไม่ต้องทำท่ารังเกียจผมขนาดนั้นก็ได้ ผมไม่ได้ตามมากระชากคอหมูย่างคุณนะ”
กวนประสาทถึงที่สุด และธีรพลก็หันมามองคนที่ยังคงตามมาไม่ลดละ
“คุณเต็มสิบ”
อะไรวะ คนอุตส่าห์มีน้ำใจ ทำไมถึงต้องทำเสียงดุกันด้วย
“หรือคุณจะให้ผม..............”
ยังพูดไม่ทันจบ แค่เว้นจังหวะช่องไฟไว้เล็กน้อยพอให้เติมคำในช่องว่างได้ พร้อมกับส่งรอยยิ้มแปลก ๆ ให้ แค่นี้ธีรพลก็ทำหน้าเหมือนโมโหมากและตะคอกถามด้วยความไม่พอใจ
“คุณขู่ผมเหรอ”
ใครไปขู่ตอนไหนวะ ยังไม่ได้ขู่เลย
“ผมจะได้รู้ว่าคุณปฎิเสธน้ำใจพลเมืองดีอย่างผม”
ตีหน้าเศร้าไปอีกเล็กน้อย และธีรพลก็ขึ้นมาซ้อนท้ายโดยที่ไม่ต้องให้พูดกันอีกให้มากความ
“ตรงไป”
พูดเพียงแค่นั้นและเต็มสิบก็หัวเราะออกมาด้วยความขำ
ไม่ได้จะขู่ ไม่เคยคิดจะแกล้ง แต่ท่าทางคุณธีรพลประชาสัมพันธ์ที่หน้าตาดีที่สุดในบริษัทคงกำลังไม่พอใจอะไรบางอย่างที่เต็มสิบก็รู้ดีแก่ใจว่าเรื่องอะไร
“ผมไม่ได้จะขู่อะไรคุณนะคุณธีรพล เมื่อกี้ผมแค่จะบอกว่า หรือคุณจะให้ผมกระชากถุงคอหมูย่างคุณแล้วหนีไปหรือไง”
“.......................”
“คุณเต็มสิบ”
เพิ่งรู้ว่าเสียรู้คนกวนประสาทอย่างเต็มสิบเข้าแล้ว และเต็มสิบก็ได้แต่หัวเราะเสียงดังลั่นเพราะขำกับการเรียกชื่อของธีรพลซ้ำไปซ้ำมา
“คร้าบบบบบบบบบบบ คุณธีรพล ประชาสัมพันธ์ที่หน้าตาดีที่สุดในบริษัท ยินดีรับใช้ให้บริการไปส่งจนถึงหน้าบ้านเลยคร้าบบบบ”
TBC.