ใจยักษ์ 32.1
“จิ๊!” ผมสบถออกมาอย่างหงุดหงิด เมื่อความรู้สึกมึนๆที่ศีรษะและความปวดเมื่อยตามร่างกายแล่นปราดเข้าจู่โจมทันทีที่ผมฟื้นคืนสติ ผมกระพริบตาปริบเพื่อปรับการมองเห็นไม่รู้ว่าหลับไปนานเท่าไหร่แต่มองออกไปข้างนอกก็มืดสนิท ขยับตัวเล็กน้อยไล่ความปวดเมื่อยตามร่างกายแต่ก็ติดไอ้เชือกเส้นใหญ่ที่มัดเท้าและมือผมไขว่หลังไว้
ผมนอนนิ่งอยู่บนเตียงกว้างสีขาวหลังใหญ่ สภาพภายในห้องไม่ค่อยมีสิ่งของเครื่องใช้อะไรมากนัก น่าจะเป็นห้องที่ใช้รับแขกมานอนค้างคืน เมื่อก้มลงสำรวจตัวเองก็พบว่าเสื้อผ้าบนร่างกายยังอยู่ครบ ค่อยยังชั่ว...
แอ๊ด...แต่ผมก็โล่งใจได้ไม่นาน เมื่อเสียงเปิดประตูห้องดังขึ้น ผมสบตากับผู้ที่เปิดเข้ามา ดวงตาสีนิลกร้านโลกมองผมด้วยความคุกรุ่นปนสะใจ ผมสีดอกเลาสลับดำไม่ได้ทำให้เขาดูแก่ขึ้นจากเมื่อ5ปีก่อนเท่าไหร่
หริรักษ์...
“ว่ายังไงเด็กน้อย ไม่ได้เจอกันซะนาน ลืมฉันคนนี้ที่เธอทำแสบไว้ซะเยอะไปแล้วรึเปล่า?” หริรักษ์เดินไปนั่งลงที่เก้าอี้บุนวมตัวหนึ่งที่มุมห้อง เขามีลูกน้องเดินตามเข้ามาอีกสองคน และสายตาของหริรักษ์ยังจับจ้องมาที่ผมอยู่ น้ำเสียงที่เขาเปล่งออกมาดูเรียบๆแต่รอยยิ้มกลับเหี้ยมเกรียมใช้ได้เลย ผมยังมองเขานิ่งไม่ได้พูดอะไรตอบกลับไป กลับเป็นหริรักษ์เองที่เห็นท่าทางผมแล้วฉุนเฉียวขึ้น
“เธอยังกล้ามองฉันแบบนี้อีกหรอ รู้รึเปล่าว่าชีวิตเธอตอนนี้อยู่ในกำมือฉัน” แม้ว่าเขาจะพยายามรักษาท่าทีเยือกเย็นไว้ แต่ไฟในดวงตาเขาก็ค่อยๆลุกโชนขึ้น ตอนนี้ผมยังไม่ควรทำให้เขาโกรธมากไปกว่านี้จะดีกว่า
“รู้สิครับ แต่ท่านจะฆ่าผมจริงๆหรอ” ผมเผยอยิ้มให้เขานิดๆ หริรักษ์จึงลุกขึ้นจากเก้าอี้แล้วเดินมาหยุดอยู่ที่ข้างเตียง
“สิ่งเธอทำไว้กับฉัน ฉันว่าความตายมันยังน้อยไปนะ” เขากำลังขู่ผม ซึ่งผมก็ทำได้แต่ยิ้มสู้เสือ
“ที่ท่านพูดแบบนี้ หมายความว่าท่านจะไม่ฆ่าผม?” ผมถามเสียงซื่อ
“ตอนนี้ยัง แต่ฉันมีวิธีจัดการเธอให้เจ็บปวดได้มากกว่าความตายเยอะ เอาล่ะมาพูดถึงสิ่งที่เธอควรจะทำตอนนี้ดีกว่า”
“…”
“ที่เธอเอา ‘มัน’ ไปเมื่อห้าปีก่อนอยู่ที่ไหน”
“ท่านหมายถึงอะไรหรือครับ ผมไม่เข้าใจ”ผมแกล้งตีหน้าซื่อ ไม่สนใบหน้านิ่งๆที่พร้อมปลิดชีวิตผมได้ตลอดเวลา เขาฉลาดที่ไม่พูดถึง ‘มัน’ ออกมาตรงๆ แต่ผมก็มีวิธีของผมที่จะทำให้เขาพูดถึงมันออกมา
“เธอรู้ว่าฉันหมายถึงอะไรดิว...ไม่สิ เหรันต์ใช่รึเปล่านะ” หริรักษ์แสยะยิ้มให้อย่างเหนือกว่า เขาคงคิดว่าตอนนี้เขาอยู่เหนือผมทุกอย่าง ซึ่งก็เกือบจะใช่ทั้งหมด
“…” เมื่อหริรักษ์เห็นว่าผมยังปิดปากเงียบอยู่ เขาจึงหันไปพยักหน้าให้ลูกน้องคนหนึ่งที่อยู่ภายในห้องด้วย ชายคนนั้นเดินเข้ามาใกล้พร้อมหยิบรูปปึกเล็กจากกระเป๋าข้างในสูทส่งให้หริรักษ์ เขารับมาแล้วแสยะยิ้มก่อนจะเขวี้ยงรูปพวกนั้นใส่หน้าผมจนชา ผมมองตามภาพพวกนั้นด้วยแววตานิ่งเฉย คิดเอาไว้อยู่แล้วว่าสักวันต้องเป็นแบบนี้ รูปแต่ละใบถ่ายอิริยาบถต่างๆที่ผมอยู่กับคนรอบข้างที่สนิทหรือคุยด้วยบ่อยๆ ไม่เว้นแม้แต่รูปผมกับทศกัณฐ์ที่ออกจากคอนโดฯไปด้วยกัน
“เธอเป็นคนสวยเหรันต์ สวยขึ้นกว่าเมื่อก่อนมากจริงๆ อำพรางตัวเองได้มิดชิดจนไม่น่าเชื่อ แต่นอกจากหน้าตาสะสวยที่เธอมี สิ่งที่มีค่ายิ่งกว่านั้นคือสมองอันชาญฉลาดของเธอต่างหาก เกือบห้าปีที่ฉันตามกลิ่นเธอไม่เจอเลย ถ้าเธอไม่เก่งจริงเธอคงทำอย่างนั้นด้วยตัวคนเดียวไม่ได้หรอก และถ้าตอนนี้เธอยังพอมีความฉลาดอยู่บ้าง เธอคงรู้ดีว่ารูปพวกนี้ฉันหมายถึงอะไร”
“ท่านกำลังขู่ผม”
“จะลองดูสักคนไหมล่ะ แค่ฉันโทรกริ๊งเดียว สมองใครสักคนในนี้กระจุยได้ทันทีเลยนะ เริ่มจากคนนี้ก่อนเป็นไง” หริรักษ์หยิบรูปพี่สมิธที่กำลังยิ้มกว้างทานอาหารอยู่กับผมบนห้าง
“การฆ่าคนไม่ใช่เรื่องที่ทำกันได้ง่ายๆ เขาไม่ใช่คนแร่ร่อนไร้ญาติขาดมิตร ถ้าเขาตายผิดธรรมชาติขึ้นมา แน่นอนว่าต้องมีการสอบสวน ท่านคิดว่าท่านจะรอดง่ายๆอย่างนั้นหรอครับ เผลอๆเรื่องที่ท่านปกปิดไว้ก็จะแดงขึ้นมาด้วย” เมื่อผมพูดจบแทนที่หริรักษ์จะมีท่าทีคิดทบทวน เขากลับระเบิดเสียงหัวเราะออกมาเสียงดังลั่นห้อง ผมขมวดคิ้วมุ่น นี่ผมพูดอะไรผิดไปรึเปล่าวะ
“ฮ่าๆๆๆ เธอนี่ใสซื่อจริงๆเหรันต์ เธอคิดว่าฉันจะยอมให้พวกสุนัขรับใช้พวกนั้นตามกลิ่นฉันเจอง่ายๆหรือ ฉันอยู่วงการนี้มากกว่าอายุเธอเสียอีก สั่งเก็บมาไม่รู้ตั้งกี่ศพมีใครทำอะไรฉันได้บ้าง และต่อให้สามารถตามมาถึงฉันได้จริงๆ ฉันก็ไม่กลัว ตราบใดที่ไม่มีหลักฐานและฉันไม่ยอมรับก็ไม่มีทางเอาผิดฉันได้ง่ายๆหรอก” หริรักษ์หัวเราะเยาะในความโงงมของผม ซึ่งมันก็คงจะจริงอย่างที่เขาพูดเพราะแม้ขนาดบอสของเจคโดนฆ่าปิดปากเรื่องยังเงียบมาจนถึงทุกวันนี้เลย
“นั่นสินะครับ คงถูกอย่างที่ท่านว่า แต่ว่าผมไม่ได้เป็นคนฉลาดมากมายอย่างที่ท่านคิดหรอกนะครับถ้าเก่งจริงผมคงไม่โดนท่านจับตัวมาง่ายๆอย่างนี้ แค่พอเอาตัวรอดได้บ้าง แม้ครั้งนี้ผมจะจนมุมแล้วจริงๆ ผมไม่มีของที่ท่านต้องการหรอก อยากจะทำอะไรก็เชิญ เขาไม่ได้สำคัญกับผมมากมายขนาดนั้น” ประโยคสุดท้ายผมกล้ำกลืนพูดเสียงแข็ง พี่สมิธไม่ใช่คนที่จะมีใครทำอะไรได้ง่ายๆ เขาเหมือนมีหมอกดำหนาปกคลุมตัวไว้อยู่ตลอดเวลา ผมก็ได้แต่หวังว่าหมอกนั้นจะปกป้องพี่สมิธจากอันตรายเอาไว้ได้
“ดี! อยากลองของมากฉันจัดให้ ฉันก็อยากจะรู้เหมือนกันว่าเธอจะปากแข็งไปได้อีกนานแค่ไหน” หริรักษ์แสยะยิ้มอย่างคนเหนือกว่า มือหนาหยิบสมาร์ทโฟนจากกางเกงสแลคสีเข้มขึ้นมาทำท่าเหมือนจะโทรจริงๆ ผมเหงื่อซึมตามตัวอย่างกดดันแต่ก็ต้องใจแข็งทำหน้าเรียบเฉยเอาไว้ แต่ก่อนที่หริรักษ์จะได้กดโทรออก เสียงเคาะประตูจากนอกห้องก็ดังขึ้นพร้อมกับเปิดลูกบิดออกมาโดยไม่ได้ขออนุญาตจากหริรักห์ก่อน ราชสีห์เฒ่าหันไปมองด้วยความไม่สบอารมณ์ แต่เมื่อเห็นลูกน้องคนสนิทของตนเดินเข้ามาด้วยใบหน้าเคร่งเครียดเขาจึงละลายความหงุดหงิดนั้นทิ้งไป
“มีอะไรโชค ไม่รู้หรือว่าฉันไม่ชอบให้ใครมาขัดจังหวะ”หริรักษ์ถามลูกน้องคนสนิทเสียงเรียบ โชคเหลือบมองผมนิดหน่อยก่อนจะก้มลงกระซิบกับผู้เป็นนาย หริรักษ์แย้มรอยยิ้มออกมาราวกับได้ฟังเรื่องอะไรดีๆที่ถูกใจเขาซะเหลือเกิน
“ฉันคงไม่ต้องโทรแล้วล่ะ เพราะมีไก่หลงเข้ามาให้ฉันเชือดให้ลิงดูอยู่ที่นี่แล้ว” หริรักษ์หันมาพูดกับผมอย่างอารมณ์ดี เขาเดินเข้ามาใกล้ กระชากผมให้ลุกขึ้นนั่งอย่างทุกลักทุเล ส่งสายตาให้ลูกน้องมาแก้มัดเชือกที่ขาผม เหลือไว้แค่ที่มือเท่านั้น
“ไป!ฉันจะพาเธอไปดูอะไรดีๆ” หริรักษ์กระชากแขนผมลงจากเตียงให้เดินตามเขาออกมานอกห้อง ผมเดินตามโดยไม่อิดออด เขาพาผมเดินลงมายังชั้นล่าง บ้านหลังนี้คล้ายๆบ้านจัดสรรขนาดใหญ่แต่ก็มีขนาดไม่ใหญ่นักเมื่อเทียบกับบ้านอีกหลังของหริรักษ์ เขาพาผมมาหยุดที่ห้องใต้บันได ลูกน้องที่ยืนเฝ้าอยู่หน้าประตูสองคนเปิดประตูให้ผู้เป็นนายได้เข้าไป ภายในห้องมืดมิดมองไม่เห็นอะไรเลย จนลูกน้องของหริรักษ์ที่เดินตามเข้ามาทีหลังกดสวิซเปิดไฟ แสงสว่างวาบจากดวงไฟทำให้เห็นทุกสิ่งในห้องได้อย่างชัดเจน เมื่อมองไปที่ด้านหนึ่งของห้อง พลันหัวใจผมก็หยุดเต้นไปเสียดื้อๆ
ร่างสูงใหญ่เกินมาตรฐานชาวเอเชียทั่วไปถูกลวดเส้นหนามัดขึงข้อมือทั้งสองข้างกับลูกกรงหน้าต่าง ใบหน้าบอบช้ำที่มีร่องรอยถูกทำร้ายนิ่งสงบราบเรียบ มีเพียงดวงตาสีเขียวหม่นที่มองมาทางผมอย่างอ่านความหมายไม่ออก
ทศกัณฐ์มาอยู่ที่นี่ได้ยังไง!
“หึ อาลัยอาวรณ์กันจริงนะ ห่วงมันมากนักหรือ” เสียงเย็นจากหริรักษ์ดังขึ้นขัดความคิดผม ผมละสายตาจากทศกัณฐ์หันมามองหริรักษ์อีกครั้ง
“ผมเปล่าอาลัยอาวรณ์ เขาไม่ได้สำคัญกับผมมากมายขนาดนั้น” ผมเอ่ยออกมาเรียบๆ ชั่วแวบนึงเห็นสายตาทศกัณฐ์ทอดมองมาอย่างเจ็บปวด
“อย่างนั้นหรือ แต่ดูเหมือนอีกคนจะไม่คิดแบบเดียวกับเธอนะ” หริรักษ์พูดอย่างไม่เชื่อ
“แล้วแต่ท่านจะคิด” ผมหันใบหน้าหนีไปอีกทางราวกับไม่อยากจะมองอีกคนที่อยู่ตรงหน้า
“ก็ดี ถ้าอย่างนั้นก็ทรมานมันไปเรื่อยๆจนกว่าเธอจะยอมปริปากก็แล้วกัน” หริรักษ์พูดกับผมจบก็หันไปสั่งกับลูกน้อง ชายชุดดำสองคนในห้องย่างสุขุมเข้ามาพร้อมกับท่อนเหล็กขนาดเท่าไม้เบสบอลในมือคนละอัน พวกเขาพากันลงมือฟาดตามลำตัวทศกัณฐ์ไม่ยั้ง ร่างสูงงอตัวด้วยความเจ็บปวดแต่ไร้เสียงเล็ดรอดดังออกมา ผมตัวสั่นเทิ้มด้วยความเวทนา กลัว...ว่าเขาจะตาย จนในที่สุดความอดทนผมก็ขาดสะบั้นลงเมื่อหนึ่งในนั้นหยิบมีดปลายแหลมลากผ่านลำคอทศกัณฐ์เบาๆก็เรียกเลือดให้ไหลซึมออกมาได้
“พอสักที!! ผมยอมแล้ว!!!”ทศกัณฐ์ขมวดคิ้วมองผมนิดๆเหมือนไม่เห็นด้วยที่ผมตัดสินใจทำอย่างนี้ แต่ผมก็ทนเห็นเขาตายไปต่อหน้าต่อตาไม่ได้จริงๆ
“ฮ่าๆๆ ฉันคิดไว้แล้วว่าเธอต้องบอก ไอ้ฝรั่งนี่คงสำคัญกับเธอมากสินะ”หริรักษ์หัวเราะอย่างสะใจ แม้ท้ายประโยคเสียงเขาจะดูโหดเหี้ยมขึ้นมากก็ตาม
“ปล่อยเขา แล้วผมจะบอก”
“เธอไม่มีสิทธิ์ต่อรอง และถ้าเธอโกหกไอ้ฝรั่งนี่ตาย!” อยู่ๆหริรักษ์ก็บีบกรามผมแน่นอย่างโกรธๆ ผมกัดฟันอดกลั้นความเจ็บ ดวงตาสบมองกับนัยน์ตาสีนิลกร้านโลกอย่างไม่ยอมแพ้ จนในที่สุดหริรักษ์ก็สะบัดหน้าผมออกอย่างแรง
“ข้อมูลรายชื่อลูกค้า และเหยื่อขบวนการค้ามนุษย์ของท่านใช่ไหมที่ต้องการ” ผมเอ่ยเสียงเรียบแล้วพูดต่อ “รวมทั้งหลักฐานการรับสินบน เงินใต้โต๊ะ และการทุจริตอีกมากมายที่ท่านมีส่วนเกี่ยวข้อง ใช่ไหมที่ท่านต้องการ?” ผมยิ้มนิดๆ ร่ายยาวสิ่งที่หริรักษ์กระทำชั่วออกมา
“อยากให้ฉันสารภาพหรือ? ฮ่าๆๆๆ ใช่! ข้อมูลทั้งหมดที่แกเอาจากฉันไปคือความจริง ฉันทำมันทั้งหมด ทำมาก่อนที่เธอจะเกิดซะอีก แล้วยังไงล่ะ จะเอาไอ้กล้องนี่ส่งให้ตำรวจอย่างนั้นหรือ” พูดจบหริรักษ์ก็กระชากสร้อยคอแฟชั่นที่มีกล้องบันทึกวิดีโอขนาดจิ๋วซ่อนอยู่หลุดออกจากลำคอผม
“คุณรู้!” ผมอุทานอย่างตื่นตระหนก ไม่คิดว่าแผนที่วางไว้จะถูกจับได้เร็วขนาดนี้
“ฉันไม่ได้โง่นะเหรันต์ แผนตื้นๆแค่นี้ทำไมฉันจะดูไม่ออกแล้วคิดว่าจะรอดเงื้อมือฉันไปได้หรือ แล้วจะทำอย่างไรต่อล่ะทีนี้” หริรักษ์ใช้เท้าขยี้สร้อยผมจนกล้องแตกละเอียด จนผมอดทำหน้าผิดหวังออกมาไม่ได้
“ผมยอมแล้ว อย่าทำอะไรพวกเพื่อนๆผมเลยนะครับ” ผมก้มหน้าเอ่ยอย่างยอมจำนน
“ข้อมูลอยู่ที่ไหน”
“อยู่คอนโดฯG ผมซ่อนไว้ในโน๊ตบุ๊คในห้อง3802” ผมเงยหน้าพูดกับหริรักษ์ตรงๆโดยไม่หลบตา หริรักษ์หรี่ตามองค้นหาความจริงจากตาผม เขาพยักหน้า
“แล้วฉันจะไปเอามันมาได้ยังไง” หริรักษ์กอดอกเอ่ยถาม
“ผมจะพาไปเอา”
“ไม่ได้ เธออาจจะเล่นตุกติกมีพวกรอดักอยู่ก็ได้” หริรักษ์ปฏิเสธอย่างไม่ไว้ใจ
“ไม่มีใครรู้เรื่องนี้...ยกเว้นเขา” ผมเหลือบสายตาไปมองทศกัณฐ์ที่แน่นิ่งไปแล้ว
“คิดวิธีอื่นที่ทำให้ฉันได้มันมาโดยที่เธอต้องอยู่ที่นี่ ไม่อย่างนั้น....แกร็ก!” หริรักษ์ขึ้นนกหันปลายกระบอกปืนไปทางทศกัณฐ์ราวกับข่มขู่กลายๆ
“ให้ลูกน้องคุณเอาคีย์การ์ดในกระเป๋ากางเกงผมไป ถ้าภายในสามสิบนาทีหลังจากเขาถึงคอนโดฯแล้วขาดการติดต่อ ท่านฆ่าผมได้เลย” หริรักษ์พยักหน้าอย่างเห็นด้วย เขาลงมือค้นหาคีย์การ์ดผมด้วยตัวของเขาเอง ไม่รู้ทำไมถึงได้รู้สึกว่ามือเขาปัดป่ายอ้อยอิ่งอยู่แถวบั้นท้ายผมนานไปหน่อย ในที่สุดเขาก็หยิบคีย์การ์ดสีดำออกมาได้สักที ผมค่อยหายใจสะดวกขึ้นหน่อย
“หึๆ เอาล่ะทีนี้ก็ถึงเวลาของเธอสักที” หริรักษ์เดินมาพูดกับผมหลังจากที่เขาออกไปสั่งงานกับลูกน้อง โดยทิ้งให้ผมอยู่กับทศกัณฐ์และลูกน้องเขาอีกสองคน
“ท่านหมายความว่ายังไง?” ผมเอ่ยถามด้วยความไม่เข้าใจ แต่หริรักษ์กลับย่างสุขุมเข้ามาใกล้ผมพร้อมผลักลงบนโซฟาตัวยาวที่อยู่อีกมุมหนึ่งของห้อง
“อย่ามาทำเป็นใสซื่อ เธอกับไอ้ฝรั่งนั้นคงไปถึงไหนต่อไหนกันแล้วล่ะสิ” ผมเลือกที่จะเงียบไม่ตอบโต้อะไร “เมื่อก่อนฉันเคยบอกไปแล้วนี่ว่าฉันถูกใจเธอ วันนั้นเธอทำแสบเอาไว้ก่อนที่ฉันจะได้เชยชมร่างกายเธอ แต่วันนี้ฉันมีโอกาสได้สานต่อจากวันนั้น และที่ยิ่งสะใจไปมากกว่านั้นคือฉันได้ย่ำยีเธอต่อหน้าคนรักของเธอไงล่ะ ฮ่าๆๆๆ” หริรักษ์กดไหล่และลำตัวผมลงกับโซฟาเมื่อผมดิ้นรนขัดขืนอย่างรุนแรง เสียงน้ำสาดดังซ่าดังขึ้นไม่ไกลจากอีกฟากของห้อง ทศกัณฐ์ลืมตาขึ้นมาด้วยสภาพสะบักสะบอม เขาเหลือบมองมาทางผมก่อนจะดิ้นรนให้หลุดจากลวด ทศกัณฐ์คำรามต่ำในลำคอเหมือนสัตว์บาดเจ็บเมื่อหริรักษ์เริ่มถอดเสื้อผมออกจากตัว ผมดิ้นหนีสุดกำลังแต่ก็ทำอะไรไม่ได้มากนักเนื่องจากสองมือที่ถูกมักไล่หลังไว้ หริรักษ์ซุกไซ้ลำคอผมแรงๆเพราะผมเม้มปากแน่นบ่ายหน้าหนีริมฝีปากหนานั่นตลอดเวลา เขาขยำมือไปตามลำตัวผมจนแดงเป็นปื้น พึมพำอยู่ข้างหูเหมือนคนโรคจิต
“สวย...เธอสวยมากจริงๆ” พูดจบเขาก็เลื่อนใบหน้าครอบริมฝีปากลงที่ยอดอกผมทันที ความเจ็บแปลบเกิดขึ้นที่ยอดอก ผมกัดปากแน่นด้วยความรังเกียจ “เป็นของฉัน ฉันจะให้ทุกอย่างที่เธอต้องการ” หริรักษ์มองผมด้วยความหลงไหลพร้อมกับกระชากกางเกงพร้อมอันเดอร์แวร์ผมพ้นจากเรียวขาทันที
“ไม่!!!” ทศกัณฐ์ตะคอกสุดเสียง โมโหร้ายที่สุดอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน
++++++++++++++++++++++
กลายเป็นนิยายรายเดือนไปแล้ว งื้อ เค้าเรียนหนักมากมายจริงๆ แอมซอรี่เวรี่มาชชชช