บทที่ 55 ป๋า (ป้า) โจว...
ตอนนั้น... ที่ร้านกำลังมีเรื่องฮือฮาอีกเรื่อง... ก็คือ ไอ้เดช... ได้สปอนเซอร์ดี เป็นเศรษฐีชาวฮ่องกง... ชื่อ “ป๋าโจว...”
ป๋า โจว จะมากรุงเทพฯ ทุกๆ สองอาทิตย์ มาครั้งนึงประมาณอาทิตย์กว่าๆ แต่ละครั้ง ก็จะพักโรงแรมที่ได้ชื่อว่าเป็นโรงแรมอันดับหนึ่งของเมืองไทย ตั้งอยู่ริมแม่น้ำเจ้าพระยา
นั่น มันยังธรรมดาครับ... เพราะที่มากไปกว่านั้นก็คือ ป๋าโจวเลี้ยงเด็กหนุ่มๆ ไว้ในสังกัดประมาณ 25 คน มาแต่ละครั้ง เด็กๆ ก็จะต้องมาหาป๋าโจวที่โรงแรมตอนเย็นๆ โดยแกจะมานั่งอยู่ที่คอฟฟี่ช๊อปในโรงแรมแห่งนั้นที่มีนักดนตรีเล่นเปียนโน ขับกล่อม หลังจากลูกๆ มาครบแล้วแกก็จะพาลูกๆ ของแก ไปกินข้าว... ทุกวัน...
แล้วจะ มีคนนึงที่ทำหน้าที่เป็นธุระจัดหา เด็กใหม่ๆ มาสังเวยป๋า... เด็กคนไหนที่ ป๋าโจวชอบ... ถูกใจ ก็จะรับเด็กคนนั้นเข้ามาเป็นลูก... โดยเด็กจะต้องมาหาป๋าโจวทุกๆ วันที่ป๋าอยู่กรุงเทพ และป๋าก็จะจ่ายเป็นเงินเดือนให้ทุกเดือน เดือนละ 8,000 บาท... (ซึ่งสมัยนั้นก็เยอะเอาการเหมือนกันครับ...)
เด็ก หลายๆ คนในร้านก็พยายามกันเหลือเกินที่จะได้เข้าไปเป็นตัวเลือกของป๋าโจว... มีการติดสินบน พี่น้อย กัปตันที่ดูเหมือนจะทำตัวเป็นตัวแทนของร้าน ที่จะส่งให้ตัวแทนของ ป๋าโจว... ไอ้ป้องกับไอ้ดล ก็หลุดไปแล้ว เพราะ “ป๋าไม่ปลื้ม”...
คืน นั้น... ตัวแทนของป๋าโจวโทรหาพี่น้อย บอกว่า ป๋าอยากได้เด็ก ของใหญ่ๆ... พี่น้อยซึ่งปรกติไม่ค่อยอินังขังขอบกับผมเท่าไร ก็กวาดสายตาไปทั่วร้าน... จนกระทั่ง มาหยุดที่ผม
“ดิน... พี่คุยด้วยหน่อยสิ” พี่น้อยเดินมาหา
ผมมองหน้าพี่น้อยอย่างงงๆ แต่ก็เดินตามพี่น้อยไปที่โซฟาชุดที่ว่าง
“พี่จะส่งเราไปหาป๋าโจว...” พี่น้อยไม่อ้อมค้อม
“ใครครับ...” ผมถามอย่างไม่รู้เรื่อง...เพราะจริงๆ ช่วงนั้นผมก็ยุ่งๆ อยู่กับเรื่องน้องษา และเดินเรื่องจบการศึกษา...
พี่น้อยมองค้อน... “อ้าว ไม่รู้จักเหรอ... ก็ ป๋าไอ้เดชไง...”
“อ๋อ” ผมพยักหน้า... เคยได้ยินมาบ้าง ไอ้ชลมันเล่าให้ฟัง
“นั่นแหละ... ถ้าเราได้เป็นลูกป๋า จะให้อะไรพี่...”
ผมยิ้ม... เพราะไม่มีทางอยู่แล้ว... “พี่อยากได้อะไรครับ”
“ก็... ชุดลินินสักชุด...” (ตอนนั้น เสื้อกางเกงชุดลินินกำลังฮิต.. ใครใส่จะถือว่า มีฐานะ...) “ว่าไง... ได้ไม๊...”
“ได้ครับ” ผมพยักหน้า... แต่นึกในใจว่า ไม่สำเร็จหรอก... เพราะอย่างที่บอก ผมไม่ฝักไฝ่ทางนี้อยู่แล้ว...
“งั้น เดี๋ยวเราไปเจอพี่ฟาง ที่ล๊อบบี้ โรงแรม....” พี่น้อยบอกชื่อโรงแรมดัง อยู่ริมน้ำเจ้าพระยา กับชื่อคนติดต่อ หรือตัวแทนป๋าโจวให้ผม...
“ครับ”
ผม ขึ้นรถแท็กซี่มาที่โรงแรมที่บอก... มีคนออกมายืนรอรับ แล้วบอกว่าชื่อพี่ฟาง... ก็คงมีการติดต่อกันไว้แล้วว่าผมแต่งตัวยังไง เสื้อ, กางเกง สีอะไร ทำนองนี้แหละครับ
“น้องดิน ใช่ไหม พี่ชื่อฟาง...”
พี่ ฟางเป็นผู้ชายร่างเล็ก ท่าทางบ่งบอกว่า “ก๋ากั่นเกินชาย...” แนะนำตัวเอง... แล้วพาผมเข้าไปที่ห้องคอฟฟี่ช๊อปของโรงแรมที่ชื่อแปลว่า ไม้ไผ่... ในนั้นมีโต๊ะยาวอยู่โต๊ะเดียว มีเด็กหนุ่มนั่งอยู่ยี่สิบกว่าคน เรียงรายกันมา หัวโต๊ะเป็นผู้ชายต่างชาตินั่งอยู่ อายุประมาณ 40 ปี ใส่ชุดดำ หวีผมเรียบตรงปรกหน้าผาก ดูแล้วไม่รู้จะเรียก “ป้า” หรือ “ป๋า” ดี...
ไอ้เดชนั่งถัดมาทางซ้าย โดยมีเก้าอี้ว่างอยู่ตัวนึง ทางขวามือ... พี่ฟางบอกให้ผมเข้าไปนั่งตรงนั้น...
ไอ้ เดช พอเห็นผมก็ยิ้มให้... ผมกับมันค่อนข้างสนิทกันดี... ตอนหลังผมเพิ่งรู้ว่า ไอ้ป้อง กับไอ้ดลที่ “หลุดวง” ก็เพราะฝีมือไอ้เดชนั่นเอง... พวกมันไม่ค่อยถูกกันเท่าไรนัก แข่งขันกันเป็นดาวอยู่ในร้านมาตลอด... (วงการเด็กขายก็มีปัดแข้งปัดขากันเหมือนกัน หุ หุ...)
แก้ว เหล้าถูกเอามาเสริฟผมด้วยฝีมือบริกรสาวในห้องนั้นเอง... ท่าทางคงจะรู้ว่าอะไรเป็นอะไรอยู่เหมือนกัน เลยไม่ค่อยแปลกใจสักเท่าไรนัก...
ผมรับมาจิบนิดหน่อย ป๋าโจวยื่นบุหรี่ให้แต่ผมส่ายหน้า... ตอนนั้น ยังไม่ห้ามการสูบบุหรี่ในคาเฟ่นะครับ
สัง เกตุดู ป๋าโจวท่าทางจะชอบผมอยู่เหมือนกัน เพราะพยายามจะพูดกับผม เป็นภาษาอังกฤษ ผมก็ได้แต่ยิ้มรับ เพราะภาษาอังกฤษไม่กระดิก เอาซะเลยครับ ตอนนั้น ไอ้เดชก็พยายามช่วย ด้วยภาษาอังกฤษแบบที่เรียกในตอนนี้ว่า โบรคเคน อิงลิช (Broken English) นั่นแหละครับ...
มีนักร้องมาร้องกล่อมเป็นเพลงแจ๊ซ เพราะดีเหมือนกัน แต่ผมฟังไม่รู้เรื่องหรอกครับ...
นั่ง คุยกันไป กินเหล้า ฟังเพลง ตอนหนึ่งผมอยากเข้าห้องน้ำ เลยขอตัวออกไปข้างนอก ไอ้เดชบอกว่า อยู่ในล๊อบบี้ เดินตรงไปแล้วเลี้ยวซ้าย...
ผมเดินออกมาอย่างที่ไอ้เดชมันบอก ผ่านประตูล๊อบบี้เข้าไปข้างใน เลี้ยวซ้าย ก็เห็นห้องน้ำ...
ทำธุระอยู่ไม่นาน... พอออกมาข้างนอก ผมก็ได้ยินเสียงเรียก...
“ดิน... มาทำอะไรที่นี่”
ผม หันไปมอง... นึกว่าใคร สาวสวย ที่รับผมจากข้างทางหน้าการกีฬาแห่งประเทศไทย “พี่ปัท” นั่นเอง... วันนี้พี่ปัทอยู่ในชุดกลางคืน แต่งหน้าแต่งตัวสวยเหมือนกับมางานเลี้ยงอะไรสักอย่าง
“เอ่อ... มาหาเพื่อนน่ะครับ” ผมบอกไม่รู้จะพูดยังไง...เหมือนกัน
“แล้วเจอหรือยัง... เพื่อนอยู่ที่ไหน” พี่ปัทซักต่อ...
ผมยืนกระสับกระส่าย... กำลังไม่รู้จะบอกพี่ปัทยังไงดี... แต่แล้วพี่ฟางก็ไม่รู้มาจากทางไหน เดินเข้ามาบอก...
“ดิน... ป๋าให้มาตามน่ะ เห็นหายไปนาน”
“เอ่อ... ครับ... พอดีเจอพี่...” ผมหันไปบอกพี่ฟางตะกุกตะกัก...
“อ้อ... รีบเข้าไปก็แล้วกัน” พี่ฟางบอก อย่างกันท่า...พลางตวัดสายตาไม่เป็นมิตรนัก ไปที่พี่ปัท... ก่อนจะเดินผ่านไปเข้าห้องน้ำ...
พี่ปัทมองตามหลังพี่ฟางจนลับเข้าประตูห้องน้ำ แล้วหันมามองหน้าผม... สายตาคาดคั้น...
“สงสัยต้องคุยกันนานแล้วละ หนุ่มน้อย” พี่ปัทบอก
“ครับ... แต่วันนี้...ผม...”
“พี่ เข้าใจ...ว่าวันนี้เราไม่ว่างแล้ว... เอ้า!! เอานี่ พรุ่งนี้โทรไปหาพี่ที่เบอร์นี้นะ...” พี่ปัทบอก พลางยื่นกระดาษใบเล็กๆ มาให้ผม เป็นนามบัตรของพี่ปัทนั่นเอง...
ผมรับมา ก่อนจะยกมือไหว้... “ขอบคุณครับ พี่”
พี่ปัทยกมือมาตบแก้มผมเบาๆ... “โทรหาพี่นะ... อย่าลืม...” แล้วหมุนตัวเดินออกไป
ผมรีบเก็บนามบัตรของพี่ปัทไว้ในกระเป๋าสตางค์ กลัวพี่ฟางจะออกมาเห็น ก่อนจะเดินกลับเข้าไปในบาร์ “ไม้ไผ่” อีกครั้ง...
ตอน นั้น เด็กหลายๆ คนก็เริ่มหน้าแดง มึนๆ เมาๆ กันบ้างแล้ว ไอ้เดชเองก็คงไม่ใช่น้อย เพราะเห็นมันจ้อภาษาอังกฤษ ออกมาไม่หยุดเหมือนกัน นึกๆ แล้วผมก็ต้องนับถือมัน เพราะไอ้เดช เท่าที่รู้... มันเรียนจบแค่ ปอหก เท่านั้นเอง เทียบกับผมที่จบปริญญาตรีแล้ว มันยังกล้าพูดภาษาอังกฤษมากกว่าผม ผิดบ้างถูกบ้างก็ยังดี (ที่ผมรู้ว่ามันพูดผิดเพราะว่า ถึงผมจะไม่กล้าพูด แต่ผมก็คิดว่า พื้นฐานภาษาอังกฤษระดับปริญญาตรีอย่างผม ก็คงไม่เลวจนเกินไปนัก...)
ผมเข้าไปนั่งที่เดิม ป๋าโจว ที่ค่อนข้างเมาแล้วก็เอื้อมมือมาลูบคลำที่เป้ากางเกงผมทันที
ไอ้เดชมันเห็น ก็หัวเราะ แหย่... “นั่นแน่ ป๋า... อยากลองของใหญ่ละสิ... บิ๊ก บิ๊กเลยนะ มายเฟรนด์คนนี้”
“จิงๆ เหรอ...” ป๋าโจวตอบหัวเราะๆ ด้วยภาษาเหมือนๆ กัน “ไอ ไลค์ บิ๊คค๊อค.. แทดด์ส วาย...ไอ อาส์คฮิมทูคัมทูไนท์” (I like big cock, that’s why I ask him to come tonight)
“ระวังนะป๋า ค๊อค ไบท์นะ”
“No, it will not bite me... ใช่ไหม...” ประโยคสุดท้าย ป๋าโจว หันมาถามผม... มือยังคลึง “เจ็ดนิ้วฝังมุก” ของผมจนมันแข็งเป็นลำอยู่ใต้กางเกง...
ผมหัวเราะ ไม่รู้จะตอบว่ายังไง...เลยได้แต่กางขา เปิดทางให้ป๋าแกเล่น “K” ของผมตามสะดวก
แรกๆ ก็แค่จับคลำเล่นอยู่นอกกางเกง... แต่พอจับๆ ป๋าแกคงชักมันมือเข้า ก็เลยสอดมือลงไปในขอบกางเกงของผม เพื่อสัมผัสกับ “K” ของผมอย่างถึงเนื้อถึงหนัง...
ถ้า แกล้วงเล่นประเดี๋ยวประด๋าว คงไม่เท่าไร... แต่นี่เล่นล้วงแล้วล้วงเลย เพราะพอจับเจอมุกหกเม็ด ที่ฝังอยู่รอบKผม ป๋าโจว ก็หันมามองหน้าผม ทำตาโต... คลึงเม็ดมุกเล่นอย่างมันมือ... เล่นเอาผมต้องดึงชายเสื้อเชิ้ตออกมาปิดบังสายตาคนอื่น... แต่ดูเหมือนก็จะไม่มีคนสนใจสักเท่าไร...
ป๋าโจวคลึงเม็ดมุกเล่นไปมา ก่อนจะชะโงกหน้าเข้ามาใกล้ผม กระซิบ...
“What is it? (นี่อะไร)”
“มุก...” ผมบอกเป็นภาษาไทยเบาๆ
“What’s mook? (อะไรคือมุก)” ป๋าโจวแกทำหน้างงๆ “Can I see it? (ขอดูได้ไม๊)”
ผม ซึ่งดื่มเหล้าเข้าไปพอตึงๆ ก็เริ่มกระดิกภาษาอังกฤษบ้าง... ส่ายหน้าดิก... “โน... น๊อท เฮียร์ (ไม่ใช่ที่นี่)” ก่อนจะเอามือตะครุบมือของป๋าโจวที่ดึงออกมาป้วนเปี้ยนกับซิปผม... ถึงผมจะหน้าตึงยังไง แต่เอาออกมาโชว์ตรงนี้เห็นจะไม่เอาดีกว่า...
“โอเค...” ป๋าหันไปบอกชายหนุ่มคนที่นั่งถัดไปจากไอ้เดช ซึ่งท่าทางอาวุโสกว่าเพื่อน “Dan…. Check please….”
“โอ เค ป๋า ยูแคนโก... ไอ เทคแคร์เฮียร์” พี่แดน (ตอนหลังผมรู้ว่าแกน่ะ เบอร์หนึ่ง) บอกป๋าให้ขึ้นไปได้เลย เดี๋ยวพี่แดนจะจัดการทางนี้เอง
“OK, Thanks Dan… and I see your guys here tomorrow (โอเค ขอบคุณมาก แดน... เจอพวกลูกๆ ทุกคนที่นี่พรุ่งนี้)” แล้วป๋าโจวก็ลุกขึ้นยืนโบกมือให้ทุกคน ก่อนจะดึงมือผมให้เดินตามไป....
..........................................................................
อด ใจหน่อยนะครับ ผมต้องใช้เวลานึกเรียบเรียงเพราะตอนนี้มีตัวละครมาเกี่ยวข้องหลายตัว... เดี๋ยวสับสนว่าใครมาก่อนใคร... กำลังเขียนตอนถัดไปได้ครึ่งแล้วละครับ...
Have a good holiday... ครับ คนอ่านคนดีของไอ้ดิน
ดิน