บทที่ 46 อาตี๋ สักมังกร...
... ตอนนั้น ผมสอบเสร็จแล้ว กำลังรอผลการสอบครั้งสุดท้ายอยู่ วิชาเดียว... วิชาเดียวเท่านั้น ผมก็จะสำเร็จการศึกษาเป็นบันฑิต เอาประกาศนีย์บัตร พร้อมรูปถ่ายไปแปะฝาบ้านให้ “ป๊ากับม๊า” ภูมิใจ
หลังจากหายไปประมาณ 2 สัปดาห์ เพื่อกลับไปทำใจเรื่องน้องโก้ ผมก็กลับมาทำงานต่อ
“ไง... สบายใจขึ้นแล้วสิ...ดิน” พี่รัตน์ถาม เมื่อผมเดินเข้าไปยกมือไหว้
“ครับ พี่...” ผมยิ้มแหยๆ... พี่ป้อม บาร์เทนเดอร์ ที่ยืนอยู่ข้างๆ ยิ้มให้ พูด ออกมาล้อๆ
“ไอ้น้องเรามันมีอะไรดีว้า... หล่อก็ไม่หล่อ... ทำไมแขกติดมันตรึมเลย”
พี่รัตน์หันไปบอก “ลองให้เจ้าดินมันเอาสักทีสิ... ป้อม... แล้วจะบอกได้ว่า อะไรดี...”
พี่ป้อมส่ายหน้าเดี๊ยะ... “ม่ายอ่ะ... แค่เห็นรูปก็หนาวแล้ว”
ผม ลืมบอกไป มีแขกที่ร้านคนนึง เค้า เอากล้องโพลารอยด์มาถ่ายรูป “K” ตอนแข็งๆ ของผมไปสองสามรูป (เฉพาะK) รูปนึงเอามาให้พี่รัตน์เก็บไว้ในลิ้นชักเป็นคอลเล็คชั่นเด็กในร้าน... พี่รัตน์เคยหยิบมาให้พี่ป้อมดู ก็เป็นที่ฮือฮากันไป...
พี่ปิ๊กเดินเข้ามาหา... “ไงดิน... หายไปนานเลยนะ”
ผมยกมือไหว้พี่ปิ๊ก... “ครับ ไปบ้านมาครับ”
พี่ปิ๊กพยักหน้าไม่ว่าอะไร...
ผมเดินออกไปหน้าร้าน เห็นไอ้ชลมันมองอยู่แล้ว เลยเดินเข้าไปหา...
“มีอะไรวะ”
“มึงหายไป... มีลูกค้าคนนึงมาทุกวัน... ยังเด็กๆ อยู่เลย... ถามหาแต่มึง พอบอกว่ามึงไม่อยู่ก็ไม่ออฟใคร นั่งอยู่พักนึงก็ไป...”
ผมพยักหน้า... เดาไม่ยาก... ว่าใคร...
“ช่างเหอะ...แล้วมึงเป็นไงบ้าง...”
“อือ... มีกะใจถามเหมือนกันนะ” มันทำตาค้อน... ผมยิ้มให้มัน ก้มลงกระซิบ
“มึงอย่างอน...คืนนี้ ถ้าไม่ได้แขก หรือ ไม่ค้างคืน เดี๋ยวกูมาหา...”
เท่านั้นเอง ไอ้ชลมันก็ยิ้มออก แถมยิ้มหวานซะด้วย...
ลูกค้า เริ่มเข้า มีรวมทั้งกลุ่มพี่วัช ที่วันนี้มีแค่พี่วัช พี่ป๋อม แล้ว ก็อีกคนนึง ตัวเล็กๆ ขาวๆ น่ารัก... พอเห็นผม พี่วัชก็กวักมือเรียก พอผมเดินเข้าไป พี่วัชก็บอกให้นั่ง
“วันนี้ น้องสาวคนเล็กชื่อโม่ง... อยากมาดูพี่เขย... แล้วก็อยากมีผัวคนเดียวกับพี่สาวอ่ะ...”
ผม ยิ้มให้คนมาใหม่... เสียงพี่วัชบอก... “ดิน... ไม่มีแล้วนะ... เพื่อนในกลุ่มพี่ไม่มีตัวเล็กกว่านี้แล้ว... มาทีไรเพื่อนพี่มันตัวเล็กลงเรื่อยๆ... เดี๋ยวจะหาว่า ครั้งต่อไปจะมีคนตัวเล็กกว่านี้ ไม๊... ไม่มีแล้วนะ อีโม่งเนี่ยะ เล็กสุดในกลุ่มแล้ว...”
ผมหัวเราะ... “แล้วผมจะโดน ข้อหาพรากผู้เยาว์หรือเปล่าครับ”
พี่วัชตีแขนผมดังเพี๊ยะ... “อุ้ย... หมั่นไส้... แต่ยังไงก็เบาๆ หน่อยละกันนะ... เดี๋ยวมันตาย”
พี่โม่ง ดันแว่นตาทรงกลมที่ตกมาอยู่ที่ปลายจมูกให้ขึ้นไปอยู่บนดั้ง เอนตัวมาพิงใหล่ผม แล้วหันไปค้อนพี่วัช ทำตาประหลับประเหลือก...
“กลัวน้องดินติดใจหนูละสิ”
“วุ้ย...อีนี่...” พี่วัชค้อน “คิดการใหญ่นะมึง... ดิน... คืนนี้กดให้มิด ไม่ต้องยั้งเลยนะ...”
ผมหัวเราะ... แต่แล้วก็ต้องสะดุด เพราะ หันไปเจอคนที่เดินเข้ามาในร้านพอดี “น้องโก้”...
สาย ตาของน้องโก้ที่มองมาทำเอาผมใจไม่ดี แต่ ก็ต้องเฉยไว้ หันมาคุยสนุกกับกลุ่มพี่วัชต่อ... จนกระทั่ง พี่วัชบอกให้เก็บตังค์ ผมหันไปมองน้องโก้แว๊บนึง เห็นน้องเค้าน้ำตาคลอตา แล้วก็อดสงสารไม่ได้ แต่ ผมต้องทำใจแข็งไว้ ไม่งั้นเรื่องก็ไม่จบ...
ผมหักใจ เดินตามหลังพี่โม่งออกจากร้านไป...
........................
“เรานี่จริงๆ เลยนะ... ดิน... เสน่ห์เหลือร้าย” พี่โม่งบอกผม เมื่อเราขึ้นมาอยู่บนรถคันจิ๋วของพี่โม่ง
“ยังไงครับ...”
“ทั้งพี่วัช พี่ป๋อม พี่ตรี พี่หมู แล้วยังเด็กที่เพิ่งเข้ามาในร้านเมื่อกี้”
“พี่เห็นด้วยเหรอครับ...”
“มองด้วยสายตา ละห้อยขนาดนั้น”... พี่โม่งมองค้อน...
ผม ยิ้มกลบเกลื่อน ไม่ต่อเรื่องเพราะมันไม่ดีกับใครทั้งนั้น... เสปรับเก้าอี้เอนนอนลง... ได้ความสิครับ พี่โม่งเอื้อมมือมาจับเป้ากางเกงของผมทันที พรึบเดียวมันก็พองตัวอยู่ใต้กางเกงเป็นลำชัดเจน
“อุ๊ย... เป็นลำเชียว...” พี่โม่งลูบคลำอย่างมันเขี้ยว หวุดหวิดจะรูดซิปเอาออกมาข้างนอกแล้ว พอดีถึงอพารตเมนต์ ที่พักของพี่โม่งก่อน ไอ้ดินน้อย เลยรอดตัวไม่ต้องออกมาชมโลกภายนอก ใจกลางกรุงเทพไปได้.
มาถึงห้อง พี่โม่งผลักผมนั่งลงที่เก้าอี้โซฟา แกะหัวเข็มขัด กระดุมกางเกง รูดซิป งัดเอาไอ้ที่อยู่ในกางเกงให้ออกมาเป็นอิสระ...
“แข็งนานขนาดนี้เลยเหรอดิน”
“ก็พี่จับมันเล่นอย่างนี้ ทั้งคืนยังไหวครับ”
“จริงเหรอ”
“ครับ... ถ้าพี่จับมันเล่น ผมแข็งได้ทั้งคืนละครับ...”
พี่โม่งยิ้ม ตาเป็นประกาย... ลุกขึ้น บอกผม... “ไปอาบน้ำก่อนเหอะดิน เดี๋ยวมาเล่นอะไรสนุกๆ กัน”
เอา อีกแล้ว... ตู... จะเล่นอะไรกับตูอีกล่ะเนี่ยะ...แต่ก็ลุกขึ้นไปอาบน้ำ... เสร็จก็นุ่งผ้าเช็ดตัวออกมา... พี่โม่งเข้าไปอาบต่อ...แล้วก็ออกมาในชุดคลุมหลังอาบน้ำ...
“มา นั่งนี่เหอะดิน” ชี้ที่โซฟาตัวเดิม แต่คราวนี้ มีเครื่องมือสองสามอย่าง วางอยู่บนโต๊ะกลาง... คล้ายๆ กับ หลอดสีที่ใช้วาดรูป... กรวยพลาสติคเล็กๆ... อะไรฟะ...
พี่โม่งดิงผ้าเช็ดตัวของผมออก จับผมถ่างขาออก ตัวเองเข้ามานั่งที่พื้นตรงหว่างขาผม...
“เรา ทำให้มันแข็งสักสองชั่วโมงนะดิน... พี่จะใช้สีเพนท์ วาดมังกรพัน ท่อนของเรา ใช้เวลาสักชั่วโมง แล้วก็รอให้สีแห้งอีกสักชั่วโมง...เสร็จแล้ว ล้างออก สีก็จะติดที่หนังเรา เหมือนสักลายน่ะ... มันจะติดอยู่สักอาทิตย์นะ...”
“เอาสิครับพี่”... ผมตื่นเต้น กับของเล่นใหม่ ทำให้แข็งสักสองชั่วโมงไม่ยาก ถ้าพี่เค้าจับของผมเล่นอยู่...
เริ่มขบวนการ... พี่โม่ง...เอาลายมังกรลอกใส่กระดาษไข แล้วแปะลง พันรอบ Kผม หลบเม็ดมุกไปมา แล้วลอกออก เห็นเป็นรอยหมึกจางๆ...
พี่ โม่งบีบสีดำข้นๆ ใส่กลวยพลาสติคตัดปลาย...แล้วเริ่มวาดไปตามลายที่ลอกเอาไว้ก่อน... ผมนั่งดูพี่เค้าทำอย่างตื่นเต้น... น้ำใสๆ ไหลเยิ้มจากรอยแยกของหัวKผม...
รู้สึกแสบนิดๆ ตามรอยที่พี่โม่งบีบสีไล่ไปตามรอย พี่โม่งบอกว่า มันจะกัดผิวหนังบางๆ เพื่อให้สีฝังตัวลงบนหนังเพื่อให้ติดทนนาน...
พี่ โม่งค่อยๆ ทำอย่างใจเย็น บางทีก็ชะโงกหัวขึ้นไปเลียน้ำใสๆ ที่ไหลออกมาซะที... เล่นเอาผมสะดุ้งเฮือกด้วยความเสียว พี่เค้าค่อยๆ บีบสีที่ข้นเหมือนหมึกไล่ไปตามลายเส้นก่อน แล้วค่อยๆ วาดเป็นเกล็ดทีละอันทีละอัน
จนกระทั่ง มังกรทั้งตัว ก็ถูกวาด พันรอบแท่ง “K” ผม สองรอบ ส่วนหัวของมังกร อยู่ตรงหัวKผมพอดี...
“อย่าหดนะดิน... เดี๋ยวสีไม่เกาะ...”
“พี่จับมันไว้สิครับ...” ผมบอก... รู้สึกแสบๆ คันยุบยิบตามรอยที่มีหมึกสีข้น เกาะอยู่เป็นเส้นเล็กๆ...
พี่โม่ง จับส่วนโคนที่ไม่มีรอยวาด “ถอก” เอาไว้... พยายามให้หนังหุ้ม ขยับน้อยที่สุด...
มัน ค่อนข้างทรมานอยู่พอสมควร... ที่ทั้งชั่วโมงต้องเกร็งKให้มันแข็งอยู่ โชคดีที่พี่โม่งช่วยจับถอกเอาไว้ บางทีก็ตวัดลิ้นเลียตรงหัวบานๆ ที่มีน้ำใสๆไหลเยิ้มออกมา...
จนกระทั่ง... สีดำข้นๆ ที่ถูกวาดเป็นรูปมังกรแห้งสนิท... พี่โม่งก็บอกให้ผมไปล้างออก...
ครับ... ได้ผล... “K” ผมมีรูปมังกรสีดำสนิทพันพาดอยู่สองรอบ... บางส่วนจางไปบ้างเพราะ โดนตรงหนังที่มันย่นพอดี...แต่โดยรวมๆ แล้ว สวยงามเลยละครับ....
..........................................................................