[จบแล้ว] ▲△ (ผม)จีบหมอ Beside you ▼▽.: [25: ผมรักหมอ 100%] 27/01/60 หน้า8
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: [จบแล้ว] ▲△ (ผม)จีบหมอ Beside you ▼▽.: [25: ผมรักหมอ 100%] 27/01/60 หน้า8  (อ่าน 150039 ครั้ง)

ออฟไลน์ Lay Kin

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 16
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +6/-0

ออฟไลน์ Minoru88

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 189
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-0
บุ๋น เอยยย

หมอฐานทัพ เข้าใจความนัยของบุ๋นมั้ยเนี้ย
รอๆ ลุ้นๆ ต่อไป
เอาใจช่วยบุ๋น ให้หมอได้สวมคนแรกนะ

ออฟไลน์ perlina

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 56
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +17/-1
   “ครับ ผมมั่นใจว่าผมตัดสินใจไม่ผิด”



   “อืม” ฐานทัพยิ้มออกมา “ใส่สิ”



   “พี่ยอมใส่หรอครับ” บุ๋นถามด้วยน้ำเสียงตื่นเต้น หัวใจของเขาเต้นแรงกว่าเดิม แก้มทั้งสองข้างยกขึ้นอย่างคนเก็บความสุขไว้ไม่อยู่




   “อืม คิดว่าตัดสินใจไม่ผิดเหมือนกัน”




   “ผมดีใจมาก มากๆ มากจริงๆ”




   “รู้แล้ว” ฐานทัพหัวเราะออกมา พอเห็นใบหน้าที่ยิ้มออกมาเขาก็โล่งใจแปลกๆ




   “ให้ผมใส่ให้พี่นะ”



   “อืม” เขาพยักหน้าก่อนจะหมุนตัวเพื่อให้อีกคนใส่ให้ได้สะดวก




   บุ๋นค่อยๆสวมเสื้อภาคสนามที่ถืออยู่ให้คนตรงหน้าช้าๆ เขาบังคับไม่ให้มือตัวเองสั่นไม่ได้จริงๆ มันเป็นความรู้สึกที่ดีมากจนเขาอยากจะตะโกนออกมาดังๆ




   อย่างน้อยหมอก็ไม่ได้รังเกียจเขา




   “เหมาะจังเลยครับ” บุ๋นยิ้มกว้างเมื่อเห็นหมอฐานทัพสวมเสื้อของเขาแล้ว หมอใส่เสื้อของเขาได้อย่างพอดีราวกับเป็นเจ้าของเสื้อ




   “เป็นเด็กเกษตรได้ไหม” ฐานทัพมองเสื้อที่สวมอยู่แล้วถามออกไป




   “ไม่ได้หรอกครับ” บุ๋นยิ้ม



   เป็นแฟนเด็กเกษตรดีกว่า…




   “เป็นหมอเหมือนเดิม ส่วนผมจะเป็นเด็กเกษตรเอง”




   “อืม” ฐานทัพตอบรับสั้นๆ




   “ขอบคุณนะครับที่ยอมใส่ ผมนึกว่าพี่จะปฏิเสธผม”




   “ทำไมต้องปฏิเสธ” ฐานทัพระบายยิ้มบางๆ จากความตั้งใจของบุ๋นตอนที่เตรียมตัวก็ทำให้เขาปฏิเสธไม่ลง




   ถึงแม้ว่าเขาจะไม่ได้เห็นภาพเหล่านั้น…เขาก็คงไม่ปฏิเสธอยู่ดี




   เพราะ…เป็นบุ๋น




   “บางคนกลัวลำบาก”




   “เป็นหมอ…ไม่มีคำว่าสบายอยู่แล้ว”




   “นั่นสินะครับ ผมลืมไปเลย”




   “ขอบคุณ” ฐานทัพสบตาคนตรงหน้านิ่ง “ที่มาแบ่งความลำบากไป”




   “ผมเต็มใจ” เขายิ้มกว้าง “ให้รับความลำบากมาทั้งหมดผมก็ทำได้นะ” คนยิ้มเก่งพูดพร้อมรอยยิ้มที่ดูจริงใจเสมอ




   “ทำไม” ฐานทัพถามออกมาอย่างไม่เข้าใจ ที่บุ๋นทำให้เขามันมากเกินไปจนเขาอยากรู้เหตุผล “ทำไมถึงทำให้ทุกอย่าง”




   “พี่อยากรู้จริงๆหรอครับ”




   “อืม”




   “เพราะเป็นหมอฐานทัพ” บุ๋นยิ้ม เขาเลือกที่จะไม่บอกความรู้สึกของตัวเองออกไปตรงๆ เขาอยากจะอยู่แบบนี้ไปสักพักรอให้ถึงวันที่ความรู้สึกของเขาจะอัดแน่นจนกักเก็บไว้ไม่อยู่




   ถึงวันนั้นเขาจะบอกหมอฐานทัพทุกอย่าง…




   “และทุกอย่างที่ผมทำ…ผมทำกับพี่แค่คนเดียว”




   “อืม”




   “...”




   “คราวหลังมีอะไรก็บอก ไม่ต้องไปคุยกับแครอท”




   “ว่าไงนะครับ” บุ๋นเบิกตากว้างเมื่อได้ยินคำพูดแปลกๆจากปากของหมอฐานทัพ เหมือนกับว่าหมอเห็นอะไรมาก่อนหน้านี้ “ไหนพี่บอกว่าพึ่งมาไง”



   “พึ่งมา” เขาพูดคำเดิม “พึ่งมาเห็นคนพูดกับแครอทก็วันนี้”




   “พี่…” บุ๋นเรียกชื่อฐานทัพออกมาอย่างแผ่วเบา เขาอายจนแทบจะแทรกแผ่นดินหนี แสดงว่าหมอเห็นทุกอย่างที่เขาทำ




   บ้าไปแล้ว…




   “ผมอาย พี่อย่ามองผมแบบนั้นสิ” บุ๋นยกมือขึ้นมาปิดหน้า เขาไม่เคยรู้สึกอายเท่าวันนี้มาก่อนเลย หมอรู้ว่าเขาเตรียมตัวก่อนที่จะมาเจอหมอ




   หมอเห็น




   หมอเห็นหมดแล้ว!!!!!!




   “อายทำไม” ฐานทัพถามอย่างไม่เข้าใจ “แค่นี้เอง”




   “แค่นี้หรอครับ ไม่แค่นี้นะ ให้ตายเถอะ” บุ๋นทรุดตัวนั่งลงกับพื้นดินที่เหยียบอยู่ “บุ๋นเอ้ยยยย!!!” เขาบ่นกับตัวเองก่อนที่จะรู้สึกถึงสัมผัสอุ่นๆที่วางอยู่บนหัวเขาเบาๆ




   “คิดมาก” มือที่สัมผัสเส้นผมของอีกคนที่นั่งอยู่ทำเอาบุ๋นเผยยิ้มออกมาบางๆ




   รู้สึกดีแปลกๆ



   “ผมไม่ได้สระผมนะ” บุ๋นแกล้งคนที่ยืนอยู่




   “อืม” ฐานทัพพยักหน้า “กลับไปสระซะ”




   “ความจริงก็ไม่อยากสระหรอกครับ แต่สระก็ได้” ที่ไม่อยากสระเพราะอยากเก็บสัมผัสของหมอไว้นานๆ




   โรคจิตเกินไปแล้วบุ๋น




   “บุ๋น” ฐานทัพเรียกชื่อคนที่นั่งลงข้างๆตัว “ขอนั่งด้วย” พูดจบร่างสูงก็ทรุดตัวลงนั่งข้างๆคนที่นั่งอยู่ก่อนโดยไม่รอให้อีกฝ่ายตอบ




   “พี่จะนั่งทำไมครับ สกปรกนะ”




   “ไม่เป็นไร” สายตาของฐานทัพทอดมองไปยังแปลงแครอทตรงหน้าที่เริ่มเจริญเติบโตขึ้นตามเวลาที่ผ่านไป “อีกไม่นานก็ได้กินแครอทแล้ว”




   “หืม…หรอครับ” บุ๋นหันไปมองตามฐานทัพก่อนจะระบายยิ้มออกมา ไม่คิดว่าหมอจะสนใจแครอทที่เขาปลูกให้มากขนาดนี้




   “ถ้าถึงเวลาเก็บ บอกด้วย”




   “จะมาด้วยหรอครับ”




   “จะมานั่งดู”




   “โห…”




   “ล้อเล่น” ฐานทัพยิ้มออกมาเมื่อเห็นหน้าเหวอของคนข้างๆ “จะมาช่วยเก็บ”




   “ครับ” บุ๋นยิ้มกลับ “ผมไม่ลืมแน่ๆ”




   “ดี”




   “พี่ครับ” บุ๋นหันไปเรียกคนข้างๆเสียงเบา ความมืดเข้ามาปกคลุมจนทำให้เขาเห็นหน้าหมอฐานทัพไม่ชัดเท่าตอนแรก “ผมชอบเวลาพี่ยิ้มนะ”




   “หรอ” คนยิ้มยากเลิกคิ้ว “ไม่ค่อยยิ้ม”




   “ดีแล้วครับ”




   “หืม?”




   “ยิ้มให้ผมคนเดียวก็พอแล้ว” บุ๋นยิ้มกว้างตอบกลับไป เขาหวงรอยยิ้มของหมอฐานทัพ ไม่อยากให้ใครได้เห็นนอกจากเขา



   แค่เขาคนเดียวที่ชอบหมอฐานทัพก็มากพอแล้ว




   “ชอบ” คำสั้นๆที่ฐานทัพเอ่ยออกมาทำให้เสียงรอบข้างเงียบลง บุ๋นค่อยๆหันมามองหน้าหมอฐานทัพเพื่อรอฟังคำต่อไปที่หมอจะพูด




   “ชอบอะไรหรอครับ”




   “ยิ้ม” ฐานทัพหันกลับมาสบตา “ยิ้มของบุ๋น”




   “ยิ้มของผม” บุ๋นทวนคำพูดของหมอฐานทัพก่อนที่จะรู้สึกถึงความร้อนที่แล่นขึ้นมาบนใบหน้า จากอากาศที่ค่อนข้างเย็นกลับกลายเป็นร้อนขึ้นมาทันที




   “อืม” เขาพยักหน้า




   “ชอบแค่รอยยิ้มหรอครับ อย่างอื่นไม่ชอบหรอ” พอได้ทีเขาก็ถามกลับใหญ่




   “อืม”




   “…”



   “ชอบหมด”




   รอบข้างตกอยู่ในความเงียบอีกครั้ง บุ๋นที่ได้ฟังคำพูดสั้นๆของฐานทัพถึงกับไปต่อไม่ถูก บรรยากาศแบบนี้คล้ายกับว่าเขากำลังโดนหมอสารภาพความในใจ




   ทั้งๆที่ควรจะเป็นเขา




   “ผมเคยมีแฟนก่อนจะเข้าเรียนปีหนึ่งที่นี่” บุ๋นตัดสินใจเล่าเรื่องที่ค้างคามานานเพื่อให้อีกคนได้รับรู้ “ผมบอกเลิกเขาในวันที่เขาจะไปเรียนต่อต่างประเทศ” แม้ว่าเขาจะไม่อยากพูดถึงเท่าไหร่เพราะไม่ใช่เรื่องที่น่าจดจำแต่เขาก็ต้องเล่า




   ไม่อยากให้หมอได้ฟังเรื่องนี้จากปากคนอื่นที่ไม่ใช่เขา




   “บอกเลิกเพราะถึงเวลาที่ผมจะทำตามความรู้สึกที่มีต่อคนๆหนึ่งมาตลอดเวลาที่คบกับเธอ” เขารู้มาตลอดว่ามันเป็นสิ่งที่ไม่ควรทำแต่ในตอนนั้นเขาคิดแค่ว่าจะคบกับใครก็ได้เพราะไม่คิดจริงจังกับใคร




   นอกจากหมอ




   “ผมรู้ผมผิดนะ ถ้าย้อนกลับไปได้ผมก็จะทำแบบเดิม”




   “…”




   “ผมรู้สึกดีกับใครไม่ได้อีกตั้งแต่มาเจอเขา”




   “อืม” ฐานทัพรับฟังเงียบๆ เขาไม่ได้มีข้อคิดเห็นอะไรเกี่ยวกับสิ่งที่บุ๋นเล่าเพราะคิดว่าบุ๋นแค่ต้องการบอกเพื่อให้เขาได้รับรู้



   “ผมอยากจะบอกให้พี่รับรู้ไว้ก่อนที่พี่จะได้ฟังจากคนอื่น”




   “ฟังจากคนอื่นแล้วทำไม”




   “พี่อาจจะเกลียดผม”




   “ไม่เกลียด” ฐานทัพตอบกลับมาทันที “ทุกคนมีเหตุผล” บุ๋นที่เขารู้จักไม่ได้เป็นคนไม่ดีถึงขนาดที่เขาจะต้องเกลียด ฐานทัพมีเหตุผลพอที่จะชอบหรือเกลียดใคร



   “ผมดีใจครับที่ผมเชื่อความรู้สึกของตัวเอง” เขาโล่งอกอีกเปราะหนึ่งเมื่อเล่าเรื่องทุกอย่างให้ฐานทัพฟังแล้ว




   อาจเพราะลึกๆเขากลัวว่าแพรจะกลับมาแล้ว...หมอฐานทัพจะเปลี่ยนไป




   “ดีแล้ว”




   “ชอบนะครับ” บุ๋นหันไปพูดให้คนข้างๆได้ยินชัดๆ




   “…”



   “ชอบที่สุด”




   ฐานทัพไม่ได้ตอบอะไรกลับไป เขาเพียงพยักหน้าตอบรับ แม้จะตีความหมายที่บุ๋นพูดไม่ชัดว่าต้องการสื่อถึงอะไรแต่เขาสัมผัสได้ถึงความจริงใจในน้ำเสียงที่เปล่งออกมา




   “ผมไม่ได้พูดกับแครอทนะครับ” บุ๋นยิ้มอย่างรู้ทัน หมอฐานทัพมักไม่เข้าใจความหมายที่เขาต้องการสื่อตรงๆ ถ้าไม่บอกชัดๆหมอก็ไม่เข้าใจ




   “อืม”




   “ผมพูดกับพี่”




   “รู้แล้ว” ฐานทัพหันไปมองทางอื่นเพื่อเลี่ยงสายตาของคนข้างๆที่มองมา ความไม่ชัดเจนกลายเป็นชัดเจนขึ้นมาในพริบตา



   ที่บอกว่าชอบ…หมายความแบบนั้นจริงๆ




   บุ๋นได้แต่นั่งเงียบเพื่อทบทวนสิ่งต่างๆที่ได้พูดออกไป เขาไม่ได้รู้สึกว่าสิ่งที่พูดออกไปจะทำให้หมอฐานทัพเปลี่ยนไป ลึกๆแล้วเขาก็รู้ว่าหมอรู้สึกไม่ต่างจากเขา



   ฐานทัพหลับตาลงช้าๆเพื่อให้สายลมพัดผ่านใบหน้าไป ช่วงเวลาที่เขาได้อยู่เงียบๆโดยไม่ต้องทำอะไรมันให้ความรู้สึกสบายใจ ความเหนื่อยล้าที่สะสมมาทั้งวันหายไปในชั่วพริบตา




   บางทีเขาก็สงสัยว่าแปลงเกษตรมีเวทมนต์พิเศษทำให้หายเหนื่อยหรือว่าเป็นเพราะคนข้างๆ




   “บุ๋น หิว” คนที่รีบมาตามนัดเอ่ยออกมาหลังจากที่รู้สึกว่าท้องว่างเกินไป วันนี้เรียนเต็มวันเลยหาอะไรรองท้องนิดหน่อยไม่ได้แวะกินข้าว




   “ไปกินที่ไหนดีครับ” บุ๋นก็ยังคงเป็นบุ๋นที่ตามใจหมอฐานทัพเหมือนทุกๆครั้ง ไม่เคยมีครั้งไหนที่บุ๋นปฏิเสธเขา




   “ตามใจ”




   “ไปกินร้านอาหารตามสั่งหน้ามอไหมครับ ร้านนั้นซื้อแครอทจากคณะผม”



   “ไป” ฐานทัพตอบกลับแทบจะทันที ร่างสูงดันตัวลุกขึ้นอย่างรวดเร็วก่อนจะยื่นมือให้คนตรงหน้าจับเพื่อลุกขึ้นตาม “หิว”




   “ครับ” บุ๋นยิ้มนิดๆ นับวันเขายิ่งรู้สึกว่าหมอฐานทัพไม่ได้เย็นชาอย่างที่คิด ความจริงแล้วหมอฐานทัพน่ารัก




   มือของบุ๋นเอื้อมไปจับมือของคนตรงหน้าแน่นก่อนจะค่อยๆดึงตัวลุกขึ้นตาม แม้จะลุกขึ้นแล้วแต่มือของเขาก็ยังจับมือของหมอฐานทัพไว้อย่างลืมตัว




   ไม่อยากปล่อย




   “มือพี่เย็น”




   “อืม” ฐานทัพเป็นคนขี้หนาว ไม่แปลกที่จะมือเย็น “มือร้อน”




   “ครับ ผมขี้ร้อน” บุ๋นยิ้มเจ้าเล่ห์




   “ปล่อยได้แล้ว” ฐานทัพมองมือของบุ๋นที่จับมือของเขาแน่น




   “ผมลืมตัว” คนที่มีความตั้งใจจับมือโกหกคำโตก่อนจะยอมปล่อยมือของคนตรงหน้าช้าๆด้วยความเสียดาย อยากจะจับนานกว่านี้




   “ไปกินข้าว”




   “พี่จะไม่ถอดเสื้อของผมก่อนหรอครับ” บุ๋นถามเมื่อเห็นฐานทัพใส่ออกไปโดยไม่คิดจะถอดออก เขาไม่ได้ว่าอะไรถ้าหมอจะใส่นานๆ




   “ยืมก่อน” ฐานทัพเงียบไปพักหนึ่งก่อนจะพูดต่อ “หนาว”




   “ครับ” บุ๋นยิ้ม “ใส่นานๆนะครับ”




   ใส่ตลอดชีวิตเขาก็ไม่ว่า




--------------------------------
มีคนพร้อมจะสวมเสื้อของบุ๋นกันเยอะเลย คนเขียนก็คนหนึ่ง ._.
อยากขอบคุณที่ตามคอมเม้นท์กันมาทุกตอนนะคะ นักอ่านน่ารักมากเลย
กำลังใจของคนเขียนมาเต็ม <3 เค้าตามอ่านคอมเม้นท์ของทุกคนนะคะ
จำได้หลายคนเลยเพราะมาเม้นบ่อย ขอบคุณมากๆนะคะ
ขอบคุณทุกคนที่สนับสนุนจีบหมอ ขอบคุณที่ 'รัก' เหมือนที่เรารัก :)


ติดตามกันได้ทาง Fan page : Perlina.
อย่าลืมติดแฮชแท็ก #ผมจีบหมอ พูดคุยกันได้ทางทวิตเตอร์ @perlinjun นะค

ออฟไลน์ toeyy

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 34
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
เขินหมออะ  มึนๆแต่น่ารัก :-[ :-[ :-[

ออฟไลน์ Minoru88

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 189
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-0
อ๊ายยย
หมอใส่เสื้อบุ๋นแล้ววว

บอกชอบด้วยยย หมอรู้ความนัยชิมิ

หมอน่ารักกกก

ออฟไลน์ Arzumi

  • #เจ้าหนูจาไม
  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 112
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-0
อ่านแล้วทำไมเขินนนนนน :katai5:

ออฟไลน์ mareya.no7

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 556
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +20/-1
หมอน่าร๊ากกกกก เราชอบคนที่มีนิสัยเหมือนหมอจัง พูดน้อยแต่พูดแล้วฟินเวอร์ ส่วนบุ๋นก็นะ เขิน อิอิ :-[

ออฟไลน์ minneemint

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1633
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +45/-0

ออฟไลน์ ka[ze]na

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3767
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +192/-6

ออฟไลน์ zenesty

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 256
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +10/-0
 ใส่นานๆ นะครับ แอร๊ !!!!!!! น้องบุ๋นของพี่    :o8:  :o8:  :o8: 

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ perlina

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 56
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +17/-1
จีบหมอครั้งที่สิบหก

   ร้านอาหารตามสั่งเต็มไปด้วยนักศึกษาที่มานั่งจับจองกันจนแทบจะไม่มีที่ว่าง บุ๋นกับฐานทัพนั่งลงหน้าร้านหลังจากที่เห็นคนลุกออกไปจ่ายตังพอดี เขาหันไปสั่งเมนูที่คุ้นชินพร้อมกับสั่งให้หมอที่บ่นหิวข้าว



   “อดทนอีกนิดนะครับ”



   “อืม” ฐานทัพรับคำสั้นๆก่อนจะฉีกถุงขนมปังที่แวะซื้อก่อนเดินเข้าร้าน “กินไหม”



   “ไม่ครับ พี่กินเถอะ” บุ๋นยิ้มนิดๆแล้วส่ายหน้าปฏิเสธ



   พอเห็นหมอฐานทัพใส่เสื้อของเขาไม่ยอมถอดใจมันก็พลันแต่จะคิดเข้าข้างตัวเอง ระหว่างเดินเข้าร้านเขาเห็นสายตาของหลายคนที่มองมาที่เสื้อของเขาที่หมอฐานทัพใส่อยู่ บางคนก็คงรู้ความหมาย ส่วนบางคนก็คงคิดว่าหมอฐานทัพเรียนคณะเกษตร 



   ครืดดดดดด!!



   โทรศัพท์ที่อยู่ในกระเป๋ากางเกงสั่นเหมือนเจ้าเข้าทำให้คนที่นั่งยิ้มอยู่รีบหยิบโทรศัพท์ขึ้นมากดรับ เมื่อได้ยินเสียงจากปลายสายความรู้สึกผิดก็แล่นขึ้นมาทันที



   “ขอโทษครับแม่ แต่ช่วงนี้ผมไม่ว่างจริงๆนะ” น้ำเสียงที่ดูอ่อนลงทำให้ฐานทัพหยุดฟังอยู่พักหนึ่งก่อนจะหันไปสนใจทางอื่น



   “พรุ่งนี้หรอครับ…ก็ได้ แต่ว่าไปไม่นานนะ” บุ๋นทำท่าครุ่นคิดอยู่พักหนึ่ง “ครับแม่ เจอกันครับ”



   โทรศัพท์กดตัดสายไปก่อนที่เสียงถอนหายใจยาวๆจะพ่นออกมาระบายความเหนื่อยในวันพรุ่งนี้ที่กำลังจะมาถึง เขากับแม่ติดต่อกันบ่อยแต่ช่วงนี้อาจเพราะสอบและกิจกรรมหลายอย่างเลยทำให้บุ๋นไม่มีเวลาแวะกลับไปที่บ้านจนแม่ต้องโทรมาตาม



   พรุ่งนี้ต้องกลับบ้าน…ขี้เกียจโว้ยยยยยยย



   “เป็นอะไร” ฐานทัพที่เห็นท่าทีแบบนั้นอดที่จะถามไม่ได้



   “เปล่าครับ โดนแม่บ่นนิดหน่อย” บุ๋นยิ้ม “พรุ่งนี้ผมต้องไปช่วยงานที่บ้านสวน พอดีลูกจ้างคนเก่าเขาขอลาออกที่บ้านสวนเลยยุ่งๆ”



   ความจริงเขาก็รู้ปัญหานี้มาสักพักใหญ่ๆแต่ไม่คิดว่าจะหนักถึงขนาดที่แม่จะต้องโทรมาขอร้องให้เขาไปช่วยงานเพราะที่บ้านรู้ดีว่าเขาไม่ได้อยากจะสืบทอดธุรกิจของครอบครัว แต่ในเมื่อแม่โทรมาแบบนี้แสดงว่าที่บ้านกำลังต้องการความช่วยเหลือจริงๆ




   “บ้านสวน?” ฐานทัพเอ่ยถามอย่างสนใจ “มีบ้านสวน?”




   “ครับ ผมไม่เคยบอกพี่หรอ”    




   “ไม่”




   “บ้านผมเป็นเกษตรกร ปลูกพวกผักผลไม้ขายครับ” เจ้าตัวรีบอธิบายให้คนตรงหน้าฟังทันที “ผมก็เลยมีบ้านอยู่สองที่ก็คือในกรุงเทพกับที่บ้านสวน”




   “อ่อ” ฐานทัพพยักหน้าเข้าใจ



   “พี่อยากไปกับผมไหมครับ” บุ๋นถามเมื่อเห็นคนตรงหน้าดูสนใจ “ที่บ้านสวนมีผลไม้ให้กินเยอะแยะเลยนะ”



   “แครอทล่ะ”



   “ต้องมีอยู่แล้วสิครับ” เมื่อเห็นท่าทางของหมอฐานทัพบุ๋นก็อดยิ้มออกมาไม่ได้ “แม่ผมปลูกไว้หลายแปลงเลย ตัวอ้วนๆทั้งนั้น”



   “ไปนอน?”



   “เปล่าครับ กลับเย็นๆ วันอาทิตย์ผมมีซ้อมตั้งแต่เช้าเลยค้างคืนไม่ได้”



   “อืม ไปสิ” ฐานทัพตอบกลับทันที “พรุ่งนี้ว่าง”



   “จริงหรอครับ พี่อยากไปบ้านสวนจริงๆหรอครับ” บุ๋นตาลุกวาว จากที่ขี้เกียจกลายเป็นสดใสขึ้นมาทันที “ผมจะบอกแม่ให้เตรียมแครอทเผื่อไว้ทำอาหารกินตอนเย็นนะครับ”



   “อืม”



   บุ๋นยิ้มกว้างด้วยความรู้สึกหลายๆอย่าง พรุ่งนี้หมอฐานทัพจะไปเจอครอบครัวของเขาที่บ้านสวน แม้ว่าเพื่อนของเขาทุกคนจะเคยเจอพ่อแม่เขามาหมดแล้วแต่กับหมอฐานทัพกลับแปลกออกไป



   หมอไม่ได้ไปในฐานะเพื่อน…หมอไปในฐานะว่าที่แฟนในอนาคต



.

   ร่างสูงในชุดไปรเวทยืนอยู่ที่ป้ายรถเมล์หน้ามหาวิทยาลัย เสื้อสีดำขนาดหลวมกว่าตัวเล็กน้อยกับกางเกงยีนส์สีเข้มตัดกับกระเป๋าขนาดกลางที่สะพายพาดข้างทำให้คนที่เดินผ่านไปมาต้องหันกลับมาดู อาจเพราะไม่ได้อยู่ในชุดนักศึกษาเลยทำให้คนแปลกตาเมื่อเห็นเดือนคณะเกษตรอยู่ในชุดสบายๆกับท่าทางที่ไม่ดูรีบร้อนอะไรชวนให้หลงเสน่ห์ หูฟังที่เสียบฟังเพลงทำให้เขาไม่ได้ยินเสียงรอบข้าง นาฬิกาบอกเวลาแปดโมงตรงหากแต่คนที่เขารอยังไม่มา



   จะมาจริงๆใช่ไหม



   สัมผัสเบาๆที่แตะข้างหลังทำให้เขารีบหันกลับไปมองทันทีก่อนที่รอยยิ้มจะปรากฏขึ้นเมื่อคนที่เขารอมาถึงตามนัด แม้ว่าท่าทางของคุณหมอจะดูเหนื่อยหอบมากแต่ก็มาตรงเวลาตามที่นัดไว้



   “ตื่นสาย” ไม่บ่อยนักที่เขาจะพูดคำๆนี้ออกมา ปกติฐานทัพเป็นคนตื่นเช้าแต่เมื่อคืนเขามัวคิดอะไรเรื่อยเปื่อยกว่าจะนอนหลับก็ปาไปเกือบตีสาม



   เกือบมาไม่ทัน



   “คราวหลังโทรบอกผมก็ได้ ไม่เห็นต้องรีบมาขนาดนี้เลย” บุ๋นพูดด้วยน้ำเสียงเป็นห่วง



   ฐานทัพสวมชุดสบายๆตามสไตล์ของเขา เสื้อยืดสีกรมมืดกับกางเกงยีนส์สีเข้มรองเท้าเข้ากับชุดที่ใส่อยู่พร้อมกับหมวกแก๊ปอีกหนึ่งใบที่เตรียมมาเผื่อไว้เมื่อไปถึงยังสถานที่ที่นัดหมาย



   “รถมาแล้ว” บุ๋นหันไปมองรถเมล์ที่โล่งเกือบทั้งคันในวันเสาร์เช้า “ไปเถอะครับ”



   “อืม” ฐานทัพรับคำสั้นๆก่อนจะเดินขึ้นรถเมล์ตามหลังเพื่อไปยังบ้านของบุ๋น



   ฟังไม่ผิด…บ้านบุ๋น



   “พี่นอนได้นะครับ ถ้าถึงเดี๋ยวผมบอก” บุ๋นหันไปบอกฐานทัพที่นั่งติดกระจก “หรือพี่จะรอไปนอนในรถที่บ้านผมรวดเดียวก็ได้”



   “อย่างหลังดีกว่า”ฐานทัพบอกก่อนจะทอดมองออกไปนอกหน้าต่าง



   การจราจรวันนี้ดูโล่งกว่าวันธรรมดา รถราเคลื่อนตัวได้สะดวกแม้ว่าจะมีบางจุดที่ยังติดอยู่บ้างแต่ก็ถือว่าดีกว่าวันธรรมดาในการเดินทางออกต่างจังหวัด



   รถเมล์จอดลงหน้าปากซอยใหญ่ที่มีวินมอเตอร์ไซค์จอดรออยู่สามถึงสี่คัน บุ๋นเดินไปบอกตำแหน่งทางเข้าบ้านของเขาก่อนจะเรียกให้ฐานทัพขึ้นซ้อนคันข้างๆแล้วขับเข้าไปในซอยใหญ่



   บ้านของบุ๋นเป็นบ้านสองชั้นหลังเล็กๆ อาจเพราะอยู่กันแค่สามคนพ่อแม่ลูกเลยทำให้ไม่มีเหตุผลที่จะต้องมีบ้านหลังใหญ่ เสียงหมาเห่าทักทายเจ้าของที่ไม่กลับบ้านมานานกับบุคคลแปลกหน้าที่ไม่รู้จัก เสียงเห่าดังระงมอยู่อย่างนั้นจนบุ๋นเดินเข้าไปกอดหมาตัวอ้วนพันธุ์บางแก้วที่เลี้ยงไว้เกือบเจ็ดปี



   “ว่าไง คิดถึงกันไหม” บุ๋นยิ้มให้กับเจ้าอ้วนหมาประจำบ้านที่ส่ายหางดุกดิกน่าหมั่นเขี้ยว “คนนี้รุ่นพี่ของพี่บุ๋นเอง ไม่เห่านะครับ” บุ๋นพูดราวกับว่าเจ้าอ้วนของเขาฟังรู้เรื่อง



   ฐานทัพยืนมองร่างสูงที่นั่งลงไปเล่นกับหมาอย่างมีความสุขก็อดยิ้มออกมาไม่ได้ ความจริงแล้วเขาเองก็เป็นคนรักสัตว์ แต่สัตว์มักจะไม่ถูกชะตากับเขา อาจเพราะฐานทัพไม่รู้วิธีการที่จะเล่นกับมันและน้ำเสียงที่มีเพียงโทนเสียงเดียวเลยทำให้สัตว์เลี่ยงที่จะเข้าใกล้เขา



   คิดแล้วก็เศร้า



   “พี่อยากเล่นกับเจ้าอ้วนไหมครับ” บุ๋นหันมาถามคนที่ยืนอยู่นอกรั้วบ้านเพราะกลัวหมาจะวิ่งเข้ามากัด



   “เล่นได้หรอ ไม่กัดหรอ” ฐานทัพถามอย่างนึกสนใจ หมาของบุ๋นตัวอ้วนกลมน่ารัก แค่มองยังรู้สึกได้ว่าขนรอบตัวต้องนิ่มไม่ต่างจากขนตุ๊กตาหมี



   “ปกติเจ้าอ้วนมันจะเห่าทุกคน แต่ตอนนี้มันหยุดเห่าพี่แล้ว”



   “อืม”



   “หมามันก็เหมือนเจ้าของแหละครับ” บุ๋นระบายยิ้มนิดๆก่อนจะหันไปหาเจ้าอ้วนแล้วพูดต่อ “เวลามันรู้ว่าเจ้าของชอบใครมันก็ชอบด้วย”



   “หรอ” ฐานทัพหัวเราะเบาๆ



   เจ้าของชอบใครมันก็จะชอบด้วย…



   “มันไม่กัดหรอกครับ ผมจะอยู่ตรงนี้ ถ้าพี่อยากเล่นกับมัน” บุ๋นพูดด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน ท่าทางของหมอฐานทัพดูสนใจเจ้าอ้วนมากแต่อาจเพราะด้วยความที่หมาของเขาตัวใหญ่เลยทำให้หมอออกอาการไม่มั่นใจ



   “ลองดูก็ได้” ฐานทัพพูดพร้อมกับค่อยๆเลื่อนประตูรั้วบ้านออกแล้วแทรกตัวเองเข้ามายืนอยู่ในบ้าน



   ทันทีที่ฐานทัพเข้ามาเจ้าอ้วนก็กระโจนเข้าหาร่างสูงเต็มแรงจนฐานทัพเซไปเล็กน้อย ลิ้นเปียกๆเลียที่มือของเขาก่อนที่ขาทั้งสองข้างจะตะกุยเสื้อของฐานทัพจนเป็นรอยเท้าเต็มเสื้อ



   “อ้วน ไม่แกล้งพี่เขาสิ” บุ๋นยิ้มออกมาเมื่อเห็นปฏิกิริยาของหมาตัวเอง



   แสดงว่ารู้จริงๆว่าเจ้าของชอบใคร…



   “ไม่เป็นไร” ฐานทัพยิ้มออกมา “เจ้าอ้วน” น้ำเสียงนุ่มที่เอ่ยออกมาทำให้คนที่นั่งดูอยู่เกิดอาการอิจฉาหมาขึ้นมาทันที



   รอยยิ้มของหมอฐานทัพเผยออกมาแสดงถึงความรู้สึกที่มีความสุขลึกๆข้างใน รอยยิ้มที่ดูสดใสกว่าทุกๆครั้งทำให้บุ๋นอดน้อยใจไม่ได้



   เจ้าอ้วน…รอยยิ้มนั้นของกูโว้ยยยยยย!!!!



   “มากไปแล้วนะ เกินหน้าเกินตา” บุ๋นบ่นอุบอิบหากแต่ไม่ได้รับความสนใจจากคนที่มาด้วย



   “เจ้าอ้วน” ฐานทัพยังเรียกชื่อของหมาเขาแบบนั้นพร้อมกับย่อตัวลงไปนั่งเล่นกับเจ้าอ้วน “ขี้เล่นนะ”



   “ครับ” บุ๋นรับคำสั้นๆ



   เขามาอยู่ในจุดที่ตัวเองอิจฉาหมาตั้งแต่ตอนไหน…



   “จริงรึเปล่าเรื่องที่บอก” ฐานทัพหันกลับมาถามบุ๋นแต่มือยังคงลูบหัวเจ้าอ้วนที่อยู่ใกล้ๆ “เจ้าของชอบใครหมาก็ชอบด้วย”



   “หืม” บุ๋นลากเสียงก่อนจะหัวเราะ “จริงสิครับ”



   “จริงหรออ้วน” ฐานทัพหันกลับมาถามเจ้าอ้วนที่ทำหน้าตาไม่เข้าใจในสิ่งที่ทั้งสองคนพูด “ทำไมไม่ตอบ”



   “ถ้ามันตอบผมก็คงวิ่งคนแรก” บุ๋นหัวเราะเสียงดัง เขาไม่เคยเห็นหมอฐานทัพในมุมนี้มาก่อนและถ้าเห็นบ่อยก็คงไม่ส่งผลดีกับเขาเท่าไหร่นัก



   หัวใจของเขาทำงานหนักเกินไป



   ยิ่งเห็นหมอในมุมต่างๆเขาก็ยิ่งรู้สึกหวง




   “อย่าน่ารักได้ไหม” บุ๋นหลุดพูดออกมาอย่างไม่ตั้งใจ



   “อะไร?”



   “อ่อเปล่าครับ…ผมพูดกับเจ้าอ้วน”



   “อ่อ”



   เกือบไปแล้วไหมละบุ๋น…




   “ไหนของที่จะเอาไป” ฐานทัพถามเมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายนั่งจ้องเขาไม่ขยับไปไหน




   “รถไงครับ” บุ๋นชี้นิ้วไปที่รถกระบะรุ่นเก่าที่ดูคล้ายกับรถขนของ “ต้องเอาไปช่วยขนของที่บ้านสวน”




   “อ่อ” ฐานทัพพยักหน้าเข้าใจ “ใครขับ”



   “ผมไง” บุ๋นชี้ตัวเองพร้อมรอยยิ้มมั่นใจ “ที่บ้านผมตอนนี้ไม่มีใครอยู่ พ่อกับแม่อยู่บ้านสวนทั้งคู่ ถ้าผมไม่ขับก็คงต้องให้เจ้าอ้วนขับแล้วล่ะ”



   “ตลก” 



   “ไปกันเลยไหมครับ?” บุ๋นเอ่ยถาม เจ้าตัวลุกขึ้นเดินเข้าไปหยิบกุญแจรถที่วางอยู่ในบ้านก่อนจะเดินออกมาพร้อมกับผ้าห่มผืนเล็ก “ถึงรถจะดูเก่าแต่แอร์เย็นมาก ผมเตรียมผ้าห่มให้พี่ด้วย”



   “ขอบคุณ” ฐานทัพลูบหัวเจ้าอ้วนอีกครั้ง ความจริงเขาก็อยากจะเอาเจ้าอ้วนไปด้วยแต่ติดตรงที่บ้านของบุ๋นจะไม่มีใครเฝ้าเลยจริงๆ “แล้วข้าวล่ะ” ฐานทัพหันไปมองถาดข้าวที่ว่างเปล่าข้างรั้วบ้าน



   “อ่อ” บุ๋นยิ้ม “เดี๋ยวตอนเย็นแม่ก็กลับมาให้เองครับ เจ้าอ้วนกินข้าวแค่สองมื้อ”



   “สองมื้อทำไมอ้วน” ฐานทัพตั้งข้อสงสัย ร่างกายของเจ้าอ้วนดูอุดมสมบูรณ์เกินกว่าที่จะกินข้าวแค่สองมื้อ



   “เพราะมันขี้เกียจไง” บุ๋นตอบ




   “อืม…เหมือนเจ้าของรึเปล่า” ฐานทัพถามติดตลก



   “ไม่ใช่ซะหน่อย” บุ๋นรีบเถียงก่อนจะเปิดประตูรถให้ฐานทัพขึ้นไปนั่งฝั่งข้างคนขับแล้วเดินไปเปิดรั้วบ้านโดยมีเจ้าอ้วนนั่งมอง



   “ไว้ตอนเย็นเจอกันนะเด็กน้อย” บุ๋นทิ้งท้ายไว้กับหมาอ้วนกลมก่อนจะขึ้นไปประจำที่นั่งฝั่งคนขับแล้วขับรถออกมาจากบ้านโดยไม่ลืมที่จะปิดประตูรั้ว



   ฐานทัพไม่เคยรู้มาก่อนว่าบุ๋นขับรถเป็นเลยทำให้เขาสนใจการขับรถของบุ๋นเป็นพิเศษ ท่าทางที่คล่องแคล่วกับสายตาที่ทอดมองไปข้างหน้าอย่างคนมีสมาธิในการขับรถทำให้แว๊บหนึ่งในความคิดของฐานทัพรู้สึกว่า คนข้างๆดูเป็นผู้ใหญ่



   “ผมเท่ใช่ไหมล่ะ” บุ๋นเปิดประเด็นชวนคุยเมื่อรู้สึกว่าคนข้างๆหันมามองเขา



   “ไม่” ฐานทัพรีบตอบกลับทันที



   “ชมผมหน่อยก็ไม่ได้”




   “ขับรถเก่งดี”




   “ขอบคุณสำหรับคำชมนะครับ” บุ๋นหัวเราะเบาๆ “ผมเริ่มขับตั้งแต่มอห้า ช่วงแรกๆที่หัดขับโดนพ่อดุไปตั้งหลายรอบ”



   เขายังจำได้วันแรกที่ต้องขับเพราะพ่อบอกว่าอีกหน่อยเขาจะต้องช่วยขับรถไปที่บ้านสวนผลัดเปลี่ยนกับพ่อในบางครั้งที่ต้องออกไปทำธุระที่อื่น ด้วยความที่พ่อไม่อยากให้แม่ของเขาขับรถไปต่างจังหวัดมากนักเลยทำให้รถคันที่สองของบ้านตกเป็นของบุ๋นที่ต้องหัดขับเพื่อไปรับแม่และไปส่งของ ตอนแรกก็ไม่อยากขับเพราะเป็นเกียร์กระปุกรุ่นเก่าที่ค่อนข้างน่ารำคาญแต่พอมาตอนนี้ก็ขับจนชินไปแล้ว



   “พ่อดุหรอ” ฐานทัพถาม



   “ไม่ดุครับ แค่เป็นคนจริงจังเวลาจะทำอะไร ครอบครัวผมไม่มีใครดุเลย” บุ๋นยิ้มกว้าง “อบอุ่นดี”



   “อืม ดีแล้ว”



   “ความจริงผมไม่ได้ตั้งใจจะเรียนคณะเกษตร แต่เพราะแอดมิชชั่นติดก็เลยจำเป็นต้องเรียน” บุ๋นเริ่มเล่าต่อ “ผมไม่อยากสานต่อธุรกิจของที่บ้าน แต่ก็เลี่ยงไม่ได้แล้ว”



   “…” ฐานทัพตั้งใจฟังเงียบๆ



   “สุดท้ายผมก็ชอบคณะนี้…เพราะมีหลายๆอย่างทำให้ผมชอบ” เวลาที่บุ๋นพูดไปแล้วยิ้มไปทำให้คนที่อยู่ด้วยเผลอยิ้มตาม



   รอยยิ้มของบุ๋นมีเสน่ห์ทุกครั้งที่ได้มอง



   “หนึ่งในเหตุผลของผมคือ…ได้ปลูกแครอทให้พี่”



   “อืม” ฐานทัพรับคำสั้นๆ เขาระบายยิ้มออกมาบางๆหากแต่คนที่ขับรถอยู่ไม่เห็น



   รถราเคลื่อนตัวได้สะดวกเลยทำให้เขาขับออกมาจากใจกลางเมืองกรุงเทพได้ในเวลาไม่เกินครึ่งชั่วโมง บุ๋นขับมาตามทางโดยไม่ลืมที่จะหันมองคนที่นั่งอยู่ข้างๆเป็นระยะ ฐานทัพไม่ได้นอนหลับ สายตาของเขาทอดมองออกไปนอกหน้าต่างคล้ายกับคนกำลังคิดอะไรอยู่ในหัว



   “ที่เลือกเรียนแพทย์เพราะอยากจะช่วยผู้คน มันทรมานที่เห็นเขากำลังจะตายแต่ทำอะไรไม่ได้” ฐานทัพค่อยๆเล่าเรื่องของตัวเองออกมา แม้ว่าเขาจะไม่เคยพูดเรื่องเหล่านี้กับใคร “พอได้เรียนก็รู้ว่าจะเรียนเล่นๆไม่ได้ เพราะคนไข้ไม่ได้มีไว้ให้ทดลองรักษา”



   “ครับ ผมรู้”



   “เหตุผลที่ไม่ได้สนใจเรื่องอื่นนอกจากเรียน” ฐานทัพพูดด้วยน้ำเสียงเรียบๆ แววตาที่บ่งบอกถึงความตั้งใจลึกๆทำให้บุ๋นพยักหน้าเข้าใจ



   หมอไม่ได้บอกตรงๆว่าปฏิเสธความรู้สึกของเขาแต่หมอแค่บอกว่าทำไม…ถึงรู้สึกมากกว่านี้ไม่ได้



   บุ๋นกลับไปมองท้องถนนอีกครั้งแม้ในใจของเขาเต็มไปด้วยความรู้สึกมากมาย ลึกๆด้านหนึ่งของเขากำลังประท้วงว่าให้บอกความรู้สึกทุกอย่างออกไป แต่อีกด้านก็ห้ามเขาไว้เพราะกลัวสิ่งที่จะเกิดขึ้นต่อจากนี้



   นั่นสิ…เขาควรทำยังไง



   “พี่จำคำถามของผมได้ไหม ที่ผมเคยถามว่า ถ้าวันหนึ่งมีคนๆหนึ่งพร้อมจะดูแลพี่ ไม่สนว่าพี่จะมีเวลาให้รึเปล่า ไม่สนว่า…”



   “จำได้” ฐานทัพตอบกลับมาทันทีโดยไม่รอฟังให้บุ๋นพูดจบ



   “คำตอบของพี่ยังเหมือนเดิมไหมครับ”



   “อืม…เหมือนเดิม” เขายังคงยืนยันคำเดิม



   ถึงเวลาก็รู้เอง…



   “ครับ ผมเข้าใจแล้ว” อยู่ดีๆเขาก็รู้สึกจุกอกขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูก บุ๋นพยายามเบี่ยงเบนความสนใจไปที่ทางข้างหน้าแม้ว่าหัวใจของเขามันกำลังเต้นช้าลงเรื่อยๆ



   ทั้งๆที่หมอไม่ได้ปฏิเสธ…แต่ก็เหมือนบอกเขาเป็นนัยว่าหมอยังไม่พร้อม



   ทั้งๆที่เขาคิดคิดว่าเป็นแบบนี้ก็ดีอยู่แล้ว แต่ทำไมในใจมันเจ็บจนรับไม่ไหว



   “อดทนได้จริงหรอเวลาที่เห็นคนอื่นจับมือกันแต่แฟนตัวเองกำลังผ่าตัดคนไข้” ฐานทัพหันไปมองปฏิกิริยาของคนข้างๆ



   “…”



   “อดทนได้จริงหรอวันครบรอบที่แฟนตัวเองต้องเข้าเวรดึก”



   “…”



   ไร้คำพูดใดๆออกจากปากของอีกคน บุ๋นนิ่งเงียบๆฟังสิ่งที่ฐานทัพพูดออกมา แม้ว่าเขาอยากจะตอบกลับไปแต่ในใจกลับรู้สึกได้ถึงความหมายที่หมอต้องการจะสื่อ



   หมอไม่ได้คิดถึงแต่ตัวเอง…หมอคิดถึงความรู้สึกของคนที่จะอยู่ข้างๆ



   “อาจจะอดทนได้ แต่ทนได้ไม่นาน” ฐานทัพถอนหายใจ “ไม่มีใครอยากได้แฟนที่ไม่มีเวลา”



   “ถ้าคนๆนั้นเป็นแฟนของผม ผมสามารถทำทุกอย่างได้ในเวลาจำกัดของเขา” บุ๋นตอบกลับอย่างมั่นคงในความรู้สึก ทำไมเขาจะไม่เคยคิดถึงเรื่องพวกนี้



   “ถ้าเขาเข้าเวรดึกหรือตื่นไปทำงานไม่ไหว ผมก็จะเป็นคนคอยขับรถรับส่งเขาเอง แม้ว่าผมจะเหนื่อยแต่ผมรู้ว่าเขาเหนื่อยกว่า”



   “…”



   “ถ้าเขาได้ไปอยู่ในที่ไกลๆผมก็พร้อมที่จะไปกับเขาเพราะผมรู้ว่าเขาคงเหงาที่ต้องไปอยู่ที่นั่นคนเดียว”



   “…”



   “ไม่ได้จับมือกันเหมือนคู่อื่นๆ แต่ผมจะจับมือเขาทุกครั้งเวลาที่เขานอนหลับ”



   “…”



   “วันครบรอบสำหรับผมไม่สำคัญเท่าความรู้สึกของคนรักของผม ถ้ามันตรงกับเวรดึกที่เขาบอก ผมก็จะโทรไปหา อย่างน้อยเราก็ได้ฉลองกันผ่านโทรศัพท์”



   “…”



   “ผมสามารถทำได้ทุกอย่างตามที่ผมพูดจริงๆ” บุ๋นหันกลับไปมองฐานทัพด้วยสีหน้าจริงจัง ไม่บ่อยครั้งนักที่เขาจะพูดอะไรที่ค่อนข้างชัดเจนให้อีกฝ่ายได้รับรู้ ถึงจะเคยหยอดไปบ้างแต่ครั้งนี้ต่างออกไป



   เขาตั้งใจจะบอกหมอฐานทัพจริงๆ



   “อืม รู้แล้ว” ฐานทัพระบายยิ้มออกมา



   “ผมคงรู้สึกเจ็บมากกว่าถ้าผลักไสผมโดยที่ไม่เปิดโอกาสให้ผมได้พิสูจน์สิ่งที่พูดออกไป”





---------------------------------
มาแล้วจ้าาาาา วันนี้เปลี่ยนบรรยากาศบ้างหลังจากที่เกือบทั้งเรื่องบรรยายสถานที่ในมหาวิทยาลัย
เริ่มมีปมดราม่าเล็กๆขึ้นมานิดนึงหลังจากที่ยิ้มกันไปหลายตอนจนปวดแก้ม ในตอนนี้เราคงได้เห็นมุมมองของหมอฐานทัพมากขึ้นกับความรู้สึกที่เริ่มชัดเจนขึ้นเรื่อยๆ ส่วนบุ๋นเองก็เป็นคนที่ยังคงหนักแน่นกับคำพูดเพราะลึกๆแล้วเราเชื่อว่าบุ๋นทำได้อย่างที่พูดจริงๆ
ขอบคุณสำหรับคอมเม้นท์นะคะ น่ารักกันทุกคนเลย จะพยายามอัพบ่อยๆน้า
ทุกคอมเม้นท์ทุกกำลังใจเราได้รับจากทุกคนหมด ขอบคุณจากใจจริงนะคะ ^______^

ออฟไลน์ toeyy

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 34
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
งือออ  ดีกับใจ  พี่หมอให้โอกาสบุ๋นด้วยนะ :mew2:

ออฟไลน์ minneemint

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1633
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +45/-0
มันดีกับใจจริงๆ
รอวันที่เป็นแฟนกัน

ออฟไลน์ aurusma

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 217
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-2
งื้ออออออออออออ :-[ :-[ หมอฐานทัพจ๋าาาา ให้โอกาสน้องบุ๋นหน่อยน๊าาาาาาา  :o8:

ออฟไลน์ perlina

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 56
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +17/-1
   “อืม”



   “ครับ” บุ๋นรับคำสั้นๆ เขาไม่รู้ว่าตอนนี้อีกฝ่ายกำลังคิดอะไรอยู่แต่สำหรับเขา ทุกอย่างที่คิดเอาไว้เขาพูดไปหมดแล้ว



   “ถึงเวลาก็รู้เอง” ฐานทัพยังคงยืนยันคำเดิม



   บางที…อาจจะใกล้ถึงเวลานั้นแล้วก็ได้



   บุ๋นขับรถต่อไปโดยไม่ได้พูดอะไร ความเงียบเข้ามาปกคลุมทำให้เขารู้สึกอึดอัด สายตาของเขาหันไปมองหมอฐานทัพก่อนจะได้คำตอบ ดวงตาทั้งสองข้างหลับสนิท ใบหน้าเกลี้ยงเกลาของหมอยังคงน่ามองเสมอ บุ๋นค่อยๆจอดรถเทียบข้างทางก่อนจะหยิบผ้าห่มที่วางไว้ที่นั่งข้างหลังออกมาห่มให้คนที่นอนกอดอกอยู่



   เขาจะยังคงดูแลหมอแบบนี้ต่อไป




   แค่หวังว่าสักวันหนึ่งหมอจะรับรู้ได้ถึงความรู้สึกทุกอย่างของเขา



   “อยู่กับผมแค่นี้ก็พอแล้วครับ” บุ๋นเอ่ยออกมาเสียงเบาจนแทบจะกลืนหายเข้าไปในลำคอ




   เขามองคนตรงหน้าต่ออีกพักหนึ่งก่อนจะตัดสินใจขับรถต่อไปยังบ้านสวน แม้ว่าความสัมพันธ์ของเขายังเป็นความสัมพันธ์ที่ไม่มีชื่อเรียก แต่นั่นก็เพียงพอสำหรับเขาแล้ว



   ฐานทัพค่อยๆลืมตาขึ้นมาช้าๆ จากที่ตั้งใจว่าจะนอนหลับเพื่อหยุดคิดความคิดวุ่นวายในหัวแต่สุดท้ายเขาก็นอนไม่หลับ คำพูดที่บุ๋นพูดเสียงเบาหากแต่ว่าเขาได้ยินมันชัดทุกคำยิ่งตอกย้ำความชัดเจนในใจลึกๆ



   ตั้งแต่ที่ได้เจอบุ๋น…เขาก็ไม่เคยคิดอยากจะหนีไปไหน



   บางทีทุกอย่างมันก็ชัดเจนจนไม่จำเป็นที่จะต้องพูดออกมา…

.


   รถกระบะจอดลงหน้าบ้านสวนหลังจากใช้เวลาในการเดินทางเกือบสามชั่วโมง ฐานทัพที่เผลอหลับไปตื่นขึ้นมาเพราะเสียงเรียกของคนข้างๆกับแสงแดดที่สาดส่องเข้ามาในรถ คนพึ่งตื่นค่อยๆลืมตาขึ้นช้าๆเพื่อปรับสายตาจากแสงภายนอก



   “ถึงแล้วครับ” น้ำเสียงของบุ๋นกลับมาร่าเริงอีกครั้ง ประตูรถฝั่งฐานทัพถูกเปิดออกพร้อมกับลมเย็นจากข้างนอกที่พัดเข้ามากระทบแขน



   “อืม” ฐานทัพลงมาจากรถก่อนจะกวาดสายตามองไปรอบๆบ้านสวน



   บ้านชั้นเดียวที่ปลูกอยู่ท่ามกลางต้นไม้รอบด้าน แสงแดดเวลาเกือบเที่ยงไม่ได้ทำให้อากาศรอบข้างอบอ้าวหรือร้อนจนเกินไป บรรยากาศรอบข้างดีเสียจนเขาเผลอยืนมองนานจนบุ๋นต้องเรียกอีกครั้ง



   “เดี๋ยวผมพาไปดูรอบๆนะครับ ตอนนี้แวะเข้าไปทักทายพ่อกับแม่ผมก่อนนะ” บุ๋นยิ้มอย่างเอ็นดูเมื่อเห็นว่าหมอดูสนใจบ้านสวนของเขา



   “อืม” ฐานทัพรับคำสั้นๆ คนพึ่งตื่นเดินมึนๆตามเจ้าของบ้านไปยังบ้านหลังไม่ใหญ่มากที่มีต้นไม้ต้นเล็กๆปลูกไว้ล้อมรอบบ้าน



   ประตูบ้านสีขาวสะอาดเปิดออกเผยให้เห็นห้องนั่งเล่นที่มีร่างของหญิงวัยกลางคนนั่งอยู่ที่โซฟากับรีโมททีวีที่กดเปลี่ยนช่องไปเรื่อยๆ ทันทีที่เห็นใบหน้าของลูกชายรอยยิ้มแห่งความคิดถึงก็ปรากฏขึ้น ฐานทัพไม่แปลกใจเลยว่าบุ๋นยิ้มเหมือนใครเมื่อเขาได้มาเจอแม่ของบุ๋น



   “คิดถึงจังเลยครับ” บุ๋นเดินเข้าไปอ้อนตามประสาลูกคนเดียวพร้อมสวมกอดผู้หญิงที่เขารักที่สุด



   “คิดถึงแล้วทำไมไม่มาหาแม่ นี่ถ้าไม่โทรไปก็จะไม่มาใช่ไหมเจ้าลูกคนนี้” ผู้เป็นแม่เอ่ยดุหากแต่น้ำเสียงไม่ได้เป็นการต่อว่า “นั่งก่อนนะลูก” รอยยิ้มอบอุ่นปรากฏขึ้นบนใบหน้าของผู้เป็นแม่ที่เชื้อเชิญให้ฐานทัพนั่งลงตรงโซฟาข้างตัว



   “สวัสดีครับ” เขายกมือไหว้ผู้ใหญ่อย่างคนที่ได้รับการอบรมมาดี ฐานทัพยิ้มนิดๆเพราะไม่รู้ว่าควรจะทำตัวยังไง



   “จ้ะ เพื่อนบุ๋นหรอลูก”



   “รุ่นพี่ครับ” บุ๋นตอบแทนฐานทัพที่นั่งนิ่งๆ



   “อ่อ ตามสบายเลยนะจ้ะ ออกไปสวนอยากกินอะไรก็บอกให้น้องเก็บให้นะลูกนะ” น้ำเสียงนุ่มเอ่ยบอกอย่างใจดี



   “ขอบคุณครับ”



   “ตอนเย็นแม่อย่าลืมแครอทนะ พี่เขามาเพราะอยากกินแครอทของสวนเราเลยนะแม่”



   “แม่ให้คนไปเก็บมาให้แล้ว เก็บมาเผื่อลูกกลับไปกินที่หอด้วยนะ”



   “ขอบคุณครับ” คนที่ชื่นชอบแครอทยิ้มขอบคุณ



   คงได้กินแครอทไปอีกหลายวัน



   “งั้นเดี๋ยวบุ๋นออกไปช่วยที่สวนก่อนนะแม่ จะได้ไม่กลับดึก”



   “จ้า ไปลูกไป พ่ออยู่ที่สวนกำลังขนผักขึ้นรถเลย”



   “ครับผม” บุ๋นยิ้มรับก่อนจะลุกขึ้นแล้วหันไปพยักหน้าเป็นเชิงเรียกหมอฐานทัพให้ไปกับเขา



   ฐานทัพหันไปยกมือไหว้แม่ของบุ๋นอีกครั้งก่อนจะขอตัวเดินออกมาเพื่อไปช่วยงานในสวนของบุ๋น บ้านสวนเป็นบ้านหลังเล็กไม่ได้ใหญ่โตมากนักแต่ดูปลอดโปร่งโล่งสบาย อาจเพราะมีบ้านอยู่สองที่เลยทำให้ไม่มีของใช้ในบ้านเยอะจนดูรก หน้าบ้านมีบ่อน้ำเล็กๆที่มีปลาหางนกยูงนับสิบว่ายไปมากับจักรยารอีกสามคันที่จอดไว้ข้างๆ



   “เดี๋ยวผมพาไปปั่นจักรยานนะ” บุ๋นหันมายิ้มให้ฐานทัพอีกครั้ง เขากลัวว่าการที่พาหมอมาบ้านสวนจะทำให้หมอเบื่อ บ้านสวนสำหรับเขาไม่ใช่ที่ที่มีอะไรน่าสนุกให้ทำนักเพราะบริเวณรอบข้างก็มีแต่ต้นไม้กับแมลงหลากหลายชนิด



   “ไม่เป็นไร ทำงานก่อน” ฐานทัพรู้ดีว่าการที่บุ๋นถูกเรียกตัวมาบ้านสวนเพราะอะไร เขาไม่ได้ต้องการเที่ยวเล่น แค่อยากมากินแครอทและมาพักผ่อน   



   “ครับ” บุ๋นหันมายิ้มอีกครั้งก่อนจะเดินนำเขาไปยังอีกฝั่งของบ้าน



   เสียงโหวกเหวกของผู้ชายร่างสูงในชุดเสื้อแขนยาวกับหมวกใบโปรดที่ใส่ทุกครั้งเวลาออกมาที่สวนเป็นลักษณะเด่นของผู้เป็นพ่อ บุ๋นรีบวิ่งไปข้างหลังโดยยกมือขึ้นบอกคนสวนเป็นเชิงอย่าทักเขาเพื่อที่จะได้แกล้งพ่อของตัวเอง



   “พ่อ!!!” บุ๋นตะโกนเสียงดังพร้อมกับนิ้วชี้สองข้างที่จี้เอวคนที่กำลังหันหลังอยู่



   “ไอ้บุ๋น!!” น้ำเสียงดุๆตวาดกลับมาอย่างคนขี้ตกใจ พ่อหันมาขมวดคิ้วใส่ลูกของตัวเองก่อนจะพ่นคำด่าออกมา “ถ้าไม่ยอมกลับบ้านอีกก็คงจำหน้าไม่ได้แล้ว”



   “คิดถึงก็บอกดีๆดิ ไม่เห็นต้องดุเลยพ่อ” บุ๋นยิ้มกว้าง เขารู้ว่าคนตรงหน้าไม่ได้ดุอย่างที่แสดงออกมา



   “ไม่คิดถึงโว้ยยยยย” พ่อปฏิเสธกลับมาทันที “อะ ละนั่นเพื่อนหรอ” เขาหันไปสบตาฐานทัพที่กำลังยกมือไหว้สวัสดี



   “รุ่นพี่ครับ” บุ๋นตอบ



   “เด็กเกษตรเหมือนกันหรอ” ผู้เป็นพ่อถามอย่างคนขี้สงสัย



   “เปล่าพ่อ พี่เขาเรียนหมอ”



   “บ๊ะ! เขายอมรับแกเป็นน้องด้วยหรอวะไอ้ลูก นี่ไปข่มขู่อะไรเขารึเปล่า” พ่อถามอย่างไม่เชื่อหู เท่าที่จำได้บุ๋นไม่เคยมีรุ่นพี่เก่งขนาดนี้มาก่อน



   “โห่พ่อ อะไรเนี่ย”




   “เอ้า ก็ตกใจนิวะ”



   “ไม่คุยด้วยแล้ว” บุ๋นเมินหน้าไปอีกทาง “พ่อยืนเฉยๆเลย เดี๋ยวยกของขึ้นรถเอง” เขาจับตัวพ่อให้เดินไปอีกทางเพื่อไม่ให้ขวางการทำงาน



   เป็นปกติของพ่อลูกคู่นี้ที่จะต้องหาเรื่องมาทะเลาะกัน น้อยครั้งที่จะพูดกันดีๆ แต่ทั้งคู่ก็รู้กันว่าเป็นเรื่องปกติที่จะต้องทะเลาะกัน เหมือนเป็นการแสดงความรักของคนที่แสดงออกไม่เก่งทั้งคู่



   “เดี๋ยวช่วย” ฐานทัพพูดพร้อมกับยกตะกร้าผักที่วางอยู่ขึ้นรถกระบะ



   “เออดี ปวดแขนอยู่พอดี” พ่อที่ได้ยืนพักยิ้มออกมานิดๆ “แล้วเราชื่ออะไร”



   “ฐานทัพครับ” ฐานทัพหันกลับมาตอบ



   “เออชื่อเท่ดี ไม่เหมือนไอ้บุ๋น”



   “ได้ข่าวว่าพ่อเป็นคนทะเลาะกับแม่เรื่องชื่อผมนะ” บุ๋นหันมาหาพ่อทันทีที่เอ่ยถึงเขาเป็นบุคคลที่สาม



   “เอ้า ก็ตอนเด็กๆไม่คิดว่าจะหน้าตาดีนี่วะเลยตั้งชื่อให้สมกับหน้าตา”



   “พอโตมาแล้วก็หล่อไง” บุ๋นยักคิ้วกวนเรียกเสียงหัวเราะเบาๆจากฐานทัพที่ฟังพ่อลูกทะเลาะกัน



   ตะกร้าผักอันสุดท้ายถูกยกขึ้นกระบะก่อนที่เสียงถอนหายใจเบาๆจะพ่นออกมา บุ๋นหันไปมองผู้เป็นพ่อที่ยืนยิ้มอยู่ก่อนจะเดินไปแบมือขอกุญแจรถ



   “ไปส่งร้านเดิมใช่ไหมพ่อ”



   “เออ จะไปส่งให้หรอ”



   “อืม” บุ๋นรับคำสั้นๆ “วันนี้เป็นวันครบรอบไม่ใช่หรอ พ่อก็ไปอยู่กับแม่ดิ เดี๋ยวแม่น้อยใจนะ”



   “ครบรอบอะไร อายุปูนนี้เขาไม่นับกันแล้ว”



   “อะจริงดิ นี่ปีที่เท่าไหร่แล้วนะพ่อ”



   “ยี่สิบหก”



   “แหนะๆ” บุ๋นยิ้มอย่างรู้ทันทำเอาผู้เป็นพ่อถึงกับโวยวายออกมาเสียงดังตามประสาคนโรแมนติกไม่เป็น



   “ไปๆ พูดมากจังวะไอ้ลูกคนนี้”



   “ทำอย่างกับมีลูกหลายคนงั้นแหละ” บุ๋นหัวเราะเสียงดังก่อนจะเดินขึ้นรถกระบะ



   ฐานทัพขึ้นมานั่งบนรถก่อนจะถอนหายใจออกมายาวๆ เขาหันไปมองบุ๋นที่กำลังสตาร์ทรถก่อนจะหยิบทิชชู่ที่อยู่ข้างๆแล้วยื่นส่งให้



   “ขอบคุณครับ” บุ๋นยิ้มกว้าง “พี่ก็ร้อนเหมือนกันใช่ไหม” บุ๋นถามพร้อมกับปรับแอร์ให้แรงกว่าเดิม



   “อืม” ฐานทัพพยักหน้าก่อนจะหยิบทิชชู่เช็ดเหงื่อบนใบหน้า



   รถกระบะขับเคลื่อนออกจากบ้านสวนไปตามทางประจำที่บุ๋นคุ้นเคย วันนี้เป็นวันครบรอบแต่งงานของพ่อกับแม่ ความจริงเขาก็เกือบลืมไปแล้วแต่ดันไปเห็นปฏิทินที่ถูกวงไว้เลยนึกขึ้นได้



   เขาคิดมาตลอดว่าเขาอยากมีความรักเหมือนพ่อกับแม่



   “พี่รู้ไหม พ่อผมน่ะปากแข็งสุดๆไปเลย เป็นคนเอาใจคนไม่เก่ง พูดหวานก็ไม่เป็น” บุ๋นทอดมองทางข้างหน้าพร้อมรอยยิ้มที่เผยออกมา “แต่แม่ไม่เคยบ่นที่พ่อเป็นแบบนี้เลย”



   “ทำไม”




   “เพราะแม่รักพ่อ” บุ๋นหันมาสบตาคนข้างๆ “รักคำเดียว”   



   “อืม” ฐานทัพพยักหน้า “รัก”



   “ครับ รัก” บุ๋นยิ้มอีกครั้ง “ผมอยากเป็นเหมือนพ่อแม่ อยากจะรักใครคนหนึ่งไปนานๆและดูแลเขาให้ดีที่สุดเหมือนที่พ่อแม่ผมรักกันมาตลอดยี่สิบกว่าปี”



   ฐานทัพหันกลับไปมองคนข้างๆ คำพูดของบุ๋นดูหนักแน่นและมั่นคง เขารับรู้ความรู้สึกทุกอย่างของบุ๋นได้จากคำพูดที่เปล่งออกมา คำพูดที่ไม่ได้พูดออกมาลอยๆแต่แฝงไปด้วยความตั้งใจจริงของบุ๋นอดทำให้ฐานทัพคิดไปไกลไม่ได้



   บางทีฐานทัพก็รู้สึกว่า…เขารับรู้ความรู้สึกของบุ๋นแล้ว



   “บุ๋น” ฐานทัพเรียกคนข้างๆเสียงเรียบ “อยู่ตรงนี้”



   “ครับ?” คนที่ขับรถอยู่หันมามองอย่างไม่เข้าใจ “อะไรนะครับ”




   “อยู่ด้วยกัน” ฐานทัพถอนหายใจออกมา คำพูดที่อยากจะพูดแต่ยากที่จะพูดออกมา “จะอยู่เหมือนที่ขอให้อยู่”



   “ขอ…” บุ๋นลากเสียงก่อนที่ความทรงจำของเขาจะกลับมา



   หมอไม่ได้นอน…!!!




   “พี่ได้ยิน?” บุ๋นทำตาโต



   “อืม”



   “ได้ยินหมดเลย?”



   “ทุกคำ”



   “บ้าไปแล้ว!!!” บุ๋นหน้าแดงขึ้นมาทันที เขาหันไปมองอีกฝั่งก่อนจะพูดออกมา “ผมว่าผมพูดเบาแล้วนะ”



   “รถเงียบ” ฐานทัพตอบกลับนิ่งๆ



   “แล้วพี่คิดยังไงล่ะครับ” บุ๋นหันกลับมาถาม ตอนนี้เขาอายจนแทบจะมุดลงไปใต้รถ ถ้าเขาไม่ขับรถอยู่เขาคงวิ่งหนีหมอไปไกลๆ



   อายโว้ยยยย!!



   “จะอยู่รอกินแครอท”



   “แค่แครอทหรอครับ?” คนยิ้มเก่งถามอีกครั้ง



   “ต้องมีอะไรอีก”




   “ก็…อยู่กับบุ๋นไง” รอยยิ้มมีเสน่ห์เผยออกมาเรียกรอยยิ้มจากคนที่เห็น ฐานทัพพยักหน้านิดๆ ความรู้สึกต่างๆเริ่มก่อตัวในหัวใจ




   “อืม…อยู่”





-------------------------------------
หายไปนานเพราะติดสิบไฟนอล มาแล้วจ้า แหะๆ  :hao5: :hao5:


ออฟไลน์ oiruop

  • เ รื่ อ ง โ ง่ โ ง่ นี่ ฉ ล า ด นั ก ⊙﹏⊙∥
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 490
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +30/-0
    • https://www.facebook.com/book.yaoi?fref=ts

ออฟไลน์ chancha

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 364
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +32/-0

ออฟไลน์ minneemint

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1633
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +45/-0

ออฟไลน์ Lay Kin

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 16
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +6/-0

ออฟไลน์ Duangjai

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 658
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +19/-1
นึกถึงเพลง...ผมมีแครอทมาฝาก....ฝากพี่หมอนะ  ฮิ้ววววว

... :hao3:  :hao3:  :hao3:  :hao3:

...

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ Roman chibi

  • Death is not the end. Death can never be the end. Death is the road. Life is the traveller. The soul is the guide.
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1224
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +58/-3
สนุกมากๆ คู่นี้เขาเน้นหวานแบบสดชื่นจริง น่ารัก :katai4:

ออฟไลน์ Minoru88

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 189
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-0
อ๊ายยย ดีต่อใจ
หมออเยี่ยมมากกก

ออฟไลน์ snice_cz

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 727
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +42/-0
โอ๊ยยยย น่ารักกกกกกกก

รอตอนต่อไปนะคะ  :L2:

ออฟไลน์ silverrain

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 50
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-0
ละมุน
เค้าก็จะ อยู่ตรงนี้ ด้วย

ออฟไลน์ NorthCat

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 4
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0

ออฟไลน์ about

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 254
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +5/-0

ออฟไลน์ perlina

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 56
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +17/-1
จีบหมอครั้งที่สิบเจ็ด


   ดวงตะวันเริ่มลาลับขอบฟ้า แสงจากพระอาทิตย์ที่ใกล้จะตกดินกระทบร่างสูงที่เดินอยู่บนพื้นหญ้าเขียวชะอุ่ม บุ๋นมองภาพตรงหน้าด้วยรอยยิ้มเหมือนทุกๆครั้งแต่ครั้งนี้กลับแปลกออกไปตรงที่ พวกเขารู้สึกชัดเจนต่อกันมากขึ้น แม้จะไม่มีคำพูดใดๆที่แสดงออกถึงความสัมพันธ์แต่แค่นี้ก็เพียงพอแล้ว




   “อีกสักพักต้องกลับแล้วนะครับ ป่านนี้แม่คงทำอาหารใกล้เสร็จแล้ว” คนที่นั่งห้อยขาอยู่หลังกระบะตะโกนบอกคุณหมอที่เพลินอยู่กับต้นไม้รอบข้าง



   วันนี้ทั้งวันหมอแทบไม่ได้เที่ยวชมบ้านสวนเพราะไปส่งของเสร็จก็ต้องไปส่งอีกที่ ส่งไปเรื่อยๆรู้ตัวกันอีกทีก็เย็นแล้วบุ๋นเลยแวะจอดรถบริเวณสวนเขาเพื่อให้หมอฐานทัพแวะดูก่อนจะกลับเข้าบ้าน



   “อืม” ฐานทัพตอบกลับมาพร้อมกับร่างที่เปลี่ยนทิศทางเดินตรงมาที่เขา



   “พี่อยากจะเดินเที่ยวต่อก็ได้นะครับ” ยังพอมีเวลาที่บุ๋นจะให้หมอได้เดินเล่น



   “ไม่เป็นไร” ฐานทัพส่ายหน้าก่อนจะขึ้นมานั่งที่หลังกระบะข้างๆบุ๋น “อยากนั่งมากกว่า”




   “ครับ” บุ๋นยิ้มนิดๆ



   บ้านสวนตอนเย็นถือเป็นวิวดีที่จะได้ดูพระอาทิตย์ตกดิน บุ๋นชินกับการไปมาระหว่างสองบ้านจนเขาไม่ได้รู้สึกสนใจกับสิ่งตรงหน้า ผิดกับอีกคนที่นั่งจ้องมองไปยังพระอาทิตย์ที่กำลังจะลาลับ



   “พี่ชอบดูพระอาทิตย์ตกดินหรอครับ”



   “เปล่า” เขาตอบ “ไม่เคยได้ดู”




   ฐานทัพไม่เคยได้นั่งอยู่เฉยๆหรือทำตัวเปื่อยๆนานๆ เขามีงานที่จะต้องทำอยู่เสมอ เวลาเลิกเรียนไม่เลิกเย็นก็เลิกค่ำไปเลย การมานั่งดูพระอาทิตย์ตกดินยิ่งเป็นไปไม่ได้สำหรับนักศึกษาแพทย์อย่างเขา



   หรืออาจจะแค่เขา…



   “แล้วชอบไหมครับ?” บุ๋นถามต่อ



   “ชอบ”



   “งั้นไว้คราวหน้าผมจะพาพี่มาดูอีกนะ”



   “อืม” ฐานทัพพยักหน้าอย่างรวดเร็ว “อย่าลืม”



   “ไม่ลืมหรอกครับ” บุ๋นยิ้มอย่างดีใจ เขาไม่เคยเห็นหมอฐานทัพในมุมมองแบบนี้ มุมที่หมอดูสนใจสิ่งอื่นที่ไม่ใช่ตำราหนังสือ   



   “เรียนจบแล้วจะมาทำงานที่บ้านสวนใช่ไหม” ฐานทัพไม่ได้หันมาถามคนข้างๆแต่เป็นอันรู้กันว่าเขากำลังพูดอยู่กับบุ๋น



   “ไม่รู้สิครับ ผมยังไม่ได้คิดเลย”




   ลึกๆแล้วบุ๋นคงตอบว่าไม่อยากทำ ไม่ใช่เพราะไม่ชอบแต่เพราะเขากลัวว่าจะทำให้ธุรกิจที่พ่อกับแม่ตั้งใจสร้างมาจะพังลงเพราะเขา




   “ที่นี่น่าอยู่”




   “ผมว่าถ้าอยู่ทุกวันคงเบื่อแน่ๆ ไม่มีอะไรให้ดูนอกจากต้นไม้”




   “น่าอยู่” ฐานทัพยังคงยืนยันคำเดิม   




   “ถ้าน่าอยู่ พี่มาอยู่ด้วยกันไหมครับ” บุ๋นแกล้งถามออกไป



   “อืม” ฐานทัพพยักหน้าอย่างใช้ความคิด “ถ้าอยู่คงจะเหนื่อย โรงพยาบาลอยู่ไกล”



   “ไม่เป็นไร เดี๋ยวขับรถไปส่ง” บุ๋นยังพูดต่อ แม้น้ำเสียงของเขาจะไม่จริงจังมากนักเพราะไม่อยากให้หมอรู้สึกอึดอัดแต่ทุกคำพูดที่พูดออกไปเขาทำได้อย่างที่พูดจริงๆ



   “เหนื่อย”




   “ไม่เหนื่อย”



   “อืม” เขารับคำ “ไม่เถียง”



   “งั้นแสดงว่าจะอยู่ใช่หมครับ” บุ๋นเริ่มจุดประกายความหวังอีกครั้ง



   “เพ้อเจ้อ”



   “เปล่าเพ้อ ผมจริงจัง” เขาปรับโทนเสียงจนคนที่นั่งอยู่ข้างๆหันมามองหน้าช้าๆ แววตาที่แสดงถึงความมุ่งมั่นทำให้รอยยิ้มบางๆของหมอฐานทัพเผยออกมา



   “อืม รู้แล้ว”



   “แต่ตอนนี้ผมคงต้องเรียนปีหนึ่งให้รอก่อน” บุ๋นหัวเราะ แม้จะวาดฝันอนาคตไว้เยอะแต่ถ้าเขาเรียนไม่รอดทุกอย่างก็จบ



   เกษตรไม่ได้เรียนง่ายอย่างที่คิด



   “รอดสิ” ฐานทัพตอบ “จะได้รับปริญญาพร้อมกัน”



   “รับปริญญา” สิ่งที่ไม่เคยคิดถึงเลยตั้งแต่ที่ได้เจอหมอแต่พอหมอพูดออกมาก็ทำเอาเขาเงียบไปพักหนึ่ง



   ใช่…เขากับหมอถ้าเรียนจบก็จะได้รับปริญญาพร้อมกัน



   “ใช่…ใช่จริงๆด้วย”



   “ตกใจอะไร” ฐานทัพแปลกใจกับปฏิกิริยาของคนข้างๆ บุ๋นดูตกใจและตื่นเต้นไปพร้อมๆกัน



   “ถ้าจบพร้อมกันก็จะได้ถ่ายรูปด้วยกันใช่ไหมครับ”



   “อืม ใช่” ฐานทัพตอบอย่างไม่เข้าใจ มันเป็นคำถามที่บุ๋นก็น่าจะรู้คำตอบอยู่แล้ว



   “งั้น…ผมจะตั้งใจเรียน ไม่เอฟ ไม่รีไทร์”



   “ดี” ฐานทัพพยักหน้าพร้อมรอยยิ้ม



   แปลกที่เขารู้สึกดีเมื่อได้ยินบุ๋นพูดออกมาว่าจะตั้งใจ แม้ว่าเขาจะเห็นความตั้งใจที่ผ่านๆมาของบุ๋นแต่ลึกๆแล้วเขาก็ยังกลัว ปีสี่เขาจะต้องย้ายไปอยู่ฝั่งโรงพยาบาล เวลาที่มีน้อยก็คงจะน้อยลงไปอีก ถึงตอนนั้นเขาคงช่วยติวหนังสือแบบตอนนี้ไม่ได้



   แค่คิด…ก็รู้สึกโหวงๆ



   “ปีหน้าพี่ก็จะย้ายไปอยู่ฝั่งโรงพยาบาลแล้วใช่ไหม” น้ำเสียงของบุ๋นแสดงออกถึงความรู้สึกต่างๆ แม้จะทำใจไว้แล้วแต่พอคิดถึงเรื่องนั้นทีไรเขาก็อดใจหายไม่ได้



   “ใช่” ฐานทัพที่ไม่เคยรู้สึกอะไรกับการต้องย้ายไปฝั่งโรงพยาบาลตอบออกมาเสียงเบาคล้ายกับว่าตัวเขาเองก็ไม่อยากให้มันมาถึง



   “ผมต้องเหงาแน่ๆเลย”



   “อืม” เขารับคำ “เหมือนกัน”



   รอบข้างตกอยู่ในความเงียบหลังจากที่ประโยคสุดท้ายของฐานทัพเอ่ยออกมา บุ๋นทอดมองออกไปไกลสุดสายตาเหมือนกับที่คนข้างๆทำ ตอนนี้หมอฐานทัพจะคิดอะไรอยู่



   “ไม่หายไปไหน” ฐานทัพพูดออกมาทำลายบรรยากาศรอบข้าง “บอกว่าจะอยู่…ก็อยู่”



   “แล้วทุกอย่างจะเหมือนเดิมใช่ไหมครับ”



   “อาจจะมากกว่าเดิม” ไม่รู้อะไรที่ทำให้ฐานทัพตอบออกไปอย่างนั้น บุ๋นยิ้มออกมาแต่ไม่ได้ถามอะไรกลับไป



   คำตอบของหมอทำให้อะไรหลายๆอย่างชัดเจนขึ้น



   “วันแข่งบาสตกลงพี่จะมาไหมครับ?” บุ๋นถามออกไปอย่างมีความหวัง แม้ว่าจะพอเดาออกว่าหมอน่าจะไม่ว่างแต่เขาก็แอบหวังให้หมอว่าง



   เหมือนตอนประกวดดาวเดือน



   “ไม่ว่าง” ฐานทัพตอบออกาอย่างชัดเจน เขาไม่ว่างจริงๆหลังจากที่เช็คตารางเรียนแล้ว



   “งั้นหรอครับ”



   “สู้ๆ” คำพูดธรรมดาแต่กลับแฝงกำลังใจให้คนที่ได้ฟัง “ไม่ได้อยู่ดูแต่ก็เอาใจช่วย”



   “อยากให้อยู่ดู”



   “รู้ว่าต้องชนะ” ฐานทัพหันกลับมามองหน้าคนข้างๆ “เชื่อ”



   “ผมกลัวแพ้” บุ๋นหัวเราะกลบเกลื่อนความกังวลใจ เขาปฏิเสธไม่ได้เลยว่าเขากลัว ตั้งแต่วันที่ได้เจอหน้าของคู่ต่อสู้ใจมันก็บั่นทอนจนแทบจะไม่มีแรง



   เขาจะต้องผ่านไปให้ได้



   หวังให้เป็นแบบนั้น…



   “มีมือสองข้างเหมือนกัน ทำไมจะต้องกลัว” ฐานทัพถามกลับ



   “ผม…”



   “ถ้าชนะเดี๋ยวเลี้ยงแครอท”



   “โห นั่นคือกำลังใจใช่ไหมครับ” บุ๋นหัวเราะออกมา ดูเหมือนแครอทจะเป็นของรางวัลของหมอมากกว่าของเขา




   “อืม ใช่”



   “งั้นผมจะรอพี่เลี้ยงแครอทผมนะ”




   “ได้” ฐานทัพรับคำเสียงหนักแน่น




   บุ๋นกระโดดลงจากกระบะหลังจากที่คุยกันมาสักพัก ถึงเวลาที่เขาจะต้องกลับเข้าบ้านสวนเพื่อกินข้าวเย็นกับครอบครัวแล้ว




   “กลับกันเถอะครับ” บุ๋นยื่นมือมาตรงหน้าฐานทัพ ถึงกระบะจะไม่ได้สูงมากแต่เขาก็อยากให้หมอจับมือของเขาไว้




   อยากให้หมอรู้ว่าเขาพร้อมจะดูแลไม่ว่าจะเป็นเรื่องเล็กน้อยหรือเรื่องอะไรก็ตาม




   “ลงได้” ฐานทัพตอบแต่กลับยื่นมือมาจับมือบุ๋นไว้แน่น




   มือของทั้งสองจับกันและกันไว้แน่นราวกับว่าความรู้สึกของทั้งสองได้ถูกส่งให้กันและกันได้รับรู้ แม้จะไม่มีคำพูดใดๆเอ่ยออกมาแต่ความอบอุ่นที่ถูกส่งมาเป็นคำตอบสำหรับทุกๆอย่าง




   ไม่อยากปล่อยมือเลย…

.

   
   โต๊ะรับประทานอาหารเต็มไปด้วยอาหารมากมายที่แม่ของบุ๋นจัดเตรียมไว้ให้สำหรับการกลับมาบ้านนานๆครั้งของลูกชายและวันครบรอบยี่สิบหกปี กลิ่นหอมกรุ่นที่โชยมาทำเอาท้องร้องกันเป็นแถบ บุ๋นกลืนน้ำลายลงคอพร้อมกับกวาดตามองของโปรดแต่ละอย่างของเขากับพ่อโดยแม่ไม่ลืมที่จะทำเมนูพิเศษให้หมอฐานทัพ



   ต้มจืดแครอท



   “กินได้เลยนะลูก” คำพูดที่เหมือนเป็นการอนุญาติทำให้ทั้งสามคนที่หิวโหยกันมาตั้งแต่ช่วงเที่ยงไม่ปฏิเสธคำเชิญของผู้เป็นแม่



   ฐานทัพเลือกที่จะตักต้มจืดที่มีแครอทตัดเป็นรูปกลีบดอกไม้กับเต้าหู้ก่อนที่จะเลือกตักอาหารจานอื่นๆ ปฏิเสธไม่ได้ว่าเขาเองก็หิวเหมือนกัน




   “ฐานทัพกินเยอะๆเลยนะลูก” แม่หันมายิ้มเมื่อเห็นฐานทัพรีบตักต้มจืดที่เธอตั้งใจทำไว้ให้



   “ขอบคุณครับ”



   “อะแม่ เดี๋ยวไอ้บุ๋นมันแย่งกินหมด” พ่อเอื้อมไปตักผัดผงกระหรี่หมูที่อยู่ไม่ไกลจากตัวให้จานของคนข้างๆ




   “อยากจะให้ก็พูดดีๆ ไม่ต้องมาเฉไฉอ้างคนอื่น” บุ๋นอดที่จะแซวพ่อตัวเองไม่ได้ ท่าทางที่แสดงออกมาไม่ได้หมายความอย่างที่พูดสักนิด




   อยากจะโรแมนติกแต่โรแมนติกไม่เป็น…เฮ้อ พ่อนะพ่อ




   “กินไป” พ่อหันมาดุใส่ “พูดมาก”



   “แม่ พ่อว่าบุ๋น” คนที่โดนดุใส่รีบหันไปหาตัวช่วยที่นั่งยิ้มอยู่ตรงหน้า



   “พอกันทั้งคู่เลย อย่ามาทะเลาะกันให้แขกเห็นสิ” แม่ปรามก่อนจะยิ้มให้ฐานทัพอีกครั้ง “ไม่ถือสานะลูก พ่อลูกคุยกันแบบนี้เป็นปกติ”



   “ครับ ผมเข้าใจ” ฐานทัพพยักหน้า




   “แล้วนี่จะกลับกันเลยหรอลูก ไม่นอนบ้านสวนสักคืนหรอ”




   “คงไม่ครับ พรุ่งนี้ผมมีซ้อมบาสตั้งแต่เช้าเลย” บุ๋นตอบ




   “งั้นกลับบ้านก็เอาอาหารให้อ้วนด้วย คืนนี้พ่อกับแม่จะไปเที่ยวกันก่อนกลับบ้าน”




   “แหนะๆ จะไปไหนกัน” บุ๋นเหล่ตามองคนเป็นพ่อที่ทำตัวมีพิรุษ




   “ยุ่ง!!” น้ำเสียงดุๆตอบกลับมาเรียกเสียงหัวเราะเบาๆจากแม่




   “แล้วฐานทัพอยู่ปีไหนแล้วลูก”




    “ปีสามครับ”




   “อ่อ…เรียนหนักไหมจ้ะ”




   “ครับ หนักกว่าเดิมเพราะปีหน้าต้องย้ายไปฝั่งโรงพยาบาลเลยเรียนค่อนข้างเยอะ”




   “งั้นเหรอจ้ะ…ยังไงแม่ก็ฝ่ากลูกช่วยดูบุ๋นด้วยนะ”




   “อืมใช่ๆ ไอ้บุ๋นมันโง่” พ่ออดไม่ได้ที่จะแขวะลูกที่นั่งทำหน้าหล่ออยู่ตรงข้าม จะว่าไปแล้วดูไปดูมามันก็หน้าตาหล่อเหมือนพ่อ



   “ได้ครับ” ฐานทัพหัวเราะออกมาเบาๆ “จะช่วยดูให้ครับ”




   “พี่ฐานทัพติวหนังสือให้ผมบ่อยมากเลยแม่ สงสัยแม่ต้องเร่งปลูกแครอทมาให้แทนคำขอบคุณซะแล้ว” บุ๋นยิ้มกว้าง




   “ผมก็ไม่ได้ช่วยอะไรเยอะขนาดนั้น” ฐานทัพตอบแม่ของบุ๋นที่ใบหน้ายังคงประดับด้วยรอยยิ้มอย่างใจดี บ้านนี้ดูเหมือนจะยิ้มเก่งมาจากแม่



   “ดูสนิทกันดีนะ ยังไงแม่ก็ฝากด้วยนะจ้ะ” แม่เอ่ยอีกครั้งก่อนจะมองหน้าบุ๋นที่ยิ้มอยู่ข้างๆฐานทัพ เวลาเห็นรอยยิ้มของลูกชายตัวเองที่ยิ้มออกมาก็อดมีความสุขไม่ได้




   บุ๋นเป็นคนยิ้มแล้วมีเสน่ห์





   “ครับ” ฐานทัพรับคำสั้นๆ




   ถึงไม่ขอก็คิดจะทำอยู่แล้ว




   บนโต๊ะอาหารเต็มไปด้วยเสียงหัวเราะจากคนในครอบครัวและฐานทัพที่มีส่วนร่วมในการฟังเรื่องราวต่างๆ เรื่องราวที่ไม่เคยได้ยินของบุ๋นทำให้เขานึกแปลกใจอยู่หลายเรื่อง อย่างหนึ่งที่ปฏิเสธไม่ได้เลยคือเขารู้สึกอบอุ่นที่ได้อยู่คุยกับพ่อและแม่ของบุ๋น




   บางทีเขาก็คิดว่าเวลาผ่านไปไว เผลออีกทีก็ปาไปเกือบหนึ่งทุ่ม พ่อและแม่เดินจับมือกันออกมาส่งเขาสองคนที่จอดรถไว้หน้าบ้าน แม้ว่าลึกๆฐานทัพจะรู้สึกไม่อยากกลับเพราะชอบบรรยากาศรอบข้างแต่เขาก็ไม่ได้พูดอะไรออกไปเพราะรู้ว่าบุ๋นมีสิ่งที่ต้องทำในวันพรุ่งนี้เช้า




   “กลับมาบ้านบ่อยๆหน่อยไอ้ลูก” พ่อตบบ่าคนที่ยืนยิ้มสองที “ถ้าไม่กลับมาเดี๋ยวตัดเงินเดือน”




   “โห กลัวจังเลย เนอะแม่” บุ๋นหันไปหัวเราะให้กับผู้หญิงที่อยู่ข้างๆ “บุ๋นกลับก่อนนะ เดี๋ยวเจ้าอ้วนมันหิวแล้วจะหงุดหงิด”




   “ความจริงแม่โทรไปบอกพี่นาให้เอาอาหารให้อ้วนแล้ว แต่กลับไปบุ๋นเอาให้อีกรอบก็ได้ แม่ว่าอ้วนน่าจะไม่อิ่ม”   




   “ได้ครับ งั้นบุ๋นจะได้ไม่รีบขับกลับมากถ้าอ้วนได้กินข้าวแล้ว”




   “ไม่ต้องเป็นห่วงแม่บอกพี่นาแล้ว ขับรถดีๆละไม่ต้องรีบ”



   “ครับผมมมม~” บุ๋นพูดพร้อมกับเดินเข้าไปสวมกอดแม่กับพ่อพร้อมกัน “สุขสันต์วันครบรอบนะครับพ่อแม่ มีความสุขมากๆนะ”




   “เออ ไม่ต้องมาซึ้งไปได้แล้ว” พ่อดันตัวบุ๋นออกอย่างคนแสดงออกไม่เก่ง “ถึงบ้านแล้วโทรบอกด้วย”




   “ครับบบบ~” บุ๋นยิ้มอีกครั้งก่อนจะยกมือไหว้พ่อแม่เหมือนทุกๆครั้ง




   “สวัสดีครับ” ฐานทัพยกมือไหว้พ่อกับแม่ของบุ๋นก่อนจะรับถุงแครอทที่แม่ยื่นให้ถุงใหญ่ “ขอบคุณครับ”




   “ไว้มาใหม่นะลูก”




   “ครับ” ฐานทัพพยักหน้าก่อนจะยกมือไหว้อีกครั้งแล้วเดินขึ้นรถตามบุ๋นที่เดินนำไปก่อน




   “ฐานทัพ” เสียงดุๆของพ่อบุ๋นเรียกให้เขาหันกลับไป




   “ครับ?”




   “ฝากบุ๋นมันด้วย ถึงมันจะโง่แต่มันเป็นคนดี” พ่อยกมือเกาหัวตัวเองแก้เขิน ไม่เคยต้องมาพูดชมลูกตัวเองกับใคร “ถ้ามันทำอะไรไม่ดีก็สอนมันด้วย”




   “ครับ ได้ครับ”




   “ไปเถอะ ไว้เจอกัน”




   “ครับ”




   ฐานทัพขึ้นมาบนรถก่อนจะเอาถุงแครอทวางไว้ที่นั่งข้างหลัง บุ๋นที่ขึ้นมานั่งอยู่ก่อนแล้วส่งผ้าห่มที่ถืออยู่ให้ก่อนจะยิ้มออกมาบางๆ




   “พ่อแม่ผมดุไหม” คำถามแรกถามขึ้นหลังจากที่เขาขึ้นมานั่งเรียบร้อยแล้ว




   “ไม่ น่ารักดี” เขาตอบออกมาตามความจริง เวลาที่ได้พูดกับพ่อแม่บุ๋นเขารู้สึกเหมือนเขาเป็นส่วนหนึ่งในครอบครัว เขารับรู้ได้ถึงความอ่อนโยนและความจริงใจจากครอบครัวนี้




   “ไว้ครั้งหน้ามาใหม่เนอะ”




   “อืม” ฐานทัพตอบกลับทันที “ถ้าไม่ติดงาน”



   รถกระบะเคลื่อนตัวออกจากบ้านสวนช้าๆ บุ๋นมองกระจกมองหลังที่มีร่างของชายหญิงที่ยืนมองรถของเขาขับออกไปก่อนจะระบายยิ้มออกมาบางๆ พ่อกับแม่ก็ยังคงห่วงเขาไม่ต่างจากวันแรกที่ต้องออกมาอยู่คนเดียว



   ลึกๆแล้ว…เขาคิดถึงบ้าน



-------------------------------
Merry Christmas 2016
ขอให้คนอ่านมีความสุขมากๆนะคะ
ตามอ่านหมอไปนานๆน้าาาาาาาา

ออฟไลน์ Duangjai

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 658
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +19/-1
เปิดตัวพี่หมอกับที่บ้านละนะบุ๋น. คนนี้เอาจริงเนอะ

รักแค่ไหน  ไม่รู้ซิ แต่..รักมากอ่ะ

  :katai3:  :katai3:  :katai2-1:  :katai2-1:
...

ออฟไลน์ nsai.ss

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 413
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +8/-2
เรื่องนี้น่ารัก...น่ารักมากด้วย แงงงงงงงงงง~

ออฟไลน์ snice_cz

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 727
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +42/-0
 :L2:น่ารักมากกกก อ่านแล้วละมุน

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด