[จบแล้ว] ▲△ (ผม)จีบหมอ Beside you ▼▽.: [25: ผมรักหมอ 100%] 27/01/60 หน้า8
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: [จบแล้ว] ▲△ (ผม)จีบหมอ Beside you ▼▽.: [25: ผมรักหมอ 100%] 27/01/60 หน้า8  (อ่าน 150319 ครั้ง)

ออฟไลน์ Arzumi

  • #เจ้าหนูจาไม
  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 111
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-0
พี่หมอคร้าบบบบบเมื่อไรจะลองชิมเบบี้บุ๋นล่ะคร้าบบบอิอิ :katai2-1: :katai2-1:

ออฟไลน์ perlina

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 56
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +17/-1
จีบหมอครั้งที่ยี่สิบเอ็ด

   งานเปิดบ้านมาถึงทำให้มหาวิทยาลัยวันนี้ค่อนข้างคึกคักกว่าทุกๆครั้ง โดยเฉพาะคณะที่เป็นที่โปรดปรานของเด็กมอหกอย่างคณะแพทย์ที่คนออกันเต็มจนล้นออกมานอกคณะ ส่วนคณะอื่นๆก็แบ่งสัดส่วนไปเท่าๆกัน



   ฐานทัพที่ถูกลากมายืนทำหน้านิ่งๆอยู่ที่ลานคณะแพทย์เพราะวันเปิดบ้านเลยทำให้อาจารย์เลิกเร็วกว่าปกติเพื่อที่จะได้ไปแนะนำเด็กๆในการเรียนแต่ละชั้นปี ความจริงเขาตั้งใจจะกลับหอแต่โดนคินลากมาเลยทำให้ปฏิเสธไม่ได้



   “สงสัยตรงไหนถามพี่ได้นะครับ” คนร่าเริงยังคงพูดต่อไปโดยไม่ได้สนใจอาการของคนที่ยืนข้างๆ



   “พี่คะเรียนเป็นยังไงบ้างคะ” เด็กนักเรียนกลุ่มใหม่เดินเข้ามาถามด้วยความสนใจ




   “เรียนหนัก อ่านหนังสือเยอะ” ฐานทัพตอบกลับเมื่อเห็นว่าคู่สนทนาสบตาเขา




   “เอ่อ…แล้วมีอะไรอีกไหมคะพี่”




   “สอบบ่อย” เขาตอบกลับไปตามความจริงแต่ดูเหมือนคำตอบของเขาจะไม่เป็นประโยชน์สักเท่าไหร่




   “ถามพี่ก็ได้ครับ ไอ้นี่มันซื่อบื้อน่ะ” คินที่ได้ยินการสนทนาทั้งหมดออกตัวแทนก่อนจะหันไปมองหน้าฐานทัพ “มึงกลับก็ได้ถ้าจะเบื่อโลกขนาดนี้”




   “อืม ได้” เขาพยักหน้าอย่างว่าง่าย อยู่ไปก็ไม่รู้จะอยู่ทำไม เขาไม่รู้จะแนะนำอะไร ไม่รู้ว่าต้องพูดแบบไหน เขาไม่ได้เป็นคนพูดน้ำไหลไฟดับเหมือนคิน




   “ไม่แวะไปคณะน้องมันก่อนกลับหรอวะ ป่านนี้โดนสาวขอไลน์ไปสิบกว่าคนละมั้งงง~” คินยังไม่วายที่จะทิ้งระเบิดไว้ก่อนที่เขาจะเดินออกมา




   “เออ เดี๋ยวไป” พอได้ยินคำว่าขอไลน์เขาก็รู้สึกตะหงิดขึ้นมาทันที ถึงจะอยากกลับหอแต่แวะไปดูสักพักคงไม่เป็นไร



   ไหนๆวันนี้ก็ว่างแล้ว…



   จักรยานคันเก่งจอดลงหน้าคณะเกษตรที่ดูคึกคักไม่ต่างจากคณะอื่นๆ ฐานทัพเดินเข้าไปยังคณะโดยที่มีเด็กนักเรียนยืนดูกันเป็นจุดๆก่อนจะเห็นร่างสูงที่ดูโดดเด่นกว่าคนอื่นๆยืนยิ้มให้กับเด็กๆที่เข้ามาถาม



   “สงสัยตรงไหนถามพี่ๆปีสองปีสามได้นะครับ” คนที่ถูกบังคับให้มายืนต้อนรับเอ่ยคำเดิมซ้ำๆตั้งแต่มาถึง เขาเป็นเดือนคณะเลยต้องทำหน้าที่ในการเรียกให้เด็กเดินเข้ามาเยี่ยมชมคณะ



   “ทำดีๆ” พี่ใบที่ยืนอยู่ไม่ไกลยกนิ้วโป้งให้ก่อนจะหัวเราะกับสีหน้าบอกบุญไม่รับของเดือนคณะ



   “เชิญเข้ามาชมก่อนได้ครับ”



   “ขอถ่ายรูปหน่อยได้ไหมคะ พี่น่ารักมากเลย” น้ำเสียงตื่นเต้นของเด็กมอหกเดินตรงเข้ามายังร่างสูงที่ยืนอยู่ “พี่ใช่เดือนคณะใช่ไหมคะ”



   “อ่อ ครับ” บุ๋นยิ้มแห้งๆ




   ใครก็ได้เอากูออกไปจากตรงนี้ที…




   “ก็ว่า หล่อมากเลยค่ะ” ใบหน้าขาวแดงระเรื่อขึ้นมาเล็กน้อย “ชูสองนิ้วนะคะพี่”



   “อ่อ ครับ” บุ๋นพูดพร้อมกับทำท่าตามที่อีกฝ่ายบอก



   “ขอบคุณมากค่ะ พี่มีไลน์ไหมคะ เผื่อหนูมีเรื่องสงสัยอยากจะถาม”



   “เอ่อ…คงให้ไม่ได้ครับ”



   “ทำไมละคะ”



   “พอดีแฟนพี่หวงครับ” บุ๋นยกเรื่องหมอฐานทัพขึ้นมาอ้าง เอาความจริงแล้วเขาไม่รู้ว่าจะต้องปฏิเสธยังไง




   “พี่มีแฟนแล้วหรอคะ” คำถามที่ถามออกไปดังพอที่จะทำให้อีกคนที่ยืนฟังอยู่ได้ยิน



   “ครับ มีแล้ว” บุ๋นตอบกลับมาทันทีไม่มีท่าทีลังเล “อยากรู้อะไรเข้าไปถามข้างในดีกว่านะ พี่เองพึ่งปีหนึ่งยังไม่ได้เรียนวิชาในคณะมากเท่ารุ่นพี่ปีอื่นๆ”



   “อ่อ ได้ค่ะ” เธอยิ้มเจื่อนก่อนจะเดินเข้าไปยังจุดอื่นๆที่มีรุ่นพี่ประจำที่อยู่



   ร่างสูงถอนหายใจออกมาอย่างอ่อนแรง ไม่ใช่รายแรกที่ขอไลน์ เขาปฏิเสธจนแทบจะไปปริ้นกระดาษมาติดบนหน้าอยู่แล้ว




   “เชิญเข้าชมด้านในก่อน…” คำพูดทุกอย่างหายไปเมื่อเห็นใบหน้าของอีกคน รอยยิ้มบางๆเผยออกมา “คิดถึงผมหรอครับ”



   “เปล่า” ฐานทัพปฏิเสธทันที “ว่างเลยแวะมา”



   “แวะมาทักทายหรอครับ”



   “เปล่า แวะมาดูว่าแจกไลน์ไปกี่คนแล้ว”




   “หืม?” บุ๋นเลิกคิ้ว “หมายความว่ายังไงครับ”




   “คินบอกให้แวะมาดู” ฐานทัพตอบตามประสาคนซื่อ พอเห็นว่าบุ๋นไม่ได้ให้ไลน์อย่างที่คินบอกเขาก็รู้สึกโล่งใจขึ้นมาแปลกๆ



   “พี่คิดว่าผมจะแจกไลน์หรอครับ?”




   “เปล่า คินคิด”



   “ครับ” บุ๋นหัวเราะ “ไม่แจกหรอก พี่สบายใจได้”




   “รู้แล้ว ได้ยิน”




   เขาได้ยินชัดเจนเลยด้วยซ้ำตรงคำว่า ‘แฟนหวง’



   “แล้วพี่จะไปไหนต่อรึเปล่าครับ?” เขาอยากจะออกไปจากตรงนี้เพราะยืนมาเกือบสามชั่วโมงแล้ว ตอนนี้เริ่มหิวข้าวขึ้นมานิดๆ



   “อืม เลยมาชวน”



   “ชวนไปไหนครับ?”




   “ไปเดต” ฐานทัพที่ศึกษาข้อมูลมาอย่างดีพูดเต็มเสียงก่อนจะเห็นปฏิกิริยาของฝ่ายตรงข้ามที่เริ่มมีเลือดฝาดปรากฏขึ้นบนใบหน้า




   เขาพูดอะไรผิด?




   “พี่มาชวนผมไปเดต?” บุ๋นถามแม้ว่าจะได้ยินชัดเจนทุกถ้อยคำแล้ว เขารู้สึกแปลกใจเล็กน้อยที่จู่ๆหมอก็ชวนขึ้นมา




   “อืม ตอนแรกว่าจะกลับหอ” เขาบอก “แต่เปลี่ยนใจแล้ว”




   “อ่อ…”




   “ไปเดตกันไหม?”




   “เอ่อ…”




   ถามมาแบบนี้….ใครจะกล้าปฏิเสธ




   เสียงหัวใจของบุ๋นมันร่ำร้องบอกให้ตอบตกลงออกไปอย่างรวดเร็วแต่ก่อนที่จะตอบออกไปเขาก็รู้ถึงสายตาของพี่ใบที่จับจ้องมาที่เขา



   ไม่นะ…บุ๋นจะไป!!




   “เดี๋ยวผมไปบอกรุ่นพี่ก่อนนะครับ”




   “อืม เดี๋ยวออกไปรอข้างนอก”




   ฐานทัพเดินออกมารอยังที่จอดจักรยานเพราะไม่อยากอยู่ในที่ๆมีคนเยอะๆ ตอนแรกก็ตั้งใจว่าจะแวะมาแล้วก็กลับไปนอนเล่นที่หอแต่พอเห็นบุ๋นก็รู้สึกยังไม่อยากกลับ อีกอย่างวันนี้ว่างตรงกันพอดีเลยถือโอกาสชวนบุ๋นไปเที่ยวซะเลย




   ก่อนที่เขาจะเตรียมอ่านหนังสือสอบไฟนอลยาว




   เสียงคุยจ๊อกแจ๊กของเด็กนักเรียนดังผ่านหูเขาไป ฐานทัพไม่ได้สนใจฟังเป็นพิเศษจนกระทั่งคำพูดหนึ่งสะกิดให้เขาฟังอย่างปฏิเสธไม่ได้




   “แกเดือนคณะเกษตรหล่อเนอะ” ผู้หญิงหนึ่งในสามที่พึ่งเดินออกมาจากคณะคุยกันผ่านหน้าเขาไป




   “ใช่ แต่พี่เขาบอกว่ามีแฟนแล้ว”




   “โหยแก แฟนต้องสวยมากแน่ๆเลย”




   “แน่ดิ หล่อแบบนั้นแฟนไม่สวยก็ไม่รู้จะว่ายังไงแล้ว”




   “แฟนเขาอาจจะไม่ใช่ผู้หญิงก็ได้นะเว้ยย”




   “ไม่มีทาง ฉันเชื่อว่าต้องเป็นผู้หญิง!!” คำที่เถียงเด็ดขาดลอยมาสะกิดให้คนที่ฟังรู้สึกถึงคำพูดนั้น




   ฐานทัพได้แต่ยืนฟังเงียบๆปล่อยให้เสียงนั้นลอยผ่านไปตามลม เขาถอนหายใจออกมายาวๆอย่างไม่เข้าใจตัวเอง ถ้าเป็นแต่ก่อนเขาคงไม่รู้สึกอะไรกับคำพูดพวกนี้ แต่ครั้งนี้มันต่างออกไป จากที่คิดว่าตัวเองไม่รู้สึกอะไรกับคำพูดของคนอื่น



   แต่ครั้งนี้…เขารู้สึก



   ทั้งๆที่ทุกอย่างมันชัดเจนดีอยู่แล้วแต่ทำไมเขาถึงรู้สึกกับสิ่งที่ได้ยิน จากที่ไม่เคยสนสิ่งรอบข้าง แต่ในตอนนี้เขาได้ย้อนมองตัวเองผ่านมุมมองของคนอื่น




   รักแบบนี้จะเป็นไปได้จริงงั้นหรอ




   “มาแล้วครับ~” น้ำเสียงร่าเริงเรียกสติของคนที่ยืนคิดอะไรคนเดียวให้กลับมาสู่ปัจจุบัน




   “อืม” ฐานทัพพยักหน้าพร้อมรอยยิ้มบางๆ “เป็นไง”




   “ไปได้ครับ พอดีอีกสักพักน้ำฟ้าจะมาอยู่ต่อแทนผมเลยได้ออกมาก่อน” บุ๋นยิ้มกว้างด้วยความดีใจ นี่ถือเป็นเดตครั้งแรกของเขากับหมอหลังจากที่พึ่งคบกัน




   “เราจะไปไหนกันดีครับ” บุ๋นถามด้วยน้ำเสียงตื่นเต้นผิดกับอีกคนที่มีเรื่องให้คิดอยู่ในใจ




   “อืม นั่นสิ” ฐานทัพตอบกลับด้วยน้ำเสียงเนือยๆ




   “พี่เป็นอะไรรึเปล่าครับ” เมื่อเห็นหมอมีท่าทางที่แปลกไปบุ๋นก็อดสงสัยไม่ได้หรือว่าหมอรอนานจนไม่อยากไปแล้ว




   “เปล่า” เป็นครั้งแรกที่ฐานทัพตอบออกไปส่งๆ ความจริงแล้วเขาเป็นแต่ไม่รู้จะให้เหตุผลว่าอะไร




   ในเมื่อเขาดันเก็บสิ่งที่ได้ยินมาคิดมากเอง…บุ๋นไม่ได้ผิดอะไร




   “หรือว่าพี่หิวข้าว เราไปกินข้าวกันก่อนไหมครับ” บุ๋นยังคงถามต่อ เขาไม่ชอบเวลาเห็นหมอฐานทัพมีท่าทีเหม่อลอยดูไม่เหมือนปกติ




   “อืม ได้”




   “ยิ้มก่อน อย่าทำหน้าเครียดแบบนั้นสิครับ” บุ๋นยิ้มเป็นตัวอย่าง “ผมเป็นห่วงนะ”




   “อืม ยิ้ม” ฐานทัพยกยิ้มบางๆหากแต่ไม่ได้มาจากความรู้สึกข้างในจริงๆ




   แค่คำพูดของคนที่เขาไม่รู้จัก ทำไมมันมีอิทธิพลกับตัวเขามากขนาดนี้




   หรืออาจเพราะ…เขาเป็นผู้ชาย



.   

   ทั้งสองคนมาที่ห้างสรรพสินค้าที่ไม่ไกลจากมหาวิทยาลัยมากเท่าไหร่นัก ฐานทัพพยายามสลัดความคิดในหัวทิ้งไปก่อนจะหยิบกระดาษที่เขียนจดบันทึกไว้ขึ้นมาอ่านเพื่อให้การเดตครั้งแรกของเขาสองคนเป็นไปอย่างราบรื่น




   “พี่จดมาเลยหรอครับ”   




   “อืม” ฐานทัพพยักหน้า เขาไล่สายตาอ่านสิ่งที่จดมาก่อนจะหันไปหาคนข้างๆ “ดูหนังไหม”




   “ได้ครับ พี่อยากดูเรื่องอะไร” บุ๋นถามอย่างคนตามใจ เขาเองก็ไม่ได้ดูหนังในโรงมาสักพักแล้วเลยไม่รู้ว่ามีหนังอะไรเข้าใหม่บ้าง




   “เห็นมีคนบอกเรื่องนี้สนุก” ฐานทัพชี้ชื่อเรื่องที่ลิสไว้ให้บุ๋นดู “เรื่องนี้ไหม”




   “ได้ครับผม”




   “เดี๋ยวไปซื้อตั๋วให้” ฐานทัพบอกเมื่อเดินมาถึงโรงหนัง ไม่รอให้บุ๋นตอบร่างสูงก็เดินเข้าไปต่อแถวเพื่อซื้อตั๋วหนัง




   เมื่อเห็นหมอเดินเข้าไปยังที่ซื้อตั๋วบุ๋นเลยเดินแยกไปซื้อน้ำกับป๊อปคอร์นเพื่อเตรียมเข้าสู่โรงหนัง ถึงเขาจะรู้สึกว่าหมอแปลกไปแต่ก็เลือกที่จะเก็บไว้ เขาไม่อยากให้บรรยากาศที่อยู่ด้วยกันตอนนี้แย่ลง



   บางทีเขาอาจจะรู้สึกไปคนเดียวก็ได้…




   เมื่อถึงเวลาเข้าโรงหนังทั้งสองก็เดินตามกันเข้าไปยังที่นั่งที่ฐานทัพเป็นคนเลือกไว้ ที่นั่งที่พอดีกับระดับสายตาทำให้คนที่มาด้วยรู้สึกผ่อนคลายขึ้นไปอีก อาจเพราะวันนี้เป็นวันธรรมดาเลยทำให้คนในโรงหนังไม่เยอะมากเท่าวันหยุดเสาร์อาทิตย์




   “หนังจะเริ่มแล้วบอกนะ” ฐานทัพหันไปกระซิบคนข้างๆเมื่อเห็นว่าตัวอย่างหนังกำลังเริ่มฉาย




   “พี่จะนอนหรอครับ?”




   “เปล่า พักสายตาเฉยๆ” เขาพูดพร้อมค่อยๆหลับตาทั้งสองข้างลง “บุ๋น” น้ำเสียงทุ้มต่ำเรียกชื่อคนข้างๆ




   “ครับ?”




   “ขอมือหน่อย” ฐานทัพแบมือไปตรงหน้าอีกคน “จับมือ”




   “คะ…ครับ” บุ๋นตะกุกตะกักขึ้นมาเล็กน้อยแต่ก็ยอมทำตามที่อีกฝ่ายขออย่างเต็มใจ




   มือทั้งสองสอดประสานกันแน่นเป็นหนึ่งเดียว ฐานทัพรับรู้ถึงความอบอุ่นที่ถ่ายทอดมายังเขา ตั้งแต่เมื่อไหร่กันที่เขารู้สึกมีความสุขมากมายขนาดนี้




   มือคู่นี้…ไม่อยากปล่อยเลย




   บุ๋นปล่อยให้อีกฝ่ายจับมือโดยไม่ถามอะไรต่อ เสียงหัวใจของเขาเต้นแรงเหมือนทุกๆครั้ง แม้เขาจะพยายามทำใจให้ชินแต่ก็ไม่เคยมีสักครั้งที่ชินได้




   หมอฐานทัพมีอิทธิพลกับหัวใจเขามากจริงๆ




   “พี่คินจดลิสให้พี่หรอครับ” บุ๋นถามออกไปเมื่อเห็นว่าฐานทัพแค่พักสายตาไม่ได้งีบหลับ




   “เปล่า” เขาตอบ




   “อ่าว…”




   “อ่านพันทิป”




   เขานั่งหาข้อมูลทั้งคืนเพียงเพราะว่าตัวเองไม่เคยมีประสบการณ์และไม่อยากให้อีกคนรู้สึกน้อยใจ ถึงเขาจะไม่เก่ง ถึงจะไม่เชี่ยวชาญแต่เขาจะพยายามทำให้ดีที่สุด




   เพื่อให้บุ๋นมีความสุขเหมือนที่เขามีความสุข





   บุ๋นแทบไม่มีสมาธิกับหนังที่ดูเพราะมือที่ประสานกันแน่นผิดกับหมอฐานทัพที่นั่งดูตาไม่กระพริบ แม้ว่ามือทั้งคู่จะเปียกชุ่มไปด้วยเหงื่อแต่ไม่มีสักวินาทีที่มือทั้งคู่หลุดออกจากกัน




   เป็นแบบนี้ไปนานๆนะครับ




   หนังกินเวลาไปเกือบสองชั่วโมงครึ่งทำให้ออกมาจากโรงหนังฟ้าก็เริ่มเปลี่ยนสี บุ๋นดูเวลาในโทรศัพท์มือถือก่อนจะมองอีกคนที่ยืนเงียบๆอยู่ข้างๆ




   “ไปไหนกันต่อดีครับ?”




   “ไปกินไอศกรีมไหม” เขาดูรายการที่เขียนมาก่อนจะบอกอีกคน “หรือว่าหิว…” ฐานทัพหยุดคำพูดไว้เพียงเท่านั้นเมื่อเห็นสายตาของอีกคนที่มองกลับมา




   รอยยิ้มบางๆปรากฏขึ้นบนใบหน้าของคนยิ้มเก่ง แววตาที่บ่งบอกถึงความสุขที่อัดแน่นอยู่เต็มหัวใจ ความรักที่เขามีให้แก่อีกคน บุ๋นไม่สามารถจะบรรยายออกมาได้หมด




   แต่เขาเชื่อว่า…หมอรับรู้




   “ยิ้มอะไร”





   “มีความสุขครับ” สุขที่เห็นความพยายามของอีกคน “ทำไมต้องน่ารัก”





   “น่ารัก?” ฐานทัพถามเสียงสูง “ไม่น่ารัก”




   “น่ารักสำหรับผมคนเดียว” บุ๋นบอกอย่างคนขี้หวง “ไปกินไอศกรีมกันครับ”




   “อยากกินหรอ”




   “ครับ” เห็นหมอเขียนเขาเองก็ไม่อยากขัด เขาไม่เคยคิดว่าการมาเดตจะต้องวางแพลนเขียนไว้ทุกอย่าง แต่พอเห็นสิ่งที่หมอทำก็อดอมยิ้มไม่ได้




   ใส่ใจรายละเอียดมากกว่าเขาอีก…




   ร้านไอศกรีมมีคนอยู่ในร้านประปรายเลยทำให้เขาได้ไอศกรีมไวกว่าทุกๆครั้ง บุ๋นเลือกสั่งดาร์กช็อกโกแลตส่วนหมอฐานทัพสั่งรสมะนาว




   “พี่ชอบเปรี้ยวๆหรอครับ”




   “บางครั้ง” ฐานทัพตอบ “กินแล้วตื่นดี”



   “พี่ง่วงหรอครับ?”




   “เปล่า สงสัยเมื่อคืนนอนดึกไปหน่อย” เขาถอนหายใจ “หนังสนุกเนอะ” ฐานทัพพยายามเปลี่ยนเรื่องเมื่อเห็นสายตาของอีกคนที่มองมา




   จะให้บอกไปตรงๆว่านอนดึกเพราะอ่านกระทู้ก็ดูตลก




   “พี่ว่าการตัดสินใจของเขาถูกแล้วหรอครับ” บุ๋นหยิบประเด็นหนังที่ดูออกมาถาม เขาไม่ค่อยเห็นด้วยกับการตัดสินใจของพระเอกสักเท่าไหร่




   “ไม่รู้…แต่คิดว่าเป็นแบบนี้ก็ดีแล้ว”




   “ไม่อะ ผมว่าพระเอกมันขี้แพ้เกินไป” เขาโต้ขึ้นมา




   “ขี้แพ้ยังไง”




   “ก็เขาไม่ถามความเห็นอีกฝ่ายสักคำว่าต้องการแบบนี้ไหม เขาเอาแต่การตัดสินใจของตัวเอง แล้วเป็นยังไง สุดท้ายก็เจ็บทั้งคู่” บุ๋นอินหนักกับหนังรักที่จบแบบไม่สมหวัง




   เขาไม่เข้าใจจริงๆ




   “บางทีเรื่องที่คิดไม่จำเป็นต้องพูดออกมา”




   “…”





   “รู้สึก…ก็รู้สึกแค่คนเดียวก็พอ”   




   “ทำไมล่ะครับ” บุ๋นถามอย่างคนไม่เข้าใจ




   ไม่เข้าใจจริงๆ



   “การที่ให้อีกฝ่ายไม่รับรู้คงเป็นทางที่ดีกว่าให้รับรู้” ฐานทัพเหม่อมองไอศกรีมตรงหน้า คำพูดเมื่อตอนกลางวันหวนกลับมาอีกครั้ง




   ทั้งๆที่เมื่อกี้ก็ลืมไปแล้วแท้ๆ




   “พี่ดูอินกว่าผมอีกนะเนี่ย” บุ๋นหัวเราะออกมาเมื่อเห็นหมอฐานทัพพูดในแบบที่ไม่เคยพูดมาก่อน




   “อืม…คงงั้น”


.
   ทางเดินที่เคยมองว่ายาววันนี้มันกลับสั้นแปลกๆ ฐานทัพหยุดยืนอยู่ตรงจักรยานที่ล็อกไว้ของตัวเองกับบุ๋นที่จอดข้างกันก่อนจะหันไปมองคนข้างๆที่เดินตามมาเงียบๆระหว่างทาง




   อะไรหลายๆอย่างทำให้บทสนทนาของเขากับบุ๋นขาดช่วงไปและดูเหมือนบุ๋นจะไม่กล้าถามเหมือนทุกๆครั้ง ถึงจะอยากรู้ว่าเกิดอะไรขึ้นแต่ดูเหมือนตอนนี้หมอไม่พร้อมที่จะเล่า




   “เจอกัน” ฐานทัพพูดออกไปสั้นๆหากแต่อีกคนไม่อยากฟังคำๆนี้




   “พี่จะไม่บอกผมหน่อยหรอครับว่าพี่เป็นอะไร” คนที่รอให้ฐานทัพเป็นคนเปิดประเด็นตัดสินใจถามออกไปเมื่อไม่เห็นท่าทีที่หมอจะพูดออกมา




   “เปล่า” เป็นอีกครั้งที่ปากไม่ตรงกับความรู้สึกข้างใน




   รู้ว่าเป็น…แต่ไม่รู้จะบอกยังไง




   “ผมไปทำอะไรให้พี่โกรธรึเปล่าครับ”




   “เปล่า”




   “แล้วผม…”




   “ไม่ได้ทำอะไรทั้งนั้น” เขาเอ่ยออกมาก่อนจะสบตาคนตรงหน้าช้าๆ “วันนี้สนุกมาก”




   “ผม…” คิ้วทั้งสองข้างยังขมวดเข้าหากัน บุ๋นรับรู้ได้ว่าครั้งนี้หมอกำลังปิดบังอะไรเขาอยู่ แม้จะไม่ยอมบอกแต่แววตาของหมอไม่เหมือนเดิม   





   เป็นอะไร




   “กลับเถอะ ดึกแล้ว”




   “พี่จะกลับทั้งๆที่พี่ยังเป็นแบบนี้งั้นหรอครับ” เขาไม่มีความสุขถ้าจะให้กลับทั้งๆที่อีกคนยังมีความรู้สึกอะไรในใจ




   “เป็นยังไง”




   “ผมว่าพี่รู้นะว่าพี่เป็นอะไร แค่พี่ไม่ยอมพูด” ถ้าเป็นกับคนอื่นๆบุ๋นคงโมโหไปแล้วแต่พอเป็นกับหมอ แค่จะโกรธเขายังทำไม่ลง




   เขาเข้าใจว่าหมอฐานทัพมีเขาเป็นแฟนคนแรกและไม่เข้าใจความสัมพันธ์เวลาคบกัน




   แต่ทุกครั้งหมอก็เลือกที่จะพูดออกมา…ทำไมครั้งนี้ไม่ยอมพูด




   “ขอโทษ” เป็นครั้งแรกที่เขาได้ยินคำๆนี้ออกมาจากปากของหมอฐานทัพ ตั้งแต่ที่เจอกันหมอไม่เคยพูดคำๆนี้มาก่อน




   ไม่ปกติแล้วสิ…




   “พี่จะไม่บอกผมจริงๆหรอ” จากอารมณ์ดีๆในตอนแรกเริ่มมาคุขึ้นเรื่อยๆ เขาไม่อยากให้หมอเป็นแบบนี้ เขาอยากให้ทุกอย่างมันเคลียร์




   “บอกสิ” ฐานทัพยิ้มบางๆ เขาไม่อยากให้บุ๋นทำหน้าเครียด “แต่ไม่รู้จะบอกยังไง”




   “บอกเหมือนที่พี่เคยบอกผมไง บอกตรงๆแบบที่พี่ชอบทำ”





   “อืม”




   ฐานทัพเงียบอยู่นานหลายนาที ความเงียบเริ่มเข้ามาปกคลุมรอบข้าง เสียงถอนหายใจของคนตรงหน้าดังขึ้นพร้อมกับอ้อมแขนที่ดึงเขาเข้าไปกอดไว้แน่น สัมผัสอบอุ่นที่ส่งผ่านมาเหมือนคำปลอบโยนไร้เสียง ฐานทัพหลับตาลงช้าๆพร้อมกับแขนที่โอบกอดคนตรงหน้าไว้แน่น ความกังวลที่เกิดขึ้นเหมือนถูกหักลบลงไปเรื่อยๆ




   “ผมไม่รู้ว่ามันเกิดอะไรขึ้น แต่ผมไม่ชอบเลยที่พี่เป็นแบบนี้” น้ำเสียงที่ดังอยู่ข้างหูเอ่ยเสียงสั่น “พี่เป็นแบบนี้ผมกลัวนะ”




   “…”




   “ผมกับพี่เราได้คบกันแล้ว ผมก็อยากจะทำทุกวันให้ดีที่สุด” บุ๋นกอดคนตรงหน้าไว้แน่นราวกับว่าถ้าเขาปล่อย หมอจะหายไป




   “…”





   “พี่บอกผมเถอะนะว่ามันเกิดอะไรขึ้น ผมจะได้ทำอะไรได้บ้าง”




   “…”




   “ผม ผม…” เสียงบุ๋นสั่นขึ้นเรื่อยๆ ไม่มีน้ำตา ไม่มีเสียงสะอื้น มีแต่ความกลัวที่เริ่มก่อขึ้นในจิตใจ




   กลัวไปหมด


ออฟไลน์ perlina

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 56
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +17/-1
   “พอแล้ว” ฐานทัพตบหลังบุ๋นเบาๆ “ไม่มีอะไร”



   “…”




   “แค่รู้สึกว่าผู้ชายต้องคู่กับผู้หญิง” เขายอมบอกในสิ่งที่ตัวเองคิดออกมา ทั้งๆที่ใจอยากจะเก็บไว้คนเดียวแต่พอเห็นอาการของอีกฝ่ายเขาก็ทำอย่างที่คิดไม่ลง




   “ผมไม่รู้หรอกนะว่าใครเป็นคนคิดว่าชายกับหญิงต้องคู่กัน”




   “…”





   “แต่ผมมองข้ามมันไปตั้งแต่ได้รู้จักพี่”




   เสียงหัวใจของบุ๋นบอกทุกอย่างให้เขาได้รับรู้ ความรู้สึกที่กลั่นกรองออกมาจากหัวใจ น้ำเสียงที่หนักแน่นจริงใจ




   “ครับ” ฐานทัพรับคำสั้นๆ




   “…”




   “คิดมากไม่เข้าเรื่อง” เขาโทษตัวเอง “อย่าเครียด”




   “ผมเข้าใจครับว่าทำไมถึงคิดมาก เอาจริงๆผมเชื่อว่าหลายๆคนก็คงจะคิดเหมือนกัน” บุ๋นเอ่ยด้วยน้ำเสียงที่อ่อนลง “ผมก็เคยคิดแบบนั้น”




   “แล้วทำยังไงให้ไม่คิด”




   “รัก” คำๆเดียวสั้นๆ “แค่ใช้ใจรักก็ไม่ต้องคิดเรื่องอื่นแล้ว”




   “อืม นั่นสิ” ฐานทัพยิ้มออกมา เหมือนบุ๋นเป็นยางลบที่คอยลบเรื่องแย่ๆในความคิดของเขาให้หายไปหมดเหลือแต่ความสุขที่เริ่มอัดแน่นจนแทบจะล้นออกมา




   “ความรู้สึกมันจะตอบทุกอย่าง”




   “ขอบคุณ”




   “พี่เครียดเรื่องนี้เรื่องเดียวหรอครับ”




   “จริงๆก็มีอีกเรื่อง”




   “เรื่องอะไรครับ?”




   “แครอทหมดแล้ว” ฐานทัพพูดติดตลกทำเอาคนที่แทบจะกลั้นหายใจรอฟังถอนหายใจเสียงดังด้วยความโล่งอก




   “โถ ผมก็นึกว่าเรื่องอะไร” บุ๋นหัวเราะ “เดี๋ยวพรุ่งนี้ผมซื้อไปให้นะครับ”




   “ได้ จะรอ”




   “แล้วอย่าเครียดอีกนะครับ ถ้าเครียดอีกผมไม่ซื้อแครอทให้แล้วนะ”




   “อย่ามาขู่”




   “ผมพูดจริง”




   “เครียดเรื่องสอบนับไหม?”




   “เรื่องนั้นไม่นับก็ได้ครับ” บุ๋นยิ้มด้วยความเอ็นดูคนชอบกินแครอท




   หมอฐานทัพทุพครั้งที่พูดถึงแครอทจะเหมือนเด็กตัวเล็กๆที่รอคอยการมาของสิ่งที่ชอบอย่างใจจดใจจ่อ เห็นแล้วอดยิ้มไม่ได้ทุกที




   อย่าขัดใจเชียว…


.   
   จาก…คิดถึง
   สอบเสร็จคินกับป้องชวนไปหาอะไรกินต่อ ไปไหม?


   จาก…คนส่งแครอท
   อยากไปครับแต่คงไม่ได้ วันนี้ผมมีทำรายงานกับเพื่อน
   กินให้อร่อยนะครับ :)


   จาก…คิดถึง
   ครับ


   บุ๋นวางโทรศัพท์ลงแล้วหันไปสนใจเพื่อนที่ช่วยกันหาหัวข้อใส่ลงไปในรายงานกลุ่มที่อาจารย์สั่งไว้ตั้งแต่ต้นเทอมแล้วยังไม่ได้เริ่มทำ อาทิตย์หน้าต้องส่งงานแล้ว ถ้าเพื่อนกลุ่มอื่นไม่มาถามกลุ่มเขาก็คงลืมรายงานนี้ไปเลย




   “ยากจังวะ” เดชที่เปิดหนังสือไปมาบ่น




   “เออ ทำๆไปเถอะ” บุ๋นพูดก่อนจะหยิบหนังสือเล่มหนาที่วางอยู่ขึ้นมาเปิดช่วยหาเนื้อหา




   เวลาบ่ายสามล่วงเลยไปจนถึงหนึ่งทุ่ม โน๊ตบุ๊คพับหน้าจอลงพร้อมกับไฟล์งานที่ถูกยื่นมาทางบุ๋นหลังจากใช้เวลากันมาหลายชั่วโมงในการทำรายงาน




   “ฝากด้วยนะบุ๋น” เพื่อนในกลุ่มเอ่ยเมื่อบุ๋นเป็นคนออกปากว่าจะไปปริ้นเป็นรูปเล่มให้ “เข้าเล่มเท่าไหร่แล้วมาบอกนะ เดี๋ยวจ่ายให้”




   “อืม ได้ๆ” บุ๋นพยักหน้ารับ





   วันนี้ตั้งใจว่าจะไปเล่นบาสกับเพื่อนสักหน่อยหลังจากที่ห่างหายไปหลายวันจนโดนโทรตาม ไหนๆวันนี้เขาก็ไม่ได้ไปไหนกับหมอฐานทัพอยู่แล้วเขาจึงอาสาเอารายงานไปทำเป็นรูปเล่มที่ร้านถ่ายเอกสารไม่ไกลจากสนามบาสที่เปิดจนถึงสองทุ่ม




   “ให้กูไปด้วยไหม” เดชที่นั่งข้างๆถาม




   “ไม่เป็นไร กูไปเองได้ ว่าจะแวะไปเล่นบาสก่อนกลับด้วย”




   “เออก็ได้ ไงเจอกันพรุ่งนี้นะ”




   “เจอกันมึง” บุ๋นบอกลาก่อนจะยกมือบ๊ายบายเพื่อนที่กำลังเก็บของอยู่ที่โต๊ะก่อนจะเดินออกมาเพื่อให้ทันเวลาที่ร้านถ่ายเอกสารจะไม่ปิด



   ร้านถ่ายเอกสารยังคงเปิดไฟสว่างพร้อมกับร้านที่ไม่มีลูกค้าต่างจากทุกวัน อาจเพราะเวลาที่ใกล้จะปิดร้านเต็มทีเลยทำให้ไม่มีคน




   “พี่ครับ รวมเล่มรายงานครับ” บุ๋นพูดพร้อมกับเสียบไดร์ฟเข้ากับคอมพิวเตอร์ตั้งโต๊ะแล้วกดสั่งปริ้นเหมือนทุกๆครั้งที่เขามา




   “พี่ติดงานถ่ายเอกสารอีกตัวอยู่อะน้อง น้องรีบไหม เดี๋ยวค่อยกลับมาเอาได้รึเปล่า” น้ำเสียงของเจ้าของร้านที่กำลังวุ่นอยู่กับเครื่องถ่ายเอกสารเอ่ยบอก




   “ได้ครับ งั้นอีกสักครึ่งชั่วโมงผมจะมาเอานะครับ”




   “จ้ะ รวมเล่มเลยใช่ไหม”




   “ครับ ส่วนหน้าปกเอาเป็นสีฟ้าอ่อน”




   “จ้าได้เลย เดี๋ยวพี่ทำให้”




   “ครับ” บุ๋นยิ้มบางๆก่อนจะเดินออกมาจากร้านถ่ายเอกสารโดยไม่ได้เอาจักรยานไปด้วยเพราะร้านถ่ายเอกสารกับสนามบาสอยู่ไม่ไกลกันมาก




   
   ถึง…คิดถึง
   สอบเป็นยังไงบ้างครับ ยากรึเปล่า?



   บุ๋นกดส่งข้อความไปก่อนจะเก็บโทรศัพท์ลงกระเป๋ากางเกงเหมือนเดิม สายตาทอดมองไปยังสนามบาสที่มีเสียงลูกบาสกระทบกับพื้นและเสียงคนพูดคุยกันที่ดังมาแต่ไกล




   “มาได้แล้วหรอครับคุณบุ๋น~” น้ำเสียงที่ออกแนวประชดประชันถามขึ้นเมื่อเห็นว่าเจ้าตัวหายไปนาน




   “เออ ช่วงนี้ไม่ค่อยว่างว่ะ” บุ๋นแก้ตัวออกไป “มากูพร้อมเล่นแล้ว” เขาถกแขนเสื้อขึ้นเตรียมพร้อมจะเล่นแต่โดนเพื่อนอีกคนเบรคไว้ก่อน



   “ใกล้จบแล้ว มึงรอเล่นรอบใหม่”



   “แบบนี้ก็ได้หรอวะ” เขาเอ่ยติดตลกแต่ก็ยอมทำตามที่เพื่อนในสนามบอก




   บุ๋นยืดเส้นยืดสายเตรียมจะรอเล่นเกมส์ใหม่ แขนที่ยืดเหยียดออกไปสัมผัสกับความเย็นจัดจนต้องรีบชักแขนกลับมาแล้วหันไปมอง ใบหน้าของคนที่คุ้ยเคยยืนอยู่บนอัศจรรย์ชั้นที่สูงกว่ายิ้มให้อย่างเป็นมิตรพร้อมกับกระป๋องน้ำอัดลมในมือ




   “สักหน่อยไหม” พี่ต้าถามพร้อมกับยื่นขวดน้ำอัดลมที่ตั้งใจเอามาให้




   “มาไม้ไหนวะพี่” บุ๋นขมวดคิ้วงง ถึงครั้งสุดท้ายที่เจอกันทุกอย่างจะเหมือนปกติแล้วก็ตามแต่เขาก็ยังอดหวั่นใจเล็กๆ




   “อะไรมาไม้ไหน ก็เอามาให้มึงไง”




   “ใส่ยาลงไปปะ” บุ๋นแกล้งถามออกไปลองเชิงดูปฏิกิริยาของคนตรงหน้าว่าจะทำท่าทางยังไง




   “กูไม่ฉลาดพอที่จะใส่ยาลงไปทั้งๆที่ยังไม่ได้เปิดกระป๋อง” พี่ต้าถอนหายใจแรงๆ “ไม่กินก็เรื่องของมึง”




   “เออกินครับ” บุ๋นเอื้อมมือไปดึงกระป๋องในมือพี่ต้ามาถือไว้




   “ก็แค่นั้น” คนแก่กว่าเอ่ยอย่างใจเย็นแล้วเดินลงมานั่งข้างๆบุ๋นที่มองไปยังสนาม




   “ไม่ได้มานานสิมึงอะ” เขาชวนคนข้างๆคุย แม้ว่าบรรยากาศระหว่างเขาสองคนจะแปลกๆไปบ้างแต่ก็คงถึงเวลาที่เขาจะต้องพูด




   “ครับ นาน” บุ๋นตอบพร้อมยกน้ำอัดลมในมือขึ้นดื่ม “มีอะไรรึเปล่าพี่ ทำตัวแปลกๆ” เขาสังเกตุปฏิกิริยของคนข้างๆออก




   เขากับพี่ต้าไม่ถูกกันมาตั้งแต่ไหนแต่ไร ความจริงเขาเองไม่ได้มีปัญหาอะไร พี่ต้าเองมากกว่าที่ชอบมามีปัญหากับเขาและครั้งนี้มันแปลกที่จู่ๆพี่ต้าก็ทำตัวเป็นคนดีผิดปกติ




   ดีในที่นี้คือ…ให้น้ำเขาแถมยังเดินลงมานั่งคุยข้างๆ




   บุ๋นสัมผัสได้ถึงพลังงานบางอย่าง…




   “กูดูออกง่ายขนาดนั้นเลยหรอวะ” คนที่มีความในใจอยากจะพูดหัวเราะออกมาเมื่อเห็นว่าอีกคนรู้ทันความคิดของเขา




   “ว่างั้นก็ได้มั้ง”




   “มาถึงขนาดนี้แล้ว ถ้าไม่มีก็คงไม่เชื่อ” พี่ต้าหัวเราะ “ความจริงกูอยากคุยกับมึงตั้งแต่วันแข่งเสร็จแต่เห็นว่ามึงมีความสุขกับเพื่อนๆก็เลยไม่อยากพูดให้เสียบรรยากาศ”




   “ครับ” เขาพยักหน้าช้าๆ




   จะพูดอะไรกันแน่




   “ขอโทษกับเรื่องทุกๆอย่างที่กูเคยทำกับมึง” คำพูดที่เคยคิดว่ายากลำบากแต่ในวันนี้เขาพูดออกมาได้อย่างง่ายดาย มันออกมาจากความรู้สึกในใจของเขา




   “ทำไมถึงพึ่งมาขอโทษละครับ”




   “พึ่งคิดได้” พี่ต้าหัวเราะออกมาอย่างนึกสมเพชตัวเอง “ย้อนกลับไปตอนนั้นกูทำไปได้ยังไงก็ไม่รู้ เลวชิบหาย”




   “ยิ่งกว่าเลวอีกพี่” พอย้อนถึงเหตุการณ์วันนั้นในใจเขามันก็เจ็บแปล๊บขึ้นมา “ถ้าตอนนั้นผมมีพยานเชื่อเถอะว่ามันจะไม่เป็นแบบนี้”




   “เออ กูรู้” เขารู้ตัวเองดีมาตลอดว่าทำไมบุ๋นถึงไม่แจ้งความเรื่องของเขา “เกลียดกูมากสินะ”




   “มากว่ะพี่” เขายอมรับออกมาตรงๆ “พี่ทำให้ความสุขของผมครึ่งหนึ่งหายไป”




   “อืม” เขายอมรับ “กูเลยอยากขอโทษ”





   “…”




   “พอมาคิดดูแล้วกูไม่มีน้ำใจนักกีฬาเลยที่ทำแบบนั้นกับมึง อาจเพราะตอนนั้นกูยังเด็กเลยคิดไม่ได้” เขาหลับตาลงช้าๆ “แต่พอเห็นมึงชนะ กูรู้สึกเหมือนเกมส์โดมิโนที่กูพยายามต่อมามันพังลงกับตา”




   “…”




   “จนกูพึ่งมารู้ว่า…ที่ผ่านมากูไม่เคยยอมรับความจริง”




   “ครับ” บุ๋นรับคำสั้นๆ “แล้วทำไมพี่ถึงทำแบบนั้นกับผม”




   “อิจฉา” เขาตอบ “คำเดียวเลยว่ะ” พี่ต้าหัวเราะออกมา คิดถึงตอนนั้นแล้วก็อดเกลียดตัวเองไม่ได้ เขาทำลงไปได้ยังไง




   “พี่จะอิจฉาผมทำไม ทั้งๆที่พี่ก็เก่ง เก่งกว่าผมอีก”




   “มึงจะมาเข้าใจอะไร ในตอนนั้นมึงคือเด็กมอสี่คนเดียวในทีม มึงรู้ไหมตอนกูอยู่มอสี่กูต้องใช้ความพยายามขนาดไหนเพื่อที่จะได้เข้ามาเป็นตัวจริง” เขายังจำภาพเหตุการณ์เหล่านั้นได้ดี มันเหนื่อยและท้อ




   “…”




   “กูที่พยายามแทบตายแต่ต้องโดนเป็นตัวสำรองเพราะเรื่องที่ครูไม่ยอมฟังเหตุผลแล้วก็ให้มึงที่เป็นเด็กมอสี่ขึ้นมาเป็นตัวจริงแทน” เขาถอนหายใจ “ถ้ามึงเป็นกูมึงจะรู้สึกยังไงวะ ความพยายามที่กูทุ่มเทมาตลอดแต่ต้องมาพังเพราะเรื่องบ้าๆ”   




   “ครูเป็นคนเลือก ผมไม่ได้เลือก”




   “เออ แต่ตอนนั้นกูไม่ได้คิดแบบนั้นเพราะอารมณ์อะไรหลายๆอย่างเลยทำให้กูต้องทำแบบนั้นกับมึง”




   “…”




   “ขอโทษว่ะบุ๋น” เขาหลุบสายตาลงต่ำ “กูก็รู้สึกแย่ไม่ต่างจากมึงหรอก มึงไม่ได้ทำอะไรผิดแต่คนที่ผิดคือกู”




   “ถ้าพี่คิดได้แล้วก็ไม่มีเหตุผลที่ผมจะต้องโกรธพี่” บุ๋นตอบออกมาจากความรู้สึกตัวเองจริงๆ แม้ว่าเขาจะเกลียดพี่ต้ามากแต่เขาก็พอรู้เหตุผลลึกๆที่ทำไป




   แม้จะเป็นเหตุการณ์ร้ายแรงแต่ในเมื่อมันผ่านมาแล้วเขาก็ไม่มีเหตุผลที่จะต้องไปผูกใจเจ็บ




   “ผมยกโทษให้”




   “…” คนข้างๆเงียบลงเมื่อได้ยินคำพูดที่เปล่งออกมา ความรู้สึกผิดถาโถมออกมาจนจุกพูดไม่ออก พี่ต้าหันไปมองคนข้างๆช้าๆ




   รอยยิ้มที่บุ๋นส่งกลับมาเหมือนเป็นคำตอบของทุกอย่าง แม้ว่าเรื่องที่เขาทำจะไม่สมควรแก่การให้อภัยแต่คนข้างๆกลับให้อภัยเขา



   เขาที่ทำไม่ดีมาตลอด




   “ผมดีใจที่ได้ยินคำขอโทษจากปากพี่”




   “กูก็ดีใจที่ได้ยินคำว่ายกโทษ”




   บุ๋นไม่รู้ว่าอนาคตจะเป็นยังไงต่อไป ในวันข้างหน้าเขาอาจจะต้องเจอเรื่องที่ร้ายแรงกว่าที่เคยเจอหรือเหตุการณ์นั้นอาจจะเป็นเหตุการณ์สุดท้ายในชีวิตเขา แต่สิ่งหนึ่งที่เขาเชื่อและยึดถือมาตลอดคือ




   คำว่าให้อภัย…จะทำให้การใช้ชีวิตอยู่บนโลกมีความสุขมากขึ้น


.

   บุ๋นปั่นจักรยานกลับหอหลังจากที่เล่นบาสกับเพื่อนจบจนเกือบลืมไปเอาเอกสารที่ร้านถ่ายเอกสาร ดีที่เจ้าของร้านยังทำงานต่อเลยทำให้เปิดร้านดึกกว่าทุกๆวัน ลมเย็นๆในยามค่ำคืนพัดกระทบใบหน้าของเขาพร้อมกับเสียงโทรศัพท์ที่ดังขึ้นในกระเป๋ากางเกง




   “ว่าไงครับ” บุ๋นจอดจักรยานลงตรงริมฟุตบาทก่อนจะกดรับโทรศัพท์ที่ปรากฏชื่อของคนสำคัญ




   ( อยู่ไหน )




   “กำลังกลับหอครับ พี่มีอะไรรึเปล่า”




   ( มี ) เขาตอบกลับมาทันที ( อยู่ตรงไหน เดี๋ยวไปหา )




   “ผมอยู่ตรงฟุตบาทแถวๆคณะพี่ครับ พอดีลมเย็นเลยขับอ้อม”




   ( รออยู่ตรงนั้นเดี๋ยวไปหา )




   “พี่มีอะไรรึเปล่าครับ” บุ๋นเริ่มใจไม่ดีเมื่อได้ยินเสียงหมอฐานทัพที่เดาอารมณ์ไม่ออก




   ( มีเรื่องจะบอก )




   “…”




   ( แต่บอกต่อหน้าน่าจะดีกว่า )




---------------------------------------
ขอโทษที่หายไปนานนะคะ กลับมาแล้วจ้าาาาาาาาา  :hao6: :katai2-1:

ออฟไลน์ mareya.no7

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 556
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +20/-1
เรื่องอะไรที่หมอจะบอกบุ๋นน๊าาาา อยากรู้จัง :hao7:

ออฟไลน์ nsai.ss

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 412
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +8/-2

ออฟไลน์ อิ๊อ๊ะชะเอิงเอย

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 128
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +5/-1
เรื่อยๆแต่ชอบจัง ขอบคุณที่แต่งให้อ่านนะค้า เค้ารอตอนใหม่ทุกเช้าค่ำอยู่น้า :hao3:

ออฟไลน์ Minoru88

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 185
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-0
จะบอกอะไรนะ

มีอะไรก็บอกบุ๋นตรงๆเลยนร้า อย่าคิดไปเองนะหมอ
แต่หมอน่ารักจังมีลิสรายการเดท 555

ออฟไลน์ perlina

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 56
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +17/-1
จีบหมอครั้งที่ยี่สิบสอง

   บุ๋นจอดจักรยานลงข้างฟุตบาทเพื่อรอหมอตามที่บอกโดยที่เดาไม่ออกเลยว่าหมอจะบอกอะไรกับเขากันแน่ ลึกๆแล้วเขาแอบหวั่นลึกๆกลัวจะเป็นเรื่องไม่ดีเพราะปกติหมอฐานทัพไม่เคยพูดแบบนี้มาก่อน เรื่องอะไรกันที่จำเป็นต้องบอกต่อหน้า



   และต้องบอกตอนนี้…




   เขายืดเหยียดกล้ามเนื้ออีกครั้งหลังจากที่พึ่งเล่นบาสกับเพื่อนระหว่างรอหมอ ลมเย็นๆพัดกระทบใบหน้าทำให้รู้สึกสดชื่นอย่างบอกไม่ถูก บุ๋นบิดขี้เกียจไปมาจนสายตาสะดุดเข้ากับร่างสูงที่เขาคุ้นเคย




   เจอกันอีกแล้ว…




   “พี่ครับ!!!” บุ๋นตะโกนเรียกอย่างกับกลัวว่าร่างนั้นจะเดินหายไป




   คนที่อยู่ภายใต้ผ้าปิดปากหันมามองช้าๆตามต้นเสียง บุ๋นไม่รู้เลยว่าใต้ผ้าปิดปากนั้นมีรอยยิ้มบางๆเผยออกมา เขายังคงตีเนียนทำตัวเป็นปกติก่อนจะเปลี่ยนทิศทางเดินตรงไปยังบุ๋นที่นั่งอยู่ที่เก้าอี้ตัวเดิม




   เก้าอี้ที่เคยนั่งคุยกัน




   “ไม่ได้เจอกันนานเลยนะครับ” บุ๋นดูดีใจมากเป็นพิเศษเมื่อเห็นคนที่เขาไม่ได้เจอมานาน “พี่จำผมได้ไหมเนี่ย”




   “จำได้” คนที่พึ่งเดินมาถึงเอ่ยตอบก่อนจะนั่งลงข้างๆ “มานั่งทำอะไรตรงนี้”



   “อ่อ ผมมารอ…” บุ๋นชะงักไปนิดหนึ่งอย่างคนไม่กล้าพูด “มารอแฟนครับ”




   “หืม? มีแฟนแล้วหรอ”




   “ครับ” บุ๋นยิ้มอย่างภูมิใจ “พี่ไม่ได้เจอผมนานเลยไม่รู้”




   “อืม คงงั้น” คนที่อยู่ภายใต้ผ้าปิดปากหัวเราะ “แล้วไหนแฟน”





   “ยังไม่มาเลยครับ” บุ๋นพูดพร้อมชะเง้อคอมองตามทางว่าเมื่อไหร่หมอฐานทัพจะมา “พี่อยากเจอหรอ”





   “อืม อยากเห็นว่าคนไหน”




   “คนเดียวกับตอนนั้นไงครับ” รอยยิ้มแห่งความสุขเผยออกมา บุ๋นหันไปสบตาคนข้างๆ “คนที่ผมเคยเล่าให้พี่ฟังตั้งแต่วันแรก”




   ความทรงจำเก่าๆย้อนคืนกลับมาตั้งแต่วันแรกจนถึงวันนี้ คนข้างๆได้เพียงแต่นั่งเงียบๆเพื่อรอฟังเรื่องที่บุ๋นกำลังจะเล่าต่อ




   “ผมเจอกับพี่ครั้งแรกที่เซเว่นใช่ปะ วันนั้นอะคนที่ผมชอบเขาบอกว่าเขากำลังจะไปเซเว่น” บุ๋นคิดถึงเหตุการณ์วันนั้นก็อดขำไม่ได้ ตลกตัวเองที่ดูร้อนรนกลัวไม่ได้เจอ




   ความจริงแล้วเรื่องนี้ตัวเขาเองเกือบจะลืมไปแล้วด้วยซ้ำ แต่พอได้ยินคนข้างๆเล่าเขาก็จำเรื่องราววันนั้นขึ้นมาได้ทันที วันที่คนข้างๆเหงื่อท่วมตัว ท่าทางเหนื่อยหอบเหมือนกำลังวิ่งตามหาอะไรสักอย่าง



   “ผมโคตรบ้าเลยพี่ เซเว่นในมอมีตั้งหลายที่ ผมขึ้นวินมอเตอร์ไซค์แล้ววิ่งเข้าออกเซเว่นเป็นว่าเล่นเลย แต่สุดท้ายก็คงคลาดกัน เหมือนยังไม่ถึงเวลาเจอก็เลยไม่เจอ”




   “อืม”




   “หลังจากวันนั้นผมก็ไม่ละความพยายามนะ ผมเจอเขาครั้งแรกวันแรกพบของมหาวิทยาลัย ผมไม่คิดว่าเราจะได้เจอกันในวันที่มีคนอยู่รวมกันเป็นพันๆ” ทุกครั้งเวลาพูดถึงหมอฐานทัพสีหน้าของบุ๋นจะแสดงออกถึงความรักความสุขที่เขาได้รับจากหมอเสมอ



   “เจอหรอ”



   “ครับ เขาถือป้ายคณะแพทย์” บุ๋นตอบ “อยู่เฉยๆผมก็แย่มากพออยู่แล้ว ยิ่งถือป้ายยิ่งเด่นดิพี่ หัวใจแม่งเต้นโครมครามจนจะออกมาเต้นแอโรบิคได้อยู่แล้ว”



   “ขนาดนั้นเลย” เขาหัวเราะออกมา




   “โห่พี่ ดูเหมือนเว่อร์นะแต่ในบรรยากาศตอนนั้นอะ มันมีเพลงขึ้นมาในหัวผมหลายเพลงมาก”




   “…”




   “ตอนได้สบตานะ ผมคิดเลยว่า” บุ๋นเว้นช่วงไปพักหนึ่งก่อนจะร้องเพลงออกมา “แต่เราก็หากันจนเจอ มันนานแค่ไหนที่คอยเธอมา~”




   “แล้วเขารู้ตัวไหม?”




   “ไม่รู้หรอกพี่ ผมเป็นคนเก็บอาการเก่ง” บุ๋นเอ่ยออกมาอย่างมั่นใจ




   “แล้วไปคบกันได้ยังไง”




   “พี่เชื่อในเรื่องบังเอิญรึเปล่า?”




   “ก็เชื่อ”




   “แต่ผมไม่เชื่อ” บุ๋นตอบกลับแทบจะทันที “ทุกครั้งที่ผมเจอเขาอาจจะดูเหมือนเรื่องบังเอิญแต่ความจริงผมตั้งใจทั้งนั้นแหละ ทั้งขับจักรยานอ้อมมออ้างว่าออกกำลัง ทั้งแอบตามดูว่าเพื่อนๆเขาเช็คอินเฟสบุ๊คที่ไหนแล้วแอบตามไป”



   “แล้วเขารู้ไหมว่าทำแบบนี้”




   “โห้ยพี่จะไปรู้ได้ยังไง ถ้ารู้ผมก็ไม่รู้จะเอาหน้าไปไว้ที่ไหน น่าอายจะตาย”



   “แล้วยังไงต่อ”




   “แม่ผมจะซื้อมอเตอร์ไซค์ให้ขับแต่ผมปฏิเสธไปเพราะผมอยากจะหาข้ออ้างในการใช้เวลาอยู่กับเขาให้นานกว่าเดิม เวลาที่ได้ปั่นจักรยานกลับด้วยกันเป็นอะไรที่โคตรดีเลยนะพี่รู้ไหม”



   มันคือความจริงที่เขาคิด ถึงจะดูไร้สาระแต่มันคือความสุขของเขา



   “ผมรู้มาว่าเขาชอบกินแครอท ผมก็เลยโทรไปหาที่บ้านบอกว่าอยากปลูกแครอท จำได้ว่าช่วงนั้นศึกษาหลายที่เลยว่าปลูกยังไงแครอทถึงจะดูอวบอ้วนน่ากิน” บุ๋นเล่าอย่างภูมิใจ




   “แครอทเนี่ยนะ?”




   “ครับ…ถ้าจะให้ผมขอบคุณอะไรสักอย่างผมคงต้องขอบคุณเทพเจ้าแครอทที่ทำให้ผมจีบเขาสำเร็จ” บุ๋นหัวเราะออกมา ดูๆไปเขาก็ใช้แครอทในการเข้าหาหมอฐานทัพมาตลอด




   “…”




   “ผมเล่าข้ามไปตอนนึง ย้อนกลับไปวันที่ผมเจอเขาครั้งแรกอีกครั้งนะพี่” พอมีคนมารับฟังบุ๋นก็พูดออกมาไม่หยุด




   “อืม”




   “วันนั้นผมได้เขียนชื่อผมลงบนหน้าผากเขาและชื่อเขาก็อยู่บนหน้าผากผม” บุ๋นยิ้มกว้าง “เชื่อปะพี่ ผมไม่อยากล้างหน้าเลย อยากจะให้ติดอยู่อย่างนั้นตลอดไป”




   “แล้วล้างทำไม”




   “สิวขึ้น” เขาหัวเราะออกมา “นี่ยังเสียดายไม่หายเลย”




   “ไม่ถ่ายรูปเก็บไว้ล่ะ”




   “โห จะเหลือหรอพี่” บุ๋นพูดพร้อมกับหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาพร้อมกับเปิดรูปหน้าจอที่ตั้งค่าไว้ให้คนข้างๆดู




   ใบหน้าที่ดูมีความสุขยิ้มกว้างเต็มจอ นิ้วมือชี้ไปที่หน้าผากของตัวเองอย่างภาคภูมิใจพร้อมกับชื่อที่เขียนไว้ แม้จะดูเลือนลางลงไปบ้างแต่ก็พออ่านออกว่า




   ‘ฐานทัพ’




   “ฐานทัพ…ผู้ชายหรอ”




   “ครับ” เขาตอบกลับทันที “แฟนผมเป็นผู้ชาย”




   “…”




   “เมื่อวันก่อนเกือบจะไม่คุยกับผมเพราะเขาเครียดเรื่องนี้” บุ๋นยังจำสีหน้าของหมอฐานทัพตอนที่พูดเรื่องนี้ได้ดี “ทั้งๆที่เขาไม่จำเป็นต้องเครียดเลย”




   “…”




   “เพราะผมไม่เคยอายที่มีแฟนเป็นเขา”




   “…”




   “เขาที่เป็นผู้ชายเหมือนผม”




   คนข้างๆหันไปมองใบหน้าที่เต็มเปี่ยมไปด้วยความสุข รอยยิ้มที่เผยออกมาคงเป็นที่น่าอิจฉาสำหรับใครหลายๆคน ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าแฟนของบุ๋นจะน่าอิจฉามากแค่ไหนกับความรักที่คนๆนี้มีให้




   “เขาทำให้ผมรู้สึกตื่นเต้นกับทุกๆการกระทำ”




   “…”




   “ปากบอกว่าไม่ได้ แต่สุดท้ายมันก็กลายเป็นได้ตลอด”




   “ยังไง”




   “วันประกวดดาวเดือนที่คณะ ผมชวนเขามาแต่เขาบอกว่าไม่แน่ใจ อาจจะไม่ได้ไปแต่พี่รู้ไหม เขามาทันเวลาที่ผมทำการแสดงความสามารถพิเศษพอดี”




   “…”




   “เพลงที่ผมร้องผมก็ตั้งใจร้องให้เขาฟังและผมดีใจที่เขามาฟัง ความจริงวันนั้นผมเผื่อใจไว้แล้วว่าเขาอาจจะไม่มา แต่เขาก็มา”




   “…”




   “วันแข่งบาสเขาบอกมาไม่ได้แน่ๆแต่เขาก็ยังมาก่อนที่ผมจะแข่งทั้งๆที่เป็นเวลาเรียนของเขา มันอาจจะดูธรรมดาแต่สำหรับคนเป็นหมอผมคิดว่าเวลาเรียนของเขาสำคัญ เขามาเพียงเพื่อจะบอกให้ผมสู้ ถึงจะไม่ได้อยู่ตลอดช่วงแข่ง แต่เขาก็รีบมาในวินาทีสุดท้ายก่อนจบเกมส์”



   “…”




   “ผมชอบทุกอย่างที่เป็นเขา” บุ๋นยิ้มไม่หุบ “ทุกๆอย่างที่เขาทำมันทำให้ผมมองข้ามเรื่องเพศไป”




   “…”




   “ผมรักเขา” บุ๋นหันไปสบตาคนข้างๆ เขาเพียงแค่อยากจะสื่อส่ารให้อีกคนได้เข้าใจว่าตลอดเวลาที่ผ่านมา เรื่องวันนั้นของเขากับหมอฐานทัพมันพัฒนามาถึงจุดไหนแล้ว




   คนข้างๆที่เขาไม่รู้แม้กระทั่งชื่อ…แต่กลับเล่าทุกอย่างให้ฟังโดยที่ไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกันว่าทำไม



   “อืม เชื่อแล้วว่ารัก”




   “ผมเล่าซะยาวเลย ขอโทษด้วยนะครับ”



   “ไม่เป็นไร อยากฟังอยู่แล้ว”




   “ว่าแต่ผมจะถามพี่นานแล้ว ทำไมเวลาเจอกันพี่ถึงใส่ผ้าปิดปากตลอด” เขาสงสัยมานานแล้วแต่แค่ไม่รู้ว่าจะถามยังไง




   “บังเอิญมั้ง”




   “สำหรับผมคำว่าบังเอิญคือความตั้งใจ”




   “อืม…งั้นก็คงตั้งใจ”





   “โหอะไรเนี่ยพี่ ผมงงไปหมดแล้ว” บุ๋นหัวเราะออกมาก่อนจะกดโทรศัพท์เพื่อดูเวลา    




   นี่ก็ผ่านมาเกือบครึ่งชั่วโมงแล้วทำไมหมอฐานทัพยังไม่มา




   “แฟนเมื่อไหร่จะมา” เขาถามออกไป




   “นั่นสิครับ ผมก็ไม่รู้” บุ๋นพูดพร้อมกับกดเบอร์โทรศัพท์เพื่อที่จะโทรหา “เขาบอกว่ามีเรื่องจะคุยด้วย ผมยังไม่รู้เลยว่าจะคุยอะไร”




   “หืม ทำไมถึงนัดคุยที่นี่”




   “ผมไม่รู้ครับ สงสัยเรื่องด่วนมั้ง”




   “ด่วนหรอ ไม่รู้สึกแปลกๆหรอ”




   “แปลกยังไงครับ?” บุ๋นถามกลับไปอย่างไม่เข้าใจ




   “ไม่รู้สิ เคยเพื่อนนัดแฟนมาแล้วบอกมีเรื่องด่วน สุดท้ายก็นัดมาบอกเลิก”




   “พี่อย่าพูดแบบนี้ดิ ผมกลัวนะ”




   “กลัวอะไร”




   “ไม่รู้ กลัวไปหมด”




   “กลัวโดนทิ้งหรอ”




   “พี่!!!” บุ๋นเอ่ยเสียงหลง เอาจริงๆก็ไม่ได้คิดไปไกลถึงขั้นนั้นแต่ว่าน้ำเสียงของหมอฐานทัพที่เขาได้ยินก็อดทำให้คิดไม่ได้




   จะบอกเรื่องอะไรกันแน่




   “ลองโทรไปดิ”




   “…”



   “ถ้าโทรไปแล้วไม่รับก็เผื่อใจไว้หน่อยนะ”




   “โหพี่ทำไมให้กำลังใจกันแบบนี้…” บุ๋นกดโทรออกด้วยหัวใจที่เต้นตุ้มๆต่อมๆ เขาค่อยๆยกโทรศัพท์ขึ้นแนบหู



   
   เลขหมายที่ท่านเรียกไม่สามารถติดต่อได้ในขณะนี้…





   ไม่นะ…




   “ปิดเครื่องว่ะพี่” คนที่ร่าเริงก่อนหน้านี้หน้าถอดสีเมื่ออีกฝ่ายปิดเครื่อง “ทำไมปิดเครื่อง ปกติก็ไม่ปิดเครื่อง” ความร้อนรนเริ่มเข้ามาแทนที่




   “ถ้าปิดเครื่องแบบนี้…”




   “ไม่นะพี่ ไม่ อย่าพูดมันออกมา” บุ๋นเริ่มใจเสีย เขากดโทรออกซ้ำๆแต่ปลายสายก็ยังคงเป็นคำเดิม




   หมอปิดเครื่อง…




   “ทำยังไงดีพี่ โทรศัพท์ปิดเครื่อง เขาเป็นอะไรไปรึเปล่า” บุ๋นเริ่มกระวนกระวาย “หรือผมควรจะขับไปหาดี ผมทำยังไงดี”



   “ใจเย็น”




   “จะเย็นลงได้ไงวะพี่” บุ๋นเอ่ยเสียงสั่น “ผมกลัว”




   เมื่อเห็นปฏิกิริยาของคนข้างๆที่เครียดแบบที่ไม่เคยเห็นมาก่อนทำให้เขาเองทำตัวไม่ถูก เสียงลมหายใจพ่นออกมาช้าๆก่อนที่สมองจะค่อยๆคิดคำพูดที่จะพูดต่อ




   “ถ้าไปหาแล้วสวนกันจะทำยังไง”




   “แล้วจะให้ผมรออยู่ตรงนี้หรอครับ” แม้ว่าจะกระวนกระวายแค่ไหนแต่บุ๋นก็พยายามควบคุมตัวเอง “หมอไม่เคยเป็นแบบนี้มาก่อน”




   “ทำไมถึงมั่นใจ”




   “เพราะผมรู้ว่าพี่ฐานทัพเป็นคนยังไง” บุ๋นกดโทรศัพท์โทรออกอีกครั้งแต่ยังเป็นเสียงตอบรับอัตโนมัติเหมือนเดิม



   ความคิดเขาเข้าข้างตัวเองว่าหมอแบตหมด




   พยายามคิด…




   “เดี๋ยวก็คงมา อาจจะใกล้ถึงแล้ว”




   “ผม…” เสียงบุ๋นอ่อนลง “กลัวว่ะพี่”




   “…”




   “แค่คิดไปก่อนก็กลัวจะแย่แล้ว” บุ๋นก้มหน้าลงกับขาทั้งสองข้าง มือสั่นระริกราวกับว่าต้องการทำอะไรสักอย่าง




   เขากำลังจิตตก




   “ใจเย็นก่อน”




   “ความจริงผมกลัวมาตลอดเลยนะพี่รู้ไหม” บุ๋นตัดสินใจเล่าสิ่งที่ตัวเองคิดมาตลอดออกมา “ถึงแม้ผมจะไม่เคยแสดงออกแต่ลึกๆแล้วผมกลัว”




   “…”




   “ทุกครั้งที่เจอหน้ากันผมมักจะคิดตลอดว่าเขาจะพูดเรื่องนี้ไหม เขาจะเข้าใจรึเปล่าว่าผมรู้สึกกับเขามากแค่ไหน” เสียงของเขาเริ่มสั่นคล้ายกับเก็บความรู้สึกไว้ไม่ไหวอีกต่อไป




   “เขารู้ไหม”




   “ผมไม่ให้เขารู้” เสียงสะอึกที่ดังออกมาจากคนข้างๆตัวเริ่มทำให้ใบหน้าภายใต้ผ้าปิดปากเริ่มตึงเครียดตาม “ให้ผมคิดมากคนเดียวยังดีซะกว่าให้เขาคิดด้วย”



   “ทำไม”




   “ไม่อยากให้เขาเครียดเพราะผม” บุ๋นตอบ “แค่เรื่องเรียนมันก็หนักมากพอแล้ว ผมไม่อยากให้ผมเป็นหนึ่งในปัญหาของเขา”




   “…”




   “อยากให้เขาคบกับผมแล้วมีความสุข ไม่มีเรื่องให้ต้องคิด”




   “…”




   “ผมกลัวไปหมด” เสียงสะอื้นที่น้อยครั้งจะได้ยินจากคนที่ดูเข้มแข็งดังออกมาภายใต้ใบหน้าที่ฟุบอยู่กับหน้าขาของตัวเอง




   บุ๋นเก็บความรู้สึกกลัวไว้ลึกจนความรู้สึกนั้นเริ่มเอ่อล้นจนเก็บต่อไปไม่ไหว ความจริงแล้วเขาคิดมาตลอดแต่เขาเลือกที่จะเก็บ เลือกที่จะบอกตัวเองว่าเขาคิดมากเกินไป เลือกที่จะมองว่าความเป็นจริงมันไม่ใช่อย่างนั้น



   เขาไม่มีทางทำให้หมอเห็นว่าเขาอ่อนแอ




   “หมอ…เขาจะบอกเลิกผมจริงๆหรอ” เสียงที่เอ่ยออกมาตามไรฟันหากแต่อีกคนที่ได้ยินถึงกับรู้สึกเจ็บแปล๊บที่อก




   ไม่เคยคิดจะบอกเลิก




   ไม่เคย




   “ผม…” บุ๋นค่อยๆเงยหน้าขึ้นมา ดวงตาทั้งสองข้างแดงก่ำ น้ำตาที่ไหลอาบแก้มทั้งสองข้างบ่งบอกได้อย่างชัดเจนว่าตอนนี้เขาอ่อนแอเหลือเกิน




   เขากลัว…




   “ทำไมถึงกลัว”




   “รักมาก” คำพูดที่หนักแน่นและมั่นคงพูดออกมาจากปากของคนที่ไม่เคยต้องหยุดคิดนาน แววตาที่แม้จะเปื้อนคราบน้ำตาแต่คำพูดนั้นยืนยันได้จากสายตาที่มองมา



   รู้แล้ว รู้ทุกอย่าง




   “ใจเย็นๆ” เขาปลอบคนข้างๆอย่างคนไม่เคยปลอบใครมาก่อน เขาทำไม่เป็นและเขารู้สึกว่าเขาควรจะหยุดสิ่งที่กำลังทำอยู่




   “ผม…”




   “หลับตา”




   “…”




   “จะได้ใจเย็นขึ้น”




   “ครับ” บุ๋นรับคำอย่างว่าง่าย ดวงตาทั้งสองข้างค่อยๆปิดลงตามที่คนข้างตัวบอก



   ฐานทัพถอดผ้าปิดปากออก มือเย็นเฉียบค่อยๆเอื้อมไปจับใบหน้าที่ยังคงมีคราบน้ำตา ความรู้สึกผิดแผ่ซ่านจนไร้คำพูดใดๆที่จะเอื้อนเอ่ยออกมา เขาค่อยๆเลื่อนใบหน้าเข้าไปใกล้เรื่อยๆจนริมฝีปากทั้งสองสัมผัสกันอย่างแผ่วเบา ท่ามกลางความเงียบ บุ๋นลืมตาขึ้นมาช้าๆด้วยความตกใจ หัวใจเขาหล่นไปที่ตาตุ่มทันทีที่เห็นว่าคนที่นั่งอยู่ข้างๆเขามาตลอด




   คือ…หมอฐานทัพ




   ดวงตาทั้งสองข้างหลับลงอีกครั้งพร้อมรับสัมผัสที่อ่อนโยน ไร้การรุกล้ำใดๆมีเพียงความอบอุ่นของริมฝีปากที่ส่งผ่านกันและกัน ฐานทัพค่อยๆถอนริมฝีปากออกก่อนจะมองหน้าบุ๋นชัดๆแม้ว่าตัวเขาเองจะทำตัวไม่ถูกหลังจากที่…จูบคนตรงหน้า




   “ไม่ต้องพูดอะไร”




   “…”




   “ครั้งนี้ให้…พี่ เป็นคนพูด” สรรพนามครั้งแรกที่ฐานทัพใช้เรียกแทนตัวเองกับบุ๋นทำเอาคนที่ยังอึ้งไม่หายกลับอึ้งหนักกว่าเดิม




   บุ๋นนั่งตัวแข็งราวกับถูกสต๊าฟไว้ให้อยู่ให้ท่าเดิม เขากระพริบตาปริบๆสองครั้งอย่างไม่เชื่อสายตา ความคิดตีวุ่นกันอยู่ในหัวจนสุดท้ายเขาได้ข้อสรุปทุกอย่าง




   ที่ผ่านมาคนที่เขาเจอมาตลอด…คือหมอฐานทัพ


ออฟไลน์ perlina

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 56
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +17/-1
   “ไม่คิดว่าจะร้องไห้” ฐานทัพพูดออกมา เขาวางมือตัวเองลงบนมือของบุ๋นแล้วบีบแน่น “ไม่ได้ตั้งใจจะแกล้ง”



   “…” บุ๋นไม่ได้ตอบอะไร เขานั่งฟังหมอฐานทัพเงียบๆเพราะเป็นครั้งแรกที่หมอเป็นฝ่ายพูดออกมา




   “ความจริงจะบอกเรื่องนี้ตั้งนานแล้ว แต่ไม่มีโอกาส”




   “เรื่องที่พี่กับผม…”




   “อืม” เขาพยักหน้า




   “…”




   “ครั้งแรกที่เจอกันไม่ใช่ที่งานแรกพบ…แต่เป็นหน้าเซเว่น”




   “…”




   “ที่ตอนนั้นวิ่งหาพี่จนเหงื่อท่วมตัว”




   “พี่จำได้…”




   “ครับ” ฐานทัพระบายยิ้มบางๆ “เกือบลืม”




   “แสดงว่าพี่รู้มาตลอดว่าผมคิดยังไงกับพี่งั้นหรอ”




   “เปล่า ไม่รู้” ถึงเขาจะเจอบุ๋นตั้งแต่ตอนนั้นแต่เขาก็ไม่เคยคิดว่าคนที่บุ๋นพูดถึงจะเป็นตัวเขา




   “…”




   “ขอโทษที่ทำให้ร้องไห้” ฐานทัพหันไปมองหน้าของบุ๋นที่ดวงตายังแดงก่ำแม้ว่าจะดีขึ้นจากตอนแรกมากแต่เขาก็อดรู้สึกผิดไม่ได้อยู่ดี “แค่อยากฟังสิ่งที่คิด”




   “…”




   “ถ้าไม่ทำก็คงไม่รู้ว่าคิดมากขนาดนี้”




   “…”




   “เคยบอกเองว่ามีอะไรให้บอก…แล้วทำไมไม่เคยบอกว่ารู้สึกยังไง” ไม่ใช่แค่บุ๋นที่ห่วงเขา





   “…”




   “ทำไมต้องเก็บไว้คนเดียว”




   ฐานทัพเองก็พอดูออกว่าลึกๆแล้วบุ๋นมีอะไรที่ยังไม่บอกเขาและเขาก็รอมาตลอดว่าเมื่อไหร่บุ๋นจะพูด เขาเองก็ห่วงบุ๋นไม่น้อยไปกว่าที่บุ๋นห่วงเขา



   แค่เขาพูดไม่เก่ง แสดงออกไม่เป็น



   “ผมไม่อยากให้พี่เครียด มันเป็นเรื่องไม่เป็นเรื่อง”




   “อืม” บุ๋นมักจะคิดถึงเขาก่อนตัวเองเสมอ “ถ้าเครียดก็เครียดไปด้วยกัน”




   “…”




   “ไม่ปล่อยให้เครียดคนเดียวหรอก”




   บุ๋นขยับเข้าไปใกล้หมอฐานทัพมากกว่าเดิม แขนข้างที่ยังว่างอยู่ดึงหมอเข้ามากอดไว้แน่น ความอัดอั้นที่เขากักเก็บมาถูกปล่อยออกมาหมด ไร้ความกังวลใดๆเมื่อมีคนที่เขารักอยู่ในอ้อมแขนคู่นี้



   รัก




   “ไม่ร้องไห้” ฐานทัพกอดตอบแน่น “ไม่อยากให้ร้อง”



   “…”




   “ขอโทษ”




   “ผมไม่โกรธพี่หรอก” บุ๋นพูดเสียงอู้อี้ “ผมอายมากกว่าที่ต้องมาเจออะไรแบบนี้พร้อมกัน”




   “หืม?” ฐานทัพถาม “อายอะไร”




   “ผมพูดทุกอย่างไปหมดเลย พี่รู้ทุกอย่างหมดแล้ว มันเป็นเรื่องน่าอาย”





   “ไม่หรอก” ฐานทัพหัวเราะ ถึงแม้บางเรื่องที่เขาได้ฟังจะทำให้เขาตกใจไปบ้างแต่มันก็ทำให้เขารับรู้ได้ถึงความพยายามของบุ๋น




   “…”




   “น่ารักดี”




   “พี่จะหัวเราะผมทำไม ผมอาย” บุ๋นมุดหน้าจนไม่รู้จะมุดยังไง เขารู้สึกถึงความร้อนที่ใบหน้า ไม่เคยอายจนรู้สึกทรมานแบบนี้มาก่อน




   หมดกันบุ๋น…หมดทุกอย่าง




   “คินแนะนำมาว่าให้มาบอกแบบนี้”




   “พี่คินอีกแล้วหรอครับ”




   “อืม” ฐานทัพพยักหน้าช้าๆ




   “แล้ว…”




   “…”




   “เรื่องจูบ พี่คินแนะนำมารึเปล่าครับ”




   “เปล่า ไม่มีใครแนะนำ…”




   “…”




   “ทำเอง”




   คำตอบที่ได้ยินยิ่งทำให้อีกคนเขินจนไม่กล้าสู้หน้า บุ๋นก้มหน้าไม่ยอมเงยจนฐานทัพยกมือขึ้นมายีหัวบุ๋นเบาๆอย่างนึกเอ็นดู เขาไม่เคยเห็นบุ๋นในมุมนี้




   “ไม่เท่เลย พูดไปซะหมดเปลือก พี่ก็รู้หมดว่าผมเตรียมการมานานแค่ไหน”




   “ดีใจที่ได้รู้”




   “ทำไมครับ”




   “อยากรู้”




   ฐานทัพนึกขอบคุณเพื่อนสนิทตัวเองในใจ ถ้าคินไม่แนะนำเขาก็คงไม่รู้ความรู้สึกของบุ๋นทั้งหมด ครั้งนี้คงต้องยกความดีความชอบให้คิน



   ย้อนกลับไปเมื่อตอนเย็น…

   ร่างของนักศึกษาแพทย์เดินออกมาจากห้องเรียนที่ใช้ในการสอบย่อยอย่างคนไร้วิญญาณ แม้จะเป็นการสอบย่อยแต่ก็ไม่ได้หมายความว่าจะง่ายกว่าการสอบหลักซึ่งนั่นทำให้พวกเขาหมดพลังในการทำข้อสอบไปมากพอสมควร

   “ยากโคตรๆ” คินบ่นออกมาพร้อมกับหันไปทำตาขวางใส่เพื่อนที่เดินตามออกมาเงียบๆ “มึงคงทำได้สินะไอ้หมอ”

   “อืม” ฐานทัพรับคำเหมือนทุกๆครั้งที่เขาทำ เวลาทำได้ก็บอกทำได้ไม่เห็นต้องโกหกว่าทำไม่ได้ “บางข้อก็ไม่ค่อยมั่นใจ”

   “กี่ข้อ” คินถาม

   “ข้อเดียว”

   “โว้ะ!!!!” คำตอบของฐานทัพเรียกเสียงบ่นจากเพื่อนได้เสมอ คินหันไปหาปกป้องที่เดินตามออกมาเงียบๆ “แล้วมึงเป็นไง”

   “กูหิวข้าว” ปกป้องตอบ “ตกลงวันนี้กินร้านไหน”

   “ร้านประจำก็ได้ ตอนนี้สมองกูขาวโพลนแทบจะไม่สามารถคิดวางแผนอะไรได้อีก”

   “เออตามนั้น”

   ทั้งสามคนเดินทางมายังร้านประจำหน้ามอก่อนจะนั่งลงที่โต๊ะด้านในสุดของร้าน วันนี้คนค่อนข้างบางตาแต่ก็ยังพอมีตามร้านบ้างประปราย ทั้งสามสั่งเมนูง่ายๆก่อนที่คินจะฟุบหน้าลงกับโต๊ะอย่างหมดแรง

   “ไหวปะมึง” ปกป้องที่นั่งอยู่ข้างๆถามพร้อมกับยกขวดน้ำเย็นวางลงบนแขนเพื่อนสนิท

   “อย่ามายุ่งกับกู…” น้ำเสียงอิดโรยตอบออกมาคล้ายคนใกล้จะสิ้นลมหายใจ

   “อย่าเว่อร์น่า” ปกป้องหัวเราะออกมาก่อนจะหันไปมองฐานทัพที่มองไปรอบๆร้านไม่ได้หยุดสนใจสิ่งไหนเป็นพิเศษ “แล้วบุ๋นล่ะ?”

   “วันนี้ไม่ได้เจอกัน บุ๋นทำงาน”

   “ปกติน้องมันจะตามมาตลอดไม่ใช่หรอวะ”

   “อืม ครั้งนี้คงยุ่งจริงๆ”

   “รู้ใจกันจังเลยนะ” คนที่ฟุบลงไปรีบเงยหน้าขึ้นมาพาลใส่เพื่อน “พึ่งคบกันได้ไม่นานเหมือนจะรู้ใจกันหมดเลยนะ หึ!!!”

   “อะไรของมึง” ปกป้องหันไปถามอย่างงงๆ

   “เปล๊า!!”

   “มีเรื่องนึงที่บุ๋นยังไม่รู้” ฐานทัพที่ไม่ได้รับรู้ว่าเพื่อนกำลังประชดอยู่ตอบออกไปด้วยท่าทางใสซื่อ

   “เรื่องอะไรวะ…” สภาพเหมือนคนใกล้ตายหายไปในพริบตาเมื่อได้รับข่าวสารใหม่ที่ตัวเองยังไม่เคยรู้ คินไม่เคยพลาดเรื่องของคนอื่น

   “ไม่ค่อยอยากรู้เลยนะมึง” ปกป้องส่ายหน้าไปมาอย่างเอือมระอา

   “เรื่องผ้าปิดปาก” ฐานทัพบอกออกไปอย่างไม่มีปิดบัง

   “ฮะ? ผ้าปิดปาก อะไรวะ” คินงงหนักกว่าเดิมเมื่อเรื่องที่ได้ยินไม่สามารถให้เขาเดาเรื่องต่อได้เลย

   “คือ…”

   ฐานทัพค่อยๆเรียงลำดับเรื่องราวที่เกิดขึ้นตั้งแต่ครั้งแรกที่เจอบุ๋นให้เพื่อนทั้งสองคนฟัง ทุกรายละเอียด ทุกการกระทำของบุ๋นเท่าที่ตัวเขาเองพอจะจำได้

   สิ่งที่เขาสงสัยมาตลอดว่าทำไม…บุ๋นไม่รู้ว่าเป็นเขา

   “อ่ออออออออออ” คินร้องออกมาเสียงดังก่อนจะตบมือแปะใหญ่เหมือนคิดอะไรออก “กูว่ากูคิดอะไรออก”

   “อะไร” ฐานทัพถามกลับ

   เห็นสายตาคินแล้วแอบไม่มั่นใจแปลกๆ

   “มึงก็เรียกน้องมาคุยเลยแล้วแกล้งใส่ผ้าปิดปาก ลองดูว่าจะจำได้ไหม” คินยิ้มอย่างมั่นใจ “ถ้าจำไม่ได้มึงก็ชวนคุยตามน้ำแล้วลองถามไปเรื่อยๆ ถ้าเคยเจอกันมาก่อนกูว่ามันต้องเล่าอะไรบ้างแหละ”

   “เล่าอะไร” เขาถามกลับ

   “กูจะรู้ไหมเนี่ย” คินตอบ “หรือไม่มึงก็แกล้งปั่นว่าบางทีที่นัดมาอาจจะนัดมาบอกเลิกแล้วลองดูปฏิกิริยา”

   “แรงไปปะวะ” ปกป้องที่นั่งอยู่ข้างๆแทรกขึ้น

   “นั่นดิ”

   “ก็อย่าทำให้มันแรง ไม่รู้เว้ยมันอยู่ที่มึงว่าอยากจะรู้รึเปล่าว่าน้องจริงจังกับมึงมากแค่ไหน”

   “…”

   “กูว่าคนอย่างบุ๋นต่อให้มึงทำอะไรน้องมันก็ไม่โกรธ”

   “…”

   “ถ้าเรื่องนี้คือเรื่องสุดท้ายที่บุ๋นยังไม่รู้มึงก็ควรจะรีบบอก”

   “อืม รู้”

   “แต่ถ้าบอกแบบเซอร์ไพรส์มันก็น่าตื่นเต้นดีนะ”

   “แล้วถ้าบอกเสร็จต้องทำไงต่อ”

   “นี่ตกลงใครเป็นแฟนบุ๋นวะ คิดเองสิโว้ยยยยยยยย!!!!” คินโวยวายเป็นเวลาเดียวกันกับที่อาหารมาเสริฟพอดีเขาเลยหยุดการสนทนาไว้เพียงเท่านั้น

   ทำไงต่อ…

   แล้วต้องทำไงต่อ…

   คนเป็นแฟนกันเขาต้องทำอะไรต่อ

   คิดสิ ฐานทัพ




   “คราวหน้าอย่าทำแบบนี้อีกนะครับ” บุ๋นค่อยๆเงยหน้าขึ้นมาสบตาคนตรงหน้าทำให้ฐานทัพที่คิดถึงเรื่องเมื่อตอนเย็นกลับมาสู่ปัจจุบัน



   “อืม ไม่ทำแล้ว”



   “ผมเสียใจ”




   “ขอโทษ”




   “เปลี่ยนจากขอโทษเป็น…แบบเมื่อกี้ได้ไหม?” ความเจ้าเล่ห์เข้าสิงเมื่อเห็นว่าหมอมีท่าทีรู้สึกผิด “ผมคงจะหายเสียใจ”




   “บุ๋น” ฐานทัพเรียกชื่อบุ๋นสั้นๆ




   “ครับ?”




   “อย่าเนียน”





   “อ่าว…”




   ทำไมครั้งนี้หมอไม่พูดง่ายเหมือนครั้งนั้น…ทีตอนนั้นเขาบอกให้กอดหมอยังยอมกอดง่ายๆเลย




   “เรื่องนั้นทำปีละครั้งก็พอ จะได้สำคัญ”




   “พี่หมายถึง?” บุ๋นกลืนน้ำลายลงคอเฮือกใหญ่




   “ที่ทำเมื่อกี้” ฐานทัพยิ้มออกมา




   “เห้ย ได้ไงพี่ มันไม่นานไปหน่อยหรอ” บุ๋นท้วงอย่างไม่ยอม ใครเป็นคนบอกหมอว่าจูบกันปีละครั้งแล้วมันจะทำให้สำคัญ




   จูบทุกวันก็สำคัญโว้ยยยยยยยย!!!!




   ปีละครั้ง…





   ทนไม่ได้หรอกนะ บุ๋นทนไม่ได้!!!!!




   “กลับเถอะ ดึกแล้ว” ฐานทัพเตรียมจะลุกขึ้นแต่โดนมือของอีกคนดึงไว้ให้กลับลงมานั่งเหมือนเดิม




   “ยังไม่อยากกลับ ผมอยากอยู่ตรงนี้ฟังความรู้สึกจากพี่บ้าง”




   “เรื่องอะไร?”




   “วันแรกที่เราเจอกันหน้าเซเว่นพี่มองผมเป็นคนยังไง แล้วทำไมพี่ไม่บอกผมตั้งแต่แรกว่าพี่กับคนที่ใส่ผ้าปิดปากคือคนเดียวกัน”



   “ต้องถามกลับว่าทำไมจำไม่ได้”



   “ผมตอบไม่ได้” บุ๋นเอ่ยอย่างรู้สึกผิด เขาไม่เข้าใจเหมือนกันว่าทำไมตัวเองถึงจำหมอฐานทัพไม่ได้ทั้งๆที่หมอแค่ใส่ผ้าปิดปาก




   อาจเพราะเขาเจอหมอแบบที่ใส่ผ้าก่อนที่จะเจอแบบหน้าเต็มเลยทำให้เขาคุ้นชินกับหน้าปกติมากกว่าหน้าตอนหมอใส่ผ้าปิดปาก




   แต่ยังไงก็อดโกรธตัวเองไม่ได้…หมอคงเสียใจที่เขาจำไม่ได้




   “ไม่เป็นไร” เมื่อเห็นสีหน้าที่เริ่มกลับมาเครียดฐานทัพก็พูดเพื่อให้อีกฝ่ายสบายใจขึ้น




   วันแรกที่เจอบุ๋นงั้นหรอ…




   “วันแรกที่เจอรู้สึกว่า…คนอะไรพูดอยู่คนเดียว ขี้บ่น” เขานึกถึงวันแรกก็อดหัวเราะไม่ได้ บุ๋นเอาแต่พูดให้เขาฟังโดยไม่รอฟังคำตอบจากเขา




   “หลังจากนั้นที่เจอก็รู้สึกว่าเพี้ยน ประหลาด ติ๊งต๊อง”




   “โห…แต่ละอย่าง น่าประทับใจมากเลยครับ” บุ๋นหัวเราะแห้งๆ




   “เรื่องไลน์ที่ไม่ได้ตอบ” ฐานทัพพึ่งนึกขึ้นได้




   เขาหยิบโทรศัพท์ตัวเองที่ไม่รู้ว่าไปปิดเครื่องตอนไหนออกมาก่อนจะกดเปิดเครื่อง หน้าจอสว่างเป็นรูปแบตเตอรี่ที่ถูกใช้จนหมดเพราะเมื่อคืนเขาลืมชาจแบต นั่นคงเป็นสาเหตุที่ทำให้บุ๋นโทรหาเขาไม่ติด




   “ขอยืมมือถือหน่อย” ฐานทัพแบมือไปตรงหน้าคนที่กำลังรอฟังอยู่





   บุ๋นกดปลดล็อกหน้าจอโทรศัพท์ก่อนจะยื่นให้หมอฐานทัพ ภาพพื้นหลังโทรศัพท์มือถือที่เป็นรูปแปลงแครอททำให้เขาเผลอยิ้มออกมาอย่างไม่รู้ตัว ฐานทัพกดเข้าไปยังแอปพลิเคชั่นไลน์ที่อยู่หน้าแรกสุดก่อนจะมองหาแชทของเขากับบุ๋นแต่เขาไม่ต้องหาให้เสียเวลาในเมื่อชื่อของเขาถูกปักหมุดให้อยู่แชทแรกสุดของการสนทนา




   แชทแรกสุด…แชทที่เขาไม่ได้ตอบมานาน




   ข้อความที่บุ๋นเป็นคนส่งอยู่ฝ่ายเดียวถูกขึ้นว่าอ่านแล้ว ฐานทัพเลื่อนดูข้อความก็อดรู้สึกผิดไม่ได้ เขามีสาเหตุที่เขาไม่ตอบ




   “ใครสอนให้ส่งรูปพวกนี้” ฐานทัพเลื่อนขึ้นไปเกือบบนสุดของบทสนทนา




   รูปภาพสวัสดีวันจันทร์ถึงวันอาทิตย์ที่บุ๋นขยันส่งให้เขาทุกวันปรากฏขึ้นบนหน้าจอพร้อมกับข้อความคล้ายๆกันในทุกๆวัน ฐานทัพเลื่อนนิ้วจนมาถึงรูปสุดท้ายก่อนจะหันไปมองหน้าบุ๋น




   “ใครสอน”




   “ไม่มีครับ” บุ๋นตอบอย่างใสซื่อ “ก็ผมเห็นไลน์ครอบครัวชอบส่งกันก็เลยคิดว่าน่ารักดี”




   “กลัว” ฐานทัพพูดออกมาคำเดียว “ประหลาดจนไม่กล้าตอบกลับ”




   “อ่าว แล้วทำไมพี่ไม่บอกผม”




   “กลัวเสียน้ำใจ”




   “พี่ก็เลยอ่านไม่ตอบเลยหรอครับ” บุ๋นถามเสียงเบา ความจริงแล้วเขาก็แอบเสียใจที่หมอฐานทัพตอบเขากลับมานับครั้งได้




   ถึงจะผ่านช่วงทฤษฏีเจ็ดไปแล้วเขาก็ยังคอยส่งไปหาหมอบ้างเป็นบางครั้ง แต่หมอไม่เคยตอบเขาอีกเลย




   “ไม่รู้จะตอบว่าอะไร เจอกันทุกวัน”




   “…”




   “คุยต่อหน้าดีกว่า”





   “แล้วถ้าพี่รู้ว่าไลน์นี้คือผมทำไมไม่ตอบกลับมา”




   “กลัวจะอาย ก็โกโก้เคยมาขอไลน์แล้วบอกว่ามีคนมาขอไลน์ให้เพื่อน แต่ความจริงขอให้ตัวเอง” ฐานทัพปรายตามองคนที่กำลังหน้าแดงเพราะความจริงที่ค่อยๆปรากฏออกมา




   “…”




   “เลยส่งข้อความแทน จะได้ไม่ต้องอาย”




   “มาถึงขนาดนี้แล้ว ไม่ต้องกลัวผมจะอายแล้วมั้ง” บุ๋นหันหน้าไปอีกทาง รู้สึกเหมือนวันนี้ความจริงหลายๆอย่างค่อยๆเปิดเผยออกมา




   เขาก็งงมาตั้งนานว่าทำไมหมอถึงเลือกที่จะคุยทางข้อความแทนไลน์ ตอนนี้เขาเข้าใจทุกอย่างหมดแล้ว ที่เลือกส่งข้อความเพราะคิดว่าถ้าส่งทางไลน์หมายถึงหมอรู้ทุกอย่างหมดแล้วและจะทำให้ตัวเขาอาย




   ใช่…เขาอายจริงๆ




   “ตอนแรกก็จำไม่ได้หรอกว่าใครถึงจะเคยแนะนำชื่อ แต่ตอนนั้นสงสัยก็เลยลองเปิดดูแล้วก็เห็นตั้งรูปเป็นรูปตัวเอง” ฐานทัพอธิบายยาวเพื่อให้บุ๋นเข้าใจได้ชัดเจน




   ชัดเจน…ชัดเจนจริงๆ




   นั่นสินะ เขาเปลี่ยนเป็นรูปตัวเองเพราะคิดว่าหมอคงไม่ตอบกลับมาอีกแล้ว




   ไอ้บุ๋นเอ้ยยยยยยยยยย หมดกัน!!!!




   “งั้นพี่ก็รู้มาสักพักแล้วว่าผมคือคนที่ส่งรูปสวัสดีให้พี่ทุกๆวัน…”




   “อืม”




   “แสดงว่าผมไม่เนียนเลย…”




   “อืม”




   “ผม…ผม…ผมอาย” บุ๋นติดอ่าง เขาเด้งตัวลุกขึ้นก่อนจะขยับออกห่างหมอฐานทัพออกไปสามสี่ก้าว ความจริงถ้าวิ่งออกไปได้คงวิ่งออกไปไกลที่สุด




   “ไม่ต้องอาย ดีใจที่ได้ฟังทั้งหมด”   




   “…”




   “จะว่าไปก็…แอบโรคจิตเหมือนกันนะ”


ออฟไลน์ minneemint

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1632
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +45/-0
มาต่อเลยได้ไหม
บอกอะไร
บอกรักเปล่า

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ อิ๊อ๊ะชะเอิงเอย

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 128
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +5/-1

ออฟไลน์ why yyy

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4561
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +309/-8

ออฟไลน์ Minoru88

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 185
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-0
น่ารักกกกก 
บุ๋น ผช แบบนายหาได้จากที่ไหนอีกกกก

จะไม่ทนนนนน

ออฟไลน์ aeecd

  • :: 8018 ::
  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1161
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +114/-0
รอตอนต่อปายยยยยย
หมอบุ๋นน่ารักมากกก
เมื่อไหร่จะได้กัน555ตกลงใครรุกใครรับ
ยังมองไม่ออก :hao6:

ออฟไลน์ snice_cz

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 727
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +42/-0
โอ๊ย ค้างงงงงงงงงงงงงงง

รอตอนต่อไปค่าาาา

ออฟไลน์ gayraygirl

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3013
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +206/-3

ออฟไลน์ Mura_saki

  • แค่เรารู้จักกัน...มันก็ดีที่สุดแล้ว :)
  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2054
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +179/-9
สนุกมากๆ เรื่องนี้ต้องอ่านช้าๆ เพราะหมอฐานทัพพูดน้อย และตรงกับความรู้สึกตัวเองมากๆ

น่ารักมากๆ

ออฟไลน์ aom2529

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 885
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +36/-0
โอ๊ยยยยย...เขินแทนนนนนน... :laugh:

ออฟไลน์ Supparang-k

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1908
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +20/-3
สนุกมาก อ่านละยิ้มตามตลอดเวลา

ออฟไลน์ perlina

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 56
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +17/-1
จีบหมอครั้งที่ยี่สิบสาม

   โรคจิต…


   บุ๋นจมอยู่กับคำที่หมอฐานทัพพูดมานานกว่าสองชั่วโมงบนเตียงนอนของเขา หลังจากที่แยกกับหมอฐานทัพแล้วเขาก็พาตัวเองขึ้นมานั่งบนเตียงและไม่ขยับเขยื้อนไปไหนอีก



   อายก็อาย



   แถมยังโดนมองว่าโรคจิต…



   ไอ้บุ๋นเอ้ยยยยยยยย!!!!



   “เป็นอะไรวะ ทำหน้าตาพิลึก” สองที่นั่งทำรายงานอยู่ข้างๆหันมาถามอย่างอดสงสัยไม่ได้ นับวันยิ่งทำตัวประหลาด



   “เปล่า ไม่มีอะไรหรอก” ปากปฏิเสธแต่ความรู้สึกข้างในมันไม่ใช่อย่างที่พูด



   ถึงเขาจะรู้ตัวว่าตัวเองทำอะไรหลายๆอย่างที่ค่อนไปทางโรคจิตแต่เขาก็ไม่คิดว่าหมอจะพูดออกมาตรงๆแบบนั้น จะเรียกว่าเสียเซลฟ์ก็ได้แต่อายมากกว่า



   บุ๋นเป็นโรคจิต : นอนรึยังครับ?



   ข้อความจากแอปพลิเคชั่นที่ไม่มีเสียงแจ้งเตือนมานานดังขึ้นขณะที่ฐานทัพกำลังจะปิดไฟเตรียมตัวนอน เขาหยิบแว่นตาที่พึ่งถอดกลับมาใส่อีกครั้งแล้วอ่านข้อความที่ปรากฏบนมือถือพร้อมรอยยิ้ม



   ทำไมตั้งชื่อไลน์แบบนี้
   


   Thanthup : กำลังจะนอน ชื่อไลน์?



   บุ๋นรีบกดอ่านข้อความที่ตอบกลับมาทันที
   


   บุ๋นเป็นโรคจิต : ครับ ผมเป็นโรคจิตไง
   Thanthup : คิดมาก?




   บุ๋นส่ายหน้ารัวโดยที่ลืมไปว่าหมอไม่ได้อยู่ตรงหน้าเขา ร่างสูงถอนหายใจยาวๆ จะเรียกว่าคิดมากหรือเรียกว่าไม่กล้าสู้หน้าดี



   โดนมองว่าโรคจิตก็ไม่ใช่เรื่องดีเท่าไหร่


   
   Thanthup : เงียบ




   ยังไม่ทันที่เขาจะพิมพ์ตอบหมอก็พิมพ์กลับมาคล้ายกับว่ากำลังรอคำตอบจากเขาอยู่ บุ๋นรีบพิมพ์กลับไปเพื่อจะอธิบายแต่กลับส่งช้ากว่าอีกคน



   Thanthup : โกรธหรอ?



   เขาไม่ได้โกรธ เขาแค่อาย…



   Thanthup : ขอโทษ



   บุ๋นถึงกับพิมพ์ต่อไม่ถูกเมื่อเห็นข้อความที่หมอส่งกลับมาแทบจะทันที เขายังไม่ทันจะพิมพ์อะไรเสร็จข้อความใหม่ก็เด้งขึ้น



   Thanthup : ง้อ



   ง้อ…



   โหหมอ…ง้อแบบนี้ใครจะโกรธลง



   บุ๋นเป็นโรคจิต : ผมไม่ได้โกรธครับ ผมแค่อาย
   บุ๋นเป็นโรคจิต : *สติ๊กเกอร์หมีสีน้ำตาลบิดตัวเขิน*
   Thanthup : ไม่ต้องอาย
   



   ฐานทัพหยุดพิมพ์ข้อความที่จะส่งต่อแล้วกดออกจากแชทที่กำลังคุยกันก่อนจะเปลี่ยนไปที่ตั้งค่า เขากดลบชื่อไลน์ของตัวเองที่ไม่เคยเปลี่ยนเลยพร้อมกับตั้งชื่อใหม่

   
   ชอบโรคจิต : โอเคไหม?


   เขาพิมพ์ถามกลับไปอย่างคนไม่เคยทำอะไรแบบนี้ ถ้าเพื่อนเขามาเห็นเขาตั้งชื่อแบบนี้มีหวังล้อกันยันเรียนจบแน่ๆ




   แต่ถ้าทำให้บุ๋นเลิกคิดมากได้มันก็คุ้ม




   บุ๋นเป็นโรคจิต : ถ้าเปลี่ยนเป็น ฐานทัพชอบบุ๋น จะโอเคกว่านี้ครับ




   พอได้โอกาสความเจ้าเล่ห์ก็เผยออกมา บุ๋นยิ้มกรุ่มกริ้มท่ามกลางสายตาของเพื่อนอีกสองคนที่มองมาอย่างไม่เข้าใจ



   นับวันไอ้สี่ยิ่งเพี้ยน


   ชอบโรคจิต : อย่าเนียน
   ชอบแครอท : เปลี่ยนแล้ว



   บุ๋นถึงกับขมวดคิ้วเมื่อหมอฐานทัพไม่รับมุขแถมยังเปลี่ยนชื่อเร็วกว่าเขา พอคิดถึงอะไรดีๆออกเขาก็กดเปลี่ยนชื่อตัวเองบ้าง




   ชอบคนกินแครอท : เปลี่ยนเหมือนกันครับ
   ชอบคนกินแครอท : *สติ๊กเกอร์ยิ้ม*
   ชอบแครอท : ไม่เล่นแล้ว ง่วง
   ชอบแครอท : ฝันดี
   ชอบคนกินแครอท : ครับผม ฝันดีครับ
   ชอบแครอท : นอนไวๆ น้องบุ๋น
   ชอบคนกินแครอท : ครับ พี่หมอของบุ๋น



   หน้าจอโทรศัพท์ขึ้นว่าอ่านแล้วก่อนที่บุ๋นจะกดล็อคโทรศัพท์ลง ไม่เคยคิดว่าจะได้คุยกับหมอฐานทัพด้วยคำพูดแบบนี้ ดูๆไปหมอก็มีหลายมุมที่ทำให้เขาแปลกใจได้ตลอด



   มีความสุขโดยที่ลืมไปเลยว่าตัวเองโรคจิต…



   แต่ถ้าโรคจิตแล้วได้คบกับคนที่ชอบ ก็ยอมโดนเรียกว่าโรคจิตตลอดชีวิต




   เขินโว้ยยยยยยยยย!!!!
.

   ประตูห้องเรียนรวมเปิดออกพร้อมกับใบหน้าที่บอกบุญไม่รับของบุ๋นที่เด่นมาแต่ไกล ความจริงวันนี้ควรจะเป็นวันที่ดีอีกหนึ่งวันแต่กลับไม่เป็นอย่างนั้นเมื่อเขาโดนอาจารย์สั่งให้แก้รายงานเดี่ยวที่เขาส่งไปตั้งแต่กลางเทอมทั้งๆที่อีกไม่กี่อาทิตย์ก็จะสอบไฟนอล



   “ทำหน้าเป็นตูดจังวะ” เดชที่โดนแก้รายงานเหมือนกันวางมือหนักๆไว้บนไหล่เพื่อน “อย่าคิดมาก โดนสั่งแก้ครึ่งเซค”



   “คิดดิวะ กูคิดว่าแม่งจะผ่านแล้ว มันมีอะไรต้องแก้วะเนี่ย” บุ๋นบ่นพร้อมกับเปิดดูรายงานที่มีปากกาสีแดงเขียนกำกับส่วนที่ต้องแก้ไขเพิ่มเติม



   ความจริงถ้าขี้เกียจเขาจะส่งทั้งอย่างนี้เลยก็ได้แต่เพราะอาจารย์ที่ดูห่วงในตัวนักศึกษาเลยให้โอกาสแก้งานอีกครั้งก่อนที่จะได้คะแนนเพื่อเป็นการช่วยคนที่คะแนนใกล้จะถึงเส้นแดงดิ่งลงเอฟ



   หนึ่งในนั้นคือบุ๋น…




   “กูเข้าใจ คืนนี้ไปทำกับกูไหมล่ะ” เดชเสนอ




   “ไม่เป็นไรว่ะ เรื่องของกูกับมึงมันต้องหาข้อมูลคนละเรื่องอยู่แล้ว กูกลับไปทำที่หอคงจะดีกว่า”   




   “ไหวแน่นะ ทำหน้าโคตรเบื่อโลก”




   “เออ ไม่ไหวก็ต้องไหว” สภาพไร้วิญญาณของบุ๋นทำให้เดชอดเป็นห่วงไม่ได้แต่ในเมื่อเจ้าตัวยืนยันแบบนั้นเขาก็ไม่อยากขัด




   เพราะตัวเขาเองก็ต้องแก้รายงานเหมือนกัน




   “กลับก่อนนะมึง จะได้รีบไปทำงาน” บุ๋นดูเวลาก่อนจะโบกมือลาเพื่อนที่เตรียมตัวจะแยกย้ายกลับหอ




   “เออ มีอะไรโทรมา”




   “ตามนั้น”




   บุ๋นเดินตรงไปยังจักรยานที่จอดอยู่ก่อนจะหยิบโทรศัพท์ขึ้นมากดส่งข้อความบอกหมอฐานทัพเหมือนทุกครั้งที่เขาเคยทำ



   B : ผมต้องกลับไปแก้รายงาน วันนี้คงไม่ได้ไปหานะครับ
   B : *สติ๊กเกอร์ร้องไห้*


   บุ๋นเก็บโทรศัพท์ลงที่เดิมเมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายยังไม่อ่านข้อความ ถึงแม้จะเสียดายที่วันนี้ไม่ได้เจอหมอแต่เขาก็ต้องยอมรับ ถ้าไม่ส่งงานเขาจะยิ่งแย่



   เห็นเอฟลอยมาทักทายลางๆ…

   
   การหาข้อมูลรายงานเป็นไปอย่างจริงจัง บุ๋นเริ่มเสริชหาข้อมูลเสริมในรายงานตั้งแต่ห้าโมงกว่าจนตอนนี้เวลาล่วงเลยไปเกือบหนึ่งทุ่ม แม้จะรู้สึกหิวแต่งานตรงหน้าทำให้เขาลืมว่าตัวเองกำลังหิวอยู่



   “วันนี้นึกขยันอะไรวะ” ประตูห้องเปิดออกพร้อมกับสามที่เดินเข้ามา ในมือถืองานเหมือนทุกๆครั้งเวลากลับห้อง




   “แก้รายงานว่ะ เยอะชิบ” บุ๋นมองหน้าจอโน๊ตบุ๊คไม่กระพริบ “มีอะไรให้กินปะวะ กูหิวข้าว”




   “เอ้า ไมไม่ไปหาอะไรกิน”




   “ทำงานอยู่ เดี๋ยวส่งไม่ทัน”



   “กูกลับเข้ามาเอาของ วันนี้ว่าจะไปใช้โต๊ะวาดรูปที่คณะคงไม่ได้กลับมานอนห้อง”




   “เออ สู้ๆนะมึง”




   “อยากกินไร เดี๋ยวกูออกไปซื้อมาให้” ปกติเขาไม่เคยเห็นเพื่อนตัวเองตั้งใจทำงานขนาดนี้ พอเห็นแบบนี้ก็อยากจะช่วยเป็นกำลังใจ



   “ไม่เป็นไรมึง เดี๋ยวกูออกไปซื้อเอง”



   “เอางั้นหรอวะ ตามใจนะ”



   “อืม ไปเถอะๆ”




   “งั้นไว้เจอกัน” สามทิ้งท้ายไว้แค่นั้นพร้อมกับหยิบของเพื่อเตรียมออกไปทำงานที่คณะต่อ




   ห้องกลับมาสู่ความเงียบอีกครั้งเมื่อเพื่อนออกจากห้องไป วันนี้ก็คงเหลือเขากับไอ้สองที่นอนห้องนี้ด้วยกัน พักหลังมานี้ไอ้สองติดงานที่คณะบ่อยจนบางครั้งก็เข้าหอตามเวลาที่กำหนดไม่ทันเลยชอบออกไปนอนหอพักเพื่อนบ่อยๆ




   คนที่ใช้ค่าเช่าห้องคุ้มที่สุดคงจะเป็นเขา




   ก๊อก ก๊อก ก๊อก




   เสียงเคาะประตูดังขึ้นแต่ไม่ได้ทำให้บุ๋นละสายตาจากสิ่งตรงหน้า บุ๋นไม่ได้ขานรับจนเสียงเคาะประตูดังขึ้นอีกครั้ง



   “ไม่ได้ล็อค มึงเปิดเข้ามาเลย” เขาตะโกนกลับไป “มึงลืมของหรอวะ”



   “เปล่า”




   “เอ้าถ้ามึงไม่ได้ลืมแล้วจะ…” บุ๋นหันหน้าจะมาคุยกับเพื่อนตัวเองก่อนที่คำพูดจะถูกกลืนหายไปในลำคอ




   หมอ…




   “ไง” ฐานทัพยิ้มนิดๆก่อนจะวางถุงขนมที่ซื้อมาลงกับพื้นแล้วเดินตรงเข้ามาหาคนที่กำลังนั่งหาข้อมูลอย่างตั้งใจ “หิวไหม”



   “พี่มาได้ไง” บุ๋นอึ้งไม่หาย



   จริงอยู่ที่เขาเคยขึ้นไปที่หอพักของหมอฐานทัพ แต่ครั้งนั้นมันมีเหตุสุดวิสัยทำให้เขาสามารถขึ้นไปได้ แต่ครั้งนี้มันไม่มีเหตุอะไร…



   “เจอเพื่อนบุ๋น” ฐานทัพบอกด้วยสีหน้าเรียบเฉยอย่างกับว่าไม่มีอะไรให้น่าตื่นเต้น



   ฐานทัพพึ่งมาถึงหน้าหอบุ๋นเมื่อไม่กี่นาทีที่ผ่านมา เขากำลังจะกดโทรหาแต่บังเอิญมีคนๆหนึ่งทักเขาซึ่งเขาก็ไม่รู้จักแต่พอจะเดาได้ว่าเป็นเพื่อนของบุ๋น ตอนแรกก็จะฝากของเอาขึ้นไปให้แต่เพื่อนของบุ๋นดันเป็นคนเปิดประตูแล้วบอกเลขที่ห้องให้เขาเสร็จสรรพเขาเลยได้เข้ามาในหอแบบงงๆ



   “ไอ้สามหรอ”



   “ไม่รู้ชื่อ”




   “แล้วทำไมพี่ไม่โทรหาผม เดี๋ยวผมลงไปหาก็ได้” บุ๋นกวาดสายตาไปทั่วห้องอย่างระแวงกลัวหมอจะเจอในสิ่งที่ไม่ควรเจอ




   ถ้าเจอมันจะยิ่งตอกย้ำความโรคจิตที่หมอเคยพูดไว้…




   “ขึ้นมาแล้ว ช่างเถอะ”



   “แต่ว่า…”



   “งานถึงไหนแล้ว เดี๋ยวช่วยทำ”




   “ไม่เป็นไรครับ ตอนนี้ผมก็ทำ…”




   “ซื้อขนมปังมาให้ ไปกินก่อน” ฐานทัพออกคำสั่ง “เดี๋ยวดูเนื้อหาให้”




   “ผมเกรงใจ พี่มีงานตั้งเยอะ”




   “บุ๋น”




   “…”




   “ไปกินก่อน เดี๋ยวดูให้”




   คำสั่งของหมอฐานทัพทำให้คนที่กำลังจะเตรียมตัวอ้าปากพูดถึงกับต้องเงียบลงแล้วก้มหน้ารับคำสั่งอย่างคนไม่กล้าเถียง




   “ครับผม ไปกินเดี๋ยวนี้แหละครับ”




   ฐานทัพมองคนที่เดินไปยังถุงขนมที่เขาซื้อมาก่อนจะหันกลับมามองหน้าจอที่มีเนื้อหาลายตาเต็มไปหมด เขาค่อยๆไล่อ่านตั้งแต่บรรทัดแรกจนมาถึงบรรทัดสุดท้าย นิ้วยาวค่อยๆกดลบข้อความที่ไม่จำเป็นพร้อมกับลบเนื้อหาที่ซ้ำกันหลายวรรค




   “ความจริงเดี๋ยวผมทำต่อเองก็ได้นะครับ” บุ๋นถือขนมปังกับนมเดินมาหยุดอยู่ข้างๆหมอ เขาไม่อยากให้หมอต้องมาเหนื่อยเพราะงานของเขา



   “ซ้ำเยอะ” ฐานทัพทำเป็นหูทวนลม “ข้อมูลหัวข้อนี้ควรหาเพิ่ม” เขาชี้ไปยังหัวข้อใหญ่ที่บุ๋นหาข้อมูลไว้เพียงสองหน้า



   “ได้ครับ เดี๋ยวผมหาเพิ่ม”



   “อย่าก๊อปวาง ลองอ่านก่อนเพราะข้อมูลคล้ายกันเยอะ”



   “ครับ”



   “อีกไม่เยอะ” ฐานทัพพูดให้กำลังใจ



   ความจริงมันก็เหลืออีกไม่เยอะจริงๆแค่ต้องจัดเรียงหน้า ดูเนื้อหาให้เข้าที่ เขียนสารบัญใหม่และแก้บรรณานุกรม



   บางทีอาจจะใช้คำว่าเหลือไม่เยอะไม่ได้…




   “ผมรู้หรอกน่าว่าข้อมูลเก่าที่ผมหามาแทบจะใช้ไม่ได้” บุ๋นยิ้มออกมา “พี่ดูออกอยู่แล้วใช่ไหมครับ”




   “อืม” เขารับคำ “แต่ข้อมูลใหม่ที่หามาก็ใช้ได้เยอะ”




   “ตอนนั้นคงไม่ได้ตั้งใจทำ”




   “ไม่เป็นไร” น้ำเสียงทุ้มต่ำเอ่ยออกมาอย่างอ่อนโยน “เดี๋ยวจะช่วยทำ วันนี้ก็เสร็จ”




   “พี่ไม่มีงานหรอครับ?”




   “เสร็จหมดแล้ว”




   “โห…” คำตอบธรรมดายิ่งตอกย้ำบุ๋นลึกลงไปอีก เขากับหมอฐานทัพต่างกันราวฟ้ากับเหว




   ถ้าเขาขยันได้ครึ่งหมอฐานทัพก็คงดี…


   
   เวลาล่วงเลยไปจนนาฬิกาบอกเวลาสี่ทุ่มครึ่ง บุ๋นเงยหน้าดูเวลาก่อนจะหันไปมองหมอฐานทัพที่นั่งอ่านหนังสืออยู่บนเตียงของเขาด้วยท่าทางสบายๆ




   ตอนแรกเขาคิดว่าจะทำให้หมอเสียเวลาแต่เปล่าเลย หมอฐานทัพเตรียมหนังสือมาอ่านเวลาที่เขากำลังหาข้อมูลและจะแวะเดินมาดูเขาเป็นพักๆจนตอนนี้งานเสร็จเรียบร้อยแล้ว




   ทั้งๆที่ไม่คิดว่าจะเสร็จภายในวันเดียว




   “เสร็จแล้วครับ” บุ๋นลุกจากเก้าอี้ที่นั่งอยู่ก่อนจะเดินไปที่เตียงนอนที่หมอนั่งแล้วทิ้งตัวลงบนที่นอนด้วยความเมื่อยล้า




   “ดีมาก” ฐานทัพยิ้มออกมาบางๆ เขาวางหนังสือที่อ่านอยู่ลงแล้วทำท่าจะลุกขึ้นไปดูงานแต่ถูกมือของอีกคนดึงไว้ให้นั่งลงเหมือนเดิม




   “อยู่นี่แหละครับ ผมบอกว่าทำเสร็จแล้วไง”




   “จะดูให้”




   “ไม่ต้องดูหรอกครับ เสร็จแล้วน่า” บุ๋นดึงมือของหมอฐานทัพมากุมไว้ใกล้หน้าก่อนจะค่อยๆหลับตาทั้งสองข้างลง




   ถ้าได้จับมือหมอนอนแบบนี้ทุกวันเขาคงนอนหลับสบาย




   ฐานทัพปล่อยให้บุ๋นทำตามใจจนเห็นว่าคนที่นอนอยู่หลับไปแล้วจริงๆ เขาค่อยๆแกะมือตัวเองออกช้าๆก่อนจะดึงหมอนบนหัวเตียงมาให้บุ๋นหนุนนอน มือของเขาสัมผัสเข้ากับสันหนังสือที่วางอยู้ใต้หมอน เขาหยิบมันออกมาวางไว้ข้างตัวก่อนจะค่อยๆช้อนหัวบุ๋นขึ้นเพื่อจะได้นอนสบายมากขึ้น




   จากที่ตอนแรกคิดว่าเป็นหนังสือแต่ความจริงเป็นสมุดเล่มเล็ก ฐานทัพชั่งใจอยู่นานว่าจะเปิดดีไหมแต่เพราะอะไรบางอย่างทำให้เขาเลือกที่จะเปิดสมุดเล่มที่ถืออยู่ออก ลายมือที่เขียนด้วยตัวบรรจงในหน้าแรกทำให้เขาเผลอยิ้มออกมาอย่างไม่รู้ตัว




   วิธีจีบหมอ
   



   วิธีที่หนึ่ง…ทฤษฏีเจ็ด
   ผล : แห้ว หมอไม่ตอบ ไม่อ่าน (สงสัยรูปที่ส่งไปจะไม่สวยมั้ง)

   
   วิธีที่สอง…เสนอหน้า
   ผล : ก็เสนออยู่ตลอด วิธีนี้ได้ผล หมอดูสนใจ
   ปล. อย่าพึ่งรำคาญผมเลยนะครับบบบบ


   วิธีที่สาม...บังเอิญ
   ผล : โรคจิตว่ะ บังเอิญเยอะไปไหม หมอจะจับได้ไหมนะ


   วิธีที่สี่…ยิ้มเข้าไว้
   ผล : หมอบอกชอบรอยยิ้ม ดีใจมาก จะยิ้มจนเจ็บแก้มเลยครับหมอ   


   วิธีที่ห้า…กำลังใจ
   ผล : ไม่รู้ว่ะ ใครให้กำลังใจใครก็ไม่รู้


   ฐานทัพอ่านตัวหนังสือบรรจงที่เขียนด้วยรอยยิ้ม ความพยายามของบุ๋นที่ผ่านมาจนถึงตอนนี้เขารับรู้ได้ทุกอย่าง แต่เขาไม่เคยคิดว่าบุ๋นจะจริงจังกับมันมากขนาดนี้




   หน้าสมุดเปลี่ยนไปอีกหน้า ข้อความซ้ำๆที่เขียนอยู่เต็มหน้าทำให้ฐานทัพยิ้มกว้างขึ้นไปอีก ไม่คิดว่าบุ๋นจะทำอะไรแบบนี้


ผมนายกิตติกร เกรียงไกรรักษ์ ชอบหมอฐานทัพ ฐิไตรรัตน์ ครับ!
ผมนายกิตติกร เกรียงไกรรักษ์ ชอบหมอฐานทัพ ฐิไตรรัตน์ ครับ!
ผมนายกิตติกร เกรียงไกรรักษ์ ชอบหมอฐานทัพ ฐิไตรรัตน์ ครับ!
ผมนายกิตติกร เกรียงไกรรักษ์ ชอบหมอฐานทัพ ฐิไตรรัตน์ ครับ!
ผมนายกิตติกร เกรียงไกรรักษ์ ชอบหมอฐานทัพ ฐิไตรรัตน์ ครับ!
ผมนายกิตติกร เกรียงไกรรักษ์ ชอบหมอฐานทัพ ฐิไตรรัตน์ ครับ!
ผมนายกิตติกร เกรียงไกรรักษ์ ชอบหมอฐานทัพ ฐิไตรรัตน์ ครับ!
ผมนายกิตติกร เกรียงไกรรักษ์ ชอบหมอฐานทัพ ฐิไตรรัตน์ ครับ!


   คำเดิมๆที่เขียนเต็มหน้ากระดาษ ถ้าสังเกตจากตัวหนังสือในแต่ละบรรทัดต่างกันออกไป บางอันก็เขียนด้วยตัวหนังสือบรรจงแต่บางอันก็เขียนหวัดๆเหมือนรีบเขียน คล้ายกับว่าเขาเขียนคำพวกนี้คนละวันกัน

   
หมอโคตรน่ารัก หมอชอบแครอท แต่บุ๋นชอบหมอ


   ข้อความที่หาความคล้องจองไม่ได้ทำให้ฐานทัพนึกอะไรออก เขาดึงปากกาที่เหน็บอยู่กับสมุดออกมาเขียนข้อความต่อให้จบประโยค



บุ๋นยิ้มเก่ง บุ๋นชอบบาส แต่หมอชอบบุ๋น


CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ perlina

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 56
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +17/-1
   เรื่องราวแต่ละวันถูกบันทึกลงในสมุดเล่มเล็ก ฐานทัพไล่อ่านตั้งแต่หน้าแรกจนมาถึงหน้าสุดท้ายของสมุด ข้อความที่เขียนไว้จนล้นหน้ากระดาษ ทุกใจความสื่อถึงความรักที่บุ๋นมอบให้เขา



   จะว่าไปก็นานเหมือนกันที่เริ่มเขียนสมุดเล่มนี้ ไม่รู้เขียนอะไรเยอะแยะจนตอนนี้ก็หน้าสุดท้าย ขอบคุณนะที่คอยบันทึกเรื่องราวต่างๆไว้ให้ได้กลับมาอ่าน วันแรกที่เริ่มเขียนไม่คิดว่าจะได้เขียนจนจบเพราะไม่ใช่คนชอบเขียนอะไรแบบนี้อยู่แล้ว นี่ก็เกือบหนึ่งเทอมที่ได้เจอหมอ ได้ทำความรู้จัก ได้อยู่ข้างๆ ได้รัก จะว่านานก็นานแต่ความจริงมันไม่นานหรอก ผ่านไปไวเกินไปด้วยซ้ำ จากวันแรกจนถึงวันนี้โคตรมีความสุขเลยว่ะ ถึงในบางครั้งจะมีปัญหาบ้างแต่โชคดีที่หมอเป็นคนพูดตรงๆ ไม่คิดว่าจะมาถึงวันนี้ วันที่เคยฝันอยากให้เกิดขึ้น
   เป็นแฟนกับหมอฐานทัพแล้วนะ :)
   อนาคตเป็นยังไงไม่รู้แต่ที่รู้ๆคือ…จะไม่ยอมปล่อยมือ
   ผมเชื่อนะว่ามือของผมกับพี่จับกันแน่นพอ…

บุ๋น
ปล.เขียนตั้งแต่ไม่ได้คบ แต่ตอนนี้ได้คบแล้ว
   


   ฐานทัพปิดสมุดลงแล้วเก็บสมุดไว้ที่เดิมราวกับว่าเขาไม่เคยเปิดมันมาก่อน สายตาของเขาจับจ้องไปยังร่างที่นอนหลับสบายไม่รู้ว่าเขาได้อ่านความในใจทั้งหมดแล้ว รอยยิ้มของฐานทัพไม่จางหายไป จากที่เคยยิ้มยากแต่วันนี้กลับยิ้มง่ายกว่าครั้งไหนๆ




   เขาโชคดีที่เจอคนที่รักเขามากๆ…และเขาก็จะตอบแทนความรักนั้นด้วยความรักทั้งหมดที่เขามี




   “ขอบคุณครับ” เสียงที่เอ่ยออกมาอย่างแผ่วเบาจะส่งไปถึงอีกคนไหมเขาไม่รู้แต่ที่รู้คือเขาจะตอบแทนทุกอย่างแทนคำพูดที่เขาได้เอ่ยออกไป




   ฐานทัพไม่ใช่คนที่ชอบพูด…เขาชอบทำให้เห็นมากกว่า




   มืออุ่นเอื้อมไปลูบหัวคนที่หลับอยู่เบาๆ ฐานทัพค่อยๆเลื่อนใบหน้าเข้าไปใกล้ๆก่อนจะประทับริมฝีปากลงบนหน้าผากของอีกคนอย่างแผ่วเบาและเนิ่นนาน เขาไม่ได้เป็นคนโรแมนติกแต่ทุกครั้งที่อยู่กับบุ๋นร่างกายของเขามันควบคุมไม่ได้



   ทำ…เพราะอยากทำ

.


   แสงแดดที่สาดส่องเข้ามาในยามเช้าปลุกคนที่ไม่อยากตื่นให้ลุกขึ้นมาอย่างไม่เต็มใจ บุ๋นขยี้ตาเล็กน้อยก่อนจะปรับสายตาให้เป็นปกติแล้วกวาดตามองไปรอบห้อง



   เผลอหลับไปตอนไหนนะ…




   สายตาสะดุดเข้ากับโพสอิทที่แปะอยู่บนหน้าจอโน๊ตบุ๊คที่ตั้งอยู่บนโต๊ะ บุ๋นลุกขึ้นเดินไปหยิบดูด้วยท่าทางงัวเงียแบบคนพึ่งตื่น ตัวอักษรที่เป็นระเบียบเขียนคำสั้นๆกำกับไว้




เห็นนอนอยู่เลยไม่ปลุก
กลับหอก่อนนะ
                        ฐานทัพ


   หมอพึ่งกลับไป…




   งั้นแสดงว่าเมื่อคืนหมอนอนอยู่กับเขา…ทั้งคืน




   เชี่ยยยยยยยย!!!!!!




   ทำไมไม่ตื่นวะไอ้บุ๋น ทำไมนอนหลับกินบ้านกินเมืองขนาดนี้!!!!!




   โทรศัพท์ที่วางอยู่ข้างหมอนสว่างขึ้นมาพร้อมกับข้อความจากหมอฐานทัพ บุ๋นรีบกดอ่านก่อนจะพิมพ์กลับไป จะว่าไปวันนี้เขาก็ตื่นเช้าเหมือนกัน พึ่งจะเจ็ดโมงเอง



   Thanthup : ตื่นรึยัง?
   B : ตื่นแล้วครับ
   B : ทำไมพี่รีบกลับจัง คราวหลังปลุกผมได้นะครับ
   Thanthup : คราวหลัง?
   B : เผื่อมีครั้งหน้า :)
   Thanthup : อืม
   B : วันนี้พี่เรียนกี่โมงครับ?
   Thanthup : สิบโมง บุ๋นล่ะ?
   B : สิบเหมือนกันครับ
   B : งั้น…ไปหาอะไรกินกันไหมครับ
   Thanthup : อืม ได้
   B : เดี๋ยวเจอกันหน้าหอพี่นะครับ ผมน่าจะเสร็จช้ากว่า พึ่งตื่น
   Thanthup : ครับ




   บุ๋นวางโทรศัพท์ไว้ที่เดิมก่อนจะพุ่งตัวออกไปอาบน้ำด้วยความไวแสง เขาอยากจะเจอหมอเร็วๆทั้งๆที่วันนี้ก็ไม่ได้มีอะไรเป็นพิเศษ แค่รู้สึกอยากเจอ



   คิดถึงเรื่องเมื่อคืนก็อดเสียดายไม่ได้



   บุ๋นนะบุ๋น…




   ไม่ถึงครึ่งชั่วโมงจักรยานคันโปรดก็จอดลงหน้าหอพักนักศึกษาแพทย์ บุ๋นจอดจักรยานลงก่อนจะเดินไปนั่งบริเวณใกล้ๆเพื่อรอหมอฐานทัพ

   
   B : บุ๋นถึงแล้วนะครับ


   ฐานทัพอ่านข้อความที่เด้งขึ้นมาขณะที่กำลังเดินลงไป เขาเห็นบุ๋นปั่นจักรยานมาก่อนที่บุ๋นจะทักเขามาเสียอีก เท้าทั้งสองข้างเร่งให้เดินเร็วขึ้นเพื่อไม่ให้อีกฝ่ายรอนาน



   ทั้งที่พึ่งแยกกันได้ไม่กี่ชั่วโมง




   “ไง” เขาทักทายร่างสูงที่นั่งกดโทรศัพท์รออยู่ ทันทีที่บุ๋นได้ยินเสียงทักทายจากเขารอยยิ้มสดใสก็ปรากฏขึ้นบนใบหน้าได้รูป




   “เร็วมากเลยครับ”




   “แน่นอน” ฐานทัพรับคำ “กินอะไรดี”




   “นั่นสิครับ ผมคิดไม่ออก พี่แนะนำเลย”




   “อืม ได้” เขาพอจะรู้จักร้านแถวนี้อยู่สองสามร้านที่เปิดตอนเช้า ลองขับผ่านๆไปดูเจอร้านไหนเปิดก็กินร้านนั้น




   ตอนนี้เริ่มหิวแล้ว




   “ครับ” บุ๋นเตรียมขึ้นคร่อมจักรยานอีกครั้งเพื่อปั่นตาม




   “ไปคันเดียวก็ได้” ฐานทัพบอก “ทางกลับผ่านหออยู่แล้ว”





   “เอางั้นหรอครับ” บุ๋นถาม “งั้นพี่ซ้อนผม”




   “ไม่” เขาปฏิเสธเสียงแข็ง




   “อ้าว…”




   “บุ๋นซ้อน พี่รู้ทาง”



   พี่…




   บุ๋นเริ่มรู้สึกถึงการเปลี่ยนแปลงในร่างกายอีกครั้ง รู้สึกเลือดสูบฉีดมากกว่าปกติ ใบหน้าเริ่มรู้สึกถึงความร้อนผ่าว หมอขยันทำให้ระบบร่างกายเขาแปรปรวนจริงๆ




   “ทำไมหน้าแดง” ฐานทัพถามเมื่อเห็นว่าบุ๋นดูแปลกไป “คงไม่ใช่ไม่สบาย”




   “…”




   “เขินหรอ?”




   เฮือก…




   “ครับ ผมเขิน” บุ๋นยอมรับออกไปตรงๆในเมื่อเขาปิดบังอะไรไม่ได้อยู่แล้ว ร่างสูงเดินไปซ้อนท้ายที่นั่งจักรยาน




   “จับแน่นๆ” ฐานทัพพูดตามละครที่เคยผ่านตา เขาหัวเราะออกมากับท่าทางเก้ๆกังๆของคนที่นั่งซ้อนหลัง




   เวลาเห็นบุ๋นเป็นแบบนี้ก็อดแกล้งไม่ได้




   น่ารักดี




   ฐานทัพค่อยๆปั่นจักรยานไปตามทางช้าๆไม่รีบร้อน อาจเพราะยังเช้าอยู่เลยทำให้ผู้คนในมหาวิทยาลัยไม่แออัดเหมือนช่วงบ่าย เขาตื่นเช้าเป็นประจำแต่ไม่เคยรู้สึกสดชื่นเท่าเช้าวันนี้




   อาจเพราะเช้านี้เขาได้อยู่กับคนที่ทำให้เขารู้สึกสดชื่น




   “เราเคยเจอกันตรงนี้พี่จำได้ไหมครับ” บุ๋นชี้นิ้วไปที่ๆพึ่งขับผ่าน    วันที่เขาถูกสั่งให้วิ่งรอบมหาลัยแล้วบังเอิญเจอหมอฐานทัพ ตอนนั้นดันไปกวนพี่ว๊ากเลยโดนสั่งทำโทษชุดใหญ่ เขาคิดว่าตัวเองโชคร้ายเป็นบ้าแต่พอวิ่งแล้วได้มาเจอหมอฐานทัพเขากลับรู้สึกว่ามันคือโชคดี



   “จำได้”




   “พี่ซื้อน้ำให้ผมด้วยนะ” บุ๋นเล่าต่อ “ผมยังเก็บขวดน้ำขวดนั้นไว้อยู่เลย”




   “เก็บไว้ทำไม?”



   “มันคือของชิ้นแรกที่ผมได้จากพี่นี่ครับ ผมก็อยากเก็บไว้”



   “อืม” ฐานทัพพยักหน้า รอยยิ้มบางๆเผยออกมา เขาจำวันนั้นได้ดี แม้จะเป็นเพียงช่วงเวลาสั้นๆที่ได้เจอกันแต่บุ๋นกลับจำได้ทุกรายละเอียด



   “คิดถึงตอนนั้นแล้วมีความสุขมากๆเลยครับ”




   “แล้วตอนนี้ล่ะ”




   “คูณอินฟินิตี้เข้าไป”




   “เข้าใจแล้ว” เขาหัวเราะออกมา




   บุ๋นไม่รู้ว่าต่อจากนี้ทุกอย่างจะเปลี่ยนไปมากน้อยแค่ไหน ที่เขารู้คือความรู้สึกของเขาที่ยังมั่นคงไม่เปลี่ยนแปลง ในวันข้างหน้าเขาอาจจะมีปัญหาที่หนักกว่านี้ เจอกันน้อยลง ไม่มีเวลา ไม่ได้เจอหน้าแต่สิ่งหนึ่งที่เขารู้คือ…หมอฐานทัพรักเขา



   “ผมเคยบอกพี่รึยังว่าผมรักพี่”



   “ถ้าบอกตรงๆ…คิดว่ายัง” บุ๋นชอบพูดเหมือนเป็นประโยคบอกเล่าที่เล่ารวมกับเรื่องอื่นๆ บุ๋นไม่เคยพูดบอกเขาตรงๆว่ารัก



   แต่ถึงไม่บอก…เขาก็รับรู้ได้



   “ผมรักพี่” บุ๋นเอ่ยออกไปด้วยน้ำเสียงที่หนักแน่นและมั่นคง เขามั่นใจแล้วว่าถึงเวลาที่เขาจะสามารถพูดคำๆนี้ออกมาได้เต็มปาก



   ถึงการกระทำทุกอย่างมันจะบอกความนัยได้หมดแต่เขาก็ยังอยากจะบอกให้หมอได้รับรู้เอาไว้ ที่เขาพูดคำนี้ช้าเพราะเขาอยากให้หมอเชื่อเขาจากการกระทำก่อนจะเชื่อจากคำพูด



   “ผมรักพี่เท่าเลือดที่ไหลเวียนอยู่ในร่างกายของผม…เพราะร่างกายไม่สามารถขาดเลือดได้”




   “คิดนานไหม”



   “ก็นิดนึงครับ” บุ๋นหัวเราะออกมาแก้เขิน




   “พี่ก็รักบุ๋น” ฐานทัพยิ้ม ยิ้มที่ออกมาจากความรู้สึกข้างในจริงๆ เขาเชื่อว่าเขาก็รักบุ๋นไม่น้อยไปกว่าความรักที่บุ๋นมอบให้เขา



   ถึงในเทอมถัดๆไปจะได้เจอกันน้อยลงแต่เขาเชื่อว่าทุกอย่างจะไม่เปลี่ยนไป เพราะคำๆเดียวที่เป็นคำตอบของทุกอย่าง…รัก



   “พี่รักบุ๋นเท่าน้ำที่ทำให้ต้นไม้เจริญเติบโต…เพราะต้นไม้ขาดน้ำไม่ได้”



   “พี่คิดนานไหมครับ?”



   “พึ่งคิด” เขาหัวเราะออกมา “เก่ง”



   “ครับ เก่งครับ” บุ๋นยิ้มกับคำตอบของหมอฐานทัพ




   คนอะไรยิ่งอยู่ด้วยยิ่งตกหลุมรัก




   คนๆนั้นคือ…หมอฐานทัพแฟนนายกิตติกร




   “พี่สอบวันสุดท้ายวันที่เท่าไหร่ครับ”




   “สิบสี่ บุ๋นล่ะ?”




   “สิบสามครับ” ถึงจะสอบเสร็จก่อนหมอหนึ่งวันแต่เขาก็มีตารางสอบติดกันยาวจนแทบจะอ่านหนังสือเตรียมสอบวิชาถัดไปไม่ทัน




   “ห่างกันวันเดียว”




   “ปิดเทอมแล้วพี่จะไปไหนไหมครับ?”




   “คงไม่”




   “ผมมาชวนตามที่เคยบอก”




   “…”




   “ปิดเทอมแล้วไปเก็บแครอทกับผมนะ”




----------------------------------------------
มาแล้วจ้าาา คิดถึงกันไหมมมมม
ใกล้จะจบแล้วน้าาาาา

ออฟไลน์ mareya.no7

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 556
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +20/-1
รู้เลยว่าบุ๋นรักหมอมากจริงๆ ดีจังที่มีคนรักได้มากมายขนาดนี้^_^

ออฟไลน์ nolirin

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2755
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +274/-5
เพิ่งจะเข้ามาอ่าน ถึงตอนที่ 5
ติดใจ น้องบุ๋นซะแล้้ว..แวะมาแปะเม้นให้ กำลังใจก่อน  :L2:

ออฟไลน์ Mura_saki

  • แค่เรารู้จักกัน...มันก็ดีที่สุดแล้ว :)
  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2054
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +179/-9
รักหมอฐานทัพค่ะ อะไรจะโรแมนติกขนาดนั้น
ทำ....เพราะอยากทำ มันดีงามจริงๆค่ะ


ออฟไลน์ minneemint

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1632
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +45/-0
หมอฐานทัพโชคดีจริงๆ อิจอะ

ออฟไลน์ Minoru88

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 185
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-0
ยิ้มจนปวดแก้มมม
น่ารักมากกกกกก บุ๋นๆๆๆๆๆ น่ารักไปแบ่ว

ออฟไลน์ aom2529

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 885
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +36/-0

ออฟไลน์ nolirin

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2755
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +274/-5
อ่านทันปัจจุบันแล้ว +1
 :impress2: หวานละมุนละไมอยู่ในทุกตอน... ค่อยๆรักกัน เค้าชอบ :กอด1:

ออฟไลน์ why yyy

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4561
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +309/-8

ออฟไลน์ perlina

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 56
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +17/-1

จีบหมอครั้งที่ยี่สิบสี่


   สัปดาห์สอบมาไวอย่างกับโกหก หอพักที่เคยเป็นระเบียบเต็มไปด้วยถ้วยมาม่ากับกองหนังสือที่ถ้าล้มลงมาทับก็คงนอนตายอย่างสงบ เสียงถอนหายใจของว่าที่คุณหมอคนหนึ่งดังขึ้นหลังจากอ่านหนังสือไปเพียงครึ่งเล่ม



   “กูกำลังจะตาย…” คินอยากจะทึ้งหัวตัวเองเป็นรอบที่สอง อ่านหนังสือก็จริงแต่สมองเขาตอนนี้กลับจำอะไรไม่ได้เลย




   พรุ่งนี้จะสอบแล้วแท้ๆ




   “ใจเย็น” ฐานทัพที่ย้ายสถานที่อ่านหนังสือมาอ่านที่หอของคินกับปกป้องพูดพร้อมกับยื่นขนมที่เขากำลังกินอยู่มาให้ “อร่อยดี”




   “ไม่กิน” คินส่ายหน้า “มึงอ่านจบยังวะไอ้หมอ”




   “จบแล้ว กำลังอ่านทวน” ฐานทัพตอบกลับตามความจริง




   “แล้วมึงล่ะป้อง”




   “อีกสามบท” ปกป้องที่นั่งอยู่บนโต๊ะหันมาตอบ




   วิชาที่จะสอบในวันพรุ่งนี้เป็นวิชาแรกของการสอบไฟนอลซึ่งเป็นวิชาที่ยากพอสมควร ฐานทัพเองยังรู้สึกว่ายากกว่าหลายวิชาที่ผ่านมา ความจริงเขาควรจะอ่านหนังสืออยู่ที่หอขอตัวเองไม่ก็หอสมุดแต่เพราะคินขอร้องให้มาช่วยติวเขาเลยย้ายของมานอนอยู่หอเพื่อนสองสามวัน




   “กูเหลือเยอะสุดสินะ” คินเริ่มสติแตก “ทำไมมันยากแบบนี้วะเนี่ยยยย”




   “มึงเลิกบ่นแล้วตั้งใจอ่าน” ปกป้องหันมาดุ เขารู้ว่าคินไม่ชอบอยู่กับอะไรนานๆและชินกับเสียงบ่นของคินแต่ครั้งนี้มันต่างออกไป ถ้าคินไม่อ่านก็คงเรียนวิชาต่อไม่ได้




   “เออรู้แล้ว” คินยอมกลับมาสนใจหนังสือตรงหน้าอย่างจำยอม




   ฐานทัพที่นั่งฟังเพื่อนบ่นมาพักหนึ่งปิดหนังสือลงก่อนจะหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาเมื่อเห็นแจ้งเตือนไลน์ที่พึ่งเด้งขึ้นมาไม่ถึงหนึ่งนาที



   B : แวะมาเติมพลังให้ รออยู่ข้างล่างนะครับ :)




   ข้อความสั้นๆแต่กลับทำให้คนอ่านยิ้มออกมาทันที ฐานทัพเงยหน้าขึ้นก็พบว่าถูกสายตาของคินจ้องมองอยู่ด้วยท่าทางหมั่นไส้




   “มีความรักแล้วยิ้มน้อยยิ้มใหญ่นะมึง!!!”




   “จะลงไปข้างล่าง ฝากซื้ออะไรไหม” เขาแกล้งทำเป็นหูทวนลมไม่ได้ยินสิ่งที่เพื่อนประชด




   “บุ๋นมาสินะ”




   “อืม”




   “งั้นลงไปซื้อข้าวเย็นเลยมึง ดันอ่านหนังสือจบก่อน สมน้ำหน้า” คินพูดอย่างกับว่าการอ่านหนังสือจบก่อนของเขาเป็นเรื่องที่ผิด




   ฐานทัพหัวเราะออกมาเพราะท่าทางขี้บ่นของเพื่อนตัวเองก่อนจะหยิบกระเป๋าสตางค์ที่วางอยู่เพื่อเตรียมลงไปข้างล่าง




   “มึงสองคนจะกินอะไร”




   “กูเอาผัดผงกะหรี่” ปกป้องหันมาตอบ




   “เอองั้นเอาเหมือนมัน” เขาขี้เกียจคิดเมนู สั่งตามปกป้องคนทำจะได้ไม่เหนื่อย




   “อืม งั้นเดี๋ยวมา” เขาทิ้งท้ายไว้ก่อนจะเปิดประตูออกมาจากห้อง




   ชั้นล่างสุดของหอพักเป็นที่จอดรถครึ่งหนึ่ง อีกครึ่งแบ่งเป็นมินิมาร์ทกับห้องออกกำลังกาย บุ๋นนั่งรออยู่ที่เก้าอี้เล็กๆบริเวณหน้ามินิมาร์ท ในมือถือถุงขนมที่ซื้อมาให้หมอส่วนอีกมือถือข้าวกล่องสามกล่องที่แวะซื้อก่อนเข้ามา




   เสียงรองเท้าที่เดินลงมาจากบันไดทำให้บุ๋นหันไปมองทุกครั้ง เขากับหมอไม่ได้เจอกันมาสามวันแล้วเพราะช่วงก่อนสอบต่างคนต่างมีงานที่ต้องสะสาง วันนี้เขาเลยหาเวลาออกมาจากมหาวิทยาลัยเพื่อมาเจอหมอ




   ได้เจอสักสิบนาทีก็ชื่นใจแล้ว




   “ไง” น้ำเสียงคุ้นหูดังขึ้นก่อนจะตามมาด้วยร่างที่เดินลงมาจากบันได




   บุ๋นเด้งตัวลุกขึ้นโดยอัตโนมัติ ร่างกายประสานงานกับหัวใจเสมอ ริมฝีปากเผยยิ้มกว้าง ไม่ได้เจอกันแค่สามวันแต่เขารู้สึกเหมือนสามเดือน




   “คิดถึงครับ” เพราะมัวแต่ดีใจเลยพูดสิ่งที่คิดออกมาอย่างลืมตัว




   “อืม” ฐานทัพหัวเราะออกมาก่อนจะก้มมองถุงขนมกับกล่องข้าว “ซื้ออะไรมาเยอะแยะ”




   “อ่อ…พอดีผมซื้อมาฝาก คิดว่าพี่น่าจะอ่านหนังสือกันจนไม่มีเวลาลงมาหาอะไรกิน”




   “ไม่ขนาดนั้น”




   ความจริงไม่เชิงว่าไม่มีเวลาลงมา แต่อ่านจนลืมว่าหิว รู้ตัวว่าหิวอีกทีก็ดึกเลยคิดซะว่าค่อยกินอีกทีตอนเช้าก็แค่นั้น




   “เติมพลังไงครับ” บุ๋นพูดพร้อมกับยื่นถุงทั้งสองให้คนตรงหน้า




   “คราวหลังไม่ต้องนะ เกรงใจ”




   “ผมเป็นห่วง”




   “อืม รู้” ฐานทัพยิ้มในความใส่ใจของบุ๋น “แค่มาเจอก็พอแล้ว”




   “…”




   “เติมพลังได้เยอะ” มือหนักวางลงบนหัวบุ๋นอย่างนึกเอ็นดู ฐานทัพโยกไปมาเล็กน้อยพร้อมรอยยิ้มประดับบนใบหน้า




   เขาก็คิดถึงบุ๋น




   “ตั้งใจอ่านหนังสือนะครับ”




   “จะกลับแล้วหรอ” ฐานทัพถาม พึ่งเจอกันได้แป๊บเดียว




   “พรุ่งนี้พี่มีสอบ ผมแค่แวะมาหา”




   “อ่อ”




   “ได้เจอหน้าก็มีความสุขแล้วครับ”




   “อืม” ฐานทัพยิ้มอีกครั้ง ตั้งแต่ที่มีบุ๋นเข้ามาในชีวิตเขาจำไม่ได้เลยว่าตัวเองยิ้มไปกี่ครั้ง รู้แต่ว่าเขายิ้มบ่อยมากจนนับครั้งไม่ได้




   “ผมรู้ว่าพี่ทำได้ พี่เก่ง”




   “อืม ขอบคุณ”




   “ผมไปก่อนนะ”



   “เดี๋ยว” ฐานทัพใช้มือข้างที่ว่างอยู่เอื้อมไปจับมือบุ๋นหลวมๆ “ตั้งใจอ่านหนังสือนะ”



   “ครับผม” บุ๋นรับคำเสียงหนักแน่น เขาเองมีสอบตัวแรกอีกสองวันข้างหน้าแต่จะให้เบาใจก็คงไม่ได้เพราะเนื้อหาก็ไม่ใช่น้อยๆ



   “ชาร์จพลัง” ฐานทัพยกมือแตะหน้าผากบุ๋นเบาๆ “สู้ๆ”




   “พลังเต็มที่เลย” บุ๋นยิ้มกว้างก่อนจะเอื้อมมืออุ่นๆมาแตะหน้าผากของหมอ “ชาร์จพลัง”




   “ครับ” เขาหัวเราะออกมา




   “บ๊ายบายครับ” บุ๋นทิ้งท้ายไว้ก่อนจะโบกมือบ๊ายบายหมอฐานทัพที่ยืนรอส่งเขาอยู่หน้าหอพัก




   ถึงจะเจอกันไม่กี่นาทีแต่การเจอกันมันทำให้ความเหนื่อยล้าทั้งวันของฐานทัพหายไปเป็นปลิดทิ้ง บางทีการชาร์จพลังของบุ๋นคงได้ผลจริงๆ




   ฐานทัพกลับมาที่ห้องพร้อมกับถุงขนมของบุ๋น เขาวางถุงขนมไว้ก่อนจะเรียกคินกับปกป้องมากินข้าวกล่องที่บุ๋นซื้อมาให้




   “บุ๋นซื้อมาฝากเลยไม่ได้ไปซื้อข้าว”




   “เออไม่เป็นไร กินได้หมด” ปกป้องตอบพร้อมกับเปิดกล่องข้าว ไม่รอให้นั่งครบเขาก็เริ่มกินข้าวกระเพราไก่ไข่ดาวตรงหน้าทันที




   “ไหวปะมึง” ฐานทัพหันไปถามคินที่มีสภาพไม่ค่อยสู้ดีเท่าไหร่




   “เออ ได้อยู่” คินใช้มือข้างหนึ่งนวดขมับตัวเองก่อนจะเปิดข้าวกล่องกินตาม




   ไม่ถึงสิบห้านาทีข้าวกล่องตรงหน้าก็หมดเกลี้ยง ปกป้องเก็บกล่องโฟมออกไปทิ้งขยะก่อนจะเดินกลับไปประจำโต๊ะนั่งเพื่ออ่านหนังสืออีกสองบทให้จบ ส่วนคินเดินมานั่งลงข้างๆฐานทัพพร้อมกับหนังสืออ่านสอบ




   “ไอ้หมอกูไม่ไหวแล้ว ขอนั่งอ่านข้างมึงนะ”




   “อืม เอาดิ” ฐานทัพไม่ได้ปฏิเสธ คินยังเหลืออีกเยอะที่ยังไม่ได้อ่าน ถ้ามีตรงไหนที่เขาพอจะช่วยได้เขาก็อยากจะช่วย

   
   B : ถึงหอแล้วนะครับ


   ไลน์เด้งขึ้นมาพร้อมกับข้อความของบุ๋น ฐานทัพไม่ได้พิมพ์อะไรตอบกลับไปเพียงแค่กดส่งสติ๊กเกอร์แล้ววางโทรศัพท์ลงเพื่ออ่านหนังสือต่อ




   พรุ่งนี้มีสอบเช้า เขาจะนอนดึกมากไม่ได้

.


   เคยมีคนบอกไว้ว่าเวลาตั้งใจกับอะไรมากๆจะสนใจจนลืมเวลา หลังจากที่ทวนเนื้อหาเสร็จฐานทัพก็ปิดหนังสือลงก่อนจะหันไปมองคนข้างๆที่อ่านหนังสือได้เกินครึ่งแม้ว่าจะยังไม่ใกล้บทสุดท้ายแต่ก็ถือว่าอ่านมาได้เยอะมากแล้ว นาฬิกาฝาผนังบอกเวลาห้าทุ่มครึ่งทำให้เขาตัดสินใจไปอาบน้ำเตรียมจะเข้านอน




   การสอบไม่ใช่เรื่องที่น่าสนุกนักแต่ก็เป็นสิ่งที่พวกเขาเลี่ยงไม่ได้ ยิ่งเลือกที่จะเรียนคณะแพทย์แล้วยิ่งหนักขึ้นไปอีก นอกจากจะมีสอบมิดเทอมกับไฟนอลยังมีสอบยิบย่อยตามรายวิชาซึ่งแรกๆอาจจะมีท้อกันไปบ้างแต่พอเจอเยอะๆเข้าก็เริ่มปรับตัวได้




   “เป็นไงบ้าง” ฐานทัพวางมือลงบนบ่าของเพื่อนที่นั่งอ่านหนังสืออยู่ที่เดิม




   “มีไม่เข้าใจอยู่บ้าง เดี๋ยวจบบทช่วยอธิบายให้ที” คินพูดด้วยน้ำเสียงเหนื่อย




   “อืม ได้”





   “กูอาบน้ำก่อน” ปกป้องปิดหนังสือที่อ่านจบลงแล้วเดินตรงไปที่ห้องน้ำ




   วันนี้เขาทั้งสามคนนั่งจมกองหนังสือมาทั้งวันแล้วและจะเป็นแบบนี้ไปจนกว่าจะสอบวิชาสุดท้ายเสร็จ ซึ่งก็คืออีกสองอาทิตย์ข้างหน้า


   
   B : นอนรึยังครับ?



   ข้อความที่ส่งมาถามเหมือนทุกๆวันหากแต่ไม่ได้สร้างความรำคาญแก่ผู้รับ ฐานทัพกดอ่านอย่างรวดเร็วก่อนจะตอบกลับไป



   Thanthup : อีกสักพัก บุ๋นล่ะ
   B : กำลังจะนอนแล้วครับ
   B : อ่านหนังสือถึงไหนแล้วครับ?
   Thanthup : จบแล้ว
   B : งั้นนอนไวๆนะครับ พรุ่งนี้จะได้ไม่ง่วงในห้องสอบ
   Thanthup : ครับ
   B : ผมนอนก่อนนะ ฝันดีครับ
   Thanthup : อืม
   Thanthup : *กำลังโทรหา…B*



   ( มีอะไรรึเปล่าครับ ) น้ำเสียงของคนกำลังจะนอนถามกลับมาอย่างงงๆ นี่เป็นครั้งแรกที่หมอกดโทรไลน์หาเขา




   “เปล่า ไม่มีอะไร” ฐานทัพเดินออกมาคุยนอกระเบียงเพราะกลัวเสียงดังรบกวนคิน




   ( อ่าว… )




   “จะโทรมาบอกว่า...”




   ( … )




   “ฝันดีครับ”




   ( … ) ไม่มีเสียงตอบกลับจากปลายสาย ฐานทัพรอฟังอยู่พักใหญ่แต่เขากลับไม่ได้ยินเสียงอะไรตอบกลับมา




   “บุ๋น ได้ยินรึเปล่า”




   ( คะ…ครับ ) น้ำเสียงสั่นๆตอบกลับมา ( ผม…ได้ยิน )




   “เป็นอะไร”




   ( ผมกำลังแย่ครับ )




   “แย่ยังไง”




   ( พี่เป็นแบบนี้บ่อยๆ ผมแย่แน่ๆ ) เสียงลมหายใจรดปลายสาย ( แต่ผมชอบนะ )




   “…”




   ( ฝันดีนะครับ…ถ้าฝันถึงผมจะยิ่งฝันดีนะ )




   อืม…คงฝันดีจริงๆ


.

   ตึกคณะเกษตรเต็มไปด้วยนักศึกษาที่พึ่งออกมาจากห้องสอบคุยกันเรื่องข้อสอบที่พึ่งสอบผ่านไป บุ๋นเดินออกมาเป็นคนท้ายๆถอนหายใจทิ้งเป็นครั้งที่ห้า ที่คิดว่าจะออกดันไม่ออก ที่คิดว่าไม่ออกดันออก




   “เป็นไงวะมึง ง่ายอะดิ” เดชที่นั่งรออยู่หน้าห้องสอบเอ่ยทักทันทีที่เห็นบุ๋นเดินออกมา




   “ง่ายกับผี” บุ๋นตอบเสียงเซง เมื่อคืนนั่งอ่านจนดึกรู้งี้น่าจะหลับไปตั้งแต่สี่ทุ่ม




   “แล้วนี่จะไปไหนต่อวะ”




   “กลับหอดิวะ เหลือสอบอีกตั้งสองตัว” ถึงจะสอบผ่านมาสี่ตัวแล้วเขาก็ยังเหลือวิชาโหดอีกสองวิชาที่ต้องผ่านไปให้ได้



   “โห เคร่งนะมึง”



   “แน่นอน กูจะเอาเอ” บุ๋นแกล้งประชดกลับไปทั้งๆที่พอจะรู้ตัวว่าเขาไม่สามารถถึงขั้นนั้น



   “เออไปๆ เกลียดจังคนเรียนเก่ง”



   “เออ ไว้เจอกัน” บุ๋นบอกลาเดชพร้อมโบกมือลาเพื่อนคนอื่นๆก่อนจะเดินลงบันไดแทนการใช้ลิฟต์




   หมดแรง…




   ไม่เหลืออะไรแล้ว…




   กูจะเอฟไหมเนี่ยยยยยยยย!!!!!




   บุ๋นเดินลงมาถึงชั้นล่างของตึกคณะ ร่างสูงกำลังจะเลี้ยวตรงไปยังจักรยานแต่ยังไม่ทันที่เขาจะก้าวขามือเย็นๆก็แตะลงที่แก้มซ้ายของเขาเบาๆ ความเย็นจากมือทำให้บุ๋นสะดุ้งเล็กน้อยก่อนจะหันไปมองยังจุดที่อีกคนยืน




   “วิญญาณหลุดหรอ” ใบหน้าเปื้อนยิ้มของคนที่เป็นกำลังใจสำคัญยืนอยู่ข้างหลังพร้อมกับแก้วชาเขียวในมือ




   “พี่…” บุ๋นถึงกับพูดไม่ออก รอยยิ้มบางๆปรากฏขึ้น หัวใจของบุ๋นเต้นแรงจนแทบจะหลุดออกมาจากอก




   ตั้งแต่สอบไฟนอลเขากับหมอก็แทบจะไม่ได้เจอกันเลยถึงแม้จะโทรคุยกันทุกวันแต่ก็คุยไม่นาน เขาคิดไม่ถึงว่าหมอจะมาหาเขาที่คณะ ดีใจจนพูดไม่ออก




   “แวะมาเติมพลัง” ฐานทัพพูดต่อก่อนจะยื่นชาเขียวในมือให้บุ๋น “ให้”




   “ขอบคุณครับ” บุ๋นยื่นมือไปรับพร้อมรอยยิ้ม




   ร่างกายที่กำลังจะหมดแรงกลับกลายเป็นสดชื่นขึ้นมาทันที




   “ไปกินข้าวกัน” ฐานทัพเป็นคนออกปากชวน วันนี้เขาสอบเสร็จก่อนบุ๋นครึ่งชั่วโมงเลยตั้งใจมานั่งรอที่คณะตั้งแต่ช่วงสิบเอ็ดโมง



   “ไปครับ” บุ๋นพยักหน้ารัว “หิวมากเลย”



   “อืม” ฐานทัพยิ้มออกมานิดๆ เห็นท่าทีของบุ๋นที่ดูสดชื่นขึ้นเขาเองก็ดีใจ




   เมื่อกี้ตอนบุ๋นเดินลงมาสภาพเหมือนคนกำลังจะหมดแรงทำเอาเขาอดห่วงไม่ได้ แต่เห็นยิ้มแบบนี้ค่อยสบายใจหน่อย




   “สอบเป็นยังไงบ้าง”




   “โหพี่ ยากมากอะ” บุ๋นเริ่มบ่น “ผมคิดว่าวงจรต้องออกแน่ๆแต่ดันไม่ออก ผมนั่งจำทั้งคืนเลย” พูดไปก็ไม่รู้จะโทษใคร




   ถ้าเขาเข้าใจและสามารถจำทุกอย่างได้เขาก็ทำได้




   “ไม่เป็นไร มันผ่านไปแล้ว อย่าเครียด” ฐานทัพพูดให้กำลังใจไม่เก่งแต่ก็พอรู้ว่าบุ๋นเครียดไม่น้อย





   “นั่นสิเนอะ มันผ่านไปแล้ว”




   “อยากกินอะไร” ระหว่างเดินไปที่จักรยานเขาก็ถามบุ๋นไปพลางๆ เขาสอบวิชาต่อไปอีกทีก็สองวันข้างหน้าเลยพอมีเวลาแวะมาหาบุ๋น



   ความจริงก็คือ…คิดถึง



 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด