8
พั่บ พั่บ พั่บ
“อ๊ะ…อ๊าาา…มะ…ไหวแล้ว…อ๊าาาาา” เสียงผิวเนื้อกระทบกันดังแข่งกับเสียงครวญครางไปทั่วทั้งห้องหรู ร่างทศกัณฐ์กระแทกเข้าออกเร็วขึ้น หญิงสาวใต้ร่างเขาบิดเร่าด้วยความเสียวซ่านใจจะขาด เธอถึงสวรรค์ไปก่อนถึงสามรอบและรอบที่สี่กำลังจะตามมาติดๆ แต่ทศกัณฐ์ยังไม่มีท่าทีว่าจะเสร็จ เขายังคงกระแทกสะโพกเข้าออกในร่างเธออย่างต่อเนื่อง มือข้างหนึ่งขยำหน้าอกเธอเพื่อระบายอารมณ์ดิบ เหงื่อผุดพรายขึ้นเต็มใบหน้าหล่อเหลาไล่ลงมายังลำคอแกร่งดูเซ็กซี่กระตุ้นอารมณ์เธอมากขึ้นไปอีก
เธอมองเขาอย่างหลงไหล อยากเอื้อมมือไปกอดและจูบ แต่เขาไม่อนุญาตแม้แต่จะให้จับ มือทั้งสองข้างของเธอได้แต่จิกระบายอารมณ์กับผ้าปูที่นอน
เธอพึ่งเคยเจอกับผู้ชายที่ขณะมีเซ็กส์ใบหน้ายังคงนิ่งเฉยราวกับไม่รู้สึกอะไร ทั้งๆที่เธอเป็นถึงนางแบบชั้นแนวหน้าของวงการหุ่นและหน้าตาเธอไม่เป็นรองใคร แต่ผู้ชายคนนี้ไม่แม้แต่จะเห็นเธออยู่ในสายตา เขาเพียงแค่มีเซ็กส์เพื่อปลดปล่อยตามธรรมชาติก็คงจะไม่ผิดนัก
แม้แต่ถอดเสื้อผ้าขณะมีเซ็กส์เขายังไม่ทำ เพียงแค่ร่นกางเกงลง แต่ถึงอย่างนั้นเธอก็ไม่มีสิทธิ์เรียกร้องอะไรทั้งนั้นเพราะเขาจ่ายหนักกว่าทุกคนที่ผ่านมา เขาให้ทำอะไรเธอก็ต้องทำ
พั่บๆๆๆๆๆ
ทศกัณฐ์เร่งจังหวะเร็วขึ้นในช่วงสุดท้าย ก่อนจะรีบถอนร่างออกมารูดถุงยางทิ้งลงถังขยะ หญิงสาวรู้หน้าที่รีบเข้าไปใช้ปากจัดการต่อให้จนเขาเสร็จสมในที่สุด
“เธอจะนอนพักก่อนก็ได้เช็คเอ้าท์ออกก่อนเที่ยงพรุ่งนี้ ส่วนค่าตัวอยู่ในลิ้นชัก” เขาบอกเรียบๆก่อนจะเดินไปหยิบผ้าเช็ดตัวเดินเข้าห้องน้ำไป นางแบบสาวได้แต่มองตามร่างสูงทศกัณฐ์หายลับเข้าไปในห้องน้ำด้วยสายตาอาวรณ์ เขาไม่สนใจเธอสักนิดเลยหรือ มันน่าเสียดายที่แม้แต่ชื่อเขาเธอก็ไม่มีโอกาสได้รู้จัก
.
.
.
.
ทศกัณฐ์เดินออกจากโรมแรมระดับห้าดาวกลางกรุงที่โจเซฟมักจะพาคู่นอนมาให้เขาที่นี่ ร่างสูงเดินตรงไปขึ้นรถยนต์คันหรูที่จอดรอทางเข้าโรงแรม
“วันนี้ทำไมเร็วนักล่ะครับ” โจเซฟถามพร้อมออกรถ
“รำคาญน่ะ คราวหลังขออย่าร้องเยอะนัก” ทศกัณฐ์ว่าเรียบๆมือท้าวคางมองออกไปนอกหน้าต่าง
“ครับ…คุณรันต์ตอนนี้เธอยังอยู่ที่ห้องนะครับ ถามหาคุณด้วย” โจเซฟรับคำ พร้อมเล่าเรื่องเด็กคนนั้น แอบมองปฏิกิริยาทศกัณฐ์ผ่านกระจกมองหลัง ทศกัณฐ์หันกับมาสบตาเขาผ่านกระจกนิ่งๆ คนอื่นอาจดูไม่ออกว่าทศกัณฐ์คิดอะไร แต่เขาที่อยู่กับทศกัณฐ์มาเกินครึ่งชีวิตทำไมจะไม่รู้
ทศกัณฐ์กำลังมีเรื่องรบกวนจิตใจ แถมน่าจะเป็นเรื่องเด็กคนนั้นซะด้วย
“เรื่องนายหญิง จะให้เค้นเขาไหมครับ”โจเซฟถามต่อ ทศกัณฐ์เงียบไปนานก่อนจะเอ่ย
“ไม่ต้อง ถ้าเขาอยากบอกเขาก็จะบอกเอง เราตามหาของเราไปเรื่อยๆก็พอ”
“ถ้าคุณเจอนายหญิงแล้วจะทำไงต่อครับ” ทศกัณฐ์นิ่งไปพักใหญ่ ก่อนจะเอ่ยออกมาเบาๆเหมือนพูดกับตัวเอง
“ไม่รู้สิ ไม่รู้ว่าจะกล้าถามเรื่องนั้นไหม เธอจะยอมเจอผมรึเปล่าก็ไม่รู้”เขาตอบพร้อมเหยียดยิ้มเย้ยหยันตัวเอง เขานึกไม่ออกเลยว่าถ้าถึงเวลานั้นเขาจะทำอะไรได้บ้าง
++++++++++++++++++++
ติ้ด แกร็ก
เสียงเปิดประตูหน้าห้องดังขึ้น ผมที่กำลังง่วนอยู่กับรายงานเงยหน้าขึ้นไปมอง ทศกัณฐ์กลับมาแล้ว เขามองหน้าผมแวบนึงก่อนถอดรองเท้าเก็บไว้ในตู้แล้วเปลี่ยนใส่สลิปเปอร์แทน
ผมมองนาฬิกาที่ผนังอีกสิบห้านาทีจะสี่ทุ่มและผมนั่งพิมพ์งานที่โซฟาในห้องนั่งเล่นอยู่ คือวันนี้ผมออกไปทำรายงานกับเพื่อนมาครับ พอค่ำๆจะกลับก็แวะมาคอนโดจะทำอาหารให้ทศกัณฐ์ ผมมาถึงก็ไม่เจอเขาแล้ว เลยถามโจเซฟก็บอกว่าออกไปข้างนอกดึกๆถึงจะกลับ ผมก็เออทำอาหารไว้ให้แล้วก็จะกลับ แต่ไอ้เมฆดันโทรมาจะเอาต้นฉบับรายงานส่วนที่ผมทำก่อนสี่ทุ่ม มันบอกจะเอาเนื้อหาไปให้ที่ปรึกษาดูก่อน ผมก็ต้องเร่งทำให้มันนี่แหละครับ
รู้สึกเหมือนมาหยุดอยู่ใกล้ๆ ผมไม่ได้หันไปดูยังคงตั้งหน้าตั้งตาพิมพ์งานของตัวเองต่อไป ก่อนจะสัมผัสได้ว่าโซฟาที่ผมนั่งอยู่ยวบลง(โซฟายาว) เขานั่งลงข้างๆไม่ใกล้ไม่ไกลจากผมนัก ได้ยินเสียงทีวีดังขึ้นเบาๆแข่งกับเสียงเคาะแป้นพิมพ์ของผม
“ผมขอเวลาไม่เกิน10นาที แล้วเดี๋ยวจะกลับ”ผมบอกเบาๆสายตายังคงจับจ้องจอโน๊ตบุ๊คอยู่
“อืม”เขาตอบรับเบาๆ
“คุณกินข้าวมารึยัง ผมทำปลากระพงทอดน้ำปลากับแกงเขียวหวานไว้ให้”
“อือ”ผมละสายตาจากจอไปมองทศกัณฐ์ เห็นเขามองผมก่อนอยู่แล้ว
“ทำอะไร”เขาถามต่อ ทำตัวแปลกๆ
“รายงานน่ะ ต้องส่งให้เพื่อนก่อนสี่ทุ่ม”
“กินข้าวรึยัง” หืม? ผมหูไม่ฝาดใช่ไหมวะ มาแปลกจริงๆว่ะวันนี้
“ยัง เดี๋ยวกับไปกินแถวหอ”
“กินด้วยกันดิ” นึกยังไงของมันวะ ผมไม่ได้กินข้าวกับทศกัณฐ์นานแล้ว ตั้งแต่วันแรกที่ผมทำข้าวต้มให้มัน หลังจากนั้นก็ไม่ได้กินด้วยอีก
“คุณกินเถอะ” ผมบอกเบาๆแล้วตั้งใจพิมพ์งานต่อ
“ยังไม่หายโกรธหรอ”ทำไมรู้สึกว่าเสียงมันหงอยๆวะ
“เปล่านิ ผมไม่ได้คิดอะไร”
“หรอ”พูดแล้วก็เงียบไป
“คุณจะไม่ถามหรอว่าแม่คุณอยู่ที่ไหน”ผมละสายตาจากจอขึ้นไปมองเขา ทศกัณฐ์ก็หันหน้าจากทีวีมามองผม สายตาเขาจ้องลึกมาในดวงตาผมอย่างค้นหา นานเป็นสัปดาห์ที่เราไม่ค่อยได้พูดหรือเจอกันตั้งแต่ที่เขาทำเรื่องวันนั้น พึ่งจะได้มองหน้ากันตรงๆก็งานเฟรชชี่เมื่อวานนี้นี่แหละ
ถามว่าผมเขินไหมที่โดนหอม แรกๆก็ช็อคอยู่นะแต่ก็ไม่ได้คิดอะไรมาก ไอ้เมฆทำออกบ่อย(หอมแก้มผม) แล้วผมก็ไม่ได้เปิดเฟซบุ๊คดูเลย(เดือนนึ่งออนที) ไม่รู้ว่าไอ้เหี้ยพี่สมิธมันจะทำอย่างที่ว่ารึเปล่า เมฆก็ไม่เห็นพูดอะไร
หวังว่าความสงบสุขในชีวิตผมคงจะไม่หายไปหรอกนะ
“จะบอกไหมล่ะ”เขาถามแล้วจ้องผมนิ่งๆ นี่เรากำลังเล่นเกมส์ยี่สิบคำถามกันอยู่รึเปล่าวะ
“ก็…ถ้ามีข้อแลกเปลี่ยน”ผมลองต่อรองยกยิ้มขึ้นนิดๆ
“ถ้าจะขออิสระ ก็ไปบอกเขาสิ กูคงทำอะไรไม่ได้”เขาที่ทศกัณฐ์พูดคงหมายถึงพ่อเขา ผมละสายตาจากเขาไปพิมพ์งานต่อ
“ถ้าทำได้ ผมคงทำแล้วอ่ะนะ ช่างเถอะ ถ้าไม่ผิดจากที่ผมคิดแม่คุณอยู่ที่ xxx ซอย yy หลังที่ 3 ฝั่งขวามือมีต้นไม้เยอะๆหลังคาสีฟ้ารั้วสีชมพู” ผมบอกเหมือนเรื่องทั่วไป มือกับตายังทำงานอย่างต่อเนื่อง
“หึ เด็กดี”ไม่พูดเฉยๆยังมีการเอื้อมมือมาขยี้หัวผมอีก
“อื้อ สนิทกันหรอวะ”ผมพยายามจะสบัดหัวออกจากมือเขาแต่ก็ขยับไม่ค่อยถนัดนัก แม่งกูพิมพ์งานอยู่โว้ย หันไปทำหน้ายู่ๆใส่มันอย่างลืมตัว(ปกติทำแต่กับเชี่ยเมฆ)
“คิดว่าน่ารักหรอ” มันว่าแล้วกระตุกยิ้มที่มุมปากอย่างอารมณ์ดี พระเจ้ากูไม่ได้ตาฝาดใช่ไหมเนี่ย
“น่ารักบ้าอะไร เขาเรียกว่าหล่อ”จับมือมันออกจากหัวแล้วขยับไปชิดอีกฝั่งโซฟา งานกูจะไม่เสร็จโว้ย
กริ่งงงงงงง กริ่งงงงงงง
เสียงออดหน้าห้องดังขึ้น ทศกัณฐ์ลุกขึ้นไปที่ประตู สักพักผมได้ยินเสียงทศกัณฐ์กรอกเสียงผ่านอินเตอร์คอม
“มาทำไม”
(มาหามึงไง)เหมือนเสียงไอ้พี่สมิธ
“มาหาเพื่อ?” ทศกัณฐ์ หูผมฟังแต่มือกูพิมพ์นะครับเทพไหมล่ะ
(วันนี้ดูบอลไง แมตสำคัญตอนเที่ยงคืนมึงลืมได้ไงวะ เนี่ยไอ้ดีมันเอาเหล้าพ่อมันมาด้วย)น่าจะเสียงพี่เซนท์
“ตกลงจะดูบอลหรือแดกเหล้า”ทศกัณฐ์ว่าอย่างอืมๆ
(ทั้งสอง!!!) มาแบบประสานเสียงเลยครับ แอบได้ยินเสียงทศกัณฐ์ถอนหายใจแล้วเปิดประตู
“นาน! กว่าจะเปิด ยืนรอจนเมื่อย นี่ไม่นับที่กูต้องเดินจากชั้นไอ้สมิธมาหามึงตั้งสองชั้นอีกนะ” เปิดประตูมาปุ๊บ ก็ได้ยินเสียงพี่เซนท์บ่นมาแต่ไกลเลยครับ
“กูขอให้มาหรอ” ทศกัณฐ์พูด ผมจัดการเซฟงานแล้วส่งให้ไอ้เมฆ รีบปิดคอมแล้วเก็บของใส่กระเป๋าให้เรียบร้อยลุกขึ้นจะกลับหอ
“อ้าว”พอผมยืนขึ้น จะเดินออกจากห้องนั่งเล่นไปทางประตูห้อง ดวงตาทั้งสี่คู่มองมาที่ผมด้วยสายตาที่แตกต่างกัน เซนท์มองผมงงๆและเป็นคนที่อุทานออกมาเมื่อกี้ พี่ใจดีมองผมนิ่งๆ ส่วนไอ้พี่สมิธมองผมด้วยสายตาเจ้าเล่ห์ และทศกัณฐ์เหมือนมีความหนักใจอยู่นิดๆ
“หวัดดีครับ”ผมยกมือไหว้ แล้วยิ้มให้เช่นเคย
“นั่นแน่” ไอ้(เหี้ย)พี่สมิธเล่นกูละ
“น้องเมื่อวานใช่ป่ะ มาอยู่ห้องไอ้ทศได้ไงอ่ะ” พี่เซนท์ถามงงๆเหมือนไม่ค่อยรู้เรื่อง(ก็มันไม่รู้จริงๆ)
“เอ่อ คือผม…” ผมไม่รู้จะตอบยังไงว่ะ ได้แต่ยิ้มเก้อๆให้
“ไม่เห็นแปลก น้องรันต์เด็กไอ้ทศโว้ย” ไอ้พี่สมิธบอกพี่เซนท์แล้วหันไปยักคิ้วให้ทศกัณฐ์
“จริงหรอวะทศ ทำไมกูไม่รู้ มึงไม่บอกกูแต่บอกไอ้สมิธหรอ มึงก็รู้ใช่ไหมดี” พี่เซนท์เริ่มโวยวาย หน้าก็งอไปทุกที น่ารักว่ะ(ใช่เวลาไหม)
“เหี้ยสมิธ มึงอย่ามั่วไอ้สัด” แววตาทศกัณฐ์หงุดหงิดขึ้น
“กูเปล่าาาา” ว่าจบเขาก็วิ่งหลบตีนทศกัณฐ์ที่ยกขึ้นจะถีบมาเกาะอยู่หลังผม
“มึงไม่ต้องไปเชื่อไอ้เชี่ยสมิธมาก รันต์เป็นคนที่พ่อกูส่งมาดูแลเรื่องทั่วไปแค่นั้น” พี่เซนท์ทำหน้าแบบไม่ค่อยเชื่อ แต่ก็ไม่กล้าพูดอะไรต่อเพราะน้ำเสียงกดต่ำที่ทศกัณฐ์ใช้มันน่าขนลุกแปลกๆ
“ผมกลับแล้วนะครับ” ผมสะบัดตัวออกจากไอ้พี่สมิธแล้วบอกทุกคนเบาๆ ก้มหัวให้นิดๆอย่างมีมารยาท ก่อนจะเดินไปหยิบรองเท้าในตู้
“รีบกลับไปไหนวะ อยู่ดูบอลด้วยกันก่อนดิ” เสียงไอ้พี่สมิธรั้ง ผมเงยหน้าขึ้นมองเขาหลังใส่รองเท้าเสร็จ เขายืนอยู่ใกล้ๆ มีทศกัณฐ์ยืนกอดอกดูอยู่ไม่ไกล ไม่เห็นพี่เซนท์กับพี่ใจดี คงอยู่ในครัว
“ผมไม่ดูฟุตบอลน่ะครับ”บอกแล้วยิ้มให้บางๆ
“เฮ้ย มึงผู้ชายป่ะเนี่ยไม่ดูบอลจริงอ่ะ” มันทำหน้าเหมือนไม่เชื่อ
“ไม่เห็นเกี่ยวว่าไม่ดูบอลไม่ใช่ผู้ชาย ถ้างั้นผู้หญิงที่ถักนิตติ้งไม่เป็นก็ไม่ใช่ผู้หญิงสิครับ ก่อนจะพูดอะไรหัดคิดบ้างนะครับ โตแล้ว” ผมยิ้มให้เขาบางๆแล้วลุกขึ้นยืน
“อ้าว หลอกด่ากูอีก ไม่ใช่เด็กไอ้ทศนี่มึงปากแตกนะ”
“ก็มาสิครับ ผมไม่ใช่เด็กเดิกของเขาอะไรอย่างที่คุณว่าสักหน่อย”
“มึงนี่มัน…”
“ทศศศศ แกงเขียวหวานในหม้อนี่มึงไปซื้อมาจากไหนวะ อร่อยโคตรๆเลย” เสียงพี่เซนท์ตะโกนแทรกสมิธ ผมเห็นเขาวิ่งดุ๊กดิ๊ก(?)ออกมาจากครัวไปหาทศกัณฐ์
“รันต์ทำ” เขาบอกพี่เซนท์สั้นๆ
“จริงอ่ะ โห! น้องรันต์สุดยอดเลย โคตรอร่อยอ่ะนี่ของโปรดพี่เลย” พี่เซนท์หันมาพูดกับผม เขายิ้มจนตาหยี ดูน่ารักมากๆไม่น่าจะมาอยู่กลุ่มนี้เลยจริงๆ
“ขอบคุณครับ” ผมยิ้มให้เขาบางๆรู้สึกดีใจอยู่นิดๆที่มีคนชอบอาหารที่ทำ ก็แน่ล่ะไม่ค่อยมีใครได้กินอาหารที่ผมทำหรอก นอกจากเมฆที่ชมผมทุกครั้งเวลาที่ทำให้กิน ก็มีทศกัณฐ์นี่แหละที่ช่วงนี้ได้กินทุกวัน(มั้ง) แต่มันก็ไม่ได้พูดอะไรไง ตัวผมเองเริ่มทำอาหารง่ายๆได้ตั้งแต่10ขวบ หลังจากนั้นก็จะเข้าครัวกับแม่ตลอดจนทำได้คล่อง สูตรอาหารต่างๆก็ได้มาจากแม่ แต่ก่อนแม่เคยเล่าให้ฟังว่าเคยไปเรียนที่ฝรั่งเศษด้วยผมไม่รู้หรอกว่าเรียนอะไร รู้แค่ว่าเรียนไม่จบ เพราะดันท้องซะก่อน…แต่แม่ก็ดูมีความสุขมากที่พูดถึงช่วงเวลานั้น
ช่างเถอะ อย่าไปนึกถึงเลย
“กูนึกอะไรดีๆออกละ หึๆ”เหมือนได้ยินเสียงปีศาจแว่วๆเข้ามาในหูแฮะ
“เฮ้ยเซนท์ มึงก็ให้ไอ้น้องรันต์ทำกับแกล้มให้ดิวะ มึงบ่นว่าอยากกินยำไม่ใช่อ๋อ” นั่นไง งานเข้ากูแล้วไหม ผมหรี่ตามองไอ้ปีศาจสมิธที่ยืนอยู่ไม่ไกล คงไม่มีแผนชั่วอะไรหรอกนะ
“หือ จะดีหรอ…”น้ำเสียงอ่อยๆกับไอ้สายตาที่ช้อนมองผมอ้อนๆนั่นก็ทำผมไปไม่ถูกเหมือนกัน แม่งน่ารักว่ะ ไม่เคยรู้สึกแพ้ราบคาบขนาดนี้มาก่อนเลย
“ถ้าพี่อยากกิน เดี๋ยวผมไปทำให้ก่อนกลับก็ได้ครับ”ผมบอกแล้วยิ้มบางๆให้
“เย้ รันต์ใจดี”ว่าแล้วก็วิ่งมากอดผมซะเต็มรัก หลายคนอาจมองไม่ออกว่าเขาน่ารักตรงไหน คือเขาไม่เตี้ยนะครับสูงสักร้อยเจ็ดสิบห้าเซนฯได้ แต่ผิวขาวตาชั้นเดียวไม่ได้ตี่มาก แก้มที่มองดีๆผมว่ามันดูป่องๆน่าหยิกนะ ดูหล่อน่ารักสไตล์เกาหลีๆอ่ะครับ
“เอ่อ พี่เซนท์ปล่อยผมดีกว่าครับ” ผมดันพี่เซนท์ออกเบาๆ ก็สายตาไอ้พี่ดีที่มองมาอ่ะดิ ถ้าฆ่ากูได้กูคงตายเดี๋ยวนั้น(ออกจากครัวมาตอนไหนวะ)
“อื้อ ไปครัวกัน” ผมพยักหน้ารับ ก้มตัวลงไปถอดรองเท้าเอาไปเก็บไว้ในตู้แล้วเปลี่ยนใส่สลิปเปอร์แทน พี่เซนท์ที่ยืนรออยู่ก็กอดแขนลากผมเข้าห้องครัวอย่างอารมณ์ดีโดยไม่สนใจสายตาใครเลย
พอเดินผ่านพี่ดีผมก็หลบสายตาเขา คือแม่งน่ากลัวว่ะผมไม่ได้คิดไปเองใช่ไหม พี่เซนท์มีการหันไปยิ้มซื่อๆให้เขาอีก
.
.
.
.
.
“รันต์ ขอเพิ่มอีกอย่างครับ ยำวุ้นเส้นใกล้หมดละ ไอ้พวกนั้นกินเร็วมาก เฮ้ยพวกมึงเหลือไว้ให้กูด้วยโว้ย” พร่เซนท์ชะโงกแต่หัวเข้ามาบอกผมในครัว ก่อนจะรีบวิ่งกลับไป
คือยำวุ้นเส้นกุ้งสดจานใหญ่พึ่งยกออกไปเมื่อกี้ จะหมดแล้ว?
ผมสะบัดหัวไล่ความคิด จะทำอะไรดีนะ กุ้งแช่น้ำปลาละกัน คิดได้ก็เปิดตู้เย็นเอากุ้งออกมาอีกครั้ง รีบลงมือทำอบ่างเคยชิน
.
.
.
.
ผมยกจานกุ้งแช่น้ำปลาด้วยมือข้างนึง มืออีกข้างถือจานเฟรนฟรายทอดกับฮอทดอกจานใหญ่เสริมให้ เดินเอาไปเสิร์ฟให้ถึงที่
“โว้ๆๆ ลาภปากพวกกูจริงๆ มึงนี่โชคดีชะมัดไอ้ทศ ถ้าได้เมียแบบนี้นะกูจะไม่ออกจากบ้านไปไหนเลย” ไอ้พี่สมิธแซวขึ้นเมื่อผมเดินไปถึง พวกเขานั่งตั้งวงกันที่พื้นหน้าโซฟา(ได้ยินปว่วๆว่าได้ฟิลดี)หน้าหันหาทีวีติดผนังขนาดห้าสิบกว่านิ้วเปิดช่องที่เตรียมฉายฟุตบอลอะไรไม่รู้ มีโต๊ะกระจกอยู่กลางวง บนโต๊ะมีขวดเหล้ายี่ห้อนอกขวดใหญ่ พร้อมแก้วประจำตำแหน่งคนละใบ จานยำวุ้นเส้นผมตั้งอยู่ตรงกลางเหลือแค่เศษซากผักนิดหน่อย
“แค่นี้น่าจะพอนะครับ” ผมเมินคำแซวสมิธ
“ขอบใจนะน้องรันต์”พี่เซนท์ฉีกยิ้มกว้างให้ ผมก็ยิ้มตอบบางๆ
“งั้นผมกลับก่อนนะครับ”
“ทำไมกลับเร็วนักล่ะ อยู่กินเหล้าด้วยกันก่อนดิ”ปีศาจสมิธ
“ไม่ล่ะครับ เดี๋ยวจะดึกไปมากกว่านี้” ผมมองนาฬิกาตอนนี้เกือบๆห้าทุ่มแล้วครับ
“เฮ้ย นอนนี่ก็ได้ เคยนอนแล้วไม่ใช่อ๋อ” ผมตวัดสายตามองสมิธอย่างประเมิน เขารู้หรอวะ
“รู้ได้ยังไงครับ เคยเห็นหรอ”ผมกระตุกยิ้มให้เขาอย่างท้าทาย เรื่องอะไรจะต้องเผยไต๋ให้เขาจับได้กัน
“เหอะ จะปากแข็งต่อไปก็เชิญ แต่กินแก้วนี้หมดก่อนจะให้กลับ”มันยังเซ้าซี้
“ผมไม่จำเป็นต้องทำแบบนั้นนี่ครับ”
“ก็ได้ ถ้ามึงคิดว่าจะหากระเป๋าตัวเองเจออ่ะนะ” มันว่ายิ้มๆ ผมตวัดสายตาไปมองหากระเป๋าที่โซฟาที่ผมวางไว้ก่อนจะเข้าครัวไป ไม่อยู่ตรงนั้นแล้วครับ เป้ใบนั้นมีทั้งโน๊ตบุ๊ค โทรศัพท์ และกระเป๋าตังค์ผมครับ ถ้าไม่มีคงจะกลับไม่ได้
ไอ้ปีศาจนรกสมิธ…
“คุณนี่มัน…เอามาสิ”ผมกัดฟันบอกอย่างจำยอม
“ฮ่าๆๆ กูเปลี่ยนใจแล้ว เรามาเล่นเกมกันดีกว่า” สมิธหัวเราะอย่างอารมณ์ดีที่เห็นผมหลุดได้
“จะเอายังไงกันแน่ คุณนี่มันกลับกรอกเชื่อไม่ได้จริงๆ” ผมเหน็บแล้วยิ้มเหยียด
“กูไม่เจ็บหรอก นั่งลงๆข้างๆแฟนมึงแหละ จะได้รีบๆเล่นให้จบไง”แฟนเหี้ยไรล่ะแต่ก็ไม่ได้เถียงอะไรออกไป ผมจะไม่คิดมากเลยถ้าไม่เห็นรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ของไอ้ปีศาจนั่น
“เอมไออ่ะ(เกมไรอ่ะ)”เซนท์ถามทั้งๆที่ของกินเต็มปาก ผมจำต้องนั่งลงข้างทศกัณฐ์อย่างช่วยไม่ได้(มันนั่งริมสุด) นั่งก้มหน้าถือไอแพดดูอะไรไม่รู้ ไม่พูดไม่จา(ปกติแม่งก็พูดน้อยอยู่ละ)
“เกมความความจริง กติกาง่ายๆตามชื่อ เราจะหมุนขวดเบียร์นี่ ถ้าปากขวดชี้ไปทางใครต้องบอกความจริงตามที่คนหมุนถาม ตาต่อไปก็ให้คนที่ถูกถามเป็นคนหมุนวนไปเรื่อยๆ ถ้าหมุนโดนตัวเองต้องหมุนใหม่ ถ้าตอบความจริงไม่ได้ก็ต้องยกหนึ่งช็อต”ไอ้พี่สมิธอธิบายแล้วเอาขวดเบียร์ขนาดเล็กมาตั้งบนโต๊ะ พร้อมแก้วเหล้าหนึ่งช็อต…ใหญ่ๆเลื่อนมาไว้ตรงกลาง
“เป็นลูกผู้ชายต้องพูดความจริง โอเค๊” มันย้ำเสียงเข้ม
จริงๆผมพอจะรู้จักเกมนี้ เอาง่ายๆมันเป็นเกมประจำวงเหล้านั่นแหละ
“ไอ้ทศ เงยหน้ามาเล่นเกมก่อนอย่ามัวแต่ดูธุระกิจแสนล้าน พักหนึ่งวันไม่จนลงหรอก”พี่เซนท์ที่นั่งข้างทศกัณฐ์อีกด้านเขย่าแขนเบาๆ
“อือ”ปิดไอแพดแล้ววางไว้ที่โซฟา ก่อนจะหันหน้ามามองผมแล้วกระดกแก้วเหล้าขึ้นดื่ม อะไรของเขาวะ?
“มาเริ่มกันเลยดีกว่า เริ่มจากกูก่อนนะ”ไอ้พี่สมิธเก็บจานของกินไว้ข้างล่าง ส่วนจานเฟรนฟรายโดนพี่เซนท์ยึดครอง
เฟี้ยวววววว…กึก ขวดไปหยุดอยู่หน้าทศกัณฐ์
“หึๆๆ มือกูนี่แม่นจริงๆ…มึง…ทศกัณฐ์ ตอบความจริงมาว่า…ได้น้องรัต์ยัง” ไอ้เชี่ยยยยยย คำถามส้นตีนอะไรของมึงเนี่ย
เงียบกริบกันทั้งวงรอคอยคำตอบของทศกัณฐ์….แต่เขากลับหยิบแก้วเหล้ายกขึ้นดื่มหมดภายในทีเดียว หน้ายังคงนิ่งเฉยเหมือนไม่รู้สึกอะไร นี่กินเหล้าหรือน้ำเปล่า
“เหวยๆๆ ไม่ยอมบอกเว้ย มีซัมติงอะไรรึเปล่าเนี่ย” ผมหันหันไปมองทศกัณฐ์ ทำไมไม่ยอมบอกไปวะ ยังไม่ได้มีอะไรกันสักหน่อย ก็แค่…เกือบ
“ตากู” ทศกัณฐ์ไม่สนใจเสียงสมิธ หมุนขวดต่อจนไปหยุดอยู่ที่พี่ดี
“ทำการบ้านวิชา อ.เสรี ยัง?” ถามอะไรของมึงเนี่ย
“ยัง” ไอ้พี่ดีก็ตอบกลับนิ่งๆ อะไรของพวกเขาวะ
“ถามส้นตีนอะไรของพวกมึงเนี่ย”ไอ้พี่มิธขัด
“เสือก”ทศกัณฐ์กับพี่ดีพูดพร้อมกัน ไอ้พี่สมิธได้แต่อ้าปากพะงาบๆไม่รู้จะเถียงอะไร พี่ดีเริ่มทำการหมุนขวดอีกครั้งจนปากขวดหยุดและชี้มาทาง…ผม พี่ดีมองหน้าผมเล็กน้อยก่อนจะเอ่ยช้าๆ
“เสียซิงสักครั้งรึยัง” ถามเหี้ยอะไรเนี่ยพี่ดี แม่ง ถ้าบอกความจริงไปมันต้องพากันหัวเราะทั้งวงแน่เลย เอาวะ! อาจจะไม่แรงมากก็ได้ ทศกัณฐ์ยังชิลๆอยู่เลย
ผมเอื้อมมือไปหยิบแก้วกองกลางขึ้นมากลั้นหายใจแล้วกระดกทีเดียวหมด น้ำเมารสชาติขมปร่าแต่บาดคอจนร้อนไปหมด ผมมึนหัวในไม่กี่วินาทีต่อมา
“วู้ๆ ไม่ยอมบอกเว้ยยยยย พี่ไม่แซวหรอกไอ้น้อง ฮ่าๆๆ” กูไม่เชื่อมึงหรอก
“ตาผม” ผมสะบัดหัวไล่อาการมึนเบาแล้วเริ่มหมุนขวด ปากขวดไปหยุดอยู่ที่พี่เซนท์
“มีแฟนยังครับ” ผมถาม ในหัวเป็นเบาๆลอยๆไงไม่รู้
“โนวววว โสดสนิท” พี่เซนท์ส่ายหัวแรงๆดูน่ารักน่าฟัดจริงๆ
“ถามแบบนี้จะจีบอ๋อ มันไม่มีหรอกแฟน มีแต่ผัวนั่งอยู่ข้างๆมันนี่ไง”ไอ้พี่สมิธพยักหน้าไปทางพี่ดี
“Kวยสมิธ ผัวบ้านป้ามึงดิ” พี่เซนท์โยนเฟรนฟรายใส่หน้ามัน สม!
แล้วพี่เซนท์ก็เริ่มหมุนขวดอีกครั้ง จนไปหยุดอยู่ที่ไอ้ปีศาจสมิธ
“หึๆๆ บอกกูมามึงเสียครั้งแรกให้ใครไอ้สมิธ” ผมนึกว่าเขาจะตอบแบบไม่ต้องคิดอะไร หรืออาจจะบอกว่านึกชื่อไม่ออกด้วยซ้ำ แต่รอยยิ้มอารมณ์ดีที่ติดใบหน้าเขาเสมอกลับหุบลง เขาหยิบแก้วเหล้าไปกระดกเงียบๆ ผมเห็นทศกัณฐ์ลอบมองหน้าเขาตอนที่พี่เซนท์ถามด้วย
“อะไรวะ ทำแค่นี้ต้องโกรธด้วยหรอ” หน้าพี่เซนท์เริ่มงอ
“เปล่า กูแค่ลืมไปแล้ว”น้ำเสียงติดจะเย็นไปหน่อย แล้วสมิธก็เริ่มหมุนขวดอีกครั้งจนมาหยุดอยู่ที่ผม…อีกแล้ว
คราวนี้จากหน้านิ่งๆเริ่มเปลี่ยนมากระตุกยิ้มให้ผม แหมที่เรื่องแกล้งกูนี่อารมณ์ดีมาเชียว
“อ่ะแฮ่ม คุณน้องรันต์ครับ บอกความจริงมา มึงจูบกับไอ้ทศกัณฐ์ที่นั่งข้างมึงรึยัง” กูว่าแล้วไอ้สัส(หมดความเคารพทันที)ไม่มีหรอกคำถามดีๆสร้างสรรค์ ผมนิ่งแล้วเผลอหันไปมองทศกัณฐ์แวบนึง เห็นว่าเขามองผมก่อนอยู่แล้ว
“แหนะๆ ไม่ต้องหันไปปรึกษากันครับ บอกมาๆ” นรกเอ้ย ผมคว้าแก้วเหล้ากระดกอีกรอบทันที อ่าาา ตอนนี้หัวผมมึนหนักกว่าเดิมอีกครับ รู้สึกเริ่มจะพยุงตัวไม่อยู่
“โห่ อะไรวะ ไม่ใจเลย”
“พี่อย่าว่าแต่คนอื่น ตัวเองก็เหมือนกานแหละวะ…ครับ” นี่กูไม่ได้จะเมาใช่ไหม อยู่ๆคนที่นั่งข้างผมก็ลุกขึ้นอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ย อืม ทำไมตัวมันดูซ้อนๆกันวะ
“ไปไหนอ่ะ” เหมือนเสียงพี่เซนท์เลยยยย
“เข้าห้องน้ำ” แล้วมันก็เดินออกจากวงไป ผมเริ่มตาปรือแปลกๆแฮะ
“เฮ้ยน้องรันต์ มึงเมาแล้วใช่ไหมวะ” หือออ ไอ้พี่สมิธมานั่งข้างกูตั้งแต่เมื่อไหร่วะ
“ป่าววววววว” กูยังไม่เมาเหอะ
หึๆๆ ขยับมาๆ ให้ไอ้ทศนั่งแทนมึง” แล้วก็ขยับตูดตามมัน
“มึงอยากแกล้งให้ไอ้ทศหลุดป่ะ” ไอ้พี่สมิธก้มลงมากระซิบ แกล้งอารายวะ
“อยากกกกกกก” พยักหน้าหงึกๆ ทำไมเป็นง่วงๆอย่างนี้วะ
“มึงก็อ้อนมันสิ อยากได้อะไรก็ขอเลย ทำตัวน่ารักๆที่สุดในชีวิตเลย” ทำตัวน่ารักๆงั้นหรอ แล้วไอ้พี่สมิธก็เอาหน้าออกไป
“เล่นเหี้ยอะไรของมึงอีกสมิธ” เสียงทศกัณฐ์ดังขึ้นพร้องกับเขาที่ทรุดตัวลงนั่งข้างๆผม ผมหันไปเอียงคอมองงงๆ ถ้าจะให้ทศกัณฐ์หลุดต้องอ้อนงั้นหรอ ผมอยากเอาคืนเขานะ แต่จะทำยังไงดีล่ะ
อ๋อ
ผมพยายามลุกขึ้นยืน เหมือนจะเซๆนิดหน่อยแต่ก็ยืนได้ละ ผมมองไปที่ทศกัณฐ์ เห็นไม่ค่อยชัดเท่าไหร่เลย แต่ก็รู้สึกว่าเขามองอยู่
“ยักษ์” ผมเรียก
“หืม?” เสียงเหมือนงงๆ
“น้องเมื่อย”ผมแทนตัวเหมือนที่พูดกับแม่ พอพูดจบผมก็ลงไปนั่งคร่อมตักยักษ์ทันที ผมหันหน้าเข้าหาเขา ขาทั้งสองข้างตวัดเกี่ยวเอวเขาไว้ ส่วนแขนทั้งสองก็คล้องไว้ที่คอเขา เหมือนยักษ์จะตัวเกร็งขึ้นนะ เริ่มหลุดแล้วล่ะสิ ฮิๆๆ
“เห้ย/เหี้ย/ฮ่าๆๆๆ” ผมไม่รู้ว่าเสียงใครบ้าง แต่ก็ทำให้ทศกันหลุดอุทานออกมาได้ แสดงว่าที่ไอ้พี่สมิธบอกได้ผลจริงๆด้วย(ใสเว่อร์)
“ลงไปนั่งดีๆ”ยักษ์เสียงเข้ม มือเขาพยายามจะแกะมือผมออกจากคอตัวเอง แต่ผมก็รัดแน่นยิ่งกว่าเดิม
“ไม่อาววว พื้นมันแข็ง” ผมทำหน้าอ้อนๆเหมือนที่เคยทำกับแม่แล้วได้ผลตลอด
“รันต์” เสียงดุอ่ะ คงต้องใช้ไม้ตายสุดท้าย
“นะยักษ์นะ ให้น้องนั่งตักน้าาาา น้องเมื่อยตูด”ผมซบหน้าลงไปกับอกแกร่งของเขา ถูไถไปมาเบาๆ อุ่นดีแฮะ
“…” เงียบแล้วอ่ะ แต่ตอนผมเริ่มง่วงแล้วสิ
“ฮ่าๆๆ ไอ้น้องรันต์เด็ดจริงๆเลยวุ้ย”เสียงปีศาจรึเปล่านะ
“เหี้ย กูไม่อยากจะเชื่อเลยว่าเวลาเมาน้องรันต์จะเป็นแบบนี้” ต้องเป็นเสียงพี่เซนท์แน่ๆ
“แผนมึงสินะสมิธ”ดังขึ้นเบาๆตรงที่ผมนั่งอยู่ อืม ตาจะปิดอยู่แล้วนะ นี่แกล้งสำเร็จรึยังเนี่ย
“ยักษ์ น้องง่วงแล้วอ่ะ” ผมพูดขณะที่ยังซบอยู่ ก็มันยกหัวมันยกไม่ขึ้นแล้วนี่
“ก็ไปนอน”
“น้องเดินไม่หวายยย น้องง่วง แต่น้องม่ายด้ายมาวววน้าาา”
“ฮ่าๆๆๆ”ครายหัวเราะน้องวะ
“แล้วจะให้ทำไง” เสียงทศกัณฐ์
“ก็อุ้มน้องงายยยย ไมยักษ์โง้โง่ ฮ่าๆๆ”
“ไอ้ทศคะแนนท็อปชั้นปี โดนเด็กด่าโง่โว้ย ฮ่าๆๆๆ” เหมือนยักษ์ไม่ได้สนใจเสียงหมูหมากาไก่ ก้มหน้าลงมากระซิบกับผมเบาๆ
“เกาะแน่นๆ” ผมก็กระชับขากับแขนเกาะเขาแน่นหน้าซบลงกับซอกคอเขา หอมดีอ่ะ ทศกัณฐ์สอดมือข้างนึงมากอดเอวผมไว้ อีกมือหนึ่งกระชับเข้ารองก้นผมกันตก เขาค่อยๆลุกขึ้นช้าๆแลเวเดินไปอีกทาง ตอนนี้สติผมก็ใกล้ขาดหายเต็มที
“บอลใกล้เล่นละ อย่าติดพันนานนะมึง”เสียงแว่วๆเหมือนไอ้ปีศาจ
แก็ก ผมรู้ตัวอีกที แผ่นหลังผมก็สัมผัสกับที่นอนนิ่มๆแล้ว
“ถึงแล้ว”ผมปรือตาขึ้นมองทศกัณฐ์ ทำไมหน้าเขาอยู่ใกล้จัง
“อื้อ น้องง่วง”
“ง่วงก็นอน ปล่อยแขนกับขาด้วย” นี่ผมยังเกาะเขาอยู่หรอ ผมปล่อยขาออกจากเอวเขา แต่แขนยังกอดไว้อยู่
“จุ๊บราตรีสวัสดิ์น้องก่อน เหมือนที่คุณแม่ทามงาย ไม่ง้านน้องนอนไม่หลับ”
“หะ ไม่ดีมั้ง”
“ดีสิ ไม่ง้านน้องม่ายปล่อยน้าาา” กอดคอเขาแน่นกว่าเดิม
“เฮ้อ โอเคจุ๊บตรงไหน”
“นี่ๆ”มือชี้ที่เหม่ง คุณแม่ชอบหอม
ยักษ์ใจร้ายนิ่งไปพักนึงก่อนจะเอื้อมมือมาถอดแว่นออกให้ผม มือเสยผมที่ปรกหน้าผาก ก้มหน้าลงมาประทับจูบที่หน้าผากช้าๆ…เนิ่นนาน
สติตอนนี้ผมหลุดลอย มึนๆเบลอๆไม่ค่อยรู้เรื่องอะไรนัก แต่ที่ผมจำได้คือสัมผัสอบอุ่นที่ประทับบนหน้าผากผม ความอบอุ่นแผ่ซ่านไปทั่วทั้งร่าง มันทำให้ผมหลับสนิทได้อย่างที่เคยเป็น…เมื่อนานมาแล้ว
“ราตรีสวัสดิ์ไอ้เด็กดื้อ”
“อื้อ”
ผมฝันเห็นคุณแม่ เธอยืนยิ้มให้ผมพูดอะไรสักอย่างที่ผมจำไม่ได้ แต่ผมและคุณแม่มีความสุขมาก ช่างเป็นคืนที่วิเศษจริงๆ คุณว่าไหม?
++++++++++++++
กราบขอโทษทุกคนที่มาช้า คอมมันไม่เชื่อมwifi ง่า หงุดหงิดมากๆ
ตอนนี้มาแบบยาวๆ(นี่ยาวแล้ว?)
ตอนนี้คุณเห็นอะไรในตัวละครไหม อิอิขอบคุณมากสำหรับทุกคอมเม้นและเป็ดนะคะ
ระนะ...เปรม {โปรดติดตามตอนต่อไป...}