ตอนที่ 23
“ว่าไงนะครับ?”
ศตคุณถามเสียงดัง มองหน้าพ่อเลี้ยงกับพายัพสลับกันไปมาอย่างตกใจ
“หมูฟังไม่ผิดหรอก ฉันกับกับพายัพจะไปต่างประเทศ”
“แล้วใครจะดูแลไร่ล่ะครับ”
“เขตไง”
“พ่อ…ผมไม่เคยทำนะพ่อ”
“แต่แกเคยฝึกมาแล้วเขต พ่อสอนทุกอย่างให้แกไปแล้ว มันก็แล้วแต่แกว่าจะทำได้หรือไม่ได้ ไม่ต้องทำทุกอย่างตามที่พ่อสอน แค่ทำทุกอย่างในวิธีของตัวเอง แต่อย่าลืมว่าต้องคิดหรือตัดสินใจดีๆ ฉันจะให้หมูเป็นเลขาให้เขตมัน ตลอดสองอาทิตย์ที่ฉันไม่อยู่”
“สองอาทิตย์เลยเหรอครับ” ศตคุณถาม น้ำเสียงค่อนข้างผิดหวังเล็กน้อยที่ร่างสูงไปต่างประเทศนานเกินไป
พ่อเลี้ยงอาทิตย์ระบายยิ้มอ่อนโยนเมื่อเห็นทีท่าของศตคุณที่แม้จะพยายามเก็บมันเอาเท่าไหร่ก็ไม่รอดพ้นสายตาของเขาอยู่ดี
แบบนี้แหละที่ต้องการ…
“ไม่ต้องห่วงหรอกน่า เจ้าเขตมันทำได้”
“ถามผมยังพ่อ” คณินแทรกขึ้นมาอย่างหงุดหงิด
“แกทำได้ แกต้องทำได้”
“พูดเหมือนพ่อเป็นผมเลยเนาะ พูดเองเออเอง ทั้งที่เจ้าตัวยังไม่ทันได้พูดบอกอะไรเลย” บ่นพ่อตัวเองอย่างเบื่อหน่ายกับนิสัยเผด็จการของคนเป็นพ่อ
พ่อเลี้ยงหัวเราะแล้วหันมามองหน้าของศตคุณแล้วยิ้มให้
“ไม่ต้องห่วงหรอกนะ เขตมันเป็นลูกของฉัน มันต้องทำได้ดี”
“ครับ ผมเชื่อแบบนั้น”
คณินอมยิ้มอย่างดีใจที่เพื่อนสนิทเชื่อใจในตัวเองขนาดนี้ ก่อนจะยืดอกด้วยความภาคภูมิใจในตัวเองเสียเหลือเกิน…
“พ่อเดินทางวันไหนอ่ะ ทำไมถึงบอกกะทันหัน”
“มันด่วนน่ะ รู้เมื่อเช้าเดินทางมะรืนนี้”
“ด่วนไปไหมพ่อ มันงานอะไรน่ะ”
“ไปคุยธุรกิจกับคุณชานนท์น่ะ เราจะทำการส่งออกชา” พายัพตอบ
“แต่เราเพิ่งจะได้ที่มาไม่ใช่เหรอครับ มันไม่เร็วไปหน่อยเหรอพ่อ”
“ไม่หรอก ชาของไร่ภูถึงดาวมีชื่อเสียงอยู่แล้ว แค่เราจะทำให้มันส่งออกเป็นในนามของศักดินนท์เท่านั้น ซึ่งเรื่องเอกสารก็คงจะยุ่งยากหน่อย เพราะฉะนั้นก็เลยเผื่อเวลาไปสองอาทิตย์”
คณินกับศตคุณต่างพากันพยักหน้าด้วยความเข้าใจ
“โอเคตามนี้นะ ไปทำงานต่อได้แล้วไป เขต แกต้องไปดูแลเขตตะวันนะวันนี้ ลืมไปแล้วหรือไง จำไม่ได้เหรอว่าสิ่งที่สำคัญที่สุดของการดูแลศักดินนท์คือต้องไม่ลืมและอย่ามองข้ามจุดเล็กๆ น้อยๆ” พ่อเลี้ยงอาทิตย์เตือนสิ่งที่เคยสอนลูกชายให้คณินฟังอีกครั้ง
“ไม่ลืมน่าพ่อ ผมจำคำที่พ่อเคยสอนได้ดีเลยครับ และก็ปฏิบัติตามอย่างเคร่งครัดด้วย เห็นผมเหลาะแหละ ทำอะไรไม่เป็นโล้เป็นพาย แต่เอาเข้าจริง…” ยังไม่ทันพูดจบ พ่อเลี้ยงก็แทรกขึ้นมาแทน
“แกก็ทำได้ดีเสมอ…เออ ไม่ลืมก็ดี จำเอาไว้ให้ดีๆ เพราะสองอาทิตย์ที่ฉันไม่อยู่ แกจะต้องใช้ทักษะ ความรู้ ความสามารถที่มีอยู่อย่างเต็มที่แน่ๆ”
สิ่งที่พ่อเลี้ยงอาทิตย์พูดทำให้ศตคุณกับคณินหันมามองหน้ากัน รู้สึกขึ้นมาพร้อมๆ กันเลย…
ไม่ไว้ใจเลยแฮะ
“งั้นกูไปก่อนนะอาทิตย์ จะไปเตรียมเอกสารน่ะ หมูก็มาช่วยด้วยสิ จะได้สอนงานให้” พายัพชวนศตคุณ ซึ่งร่างบางก็พยักหน้าตอบรับ
“ได้ครับ อาพายัพ”
“งั้นฉันจะเข้าไปในไร่นะหมู เจอกันตอนเย็นนะ”
“ครับ” ร่างบางขานรับพ่อเลี้ยง
“เจอกันเว้ยอาทิตย์”
“เออ!”
ศตคุณเดินตามพายัพไป ส่วนคณินก็ไปเขตตะวันตามคำสั่ง ตัวพ่อเลี้ยงเองก็ตรงไปยังไร่เพื่อตรวจดูความเรียบร้อยและการทำงานของลูกน้อง
…
…
…
ปัง!!!
แกร็ก…
“พ่ะ…พ่อเลี้ยง เข้ามาในห้องผมทำไมครับ” ศตคุณที่กำลังยืนมองดาวหันขวับมามองที่ประตูห้องทันทีที่ได้ยินเสียงปิดกับล็อกประตู
“พรุ่งนี้ฉันก็เดินทางแล้ว”
“แล้วยังไงเหรอครับ?”
“ก็ไม่แล้วไง” ร่างสูงยักไหล่อย่างไม่หยี่ระ เดินตรงมาหาศตคุณที่ยืนอยู่ที่เดิม พอร่างสูงมาหยุดอยู่ตรงหน้านั่นแหละ ถึงรู้สึกตัวว่าต้องอยู่ห่างๆ
หมับ!!
“จะหนีไปไหนเล่า ดูดาวต่อสิ วันนี้ดาวเยอะนะ” ร่างสูงคว้าร่างของศตคุณเอาไว้ แล้วหมุนให้หันกลับไปที่นอกหน้าต่างเหมือนเดิม ส่วนร่างแกร่งก็โอบกอดเอวบางจากด้านหลัง เอาคางเกยกับไหล่ของศตคุณ แม้ว่าความสูงจะแตกต่างกันนัก มันก็ไม่ได้สร้างความยากลำบากอะไรเลย
“พ่อเลี้ยงครับ คนมองจากข้างนอกเห็นจะทำยังไงล่ะครับ”
“ก็ปล่อยให้เห็นไปสิ”
“ทำไมพูดเหมือนไม่แคร์เลยล่ะครับ มันไม่ดี แล้วก็ไม่งามมากด้วย”
“เป็นคนแก่เหรอฮะ บ่นอยู่นั่นแหละ ขอกอดหน่อยก็ไม่ได้ พรุ่งนี้ก็เดินทางแล้ว ฉันไม่อยู่ตั้งสองอาทิตย์ ไม่คิดถึงกันบ้างเลยหรือไง ตอนเปิดเทอมก็ไม่ค่อยได้อยู่ด้วยกัน ฉันจะอายุสามสิบสามแล้วนะหมู”
“แล้ว?”
“อย่าทำตัวเย็นชาน่ะหมู ฉันไม่อยู่ เดี๋ยวจะรู้สึก”
“เฮอะ!!”
“เฮอะอะไรกัน ไม่ต้องดูแล้วดาวน่ะ ทำโทษเลยดีกว่า”
“เอ๋! อ๊ะ พ่อเลี้ยง!!!”
พรึ่บ!!!
ตุบ!!!
ร่างของศตคุณถูกช้อนตัวขึ้นอุ้มแล้วถูกโยนลงบนเตียงอย่างแรง จุกจนตัวงอ แต่ก็โดนคร่อมทับด้วยร่างของพ่อเลี้ยงอาทิตย์ที่ไม่สนใจว่าคนที่ตนโยนจะเจ็บหรือเปล่า
“เจ็บนะครับ” คิ้วสวยขมวดแน่น มองตากับพ่อเลี้ยงอย่างไม่พอใจ
“เหรอ ตรงไหนล่ะ” ถามด้วยสีหน้าที่ไม่ทุกข์ร้อน แถมยังยิ้มกว้างอีกด้วย แล้วยังขยับตัวแนบลงไปอีก
“นี่ก็ยิ่งเจ็บเลยครับ ลุกไปเลย”
มือบางพยายามดันอกแกร่งออกไป แต่พ่อเลี้ยงก็ต่อต้านโดยการทาบทับลงมาเรื่อยๆ ทนชิดสุดๆ แต่ยังดีที่ไม่ทิ้งน้ำหนักลงมา ไม่งั้นศตคุณต้องหายใจไม่ออกเพราะหนักตายแน่ๆ
“คิดถึง...”
สิ้นเสียงทุ้ม ศตคุณก็หยุดมือเอาไว้นิ่งๆ แล้วช้อนตาขึ้นสบกับดวงตาคมจ้าวเสน่ห์ที่กำลังส่งสายตาหวานซึ้งให้อยู่ หัวใจของคนอายุน้อยกว่าถึงกับเต้นระส่ำไม่เป็นจังหวะ ตื่นเต้นเหมือนกับว่าตัวเองถูกล็อตเตอร์รี่รางวัลที่หนึ่ง
“จู่ๆ พูด...”
“คิดถึง...”
“พ่อเลี้ยง”
“คิดถึงจริงๆ”
“…”
“คิดถึงมาก”
“เฮ้อ...ครับ คิดถึงเหมือนกัน”
ถ้าไม่พูด พ่อเลี้ยงก็คงไม่หยุดพูดแน่ๆ ทำไมถึงรู้ ก็เพราะว่าเจอบ่อยตอนที่คุยโทรศัพท์กันนั่นแหละ ถ้าเขาไม่ยอมบอกว่าคิดถึงเหมือนกัน พ่อเลี้ยงไม่วางแน่ๆ แล้วถ้าเขาวางสายใส่ ไม่กี่นาทีเขาก็เห็นว่าร่างสูงมาหยุดอยู่หน้าบ้านแล้ว...
ให้ตายสิ เป็นผู้ใหญ่ที่ดื้อชะมัดเลย
“แค่นี้แหละที่อยากได้ยิน ทำไมพูดยากพูดเย็นจังเลยน่ะฮะ คิดจะเป็นเด็กดื้อเหรอหมู”
“เปล่าครับ ไม่ได้จะดื้อ”
“ดีแล้ว เพราะถ้าดื้อฉันคงเหนื่อยแย่”
ร่างสูงทิ้งตัวนอนลงข้างๆ แล้วคว้าร่างบอบบางเข้ามากอดเอาไว้แน่น ศตคุณพลิกตัวเองให้หันเข้าหาพ่อเลี้ยงอาทิตย์ ใบหน้าของเขาอยู่ตรงอกแกร่งพอดี
“ขอนอนด้วยนะ”
“ผมปฏิเสธได้เหรอครับ”
“ก็ไม่น่ะสิ แค่ถามไปงั้นๆ แหละ” พ่อเลี้ยงตอบ กระชับแรงกอดแน่นกว่าเดิมอีก
“ผมเชื่อใจว่าพ่อเลี้ยงนะ” ศตคุณพูดบอกออกไป เสียงเรียกหัวเราะเบาๆ จากคนที่กำลังกอดรัดอยู่ได้เป็นอย่างดี
“หึหึ ทั้งๆ ที่ก็รู้ใช่ไหมว่าฉันอดทนไม่ค่อยจะไหวแล้ว”
“ถึงจะรู้ แต่ถ้าพ่อเลี้ยงคิดว่าตัวเองทนไม่ได้ คงไม่มาหาผมแบบนี้หรอกใช่ไหมล่ะครับ คนอย่างพ่อเลี้ยงน่ะ รักษาสัญญาเสมอ ใช่ไหมครับ”
“อ่า...พูดดักทางกันแบบนี้ ฉันจะไปกล้าทำอะไรนายกันล่ะ” พ่อเลี้ยงบ่นด้วยน้ำเสียงที่เซ็งๆ
“อย่าคิดว่าผมจะเด็กกว่าแล้วจะรับมือพ่อเลี้ยงไม่ได้นะครับ ความเจ้าเล่ห์ของคุณน่ะมีเยอะมาก ถ้าตามไม่ทัน ผมว่า ผมอาจจะเสียตัวไปตั้งนานแล้ว”
“นั่นเพราะว่านายต้านเสน่ห์ของฉันไม่ได้ต่างหาก”
ศตคุณเถียงไม่ออก มันก็จริงอย่างที่พ่อเลี้ยงพูดนั่นแหละ ทุกครั้งที่เกือบเสียตัวนั่นเป็นเพราะเคลิ้มไปกับเสน่ห์ของพ่อเลี้ยง แต่รอดมาทุกครั้งได้เพราะร่างสูงเป็นคนหักห้ามตัวเองและหยุดทุกครั้ง
นั่นทำให้ร่างบางไม่ค่อยกลัวเวลาที่พ่อเลี้ยงจะแตะต้องเนื้อตัวเท่าไหร่
แค่ตื่นเต้น...ตามประสาของคนที่ไม่ชิน และไม่น่าจะมีวันชิน
“หึหึ นอนเฉยๆ ก็ได้น่า”
“มันก็ต้องเป็นแบบนั้นครับ”
“คิดว่าฉันจะทำอะไรนายหรือไง หืม?”
“หรือไม่คิดล่ะครับ”
“หึหึ เบื่อคนรู้ทันจริงๆ”
ศตคุณนอนนิ่งให้ร่างสูงกอดอยู่แบบนั้น ส่วนพ่อเลี้ยงก็ลูบผมสวยของศตุณเบาๆ
“ไม่ปิดไฟเหรอครับ พ่อเลี้ยงจะนอนด้วยนี่นา”
“นั่นสินะ”
“ดึกแล้วนะครับ” ศตคุณเตือน
“อึ้บ!!!”
พ่อเลี้ยงลุกจากเตียงแล้วเดินไปปิดไฟก่อนจะกลับมาทิ้งตัวบนเตียง แล้วกอดศตคุณเอาไว้เหมือนเดิม ส่วนร่างเล็กก็ขยับปรับท่าทางให้นอนสบายขึ้น
“ฝันดีนะหมู”
“ฝันดีครับพ่อเลี้ยง”
จุ๊บ!!
อาทิตย์จุมพิตเบาๆ ที่หน้าผากมนแล้วก็ต่างพากันผล็อยหลับไป...
ท่าอากาศยานนานาชาติเชียงใหม่
“พอไปถึงกรุงเทพฯ ก็ต่อเครื่องเลยเหรอพ่อ” คณินถามพ่อเลี้ยงระหว่างที่นั่งรอเวลาขึ้นเครื่อง ส่วนศตคุณก็นั่งเล่นโทรศัพท์รอเงียบๆ ปล่อยให้พ่อลูกคุยกันไป
“ไม่ ฉันจะไปหาเพื่อนก่อน ไฟลท์ดึกน่ะ”
“อ๋อ...มีเที่ยวกับเพื่อนนี่เอง”
“หึหึ เที่ยวอะไรล่ะ คุยงานเว้ย”
“แต่ก่อนนะ เวลาเข้ากรุงเทพฯ ทีไรก็เห็นไปเที่ยวทุกที หมู...มึงรู้ไหมว่าพ่อกูเนี่ยเที่ยวทุกคืนเลยนะเวลาไปกรุงเทพฯ เนี่ย อย่าถามว่าเที่ยวแบบไหน มึงก็รู้ๆ ความหมายของกูอยู่” คณินที่โจมตีพ่อตัวเองไม่พอยังหันมาฟ้องศตคุณอย่างไม่ทุกข์ร้อนอีกด้วย
แต่คนที่เดือดร้อนคือพ่อเลี้ยงนี่แหละ
“ไอ้ลูกเวร!”
ร่างแกร่งรีบมองหน้าศตคุณที่ตอนนี้ก็เล่นโทรศัพท์ไม่สนใจเรื่องที่สองพ่อลูกคุยกันเลยสักนิด ไม่สนทั้งการกระทำแล้วก็ความคิดด้วย
มันก็แค่อดีต...
“ฮ่าๆ กลัวเหรอพ่อ ไอ้หมูมันไม่สนใจหรอกน่า คนอย่างมันน่ะไม่คิดจะสนใจอดีตของใครหรอก พ่อไม่ต้องกลัวว่ามันจะโกรธย้อนหลังหรอก มันเป็นคนมีเหตุผล”
“ทำไมถึงได้มีลูกนิสัยเสียแบบแกด้วยเนี่ย”
“ยังไงก็ลูกพ่อนะ เลี้ยงมาเองช่วยไม่ได้” คณินยักไหล่กวนๆ
“ฉันก็ไม่น่าเลี้ยงแกมาเลย จริงๆ น่าจะให้ย่าแกเป็นคนเลี้ยงตั้งแต่แรก เพราะถ้าเป็นอย่างนั้น ตอนนี้แกคงไม่กล้าต่อปากต่อคำกับพ่อหรอกใช่ไหม” พ่อเลี้ยงถาม
“ทำไม่ได้หรอก ต่อให้ย้อนเวลากลับไปได้ พ่อก็จะทำเหมือนเดิม”
“ทำไมแกรู้ดีกว่าฉันล่ะ” อาทิตย์ถามคณินกลับไปยิ้มๆ เห็นท่าทางที่มั่นอกมั่นใจของลูกชายแล้วหมั่นไส้อยากจะถีบตกจากเก้าอี้ไปเลย
ถ้าไม่ติดว่าคนเยอะล่ะนะ...
“ก็เพราะว่าเราเป็นพ่อลูกกันไง ฮ่าๆ”
“ชิ!!”
“ได้เวลาแล้วล่ะครับ อาพายัพเดินมานั่นแล้ว” ศตคุณพูดขึ้นมาเมื่อเห็นว่าพายัพที่ไปเช็คอินเดินกลับมาแล้ว ส่วนสองพ่อลูกก็หยุดเถียงกันแล้วมองหน้าของศตคุณเหมือนกับว่าไม่ได้ยินมานานมาก
“พูดได้แล้วเหรอวะ ตั้งแต่ขึ้นรถมาก็เอาแต่นั่งจ้องจอโทรศัพท์ไม่ยอมพูดยอมจากับใคร ถามคำตอบคำ ทำไม? ไม่อยากให้พ่อกูไปหรือไง”
กึก!!
มือที่กำลังสไลด์หน้าจอโทรศัพท์หยุดชะงักเมื่อเพื่อนสนิทพูดจี้ใจดำ แต่ก็ทำเป็นไม่สนใจสิ่งที่เพื่อนพูด ส่วนพ่อเลี้ยงก็ยิ้มมุมปากนิดๆ ลุกขึ้นยืนเอามือล้วงกระเป๋ากางเกง ยิ่งทำให้ศตคุณรู้สึกใจกระตุกเข้าไปอีก
เขากำลังรู้สึกไม่โอเค...
“ไปกันเถอะอาทิตย์”
“ต้องรีบขนาดนั้นเลยเหรอวะพายัพ กว่าเครื่องจะออกก็ตั้งสามสิบนาที” พ่อเลี้ยงถาม
“ก็จะให้เด็กๆ กลับไปทำงานไง ทิ้งงานมานานๆ มันไม่ดีนะเว้ย”
“จริงด้วย”
ศตคุณเก็บโทรศัพท์เข้ากระเป๋ากางเกงแล้วลุกขึ้นยืน ใบหน้าเรียบเฉยสุดๆ ยิ่งเรียกรอยยิ้มจากพ่อเลี้ยงที่ลอบสังเกตตลอดเวลา
“งั้นเราก็กลับกันเถอะเขต จะได้ไปทำงาน”
“ห๊ะ! อารมณ์ไหนวะเนี่ย”
“มึงต้องรักษาการแทนพ่อเลี้ยง มึงก็ต้องกลับไปทำหน้าที่ ส่วนพ่อเลี้ยงกับอาพายัพก็ขอให้เดินทางอย่างปลอดภัยนะครับ แล้วอย่าลืมของฝากด้วยนะครับ” ร่างบางหันไปพูดกับพายัพ ยิ้มแย้มขอของฝาก โดยที่ไม่แม้แต่มองหน้าพ่อเลี้ยงที่กำลังยืนจ้องศตคุณไม่วางตา
“ได้ๆ แล้วอาจะเอาของฝากมาด้วย”
“ขอบคุณครับ”
“งั้นก็ไปกันเถอะอาทิตย์”
“เออๆ ฉันไปก่อนนะไอ้ลูกชาย ไปก่อนนะหมู แล้วเจอกัน” แม้จะอยากแกล้งร่างบางมากแค่ไหน แต่เขาก็ตัดใจที่จะไม่บอกลากับศตคุณได้เลย
“เดินทางปลอดภัยครับ”
“อืม...ฝากจัดการไร่ด้วยนะไอ้เขต อย่าทำเสียเรื่องล่ะ ดูแลเขตด้วยนะหมู”
“ครับ”
“ฝากฝังเหมือนกับว่าจะไปนานเป็นปีเนอะพ่อ ไปได้แล้วไป เดี๋ยวทุกอย่างคณินจะเป็นจัดการเอง ไว้ใจได้น่า” คณินพูดแทรกขึ้น พูดจาคุยโว อวดอ้างตัวเอง
แม้ว่าพ่อเลี้ยงจะส่ายหน้าเพราะระอาลูกชายของตน แต่เขาก็เชื่อว่าคณินจะต้องทำได้...
ทำไมถึงมั่นใจน่ะเหรอ...
“ผมเป็นลูกพ่อนะ”
นั่นแหละ...เพราะคณินเป็นลูกชายของเขานั่นแหละ
อ่านให้สนุกนะคะ พรุ่งนี้ยูกิก็เริ่มต้นการฝึกงานแล้ว แต่มาทุกอาทิตย์แน่ๆ ค่ะ ถ้าอาทิตย์ไหนไม่มายูกิจะแจ้งแน่นอนค่ะ
มีอะไรสอบถาม พูดคุย ติดตามข่าวสารการอัพเดทได้ที่แฟนเพจเลยค่ะ
https://www.facebook.com/sawachiyuki/