ตอนพิเศษ 1
ยามเช้า ณ ห้องนอนในคฤหาสน์หลังใหญ่ บนเตียงนอนกว้างสีขาวสะอาดตามีเรือนร่างบอบบางของคนที่นอนหลับใหลซุกตัวอยู่ภายใต้ผ้าห่มผืนหนาอย่างเป็นสุข เข็มนาฬิกาที่ชี้บอกว่าเลยเวลาตื่นมาเกือบหนึ่งชั่วโมงกลับไม่ได้ทำให้คนที่กำลังฝันหวานรู้สึกตัวหรือมีทีท่าว่าจะตื่น
ใบหน้าหวานซุกซบอยู่กับหมอนหนุนใบใหญ่ขณะที่แขนและขาก็กอดก่ายหมอนข้างแทนเรือนกายแกร่งหลับพริ้ม
แพทริกที่จัดการตัวเองเสร็จเรียบร้อยขยับมาทรุดตัวลงบนเตียง กวาดสายตามองคนรักอย่างเอ็นดู
แม้ว่าอีกคนจะไม่ได้ตื่นมาทำหน้าที่เช่นทุกวันแต่นั่นก็ไม่ใช่ปัญหา หลังจากกลับมาจากไปเที่ยวที่กินเวลาร่วมเดือน ช่วงนี้กานต์รักดูท่าว่าจะกินอิ่มนอนหลับได้อย่างดีจนแพทริกรู้สึกมีความสุขไปด้วยและสบายใจที่ร่างเล็กยังคงสบายดี
เพราะไม่อยากจะรบกวนคนหลับปลายจมูกโด่งเป็นสันจึงค่อยๆกดลงแนบแก้มนิ่ม สูดลมหายใจเข้าลึกแผ่วเบาอย่างกลัวว่าจะทำให้คนรักตื่นจากการหลับใหล
แต่แล้วก็ไม่ได้เป็นอย่างหวังเมื่อเปลือกตาสีอ่อนค่อยๆกะพริบปรือเปิด
“..คุณแพท”
เสียงแหบพร่าอย่างคนเพิ่งตื่นดังออกจากปากเล็กราวกับกำลังละเมอ ดวงตาโตกะพริบซ้ำๆมองลอกแลกกระทั่งหยุดนิ่งเมื่อจับโฟกัสได้ในที่สุด
“ตื่นแล้วเหรอ” ฝ่ามือหนาวางแนบลงบนแก้มเนียนก่อนจะลูบไล้ไปมาแผ่วเบา ให้สัมผัสอ่อนโยนนั้นปลุกอีกฝ่ายให้ค่อยๆรู้สึกตัว
“คุณแพทแต่งตัวแล้วเหรอครับ อาหารเช้า...”
“ไม่เป็นไร เรื่องแต่งตัวฉันจัดการตัวเองได้ ส่วนอาหารเช้าป้าน้อยก็ทำแล้วเรียบร้อยไม่ต้องห่วง ถ้ายังง่วงอยู่ก็นอนต่อเถอะ บ่ายๆค่อยเข้าร้าน”
“กี่โมงแล้วครับ”
“อีกห้านาทีแปดโมง”
“รักตื่นสายจังเลย”
คิ้วได้รูปขมวดน้อยๆ นึกไม่พอใจกับการนอนของตัวเองจนพยายามจะยันกายขึ้นนั่ง หากแต่มือใหญ่ก็กดเอาไว้ออกแรงห้ามไม่ให้ลุก
“ไม่เป็นไร นอนให้เต็มอิ่ม แค่นายไม่ได้รู้สึกไม่สบายก็พอ”
แพทริกไม่เคยว่าถ้ากานต์รักจะตื่นสายถ้าหากมันไม่ใช่เพราะอีกคนไม่สบาย การได้นอนอย่างเต็มที่ย่อมเป็นสิ่งที่ดีต่อสุขภาพ
“รักสบายดีครับ”
“ถ้าอย่างนั้นก็ดีแล้ว...นายอยากจะตื่นตอนไหนค่อยตื่น ฉันต้องไปทำงาน ตื่นแล้วก็โทรมาฉันจะได้มารับไปส่งที่ร้าน”
เพราะอยู่ด้วยกันจนรู้ว่าไม่อาจปฏิเสธสิ่งที่แพทริกต้องการได้ใบหน้าเล็กจึงทำได้เพียงพยักรับ จากนั้นก็ขยับกายขึ้นก่อนจะยืดหน้าไปจูบปลายคางแกร่งแผ่วเบา
“มอร์นิ่งครับ รักขอโทษที่วันนี้ไม่ได้ดูแลคุณแพทเลย...ทำงานดีๆนะครับ”
กานต์รักในวันนี้ยังเป็นคนขี้อายคนเดิมเพียงแต่เป็นกานต์รักที่กล้าแสดงความรักต่อแพทริกมากขึ้น การกระทำอ่อนหวานเป็นสิ่งที่ทำได้อย่างไม่เคอะเขินเช่นแต่ก่อน และนั่นก็ส่งผลต่อแพทริกโดยตรง
พอร่างบางหอมกรุ่นมาคลอเคลียแนบชิดมากๆในหัวมันก็พลันอยากจะสานต่ออยู่ร่ำไป
“อืม”
แพทริกยิ้มตอบจากนั้นจึงกดจูบลงไปบนริมฝีปากสีสดแนบแน่นแล้วผละออก บอกลาด้วยสัมผัสนั้นก่อนจะหยัดกายลุกขึ้น ร่ำลาคนรักต่ออีกเล็กน้อยถึงได้เดินออกมาจากห้องเพื่อลงไปทานข้าวก่อนออกไปทำงาน
❋❋❋❋❋❋❋❋❋❋
ตอนค่ำเมื่อกลับมาถึงบ้านกานต์รักสัมผัสได้ว่าอีกคนเหมือนมีอะไรให้ต้องคิดจากเมื่อตอนบ่ายที่แพทริกแวะมารับไปส่งที่ร้านนั้นยังคงมีท่าทีปกติ ทว่าตอนมารับหลังเลิกงานกลับดูเงียบๆไป
“คุณแพทเป็นอะไรหรือเปล่าครับ มีอะไรบอกรักได้นะ”
ร่างเล็กขยับกายเข้าหาคนที่กำลังนอนพิงพนักเตียงครุ่นคิดอะไรบางอย่างอยู่กับตัวเอง มือบางวางแตะลงบนต้นแขนแกร่ง ดวงตาโตทอประกายเต็มไปด้วยความห่วงใย
แพทริกมองใบหน้าของคนรักนิ่งก่อนจะถอนหายใจแผ่วเบาแล้วทิ้งตัวลงนอนบนตักเล็กอย่างอ่อนแรง
“ร้ายแรงมากหรือครับ” สัมผัสแผ่วเบาที่ไล้อยู่ข้างแก้มทำให้คนที่เหนื่อยกับเรื่องที่เพิ่งได้รับรู้เปิดเปลือกตาขึ้นมอง
แพทริกจับมือเล็กมาวางไว้กลางอก สอดนิ้วประสานกันแนบแน่น เหลือบมองแหวนที่ประดับอยู่บนนิ้วนางข้างซ้ายของคนรักนิ่งงัน
แหวนแต่งงานที่เขาเป็นคนสวมให้...
“มาก...สำหรับฉัน”
“รักพอจะช่วยอะไรได้บ้างไหมครับ”
ฝ่ามือนิ่มที่สอดประสานถูกยกขึ้นมากดจูบแผ่วเบาก่อนลมหายใจอันหนึกอึ้งจะถูกพ่นออกหวังให้ความรู้สึกข้างในบรรเทาลง
“ฉันต้องไปทำงานที่อิตาลีสิบวัน”
เรื่องหนักหนาถูกเอ่ยออกมาให้คนที่ห่วงใยได้รับรู้ในที่สุด
ตั้งแต่มีกานต์รักการไปทำงานต่างประเทศก็เป็นเรื่องที่แพทริกพยายามจะเลี่ยงมาโดยตลอด คราวนี้เลี่ยงจนไม่อาจจะทำได้อีกและระยะเวลาที่ต้องห่างก็ยาวนานถึงสิบวัน เพียงแค่คิดถึงช่วงเวลาที่ไม่มีอีกคนอยู่ข้างกายก็รู้สึกเหี่ยวเฉาจนไม่อยากแม้แต่จะทำอะไร
จะมีแรงทำงานไหมยังไม่รู้เลย
“รักไปด้วยได้ครับ ช่วงนี้ไม่มีงานอะไร”
มุมปากบางยกยิ้มน้อยๆอย่างนึกโล่งใจกับเรื่องหนักใจของอีกฝ่าย เห็นท่าทางกลัดกลุ้มนั้นแล้วในหัวก็พลันนึกไปไกลถึงขั้นว่าหรือแพทริกจะป่วยเป็นอะไร พอได้รู้ว่าเป็นเรื่องงานจึงเบาใจ
“งานฉันยุ่งมาก คงไม่มีเวลาดูแลนาย ฉันคิดว่านายอยู่ที่นี่น่าจะดีกว่า”
“ไม่เป็นไรครับ คุณแพทไม่ต้องดูแลรักเลย รักก็อยู่รอแค่ที่พักไม่ได้ไปไหน”
“ฉันจะเป็นห่วงนายมากเพราะที่นั่นไม่ใช่บ้านเรา...เข้าใจใช่ไหม”
สิบวันคือกำหนดการที่เร็วที่สุดที่แพทริกจะสามารถทำงานให้เสร็จได้ หากกานต์รักไปด้วยเขาจะไม่สามารถมุ่งสมาธิไปที่งานได้อย่างเต็มที่และทุกอย่างจะช้าลงกว่าที่ตั้งใจ และนั่นคือสิ่งที่แพทริกไม่ต้องการ
ยิ่งคนร่างเล็กอยู่ใกล้ๆแต่ไม่มีเวลาจะทำอะไรยิ่งทรมาน
“คุณแพทจะไม่มีสมาธิทำงานใช่ไหมครับ”
“...” คนถูกถามไม่อยากจะพยักหน้ารับเพราะกลัวว่าจะทำให้คนรักเสียความรู้สึก
แต่ทั้งหมดนั้นมันก็เป็นเพราะความรักที่แพทริกมีต่อกานต์รัก เพราะรักมากแม้เพียงเล็กน้อยก็มีผลต่อใจและความรู้สึก การมีคนร่างบางอยู่ใกล้หากจะไม่ให้คิดห่วงหรือกังวลมันไม่มีทางจะทำได้
“รักเข้าใจแล้วครับ งั้นรักจะรออยู่ที่บ้านนะครับ” กานต์รักระบายยิ้ม เข้าใจสิ่งที่อีกคนจะสื่อและไม่มีปัญหาเลยสักนิด
ความทรมานอาจจะกัดกินหัวใจบ้างแต่เพื่อให้แพทริกได้ทำงานอย่างเต็มที่ก็ไม่รั้นจะตามไป
“แค่คิดก็ไม่มีแรงจะทำงานแล้ว”
เสียงทุ้มที่มักนิ่งเรียบกลับเว้าวอนเสียคนฟังใจเต้น สายตาที่ทอดมองมามีความอาลัยอยู่ในทีทั้งที่วันเดินทางยังมาไม่ถึง รอยยิ้มบางถูกจุดขึ้นบนใบหน้าหวาน คนตัวโตดูท่าว่าจะกลายร่างเป็นเด็กขี้อ้อนซะแล้ว
“ก็วิดีโอคอลคุยกันไงครับ”
“มันเหมือนตัวเป็นๆที่ไหน ไม่ได้กอด ไม่ได้หอม ไม่ได้จูบ ไม่ได้
รัก จะทำอะไรก็ไม่ได้สักอย่าง”
เพียงแค่พูดแพทริกก็นึกถึงความรู้สึกโหยหานั้นออกได้อย่างชัดเจน อวัยวะบนอกซ้ายพลันลีบแฟบราวกับลูกโป่งถูกปล่อยลม
“คุณแพทจะได้ทำงานอย่างเต็มที่ไงครับ” เอ่ยตอบเสียงอ้อมแอ้มนึกขัดเขินกับประโยคที่มีความหมายมากกว่านั้นจนสองข้างแก้มเห่อร้อน
“ไม่อยากทำ”
“อย่างอแงสิครับ...คนเก่ง”
ถ้อยคำปลอบโยนที่อีกฝ่ายมักจะเรียกขานถูกนำมาใช้ขณะที่คนพูดแทบมอดไหม้ไปทั้งตัว ใช่ว่าไม่เขินแต่เพื่อปลอบประโลมคนงอแงให้รู้สึกดีขึ้นกานต์รักก็พร้อมทำ
แต่มากกว่าคนพูดก็คือคนฟังที่นอนนิ่งตัวแข็งทื่อ
ให้ตายเถอะ...แพทริกใจเต้น สะเทิ้นอายอย่างไม่เคยเป็นจนต้องเบือนสายตาไปมองอย่างอื่นที่ไม่ใช่ใบหน้าของคนรัก
คำหวานหูที่ตัวเองมักเป็นฝ่ายพูดกลับมีอิทธิพลกลับมาเล่นงานซะจนไม่เหลือชิ้นดี
คนเก่งอย่างนั้นหรือ...
“...ละ แล้วคุณแพทต้องเดินทางวันไหนครับ” ต่างคนต่างเขินอายจนเป็นร่างบางที่เอ่ยไปอีกเรื่องเพื่อแก้ไขสถานการณ์อันเงียบงัน
“มะรืนนี้” ลมหายใจติดขัดถูกสูดเข้าปอดลึกเรียกสติตัวเองก่อนจะเบือนสายตากลับมามองสบกับดวงตาโตตรงหน้า
คิดแล้วตลกสิ้นดี ผู้ชายอายุสามสิบกลับเขินให้กับเมียแค่เพราะคำพูดเดียว
ไอ้แพทริกเอ้ย
“เช้าหรือเย็นครับ”
“เช้า”
“งั้นเดี๋ยวพรุ่งนี้เย็นรักจัดกระเป๋าให้นะครับ”
แพทริกพยักหน้ารับแกนๆไม่ได้นึกสนใจเรื่องใดทั้งสิ้น ในหัวคิดเพียงแค่การที่จะไม่มีร่างเล็กเคียงข้างกาย เรียกได้ว่าครั้งนี้เป็นครั้งต้องห่างที่ยาวนานเพียงไม่กี่ครั้ง แม้รู้ว่าไม่อาจเลี่ยงสถานการณ์อย่างนี้ไปได้ตลอดหากแต่เมื่อต้องเผชิญก็อดวูบไหวในอกไม่ได้
ไม่รู้ทำไมครั้งนี้ถึงได้ไม่อยากจะไปนัก ใจมันห่วงหากานต์รักไปหมด
“นายแข็งแรงดีนะ” เอ่ยถามถึงเรื่องที่เป็นห่วงที่สุด
“ครับ รักสบายดี ไม่รู้สึกป่วยตรงไหนเลย คุณแพทล่ะครับ ไม่ได้ป่วยนะ”
“ป่วยใจ” กานต์รักหลุดยิ้มให้กับคำตอบนั้นเมื่อได้ฟัง ยิ่งยามที่กำลังมองใบหน้าคมบึ้งตึงราวกับเด็กถูกขัดใจอย่างนี้ยิ่งนึกขำคนตัวโต
“งั้นรักจะรักษายังไงดีครับคุณแพทถึงจะหาย” คราวนี้ดวงตาคมทอประกายวาววับ มุมปากได้รูปยกขึ้นน้อยๆบ่งบอกว่าอารมณ์ดีขึ้นมาทันใด
วิธีการรักษาโรคป่วยใจของแพทริกถูกชี้นำโดยการที่นิ้วแกร่งแตะลงบนริมฝีปากให้คนมองเม้มปากเข้าหา ยอมข่มความเขินอายแล้วแนบเรียวปากลงมาบดเบียดดูดดึงแผ่วเบาก่อนจะผละออก แต่อีกคนไม่ได้พอใจเพียงเท่านั้น แพทริกแตะนิ้วลงบนแก้มของตัวเองอีกที่
“ฉันป่วยหนักเลยต้องรักษาหลายที่”
มองคนป่วยหนักที่แสนเจ้าเล่ห์ก่อนจะกดจูบลงบนแก้มสากอย่างตามใจ แต่ก็ดูเหมือนจะยังไม่พอเมื่อแก้มอีกข้างถูกเอียงขึ้นมาหา
“ข้างนี้ด้วย”
“ป่วยหนักขนาดนี้ไปโรง’บาลดีไหมครับ”
กานต์รักมองคนบนตักที่ยกยิ้มระรื่นอย่างอ่อนใจ ไม่ว่าเวลาจะผ่านไปเท่าไหร่การตอดเล็กตอดน้อยก็ยังเป็นสิ่งที่แพทริกขยันทำเสมอ
“แค่นายรักษาก็หาย”
นิ้วแกร่งเคาะย้ำเร่งเร้าจนสุดท้ายริมฝีปากบางก็กดแนบสัมผัสลงไปให้คนใต้ร่างยกยิ้ม ขยับตัวขึ้นมานั่งข้างกันก่อนปลายจมูกโด่งจะกดเข้าหาแก้มเนียนหนักๆ
“ดึกแล้ว นอนกันเถอะครับ” นาฬิกาข้างหัวเตียงตีเวลาบอกว่าเป็นเวลากว่าห้าทุ่มเศษ ถือว่าดึกพอสมควร
ใบหน้าคมกดรับขณะที่กานต์รักขยับตัวนอนลงในตำแหน่งของตัวเอง ผ้าห่มผืนหนาถูกคลี่คลุมให้ถึงอก มือหนาเอื้อมไปปิดโคมไฟให้ทั้งห้องตกอยู่ในความมืด เมื่อแพทริกนอนลงเคียงข้างกันเรือนร่างเล็กหอมอ่อนก็ขยับเข้ามาใกล้ ซุกซบใบหน้าเข้ากับอก หัวใจแกร่งเต้นเป็นจังหวะหนักแน่นคงที่ ความอบอุ่นจากอ้อมกอดแผ่ซ่านรอบกาย
“ฝันดีนะครับ”
“ฝันดี”
❋❋❋❋❋❋❋❋❋❋
วันเดินทาง คนตัวโตที่ยืนหน้านิ่งบึ้งตึงเช็คความเรียบร้อยอยู่หน้ากระจกทำให้กานต์รักหลุดยิ้ม ความไม่สบอารมณ์ตั้งแต่ตื่นขึ้นมาเดาได้ไม่ยากว่ามาจากสาเหตุอะไร
แพทริกหันมารับนาฬิกาเรือนหรูจากมือของคนรัก ทำทุกอย่างเงียบงันไม่แม้แต่อยากจะพูดอะไร
“อย่าทำหน้าเครียดสิครับ”
เสียงหวานเอ่ยนุ่มละมุน ร่างเล็กขยับกายเข้าหาใกล้ชิด คิ้วเข้มที่ขมวดมุ่นเป็นปมทำให้มือบางวางลงแล้วลงน้ำหนักกดคลึงให้คลายออกแผ่วเบา การกระทำที่ทำให้แพทริกถอนหายใจ หลับตาลงรับความอ่อนโยนนั้น ปัดเป่าความหงุดหงิดให้บรรเทา
“ฉันต้องใจขาดแน่” เปลือกตาหนาเปิดขึ้น ทอดมองใบหน้าหวานของตรงหน้าอย่างใกล้ชิด
“คุณแพทโทรหารักได้ตลอดนะครับ”
“ฉันคงโทรหานายวันละเป็นร้อยสาย” คำพูดที่ดูจะเกินความเป็นจริงทำให้คนฟังระบายยิ้ม มือบางเลื่อนลงมายังข้างแก้มสาก ลูบไล้ปลอบประโลมอีกคนอย่างเห็นใจ
“จะโทรมากี่สายรักก็ไม่ว่าครับ”
“ถ้าฉันว่างพอจะทำอย่างนั้นได้คงดี”
ในแต่ละวันคงยุ่งจนไม่มีเวลาแม้แต่จะแตะโทรศัพท์ แต่ถึงอย่างนั้นแพทริกก็คิดว่าตัวเองจะสามารถหาเวลามาคุยกับกานต์รักได้ไม่เช่นนั้นก็อาจจะใจขาดตายอย่างที่พูด
“ถ้าไม่ว่างจริงๆยังไงก็ส่งข้อความบอกบ้างนะครับ อย่าหายไปเลย รักเป็นห่วง”
ระยะทางที่ห่างไกลทำให้ความกังวลเพิ่มขึ้นเป็นเท่าตัว เพราะไม่อาจเห็นได้ด้วยตาตัวเองจึงไม่รู้ว่าจะมีอะไรเกิดขึ้นกับคนรักหรือไม่ การเงียบหายไปนั้นทำให้ใจคนรอร้อนรนคิดไปไกลเกินความจริง แม้ไม่ได้พูดคุยอย่างน้อยก็ขอให้ได้รู้ว่ายังสบายดี
ประโยคร้องขอที่ทำให้คนแพทริกพยักหน้ารับ ซบหน้าผากเข้าหาพลางปิดเปลือกตาลงซึมซับความใกล้ชิด ปลายจมูกโด่งปัดป่ายคลอเคลียหยอกเย้า ลมหายใจรินรด กานต์รักค่อยๆหลับตาลงเมื่อริมฝีปากได้รูปขยับเอียงเข้ามาใกล้ กระทั่งท้ายที่สุดแล้วความนุ่มหยุ่นก็ทับกันแนบสนิทกลายเป็นจูบอ่อนหวาน
ปากนี้ สัมผัสนี้...ที่ต้องห่างถึงสิบวัน
ความห่วงหา อาลัย และคิดถึง ถูกถ่ายทอดผ่านสัมผัสอันเว้าวอน เสียงแลกเปลี่ยนความรู้สึกดังคละเคล้ากับลมหายใจที่เริ่มหอบกระชั้น จากอ่อนหวานแปรเปลี่ยนเป็นเร่าร้อน
“อือ อืม...”
เสียงครางหวานดังแผ่วในลำคอ ฝ่ามือหนาเลื่อนขึ้นมาวางแตะอยู่ข้างแก้ม ข้อนิ้วแกร่งขยับไล้ไปตามความนุ่มนิ่มของก้อนซาลาเปานี้ทั้งยังควบคุมองศาของใบหน้าให้แนบชิดกันยิ่งขึ้น
สองเรียวลิ้นดูดดึงสอดรับประสาน แม้ว่าร่างเล็กจะด้อยประสบการณ์กว่าอย่างเทียบไม่ติดแต่ก็พยายามตอบสนองรุกเร้ากลับไปตามความรู้สึก และนั่นก็มากพอที่จะทำให้แพทริกพึงพอใจ
กระทั่งรู้ตัวว่าอีกเพียงนิดความต้องการจะก้าวไปยังจุดที่ห้ามใจไม่ไหวจึงจำใจต้องหยุดตัวเองลง เสียงหอบหายใจดังขึ้นแผ่วยามริมฝีปากบางเป็นอิสระ แพทริกกดจูบลงไปทิ้งท้ายก่อนจะรั้งร่างเล็กเข้ามาในอ้อมกอด
“ดูแลตัวเองดีๆ อย่าให้ป่วยเด็ดขาด”
แม้ในยามปกติการเจ็บไข้ได้ป่วยก็เป็นเรื่องที่ไม่ปรารถนาจะให้เกิด ยิ่งเมื่อต้องห่างกันไกลคนละประเทศแพทริกก็ยิ่งห่วง การป่วยของคนรักมีผลต่อหัวใจอีกฝ่ายอย่างมากมายเสมอ
ป่วยเมื่อยามมีเขาอยู่ด้วยแพทริกยังแทบขาดใจ ถ้ากานต์รักไม่สบายระหว่างสิบวันนี้เขาคงทรมานจนไม่เป็นอันทำอะไร
“ครับ รักจะออกกำลังกายทุกวันเลย คุณแพทก็ด้วยนะครับ ห้ามทำงานหนักจนป่วย”
ความรู้สึกห่วงหาที่ไม่ได้แตกต่างกันนักทำให้เข้าใจความรู้สึกนั้นได้ดีและหวังว่าอีกคนจะไม่โหมงานจนป่วยเช่นเดียวกัน
“ฉันแข็งแรง ห่วงก็แต่นาย ถ้าป่วยขึ้นมาฉันจะลงโทษ...งดกินยำหมูยอหนึ่งอาทิตย์”
ร่างสูงผละออกแล้วเอ่ยบอก คำประกาศิตที่แสนทำร้ายจิตใจคนฟังทำให้ดวงตาโตทอความเง้างอนจนแพทริกหลุดยิ้ม
อะไรก็ยอมได้แต่พอเป็นเรื่องยำหมูยอนี่ต้องขุดลูกอ้อนขึ้นมาเลยล่ะ
“แค่สามวันก็พอแล้วครับ” เอ่ยต่อรองเอาไว้เผื่อในสิบวันนี้เกิดป่วยขึ้นมา
ให้งดยำหมูยออาทิตย์หนึ่งไม่ได้ต่างจากการไม่เจอหน้าคุณแพทเลย...
(อ่า อย่าบอกให้คนตัวโตรู้นะครับ-////-)
“ก็อย่าป่วย...ถือว่าฉันขอ” เอ่ยย้ำจริงจังขณะที่ใบหน้าคมทอความเป็นห่วงอย่างชัดเจน
“ครับ” รับคำพลางแนบริมฝีปากลงบนปลายคางแกร่งที่อยู่ตรงหน้าเบาๆก่อนจะผละออกพร้อมรอยยิ้ม
นาฬิกาบนข้อมือย้ำเตือนว่าแพทริกไม่มีเวลาอ้อยอิ่งอีกต่อไป ร่างสูงขยับเข้าไปกดจูบแก้มเนียนทั้งสองข้างเชื่องช้า ลากไล้ปลายจมูกขึ้นไปยังหน้าผากเนียนเกลี้ยงจากนั้นจึงวกกลับมาที่ริมฝีปากสีสดแนบแน่น...เนิ่นนาน
“ฉันต้องไปแล้ว” คำบอกลาที่ไม่อยากเอ่ยดังแผ่ว กานต์รักพยักหน้ารับน้อยๆแม้ว่าจะสั่นไหวในอกไม่แพ้กัน
“รักลงไปส่งครับ”
ตลอดทางลงไปไร้ซึ่งเสียงพูดคุย มีเพียงสองมือที่กอบกุมกระชับกันแน่นอย่างเงียบงัน เหล่าแม่บ้านและลูกน้องที่ยืนรอเรียงรายค้อมตัวทำความเคารพเมื่อผู้เป็นนายทั้งสองเดินผ่าน ยิ่งใกล้ถึงประตูหน้าบ้านมากเท่าไหร่ยิ่งดูเหมือนขาทั้งสองข้างจะหนักอึ้งจนแทบก้าวไม่ออก เพียงไม่กี่ก้าวที่ต้องเดินกลับใช้เวลานานกว่าเคย
“ถึงแล้วโทรมาบอกรักด้วยนะครับ”
แพทริกพยักหน้ารับ เอื้อมฝ่ามือมาลูบไล้แก้มเนียนอย่างอาลัย กักเก็บทุกรายละเอียดบนใบหน้าของคนรักด้วยสายตา ภาพที่แม้แต่คนอื่นๆยังสัมผัสได้ถึงความห่วงหาอาวรณ์
ฝ่ามือข้างที่สอดประสานจำต้องคลายออกอย่างไม่อยากทำ กระทั่งข้อนิ้วที่เกาะเกี่ยวหลุดออกจากกันการจากลาที่แท้จริงจึงมาถึง แพทริกนิ่งมองรอยยิ้มบางของคนรักนิ่งก่อนจะหักใจหันหลังแล้วก้าวขึ้นรถ มือเล็กโบกลาน้อยๆและเมื่อประตูถูกปิดลงรถคันหรูจึงเคลื่อนออกไป
พร้อมๆกับที่ความวูบโหวงในช่องท้องเข้ามาแทนที่จนกานต์รักยั้งกายเอาไว้ไม่อยู่
“คุณรัก!”
ป้าน้อยถลาเข้ามาหาพยุงเรือนกายเล็กเอาไว้เมื่อเห็นผู้เป็นนายยืนโงนเงน ทุกคนตรงนั้นแทบวิ่งเข้ามาพร้อมกันแต่เพราะแม่บ้านคนเก่งยืนอยู่ใกล้กว่าใครจึงถึงตัวกานต์รักได้เร็วกว่า
“รักไม่เป็นไรครับ สงสัยเมื่อคืนจะนอนดึกไปหน่อย”
เพราะรู้ว่าอาการของตัวเองสร้างความกังวลให้กับทุกคนกานต์รักจึงเอ่ยบอกเสียงเบาพลางหลับตาลงเพื่อตั้งสติและพบว่าความวูบโหวงเมื่อกี้บรรเทาลง คงเพราะนอนดึกอย่างที่บอกออกไปเนื่องจากมัวแต่เตรียมของให้แพทริก
“ไปหาหมอดีกว่าไหมคะ จะได้เช็คให้แน่ใจ”
“ไม่เป็นไรครับ วูบไปนิดเดียวเท่านั้นเอง”
“แต่ว่า...”
“อย่าให้เรื่องแค่นี้ต้องกวนใจคุณแพทเลยนะครับ แค่เรื่องงานก็หนักพอแล้ว...รักขอ”
ประโยคเอื้อนเอ่ยเรียบเรื่อยที่ไม่ใช่คำสั่งแต่เป็นการขอร้องดังมากพอที่จะทำให้ทุกคนตรงนั้นได้ยิน และเข้าใจได้ในทันทีว่าเรื่องนี้จะต้องไม่ไปถึงหูแพทริก หรือง่ายๆคือห้ามรายงานนั่นเอง
“ไม่เป็นอะไรแน่นะคะ” น้ำเสียงที่เจือด้วยความห่วงใยเอ่ยถามซ้ำ
“ครับ เดี๋ยวอีกสักหน่อยรักจะออกไปดูร้าน รบกวนป้าน้อยบอกคนให้เตรียมรถด้วยนะครับ”
“ได้ค่ะ เดี๋ยวป้าเอาน้ำส้มคั้นมาให้จิบนะคะ จะได้สดชื่น”
“ขอบคุณครับ”
รอยยิ้มขอบคุณถูกส่งให้แม่บ้านคนเก่งก่อนที่กานต์รักจะเดินกลับเข้ามายังห้องรับแขก ร่างเล็กทรุดตัวลงนั่งบนโซฟากว้าง สูดลมหายใจเข้าลึกนิ่งเช็คอาการต่างๆของตัวเองอีกครั้ง พลางถอนหายใจด้วยความโล่งอกเมื่อไม่ได้รู้สึกวูบโหวงอย่างเมื่อครู่และไม่ได้รับรู้ถึงความผิดปกติใดๆ
❋❋❋❋❋❋❋❋❋❋
2 วันผ่านไป เปลือกตาของคนที่นอนอยู่บนเตียงกว้างค่อยๆขยับปรือเปิดเมื่อเจ้าตัวควานมือไปข้างตัวแล้วพบกับความว่างเปล่า ไม่ใช่เรือนกายแข็งแกร่งอย่างที่คุ้นเคย กานต์รักค่อยๆเรียบเรียงสติและความคิดที่มึนเบลอยามเพิ่งตื่นให้กลับเข้าที่ จากนั้นจึงนึกขึ้นได้ว่าแพทริกไปอิตาลีเมื่อสองวันก่อน
แม้จะเป็นเช้าที่สองแต่ก็ยังไม่คุ้นชิน คืนแรกที่ไร้เงาของคนข้างกายร่างเล็กไม่อาจแม้แต่จะข่มตาให้หลับได้สนิท
“อื้อ”
เสียงร้องอื้ออึงในลำคอดังขึ้นเมื่อความรู้สึกไม่อยากตื่นฉุดรั้งให้ต้องหลับตาลงอีกครั้ง คนง่วงทำได้เพียงขยับตัวซุกซบกับผ้าห่มผืนหนา กวาดมือหาหมอข้างแล้วรั้งเข้าหาตัวทดแทนร่างกายของใครบางคนที่ไม่อยู่ แต่ต่อให้ง่วงแค่ไหนก็ไม่อาจจะข่มตาหลับลงได้อีกร่างเล็กจึงค่อยๆขยับตัวลุกขึ้นนั่ง
แม้จะตื่นสายกว่าทุกวันแต่กานต์รักก็ยังไม่อยากลุกไปไหน มือบางจึงเอื้อมไปหยิบโทรศัพท์ที่วางอยู่ข้างหัวเตียงขึ้นมาเช็คความเคลื่อนไหวต่างๆ ก่อนสุดท้ายนิ้วเรียวจะกดเข้าไปยังข้อความ กวาดสายตาอ่านประโยคที่อีกคนส่งมาให้เมื่อคืนซ้ำไปซ้ำมาอย่างคิดถึง
คิดถึงคุณแพท...
คืนแรกได้คุยและเห็นหน้ากันผ่านหน้าจอราวๆครึ่งชั่วโมง ก่อนคืนที่สองจะได้คุยประมาณสิบห้านาทีและข้อความที่ส่งมาบอกว่ากำลังออกไปคุยงานพร้อมทั้งบอกฝันดีล่วงหน้า กานต์รักรู้ดีว่าแพทริกงานยุ่งจึงไม่ได้ว่าอะไร อีกอย่างก็มีพร้อมกานต์ที่มาอยู่เป็นเพื่อนจึงคลายความเหงาลงไปได้บ้าง
โทรศัพท์เครื่องหรูถูกวางลงที่เดิมหลังจากกดส่งข้อความบอกอีกคนว่าตื่นแล้วก่อนกานต์รักจะก้าวขาลงจากเตียง พาร่างกายเดินตรงเข้าไปยังห้องน้ำเพื่อจัดการตัวเอง
“พร้อมออกไปแล้วหรือครับ” เอ่ยถามป้าน้อยขึ้นขณะที่ทรุดตัวนั่งลงบนโต๊ะอาหาร
“ค่ะ เพิ่งออกไปได้สักพักนี้เอง บอกเอาไว้ว่าถ้าคุณรักตื่นแล้วให้โทรหา”
ใบหน้าเล็กพยักรับก่อนจะกล่าวขอบคุณเมื่อป้าน้อยขยับมาตักข้าวให้ มื้อเช้าอันเงียบเหงาผ่านไปอย่างเชื่องช้า ทานอาหารไปได้เพียงไม่กี่คำความรู้สึกเต็มตื้อก็เล่นงานจนต้องวางช้อนส้อมลงในที่สุด และเพราะรู้ว่าทุกเรื่องจะถูกรายงานให้แพทริกได้รับรู้มือบางจึงเอื้อมไปหยิบแก้วนมที่ถูกเตรียมไว้ให้ขึ้นมากระดกจนหมด
“เดี๋ยวรักออกไปร้านเลยนะครับ”
“ค่ะ”