ราคาฝัน # 10
“ขอผ่านครับพี่ พอดีเย็นนี้ผมมีธุระ”
“ทำไมเดี๋ยวนี้เลิกงานแล้วไม่ค่อยไปแฮงเอาต์กับใครเลยวะไอ้จิน?” คำถามของโกวิทดังขึ้นพร้อมกับแก้วกาแฟซึ่งถูกวางลงข้างมือเจ้ารุ่นน้องตัวดีอย่างที่ทำจนเป็นกิจวัตร พอได้ยินจินดาปฏิเสธคำชวนไปนั่งจิบเบียร์เชียร์บอลจากแม็คเมื่อครู่ทั้งที่ช่วงนี้ยังไม่ถึงกำหนดส่งโปรเจ็คต์ไหนแล้วเขาก็อดแปลกใจไม่ได้ “กูเห็นปกติมึงเสนอหน้าไปกับเขาทุกกลุ่มเลยไม่ใช่เหรอ?”
“ก็...”
ยังไม่ทันที่คนถูกถามจะได้ตอบอะไรออกมา เสียงจากเพื่อนร่วมงานสักรายที่นั่งอยู่ในบริเวณเดียวกันก็ดังกระเซ้าขึ้นมาเสียก่อน “ดูจากทรงแล้วผมว่ามันมีแฟนแน่เลยพี่โก๋ ใช่ไหมไอ้จิน? กูพูดถูกไหม?”
“เออ! มึงอยากเจอไหมล่ะ? คนเดียวกับที่เป็นแฟนมึงอะ” เจ้าตัวตอบกลั้วเสียงหัวเราะทั้งที่ยังคงไม่ละสายตาออกจากภาพแปลนตรงหน้า
“อ้าวเฮ้ย! กูถามดีๆทำไมต้องกวนตีน”
สิ่งที่ได้ฟังทำให้โกวิทเผลอตัวเม้มริมฝีปากเข้าหากันน้อยๆอย่างที่มักทำเป็นประจำยามมีเรื่องสะกิดใจ สถาปนิกหนุ่มนิ่งมองรุ่นน้องที่นั่งอยู่ข้างๆกันครู่หนึ่งก่อนจะเปิดปากถามขึ้นมาอีกครั้งด้วยระดับเสียงที่เบาลงกว่าเดิมพอให้ได้ยินกันเพียงสองคน “มึงมีแฟนแล้วเหรอวะ?”
“โอ๊ย มีที่ไหนล่ะ ถ้ามีผมต้องเอามาอวดพวกพี่แล้ว ไม่เก็บเงียบแบบนี้หรอก” รอยยิ้มยังคงเปื้อนอยู่บนใบหน้าของจินดา “ว่าแต่พี่เหอะ สามสิบกว่าแล้วนา..เมื่อไหร่จะมีฟงมีแฟนกับเขาสักที ตั้งแต่รู้จักกันมาผมไม่เห็นพี่เคยคบกับใคร โสดมากี่ปีแล้วเนี่ยถามจริง?”
“กี่ปีก็เรื่องของกูโว๊ย ไว้รอให้มึงแต่งงานเป็นฝั่งเป็นฝาก่อนแล้วกัน เดี๋ยวกูค่อยไปหาบ้าง” โกวิทตอบเช่นนั้นก่อนจะกระดกแก้วกาแฟขึ้นเทของเหลวสีเข้มผ่านปาก
...ที่จริงหมู่นี้แม่ก็ถามอยู่ทุกวันว่าเมื่อไหร่จะพาสาวมาให้แม่เจอบ้าง พอบอกไปว่ายังไม่มีใครก็ร่ำๆจะหาเมียให้ทุกครั้ง...
...แต่จะให้เขาทำยังไงในเมื่อยังติดบ่วงไอ้จินอยู่ที่เดิม...
...ไปไหนไม่ได้สักที...
โกวิทยังจำช่วงชีวิตสมัยที่เพิ่งรู้จักกับจินดาใหม่ๆได้เป็นอย่างดี ตอนนั้นไอ้หัวถั่วงอกนี่มันเป็นเด็กฝึกงาน และเขาถูกป๋ามอบหมายให้เป็นพี่เลี้ยง แต่ทั้งที่ควรจะเป็นฝ่ายให้ สุดท้ายเขากลับเป็นฝ่ายที่ได้รับบางสิ่งมาจากจินดามาเสียเอง
โกวิทไม่ใช่สถาปนิกประเภทไอเดียโดดเด่นคอนเซ็ปต์แน่นปึ้กเหมือนไอ้จิน สิ่งที่เขาถนัดคือพวกงานเทคนิคทั้งหลาย การต้องพยายามเค้นสมองคิดอะไรที่ใจไม่ได้รู้สึกอินด้วยก็ทำให้เขารู้สึกเหน็ดเหนื่อยและเบื่อหน่ายได้มากทีเดียว ยิ่งพอโดนลูกค้าวิจารณ์มากๆเข้ามันก็ยิ่งท้อและอยากจะลาออกไปทำอาชีพอื่นเสียให้รู้แล้วรู้รอด
แต่พอได้เจอจินดา ความคิดที่จะเลิกทำงานออกแบบของโกวิทก็เปลี่ยนไป ทั้งที่ตอนนั้นไอ้หมอนี่มันเป็นแค่เด็กฝึกงานตัวเล็กๆ แต่พลังงานของมันกลับเยอะกว่ารุ่นพี่ที่นั่งหน้าสลอนกันอยู่เต็มบริษัทเสียอีก
...นิสัยของจินดาสร้างแรงบันดาลใจให้คนรอบข้าง...
...หากไม่ใช่เพราะได้คลุกคลีตีโมงกับคนมีแพชชั่นอย่างมันในครั้งนั้น ป่านนี้โกวิทก็คงลาออกไปทำอย่างอื่นแล้วมั้ง...
คิดแล้วโกวิทก็ได้แต่ยื่นมือออกไปยีผมรุ่นน้องหัวดื้อจนเจ้าตัวต้องหันมาตีหน้ายุ่งใส่
ชายหนุ่มพ่นลมผ่านริมฝีปากราวกับต้องการระบายความรู้สึกบางประการที่อัดแน่นอยู่เต็มอก
...จากวันนั้นจนถึงวันนี้ก็ยังไม่เคยหนีไปมองใครที่ไหนได้อีกเลย...
...แต่เพราะเป็นผู้ชายด้วยกันทั้งคู่ สุดท้ายเขาก็เลยแตะต้องมันได้เพียงแค่นี้แหละ...
๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐
“..อ..อ๊า..เร็วอีก..”
เสียงครางเจือกระแสหอบกระเส่าดังทะลุผนังโครงคร่าวแสนบางเข้ามาถึงหูของชายหนุ่มทั้งสองที่ตอนนี้ได้แต่เหลือบตามองกันไปมาด้วยสีหน้ากระอักกระอ่วน
จินดาลอบขบเขี้ยวเคี้ยวฟันอย่างนึกขุ่นเคือง
...ไอ้โต๊ดนะไอ้โต๊ด...
เจ้าเด็กแว๊นข้างห้องมันชอบหิ้วสาวเข้ามาฟีทเจอริ่งกันอย่างนี้เป็นประจำ ซึ่งปกติก็พอจะยัดหูฟังแล้วเปิดเพลงดังๆเพื่อป้องกันไม่ให้อารมณ์ตะเลิดเปิดเปิงตามไปด้วยอีกคนได้อยู่ล่ะนะ แต่วันนี้มันต่างออกไปตรงที่เขาไม่ได้นั่งอยู่ในห้องคนเดียวไง...
ในช่วงเกือบสองสัปดาห์ที่ผ่านมาธีรชาติแวะมาช่วยเขาหลังเวลาเลิกงานอย่างนี้สักสี่ถึงห้ารอบได้แล้ว แต่ก็ยังไม่มีครั้งไหนที่ผู้บริหารหนุ่มจะได้เจอแจ็กพอตแบบครั้งนี้มาก่อน
จินดาพยายามเร่งเสียงดนตรีจากแล็ปท็อปคู่ใจขึ้นอีกนิดหมายว่ามันจะช่วยกลบเสียงของแม่สาวน้อยใจแตกไปได้บ้าง
คนทั้งคู่นั่งทนกันอยู่อย่างนั้นนานหลายนาทีจนในที่สุดธีรชาติก็เป็นฝ่ายที่อดรนทนไม่ไหวอีกต่อไป ชายหนุ่มตัดสินใจยืนขึ้นเต็มความสูงก่อนหันมาหาสถาปนิกเจ้าของห้อง “เก็บของเหอะคุณจิน เราไปที่อื่นกัน”
“..ห..หา? ไปไหนอะ?”
“ค่อยว่าบนรถ เก็บของก่อนแล้วกัน ท่าทางห้องข้างๆคุณไม่มีทางเสร็จเร็วๆนี้แน่”
.
.
.
...เหมือนหนีจากนรกมาสู่สวรรค์...
“โห!” จินดาอุทานเสียงดังทันทีที่ไฟในห้องเปิดพรึบขึ้นมา ในฐานะที่ทำโปรเจ็คต์คอนโดฯมาก็มากมาย เขายังไม่เคยเห็นโครงการไหนมีเพนต์เฮาส์ที่กล้าให้พื้นที่เยอะและตกแต่งหรูหราขนาดนี้มาก่อน “ทั้งห้องนี่ของคุณคนเดียวเลยเหรอ?”
“อืม..ทำไมล่ะ?”
“ใหญ่ฉิบเป๋งเลยอะ! นี่คือเนื้อที่เยอะกว่าบ้านเดี่ยวหลังใหญ่ๆบางหลังอีกนะเนี่ย”
“เหรอ? จริงๆผมก็ใช้อยู่ไม่กี่ห้องหรอก โครงการนี้อาจารย์บุญฤทธิ์ออกแบบน่ะ ดีเวลลอปเปอร์ก็เป็นเพื่อนกับพ่อผม พอเขาเอามานำเสนอก็เลยซื้อไว้ มันใกล้ที่ทำงานดีด้วย”
จินดาส่งเสียงจุ๊ๆยาวนานหลายวินาทีพลางหันซ้ายมองขวาสำรวจไปทั่วบริเวณ
...ไม่อยากจะคำนวณเลยว่ากี่ล้าน กลัวว่าถ้าได้รู้ตัวเลขแล้วจะเป็นลมไปซะก่อน...
...ปกติราคาเพนต์เฮาส์ในโครงการทั่วๆไปก็สูงชนิดที่ไม่รู้ว่าต้องเกิดใหม่อีกสักกี่ชาติเขาถึงจะมีปัญญาหาเงินมาจ่าย แล้วนี่มันทองหล่อ ทำเลที่ใครๆก็รู้กันอยู่ว่าแพงมหาแพง...
...เป็นบุญตีนจริงๆที่ได้มาเหยียบสถานที่แบบนี้...
ธีรชาติอมยิ้มน้อยๆขณะวางสายตาจับจ้องไปที่สีหน้าและท่าทางของอีกฝ่าย “ถ้าอยากเดินสำรวจห้องก็เชิญนะ ตามสบายเลย เดี๋ยวผมรอตรงนี้แหละ”
“โอย ไม่เอาดีกว่า เกิดของคุณหายไปสักชิ้นเดี๋ยวผมจะกลายเป็นผู้ต้องสงสัย”
ได้ยินดังนั้นผู้บริหารหนุ่มก็หัวเราะออกมาเบาๆ “ไม่หรอกน่า..คิดมากไปแล้ว งั้นตามมานี่มา เดี๋ยวผมพาทัวร์ก็ได้” ว่าแล้วเขาก็เริ่มก้าวนำ
ตลอดการเดินดูส่วนต่างๆภายในห้องจินดาก็ส่งเสียงร้องอุทานด้วยความตื่นตาตื่นใจไม่ได้หยุด ดูไปแล้วก็เหมือนเด็กๆที่เพิ่งได้มาเที่ยวสวนสนุกเป็นครั้งแรก
“หาอะไรอยู่?” ธีรชาติเอ่ยถามขึ้นเมื่อเห็นว่าแขกคนสำคัญพยายามสอดหน้าเข้าไปส่องดูในซอกหลืบข้างห้องเก็บของที่เดินผ่าน
“เปล่า ไม่ได้หาอะไร ผมแค่จะดูว่าผู้รับเหมาเขาเก็บงานยังไง มันดูเนี๊ยบมากเลย นี่ถ้าเป็นช่างเกรดทั่วๆไปไม่มีทางเก็บงานดีขนาดนี้หรอก”
“อ้าวเหรอ ผมก็นึกว่าคุณหาที่ซ่อนหนังโป๊ซะอีก ห้องผมไม่มีหนังโป๊เก็บไว้เหมือนห้องคุณหรอกนะ”
ทันทีที่จบประโยคเย้าแหย่ของคนเป็นเจ้าของห้องจินดาก็หันหน้าขวับกลับไปหาต้นเสียงทันที “คุณ!” สถาปนิกหนุ่มร้องท้วงเสียงดังก่อนจะพุ่งกำปั้นออกไปต่อยเข้าที่ต้นแขนของธีรชาติอย่างลืมตัว
“โอ๊ย! รุนแรงจัง” ทั้งที่ปากก็บอกแบบนั้นแต่นักธุรกิจคนดังกลับยิ้มร่าเสียได้ “ผมล้อเล่นนิดเดียวเองไม่เห็นต้องทำกันขนาดนี้เลย”
“แล้วพูดขึ้นมาทำไมเล่า! อ..ไอ้หนังแผ่นพวกนั้นมันของเพื่อนผมต่างหาก เพื่อนผมเอามาฝากไว้”
“ใครๆเขาก็อ้างอย่างนี้ทั้งนั้นแหละ ผมไม่เชื่อหรอก”
ยามนี้สองข้างแก้มของพ่อสถาปนิกไฟแรงกลายเป็นสีแดงราวกับลูกตำลึงสุก ซึ่งภาพที่เห็นก็ยิ่งเรียกให้รอยยิ้มของธีรชาตินั้นกว้างขึ้นกว่าเก่า
...เป็นรอยยิ้มที่เกิดขึ้นจากความสนุกสนานที่แท้จริง หาใช่รอยยิ้มการทูตแบบที่มักใช้ในการติดต่องานเป็นประจำ...
“ถ้าคุณบอกว่าคุณไม่ดูหนังโป๊ ผมก็ไม่เชื่อคุณเหมือนกันแหละ”
“แล้วผมพูดอย่างนั้นเมื่อไหร่? ผมแค่บอกว่าผมไม่เก็บหนังโป๊ไว้ในบ้านแค่นั้นเอง...เอาๆ ผมไม่ล้อแล้วก็ได้ เดี๋ยวคุณจะมาต่อยผมอีก เดินต่อไปสิ”
หลังจากนั้นจินดาก็สงบปากไปอีกนาน สถาปนิกหนุ่มเดินขยับริมฝีปากขมุบขมิบอยู่ทางด้านหน้าโดยมีธีรชาติเดินอมยิ้มตามอยู่ทางด้านหลัง จนกระทั่งเมื่อมาถึงบริเวณหนึ่งซึ่งดูเหมือนจะไม่ค่อยได้ถูกใช้งานเท่าไหร่นัก สายตาของจินดาก็ไปสะดุดเข้ากับภาพถ่ายที่ถูกแขวนอยู่บนผนังภาพหนึ่ง ธีรชาติในชุดครุยแบบที่เคยเห็นพวกบัณฑิตในหนังฝรั่งเขาใส่กันยืนฉีกยิ้มหล่อเหลาอยู่ในนั้น หน้าตาในรูปดูเด็กกว่าปัจจุบันอยู่มากพอสมควร
“นั่นรูปตอนคุณรับปริญญาเหรอ?”
คนถูกถามพยักหน้าลงน้อยๆ “ใช่ นานมากแล้ว ตั้งแต่ปีสองพันหก แม่ผมอยากให้เอารูปรับปริญญามาแขวนไว้ แต่ผมเขินเวลามีแขกมาหาก็เลยแอบเอามาแขวนในห้องนี้เพราะเป็นห้องที่ไม่ค่อยได้ใช้งานเท่าไหร่”
“เรียนจบตอนปีสองพันหก...สิบปีมาแล้ว ถ้าอย่างนั้นตอนนี้คุณก็อายุสามสิบกว่าแล้วสิ?”
“สามสิบสามแล้วครับ”
“โห เป็นพี่ผมตั้งหลายปีก็ไม่บอก ปล่อยให้พูดจาเทียบรุ่นอยู่ได้ตั้งนาน” จินดายิ้มเจื่อนพลางนึกย้อนไปว่าก่อนหน้านี้ได้เล่นอะไรปีนเกลียวกับชายตรงหน้าไปบ้างหรือเปล่า
“ก็ไม่เห็นเป็น’ไรนี่...ไปเถอะ ห้องนี้ไม่ค่อยมีอะไรน่าสนใจหรอก เดินต่อดีกว่า” ว่าแล้วธีรชาติก็ออกเดินนำอีกครั้ง หากแต่คราวนี้ฝีเท้าของเขาก็ต้องชะงักลงในชั่วเวลาเพียงอึดใจเดียว
“..พี่ชาติ..”
คนเป็นเจ้าของชื่อหันกลับมามองทางต้นเสียง “หืม?”
ตอนนี้จินดากำลังมีสีหน้าลังเล เขายกมือข้างหนึ่งขึ้นเกาท้ายทอยเบาๆทั้งที่ดูก็รู้ว่าไม่ได้คันจริง “ผมเรียกอย่างนี้ได้หรือเปล่า? คุณถือไหมอะ?”
“หมายถึงเรียก ‘พี่’ น่ะเหรอ? จะถือทำไมล่ะ?”
“ก็..ไม่รู้สิ เห็นที่ออฟฟิศลิงเกอร์ฯก็มีแต่คนเรียกคุณว่า ‘คุณชาติ’ กันทั้งนั้น ก็เลยไม่แน่ใจว่าคุณจะโอเคกับสรรพนามนี้หรือเปล่า”
จบประโยคของจินดา ธีรชาติก็เปล่งเสียงหัวเราะออกมาเบาๆ “จะเรียกอะไรก็เรียกไปเถอะ ตามสะดวก...แต่จริงๆก็อยากให้เรียกพี่อยู่เหมือนกัน...”
.
.
.
“พี่ชาติ”
“ว่าไง?”
“ให้ผมไปนอนที่โซฟาเหอะ”
“ยังไม่จบอีก..”
“ก็ผมกลัวพี่จะนอนไม่สบาย”
“เตียงมันกว้างจะตาย ไม่ได้เบียดอะไรนี่”
“แต่ว่า..”
“ตอนแรกพี่ก็บอกแล้วว่าจะเรียกแม่บ้านขึ้นมาทำความสะอาดอีกห้องให้ แต่จินไม่ยอมเอง”
“ก็เกรงใจ คือผมนอนที่โซฟาได้ไม่มีปัญหาอยู่แล้ว”
“พี่ไม่เคยให้แขกนอนโซฟา”
“แล้วปกติแขกทุกคนมานอนเตียงเดียวกับพี่หมดเลยเหรอ?”
“เปล่า แขกคนอื่นเขายอมไปนอนอีกห้อง”
“อ่า..งั้นผมไปนอนอีกห้องก็ได้”
“ไม่ทันแล้วจิน ดึกป่านนี้แม่บ้านของคอนโดฯกลับกันหมดแล้ว”
“..ม..ไม่เป็นไร ผมนอนทั้งที่ยังไม่ทำความสะอาดก็ได้”
“นอนไม่ได้หรอก ฝุ่นเยอะมาก มันไม่ได้ทำความสะอาดมานานแล้ว”
มาถึงตรงนี้จินดาก็ผ่อนลมหายใจออกจนสุดปอด
ตอนนี้ทั้งเขาและธีรชาติกำลังนอนแผ่ร่างอยู่บนเตียงหลังเดียวกันหลังจากผ่านการทำงานมาเกือบค่อนคืน ซ้ำชุดที่สวมใส่อยู่ตอนนี้ก็ยังเป็นชุดนอนมียี่ห้อของคุณเจ้าของห้องเสียด้วย
...ใจดีอะไรปานนั้นหนอ...
...เกรงใจจนไม่รู้จะเกรงใจยังไงแล้ว...
ในที่สุดเมื่อทำอะไรไปไม่ได้มากกว่านี้จินดาจึงจำต้องเปิดปากขึ้นมาเป็นครั้งสุดท้าย
“ฝันดีนะพี่”
“อือ..ฝันดี”
.
.
.
น่าแปลกว่าทั้งที่เวลาก็ปาเข้าไปเกือบตีสามแล้วแต่ธีรชาติกลับยังนอนลืมตามองความมืดอยู่เช่นเดิม ดูท่าว่าวันนี้เขาคงดื่มกาแฟดำผิดเวลาไปสักหน่อย
เสียงลมหายใจเป็นจังหวะสม่ำเสมอจากคนข้างกายบ่งบอกได้เป็นอย่างดีว่าตอนนี้เจ้าตัวคงหลับไปแล้ว
...คิดๆไปก็น่าแปลกดีเหมือนกัน...
...นอกจากแม่กับแฟน ตั้งแต่โตมาเขาก็ยังไม่เคยต้องนอนเตียงเดียวกับใครสักที...
ในระหว่างที่ธีรชาติปล่อยให้สมองได้คิดอะไรไปเรื่อยเปื่อยอยู่นั้น ร่างกายขนาดสันทัดของเพื่อนร่วมห้องแห่งค่ำคืนนี้ก็ค่อยๆขยับเข้ามาใกล้ทีละนิดๆโดยที่เขาไม่ทันได้สังเกต กว่าจะรู้ตัวอีกทีก็ตอนที่จินดาเอาใบหน้าเข้ามาซุกอยู่ตรงต้นแขนแล้วนั่นแหละ
ผู้บริหารคนดังรู้สึกตกใจเล็กน้อยในเสี้ยววินาทีแรก หากแต่เมื่อรับรู้ได้ถึงความเย็นจากฝ่ามือของอีกฝ่ายที่สัมผัสโดนท่อนแขนของเขาแล้วชายหนุ่มก็เข้าใจได้ในทันทีว่าเหตุใดนายจินดาถึงต้องขยับเข้ามาเสียชิดตัวเขาขนาดนี้
...ดูท่าว่าคงหนาว...
ก่อนเข้านอนจินดาเพิ่งจะบอกอยู่ว่าไม่ชินกับการนอนในห้องแอร์นัก
ธีรชาติเอื้อมมือไปที่หัวเตียงหมายว่าจะหยิบรีโมทควบคุมเครื่องปรับอากาศขึ้นมาเพิ่มอุณหภูมิ หากแต่เพียงครู่เดียวเขาก็ชะงักมือไว้เสียก่อน
ชายหนุ่มนอนเม้มริมฝีปากอยู่ในความมืดพลางในหัวก็กำลังครุ่นคิดถึงอะไรบางอย่าง
แทนที่จะปรับอุณหภูมิแล้วแซะร่างจินดาให้กลับไปนอนที่เก่า ในที่สุดธีรชาติก็เลือกที่จะยื่นมือไปขยับผ้าห่มที่เลื่อนหลุดลงจากช่วงอกของสถาปนิกหนุ่มให้กลับมาคลุมจนมิดชิดอย่างเก่า
มหาเศรษฐีผู้เพียบพร้อมปล่อยให้จินดาได้นอนอยู่ในท่านั้นเหมือนเดิม ก่อนจะเป็นตัวเขาเองที่ขยับเข้าไปใกล้อีกนิด
...ก็เขาชอบให้ห้องมันเย็นๆแบบนี้...
...ในเมื่อไม่อยากปรับแอร์ก็คงต้องเพิ่มความอบอุ่นให้รูมเมทด้วยวิธีอื่นแทนถูกไหมล่ะ?...
นักธุรกิจหนุ่มค่อยๆหลับตาลง ยามนี้เส้นผมดำขลับของจินดาอยู่ใกล้ปลายจมูกเพียงนิดเดียว
...ธีรชาติเพิ่งจะตระหนักได้ว่ากลิ่นแชมพูสูตรฟอร์เมนแบบเดียวกับที่เขาใช้อยู่เป็นประจำนั้นหอมอย่างไรก็วันนี้เอง...
TBC.
รายละเอียดรวมเล่มราคาฝัน ท่านใดสนใจลองเข้าไปดูกันนะคะ :http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=57030.msg3540853#msg3540853
