ตอนที่ 10 : ในความมืด
วันต่อมาผมโดนแมนซักจนอ่วม
จะให้สารภาพออกมาตรงๆ ก็กระดากปากชอบกล แต่ถึงจะพูดพยายามอ้อมๆ แมนก็พอเดาได้อยู่แล้ว
“ควบสองเลยใช่มั้ย”
เจอประโยคนั้นเข้าไปผมก็ทำได้แค่พยักหน้า เหลือบมองภาวินที่ยืนห่างออกไปเพื่อความมั่นใจว่าจะไม่ได้ยิน เพราะนับตั้งแต่ผมกลับไปจู๋จี๋กับราเชนทร์อีกครั้ง เพื่อนร่วมงานคนนี้ก็จ๋อยไปเลย
ถ้าเขารู้ว่าผมควบท่านประธานด้วยมีหวังโดนแซะหนักกว่าเดิมแน่
ขนาดแมนเองยังมองผมเหมือนไปไม่เป็น ชอบผู้ชายว่าผิดปกติแล้ว ดันคบสองคนพร้อมกันนี่หนักกว่า แม้อยากจะถามรายละเอียดแต่ก็รู้ว่าผมคงไม่เล่า สุดท้ายแมนเลยลูบหัวผมเบาๆ เขาดูกังวลว่าผมจะคบรอดมากกว่าห่วงเรื่องควบสองควบสามอะไรนั่นอีก
“อย่าเลิกกันเร็วนักล่ะ”
“ก็ไม่แน่หรอก”
ผมคิดอย่างนั้นจริงๆ
คืนวันนั้นพวกเรากลับปริ้นส์รูมด้วยข้อตกลงเดิมๆ
คีรีมารับผม ส่วนราเชนทร์ขับรถตาม
หลังแยกย้ายกันอาบน้ำและถึงตาผมจัดการตัวเองเป็นคนสุดท้าย พวกเขาทั้งคู่ก็ยังคงยึดครองเตียงคนละฝั่ง แม้จะไม่มีอะไรขวางกั้นแต่คล้ายมีกำแพงสุญญากาศอยู่ตรงนั้น
“ว้าว รัญ...แจ่มมาก!”
ราเชนทร์หันมายกนิ้วให้ผมที่เดินเปลือยออกมา
ผมไม่มีอารมณ์กับคำเย้าแหย่และสายตาหื่นกระหายนั่นหรอก แต่เลือกไปนั่งบนเตียงอย่างไร้ความเอียงอาย
“ถ้าพรุ่งนี้ไม่อยากให้ผมพูดคำที่พวกคุณคิด ก็เดินแก้ผ้ามานี่ ทั้งคู่นั่นแหละ”
ครับ ผมกำลังอารมณ์ไม่ดีและราเชนทร์กับคีรีที่ยังตกลงหาทางตะครุบผมไว้คนเดียวไม่ได้ก็ปิดปากฉับ พวกเขารู้ดีว่าผมไม่ได้ขู่ แต่ผมพร้อมที่จะสลัดพวกเขาทั้งคู่ทิ้งในวันพรุ่งนี้จริงๆ
มองผู้ชายตัวโตสองคนค่อยๆ เปลื้องผ้าทีละชิ้นให้กระชุ่มกระชวยอยู่เหมือนกัน กลางแสงไฟอย่างนี้ยิ่งเห็นชัดว่าคนทำงานนั่งหน้าโต๊ะอย่างคีรีนั้นมีกล้ามเนื้อแน่นกระชับได้สัดส่วนมากกว่า หน้าท้องของเขามีลอนนูนออกมา น่าลูบไล้ ส่วนราเชนทร์แม้ไม่ค่อยเข้ายิมแต่เพราะเป็นลูกครึ่งโครงร่างเลยพอสูสี ช่วงไหล่และหน้าอกเนื้อแน่นน่าจับกัดให้จมเขี้ยว ขนาดขนตรงนั้นของเขายังเป็นสีน้ำตาลทองเลย
ทั้งคู่เดินมาหยุดหน้าเตียง เว้นห่างจากผมหนึ่งเมตรพอดิบพอดี
พอโดนกระดิกนิ้วเรียก ต่างก็เขยิบเข้ามาคนละก้าว ทีอย่างนี้ล่ะสามัคคีกันเชียว
ผมยังคงนั่งกระดิกนิ้ว จนทั้งคู่เข้ามาในระยะประชิดที่ส่วนนั้นจ่อพอดีกับสายตาของผม พอมองใกล้ๆ แบบนี้แล้ว...ของราเชนทร์ใหญ่กว่าแฮะ
อย่าเพิ่งหาว่าผมหื่นเลยนะ เพราะสิ่งที่ผมจะทำต่อจากนี้เรียกได้ว่าติดเรทเลยทีเดียว
ครับ ผมจับไอ้จ้อนตัวน้อยของทั้งคู่ เล่นเอาทั้งราเชนทร์และคีรีสะดุ้งเฮือก
“ผมไม่บีบของพวกคุณแหลกคามือหรอกน่า อยู่นิ่งๆ” ผมเอ่ยเสียงเรียบเมื่อเห็นอาการต่อต้านเตรียมเผ่น กำชับสิ่งเล็กๆ ที่เรียกว่ารักในมือพลางเงยหน้าคลี่ยิ้มจาง แต่ไม่รู้ทำไมถึงยิ่งทำให้ทั้งคู่ตัวเกร็งจนเกือบหยุดหายใจซะนี่
ช่างเถอะ ผมไม่อยากจะสนพวกเขาแล้ว หลังคว้าจุดอ่อนแสนนุ่มนิ่มที่เริ่มจะแข็งสู้มือได้ผมก็ตัดสินใจหันไปทางคีรี เงยหน้าพลางแลบลิ้นออกมาแตะส่วนนั้นของเขาเบาๆ
“ดะ...” ราเชนทร์ที่กำลังร้องประท้วงหุบปากแทบไม่ทันเมื่อผมกำน้องชายเขาจนไส้แทบปลิ้น
ใช่ ทำตัวว่าง่ายอย่างนั้นแหละ บอกแล้วไงว่าผมกำลังอารมณ์ไม่ดีปลายลิ้นแตะส่วนโคนของคีรีก่อนจะค่อยๆ กลืนกินดูดเม้มเข้าไปในโพรงปาก ได้ยินเสียงสูดหายใจของคีรีพร้อมกับขนาดที่ขยายตัวอย่างรวดเร็ว ผมระมัดระวังไม่ให้ฟันไปข่วนส่วนอ่อนไหวเข้า ขณะที่มืออีกข้างก็เริ่มขยับ กำรอบไอ้จ้อนของราเชนทร์และลูบไล้สุดความยาว
คราวนี้พวกเขาเลิกทะเลาะกันแล้ว
มัวแต่กลั้นหายใจไม่กล้าพูดออกมาสักแอะด้วยกลัวว่าผมจะหยุดสิ่งที่กำลังทำอยู่
พอของคีรีเปลี่ยนร่างเป็นขั้นสูงสุด ผมก็หันไปหาราเชนทร์ที่แทบจะกระดกเอวรอ ผมลอบถอนหายใจ แต่ก็ยอมดูดกลืนของไซส์ใหญ่โดยไม่ลืมลูบๆ คลำๆ ของคีรีไม่ให้เขาอารมณ์หดซะก่อน
แต่ราเชนทร์ก็ยังเป็นราเชนทร์ มือปลาหมึกไม่พอยังมือไว เอื้อมหมายจะยึดท้ายทอยผมไว้แต่ไม่ทันได้จับก็หวืดลมซะก่อน
“ถ้าแตะ ผมหยุด”
ราเชนทร์หน้าดำหน้าแดง ส่งผลมาถึงไอ้จ้อนไม่น้อยที่พองตัวจนส่วนปลายแดงก่ำพอกัน
น่าแปลก ถ้าวัดขนาดด้วยตาเปล่าตอนธรรมดาของราเชนทร์น่ะใหญ่กว่า แต่พอปลุกปั้นเตรียมสู้ศึกแล้วของคีรีกลับไม่ยอมแพ้ขยายร่างได้สูสี ตอนนี้ในมือผมเลยมีตะบองแข็งโป๊กสองแท่ง มหัศจรรย์ชะมัดร่างกายมนุษย์
แล้วดูทำเอาเข้าสิ โธ่ๆ คนที่เคยทะเลาะกันจะเป็นจะตายสองคน ตอนนี้กำหมัดแน่นอดกลั้นแสนสาหัส ช่างน่าสงสารจริงๆ เลย
ผมมองพวกเขาข่มอารมณ์อย่างเพลินตาโดยที่มือยังทำหน้าที่ปากก็สลับดูดเม้มไปสักพัก ก่อนจะผลักอกทั้งคู่ให้ถอยห่าง เดินสวนระหว่างกลางออกนอกเตียง
“รัญ!”
“หรัญญ์!”
ทั้งคีรีและราเชนทร์ถึงกับร้องเสียงหลง พวกเขาโดนผมดึงอารมณ์จนเกือบจะถึงฝั่งฝันแล้ว
แต่มาโดนทิ้งเอากลางทางซะก่อน
ผมยังคงยิ้ม ยิ้มคราวนี้น่ามองกว่าก่อนหน้านี้หลายเท่า
“พร้อมเมื่อไหร่ก็ตามมา” ผมพูดทิ้งท้ายพลางผลักประตูไม้เดินนำเข้าไปในห้องว่างด้านข้างและปิดประตูในทันที
ความมืดสนิทที่เคยคุ้นมาพร้อมความรู้สึกเก่าๆ น่าคิดถึง
ผมไม่เคยเข้าห้องนี้มาก่อน แต่ดูเหมือนขนาดห้องจะใหญ่กว่าที่เคยมา อย่างน้อยก็สามารถยืดสองแขนออกจนสุดได้ หลังเดินคลำทางสำรวจไปสักพักผมก็กลับมายืนนิ่งกอด มองไปทางฝั่งประตูแม้จะแทบมองอะไรไม่เห็นกระทั่งปลายเท้าของตัวเองก็ตาม
นี่เป็นการยอมลงให้อย่างที่สุดของผมแล้ว
ราเชนทร์กับคีรีชังน้ำหน้ากัน แต่ถ้าไม่เห็นหน้า...จะพอทำได้มั้ย
ปริ้นส์รูมที่แม้กระทั่งเจ้าชายยังต้องยอมทิ้งทุกอย่างและเดินตัวเปล่าเปลือยเข้ามา...จะตัดทิฐิของทั้งคู่ได้มั้ย
คำตอบเป็นตามที่ผมคิดไว้
ต่อให้ทำไม่ได้ถึงตอนนี้ก็ต้องทำ!
ประตูเปิดออกพร้อมกับแสงไฟเล็ดลอด นี่เป็นห้องสร้างพิเศษจึงไม่ได้มีระบบไฟตกอัตโนมัติ ทำให้ผมเห็นก่อนปิดประตูว่ามีเงาร่างของคนสองคน
ทันทีที่ความมืดคืบคลานเข้ามาอีกครั้ง ร่างของผมก็ถูกรั้งเข้าไปประกบจูบอย่างตะกละตะกลาม ลิ้นของผมถูกดูดอย่างกับขนมหวาน ทั้งขบทั้งเม้มจนปากแดงไปหมด
ถึงมองไม่เห็น แต่ผมรู้ดีว่านี่คือราเชนทร์
ส่วนคีรีกดจูบที่ท้ายทอยของผม โอบกอดจากด้านหลังฟ้อนเฟ้นไปทั่วไม่เว้นกระทั่งหนูน้อยแสนน่ารักของผมที่โดนราเชนทร์แนบกายเข้ามาบดเบียดจนแทบแหลก ท่านประธานไม่ยอมน้อยหน้าเลยจริงๆ เพราะเขาเองก็ทาบส่วนแข็งขืนร้อนรุ่มอย่างกับโดนอังไฟเสียดสีไปมาที่ร่องแก้มก้น
ทั้งราเชนทร์และคีรีหอบหายใจแรงเหมือนเพิ่งไปวิ่งมาราธอนยังไงอย่างงั้น พวกเขาคล้ายยังละล้าละลังว่าใครจะได้เริ่ม แต่ร่างกายกลับแนบชิดจนผมแทบจะโดนแนบจนแบนแล้ว เสียดไปสีมามากๆ เข้าผมเองก็ชักจะทนไม่ไหวเหมือนกัน
“วันนี้วันคี่...” ผมเอ่ยออกมาเบาๆ ตกใจที่เสียงของตัวเองฟังวาบหวิวขนาดนี้
พอบอกใบ้คำตอบ ราเชนทร์ก็แทบจะพลิกผมสลับด้านกับคีรีทันควัน พร่ำเรียกชื่อผมอย่างกับคนเพ้อ พร้อมตะบี้ตะบันยัดส่วนนั้นเข้ามาไม่ออมแรง
ดีนะที่ผมเตรียมตัวไว้อยู่แล้ว และก็ดีที่ราเชนทร์ยังพอมีสติหยุดให้ผมปรับตัวบ้าง หรือไม่เขาก็กำลังเคลิ้มกับช่องทางตอดแน่นที่ร้างราจากเซ็กซ์ยี่สิบกว่าวัน
“รัญ...รัญจ๋า”
พอผมเริ่มโอบรัดได้ครอบคลุม ราเชนทร์ก็ประคองสะโพกและสวนเอวใส่ทันที ผมตะกายมือไปในความมืด คว้าคอคีรีเข้ามาแนบจูบพร้อมกับช่วยเคล้นคลึงตะบองแข็งของเขาไปด้วย
เสียงครางของเราสามคนดังประสานกัน แต่ราเชนทร์ออกจะดังเป็นพิเศษเพราะเขาพูดพล่ามไม่ยอมหยุด แถมเสียงกระแทกกระนั้นก็ใช่ว่าจะเบา ขาทั้งสองของผมสั่นกึกๆ เมื่อจังหวะของราเชนทร์ออกจะหนักหน่วงกว่าทุกที ราวกับว่าเอาแรงรักแรงคิดถึงทั้งหมดโถมใส่จนแทบทรงตัวไม่ไหว
ถ้าไม่ติดว่าคีรีมอบจูบอ่อนหวาน ช่วยลูบหรัญญ์น้อยไปพลางๆ ผมต้องหันไปเบิร์ดกะโหลกราเชนทร์แน่ๆ
แต่ยิ่งเขาสอดใส่ถี่ลึกมากเท่าไหร่ ตัวผมที่โดนเบียดจนจะเป็นไส้แซนวิซก็ยิ่งโดนขนาบนาบจนแทบตายเท่านั้น จากตอนแรกที่ช่วยจับช่วยรีดน้ำกับคีรี กลายเป็นว่าตอนนี้โดนท่านประธานรวบไอติมแท่งของเราสองคนไปไว้ในมือเดียว แนบแน่นแทบผสานร่างจนผมครวญครางแทบละลาย
พวกเราสามคนถึงเกือบจะพร้อมๆ กัน ที่บอกว่าเกือบเพราะราเชนทร์ไปก่อนคนแรก เล่นเอารู้สึกถึงน้ำอุ่นเหลวที่ทะลักอยู่ในถุงยางซึ่งยังค้างคาอยู่ในตัว ราเชนทร์ยังกอดผมไม่ปล่อย ตะบี้ตะบันจูบไปทั่วแผ่นหลังแล้วยึดสะโพกแน่นอย่างกับจะครอบครองไว้คนเดียว
แต่คีรีที่รอต่ออยู่นั้นไม่คิดจะใจดีด้วย บีบนิ้วราเชนทร์ที่เกาะผมเป็นตีนตุ๊กแกแน่นจนอีกฝ่ายร้องจ๊าก เผลอผละตัวห่างปล่อยให้ผมเป็นอิสระ แต่โล่งตัวได้ไม่เท่าไหร่ สองขาผมก็ถูกช้อนขึ้นให้รองรับแท่งไอติมที่โดนแช่แข็งใหม่จนพร้อมสู้ศึกอีกครั้ง
ผมเกาะไหล่คีรีกันตกทันที แต่พอทรงตัวได้ท่านประธานก็เดินเครื่องหนัก ออกจะดุเดือดกว่าราเชนทร์ไปหลายเท่าจนผมร้องลั่น ร่างกายโยกคลอนตามจังหวะแทงสวนที่เล่นเอาตัวเด้งลอย ก่อนจะทิ้งน้ำหนักลงมาลึกสุดใจจนตาพร่า ถ้าเล่นแบบนี้ตั้งแต่ตาแรกผมคงหมดแรงในไม่ช้า
“เฮ้ เบาๆ หน่อย” ราเชนทร์ทักอย่างหมั่นไส้เต็มแก่พร้อมเข้ามาโอบประคองสะโพกผมไม่ให้โดนทารุนเกินไป นับว่าช่วยชีวิตไว้พอดี พอโดนจับหน้าเชยคางให้เงยจูบ เลยแลบลิ้นเล่นไล่จับกับราเชนทร์อย่างสนุกสนานเป็นการขอบคุณ
“เปลี่ยนท่าซิ”
ราเชนทร์ที่ทั้งจูบทั้งทิ้งรอยไปทั่วลำคอของผมจนชุ่มน้ำลายไปหมดเรียกร้องอย่างเอาแต่ใจ คีรีเองก็คงรู้ว่าท่านี้หนักเกินไปสักนิด เลยยอมปล่อยขาพลิกเปลี่ยนท่าให้ผมกึ่งคุกเข่าโน้มตัวไปด้านหน้า ที่ต้องโน้มตัวเพราะผมโดนราเชนทร์จับท้ายทอยกึ่งบังคับให้ริมฝีปากจ่อกับส่วนนั้นของเขาพอดี
ผมแลบลิ้นเลีย แค่แตะส่วนปลายเบาๆ ราเชนทร์ก็ครางระโหยเรียกชื่อผมอย่างหลงใหลจะเป็นจะตายแล้ว ได้ยินอย่างนั้นผมก็นึกสนุก ช่วยเล่นกับเจ้าหนูที่ขนาดไม่น้อยของเขาแม้จะหลุดครางเป็นระยะตามแรงกระทั้นถี่ของคีรี
ร่างกายผมกระตุกวูบเมื่อโดนลากอารมณ์ให้พุ่งสูงเป็นรอบที่สอง พร้อมกับการถอนตัวของคีรีที่รูดเอาถุงยางออก ราเชนทร์ที่เสร็จคาปากผมไปอีกรอบไม่รอช้า ดันไหล่ผมให้นอนราบกับพื้นแล้วสอดใส่ตัวเองเข้ามาทันที
ถึงตอนนี้เหมือนราเชนทร์กับคีรีก็เริ่มรู้จังหวะกันเองแล้ว พอผมโดนดันให้นอน คีรีก็คลำมือหาเป้าหมาย พอเจอก็จับหนูน้อยหรัญญ์อมเข้าปาก
อย่างกับกระแสไฟฟ้าแล่นพล่านไม่ตั้งตัว ผมสะท้านเฮือกบิดเร่าอย่างเสียวซ่าน แต่ก็ดิ้นไม่ได้มากเพราะขาสองข้างถูกราเชนทร์ยึดให้ยกสูงเพื่อไล่ระดับตามขบเม้มไปทั่วจนได้แต่จิกนิ้วเกร็งหอบหายใจ ใครเลยจะนึกว่าท่านประธานจะเชี่ยวชาญการลงลิ้นขนาดนี้ เล่นเอาผมที่เพิ่งทำให้ราเชนทร์กลายเป็นไก่อ่อนไปเลย
พอราเชนทร์เสร็จสมเป็นครั้งที่สาม ผมที่ปวกเปียกไปหมดแล้วก็โดนคีรีช้อนเอวจับอุ้มให้นั่งซ้อนตัก ราเชนทร์ตามเข้ามาช่วยเกลี่ยเส้นผมทัดหูพลางประคองหน้าจับผมจูบ แรงดูดดึงที่ปลายลิ้นนั้นลดความบ้าคลั่งลงกลายเป็นความวาบหวามชวนเสียดเสียว ผมถึงกับแอ่นตัวซบหน้ากับไหล่คีรีเมื่อราเชนทร์เริ่มไล่ริมฝีปากลงมาจนหยุดที่ยอดอก ใช้มือบดขยี้บีบเค้นสลับกับปลายลิ้นหยอกล้อ มืออีกข้างที่ว่างอยู่ก็ล้อเล่นกับน้องชายของผมไม่ยอมหยุด
อย่างกับโดนพวกเขารุมรังแก
ยิ่งโดนแตะต้องจุดกระสันมากแค่ไหน ส่วนล่างของผมก็ยิ่งตอดหนึบหนับบีบรัดพวกเขาแทบปางตาย คงเพราะรู้แบบนี้ทั้งราเชนทร์และคีรีถึงได้ร่วมมือร่วมแรงปรนเปรอผมสุดขีด พอปลดปล่อยติดๆ กันโดยไม่ให้เว้นช่วงขนาดนี้ผมก็ครางด้วยความสุขสมจนน้ำตาเล็ด
ความจริงผมไม่ใช่คนยึดติดกับเซ็กซ์ มีได้ แต่ไม่จำเป็นต้องมาก ตอนอยู่ราเชนทร์โดนจับกดแทบทั้งวันเพราะเขานัวเนียไม่เลิก เห็นเขารักเขาชอบก็ยอมไป แต่พออยู่คีรีผผมก็หยุดที่การกอดจูบได้โดยไม่เรียกร้องกว่านั้น แต่ถ้าให้ถามกันตรงๆ ความพอดีแบบยอมให้สุดๆ สำหรับผมคือสองครั้งต่อวัน
แต่นี่มันเกินไปไม่รู้กี่ครั้งแล้ว!
“ไม่ไหว...ผม...มะ...ไม่ไหวแล้ว”
พอโดนพลัดอีกคนละยก ผมที่หอบจนตัวโยนก็รีบพูดออกมาก่อนจะถูกพวกเขารีดน้ำจนตัวแห้งเหือด
ราเชนทร์กับคีรีอย่างละสาม แต่ผมรวมกันเป็นหกแล้ว!
แม้จะเคยถูกเตือนมาก่อน ผมกลับมัวคิดถึงวิธีการมากกว่าเรื่องปริมาณ
เป็นฝ่ายชวนก่อนแท้ๆ...แต่ผมขอยกธงขาวยอมแพ้!
คืนนั้นผมโดนราเชนทร์อุ้มออกมาจากห้องด้วยสภาพอ่อนเปลี้ยเหมือนเด็กทารก ส่วนคีรีเข้าไปเตรียมอ่างในห้องน้ำ ตอนถูกอุ้มผ่านกระจก ผมถึงกับตะลึงเมื่อเห็นตัวเองลายพร้อยกับโดนยุงหาม
พวกเขาจะกัดกินผมให้ถึงกระดูกเลยรึไง
พอน้ำอุ่นเต็มอ่างราเชนทร์ก็ค่อยๆ วางผมลงแล้วตามมานั่งขนาบข้างกัน มือเกาะเอวไม่ปล่อย ส่วนคีรีเองก็เข้าประจำด้านซ้ายของผม ประสานนิ้วกอบกุมเข้าสูดดมกลิ่นกายไม่ห่าง แม้พอออกจากห้องมืดจะต่างนิ่งเงียบไม่พูดจาชังน้ำหน้าเหมือนเดิม แต่ทั้งคู่ทำตาประกายวาวเต็มตื้น มองผมด้วยความรักหลงใหลจนแทบสำลัก
“พวกฉันเอาใจนายดีขนาดนี้คงล้มความคิดเรื่องคำพูดวันพรุ่งนี้แล้วใช่มั้ย” ราเชนทร์ถามอย่างออดอ้อน จับมืออีกข้างของผมมาไล่จูบแต่ละนิ้วเหมือนยังเสพติดการสัมผัส
‘พวกฉัน’ งั้นเหรอ
แม้ต่อหน้ายังมึนตึงกันเหมือนเดิม แต่ก็นับว่ามีพัฒนาการ
“เจ็บรึเปล่า” คีรีถามพลางช่วยนวดขาผมผ่านน้ำอุ่น ช่วยผ่อนคลายความตึงของกล้ามเนื้อได้ดีจนผมเผลอเอียงศีรษะไปซบกับบ่าของเขาอย่างพึงใจ
“รัญ...” ราเชนทร์พยายามสะกิด คงจะเรียกร้องความสนใจตามเคย แต่ผมรู้สึกสบายจนเผลอหลับตา รู้ตัวอีกครั้งสติก็ล่องลอยไปไกลจนกู่ไม่กลับแล้ว
ตื่นขึ้นมาอีกทีตอนกลางดึก ผมนอนอยู่บนเตียงโดยมีสองหนุ่มตะกองกอดไม่ห่าง
ราเชนทร์ยังคงสอดมือเข้ามารองใต้ศีรษะ แม้จะยังตั้งศอกโอบใบหน้าไว้แต่ก็ไม่ขืนแรงฝืนรั้งผมให้หันเข้าหา เปลี่ยนเป็นขยับหน้ามาใกล้จนได้ยินเสียงลมหายใจบนหมอนใบเดียวกัน ส่วนคีรีก็ตามประกบอีกฝั่ง นอนตะแคงซบกับซอกคอของผม เอื้อมมือโอบเอวหลวมๆ ไม่ได้ดึงดันให้หัวไปทาง ขาไปทางเหมือนเดิม
ผมอมยิ้มก่อนจะหลับตาลงอีกครั้ง
ในที่สุดก็ได้นอนสบายๆ แบบคนปกติสักที--------------------------------------------------------------------------
คอนเซปปริ้นส์รูมจะต่างกับคิงส์คลับค่ะ
คิงส์คลับ คือพื้นที่ของพระราชาที่สามารถทำทุกอย่างได้เต็มที่ ยึดติดกับสิ่งของวัตถุ สำเริงสำราญเต็มที่ไม่ว่าจะวุ่นวายแค่ไหน แต่ต้องอยู่ในกฎ
ส่วนปริ้นส์รูม คือห้องมืดที่สละทิ้งซึ่งฐานะหรือวัตถุภายนอกทั้งหมด ไม่มีกฎเกณฑ์ใดๆ บีบบังคับ ทุกคนเท่าเทียมกัน แม้กระทั่งกับเจ้าชายก็ตาม ( เชิงเปรียบเปรยว่าแม้จะใหญ่มากจากไหนก็ตาม )
ในตอนนี้จะเห็นชัดว่าแม้กระทั่งขอบเขตเส้นแบ่งของทั้งสามคน ก็ถูกสลัดทิ้งเมื่ออยู่ในปริ้นส์รูม
ซึ่งเป็นอีกความหมายของชื่อเรื่องค่ะ ปริ้นส์รูมภาษาอังกฤษไม่ได้หมายถึงสถานที่อย่างเดียว ซึ่งจะไปขัดกับชื่อภาษาไทย ‘ระวัง...เขตอันตรายพอดี’
เพจนักเขียนที่คิดแบบลึกซึ้งแต่ความจริงเน้นหื่นเจ้าขาเอ๊ย
ปล.ตอนนี้สั้นหน่อยเพราะสต๊อกหมดแล้วค่า รีบแต่งรีบลง เขินไม่ไหวแล้ว 5555