【✦ Sea Spec ✦】#เด็กทะเล 【CH 30 | P.80 | 16.6.18】ll END ll
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: 【✦ Sea Spec ✦】#เด็กทะเล 【CH 30 | P.80 | 16.6.18】ll END ll  (อ่าน 669040 ครั้ง)

ออฟไลน์ ♥►MAGNOLIA◄♥

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7538
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +193/-11
อยากอ่านต่ออีกแล้ว   :mew1: :mew1: :mew1:
สนุกกกก ชอบบบบบ :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:
ใครต่อใคร พากันคิดว่าเล เป็นเด็กขาย
ที่มาเกาะ หลอกสมบัตินายหัวชาญ
พี่เมฆ ก็ดูถูกเล แต่แบบนี้เล ได้ฝึกงานจริงๆ
แล้วต่อไป ก็คงได้เห็นฝีมือของกันและกันเองแหละ
      :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:

ออฟไลน์ hibatsumoe

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 211
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +24/-0
ทุกคนคิดไปไกลแล้ววววว
พี่ทะเลสู้ๆ :เฮ้อ:

ออฟไลน์ blove

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1423
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +124/-0
เฮ้ยยยยยยยย!!เรื่องนี้สนุกว่ะ ตามๆ ไม่พออ่ะอยากอ่านต่อแล้ว เนื้อเรื่องภาษาฉากต่างๆลื่นไหลมากเลย มีทุกอารมณ์ ขำไอ้เด็กมืดมีความเว่อร์เล่นใหญ่ตลอด 555 ไอ้พี่ชาติก็ปากรั่วขี้เผือกเรื่องคนอื่นจริ๊ง 555 นายหัวชาญมีความเท่ห์ นายช่างใหญ่เม่นมีความถ่อยเถื่อน 555 ทะเลมีความแมน รั้นเงียบ ดื้อเบาๆ น่าร๊ากกกก 555 จะเป็นยังไงต่อละนี้ F5รัวๆ

ออฟไลน์ Seilong2

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 370
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +11/-2
ติดตามจ้า เนื้อหาน่าสนใจ

เป็นกำลังใจให้นะคะ

ออฟไลน์ koikoi

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3862
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +311/-13
อย่าแกล้งกันสิ

ออฟไลน์ Jibbubu

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3393
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +77/-6
ไอ้พี่เม่นอย่าคิดไปไกลนั่นนะลูกนายหัวนะโว้ยยยย

ออฟไลน์ •♀NoM!_KunG♀•

  • *,*โสดสนิทศิษย์พยักหน้า*,*
  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7579
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +181/-8
รวดเดียวจบ ต้องตามมมม!!

ออฟไลน์ imymild

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 354
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +8/-1
เกลียดพวกชอบดูถูกอะ

ออฟไลน์ magic-moon

  • magKapleVE
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 496
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +11/-2
    • Freedom of meetups, no obligations
แวะมาอุดหนุน 5555 สนุกมากๆเลยค่ะ

ออฟไลน์ kun

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3593
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +122/-10
รับเด็กใหม่ ฮ่าๆๆๆ
อิอิ พอน้องเลกับบ้าน กทม พี่เม่นจะรีบตามไปอ่ะจิ อิอิ

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Re: ✦✦ Sea Spec ✦✦ #เด็กทะเล [บทที่ 4 ✦ 22/11/16]
« ตอบ #39 เมื่อ: 24-11-2016 21:35:54 »
ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ วันเวย์

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 26
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +179/-2
    • https://www.facebook.com/onewayy17/
บทที่ 5
รับน้อง




ตลอดบ่ายวันนั้น...ทยากรทุ่มเทพลังทั้งหมดให้กับการกำจัดคราบสกปรกออกจากเครื่องยนต์เรือ สนิมหนาเป็นนิ้วถูกเขาขัดแล้วขัดเล่าจนสะอาด แลกกับการที่มือคนขัดระบมไปทุกส่วน หนุ่มเมืองกรุงมองสภาพตัวเองแล้วถอนหายใจ ทั้งเสื้อผ้าและใบหน้ามีแต่คราบเขียวเป็นปื้นของตะไคร่ สองมือสองแขนแดงเทือก บางแห่งถลอกหนังเปิดจากแรงเสียดสี ยังดีที่ไม่ถึงขั้นเลือดไหล

กว่าชายหนุ่มจะได้รับอนุญาตให้เลิกงาน ท้องฟ้าก็กลายเป็นสีส้มเข้ม โพล้เพล้ใกล้ค่ำเต็มทีแล้ว

ทยากรเดินตามหัวหน้างานของเขากลับมายังท่าเรือหลัก วันนี้ทั้งวันนอกจากงานขัดๆ ถูๆ นายช่างใหญ่ก็ไม่ได้ใช้งานอะไรเขาอีก ชายหนุ่มสองคนอยู่ในเรือลำนั้นตลอดเวลา นายช่างยุ่งวุ่นวายอยู่กับการถอดชิ้นส่วนเครื่องยนต์เรือ เปลี่ยนอะไหล่ตัวนี้เข้า ไขน็อตตัวนั้นออก จนเมื่อเอาอุปกรณ์ที่เขาทำความสะอาดเสร็จแล้วไปประกอบเข้าด้วยกัน เรือลำนั้นก็สามารถสตาร์ทเครื่องติดราวปาฏิหาริย์

บัณฑิตวิชาเครื่องกลนึกทึ่งอยู่ในใจ...

ถึงไม่ชอบขี้หน้า แต่ทยากรต้องยอมรับว่าฝีมือของนายช่าง สมเป็นนัมเบอร์วันของเกาะอย่างที่พ่อว่าไว้ เรือเก่าถูกจอดทิ้งร้าง สภาพของมันก่อนการบูรณะ อย่าว่าแต่จะเอาออกทะเลเลย เอาไปทำแหล่งปลูกปะการังใต้ทะเลยังจะเหมาะเสียกว่า แต่ผู้ชายคนนี้ทำให้มันมีชีวิตชีวาขึ้นมาได้ใหม่ ทาสีลำเรืออีกนิด ต่อเติมหลังคาบังแดดบังฝนอีกสักหน่อย ชาญทะเลก็จะมีเรือเล็กไว้ใช้สอยเพิ่มอีกลำ

“พี่เม่นนี่หว่า...เฮ้ย! พี่เม่น กินข้าวกันโว้ย”

เมื่อเดินมาถึงท่าเรือ เสียงตะโกนโหวกเหวกก็ดังมาแต่ไกล ร่างสูงใหญ่ของไอ้หนุ่มสักยันต์ชูไม้ชูมือเรียกนายช่าง ท่ามกลางสมาชิกคนอื่นๆ ที่คุ้นหน้ากันดี คนถูกเรียกไม่แม้แต่จะหันมามองเขา เจ้าของชื่อ ‘เม่น’ เดินดุ่มๆ เข้าไปร่วมวงไม่พูดไม่จา ทิ้งให้ทยากรละล้าละลัง ไม่รู้ว่าจะเอาตัวเองไปไว้ตรงไหนดี

“พี่เล...” ยังดีที่มีคนสนใจเขาอยู่บ้าง...

เด็กผิวดำใจดีกุลีกุจอมาลากเขาไปนั่งข้างๆ “นั่งนี่เลยจ้ะ มานั่งด้วยกันก่อน”

ทยากรยิ้มเนือยๆ ให้เจ้าเมฆ เขานั่งลงข้างน้องเล็กประจำกลุ่ม เสียก็แต่ข้างกายอีกด้านคือเจ้าของร่างยักษ์ที่อยากจะหนีให้ไกล

“เหนื่อยไหมจ๊ะพี่ ทำงานวันแรก”

เลยคำว่า ‘เหนื่อย’ ไปไกลมาก...

ทั้งร้อน ทั้งลำบาก ซ้ำร้ายยังต้องคอยปลอบใจตัวเองให้นิ่งเป็นน้ำ ยามได้รับสายตาดูถูกจาก ‘ใครบางคน’

ชายหนุ่มเลี่ยงตอบคำถาม สองตากวาดมองเพื่อนร่วมวงคนอื่นๆ แล้วมองโต๊ะสี่เหลี่ยมผืนผ้าขนาดใหญ่ทำจากไม้เนื้อแข็ง ค่อนข้างแข็งแรงและนั่งกันได้เป็นสิบคน ไอ้ชาติกับไอ้หินนั่งคู่กันอยู่ฝั่งตรงข้ามกับเขาและเมฆ คนอาวุโสที่สุดจึงนั่งหัวโต๊ะทั้งที่มาทีหลัง

“ไอ้มืด...ตักข้าวเว้ย”

“ได้จ้ะพี่ชาติ” ทันทีที่ลูกพี่เอ่ยปาก เจ้าลูกกระจ๊อกก็กระตือรือร้นทำตาม ว่านอนสอนง่ายเสียยิ่งกว่าเด็กสามขวบ

คนตัวขาวเงยหน้าขึ้นมองเบื้องบน ฟ้าเริ่มมืดแล้ว คนงานคนอื่นคงเลิกงานกลับบ้านกันหมด เหลือก็แต่เจ้าพวกนี้ที่ตั้งวงกินข้าวกันราวกับที่นี่เป็นบ้าน พอพูดถึงบ้าน...หนุ่มเมืองกรุงจึงเหลียวซ้ายแลขวา เหมือนกำลังมองหาอะไรบางอย่าง

ท่าทีของทยากรตกอยู่ในสายตาของเพื่อนร่วมโต๊ะจนหมด คนปากไวอย่างไอ้ชาติมีหรือจะอดได้ มันโพล่งขึ้นมาก่อนใครเพื่อน

“มองหาผะ...เอ๊ย! นายหัวเหรอ” ไอ้ชาติคันปากยิบๆ มันหวุดหวิดจะหลุดคำว่า ‘ผัว’ ออกมาเต็มปากเต็มคำ “แกไม่อยู่หรอก ไปตรวจแผงปลาในตลาดยังไม่กลับ”

คนฟังพยักหน้ารับ รู้สึกว้าเหว่ขึ้นมาในอก ว่ากันตามจริง...ที่แห่งนี้สำหรับเขาแล้ว ทุกซอกทุกมุมล้วนเป็นสิ่งแปลกใหม่ คนคนเดียวที่เป็นสิ่งยึดเหนี่ยวเขาไว้นั่นคือนายหัวชาญ ในยามนี้เมื่อไม่มีเงาของพ่ออยู่ใกล้ๆ ทยากรจึงรู้สึกไม่อุ่นใจ

ข้าวสวยร้อนๆ ในจานสังกะสีถูกส่งต่อๆ กันจนได้รับครบถ้วนทุกตัวคน...

ใช้แรงงานมาทั้งวัน พอเห็นอาหารวางอยู่ตรงหน้าเท่านั้น กระเพาะเขาก็ร้องโครกคราก

“มึงชื่อทะเลใช่ไหม กินข้าวกับพวกกูเลยแล้วกัน”

ทยากรยิ้มรับอย่างยินดี

“ขอบคุณ...”

คนพูดชวนเมื่อกี้คือหิน เขาเป็นคนพูดน้อย คำพูดคำจาจึงมักมีใจความไม่ครบถ้วน เดือดร้อนไอ้คู่หูต้องคอยขยายความให้เสมอ

“ไม่ต้องมาขอบคงขอบคุณอะไรหร๊อก นายหัวสั่งให้พวกกูคอยดูมึง ต่อไปนี้มึงก็มากินข้าวกับพวกกูที่นี่ ตอนเที่ยงกับตอนมืดๆ ยังงี้แหละ กินกันหลายๆ คนเจริญอาหารดี” ไอ้ชาติว่าพลางเลื่อนจานข้าวเข้าหาตัว “ปกติคนเยอะกว่านี้ วันนี้ขาดสมาชิกไปหลายคนเลยไม่คึกคัก...นายหัวไม่อยู่ ลุงอินก็อยู่กินข้าวกับเมีย มึงจำลุงแกได้ใช่ไหมวะ”

“จำได้...ลุงอิน ที่มาซ่อมเรือตอนมันระเบิด”

“เออ นั่นแหละ แล้วก็มีไอ้พวกตัวแสบ ไอ้เณรกับไอ้หน่อย...” คนช่างสาธยายหยุดพูดเอาดื้อๆ

มาถึงตรงนี้...ทยากรไม่รู้แล้วว่าใคร ‘เณร’ ใคร ‘หน่อย’

“เฮ้ย! ไอ้มืด ทำไมวันนี้ไอ้เพื่อนซี้สองตัวของมึงมันไม่โผล่หัวมากันวะ กลับจากโรงเรียนกันตั้งนานแล้วไม่ใช่เรอะ”

“ไม่รู้เหมือนกันจ้ะพี่ชาติ ฉันก็กะว่าจะถามการบ้านจากพวกมันอยู่เชียว ดันหายหัวกันไปซะได้”

ไอ้มืดเกาหัวหน้าตาเป็นกังวล เพราะวันนี้มันโดดเรียนมา การบ้านวิชาไหนเป็นอะไรจึงไม่รู้สักอย่าง ปกติก็เป็นพวกหัวช้า เรียนตามเพื่อนไม่ค่อยจะทัน โดนครูเพ่งเล็งประจำอยู่แล้ว

“งั้นก็ช่างพวกแม่งเว้ย กินข้าวดีกว่า... ดีเหมือนกันคนน้อยๆ กูจะได้มีตัวหารกับข้าวน้อยหน่อย” ไอ้ชาติยักไหล่ก่อนจะลงมือกินกันอย่างไม่เรียบร้อยนัก

หนุ่มเมืองกรุงกำช้อนสังกะสีเอาไว้ สีเขียวที่เคลือบตัวช้อนหลุดลอกกะเทาะออกเป็นหย่อมๆ ทำใจเอาเข้าปากยากอยู่สักหน่อยสำหรับคนไม่คุ้นชิน ที่นี่ไม่มีช้อนส้อมอย่างที่เขาเคยใช้อยู่ทุกวัน ไม่มีกระทั่งช้อนกลางและแก้วน้ำส่วนตัวของใครของมัน มีเพียงกระติกน้ำสีน้ำเงินเก่าคร่ำครึกับขันเงินหนึ่งใบ ไว้สำหรับดื่มกันเท่านั้น ใครอยากกินน้ำก็ต้องลุกไปตักกินเอาเอง

เห็นท่าทางเงอะงะของไอ้หนุ่มต่างถิ่น ไอ้ชาติกับไอ้หินที่นั่งอยู่ตรงข้ามจึงลอบสบตากัน รอยยิ้มที่มุมปากของทั้งคู่นั้น คนสังเกตเห็นอย่างนายช่างนึกรู้ทันทีว่าไอ้สองตัวนี้นึกเรื่องสนุกขึ้นมาได้เสียแล้ว

“มึงลองกินนี่ดูสิ...แกงไตปลา” อาหารขึ้นชื่อเมืองปักษ์ใต้...

ทยากรเคยกินแล้วครั้งสองครั้งในภัตตาคารหรูที่กรุงเทพฯ เขาจำได้ว่าชอบมาก รสชาติกลมกล่อมถูกปาก ชายหนุ่มจึงไม่รอช้า ตักมันมาถมในจานตัวเองทันที

เพียงคำแรกที่ลิ้นรับรส...

คนไม่ชินกับรสเผ็ดร้อนถึงกับวางช้อนสังกะสี ทยากรรู้ซึ้งเดี๋ยวนี้เองว่ารสชาติ ‘ต้นตำหรับ’ นั้นเป็นอย่างไร รสสัมผัสของพริกและเครื่องเทศอื่นๆ คละเคล้าอยู่ในปาก ไอ้ที่เขาเคยกินมาเผ็ดได้เสี้ยวเดียวของแกงถ้วยนี้เท่านั้น

“น้ำจ๊ะพี่เล” เห็นท่าทีของสมาชิกใหม่ไม่สู้ดี เด็กน้ำใจดีเลยวิ่งปร๋อไปตักน้ำมาส่งให้   

มือขาวคว้าเอาขันน้ำจากเจ้าเมฆกระดกรวดเดียวแทบไม่หายใจ     

นางช่างใหญ่มองมันกลืนน้ำอึกๆ เม็ดเหงื่อผุดเต็มหน้าผาก สีแก้มแดงระเรื่อทั้งสองข้างลามไปถึงปลายจมูก ดูยังไงก็คล้ายเด็กกินของเผ็ดแล้วทำท่าจะร้องไห้จ้า ยิ่งมองเห็นหยาดน้ำคลอหน่วยตาวาววับ ภาพในหัวเขาราวกับฉายซ้อนทับเป็นเด็กน้อยอีกคน


“ฮือออ...”

เสียงร้องไห้ของลูกชายวัยสามขวบแผดลั่นไปทั่วบ้าน คนเพิ่งกลับมาจากที่ทำงานวิ่งหน้าตาตื่นหาตัวกันยกใหญ่ เมื่อเห็นสีเขียวๆ แดงๆ ในมือป้อมจึงถอนหายใจ ชะรอยเจ้าเด็กตัวอ้วนจอมซนจะไปเอาพริกในครัวมากัดเล่นเสียแล้ว

“ไอ้เดือน...ไอ้เด็กดื้อ! พ่อบอกเอ็งแล้วใช่มั้ยว่าอย่าไปเอาของในครัวมากินเอง”

“ฮึก...พ่อจ๋า...” เมื่อทำท่าจะถูกดุ เจ้าตัวเล็กเลยโผเข้าหา   

คนเป็นพ่อทั้งฉุนทั้งขัน หากเมื่อเจอสายตาออดอ้อนนั้น ไอ้ที่ว่าจะดุกันก็เป็นอันยกเลิกไป

มือใหญ่ส่งน้ำส่งท่าให้ลูกชายดื่มแก้เผ็ด ก่อนจะยัดลูกอมหวานๆ อีกเม็ดเข้าปากให้ สองแขนแข็งแกร่งช้อนร่างเจ้าตัวเล็กขึ้นพาดบ่า อุ้มกันมา ปลอบกันไป เสียงร้องไห้เลือนหาย กลายเป็นรอยยิ้มแห่งความสุขใจฉายชัดบนใบหน้า...

ออฟไลน์ วันเวย์

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 26
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +179/-2
    • https://www.facebook.com/onewayy17/
.
.
.


“กินไม่ได้ก็กินอย่างอื่นไป” มือใหญ่โยนปลาทอดใส่จานให้...

ภาพไอ้คนตรงหน้าดันซ้อนทับกับลูกชาย ความเวทนาเลยผุดขึ้นมากลางใจก็เท่านั้น

คนเจอพิษสงของแกงไตปลาเงยหน้าขึ้นจากขัน ริมฝีปากยังแดงก่ำหากได้น้ำไปหนึ่งขันความเผ็ดจึงทุเลาลง หนุ่มเมืองกรุงมองชิ้นปลาในจานสลับกับมองหน้าคนให้ พิศวงกับอาการใส่ใจ ผีเข้าผีออกของนายช่างใหญ่ ที่ยังขุ่นเคืองเล็กๆ เห็นจะเป็นการ ‘โยนให้’ แบบไร้อารยธรรม

คิดว่าเขาเป็นหมาหรือยังไง!

“แกงไตปลาเผ็ดไปเหรอมึง...งั้นลองนี่ ของดีภาคใต้เชียวนา”

ทยากรมองไอ้ชาติตักอาหารที่เขาไม่รู้จักใส่จานข้าวให้ หน้าตาคนตักกรุ้มกริ่ม ไม่น่าวางใจสักเท่าไหร่ ชายหนุ่มมองกับข้าวอย่างชั่งใจ ในที่สุดก็เอ่ยถาม

“นี่อะไร”   

“ก็คั่วกลิ้งน่ะสิวะ” ลองดมๆ ดูแล้วมีกลิ่นเครื่องเทศเฉพาะของต้นตำรับชาวใต้ รสชาติก็น่าจะเผ็ดถึงใจอีกเช่นเคย “อันนี้ไม่เผ็ดเท่าแกงไตปลาหรอกน่า แดกแบบคลุกๆ กับข้าวแบบนี้ยิ่งเผ็ดน้อยเข้าไปใหญ่”

ว่าแล้วไอ้คนชี้ชวนก็ทำตามเป็นตัวอย่าง ทยากรมองไอ้ชาติตักข้าวเข้าปากเคี้ยวตุ้ยๆ น้ำย่อยในกระเพาะเขาประท้วงแล้วประท้วงเล่า ความหิวบังคับให้เขายอมกินตาม

สามคำแรกทยากรแทบไม่รู้รส...

เขากินเอาๆ จนข้าวเกือบติดคอ เป็นอย่างที่คนแนะนำว่ามา พอกินกับข้าวอย่างนี้ความเผ็ดของมันลดทอนลงไปบ้าง หรืออาจจะเป็นเพราะคั่วกลิ้งจานนี้รสชาติไม่จัดหนักเท่าแกงไตปลา เขาเลยไม่มีปัญหากับมัน

“อร่อย...” ไม่รู้ว่าเป็นเพราะอาหารบ้านๆ หน้าตาธรรมดารสชาติเลอค่าจริง หรือเพราะความหิวกันแน่ที่ทำให้เขารู้สึกว่ามันอร่อย หนุ่มกรุงเทพฯ ยิ้มกว้าง ตักข้าวเข้าปากเร็วรัวจวนจะหมดจาน “มันทำมาจากอะไรเหรอ”

เพราะรู้สึกว่ามันไม่น่าจะใช่เนื้อหมูเนื้อไก่อย่างที่เขาคุ้นเคย ทยากรจึงเอ่ยปาก

แววตาไอ้ชาติเป็นประกาย เหมือนรอคอยเวลาระทึกใจนี้มานาน

“เนื้องู...”

“งู!”

“เออสิวะ! งูทะเลไง ไอ้พันธุ์นี้มันไม่มีพิษ ตัวมันจะลายๆ ไอ้ตัวนี้ยาวตั้งเมตรกว่าๆ มันติดมากับอวนเลยเอาแม่งมาถลกหนังทำคั่วกลิ้งซะเลย อร่อยเหาะ”

ฟังการสาธยายของไอ้ชาติคนเจริญอาหารอยู่ดีๆ แทบผงะ สองตาเบิกกว้างมองจานคั่วกลิ้งอย่างตกใจ ใบหน้าขาวซีดค่อยๆ เปลี่ยนเป็นผะอืดผะอม จนกระทั่งทนไม่ไหว...หนุ่มกรุงเทพฯ ลุกพรวดออกไป ท่ามกลางความตกใจของไอ้เด็กดำ

“พี่เล! พี่เลจ๊ะ...” เมฆวิ่งตามไปดูอาการ มันสงสารพี่คนหล่อของมันจะแย่

พี่ทะเลคายของเก่าออกมาจนเกลี้ยง เรียกว่ากินไปเท่าไหร่ไหลออกมาเท่านั้น เด็กตัวดำพลอยกินข้าวไม่ลงไปด้วยอีกคน มันได้แต่คอยลูบหลัง ทั้งยังวิ่งตักน้ำให้คนถูกแกล้งล้างปากล้างคอ

“พวกมึงแดกงูกันตั้งแต่เมื่อไหร่” เสียงกดต่ำเค้นถามกับไอ้พวกเหลือขอ

นายช่างใหญ่มองไปยังเด็กต่างถิ่น เห็นมันอาเจียนจนแทบหมดไส้แล้วได้แต่ถอนหายใจยาว วันนี้เขาก็ใช้มันทำงานตากแดดตากลมอยู่บนเรือทั้งวัน ตกเย็นยังต้องมาเจอไอ้พวกนี้ปั่นประสาทเข้าไปอีก

“แหม...พี่เม่น พวกฉันก็แค่ ‘รับน้องใหม่’ ” ไอ้คนก่อเรื่องทำลอยหน้า “นี่ยังแค่เบาะๆ เองนา...”

สีหน้าของไอ้ชาติรื่นเริงบันเทิงเต็มที่ คนรักสนุกมองอาการ ‘เป็นเอามาก’ ของไอ้หน้าอ่อนนั่น อันที่จริงก็รู้สึกตงิดใจอยู่นิดๆ เหมือนกัน ไม่คิดว่ามันจะถึงขั้นอ้วกแตกอ้วกแตน

“แกล้งมันแรงไปเปล่าวะ”คนมีส่วนเอี่ยวอยู่ด้วยนิ่วหน้า

หินทำท่าจะลุกไปดูมันอีกคน ทว่ายังไม่ทันได้ย้ายก้น ไอ้เด็กดำก็พาคนหน้าซีดตาเซียวเดินกลับมานั่งที่เดิมพอดี

“ไหวไหมจ๊ะพี่เล เอาน้ำอีกไหม” ไอ้มืดขันอาสา ทยากรส่ายหน้า ยิ้มรับความหวังดีนั้น

“พอแล้ว ขอบใจนะเมฆ”

 คนพูดหูอื้อตาลาย รู้สึกอ่อนกำลังเกินกว่าจะรบรากับใครได้ ชายหนุ่มอยากหลับตาแล้วนอนหลับไปเสียเลย

“ไอ้ห่าเอ๊ย! กูแค่ล้อมึงเล่นหรอกน่า นี่มันคั่วกลิ้งปลา...แกล้งอำหน่อยเดียวทำกระแดะอ้วกแตกเป็นคุณชายไปได้ มึงจะอยู่ที่นี่รอดไหมเนี่ยไอ้ทะเล!” ชาติเอื้อมมือไปผลักหัวมันอย่างหมั่นไส้

หนุ่มเมืองกรุงทั้งโกรธทั้งอ่อนใจ อยากแจกหมัดมันสักยกให้สาสมกับที่ทำให้เขาหมดสภาพ ทว่าเสี้ยวสติที่ยังพอมีดันคิดตามคำพูดของไอ้ชาติเสียได้

หรือเขาจะอ่อนแอมากไป...

ยังอดทนน้อยไปอย่างนั้นหรือ...   

“อยู่นี่เอง ข้าก็ตามหาตั้งนาน”

เจ้าของเสียงเคยคุ้นมาหยุดยืนอยู่ด้านหลัง ความอบอุ่นของคนเป็นพ่อแผ่ซ่าน คืนรอยยิ้มบนใบหน้าคนอ่อนกำลังทันที

“นายหัว” ทยากรเอ่ยเรียก เงยหน้าขึ้นมองคนเหงื่อเต็มตัว ดูก็รู้ว่าคงเพิ่งกลับจากทำงาน

“กลับมาแล้วเหรอนาย วันนี้กลับมืดเชียว” ไอ้ชาติเสนอหน้าตามปกติ

เห็นหน้านายแล้วคล้ายจะรู้สึกเสียวสันหลังยังไงชอบกล คงเป็นอานิสงค์จากการไปแกล้งคนโปรดของแกมาหมาดๆ

“ยางแตกกลางทางน่ะสิวะ ดีที่มียางสำรองเปลี่ยน” คนตอบไม่ได้หันไปมองคู่สนทนา สายตาของนายใหญ่จับจ้องเลือดเนื้อเชื้อไข เห็นบนโต๊ะมีกับข้าววางเกลื่อนจึงออกปาก “เอ็งกินข้าวกับพวกมันแล้วเหรอ”

“ครับ” หนุ่มเมืองกรุงตอบรับสั้นๆ หันไปมองไอ้หัวโจกแกนนำกลั่นแกล้งเขาแล้วตัดสินใจปล่อยผ่าน ไม่อยากหาความกับใคร ชายหนุ่มยกมือขึ้นลูบหน้าขับไล่ความเมื่อยล้า สมเพชตัวเองอยู่เหมือนกัน แม้แต่จะคุยกับพ่อก็ยังแทบไม่มีแรง

“เออ ดีแล้ว... งั้นก็กลับบ้านได้” นายหัวชาญวางกำปั้นลงบนหัวคนกลัวดอกพิกุลจะร่วงจากปาก สองตามองสำรวจมัน ทันเห็นความอิดโรยหนักในดวงตาใส “เป็นอะไรของเอ็งไอ้ทะเล สภาพอย่างกับไปออกรบ”

เห็นท่าทีอ่อนเปลี้ยเพลียแรงของไอ้ลูกชายแล้วก็อ่อนใจ คนกรุงอย่างมัน...ทั้งชีวิตคงไม่เคยเฉียดใกล้ความลำบาก เจองานที่ต้องใช้แรงกาย ตากแดดตากลมจนหน้าแดงหน้าดำ มันจึงดูเหนื่อยมากกว่าคนอื่นเป็นธรรมดา ทว่า...ไอ้เด็กหัวดื้อก็ยังไม่คิดจะถอย

“เหนื่อยนิดหน่อยครับ แต่ยังไหว”

คำสุดท้าย...ทยากรจงใจกดเสียงต่ำ หางตามองไปยัง ‘คน’ ที่ทำให้เขามีสภาพอย่างที่พ่อว่า ไปออกรบมา...

รบรากับคนธรรมดายังไม่เท่าไหร่

รบกับ ‘ไอ้ยักษ์’ ตัวใหญ่บางคนนี่เหนื่อยกายเหนื่อยใจเป็นสองเท่า...

“งั้นก็รีบกลับไปอาบน้ำอาบท่าแล้วนอนซะ เริ่มงานวันแรกก็ทำท่าจะตายซะแล้วเอ็ง”

มือใหญ่ดึงไอ้หนุ่มตัวขาวลุกขึ้น ทยากรทำตามที่พ่อสั่งอย่างว่าง่าย ทั้งคู่ยืนเคียงไหล่ ทำท่าจะพากันเดินไป หากคนเป็นนายหัวก็ยังไม่วายหันมาตอกย้ำความสัมพันธ์ ‘ไม่ธรรมดา’ ให้ไอ้พวกนี้คิดเยอะกันอีกจนได้

“ไอ้เม่น...เดี๋ยวพรุ่งนี้บ่ายมึงเดินมารับไอ้ทะเลที่ท่าเรือนี่ วันนี้คนงานมันพูดกันให้แซดว่าเห็นคนงานใหม่ไปเดินตามหานายช่างบนสะพานไม้ กูไม่อยากให้มันไปเดินท่อมๆ แถวนั้นคนเดียว”

คนงานที่นี่มันรู้ๆ กันว่าตรงนั้นมันเปลี่ยว...

หากเกิดเหตุอะไรขึ้น สะพานเก่าดูจะเป็นจุดยุทธศาสตร์เอื้อให้ไอ้พวกระยำมันลงมือดีเหลือเกิน

ความห่วงใยเกินพอดีทำเอาไอ้ชาติตาโต มันทำเสียงจิ๊จ๊ะในลำคอ กระซิบกับตัวเองราวกับคนไม่เต็มบาท ทว่าคนนั่งข้างๆ อย่างไอ้หินและนายช่างใหญ่คงได้ยินคำพูดมันไปเต็มสองหู

“แม่ง...นี่นายหัวชาญหรือจงอางวะนั่น หวงไข่ชิบหาย”

ถึงเป็นนายก็ยังไม่วายถูกแขวะ ดีที่นายหัวชาญไม่ได้อยู่ในรัศมีการรับรู้

“มึงได้ยินที่กูพูดไหมเนี่ยไอ้เม่น นั่งนิ่งทำห่าไร”

“เออ! รู้แล้ว” คนตอบรับกระแทกเสียงใส่ อารมณ์หมั่นไส้ระคนรำคาญวิ่งพล่านในหัว

“ก็แค่นี่แหละวะ ไป...ไอ้ทะเล กลับบ้าน”

คนนั่งหัวโต๊ะมองตามสองร่างที่เดินคู่กันไป ท่อนแขนใหญ่โอบรอบคอไอ้เด็กนั่น ท่าทีสนิทสนมกันราวกับรู้จักกันมาแต่ชาติปางไหน นายช่างใหญ่จ้องมองภาพนั้น หาคำตอบให้ตัวเองไม่ได้ว่าความหงุดหงิดเล็กๆ ในใจ ถือกำเนิดมาด้วยเหตุผลใดกัน

โดยเฉพาะกับไอ้เด็กนั่น...

เขาเกือบจะเห็นใจมันอยู่แล้ว!

เห็นมันโดนไอ้ชาติแกล้งสารพัด ข้าวปลาไม่รู้เหลือถึงน้ำย่อยในกระเพาะบ้างไหม แต่พอเห็นท่าทางของมันที่ปฏิบัติต่อนายหัวชาญ ความคิดที่ว่า ‘พรุ่งนี้จะใช้งานมันให้หนักกว่าเดิม’ ก็ผุดขึ้นมา

ครับ...

คำพูดสุภาพ น้ำเสียงอ่อนน้อม กิริยาเคารพเชื่อฟัง...ทั้งหมดนั่นมันจงใจเอาออกมาใช้กับคนคนเดียวคือนายหัวชาญ ‘คนอื่น’ เช่นเขา...แม้จะอายุมากกว่ากันเกินสิบปี หากมันไม่ยอมมอบให้แม้แต่ความยำเกรง

“อีแบบเนี๊ยะ...ถ้าบอกว่าไม่ใช่ผัวเมีย กูยอมเลี้ยงเหล้ามึงเลยว่ะไอ้หิน” ไอ้คนปากบอนเปิดประเด็น คนเป็นลูกคู่เลยต้องออกตัวปรามสันดานบ่างช่างเสือกของมัน

“พูดอะไรระวังปากมั่ง นั่นเจ้านายมึงนะ”

“ปัดโธ่เอ๊ย! มึงนี่มันไม่รู้อะไร ไม่ใช่แค่พวกเราหรอกโว้ยที่ข้องใจ คนอื่นเค้าจะสงสัยกันทั้งนั้น พวกมันพูดกันลับหลังยิ่งกว่ากูร้อยเท่าพันเท่า...กูจะบอกให้”

ไอ้ชาติพูดตามที่ได้ยินมา วันนี้ทั้งวันเขาหมกตัวอยู่แต่กับท่าเรือ ขณะที่คนอื่นแยกย้ายกันไปทำงานบริเวณอื่น คนสอดรู้อย่างไอ้ชาติ ใครพูดอะไร นินทาใคร ไม่เคยเล็ดลอดหูผีของมันไปได้ ยิ่งเป็นเรื่องยอดฮิต ผัวใครเมียใคร ชาวบ้านร้านตลาดก็ยิ่งพูดกันสนุกปาก

“แล้วมึงเห็นไหม...เดินมาตามถึงนี่ ปกติกลับจากตลาดในเมืองมืดค่ำป่านนี้ นายหัวแกดิ่งกลับบ้านไปนอนแล้ว”

“ดูท่า...ก็น่าจะหลงกันมากอยู่” หินออกความเห็น

“ไม่หลงยังไงไหว ไอ้ทะเลมันหน้าตาดีน้อยซะเมื่อไหร่ ตัวก็ขาวจั๊วะยังกะไข่ปอก เห็นหน้ามันใกล้ๆ กูก็เข้าใจนายหัวล่ะวะ บำเพ็ญตบะไร้เมียมาได้ตั้งนาน มาศีลแตกเอาเพราะเด็กเอ๊าะๆ มันเร้าใจ~”

เคร้ง...

ช้อนสังกะสีกระทบจานเสียงดังราวระฆังหมดยก ไอ้ชาติกับไอ้หินสะดุ้งเฮือก ตาสองคู่เหลือบมองคนวางช้อนไม่สนหน้าอินทร์หน้าพรหมที่ไหน

“อิ่มแล้วเหรอพี่เม่น ปกติต้องฟาดสองจานสามจานไม่ใช่เรอะ” ไอ้ชาติทำหน้างง

คนใช้แรงงานอย่างพวกเขา กินข้าวกันทีเป็นกะละมังบางครั้งยังไม่อยากจะอิ่ม โดยเฉพาะคนตัวใหญ่อย่างพี่เม่น แต่นี่จานแรกพร่องไปยังไม่ครึ่ง แกดันทิ้งข้าวเย็นเสียแล้ว

“พอ แดกไม่ลง...” ว่าแล้วคนอารมณ์ไม่คงที่ก็ลุกหนีออกจากวง

“แดกไม่ลง? อยู่ๆ เป็นอะไรอีกคนวะ”

“จะอ้วก!”

เสียงตอบกลับมามีแค่นั้น ร่างสูงใหญ่ปลีกตัวไป เดินลิ่วๆ กลืนหายไปในความมืด

คนที่เหลือนั่งมองหน้ากัน แววตางงงันถ้วนหน้า ไอ้เด็กดำที่เอาแต่นั่งฟังผู้ใหญ่คุยกันดูจะสงสัยหนักกว่าใครเพื่อน

“พี่เม่นเป็นไรเหรอจ๊ะพี่หิน” มันถาม หากพี่หินของมันก็ไม่ได้ตอบ “วันนี้แปลกจัง มีแต่คนอ้วกแตกเนอะพี่ชาติเนอะ”

คนถูกพยักพเยิดเออออไม่ได้สนใจ ลูกตาของไอ้ชาติมองตามแผ่นหลังกว้างของยักษ์ตัวใหญ่ ความสงสัยเปลี่ยนเป็นลางสังหรณ์บางอย่างที่แม้จะยังหาคำตอบไม่ได้ แต่เค้าลางความสนุกของมันก็ทำให้ไอ้ชาติดวงตาวาววับ

จะว่าไปมันก็น่าคิด...


กำลังพูดถึงโคแก่กับหญ้าอ่อนอยู่ดีดี๊...
ไม่นึกว่าจะทำให้โคแก่อีกตัวแถวนี้ของขึ้นมาซะได้


...
งานนี้ไม่พ้นมีเรื่องสนุกให้เสือกอีกแน่แล้ว

ออฟไลน์ วันเวย์

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 26
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +179/-2
    • https://www.facebook.com/onewayy17/



วันที่สองของการเป็นเด็กคัดปลา...

ทยากรยังคงประดักประเดิดเหมือนวันแรกที่มาไม่มีผิด เขายืนคว้างอยู่กลางท่าเรือ มองดูผู้หญิงหลายคนเดินสวนทางไป พวกเธอสวมใส่เสื้อผ้ามิดชิด ปกปิดผิวกายจากแสงแดดจ้า วันนี้ท้องฟ้าโปร่งใส ก้อนเมฆกระจายตัวกัน เปิดทางให้ดวงอาทิตย์แสดงอิทธิฤทธิ์ได้เต็มที่ นี่ขนาดแปดโมงกว่าๆ ยังไม่ทันเก้าโมงดี หนุ่มเมืองกรุงยังรู้สึกได้ว่ามันต้องร้อนมากกว่าเมื่อวาน

“ทะเลเอ๊ย! มานี่มา...มาอยู่ในที่ร่มๆ หน่อยพ่อคุณ ตากแดดตัวแดงหมดแล้ว”

‘น้าพิม’ ผู้หญิงวัยกลางคนกวักมือเรียกอยู่ไกลๆ เธอนั่งอยู่ใต้ร่มเงาของต้นเตยทะเล...ต้นไม้ใหญ่ที่ขึ้นเรียงรายริมชายหาด ทยากรเดินเข้าไปหา ชายหนุ่มนั่งลงตรงหน้าน้าพิมและกลุ่มเพื่อนของเธออีกสองสามคน เมื่อวานเขาก็ได้คนเหล่านี้ที่ช่วยชี้ช่วยสอนงาน หนุ่มกรุงเทพฯ จึงกล้าพูดกล้าคุยกับคนอื่นมากขึ้น

“วันนี้ไม่คัดปลากันเหรอครับน้า ท่าเรือดูเงียบๆ”

ตั้งแต่ออกจากบ้านพร้อมพ่อและถูกปล่อยเกาะอยู่ที่เก่า เขาก็ยังไม่ได้หยิบจับงานอะไรสักอย่าง ท่าเรือวันนี้มีคนงานบางตา ผิดกับเมื่อวานที่ตั้งวงแยกกุ้งคัดปลากันคึกคัก 

“ไม่มีงานน่ะสิวะ” น้าพิมตอบ ในมือถือหมวกสานเก่าๆ โบกลมพัดตัวเองไปพลาง “เรือใหญ่ไม่เข้า ของสดก็ไม่มี พวกข้าก็เลยว่างแบบนี้ไง”

คำตอบที่ได้ทำเอาชายหนุ่มนิ่วหน้า

ว่างงานก็เท่ากับเงินในกระเป๋าว่างเปล่า...เหตุการณ์แบบนี้คงมีคนเดือดร้อนแน่

“เป็นแบบนี้บ่อยไหมครับ”

“ไม่หรอกไอ้หนุ่ม ร้อยวันพันปีจะมีแบบนี้ซะที เอ๊งนี่มันโชคดีนะ มาปุ๊บก็ได้อู้งานปั๊บ” น้าพิมหัวเราะ คนอื่นๆ จึงเป็นลูกคู่ส่งเสียงแซวเขาสนุกสนาน โชคดีที่แต่ละคนสูงวัย มีครอบครัวกันไปหมดแล้ว จึงไม่มีใครมาคอยขนาบข้าง ลูบไล้ลวนลามเหมือนอย่างที่เจอมาเมื่อวาน

“พวกเรามานั่งว่างๆ นายหัวจะไม่ว่าอะไรเหรอน้า” ทยากรชวนคุย สองตาสอดส่ายสังเกตๆไปรอบๆ เห็นคนงานกลุ่มอื่นก็นั่งรวมตัวเป็นกระจุกคุยกันเจี๊ยวจ๊าว

“จะไปว่าอะไร๊ นายหัวน่ะแกดีใจหาย ถึงไม่มีงานก็จ่ายเงินให้เต็มวัน ไม่เคยหักสักสตางก์แดงเดียว แกก็คงรู้นั่นแหละว่าพวกข้ามันหาเช้ากินค่ำ ลำพังค่าแรงเต็มวันก็จะไม่พอเลี้ยงลูกเลี้ยงผัวอยู่แล้ว ขืนถูกหักตังก์ไปอีก คราวนี้จะเอาอะไรกินเข้าไปล่ะวะ”

“...”

“เอ็งน่ะมาใหม่ อยู่ๆ ไปเดี๋ยวก็รู้ว่าโชคดีแค่ไหนที่ได้มาทำงานที่นี่... ไปเป็นลูกจ้างคนอื่นนะเอ็งเอ๊ย! โดนขูดรีดกันตาย ค่าแรงถูกยังขี้ หักแล้วหักอีกจนอยู่กันไม่ไหว ต้องหนีมาพึ่งบารมีนายหัวชาญกันทั้งนั้น”

พอพูดถึงนายหัว...หญิงวัยกลางคนก็แทบจะยกมือไหว้ ทยากรมองเห็นความศรัทธาในตัวนายจ้างเต็มเปี่ยมในดวงตาของน้าพิม

“นายหัวแกก็ใจดี ใครมาขอพึ่งพาอาศัยแกรับไว้หมด ไม่เคยไล่ไม่เคยปัด ค่าแรงวันละสามร้อยใครมันจะกล้าจ้าง ก็มีแต่ที่นี่ล่ะวะ...จ่ายสดกันทุกวัน ใครป่วยก็ให้ลาไปหามดหาหมอได้ ใครตายก็ให้เงินช่วยทำศพอีก พ่อเจ้าประคุณเอ๊ย! นี่ถ้าข้าไม่มีลูกมีผัวเป็นตัวเป็นตนนะ...”

“จะทำไมวะพี่พิม จะไปเป็นเมียน้อยนายหัวเรอะ” ผู้หญิงอีกคนในวงนินทาหัวเราะคิกคัก เสียดายที่ทยากรจำไม่ได้ว่าเธอชื่ออะไร

“ได้ก็ดีน่ะสิวะนังแจ่ม...” คำเฉลยของข้อสงสัยตามมารวดเร็วทันใจ “มีบุญวาสนาขนาดนั้นกูไม่มาแยกปลาให้เหม็นคาวแล้ว นอนกินบ้านกินเมืองอยู่บ้านให้ผัวหาเลี้ยงสบายใจ”

“แหม พี่...พูดยังกะเค้าจะเอาพี่ทำเมีย”

“วะ! นังนี่...” น้าพิมเริ่มฉุน “ก็เพราะไม่เอาน่ะสิโว้ย กูเลยต้องมีผัวเป็นไอ้ตัวขี้เกียจอยู่นี่ไง เวรกรรมของกูแท้ๆ มีผัว...ผัวก็ไม่เอาอ่าว นี่ถ้ามันขยันได้เสี้ยวเดียวของนายหัว กูคงกราบตีนมันเช้าเย็น” 

คนฟังเขาเถียงกันกลั้นยิ้มจนปวดแก้ม

หนุ่มเมืองกรุงรับเปิดรับทุกข้อมูลของพ่อเข้าไปในใจ ก่อนมาที่นี่...สิ่งที่ชายหนุ่มรู้เกี่ยวกับนายหัวชาญ มีเพียงรูปร่างหน้าตา รูปพรรณสัณฐานภายนอกเท่านั้น พูดได้เต็มปากเต็มคำว่าเขาไม่เคยรู้จักนิสัยของพ่อมาก่อน แต่เพียงสองวันที่อยู่ร่วมชายคา ทยากรซึมซับได้ถึงความยิ่งใหญ่ของผู้ชายคนนี้อย่างเต็มเปี่ยม

พ่อเป็นคนใจดี แม้บางทีจะดุ จะโหดไปบ้าง หากลูกจ้างทุกคนต่างรู้กันถ้วนหน้า...ยามใดเดือดร้อนมาพึ่งพาใครไม่ได้ นายหัวชาญจะเป็นเสมือนเรือใหญ่ คอยพยุงทุกคนเอาไว้ เป็นกำแพงป้องกันภัยไม่ให้ล้มหายตายไปจากพายุใหญ่ที่โถมกระหน่ำ

ความภูมิใจหลั่งไหลมาท่วมท้น ยิ่งคิดได้ว่าเลือดที่ไหลวนเวียนประกอบขึ้นมาเป็นตัวตนของเขา มันมาจากผู้ชายคนนี้ ทยากรยิ่งอยากยิ้มให้กว้าง หากยังมีเรื่องหนึ่งติดอยู่ในใจเขามาตั้งแต่ต้น

“พูดถึงเมีย...ผมเพิ่งมาอยู่ใหม่ ยังไม่เคยเห็นเมียนายหัวเลย”

อยากรู้...ก็ต้องหลอกถาม...

ใครเล่าจะเป็นกระจกสะท้อนความจริงได้ดีไปกว่า ‘เจ้าถิ่น’ ตัวจริง

“โอ๊ย! อย่าว่าแต่เอ็งเลยวะ อยู่มาจนหัวหงอกเป็นสองสี ข้าก็ยังไม่เคยเห็นเหมือนกัน”

“นายหัวไม่มีเมียเหรอครับน้า”

“ไม่รู้...” คำตอบมาหนักแน่นจริงจังจนคนถามหน้าเหวอ “เรื่องเมียนายหัวเนี่ย เอ็งเอ๊ย! ยังกะสิ่งลี้ลับ ไม่มีใครรู้หรอกวะว่าแกเคยตบเคยแต่งกะใครมาแล้วหรือยัง ไม่เหมือนไอ้เม่น...รายนั้นเค้ารู้แจ้งเห็นจริงกันทั้งเกาะ” ว่าแล้วคนพูดก็หันไปพยักหน้าขอแนวร่วมกับคนรอบข้าง

ตอนนี้เองที่วงล้อมเริ่มขยายใหญ่...

ว่ากันว่า...จำนวนคนร่วมสนทนาแปรผันตรงตามความน่าสนใจของสาระที่คุยกัน ชายหนุ่มมองซ้ายมองขวา เห็นหน้าตาของบรรดาสาวใหญ่ดูตั้งใจพูดเรื่องนี้กันเต็มที่ เขาจึงจำใจพับโครงการหลอกถามเรื่องพ่อเข้ากระเป๋าไว้ ทยากรกระพริบตาปริบๆ พินิจพิศวงอยู่ในใจ กำลังคุยกันเรื่องนายหัวชาญอยู่ดีๆ ประเด็นมันเปลี่ยนมาเป็นอีกคนได้อย่างไร

“อู๊ยยย สำคัญนักแหละคนนี้” แจ่มจันทร์ทนคันปากมานาน พอเปิดประเด็นนี้มา เจ้าหล่อนจึงขอไม่ทน กระโดดมาเป็นแกนนำขาเม้ากับเค้าบ้าง “พี่พิมจำตอนนั้นได้ไหม ก่อนที่พี่เม่นมันจะแต่งเมียเป็นตัวเป็นตน ตอนนั้นชื่อเสียงกระฉ่อนขนาดไหน”

“จำได้สิวะ ไอ้นี่น่ะตัวดี แต่ก่อนนะมึงเอ๊ย...ผู้หญิงทั้งเกาะนี่ตามติดมันยังกะอะไรดี ข้ามไปเกาะใหญ่นู้นก็ยังมีมาเกาะแกะ อย่างว่าแหละวะ...คนมันหน้าตาดี มีอีสาวน้อยสาวใหญ่ให้กินฟรีไม่เคยขาด” 

“เสียดายจริงๆ นะพี่พิม พี่เม่นไม่น่าเล้ย...แต่ก่อนใครเห็นเป็นต้องเหลียวมอง คนอะไรสูงยาวเข่าดี ทั้งหน้าทั้งตางี้คมกริบ จมูกก็โด่งยังกะสันเขื่อน นี่ฉันยังจำพี่เม่นตอนนั้นได้แม่นอยู่เลย แล้วดูสารรูปตอนนี้...ดูได้เสียที่ไหน”

“โบราณเค้าถึงว่าไว้ไงล่ะ จะมีผัวมีเมียทั้งทีก็ต้องดูให้มันดีๆ มีเมียผิดคิดอ่านอะไรก็ไม่เจริญ ตัวอย่างมีให้เห็นเต็มสองตา”

ทยากรนั่งฟังพวกผู้หญิงเขานินทากันออกรส ไม่มีช่องว่างสักจังหวะให้เขาเปิดปากแทรกอะไรได้ คนตัวขาวยิ้มบางนึกถึงเงาะป่ายังไม่ถอดรูปแล้วนึกหมั่นไส้ ป่านนี้เจ้าตัวคงจามจน ‘จมูกโด่งเป็นสันเขื่อน’ ยุบไปสองเซนแล้ว

“แต่พูดก็พูดนะพี่พิม นังดาวเมียพี่เม่นเนี่ยมันก็สวยจริง สวยเหมือนนางฟ้านางสวรรค์ ก็ไม่แปลกหรอกที่พี่เม่นมันจะรักของมันมากขนาดนั้น”

“หึ! หน้าสวยแต่สันดานไม่ดี” พิมจีบปากจีบคอวิจารณ์ “ยมบาลถึงได้เรียกตัวไปซะเร็วยังงี้น่ะสิ ก็ดีเหมือนกัน...ถือว่าพ้นเวรพ้นกรรมได้เร็วดี ขืนลากยาวกว่านี้ไม่รู้เขาจะงอกออกมาจากหัวไอ้เม่นเมื่อไหร่ ถือเป็นบุญของมัน”

“ไม่น่าเชื่อเลยเนอะพี่ เห็นนังดาวมันก็ดูรักผัวมันออกขนาดนั้น ก้อร่อก้อติกกันมาตั้งแต่เรียนยังไม่ทันจบมัธยม กวาดอีสาวคนอื่นกระเด็นไปหมด ได้พี่เม่นไปกกจนได้ เห็นเรียบร้อยเป็นผ้าพับไว้ ไม่นึกว่าจะกล้าสวมเขาให้ผัว แอบไปเอากะไอ้ชู้ทั้งที่ลูกเต้าก็โตจนวิ่งได้...”

คนฟังขมวดคิ้วทันที...ไอ้หนุ่มต่างถิ่นได้ยินเรื่องของนายช่างมาบ้าง เมื่อครั้งตามพ่อไปดูอาการคนเมาที่บ้านพักคนงาน เขารู้เพียงแค่ลูกเมียของผู้ชายคนนั้นเสียชีวิต หากไม่คิดว่าในความสูญเสียนั้น จะยังมีความบอบช้ำอื่นซุกซ่อนอยู่

“สงสารก็แต่ไอ้เดือนลูกชายมัน เด็กสามสี่ขวบกำลังน่ารักน่าชัง ตัวงี้ขาวจั๊วะ...ขาวพอๆ กะเอ็งเลยไอ้ทะเล” ทยากรชะงัก น้าพิมเอื้อมมือมาจับแขนเขา ดวงตาของคนสูงวัยกว่าพิจารณาตามเนื้อตัวไอ้หนุ่มหน้าใส อดคิดไม่ได้ว่าผิวพรรณราวผู้ดีตั้งแต่อ้อนแต่ออกอย่างนี้... ระวังตัวไม่ดี มีสิทธิ์ได้ผัวมากกว่าได้เมียกระมัง...

“น้องเดือน...ที่เสียไปแล้วใช่ไหมครับ” ชายหนุ่มถาม พยายามดึงแขนตัวเองกลับอย่างสุภาพ อึดอัดอยู่ไม่น้อยเมื่อถูกจ้องระยะประชิด แถมน้าแกยังไม่คิดจะปล่อยมือง่ายๆ

“เออ! มันตายไปแล้ว ตายทั้งแม่ทั้งลูกนั่นแหละ” พิมถอนใจ พอได้พูดถึงเรื่องนี้ทีไร หล่อนอดโมโหไม่ได้ทุกครั้ง “สงสารเด็กมัน ไม่รู้เรื่องรู้ราวอะไร วันที่มันตาย...นังแม่มันพาเก็บกระเป๋าลงเรือข้ามฟากเที่ยวสุดท้าย คงนัดแนะกับไอ้ชู้ว่าจะไปอยู่ด้วยกัน คิดจะพรากพ่อพรากลูกเค้าเสียได้ ไม่รู้ใจคอมันทำด้วยอะไร”

“ก่อนหน้านี้ฉันเคยเตือนพี่เม่นไปทีแล้วนะพี่พิม ชาวบ้านคนอื่นเค้าก็เตือนแล้วเตือนอีกว่านังดาวน่ะมีชู้ คนเค้าเห็นกันทั่วตลาด แต่พี่เม่นแกฟังเสียที่ไหน”

“รักมากหลงมาก ไว้ใจเมียไปเสียหมด หูหนวกตาบอดก็ไม่สนใจ ตอนนี้มันถึงได้ทำตัวเป็นฤๅษีอย่างนี้ไง สงสัยจะเข็ดจนตาย ไม่ชายตาแลอีสาวหน้าไหนอีกเลย...”

ทยากรพูดอะไรไม่ออกกับสิ่งที่ได้รับรู้ เรื่องราวหดหู่สะเทือนใจ ต่อให้เป็นคนเข้มแข็งขนาดไหน การยืนหยัดให้ได้ทั้งที่มีบาดแผลฉกรรจ์คงทำได้ยากเหลือเกิน มิน่าเล่าแววตาคู่นั้นถึงได้ฉายแววเศร้านัก แม้กระทั่งตอนเมาหนัก ฤทธิ์เหล้าก็ยังไม่อาจลบล้างความเจ็บช้ำออกไปได้ ผู้ชายคนนั้นยังคงเจ็บสาหัส เป็นความเจ็บที่ไม่อาจหาใครมาช่วยเยียวยาได้สักคน

จากหมั่นไส้กลายเป็นความสงสาร...

คนสำคัญจากไปก็ช้ำใจเกินทนแล้ว เมื่อมารู้ทีหลังว่าการสูญเสียนั้นมีต้นเหตุจากการ ‘หักหลัง’ เป็นเขาจะทำยังไง หากต้องตกอยู่ในสถานการณ์เลวร้ายอย่างนั้น ทยากรคิดไม่ออกเลยว่า ชีวิตนี้จะเงยหน้ามองหาแสงสว่างได้อีกครั้งด้วยวิธีไหน

ไม่รู้เลย...



--------
TBC


ชาวเล้า...อย่ารับน้องกับทะเลแบบนี้นะคะ สงสาร 55555+
ฝากเอ็นดูพี่เม่นกับนุ้งเลด้วยน้า  :monkeysad:

ออฟไลน์ ♥►MAGNOLIA◄♥

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7538
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +193/-11
 :เฮ้อ: ......อ่านเท่าไร ก็ไม่พอ :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:
พี่เม่น จะเอ็นดูเล สักหน่อย ก็ขวางซะละ
นินทากาทะเล พ่อกลายเป็นผัวไปและ
เล ถูกรับน้อง หิวๆ มา กินก็โดนแกล้ง
เผ็ดๆ งี้ เนื้องูอีก ไอ้ที่อร่อย เลยอ๊อกซะหมดท้อง
แต่ทะเล จะต้องเข้มแข็งขึ้นแน่ๆ
     :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 25-11-2016 22:05:38 โดย ทฟเืนสรฟ »

ออฟไลน์ koikoi

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3862
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +311/-13
อยากให้ความจริงเปิดเผยแล้ว

ออฟไลน์ PetitDragon

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4126
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +343/-5
ติดตามครับ


 o13

ออฟไลน์ warin

  • รถไฟขบวนนั้น ได้แล่นผ่านไปแล้ว
  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1938
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +60/-1
    • -
มาแล้ว  ติดตามค่ะ  รออ่านตอนหน้าจ้า

ออฟไลน์ Snowermyhae

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4015
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +97/-7
คิดกันไปไกลทุกคนแล้ววววว  :hao7:

ออฟไลน์ ♥lvl♀‘O’Deal2♥

  • หานิยายถูกใจยากจัง!
  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2665
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +176/-4
มานอนรอทุกวัน

ออฟไลน์ Seilong2

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 370
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +11/-2
เริ่มจะหลงรัก "ทะเล " เข้าให้แล้ว   o13
รอติดตามจ้า มาต่อบ่อยๆนะคะ



CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ Jibbubu

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3393
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +77/-6
โธ่ ไหงทุกคนถึงได้คิดแบบนั้นล่ะ น้องเลกับนายหัวไม่ได้เป็นอะไรกันนะนอกจากเป็นพ่อลูกแค่นั้นเองจริงๆ
คิดไปกันใหญ่หมดทั้งเกาะแล้วเนี่ย แล้วถ้าได้รู้ความจริงเข้าคงได้หงายหลังกันเป็นแถบแน่ๆ หึหึหึ

ออฟไลน์ SiHong

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 484
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +8/-2
สนุกมากค่ะ รอติดตามอยู่นะคะ

ออฟไลน์ ming88

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 36
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
สนุกมากก น่าติดตาม
พี่เม่น น้องทะเล

ออฟไลน์ •♀NoM!_KunG♀•

  • *,*โสดสนิทศิษย์พยักหน้า*,*
  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7579
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +181/-8
จ้า มีสงสาร เดะก้อมีใจ><

ออฟไลน์ aommyga40

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 99
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-0
รอจร้า. ติดตามๆๆสู้ๆ

ออฟไลน์ hibatsumoe

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 211
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +24/-0
สงสัยคงโดนพี่เม่นรับน้องยาวๆ
ข้อหาเป็นคนโปรดนายหัว ลางดราม่ามาแต่ไกล~ พี่ทะเลสู้ๆ

ออฟไลน์ cavalli

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5378
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +195/-19
 o13


ชอบๆ

ออฟไลน์ kokoro

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1090
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +138/-2
ทะเลสู้ต่อไปนะ อย่ายอมแพ้
พิสูจน์ตนเองให้ทุกคนยอมรับให้ได้
ทีนี้เมื่อความจริงถูกเปิดเผย ทุกคนจะต้องอึ้ง หึหึ

ออฟไลน์ nijikii

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 294
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +6/-0
ชอบพล็อตเรื่องมากกกกกกกก
มีอะไรให้ติดตามไปเสียหมด
จับกดกลางทะเลกลางทรายกลางโขดหินไรงี้ #เดี๋ยว
 :hao7:

ทะเลคงไม่แคล้วได้ผัวที่นี่แหละลูก
ถ้าไม่โดนจับทำเมียก้จับทำลูกแน่งานนี้
(ดูแล้วพี่เม่นอยากจะดูเอ็น เอ้ย เอ็นดูทะเลเหมือนน้องเดือนที่จากไป)

นี่ว่าทะเลต้องโดนพี่เม่นฟาดฟันแน่ๆ ดูแล้วหมั่นไส้น้องทะเลเหลือเกิน
แต่ทะเลก็ไม่น้อยหน้า แต่จะว่าไป ของทะเลคงจากความหมั่นไส้เปลี่ยนไปเป็นความสงสารจนเป็นบ่อเกิดของความรักแน่นอน

ออฟไลน์ pui

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2194
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +177/-3
สนุก  :mew3: รอตอนต่อไปค่ะ :mew1:

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด