มื้อเย็นของบ้านวันนี้แม่ทำไก่อบกับสลัดผักง่ายๆ ส่วนของเจ้าเด็กดื้อนี่เป็นไก่อบที่หั่นเป็นชิ้นเล็กๆ ง่ายต่อการเคี้ยวและไม่ต้องกังวลว่าจะกลัวติดคอ มีผักสดที่หั่นสวยงามเป็นคำๆ แล้วเช่นกัน ข้างๆ เป็นขนมปังอบใหม่ๆ หอมไปทั้งบ้านเลยครับ ขอโม้นิดนึงละกัน แม่ผมทำขนมปังอร่อยมากเลยนะครับ เรื่องของเรื่องคือผมไม่ค่อยชอบทานสลัดเท่าไหร่ แต่แม่ไม่สนใจและบอกให้ผมทานผักเยอะๆ ตอนนี้ก็เลยทำหน้าบูดใส่แม่เป็นการประท้วงเล็กๆ
“ไอ้ตี๋ ทำไมทำหน้าแบบนั้น” พ่อผมเองครับ พี่แกมองหน้าผมแล้วก็หัวเราะที่ผมทำหน้าตาแปลกๆ ตอนทานสารพัดผักพวกนี้เข้าปากไป
“คีไม่ชอบอ่ะ พ่อช่วยผมกินหน่อย”
“เฮ้ยๆ ไม่เอา ของใครของมันสิ อย่าเอามาใส่จานพ่อนะเว้ย”
“สองพ่อลูกคะ บนโต๊ะอาหารพูดจาให้มีมารยาทด้วยค่ะ อีกอย่างนึง ช่วยทานเงียบๆ อย่างเคลลี่จะดีกว่ามั้ยคะ” แม่ผมปรามขึ้นมาเบาๆ ครับ ผมกับพ่อเงียบแทบไม่ทัน เอาเข้าจริงแล้ว พ่อผมก็ไม่ได้ชอบผักเท่าไหร่หรอกนะ แต่แม่ไม่อยากให้ทุกคนในบ้านต้องอ้วนพุงแตกตายกันไปเสียก่อน ก็ต้องมีมื้อสุขภาพกันบ้าง ผมเลยได้แต่มองจานของเคลลี่ที่ตอนนี้ผมรู้สึกอยากแย่งมากินเองมากครับ เจ้าหนูก็ทำหน้าทำตาว่าอาหารอร่อยมากมาย เห็นแล้วอิจฉาแกมหมั่นไส้เจ้าตัวเล็กนี่จริงๆ ผมเลยหยิกแก้มยุ้ยๆ นั่นเล่นไปทีหนึ่ง โดนแม่ตีมือเลยครับข้อหาแกล้งน้อง
“ตี๋ พ่อได้บัตรที่พักห้องชุดโรงแรมมาว่ะ ลูกค้าที่เมืองลูเซิร์นเอามาฝาก”
“ครับ แล้วไง” ผมพูดทั้งที่ผักยังเต็มปาก เพราะผมกำลังก้มหน้าก้มตาจิ้มผักยัดเข้าปากอย่างเอาเป็นเอาตาย รีบเคี้ยวรีบกลืน จะได้หมดๆ เสียที
“พ่อเพิ่งเอาบัตรมาดูมันจะหมดอายุคืนพรุ่งนี้ว่ะ ไปพักแทนพ่อทีดิ”
“อ้าว แล้วทำไมไม่ไปด้วยกันหมดเลยล่ะครับ ไหนบอกเป็นห้องชุดไม่ใช่เหรอ” ผมยังไม่เงยหน้ามาคุยกับพ่ออีกเช่นเคย
“ก็ทีแรกพ่อก็ตั้งใจจะพาไปด้วยกันหมดนี่แหละ แต่พรุ่งนี้มีประชุมสำคัญ งานนี้ก็เลยอด แต่จะทิ้งบัตรก็เสียดาย เอาเป็นว่าลูกเอาไปใช้แทนพ่อที”
“เอารถพ่อมายืมด้วยสิครับ คีจะได้พาแม่กับน้องไปเที่ยวด้วย”
“เฮ้ย ไม่ได้เว้ย แม่แกต้องอยู่กับพ่อสิ” ผมเงยหน้าจากชามสลัดนั่นได้สักที หมดแล้วเว้ย ดีใจมาก ในใจแทบจะตีกลองรัว แต่เอ๊ะ เดี๋ยวก่อน ทำไมสายตาของพ่อดูแปลกๆ ชอบกลแฮะ
“อะไรกันอ่ะพ่อ อย่าหวงแม่ไปหน่อยเลย”
“ไม่ต้องเถียงกันหรอกทั้งสองคน แม่ไม่ไปหรอกค่ะ”
“ทำไมล่ะครับ แม่” ผมถามแม่ออกไปทันที
“แม่กลัวบ้านเละเทะค่ะ ปล่อยให้พ่ออยู่บ้านเองคนเดียวทีไร แม่อยากจะขายบ้านทิ้งแล้วซื้อใหม่เลยค่ะ” แม่ผมทำหน้าลำบากใจ แม่เป็นห่วงทั้งผมและพ่อ แต่แม่ก็ห่วงตัวเองเหมือนกัน เพราะพ่อเนี่ยเหมือนเด็กไม่รู้จักโตนั่นแหละครับ อยู่ดีมีสุขทำตัวเป็นคนปกติได้ทุกวันนี้ก็เพราะบารมีของแม่โดยแท้จริง
“แม่ไม่ห่วงคีเหรอครับ” ผมส่งสายตาอ้อนแม่อย่างรุนแรง
“ไม่ว่าจะคีหรือพ่อ คนไหนแม่ก็ห่วงทั้งนั้น แต่แม่น่ะห่วงแม่เองมากกว่า” แม่ผมพูดติดตลกแล้วก็ลุกขึ้นเอาจานเข้าไปเก็บในครัว
“แม่ !!” ผมกับพ่อ เรียกชื่อแม่ออกมาพร้อมกันโดยไม่ได้นัดหมาย ตอนนี้ซึ้งในความรักของแม่กันแล้วครับ
“อ้อ พาเคลลี่ไปด้วยนะคี ดูแลน้องดีๆ ล่ะ”
“ไม่ไหวมั้งครับแม่” ผมเริ่มโอดครวญ ลำพังตัวผมคนเดียวคงไม่เป็นไร แต่ถ้าพาเจ้าเด็กดื้อนี่ไปค้างคืนด้วยล่ะก็ งานนี้ดูท่าว่าจะเป็นงานหินครับ
“ต้องไหวสิคะ เราน่ะต้องทำให้ได้มากกว่าหน้าที่พี่ชายนะ เดี๋ยวพรุ่งนี้ก็นั่งรถไฟไปนะคะ สะดวกดี” แม่จัดการเองเสร็จสรรพ
“โธ่ แม่ครับ” ผมเรียกแม่เพื่อร้องขอความเห็นใจเป็นครั้งสุดท้าย
“แม่เชื่อว่าคีทำได้อยู่แล้วค่ะ” แม่พูดจบก็ขอตัว แล้วพาเคลลี่เข้านอน แล้วก็ไปเตรียมของใช้จำเป็นสำหรับค้างคืนให้เด็กน้อย ตอนนี้ผมกับพ่อเลยนั่งมองหน้ากันแค่สองคนบนโต๊ะอาหาร
“อิ่มยังวะ ไอ้ตี๋” หางของพ่อโผล่มาแล้ว
“อิ่มแล้วดิ พ่อ” ผมมองชามเปล่าที่อยู่ตรงหน้า บอกใบ้ให้พ่อรู้ว่าไม่เห็นเหรอถามทำไม
“มึงกินหมดได้ไงวะ สลัดผักชามเบ้อเร่อ”
“ว่าแต่คี ดูตัวเองเถอะ กินไม่เหลือเหมือนกันนั่นแหละว้า” ผมมองชามเปล่าของพ่อแล้วเราก็พากันหัวเราะในการกระทำของตัวเอง
“ใครจะกล้าขัดใจแม่มึงล่ะ”
“ก็รู้กันอยู่แล้วจะพูดทำไมวะ พ่อ”
“ก็ดีแล้ว พรุ่งนี้ก็ไม่ต้องออกเช้ามากหรอก ลูเซิร์นอยู่ใกล้แค่นี้เอง”
“อืม แต่ว่าคีไม่ไปไม่ได้เหรอ”
“มึงรู้มั้ยคนที่คิดจะให้มึงไปน่ะ ไม่ใช่กู” พ่อพูดพลางหยิบขนมปังมาฉีกกินเพิ่ม
“เดี๋ยวก็อ้วนพุงโย้ โดนแม่ทิ้ง ถ้าแม่ทิ้งพ่อนะ คีจะหัวเราะให้ฟันร่วงเลย แล้วใครที่ต้นคิด?” ผมทักพ่อเชิงด่าเสร็จแล้วก็ถามถึงใจความสำคัญ
“แม่มึงรักกูจะตาย ขนาดให้เลือกระหว่างไปเที่ยวกับมึงหรืออยู่บ้านกับกู เขายังเลือกอยู่กับกู ไม่ว่ากูจะเป็นยังไง เขาไม่มีทางทิ้งกูหรอก รู้ไว้ซะด้วย ส่วนคนที่ต้นคิดนั่นน่ะ แม่มึงไงครับ ลูกรัก” พ่อผมตอบเรื่องแรกเสร็จแล้วก็ตามมาด้วยใจความสำคัญอีกเช่นกัน เอ เดี๋ยวนะ ผมกับพ่อนี่มันยังไง ถึงคุยกันทีละสองสามเรื่องไปพร้อมกันแบบนี้
“นั่นเพราะว่าแม่กลัวพ่อจะทำบ้านสกปรกต่างหากเล่า คนอะไรแก่จนอายุปูนนี้ยังทำตัวเหมือนเด็กๆ อยู่บ้านเองคนเดียวก็ไม่ได้ อ่อนชะมัด แล้วทำไมแม่ถึงคิดอะไรแบบนั้นวะพ่อ”
“มึงนี่ไม่ได้สักซีกความฉลาดของกูไปเลยนะไอ้ตี๋ นั่นเขาเรียกว่าเป็นแผน เว้ย แผนการณ์ ทำยังไงให้แม่มึงต้องอยากอยู่กับกูตลอดไป วันก่อนแม่มึงอยู่ๆ ก็พูดขึ้นมาว่าหน้าตามึงดูไม่ค่อยสดใส อยากให้ออกไปเปิดหูเปิดตาบ้าง”
“แผนปัญญาอ่อนของพ่อน่ะสิ มีอย่างที่ไหน ตัวเองขาดความรักแล้วก็ไม่ให้แม่ลูกไปเที่ยวด้วยกัน บาปหนักมากเลยนะ ตกนรกแน่ๆ แล้วคีดูไม่ค่อยสดใสตรงไหนวะพ่อ หรือหน้าคีหมองคล้ำ มีสิวฝ้า รอยกระ จุดด่างดำ” ผมจับหน้าตัวเองดึงไปดึงมาด้วยความสงสัยว่ามันผิดปกติตรงไหน
“ปัญญาอ่อนตรงไหน เขาเรียกว่าแผนฉลาดล้ำลึก คนโง่ๆ อย่างมึงคิดไม่ได้หรอก ไอ้ตี๋ ไหนกูขอดูหน้ามึงหน่อย” พ่อหยิกแก้มผมแรงไม่ยั้งมือเลย
“โอ้ย พ่อ คีเจ็บนะ” ผมลูบแก้มที่มีรอยแดงเห่อขึ้นมาทันใจ
“สมน้ำหน้า ชอบด่ากูนัก” พ่อหัวเราะในลำคอด้วยความสะใจ เรายังรักกันอยู่ใช่มั้ย
“แล้วหน้าคีผิดปกติหรือเปล่าล่ะ ดึงหน้าคีซะเต็มแรงเลยนะ”
“มึงนี่นะ แสดงออกทางสีหน้าชัดจะตายไป คิดอะไรอยู่ แล้วยังทำหน้าเหมือนกับมีใครตายแบบนี้น่ะ
ใครเห็นแล้วไม่รู้ก็โง่เต็มที”
“หน้าคีแสดงออกชัดขนาดนั้นเลยเหรอ”
“เออดิวะ ยิ่งตาของมึง ยิ่งแสดงชัด เศร้าอย่างกับเล่นละครดอกโศกอะไรอย่างนั้น”
“เรื่องอะไรวะ พ่อ ไม่เคยได้ยิน” ละครเรื่องอะไรกันครับ มีใครรู้จักบ้าง
“ช่างมันเถอะ คิดซะว่าเปรียบเปรย”
“แล้วทำไมต้องพาเคลลี่ไปด้วย ผมกลัวจริงๆ นะเนี่ย” ผมชักเริ่มหนักใจครับ ผมไม่ได้กลัวการอยู่กับเคลลี่อยู่แล้ว แต่ถ้าต้องดูแลแกตลอดยี่สิบสี่ชั่วโมงแบบนี้ ผมล่ะกลัวว่าจะทำไม่ได้จริงๆ
“อันนี้อย่างที่แม่มึงพูดนั่นแหละ กูเองก็เห็นด้วย มึงควรจะทำหน้าที่ให้ได้มากกว่าพี่ชาย มึงเข้าใจที่กูพูดใช่มั้ย”
“ก็เข้าใจ แต่ไม่ให้ตั้งตัวกันเลยหรือไง งั้นไม่บอกคีซะวันพรุ่งนี้เลยล่ะ”
“มึงไม่คิดว่ากูอยากจะทำเหรอ”
“พ่อ!!” ผมเองลืมไปเลยเรื่องความเกรียนของพ่อ
“กูน่ะอยากบอกมึงวันพรุ่งนี้มากของมากที่สุด แต่แม่มึงน่ะ ดันขอให้กูพูดเลยมึงจะได้เตรียมตัว กูล่ะโคตรเซ็ง แทนที่จะได้แกล้งแล้วได้เห็นหน้าเหวอๆ ของมึง คงน่าดูพิลึก”
“แล้วพ่อมีอะไรที่ยังไม่ได้บอกคีอีกมั้ย”
“ไม่มีแล้วมั้งนะ มีเมื่อไหร่ก็รู้เองล่ะ ว่าแต่ยังไม่คุยกับเฮียเมฆอีกเหรอ”
“มาเรื่องนี้ได้ไงล่ะ” ผมแทบงง ที่พ่อเปลี่ยนเรื่องคุยมาเป็นเรื่องเฮีย รู้สึกหายใจไม่ค่อยคล่องเลยนะแบบนี้
“เถอะน่า เล่ามา”
“ก็ไม่มีอะไรอ่ะ ไม่ได้คุยกัน ไม่รู้จะคุยอะไร”
“งั้นเลิกดีกว่ามั้ย? ดีกว่าปล่อยให้คาราคาซังแบบนี้ ไม่เหนื่อยเหรอ” ต้องมองตาของพ่อก่อนครับ ไม่รู้ว่าพูดเล่นหรือพูดจริง พอเห็นเท่านั้นแหละ ตาเป็นประกายเชียวนะ
“บ้าดิพ่อ จะเลิกได้ไง ยังไม่เคยคบสักหน่อย”
“เอ้าเรอะ กูนึกว่าพวกมึงข้ามขั้นตอนไปไม่ใช่เหรอ” ผมนี่แทบจะสำลักน้ำลายเลยทีเดียว
“พูดจาอะไรเลอะเทอะวะพ่อ” ผมรีบยกแก้วน้ำมาดื่ม
“ไอ้ตี๋ มึงอายเหรอ อายอะไรกับกูวะ นี่พ่อมึงชัดๆ”
“มันใช่เรื่องที่เขาจะมาคุยกันธรรมดาเหรอไงวะ พ่อ”
“ก็แล้วมึงจะทำให้มันคุยกันยากทำไมล่ะ”
“พูดอะไรเนี่ย”
“กูอยากจะบอกมึงว่า คนเราให้ความสำคัญกับแต่ละเรื่องไม่เท่ากัน เพราะฉะนั้นมึงไม่ต้องทำให้เรื่องมันยากขึ้นไปกว่าเดิม คุยกันไปเลย คุยกันง่ายๆ นี่แหละ ไม่ต้องไปคิดล่วงหน้าว่าผลจะเป็นยังไง เพราะมึงเดาใจ เดาความคิดอีกฝ่ายไม่ได้ อะไรจะเกิดก็ให้มันเกิดไป”
“อือ”
“ที่กูพูดไปเนี่ย เข้าหัวมึงอยู่บ้างใช่มั้ย”
“ครับๆ เข้าหัวจนทะลุถึงคอหอยแล้วครับ”
“กูพูดไปแล้ว ก็รู้จักเอามาใช้คิด วิเคราะห์ แยกแยะ ด้วย ใช้เป็นใช่มั้ยล่ะ ค.ว.ย น่ะ ไม่ใช่ใช้ปากอย่างเดียว”
“โอ้ย พ่อ หน้ายังมียางเหลืออยู่บ้างมั้ย”
“ไม่มีหรอก มีแต่หน้ากากไว้ใส่เข้าหาคนอื่น ลูกชายก็ไม่ค่อยรัก ต้องหลอกคนอื่นว่าลูกชายรักกูมาก ทุกข์ใจจนไม่รู้จะพึ่งใคร จะปรึกษาใครก็ไม่ได้” พ่อทำน้ำเสียงน่าสงสางชวนให้น่าถีบมากเลยครับ
“มาๆ ไม่น้อยใจนะ ขอกอดทีครับ คุณพ่อที่รัก” รู้สึกบทมันจะแปลกๆ ไปมั้ยครับ พ่อต้องปลอบลูกหรือเปล่า ไม่ใช่อากัปกิริยาที่ผมยื่นแขนออกไปหวังจะดึงพ่อเข้ามากอด ทั้งที่เราสองคนยังนั่นกันอยู่คนละฟากโต๊ะอาหาร ผมรู้อยู่แล้วครับ ก็เลยแกล้งยื่นแขนออกไป
“รักมึงจัง ไอ้ตี๋ อยู่กับกูนานๆ นะ” พ่อผมลุกขึ้นเดินอ้อมมาอีกฝั่ง ดึงผมขึ้นไปกอด ไม่พอยังหอมแก้มเพิ่มอีกฟอด เอ่อ ถ้าผมจะคิดอะไรกับพ่อเกินกว่าพ่อนี่สังคมจะลงโทษผมแบบไหนกันเนี่ย นี่ขนาดผมเป็นลูกนะยังอ้อนขนาดนี้ ไม่อยากจะนึก ตอนที่อ้อนแม่จะขนาดไหน
“คีก็รักพ่อเหมือนกันนั่นแหละ”
“คืนนี้ให้กูไปนอนด้วยนะ” นั่นไงล่ะ ว่าแล้ว มาแบบนี้ ต้องมีอะไรแปลกๆ มาแน่นอน
“ไม่ได้ เตียงคีเล็กจะตาย พ่อจะมานอนด้วยได้ไง”
“คิดถึงน่ะ ตั้งแต่มึงกลับมา ยังไม่ยอมให้กูเข้าห้องด้วยเลย”
“โอ้ย ไอ้พ่อบ้า ปล่อยคีได้แล้ว” ผมผลักพ่อออกไป ใช้แรงมากกว่าปกติด้วยครับ เพราะไม่ใช่ว่าพี่แกจะยอมโดยง่าย พ่อหัวเราะแล้วก็เดินกลับไปนั่งที่ฝั่งตัวเอง
“คืนนี้รีบนอนมั้ย?” พ่อชักไม่น่าไว้ใจเข้าไปทุกที
“มีอะไรครับ?” ถามให้ชัดแจ้งก่อนจะเกิดผลดีกับตัวเอง
“เล่นเกมส์กัน กูอยากเล่นวินนิ่ง มึงไม่อยู่ ไม่มีใครเล่นกับกูเลย” ผมหัวเราะเมื่อได้ยินคำตอบของพ่อ เมื่อก่อนเราเล่นเกมส์ด้วยกันแทบจะทุกวันเท่าที่ผมหรือพ่อจะว่างครับ ผมน่ะไม่ได้ติดเล่นเกมส์เท่าไหร่หรอก แต่พ่อผมน่ะชอบ พูดไปก็น่าสงสารนะครับ ตั้งแต่ที่ผมย้ายไปเรียนที่เมืองไทย พ่อคงเหงาแย่ ไม่มีเพื่อนเล่นเกมส์อีกต่างหาก รักพ่อนะครับ
“ไปเปิดเครื่องรอเลยดีกว่า” เท่านั้นล่ะครับ พ่อผมลุกไปจัดแจงต่อสาย หยิบอุปกรณ์มาวางไว้หน้าโทรทัศน์พร้อมสรรพเลยทีเดียว คงอยากเล่นมานานแล้วล่ะครับ
“เดี๋ยวผมขอล้างจานก่อนนะพ่อ เสร็จแล้วจะตามไป” ผมร้องบอกพ่อก่อนจะเก็บจานชามเปล่าที่ยังวางอยู่บนโต๊ะไปล้างให้เรียบร้อย ขืนวางทิ้งไว้แบบนี้ พรุ่งนี้เช้าระเบิดพายุของแม่น่าจะลงลูกใหญ่ อะไรที่ทำให้ผู้หญิงอันเป็นที่รักนั้นพึงพอใจ เราควรจะรีบทำครับ อารมณ์โมโหของสตรีนั่นน่ากลัวเกินกว่าจะประมาณได้
ผมเช็ดมือเรียบร้อยหลังจากล้างน้ำเปล่าจานใบสุดท้ายเสร็จ ก็เดินออกมาที่ห้องนั่งเล่นก็เจอพ่อนั่งอยู่ที่พื้นพรมหน้าโซฟาเรียบร้อยแล้วล่ะครับ เกมส์คู่แรกกำลังรอผมอยู่ ผมนั่งลงข้างๆ พ่อ ก่อนจะหยิบจอยเกมส์ขึ้นมาไว้ในมือ เราสองคนไม่ได้พูดอะไรกันอีก นอกจากตั้งทีมแข่งกันเอาเป็นเอาตายครับ
คืนนี้ผลแพ้ชนะจะเป็นอย่างไร ลองทายกันดูสิครับ ว่าระหว่างผมกับพ่อใครจะเก่งกว่ากัน อย่าให้ต้องใบ้กันเลยนะครับ ดูก็รู้ว่าฝืมือใครเจ๋งกว่ากัน
----------------------------------------------
คุณ lovenadd : คันนิดๆ หน่อยพอให้รู้สึกค่ะ อย่าเกาแรงน้า
คุณ ทฟเืนสรฟ : พ่อคีน่ารักจริงๆ ค่ะ ถ้าไม่ติดว่ามีแม่อยู่แล้ว เขมนี่แหละ จะแย่งเอ๊ง ฮ่าๆ
คุณ หมอตัวเปียก : เฮียเมฆฉลาดค่ะ แถมยังติดต่องานกับพ่อของคีอยู่ตลอดเลยได้คุยกันบ่อยค่ะ
คุณ Yara : คีดวงไม่ดี เห็นกี่ทีก็เจอแจกพอตตลอด จิตใจเลยกระเจิงค่ะ
คุณ Jibbubu : พ่อของคีน่ารัก เป็นคนชิคๆ เข้าใจอะไรไม่ยากค่ะ (แต่ในใจสุดคาดเดา)
คุณ goosongta : คีชอบเวิ่นค่ะ ฮ่าๆ
สวัสดีค่ะ ทุกคนเลย วันนี้เขมมาลงเร็วกว่าปกติ 1 วันค่ะ เพราะวันนัดของเรา เขมมีธุระด่วน ฮืออ ต้องออกเดินทางคืนนี้
ตอนนี้เฮียเมฆมาแต่เสียงค่ะ ค่าตัวยังไม่พอให้เฮียเมฆค่ะ แถมเขมเดินทางใช้เงินอีก เฮียอดใจรอไปอีก 1 ตอนน้า
ทุกคนในเรื่องโน้มน้าวคีใจจะขาดค่ะ เข้าข้างเฮียเมฆสุดฤทธิ์ น่าหมั่นไส้เนาะ พระเอกก็งี้ ฮ่าา
ตอนหน้า เฮียมาแน่ค่ะ มาแล้ววววววว
รักทุกคนเล้ยย