ราเชนทร์ – คีรี Part 1
คีรีกับราเชนทร์รู้จักกันมานาน
แต่ไม่มีใครเคยรู้
มันน่าตลกมั้ยล่ะ คนหนึ่งกินมรดกครอบครัว ใช้ชีวิตอย่างแสนสำราญเสเพลไม่ทำงาน กับอีกคนที่ตั้งอกตั้งใจขยันขันแข็ง มีกิจการที่ต้องรับผิดชอบแต่เด็กและยิ่งพัฒนาให้เฟื่องฟูด้วยความสามารถของตนเอง
พวกเขาทั้งคู่ต่างกันราวฟ้ากับเหว
แต่ก็มีเหมือนกันอยู่อย่าง
นั่นคือรสนิยมด้านคู่ขา
พวกเขาเจอกันได้ยังไงน่ะเหรอ
...ถ้าจำไม่ผิด น่าจะเป็นตอนที่ราเชนทร์ควงผู้หญิงคนหนึ่ง แล้วไปโป๊ะแตกว่าเธอคนนั้นคบกับคีรีอยู่ก่อนแล้ว และตัวเองเป็นมือที่สาม
พวกเขาสองคนแรกพบสบตาด้วยเหตุการณ์ไม่น่าจดจำนั้น
หลังพากันสาปแช่งคนละทีแล้วก็แยกย้ายกันไป
ครั้งที่สอง คือตอนที่ราเชนทร์เปลี่ยนไปลองควงหนุ่มน้อยคนใหม่ แล้วมารู้ทีหลังอีกครั้งว่าหนุ่มน้อยคนนั้นดันกิ๊กกับคีรีซะนี่
อีก-แล้ว-เหรอ-วะ!?ไม่รู้ว่าโลกมันกลมหรือเพราะอะไร แต่การเจอหน้าครั้งที่สองทำเอาราเชนทร์หัวเสีย แม้จะพอยืดอกภูมิใจได้ว่าครั้งนี้ไม่ได้เป็นตัวสำรอง แต่ถึงอย่างนั้น...มันก็น่าเจ็บใจอยู่ดีว่ามั้ย
ครั้งที่สาม พอจีบเด็กคนใหม่ได้ ราเชนทร์เลยถามคำถามแรกออกมา
“รู้จักคีรีมั้ย”
ทันทีที่เห็นเด็กอึกอัก ราเชนทร์ก็กลอกตาแล้วกุมขมับ ก่อนจะลากเด็กคนนั้นไปหาคีรีด้วยตัวเอง
กระทำการอุกอาจบุกบริษัทใหญ่ที่ติดหนึ่งในสิบของประเทศ ถ้าไม่มั่นใจในตัวเองคงไม่กล้าทำ แต่ราเชนทร์ไม่สนใจ เขาลากคู่ขาคนใหม่ผลักไปให้คีรี แล้วตวาดออกมาประโยคเดียว
“หัดดูแลคนของตัวเองหน่อยสิวะ!”
และคีรีก็ตอบกลับเรียบๆ ว่า
“คนนั้นฉันเลิกไปแล้ว”
“...”
“...”
ราเชนทร์หน้าแตกยับ แต่ก็แถเนียนด้วยการสลัดเด็กคนนั้นทิ้ง ชายหนุ่มรักหน้าตัวเองยิ่งกว่าอะไร จะยอมใช้ของมือสองต่อจากคนที่เคยแย่งคู่นอนกันมาแล้วเนี่ยนะ ไม่มีทางซะหรอก!
พอไล่เด็กสำเร็จ ราเชนทร์ก็เห็นคีรีทำหน้าเศร้าสลดหดหู่ มาถึงตอนนี้ก็เพิ่งเข้าใจว่าตัวเองโยนคนที่ชอบทิ้งตามอารมณ์ไปซะเฉยๆ นึกแล้วก็อดจะเจ็บแปลบไม่ได้ จะให้กลับง้อทั้งที่ประกาศออกมากับปากก็ทำไม่ลง ไปๆ มาๆ เลยชวนก๊งเหล้า ปรากฏว่าคีรีคออ่อนยิ่งกว่าอะไร เผยเนื้อแท้ออกมาหมดเปลือก รวมทั้งบอกเล่าเก้าสิบถึงเรื่องความรักที่มักผิดหวังอยู่เสมอ
ราเชนทร์ก็แสนกลัดกลุ้ม เขาเองก็คบใครไม่ได้นานเหมือนกัน แต่จะให้มั่วเซ็กซ์เลือกส่งๆ ก็ใช่เรื่อง อย่างน้อยควรรับประกันความปลอดภัย มีความน่าสนใจพอประมาณ แต่พอรู้หน้าค่าตาก็เป็นอันมีเรื่องปวดหัวตามมาทุกที
ถ้าไม่ต้องเห็นหน้ากันไปเลยยังดีกว่า จะได้ไม่ต้องมาเสียอารมณ์เสียความรู้สึกในภายหลัง
พลันหนุ่มเจ้าสำราญปิ๊งไอเดีย
ราเชนทร์ชวนคีรีเปิดปริ้นส์รูม
มาทำความรู้จักทั้งคู่ให้ลึกซึ้งกันก่อน
ราเชนทร์เป็นคนยังไงงั้นเหรอ
เขาเป็นคนรักอิสระ เพราะเติบโตมาอย่างสุขสบาย จึงรู้จักแต่การเสพสุข แต่เพราะทุกอย่างมันง่ายดายเกินไปเนี่ยล่ะ ถึงไม่ค่อยเจอคนขัดใจ เวลาไม่พอใจเข้าหน่อยก็หัวเสียง่ายผิดกับภาพลักษณ์ที่มักแจกรอยยิ้มเรี่ยราด
ที่สำคัญ ราเชนทร์เป็นคนหวงของ และหยิ่งมากพอจะไม่ใช้คู่นอนซ้ำกับคนอื่น
ทำตัวสูงส่งราวกับคุณชายจากชั้นฟ้าชั้นสวรรค์
แล้วคีรีล่ะ...เป็นคนยังไง
คีรีเป็นนักธุรกิจไฟแรง แต่เพราะความขยันมุ่งมั่นอยู่แต่กับเอกสารการจัดการ พอถึงเวลาที่ต้องยุ่งเกี่ยวกับเรื่องรักใคร่จึงไม่ถนัดเอาซะเลย แต่ความพยายามที่มากจนเรียกว่าหัวรั้น ทำให้เขามักจะได้ใจคู่ขาในช่วงท้าย
หลายคนมักเลือกคีรีเพราะอยู่ด้วยแล้วรู้สึกได้รับการดูแลอย่างดี
หาไม่รู้ว่าความจริงแล้วความเหนียมอายของคีรีนั้นแฝงความอันตราย การทำงานในแต่ละวันกดดันแค่ไหน คีรีต้องผ่านอะไรมากมายกว่าจะมาถึงจุดนี้ ช่วงเวลาที่ต้องการปลดปล่อย จึงเป็นการใช้กำลัง คีรีเรียนต่อยมวย ฝึกศิลปะการป้องกันตัว เขามักหาคู่ซ้อมบ่อยๆ จนถึกทน และนั่นทำให้เซ็กซ์ของเขาค่อนข้างหนัก
ผิดกับภาพลักษณ์ภายนอกโดยสิ้นเชิง
คนหนึ่งรักสบายไม่ชอบทำงานปวดหัว อยากสร้างสถานที่ที่พวกเขาจะหาคู่นอนได้โดยไม่มีข้อผูกมัดแต่รับประกันความปลอดภัย มีข้อเสนอเป็นงบการเงินเปย์ไม่อั้น ขอแค่จัดแต่งให้ตรงรสนิยมเลิศหรูเป็นพอ
ส่วนอีกคนก็ทำงานจนเหนื่อยล้าอยากระบายความอัดอั้น ยินยอมเป็นผู้บริหารให้
ทุกอย่างเป็นไปอย่างราบรื่นโดยที่ต่างคนต่างทำหน้าที่โดยแทบไม่เจอหน้ากัน
มาถึงตอนนี้ จะใช้แทนคำว่าเพื่อน...ก็ออกจะยังไงอยู่
ให้เรียกว่าศัตรูก็ไม่ใช่อีก
งั้นคนรู้จักล่ะ อืม...ความจริงแล้วทั้งคู่ก็ไม่ได้อยากจะรู้จักกันนักหรอก
แต่จะให้เรียกว่าผู้ร่วมหุ้นทำธุรกิจ? อา...ออกจะเป็นงานเป็นการไปนิด ในเมื่อราเชนทร์ไม่ทำอะไรเลย
ทั้งคู่ไม่ใช่ทั้งเพื่อน ทั้งศัตรู ทั้งคนรู้จัก ทั้งเพื่อนร่วมงาน
ต่างหวังพึ่งประโยชน์ซึ่งกันและกัน ถึงจะถูกต้องที่สุด
หลังเปิดปริ้นส์รูม พวกเขาก็ไม่มีปัญหาเรื่องคู่ขาอีก เพราะไม่จำเป็นต้องหาคนคบหา และไม่ต้องวางตัวหรือกลัวถูกนินทาด้วย ในเมื่อทั้งคู่ต่างมีหน้ามีตาในสังคม
กลับมาที่ราเชนทร์กันก่อน
หนุ่มเจ้าสำราญคนนี้พอใจกับปริ้นส์รูมมาก เล่นซ่อนแอบในที่มืดก็สนุกไม่เลว แต่บางทีราเชนทร์ก็ใช้เส้นสายในการแอบดูกล้องแล้วเลือกคู่นอนเพื่อให้ตรงรสนิยม พยายามหาคนที่เพิ่งเข้าใหม่ จะได้ไม่ต้องไปทับรอยกับคีรี
ชีวิตอิสระแบบนี้ตรงใจเขานักแล
จนกระทั่ง...เจอกับหรัญญ์
ราเชนทร์ไม่ได้มีสเปคเป็นหนุ่มผมยาว อันที่จริงตอนเจอหรัญญ์ครั้งแรกเจ้าตัวก็ไม่ได้ไว้ผมยาวเท่าตอนนี้หรอก แค่รวบเป็นจุกเล็กๆ ดูน่ารักเท่านั้น เดิมทีราเชนทร์เห็นแล้วก็นึกถูกใจกับเด็กใหม่ที่ออกจะตื่นตัวกับคลับ เห็นหน้านิ่งๆ แต่ปฏิกิริยาตอบสนองกลับสวนไปคนละทาง เดี๋ยวถอยหลังบ้างล่ะ เดี๋ยวหลบตาบ้างล่ะ เดี๋ยวแอบไปหลบมุมบ้างล่ะ ช่างเป็นคนที่ไม่รู้จักพึ่งพาคนอื่นเอาซะเลย แต่ความเข้มแข็งที่พยายามทำอะไรด้วยตัวเองนั้นก็ทำให้ราเชนทร์เผลอมองตามอยู่บ่อยๆ
แถมพอมีเงินเข้าหน่อยก็กัดฟันสู้ท่าเดียว
ราเชนทร์ก็อธิบายความรู้สึกตัวเองไม่ถูกหรอก แต่เวลาหรัญญ์เหลือบมองเขา ทำหน้าเหมือนแอบนินทาอะไรลับหลัง มันมีอะไรบางอย่างที่กระแทกใจ แต่เพราะไม่เคยคุยเล่นกันจริงจังเลยไม่เคยสบตากันตรงๆ สักที
วันหนึ่ง ตอนที่เจ้าตัวเผลอลูบผมที่เริ่มยาว ราเชนทร์เลยชมออกไปอย่างตั้งใจ
“ผมนายสวย...”
มือที่แตะปลายผมสีดำละเอียดชะงัก ก่อนจะหันมาถามกลับเสียงเรียบ
“จีบผมเหรอ”
ราเชนทร์ก็แอบสำลักไปเหมือนกัน แต่ยังพอเก๊กหน้าไว้ได้และยักคิ้วยียวน
“ถ้าใช่ล่ะ”
ลมหายใจของราเชนทร์แทบสะดุดเมื่อจู่ๆ หรัญญ์พลันยื่นหน้าเข้าใกล้ และยกมือจับคางเขาเบาๆ กึ่งขออนุญาตล่วงเกินแบบที่คาดไม่ถึง ราเชนทร์ชอบรุกเข้าหาคนอื่น ชอบหยอกเล่นเย้าแหย่ แต่เวลาโดนเอาคืนก็มักจะแสดงท่าทางตลกๆ อย่างในตอนนี้
แต่หรัญญ์ไม่สนใจ เจ้าของใบหน้าเรียบเฉยไร้อารมณ์จับคางราเชนทร์บิดหน้าซ้ายทีขวาทีอย่างกับพิจารณาสินค้า
ท้ายที่สุด หรัญญ์ก็ละมือและผละตัวออก เจ้าตัวพยักหน้าให้เขาหนึ่งครั้ง
พร้อมกับแย้มยิ้ม
ไม่ใช่รอยยิ้มการค้าที่เห็นจนชินตา
แต่เป็นรอยยิ้มทรงเสน่ห์ กระตุ้นท้าทายคนที่ร้างราความรักเข้าอย่างจัง
“ผมไม่เอาคุณหรอก”
วินาทีนั้นราเชนทร์ถึงกับใจสั่น
ความจริงแล้วหรัญญ์ไม่ใช่คนที่สะดุดตาแต่แรกเห็น หากให้มองแยกส่วนก็ต้องพูดตรงๆ ว่า ธรรมดาไปซะทุกอย่าง แต่น่าแปลกที่พอรวมอยู่บนใบหน้าของหรัญญ์ บวกกับท่าทางการแสดงออกของเด็กหนุ่ม กลับทำให้น่าดึงดูดจนเรียกว่าแทบละสายตาไม่ได้
ราเชนทร์ลูบหน้าอกตัวเอง นานแค่ไหนแล้วนะที่ไม่เจอคนถูกใจอยากลองจีบ คงตั้งแต่เริ่มเบื่อหน่ายที่เจอคู่นอนคนเดียวกับคีรีจนขยาด แต่นั่นก็เป็นเหตุการณ์นานแสนนานเหลือเกินนับจากพวกเขาเปิดปริ้นส์รูม
เหมือนโดนปลุกสัญชาตญานดิบขึ้นมา ราเชนทร์เพิ่งรู้ตัวเอาตอนนี้เองว่าแม้ปริ้นส์รูมจะช่วยเติมเต็มในบางส่วน แต่ก็มีอีกหลายส่วนที่ไม่สามารถทดแทนได้
อย่างน้อยก็กับใครบางคนที่คิดว่าหากอยู่ด้วยกันคงจะมองเพลินน่าดู
ความอยากเป็นเจ้าของ ความอยากครอบครองค่อยๆ ปรากฏเมื่อหรัญญ์หันหนี
ไม่ว่าใครต่างก็ชอบเอาชนะ
โดยเฉพาะกับเหล่าสมาชิกคิงส์คลับที่คลั่งไคล้ในความเสี่ยง
นั่นแหละคือจุดเริ่มต้นที่ราเชนทร์เริ่มจีบหรัญญ์อย่างจริงจัง
“คนนี้ฉันจอง! จองแล้วโว้ย!”
คีรีกับราเชนทร์ไม่ได้คุยกันนานนับปีหลังจากตกลงเปิดปริ้นส์รูม ไม่ใช่ว่าไม่อยากคุย แต่เพราะไม่มีอะไรจะคุย พวกเขาไม่ใช่เพื่อน ที่จะคอยบอกเล่าเรื่องราวประจำวัน พวกเขาไม่ใช่ศัตรู ที่จะคอยตั้งแง่หาเรื่องตลอดเวลา พวกเขาไม่ใช่คนรู้จัก ที่จะมาทักทายอรุณสวัสดิ์ และพวกเขาไม่ใช่คนร่วมธุรกิจ เพราะคีรีไม่คิดคุยผลประกอบการกับราเชนทร์ที่จะขาดทุนหรือกำไรก็ไม่สนใจทั้งนั้น
พวกเขาไม่มีแม้แต่เบอร์โทรศัพท์ของกันและกันด้วยซ้ำไป
ฉะนั้นภาพของราเชนทร์ที่บุกไปถึงบริษัทในวันต่อมา พร้อมกับส่งโทรศัพท์ให้ดูรูปแอบถ่ายกับคีรีนั้นจึงเป็นอะไรที่แปลกตามาก
คีรีเห็นหน้าหรัญญ์ครั้งแรกก็ตอนนั้น
ใช่แล้ว ราเชนทร์มาเพื่อแปะป้ายจองไม่ให้คีรีเผลอไปยุ่งกับคนที่เขาเล็งไว้นั่นเอง
อย่างที่บอกไปว่าหรัญญ์ไม่ใช่คนหน้าตาดี แต่มีเสน่ห์ยามเคลื่อนไหวหรือยิ้มยั่วอย่างเป็นธรรมชาติ ภาพนิ่งกึ่งเบลอเพราะแอบถ่ายเลยไม่น่าจดจำเท่าไหร่นัก ความประทับใจแรกพบสำหรับคีรีจึงเป็นอะไรที่ค่อนข้างเฉยชา
ราเชนทร์เห็นอย่างนั้นก็วางใจ ไม่เคยมาหาคีรีอีกเพราะหันไปจีบหรัญญ์อย่างเต็มตัว
แน่นอนว่าเขาเองก็มีท้อเหมือนกัน ราเชนทร์ไม่ใช่คนมีความอดทน ค่อนข้างหัวร้อนและไม่ชอบถูกขัดอกขัดใจด้วยซ้ำ แต่พอเห็นหรัญญ์เริ่มไว้ผมยาว และไม่ได้รังเกียจเวลาเข้าหาแบบถึงเนื้อถึงตัว แล้วจะไม่ให้เข้าข้างตัวเองได้ยังไง
หลังตามโลมเลียทางสายตามาเกือบครึ่งปี หรัญญ์ก็ตอบตกลงคบกันจนได้!
ราเชนทร์ดีใจแทบบ้า นี่เป็นสถิติการตามจีบที่ยาวนานที่สุดของเขาเลย!!
ชายหนุ่มระริกระรี้ แทบจะอุ้มหรัญญ์ไปบ้านของตนเพราะอยากใช้เวลาอยู่ด้วยกัน คนรักเองก็ไม่ได้เรื่องมาก ยอมตามมาง่ายๆ เหมือนอยากดูว่าเขาใช้ชีวิตยังไงอยู่แล้ว
แววตาของหรัญญ์บางครั้งก็ทำให้ราเชนทร์นึกกลัว คนคนนี้ราวกับพยายามเก็บข้อมูลเกี่ยวกับตัวเขาให้มากที่สุด โดยไม่ตอบสนองในสิ่งที่ควรจะเป็น อย่างเช่น...เวลาราเชนทร์พาคู่นอนมาบ้าน คนเหล่านั้นจะอ้าปากค้างกับความร่ำรวยฟุ้งเฟ้อ เวลาได้รับการปรนนิบัติรับใช้จากคนของเขา ถ้าไม่ยกตัวข่มท่านไปเลยก็ประหม่าไม่กล้าทำอะไร แต่หรัญญ์ไม่ใช่...อีกฝ่ายทำตัวเป็นปกติ เหมือนบ้านเขาเป็นบ้านตัวเอง ซะงั้น
และนั่นทำให้ราเชนทร์หลงรักเข้าไปใหญ่ หรัญญ์ทำให้เขาประหลาดใจเสมอ เหมือนมีตรรกะการใช้ชีวิตที่ไม่ค่อยปกติเท่าไหร่ อยู่ด้วยแล้วก็ใจเต้นตึกตัก มาจากทั้งความชอบทั้งความประทับใจจนอยากตัวติดกันไม่ห่าง
อาจจะเป็นเพราะเพิ่งคบกันก็ได้ ราเชนทร์ถึงได้อาการหนักขนาดนี้ เหมือนเป็นช่วงโปรโมชั่นที่หน้ามืดหลงใหลความรักบังตา พอเห็นหรัญญ์ไม่ค่อยเรื่องมากนัก เขาจึงเอาแต่ใจอย่างเต็มที่
“อย่ามาทำตัวแบบนี้กับผม!”
และนั่นทำให้ราเชนทร์ค้นพบนิสัยอีกอย่างของหรัญญ์...ทุกครั้งเวลาพาคนรักมาบ้าน แต่ละคนจะมีท่าทีเปลี่ยนไป อย่างน้อยก็ขยันเอาใจเขามากขึ้น แต่หรัญญ์...ใช่ หรัญญ์ทำตัวเหมือนปัจจัยภายนอกนั้นไม่ส่งผลอะไรเลย แถมยังกล้าขึ้นเสียงใส่เขาอีก
แน่นอนราเชนทร์อารมณ์เสีย และยิ่งไม่ชอบใจเมื่อโดนต่อว่าต่อหน้าคนรับใช้ในบ้าน
ราเชนทร์แค่พาหรัญญ์มาเอ้าท์ดอร์ตรงสวนเท่านั้นเอง แต่เพิ่งจะถลกเสื้อได้ไม่เท่าไหร่อีกฝ่ายก็ตวาดลั่น ทั้งที่เซ็กซ์ระหว่างพวกเขาสองคนค่อนข้างเข้ากัน แม้ว่าบางครั้งบางทีเขาจะฝืนร่างกายอีกฝ่ายบ้างก็ตาม แต่ช่วยไม่ได้ ก็เขายังไหวเลยอยากทำต่อเรื่อยๆ นี่นา ส่วนใหญ่ก็ชอบใจกันทั้งนั้นนี่
“นายจะเอายังไงกับฉันกันแน่”
“ผมพูดไปแล้ว พูดหลายครั้ง แต่คุณไม่เคยฟัง”
“ก็แล้วทำไมนายไม่ยอมฉันล่ะ นายเองก็ชอบไม่ใช่รึไง”
“คุณจะให้ผมยอมทนเพื่อให้คุณมีความสุข แลกกับที่วันต่อมาผมต้องไปทำงานทั้งที่ร่างกายไม่พร้อมงั้นสิ คุณมันเห็นแก่ตัวไปแล้วเชนทร์”
“ไม่เอาน่า ถ้านายไม่ชอบงั้นเราไปทานข้าวนอกบ้านกันดีมั้ย ฉันให้เลือกร้านเลย”
“เปลี่ยนเรื่องอีกแล้วนะ ทุกครั้งเวลามีปัญหาคุณก็เปลี่ยนเรื่องตลอด คุณไม่เคยคิดจะกลับไปแก้ไขหรือปรับปรุงตัวเลยใช่มั้ย”
ราเชนทร์ที่ยิ้มอยู่เสมอเริ่มไม่สบอารมณ์ขึ้นมา ความจริงเขาไม่ชอบใจนับตั้งแต่หรัญญ์ตวาดออกมาประโยคแรกแล้ว
“ฉันก็เป็นของฉันอย่างนี้ นายต่างหากที่ทำตัวมีปัญหา”
“งั้นคงเป็นความผิดผมเองที่ไม่ได้ทำตัวหูหนวกตาบอด มองไม่เห็นข้อบกพร่องของคุณ”
“เกินไปแล้วนะรัญ”
“คุณควรจะยอมรับตัวเองบ้าง และปรับตัวเข้าหาผมบ้างไม่ใช่ทำสุดโต่งอยู่อย่างนี้แล้วเฉไฉไปเรื่อย”
“เธอจะชวนฉันทะเลาะให้ได้เลยใช่มั้ย จะไม่หยุดพูดเรื่องนี้เลยใช่มั้ย”
“ทำไม ทนฟังไม่ได้เหรอครับ”
รอยยิ้มของหรัญญ์ที่ราเชนทร์ชอบนักหนาตอนนี้กลับทิ่มแทงสายตาเหลือเกิน
“งั้นตอบคำถามผมมา เราสองคนตัดสินใจคบกันด้วยความยินยอมของทั้งคู่ แล้วทำไมถึงเป็นผมฝ่ายเดียวที่ต้องยอมให้คุณด้วย ตอบมาสิครับ”
“เธอพูดไม่รู้เรื่องแล้ว”
“ถ้าคุณไม่ตอบ ผมก็ไม่มีอะไรจะคุยแล้วเหมือนกัน”
วันนั้นสรุปแล้วพวกเขาก็ไม่ได้ทานข้าวนอกบ้าน หรัญญ์เก็บตัวอยู่ในห้อง ทำหน้าครุ่นคิดจนราเชนทร์ที่อารมณ์เย็นลงเริ่มใจเสีย เขาประคองกอดหรัญญ์เอาไว้ด้วยความรัก ออดอ้อนเอาใจโดยที่ร่างนั้นเฝ้ามองเงียบๆ ไม่ยักคล้อยตาม ก่อนหน้านี้ราเชนทร์ก็เคยโดนว่าอยู่เหมือนที่ชอบเข้าหาโดยไม่ได้ดูว่าอีกฝ่ายกำลังทำอะไรอยู่ กำลังมีธุระสำคัญรึเปล่า ราเชนทร์มักเอาตัวเองเป็นที่ตั้งเสมอ ดึงเวลาทั้งหมดของคนรักให้เป็นของตัวเอง โดยคิดว่าถ้ารักกันจริงต้องยอมได้สิ
“ออกไปครับ”
“นี่เป็นบ้านฉันนะรัญ นายจะไล่ฉันออกไปจากบ้านตัวเองได้ยังไง”
“งั้นผมออกไปเอง วันนี้ผมไม่อยากนอนกับคุณ”
“ไม่เอาน่าที่รัก ฉันไม่ทำอะไรนายก็ได้” ราเชนทร์ยอมลงเท่าที่ทำให้ได้แล้ว คิดดูสิ นอนกอดคนรักเฉยๆ ทั้งที่อยากทำอะไรต่อมิอะไร เขานี่สุภาพบุรุษสุดๆ
“คุณไม่มีอะไรจะพูดกับผมหน่อยเหรอ” หรัญญ์คร้านจะขัด แต่พยายามเค้นถามด้วยสีหน้าจริงจังที่เขาเองก็ไม่เข้าใจ
“ฉันต้องพูดอะไรด้วยรึไง”
ราเชนทร์ตอบอย่างงุนงง หารู้ไม่ว่าเป็นการตอกตะปูฝังศพตัวเองแท้ๆ
คงเป็นตอนนั้นเองที่หรัญญ์ตัดสินใจเด็ดขาด
เพราะในวันต่อมา...คนรักที่เก็บเสื้อผ้าเรียบร้อยก็สะพายเป้มาหาเขา และบอกเลิก
แน่นอนว่าราเชนทร์ตกใจสุดขีด ไม่สิ ตกใจจนแทบคลั่งเลยล่ะ แต่ถึงอย่างนั้นก็พยายามทำใจเย็น ฉีกยิ้มปลอบใจด้วยความวาดหวังว่าบางทีคงเป็นการตัดสินใจวู่วาม
ไม่ใช่หรอก หรัญญ์คิดมาอย่างดีแล้ว
เพราะคนรักมองหน้าเขา ยกมือแตะดวงตาและริมฝีปากที่เคยกอดจูบ ก่อนจะส่งยิ้มอำลา
“เราเลิกกัน”
นั่นคงเป็นครั้งแรกที่ราเชนทร์ไม่สามารถทำเป็นกุเรื่องอื่นดึงความสนใจ
“รัญ นายอย่าล้อฉันเล่นแบบนี้สิ เราเพิ่งคบกันแค่สามวันเองนะ”
“ตั้งสามวันที่เราทะเลาะกันในเรื่องเดิมๆ ต่างหากครับ จะวันนี้ พรุ่งนี้ หรืออีกหนึ่งอาทิตย์ ก็ไม่ช่วยอะไรหรอกถ้าคุณยังไม่ยอมรับข้อเสียตัวเอง เราเลิกกัน ผมขอเลิกกับคุณ ลาก่อน”
ราเชนทร์ยังคงอึ้งตะลึง จนกระทั่งหรัญญ์เดินสวนไปถึงหน้าประตู ไม่แม้แต่จะหันหลังกลับ เขาก็เพิ่งตั้งสติได้ว่าถ้าไม่รีบรั้งไว้คงได้สูญเสียอีกฝ่ายไปจริงๆ
“ถ้านายกล้าไป ฉันก็จะลากกลับมา!”
“ผมจะแจ้งตำรวจ”
“ถ้าคิดว่าตำรวจช่วยให้นายปลอดภัยได้ตลอดยี่สิบสี่ชั่วโมงก็ลองดูสิ”
“คุณขู่ผม?”
ในสถานการณ์อย่างนี้หรัญญ์ยังยิ้มออก แถมเป็นยิ้มที่บาดอกราเชนทร์จนเลือดไหลซิบ
“ฉันจะทำให้นายเสียใจที่บอกเลิกกับฉัน”
“งั้นก็เชิญคุณทำตัวเป็นเด็กไม่รู้จักโตไปเถอะ”
คงเพราะรอยยิ้มในตอนท้ายที่ทำให้ราเชนทร์ไม่กล้าสั่งให้ลากตัวหรัญญ์เข้าจริงๆ เขาได้ยืนมองส่งจนร่างนั้นเดินอย่างแน่วแน่มั่นคงออกจากรั้วบ้านหลังใหญ่ และปลอบใจตัวเองว่าอีกเดี๋ยวหรัญญ์ต้องกลับมา นี่เป็นแค่การทะเลาะกันเท่านั้น ถ้าหายงอนเมื่อไหร่ก็คง...
แต่หรัญญ์ไม่กลับมา
เสียหน้า เสียใจ เสียสติ
คงเป็นความรู้สึกของราเชนทร์หลังพบว่าหรัญญ์ทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น ไปทำงาน ยิ้มเล่นกับลูกค้า ชงเครื่องดื่มอย่างสุขสันต์ ข้อดีที่อีกฝ่ายปรับตัวได้ดี กลับกลายเป็นอะไรที่ทิ่มแทงตาราเชนทร์จนทนไม่ได้
แต่เขาไม่ใช่คนที่จะไปตามง้อ โดยเฉพาะเมื่อรู้แก่ใจว่าตัวเองไม่ได้ทำอะไรผิด ใช่ เขาก็เป็นแบบนี้มาตลอด หรัญญ์ต่างหากที่เรียกร้องมากเกินไป ใช่ เป็นหรัญญ์ต่างหากที่ไม่รู้จักปรับตัวเข้าหาเขาเอง
ยิ่งราเชนทร์ปลอบใจตัวเอง เขาก็ยิ่งเมามาย แม้ก่อนหน้านี้ราเชนทร์จะมีถูกบอกเลิก หรือเป็นฝ่ายขอเลิก แต่ทุกคนที่ไปไม่เคยบอกเหตุผลกับเขา ไม่สิ หรือไม่ก็เป็นเขาเองที่ไม่รับรู้ไม่รับฟัง
มีแค่หรัญญ์ที่พูดออกมาตรงๆ และย้ำชัดไม่ยอมให้หลีกเลี่ยง
มันเป็นความรู้สึกที่ยากบรรยาย ทั้งโกรธเคืองและอยากรั้งไว้ แต่พอคิดว่าตัวเองเป็นฝ่ายผิด ราเชนทร์ก็ยิ่งรับไม่ได้ ในเมื่อไม่กล้าตามไปง้อหรัญญ์ เขาจึงใช้ไม้แข็ง
โดยการสั่งให้ลูกน้องไปขู่ทำร้ายจนหรัญญ์ไม่กล้าออกจากห้อง
มันออกจะเป็นวิธีที่สิ้นคิดไปสักนิด แต่ในเมื่อไม่ได้มา ราเชนทร์ก็ไม่อยากให้หรัญญ์ทำตัวแย้มยิ้มกับคนอื่น ไปทำงานเป็นปกติเหมือนทุกวันราวกับว่าเรื่องของเราไม่มีผลกระทบอะไรเลย
ทั้งที่เขาแทบเป็นบ้า!
ช่วงนั้นราเชนทร์ไปปริ้นส์รูมทุกวัน เมาหัวราน้ำจนมีการร้องเรียนจากลูกค้าว่ามีการกระทำรุนแรงเกิดขอบเขตที่กำหนดไว้ ร้อนให้คีรีต้องเข้ามาจัดการ
ภาพล่าสุดที่คีรีเจอราเชนทร์ คือรอยยิ้มร่ากระตือรือร้นตอนเอารูปหรัญญ์มาให้ดู
แต่ภาพในตอนนี้ คือคนช้ำรักที่เจ็บอกเจ็บใจอย่างที่สุด แถมยังไม่รู้จะจัดการกับความรู้สึกนี้ยังไง
คีรีไม่เคยเห็นราเชนทร์เป็นแบบนี้ อย่างน้อย...ตอนพวกเขาเผลอคบคนเดียวกัน อีกฝ่ายก็แค่โมโหแล้วซึมไปสักพัก แต่ไม่ถึงกับทำร้ายตัวเอง
เป็นครั้งแรกก็ว่าได้ที่ราเชนทร์ซึ่งใส่ใจกับรูปลักษณ์หน้าตาเสมอกลายเป็นไอ้ขี้เมาตาลึกโหล
อย่างกับซอมบี้ในซีรี่ย์ฝรั่ง
คีรีที่ตอนแรกตั้งใจจะมาปรามตัดสินใจทิ้งตัวลงนั่งข้างๆ แล้วฟังคำพึมพำของราเชนทร์
“รัญ...รัญ...”
หรือว่าเด็กที่ชื่อหรัญญ์ คนธรรมดาคนนั้นเป็นฝ่ายทิ้งราเชนทร์?
คีรีไม่ค่อยแปลกใจ ปกติพวกเขาก็คบกับใครไม่ได้นานอยู่แล้ว ไอ้ข้อเสียที่ว่าก็รู้ดีกันอยู่ แต่เพราะรู้อยู่กับอกว่าแก้ไขอะไรไม่นั่นแหละถึงได้เปิดปริ้นส์รูม แต่ดูเหมือนครั้งนี้ราเชนทร์จะเอาจริงเอาจังซะเหลือเกิน เท่าที่ฟังคนขี้เมาเพ้อ น่าจะเป็นเพราะราเชนทร์ทุ่มทุนจีบเป็นครึ่งปี แต่ดันเลิกในสามวัน
มันเกินจะรับไหว
คีรียอมรับว่าเขาชักนึกสนใจหรัญญ์ขึ้นมานิดๆ ไม่ใช่ในเชิงชู้สาว แต่ในแง่อยากทำความรู้จักว่าเป็นคนยังไง
ราวรู้ทันความคิด ราเชนทร์ที่เริ่มรู้ตัวว่าชักพูดมากเกินไปก็รีบออกปากห้ามทันที
“อย่ายุ่งกับรัญ!”
“เลิกกันแล้วไม่ใช่รึไง”
“ถึงอย่างนั้นก็ห้าม!”
ราเชนทร์จอมหวงของ หวงแม้กับคนที่เลิกราไปแล้ว
“งั้นจะปล่อยให้คนไปยืนคุมนานแค่ไหนล่ะ ป่านนี้เด็กคนนั้นคงกลัวตัวสั่นแล้ว” คีรีถามกลับ เรื่องที่ส่งลูกน้องไปขู่ก็ได้ยินจากปากของราเชนทร์นั่นแหละ
“หึ...รัญแทบไม่สนใจด้วยซ้ำ เก็บตัวเหมือนปล่อยให้ผ่านๆ ไป”
“งั้นถ้าเขาไม่สนใจ แล้วจะทำไปทำไม”
“...”
“ถ้าหวงขนาดนั้นก็ทำให้มันถูกสิ” คีรีสั่งสอนอย่างใจเย็นด้วยมาดนักธุรกิจที่กำลังอธิบายแผนการเงินกับลูกค้า แม้ความจริงจะเป็นแผนความรักที่เจ้าตัวเองก็ไม่เชี่ยวชาญ “ไหนๆ ก็ไม่มีอะไรจะเสียไม่ใช่รึไง”
( ต่อด้านล่าง )