“สวัสดีครับ ผมเป็นพนักงานจากทอมทอมฯชื่อจินดาครับ ผมเป็นแฟนลิเวอร์พูลครับ แมนยูเป็นทีมที่กากที่สุดในโลกครับ”
คำแนะนำตัวแสนพิลึกพิลั่นที่จู่ๆเจ้าหนุ่มหน้าอ่อนก็เดินมาพูดใส่หน้าสร้างความประหลาดใจให้เหล่าคนฟังได้เป็นอย่างดี หากแต่ยังจะไม่ทันได้เอ่ยปากถามไถ่อะไรไอ้แฟนหงส์คนที่ว่าก็เดินจากไปหาวงสนทนาวงอื่นเสียแล้ว
“สวัสดีครับ ผมเป็นพนักงานจากทอมทอมฯชื่อจินดาครับ ผมเป็นแฟนลิเวอร์พูลครับ แมนยูเป็นทีมที่กากที่สุดในโลกครับ” ถ้อยคำบทเดิมถูกกล่าวซ้ำโดยไม่มีพยางค์ไหนเปลี่ยนแปลงไปแม้แต่น้อย
ไม่มีใครคิดรั้งจินดาไว้เพื่อสอบถามรายละเอียดของการกระทำ ทุกคนต่างรอติดตามอย่างนึกตลกขบขันว่าเจ้าสถาปนิกหนุ่มนี่จะต้องเดินไปเอ่ยวาจาวอนส้นเท้าแบบนี้กับอีกสักกี่วงสนทนา
“เป็นไง? ครบทุกวงยัง?” เสียงของเพื่อนร่วมงานเจ้าของคำสั่งซึ่งเป็นแฟนหงส์ตัวจริงดังขึ้นทันทีที่จินดาเดินขบเขี้ยวเคี้ยวฟันกลับมาหย่อนกายลงนั่งตรงที่ประจำอีกครั้ง
“ครบแล้วไอ้สัตว์ อย่าให้ถึงทีกูบ้างแล้วกัน กูจะสั่งให้มึงตะโกนสรรเสริญแมนยูให้ดังไปถึงตัวเมืองเชียงรายเลยคอยดู”
เสียงหัวเราะชอบอกชอบใจดังขึ้นจากบรรดาเพื่อนพ้องน้องพี่ร่วมบริษัทที่นั่งล้อมวงเล่นเกมแสนหฤหรรษ์กันอยู่โดยรอบ
แม้ ‘Truth of Dare’ จะไม่ใช่เกมใหม่อะไรหนักหนา แต่ทุกครั้งที่ถูกเลือกมาเล่นมันก็มักเปลี่ยนให้บรรยากาศดูครื้นเครงขึ้นทันตาทุกทีไป
“มาๆ ตาต่อไป หมุนขวดเร็ว”
ในระหว่างที่ขวดแก้วเปล่าๆตรงกลางวงกำลังหมุนติ้วเตรียมชี้ตัวผู้เคราะห์ร้ายรายต่อไปอยู่นั้น ร่างกายสูงใหญ่ของใครบางคนที่เดินเฉียดเข้ามาใกล้ลานริมหมู่บ้านแห่งนี้ก็เรียกให้คนที่เป็นผู้ใหญ่ที่สุดในวงต้องเอ่ยคำชักชวนขึ้นมาด้วยท่าทางอารมณ์ดี
“ชาติ จะนอนแล้วเหรอ?” เสียงของสถาปนิกรุ่นใหญ่หยุดความเคลื่อนไหวในเกมไว้ชั่วขณะ ทุกสายตาจับจ้องไปยังคนถูกถาม
“ก็ว่าจะนอนแล้วล่ะครับพี่ต้อม”
“ทำไมนอนเร็วนักล่ะ? เพิ่งสี่ทุ่มเอง...มานั่งเล่นด้วยกันสิ พวกเราเล่นเกมอยู่ กำลังสนุกเลย”
“อ่า...เกมอะไรเหรอครับ?”
“ทรูธออร์แดร์ เป็นเด็กนอกต้องเคยเล่นอยู่แล้วใช่ไหม?”
“อ้อ..ก็เคยเล่นอยู่ ขอบคุณมากนะครับที่ชวน แต่ผมว่าพวกพี่เล่นกันตามสบายเลยดีกว่า กลัวว่าถ้าผมมาแจมแล้วเดี๋ยวจะหมดสนุกกัน”
“บ้า ไม่หรอกน่า มาเถอะมา..อุตส่าห์ขึ้นมาถึงบนนี้ อย่าเพิ่งรีบนอนเลย ดื่มด่ำบรรยากาศหน่อยสิ”
เหล่านักออกแบบหนุ่มที่นั่งกันอยู่ในวงต่างก็คลี่ยิ้มผูกมิตรส่งไปให้ผู้บริหารคนดังจากต่างบริษัทพลางพยักหน้าสนับสนุนคำของผู้เป็นนาย โดยเฉพาะไอ้คนที่เพิ่งจะถูกบังคับให้ประกาศตนต่อสาธารณะชนว่าเป็นแฟนหงส์นั้นก็ดูเหมือนจะพยักหน้าแรงกว่าใครเพื่อน
...แล้วในที่สุดสมาชิกในวงก็เพิ่มขึ้นมาอีกหนึ่งคนจนได้...
ธีรชาติหย่อนร่างลงนั่งไปบนที่ว่างข้างกายต้อมซึ่งเพิ่งจะถูกแหวกออกเดี๋ยวนั้นเอง
เกมดำเนินไปอย่างสนุกสนานสมราคาคุย ความจริงที่ถูกบังคับให้เล่าออกมาของบางคนนั้นตลกเสียจนต้องหัวเราะตัวงอ ส่วนคำท้าแสนผาดโผนแต่ละข้อก็ชวนลุ้นเสียเหลือเกินว่าผู้ถูกท้าจะทำสำเร็จหรือไม่ จะมีก็เพียงอย่างเดียวที่ทำให้ธีรชาติอดรู้สึกผิดขึ้นมานิดๆไม่ได้ นั่นคือการที่โกวิทลุกหายออกจากวงไปเงียบๆหลังจากสมาชิกผู้ร่วมเล่นมีเขาเพิ่มเข้ามาได้เพียงไม่กี่นาทีเท่านั้น
ผ่านไปหลายตาทีเดียวกว่าปลายขวดจะยอมหมุนไปหาคนที่นักธุรกิจคนดังนึกหวังอยากให้โดนไวๆ
“โว๊ะ! กูอีกแล้วเหรอ? ทรูธๆๆ คราวนี้กูเลือกทรูธ”
“แหม เข็ดแล้วล่ะสิไอ้จิน? เจอคำสั่งกูเข้าไปทีเดียว”
“เรื่องของกู มึงเงียบเลยไอ้หงส์เน่า นี่ไม่ใช่ตามึงสั่ง” กล่าวจบจินดาก็หันไปหาแม็คซึ่งเป็นผู้หมุนขวดมาโดนเขาในรอบนี้ “ถามมาเลยพี่ พร้อมละ”
สถาปนิกรุ่นพี่นิ่งคิดไปชั่วอึดใจก่อนจะค่อยๆเผยรอยยิ้มกรุ้มกริ่มออกมา “สิ่งของประเภทไหนที่พอมึงเห็นแล้วมึงจะมีอารมณ์? เอาแปลกๆนะโว้ย ห้ามตอบว่าหนังโป๊”
...คำถามสัปดี้สัปดนมาอีกหนึ่ง...
...เล่นกันในวงชายล้วนก็แบบนี้...
“เฮ้ยพวกมึงนี่! ไม่ลงใต้สะดือสักคำถามจะตายไหม? เกรงใจชาติเขาหน่อย อย่าหยาบคายสิ”
“ไม่เป็นไรๆ แบบนี้สนุกดี ผมไม่ถือครับ” ธีรชาติกล่าวกลั้วหัวเราะพลางปัดไม้ปัดมือไปมา “ผมเองก็อยากฟังเหมือนกันว่าคุณจินเขาจะตอบว่าอะไร”
จินดาย่นจมูกราวกับได้กลิ่นของแสลง
“อ่า...ของประเภทไหนที่พอเห็นแล้วจะมีอารมณ์เหรอ?” ชายหนุ่มทวนคำถามระหว่างที่ในหัวก็เร่งคิดหาคำตอบไปด้วย “..ก็..พวกปฏิทินเบียร์มั้ง..”
“โห่! คำตอบน่าเบื่ออะ บอกเอาแปลกๆไง”
“เอ้า! ก็รสนิยมผมปกติไงพี่ จะให้ตอบว่าอะไรล่ะ...อ๋อๆ! เดี๋ยวนะ นึกออกแล้ว” นักออกแบบรุ่นเล็กดีดนิ้วรัวๆ ดวงตาเรียวรีบัดนี้เบิกกว้างขึ้นเล็กน้อย “มีอยู่ครั้งนึงผมไปเห็นผ้ากันเปื้อนทำครัวลายลูกไม้ขายอยู่ในห้าง..” พูดไปชายหนุ่มก็พยายามกลั้นหัวเราะไป “ตอนนั้นผมจินตนาการว่าถ้าผมมีแฟน ผมจะซื้อให้แฟนใส่แล้วขอร้องไม่ให้ใส่อย่างอื่นข้างในเลย...โอ๊ย! เท่านั้นแหละพี่เอ๊ยยย รีบวิ่งเข้าห้องน้ำแทบไม่ทัน กลัวแม่งโด่ชี้หน้าพนักงานขาย”
เสียงหัวเราะครืนเบ้อเร่อดังขึ้นจากเหล่าผู้ฟังในทันทีที่เรื่องราวจบลง
“อี๋ โรคจิตฉิบหาย! ถ้าวันนึงกูมีลูกสาวกูจะสั่งสอนไม่ให้เข้าใกล้ผู้ชายแบบมึง โคตรภัยสังคมเลย”
“แหม อย่าให้ผมรู้บ้างนะว่าพี่มีอารมณ์กับอะไร จะเก็บไว้เล่าให้ลูกสาวพี่ฟัง คอยดูเหอะ”
ธีรชาติเองก็เป็นอีกคนหนึ่งที่รู้สึกขบขันไปกับคำตอบของจินดาไม่ต่างจากคนอื่น สิ่งที่เพิ่งได้ฟังทำให้ภาพปกหนังแผ่นที่เคยเจอในห้องของพ่อสถาปนิกคนดีผุดขึ้นมาในหัวอย่างช่วยไม่ได้ ดูท่าแล้วจินดาคงเป็นสายคลั่งแม่บ้านตัวจริงเสียงจริง ซึ่งไม่ว่าจะมองมุมไหนตัวเขานั้นก็ห่างไกลจากสเป็คของอีกฝ่ายอยู่หลายปีแสงทีเดียว
...นึกภาพตัวเองแก้ผ้าใส่ผ้ากันเปื้อนผืนเดียวตามรสนิยมของเจ้าคนทะลึ่งตึงตังไม่ออกเลยจริงๆ...
“โอเค ตาผมบ้างแล้วนะ” จินดากล่าวขึ้นด้วยน้ำเสียงมีชีวิตชีวาก่อนจะยื่นมือออกไปหมุนขวดที่นอนนิ่งอยู่กลางวง รอกันเพียงไม่นานก็ได้ผลลัพธ์ออกมาว่าปากขวดนั้นชี้ไปหาใคร “โอ๊ะโอ...คุณชาติเป็นเหยื่อของผมเหรอเนี่ย...ฮี่ๆๆ”
ท่าทางเจ้าเล่ห์เพทุบายอย่างกับพวกวายร้ายในการ์ตูนดิสนีย์ถูกแสดงออกมาอย่างชัดเจนจนนักธุรกิจผู้โชคร้ายต้องส่ายศีรษะไปมาน้อยๆ
“เลือกอะไรดีครับ ทรูธออร์แดร์?”
“ทรูธแล้วกัน”
“โธ่..” จินดารู้สึกผิดหวังในคำตอบของอีกฝ่ายอยู่ไม่น้อย เมื่อครู่ในหัวเขามีคำท้าแผลงๆหลายประการผุดขึ้นมารอการเรียกใช้งาน น่าเสียดายที่ตอนนี้พวกมันต้องกลายเป็นหมันไปหมดเสียแล้ว “เลือกแดร์ไม่ได้เหรอครับ? ผมอยากให้คุณชาติเลือกแดร์มากกว่า”
“ไม่ล่ะ ผมกลัวโดนคุณจินแกล้ง”
สถาปนิกหนุ่มเดาะลิ้นเสียงเบาก่อนจะต้องหยุดคิดหาคำถามเด็ดๆมาประเคนให้คนรู้ทัน หากแต่เมื่อลองนึกดูดีๆแล้วไอ้คำถามหยาบคายประเภทเดียวกับที่ก่อนหน้านี้เขาและบรรดาเพื่อนร่วมงานเล่นกันมาทั้งหมดมันคงไม่เหมาะสมเท่าไหร่ที่จะนำมาถามธีรชาติต่อหน้าคนจำนวนมากๆแบบนี้ ครั้นจะถามคำถามสัพเพเหระทั่วไปก็ไม่รู้จะถามอะไรดีในเมื่อตัวเขาเองนั้นก็พอจะรู้เรื่องราวในชีวิตของอีกฝ่ายดีในระดับหนึ่งอยู่แล้ว
...ที่จริงมันก็มีอยู่เหมือนกันล่ะ ไอ้เรื่องที่อยากรู้จากปากของผู้ชายคนนี้...
...แต่ท่ามกลางสาธารณชน มันคงไม่ดีแน่ถ้าเอ่ยถามออกไป...
“..เอ่อ..นึกไม่ออกเลยอะ ถามไรดีวะ? ช่วยคิดหน่อยสิมึง..” ชายหนุ่มหันไปขอความช่วยเหลือจากหนึ่งในเพื่อนร่วมงานที่นั่งอยู่ข้างกัน
“อืม..เรื่องคุณใบตองไหมล่ะ? ลองถามดูสิ กูอยากรู้”
“งั้นมึงถามแทนกูไปเลย กูยกสิทธิ์ให้”
ไอ้หนุ่มคนที่เพิ่งจะรับหน้าที่มาจากจินดาคลี่ยิ้มเกรงอกเกรงใจออกมาก่อนจะกล่าวขึ้นด้วยน้ำเสียงที่ฟังดูสุภาพกว่าปกติอยู่หนึ่งเบอร์ “ช่วยเล่าเรื่องคุณใบตองให้พวกเราฟังได้ไหมครับ? ทำนองว่า มาเจอกันได้ยังไง? คบกันได้ยังไง? อะไรประมาณนี้..อ..เอ่อ แต่ถ้าไม่สะดวกตอบจะขอเปลี่ยนคำถามก็ได้นะครับ”
แม้จะนับได้ว่าเป็นคำถามที่อ่อนที่สุดสำหรับค่ำคืนนี้ แต่ความรู้สึกกระอักกระอ่วนใจกลับเกิดขึ้นกับผู้ตอบในระดับความเข้มข้นที่มีมากกว่าคำถามไหนๆ
...จินดาเองซึ่งพอจะรู้สถานะของคนทั้งสองดีอยู่แล้วก็อดรู้สึกผิดขึ้นมาไม่ได้ที่ปล่อยให้เพื่อนได้ถามคำถามแบบนี้ขึ้นมา...
“ไม่มีอะไรมากหรอกครับ ก็เจอกันเพราะเรื่องงาน แค่นั้นเอง...แต่ตอนนี้ผมกับตองเป็นแค่เพื่อนกันมาได้สักพักใหญ่ๆแล้วนะ”
“อ้าว! ผมไม่ทราบมาก่อนเลยครับ ต้องขอโทษด้วยจริงๆที่ถามขึ้นมา”
“ไม่เป็นไรครับ”
“แล้ว..เป็นไงบ้างฮะ? ตอนนี้คุณชาติมีคนใหม่หรือยัง?”
ทั้งที่ไม่มีความจำเป็นต้องตอบเนื่องจากคำถามเมื่อสักครู่นับเป็นคำถามที่สอง แต่คราวนี้ธีรชาติกลับยิ้มกริ่มราวกับถูกใจในสิ่งที่อีกฝ่ายถามมาเสียเหลือเกิน
“ยังไม่มีหรอกครับ..แต่ว่า..” ผู้บริหารคนดังหยุดเรียบเรียงประโยคอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะกล่าวออกมาอีกครั้งด้วยจังหวะแสนเนิบช้า ฟังๆดูก็เหมือนตั้งใจจะเน้นถ้อยคำให้ทุกคนในวงได้ยินเนื้อความอย่างชัดเจน
“...มีคนที่ชอบแล้ว ตอนนี้กำลังพยายามจีบอยู่ แต่ไม่รู้เมื่อไหร่จะจีบติด...” วินาทีแรกที่จับใจความได้ ความรู้สึกของจินดากระตุกวูบ แวบหนึ่งชายหนุ่มเผลอนึกย้อนความทรงจำไปถึงช่วงเวลาที่ได้คลุกคลีกับธีรชาติทั้งวันทั้งคืน จำไม่ได้แม้สักนิดว่ามีครั้งใดที่นักธุรกิจคนนี้จะพูดถึงสาวคนไหนขึ้นมา เพราะอย่างนั้นเขาจึงไม่เคยรู้มาก่อนเลยว่าธีรชาติหมายตาใครคนใหม่เอาไว้แล้ว
...ในชั่วขณะนั้นจินดารู้สึกผิดหวัง...
หากแต่ทันทีที่สายตาคู่คมของอีกฝ่ายค่อยๆเบนมาทางเขาก่อนจะวางพักจับจ้องไว้ไม่หนีไปไหน ความวุ่นวายทุกประการในหัวก็สิ้นสุดลงโดยพลัน
สถาปนิกหนุ่มเผลอกลืนน้ำลายดังเอื๊อก
“คราวนี้เป็นดาราหรือเปล่าครับ?” เจ้าเพื่อนร่วมงานข้างกายยังคงยิงคำถามต่อไปด้วยความอยากรู้อยากเห็น
ธีรชาติเปล่งเสียงหัวเราะออกมาทั้งที่ดวงตายังไม่หนีจากใบหน้าของจินดาไปไหน “จะเอาข่าวไปขายให้หนังสือพิมพ์บันเทิงหรือไงครับ?...เปล่าหรอก เขาไม่ได้เป็นดารา
แต่เป็นสถาปนิกเหมือนพวกคุณนี่แหละ”
เกิดเป็นเสียงฮือฮาดังขึ้นไปรอบวง แต่แม้กระนั้นก็ไม่ได้มีใครสังเกตหรอกว่าตอนนี้ในแววตาของเศรษฐีหนุ่มกำลังสะท้อนเงาของผู้ใด เพราะทุกคนมัวแต่วาดภาพไปว่าสถาปนิกคนที่ธีรชาติกำลังกล่าวถึงนั้นเป็นสถาปนิกสาวทรงเสน่ห์น่ะสิ
...มีเพียงเจ้าตัวและคนที่ถูกจ้องเท่านั้นแหละที่ตระหนักดีแก่ใจกันอยู่เพียงสองคน...
ความสามารถในการรับลมเข้าปอดของจินดาดูเหมือนจะไร้ประสิทธิภาพลงไปดื้อๆ กระแสจากดวงตาคู่คมของธีรชาตินั้นทำให้ตั้งแต่ช่วงต้นคอลามขึ้นไปจนถึงใบหน้าของเขาถูกความร้อนผะผ่าวกัดกินไปเสียหมด
...และทั้งที่หากจะดึงจุดโฟกัสหนีออกไปที่ใบไม้ใบหญ้ารอบกายก็สามารถทำได้โดยง่ายแท้ๆ แต่จินดากลับเลือกที่จะสู้สายตาอยู่อย่างนั้นแม้ว่ามันจะเป็นทางเลือกที่ทำให้เขารู้สึกประหม่าจนวางหน้าได้ลำบากก็ตามที...
.
.
...โจทย์คือให้หอมแก้มทุกคนในวงยกเว้นไอ้คนสั่ง...
สมาธิที่ถูกธีรชาติขโมยไปนานนับสิบนาทีไหลคืนสู่ร่างอีกครั้งเมื่อคราวนี้ไอ้หงส์เน่าคนเดิมมันได้สิทธิ์ท้าให้จินดาทำเรื่องแผลงๆอีกแล้ว
“ไอ้หอยหลอด! น้ำลายติดหน้ากู!” แม็คโวยวายขึ้นมาทันทีหลังจากจินดาถอนใบหน้าออกจากข้างแก้มไป “มีงนี่นะ! เอาแค่เฉียดๆไม่ได้หรือไงวะ? ขนลุกเป็นบ้าเลย”
สิ้นคำท้วงของผู้เสียหาย เจ้าคนร้ายก็แผดเสียงหัวเราะบ้าคลั่งออกมาด้วยท่าทางสะอกสะใจ “อยากด่าไปด่าไอ้หงส์เน่านู่น มันเป็นคนสั่งให้ผมทำนะ”
จินดาจงใจประทับรอยจูบลงไปดังจ๊วบบนทุกแก้มที่ผ่านปากโดยมีจุดประสงค์ชัดเจนเหลือเกินว่าต้องการกวนบาทาเหล่าเพื่อนพ้องน้องพี่เป็นหลัก ถ้อยคำก่นด่าที่ถูกเปล่งออกมาพร้อมเสียงหัวเราะดังไล่หลังคนขี้เล่นไปไม่ได้หยุด แต่กระนั้นชายหนุ่มก็ยังไม่หวั่นไหวเดินหน้าย่ำยีแก้มสากๆของบรรดาเพื่อนร่วมงานต่อไปด้วยใจมุ่งมั่น จนกระทั่ง...
สถาปนิกหน้าอ่อนมาหยุดยืนอยู่ตรงหน้าธีรชาติซึ่งนั่งยิ้มกริ่มรอเขาอยู่ก่อนแล้ว ดวงตาเรียวรีกะพริบปริบๆอยู่ราวสามถึงสี่ทีขณะที่ในหัวก็เร่งไตร่ตรองถึงสิ่งที่ตนควรทำต่อจากนี้ไปด้วย
“..เอ่อ..” จินดาหันไปหาคนสั่งที่นั่งอยู่อีกทาง ท่าทางอึกอักเก้กังที่เกิดขึ้นดูผิดจากลักษณะของไอ้คนห้าวเป้งที่เที่ยวฝังจูบดูดดื่มไว้บนแก้มของใครต่อใครเมื่อสักครู่ลิบลับ “..กูขอผ่านคุณชาติเขาไปสักคนแล้วกันนะไอ้หงส์เน่า สงสารอะ..”
“เออ เว้นไว้ๆ”
“อ้าว” ธีรชาติร้องท้วงออกมาทันที รอยยิ้มที่มีค้างอยู่บนใบหน้าคมคายมาตั้งแต่ตอนได้ยินคำสั่งบัดนี้หุบลงไปเสียแล้ว “สงสารผมทำไมครับคุณจินดา?”
คนถูกถามยกมือขึ้นเกาศีรษะแกรกๆ ลูกตาดำขลับที่หลุบลงมองปลายเท้ายิ่งทำให้ท่าทางของชายหนุ่มดูเงอะงะมากไปกว่าเก่า “..คุณชาตินั่งหล่อๆแบบนี้ก็ดีอยู่แล้ว น้ำลายผมเหม็นกว่าน้ำลายอูฐอีกนะครับ อย่าลองเลย..” กล่าวจบพ่อสถาปนิกคนดีของธีรชาติก็ส่งเสียงหัวเราะแห้งผากเป็นการปิดท้าย
ซึ่งเมื่อเป็นเช่นนั้นคนที่ถูกทิ้งให้รอเก้อจะทำอะไรได้นอกจากต้องนั่งเก็บอาการทำตัวสงบเสงี่ยมต่อไปตามเดิม
.
.
“คุณ-จิน-ดา” “เฮ้ย!” คนเป็นเจ้าของชื่อกระโดดหนีห่างออกมาจากทางต้นเสียงจนตัวลอย สีหน้าตื่นตระหนกที่เกิดขึ้นทำให้ผู้บริหารหนุ่มที่เพิ่งจะเดินออกมาจากหลังต้นไม้ใหญ่ข้างลานริมหมู่บ้านต้องหัวเราะออกมาเบาๆด้วยความขบขัน
“พี่เอง”
“โหย! ตกใจหมด!” จินดายกมือข้างหนึ่งขึ้นตบอกตัวเองปุๆ สาบานได้ว่าชั่วขณะหนึ่งเขาเผลอคิดไปแล้วว่าเสียงเรียกเมื่อสักครู่นั้นดังมาจากภูติผีแห่งป่าเขาที่สิงอยู่ในต้นไม้ “มายืนทำอะไรเงียบๆตรงนี้พี่?”
“ก็มารอจินนั่นแหละ”
“มีเรื่องอะไรกับผมเหรอ?”
“มาทวงของ” ธีรชาติกล่าวเสียงนุ่มโดยที่บนใบหน้ายังคงมีรอยยิ้มบางเบาประดับไว้อย่างน่าดูชม
“ของอะไร?”
คราวนี้นักธุรกิจคนดังไม่ตอบออกมาเป็นคำพูด เพียงแต่ยกนิ้วขึ้นชี้ไปที่ข้างแก้มของตัวเองเท่านั้น
จินดาสามารถเข้าใจภาษากายของอีกฝ่ายได้ในทันที ดวงตาเรียวรีเบิกกว้างขึ้นโดยพลัน “บ้าสิ!..เกมจบไปตั้งนานแล้วพี่ ถึงเวลาเข้านอนแล้ว ไปนอนเหอะ! พรุ่งนี้ต้องตื่นแต่เช้า!” ว่าแล้วคนขี้ตกใจก็ตั้งท่าจะสาวเท้าหนีออกจากบริเวณนั้นไป หากแต่ยังไม่ทันจะเคลื่อนไปไหนได้เกินสองก้าว ต้นแขนของเขากลับถูกฝ่ามืออุ่นหนาดึงรั้งไว้เสียก่อน
“จินไม่ยุติธรรมเลย คนอื่นได้กันทุกคน แต่ทำไมมีพี่คนเดียวที่ไม่ได้?”
ใบหน้าอ่อนละมุนก้มลงต่ำเพื่อหลบหนีสายตาทะลุทะลวงความรู้สึกจากธีรชาติ ขวดน้ำพลาสติกที่อยู่ในมือเริ่มบู้บี้เสียรูปและส่งเสียงน่ารำคาญเมื่อสถาปนิกหนุ่มออกแรงบีบมันไม่ยอมหยุด
“ว่าไง?..” ธีรชาติเร่งเร้า “..ทำไมสองมาตรฐาน?”
จินดาลอบกลืนน้ำลายลงคอไปโดยหมายว่าจะมอบความชุ่มชื้นให้ช่องคออันแห้งผาก แต่ดูเหมือนว่าความตั้งใจจะไม่สัมฤทธิ์ผลเลยสักนิด “..ก็..พี่ไม่เหมือนคนอื่น..”
“ไม่เหมือนยังไงครับ?”
“..คือ..ผมกับเพื่อนในออฟฟิศเล่นอะไรห่ามๆกันจนชินแล้ว แต่พี่ไม่ใช่ไง..เล่นกับพี่ต้องเล่นสุภาพหน่อย ขนาดไอ้หงส์เน่ายังเห็นด้วยเลย ปกติมันชอบแกล้งผมอย่างกับอะไรดี แต่พอมาถึงพี่มันยังยอมให้ข้ามไป..”
“แต่คำท้าของเพื่อนจินก็ไม่เห็นหยาบคายตรงไหนนี่..” ผู้บริหารคนดังโต้กลับไปเสียงอ่อน “..ขอพี่บ้างไม่ได้จริงๆเหรอ?”
“พี่ชาติ..”
ใบหน้าหล่อเหลาเคลื่อนเข้ามาหยุดอยู่ไม่ห่างจากใบหน้าของจินดา เหลือช่องว่างให้สายลมได้พัดผ่านก็เพียงคืบเดียวเท่านั้น ดูท่าแล้วนักธุรกิจหนุ่มคงต้องการอำนวยความสะดวกให้กลีบปากคู่บางได้ขยับมาจรดผิวแก้มของเขาอย่างง่ายดายมากขึ้น
...หากแต่...
จินดาใช้ท่อนแขนข้างหนึ่งดันให้ร่างกายหนาใหญ่ขยับออกห่างเพียงแผ่วเบา ท่าทางที่ดูเหมือนกำลังตั้งการ์ดป้องกันตัวของสถาปนิกคนดีทำเอาธีรชาติรู้สึกใจหายวาบ
...ไหนจะยังเรียวคิ้วที่ขมวดตัวเข้าหากันน้อยๆนั่นอีก...
“..ใจเย็นครับ..” จินดาเอ่ยออกมาเช่นนั้นพลางช้อนลูกตาที่หลุบหนีเขาอยู่นานกลับขึ้นมาสบกันอีกครั้ง วี่แววแห่งความขวยเขินจางลงไปเล็กน้อยหากเทียบกับครู่ที่ผ่านมา บรรยากาศรอบกายให้ความรู้สึกจริงจังมากกว่าเก่า
“พี่ขอโทษ” ธีรชาติยอมถอยหลังออกมายืนในท่าปกติแต่โดยดี ชายหนุ่มใจจดใจจ่อรอฟังสิ่งที่อีกฝ่ายตั้งท่าจะกล่าว
ศีรษะทุยมนของจินดาส่ายไปมาเบาๆ “ไม่เป็นไร ไม่ต้องขอโทษผมหรอก..” น้ำลายเหนียวหนืดถูกนักออกแบบหนุ่มกลืนลงคอไปอีกหนึ่งอึก
“..ปกติผมเป็นคนปรับตัวช้า..” ธีรชาตินิ่งฟังด้วยความตั้งใจ
“..ยิ่งกับเรื่องเหนือความคาดหมายผมยิ่งตั้งหลักยาก..” ดวงตาสองคู่สบประสานกันอยู่ตลอดเวลาที่ถ้อยคำถูกเอื้อนเอ่ย
“..บางที..ถ้าผมทำอะไรไม่ทันใจ ก็หวังว่าพี่จะไม่ถือสากัน..” คำพูดของจินดาจบลงเพียงแค่นั้น และแม้ข้างในจะรู้สึกประหม่าเพียงไรแต่สถาปนิกหนุ่มก็ยังพยายามสู้สายตา
ธีรชาติทบทวนเนื้อความที่คนตรงหน้าสื่อสารออกมาอยู่ครู่สั้นๆ ก่อนที่เพียงไม่กี่วินาทีถัดจากนั้นเขาจะค่อยๆพยักหน้ารับ
...เข้าใจดีถึงความหมายที่อีกฝ่ายต้องการสื่อสาร...
...แล้วก็เริ่มรู้สึกผิดขึ้นมานิดๆด้วยที่ตัวเขานั้นเดินเร็วไปหน่อย...
“พี่รอนะ” เสียงทุ้มต่ำถูกเปล่งออกไปเช่นนั้น
...ไม่ดังนักทว่าฟังดูมั่นคงเหลือเกินในความรู้สึก...
...มั่นคงเสียจนจินดาต้องดึงสายตากลับมาอยู่ที่ปลายเท้าอีกครั้ง...
“ขอบคุณครับ”
“ถ้าอย่างนั้น..ไอ้ของที่พี่ตั้งใจมาทวงนี่ยังไงก็ชวดแล้วใช่ไหม?” กล่าวจบประโยคธีรชาติก็หัวเราะแก้เก้อ
“อืม..อย่าเลย” สถาปนิกหนุ่มอ้อมแอ้มตอบเสียงเบา “ที่นี่คนเยอะแยะ”
“โอเค งั้นติดไว้ก่อนแล้วกันเนอะ รอให้จินปรับตัวได้เมื่อไหร่พี่จะกลับมาขอใหม่...ยังไงคืนนี้หลับฝันดีนะจิน”
“ครับ ฝันดีเช่นกัน ผมไปก่อนนะ”
“เอ้อ..เดี๋ยวสิ” ธีรชาติเอ่ยรั้งไว้อีกครั้งในจังหวะก่อนที่อีกฝ่ายจะทันได้เดินจากไปตามที่บอก ใบหน้าอ่อนเยาว์หันกลับมาเขาพร้อมด้วยการเลิกคิ้วขึ้นเป็นเชิงถามหาธุระ
ผู้บริหารหนุ่มคลี่ยิ้มกรุ้มกริ่ม แววตาที่ส่งออกไปฉายชัดถึงเจตนาล้อเลียน
...ก็อยากจะผ่อนความตึงของบรรยากาศลงเสียหน่อย...
“ถ้าพี่ไปซื้อผ้ากันเปื้อนลายลูกไม้มาใส่จะช่วยให้จินปรับตัวเร็วขึ้นไหม?” สิ้นเสียงแหบกระเส่าที่คนพูดตั้งใจเปล่งออกมาหยอกเย้า คนฟังก็ย่นจมูกปั้นหน้าเหมือนได้กลิ่นเหม็นเน่าขึ้นมาทันใด
“..เอ่อ..เรื่องผ้ากันเปื้อนนี่ผมขอสงวนสิทธิ์ไว้ให้สาวๆเท่านั้นครับ..
พี่ชาติต้องอย่าลืมว่าตัวเองเป็นผู้ชาย พี่ไม่มีส่วนเว้าส่วนโค้ง ถ้าพี่ใส่มันมาให้ดูผมคงไม่มีวันปรับตัวได้แน่ๆ”
...ตึง...
...โอเค...
...รู้เรื่อง...
TBC.
รายละเอียดรวมเล่มราคาฝัน ท่านใดสนใจลองเข้าไปดูกันนะคะ :http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=57030.msg3540853#msg3540853
