ตอนที่๒๐
ภายในห้องทำงานของวิรัลเงียบสนิทสหัสในร่างของวิรัลนั่งนิ่งๆ คุชบอกว่าจะออกไปจัดการอะไรบางอย่างส่วนสหัสนั้นตั้งแต่มาที่นันทานครก็แทบจะไม่ได้เรื่องอะไรที่เป็นประโยชน์ ทุกอย่างเงียบสนิท แหล่งข้อมูลเดียวที่ได้มาจากองค์วิรัลก็มีเพียงมีดที่ใช้ฆ่าองค์หญิงโยนานั้นเป็นคนละเล่มกับมีดสั้นในพิธีที่มอบให้เธรา เพราะฉะนั้นสิ่งแรกที่ต้องหาคือมีดที่ใช้ในพิธีจริงๆนั้นอยู่ที่ไหน เพราะเล่มที่ใช้ฆ่าองค์หญิงโยนานั้นถูกเก็บไว้เป็นหลักฐานในการเอาผิดท่านเธราเรียบร้อย สหัสในร่างวิรัลต้องระวังตัวทุกอย่างโดยเฉพาะคาเซที่ดูจะเริ่มสงสัยเขามากขึ้นทุกวัน แม้จะอ้างว่าองค์วิรัลป่วยจนไม่สามารถพูดได้แต่ก็ไม่รู้ว่าจะใช้เหตุผลนี้อ้างได้ถึงเมื่อไร
“นี่ๆ...ท่าน..ท่านทำอะไรอยู่” เสียงใสๆของเด็กสาวเรียกความสนใจของสหัสให้หันไปมอง ก็เจอกับร่างบอบบางในชุดสีสดใสของพารัมยืนโผล่หน้ามาจากระเบียง สงสัยจะปีนขึ้นมาสินะ
ไม่รอให้สหัสเอ่ยปากอะไร ร่างเล็กๆนั้นก็ชิงวิ่งซอยเท้าเข้ามาหาด้วยความเร็ว ใบหน้าน่ารักยื่นมาใกล้ๆ ก่อนป้องมือทำท่ากระซิบทั้งที่ในห้องมีกันอยู่แค่สองคน
“ข้ามีเรื่องอยากบอกท่าน” พารัมกระซิบกระซาบก่อนทำท่ามองซ้ายขวา ทั้งที่ในห้องไม่ได้มีใคร ทำเอาสหัสถอนหายใจเหนื่อยหน่าย เพราะหลังจากเจอกันครั้งนั้นคุชก็ได้เล่าให้ฟังถึงที่มาที่ไปของสาวน้อยตรงหน้า บอกตรงๆเขาไม่ได้ชอบหน้าพารัมเท่าไร เพราะคนตรงหน้านี้ทำให้ท่านเธราต้องถูกปีศาจหมายชีวิต แต่หากมาคิดดีๆต่อให้ไม่ใช่พารัม เป็นคนอื่นท่านเธราก็ช่วยอยู่ดี
“ข้าได้ข่าวมานะ ว่ารารีน่ะเดินออกมาจากตำหนักท้ายบึงดึกๆทุกคืน พวกนางกำนัลนะแอบนินทากันระงมว่ารารีน่ะแอบมาหาคู่รัก” พารัมจีบปากจับคอ
“มาบอกข้าทำไม” สหัสตอบออกไปอย่างรำคาญ
“นี่ฟังให้จบก่อนได้มะ” พารัมเท้าเอวอย่างโมโห คนอุตส่าหวังดีนี่แอบปีนขึ้นมาบอกข่าวสูงก็สูงตกลงไปแข้งขาหักท่านป้าดุเอาอีก “ก็...ปกติออกมาทุกคืนเลย แต่คืนที่องค์หญิงโยนาโดนฆ่าไม่ได้ออกมา แปลกไหมล่ะ”
“เจ้ารู้ได้ยังไง” แม้ข้อมูลที่พารัมให้มาจะสะกิดใจแต่สหัสก็ยังไม่อยากเอาอะไรมากกับเด็กสาวเอาแต่ใจ
พารัมยู่หน้าก่อนสะบัดไปทางอื่นเสียงจิ๊จ๊ะในลำคอฟังน่ารำคาญ “ข้าน่ะต้องไปหัดงานฝีมือทุกวัน พวกนางกำนัลพวกนั้นน่ะ ข่าวกรองยิ่งกว่านักสืบวังหลวงเสียอีก พวกนางยังพนันกันอยู่เลยว่าใครจะเป็นผู้โชคดีที่ได้รารีเป็นคู่รัก เห็นว่าทั้งสวยทั้งเก่ง ข้าว่าก็ไม่เห็นสวยมากเลยงั้นๆอ่ะ”
“เจ้ารู้ได้ยังไงว่ารารีไม่สวย” สหัสถามพารัม ตามที่คุชบอกคือเมื่อมาถึงนันทานครพารัมก็ถูกส่งไปที่ตำหนักของท่านป้าขององค์วิรัลทันที เขาเองยังไม่เคยเห็นหน้าเพิ่งจะมาเห็นเอาก็ถูกตบหน้าไปแล้ว อย่างรารีที่อยู่แต่ตำหนักท้ายบึงจะเคยเห็นได้ยังไง
“เออ....ก็...ก็ข้าคิดถึงพี่เธราเลย.....เลยไปหาน่ะ แต่ว่ายังไม่ทันจะถึงตำหนักท้ายบึงเลย ดันไปเจอท่านคาเซกลางทาง แล้วตอนนั้นรารีก็กำลังจะไปเอาอาหารที่ห้องเครื่องพอดีเลยเจอเข้า...” พารัมอ้อมแอ้มไม่อยากบอกว่าตัวเองหนีงานออกไปหาเธราแต่โดนจับส่งกลับเสียก่อน
สหัสพยักหน้าส่งๆให้พารัม หากในใจกลับเริ่มกังวลมากขึ้นกับบางสิ่งที่เพิ่งได้รับรู้
-------------------------------------------------------------------------------------------
---------------------------------------------------------
------------
เธราขยับตัวเบาๆเมื่อได้สติจากการนอนหลับสนิท ก่อนค่อยๆลืมตาขึ้นมาพบกับภาพแปลกตา องค์วิรัลที่หันหน้ามาทางเขานั้นกำลังหลับสนิท ผมสีดำสนิทตกลงมาปรกหน้าบางส่วน เธราไม่ได้ขยับตัวเมื่อมีแขนข้างหนึ่งขององค์วิรัลพาดอยู่ที่เอว เขามองหน้าของคนตรงหน้านิ่งๆใบหน้าขององค์วิรัลดูดีจนเธราไม่อาจละสายตา มือเรียวยกขึ้นปัดผมที่ตกลงปิดหน้าเพื่อที่จะมองหน้าของคนตรงหน้าได้ชัดๆ เรื่องต่างๆที่เกิดขึ้นแม้จะอันตรายและดูจะรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ แต่คนตรงหน้ากลับไม่เคยทิ้งเขาไปไหนอยากจะขอบคุณจริงๆที่รักษาสัญญากับคนไร้ค่าอย่างเขา เหมือนคนตรงหน้าจะเริ่มได้สติวิรัลขยับตัวเล็กน้อยก่อนจะลืมตา
“อรุณสวัสดิ์กระหม่อม” เธราบอกก่อนฉีกยิ้ม
วิรัลกระพริบตาเพื่อปรับสายตาให้คุ้นชินกับแสงสว่าง เขาไม่รู้ว่าสิ่งที่เจิดจ้านั้นเป็นแสงสว่างของพระอาทิตย์หรือรอยยิ้มของคนตรงหน้ากันแน่
“ตื่นนานแล้วรึ” วิรัลเอ่ยถามคนตรงหน้าที่เริ่มขยับตัวอยากจะลุกแต่ลุกไม่ได้เพราะมีแขนของเขาพาดอยู่บนตัว
“ก่อนพระองค์ครู่เดียวกระหม่อม นี่ก็สว่างแล้วพระองค์หิวรึยังเดี๋ยวหม่อมฉันจะลงไปหาอะไรมาให้เสวย” เธราบอกเป็นเชิงให้วิรัลเอาแขนออกไปจากตัวเอง
“เจ้าหิวรึ” วิรัลไม่ตอบหากกลับถามกลับมา เธราพยักหน้าทันทีเขาหิวจริงๆตื่นเพราะหิวนี่ล่ะแต่ไม่กล้าขยับตัวเพราะองค์วิรัลเอาแขนมาทับเขาไว้
“ฮ่าๆ ได้ไปหาอะไรกินกัน” วิรัลหัวเราะออกมาอย่างสุดกลั้น คนตรงหน้าไม่ได้มีท่าทีเขินอายกับการใกล้ชิดกันเลยสักนิด ไม่รู้ว่าเธราความรู้สึกช้าหรือไม่เข้าใจกันแน่ว่าตัวเองน่ะพระสนมของเขา
แม้เธราจะไม่เข้าใจว่าทำไมองค์วิรัลถึงหัวเราะแต่เธราเลือกที่จะเงียบไม่ได้ถามอะไรต่อ เพราะหน้าตาตอนหัวเราะขององค์วิรัลนั้นดูมีชีวิตชีวาจนเธราอยากจะเก็บไว้มองคนเดียว
----------------------------------------------------------------------------------------------
---------------------------------------------------------
“แล้วเราจะเอายังไงต่อ กลับนันทานครหรือจะไปมาลันเคีย” โชบุถามขึ้นกลางมื้ออาหารเช้า
“เราจะไปมาลันเคียกัน” วิรัลตอบ
“ทำไมเราไม่กลับนันทานครกันเลยล่ะกระหม่อม” ธันเอ่ยขึ้นอย่างไม่เข้าใจ
“เราจะไม่กลับจนกว่าจะได้ข่าวจากสหัส”
“ท่านให้สหัสไปสืบอะไร” เธราถามขึ้นหลังจากนิ่งฟังมานาน
“เราจำเป็นต้องได้หลักฐานบางอย่าง เมื่อเขาได้สิ่งนั้นเจ้าจะรู้เองเธรา” วิรัลหันไปบอกเธราที่ดูเป็นกังวล
“เราจะออกเดินทางกันวันไหนล่ะ” โชบุถามหากยังไม่ได้คำตอบก็มีเสียงใครบางคนแทรกมาเสียก่อน
“พวกท่านจะไปกันแล้วรึ เสียดายเรายังมิได้ทำความรู้จักกันเลย” เสียงหวานส่งมาทักทายตั้งแต่เจ้าตัวยังเดินมาไม่ถึง เธราหันไปมองเจ้าของเสียงแล้วก็ได้แต่สงสัยสิงห์ราตรงหน้านั้นคล้ายสหัสมากจริงๆ
“พวกเรากำลังจะเดินทาง” เป็นชุนที่ชิงพูดขึ้นเพราะถ้าปล่อยให้โชบุเป็นคนทักทายไปล่ะก็น่าจะเกิดเรื่องเพราะท่าทางโชบุจะไม่ชอบสิงห์ราตรงหน้าเอามากๆแม้จะไม่เคยได้คุยกันสักคำ
“ท่านไม่คิดจะบอกนามท่านแก่ข้าหน่อยรึ” สิงห์ราไม่ได้สนใจคำตอบของชุนหากร่างบอบบางกลับนั่งลงข้างๆวิรัลมือเรียวยกขึ้นเท้าคางราวรอคำตอบที่เพิ่งถามไป เธราเลิกคิ้วมองท่าทางของสิงห์ราตรงหน้าอย่างไม่เข้าใจในท่าทางที่ดูเหมือนอยากจะทำความรู้จักกับองค์วิรัลเสียนักหนา
“แล้วท่านชื่ออะไรรึ” เธราถามกลับไปบ้างพลางส่งยิ้มเป็นมิตรไปเบิกทางไว้ก่อน สิงห์ราที่ได้ยินคำถามจากคนที่อยู่นอกสายตาพลางหันไปมองอย่างนึกสงสัย เมื่อวานนี้เขาจำได้ว่าคนตรงหน้าอยู่ในกลุ่มของสินค้าราคาถูกที่ส่วนมากจะถูกขายไปซ่องใต้ดิน แล้วทำไมวันนี้ถึงมาร่วมโต๊ะอาหารกับคนที่เขาสนใจได้
“ข้าชื่อ.....” สิงห์ราลากเสียงก่อนปรายตามองไปที่วิรัลแล้วกลับมามองเธราที่ดูจะตั้งใจฟังเป็นพิเศษ “คามาร์”
“รัชทายาทของอมนุษย์งั้นรึ” วิรัลพูดขึ้นมาก่อนหันมามองเจ้าของชื่อเต็มตา คำพูดที่ทำเอา โชบุชุน ธันและเธราถึงกับตกใจ
“ฮ่าๆๆ ท่านนี่น่าสนใจจริงๆ” คามาร์เอ่ยพลางเอื้อมมือไปแตะแก้มวิรัลเบาๆ ก่อนยันตัวลุกขึ้นราวหมดสนุก “ไม่อยากบอกชื่อข้าก็ไม่เป็นไร ข้าไม่รู้ก็ได้” คามาร์ยักไหล่อย่างไม่ยี่หระ ก่อนเดินจากไปง่ายๆ
“ทำไมรัชทายาทของพวกอมนุษย์ถึงมาอยู่ที่นี่” ธันพูดอย่างเป็นกังวลสายตายังคงจับจ้องคามาร์ที่นั่งอยู่โต๊ะถัดไปไม่ไกล
“ช่างเถอะ ไม่น่าจะเกี่ยวกับเรา” วิรัลตัดบทก่อนเหลือบมองไปยังคาร์มาที่ดูจะไม่สนใจเขาแล้ว วิรัลเองก็ไม่สนใจคามาร์อีกต่อไป เพราะเท่าที่รู้เมืองอมนุษย์ตอนนี้ก็กำลังมีปัญหาคงยังไม่ว่างมาสร้างปัญหาให้พวกมนุษย์นักหรอก
-------------------------------------------------------------------------------------------------------
----------------------------------------------------
------------------
“ข้ามเขาลูกนี้ไปก็จะเขาเขตมาลันเคีย” เธราชี้ไปยังทิศทางที่จะไปมาลันเคีย คิดถึงคงเป็นคำเดียวที่อธิบายความรู้สึกของเธราได้
หมู่บ้านมาลันเคียหมู่บ้านแสนศักสิทธิ์ที่ตั้งอยู่กลางหุบเขาล้อมรอบด้วยพืชพรรณธัญญาหาร น้ำท่าอุดมสมบูรณ์ มีจารีตประเพณีสืบต่อมายาวนานทุกสิ่งทุกอย่างในมาลันเคียจึงสวยงามเต็มไปด้วยประเพณีและวัฒนธรรมเฉพาะตน
ทันทีที่ก้าวเข้ามายังเขตหมู่บ้านก็มีทหารมารอรับราวกับรู้ล่วงหน้า นี่สินะหมู่บ้านแห่งการหยั่งรู้“มาถึงช้ากว่ากำหนดสินะข้ารอตั้งนาน” น้ำเสียงหวานๆที่ส่งมาทักทายของนายหญิงแห่งหมู่บ้านนั้นเรียกความสนใจให้คณะเดินทางได้ไม่น้อย หากมีเพียงเธราเท่านั้นที่ถอนหายใจอย่างเหนื่อยหน่าย เพราะแคริชผู้ที่เป็นทั้งพี่สะใภ้ของเขาและนายหญิงแห่งมาลันเคียนั้นไม่ชอบหน้าเขาเท่าไรนัก
“ท่านพี่ล่ะ” เธราถามขึ้นเมื่อเดินตามกลับไปยังที่พักของหัวหน้าหมู่บ้าน
“ออกไปดูว่าพวกลูกบ้านจัดเตรียมของสำหรับประเพณีประจำปีเสร็จรึยัง พวกท่านโชคดีจริงมาตรงช่วงที่มาลันเคียมีงานประจำปีพอดี ก็อย่างที่เจ้ารู้ว่าพี่เจ้าน่ะทำงานหนักมาแต่เล็กแต่น้อย ไม่ได้สบายไปเป็นพระสนมของนันทนครอย่างเจ้านี่นา” คำพูดที่ทำเอาเธราถอนหายใจอีกรอบนิสัยคนเราเปลี่ยนไม่ได้จริงๆ
“แคริช เจ้าไม่ให้เกียรติข้าไม่เป็นไร แต่องค์วิรัลราชาแห่งนันทานครก็ประทับอยู่ตรงนี้ จะพูดจาอะไรมีกาลเทศะให้สมเป็นนายหญิงแห่งมาลันเคียสักนิดไหม”
คำพูดเรียบๆที่ตำหนิคนตรงหน้าตรงๆนั้นทำเอาโชบุหันไปมองหน้าชุนก่อนหัวเราะออกมาเบาๆอย่างสะใจ ส่วนวิรัลกับธันได้แต่ยืนนิ่งกลั้นยิ้มอย่างพยายามรักษามารยาท
แคริชที่ถูกตำหนิต่อหน้าแขกเม้มปากแน่น หากก็เกรงใจวิรัลจึงได้แต่เกร็งคอเชิดหน้าเดินนำทางไปตามเดิม
--------------------------------------------------------------------------------------------
-----------------------------------
“ท่านพี่” เธราเอ่ยเรียกชายที่เดินเข้ามายังที่รับรองเบาๆ ร่างสูงโปร่งของคาลดูทะมัดทะแมงรอยยิ้มบางๆที่ปรากฏอยู่บนหน้ามีส่วนคล้ายเธราไม่น้อย
“ว่ายังไง เธรา” เสียงทุ้มเอ่ยทักทายน้องชาย พร้อมยกขึ้นลูบหัวเธราเบาๆเมื่อเธราลุกขึ้นทำความเคารพ
“ท่านพี่น่าจะรู้เรื่องบ้างแล้ว” เธราบอกก่อนหันไปมองวิรัล ร่างสูงใหญ่ของวิรัลลุกขึ้นก่อนค่อมหัวรับการทำความเคารพหัวหน้าหมู่บ้านมาลันเคีย
“อืม....พอรู้มาบ้างบางอย่างก็เพิ่งรู้” คาลตอบเสียงเบาก่อนเอื้อมมือไปเปิดผ้าพันคอของเธราเผยให้เห็นรอยปีศาจหมายชีวิตก่อนถอนหายใจอย่างกังวล “แล้วพวกท่านมีแผนอะไรต่อจากนี้” คาลหันไปถามวิรัล
----------------------------------------------------------------------------------------------------------
---------------------------------------------------------------
“พี่ของเจ้าก็ดูเป็นคนดีนี่” โชบุเอ่ยกับเธราขณะที่กำลังเก็บเสื้อผ้าที่ชาวมาลันเคียเอามาให้ ตอนนี้โชบุชุนและธันถูกนำมาส่งที่บ้านพักสำหรับรับรองแขก ส่วนเธรากับวิรัลนั่นจะพักที่บ้านเก่าของเธรา แต่ตอนนี้องค์วิรัลกำลังคุยธุระอยู่กับคาล เธราเลยมานั่งคุยอยู่กับโชบุที่บ้านพักรับรองแขก
“ท่านพี่เป็นคนดี แล้วก็ใจดี” เธราตอบ
“แล้วทำไมเอาเมียนิสัยแบบนั้นล่ะ” โชบุพูดทำเอาเธราอดหัวเราะไม่ได้
“ไม่รู้สิ แคริชน่ะเป็นหลานสาวของผู้เฒ่าประจำหมู่บ้าน เป็นครอบครัวที่มีญาณบริสุทธิ์แรงกล้า ใครๆก็ว่าเหมาะสมกัน” เธราพูดก่อนถอนหายใจ “แต่ท่านพี่ก็ไม่ได้ค้านอะไรนะ”
“แล้วตอนเจ้าโดนส่งตัวไปนันทานครเจ้าได้ค้านอะไรใหมล่ะ” โชบุถาม
“ไม่ได้ค้าน”
“นั่นไง พอกันล่ะมั้งน่าสงสารต้องอยู่กับคนที่ไม่ได้รัก” โชบุพูดก่อนหันมามองหน้าเธราแล้วหรี่ตาราวจับผิด “เอ๊ะหรือว่า รักไปแล้วล่ะ”
เธราเงยหน้ามองโชบุที่แซวมาอย่างงงๆ ก่อนหัวเราะอย่างนึกตลก “ไม่สำคัญหรอกโชบุ” เธราตอบก่อนหัวเราะ “ถ้าข้ารัก ก็แค่รักข้าคงไม่ได้เป็นที่รักหรอก” คำพูดของเธราทำเอาโชบุขมวดคิ้ว นิสัยไม่เห็นคุณค่าของตัวเองของเธรามักทำเขาโมโห
“ข้าไม่อยากคุยกับเจ้าแล้วไอ้ตัวเล็กโง่เง่า” โชบุพูดก่อนลุกออกไป
ชุนนั่งฟังเธราคุยกับโชบุอยู่ตั้งแต่แรก หากสิ่งที่เขาสนใจกลับไม่ใช่เธราหรือโชบุ ดวงตาสีดำสนิทเหลือบมองท่าทางของหัวหน้าหน่วยทหารม้าแห่งนันทานครอย่างครุ่นคิด ธันมักมีท่าทีแปลกไปตั้งแต่กลับมา เขามักเห็นธันแอบมองเธราเสมอ และแววตาที่มองก็เป็นแววตาที่ชุนไม่อยากเห็น ความรักถ้าเกิดจากคนมากกว่าสองคนมันย่อมมีผลเสียมากกว่าดี ครึ่งยักษ์ษาถอนหายใจหนักธันนั้นภักดีต่อองค์วิรัลเยี่ยงชีพเขารู้ดี สายตาที่มององค์วิรัลเต็มไปด้วยความเทิดทูลบูชาราวเจ้าเหนือหัว หากสิ่งที่ชุนคิดเป็นจริงเขาเองก็กังวลไม่น้อย
“ชุนเครียดอะไร อย่าเครียดน่ามาลันเคียน่ะถึงเป็นหมู่บ้านเล็กๆแต่ปลอดภัยใช้ได้นะ” เธราหันมาคุยกับชุนเมื่อโชบุเดินหนีไปอีกทางก่อนฉีกยิ้มเหมือนเด็กอวดบ้านตนเอง ท่าทางที่ทำเอาชุนถอนหายใจอีกครั้งก่อนลุกขึ้นยืนและใช้มือผลักหัวเธราเบาๆ
“ถ้าข้าเป็นองค์วิรัลข้าจะสั่งห้ามไม่ให้เจ้ายิ้มให้ใคร” ชุนพูดก่อนเดินจากไปทำเอาเธราหน้าเหวอ ก่อนบ่นงึมงำอยู่คนเดียว “พูดจาอะไรกันนะพวกนี้”
---------------------------------------------------------------------------------------------
--------------------------------------------------------------------
--------------------------
วิรัลมองบ้านหลังเล็กๆที่ดูจะเล็กกว่าบ้านรับรองเสียอีก การตบแต่งที่ดูจะเน้นประโยชน์ใช้สอยมากกว่าสวยงาม เธราเติบโตมาในที่แบบนี้สินะ
“อยู่ได้ไหมกระหม่อม หม่อมฉันบอกแล้วว่าบ้านหม่อมฉันน่ะเล็กนิดเดียวพระองค์น่าจะประทับที่เรือนของท่านพี่หรือบ้านพักรับรอง” เธราเอ่ยทั้งที่มือยังคงง่วนอยู่กับการปูที่นอนให้วิรัล
“ได้สิ” วิรัลตอบสั้นๆ ก่อนเดินดูบ้านหลังเล็กๆนี้ไปเรื่อย
“นั่นคือครัวไว้สำหรับปรุงยาของท่านแม่หม่อมฉัน” เธราบอกเมื่อเห็นวิรัลมองมุมเล็กๆของบ้านอย่างสงสัย มือหนาหยิบเอาขวดแก้วเล็กขึ้นมาดูเมื่อเห็นผงสมุนไพรมามายวางอยู่
“สมุนไพรพวกนั้นท่านแม่เข้าไปหาในป่าด้วยตัวเองเลย บางอย่างก็ใช้สดบางอย่างต้องเอามาตากแห้งแล้วบดเก็บไว้ใช้ หม่อมฉันน่ะช่วยท่านแม่เข้าป่าหาสมุนไพรเป็นประจำ”
“แม่เจ้าท่าทางจะเก่งสมุนไพรสินะ”
“ใช่กระหม่อมท่านแม่หม่อมฉันน่ะเก่งสมุนไพรที่สุดในมาลันเคียแล้ว ยาของท่านแม่ชะงัดนักกินเพียงชั่วคืนก็ทุเลา”
“ที่เจ้ารู้เรื่องสมุนไพรก็คงมาเรียนมาจากแม่สินะ”
“ใช่กระหม่อม ท่านแม่สอนหม่อมฉันตั้งแต่เก็บสมุนไพร ต้มยา ปรุงยา ท่านแม่น่ะ.....” คำพูดที่ขาดหายไปทำให้วิรัลหันไปมองก็เจอกับเธราที่ยืนก้มหน้า พยายามเช็ดน้ำตาที่เอ่อออกมา
“ขออภัยกระหม่อม พอพูดแล้วหม่อมฉันอดนึดถึงท่านแม่ไม่ได้” เธราเลยหน้าขึ้นมาบอกพลางยิ้มแหยๆ ทั้งที่น้ำตายังคงเอ่อเต็มดวงตา
วิรัลไม่ได้ตอบหรือถามอะไรมากกว่านี้ ร่างสูงใหญ่สาวเท้าเข้าไปใกล้ๆคนที่กำลังพยายามเช็ดน้ำตาตัวเองก่อนดึงเอาคนขี้แยมากอดไว้หลวม แล้วดึงให้นั่งลงบนที่นอนด้วยกัน
“ขอโทษทำไมเจ้าไม่ได้ทำอะไรผิดเธรา” วิรัลเอ่ยเบาๆ มือหนาลูบหลังคนในอ้อมกอดไปมาเริ่มรับรู้ถึงแรงสะอื้นเพิ่มมากขึ้น เธราคงผูกพันกับมารดามากจริงๆ
------------------------------------------------------------------------------------------------------------
--------------------------------------------------------------------------------
เป็นครั้งแรกที่เธราตื่นขึ้นมายามเช้าแล้วต้องตัวแข็งไม่กล้าขยับขนาดนี้ เขาจำได้ว่าเมื่อคืนเผลอร้องไห้ไปเสียมากมาย จนเผลอดหลับไปตอนไหนก็ไม่รู้มารู้ตัวอีกทีก็เช้าซะแล้ว แต่ว่าท่าทางที่นอนอยู่ทำเอาเธราทำหน้าไม่ถูก ตอนนี้เขาแทบจะนอนอยู่บนตัวขององค์วิรัลหน้าของเขาซุกอยู่ตรงลำคอแกร่ง เอวของเขาก็ถูกกอดไว้แน่นแค่จะหายใจแรงๆเธรารายังไม่กล้าเลยด้วยซ้ำ
“ตื่นแล้วรึ” คำถามของคนที่นอนทับอยู่ทำเอาเธราเกร็ง ก่อนพยายามดันร่างตัวเองขึ้นมานั่ง โชคดีที่วิรัลไม่ได้รั้งเอาไว้ ทันทีที่ยันตัวลุกขึ้นได้เธราก็ขอโทษขอโพยยกใหญ่ก่อนจะวิ่งหนีหายไป โดยอ้างว่าจะไปเอาอาหารเช้ามาทั้งที่ตอนนี้เพิ่งจะเป็นเวลาเช้ามืด
วิรัลนั่งหัวเราะเบาๆราวถูกใจเสียนักหนาก็เมื่อกี้ถ้าเขาตาไม่ฝาด เขาว่าเขาเห็นหูเล็กๆนั่นขึ้นสีจนเป็นสีแดง เป็นครั้งแรกที่เห็นท่าทางเขินอายของเธราสินะ แบบนี้ค่อยคุ้มที่ทนให้นอนทับทั้งคืนหน่อย
------------------------------------------------------------------------------------------------------------
---------------------------------------
ประเพณีประจำปีของมาลันเคียนั้นคือการของคุณธรรมชาติ ขอบคุณแม่น้ำป่าไม้ ที่ทำให้ชาวมาลันเคียดำรงชีวิตได้อย่างมีความสุข เสียงดนตรีมากมายหนุ่มสาวแต่งการสวยงามออกมาเต้นรำ เธราและวิรัลถูกจัดให้นั่งอยู่ด้านหน้าร่วมกับคาลและแครีช ญาติพี่น้องคนอื่นเข้ามาทักทายเธราพอเป็นพิธีก่อนจากไปนั่งยังที่ของตน
“ต่อไปจะเป็นการประลองดาบของชายในหมู่บ้าน” แครีชพูดออกมาก่อนหันมาทางวิรัลกับเธรา “ใครชนะก็จะได้รับการอวยพรจากผู้เฒ่าผู้ได้ชื่อว่ามีญาณบริสุทธิ์ ใครๆก็อยากให้ท่านอวยพรนะ พรของท่านศักสิทธิ์เสมอ” แครีชบรรยายราวหวังดีกับแขกผู้มาเยือน หากเธรารู้ดีว่าไม่ใช่
“ปกติคาลน่ะ ชนะทุกปีล่ะที่มาลันเคียไม่มีใครเก่งกว่าคาลแล้ว ข้าก็พลอยโชคดีไปด้วยที่มีสามีดี ก็อย่างว่าแหละนะ ข้าน่ะถึงจะเป็นแค่เมียของหัวหน้าหมู่บ้านมาลันเคีย แต่คาลก็รักข้ามากที่ลงประลองนี่ก็เพราะข้านะ เขาไม่อยากให้ข้าอายใคร”
โชบุชุนและธันแม้จะนั่งอยู่ถัดมาด้านหลังแต่ได้ยินคำพูดของแคริชชัดเจน โชบุถึงขั้นเบ้ปาก ท่าทางแคริชนั้นโอ้อวดเสียเหลือเกินว่าเป็นที่รักของสามี ธันที่นั่งอยู่เงียบๆลุกขึ้นก่อนเดินไปยังด้านหน้าของวิรัลกับเธรา รวมไปถึงคาลและแคริช ก่อนทำความเคารพ
“หม่อมฉันขออาสาลงประลองกระหม่อม”
คำอาสาของธันทำเอาวิรัลหัวเราะเบาๆก่อนพูดอย่างอารมณ์ดี “เอาสิธัน เจ้าอยากประลองฝีมือดูสินะก็ดีเหมือนกัน ข้าเองก็ไม่ได้ออกแรงเสียนานนันทานครเองก็สงบเงียบมาสักพัก” วิรัลบอกง่ายๆก่อนหันไปพูดกับคาลที่นั่งอยู่
“ท่านคาลให้เกียรติประลองดาบกับข้าสักคราเถิด”

มาต่อแล้วค่า คนร้ายจะเป็นใครเอ่ยย รอดูกันต่อไปน้า
มีคนอ่านมาใหม่เรื่อยๆดีใจจริงๆ
ฝาก #วิรัลลืมเมีย ด้วยน้า
ราซีนออกมาแป๊บเดียวขายดีจริง 555555
ดีใจที่ชอบกันค่า