Chapter
12
[/b]
ผมกลับมาทำตัวเป็นพระเอกเอ็มวีอีกครั้ง ตอนนี้ฝนตกหนักยิ่งกว่าฟ้ารั่ว ผมนั่งตากฝนอยู่ริมฟุตบาทไม่รู้ร้อนรู้หนาว หลังจากออกจากบ้านผมก็โทรไปหาไอ้เจลแต่มันไม่รับ ผมเลยโทรไปหาไอ้ป้อง ไอ้ป้องก็ติดงาน โทรไปหาไอ้สิท พอไอ้สิทไม่ว่างผมก็ไม่รู้จะคุยกับใคร ไอ้ธามที่เพิ่งกลับจากแดนจิงโจ้ก็ยังไม่มีเบอร์มัน จนกระทั่งเลื่อนไปเจอเบอร์ของไอ้ตุล
อาจจะบ้าแต่ผมดันเมมเบอร์มันไว้ด้วย
เห็นแบบนั้นก็ยิ่งทำให้หงุดหงิดเข้าไปใหญ่
อะไรกันนักหนาวะโว้ย!
‘ครืน ครืน’
ฟ้าร้องเป็นบ้าเป็นหลังไม่ได้ทำให้ผมรู้สึกกลัวสักนิด ผมนั่งมองโทรศัพท์ของตัวเองที่ค่อยๆดับลงเหมือนจะชัตดาวน์ตัวเองเพราะน้ำเข้า
ผมอาจจะเป็นคนดูมีเหตุผลในหลายๆเรื่อง อาจจะดูเป็นคนเข้มแข็งให้กับทุกอย่างที่ปะทะประดังเข้ามาพร้อมๆกัน แต่ผมก็ยังเป็นคน
ยังมีความรู้สึก ยังเจ็บ ยังเสียใจเป็น
‘นิ ทำไมมึงถึงไม่เคยร้องไห้เลยวะ พี่ตุลเคยถามว่าทำไมกูถึงเข้มแข็งจัง’
‘เหอะ เราคงเป็นแฝดหัวแข็งฆ่าไม่ตายมั้ง’
‘เอาดีๆดิ’
‘แล้วมึงรู้ได้ไงว่ากูไม่เคยร้องไห้’
‘ก็กูไม่เคยเห็นน้ำตามึงเลยนี่หว่า’
‘การที่กูไม่มีน้ำไหลออกมาจากตา มึงรู้ได้ไงว่ากูไม่ได้ร้องไห้อยู่ข้างใน’
จะรู้ได้ยังไง ว่าคนที่ไม่ได้ร้องไห้ออกมา เขาไม่ได้กำลังร้องเจียนจะตายอยู่ข้างใน
นี่ไม่ใช่ละครที่ว่าผมนั่งร้องไห้อยู่แล้วจะมีนางเอกเดินมาเจอพร้อมกับร่มคันหนึ่งแล้วบอกว่ากลับด้วยกันมั้ย หรือว่ามีรถหรูมาจอดข้างหน้าแล้วบอกว่า ขึ้นมา โง่หรือเปล่าเอาตัวเองไปตากฝน
ผมพยุงร่างแฉะๆของตัวเองไปยังที่ที่ผมคิดว่าผมอยู่แล้วผมสบายใจ แต่ผมดันโผล่มาอยู่หน้าห้องไอ้ตุล ที่ที่ผมรู้สึกว่ามันอึดอัดที่สุดในโลก
เดี๋ยวนะ เมื่อกี้ผมจะไปบ้านไอ้เจลนี่หว่า
แต่ถ้าเกิดไปหาไอ้เจลตอนนี้ ดีไม่ดีผมจะทำมันเป็นห่วงมากกว่าเดิม…
ผมเลยเคาะประตูลงหน้าห้องของไอ้ตุลที่ไม่รู้ว่ามันนอนหลับไปแล้วหรือยัง ตั้งแต่กลับจากบ้านพ่อผมก็เดินเตร็ดเตร่ไปเรื่อยเหมือนชีวิตไร้จุดหมาย นั่งค้างอยู่แถวสะพานข้ามแม่น้ำ ลงเอยที่ริมฟุตบาท ฝนตกจนตัวเปียกแฉะไปถึงไส้ใน
ประตูถูกกระชากเปิดออกด้วยความตกใจ ไอ้ตุลมองหน้าผมแล้วกระพริบตาปริบๆเหมือนมีคำถามอะไรมากมายจะถาม ผมถือวิสาสะเดินลอดแขนมันเข้าไปแล้วถอดเสื้อออกเพราะแอร์ในห้องเย็นเฉียบ
“โอยหนาว”
“ไปทำอะไรมาเนี่ย แฉะเป็นลูกหมาเลย”
ผมหัวเราะแหะๆให้เจ้าของห้องก่อนจะพยุงร่างตัวเองเข้าห้องน้ำไปอาบน้ำอุ่นๆปล่อยให้ความคิดถูกน้ำพัดลงท่อไป ไม่รู้ว่าใช้เวลาอาบน้ำนานเท่าไร รู้แค่ว่าผมเริ่มรู้สึกหัวหนักๆอยากจะทิ้งตัวลงบนเตียง
ไอ้ตุลยืนพิงกำแพงอยู่ข้างประตูห้องน้ำ ผมมองหน้ามันนิดๆแต่ไม่ได้คิดจะพูดอะไร ก่อนจะลากสังขารตัวเองไปทิ้งตัวนอนบนโซฟาแล้วหลับตาลง
“ไปนอนบนเตียงเถอะ เดี๋ยวคืนนี้ผมนอนโซฟาเอง” ตุลาการยื่นข้อเสนอ ผมเพลียเกินกว่าจะตอบตกลงเลยได้แค่ครางอือในลำคอ
“นิ ไม่คิดจะบอกผมจริงๆเหรอว่าทำไมถึงไปตากฝนมาแบบนี้”
“อย่าเซ้าซี้น่า รำคาญ…” ผมว่า ไม่มีเสียงตอบรับจากไอ้ตุลอีก
แค่ไม่กี่วินาทีต่อมาผมกลับรู้สึกเหมือนลอยขึ้นจากโซฟา ผมรีบเบิกตากว้างมองไอ้คนที่พยายามอุ้มผมด้วยท่าเจ้าสาวด้วยความตกใจ
“ไอ้เชี่ยตุล!!!!!!!”
‘พลั่ก’
มือของผมเสยเข้าที่บ้องหูไอ้ตุลจนมันเซล้มพรวดลงบนพื้นพรม ก้นกบผมกระแทกพื้นจนชาไปทั้งแถบ ผมร้องโอดโอยแล้วเอาเท้าถีบไอ้ตุลด้วยความหงุดหงิด
มึงคิดว่ากูเป็นผู้หญิงที่มึงอยากจะอุ้มเมื่อไรก็อุ้มเหรอ
สติยังดีอยู่มั้ยวะหา!!!!!
“บ้ารึเปล่า นี่มึงทำบ้าอะไรเนี่ย” ผมตะคอกด่าไอ้ตุลที่นั่งกุมหูอยู่ ผมตบมันไปแรงพอสมควร มันหันมามองผมแล้วตะคอกใส่ผมกลับ
“ก็ผมอยากให้นิบอกอะไรผมบ้างนี่!!! ทำไมต้องเก็บมันไว้คนเดียวด้วยวะ!!!”
“แล้วมึงจะอยากรู้ไปทำไมเล่า!”
“ก็ผมรักของผมนี่!!!”
โอ้โห เหมือนโดนรองเท้าแตะตบหน้าดังฉาด ผมนั่งหน้าชาอยู่กับที่แล้วกระพริบตามองไอ้ตุลด้วยความสับสน เหมือนโดนไอ้ตุลตบบ้องหูด้วยคำพูด ตุลาการเขยิบเข้ามาใกล้ผม ไม่ถึงเสี้ยววินาทีริมฝีปากอุ่นๆของมันก็แตะลงบนริมฝีปากของผม เนิบนาบและอ่อนโยน ฝ่ามือของไอ้ตุลจับท้ายทอยของผมเอาไว้ และผมไม่ได้ขัดขืนอะไรทั้งสิ้น
จูบเบาๆก่อนจะค่อยๆหนักขึ้นเรื่อยๆ สมองผมมึนไปหมด ลมหายใจหนักๆของไอ้ตุลกระทบข้างแก้มของผมก่อนที่เจ้าตัวจะค่อยๆถอนริมฝีปากออกเมื่อผมเริ่มท้วงเพราะขาดอากาศหายใจ ผมผละออกจากมันเล็กน้อยพลางโกยอากาศเข้าปอด
ไอ้ตุลยื่นหน้ามาจะจูบผมอีกครั้งแต่ผมหดคอกลับ ถึงจะชินกับการจูบเมื่ออยู่ปารีส แต่การจูบกับผู้ชายที่ดันรู้สึกดีด้วยนี่มัน …
อันตรายชัดๆ
อันตรายโคตรๆ
“นิ…”
“เดี๋ยว หยุดๆๆ!!!” ผมถอยหลังพรวดแต่ไอ้ตุลตามเข้ามาประชิด แค่เพียงเสี้ยววินาทีมันก็ตามมาตะครุบผม
Shit …
“กูไม่เล่นนะ อยากตายหรือไง” ผมขู่ ไอ้ตุลยิ้มโชว์ลักยิ้มเล่นเอาผมชะงัก
“ไม่ตบผมนี่ แสดงว่าชอบเหรอ”
‘ผั่วะ’
“อ๋อ เป็นไอ้พวกชอบความรุนแรงงั้นสิ” มันขอมาผมก็สนอง ผมฟาดฝ่ามือลงบนหัวของไอ้ตุลอย่างแรง มันร้องโอดโอยด้วยความเจ็บปวด เมื่อเห็นช่องทางผมเลยรีบลุกขึ้นยืนแล้ววิ่งเข้าห้องนอนไอ้ตุลไปพลางกดล็อคประตู
ผมทรุดตัวนั่งลงบนพื้น หัวใจเต้นรัวราวกับว่าจะหลุดออกมาจากอก
เน …
แฟนมึงกำลังทำให้กูเป็นบ้า!!!!
โชคดีที่ก่อนนอนผมซัดยาแก้ไข้ไปสองเม็ดเพราะกลัวตอนเช้าจะตายเพราะไข้ซะก่อน ดันไปทำเก๋าตากฝนตั้งสามสี่ชั่วโมง ตื่นเช้าเลยมีแค่อาการปวดเมื่อยเล็กน้อยที่พอจะทำให้อยากจะนอนเหยียดอยู่บนโซฟาทั้งวัน แต่ผมกลับเลือกที่จะออกไปที่มหา’ลัยเพื่อเคลียร์งานที่ค้างอยู่ให้เสร็จ
“ทำไมไม่รับโทรศัพท์” เสียงคุ้นหูดังขึ้นด้านหลัง ผมเงยหน้ามองคนที่ยืนค้ำหัวอยู่ จรัส บราวน์ที่ทำหน้าเหมือนไม่ได้กินข้าวเช้านั่งลงตรงข้ามผมที่นั่งอ่านหนังสือฝรั่งเศสอยู่ มันหรี่ตามองอย่างเอาเรื่องแต่ผมไม่ได้ใส่ใจ
“นิ มึงโกรธกูเหรอที่กูไม่รับโทรศัพท์” ไอ้เจลถามผม ผมส่ายหน้าเบาๆ แต่สายตายังคงจับจ้องหนังสือที่อ่านไม่เข้าหัวเลยสักนิด ในหัวมีแต่คำพูดของป้าอร ซ้ำไปซ้ำมา
เรื่องที่เนตายเพราะรีบกลับบ้านไปขอของขวัญชิ้นที่แย่ที่สุดในชีวิตของเน
ของขวัญที่ขอให้ผมกลับบ้าน แต่ยังไม่ทันขอก็ตายซะก่อน
“กูเคยโกรธเรื่องไร้สาระแบบนั้นที่ไหนกัน” ผมพูดเสียงแผ่ว ไอ้เจลยื่นมามากระชากคอเสื้อผมเพื่อบ่งบอกว่ามันกำลังไม่พอใจและต้องการคุยแบบตั้งใจ
“แล้วทำไมถึงไม่มองหน้ากู”
“แล้วทำไมกูต้องมองหน้ามึง…” ผมตกใจเมื่อเห็นหางคิ้วไอ้เจลถูกปิดด้วยผ้าก็อต แถมโหนกแก้มมันยังมีรอยช้ำเขียว ผมขมวดคิ้วแล้วจับหน้าไอ้เจลให้หันซ้ายหันขวา เพราะเมื่อกี้มองหน้ามันมุมเงยผมถึงไม่เห็นว่าหน้ามันเยินขนาดนี้
“ไปกัดกับหมาที่ไหนมาเนี่ย”
“อย่าเปลี่ยนเรื่อง ทำไมไม่รับโทรศัพท์เมื่อคืน โทรไปเกือบจะร้อยสาย!!” ผมแอบแปลกใจนิดหน่อยที่ไอ้เจลมันขึ้นเสียงใส่ ปกตินอกจากกวนตีนไปวันๆแล้วมันก็ไม่ค่อยจะดุผมสักเท่าไร
“อ่าว ก็นึกว่าจะให้ดูแผล”
ผมเลี่ยงที่จะตอบคำถามเพราะไม่อยากให้เพื่อนเป็นห่วง จะหันไปก้มมองหนังสือแต่ไอ้เจลก็คว้าหนังสือไปเก็บแล้วลากผมออกจากห้องสมุด
“มึงเป็นอะไรเนี่ยเจล”
“มึงไปเจอไอ้อิงมาใช่มั้ย” ไอ้เจลถามเมื่อลากผมออกมาที่ระเบียง ผมแอบแปลกใจนิดหน่อยที่มันรู้ จริงๆเรื่องไอ้อิงกับผมไม่ถูกกัน ไอ้เจลรู้มาแต่ไหนแต่ไร แต่ผมไม่รู้ว่าทำไมมันรู้ว่าเมื่อวานผมไปเจอไอ้อิงมา
ผมพยักหน้า ไอ้เจลถอนหายใจ
“เมื่อวานมันมาหากูที่บ้าน ถามว่ารู้มั้ยว่านิไปนอนที่ไหน อยู่กับใคร”
“…” มือสองข้างผมกำแน่น ไอ้เวรนี่ ชักจะมากไปละไง
“มึงต้องรอให้มันทำอะไรมึงก่อนเหรอวะถึงจะยอมบอกกูว่ามึงไปเจอมันอ่ะ”
“ก็ไม่เห็นต้องสนใจคนแบบมันนี่”
“นิ!!! มึงก็รู้ว่าไอ้อิงเป็นคนยังไง มึงจะรอให้มันตามมึงไปทุกที่แล้วพูดจาส้นตีนยังไงกับมึงก็ได้โดยที่ไม่สนว่ามึงจะรู้สึกยังไงน่ะเหรอ”
“กูเจอมาเยอะแล้วว่ะเจล กูไม่สนใจแล้วว่าใครจะพูดยังไง แค่ไอ้อิงคนเดียวช่างหัวมันเหอะ” เหมือนคำพูดของผมไปกระตุกต่อมโมโหของไนเจลเข้า มันบีบไหล่ผมอย่างแรงแล้วจ้องผมอย่างกับจะกินเลือดกินเนื้อ
“อย่าพูดเหมือนกับว่ามึงไม่มีค่า ทำไมวะนิ มึงชอบพูดว่ามึงชิน ชอบพูดว่ามึงน่าจะตายแทนเน มึงคิดมั้ยว่าพวกกูรู้สึกยังไงเวลามึงพูดว่าคนที่ควรจะตายน่าจะเป็นมึงมากกว่า”
“กูก็แค่พูดเล่น”
ไอ้เจลปล่อยมือจากไหล่ของผมแล้วฟึดฟัดทำท่าจะเดินหันหลังไป แต่มันหันหลังกลับมาชี้หน้าผมด้วยแววตาและสีหน้าที่ผิดหวังเหมือนกำลังน้อยใจ
“มึงเล่น แต่พวกกูไม่เล่น นิที่กูรู้จักไม่ใช่ผู้ชายที่ยอมให้คนอื่นมาพ่นน้ำลายใส่หัวแล้วอยู่เฉยๆแบบนี้ นิที่กูรู้จักอ่ะ ถ้าใครพูดจาหมาๆใส่มันต้องซัดหมัดกลับไป”
ผมรู้สึกเหมือนกับโลกหมุนเลยต้องคว้าราวระเบียงเอาไว้ ถึงอย่างนั้นปากมันก็พูดจาบ้าๆออกไปทั้งๆที่สมองยังไม่ทันจะสั่งการ
“กูก็เป็นของกูแบบนี้แหละ”
“ไม่ใช่ นิติที่กูรู้จัก ไม่มีวันพูดหรอกว่าตัวเองไร้ค่า”
ไอ้เจลหันหลังให้ผมแล้วเดินออกไปทิ้งให้ผมยืนอยู่คนเดียว ยังไม่ทันจะอ้าปากห้ามมันขาทั้งสองข้างก็ทรุดฮวบลงที่พื้น ผมนั่งพิงระเบียงแล้วใช้ฝ่ามือกุมใบหน้าของตัวเองเอาไว้พลางหัวเราะบ้าๆคนเดียว
มึงมันไม่ได้เรื่องจริงๆนิติ
ผมกลับไปที่คอนโดของไอ้ตุลเพราะตอนนี้ไอ้เจลคงโมโหผมจนไฟลุกที่พูดออกไปแบบนั้นเหมือนกับไม่ใส่ใจในความเป็นห่วงของมัน จริงๆผมไม่ได้อยากพูดแบบนั้นออกไป ไม่เลยจริงๆ
ไอ้ตุลไม่อยู่ที่ห้อง ห้องใหม่มันผมก็ไม่มีกุญแจเลยต้องลงไปนั่งรอที่ล็อบบี้ แต่ก็ขี้เกียจเกิน ผมเลยนั่งชันเข่ารอไอ้ตุลหน้าห้องพลางก้มหน้าหลับตาลงเพราะไม่อยากจะสนทนากับใครก็ตามที่จะเดินผ่านไปผ่านมา รู้เพียงแค่ว่าตอนนี้ ผมอยากได้ใครสักคนอยู่ข้างๆ คนที่จะไม่บ่นไม่ว่าแม้จะห่วงขนาดไหน คนที่จะยอมทนนั่งเงียบๆอยู่ด้วยกันจนกว่าผมจะยอมปริปากพูดเอง
เหอะ ไอ้ตุลเนี่ยนะจะยอมนั่งเงียบๆ แต่มันก็เป็นตัวเลือกที่ดีที่สุด เพราะตอนนี้ผมไม่อยากทะเลาะกับเพื่อน ไม่อยากให้ทิฐิและความงี่เง่าของตัวเองทำให้เพื่อนเสียใจ
เหมือนที่ผมทำให้เจลเสียใจวันนี้
“นิ!” เสียงของไอ้ตุลดังขึ้นก่อนที่ผมจะหลับ มันเดินเข้ามาใกล้พลางนั่งยองๆลงตรงหน้าผม สายตาเป็นห่วงถูกส่งมาแต่มันก็ไม่ได้ถามอะไรรีบไขกุญแจเข้าห้องไปด้วยความรวดเร็ว
“ขอโทษนะครับที่กลับมาช้า นิน่าจะโทรมาบอกก่อนว่าจะกลับเร็วผมจะได้ขอเพื่อนออกจากห้องติวก่อนเวลา หิวมั้ย กินอะไรมาหรือยัง”
ไอ้ตุลพูดเป็นชุดพร้อมกับถอดรองเท้าอย่างทุลักทุเล ผมมองแผ่นหลังของมันเงียบๆ
“นิไปอาบน้ำก่อนมั้ยเดี๋ยวผมอุ่นข้าวกล่องให้ พอดีแวะซื้อมาเมื่อกี้เผื่อจะหิวตอนดึกๆ”
เมื่อเห็นว่าไอ้ตุลไม่ยอมหยุดพูดสักทีผมเลยคว้าเสื้อของมันเอาไว้ คนที่ยืนหันหลังอยู่ถึงกับชะงักนิ่งอยู่กับที่
“นิ…”
“พูดมากว่ะ” ผมซบหน้าลงบนแผ่นหลังกว้างๆของมันอย่างถือวิสาสะ
‘หลังของพี่ตุลกว้างมากเลยรู้ป่ะ’
และอุ่นมาก
‘เวลาหนาวๆได้มันกอดนี่โคตรอุ่นเลย’
มึงไม่เคยพูดผิดเลยเน … มึงไม่เคยพูดผิดเลยจริงๆ
ภายในห้องมีเพียงเสียงเครื่องปรับอากาศที่ดังหึ่งๆ ไม่มีคำพูดใดๆออกจากปากผมหรือไอ้ตุล เหมือนมันรู้ว่าผมแค่อยากได้ที่พักพิง และผมก็ต้องการที่จะอยู่เงียบๆไม่อยากจะพูดอะไร
“นิ…” เสียงทุ้มๆของไอ้ตุลดังขัดความเงียบ ผมครางตอบในลำคอ
“อือ”
“ผมอยู่ตรงนี้นะ”
พอไอ้ตุลพูดแบบนั้นออกมาเท่านั้นแหละ มันเหมือนกับว่าร่างกายของผมขยับไปเอง จากที่เพียงแค่ซบแผ่นหลัง ผมโถมกอดมันจากด้านหลัง จิกมือทั้งสองข้างลงไปบนเสื้อของไอ้ตุลด้วยความอึดอัดที่อยากจะระเบิดออกเป็นเสี่ยงๆ
เมื่อก่อนผมเคยเป็นคนเข้มแข็งอย่างที่ไอ้เจลว่า
แต่ตอนนี้ … ผมอยากทำตัวอ่อนแอเสียเหลือเกิน
TBC