----The Dark Prince ---- เดเมี่ยน&มิคาเอล ---- บทที่ 70 ตราบชั่วนิรันดร์ (จบบริบูรณ์)
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: ----The Dark Prince ---- เดเมี่ยน&มิคาเอล ---- บทที่ 70 ตราบชั่วนิรันดร์ (จบบริบูรณ์)  (อ่าน 34055 ครั้ง)

ออฟไลน์ KanadiaTBear

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 71
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0
บทที่ 26 ไปทำงานวันแรก

 

มิคาเอลรู้สึกประหม่าเล็กน้อย ในวันนี้เป็นวันแรกที่เขาจะเริ่มทำงานให้กับองค์เดเมี่ยน และยังเป็นวันแรกที่เขาได้ออกมาจากวิลล่าในฐานะพระสนมขององค์เดเมียนอีกด้วย

 

มิคาเอลสวมชุดที่องค์เดเมี่ยนเตรียมไว้ให้ ชุดสีดำสไตล์ราชวงค์ของคานาเดีย เสื้อเชิ้ตสีขาวแขนยาว คลุมทับด้วยเสื้อกั๊กตัวยาวมีลวดลายงดงาม ด้านหน้าถูกถักร้อยด้วยเชือก ดูไปแล้วคล้ายกับคอร์เซ็ท ที่โอบรัดเข้ากับร่างกายของเขา ในส่วนที่เว้า ก็เว้า ในส่วนที่โค้ง ก็โค้ง จนองค์เดเมี่ยนจ้องมองตาไม่กระพริบ  และเอ่ยปากชมไม่หยุด และหากชุดของเขายังเด่นไม่พอ องค์เดเมี่ยนยังทรงประทานสายสร้อยที่มีตราสัญลักษณ์เสือดำของพระองค์ให้เขาสวมใส่ สร้อยทั้งเส้นทำจากทองคำ ประดับอัญมณี จนทำให้มิคาเอลยิ่งโดดเด่นมากขึ้นไปอีก

 

เมื่อเดินทางมาถึงที่อาคารทรงงาน มิคาเอลเดินเยื้องมาด้านหลังองค์เดเมี่ยนเล็กน้อย เพื่อเป็นการให้เกียรติแก่พระองค์ มิคาเอลก้มหน้าลงเล็กน้อย และเดินตามองค์เดเมี่ยนไปอย่างเชื่อฟัง ตามข้อตกลงที่เขาได้ทำไว้กับพระองค์ แต่กระนั้น ผู้คนที่พบเห็นก็ยังพากันโจษจันความงามของสนมคนใหม่ขององค์เดเมียน นาม มิคาเอล

 

พระองค์สั่งให้คนจัดโต๊ะทำงานของมิคาเอลไว้ในห้องทรงงานของพระองค์ เมื่อพระองค์มาถึง เลขาของพระองค์ก็รายงานสิ่งที่พระองค์ต้องกระทำอันยาวเหยียด และแอบตำหนิพระองค์ที่หนีกลับไปก่อนเมื่อวานด้วย มิคาเอลรู้สึกใบหน้าร้อนผ่าวเมื่อคิดถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อวาน

 

"ที่สำคัญในคืนนี้ มีงานเลี้ยงที่พระองค์จะต้องเข้าร่วมด้วยนะขอรับ และนี่เป็นรายละเอียดโดยย่อและรูปถ่ายของแขกคนสำคัญที่พระองค์จะต้องจดจำ” เลขาของพระองค์วางเอกสารปึกใหญ่ลงตรงหน้าพระองค์

“แขกมีตั้งหลายร้อย เจ้าคิดว่าเราเป็นคอมพิวเตอร์หรือยังไง” ทรงตรัสประชด

“กระหม่อมเตรียมข้อมูลไว้ให้ตั้งแต่2 อาทิตย์ที่แล้ว พระองค์นั่นแหล่ะ ที่ทรงไม่สนใจ ถ้าอย่างนั้นกระหม่อมคงจะใช้วิธีติดกล้องสแกนหน้าของแขกก็แล้วกัน” เลขากล่าว

“เครื่องสแกนห่วยๆ ของเจ้า ช้าจะตายกว่าจะรู้ผลแขกคนอื่นก็เข้ามาทักแล้ว” ทรงตรัสตำหนิ

“นี่ก็เป็นรุ่นล่าสุดแล้วนะขอรับ” เลขายังไม่ยอม

 

มิคาเอลที่มองดูทั้งสองคนเถียงกันจึงถือวิสาสะหยิบเอกสารขึ้นไปพลิกดู พบว่าแขกส่วนใหญ่ที่มาร่วมงานล้วนเป็นคนที่เขารู้จัก เนื่องจากเขาต้องตามไปถ่ายรูป คนมีชื่อเสียงมากมาย การหาข้อมูล การเตรียมพร้อมเป็นสิ่งจำเป็น มิคาเอลจึงมีความสามารถในการจดจำใบหน้าของคนได้อย่างรวดเร็ว และแขกที่จะมาร่วมงานก็เป็นคนที่มิคาเอลรู้จักเสียส่วนใหญ่จากการหาข้อมูลในอดีต

 

"ผมรู้จักคนส่วนใหญ่ในรูปพวกนี้ มีเพียงแค่ สิบกว่าคนที่ผมไม่รู้จัก ซึ่งผมแน่ใจว่าก่อนงานจะเริ่ม ผมสามารถจดจำรายละเอียดได้ทั้งหมด” มิคาเอลเอ่ยขึ้น ทั้งสองจึงหันมามอง คุณเลขาจึงพลิกเปิดไปหน้าท้ายๆ ก่อนชี้ในเชิงถามว่าใคร

“คนๆ นี้คือนักธุกิจใหญ่ที่ไม่ค่อยได้ออกงานบ่อยนัก แต่มีธุรกิจด้านการเงินที่ใหญ่โต และมีอิทธิพลมากคนหนึ่งในยุโรป คุณ อาร์เธอร์ แมคฟาร์แลนด์” มิคาเอลตอบ แต่คุณเลขาก็พลิกเปิดและถามไปเรื่อยๆ อีกหลายคน แต่มิคาเอลก็ตอบได้หมด องค์เดเมี่ยนมองด้วยความพอใจในความสามารถของคนตรงหน้า

 

“พอได้แล้วอาร์ชี่ ถ้าเจ้าห่วงนักก็ติดกล้องสแกนไปด้วยก็ได้ แต่เราจะพามิคาเอลไปงานกับเรา” องค์เดเมี่ยนกล่าว แต่เป็นมิคาเอลที่ตกใจ

“ฝ่าบาท ไม่จำเป็นต้องพาผมไปในงานก็ได้นี่ครับ ผมดูผ่านกล้องของพระองค์ก็ได้” มิคาเอลกล่าว

“เจ้าอยากทำงานไม่ใช่เหรอมิคาเอล และนี่คืองานของเจ้า เราจะสั่งให้คนเตรียมชุดไว้ให้เจ้า” ทรงตรัส แม้มิคาเอลอยากจะประท้วงแต่ก็กลืนคำพูดลงคอ เขารู้ว่าอย่างไรเสียพระองค์ก็ไม่ฟังอยู่ดี

 

ตลอดช่วงเช้ามิคาเอลจึงเอาแต่ทบทวนข้อมูลของรายชื่อแขก พอตอนบ่ายเขาก็จดจำรายละเอียดได้ทั้งหมด องค์เดเมี่ยนดูพอใจในตัวของมิคาเอลมิใช่น้อย และสั่งให้อาร์ชี่สอนงานเลขาให้แก่มิคาเอล และเมื่อพระองค์ทรงงานเสร็จในตอนหัวค่ำ พระองค์จึงพามิคาเอลกลับมาที่วิลล่า

 

แต่เมื่อกลับมาถึงพระองค์ก็รั้งร่างของคนตัวเล็กเข้ามากอด

“ทำไมเจ้าไม่บอกเราว่าเจ้ามีความสามารถมากขนาดนี้” ทรงตรัส และ ประทานจุมพิตให้แก่คนตัวเล็ก แต่มิคาเอลกลับปฏิเสธ และพยายามผลักพระองค์ออก

“ก็พระองค์ไม่เคยถามนี่ครับ ผมก็คิดว่าพระองค์สนแค่ร่างกายของผม” มิคาเอลตอบหนีออกจากอ้อมกอดของคนตัวใหญ่

“ผมขอตัวไปอาบน้ำก่อนนะครับ” มิคาเอลตอบและเดินเข้าไปในห้องน้ำ โดยที่ไม่เห็นสายตาขององค์เดเมี่ยนที่มองมาที่เขา

 

มิคาเอลรู้สึกเหนื่อยเล็กน้อย เขาไม่เคยทำงานที่นั่งโต๊ะแบบนี้มาก่อน ชั่วโมงที่ยาวนานทำให้เขารู้สึกเหนื่อย เขาค่อยๆ ถอดเสื้อผ้าออก จนร่างกายเปลือยเปล่า ก่อนจะเดินเข้าไปในห้องอาบน้ำฝักบัว สายน้ำอุ่นที่ราดรดผ่านร่างกาย ทำให้เขารู้สึกดี และผ่อนคลาย แต่แล้วเขาต้องตกใจที่ถูกโอบกอดเอาไว้จากด้านหลัง

 

“ฝ่าบาท!! พระองค์เข้ามาทำไมครับ ผมกำลังอาบน้ำอยู่” มิคาเอลตกใจ และเริ่มเขินอายที่ร่างกายเปลือยเปล่าของเขาปรากฎแก่สายตาของคนตรงหน้า มิคาเอลจึงหันหลังให้พระองค์

“เราก็อยากอาบน้ำเช่นกัน” ทรงตรัส

“พระองค์รอให้ผมอาบให้เสร็จก่อนก็ได้นี่ครับ” มิคาเอลกล่าว

“ห้องอาบน้ำออกจะใหญ่ เราอาบด้วยคนจะเป็นไรไป” พระองค์เอื้อมไปเปิดฝักบัวเพิ่มอีกสองตัว สายน้ำฝักบัวไหลเพิ่มมาจากด้านบนและด้านข้าง

“ผมอาบเสร็จแล้วครับ ผมออกไปก่อนนะครับ” มิคาเอลพยายามเดินเลี่ยงออกไป แต่องค์เดเมี่ยนก็รั้งเขาเอาไว้

“เจ้าจะอาบเสร็จแล้วได้อย่างไร เราจะอาบให้เจ้าก็แล้วกัน” ทรงตรัสรั้งร่างมิคาเอลเข้ามาใกล้

“อย่าครับ ฝ่าบาท ปล่อยผม ผมอาบเองได้” มิคาเอลพยายามดิ้นออกจากอ้อมกอดของคนตัวใหญ่ แล้วก็รู้สึกถึงความเย็นจากของเหลวที่พาดผ่านไหล่ของเขา องค์เดเมี่ยนบีบสบู่เหลวใส่เขา พร้อมกับกดที่เซนเซอร์ น้ำจากฝักบัวก็ไหลน้อยลง ทำให้น้ำไม่ล้างสบู่ออกจากตัวของมิคาเอล

“ฝ่าบาท อย่าแกล้งสิครับ” มิคาเอลประท้วง

“อยู่เฉยๆ สิ เราจะฟอกสบู่ที่หลังให้” ทรงตรัส และใช้มือใหญ่ถูสบู่ไปทั่วแผ่นหลัง เพียงสัมผัสธรรมดาพระองค์ ก็ทรงช่ำชองมากเกินไปแล้ว พอผิวที่ลื่นไปด้วยสบู่ ถูกมือใหญ่ของพระองค์สัมผัส ความรู้สึกแปลกใหม่ เย้ายวน รัญจวนใจก็เกิดขึ้น โดยที่มิคาเอลมิได้ยินยอมพร้อมใจ

 

มือใหญ่ของพระองค์ลูบไล้ไปทั่วแผ่นหลังก่อนจะไล้ไปที่แขนทั้งสองข้าง ก่อนพระองค์จะโอบกอดจากด้านหลัง และเอื้อมมาฟอกสบู่ที่ด้านหน้าของคนตัวเล็ก มิคาเอลรู้สึกหมดแรงเอาดื้อๆ จนต้องเอนกายพิงร่างกับอกกว้างของพระองค์ ทุกๆ ที่ ที่พระองค์สัมผัส กลับร้อนรุ่ม ไฟปรารถนาค่อยๆ ก่อตัวขึ้นช้าๆ โดยที่มิคาเอลมิอาจขัดขืนได้

 

มือของพระองค์ลูบไล้ไปที่ทับทิมเม็ดงามทั้งสองเม็ด ก่อนจะหมุนวนจนมันแข็งเป็นไต มือเล็กพยายามจะรั้งมือของคนตัวใหญ่ไว้ให้หยุด แต่มันก็ดูจะไร้ซึ่งเรี่ยวแรง ในสมองกลับว่างเปล่า ไม่อาจจะคิดอะไรได้ ทำได้เพียง โอนอ่อนไปกับสัมผัสที่พระองค์มอบให้

 

พระองค์ก้มลงขบเม้มติ่งหูของคนตัวเล็กเบาๆ จนคนตัวเล็กต้องครางออกมาอย่างไม่อาจกลั้น จากนั้นพระองค์ก็ค่อยๆ เลื่อนมือลงต่ำไปสัมผัสกับส่วนอ่อนไหว ที่กำลังตื่นตัวเบื้องล่าง มิคาเอลรวบรวมสติสุดท้ายที่เหลืออยู่ พยายามปัดป้องการสัมผัสจากพระองค์ แต่พระองค์ก็ก้มลงจูบคนตัวเล็กอย่างดูดดื่ม จนคนตัวเล็ก ตกอยู่ในความฝันอีกครั้ง มือใหญ่ของพระองค์ ค่อยๆ สัมผัสร่างที่ตื่นตัวของมิคาเอล ทรงขยับช้าๆ จนคนตัวเล็กครางออกมา ก่อนจะเริ่มขยับเร็วมากขึ้น มิคาเอลร้องครางออกมา และเผลอไปกดเซนเซอร์เข้า น้ำฝักบัวก็ไหลออกมาอีกครั้ง และเพียงไม่นานมิคาเอลก็ปลดปล่อยของเหลวสีขุ่นออกมา

 

คนตัวเล็กยืนหอบหายใจ พยายามรวบรวมสติ และพยายามเข้าใจกับสถานะการณ์ที่เพิ่งเกิดขึ้น น้ำฝักบัวไหลผ่านร่างของเขา และล้างคราบสบู่ออกจนหมด ร่างเล็กหันหน้ามาหาคนตัวใหญ่ที่กำลังก้มหน้าลงมา หมายจะจูบ แต่มิคาเอล ก็ตบหน้าคนตัวใหญ่อย่างแรง และเดินออกไปจากห้องอาบน้ำอย่างหัวเสีย องค์เดเมียนเดินตามออกมา นุ่งเพียงผ้าเช็ดตัวอย่างหมิ่นเหม่ เดินเข้ามาหามิคาเอล

“เจ้าจะไปไหน” ทรงถาม เมื่อเห็นมิคาเอลที่สวมชุดคลุมอาบน้ำกำลังจะเดินออกไปจากห้องบรรทม

“ผมจะกลับห้องของผมที่วิลล่าเล็ก” มิคาเอลตอบ

“เราไม่ให้ไป เจ้าต้องไปงานเลี้ยงกับเรา” ทรงตรัส

“พระองค์ไม่รักษาสัญญา คนฉวยโอกาส” มิคาเอลกล่าวหา

“เราก็แค่สัมผัสเจ้า เจ้าก็รู้สึกดีไม่ใช่เหรอ” ทรงตรัส มิคาเอลหน้าแดง

“ผมไม่ชอบ ผมไม่ต้องการให้พระองค์ทำแบบนี้ ตามข้อตกลงพระองค์จะร่วมรักกับผมแค่อาทิตย์ละครั้ง แต่นี่พระองค์คอยแต่จะเอาเปรียบผม” มิคาเอลกล่าว

“เราบอกว่าอย่างน้อยอาทิตย์ละครั้งต่างหาก และเมื่อกี้เราก็แค่สัมผัสเจ้า เราไม่ได้ร่วมรักกับเจ้าสักหน่อย” ทรงตรัสแย้ง

“ถ้าอย่างนั้นผมก็ไม่ตกลง ผมยกเลิกข้อเสนอของพระองค์” มิคาเอลกล่าว

“เราไม่อนุญาต หากเจ้าผิดสัญญา เราก็จะใช้กำลังบังคับเจ้า และเราจะไม่มีวันยอมให้เจ้าพบน้องชายอีก” ทรงตรัสอย่างไม่ยอม

“พระองค์ใจร้าย คนไม่มีหัวใจ ผมไม่น่าไว้ใจพระองค์เลย ผมน่าจะรู้อยู่แล้วว่าคนอย่างพระองค์ รักใครไม่เป็น คำพูดของพระองค์ก็เชื่อถือไม่ได้” มิคาเอลกล่าวหา น้ำตาค่อยๆ ไหลเมื่อคิดว่าจะไม่ได้พบกับโทนี่อีก องค์เดเมียนก็รู้สึกผิดขึ้นมา แต่ในสายตาของคนตัวเล็ก พระองค์เป็นเพียงคนใจร้ายที่ไม่มีหัวใจ พระองค์ก็รู้สึกเจ็บปวดขึ้นมา แม้พระองค์จะอยากอ่อนโยนกับคนตรงหน้า แต่พระองค์กลับได้ยินเสียงของพระองค์พูดขึ้นมา

“ใช่สิ ในเมื่อเราไม่ใช่ราฟาเอลผู้เป็นที่รักของเจ้า การถูกเราสัมผัสมันคงทรมานมากสินะ” ทรงตรัสออกมาอย่างเย็นชา

“คนอย่างพระองค์ไม่มีอะไรเทียบกับองค์ราฟาเอลได้หรอก การที่ไม่มีใครรัก คนที่โหดร้ายอย่างพระองค์ มันก็ถูกต้องแล้ว” มิคาเอลพูดออกไปโดยไม่คิด และเขาก็รู้สึกผิดขึ้นมาทันที

 

องค์เดเมี่ยนมีสีหน้าที่โกรธกริ้ว หันหลังกลับ และเดินออกไปจากห้อง พร้อมกับกระแทกประตูปิดเสียงดัง และมิคาเอลก็ยังได้ยินเสียงข้าวของตกแตกตามมา

________________________________________

 

องค์เดเมี่ยนนี่ก็นะ ไม่รู้จักพอจริงๆ โดนโกรธซะแล้ว

รออ่านคอมเม้นท์นะ



 

ออฟไลน์ meeoldly

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 161
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +5/-0

ออฟไลน์ KanadiaTBear

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 71
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0
บทที่ 27 เหตุเกิดในงานเลี้ยง

 

มิคาเอลมาในงานเลี้ยงกับองค์เดเมียนด้วยความไม่เต็มใจนัก ตลอดเวลาองค์เดเมียนคอยแต่รั้งร่างของเขาไว้ข้างกายไม่ยอมให้ห่าง โดยที่เขามีหน้าที่ในการบอกรายละเอียดของแขกในงานแต่ละคนให้กับองค์ชาย และมิคาเอลก็ทำได้ดี ไม่มีขาดตกบกพร่อง จนในที่สุดพระองค์ก็ปิดกล้องสแกน และถอดหูฟังออก องค์เดเมี่ยนกำลังหงุดหงิด และมิคาเอลก็รู้ว่าเขาเป็นสาเหตุที่ทำให้พระองค์โกรธ เวลาดำเนินไปอย่างเชื่องช้า และคนข้างๆ ก็ดูจะหงุดหงิดมากขึ้นทุกขณะ

 

“ผมขอโทษครับ ที่ผมพูดไม่ดีกับพระองค์” มิคาเอลกล่าวขอโทษคนตัวใหญ่

“เจ้าไม่จำเป็นต้องขอโทษ ในเมื่อเจ้าพูดความจริง” ทรงตรัสอย่างเย็นชา

“ผมขอโทษครับ ผมพูดโดยไม่คิด” ร่างเล็กกล่าว

“เรารู้ตัวดี ว่าเราเป็นคนที่น่ารังเกียจสำหรับเจ้า หากเจ้ามีทางเลือก เจ้าคงไม่มีทางเลือกที่จะอยู่กับเรา” ทรงตอบเสียงเย็นชา ทรงไม่แม้แต่จะมองหน้าคนตัวเล็ก

“แต่ผมก็ไม่มีทางเลือกไม่ใช่เหรอครับ ผมก็ยังเป็นสนมของพระองค์” มิคาเอลกล่าว

“เราพยายามทำดีกับเจ้ามาตลอด แต่เจ้ากลับเย็นชากับเรา ปฏิเสธเรา ร้องไห้ทุกครั้งที่เราสัมผัสเจ้า ในสายตาของเจ้า เราคงเป็นเพียงสิ่งที่เจ้าไม่ต้องการสินะ” พระองค์ตรัส

“พระองค์ต้องการให้ผมทำอะไร พระองค์จึงจะยกโทษให้ผม” มิคาเอลถาม

“เราน่าจะถามเจ้ามากกว่าว่า จะต้องให้เราทำอย่างไร เจ้าจึงจะยอมรับเรา” ทรงตรัสเย็นชาก่อนจะเดินเข้าไปทักทายแขกที่เป็นหญิงสาวคนหนึ่ง มิคาเอลรู้ว่าเธอเป็นนางแบบชื่อดังที่เคยคบหากับองค์เดเมี่ยนมาก่อน ทั้งสองกอด และจูบกัน ต่อหน้าของมิคาเอล ต่อให้ไม่คิดอะไร มิคาเอลก็รู้สึกหน้าชา กับสิ่งที่องค์เดเมี่ยนกระทำ

 

ทั้งๆ ที่พระองค์บอกรักเขา แต่พระองค์ก็สามารถหันไปร่วมรักกับคนอื่นได้อย่างเสรี โดยที่เขาไม่มีสิทธิจะห้ามใดๆ ชั่วขณะเขาจึงเมินหน้าไปทางอื่น และเดินถอยออกมาจากตรงนั้น เขาก็เป็นได้เพียงแค่ของเล่นชิ้นหนึ่ง เมื่อพระองค์ไม่ต้องการ เขาก็หมดความหมาย แต่แล้วมิคาเอลก็เดินมาพบกับคนที่เขาไม่อยากพบมากที่สุด แม้หัวใจของเขาจะร่ำร้องหาคนๆ นี้มาตลอดก็ตาม

 

 

องค์ราฟาเอลได้ยินข่าวว่าองค์เดเมียนอนุญาตให้มิคาเอลไปทำงานด้วย และยังจะพามิคาเอลไปในงานเลี้ยงคืนนี้ แม้พระองค์จะรู้ว่าพระองค์ไม่มีสิทธิ์ แต่อย่างน้อยพระองค์ก็อยากจะเห็นหน้าของคนๆ นี้อีกสักครั้ง และเมื่อพระองค์มาถึงที่งานเลี้ยง พระองค์ก็มองหาคนตัวเล็กที่พระองค์เอาแต่คิดถึงทุกวี่วัน จนในที่สุดสายตาของพระองค์ก็มาพบกับคนที่พระองค์มองหา ร่างเล็กถูกพระเชษฐาของพระองค์รั้งไว้ข้างกายตลอดเวลา แต่ในขณะที่พระองค์กำลังถอดใจ พระเชษฐาก็ละทิ้งมิคาเอลไปกอดจูบกับนางแบบชื่อดัง ปล่อยให้มิคาเอลยืนอยู่ลำพัง พอมิคาเอลเห็นภาพตรงหน้า เขาก็เดินเลี่ยงออกมาอีกทาง องค์ราฟาเอลที่เห็นทุกอย่าง ก็เดินเข้าไปดักหน้าของมิคาเอลไว้

 

“องค์ราฟาเอล!!!” มิคาเอลอุทานด้วยความตกใจ

“สวัสดี ไมเคิล” องค์ราฟาเอลทัก

“ผม… บอกแล้วไงครับ ว่าผมไม่ใช่ไมเคิลอีกแล้ว” ร่างเล็กตอบอย่างเจ็บปวด หัวใจของเขาเหมือนถูกบีบอย่างแรง

“เจ้าสบายดีเหรอ” ทรงถามอย่างเหินห่าง

“ผมสบายดีครับ องค์เดเมียนดูแลผมอย่างดี” มิคาเอลตอบด้วยเสียงเศร้าๆ รู้สึกอยู่ผิดที่ผิดทาง

 

“เรา คิดถึง เจ้า” ทรงตรัสออกมาเมื่อเห็นคนตรงหน้าทำหน้าเศร้า เมื่อพระองค์เย็นชากับเขา มิคาเอลกลับน้ำตาเอ่อล้นออกมา ก่อนน้ำตาใสๆ จะหยดลง

“ผมก็คิดถึงพระองค์ครับ แต่ผมเป็นขององค์เดเมียน ผมไม่มีสิทธิ์ และผมไม่มีค่าคู่ควรให้พระองค์มาคิดถึงหรอกครับ” มิคาเอลตอบพยายามหันหน้าไปทางอื่น

“เรารู้ว่าเจ้าเป็นของเสด็จพี่ แต่เราก็ยังคิดถึงเจ้าอยู่เสมอ” ทรงตรัส ร่างเล็กน้ำตาคลอ

 

“เต้นรำกับเราสักเพลงได้ไหม” ทรงถาม

“ผม...” มิคาเอลตกใจที่องค์ราฟาเอลถามขึ้นแบบนี้ เขาที่เป็นสนมขององค์ชายเดเมี่ยน การจะให้ชายอื่นแตะต้องย่อมมีความผิด แต่คนตรงหน้ากลับส่งสายตาเว้าวอนมาให้ จนมิคาเอลไม่รู้จะปฏิเสธอย่างไร ในใจร่ำร้องอยากเข้าไปหาอ้อมกอดของคนๆ นี้ แต่ความคิดด้านเหตุผลเป็นฝ่ายที่รั้งเขาเอาไว้

 

“เราจะรับผิดชอบเอง” ทรงตรัสอย่างอ่อนโยน เอื้อมมือมาจับที่มือของมิคาเอลขึ้นมาจูบเบาๆ และจูงมือคนตัวเล็ก ไม่ยอมให้คนตรงหน้าปฏิเสธ

 

องค์ราฟาเอลพามิคาเอลมาที่ลานเต้นรำ ก่อนโอบรอบเอวและเต้นนำมิคาเอลไปกับทบทเพลงที่บรรเลงอยู่ สายตาขององค์ราฟาเอลจับจ้องมาที่มิคาเอลตลอดเวลา ทรงแย้มพระสรวล และพร่ำบอกว่าพระองค์คิดถึงคนตรงหน้ามากเพียงใด มิคาเอลแม้ได้ได้ตอบรับ แต่ก็มิได้ปฏิเสธ ยิ้มตอบรับพระองค์ มิคาเอลหลงลืมความจริงไปชั่วขณะ เขาแทบไม่อยากเชื่อว่า เขาจะมีโอกาสได้มาอยู่ในอ้อมกอดของคนๆ นี้อีกครั้ง แม้ว่ามันเป็นเพียงชั่วคราว แต่เขาก็ยินดี

และแอบภาวนาในใจขอให้ช่วงเวลานี้คงอยู่ให้ยาวนานขึ้นอีกสักนิด แม้เพียงเศษเสี้ยววินาที เขาก็รู้สึกยินดีมากแล้ว

 

องค์ราฟาเอลที่ปกติก็เป็นที่จับตามองอยู่แล้ว ปกติเจ้าชายหนุ่มก็แทบจะไม่เคยสนใจใครเป็นพิเศษ แต่ในวันนี้พระองค์กลับเต้นรำคู่กับเด็กหนุ่มหน้าหวาน ยิ่งไปกว่านั้นองค์ราฟาเอลยังยิ้มแย้มออกมา อย่างกว้างขวาง สายตาของพระองค์เอาแต่จับจ้องไปที่เด็กหนุ่มตรงหน้า ราวกับพระองค์ได้สร้างโลกส่วนตัวขึ้นมาโดยมีเพียงแค่พระองค์กับเด็กหนุ่มคนนั้นก็ไม่ปาน แต่บางอย่างกลับไม่ถูกต้อง เมื่อพิจารณาเด็กหนุ่มที่เต้นรำกับพระองค์ หลายคนก็เริ่มสังเกตเห็นตราสัญลักษณ์ที่ต้นแขนของเสื้อที่เด็กหนุ่มสวมอยู่ อีกทั้งยังสวมสร้อยทองอันมีตราสัญลักษณ์ของเจ้าชายเดเมี่ยนอีกด้วย

เสียงวิพากษ์วิจารณ์ดังไปทั่ว พระสนมคนใหม่ขององค์เดเมี่ยน กลับเต้นรำยั่วยวนอยู่กลับองค์รัชทายาทราฟาเอล

 

องค์เดเมี่ยนที่เย็นชามองหามิคาเอล ไม่เข้าใจว่าคนตัวเล็กหายไปไหน พระองค์มองหาไปรอบห้องก็ไม่พบ จนกระทั่งสายตาของพระองค์มาสะดุดอยู่ที่ฟลอร์เต้นรำ พระองค์ก็เห็นคนตัวเล็กของพระองค์กำลังเต้นรำอยู่กับราฟาเอล

 

รอยยิ้มของคนตัวเล็กที่พระองค์ไม่เคยได้รับ

ในตอนนี้มิคาเอลกลับยิ้มอย่างหวานซึ้งให้กับราฟาเอล

ใบหน้าที่มีความสุขของคนตัวเล็กที่พระองค์ไม่เคยได้เห็น

ในตอนนี้มิคาเอลกลับดูมีความสุขเมื่ออยู่กับชายอื่น

เสียงหัวเราะที่พระองค์ไม่เคยได้ยิน

ในตอนนี้คนตัวเล็กของพระองค์ก็กำลังหัวเราะอยู่กับน้องชายของพระองค์

สายตาที่อ่อนโยน และเต็มไปด้วยความรักที่มิคาเอลมองไปที่ราฟาเอล

พระองค์ก็ไม่เคยได้สัมผัส

 

ตลอดเวลาที่ผ่านมา ทั้งๆ ที่พระองค์พยายามทำดีกับคนๆ นี้ แต่สิ่งที่พระองค์ได้รับกลับมาคือความเจ็บปวด คำกล่าวหาของคนตัวเล็กยังดังก้องว่า พระองค์โหดร้าย ไม่มีหัวใจ หากร่างกายนี้ไร้ซึ่งหัวใจ แล้วทำไมพระองค์จึงได้รู้สึกเจ็บปวดทรมานอย่างนี้ พระองค์รู้สึกเหมือนถูกกระชากหัวใจออกมา และโดนเหยียบย่ำ อย่างไม่ใยดี และความเจ็บปวดที่พระองค์ได้รับก็แปรเปลี่ยนเป็นความโกรธ พระองค์ดูสงบนิ่งลง และสงบนิ่งมากเกินไป สายตาจ้องมองไปที่ทั้งคู่ ก่อนจะเดินเข้าไปหาช้าๆ

 

มิคาเอลจ้องมององค์ราฟาเอล อย่างไม่อยากเชื่อสายตาในใจกลับรู้สึกอบอุ่นขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูก

แต่แล้วจู่ๆ ทุกอย่างก็พังทลายลง เมื่อเขาถูกองค์เดเมี่ยนฉุดกระชากออกมา จากอ้อมกอดขององค์ราฟาเอล จนมิคาเอลล้มลงกับพื้น

“เสด็จพี่ อย่าทำอะไรมิคาเอล ผมเป็นคนขอให้เขาเต้นรำกับผมเอง” องค์ราฟาเอลกล่าว

“เจ้าคิดจะหยามเกียรติเราไปถึงไหนกัน” ทรงตรัสด้วยน้ำเสียงที่เย็นชา

“ถ้าอย่างนั้นพระองค์ก็ปลดปล่อยมิคาเอลเสีย พระองค์เองก็มีสนมตั้งมากมาย และทั้งๆ ที่พระองค์พามิคาเอลมาในงานแต่พระองค์กลับไปกอดจูบกับคนอื่น พระองค์นั่นแหล่ะที่คิดจะหยามเกียรติของมิคาเอลไปถึงไหน” องค์ราฟาเอลตอบโต้อย่างไม่ยอม

“มิคาเอลเป็นของเรา เจ้าไม่มีสิทธิมาแตะต้อง!!! จำเอาไว้” องค์เดเมี่ยนตรัส พร้อมกับต่อยหน้าขององค์ราฟาเอลอย่างจัง จนร่างสูงล้มลง แต่แทนที่องค์ราฟาเอลจะหยุด พระองค์กลับลุกขึ้นช้าๆ ก่อนจะต่อยสวนพระเชษฐา จนกลายเป็นการต่อสู้ของพี่น้องเพื่อแย่งชิงคนตัวเล็ก จนเหล่าองครักษ์หลายคนต่างกรูกันเข้ามาห้ามเจ้าชายของตน

 

องค์รักษ์สามคนพยายามรั้งองค์ราฟาเอลเอาไว้และพยายามรั้งให้ออกห่างจากเดเมียน และพระสนม องครักษ์อีกสามคนรั้งองค์เดเมี่ยนไว้ไม่ให้ตามเข้าไปทำร้ายองค์ราฟาเอลอีก แต่องค์เดเมี่ยนก็ระงับโทสะไว้ได้ในที่สุด

 

“ปล่อย!!!” องค์เดเมี่ยนสั่ง และสะบัดการเกาะกุมขององครักษ์ออก

“เจ้าควรจะรู้จักที่ของเจ้า ราฟาเอล มิคาเอลเป็นของเรา ตัดใจซะ!!!” ทรงตรัสอย่างแข็งกระด้าง

 

มิคาเอลที่เป็นสาเหตุหลักของการทะเลาะของเจ้าชายทั้งสองพระองค์ ได้แต่มองเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นโดยมิอาจทำอะไรได้ เขาย่อมรู้ดีว่า เหตุการณ์ทั้งหมดที่เกิดขึ้นเป็นเพราะเขา  แต่เขาก็ไร้ซึ่งความสามารถที่จะหยุด เจ้าชายทั้งสองพระองค์ เขารู้สึกผิดเหลือเกิน รู้สึกผิดต่อองค์ราฟาเอลผู้ที่เขารัก และรู้สึกผิดต่อองค์เดเมี่ยนที่รักเขา ไม่ว่าจะทำอย่างไร ทุกทางที่เลือกล้วนเจ็บปวด น้ำตาใสๆ ค่อยๆ เอ่อล้น ก่อนจะหยดลง

 

มิคาเอลเจ็บปวดที่เห็นสายตาที่ห่วงใยขององค์ราฟาเอลที่มองมาที่เขา

เจ็บปวดที่รู้ว่าเขาไม่มีทางเป็นของพระองค์

เจ็บปวดที่รู้ว่าองค์เดเมียนจะไม่มีวันปล่อยเขาไป ไม่ว่าเขาจะร้องขอ หรืออ้อนวอนเพียงใด

และเจ็บปวดที่รู้ว่า ทั้งๆ ที่เขารักเจ้าชายพระองค์หนึ่ง แต่เขากลับต้องเป็นของเล่นของเจ้าชายอีกพระองค์

 

องค์เดเมียนหันมาทางมิคาเอล พระองค์เจ็บปวดที่เห็นคนตัวเล็กร้องไห้ และก็รู้ว่าน้ำตานั้นไม่ได้หลั่งออกมาเพื่อพระองค์ แต่หลั่งออกมาเพื่อราฟาเอล

พระองค์รู้ดีว่าคนตัวเล็กมิได้รักพระองค์ คนๆ นี้ได้มอบหัวใจของเขาให้กับน้องชายของพระองค์ไปแล้ว และพระองค์ก็รู้ว่าพระองค์คงไม่มีวันได้รับความรักจากคนๆ นี้ แต่คนที่ไม่มีใครรักอย่างพระองค์ไม่ต้องการความรัก พระองค์ยินดีให้คนตัวเล็กเกลียดพระองค์ ดีกว่าที่พระองค์จะต้องสูญเสียคนๆ นี้ไปทั้งหมด พระองค์เดินเข้ามาใกล้คนตัวเล็ก

พร้อมกับคว้าข้อมือของคนตัวเล็ก ที่ยังเอาแต่ร้องไห้ และกระชากให้ลุกขึ้นเดินตามพระองค์ไป

 

แม้หัวใจจะปวดร้าว แต่อย่างน้อย คนๆ นี้ก็ยังเป็นของพระองค์

___________________________


เฟสบุ๊ค  "Teddy bear แห่ง คานาเดีย" นะคะ

 

แอบคิดว่าจะโดนรีดเดอร์รอดักตบไหม. 555

ความโรคจิตของไรท์เริ่มออกมาอีกแหล่ะ

รักรีดเดอร์นะ วันนี้หยุดเดี๋ยวรีบอัพให้

 

รออ่านคอมเม้นท์

ออฟไลน์ KanadiaTBear

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 71
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0


Drama warning

โปรดอย่าอ่านถ้าใจไม่ถึงพอ

เราเตือนคุณแล้ว!!!

 

บทที่ 28 การลงโทษ

 

มิคาเอลนั่งเงียบตลอดทางกลับมาที่วิลล่า น้ำตาหยุดไหลแล้ว แม้ใบหน้าที่ยังดูเศร้าหมอง แต่พระองค์ก็รู้ว่าคนข้างๆ กำลังโกรธ ร่างเล็กเม้มปาก ไม่ยอมพูดอะไร เมื่อกลับมาถึงวิลล่าพระองค์ก็จับข้อมือของมิคาเอลและดึงรั้งให้เดินตามพระองค์ ด้วยขนาดร่างกายที่แตกต่าง แม้องค์เดเมี่ยนจะเดินธรรมดา แต่มิคาเอลกลับต้องเร่งฝีเท้า เพื่อตามคนตรงหน้าให้ทัน เขาเจ็บที่ข้อมือขวา พระองค์บีบมันแน่น จนเขาเจ็บแม้แขนข้างนี้จะเคยหักเมื่อนานมาแล้ว แต่เพราะเขาไม่ได้รับการรักษาโดยทันที ทำให้แม้ผ่านมานานแล้วเขาก็ยังรู้สึกเจ็บอยู่ในบางครั้ง และในตอนนี้ที่ถูกมือขององค์เดเมียนบีบอย่างแรง ราวกับคีมเหล็ก มิคาเอลก็รู้สึกเจ็บมากขึ้นไปอีก

 

พระองค์เดินนำร่างของมิคาเอลเข้าไปในวิลล่าเล็ก และพามิคาเอลกลับไปที่ห้องของเขา เมื่อเข้ามาถึงในห้องนอน พระองค์ก็ผลักมิคาเอลไปที่เตียง ร่างเล็กล้มลงบนเตียง เขาลุกขึ้นช้าๆ ลูบที่แขน รอยแดงปรากฎเห็นอย่างเด่นชัด แต่เขาก็มิได้พูดอะไรออกมา

 

“เจ้าคิดจะหยามเกียรติเราไปถึงเมื่อไหร่กัน” ทรงถาม และพยายามจะระงับความโกรธ มิคาเอลมิได้ตอบโต้ แต่นั่งนิ่งเงียบเฉย

“เจ้ารู้ฐานะของตัวเองหรือเปล่า หรือเจ้ารู้แต่ก็ยังกระทำ” ทรงตวาดเสียงดัง ร่างเล็กก็ยังนิ่งเฉยไม่ตอบโต้

“ตอบเรามา มิคาเอล!!” ทรงตวาดอีกครั้ง

“ผมไม่มีอะไรจะพูด พระองค์อยากลงโทษผมอย่างไรก็เชิญ” มิคาเอลกล่าว เขารู้ดีว่าเขาทำผิด เขาจึงไม่คิดจะแก้ตัว

 

“ทำไม… เจ้ายอมถูกลงโทษ เพียงเพื่อเจ้าจะได้อยู่ในอ้อมกอดของราฟาเอลอย่างนั้นเหรอ” ทรงถามด้วยน้ำเสียงที่ปวดร้าว

“ผมไม่มีอะไรจะแก้ตัว พระองค์อยากทำอะไรก็ทรงทำเถอะครับ ผมจะไม่อ้อนวอน และไม่ขัดขืน ผมยอมรับในความผิดทุกอย่าง” มิคาเอลตอบ ก้มหน้าลง

 

องค์เดเมียนมองคนตรงหน้าด้วยความทรมาน พระองค์ทั้งรัก และทั้งโกรธคนตรงหน้า พระองค์มีอำนาจมากมาย แต่มันกลับไร้ประโยชน์ ต่อหน้าคนๆ นี้ พระองค์เป็นเพียงชายคนหนึ่งที่ไร้ซึ่งพลังอำนาจ เป็นเพียงชายคนหนึ่ง ที่ต้องการให้คนที่พระองค์รัก หันกลับมามองพระองค์บ้าง พระองค์ยอมแลกทุกอย่างที่พระองค์มี เพียงเพื่อจะให้คนๆ นี้มองมาที่พระองค์แบบที่มองราฟาเอลสักครั้ง หัวใจพระองค์บีบรัดอย่างเจ็บปวด จนพระองค์แทบทนไม่ได้

 

“เจ้าเกลียดเรามากสินะ” ทรงตรัสขึ้น เดินเข้ามาหาคนตรงหน้า

“ผมเป็นสนมของพระองค์ ไม่ว่าอย่างไร ผมก็เป็นของพระองค์” มิคาเอลกล่าวออกมาเหมือนกับเป็นการบอกตัวเองเสียมากกว่า น้ำตาก็ค่อยๆ ไหลออกมา แต่คนตัวเล็กก็ปาดน้ำตาออก และพยายามจะไม่ร้องไห้

“ทำไม เจ้าถึงไม่คิดจะรักเราบ้าง เราทำอะไร เจ้าถึงได้เกลียดเรานัก” ทรงตรัส

“ผมบอกพระองค์ไปแล้วนี่ครับ ว่าผมไม่คิดจะรักพระองค์ พระองค์เป็นเจ้าของผม พระองค์จะทรมานผม ใช้กำลังบังคับ หรือทำอะไรกับผมก็ได้ ผมจะไม่ขัดขืน แต่พระองค์บังคับใจให้ผมรักพระองค์ไม่ได้ สิ่งเดียวที่ผมเป็นเจ้าของ และผมจะไม่มีวันมอบให้พระองค์ คือหัวใจดวงนี้ของผม” มิคาเอลตอบ เงยหน้ามองคนตรงหน้า

“ไม่ว่าเราจะทำอะไร เจ้าก็ยังเกลียดเราอยู่ดี ไม่ว่าเราจะรักเจ้ามากแค่ไหน เจ้าก็ยังไม่คิดจะรักเรา สิ่งเดียวที่เจ้ามอบให้เราคือความเจ็บปวด ไม่ว่าเราจะทำอะไร เจ้าก็ไม่เคยเห็นเราในสายตา แล้วจะมีประโยชน์อะไร ที่เราจะต้องทำดีกับเจ้า” ทรงตรัสอย่างปวดร้าว หัวใจของพระองค์ เหมือนกำลังจะสลาย ก่อนที่จะแปรเปลี่ยนเป็นความโกรธ ความรู้สึกหมดหวังในความรักจากคนตรงหน้า ทำให้พระองค์เสียใจ แต่แม้คนตรงหน้าจะไม่รักพระองค์ พระองค์ก็ไม่คิดจะปล่อยให้คนๆนี้จากไป

ในเมื่อไม่มีประโยชน์ที่จะทำดีด้วย พระองค์ก็ไม่คิดจะทำดีด้วยอีก

 

“ถอดเสื้อผ้าออกซะ” ทรงสั่งเสียงกระด้าง มิคาเอลตกใจที่พระองค์สั่งแบบนี้ เขาจึงนิ่งเฉย แต่พระองค์ ก็เดินเข้าหา และบีบที่ข้อมือของเขาอีกครั้ง บังคับให้เขาลุกขึ้น พระองค์ถอยออกไปนั่งที่เก้าอี้ ก่อนจะออกคำสั่งอีกครั้ง

“ถอดเสื้อผ้าของเจ้าออกซะ” ทรงตรัสก่อนจะจ้องมองมาที่คนตรงหน้าด้วยสายตาที่อ่านไม่ออก

 

มิคาเอลมองคนตรงหน้าก่อนจะค่อยๆ ปลดกระดุมเสื้อออกช้าๆ พยายามไม่สบกับสายตาคมของพระองค์ที่จ้องมองมาที่เขา มิคาเอลถอดเสื้อออก ตามด้วยกางเกงผ้า ในตอนนี้เขาเหลือเพียงอันเดอร์แวร์เข้ารูปสีขาวเท่านั้น แต่องค์เดเมียนก็ดูยังไม่พอใจ

 

“ถอดออกซะ” ทรงตรัสสั่ง มิคาเอลไม่มีทางเลือกจึงถอดมันออก อย่างไม่เต็มใจนัก เขาก้มหน้าลงไม่สบตาคนตรงหน้า เอามือมาปกปิดร่างของเขาเอาไว้

 

องค์เดเมียนปลดกางเกงออก และนั่งลง และเรียกให้มิคาเอลเข้ามาใกล้

“คุกเข่าลง” ทรงสั่งอย่างเย็นชา

“ผม...” มิคาเอลรู้ว่าพระองค์ต้องการอะไร แต่การกระทำของคนตรงหน้าช่างเย็นชานัก พระองค์ต้องการทำให้เขาเจ็บปวด ทั้งๆ ที่เขาเคยคิดว่าพระองค์อ่อนโยน แต่ในตอนนี้คนตรงหน้ากลับไม่ต่างไปจากปิศาจที่โหดร้าย สมกับคำร่ำลือเกี่ยวกับความโหดร้ายของพระองค์ เมื่อใครทำให้พระองค์โกรธ พระองค์ก็พร้อมจะบดขยี้คนๆ นั้น อย่างไร้ซึ่งความเมตตา  มิคาเอลไม่มีทางเลือกเขาจึงคุกเข่าลง

“ในเมื่อเจ้าไม่เห็นค่าของเรา เราคงไม่จำเป็นต้องทำดีกับเจ้า ในเมื่อเจ้าบอกว่าร่างกายของเจ้าเป็นของเรา ดังนั้นเราย่อมสามารถทำอะไรกับเจ้าก็ได้ไม่ใช่เหรอ” ทรงถามอย่างเย็นชา ห่างเหิน มิคาเอลรู้สถานะของตัวเองดี เขาจึงตอบรับ

“ครับ...”

“อ้าปาก” ทรงสั่ง มือใหญ่จับที่ศรีษะของมิคาเอลไว้ รั้งใบหน้าหวานเข้ามาใกล้ และบังคับให้ครอบครองพระองค์ น้ำตาของมิคาเอลไหลริน เขารู้สึกขยะแขยงกับสิ่งที่เขาถูกบังคับให้กระทำ

“เจ้าร้องไห้ทำไม ในเมื่อนี่คือสิ่งที่เจ้าต้องการไม่ใช่หรือ ในเมื่อเจ้าต้องการมอบเพียงร่างกายของเจ้าให้กับเราไม่ใช่หรือ ทำหน้าที่ของเจ้าซะ ครอบครองให้หมด” ทรงสั่งอย่างโหดร้าย กดศรีษะของมิคาเอลเข้าใกล้ จนร่างเล็กสำลัก แม้กระนั้นพระองค์ก็ไม่ยอมหยุด พระองค์ยังคงฝืนบังคับให้มิคาเอลครอบครองพระองค์ต่อไป จนร่างของพระองค์ตื่นตัว

 

"หากเจ้าคิดจะใช้ร่างกายของเจ้าเพื่อแลกกับการเจอกับน้องชายของเจ้าล่ะก็ เจ้าก็ต้องหัดทำให้ดีกว่านี้” ทรงตรัสอย่างเย็นชา พระองค์โยนเจลหล่อลื่นให้ มิคาเอลจึงหยิบขึ้นมา

“หากเจ้าไม่อยากจะเจ็บก็ใช้ซะ” ทรงตรัส มองคนตรงหน้าที่ดูไร้เดียงสา และทำอะไรไม่เป็นสักอย่าง มิคาเอลเปิดฝาออก ก่อนจะใช้มันกับความใหญ่โตของพระองค์

“มานี่สิ”ทรงเรียกให้เขาลุกขึ้น ก่อนพระองค์จะรั้งร่างมิคาเอลให้หันหน้าเข้าหาพระองค์และ นั่งลงบนความใหญ่โตของพระองค์ ร่างเล็กกรีดร้อง เมื่อร่างของพระองค์สอดแทรก ล่วงล้ำเข้ามา จนร่างเล็กต้องกอดพระองค์เอาไว้แน่น ปกติพระองค์จะร่วมรักกับมิคาเอลอย่างอ่อนโยน แต่ในวันนี้พระองค์กลับแตกต่าง โหดร้ายและเย็นชา เป็นการร่วมรักที่เห็นแก่ตัวโดยไม่สนใจความรู้สึกของมิคาเอล ร่างเล็กหยุดนิ่งเจ็บปวด น้ำตาไหลรินออกมา ความเจ็บปวดมากกว่าทุกครั้งเพราะเจ้าชายมิได้ปลุกเร้าเขา พระองค์เอาแต่ใจ เห็นแก่ตัวและโหดร้ายที่สุด แม้มิคาเอลอยากจะถอนตัวออก แต่พระองค์ก็รั้งร่างเขาเอาไว้ ไม่ยอมให้ถอยหนี ยิ่งดิ้น ความเจ็บปวดก็เพิ่มมากยิ่งขึ้น สุดท้ายเขาจึงทำได้เพียงกอดเจ้าชายเอาไว้

 

เมื่อเบื้องล่างเริ่มคุ้นชินพระองค์ก็จับที่เอวของคนตัวเล็กให้ขยับขึ้นลงช้าๆ มิคาเอลร้องออกมาอย่างเจ็บปวด แต่เพียงไม่นานความหฤหรรษ์รัญจวนใจก็ค่อยๆ เข้ามาแทนที่ จากเสียงร้องที่เจ็บปวดก็ค่อยๆ แปรเปลี่ยนเป็นเสียงครางออกมา

 

"ไหนเจ้าบอกว่ารักราฟาเอลเสียนักหนา แต่เจ้าก็ยังครวญครางแบบนี้เวลาที่เราอยู่ในตัวเจ้า ทั้งๆ ที่ทำเป็นหวงตัว แต่เจ้ามันก็ร่านสวาท ไม่ต่างจากโสเภณีสักนิด” องค์เดเมี่ยนได้ยินเสียงของพระองค์ตรัสออกไปแบบนั้น

 

ร่างเล็กตรงหน้าดูเจ็บปวด หากเป็นปกติ พระองค์คงจะจุมพิตปลอบโยน แต่ในเมื่อคนตรงหน้าไม่ต้องการความรักของพระองค์ หัวใจที่ไร้ความหมายของพระองค์ไม่มีค่าอันใดต่อคนตรงหน้า พระองค์ใช้ความแข็งแกร่งทั้งหมดของพระองค์ หยุดยั้งพระองค์ไว้ไม่ให้จูบคนตรงหน้า

 

น้ำตาไหลอาบแก้มของคนตัวเล็ก มิคาเอลเสียใจที่หลงคิดว่าคนตรงหน้ามีอะไรที่คล้ายคลึงกับเขา เสียใจที่เคยคิดว่าอย่างน้อยเขาก็น่าจะเป็นเพื่อนกับคนๆ นี้ได้บ้าง แต่ในตอนนี้มิคาเอลกลับเกลียดคนตรงหน้าเหลือเกิน เขาพยายามจะกั้นเสียงเอาไว้ แต่นั่นก็ยิ่งทำให้องค์เดเมียนไม่พอใจ

 

พระองค์อุ้มมิคาเอลขึ้น ทั้งๆ ที่พระองค์ยังฝังร่างอยู่ภายในตัวเขา มิคาเอลจำต้องโอบกอดองค์เดเมียนเอาไว้เพื่อไม่ให้ตก ทรงขยับร่างเข้าออกช้าๆ และเร่งจังหวะ ก่อนจะเดินไปที่เตียง พระองค์ถอดถอนร่างออก จับมิคาเอลให้คลานเข่า แล้วพระองค์ก็กระแทกร่างของพระองค์กลับเข้าไปในร่างของมิคาเอลอีกครั้ง ร่างเล็กผวากรีดร้องอีกครั้ง มือทั้งสองกำผ้าปูเอาไว้พยายามจะกลั้นเสียงเอาไว้ แต่ยิ่งเขาพยายามเท่าไหร่ องค์เดเมียนก็ยิ่งกระแทกร่างเข้ามารุนแรงมากขึ้นเท่านั้น สุดท้ายมิคาเอลจึงต้องยอมจำนนต่อพระองค์ มิอาจขัดขืน ได้แต่ปล่อยให้พระองค์นำพาไป

 

แต่พระองค์ก็โหดร้ายเหลือเกิน คำพูดถากถาง ดูถูก ลอยเข้าหูคนตัวเล็กอยู่ตลอดเวลา

“ไหนเจ้าบอกว่า เจ้าไม่ชอบการถูกสัมผัสอย่างไร มิคาเอล เจ้าที่ร้องครางแบบนี้ จะต่างจากโสเภณีตรงไหนกัน” ทรงตรัส ก่อนจะพาร่างของมิคาเอลมายืนหน้ากระจก พระองค์หันหน้าของคนตัวเล็กเข้าหากระจก ก่อนจะฝังร่างของพระองค์เข้าไปในร่างเล็กอีกครั้ง

 

"ดูเจ้าในกระจกสิ ใบหน้าของเจ้ามันออกจะร่านขนาดนี้” ทรงตรัส และขยับร่างเข้าออกช้าๆ

“มองดูสิเจ้ากำลังดูดกลืนร่างของเราเข้าไป ไหนเจ้าบอกว่าเกลียดการร่วมรักอย่างไร เจ้ากำลังตอดรัดร่างของเราราวกับคนร่านสวาท ตอบเราสิ ว่าเจ้าชอบให้เรากระแทกใส่รูของเจ้า” ทรงตรัส แต่ร่างเล็กที่มองตัวเองในกระจกเห็นสิ่งที่พระองค์กระทำ บวกกับคำพูดที่โหดร้าย น้ำตาก็ไหลออกมาอย่างไม่อาจจะห้าม เจ็บปวด ทรมานเหลือเกิน

 

พระองค์ไม่ยอมให้เขาปลดปล่อย ทุกครั้งที่เขากำลังจะหลั่งออกมา พระองค์ก็หยุด บางครั้งก็ถอดถอนออกกลางครัน ยิ่งทำให้คนตัวเล็กทรมานมากยิ่งขึ้น พระองค์ให้มิคาเอลยืนเกาะที่ขอบเตียงไว้ และพระองค์ก็กระแทกร่างของพระองค์เข้าจากทางด้านหลัง ก่อนจะเร่งจังหวะขึ้น เมื่อพระองค์กำลังจะปลดปล่อย พระองค์ก็ถอนร่างออก เมื่อพระองค์ถอยออกห่างร่างเล็กก็ทรุดร่างลงนั่งกับพื้น พระองค์ใช้มือสัมผัสร่างของพระองค์ ก่อนจะปลดปล่อยออกมาใส่ใบหน้าหวาน ที่นั่งอยู่กับพื้น

 

"ดูเจ้าสิ บอกกับเราทีว่าสภาพของมันจะต่างจากโสเภณีตรงไหน” ทรงตรัส นั่งลงที่เตียงมองใบหน้าหวานที่ตอนนี้เปรอะเปื้อนไปด้วยคราบคาวของพระองค์ มิคาเอลไม่เคยเลยในชีวิต ที่จะถูกกระทำ และโดนดูถูกมากเพียงนี้

 

“พระองค์พอใจหรือยังครับ” มิคาเอลถามอย่างปวดร้าว แต่พระองค์ก็ใช้เท้าเปล่าของพระองค์สัมผัส กับร่างของมิคาเอลที่ยังตื่นตัวอยู่ การร่วมรักที่ยาวนาน แต่พระองค์ไม่ยอมให้คนตัวเล็กปลดปล่อย แม้แต่ครั้งเดียว ร่างของคนตัวเล็กจึงยังตื่นตัวอยู่

 

“อย่าครับ” มิคาเอลพยายามถอยห่าง

“สัมผัสร่างของเจ้าสิ” ทรงตรัสเสียงเย็นชา

“แสดงโชว์ให้เราดูหน่อยจะเป็นไรไป” ทรงตรัสอย่างโหดร้าย

“ทำตามที่เราบอก!!!” ทรงสั่งเสียงดัง จนมิคาเอล ต้องเอื้อมมือมาสัมผัสกับร่างของเขาและขยับมือช้าๆ เขาพยายามหลับตาลง เพื่อไม่ต้องเห็นคนตรงหน้า

“มองมาที่เรา... เราสั่งให้มองมาที่เรา!!!” ทรงตรัสเสียงดังบังคับให้ร่างเล็กสบตา

 

สายตาคมจับจ้องการกระทำของเขา แม้มิคาเอลจะพยายามแต่เขาก็ไม่อาจปลดปล่อยออกมา แต่องค์เดเมี่ยนกับยิ้มอย่างโหดเหี้ยม

“ดูเหมือนร่างกายของเจ้า จะต้องการมากกว่าการสัมผัสแต่เพียงแก่นกายของเจ้าแล้วสินะ” ทรงตรัสเย็นชา หยิบขวดเจลหล่อลื่นและสอดใส่เข้าไปในร่างของคนตัวเล็ก คนตัวเล็กผวา ร้องออกมา เมื่อสิ่งแปลกปลอมล่วงล้ำเข้ามา พระองค์ขยับขวดเจลเป็นจังหวะ และเร่งจังหวะเร็วขึ้น ก่อนพระองค์จะกดขวดเจลให้จมหายเข้าไป ไม่ช้าร่างเล็กก็ไม่อาจอดกลั้นได้อีก จึงปลดปล่อยออกมา พร้อมกับขวดเจลที่ค่อยๆ เลื่อนหลุดออกไป

 

พระองค์ลุกขึ้น มองดูคนตรงหน้า

“เมื่อเราทำดีกับเจ้าและเจ้าไม่เห็นค่า จากนี้ไปเราจะเลิกทำดีกับเจ้า ในเมื่อเจ้าอยากเป็นของเล่นบนเตียง เราก็จะทำให้เจ้าเป็นของเล่นของเรา” ทรงตรัสเย็นชาก่อนจะเดินออกไปจากห้อง ทิ้งให้มิคาเอลนอนสะอื้นไห้อยู่ที่พื้นในห้องนอนตามลำพัง

_________________________________

บทนีไรท์ว่าเดเมี่ยนโหดมาก ใจร้ายที่สุด แต่ก็คิดว่าเดเมี่ยนก็เหลืออดแล้วล่ะนะก็มิคาเอลไปเล่นหูเล่นตากับราฟาเอลซะขนาดนั้น เดเมี่ยนไม่โกรธก็เกินไป แถมเวลาอยู่กับราฟาเอลก็ดูมีความสุขเกินทั้งๆ ที่เดเมียนก็พยายามทำดีด้วยแล้ว แต่เดเมียนเป็นพวกรักแรงเกลียดแรง เลยออกมาเป็นแบบนี้

ส่วนตัวไรท์สงสารเดเมียนนะ ชีวิตผิดหวังมาตลอด และหมั่นไส้ราฟาเอลที่ไม่ยอมรับความจริงสักทีชอบเข้ามายุ่งทั้งๆ ที่ควรจะเลิกคิดได้แล้ว

 

คาดว่าหลังจากอ่านบทนี้รีดเดอร์เกลียดเดเมียนกันแน่เลย

 ถ้าไม่อยากค้าง สามารถตามไปอ่านในเว็ปธัญได้ค่ะ

รออ่านคอมเม้นท์


ออฟไลน์ นางฟ้าเชียงชุน

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 351
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +7/-1
อ่านๆไป สงสารเดเมี่ยนมากขึ้นแม้ว่าเดเมี่ยนจะชั่ว เลว สารพัดการกระทำที่ไม่ดีต่อมิคาเอล  :z6:เอ้ ยังไง เอาใจช่วยเดเมี่ยนคนปากร้ายอย่างเงียบๆ
ปล แอบหวังว่าราฟาเอลจะเป็นคู่ตุนาหงันกับโทนี่  o13 o13

ออฟไลน์ KanadiaTBear

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 71
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0
บทที่ 29 คำสั่ง

 

องค์เดเมี่ยนสวมเพียงเสื้อคลุมและเดินออกมาจากห้องของมิคาเอล สนมหลายคนอยากเข้าไปหา แต่เมื่อเห็นใบหน้าที่โกรธเกรี้ยวก็ไม่มีใครกล้า พระองค์จึงเดินออกไปจากวิลล่าเล็ก พระองค์รู้สึกผิด และเจ็บปวดที่ทำกับคนตัวเล็กแบบนั้น แต่มิคาเอลก็ไม่ได้มอบทางเลือกให้พระองค์มากนัก ตลอดเวลาที่พระองค์ร่วมรักกับคนตัวเล็ก พระองค์ก็เจ็บปวด หากก่อนหน้านี้คนตัวเล็กยังไม่เกลียดพระองค์ ในตอนนี้ พระองค์ก็คงจะถูกเกลียดขึ้นมาจริงๆ แล้ว

 

ของเหลวสีอำพันถูกยกขึ้นดื่มจนหมดแก้ว พระองค์หวังอยากให้มันช่วยบรรเทาความเจ็บปวดให้กับพระองค์ลงบ้าง หากจะลืมเลือนความเจ็บปวดได้สักนิดก็คงจะดี ยิ่งไปกว่านั้น เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในงานเลี้ยงคงจะได้ลงในหน้าหนังสือพิมพ์อย่างแน่นอน และพระองค์ก็ต้องระงับข่าวนี้เสีย แต่เรื่องก็คงจะไปถึงหูนาธานเนียลอย่างไม่ต้องสงสัย และพระองค์มั่นใจว่าพระองค์จะต้องชดใช้กับการกระทำของพระองค์ด้วย

การทะเลาะกันระหว่างพี่น้องก็เรื่องหนึ่ง แต่การทะเลาะกันระหว่างพี่น้องในที่สาธารณะเป็นสิ่งผิด และพระองค์ก็มั่นใจว่านาธานเนียลต้องไม่พอใจมากๆ แน่

 

พระองค์ดื่มคอนยัคจนหมดขวด แอลกอฮอล์ราคาแพงไม่ช่วยให้อะไรดีขึ้นมา พระองค์ยังคงเจ็บปวด และซ้ำร้ายพระองค์ดื่มจนร่างกายของพระองค์ แทบจะไม่รู้จักคำว่ามึนเมาอีกแล้ว แม้คอนยัคจะหมดไปแต่สติก็ยังคงอยู่

 

ร่างกายของพระองค์จะพาพระองค์กลับไปหาคนตัวเล็กอีกครั้ง ร่างเล็กร้องไห้จนหลับไปกับพื้น ร่างเปลือยเปล่านอนขดอยู่ พระองค์อุ้มร่างเล็กขึ้นไปวางบนเตียงก่อนจะห่มผ้าให้ พระองค์หยิบผ้าชุบน้ำอุ่นเช็ดใบหน้า และเช็ดตัวให้กับคนตัวเล็กที่ยังหลับไม่ได้สติ ก่อนจะสวมชุดนอนให้ แต่คนตัวเล็กก็ละเมอออกมา

 

“ปล่อย!!! อย่า.. ทำ….ผม… ปล่อย” คนตัวเล็กละเมอร้องออกมา แม้ในยามหลับฝัน พระองค์ก็เป็นได้เพียงแค่ฝันร้ายของคนๆ นี้ องค์เดเมียนนั่งลงข้างเตียง มองใบหน้าหวานที่เป็นสีชมพูเรื่อ คนตัวเล็กกำลังมีไข้ เพราะการกระทำของพระองค์ พระองค์ก้มลงจูบหน้าผากของคนตรงหน้าเบาๆ

 

“เราขอโทษ … เรารักเจ้า…” ทรงกระซิบ โดยมิได้หวังให้คนตัวเล็กได้ยิน คนที่โหดร้ายอย่างพระองค์ ไม่สมควรมีใครมารัก และคนอย่างพระองค์ไม่สมควรจะรักใคร เพราะพระองค์ก็คอยแต่จะทำให้คนที่พระองค์รักต้องเจ็บปวด แต่กระนั้นพระองค์ก็ทรงรักคนๆ นี้มากเหลือเกิน

 

ร่างเล็กค่อยๆ ลืมตาตื่นขึ้น แต่เมื่อเห็นองค์เดเมียนมิคาเอลก็ตกใจ และพยายามถอยหนี หัวใจของพระองค์บีบรัดกับภาพที่เห็น

“เรากำลังจะไปแล้ว… นอนพักผ่อนซะ” ทรงตรัส ก่อนจะลุกขึ้นและเดินจากไป ปล่อยให้มิคาเอลอยู่ตามลำพัง

 

 

ในตอนเช้าพระองค์เดินทางไปเข้าเฝ้าองค์นาธานเนียล เมื่อไปถึงพระองค์ก็พบว่าราฟาเอลได้มาเข้าเฝ้าอยู่ก่อนหน้าแล้ว และนาธานเนียลก็ดูโกรธมาก

 

“พี่คงไม่ต้องพูดอะไรแล้วล่ะมั้ง ราฟาเอลคงบอกเจ้าหมดแล้ว” องค์เดเมียนพูดประชด

“ผมเป็นคนเรียกราฟาเอลมาเอง เขาไม่ได้มาฟ้องผม ถึงผมจะไม่ได้ไปงานแต่ข่าวที่เกิดขึ้นในงานก็ถูกพูดถึงอย่างกว้างขวาง” องค์นาธานเนียลกล่าว

องค์เดเมี่ยนจึงไม่พูดอะไรอีก

“ผมเข้าใจว่าทั้งสองพระองค์พึงพอใจในตัวของเด็กคนนั้น แต่การที่ทั้งสองพระองค์ทะเลาะกันในครั้งนี้มันกระทบหลายด้าน งานเลี้ยงที่จัดขึ้นเพื่อเสริมความมั่นใจให้กับนักลงทุน แต่ทั้งสองพระองค์กลับทำตัวไม่น่าเชื่อถือแบบนี้มันใช้ได้ที่ไหนกัน” องค์นาธานเนียลตำหนิ

“พี่ผิดเอง ที่อารมณ์ร้อนเกินไป”องค์เดเมี่ยนยอมรับ

“พระองค์ผิดที่ไม่ควบคุมอารมณ์ แต่ราฟาเอลเจ้าไม่ได้มีหน้าที่จะไปอยู่ในงาน ตอบพี่มาว่าทำไมเจ้าจึงไปอยู่ที่นั่น” องค์นาธานเนียลหันมาถามองค์ราฟาเอลที่นิ่งเงียบอยู่

 

“ผมอยากพบกับมิคาเอลครับ” ราฟาเอลตอบ และคำตอบก็ทำให้องค์เดเมี่ยนกัดฟันกรอด

“มีตรงไหนของคำว่าพระสนมของเราที่สมองช้าๆ ของเจ้าไม่เข้าใจราฟาเอล เจ้าตั้งใจจะยั่วโมโหเราอยู่แล้วใช่มั้ย” องค์เดเมียนหันมาตะโกนใส่หน้าองค์ราฟาเอล

“คนอย่างพระองค์น่ะไม่คู่ควรกับมิคาเอลหรอก พระองค์ดีแต่จะทำให้มิคาเอลต้องเจ็บปวด” องค์ราฟาเอลเถียงกลับอย่างไม่ยอม

“เจ้าคิดว่าเจ้าเป็นใคร ถึงมาพูดกับเราแบบนี้ เจ้าก็ไม่ได้ต่างไปจากเรานักหรอก คนอย่างเจ้าที่เปลี่ยนคู่นอนไม่ซ้ำหน้า แล้วมาทำเป็นว่า ไม่คิดจะรับสนม แล้วเจ้าจะเอามิคาเอลไปทำอะไร มิคาเอลเป็นของเรา เราร่วมรักกับมิคาเอลทุกวัน จำใส่กระโหลกหนาๆ ของเจ้าไว้ซะ” องค์เดเมียนกล่าวเสียงดังขึ้นเรื่อยๆ

 

องค์ราฟาเอลทำท่าจะเถียงตอบแต่ก็ต้องกลืนคำพูดลงคอเมื่อองค์นาธานเนียลโยนดาบสองเล่มลงบนพื้นต่อหน้าเจ้าชายทั้งสอง เฉียดทั้งสองพระองค์ไปนิดเดียว

 

“ถ้าอยากอยากจะฆ่ากันนักก็หยิบดาบขึ้นมา” องค์นาธานเนียลกล่าวด้วยเสียงเย็นชา เฉียบขาด ทั้งสองพระองค์จึงหยุดแบบไม่ต้องคิดเพราะรู้จักองค์นาธานเนียลดีว่าพระองค์กำลังโกรธ

“ถ้าไม่คิดจะหยิบดาบขึ้นมา ก็อย่าให้ผมรู้ว่าทั้งสองพระองค์ทะเลาะกันเพราะเด็กมิคาเอลอีก เพราะหากมีเหตุการณ์แบบนี้เกิดขึ้นอีกแม้แต่ครั้งเดียว ผมจะเป็นคนประหารมิคาเอลด้วยมือของผมเอง” องค์นาธานเนียลตรัสอย่างเย็นชา แต่ก็พอที่จะทำให้เจ้าชายทั้งสองพระองค์แอบกังวลอยู่ไม่น้อย

 

“ราฟาเอล พี่ขอสั่งห้ามเจ้าเด็ดขาด ห้ามเจ้าเข้าใกล้มิคาเอลอีก หากเจ้าฝ่าฝืน เจ้าจะต้องถูกลงโทษ” ทรงตรัสเด็ดขาด

“เสด็จพี่ ผม…” องค์ราฟาเอลพยายามจะประท้วง แต่ก็ต้องเงียบลงเมื่อถูกองค์นาธานเนียลใช้สายตาตำหนิมองมา

 

“ส่วนพระองค์ ผมต้องการให้พระองค์แก้ไขสิ่งที่พระองค์ทำพลาดไปเมื่อคืน คานาเดียต้องการนักลงทุน ผมไม่สนวิธี แต่พระองค์จะต้องทำให้แขกที่มาร่วมงานเลี้ยงเมื่อคืน อย่างน้อย 50% ลงทุนกับคานาเดียให้ได้ หากทำไม่ได้ผมจะลงโทษสนมของพระองค์แทน” องค์นาธานเนียลสั่ง องค์เดเมี่ยนตกใจเพราะแขกส่วนใหญ่ที่มาในงานก็มาเป็นคู่ มีเพียงส่วนน้อยเท่านั้นที่มาลำพัง 50%ไม่เท่ากับว่าพระองค์ต้องจับมือทุกคนในงาน มาเซ็นสัญญาอย่างนั้นเหรอ

 

“ผมหมดเรื่องแล้ว เชิญเสด็จทั้งสองพระองค์” องค์นาธานเนียลกล่าวไล่ เบื่อหน่ายกับทั้งสองคน

 

องค์เดเมี่ยนกำลังจะเข้าไปทรงงาน แต่โทรศัพท์ก็ดังขึ้น และยิ่งแปลกใจที่เป็นเบอร์ที่วิลล่าโทรเข้ามา พระองค์จึงรับสาย

“ว่ายังไง”

“ฝ่าบาท!!! พระสนม... พระสนมมิคาเอลหายไปเพคะ” แดเรียลกล่าวมาตามสาย เสี้ยววินาทีใจของพระองค์กระตุกวูบ คนตัวเล็กกำลังจะหนีพระองค์ไป

 

องค์เดเมียนรีบกลับออกไปที่รถ และขับออกไปที่สนามบินโดยไม่ต้องคิดมาก พระองค์นึกเสียใจในสิ่งที่พระองค์กระทำ แอบภาวนา ขอให้พระองค์พบคนตัวเล็กด้วย

 

พระองค์เดินทางมาที่ด่านตรวจคนออกจากประเทศ พระองค์มั่นใจว่ามิคาเอลยังไม่ได้ไปไหน เพราะมิคาเอลไม่มีพาสปอร์ต แต่เพื่อความไม่ประมาท พระองค์ จึงสั่งการออกไปให้คนค้นหา หากเจอตัวก็ให้จับกุมตัวของมิคาเอลไว้ และสั่งให้ทหารวังหลายนายประจำการตามจุดต่างๆ ในสนามบิน

 

พระองค์เดินทางกลับมาที่วัง และสั่งให้หน่วยรักษาความปลอดภัยตรวจดูกล้องวงจรปิดทุกจุดทั่ววัง ตั้งเวลาเที่ยงคืนเป็นต้นไป หลังจากใช้เวลาหลายชั่วโมงในที่สุดพระองค์ก็ได้ข้อมูลมากพอ จากกล้องวงจรปิดหลายตัว มิคาเอลหลบหนีออกจากวิลล่าเล็กในเวลาประมาณ ตี4 เขาใช้การสะเดาะกุญแจและออกไปจากวิลล่าได้อย่างง่ายดาย แต่แทนที่จะหนีออกไปอย่างที่เคย มิคาเอลกลับยืนรออย่างใจจดจ่อ ไม่นาน พระองค์เห็นรถขยะขับผ่านมา ร่างเล็กแอบอยู่ บวกกับความมืด คนขับจึงมองไม่เห็น และมิคาเอลก็แอบขึ้นรถขนขยะออกไป

 

แม้จะโกรธแต่พระองค์ก็แอบทึ่งกับคนๆ นี้ไม่ได้ พระองค์รู้สึกเหมือนโดนลูบคมอีกครั้ง คนๆ นี้เหมือนจะท้าทายระบบรักษาความปลอดภัยในวัง และดูเหมือนเขาจะทำได้ง่ายๆ เสียด้วย จนพระองค์อยากจะให้คนตัวเล็กมาเป็นคนทดสอบระบบรักษาความปลอดภัยเสียจริงๆ

 

พระองค์สัญญากับตัวเองว่า หากพามิคาเอลกลับมาได้พระองค์จะดูแลคนๆ นี้ให้ดีกว่าเดิม ก่อนที่พระองค์จะขึ้นรถและขับไปที่จุดทิ้งขยะ

 

คานาเดียจัดเป็นประเทศที่มีอัตราการก่ออาญกรรมที่ต่ำมาก สาเหตุหนึ่งมาจากคานาเดียเป็นประเทศที่ร่ำรวย แต่เหตุผลหลักที่ไม่ค่อยมีใครคิดที่จะทำผิดเพราะทุกๆ สถานที่ในคานาเดียมีกล้องวงจรติดอยู่เต็มไปหมด โอกาสที่จะทำความผิดและไม่ถูกจับได้นั้นถือว่าน้อยมาก ดังนั้นจึงเหมือนกับได้ไม่คุ้มเสีย ทำให้คนส่วนใหญ่ไม่กล้าทำผิด และอีกครั้งที่องค์เดเมียนสั่งตรวจสอบ กล้องวงจรปิดโดยรอบแลนด์ฟิลด์แห่งนี้ อีกครั้งที่มิคาเอล ทำให้พระองค์ทึ่ง

 

คนตัวเล็กเดินออกไปที่ถนนใหญ่ และโบกรถ โดยเลือกรถบรรทุกขนาดใหญ่แทนที่จะเป็นรถส่วนตัว เพราะรถเหล่านี้ ส่วนใหญ่จะขับออกนอกประเทศด้วย คนตัวเล็กของพระองค์ฉลาดเกินไป หลังจากยืนโบกรถอยู่นานหลายชั่วโมง ในที่สุดก็มีรถบรรทุกจอดรับมิคาเอลขึ้นไป รถบรรทุกคันนี้เป็นรถขนส่งอาหารกระป๋องชนิดหนึ่ง ซึ่งจะขับข้ามชายแดนในหลายประเทศ และทันทีที่ได้ทะเบียนของรถ พระองค์ก็สั่งให้ติดต่อไปยังบริษัทแม่เพื่อขอพิกัดของรถบรรทุกคันดังกล่าว การได้พิกัดของรถจะไม่มีความหมายเลยหากรถบรรทุกได้ออกนอกประเทศไปแล้ว เพราะคนตัวเล็กเพียงต้องการออกไปนอกประเทศเท่านั้น หลังจากนั้น เขาสามารถติดต่อสถานฑูต เพื่อขอหนังสือเดินทางใหม่ได้ และแม้พระองค์จะมีอำนาจมากมาย แต่การก้าวก่ายในประเทศเพื่อนบ้าน ก็ยังทำได้จำกัด พระองค์เฝ้าภาวนา ขอให้ทัน

______________________________

นายเอกลุยสุดๆ ฤทธิ์เยอะจริงๆ

ออฟไลน์ KanadiaTBear

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 71
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0

 

 

บทที่ 30 Stay with me

 

ไมเคิลขดตัวอยู่ในตู้คอนเทนเนอร์หลังรถบรรทุกมากว่า 8 ชั่วโมงแล้ว คนขับรถใจดีเพียงพอจะให้เขาอาศัยไปด้วย และจะบอกเขาทันทีที่ข้ามพรมแดนออกนอกประเทศคานาเดีย แต่ตอนนี้ดูเหมือนเขากำลังถูกไข้รุมเร้า เขารู้สึกหนาวสั่นอย่างไม่อาจควบคุม เขารู้ว่าเขากำลังมีไข้ขึ้นสูง ปวดศรีษะมากเหลือเกิน และยังไอไม่หยุด ทุกอย่างรอบตัวดูพล่ามัวและเขาคิดว่าเขากำลังจะหมดสติในไม่ช้า เขารู้สึกว่าอาการของเขาคงไม่ใช่แค่หวัดธรรมดา 

 

คานาเดียในตอนนี้เริ่มอุ่นขึ้นมากแล้วแต่อากาศในตอนเช้าก็ยังหนาวเย็น แม้ไมเคิลจะพยายามจะแต่งตัวให้อบอุ่นแล้ว แต่เนื่องจากเขาที่มีไข้อยู่ก่อนหน้า ในตอนนี้เขายิ่งอาการหนักเพิ่มมากขึ้นไปอีก แต่จากที่คำนวญแล้วเขาคิดว่าอีกไม่นาน เขาก็น่าจะข้ามพรมแดนได้สำเร็จ จากนั้นเขาก็สามารถหาทางกลับอเมริกาได้ง่ายขึ้น แม้องค์เดเมี่ยนจะเป็นเจ้าชาย แต่เขาก็ไม่คิดว่าพระองค์จะสามารถทำอะไรได้มากนัก เมื่อไมเคิลออกมาจากคานาเดียแล้ว

 

แต่ในระหว่างที่ไมเคิลกำลังต่อสู้กับพิษไข้ และพยายามฝืนมีสติ รถบรรทุกก็หยุดลง ไมเคิลพยายามฝืนลุกขึ้น และมองออกไปภายนอก แต่ประตูของตู้คอนเทนเนอร์ก็ค่อยๆ เปิดออก ไมเคิลดีใจและคิดว่าเขาได้ข้ามพ้นชายแดนแล้ว แต่ความหวังก็ดับวูบลง เมื่อเห็นหน้าคนที่กำลังเปิดประตู

 

หลังจากที่ติดต่อไปยังบริษัทแม่ของรถบรรทุกที่จอดรับมิคาเอล แม้จะเสียเวลาไปไม่ใช่น้อยเนื่องจากบริษัทนั้นไม่ได้ตั้งอยู่ในคานาเดีย รถบรรทุกเพียงขับเข้ามาในคานาเดียเพื่อส่งของ จากนั้นจึงเดินทางไปยังประเทศเพื่อนบ้านต่อไป แต่ในที่สุดองค์เดเมี่ยนก็ได้พิกัดของรถบรรทุกคันดังกล่าว โดยปกติแล้วในรถจะมีวิทยุสื่อสารติดตั้งอยู่ ใช้สำหรับสื่อสารกับทางบริษัทแม่ แต่ไม่ว่าจะพยายามติดต่อไปเท่าไหร่ก็ไม่มีสัญญาณตอบรับ อันเนื่องมาจากพิกัดของรถบรรทุกคันดังกล่าวอยู่ในหุบเขาทำให้ไม่มีสัญญาณตอบรับ และพิกัดล่าสุดก็อยู่ห่างจากชายแดนไปไม่มากนัก

 

องค์เดเมี่ยนทรงร้อนพระทัย ตัดสินใจสั่งให้เอาเฮลิคอปเตอร์ออก และมุ่งหน้าไปที่เป้าหมายทันทีแม้กระนั้นการเดินทางก็ยังเป็นไปอย่างเชื่องช้าไม่ทันใจ พระองค์มองที่หน้าจอ เพื่อตรวจดูตำแหน่งของรถบรรทุกคันดังกล่าวเป็นระยะ และก็นับว่ายังโชคดีของพระองค์ที่การจราจรที่จะข้ามชายแดนค่อนข้างติดขัดพอสมควร

 

การจราจรที่ติดขัดอยู่แล้วยิ่งกลายเป็นอัมพาตเมื่อองค์เดเมี่ยนสั่ง ให้เอา            ลงจอดบนถนน ทำให้เจ้าหน้าที่ตำรวจต้องเข้ามาปิดการจราจรแทบไม่ทัน แม้ทุกอย่างจะดูวุ่นวาย แต่องค์เดเมียนกลับไม่สนใจสิ่งใด สายตาของพระองค์กลับจดจ้องอยู่ที่รถบรรทุกคันสีแดง ที่มีพระสนมของพระองค์อยู่ภายในเท่านั้น ทันทีที่เฮลิคอปเตอร์แตะพื้น แม้จะยังไม่ทันจอดสนิทดี พระองค์ก็เปิดประตูออก และก้าวเดินออกไปโดยไม่ฟังเสียงของเหล่าองครักษ์ จนเหล่าองครักษ์ต้องรีบตามพระองค์ไป พระองค์เดินตรงมาที่รถบรรทุกคันดังกล่าว

 

องครักษ์ของพระองค์สั่งให้คนขับรถบรรทุกออกมาจากรถ และคนขับก็รู้จักใบหน้าขององค์เดเมียนดี เมื่อออกมาจากรถ เข่าก็ทรุดลงไปกองกับพื้นโดยไม่อาจต้านทาน

 

“ฝ่าบาท กระหม่อมผิดไปแล้ว ทรงเมตตาด้วย” คนขับรีบอ้อนวอน เขาไม่รู้ว่าทำอะไรผิด แต่การที่ถูกทั้งตำรวจ และองครักษ์ รวมทั้งตัวเจ้าชายเดเมียนล้อมรถของเขาไว้แบบนี้ย่อม ไม่ใช่เรื่องเล็กๆ อย่างแน่นอน

“หุบปากของเจ้าซะ ไปเปิดประตูเดี๋ยวนี้” ทรงสั่งเฉียบขาด แต่แม้คนขับอยากจะไปใจจะขาด แต่เขาก็ดูจะไร้เรี่ยวแรงไปชั่วขณะ ไม่ทันใจองค์เดเมียน

“ชักช้า เอากุญแจมา” ทรงสั่งอีกครั้ง คนขับรีบส่งกุญแจให้มือไม้สั่น พระองค์จึงรับมา ก่อนที่พระองค์จะเป็นคนเดินไปเปิดตู้คอนเทนเนอร์ด้วยพระองค์เอง

 

แต่ทันทีที่ประตูถูกเปิดออก อาหารกระป๋องจำนวนมากก็พาพากันกลิ้งลงมาจากรถบรรทุกจนทำให้ องครักษ์ต้องเข้ามากันให้องค์เดเมี่ยนถอยออกไป ในขณะที่ทุกคนกำลังตกใจ องครักษ์กำลังกังวลกับความปลอดภัยขององค์ชาย และบดบังวิสัยทัศน์ของพระองค์ มิคาเอลก็ได้โอกาส กระโดดลงจากรถบรรทุกและวิ่งหนีอย่างสุดฝีเท้า องค์เดเมียนเห็นคนตัวเล็กกระโดด และพยายามวิ่งหนี จึงผลักองครักษ์ออกให้พ้นทาง ก่อนจะวิ่งตามคนตัวเล็กไป

 

มิคาเอลในตอนนี้ ไม่คิดอะไรอีกแล้ว นอกจากจะพยายามจะวิ่งข้ามไปอีกฝั่งของชายแดนเท่านั้น แต่อาการป่วยของเขา ก็ทำให้เขาวิ่งได้ช้ากว่าปกติ บวกกับคนที่วิ่งตามมาก็สูงถึง 197 ซม ขายาวๆ ของพระองค์ก็ก้าวตามเขาเข้ามาใกล้ขึ้นทุกขณะ ก่อนที่เขาจะรู้ตัว เขาก็พบว่าตัวเองเสียหลัก และกำลังจะล้มลง ในขณะที่เขาหลับตา เกร็งตัว กัดฟันรอรับความเจ็บปวด แต่เขากลับไม่รู้สึกเจ็บเลยแม้แต่น้อย และเมื่อเขาลืมตาขึ้น เขาก็พบว่า เขานอนอยู่บนร่างขององค์เดเมียน พระองค์กอดเขาเอาไว้และพลิกตัวของพระองค์ กระแทกพื้นแทนเขา

 

“เราจับตัวเจ้าได้แล้ว มิคาเอล” ทรงตรัสอย่างอ่อนโยน และยิ้มให้

 

“ฝ่าบาท...” เสียงของมิคาเอลเบาหวิว และมีสีหน้าตกใจ เมื่อเห็นหน้าของพระองค์ แต่บางอย่างไม่ถูกต้อง ร่างเล็กหน้าไร้สีเลือด ก่อนจะหมดสติอยู่ในอ้อมกอดของพระองค์

 

มิคาเอลได้สติอีกครั้งและพบว่าเขาอยู่ในเฮลิคอปเตอร์ โดยมีองค์เดเมียนนั่งอยู่ข้างๆ สายตาที่พระองค์มองมาเต็มไปด้วยความห่วงใย พระองค์หยิบหูฟังมาสวมให้ ก่อนจะทรงถาม

“เจ้าเป็นอย่างไรบ้าง” เสียงของพระองค์อ่อนโยน และห่วงใยคนตรงหน้าเหลือเกิน

“ผมหนาวครับ” มิคาเอลกล่าว เขาหนาวสั่นแม้จะมีผ้าห่มคลุมอยู่ก็ตาม องค์เดเมียนปลดเข็มขัดนิรภัยออก ทรงถอดเสื้อโค้ทของพระองค์ออกและใช้มันคลุมร่างของคนตัวเล็ก ก่อนจะรั้งร่างของคนตัวเล็กมานั่งตัก และกอดเอาไว้

“เรากำลังพาเจ้าไปโรงพยาบาล อดทนอีกนิดนะคนดี เข้มแข็งไว้” น้ำเสียงของพระองค์อ่อนโยนจน มิคาเอลรู้สึกผิด ความอบอุ่นของคนตัวใหญ่ค่อยๆ ทำให้เขารู้สึกอบอุ่นขึ้น ก่อนที่มิคาเอลจะหมดสติไปอีกครั้ง

 

องค์เดเมียนเดินไปเดินมาหน้าห้องฉุกเฉิน ซึ่งมิคาเอลถูกพาเข้าไป กว่าครึ่งชั่วโมงแล้วแต่หมอก็ยังไม่ออกมา พระองค์เกลียดโรงพยาบาล เกลียดกลิ่นของโรงพยาบาลและที่สำคัญ ทรงเกลียดบรรยากาศของโรงพยาบาล

 

เมื่อนานมาแล้ว พระองค์ก็เคยมายืนอยู่ที่หน้าห้องแห่งนี้มาก่อน และนั่นยิ่งทำให้พระองค์รู้สึกกังวล พระองค์เฝ้าภาวนาในใจขอให้คนตัวเล็กปลอดภัย ขออย่าให้คนตัวเล็กต้องเป็นอะไรไปเลย

 

มิคาเอลไข้ขึ้นสูงถึง 43 องศาและมีอาการช็อคจนหมดสติ และยังหนาวสั่น พระองค์เป็นห่วงคนตัวเล็กยิ่งนัก ยิ่งเวลาผ่านไป ความกลัวก็ค่อยๆ เกาะกินหัวใจของพระองค์มากขึ้น หากคนตัวเล็กเป็นอะไรไป พระองค์จะไม่มีวันให้อภัยตัวเองเลย

 

หลังจากรออยู่นาน ในที่สุดหมอพอลก็เดินออกมา องค์เดเมียนรีบเดินเข้าไปหาด้วยสีหน้ากังวล และห่วงใยคนป่วยอย่างเห็นได้ชัด จนหมอพอลแปลกใจ

“มิคาเอลเป็นอย่างไรบ้าง เขาปลอดภัยหรือเปล่า หมอพอล” ทรงถามอย่างเป็นห่วง

“ใจเย็นก่อนฝ่าบาท พระสนม มีอาการของปอดอักเสบ เบื้องต้นมีไข้ขึ้นสูง และไอ ที่สำคัญมีอาการขาดน้ำอย่างรุนแรง หากมาช้ากว่านี้อาจจะมีอันตรายถึงชีวิตได้ แต่ตอนนี้ พระสนมพ้นขีดอันตรายแล้ว แต่คงต้องพักผ่อนอีกพักใหญ่” หมอพอลกล่าว องค์เดเมี่ยนดูโล่งอก และทรงกระทำในสิ่งที่หมอพอลไม่เคยเห็นทรงกระทำมาก่อน

“ขอบใจ ขอบใจมาก หมอพอล” ทรงตรัส

“หากพระองค์ต้องการเข้าเยี่ยมกระหม่อมแนะนำให้พระองค์เปลี่ยนชุด เพราะพระสนมยังอ่อนแอ และเสี่ยงต่อการติดเชื้อ” หมอพอลกล่าว

“นำทางไปสิ” ทรงตรัส หมอพอลยอมรับว่าไม่เคยเห็นองค์เดเมี่ยนเป็นแบบนี้มาก่อน ตลอดเวลาที่ผ่านมาเจ้าชายหนุ่มเป็นคนที่เอาแต่ใจและไม่เคยไว้หน้าใคร ไม่เคยห่วงใยใคร และไม่เคยรักใครมาก่อน อย่างน้อยก็นานมากแล้ว และไม่น่าเชื่อว่าเด็กหนุ่มคนนั้นจะเปลี่ยนแปลงพระองค์ได้มากขนาดนี้

 

องค์เดเมี่ยนรับฟังที่หมอพอลกล่าวทุกอย่างและทรงเข้าไปในห้องพักฟื้นของมิคาเอล ทรงนั่งลงเคียงข้าง และกุมมือของมิคาเอลเอาไว้ ตลอดเวลา พระองค์เอาแต่โทษตัวเองที่ทำให้มิคาเอลตกอยู่ในสภาพนี้ หากพระองค์ไม่ใจร้อนฝืนบังคับให้คนตัวเล็กร่วมรักอย่างโหดร้าย คนตัวเล็กก็คงไม่หนีไป และคงไม่ป่วยหนักแบบนี้

 

พระองค์แทบไม่ได้หลับเลย ตลอดทั้งคืนพระองค์คอยแต่จ้องมองคนตรงหน้าอย่างเป็นห่วง จนกระทั่งในตอนเช้าที่พระองค์เคลิ้มหลับไป มิคาเอลค่อยๆลืมตาตื่นขึ้นช้าๆ เขาตกใจเล็กน้อยที่เห็นองค์เดเมียนหลับอยู่ข้างๆ แม้ยามหลับพระองค์ก็ยังกุมมือของเขาอยู่ไม่ยอมปล่อย

มิคาเอลขยับตัวเพียงเล็กน้อยก็ปลุกองค์เดเมี่ยนให้ตื่นขึ้น

“เจ้ารู้สึกตัวแล้ว” ทรงตรัสอย่างยินดี รั้งมือของคนตัวเล็กมาจูบเบาๆ

“ฝ่าบาท” มิคาเอลเอ่ย เขาไม่แน่ใจว่าเขาควรทำตัวอย่างไร แต่ก่อนที่มิคาเอลจะได้กล่าวอะไร

“เราขอโทษ” องค์เดเมี่ยนตรัส “เราผิดเองที่ใช้กำลังบังคับเจ้าแบบนั้น” องค์เดเมี่ยนกล่าวออกมาอย่างสำนึกผิด มิคาเอลทำหน้าเศร้าลงเล็กน้อย เมื่อคิดถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น

“ไม่โกรธผมเหรอครับที่ผม... หนี” มิคาเอลถามอย่างไม่แน่ใจ

“ต่อให้เจ้าหนีเราไปไหน เราก็จะตามเจ้ากลับมา” ทรงตรัสกุมมือของมิคาเอลไว้

“ผม.. อยาก...กลับไปหาน้องชาย” มิคาเอลกล่าวน้ำตาคลอ

“โทนี่สบายดี เจ้าไม่ต้องเป็นห่วง” ทรงตรัส และวางรูป ที่ถูกถ่ายและบันทึกวันและเวลาเอาไว้ มิคาเอลหยิบรูปขึ้นมาดู ด้วยความตกใจ

“พระองค์ทำอะไร” ไมเคิลถามอย่างตื่นตระหนก เมื่อเห็นรูปของน้องชายหน้าคอนโดและหน้าที่ทำงาน และอีกหลายสถานที่ ที่โทนี่ไป

“เราก็แค่ให้คนจับตาดูน้องชายของเจ้า เราบอกกับเจ้าแล้วนี่ว่าเราต้องแน่ใจว่าเจ้าไม่มีภัยต่อราชวงศ์” ทรงตรัส แต่มิคาเอลกลับรู้สึกสิ้นหวัง พระองค์มีหูตาไปทั่ว ถึงขนาดส่งคนไปตามสืบข้อมูลของเขา และของโทนี่ที่อเมริกา

 

ที่ๆ คนตัวเล็กต้องการไปคือ ที่ๆ โทนี่อยู่ แต่การที่พระองค์เอารูปของโทนี่มาให้ดูแบบนี้ ก็เท่ากับบอกกับเขาว่า ไม่มีประโยชน์ที่จะหนี เพราะตราบที่พระองค์รู้ว่าโทนี่อยู่ที่ไหน พระองค์ย่อมตามหาเขาเจออย่างไม่ต้องสงสัย

“ผมเข้าใจแล้วครับ หากพระองค์สัญญาว่าโทนี่จะปลอดภัย ผมสัญญาว่าจะไม่หนีอีก” มิคาเอลกล่าว

“เรารู้ว่าเจ้าเกลียดเรา มิคาเอล เราจะไม่ร้องขอให้เจ้ารักเรา เราจะไม่ห้ามเจ้า หากเจ้าจะรักราฟาเอล เราเพียงต้องการให้เจ้ายังคงอยู่กับเรา ข้อตกลงยังเหมือนเดิม เพียงแต่เราจะขอเวลาเจ้า อาทิตย์ละ 1 วัน ภายใน 1 วัน ให้เราได้รักเจ้า และใน 1 วันนั้น เราอยากจะขอให้เจ้าทำดีกับเราบ้าง ถึงจะเป็นละครฉากหนึ่ง แสร้งว่าเจ้ามีใจให้เราบ้าง เราก็ยินดี และเราสัญญาว่าเราจะพยายามอ่อนโยนต่อเจ้า แค่นี้...เจ้าจะทำให้เราได้ไหม” ทรงตรัสเสียงเศร้า กุมมือของมิคาเอลไว้ มิคาเอลยังนิ่งเฉยไม่ตอบ

“เราจะไม่แตะต้องเจ้าในอีก 6 วันที่เหลือ เราสัญญาว่าเราจะไม่ทำอะไร ที่เจ้าไม่ต้องการ” ทรงตรัส

“ตกลงครับ” มิคาเอลตอบรับ แม้จะยังโกรธ และไม่ไว้ใจ แต่เขาก็ไม่มีทางเลือกมากนัก องค์เดเมียนจึงจุมพิตที่มือของมิคาเอลเบาๆ จุมพิตที่แสดงถึงสัญญา

“เจ้ายังป่วยอยู่ พักผ่อนซะเถอะ” ทรงตรัสอย่างอ่อนโยน มิคาเอลจึงหลับตาลงอย่างว่าง่าย

 

 

ย่างเข้าในวันที่ 4 มิคาเอลที่เอาแต่นอนพักผ่อนมาตลอดหลายวันที่ผ่านมาและองค์เดเมียนก็ทรงนั่งอยู่ข้างๆ ตลอดเวลาไม่ห่าง หลายคนที่รู้จักเจ้าชายหนุ่มล้วนแปลกใจ ที่พระสนมทำให้เจ้าชายเปลี่ยนไปได้ขนาดนี้ เจ้าชายเดเมี่ยนผู้โหดร้าย ผู้ไม่เคยห่วงใยใคร และไม่เคยทำดีกับใคร แต่ตอนนี้กลับนั่งกุมมือของพระสนมอยู่ข้างเตียงและคอยดูแลพระสนมเป็นอย่างดี

อาการของมิคาเอลดีขึ้นมาก แม้จะยังอ่อนแออยู่และยังต้องพักผ่อนอีกสักระยะ แต่ในที่สุดคุณหมอก็อนุญาตให้กลับไปพักฟื้นที่วังได้

________________________________

ไปไม่รอดอีกล่ะ พอดีว่าป่วยหรอกนะ


ออฟไลน์ KanadiaTBear

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 71
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0
บทที่ 31 Business Trip ตอนที่ 1 London

 

อาทิตย์กว่าแล้วที่มิคาเอลออกจากโรงพยาบาล และแม้เขาจะอ้อนวอนให้พระองค์อนุญาตเขาให้กลับไปช่วยงานอีก แต่พระองค์ก็ยังเอาแต่บอกให้เขาพักผ่อน ตลอดเวลาหลังจากที่มิคาเอลกลับมา องค์เดเมียนก็พยายามทำดีกับมิคาเอลทุกอย่าง พระองค์เสด็จมาหาเขาทุกวัน โดยบางครั้งจะมาทานอาหารค่ำด้วย หรือบางครั้งก็เพียงมาพบหน้าเขาเท่านั้น และวันนี้พระองค์ก็เสด็จมาหาอีกครั้ง

 

“ฝ่าบาท” มิคาเอลทักทาย ใบหน้าเรียบเฉย ไม่ได้ยินดียินร้ายกับพระองค์

“เจ้าเป็นอย่างไรบ้าง” ทรงถามด้วยความห่วงใย

“ผมหายแล้วครับ แล้วผมก็อยากทำงาน” มิคาเอลบ่นเบาๆ

“แดเรียลรายงานว่าเจ้า พยายามจะทำความสะอาดงั้นเหรอ” ทรงถามยิ้มๆ

“ผมเบื่อนี่ครับ” มิคาเอลตอบ

“เจ้าอยากไปทำงานจริงๆ หรือ” ทรงถาม

“ครับ พระองค์อนุญาตให้ผมไปทำงานด้วยนะครับ” มิคาเอลอ้อนวอนขอ พระองค์เอื้อมมือมาหาคนตรงหน้า และสัมผัสใบหน้าของมิคาเอลอย่างแผ่วเบา ตลอดเวลาอาทิตย์กว่าที่ผ่านมาพระองค์ทำงานหนักทุกวัน เพื่อชดเชยกับช่วงเวลาที่เสียไป ระหว่างที่มิคาเอลเข้าโรงพยาบาล

“ครับ พระองค์อนุญาตให้ผมไปทำงานด้วยนะครับ” มิคาเอลอ้อนวอนขอ พระองค์เอื้อมมือมาหาคนตรงหน้า และสัมผัสใบหน้าของมิคาเอลอย่างแผ่วเบา ตลอดเวลาอาทิตย์กว่าที่ผ่านมาพระองค์ทำงานหนักทุกวัน เพื่อชดเชยกับช่วงเวลาที่เสียไป ระหว่างที่มิคาเอลเข้าโรงพยาบาล รวมทั้งพระองค์กำลังทำโปรเจคเพื่อให้เหล่านักลงทุนแห่กันมาเซ็นสัญญา ตามคำสั่งขององค์นาธานเนียล

 

“ถ้าอย่างนั้น เราจะให้แดเรียลจัดกระเป๋าให้เจ้า” ทรงตรัสเบาๆ พร้อมกับหันไปพยักหน้าให้กับแดเรียล

“จัดกระเป๋า ทำไมครับ” มิคาเอลถามอย่างไม่เข้าใจ

“เราจะให้เจ้าเดินทางไปประชุมกับเรา” ทรงตรัส

“พระองค์จะเดินทางไปที่ไหนครับ” มิคาเอลถาม

“เจ้าพูดภาษาอะไรได้บ้าง” ทรงถาม

“ผม... อังกฤษ ฝรั่งเศส อิตาเลี่ยน และ เยอรมัน ได้นิดหน่อยครับ” มิคาเอลตอบ

“ดีถ้างั้นเราก็จะไปทัวร์ยุโรปกัน” ทรงตรัส

“เดี๋ยวครับ พระองค์หมายความว่าอย่างไร ทัวร์ยุโรป” มิคาเอลตกใจ

“เราต้องเดินทางไปประชุมในประเทศต่างๆ เพื่อดึงนักลงทุนเข้ามาลงทุนในคานาเดีย” ทรงตรัสราวกับไม่ใช่เรื่องใหญ่โต กลับเป็นมิคาเอลที่ตกใจ ที่จู่ๆ เขาจะต้องตามเสด็จแบบนี้

“พระองค์จะพาผมไปทำไมครับ ผมคงทำอะไรไม่ได้มาก” มิคาเอลพยายามประท้วง

“เจ้าไม่ต้องห่วงหรอก แค่เจ้าพูดได้หลายภาษาก็ช่วยเหลือเราได้มากแล้ว” ทรงตรัส มิคาเอลเห็นว่าคงไม่มีประโยชน์ที่จะต่อต้าน จึงตัดสินใจนิ่งเสีย

“แล้วเราจะไปที่ไหนบ้างครับ”มิคาเอลถาม

“เริ่มแรกก็คงต้องไปที่อังกฤษก่อนในอีก 2 วัน จะมีการจัดประชุมเกี่ยวกับเศรษฐกิจของยุโรปขึ้นที่นั่น และเราเป็นตัวแทนของคานาเดีย จากนั้นเราจะไปรัสเซีย เราต้องไปติดต่อทางธุรกิจกับนักลงทุนที่นั่น หลังจากนั้นก็สวีเดน เนเธอร์แลนด์ เยอรมันนี อิตาลี และปิดท้ายที่ฝรั่งเศสซึ่งมีการประชุมขึ้นอีกงานที่เราต้องไป” ทรงตอบ มิคาเอลยิ่งหน้าเสีย

“เราจะไปกันนานขนาดไหนครับ” มิคาเอลถาม

“เราคิดว่าน่าจะใช้เวลา 3 – 4 อาทิตย์ล่ะนะ” องค์เดเมียนตอบ

“ผมต้องไปจริงๆ เหรอครับ” มิคาเอลถามเสียงอ่อย องค์เดเมียนนั่งลงและดึงมิคาเอลเข้ามาหา ตลอดอาทิตย์ที่ผ่านมาพระองค์เอาแต่ทรงงาน จนแทบไม่มีเวลาพักผ่อน แต่พระองค์ก็ยังหาเวลาและเสด็จมาหามิคาเอลทุกวัน แม้กระนั้นพระองค์ก็ยังหักห้ามพระองค์และไม่แตะต้องคนตรงหน้า แต่ทั้งๆ ที่พระองค์ต้องการให้คนตัวเล็กดีใจที่พระองค์คิดจะพาเขาไปต่างประเทศด้วย แต่คนตัวเล็กนอกจากจะไม่ดีใจแล้ว แถมยังทำหน้าเหมือนไม่อยากจะไปเสียอีก

 

“เราคิดว่าเจ้าอยากจะออกจากวังเสียอีก ใช่ว่าเราจะเอาแต่ทำงาน เราจะพาเจ้าไปเที่ยวด้วย เจ้าจะยังไม่อยากไปอีกเหรอ” ทรงตรัสถาม

“ผม… แล้วแต่พระองค์เถอะครับ” มิคาเอลตอบ รู้ว่าเถียงไปก็ไม่มีอะไรดีขึ้นมา องค์เดเมี่ยนทำหน้าเศร้าลงเล็กน้อย แต่ก็ทรงกอดคนตัวเล็กเอาไว้

“เราอยากให้เจ้ามีความสุข ... เราอยากทำให้เจ้ามีความสุข” ทรงตรัส ก่อนจะจูบที่ต้นคอของคนตัวเล็กเบาๆ จนมิคาเอลขืนตัวออก

“อย่าครับฝ่าบาท” คนตัวเล็กประท้วงเบาๆ

“เราคิดถึงเจ้า” ทรงตรัสอย่างออดอ้อน กอดร่างมิคาเอลเอาไว้ ไม่ยอมปล่อย

“ให้เราค้างด้วยได้ไหม” ทรงถาม มิคาเอลอยากปฏิเสธแต่ก็ไม่ได้กล่าวออกมา

“เจ้ายังโกรธเราสินะ” ทรงตรัส

“ผมมีสิทธิ์โกรธพระองค์ด้วยเหรอครับ” มิคาเอลถาม

“เจ้ามีสิทธิ์ แต่เราอยากให้เจ้ายกโทษให้เรา” ทรงตอบ และยังคงกอดมิคาเอลไว้

“ทำไมผมถึงควรจะยกโทษให้พระองค์ด้วย พระองค์ไม่รักษาคำพูด ไม่รักษาสัญญา และยังใช้กำลังบังคับผม แล้วพระองค์ก็ยังกักขังผมไว้ที่นี่ พระองค์เพียงทำดีกับผมนิดหน่อย แล้วพระองค์คิดว่ามันเพียงพอที่จะให้ผมยกโทษให้พระองค์แล้วเหรอครับ” มิคาเอลถามกลับ กลับเป็นองค์เดเมียนเองที่ไม่มีคำพูดใดๆ ออกมาอีก

 

“เราขอโทษ” ทรงตรัส ก่อนจะปล่อยร่างเล็ก

“เจ้า... คงเกลียดเรามากสินะ” ทรงตรัส แต่มิคาเอลก็นิ่งเฉยไม่ตอบ

“ผมอยากพักผ่อนแล้วครับ” มิคาเอลกล่าวขึ้น พยายามไล่คนตัวใหญ่ออกไป

“เราจะมารับเจ้าพรุ่งนี้ก็แล้วกัน” ทรงตรัส ก่อนจะออกมาจากห้องของคนตัวเล็กอย่างไม่เต็มใจนัก

 

พระองค์อดรู้สึกผิดหวังไม่ได้ ทั้งๆ ที่ปกติไม่เคยมีใครขัดใจพระองค์ แต่คนตัวเล็กก็ดูเหมือนจะทำทุกอย่างเพื่อทำให้พระองค์เจ็บปวดก็ไม่ปาน และทันทีที่พระองค์เดินออกมาจากห้องของมิคาเอล เหล่าสนมต่างพยายามเสนอตัวต่อพระองค์ และพระองค์ก็มิได้ร่วมรักกับใครมาเป็นอาทิตย์แล้ว บวกกับความผิดหวัง พระองค์จึงเรียก โจชัวร์ และฌอนมาปรนนิบัติพระองค์

 

ในตอนเช้ามิคาเอลตื่นขึ้น เขาชอบบรรยากาศของสวนในยามเช้ากลิ่นดอกไม้อ่อนๆ โชยมาตามลม ทำให้รู้สึกสดชื่นมิใช่น้อย อีกเหตุผลหนึ่งที่เขาชอบบรรยากาศในยามเช้าก็เพราะ โดยปกติเวลานี้ ทุกคนยังคงหลับใหล ไม่มีใครมารบกวนเขานั่นเอง

 

แต่วันนี้ต่างออกไป มิคาเอลได้ยินเสียงประตูห้องบรรทมเปิดออก พร้อมกับเสียงหัวเราะคิกคักของสนมสองคนที่กำลังเดินออกมา โจชัวร์และฌอน เดินออกมาในสภาพกึ่งเปลือย แม้ไม่คิดอะไร แต่ทั้งๆ ที่เมื่อคืนองค์เดเมี่ยนเพิ่งจะร้องขอต่อมิคาเอล ให้พระองค์ค้างด้วยแท้ๆ แต่พอเขาปฏิเสธ พระองค์ก็ไม่เสียเวลาหาคนมาแทนที่เขาเลยแม้แต่นิดเดียว แถมยังไม่ใช่แค่คนๆ เดียวเสียด้วย

 

คนอย่างองค์เดเมี่ยนต่อให้พูดจาหวานแค่ไหน ต่อให้บอกว่ารักเขาสักกี่หน มิคาเอลก็มิอาจทำใจเชื่อลมปากของพระองค์ได้ หากเขาเผลอมีใจให้พระองค์ เขาก็คงไม่ต่างจากพระสนมเหล่านี้ ที่วันๆ คอยแต่เฝ้ารอให้พระองค์มาหา และเฝ้าภาวนาให้พระองค์เลือกตัวเอง ในขณะที่สนมทำได้เพียงเฝ้ารอพระองค์ องค์เดเมี่ยนกลับมีตัวเลือกมากมาย ทั้งจากกพระสนม ทั้งชาย และ หญิง และเหล่าชาย หญิงทั่วไป ที่พร้อมถวายตัวเมื่อเจ้าชายหนุ่มปรารถนา อย่างน้อยเขาก็ไม่คิดจะตกอยู่ในสภาพแบบนี้

 

องค์เดเมียนเดินออกมาจากห้องบรรทม ใบหน้าหล่อเหลามีเคราขึ้นเล็กน้อยเพราะเพิ่งตื่นนอน ทันทีที่พระองค์เห็นมิคาเอล พระองค์ก็เดินเข้ามาหา

“มิคาเอล” ทรงเดินเข้ามากอด แต่มิคาเอลก็ผลักพระองค์ออกไป ไม่ยอมให้พระองค์แตะต้องตัว

“เจ้าจะไปไหน” ทรงตรัสถาม ไม่พอใจนักที่คนตัวเล็กปฏิเสธพระองค์ 

“พระองค์จะมาสนใจผมทำไมครับ ทำไมพระองค์ไม่ไปสนใจ พระสนมของพระองค์เสียล่ะครับ” มิคาเอลตอบก่อนจะเดินหนี องค์เดเมียนแปลกใจที่มิคาเอลโกรธ

“ทำไมเจ้าจะต้องโกรธเราด้วย ในเมื่อเจ้าไม่ต้องการให้เราอยู่กับเจ้า เราก็ปล่อยให้เจ้าอยู่ลำพังแล้วไม่ใช่หรือ แล้วเจ้ายังต้องการอะไรอีก” ทรงตรัสถามอย่างไม่เข้าใจ

“ผม ไม่ได้โกรธ พระองค์จะทำอะไรมันก็ไม่ใช่เรื่องของผม” มิคาเอลตอบและเดินหนี องค์เดเมี่ยนจึงเดินตาม

“หากเราไม่รู้มาก่อน เราคงคิดว่าเจ้ากำลังหึงหวงเราเสียอีก มิคาเอล เราไม่เข้าใจ” ทรงตรัส หัวใจของพระองค์รู้สึกพองโตขึ้น เมื่อมิคาเอลได้ยินก็หันมาตอบ

“ทำไมผมจะต้องหึงหวงพระองค์ด้วย ผมไม่ได้รักพระองค์สักหน่อย ผมรักองค์ราฟาเอลต่างหาก” มิคาเอลตอบเสียงดัง องค์เดเมี่ยนได้ยินดังนั้นจึงหยุดเดินตาม

“นั่นสินะ” ทรงตรัสด้วยรอยยิ้มเศร้าๆ

“ไปเตรียมตัวซะเถอะ เราจะออกเดินทางในอีก 1 ชั่วโมง” ทรงตรัสเบาๆ ก่อนจะทรงเดินจากไป

 

หลังจากที่เดินทางมาถึงอังกฤษ คณะขององค์เดเมี่ยนก็เข้าพักที่โรงแรมหรูในกรุงลอนดอน โดยองค์เดเมียนได้สั่งจอง Penthouse เอาไว้สำหรับ พระองค์ และมิคาเอล

 

มิคาเอลที่เอาแต่ทำหน้าบึ้ง และไม่ยอมพูดกับพระองค์จนในที่สุดพระองค์ก็ตรัสขึ้น

“เราต้องการให้วันนี้เป็นวันที่เจ้าต้องตามใจเรา” ทรงตรัสขึ้นมาอย่างไม่มีที่มาที่ไป

“และเราต้องการให้เจ้า เลิกทำหน้าบึ้งแบบนี้สักที” ทรงตรัส แต่มิคาเอลก็ยังนิ่งเฉยไม่ตอบโต้อะไร

 

“เราจะไปตรวจเช็คเรื่องการประชุมในวันพรุ่งนี้ เมื่อเรากลับมา เราหวังว่าเจ้าเลิกโกรธเราเสียที ตกลงไหม” ทรงถาม มิคาเอลจึงพยักหน้าเบาๆ พระองค์จึงจุมพิตที่หน้าผากของมิคาเอล ก่อนจะเดินออกไปจากห้อง

 

มิคาเอลพยายามจะสงบสติอารมณ์ลง เขารู้ว่าที่ผ่านมาองค์เดเมี่ยนพยายามทำดีกับเขาแล้ว ตลอดเวลาอาทิตย์กว่า พระองค์มิได้ล่วงเกินเขามากไปกว่าการกอดและจุมพิตอันแผ่วเบาเท่านั้น และคงจะไม่ฉลาดนักหากจะขัดใจพระองค์จนทำให้ทุกอย่างเลวร้ายไปกว่าที่คิด ไม่ว่าเขาจะเต็มใจหรือไม่ก็ตาม เขาก็ยังคงเป็นสนมขององค์เดเมี่ยนอยู่ดี จึงไม่มีประโยชน์ที่จะขัดขืน มิคาเอลจึงเดินไปในห้องน้ำ ก่อนจะปลดเปลื้องเสื้อผ้าออก และอาบน้ำ แล้วจึงสวมเสื้อคลุมอาบน้ำออกมานั่งรอองค์เดเมียน

 

ไม่นานองค์เดเมียนก็เดินกลับเข้ามา พระองค์แปลกใจที่เห็นมิคาเอลนั่งรอพระองค์ในชุดคลุมเท่านั้น แต่พระองค์ก็เดินเข้ามาหา ก่อนจะหยุดยืนอยู่เบื้องหน้าร่างเล็ก พระองค์เอื้อมพระหัตถ์ไปสัมผัสใบหน้าของมิคาเอล มิคาเอลจึงเงยหน้าขึ้นมองพระองค์ แก้มเนียนเป็นสีชมพูจัด ค่อยๆ ช้อนตาขึ้นมองพระองค์

“เจ้าเห็นเราเป็นคนบ้ากามขนาดนั้นเลยเหรอ” ทรงถามยิ้มๆ เป็นมิคาเอลที่หน้าแดงจัด

“ก็พระองค์ต้องการให้ผมตามใจ…” มิคาเอลถาม

“จริงอยู่ว่าเราต้องการเจ้าแต่ก็ใช่ว่าเราจะต้องการเจ้าในตอนนี้สักหน่อย เราแค่อยากให้เจ้าเลิกทำหน้าบึ้งเท่านั้น แต่ถ้าเจ้าต้องการ เราก็คงไม่ขัดหรอกนะ” ทรงตรัสยิ้มๆ

“ฝ่าบาท! พระองค์แกล้งผม” มิคาเอลประท้วงลุกขึ้นยืน พระองค์จึงรั้งร่างของมิคาเอลเข้าไปกอด มิคาเอลขืนตัวเล็กน้อย

“เจ้าเคยมาลอนดอนหรือเปล่า”ทรงถาม

“เคยครับ 2-3 ครั้ง ผมมาถ่ายรูป” มิคาเอลตอบ

“งั้นก็ดี เราจะให้เจ้าเป็นคนพาเราเที่ยวก็แล้วกัน” ทรงตรัส

“เอ๋...” มิคาเอลแปลกใจ

“เราเคยมาหลายครั้ง แต่ไม่เคยได้เที่ยวชม เจ้าเป็นช่างถ่ายรูปน่าจะรู้จักที่เที่ยวที่น่าสนใจไม่ใช่เหรอ” ทรงตรัส

“ผมก็พอทราบบ้างครับ” มิคาเอลพูด เขารู้สึกคิดถึงกล้องขึ้นมาเมื่อพระองค์พูดถึงอาชีพเก่าของเขา ประตูถูกเปิดออก พร้อมด้วยองครักษ์สามคนเดินขนของเข้ามา

______________________________

พักดราม่า ไปเที่ยวกัน

ออฟไลน์ KanadiaTBear

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 71
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0
บทที่ 32 Business trip ตอนที่ 2 ปลา ใน อควาเรี่ยม

 

องครักษ์ทั้งสามวางของลง ก่อนจะทำความเคารพต่อองค์เดเมียน และเดินออกไป องค์เดเมียนเดินมาหยิบของบางอย่างออกมาจากกระเป๋าที่องครักษ์วางไว้ ก่อนจะส่งมันให้กับมิคาเอล

 

“เราหวังว่าเจ้าจะชอบ” ทรงตรัส มิคาเอลเดินเข้ามารับจากมือขององค์เดเมียน กล้องรุุ่นล่าสุดจากแบรนดดัง และเป็นแบรนดเดียวกับที่เขาเคยมีอีกด้วย มิคาเอลมองกล้องในมือสลับกับคนตรงหน้า อย่างไม่เชื่อสายตา

 

“เจ้าชอบหรือเปล่า” ทรงถาม

“ค… ครับ นี่มันรุ่นล่าสุด ขอบคุณครับ ฝ่าบาท” มิคาเอลเอ่ยขอบคุณ และลองใช้กล้องในมืออย่างตื่นเต้น องค์เดเมียนนั่งลงที่เตียง มองคนตัวเล็กอย่างสนใจ

“เลนส์อยู่ในกระเป๋า” ทรงตรัส และชี้ไปที่กระเป๋าใบใหญ่ มิคาเอลเปิดออก เขาก็พบว่าในนั้นเต็มไปด้วยเลนส์ทุกแบบที่มีออกวางจำหน่าย และยังเป็นเลนส์อย่างดีอีกด้วย

“นี่มัน มากเกินไป ผม…” มิคาเอลแทบจะไม่มีคำพูด ไม่คิดว่าองค์เดเมียนจะใจดีกับเขาขนาดนี้

“เจ้าชอบกล้องมากขนาดนั้นเชียวหรือ มิคาเอล” ทรงถามยิ้มๆ

“ผมขอโทษครับ คือ พ่อของผมเป็นคนสอนให้ผมหัดถ่ายรูปน่ะครับ กล้องตัวแรก พ่อก็เป็นคนซื้อให้ผม” มิคาเอลกล่าว เขาลองใส่เลนส์ลงไปแล้วหันกล้องมาทางองค์เดเมียน ก่อนจะกดชัตเตอร์หลายครั้งแล้ว จึงลองดูรูปที่ถ่าย แต่ก็ถอดเลนส์ออกและเปลี่ยนเลนส์ใหม่ แล้วจึงถ่ายรูปองค์เดเมียนอีกครั้ง

 

องค์เดเมียนมองการกระทำของคนตรงหน้าอย่างเอ็นดู มิคาเอลนั่งลงกับพื้น เล่นของเล่นที่พระองค์ซื้อให้อย่างมีความสุข

 

"แต่งตัวสิ เจ้าต้องพาเราไปเที่ยว แล้วก็ไปลองใช้กล้องตัวใหม่ของเจ้าด้วย” ทรงตรัส

“จริงเหรอครับ พระองค์ยอมให้ผมออกไปข้างนอกได้จริงๆ หรือครับ” มิคาเอลหันมาถาม อย่างคาดหวัง

“จริงสิ เราจะโกหกเจ้าทำไม แต่เราจะไปในฐานะสามัญชน เราให้องครักษ์เตรียมเสื้อผ้าเอาไว้แล้ว” องค์เดเมียนตรัส ก่อนจะลุกขึ้น มิคาเอลจึงวางกล้องลงก่อนจะเดินเข้ามาหา

 

คนตัวเล็กเดินมาหยุดอยู่ตรงหน้าองค์เดเมียน ก่อนจะเงยหน้ามององค์เดเมียนช้าๆ ใบหน้าหวานตอนนี้กำลังค่อยๆ กลายเป็นสีชมพู ก่อนจะค่อยๆ โอบรอบคอขององค์เดเมียน และเขย่งขึ้นจุมพิตที่ริมฝีปากขององค์เดเมียนอย่างแผ่วเบา

“ขอบคุณครับ” มิคาเอลเอ่ยขึ้น จนองค์เดเมียนยิ้มออกมา

“เราดีใจที่เจ้าชอบ” พระองค์เอื้อมมือมาสัมผัสใบหน้าหวาน ก่อนจะก้มลงจุมพิตริมฝีปากบาง ที่เย้ายวนพระองค์ มิคาเอลมิได้ขัดขืนอย่างที่เคย กลับเผยอปากออกเล็กน้อย และรอรับจุมพิต อย่างเต็มใจ พระองค์ค่อยๆ สอดลิ้นเข้าไปหยอกล้อกับลิ้นของคนตัวเล็ก และดูดกลืนความหวานอย่างโหยหา จุมพิตดำเนินต่อไปเนิ่นนาน ก่อนพระองค์จะค่อยๆ ถอนริมฝีปากออกอย่างแสนเสียดาย มิคาเอลลืมตาขึ้นอย่างฝันๆ แอบอิงอยู่แนบกายองค์เดเมียน เขารู้สึกไร้เรี่ยวแรงเพราะจุมพิตของคนตรงหน้า

 

“หากเจ้าไม่หยุดยั่วยวนเราล่ะก็ เราคิดว่าเราคงจะต้องร่วมรักกับเจ้าแทนการออกไปเที่ยวข้างนอกล่ะนะ” ทรงตรัสหยอกล้อ แต่มิคาเอลก็รู้ว่าพระองค์ต้องทำจริงแน่ๆ

“ผมจะไปแต่งตัวครับ” ร่างเล็กพยายามรวบรวมสติ ก่อนจะค่อยๆ ถอยออกมาและเดินเข้าไปในห้องแต่งตัวแทน

 

ชุดที่องค์เดเมียนเตรียมไว้ เป็นแบบสไตล์สบายๆ ไม่เป็นทางการ มิคาเอลสวมเสื้อยืดสีเทาอ่อน ยีนส์สีดำ และเสื้อคลุมสีเทาเข้ม และรองเท้าผ้าใบสีดำ มิคาเอลหยิบหมวกสีน้ำตาลขึ้นมาสวมก่อนจะเดินออกมาจากห้องแต่งตัว เมื่อออกมาเขาก็พบว่าองค์เดเมียนทรงแต่งตัวเสร็จแล้วเช่นกัน พระองค์แต่งตัวง่ายๆ ด้วยเสื้อยืดสีขาวคอวี ที่เผยให้เห็นกล้ามเนื้อที่โผล่พ้นออกมา ทรงสวมกางเกงยีนส์สีน้ำเงินคลาสสิก รองเท้าหนังสีดำ และเสื้อแจ็คเก็คหนังสีดำ ผมสีดำถูกปล่อยลง มิได้มัดรวบไว้อย่างเคย

 

มิคาเอลมองคนตรงหน้าอย่างชื่นชม แม้จะทรงชุดที่ธรรมดาสามัญ แต่พระองค์ก็ยังเด่นสะดุดตา สง่างาม หาที่ติไม่ได้ ร่างกายที่สูงและกำยำ เต็มไปด้วยมัดกล้าม เมื่อพระองค์มายืนอยู่ข้างๆ เขากลับรู้สึกว่าเขาเป็นเพียงเด็กที่โตไม่เต็มที่เท่านั้น

 

“เจ้าไม่ชอบใจอะไรเหรอ” ทรงตรัสถาม

“เปล่าครับ ... ผมรู้ว่าผมตัวเล็ก แต่ผมก็ไม่เคยรู้สึกจนผมมาเจอพระองค์” มิคาเอลกล่าวอย่างไม่ค่อยพอใจนัก องค์เดเมี่ยนหัวเราะ

“ไม่เป็นไรหรอก เราว่าเจ้าขนาดกำลังพอเหมาะให้เรากอดพอดี” ทรงตรัสหยอกล้อ

“ผมไม่ใช่หมอนข้างสักหน่อย” มิคาเอลประท้วง

“ตัวเล็กก็มีประโยชน์ของตัวเล็กนี่..” ทรงตรัส มิคาเอลจึงตั้งใจฟังประโยชน์ของคนตัวเล็ก

“เราจะได้อุ้มเจ้าได้ง่ายๆ” ทรงตรัสต่อให้จบ มิคาเอลก็หน้าแดง

“ผมไม่ได้อยากให้อุ้มสักหน่อย” คนตัวเล็กประท้วง แต่พระองค์ก็อุ้มมิคาเอลขึ้นอยู่ดี

“เราอุ้มเจ้าไม่ดีตรงไหน” ทรงถามล้อๆ

“คนฉวยโอกาส”

“ถึงเจ้าจะตัวเล็ก แต่เจ้าก็พิษสงรอบตัว เจ้าทำให้เราล้มทั้งยืนมาแล้วไม่ใช่เหรอ ไม่ว่าเจ้าจะเป็นอย่างไร ในสายตาของเรา เจ้าก็สมบูรณ์แบบอยู่ดี” ทรงตรัส และจุมพิตที่ริมฝีปากเบาๆ มิคาเอลหน้าแดงจากคำพูดของพระองค์

“ไปกันเถอะ” ทรงยิ้ม และชักชวน

 

มิคาเอลถูกขอร้องกึ่งบังคับให้เป็นคนพาองค์เดเมียนเที่ยว มิคาเอลจึงพาองค์เดเมียนมาที่สถานที่ท่องเที่ยวที่นักท่องเที่ยวส่วนใหญ่นิยมมากัน โดยมิคาเอลพาพระองค์ไปที่โบสถ์เซ็นต์พอล ซึ่งนับว่าเป็นไฮไลต์ของการมาเที่ยวชมลอนดอน แต่ดูเหมือนองค์เดเมียนก็มิได้ให้ความสนใจกับสถานที่มากนัก มิคาเอลถ่ายรูปเพียงไม่กี่รูป เจ้าชายก็ดูเบื่อหน่าย เนื่องจากมีนักท่องเที่ยวมากมายรายล้อม จนองค์เดเมียนเริ่มหงุดหงิด แต่มิคาเอลก็เห็นว่าพระองค์กำลังพยายามที่จะไม่พูดอะไรออกมา

 

“เราไปกันดีกว่าครับ” มิคาเอลชวน ทั้งๆ ที่เพิ่งจะมาถึง

“เราคิดว่าเจ้าอยากจะถ่ายรูปเสียอีก” ทรงตรัสถาม

“คุณไม่ชอบ สถานที่ๆ คนเยอะใช่ไหมครับ” มิคาเอลถามขึ้น องค์เดเมียนถอนหายใจ

“ถูก เราไม่ชอบคนพลุกพล่าน ในงานเลี้ยงก็อีกเรื่อง แต่ที่แบบนี้ เราอึดอัด” ทรงสารภาพตามจริง

“ถ้าอย่างนั้นคุณอยากไปไหนครับ” มิคาเอลถามขึ้น

“ขอเป็นที่ๆ เจ้าอยู่ ที่ไหนก็ไม่สำคัญ” ทรงตรัส

“ครับๆ ที่ๆ ผมอยู่” มิคาเอลล้อเลียนองค์เดเมียน มองดูเจ้าชายที่ดูเหมือนจะเมานักท่องเที่ยว ก่อนจะจูงมือ องค์เดเมียนออกมาจากจุดที่คนพลุกพล่าน

 

องค์เดเมียนถือโอกาสจับมือของมิคาเอลเอาไว้ไม่ยอมปล่อยแม้จะเดินออกมาจากจุดที่คนพลุกพล่านแล้วก็ตาม มิคาเอลพาองค์เดเมียนมาเรียกแท็กซี่ และบอกจุดหมายปลายทางกับแท็กซี่ เพียงไม่นาน แท็กซี่ก็พาทั้งสองมาถึงที่หมาย

 

“Sea Life London Aquarium งั้นหรือ น่าสนใจจริงๆ” องค์เดเมียนกล่าว

“ถ้าคุณไม่ชอบ เราไปที่อื่นก็ได้นะครับ” มิคาเอลกล่าว

“ไม่เป็นไร เราอยากเข้าไปชม ที่คานาเดียไม่มี อควาเรี่ยม” ทรงตรัส

“ใช่ไหมครับ” มิคาเอลเห็นด้วยและยิ้มออกมาเป็นครั้งแรก องค์เดเมียนรู้สึกยินดีที่เห็นคนตัวเล็กยิ้มออกมา พระองค์จึงยิ้มตอบ

 

ทั้งคู่เดินชมสัตว์น้ำที่ว่ายอยู่ภายใน มิคาเอลดูตื่นเต้นไม่น้อย จนองค์เดเมี่ยนอดที่จะยิ้มและมองคนตัวเล็กแทนที่จะมองปลาหายากในตู้กระจก มิคาเอลหยิบกล้องขึ้นมาถ่าย ปลากระเบนราหู ที่กำลังว่ายเข้ามาใกล้ และค่อยๆ ถอยออกมาห่างจากตู้กระจกที่ละนิดเพื่อให้ได้ภาพมุมกว้าง จนกระทั่งถอยมาชนกับองค์เดเมียนที่ยืนอยู่ข้างหลังโดยไม่ได้ตั้งใจ

 

“เจ้าไม่ระวังตัวแบบนี้เสมอหรือ เวลาที่เจ้าถ่ายรูป” ทรงตรัสถาม พร้อมกับกอดคนตรงหน้าเอาไว้

“ผมขอโทษครับ” มิคาเอลกล่าว อยากจะขืนตัวออกแต่องค์เดเมียนก็กอดเขาไว้แน่น

“เดี๋ยวมีคนมาเห็นนะครับ ที่นี่ไม่ใช่คานาเดีย ผู้ชายกอดกัน มันจะดูไม่ดี” มิคาเอลกล่าว

“เราไม่สนหรอกว่าใครจะมองเราไม่ดี เราก็ไม่เคยเป็นคนดีอยู่แล้วนี่” ทรงตรัส

“พระองค์ไม่ใช่คนไม่ดีสักหน่อย พระองค์ก็แค่เอาแต่ใจมากเกินไปก็เท่านั้น” มิคาเอลกล่าว องค์เดเมี่ยนมองคนตรงหน้าอย่างแปลกใจ เป็นครั้งแรกที่มีคนพูดกับพระองค์แบบนี้ โดยปกติ คนทั่วไปมักจะมองว่าพระองค์โหดร้าย เห็นแก่ตัว เป็นดั่งแกะดำของราชวงศ์

“ผมเชื่อว่าโดยเนื้อแท้ พระองค์เป็นคนดีคนหนึ่ง แต่ไม่รู้ทำไม พระองค์ถึงได้ชอบให้คนคิดว่าพระองค์เป็นคนไม่ดี” มิคาเอลกล่าว

“ยังไง”

“ก็ทั้งๆ ที่พระองค์ทำสิ่งต่างๆ ให้กับคานาเดียอย่างมากมาย การที่คานาเดียเป็นประเทศหนึ่งที่ร่ำรวยก็มาจากการกระทำของพระองค์ พระองค์ทำหน้าที่ของเจ้าชายได้อย่างสมบูรณ์แบบ โดยที่พระองค์มิได้เอาเรื่องส่วนตัวเข้ามาปะปน หรือแม้แต่ตอนที่พระองค์จับผมได้ แม้พระองค์จะทรมานผม แต่พระองค์ก็ทำทุกอย่างตามหน้าที่อย่างเคร่งครัด คานาเดียควรจะภูมิใจที่มีเจ้าชายอย่างพระองค์ แต่พระองค์กลับปิดกั้นตัวเอง พระองค์เอาแต่รับความผิดทั้งหมดมาที่พระองค์เอง และมอบความดีความชอบทั้งหมดให้กับองค์นาธานเนียลแทน” มิคาเอลกล่าวช้าๆ แต่คำพูดของคนตัวเล็กกลับทำให้องค์เดเมียนรู้สึกประหลาดใจ

“ไม่เคยมีใครมองเราอย่างที่เจ้ามองหรอกนะ” ทรงตรัส

“ผมก็บอกอยู่นี่ไงครับว่าพระองค์เอาแต่ปิดกั้นตัวเอง คนอื่นก็ไม่ได้เปิดตามองดูพระองค์อย่างจริงจัง คนอื่นก็เอาแต่เกรงกลัวเกราะที่พระองค์สร้างขึ้น”

“แล้วเจ้าล่ะ เจ้าไม่เกรงกลัวเราหรอกหรือ” ทรงถาม จับมิคาเอลหันหน้าเข้าหาพระองค์

“พระองค์น่าเกรงขามที่สุดครับ แต่ก็ทรงอ่อนแอ และทรงโดดเดี่ยวที่สุดด้วยเช่นกัน” มิคาเอลตอบ พร้อมกับเอื้อมมือมาสัมผัสใบหน้าของเจ้าชายอย่างแผ่วเบา

 

หัวใจขององค์เดเมี่ยนกระตุกวูบ นานเท่าไหร่แล้วที่พระองค์ไม่เคยได้รู้สึกแบบนี้

“เรารักเจ้า มิคาเอล” ทรงตรัสพร้อมกับเอื้อมมือมาจับมือของคนตัวเล็กที่สัมผัสใบหน้าของพระองค์ พระองค์ซบใบหน้ากับฝ่ามือของคนตัวเล็ก ก่อนจะรั้งมือมาจูบเบาๆ

“ไม่เคยมีใครพูดกับเราแบบนี้มาก่อน จะพูดให้ถูกคือ ไม่มีใครสนใจความรู้สึกของเรามาก่อน” ทรงตรัสเศร้าๆ

“ก็พระองค์เอาแต่ใจตัวเอง ใครจะอยากอยู่ใกล้ล่ะครับ” มิคาเอลถอนมือกลับ และเดินหนี เข้าไปในอุโมงค์

“แล้วถ้าเราไม่เอาแต่ใจ เจ้าจะยอมอยู่ข้างๆ เราหรือเปล่า” ทรงเดินตามมา

“ผมเป็นสนมของพระองค์ ผมก็คงจะหนีไปไหนไม่ได้หรอกครับ” มิคาเอลตอบ

“หากเราไม่ใช่เจ้าชาย และเจ้าไม่ใช่สนมของเรา หากเราเป็นเพียงสามัญชนคนหนึ่ง เป็นเพียงชายธรรมดาคนหนึ่งที่รักเจ้า เจ้าจะรักเราบ้างไหม” ทรงหยุดยืนและเอ่ยถาม มองไปที่คนตัวเล็กที่นิ่งเงียบไป

“พระองค์ไม่ใช่สามัญชน พระองค์ยังคงเป็นเจ้าชายที่มีอำนาจมากมาย และผมก็ยังเป็นนักโทษของพระองค์ ผมก็ยังคงเป็นเหมือนกับปลาพวกนี้ แม้จะได้รับการดูแลอย่างดี แต่ผมก็ยังมีค่าเพียงให้พระองค์เชยชมไปพร้อมๆ กับปลาตัวอื่นในตู้กระจก ลำพังผมคนเดียวก็ยังไม่มีความหมายมากพอที่จะทำอควาเรี่ยมด้วยซ้ำ วันนี้พระองค์อาจจะทรงโปรดปรานผม แต่สักวันพระองค์ก็คงจะพบปลาตัวใหม่ พบสนมคนใหม่ที่ดีกว่า งามมากกว่า ถึงตอนนั้น ผมก็คงจะหมดความหมายสำหรับพระองค์ แล้วความรักของผมมันจะมีค่าตรงไหนกัน อย่าทรงถามหาในสิ่งที่พระองค์ไม่ต้องการเลยครับ” มิคาเอลกล่าวและเดินต่อไป ทิ้งให้องเดเมี่ยนยืนอยู่ลำพัง

 

มิคาเอลยืนรอองค์เดเมียนอยู่ด้านหน้าทางออก ดวงตาของมิคาเอลแดงเหมือนเพิ่งร้องไห้ พระองค์จึงเดินเข้าไปหา

“มิคาเอล เรา…”

“ผมขอโทษครับ แต่เราอย่าพูดเรื่องนี้อีกเลยครับ พระอาทิตย์ใกล้จะตกดินแล้ว ผมอยากขึ้น London Eye ครับ” มิคาเอลกล่าวเปลี่ยนเรื่อง และยิ้มให้พระองค์

“ตกลง” พระองค์ตรัส และเอื้อมมือมาจับมือของมิคาเอล และเดินจูงมือกันไปที่ London Eye มิคาเอลจับมือของพระองค์ไว้อย่างเต็มใจ โดยไม่สนใจสายตาของคนอื่นที่มองมา ราวกับว่าทั้งสองได้สร้างโลกส่วนตัวเล็กๆ ขึ้นมา

 

เป็นเพียงช่วงเวลาสั้นๆ ก่อนพระอาทิตย์จะตกดิน ทั้งสองขึ้นไปนั่งในชิงช้าสวรรค์ที่ค่อยๆลอยสูงขึ้น ร่างเล็กอิงแอบอยู่ในอ้อมกอดของคนตัวใหญ่ ในขณะที่ลำแสงสุดท้ายกำลังจะหายไป ริมฝีปากของคนทั้งสองก็ค่อยๆ โน้มเข้าหากัน ริมฝีปากของทั้งสองแตะกันอย่างแผ่วเบา อ่อนโยน หอมหวาน ก่อนจะค่อยๆ แปรเปลี่ยนเป็นจุมพิตที่เต็มไปด้วยความรัก และความปรารถนา

_________________________

หรือมิคาเอลจะใจอ่อน คู่นี้ ทิฐิสูง ปากแข็งกันทั้งคู่ แต่ก็เริ่มหวานแล้วนะ

ออฟไลน์ KanadiaTBear

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 71
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0
บทที่ 33 Business trip ตอนที่ 3 คำสารภาพ

 

องค์เดเมี่ยนโทรเรียกองค์รักษ์ให้เอารถมารับ ตลอดเวลาพระองค์ยังคงจับมือของมิคาเอลเอาไว้ไม่ปล่อย มิคาเอลเองก็ไม่ได้ขัดขืน ใบหน้าหวานเป็นสีชมพูระเรื่อ นั่งนิ่งไม่ได้เอ่ยคำใดออกมา

 

องค์เดเมี่ยนพามิคาเอลเข้าไปในลิฟต์ส่วนตัว เพื่อขึ้นไปที่ชั้นเพนท์เฮาท์ ลิฟต์กระจกค่อยๆ เลื่อนขึ้น เมื่อองค์เดเมียนไม่คิดจะปล่อยมือ มิคาเอลจึงจูงมือพระองค์มาชมวิวที่กระจกขณะที่ลิฟต์กำลังเลื่อนขึ้นไป พระองค์ออบกอดร่างเล็กเอาไว้จากด้านหลังก่อนจะก้มลงจูบที่ต้นคอของคนตัวเล็ก อย่างโหยหา มิคาเอลก็มิได้ขัดขืน ปล่อยให้พระองค์ทิ้งรอยไว้ที่ต้นคอ และแอบอิงพระองค์ไว้

 

“ที่เจ้าว่าง่ายแบบนี้ เพราะข้อตกลงอย่างนั้นหรือเพราะเจ้าคิดรักเราขึ้นมาบ้างกันแน่” ทรงถามขึ้น

“แล้วแต่พระองค์เถอะครับ” มิคาเอลตอบ เขารู้สึกเหมือนอยู่ในฝัน จุมพิตของเจ้าชาย ทำให้เขามัวเมา พระองค์อุ้มมิคาเอลขึ้นพาเดินออกมาจากลิฟต์ และเดินเข้าไปในห้องนอน

“เราปรารถนาเจ้า” ทรงตรัส ก่อนจะวางร่างเล็กลงยืน และก้มหน้าลงมาจุมพิตก่อนจะค่อยๆ ปลดเปลื้องเสื้อผ้าของคนตัวเล็กออก มิคาเอลมิได้ขัดขืน ยินยอมให้พระองค์ปลดเปลื้องเสื้อผ้าออกจนหมด ก่อนจะให้ร่างเล็กนั่งลงที่เตียง พระองค์นั่งคุกเข่าต่อหน้าร่างเล็ก

“เราจะบูชาเจ้า มิคาเอล” ทรงตรัสเสียงแหบพล่า ก่อนจะก้มลงจูบที่หัวเข่าของมิคาเอลเบาๆ

“ฝ่าบาท” พอพระองค์พูดแบบนั้น มิคาเอลรู้สึกเขินอายขึ้นมา พระองค์เป็นเจ้าชายกลับมานั่งคุกเข่าต่อหน้าเขา พระองค์ค่อยๆแยกเข่าของมิคาเอลออกช้าๆ ก่อนจะรั้งร่างของมิคาเอลเข้ามาหา พระองค์ใช้ลิ้นของพระองค์หยอกล้อกับส่วนปลายยอดของคนตัวเล็ก มิคาเอลก็ครางออกมาอย่างไม่อาจกลั้น คนตัวใหญ่ก็ยิ่งได้ใจ ใช้ลิ้นเลียจากฐานขึ้นมาที่ปลายยอดช้าๆ มิคาเอลเสียวซ่านจนต้องเอื้อมมือไปจับรั้ง ใบหน้าของพระองค์ไว้ แต่เรี่ยวแรงก็หายไปหมด ไม่มีแรงจะขัดขืนการกระทำของคนตรงหน้า ได้แต่ร้องครางออกมาต่อการกระทำของพระองค์

 

องค์เดเมียนค่อยๆ ครอบครองร่างของมิคาเอลช้าๆ ปลายลิ้นตวัดเลีย หยดน้ำใสๆ ก็ค่อยๆผุดขึ้นมา พระองค์จึงกลืนกินมันลงไป พระองค์ครอบครองร่างของมิคาเอลไว้ในปาก ดูดกลืนอย่างโหยหา ก่อนจะใช้ปลายลิ้นตวัดที่ปลายยอดและพยายามแทรกลิ้นเข้าไป มิคาเอลผวาร้องครางอย่างเสียวซ่าน

“อาาาา ฝ่าบาท อย่าครับ” มิคาเอลพยายามจะผลักพระองค์ออก แต่ดูเหมือนอีกครั้งที่ร่างกายของเขากลับทรยศ องค์เดเมียนใช้มือสัมผัสกับร่างของเขา และใช้ปากและลิ้นครอบครอง เร่งจังหวะ จนในที่สุด มิคาเอลก็ปลดปล่อยออกมา องค์เดเมียนก็กลืนกินมันลงไปทั้งหมด

 

แต่พระองค์ก็มิได้หยุดเพียงเท่านั้น พระองค์ยกขาของมิคาเอลขึ้นก่อนจะทรงปล่อยให้มิคาเอลล้มนอนลง พระองค์จึงแยกขาของมิคาเอลออกและเริ่มปลุกเร้าอีกครั้ง พระองค์สอดนิ้วเข้าไปช้าๆ อย่างทนุถนอม แต่ร่างเล็กก็ยังดูหวาดกลัวไม่น้อย พระองค์จึงลุกขึ้นมาจุมพิตคนตัวเล็ก เพื่อปลอบโยน นิ้วของพระองค์ยังคงขยับเข้าออกช้าๆ ไม่ช้ามิคาเอลก็ครางออกมา พระองค์พึงพอใจ แต่มิคาเอลกลับเขินอาย จนต้องเอามือปิดปาก เพื่อกลั้นเสียงเอาไว้

 

"อย่ากลั้นเสียงสิ เราอยากได้ยินเสียงของเจ้า” ทรงตรัสด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความปรารถนา ก่อนจะทรงเพิ่มนิ้วเข้าไปอีก มิคาเอลก็ส่งเสียงออกมา พระองค์จึงยิ้มให้ พร้อมกับก้มลงจุมพิตอย่างดูดดื่ม

 

พระองค์ช่ำชองมากเกินไป จนคนอ่อนประสบการณ์อย่างมิคาเอลมิอาจจะขัดพระทัยได้เลยสักนิด ยิ่งพระองค์อ่อนโยน มิคาเอลก็ยิ่งถลำลึกเข้าไปสู่ความปรารถนามากยิ่งขึ้น มิคาเอลได้ยินเสียงครางของตัวเอง ก็ยิ่งเขินอาย แต่ความปรารถนาที่พระองค์มอบให้ ทำให้เขาไม่อาจจะขัดขืนได้ จึงทำได้เพียงตอบสนองต่อความต้องการของพระองค์ทุกอย่าง

 

“เจ้ากำลังตื่นตัวอีกแล้ว” ทรงตรัสขึ้น

“เจ้าต้องการเราหรือเปล่า มิคาเอล” ทรงถาม และถอดถอนนิ้วของพระองค์ออก มิคาเอลก็ส่งเสียงประท้วงเบาๆ

“ฝ่าบาท” เสียงที่แหบพล่า ฟังดูราวกับไม่ใช่เสียงของเขา พระองค์ลุกขึ้นก่อนจะค่อยๆ ปลดเปลื้องเสื้อผ้าออกช้าๆ มิคาเอลลุกขึ้นมองมาที่พระองค์ แววตาเปี่ยมไปด้วยความปรารถนา ต้องการให้คนตัวใหญ่ครอบครอง และมิคาเอลก็ทำในสิ่งที่องค์เดเมียนมิได้คาดคิด ร่างเล็กลุกขึ้นจากเตียง และเดินมาหาพระองค์ ก่อนจะคุกเข่าลงต่อหน้า มิคาเอลใช้มือเรียวเล็กสัมผัสที่ร่างของพระองค์อย่างแผ่วเบา พระองค์จ้องมองการกระทำของคนตรงหน้า มิคาดคิดว่าคนตัวเล็กจะยอมทำแบบนี้กับพระองค์ แต่ร่างเล็กก็อ้าปากและครอบครองพระองค์ช้าๆ ลิ้นร้อนๆ ค่อยๆ เกี่ยวรัดร่างของพระองค์ แม้คนตรงหน้าจะอ่อนประสบการณ์ แต่พระองค์ก็พึงพอใจ พระองค์เงยหน้า และครางหนักๆ ออกมา ร่างของพระองค์ เต้นตุบๆ ด้วยความปรารถนา ลิ้นของร่างเล็กก็แลบเลีย จนหยดน้ำใสๆ ไหลซึมออกมา จนพระองค์ต้องรั้งร่างเล็กให้ลุกขึ้น ด้วยทรงเกรงกลัวว่าพระองค์จะปลดปล่อยออกมา ก่อนจะได้ร่วมรักกับคนตรงหน้า

 

พระองค์อุ้มมิคาเอลขึ้นและแยกขาของคนตัวเล็กให้โอบรอบพระองค์ไว้ ก่อนค่อยๆ ลดร่างของคนตัวเล็กลงบนร่างของพระองค์ช้าๆ มิคาเอลกรีดร้องออกมา เมื่อร่างของพระองค์ล่วงล้ำเข้าไป แต่มิคาเอลก็กอดพระองค์ไว้แนบแน่น

“เจ็บมากไหม” ทรงตรัสถาม แล้วจึงทรงจุมพิตไปทั่วใบหน้าหวาน อย่างทรงห่วงใย ก่อนจะประทับรอยจูบลงบนริมฝีปากของคนตัวเล็ก อย่างรักใคร่ มิคาเอลจูบตอบพระองค์อย่างเต็มใจ ไม่นานความเจ็บก็หายไป และความเสียวซ่านก็เข้ามาแทนที่ พระองค์จึงเริ่มจับร่างของมิคาเอลขยับช้าๆ ร่างเล็กโอบรอบคอพระองค์ไว้แน่น ร่างของพระองค์ขยับเข้าออกเป็นจังหวะ มิคาเอลครวญครางออกมาอย่างเร่าร้อน จนพระองค์ยิ้มอย่างพึงพอใจ

“เจ้ารู้ไหมว่าเสียงของเจ้าเร้าอารมณ์มากแค่ไหน มิคาเอล” ทรงตรัสหยอกล้อ

“ฝ่าบาท... ได้โปรด... อาาาา...ได้โปรด”

“เรารักเจ้า มิคาเอล” ทรงตรัสก่อนวางมิคาเอลลงหน้ากระจก ทรงถอดถอนร่างออก ก่อนจะจับให้มิคาเอลหันหน้าเข้าหากระจก แล้วพระองค์จึงค่อยๆ สอดใส่เข้าไปอีกครั้ง พระองค์ขยับช้าๆ เป็นจังหวะ ไม่นาน มิคาเอลก็ร้องครวญครางขึ้นอีกครั้ง

“มิคาเอล... ลืมตาดูสิ เราอยากให้เจ้าเห็น มองดูตัวเจ้าในกระจกสิ ว่าเจ้างดงามเพียงใด” ทรงกระซิบที่ข้างหูมิคาเอล มิคาเอลจึงค่อยๆ ลืมตาขึ้น มองดูตัวเขาในกระจก

“พระองค์บอกว่า… ผม … ร่านสวาท…” มิคาเอลทวนคำที่ทรงเคยตรัส

“เราต่างหากที่ปรารถนาเจ้ามากมายขนาดนี้” ทรงฝังร่างเข้าไปจนหมด มิคาเอลก็ร้องครางออกมา “เจ้าทำให้ร่างของเราแข็งดุจหินแบบนี้ เจ้าทำให้เราหลงใหลในตัวเจ้าจนเราแทบไม่เป็นตัวของตัวเองแล้ว” ทรงตรัส ถอดถอนร่างออกช้าๆ และสอดใส่เข้าไปอีก ซ้ำๆ จนมิคาเอลร้องครางออกมา

“ฝ่าบาท … ได้โปรด… อย่า…ทรมาน… ผม” ร่างเล็กหอบหายใจ อ้อนวอน

“เราไม่เคยรู้สึกแบบนี้กับใคร มีเพียงเจ้าที่ทำให้เราคลั่งแบบนี้” ทรงตรัสก่อนจะเร่งจังหวะขึ้น

“ฝ่าบาท!! ผม… ผมก็… แค่…โสเภณี… สำหรับ… พระองค์…” มิคาเอลตัดพ้อ

“เจ้าคือเจ้าของหัวใจของเราต่างหาก” ทรงตรัสก่อนจะพามิคาเอลไปสรวงสวรรค์อีกครั้ง

“เรารักเจ้า มิคาเอล” ทรงตรัส ถอดถอนร่างออกและพาร่างเล็กไปที่เตียง

“พระองค์ก็แค่ปรารถนาร่างกายของผมเท่านั้น” มิคาเอลกล่าวอย่างเหนื่อยอ่อน

“เราต้องการทุกอย่างของเจ้า” ทรงตรัสก่อนจะสอดแทรกร่างเข้ามาอีกครั้ง มิคาเอลครางเสียงดังอย่างมิอาจกลั้น โอบกอดพระองค์ไว้แน่น พระองค์ขยับโยกช้าๆ มิคาเอลก็ขยับร่างตามจังหวะของพระองค์ พระองค์พลิกร่างของมิคาเอลขึ้นข้างบน และพระองค์ก็เร่งจังหวะ ก่อนทั้งสองจะปลดปล่อยออกมาพร้อมกัน

 

ร่างของพระองค์ยังคงฝากฝังภายใน และพระองค์ก็ไม่มีทีท่าว่าจะถอดถอนออก มิคาเอลจะขยับตัว พระองค์ก็กอดรั้งเอาไว้

“อยู่เฉยๆ ก่อน เราขอกอดเจ้าอีกสักพัก” ทรงตรัสอ่อนหวาน มิคาเอลจึงไม่มีทางเลือกนอกจาก ซบอยู่กับอกของพระองค์

“ถึงเจ้าจะบอกว่าเจ้าไม่คิดจะรักเรา แต่เราก็ยังรักเจ้าอยู่ดี แม้เจ้าจะคิดว่าเราจะเบื่อเจ้า แต่เราก็รู้ว่าเราจะไม่มีวันเบื่อเจ้า เราอยากให้เจ้าให้โอกาสเราสักครั้ง” ทรงตรัส

“คำพูดลอยๆ ใครก็พูดได้ครับ ไม่ใช่ว่าผมไม่มีหัวใจ ผมแค่ไม่อยากเจ็บ แต่ถึงอย่างไรผมก็เป็นสนมของพระองค์อยู่ดี พระองค์ไม่จำเป็นต้องขอโอกาสกับผม เพราะยังไงผมก็ไปไหนไม่ได้อยู่ดี” คนตัวเล็กกล่าว

“ที่เจ้ายังอยู่กับเราก็เพราะน้องของเจ้าไม่ใช่หรือ หากวันหนึ่งเราไม่มีเหตุผลให้เจ้าอยู่ เจ้าก็คงหนีเราไปอีกสินะ” ทรงตรัสอย่างน้อยใจ

“พระองค์แบล็กเมล์ผม แล้วยังมาพูดแบบนี้ได้อีกเหรอครับ” มิคาเอลเริ่มโกรธ

“อย่าเพิ่งโกรธเราสิ”

“ปล่อยได้แล้วครับ ผมอยากอาบน้ำ” มิคาเอลฝืนลุกขึ้นยืน แต่ก็เสียหลักจนองค์เดเมียนต้องเข้ามาประคอง

“เราไม่เข้าใจ ทั้งๆ ที่เจ้าออกจะดีกับเราตลอดทั้งวัน แล้วทำไมอยู่ดีๆ เจ้าถึงได้เย็นชากับเราขึ้นมาอีก” ทรงถาม

“ผมก็แค่ทำตามสัญญาที่ตกลงกับพระองค์ไว้ พระองค์คงไม่ได้คิดว่าผมจะรักพระองค์ขึ้นมาจริงๆ ใช่ไหมครับ” มิคาเอลตอบด้วยเสียงเย็นชา

“เรา... เข้าใจแล้ว... เราจะไปนอนอีกห้องก็แล้วกัน เจ้าจะได้ไม่ต้องฝืนทนอยู่กับคนที่เจ้ารังเกียจอย่างเรา” ทรงตรัสออกมาอย่างเจ็บปวด ทั้งๆ ที่เป็นคนๆ นี้ ทำให้พระองค์มีความสุขมากเหลือเกิน แต่คนๆ เดียวกันก็ทำให้พระองค์เจ็บปวดแทบขาดใจ

“ทำไมครับ ทำไมพระองค์ต้องทำเป็นเหมือนว่ารักผมด้วย” มิคาเอลถาม

“เราไม่ได้แกล้งทำ เรารักเจ้า”

“ผมไม่ต้องการความรักของพระองค์ หยุดทำดีกับผมได้แล้ว” มิคาเอลกล่าว น้ำตาค่อยๆ ไหลออกมา

“เจ้าเคยพูดว่า เราบังคับให้เจ้ารักเราไม่ได้ เจ้าก็บังคับให้เราหยุดรักเจ้าไม่ได้เช่นกัน” ทรงตรัสและเดินเข้าไปหาคนตัวเล็ก และทรงคุกเข่าลงต่อหน้าคนตัวเล็ก

“อย่าร้องไห้อีกเลย เราไม่อยากเห็นเจ้าเป็นแบบนี้ เราขอโทษที่เอาแต่ใจ เรารู้ว่าสิ่งที่เราทำกับเจ้ามันเป็นการเห็นแก่ตัว เราจะไม่ฝืนบังคับ ให้เจ้าทำในสิ่งที่เจ้าไม่ต้องการ ขอเพียงเจ้าหยุดร้องไห้ ไม่ว่าสิ่งใดที่เจ้าต้องการ เราจะหามาให้” ทรงตรัสปลอบโยน

“สิ่งที่ผมต้องการ พระองค์ให้ผมไม่ได้ และสิ่งที่พระองค์มอบให้ ผมก็ไม่ต้องการ” มิคาเอลกล่าวทั้งน้ำตา พระองค์เอื้อมมือไปเช็ดน้ำตาออกจากแก้ม ก่อนจะรั้งร่างเล็กเข้ามากอด

“ได้โปรดอย่าโกรธ อย่าเกลียดเรานักเลย มิคาเอล แค่นี้เราก็เจ็บจะแย่อยู่แล้ว แม้เจ้าจะอยู่กับเราตรงนี้ แต่เรากลับรู้สึกว่าเจ้ากลับไม่เคยอยู่กับเรา เราถึงยอมทำทุกอย่างเพื่อรั้งเจ้าเอาไว้ เพราะเราคงทนไม่ได้หากเราต้องสูญเสียเจ้าไปทั้งหมด สงสารเราบ้างเถอะ อย่าใจร้ายกับเรานักเลย” ทรงตรัสอ้อนวอน

“หากผมทำให้พระองค์เจ็บขนาดนั้น แล้วทำไมพระองค์ไม่เลิกรักผมเสียล่ะครับ ผมไม่มีค่าพอให้ใครมารักหรอก” มิคาเอลกล่าว

“หากการหยุดรักใครสักคนมันง่ายขนาดนั้น แล้วทำไมเจ้าถึงไม่หยุดรักราฟาเอล แล้วหันมารักเราบ้างล่ะ” ทรงตรัสอย่างน้อยใจ มิคาเอลจึงนิ่งเงียบไป

“ถ้าผมรักพระองค์ แล้วมันจะมีอะไรเปลี่ยนแปลงเหรอครับ พระองค์ก็ยังทรงมีพระสนมคนอื่นอยู่ ทุกคนล้วนปรารถนาพระองค์ ทุกคนล้วนรักพระองค์ ผมก็เป็นได้แค่ หนึ่งในสนมของพระองค์ ไม่ได้เป็นคนๆ เดียวที่พระองค์รัก เป็นได้แค่อีกคนหนึ่งที่รักพระองค์ พระองค์โปรดปรานผมในตอนนี้ แต่อีกหน่อยพระองค์ก็คงจะเจอคนที่พระองค์โปรดปรานมากกว่า เพราะฉะนั้น ผมจึงไม่คิดจะรักพระองค์ ผมไม่อยากเจ็บ เพราะฉะนั้นพระองค์ได้โปรดหยุดทำดีกับผมเถอะนะครับ อย่าให้ผมต้องรักพระองค์เลย อย่าให้ผมต้องทรมานมากไปกว่านี้ อย่าทำร้ายผมมากไปกว่านี้เลยครับ” มิคาเอลสารภาพ

“เราจะไม่ยอมแพ้ง่ายๆ หรอกนะ เราจะพิสูจน์ให้เจ้าดู เราจะรักเจ้า และเราจะทำให้เจ้ารักเราให้ได้” องค์เดเมียนตรัส อย่างตัดสินใจ

“ฝ่าบาท!! ผม...” มิคาเอลอยากจะประท้วงแต่พระองค์ก็ประทับริมฝีปากลงมาแทน

“เจ้าอยากอาบน้ำใช่มั้ย เราจะไปเตรียมน้ำให้เจ้า” ทรงตรัสก่อนจะเดินเข้าไปเปิดน้ำใส่อ่างในห้องน้ำอย่างอารมณ์ดี  แม้คนตัวเล็กจะยังเย็นชาต่อพระองค์แต่อย่างน้อยพระองค์ก็มั่นใจว่า ทุกอย่างที่คนตัวเล็กทำนั้นเป็นเพียงเกราะที่คนตัวเล็กสร้างขึ้นมา และต่อให้ต้องใช้เวลาอีกนานแค่ไหน พระองค์ก็จะทำให้คนๆ นี้หันมามองพระองค์ และรักพระองค์ให้ได้

________________________________

แอบดราม่าแต่ไม่ดราม่านะ รอลุ้นกันต่อไป
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 08-08-2016 09:04:52 โดย KanadiaTBear »

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ KanadiaTBear

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 71
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0
บทที่ 34 Business Trip ตอนที่ 4 ล่องเรือ

 

หลังจากการประชุมที่ลอนดอนจบลง คณะขององค์เดเมียนก็เดินทางไปยังประเทศต่างๆ ตามแผนกำหนดการณ์ที่ทำไว้ และตลอดเวลา 3 อาทิตย์ที่ผ่านมาแทบทุกวันจึงหมดไปกับการประชุม และการพบปะเชิงธุรกิจ องค์เดเมียนทรงพระปรีชาสามารถ พระองค์พูดได้เชี่ยวชาญหลายภาษา ทำให้ตลอดเวลาที่ทรงติดต่อธุรกิจ พระองค์จะเป็นคนคุยด้วยตัวเองโดยไม่ผ่านล่าม และbusiness trip ในครั้งนี้ก็ประสบความสำเร็จอย่างมาก มีนักลงทุนจำนวนมาก ต้องการมาลงทุนในคานาเดีย และนักธุรกิจหลายต่อหลายคนก็ได้เซ็นสัญญา และหลายคนก็คิดจะมาดูงานก่อน จะเซ็นสัญญา

 

องค์เดเมียนทรงงานหนักมาตลอด 3 อาทิตย์ และทรงคอยโทรรายงานความคืบหน้าแก่องค์นาธานเนียลตลอด และองค์นาธานเนียลก็ทรงพอพระทัยกับผลงานของพระเชษฐาอย่างมากเช่นกัน

ซึ่งในขณะนี้คณะก็ได้เดินทางมาที่ปารีส และวันนี้ก็เป็นวันสุดท้ายของbusiness trip ในครั้งนี้ ก่อนที่คณะจะเดินทางกลับคานาเดีย

 

การประชุมอันยาวนานจบลง อีกครั้งที่องค์เดเมียนทำการนำเสนอคานาเดียได้อย่างดีเยี่ยม แม้ว่าพระองค์จะต้องพูดภาษาฝรั่งเศสแต่พระองค์ก็สามารถพูดได้อย่างสวยงาม และนำเสนอได้อย่างดีเยี่ยม และอีกครั้งที่มีนักลงทุนจำนวนมากสนใจและต้องการเข้ามาลงทุน

 

ตลอดเวลามิคาเอลคอยช่วยเหลืองานอย่างใกล้ชิด แต่แม้จะใกล้ชิด และอยู่ด้วยกันแทบตลอดเวลา แต่มิคาเอลกลับเย็นชาและไม่ยอมทำดีกับองค์เดเมียนอีกเลยนับตั้งแต่ในวันที่ไปเที่ยวในลอนดอน

 

“พรุ่งนี้ก็จะกลับวังแล้ว เจ้าจะยังใจร้ายไม่พูดกับเราอีกเหรอ” ทรงถาม

“พระองค์ต้องการอะไรครับ” มิคาเอลถาม

“เราอยากให้เจ้าเลิกโกรธเราสักที”

“ผมไม่ได้โกรธพระองค์”

“ถ้าอย่างนั้นก็ทำดีกับเราบ้าง พูดหวานๆ กับเราบ้างจะเป็นไรไป”

“พรุ่งนี้เราก็กลับวังแล้วนี่ครับ พระองค์อยากได้คำหวาน ก็ทรงกลับไปหาสนมของพระองค์สิครับ”

“สนมของเราก็อยู่ตรงนี้”

“สนมคนนี้ พูดหวานไม่เป็นหรอกครับ”

“มิคาเอล ถึงเราจะบอกว่าเราจะไม่บังคับเจ้า แต่การที่เจ้าเย็นชากับเราแบบนี้เราก็ไม่ชอบใจนักหรอกนะ”

“ถ้าทรงไม่ชอบใจ จะสั่งปลดผมออกจากตำแหน่งผมก็ไม่ว่าหรอกครับ”

“เราปรารถนาเจ้า” ทรงตรัส “3 อาทิตย์แล้วที่เราไม่ได้ร่วมรัก เจ้าจะทรมานเราไปถึงไหนกัน” มิคาเอลนิ่งเงียบก่อนจะกล่าวขึ้น

“ก็พระองค์ไม่ได้เรียกใช้วันของพระองค์นี่ครับ” มิคาเอลกล่าวหน้าแดง

“เราไม่ได้อยากบังคับเจ้า เราอยากให้เจ้าต้องการเราด้วยตัวของเจ้าเอง แต่เจ้าก็ใจแข็งเกินไป” ทรงตรัสพ้อ และเดินเข้ามาใกล้

“ไหนๆ ก็มาปารีสทั้งที เจ้าจะไปเดทกับเราได้ไหม” ทรงถามยิ้มๆ

“พระองค์ไม่ชอบที่ๆ คนเยอะๆ วันนี้ก็เป็นวันเสาร์ ไม่ว่าที่ไหนก็มีแต่คนทั้งนั้น” มิคาเอลกล่าว

“เราเคยอยู่ที่ปารีสมาก่อน ตอนที่เรามาเรียนที่นี่” ทรงตรัส มิคาเอลแปลกใจที่พระองค์ทรงตรัสเกี่ยวกับตัวเอง ทั้งๆ ที่ปกติพระองค์พูดถึงตัวเองน้อยมาก

“เพราะพระองค์เคยอยู่ที่นี่มาก่อนนี่เอง พระองค์ถึงพูดฝรั่งเศสได้คล่องขนาดนั้น” มิคาเอลกล่าว

“เราพูดได้หลายภาษา เพราะเราต้องติดต่อคนมาก เจ้าเองก็พูดได้ไม่น้อย” ทรงตรัสชม ตลอดหลายอาทิตย์ที่ผ่านมามิคาเอลเริ่มเข้ามามีบทบาทในการช่วยงานของพระองค์มากขึ้น และมิคาเอลก็เรียนรู้ได้อย่างรวดเร็ว

“ตอนที่พระองค์มาเรียนที่นี่พระองค์เรียนเกี่ยวกับอะไรครับ” มิคาเอลถาม

“เรามี ดีกรี PhD ด้านบริหารธุรกิจ และเราก็เรียนภาษาที่หลากหลาย” ทรงตรัสเรียบๆ มิคาเอลกลับเป็นคนที่ตกใจ องค์เดเมียนมีด็อกเตอร์ดีกรี แต่พระองค์กลับไม่เคยอวดอ้างใดๆ

“เราถูกกษัตริย์องค์ก่อนบังคับให้เรียนน่ะ ใช่ว่าเราจะตั้งใจ” ทรงตรัสขึ้นด้วยน้ำเสียงเจ็บปวดเล็กน้อย มิคาเอลแปลกใจที่ทรงแทนคำเรียกพระราชบิดาแบบนั้น

“ทำไมพระองค์ไม่เคยกล่าวถึงพระราชบิดาเลยล่ะครับ” มิคาเอลถามขึ้นด้วยความสงสัย แต่องค์เดเมียนกลับไม่พอใจ

“นั่นไม่ใช่เรื่องของเจ้า! คนๆ นั้นไม่มีค่าพอให้กล่าวถึง” ทรงตรัสเสียงดัง

“ผม... ขอโทษครับ” มิคาเอลหน้าเสีย กล่าวขอโทษเสียงเบา

“เรา... ขอโทษ... ไปเปลี่ยนชุดเถอะ เย็นแล้ว เราจะพาเจ้าไปเที่ยว” ทรงพยายามระงับความโกรธ และตรัสเปลี่ยนเรื่อง

“ครับฝ่าบาท” มิคาเอลตอบรับ

 

องค์เดเมียนพามิคาเอลขึ้นรถสปอร์ตเปิดประทุนขับมาตามถนนในกรุงปารีสตลอดทาง องค์เดเมียนนิ่งเงียบจน มิคาเอลรู้สึกอึดอัด ใบหน้าของพระองค์เรียบเฉย เย็นชา และดูเหมือนพระองค์จะทรงจมอยู่ในความคิดของพระองค์

 

“จริงๆ แล้วถ้าพระองค์ไม่พอพระทัย เรากลับโรงแรมก็ได้นะครับ” มิคาเอลกล่าวขึ้น ทรงถอนหายใจออกมา

“เราขอโทษ เราไม่ได้มาปารีสนานมากแล้ว พอดีมันทำให้เราคิดถึงเรื่องเก่าๆ ขึ้นมา” ทรงตรัสเรียบๆ   

“ครับ ผมถึงบอกไงครับ ว่าเราไม่จำเป็นต้องไปก็ได้”

“เราสั่งคนให้เตรียมทุกอย่างไว้แล้ว” ทรงตรัส

 

พระองค์ขับรถลัดเลาะมาตามถนน ในที่สุดก็ขับมาถึงที่หมาย เรือลำใหญ่ถูกประดับตกแต่งอย่างปราณีตสวยงาม จอดเทียบท่าอยู่ ภายในเรือมีกัปตันยืนรอต้อนรับอยู่ องค์เดเมียนเดินลงมาเปิดประตูให้กับมิคาเอล และทรงจูงมือของมิคาเอลเดินไปที่เรือ

 

"เราจะไปล่องเรือกันเหรอครับ" มิคาเอลถาม

“เราคิดว่าเจ้าน่าจะชอบ วิวปารีสในเวลากลางคืนก็งดงามมากทีเดียว” ทรงตรัส

“นี่เป็นครั้งแรกของผมในปารีสครับ” มิคาเอลสารภาพ

“งั้นเจ้าก็น่าจะชอบมาเถอะ” ทรงจูงมือของมิคาเอลและเดินขึ้นเรือไป กัปตันเข้ามาทักทายก่อนจะพาองค์เดเมียนและมิคาเอลไปที่โต๊ะอาหาร ที่ถูกจัดเอาไว้ บนดาดฟ้าของเรือ องค์เดเมียนเลื่อนเก้าอี้ให้มิคาเอลก่อนที่จะทรงนั่งลงที่เก้าอี้ฝั่งตรงข้าม เพียงไม่นาน เรือก็ค่อยเคลื่อนตัวออกจากท่า ล่องไปตามแม่น้ำเซน บริกรเปิดแชมเปญ และรินใส่แก้วให้กับองค์เดเมียนและพระสนม อาหารเรียกน้ำย่อยถูกนำมาเสริฟ แต่ดูเหมือนมิคาเอลจะไม่ค่อยสนใจอาหารสักเท่าไหร่ แต่กลับสนใจกับวิวสองข้างทางเสียมากกว่า

“ถ้าอยากจะไปถ่ายรูป เราก็ไม่ว่าหรอก” ทรงตรัส มองคนตรงหน้าอย่างเอ็นดู

“ขอบคุณครับ” มิคาเอลกล่าวก่อนจะลุกขึ้นเดินไปที่ขอบเรือ และเริ่มถ่ายรูป

ภาพของหอไอเฟลค่อยๆ ปรากฎแก่สายตา พระอาทิตย์กำลังจะตกดิน แสงสีส้มทองอร่ามไปทั่ว นับว่าเป็นภาพที่งดงามมากเหลือเกิน องค์เดเมียนเดินตามมายืนด้านหลัง ดื่มแชมเปญและมองคนตัวเล็กอยู่เงียบ มิคาเอลถ่ายรูป ไปเรื่อยๆ และตรวจเช็ครูปเป็นระยะๆ

 

“ให้เราดูบ้างสิ” ทรงตรัส มิคาเอลจึงอวดรูปที่ถ่ายให้พระองค์ดู นอกจากรูปวิวแล้วมิคาเอลยังถ่ายรูปพระองค์เอาไว้หลายต่อหลายภาพ เมื่อทรงเห็น ก็ทรงยิ้ม และมิคาเอลก็หน้าแดง

“ผมก็แค่คิดว่าใบหน้าของพระองค์เป็นเอกลักษณ์ดีน่ะครับ เป็นโครงหน้าที่สมบูรณ์แบบ แต่น่าเสียดายที่พระองค์ไม่ค่อยยิ้ม” มิคาเอลบอก

“งั้นเจ้าก็ยิ่งกว่าเรา เพราะเราแทบไม่เคยเห็นเจ้ายิ้มเลย” ทรงตรัส

“ผมเป็นช่างภาพ ไม่จำเป็นต้องยิ้มนี่ครับ นายแบบต่างหากที่ต้องยิ้ม” มิคาเอลเถียง

“ยิ้มให้เราบ้างก็ได้นี่” ทรงตรัสเอนหน้าเข้ามาใกล้ จนมิคาเอลถอยออกด้วยความตกใจ แต่ก็เสียหลักจนจะล้ม องค์เดเมียนจึงรั้งเข้ามากอดแทน

“เจ้าอยากจะตกลงไปในแม้น้ำหรืออย่างไร” ทรงถาม

“ก็พระองค์...” มิคาเอลกล่าวไม่ทันจบ คนตัวใหญ่ก็ก้มลงมาประทับริมฝีปากกับคนตัวเล็ก

“พระองค์ ฉวยโอกาสอีกแล้ว” มิคาเอลต่อว่า องค์เดเมียนก็หัวเราะออกมา

“ก็เจ้าทำหน้าเหมือนอยากให้เราจูบนี่นา” ทรงตรัส

“ผมเปล่าสักหน่อย”

“ไหนเจ้าบอกว่าจะเป็นเด็กดีเชื่อฟังเราไง” ทรงตรัส

“คนฉวยโอกาสแบบพระองค์ ทำดีด้วยก็ได้ใจ” มิคาเอลหาข้ออ้าง

“ก็เจ้าไม่ยอมให้โอกาสกับเรา เรามีโอกาสก็ต้องรีบฉวยสิ มาเถอะ เชฟรอแล้ว ทานอาหารก่อน รูปค่อยถ่ายตอนขากลับก็ได้นี่” ทรงตรัสพร้อมกับประคองร่างเล็กกลับมานั่งที่โต๊ะ

 

นอกจากบรรยากาศที่โรแมนติกแล้ว องค์เดเมียนยังสั่งให้เชฟชื่อดังมาเป็นคนปรุงอาหารให้อีกด้วย อาหารทุกจานล้วนอร่อยเลิศรส แชมเปญหลายขวดหมดไป มิคาเอลเริ่มมึนเมา พระองค์จึงเห็นคนตัวเล็กยิ้มให้พระองค์มากขึ้น

 

"มองอะไรครับ" มิคาเอลถามองค์เดเมียนที่เอาแต่จ้องมองมาที่เขา

“เจ้างดงามมากเวลาที่เจ้ายิ้ม รู้ไหม” ทรงตรัส

“ผมว่าพระองค์ก็จะหล่อเหลามากกว่านี้ถ้าพระองค์ยิ้มมากขึ้น” มิคาเอลกล่าวลุกขึ้นเดินเข้ามาหาพระองค์ ก่อนจะนั่งลงบนตักของคนตัวใหญ่และใช้มือจับใบหน้าของพระองค์ และใช้นิ้วจับริมฝีปากของพระองค์ให้ฉีกยิ้มออก แล้วมิคาเอลก็หัวเราะชอบใจ

“เจ้าคิดว่าเราตลกมากนักเหรอ” ทรงถามยิ้มๆ เริ่มจักจี้คนตัวเล็กที่นั่งอยู่บนตักของพระองค์ คนตัวเล็กก็หัวเราะเสียงดัง และอ้อนวอนให้พระองค์หยุด

“ฝ่าบาท… พอแล้ว… ผม ยอมแล้ว… ครับ” มิคาเอลหัวเราะจนเหนื่อย พระองค์จึงหยุด

“เจ้ายอมจริงๆ หรือเปล่า” ทรงถาม แต่มิคาเอลที่กำลังมึนเมา ก็ทำในสิ่งที่พระองค์มิได้คาดคิด คนตัวเล็กโอบรอบคอของพระองค์ ก่อนจะก้มลงจุมพิตพระองค์อย่างอ่อนโยน และโหยหา จุมพิตเนิ่นนาน อ้อยอิ่ง และเรียกร้องจากคนบนตักของพระองค์ ทำให้พระองค์แปลกใจมิใช่น้อย ร่างเล็กค่อยๆ ถอนริมฝีปากออกช้าๆ สบตากับพระองค์

“ผม…ขอโทษครับ ผมคงดื่มมากเกินไปแล้ว” มิคาเอลกล่าวขึ้นใบหน้าหวานเปลี่ยนเป็นสีแดง สติค่อยๆ กลับมาและพยายามจะลุกขึ้นหนี แต่พระองค์ก็ไวกว่ารั้งร่างของมิคาเอลเข้ามากอดไว้

“เราว่าเจ้ายังดื่มไม่พอต่างหาก” ทรงตรัสก่อนรั้งร่างเล็กเข้าใกล้ และครอบครองริมฝีปากของร่างเล็กอีกครั้ง

 

ร่างเล็กพยายามขืนตัวออกในตอนแรก แต่เมื่อลิ้นของพระองค์สอดแทรกเข้ามา หยอกล้อ และเรียกร้อง มิคาเอลที่เย็นชาก็ค่อยๆ ละลาย และโอนอ่อนต่อคนตรงหน้า พระองค์จูบเรียกร้องจากคนตรงหน้า ลิ้นร้อนของพระองค์สอดแทรกเข้ามาสัมผัสแผ่วเบากับริมฝีปากบาง ก่อนพระองค์จะครอบครองริมฝีปากล่างของคนตัวเล็ก ทรงดูดกลืน และขบกัดเบาๆ จนคนตัวเล็กต้องครางออกมา พระองค์ค่อยๆ สอดลิ้นเข้าไปควานหาความหอมหวานจากภายใน ลิ้นของพระองค์ค่อยๆ เกี่ยวกระหวัดกับลิ้นของคนตรงหน้า ให้สอดลิ้นเข้ามาในปากของพระองค์ คนตัวเล็กยังอ่อนประสบการณ์แต่ก็ยินยอมพร้อมใจ ทำตามที่พระองค์ชี้นำ ลิ้นเล็กๆ สอดเข้าหาพระองค์ ช้าๆ อย่างไม่แน่ใจในตอนแรก แต่ด้วยการชี้นำของคนมากประสบการณ์ มิคาเอลก็ค่อยๆ ใช้ลิ้นได้ดีขึ้น เรียกร้อง หยอกเย้า และยั่วยวน จนพระองค์แทบทนไม่ได้

 

หากไม่ติดว่าคนตัวเล็กยังไม่เปิดกว้างในเรื่องบนเตียง พระองค์ก็คงจะครอบครองคนตัวเล็กเสียตรงนี้ แต่ร่างเล็กของพระองค์ยังไม่พร้อม พระองค์จึงอดกลั้นถอดถอนริมฝีปากออกอย่างแสนเสียดาย ก่อนจะส่งสายตาบอกบริกร เพียงไม่นาน เรือก็กลับลำ และเร่งความเร็วเพื่อกลับไปเทียบท่าอีกครั้ง
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 08-08-2016 09:05:34 โดย KanadiaTBear »

ออฟไลน์ KanadiaTBear

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 71
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0
 

 

บทที่ 35 ปกป้อง

 

องค์เดเมี่ยนสั่งให้กัปตันเอาเรือเทียบที่ท่าเรือใกล้หอไอเฟลแทน และทรงสั่งให้องครักษ์นำรถมารับ เพราะดูแล้วคนตัวเล็กยังอยากเที่ยวชมปารีสในยามค่ำคืนต่อ และเนื่องจากเป็นวันสุดท้ายพระองค์จึงไม่อยากขัดใจ

มิคาเอล อีกทั้งมิคาเอลที่กำลังมึนเมานิดๆ กลับว่าง่าย และร่าเริงอย่างไม่น่าเชื่อ จนพระองค์พร้อมจะทำทุกอย่างให้คนตัวเล็กคนนี้

 

พระองค์พามิคาเอลเดินชมเมืองไปทั่ว ตลอดเวลามิคาเอลจับมือของพระองค์ไว้ ยิ้มและหัวเราะร่าเริงอย่างที่พระองค์ไม่เคยเห็นมาก่อน จนพระองค์เอาแต่เหม่อมองคนตรงหน้า มิได้สนใจสิ่งใดรอบตัวนัก มิคาเอลที่กำลังมึนเมามิได้หวงตัวต่อพระองค์ ตรงกันข้าม คนตัวเล็กกลับขโมยจูบพระองค์หลายต่อหลายครั้ง แล้วก็หัวเราะชอบใจ แต่พอพระองค์จะจูบคืนคนตัวเล็กก็วิ่งหนีไม่ยอมให้พระองค์จูบ

 

พระองค์วิ่งตามร่างเล็กที่หัวเราะร่าเริงมาในมุมเงียบๆ ในสวนสาธารณะ พระองค์รั้งร่างบางเข้ามากอดก่อนจะประทานจุมพิตให้คนตัวเล็ก มิคาเอลไม่ได้ขัดขืน และยังยินยอมพร้อมใจจูบตอบพระองค์ แต่เสียงที่ไม่พึงประสงค์ก็ดังขึ้น

 

“วิปริต! ผู้ชายจูบกัน กูจะอ้วก” เสียงของผู้ชายในวัย ประมาณ 20 ต้นๆ ดังขึ้นอยู่ด้านหน้า ข้างๆ ยังมีชายอายุไล่เลี่ยกันอีก 2 คน ทั้งสามคนมีท่อนเหล็กในมือ

“ดูไอ้คนตัวเล็กสิ หน้ามันหวานยังกะผู้หญิง วิปริตผิดเพศจริงๆ”

“ไอ้พวกผิดเพศ แบบนี้อยู่ไปก็รกโลกไม่ใช่เหรอ”

“ไอ้ตุ๊ด! คนอย่างพวกแกมันอุบาท” เสียงของผู้ชายดังขึ้นมาอีกจากทางด้านหลัง เมื่อหันไปดูก็มีชายอีกสามคน กำลังเดินล้อมเข้ามา ทุกคนล้วนมีอาวุธในมือ

 

มิคาเอลหน้าเสีย ไม่ใช่เพราะสถานะการณ์ แต่คำพูดที่ได้ยินกลับทำให้คนตัวเล็กรู้สึกรังเกียจตัวเอง แต่องค์เดเมี่ยนก็กระชับคนตัวเล็กเข้ามาใกล้

“พวกแกต้องการอะไร” ทรงตรัสถาม

“คนวิปริตอย่างแก ดูมีเงินนี่ เอามาแบ่งกันใช้หน่อยเป็นไร” ชายคนแรกกล่าวขึ้น

“ถ้าอยากได้ก็ลองเข้ามาดู มิคาเอลอย่าอยู่ห่างเรา” ทรงตรัส แต่ดูเหมือนมิคาเอล จะไม่ค่อยมีสตินัก คำพูดเหยียดหยามยังก้องอยู่

“ทำเป็นปากดี ไอ้พวกผิดเพศอย่างพวกแกน่ะ ไม่ควรออกมาเสนอหน้าให้รกหูรกตา”

 

องค์เดเมี่ยนยืนกั้นให้มิคาเอลยืนอยู่เบื้องหลังและค่อยๆถอยออกข้างๆ หากมีเพียงพระองค์ลำพัง พระองค์จะไม่กังวลกับพวกข้างถนนนี้เลย แต่พระองค์ต้องการให้คนตัวเล็กปลอดภัย และไม่อยากเสี่ยงโดยไม่จำเป็น รวมทั้งพวกสวะพวกนี้ยังมีอาวุธ พระองค์ต้องปกป้องคนตัวเล็กให้ดีที่สุด

 

“ส่งของมีค่ามาซะดีๆ อย่ามาทำเป็นเก่งเลย 2 ต่อ 6 ยังไงแกก็สู้ไม่ได้อยู่แล้ว ส่วนไอ้หน้าหวานนั่นก็ตัวถ่วงชัดๆ” ชายอีกคนกล่าวขึ้น

องค์เดเมี่ยนก้าวมาข้างหน้าและตั้งท่ารับสถานะการณ์ ชายคนแรกก็พุ่งเข้ามาและฟาดท่อนเหล็กใส่ พระองค์เบี่ยงตัวหลบและพลิกตัว และถีบเข้าที่เข่าของชายเคราะห์ร้ายอย่างแรง ชายคนนั้นก็ล้มฟาดพื้นไป

 

พระองค์หยิบท่อนเหล็กขึ้นมา และฟาดลงไปที่หน้าของคนร้ายจนสลบไป คนร้ายอีก 5 คนที่เหลือเห็นก็รีบเข้ามาหมายจะรุมพระองค์แต่ก็ดูเหมือนจะขัดแข้งขัดขากันเองมากกว่า พระองค์จึงฉวยโอกาสจัดการคนร้ายไปได้อีกสองคน แต่พอเห็นเพื่อนโดนจัดการไปต่อหน้า คนร้ายจึงผลัดกันเข้ามากันคนด้าน

 

มิคาเอลที่ยืนอยู่ด้านหลังองค์เดเมี่ยนก็มองดูด้วยความเป็นห่วง แต่อย่างน้อยองค์เดเมี่ยนก็มีทักษะการป้องกันตัวที่สูงและยังไม่เพี้ยงพร้ำแม้จะเป็น 6 ต่อ1 ก็ตาม เท่าที่เห็น เหมือนกับพระองค์เป็นฝ่ายจัดการคนร้ายอยู่ฝ่ายเดียว โดยที่พระองค์ยังไม่ได้รับบาดเจ็บเลยแม้แต่น้อย

 

คนร้ายทางด้านซ้ายฟาดท่อนเหล็กเข้าใส่พระองค์ พระองค์ก็หลบออก จนคนร้ายพลาดการโจมตี พระองค์ถีบคนร้ายเข้าใส่คนร้ายอีกคนหนึ่งจนเสียหลัก ก่อนที่พระองค์จะตามเข้าไปซ้ำ จนคนร้ายทั้งสองไม่อาจเคลื่อนไหวได้อีก

 

พระองค์เงยหน้าขึ้นมองคนร้ายคนสุดท้ายที่เหลืออยู่ ก่อนจะเดินเข้าไปหาช้าๆ  คนร้ายพยายามจะฟาดท่อนเหล็กใส่พระองค์ พระองค์ก็หลบและใช้เท้าเตะใส่มือคนร้าย จนท่อนเหล็กหลุดมือออกไป คนร้ายตกใจที่กลายเป็นถูกต้อนจนมุมเสียเอง เมื่อเข้าตาจน คนร้ายจึงหยิบมีดพกที่เป็นมีดผีเสื้อออกมาควง แต่แทนที่คนร้ายเข้ามาโจมตีพระองค์ คนร้ายที่ยืนอยู่ไม่ห่างจากมิคาเอลนัก จึงหันปลายมีดและกระโจนเข้าใส่มิคาเอลแทน

 

เพียงเสี้ยววินาที มิคาเอลตกใจกับสิ่งที่เกิดขึ้น ทุกอย่างเกิดขึ้นอย่างรวดเร็วเกินไป คนร้ายกระโจนเข้ามาหา โดยที่เขาไม่ได้ตั้งตัว หยดเลือดสีแดงหยดลงพื้น แต่มิคาเอลไม่ได้รู้สึกเจ็บปวดแต่อย่างใด องค์เดเมี่ยนเอาตัวของพระองค์เข้ามาขวางไว้ เลือดค่อยๆ ไหลซึมออกมาจากที่ท้องของพระองค์ แม้กระนั้นพระองค์ก็จับศรีษะของคนร้ายกระแทกลงกับพื้นอย่างแรงจนคนร้ายสลบไป แต่พระองค์ก็ทรุดลงไปกับพื้นเช่นกัน

 

มิคาเอลที่ได้สติก็รีบเข้าไปประคองพระองค์ไว้

“ฝ่าบาท!!!” มิคาเอลร้องเรียกหาอย่างตกใจ

“เราไม่เป็นไร อย่าร้องไห้สิ” ทรงตรัส แม้พระองค์กำลังเจ็บ แต่พระองค์กลับเอื้อมมือมาเช็ดน้ำตาให้กับมิคาเอลแทน

“ฝ่าบาท!!! ผมขอโทษครับ เป็นเพราะผม พระองค์ถึงเจ็บแบบนี้ ผมขอโทษ” มิคาเอลร้องไห้ปานจะขาดใจ

“แผลแค่นี้ ทำอะไรเราไม่ได้หรอก” ทรงตรัส

 

แต่เลือดก็ไหลออกมาจากบาดแผลไม่หยุด คนร้ายบิดมีดหลังจากที่แทงพระองค์ ทำให้แผลเปิดใหญ่กว่าที่ควรจะเป็น เลือดไหลออกมาอย่างน่ากลัว มิคาเอลหยิบโทรศัพท์ของพระองค์ออกมาและรีบโทรหา911 และองครักษ์ เพียงไม่นาน ทั้งองครักษ์ รถพยาบาลและตำรวจก็มาถึงที่เกิดเหตุ องค์เดเมี่ยนถูกนำส่งโรงพยาบาลอย่างเร่งด่วน พระองค์เสียเลือดมากจนทรงหมดสติไป

 

มิคาเอลยืนอยู่หน้าห้องฉุกเฉิน เขาเดินไปเดินมาหลายรอบแล้ว ภาพเมื่อตอนที่พ่อและแม่ของเขาประสบอุบัติเหตุย้อนกลับมา ความกลัวร้อยแปดเข้าครอบงำ มิคาเอลกังวลเหลือเกินเฝ้าสวดอ้อนวอนขอให้องค์เดเมี่ยนปลอดภัย ที่ผ่านมามิคาเอลต้องคอยปกป้องตัวเองมาตลอด ไม่เคยเลยในชีวิตที่จะมีใครยอมเสี่ยงชีวิตมาปกป้องเขาแบบนี้ ยิ่งคิดมิคาเอลก็ยิ่งรู้สึกผิดหากเขาไม่เอาแต่เหม่อลอย และไม่ระวังตัว องค์เดเมี่ยนก็คงจะไม่ต้องมาเจ็บตัวแบบนี้

 

คำพูดร้ายๆ ที่พวกคนร้ายพูดดูถูกนั้น มิคาเอลอยู่กับมันมาตลอด ตลอดเวลาที่ผ่านมา แม้มิคาเอลจะรู้ว่าเขาเป็นเกย์ แต่เขาที่ถูกเลี้ยงมาในครอบครัวคาทอลิกย่อมรู้ดีว่าสิ่งที่เขาเป็น มันน่ารังเกียจมากแค่ไหน แม้เขาจะรู้ และพยายามจะเปลี่ยนตัวเองหลายต่อหลายครั้ง แต่เขาก็ทำไม่ได้ และนั่นยิ่งทำให้เขารู้สึกผิดมากยิ่งขึ้น และเพราะบาปของเขา พลอยทำให้องค์เดเมี่ยนต้องมาเจ็บแบบนี้

 

แม้มิคาเอลจะไม่อยากยอมรับ แต่หลายอาทิตย์ที่ผ่านมา องค์เดเมี่ยนคอยดูแล และอ่อนโยนกับเขามากเหลือเกิน แม้เขาจะไม่ได้ต้องการจะรักใคร โดยเฉพาะเจ้าชายที่ขึ้นชื่อเรื่องความเจ้าชู้เสเพล แม้ปากจะบอกว่าจะไม่มีวันรักพระองค์ แต่หัวใจของเขากลับกำลังทรยศ แม้จะหาเหตุผลมากมายมาอ้าง แต่ดูเหมือนหัวใจที่เย็นชาของเขา กำลังละลายเพราะความอ่อนโยนของพระองค์ ยิ่งพระองค์ใช้ตัวของพระองค์มารับมีดแทนเขา มิคาเอลก็ยิ่งมีความรู้สึกให้กับพระองค์มากยิ่งขึ้น เสื้อของมิคาเอลเปื้อนคราบเลือดขององค์เดเมี่ยนเต็มไปหมด ยิ่งคิดคนตัวเล็กก็ยิ่งเป็นห่วงพระองค์ อยู่ดีๆ น้ำตาก็ไหลออกมาอย่างไม่อาจจะหักห้าม

 

องครักษ์คนหนึ่งขององค์เดเมี่ยนเฝ้ามองมิคาเอลอยู่ห่างๆ ด้วยคำสั่งขององค์เดเมี่ยนให้ดูแลพระสนมให้ดียิ่งกว่าชีวิตอันด้อยค่าของเขา ทำให้เหล่าองครักษ์ต้องปฏิบัติตามอย่างเคร่งครัด

 

องครักษ์หนุ่มเดินเข้ามาหามิคาเอลก่อนจะยื่นผ้าเช็ดหน้าให้กับมิคาเอล

“พระสนมไม่ต้องห่วงหรอกครับ องค์เดเมี่ยนจะต้องทรงปลอดภัย” องครักษ์กล่าวอย่างอ่อนโยน

“ขอบคุณครับ คุณแมททิว” มิคาเอลกล่าว รับผ้าเช็ดหน้ามา พอดีองครักษ์อีกคนเดินกลับมาพร้อมกับถุงกระดาษใบหนึ่ง ก่อนจะส่งให้แก่แมททิว แมททิวรับมาและส่งต่อให้กับมิคาเอล

“พระสนมไปล้างตัวและเปลื่ยนเสื้อก่อนเถอะครับ” แมททิวกล่าวพร้อมยื่นถุงให้ ภายในมีเสื้อและกางเกงตัวใหม่ให้มิคาเอลไปเปลี่ยน

“แต่...” มิคาเอลพยายามจะประท้วง

“ถ้าหมอออกมาแล้วผมจะรีบไปเรียกครับ อีกอย่างเสื้อของพระสนมมีแต่เลือด องค์เดเมี่ยนคงไม่ชอบใจหากเห็นพระสนมอยู่ในสภาพนี้” แมททิวกล่าว

“ก็ได้ครับ ขอบคุณครับ” มิคาเอลรับถุงใส่เสื้อผ้ามา และเดินเข้าห้องน้ำไป โดยมีองค์รักษ์เดินตามไปเฝ้าหน้าห้องน้ำด้วยคนหนึ่ง

 

เพียงไม่นานมิคาเอลก็กลับมาอีกครั้งแต่หมอก็ยังไม่ออกมา จนในที่สุด หลังจาก 3 ชั่วโมงอันยาวนาน หมอก็เดินออกมา

“ฝ่าบาทเป็นอย่างไรบ้างครับ” มิคาเอลรีบเข้าไปสอบถาม

“คนไข้อาการทรงตัวแล้ว บาดแผลค่อนข้างลึกและฉีกกว้างทางแพทย์ได้ทำการปิดปากแผลแล้ว ในระหว่างนี้ต้องระวังการติดเชื้อ และคิดว่าคงจะต้องพักอีกระยะหนึ่ง” คุณหมอกล่าว

“ผมเข้าเยี่ยมได้ไหมครับ” มิคาเอลถาม

“ตอนนี้คนไข้ยังไม่รู้สึกตัวและยังอยู่ในห้องพักฟื้นหมอยังไม่อนุญาต คงต้องรอจนกว่าคนไข้จะอาการดีขึ้นก่อน” คุณหมอกล่าว และเดินจากไป ปล่อยให้มิคาเอลทำหน้าเศร้า และแสดงออกอย่างชัดเจนว่าห่วงใยองค์เดเมี่ยนมาก

 

แมททิวคุยโทรศัพท์ติดต่อกลับไปที่คานาเดีย

ไม่นานก็เดินกลับมาแจ้งมิคาเอล

“พระสนมครับตอนนี้องค์นาธานเนียลทรงทราบเรื่องแล้ว และทรงกำลังสั่งให้จัดเครื่องบินพิเศษ และทีมแพทย์มารับ เราจะพาองค์เดเมี่ยนกลับ

คานาเดียในอีก 2 ชั่วโมงครับ” แมททิวรายงาน “ขอบคุณครับ คุณแมททิว” มิคาเอลพยักหน้ารับรู้ กล่าวขอบคุณ

“พระสนมไม่ต้องห่วงนะครับ องค์เดเมี่ยนทรงปลอดภัยแล้ว” แมททิวพยายามปลอบ

“ผมทราบครับ แต่ผมอยากอยู่ข้างๆ พระองค์ ที่พระองค์ต้องเป็นแบบนี้ก็เพราะผม” มิคาเอลกล่าวเสียงเศร้า

“ทันทีที่หมอพอลมา เราจะพาพระองค์กลับครับ อดทนอีกนิดนะครับ” แมททิวกล่าว

 

เมื่อหมอพอลเดินทางมาถึง ก็ขออนุญาตรับตัวคนไข้ไปดูแล และโดยองค์นาธานเนียลได้ประสานงานกับรัฐบาลของฝรั่งเศสให้อำนวยความสะดวกในการเคลื่อนย้ายองค์เดเมี่ยนไปที่สนามบิน ก่อนจะพาองค์เดเมี่ยนขึ้นเครื่อง ภายใต้การดูแลใกล้ชิดของทีมแพทย์และพยาบาล

 

แมททิวแบ่งทีมองครักษ์เป็นสองทีม ทีมหนึ่งตามเสด็จกลับไปกับองค์เดเมี่ยน และอีกทีมคอยจัดการเคลียร์ปัญหาต่างๆ ที่ปารีส และจะเดินทางตามกลับไปทีหลังพร้อมกับทีม เลขาขององค์เดเมี่ยน

 

มิคาเอลยืนยันจะอยู่ข้างๆ องค์เดเมี่ยนโดยไม่สนใจสายตาที่มองมาอย่างตำหนิของหมอพอล มิคาเอลนั่งอยู่ตรงมุมๆ หนึ่ง สายตาห่วงใยจับจ้องมาที่องค์เดเมี่ยนตลอดเวลา

 

"กระหม่อมรู้จักองค์เดเมี่ยนมาตั้งแต่ยังเด็ก และกระหม่อมก็รู้ว่าคนอย่างพระองค์ไม่มีทางที่จะเสียท่าให้กับนักเลงข้างถนนแน่ๆ”

หมอพอลกล่าวขึ้น

“ผม… ทั้งหมดเป็นความผิดของผมเองครับ ที่พระองค์ต้องทรงเจ็บอย่างนี้ล้วนเป็นความผิดของผมเอง” มิคาเอลกล่าว

“พระสนมไม่จำเป็นต้องบอกกระหม่อมหรอกขอรับ พระสนมเตรียมอธิบายให้องค์นาธานเนียลทรงทราบจะดีกว่า เพราะพระองค์กำลังทรงกริ้วมากทีเดียว” หมอพอลกล่าวเรียบๆ

“ผมยอมรับผิดทั้งหมดครับ” มิคาเอลกล่าวเศร้าๆ

 

“กระหม่อมไม่รู้หรอกว่าพระสนมต้องการอะไร แต่กระหม่อมอยากให้พระสนมรู้ว่าองค์เดเมี่ยนทรงมีความสำคัญต่อคานาเดียมาก ต่อให้ชีวิตของคุณ 10 ชีวิต ก็ไม่เทียบเท่ากับพระโลหิตเพียงหนึ่งหยดของพระองค์” หมอพอลกล่าวอย่างเย็นชา

“ผมทราบดีครับว่าชีวิตอันไร้ค่าของผมไม่อาจจะเทียบกับพระองค์ได้ ผมไม่ได้เรียกร้องที่จะอยู่ในฐานะนี้ และผมก็ทราบดีว่าคุณหมอไม่ชอบผม ผมขอโทษที่ผมเป็นสาเหตุทั้งหมดที่ทำให้เจ้าชายของคุณหมอต้องทรงอยู่ในสภาพนี้ หากย้อนเวลากลับไปได้ ผมก็อยากจะเป็นคนที่รับมีดนั้นเสียเอง หากชีวิตอันไร้ค่าของผมจะทำให้ทุกอย่างดีขึ้น ผมก็ยอมตายครับ”

มิคาเอลกล่าวก่อนน้ำตาจะไหลออกมาอย่างไม่อาจกลั้น

 

 

“ผมขอตัวนะครับ” มิคาเอลลุกขึ้นก่อนจะเดินเข้าห้องน้ำไป

ออฟไลน์ KanadiaTBear

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 71
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0
บทที่ 36 ทะเลาะวิวาท

วิลลาขององค์เดเมี่ยนกำลังวุ่นวาย ห้องพักห้องหนึ่งถูกเนรมิตให้กลายเป็นห้องพักฟื้นขององค์เดเมี่ยน องค์เดเมี่ยนยังคงหลับใหลไม่ได้สติ โดยมีมิคาเอลนั่งอยู่ข้างๆ ไม่ยอมห่าง ดวงตาบวมช้ำจากการร้องไห้ และคอยดูแลพระองค์อย่างใกล้ชิด มิคาเอลแทบไม่ได้หลับตลอดทั้งคืน เขานั่งมองคนตัวใหญ่ที่ยังคงหลับใหลไม่ได้สติอย่างเป็นกังวล

ในตอนสายองค์นาธานเนียลก็เสด็จมาที่วิลล่า
“ฝ่าบาทนาธานเนียล” มิคาเอลทำความเคารพกษัตริย์แห่งคานาเดีย ผู้ที่เป็นสาเหตุที่ทำให้เขาเดินทางมาคานาเดียตั้งแต่ต้น
“เจ้าคงเป็นมิคาเอลสินะ” ทรงตรัสด้วยน้ำเสียงไม่ทรงพอใจนัก คนๆ นี้ก่อปัญหามากมาย เป็นสาเหตุที่ทำให้องค์เดเมียน และ ราฟาเอลต้องทะเลาะกัน และเป็นสาเหตุที่ทำให้องค์เดเมี่ยนต้องจัดทริปพิเศษนี้ขึ้นโดยเฉพาะเพื่อดึงดูดนักลงทุนเข้ามา เพราะพระองค์ขู่องค์เดเมี่ยนว่าพระองค์จะลงโทษมิคาเอล หากทำงานไม่สำเร็จ แล้วในตอนนี้ คนๆ นี้ยังเป็นสาเหตุทำให้เสด็จพี่ของพระองค์ต้องนอนเจ็บอยู่ตรงหน้า
“ขอรับ ผม มิคาเอล มิลลส์ ครับ”
“เกิดอะไรขึ้น ทำไมเสด็จพี่ของเราจึงตกอยู่ในสภาพนี้” ทรงตรัสถามด้วยน้ำเสียงทรงอำนาจ และกริ้วโกรธ
“ทั้งหมดเป็นความผิดของผมเองครับ หากพระองค์จะลงโทษ ก็ลงโทษผมเถิดครับ ได้โปรดอย่าลงโทษเหล่าองครักษ์เลยครับ” มิคาเอลกล่าวขอความเมตตาจากพระองค์
“เราถามว่าเกิดอะไรขึ้น ตอนที่เกิดเรื่ององครักษ์ไปไหน” ทรงถามเสียงดุ
“องค์เดเมี่ยนพาผมไปทานอาหาร และเที่ยวชมเมืองครับ พระองค์ไม่ให้องครักษ์ไปเพราะพระองค์ต้องการให้ผมรู้สึกเหมือนก่อนที่ผมจะเป็นสนม คนร้ายมากัน 6 คน และเพราะพระองค์ปกป้องผม พระองค์จึงถูกทำร้าย ทั้งหมดเป็นความผิดของผมเองครับ ผมทำให้องค์เดเมี่ยนต้องอยู่ในสภาพนี้” มิคาเอลกล่าว
“เจ้าอาจจะเป็นคนโปรดของเสด็จพี่ของเรา แต่การที่เจ้าทำให้พระองค์ต้องเสี่ยง จนบาดเจ็บแบบนี้ เราไม่ชอบใจนัก ก่อนหน้านี้ เจ้าก็ก่อเรื่อง ทำให้เสด็จพี่เดเมี่ยนต้องลำบากหลายต่อหลายครั้ง เราถามเจ้า ในฐานะที่เจ้าเป็นสนมของพระองค์ เจ้าทำไปเพื่ออะไร เจ้าควรจะทำให้พระองค์มีความสุข แต่สิ่งที่เจ้าทำดีแต่ก่อปัญหา” ทรงตำหนิ
“ผมผิดไปแล้วครับ ผมยอมรับผิดทุกอย่าง” มิคาเอลตอบ

“มันไม่ใช่ความผิดของมิคาเอล เราประมาทเองต่างหาก” องเดเมียนที่ทรงรู้สึกตัว กล่าวขึ้น ก่อนจะทรงลืมตาขึ้นช้าๆ
“เสด็จพี่ เป็นอย่างไรบ้าง” องค์นาธานเนียลเดินเข้ามาหา
“เราไม่เป็นไร อย่าไปโทษมิคาเอลเลย เขาไม่ได้ทำอะไรผิด เราเป็นคนตัดสินใจทุกอย่างเอง และเราก็เป็นคนที่ประมาทเอง” ทรงตรัส
“พระองค์เจ็บขนาดนี้ แล้วยังทรงเข้าข้างมิคาเอลอีกเหรอครับ” องค์นาธานเนียลไม่พอใจ
“เราเป็นคนสั่ง ไม่ให้องครักษ์ตาม หากจะโทษก็ต้องโทษที่เราไม่ใช่เหรอ” ทรงตรัส
“ถ้าพระองค์ยืนยันแบบนั้น ผมก็จะไม่ขัดใจพระองค์ พระองค์ต้องพักผ่อนให้มาก” องค์นาธานเนียลทรงตรัส
“พี่มีมิคาเอลดูแลอยู่ อีก 2 วันก็หาย” องค์เดเมี่ยนตรัสยิ้มๆ องค์นาธานเนียลทรงนั่งลงและคุยอยู่กับพระเชษฐาพักใหญ่ ก่อนจะขอตัวกลับไป
“ถ้าอย่างนั้นผมก็ขอลา” ทรงตรัสและเดินออกไป

มิคาเอลนั่งมององค์เดเมียนอยู่ห่างๆ ด้วยสายตาที่เป็นห่วง น้ำตาคลอ
“เราไม่เป็นไร มานี่สิ” ทรงตรัสเรียก ยกมือหา มิคาเอลจึงเดินเข้ามาหาจับพระหัตถ์เอาไว้ ก่อนจะซบใบหน้ากับพระหัตถ์ของพระองค์น้ำตาก็ไหลออกมาอย่างไม่อาจจะกลั้น
“เราไม่ได้เป็นอะไรมากสักหน่อย เจ้าอย่าร้องไห้ไปเลย” ทรงตรัสอย่างอ่อนโยน
“พระองค์ไม่ควรเอาตัวมาปกป้องผม ชีวิตของผมเทียบกับชีวิตของพระองค์ไม่ได้ คนที่เจ็บควรเป็นผม” มิคาเอลร้องไห้ออกมา
“เรายินดี เรายอมเจ็บเพื่อเจ้า มากกว่านี้เราก็ยอม” ทรงตรัส ปาดน้ำตาออกจากใบหน้าหวาน
“แค่นี้ก็มากเกินไปแล้วครับ ผมคงทนเห็นพระองค์เจ็บมากกว่านี้ไม่ไหว” มิคาเอลกล่าว
“เรารักเจ้า มิคาเอล เราสัญญากับเจ้าว่าเราจะดูแลเจ้านี่นา”
“ฝ่าบาท... ผม...ก็...ร...” มิคาเอลยังกล่าวไม่จบประตูก็เปิดออก และเป็นสนมคนโปรดทั้งฝ่ายหญิงและฝ่ายชายที่เดินเข้ามา

“ฝ่าบาทเพคะ พระองค์เป็นอย่างไรบ้าง หม่อมฉันเป็นห่วงพระองค์เหลือเกิน” พระสนมโอลิเวียเบียดตัวเข้ามาแทรกระหว่างองค์เดเมียนและมิคาเอล จนมิคาเอลต้องถอยออกมา ริชชี่เองที่ปกตินิ่งเฉย แต่ในวันนี้กลับเดินอ้อมไปอีกฝั่งของเตียงก่อนจะนั่งลงและกุมพระหัตถ์ไว้

มิคาเอลเห็นภาพตรงหน้าก็ต้องเมินหน้าหนีด้วยความเจ็บปวด กลืนคำพูดลงคอก่อนจะเดินถอยออกมา คิดดีใจทีไม่ได้พูดออกไป คนอย่างองค์เดเมี่ยนไม่ต้องการความรักจากคนอย่างเขา พระองค์มีสนมมากมายรายล้อม เขาเองก็เป็นเพียงหนึ่งในของเล่นของพระองค์ ไม่ได้มีความหมายมากไปกว่านั้น ความรักที่เขามีให้ต่อพระองค์ก็คงไม่มีความหมายอะไร เพราะเขาไม่ใช่คนๆ เดียวที่พระองค์รัก ไม่ใช่เพียงคนเดียวที่พระองค์โปรดปราน เขาเป็นเพียงแค่สนมคนหนึ่งที่รักพระองค์ เท่านั้น

มิคาเอลเดินกลับห้องไปด้วยใจที่ปวดร้าว หากเป็นไปได้ เขาอยากเป็นคนที่รับมีดแทน อย่างน้อย ในยามที่พระองค์เบื่อหน่ายต่อการร่วมรักกับสนมคนอื่น พระองค์ก็จะยังคงหันมาสนใจเขาบ้าง แต่ในตอนนี้ พระองค์คงไม่แม้แต่จะคิดถึงเขา ในเมื่อพระองค์ มีสนมขนาบข้างซ้ายขวาแบบนั้น แล้วเขาจะมีประโยชน์อะไร เพียงแค่คิดน้ำตาก็ค่อยๆ ไหลริน เจ็บปวด และทรมาน และบอกกับตัวเอง ให้ตัดใจเสีย

หลังจากกลับมาแคนาเดียได้ 3 วัน มิคาเอลก็เอาแต่เก็บตัว ไม่ยอมไปไหน และไม่ยอมไปหาองค์เดเมี่ยน แต่ในขณะที่มิคาเอลกำลังนั่งเหม่อลอยอยู่นั้น ประตูก็ถูกเปิดออก และมีเสียงเอะอะโวยวายดังขึ้น มิคาเอลไม่ได้อยู่ในอารมณ์ที่จะพูดคุยกับใคร และแม้เขาจะไม่ได้ต้องการมีปัญหากับใคร แต่ดูเหมือนปัญหาก็ยิ่งเข้ามาหาไม่หยุด

ลูคัสกับแอนดี้เดินเข้ามาในห้องส่วนตัวของมิคาเอล โดยไม่ได้รับเชิญ และเริ่มระรานหาเรื่อง
“เจ้ากล้าดียังไงถึงทำให้องค์เดเมียนบาดเจ็บแบบนี้” แอนดี้กล่าวขึ้นก่อน
“พระองค์อุตส่าห์เอาเจ้าไปด้วย แต่แทนที่เจ้าสำนึก แต่เจ้ากลับทำให้พระองค์บาดเจ็บแบบนี้” ลูคัสกล่าว
“หากผมมีความผิด องค์เดเมียนจะเป็นคนที่ลงโทษผมเอง พวกคุณไม่มีสิทธิ ออกไปซะ” มิคาเอลกล่าว
“ไม่จำเป็นต้องถือมือของพระองค์หรอก คนอย่างเจ้าที่ไม่มีสำนึก เราจะเป็นคนจัดการเอง แอนดี้จับมันเอาไว้” ลูคัสสั่ง แอนดี้ก็ตรงเข้ามาจับมิคาเอลและล็อกตัวเอาไว้
“ในเมื่อเจ้าทำให้พระองค์เจ็บ เราก็จะทำให้เจ้าเจ็บบ้าง เจ้าจะได้สำนึก” ลูคัสกล่าวหยิบมีดออกมา
“เราอยากจะรู้นักว่าหากใบหน้าหวานๆ ของเจ้าเสียโฉมขึ้นมา องค์เดเมียนจะยังชายตามองเจ้าอีกไหม” ลูคัสถือมีดเดินเข้ามาใกล้ มิคาเอลพยายามจะไม่สู้ เพราะแค่นี้เขาก็สร้างปัญหาขึ้นมากมายให้กับองค์เดเมี่ยนแล้ว เขาไม่อยากทำอะไรผิดอีก แต่การจะให้ยืนเฉยๆ ให้คนเอามีดมากรีดก็อีกเรื่องหนึ่ง เขาไม่ได้หาเรื่องใครก่อน และการป้องกันตัวก็คงไม่ผิดนัก

ลูคัสเดินเข้ามาใกล้ กำลังจะเอามีดจ่อที่ใบหน้าของมิคาเอล มิคาเอลจึงเริ่มแผลงฤทธิ์ เขากระทืบเท้าไปที่เท้าของแอนดี้ แอนดี้จึงเผลอปล่อยมือจากมิคาเอล จากนั้นมิคาเอลก็ศอกเข้าที่ท้องของแอนดี้จนตัวงอ ก่อนมิคาเอลจะหันหน้ามาหา และต่อยเข้าที่หน้าของแอนดี้อย่างแรง และปิดท้ายด้วยการเตะเข้าที่เป้าของแอนดี้ จนคนตัวใหญ่กว่าลงไปกองกับพื้นอย่างสิ้นสภาพ

ลูคัสมองสิ่งที่เกิดขึ้นอย่างไม่เชื่อสายตา ทั้งๆ ที่คนตรงหน้าตัวเล็กกว่าแอนดี้ แต่กลับจัดการแอนดี้ได้อย่างง่ายดาย ด้วยความกลัวลูคัสจึงยื่นมีดขู่มิคาเอล
“อย่าเข้ามานะ” ลูคัสกล่าวขึ้น
“นี่มันห้องของผมนะ คุณนั่นแหล่ะออกไปได้แล้ว” มิคาเอลกล่าวไล่ และเดินไปข้างหน้าเพื่อจะไล่คนตรงหน้าออกไป แต่แล้วลูคัสที่หวาดกลัวก็ทำในสิ่งที่มิคาเอลไม่ได้คาด มีดในมือของลูคัสตวัดใส่มิคาเอล แม้เขาจะหลบแล้วแต่มือข้างซ้ายของมิคาเอลก็ถูกกรีดเป็นแผลยาว เลือดสดๆ ค่อยๆ ไหลออกมา
ลูคัสเห็นดังนั้นก็ยิ่งสะใจ
“สมน้ำหน้า” ลูคัสกล่าว แต่เมื่อมิคาเอลยังคงเดินเข้ามาหา ลูคัสก็ชะงัก
“ออกไป” มิคาเอลกล่าวไล่ ลูคัสจึงรีบวิ่งออกไป แอนดี้จึงฝืนลุกขึ้นและตามออกไปด้วย แดเรียลที่เห็นเหตุการณ์ทั้งหมด รีบเข้ามาหามิคาเอล
“พระสนมมิคาเอล ดิฉันจะรีบโทรตามหมอพอลนะคะ” แดเรียลกล่าวขณะที่เอาผ้าพันที่แผลไว้เพื่อห้ามเลือด มิคาเอลดูไม่ค่อยสนใจที่แผลนักแต่กลับกล่าวขอร้องแดเรียลแทน
“ผมขอร้องได้ไหมครับ อย่าบอกฝ่าบาท ได้โปรดอย่าบอกพระองค์นะครับ”
“แต่พระสนมโดนทำร้ายแบบนี้ หมอพอลเห็นก็คงจะทูลบอกพระองค์อยู่ดี” แดเรียลกล่าว
“ผมจะคุยกับหมอพอลเอง นะครับ” มิคาเอลกล่าวขอร้อง
“ตกลงค่ะ”

หลังจากแดเรียลโทรไปไม่นาน หมอพอลก็มา พอดีที่หมอพอลมาดูองค์เดเมียน จึงได้รีบมาดูอาการของมิคาเอลด้วย รอยกรีดที่แขนไม่ลึกมากแต่ก็จำเป็นต้องเย็บถึง 10 เข็ม หลังจากเย็บแผลเสร็จ หมอพอลก็เงยหน้ามองมิคาเอลที่นั่งนิ่งไม่ร้องโอดครวญเหมือนสนมคนอื่น แม้กระนั้นสีหน้ากลับกังวล
“เกิดอะไรขึ้นครับ” หมอพอลถาม
“ผมบังเอิญทำมีดบาดตัวเองครับ ผมขอความกรุณา ได้โปรดอย่าบอกกับองค์เดเมียนเลยนะครับ” มิคาเอลกล่าว
“พระสนมคิดจริงๆ เหรอครับว่ากระหม่อมจะเชื่อ หากพระสนมกล่าวความจริง กระหม่อมจะช่วยปกปิดให้” หมอพอลเสนอ มิคาเอลดูลังเลแต่ก็พูดออกมา
“พอดีมีสนมคนอื่นเข้ามาหาเรื่องผม แต่บาดแผลนี้เป็นอุบัติเหตุครับ” มิคาเอลกล่าว
“พระสนมมิคาเอลไม่ได้เริ่มก่อนนะคะ พระสนมแค่ป้องกันตัวเท่านั้นค่ะ” แดเรียลกล่าว
“ใครเป็นคนที่ทำขอรับ” หมอพอลถาม แต่มิคาเอลกลับนิ่งเฉย เป็นแดเรียลที่ต้องการจะพูด
“พระสนม อ..”
“แดเรียล พอได้แล้ว ไปทำงานต่อได้แล้วครับ” มิคาเอลขัดขึ้น
“ใครทำไม่สำคัญหรอกครับแต่ผมไม่อยากให้องค์เดเมี่ยนทราบจะได้ไหมครับ” มิคาเอลหันมาขอร้องหมอพอลอีกครั้ง
“กระหม่อมจะไม่พูดก็แล้วกัน แต่กระหม่อมก็ไม่คิดว่า พระสนมจะปิดเรื่องแบบนี้ได้ ยังไงแผลมันก็ฟ้องอยู่ดี” หมอพอลกล่าว
“ขอบคุณครับ... เอ่อ...อาการขององค์เดเมี่ยนเป็นอย่างไรบ้างครับ” มิคาเอลอดถามไม่ได้
“ถ้าพระสนมเป็นห่วงแล้วทำไมไม่ไปเยี่ยมล่ะขอรับ” หมอพอลกล่าว
“ผม... ไปหรือไม่ก็คงไม่แตกต่าง ไม่ใช่เหรอครับ ยังไงพระองค์ก็มีพระสนมคอยดูแลอยู่แล้ว ผมที่เป็นต้นเหตุให้พระองค์ต้องเจ็บแบบนั้น พระสนมคนอื่นคงไม่พอใจนัก” มิคาเอลกล่าวเสียงเศร้าๆ
“องค์เดเมี่ยนทรงดีขึ้นมากแล้วขอรับ และก็จริงอย่างที่พระสนมว่านั่นแหล่ะ พระองค์มีพระสนมล้อมหน้าล้อมหลังคอยดูแลพระองค์อยู่แล้ว” หมอพอลกล่าว มิคาเอลแม้จะรู้อยู่แล้วแต่ก็อดทำหน้าเศร้าไม่ได้
“หากพระองค์อาการดีขึ้น ก็ดีแล้วล่ะครับ” มิคาเอลกล่าวเสียงเศร้า
“กระหม่อมไม่เข้าใจ ถึงกระหม่อมจะไม่ชอบใจนักกับสิ่งที่พระสนมทำ แต่กระหม่อมก็ดูออกว่า พระสนมเองก็เป็นห่วงพระองค์ แล้วทำไม”
“ผมไม่ได้มีความหมายมากไปกว่าสนมคนหนึ่งของพระองค์นี่ครับ ถึงอย่างไรพระองค์ก็ทรงมีสนมที่ทรงโปรดปรานหลายคน สำหรับพระองค์ ผมก็เป็นเสมือนของเล่นใหม่ชิ้นหนึ่ง ที่จะทรงโปรดปรานในตอนนี้ แต่สักวันพระองค์ก็คงเบื่อหน่ายผม ถึงตอนนั้น ผมก็คงไม่ต่างจากสนมคนอื่นๆ ผมอาจจะไม่ใช่คนดีนัก แต่อย่างน้อยผมก็มีหัวใจ และผมคงทนไม่ได้หากคนที่ผมรัก กลับไปรักคนอื่น ผมยอมตัดใจในตอนนี้จะดีเสียกว่า เพราะผมรู้ฐานะของผมดี”

“แต่พระองค์ก็ทรงโปรดพระสนมมากกว่าใครที่กระหม่อมเคยพบ” หมอพอลกล่าวเรียบๆ
“คุณหมอไม่จำเป็นต้องเรียกผมแบบนั้นหรอกครับ ผมก็เป็นเพียงแค่สามัญชนคนหนึ่งไม่ได้มีเกียรติอะไรให้ใครมายกย่อง และผมเชื่อว่าคนที่มากรักอย่างเจ้าชาย ยังไงพระองค์ก็คงไม่มีทางที่จะโปรดผมไปมากกว่าพระสนมทั้งหลายที่พระองค์มีหรอกครับ ผมไม่ต้องการเข้าไปแย่งพระองค์กับพระสนมคนอื่น ผมยอมตัดใจเสียยังดีกว่า”
“นั่นก็เป็นสิทธิของคุณ แต่คนอย่างองค์เดเมี่ยน ลองอยากได้อะไร พระองค์ก็คงไม่ปล่อยให้หลุดมือไปง่ายๆ หรอกนะครับ”
“ผมทราบครับ ผมไม่ได้คิดจะหนี ผมแค่ไม่ต้องการรักพระองค์ก็เท่านั้น ไม่ต้องห่วงหรอกครับ ถึงผมจะพูดแบบนั้น แต่ผมจะพยายามไม่ทำให้พระองค์ต้องเดือดร้อนอีก” มิคาเอลกล่าว
“คุณก็เลยไม่อยากให้พระองค์รู้เรื่องของแขนของคุณสินะ” หมอพอลกล่าว
“ครับ ขอบคุณครับคุณหมอที่เข้าใจผม” มิคาเอลกล่าว
“กระหม่อมเห็นองค์เดเมียนมาตั้งแต่พระองค์ยังเล็กแม้พระองค์จะดูแข็งกร้าว แต่ภายในของพระองค์นั้นอ่อนโยน แต่นับตั้งแต่ที่เกิดเหตุการณ์ในครั้งนั้นพระองค์ก็ไม่เหมือนเดิมอีกเลย จนกระทั่งเมื่อคุณเข้ามา พระองค์ก็ดูจะค่อยๆ เปลี่ยนไป กระหม่อมไม่เคยเห็นพระองค์ทำแบบนี้มานานมากแล้ว กระหม่อมคิดว่าพระองค์ทรงรักคุณ แต่คุณที่เอาแต่ก่อเรื่องไม่หยุด กระหม่อมยอมรับว่ากระหม่อมไม่ถูกใจในตัวคุณนัก เพราะกระหม่อมเกรงว่าคุณจะทำให้องค์เดเมียนต้องเจ็บปวดอีก แต่ดูเหมือนกระหม่อมจะมองคุณผิดไป กระหม่อมขออภัยที่เคยพูดจาไม่ดีกับคุณไวั” หมอพอลกล่าว
“ผมเข้าใจครับ และผมก็ไม่ได้โกรธคุณหมอ อย่างที่บอก ผมรู้ฐานะของตัวเองดี ผมรู้ว่าพระองค์ทรงเมตตาผม และดีกับผม เพียงแต่ผมไม่เคยคิดจะแย่งคนรักของคนอื่น และจะให้ผมออดอ้อนอย่างพระสนมคนอื่นผมก็ทำไม่เป็น แต่ผมไม่เคยคิดจะทำร้ายพระองค์ ผมไม่อยากเห็นพระองค์เจ็บปวดเช่นกัน” มิคาเอลกล่าว
“กระหม่อมเข้าใจ”
“คุณหมอครับ เกิดอะไรขึ้นกับพระองค์หรือครับ” มิคาเอลถาม
“กระหม่อมไม่ได้อยู่ในฐานะที่จะพูดได้ หากเมื่อพระองค์พร้อม พระองค์ก็คงจะเล่าให้พระสนมฟังเอง” หมอพอลตอบ
“ถ้ามันเป็นเรื่องใหญ่ขนาดนั้นก็ไม่เป็นไรครับ และผมคิดว่าผมคงไม่มีค่ามากพอจะให้พระองค์มาสนใจหรอกครับ ขอบคุณคุณหมออีกครั้งนะครับ” มิคาเอลส่งยิ้มเศร้าๆ ให้กับหมอพอล

ออฟไลน์ KanadiaTBear

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 71
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0


 

บทที่ 37 คำพิพากษา

 

อาทิตย์หนึ่งแล้วที่องค์เดเมี่ยนกลับมายังคานาเดีย บาดแผลที่ท้องเริ่มดีขึ้นมากแล้ว นอกจากองค์นาธานเนียลที่แวะเวียนมาเยี่ยมพระองค์แทบทุกวัน เหล่าสนมทั้งชายและหญิงต่างออดอ้อนขอมาเฝ้าพระองค์ จนพระองค์ต้องสั่งให้ผลัดกันเข้าเฝ้า เพราะทุกคนต่างก็พยายามจะมาหาพระองค์ ทุกคนยกเว้นสนมเพียงคนเดียวที่พระองค์ไม่เห็นหน้าเลยตลอดทั้งอาทิตย์ที่ผ่านมา ทั้งๆ ที่พระองค์ต้องเจ็บอยู่อย่างนี้ก็เพื่อปกป้องคนตัวเล็กแท้ๆ พระองค์แอบหวังว่าคนตัวเล็กจะใจอ่อน และจะทำดีกับพระองค์บ้างแต่ตลอดอาทิตย์ที่ผ่านมา มิคาเอลก็พิสูจน์ให้พระองค์ได้เห็นถึงความใจแข็ง

มิคาเอลเป็นสนมเพียงคนเดียวที่ไม่ได้ย่างกายเข้ามาในห้องของ

พระองค์เลย

 

พระองค์รู้สึกน้อยใจนักที่คนตัวเล็กหมางเมิน และเย็นชากับพระองค์ถึงเพียงนี้ จนในที่สุดความอดทนของพระองค์ก็มาถึงจุดสิ้นสุด พระองค์จึงทรงสั่งให้มิคาเอลเข้าเฝ้า

 

มิคาเอลแต่งกายมิดชิด กางเกงผ้าสีดำพอดีตัว และเสื้อเชิ้ตสไตล์คานาเดียสีฟ้าอ่อน ก่อนจะเดินเข้ามาภายในห้องพักฟื้นขององค์เดเมี่ยนที่ขณะนี้เต็มไปด้วยพระสนม ทั้งหญิงและชายรวมกันถึง 5 คน ทุกคนต่างพยายามเอาอกเอาใจองค์เดเมี่ยน บางคนก็กำลังปอกผลไม้ป้อนพระองค์ บางคนก็เล่นดนตรีขับกล่อม บางคนก็บีบนวดเอาใจ ต่างพยายามทำให้องค์เดเมี่ยนสนพระทัย แม้เพียงน้อยนิดก็ยังดี

 

ทันทีที่มิคาเอลก้าวเข้ามาในห้อง ทุกสายตาล้วนจับจ้องมาที่คนตัวเล็กเป็นสายตาเดียวกัน องค์เดเมี่ยนทรงกึ่งนั่งกึ่งนอนอยู่บนเตียงโดยทั้งสองฝั่งของเตียงมีพระสนมนั่งอยู่แล้ว มิคาเอลมองดูด้วยสายตาที่เจ็บปวดแต่ก็ระงับอารมณ์เอาไว้เดินมาหยุดที่ข้างเตียงฝั่งหนึ่ง เว้นระยะห่างไว้

 

"ฝ่าบาทเรียกหาผมหรือครับ” มิคาเอลกล่าวขึ้นไม่ยอมมองสบตาคนตรงหน้า

“นั่นเป็นสิ่งที่เราควรจะถามเจ้า เราจะต้องเรียกหาเจ้าด้วยหรือ ทั้งๆ ที่เราเจ็บอยู่แบบนี้เพราะปกป้องเจ้า” ทรงตรัสอย่างไม่พอใจ

“ในเมื่อพระองค์มีพระสนมหลายคนดูแลอยู่แล้ว พระองค์จะยังต้องการผมอีกทำไมครับ” มิคาเอลถาม ใบหน้าเรียบเฉย แต่หัวใจของเขากำลังเจ็บปวด

“ตราบเท่าที่เจ้ายังเป็นสนมของเรา อย่างน้อยเจ้าก็ควรแสดงความห่วงใยต่อเราบ้าง” ทรงตรัสอย่างเจ็บปวดไม่แพ้กัน

“หรือเพราะเราไม่ใช่ราฟาเอล เจ้าจึงไม่สนใจ” ทรงตรัสขึ้น มิคาเอลเงยหน้ามองพระองค์ คำพูดของพระองค์บางครั้งก็โหดร้ายเหลือเกิน

“หากเป็นองค์ราฟาเอล ที่พระองค์อยู่เพียงลำพัง ผมก็ไม่รังเกียจที่จะดูแลพระองค์” มิคาเอลตอบประชดเย็นชากลับไป

 

เหล่าสนมต่างตกใจที่ได้ยินคำพูดของมิคาเอล ทั้งๆ ที่เป็นสนมขององค์เดเมี่ยน แต่กลับพูดถึงชายอื่นต่อหน้าพระองค์ นอกจากไม่เหมาะสมแล้ว ยังสมควรถูกลงโทษอีกด้วย

 

องค์เดเมี่ยนเจ็บปวดกับคำพูดของคนตัวเล็ก และโกรธคนตรงหน้าเหลือเกิน

 

“ออกไปให้หมดทุกคน!!!”

ทรงสั่งเสียงกร้าว พระสนมทุกคนจึงจำใจลุกขึ้นและเดินออกไปช้าๆ มิคาเอลเองก็กำลังจะเดินออกไป แต่เสียงทรงอำนาจกลับสั่งให้หยุด

“ยกเว้นเจ้า มิคาเอล มานี่” ทรงสั่งเสียงดัง มิคาเอลไม่มีทางเลือกจึงเดินเข้าไปหาพระองค์

“เจ้าคิดจะหยามเกียรติของเราไปถึงเมื่อไหร่กัน” ทรงถาม มิคาเอลไม่ตอบ ได้แต่ก้มหน้านิ่ง

“เราถามเจ้าไม่ได้ยินหรืออย่างไร” ทรงถามย้ำพร้อมกับคว้าแขนข้างซ้ายของมิคาเอลไว้และกระชากเข้าหา แต่มิคาเอลกลับร้องออกมาเสียงดังอย่างเจ็บปวด ทั้งๆ ที่พระองค์มิได้บีบแขนของคนตัวเล็กแรงขนาดนั้น แต่แล้วเลือดก็ไหลซึมออกมาจากแขนของมิคาเอล องค์เดเมี่ยนจึงเป็นฝ่ายที่ตกใจเสียเอง

 

“ฝ่าบาทครับได้โปรดปล่อย ผมเจ็บครับ” มิคาเอลอ้อนวอน

“เกิดอะไรขึ้น ทำไม”

พระองค์ตกใจที่เห็นเลือดซึมออกมา พระองค์รั้งมิคาเอลเข้าใกล้ก่อนจะฉีกแขนเสื้อของมิคาเอลออก เมื่อไร้สิ่งปกปิด บาดแผลถูกของมีคมกรีดก็ปรากฎขึ้นมา

 

“ใครทำเจ้า... ......เราถามว่าใคร!!!” ทรงถามเสียงดังย้ำ

“ผมไม่เป็นอะไรแล้วครับ พระองค์อย่าทำเป็นเรื่องใหญ่เลยครับ ผมขอร้อง” มิคาเอลกล่าว

 

แต่องค์เดเมี่ยนกลับรั้งมิคาเอลไว้ ก่อนจะทรงลุกขึ้น และเดินไปที่วิลล่าเล็ก เป็นมิคาเอลที่ตกใจ รีบเดินตามพระองค์ไป ด้วยความเป็นห่วง เพราะพระองค์ลุกขึ้นทั้งๆ ที่ยังทรงเจ็บอยู่

 

“ฝ่าบาท พระองค์ยังเจ็บอยู่ ได้โปรดเถอะครับ ผมไม่ได้เป็นอะไรแล้ว”

มิคาเอลร้องขอ แต่พระองค์ก็ไม่หยุด พระองค์ยังคงเดินเข้าไปในวิลล่าเล็กด้วยความโกรธ เมื่อทรงเห็นแดเรียลที่เดินออกมาจากห้องของมิคาเอล พระองค์ก็หยุด

 

“แดเรียล!!! ใครเป็นคนทำร้ายสนมของเรา”

ทรงตรัสถามด้วยสีหน้าโกรธจัด

“ฝ่าบาทไม่มีใครทำร้ายผมทั้งนั้น ผมผิดเองครับ มันเป็นอุบัติเหตุ”

มิคาเอลตอบ พยายามยืนขวางระหว่างพระองค์กับแดเรียล

“หากเจ้าไม่บอกเรา เราจะลงโทษแดเรียลแทน” ทรงขู่

“แดเรียลไม่ได้ทำอะไรผิดสักหน่อย ได้โปรดเถอะครับ” มิคาเอลร้องขอ

 

“พระสนมมิคาเอลทำร้ายแอนดี้ก่อนครับแผลนั่น มาจากการป้องกันตัว” ลูคัสที่ยืนอยู่ไม่ไกลเห็นเหตุการณ์จึงรีบกล่าวขึ้น พยายามจะปัดความผิดใส่คนอื่น

“ไม่จริงค่ะ พระสนมลูคัส และ พระสนมแอนดี้ เข้ามาหาเรื่องพระสนม

มิคาเอลก่อน พระสนมทั้งสองพยายามรุมพระสนมมิคาเอล พอพระสนมสู้กลับพระสนมลูคัสก็กลัว แต่พอพระสนมมิคาเอลจะปล่อยให้พระสนมทั้งสองไป พระสนมลูคัสก็ตวัดมีดมากรีดพระสนมมิคาเอลเพคะ”แดเรียลเล่าเหตุการณ์ทั้งหมด โดยไม่สนใจสายตาที่ไม่หวังดีของพระสนมลูคัส แต่องค์เดเมี่ยนก็ยังทรงไม่พอใจ

 

“เกิดเรื่องขึ้นทำไมไม่มีใครบอกเรา” ทรงถามเสียงเย็น

“ฝ่าบาทครับ ผมผิดเองครับ ผมเป็นคนห้ามแดเรียลบอกพระองค์เอง หากจะลงโทษ ก็ทรงลงโทษผมเถอะครับ” มิคาเอลคุกเข่าลงต่อหน้าของพระองค์ กล่าวขอร้อง แผลที่แขนมีเลือดซึมออกมา พระองค์มองคนตัวเล็กอย่างไม่เข้าใจ

“ลุกขึ้น” ทรงตรัส

ประคองมิคาเอลลุกขึ้น มิคาเอลจึงลุกขึ้นยืนแต่โดยดี สีหน้าสำนึกผิด และดูกังวล แต่พระองค์ก็รู้ดีว่าคนตัวเล็กไม่ได้กลัวถูกลงโทษ แต่กลับกลัวว่าพระองค์จะลงโทษ แดเรียลต่างหาก

 

“แอนดี้ ลูคัส เจ้าสองคนก่อเรื่องแบบนี้ เจ้าคิดว่าเราควรจะลงโทษพวกเจ้าอย่างไร” ทรงตรัสถามเรียบๆ

“แต่ฝ่าบาท มิคาเอลเป็นสาเหตุที่ทำให้พระองค์ต้องเจ็บ” ลูคัสพยายามเถียง

“เราปกป้องมิคาเอลเอง มิคาเอลไม่ได้ผิด และถึงอย่างไร พวกเจ้าก็ไม่มีสิทธิมากระทำแบบนี้” ทรงตรัสเสียงเย็น คนที่รู้จักพระองค์ย่อมรู้ว่าพระองค์กำลังโกรธมาก มาร์คัสรีบเข้ามาคุกเข่าอ้อนวอนแทนน้องชาย จนลูคัสและแอนดี้ ต้องรีบคุกเข่าตาม

 

”ฝ่าบาทได้โปรดเถอะครับ ยกโทษให้ลูคัสด้วย เขาทำไปเพราะ ความไม่รู้ และเขาก็รักพระองค์ ได้โปรดเถอะครับ” มาร์คัสกล่าวอ้อนวอน

“กระหม่อมทำไปเพราะรู้เท่าไม่ถึงการณ์ ฝ่าบาทโปรดให้อภัยด้วย” แอนดี้อ้อนวอน

“แอนดี้เจ้าเป็นสนมของเรา มานานเท่าไหร่แล้ว” ทรงตรัสถามอย่างเย็นชา

“2 ปี ครับ” แอนดี้ตอบ

“แล้วเจ้าล่ะลูคัส” ทรงหันมาถามลูคัส เสียงเย็นชาไม่ต่างกัน

“3 ปีครับ” ลูคัสตอบเสียงเบา

“แล้วเจ้ายังจะบอกกับเราว่าเจ้าไม่รู้กฎอีกเหรอ” ทรงถามกลับ

“ฝ่าบาท ได้โปรดให้โอกาสสักครั้งเถอะครับ” มาร์คัสอ้อนวอน เขาย่อมรู้ดีว่าพระองค์กำลังโกรธมาก

“การ์ด!!! เอาตัวสองคนนี้ไปเฆี่ยน จากวันนี้ไป สองคนนี้ไม่ใช่สนมของเราอีกต่อไป!!!” ทรงตรัสเสียงดัง ทั้งลูคัส และแอนดี้ ต่างหน้าเสีย ไม่คิดว่าพระองค์จะลงโทษแบบนี้ ทหารจึงเข้ามาจับทั้งสองคนออกไป

“ฝ่าบาท ได้โปรดเถอะครับ อย่าทำแบบนี้เลยครับ” มาร์คัสกล่าวอ้อนวอนไม่หยุด มองน้องชายถูกพาตัวออกไป

“หากเจ้าไม่หยุด เราจะสั่งทำโทษเจ้าด้วย ในฐานะที่เจ้าไม่อบรมน้องของเจ้า” ทรงตรัสเด็ดขาด ก่อนจะหันมาหามิคาเอล มิคาเอลก้มหน้าลงไม่ยอมสบตา เขาทำใจไว้แล้วที่จะถูกทำโทษ และหากพระองค์จะปลดเขาออกจากตำแหน่งเขาก็คงจะยิ่งยินดี อย่างน้อยเขาก็จะได้ตัดใจจากพระองค์ได้เสียที

 

“เจ้าเพิ่งเป็นสนมได้ไม่นาน เราจะให้โอกาสกับเจ้า และเจ้าก็ทำไปเพราะป้องกันตัว แต่การปกปิดเราย่อมมีความผิด เราจะต้องลงโทษเจ้า ตามมา” ทรงตรัส เดินนำมิคาเอลกลับไปที่วิลล่าหลัก มิคาเอลเดินก้มหน้า ตามพระองค์ไป แต่แทนที่พระองค์จะพาเขาไปทำโทษตามที่กล่าว พระองค์กลับเดินนำมายังห้องบรรทมแทน มิคาเอลจึงหยุดเดิน

“พระองค์บอกว่าจะลงโทษผม” มิคาเอลกล่าว

“ใช่เราจะลงโทษเจ้า ที่พูดไม่ดีกับเรา และยังปกปิดเรื่องแขนของเจ้าอีก” ทรงตรัสเสียงแข็ง

“แล้วทำไมพระองค์พาผมมาที่ห้องบรรทม” มิคาเอลถาม ไม่ยอมเข้าไป

“เดี๋ยวหมอพอลจะมาทำแผลให้เจ้า” ทรงตรัส

“แต่ทำแผลข้างนอกก็ได้นี่ครับ” มิคาเอลกล่าว

“หลังจากนั้นเราจะทำโทษเจ้า” ทรงตรัสก่อนจะเดินกลับมาช้อนร่างของ

มิคาเอลขึ้นและพาเดินเข้าไปในห้องบรรทม

“ฝ่าบาท บาดแผลของพระองค์” มิคาเอลประท้วงด้วยความเป็นห่วง

“ หากเจ้าไม่ขัดขืน ไม่ดิ้น ไม่ขัดใจเรา เราก็ไม่เป็นไร” ทรงตรัสและพา

มิคาเอลเข้าไปในห้องบรรทม วางคนตัวเล็กลงบนเตียง มิคาเอลอยากจะออกไปจากห้องแต่พระองค์ก็ส่งสายตาดุๆ มองมา ทำให้มิคาเอลไม่กล้าขัด และนั่งรอหมอพอลอย่างไม่ค่อยเต็มใจนัก ไม่นานหมอพอลก็เดินเข้ามา

 

“ฝ่าบาท คุณมิคาเอล” หมอพอลทักทาย

“หมอพอลเองก็มีความผิดที่ปิดบังเรา” องค์เดเมี่ยนเอ่ยขึ้น

“ฝ่าบาทครับ ผมผิดเอง ผมเป็นคนขอให้หมอพอลปกปิดต่อพระองค์เอง” มิคาเอลรีบกล่าว

“เจ้าคิดจะรับผิดแทนทุกคนเลยหรืออย่างไร” ทรงถาม

“ผมผิดเองนี่ครับ” มิคาเอลกล่าว

“เอาล่ะครับขอกระหม่อมดูแผลก่อน” หมอพอลกล่าว และเริ่มทำแผลให้กับมิคาเอล องค์เดเมี่ยนมองดูอยู่ตลอด

“เราขอโทษที่ควบคุมสนมคนอื่นได้ไม่ดีทำให้เจ้าเจ็บตัวแบบนี้” ทรงตรัสเบาๆ มองคนตัวเล็ก

“ผมไม่ได้เป็นอะไรมากหรอกครับ แค่นี้เดี๋ยวก็หาย” มิคาเอลกล่าว

“แผลของพระองค์ก็ยังไม่หายนะขอรับ” หมอพอลกล่าวเตือน ส่ายหน้ากับพฤติกรรมของทั้งสองคนที่เอาแต่หาเรื่องเจ็บตัว จนหมอพอลต้องเดินเข้าออกวิลล่านี้เป็นว่าเล่น

“เราไม่ได้เป็นอะไรแล้ว แผลแค่นี้ ทำอะไรเราไม่ได้หรอก”

ทรงตรัสอย่างขัดใจ

“สุดท้ายกระหม่อมก็ต้องเป็นคนมาทำแผลอยู่ดี คุณมิคาเอลก็ห่วงพระองค์ไม่ใช่เหรอครับ” หมอพอลกล่าว มิคาเอลไม่ตอบแต่ใบหน้าหวานกลับเป็นสีชมพู

“ทำแผลเสร็จก็กลับไปได้แล้ว หมอพอล ยิ่งแก่ตัวก็ยิ่งพูดมากน่ารำคาญ” ทรงกล่าวไล่ หมอพอลอมยิ้มก่อนจะเดินออกไป กระนั้นองค์เดเมี่ยนก็ยังได้ยินเสียงหมอพอลบ่นเบาๆ

 

องค์เดเมี่ยนเดินมานั่งลงข้างๆ มิคาเอล

“บอกเราสิ ว่าเราควรจะลงโทษเจ้าอย่างไร” ทรงตรัสถาม เอื้อมมือมาสัมผัสใบหน้าของมิคาเอลอย่างอ่อนโยน

“แล้วแต่พระองค์จะทรงโปรดเถอะครับ” มิคาเอลตอบไม่ยอมมองพระองค์

“เราคิดถึงเจ้า เจ้าคิดถึงเราบ้างไหม” ทรงถาม ยกมือของมิคาเอลขึ้นจรดริมฝีปาก

“พระองค์มีสนมล้อมหน้าหลังแบบนั้น จะยังมีเวลามาคิดถึงผมได้อย่างไร” มิคาเอลกล่าวเรียบเฉย

“เจ้ากำลังหึงเราอย่างนั้นเหรอ” ทรงถาม

“ผมเปล่าสักหน่อย พระองค์จะทรงรักใคร จะทรงร่วมรักกับใครก็ไม่เกี่ยวกับผมสักหน่อย” มิคาเอลกล่าวแต่ก็ต้องหันหน้าไปทางอื่น น้ำตาที่กลั้นเอาไว้ก็ทำท่าจะหยดลงมา

“ทำไมเจ้าไม่ทำดีกับเราบ้าง ทั้งๆ ที่เรารักเจ้ามากขนาดนี้” ทรงถาม

“พระองค์จะทรงโปรดผมไปถึงเมื่อไหร่กันครับ สักวันผมก็คงมีสภาพไม่ต่างจากพระสนมลูคัส และพระสนมแอนดี้”

มิคาเอลกล่าวอย่างน้อยเนื้อต่ำใจ

 

“ถ้าอย่างนั้นเราจะพิสูจน์ให้ดูว่าเรารัก และคิดถึงเจ้ามากขนาดไหน” ทรงตรัสก่อนจะทิ้งตัวลงเคียงข้างคนตัวเล็ก และเอื้อมมือมารั้งร่างเล็กเข้าไปกอด มิคาเอลไม่กล้าขัดขืน เพราะกลัวองค์เดเมี่ยนจะเจ็บแผลขึ้นมา จึงปล่อยให้พระองค์กอดไว้ ใบหน้าของพระองค์ค่อยๆ เคลื่อนลงมาหาช้าๆ ก่อนจะครอบครองริมฝีปากของร่างเล็กอย่างดูดดื่ม อ่อนโยน และหอมหวาน จนคนตัวเล็กโอนอ่อนตามจุมพิตของพระองค์ แม้ด้านเหตุผลจะร่ำร้องให้ปฏิเสธ แต่หัวใจของมิคาเอลกลับเรียกร้อง และโหยหาอ้อมกอดของพระองค์เหลือเกิน

 

 

ออฟไลน์ KanadiaTBear

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 71
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0


 

 

บทที่ 38 ร่วมรัก

 

องค์เดเมี่ยนครอบครองริมฝีปากของมิคาเอลเนิ่นนาน และคนตัวเล็กก็มิได้ขัดขืน ตรงกันข้ามคนตัวเล็กกลับจูบตอบพระองค์ ด้วยความเต็มใจ ทรงถอนริมฝีปากออกช้าๆ ก่อนจะมองคนตรงหน้า

“เราคิดถึงเจ้า” ทรงตรัสเสียงแหบพล่า

“ผมก็คิดถึงพระองค์ครับ” มิคาเอลกล่าวอย่างเหม่อลอย ด้วยความปรารถนา

“เราต้องการเจ้า มิคาเอล”

ทรงตรัสมือใหญ่ของพระองค์ค่อยๆ ล้วงเข้าไปใต้เสื้อ และปลดกระดุมออกช้าๆ มิคาเอลสั่นสะท้านเมื่อพระองค์ก้มลงจุมพิตที่ยอดอกของเขาเบาๆ พระองค์ค่อยๆ ครอบครองทับทิมเม็ดงามก่อนจะใช้มือสัมผัสอีกข้างไปพร้อมกัน ทรงหยอกเย้า จนมันแข็งเป็นไต ทรงขบกัดเบาๆ มิคาเอลก็ร้องครางแอ่นอกขึ้น และผวากอดองค์เดเมี่ยน

“เจ้ากำลังตื่นตัว มิคาเอล เจ้าต้องการเราหรือเปล่า” ทรงตรัสหยอกล้อ ถามคำถามต่อคนตัวเล็กที่ไม่ยอมตอบ

“หากเจ้าไม่ตอบ เราจะทรมานเจ้าไปเรื่อยๆ” ทรงตรัสขู่ มิคาเอลหน้าแดง แต่ก็ไม่ยอมตอบ พระองค์จึงขบกัดที่ยอดอก จนมิคาเอลสะท้าน เรียกหาพระองค์

“ฝ่าบาท…”

“บอกเราสิ ว่าเจ้าต้องการเรา” ทรงตรัส

“ผม…”

พระองค์ก้มลงจูบที่ต้นคอของมิคาเอลเบาๆ ก่อนจะทิ้งรอยเอาไว้ จากนั้นจึงขบกัด มิคาเอลร้องครางออกมา แอ่นร่างเข้าหาพระองค์

“หากเจ้าต้องการเรา เจ้าก็ต้องพูดออกมา” ทรงตรัส

“ผม… ผม… ต้องการพระองค์ครับ” มิคาเอลเอ่ยเสียงเบาใบหน้าหวานเปลี่ยนเป็นสีชมพูจัด

“เจ้าต้องการให้เราทำอะไรล่ะ” ทรงตรัสถามอีก

“ฝ่าบาท อย่าแกล้งผม”

มิคาเอลกล่าวเสียงเบา เขากำลังอับอายเหลือเกิน

“หากเจ้าไม่บอก แล้วเราจะรู้ได้อย่างไร”

ทรงตรัสอย่างหยอกล้อ จุมพิตและทิ้งรอยเอาไว้จนทั่ว

“ผม...ผม...” มิคาเอลกล่าวได้แค่นั้น

“สัมผัสเราสิ”

ทรงกระซิบข้างหู ขบเม้มติ่งหูเบาๆ มิคาเอลเอื้อมมือไปสัมผัสพระองค์ราวกับต้องมนต์ ร่างของพระองค์กำลังตื่นตัวขยายใหญ่และแข็งแกร่งดุจเสาหิน มิคาเอลหน้าแดงเมื่อสัมผัสพระองค์ผ่านผ้า

“ดูสิ่งที่เจ้าทำกับเราสิ เราปรารถนาเจ้ามากขนาดนี้”

 

พระองค์ลุกขึ้นก่อนจะถอดเสื้อผ้าออกจนหมด ร่างกำยำอันเปลือยเปล่าก็ปรากฎแก่สายตา พระองค์เดินเข้ามาใกล้และถอดกางเกงของมิคาเอลออก ก่อนจะทรงจับขาของมิคาเอลแยกออกจากกัน และทรงแทรกตัวอยู่ระหว่างขาของคนตัวเล็ก ก้มหน้าลง เข้าใกล้กับร่างที่ตื่นตัวของมิคาเอล

 

“บอกเราสิ ว่าเจ้าต้องการให้เราทำอะไร” ทรงถามอีกครั้ง

 

ลมหายใจอุ่นๆ เป่ารด แต่พระองค์ยังเฝ้ารอคำตอบ มิคาเอลปรารถนาคนตรงหน้าเหลือเกิน

“ฝ่าบาทครับ ได้โปรด อย่าทรมานผมเลยครับ ช่วยผมด้วย”

 มิคาเอลอ้อนวอนด้วยความปรารถนา

“เจ้าต้องการให้เราช่วยอย่างไร” ทรงถาม ก้มลงจูบต้นขา อย่างแผ่วเบา

“ฝ่าบาท... ได้โปรดเถิดครับ ... สัมผัสผม”

มิคาเอลอ้อนวอน แต่พระองค์ก็ยังนิ่งเฉย

“สัมผัสที่ไหนล่ะ”

ทรงถามอีก มิคาเอลถูกความปรารถนาครอบงำ เอื้อมมือมาสัมผัสร่างของเขา

“ตรง...นี้...ครับ ...ฝ่าบาท... ได้โปรด”

คนตัวเล็กหน้าแดงอ้อนวอนพระองค์ พระองค์ยิ้มก้มลงจุมพิตเบาๆ ที่ร่างของคนตัวเล็ก มิคาเอลก็ครางออกมา พระองค์ค่อยๆ จุมพิตที่ปลายยอดที่ขณะนี้มีน้ำหยดใสๆ ผุดขึ้นมา ทรงใช้ปลายลิ้นตวัดเลียปลายยอดอย่างแผ่วเบา มิคาเอลก็แอ่นตัวตามด้วยความปรารถนา

“ฝ่าบาท …ได้โปรด… ช่วยผม…ด้วยครับ …อย่า…ทรมาน…ผมอีกเลย”

 มิคาเอลอ้อนวอนอีกครั้ง

“เจ้าต้องการเรามากขนาดนั้นเชียวหรือ” ทรงถามหยอกเย้า

“ผม...ต้องการ...พระองค์ครับ... ผมยอมแล้ว ...ได้โปรด ...ฝ่าบาท ...เดเมี่ยน” มิคาเอลร้องเรียกหาพระองค์

“เจ้ายอมให้เราทำตามใจจริงๆ หรือ”

พระองค์ยังไม่ยอมหยุดหยอกเย้า

 

“ผมยอม...แล้วครับ... ผมเป็นของพระองค์ ...ได้โปรด”

 

มิคาเอลกล่าวออกมา อย่างอ้อนวอน พระองค์ยิ้มออกมา ก่อนจะครอบครองร่างของมิคาเอลไว้ในปากก่อนจะขยับ ใช้ปากและลิ้นกับร่างเล็ก มือของพระองค์สัมผัสกับฐาน ก่อนจะขยับหมุน ขึ้นลงเป็นจังหวะช้าๆ ปากและลิ้นก็ครอบครองส่วนยอดเอาไว้ ลิ้นร้อนตวัดโอบรัดร่างของมิคาเอลอย่างเร่าร้อน ทรงดูดกลืนมิคาเอล จนร่างเล็กครวญครางอย่างไม่อาจกลั้น มือเล็กเอื้อมลงไปไล้เส้นผมของพระองค์ก่อนจะรั้งใบหน้าของพระองค์ไว้ราวกลับจะกลัวว่า คนตัวใหญ่จะหายไป

 

“ฝ่าบาท... อา...ฝ่าบาท... เดเมี่ยน”

มิคาเอลร้องเรียกหาพระองค์ด้วยความปรารถนา องค์เดเมี่ยนพึงพอใจกับภาพตรงหน้าและพึงพอใจกับสิ่งที่ได้ยิน

“เจ้ารักเราหรือเปล่า มิคาเอล ตอบเราสิ” ทรงถาม

“ผมรักพระองค์ครับ ...ผมรักพระองค์เหลือเกิน”

มิคาเอลกล่าวออกมาโดยไม่รู้ตัว องค์เดเมี่ยนยิ่งพึงพอใจกับสิ่งที่ได้ยิน ทรงยิ้มออกมาก่อนจะครอบครองร่างของมิคาเอลอีกครั้ง พระองค์เร่งจังหวะ ไม่นานร่างเล็กก็ครางเสียงดัง ร่างสั่นสะท้าน ปลดปล่อยออกมา พระองค์กลืนกินคนตัวเล็กไปทั้งหมด

 

มิคาเอลหอบอย่างเหนื่อยอ่อน แต่พระองค์ก็ยังไม่หยุด ทรงแยกขาของ

มิคาเอลออก ก่อนจะใช้นิ้วล่วงล้ำเข้าไป มิคาเอลสะดุ้งเมื่อนิ้วใหญ่ของพระองค์ล่วงล้ำเข้ามา

“ฝ่าบาท ผม... เจ็บ... ครับ”

คนตัวเล็ก ร้องไห้ออกมา ดูเหมือนร่างเล็กที่ห่างหายจากเรื่องบนเตียงมาสักพัก จะยังไม่ชิน ภายในจึงคับแน่นแบบนี้

“อย่าเกร็งสิ คนดี ผ่อนคลาย เราจะอ่อนโยนต่อเจ้า” ทรงตรัส

ขยับนิ้วเข้าออกช้าๆ อย่างช่ำชอง ไม่นาน มิคาเอลก็ครางออกมา เบื้องล่างยังบีบรัดนิ้วของพระองค์เป็นจังหวะ

“เด็กดี” ทรงเอ่ยชม

ก่อนจะเพิ่มนิ้วเข้าไป มิคาเอลนิ่วหน้าร้องเรียกหาพระองค์

“ฝ่าบาท...”

มิคาเอลทำหน้าเจ็บปวดไขว่คว้าหาอ้อมกอดของพระองค์ องค์เดเมี่ยนจึงกอดร่างเล็กเอาไว้ทรงจูบมิคาเอลอย่างอ่อนโยน ปลอบโยนคนตัวเล็ก

“อย่างนั้นแหล่ะคนดี อย่าเกร็ง”

ทรงตรัสก่อนจะถอดถอนนิ้วออกช้าๆ มิคาเอลหอบหายใจ พระองค์หยิบเจลหล่อลื่นมาชโลมที่ร่างของพระองค์และที่ส่วนอ่อนไหวของคนตัวเล็ก

 

พระองค์จับขาของมิคาเอลขึ้นและค่อยๆ แทรกร่างของพระองค์เข้าไปช้าๆ มิคาเอลกรีดร้องอย่างเจ็บปวด ผวากอดพระองค์ไว้ น้ำตาของร่างเล็กไหลริน พระองค์จึงนิ่งไม่ขยับ และรอให้ร่างเล็กคุ้นชินกับความใหญ่โตของพระองค์เสียก่อน ร่างของมิคาเอลบีบรัดพระองค์เป็นจังหวะ ภายใน

มิคาเอลร้อนผ่าว โอบรัดพระองค์ไว้ราวกับถุงมือกำมะหยี่ชั้นดี ที่แนบชิดโอบล้อม รัดร่างของพระองค์คล้ายว่าถูกสร้างมาคู่กัน ไม่นานมิคาเอลก็เริ่มคุ้นชิน พระองค์จึงเริ่มขยับโยกช้าช้า ทุกครั้งที่ขยับ มิคาเอลก็ครวญครางออกมาอย่างไม่อาจอดกลั้น

 

“ฝ่าบาท... ผม...อาาาาา... ฝ่าบาท... เดเมี่ยน... ได้โปรด”

“เจ้าชอบให้เราอยู่ในร่างของเจ้าหรือเปล่ามิคาเอล” ทรงตรัสถาม

“ฝ่าบาท... ฝ่าบาท... ครับ... ผม... ต้องการ..พระองค์” มิคาเอลกล่าว

มิคาเอลขยับร่างตามจังหวะขององค์เดเมี่ยน พระองค์พึงพอใจที่ร่างเล็กไม่เพียงไม่ขัดขืน แต่ยังตอบสนองต่อพระองค์ ไม่นาน มิคาเอลก็ปลดปล่อยออกมาอีกครั้ง

 

แต่องค์เดเมี่ยนยังไม่เสร็จ ยังคงไม่พึงพอใจ พระองค์ถอดถอนร่างออก ก่อนจะจับมิคาเอลคลานเข่า พระองค์ก็สอดใส่เข้าไปจากทางด้านหลัง

มิคาเอลก็ครางออกมาอย่างพึงพอใจ ขยับร่างไปตามจังหวะที่พระองค์กำหนด พระองค์รั้งร่างมิคาเอลขึ้นมาจุมพิต และจูบที่ต้นคอ ทรงเอื้อมมือมาสัมผัสกับร่างของมิคาเอลเบื้องหน้า ทรงขยับมือ ไม่นานมิคาเอลก็ปลดปล่อยออกมาอีกครั้ง

 

พระองค์ร่วมรักกับมิคาเอลเนิ่นนานหลายชั่วโมง มิคาเอลที่หลั่งออกมานับครั้งไม่ถ้วน เหนื่อยอ่อนจนแทบจะครองสติไม่ไหว แม้กระนั้นพระองค์ก็ไม่ยอมหยุด ทรงจับให้มิคาเอลนั่งหันหน้าเข้าหาและทาบทับร่างของพระองค์ไว้ ทรงกึ่งนั่งกึ่งนอน ขยับร่างช้าๆ เป็นจังหวะเนิบนาบ ในท่านี้ท่าเดียวมิคาเอลก็ปลดปล่อยไปแล้วถึงสองครั้ง แต่องค์เดเมี่ยนก็ยังไม่ยอมปลดปล่อย ทุกครั้งที่พระองค์กำลังจะปลดปล่อยพระองค์ก็หยุด จนเมื่อความต้องการจะปลดปล่อยหายไป พระองค์ก็เริ่มขยับอีกครั้ง

 

“ฝ่าบาท ผมเหนื่อยแล้วครับ ได้โปรด ผมไม่ไหวแล้วครับ” มิคาเอลอ้อนวอนหลังจากปลดปล่อยออกมาอีกครั้ง องค์เดเมี่ยนยิ้ม ทรงจูบประทับอย่างอ่อนโยน ก่อนจะเร่งจังหวะขึ้น ทรงขยับอย่างรุนแรงและรวดเร็ว จนในที่สุด ทั้งสองก็ปลดปล่อยออกมาพร้อมกัน

 

องค์เดเมี่ยนโอบกอดร่างของมิคาเอลเอาไว้แนบแน่น ร่างของยังฝังอยู่ภายใน มิคาเอลรู้ว่าพระองค์คงไม่คิดจะถอดถอนออกง่ายๆ และเขาก็ไม่อาจจะครองสติได้อีกแล้ว เขาจึงซบอยู่กับอกกว้างของพระองค์ ก่อนจะหลับไปอย่างเหนื่อยอ่อน

 

มิคาเอลตื่นขึ้นช้าๆ และพบว่าเขายังคงนอนอยู่บนร่างขององค์เดเมี่ยน พระองค์โอบกอดเขาเอาไว้อย่างแนบแน่นแทบไม่มีส่วนไหนของเขาที่ไม่สนิทแนบชิดกับพระองค์ มิคาเอลค่อยๆ ขยับกายช้าๆ แต่องค์เดเมี่ยนก็ตื่นขึ้นและกอดเขาเอาไว้ไม่ยอมปล่อย

 

“ฝ่าบาท ปล่อยผมเถอะครับ ผมอยากอาบน้ำครับ” มิคาเอลรูสึกผิดที่ปล่อยตัวปล่อยใจให้กับองค์เดเมี่ยนแบบนี้ ร่างกายของเขาก็แปดเปื้อนไปด้วยคราบคาวจากการร่วมรัก จนมิคาเอลรู้สึกรังเกียจตัวเองขึ้นมา

“เรายังกอดเจ้าไม่หายคิดถึงเลย”ทรงตรัส

“ปล่อยผมเถอะครับ ฝ่าบาท ผมอยากจะอาบน้ำ” มิคาเอลกล่าว

“ถ้าอย่างนั้นเราจะพาเจ้าไป เราจะอาบเป็นเพื่อน” ทรงตรัสยิ้มๆ

“ผมไม่ได้อยากอาบกับพระองค์สักหน่อย” คนปากแข็งเถียงหน้าแดง

“เจ้าเดินไหวหรือ” ทรงแกล้งเย้า

“ฝ่าบาทใจร้าย” มิครเอลกล่าวต่อว่า

“หากเราใจร้าย เราคงไม่ทำกับเจ้าแบบนี้” ทรงตรัส

 

ก่อนจะอุ้มร่างเล็กขึ้นและพาไปในห้องอาบน้ำ ทรงพาคนตัวเล็กเดินลงไปในสระน้ำ น้ำในสระเป็นน้ำแร่ที่ผันมาจากน้ำพุร้อน มีกลีบกุหลาบลอยอยู่ องค์เดเมี่ยนค่อยๆวางร่างของมิคาเอลวางลงนั่งในน้ำ และทรงเปิดระบบน้ำวนแบบในอ่างจากุซชี่ ก่อนจะทรงนั่งลงข้างๆ มิคาเอลรู้สึกผ่อนคลาย องค์เดเมี่ยนยังคงนั่งมองมิคาเอลไม่วางตา จนมิคาเอลต้องวักน้ำใส่คนตัวใหญ่

“เลิกมองผมไดัแล้ว” มิคาเอลประท้วง

“เราคิดถึงเจ้า เจ้าใจร้ายเหลือเกิน เจ้าไม่มาหาเราเลยทั้งอาทิตย์ ทั้งๆ ที่เราเจ็บอยู่” ทรงตรัส และรั้งมิคาเอลไปนั่งบนตัก

“เจ้าไม่คิดถึงเราบ้างเหรอ” ทรงถามย้ำ

“ผมก็อยู่นี่แล้วไงครับ” มิคาเอลเลี่ยงที่จะตอบคำถาม องค์เดเมี่ยนจึงกอดร่างเล็ก และประทับรอยจูบลงที่ต้นคอของคนตัวเล็ก มิคาเอลก็แทบละลายอยู่ในอ้อมกอดนั้น

“คนฉวยโอกาส” มิคาเอลตำหนิ

“ไหนเจ้าบอกว่ารักเราอย่างไร” ทรงถาม

“ผมไม่ได้พูดสักหน่อย” มิคาเอลรีบปฏิเสธ

“ตอนร่วมรักกับเรา เจ้าเป็นคนบอกเองนี่ว่ารักเรา” องค์เดเมี่ยนตรัส ใบหน้าประดับด้วยรอยยิ้ม

“พระองค์บังคับผมให้พูด และคำพูดระหว่างการร่วมรักจะเชื่อถือได้อย่างไรครับ” มิคาเอลปฏิเสธ

“เจ้าไม่สงสาร ไม่เห็นใจเราบ้างเหรอ” ทรงถาม

“ยังไงผมก็เป็นสนมของอยู่ดีนี่ครับ ผมจะทำตามที่พระองค์สั่ง”

มิคาเอลกล่าว

“ร่างกายของเจ้า ยังซื่อสัตย์กว่าเจ้าเสียอีก” พระองค์ตรัส พร้อมกับเอื้อมมือไปสัมผัสกับร่างของคนตัวเล็ก จนมิคาเอลต้องเอื้อมมือไปรั้งมือของพระองค์ไว้

“อย่าครับ! ฝ่าบาท”

“ทั้งๆ ที่เจ้าปฏิเสธเรา แต่ร่างกายของเจ้ากลับปรารถนาเรามากขนาดนี้ ดูสิ เจ้ากำลังตื่นตัวอีกแล้ว” ทรงตรัส ก่อนจะสอดนิ้วเข้าไปสำรวจภายใน

มิคาเอลอยากจะผลักพระองค์ออก แต่ร่างกายที่ไม่รักดี ก็ทรยศเขาอีกครั้ง เพียงไม่นาน เสียงครางเบาๆ ก็ดังขึ้น องค์เดเมี่ยนยิ้มออกมา ก่อนจะค่อยๆ สอดใส่ร่างของพระองค์เข้าไปอีกครั้ง พระองค์ร่วมรักในน้ำกับ

มิคาเอลอย่างอ่อนโยนเนิ่นนาน และอีกครั้งที่พระองค์ทำให้มิคาเอลปลดปล่อยออกมานับครั้งไม่ถ้วน

 

 

ออฟไลน์ Warnkt

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 82
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
ฝ่าบาทหื่นไปไหม อยากให้รักกันเร็วๆจังอะอึดอัดมากๆ
มิคาเอลสู้ๆนะ  :mew2: :mew2:

ออฟไลน์ KanadiaTBear

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 71
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0


 

 

 

บทที่ 39 เรื่องบนเตียง

 

“ฝ่าบาท… ผม… เหนื่อย…แล้วครับ…อาาาา….ได้โปรด”

มิคาเอลอ้อนวอน องค์เดเมี่ยนพาเขามาในจุดที่น้ำตื้นและให้เขายืนเกาะขอบสระไว้ พระองค์สอดใส่เข้ามาทางด้านหลัง ทรงขยับอย่างเชื่องช้า เป็นการทรมานที่แสนหวาน

“ถึงเจ้าจะพูดแบบนั้น แต่ร่างกายของเจ้าก็ยังตอบสนอง และบีบรัดเราอยู่” ทรงตรัสหยอกล้อ

“ได้โปรด… อาาา… ฝ่าบาท … ผมเหนื่อย…อืมมม … จนยืน… ไม่ไหว… แล้ว..”

“ถ้าอย่างนั้นก็นอนลง” ทรงตรัส

อุ้มร่างเล็กขึ้นจากสระก่อนจะพามาวางบนม้านั่ง พระองค์ทาบทับ สอดใส่อีกครั้งและขยับ มิคาเอลก็ครวญครางออกมา ไม่นานนักร่างเล็กก็ปลดปล่อยออกมาอีกครั้ง

“เจ้าปลดปล่อยออกมาอีกแล้ว เราทำให้เจ้ารู้สึกดีขนาดนั้นเลยหรือ”

ทรงถาม แต่มิคาเอลหน้าแดงจัดไม่ยอมตอบ

“ผมเหนื่อยแล้วครับ กลับไปที่เตียงกันเถอะครับ” มิคาเอลอ้อนวอน

ร่างของพระองค์ยังคงแข็งแกร่งอยู่ภายใน

“เรายังไม่ได้ปลดปล่อยเลย แต่ถ้าเจ้าอยากกลับไปที่เตียงเราก็ไม่ว่า”

ทรงตรัส และโอบอุ้มร่างของมิคาเอลขึ้นทั้งๆ ที่ร่างของพระองค์ยังคงอยู่ภายใน มิคาเอลต้องกอดพระองค์ไว้แน่น ร่างของพระองค์ก็ขยับเข้าออก ทุกก้าวเดิน จนมิคาเอลต้องครางเบาๆ ออกมา พระองค์กลับยิ้ม

 

“เจ้ากำลังบีบรัดเราอีกแล้ว มิคาเอล” ทรงตรัสข้างหูมิคาเอล

“ฝ่าบาทใจร้าย”

มิคาเอลกล่าวได้แค่นั้น ริมฝีปากของเขาก็ถูกพระองค์ครอบครอง ลิ้นของพระองค์สอดใส่เข้ามาเป็นจังหวะเดียวกับร่างของพระองค์ที่ขยับอยู่เบื้องล่าง มิคาเอลจึงต้องยอมศิโรราบต่อความช่ำชองของคนตัวใหญ่อีกครั้ง เขาปล่อยให้พระองค์นำพาเขาไป

 

พระองค์วางมิคาเอลบนเตียงอย่างอ่อนโยน ทรงทาบทับตามลงมาร่างของพระองค์ค่อยๆ เร่งจังหวะให้เร็วขึ้น ยิ่งทรงขยับรวดเร็วมิคาเอลก็ยิ่งครางเสียงดัง ในที่สุดพระองค์ก็พามิคาเอลไปถึงสรวงสวรรค์อีกครั้ง และพระองค์ก็ปลดปล่อยออกมาภายในร่างของมิคาเอล

 

แม้พระองค์จะไม่อยากถอดถอนออก แต่ดูเหมือนร่างเล็กของพระองค์จะไม่คุ้นชินกับการร่วมรักที่ยาวนานแบบนี้ ทันทีที่พระองค์ถอดถอนออก ร่างเล็กก็หลับไปในแทบจะทันที พระองค์นอนเคียงข้างมิคาเอลและกอด

มิคาเอลไว้ในอ้อมกอด ก่อนพระองค์จะหลับไป

 

มาร์คัสรู้สึกโกรธและขัดใจเหลือเกิน มาร์คัสและลูคัสเป็นลูกชายของนักการเมืองที่มีอิทธิพลมากคนหนึ่ง เขาเข้าถวายตัวด้วยความเต็มใจ และองค์เดเมี่ยนก็ทรงโปรดปรานเขามาตลอด แต่อยู่ดีๆ คนที่ไร้หัวนอนปลายเท้าอย่างมิคาเอล ก็เข้ามาและแย่งความสนใจทั้งหมดขององค์เดเมี่ยนไป เวลานับเดือนแล้วที่พระองค์มิได้ร่วมรักกับใครอื่น นอกจากสนมหน้าด้านคนนั้น ทั้งๆ ที่ปากของมันบอกว่าไม่รัก ไม่ต้องการพระองค์ แต่กลับออเซาะ รั้งพระองค์เอาไว้คนเดียวมาตลอด ยิ่งคิดก็ยิ่งเจ็บใจ แต่การจะทำอะไรที่โจ่งแจ้งอย่างลูคัส ย่อมเป็นการสิ้นคิด เขาย่อมมีวิธีในแบบของเขา โดยที่องค์เดเมี่ยนก็ทำโทษเขาไม่ได้

 

มาร์คัสแต่งกายด้วยผ้าอันบางเบา และเดินออกไปที่วิลล่าหลัก และเดินตรงไปที่ห้องบรรทม มาร์คัสเปิดประตูเข้าไป ก็เห็นพระองค์กำลังกกกอดอยู่กับมิคาเอล มาร์คัสชินเสียแล้วกับการที่เห็นพระองค์ร่วมรักกับคนอื่นต่อหน้า และเขาก็ไม่เคยรังเกียจจะเข้าร่วมวงด้วย มาร์คัสเดินอ้อมมาทางด้านหลังขององค์เดเมี่ยน ปลดเสื้อผ้าออกก่อนจะเบียดกายเข้ากับร่างของพระองค์ องค์เดเมี่ยนตื่นแทบจะทันทีที่ถูกสัมผัส

พระองค์จึงหันกลับมามอง

 

“เจ้ามาทำอะไรที่นี่ มาร์คัส” ทรงถามเสียงดุ แต่มาร์คัสก็โผเข้ากอด

ออดอ้อนพระองค์แทน

“กระหม่อมเหงา และเศร้าเหลือเกินฝ่าบาท ลูคัสถูกปลดออก กระหม่อมก็ไม่มีใครจะคุยด้วย” มาร์คัสกล่าว น้ำตาไหลออกมาแต่พองาม องค์เดเมี่ยนแม้จะโหดร้ายกับคนทั่วไป แต่พระองค์ก็ทรงใจดีกับสนมของพระองค์เสมอ

“ลูคัส ทำผิด เราก็ต้องลงโทษ”

“กระหม่อมทราบดี กระหม่อมเองก็อยากจะขอโทษต่อมิคาเอล ในการกระทำของน้องของกระหม่อมด้วย” มาร์คัสกล่าว โอบกอดองค์เดเมี่ยนไว้

“มิคาเอลหลับไปแล้วล่ะ เอาไว้พรุ่งนี้ก็แล้วกัน” ทรงตรัส

 

“กระหม่อมคิดถึงพระองค์ หากมิคาเอลร่วมรักกับพระองค์จนหลับใหล พระองค์จะทรงเมตตาร่วมรักกับกระหม่อมบ้างได้ไหมครับ กระหม่อปรารถนาพระองค์เหลือเกิน” มาร์คัสกล่าวอย่างน่าสงสาร ค่อยๆ เอื้อมมือลงสัมผัสร่างของเขาที่กำลังตื่นตัว ยั่วยวน องค์เดเมี่ยนลังเล แต่มาร์คัสก็โอบกอดพระองค์ และจูบพระองค์อย่างยั่วยวน จนพระองค์ต้องจูบตอบ

 

มิคาเอลที่หลับใหลไปแล้วก็ค่อยตื่นขึ้นเมื่อได้ยินเสียงคนพูดคุยกัน และเตียงก็เริ่มขยับ เขาพลิกตัวกลับมามอง ก็เห็นภาพบาดตา มาร์คัสที่เปลือยเปล่ากำลังปลุกเร้าองค์เดเมี่ยนด้วยปากและลิ้น และองค์เดเมี่ยนที่กึ่งนั่งกึ่งนอนก็ดูจะพอใจกับการกระทำของมาร์คัสมิใช่น้อย

 

มิคาเอลแทบไม่อยากเชื่อสายตากับสิ่งที่เห็น เขาอยากให้มันเป็นเพียงฝันตื่นหนึ่ง แต่ไม่ว่าอย่างไรภาพตรงหน้าก็ไม่จางหายไป เป็นความจริงอันโหดร้ายที่เขาต้องทนรับ ความจริงที่ว่า เจ้าชายผู้สูงศักดิ์ มิได้รักเขาเพียงคนเดียว ความจริงที่มีพระสนมมากมาย ที่รักและปรารถนาพระองค์ และเขาก็เป็นเพียงหนึ่งในนั้น เป็นเพียงของเล่นชิ้นใหม่ชิ้นหนึ่ง ไม่ได้มีค่า หรือมีความหมายพิเศษอะไร หากไม่มีเขา พระองค์ก็มีคนอื่นมาแทนที่

 

ทั้งๆ ที่ก่อนหน้านี้ พระองค์ยังกอดเขา บอกรักต่อเขา ร่วมรักต่อเขา แต่ในตอนนี้ พระองค์ก็กำลังทำสิ่งเหล่านั้นกับสนมคนอื่นเช่นกัน มิคาเอลขยับตัวลุกขึ้น มาร์คัสจึงหยุดการกระทำและเอ่ยขึ้น

“ฝ่าบาท มิคาเอลตื่นแล้วครับ” มาร์คัสกล่าว องค์เดเมี่ยนจึงหันมาทาง

มิคาเอล

“มิคาเอล มาร์คัสอยากจะขอโทษเจ้าเรื่องของน้องชายของเขา” ทรงตรัส ลูบศรีษะของมาร์คัสอย่างเอ็นดู มิคาเอลลุกขึ้นจากเตียงและหยิบเสื้อคลุมมาสวมก่อนจะพยายามเดินออกไปจากห้อง

 

“เจ้าคิดจะไปไหน มิคาเอล” ทรงลุกขึ้นจากเตียงและรั้งมิคาเอลเอาไว้

“พระองค์ต้องการอะไรจากผมอีก! ในเมื่อพระองค์มีคนอื่นมาร่วมเตียงกับพระองค์แบบนี้ ทำไมพระองค์ไม่ปล่อยผมไปเสีย พระองค์ต้องการอะไรจากผม” มิคาเอลร้องถามเสียงดัง น้ำตาก็ไหลออกมาอย่างไม่อาจกลั้น เจ็บปวดกับภาพที่เห็น เจ็บปวดกับสถานภาพ และเจ็บปวดที่รักคนๆ นี้

 

“เจ้าเป็นสนมของเรา เจ้าก็ต้องเชื่อฟังคำสั่งของเรา”

ทรงตรัสเสียงแข็ง พระองค์กำลังโกรธ ไม่เข้าใจว่าทำไมคนตัวเล็กถึงได้ใจแข็งนัก ในเมื่อพระองค์ทำทุกอย่างให้ ในเมื่อสนมคนอื่นไม่เคยมีปัญหาเมื่อพระองค์ร่วมรักกับคนอื่น แล้วทำไมสนมคนนี้ จึงได้ขัดใจพระองค์ไปเสียทุกอย่าง

 

“หากผมเลือกได้ผมก็ไม่ได้อยากเป็นสนมของพระองค์ หากผมเลือกได้ผมก็อยากเป็นแค่คนธรรมดาคนหนึ่ง ผมไม่เคยเรียกร้องที่จะมาอยู่ในฐานะนี้ พระองค์เป็นคนที่บังคับให้ผมอยู่ในสภาพนี้ และหากผมจะต้องเลือก ผมคงเลือกที่จะเป็นสนมของเจ้าชายพระองค์อื่น ที่ไม่ใช่พระองค์ แต่ผมก็รู้ว่าผมไม่มีสิทธิ แต่ผมก็อยากให้พระองค์รู้ด้วยเช่นกันว่า พระองค์เองก็ไม่มีสิทธิมาบังคับให้ผมต้องทนมองพระองค์ร่วมรักกับคนอื่น และหากพระองค์ไม่ชอบใจการกระทำของผม พระองค์จะลงโทษผมอย่างไรก็เชิญ” มิคาเอลกล่าวประชด น้ำตาไหลออกมาอย่างเจ็บปวด จนองค์เดเมี่ยนอยากเข้าไปปลอบ แต่มิคาเอลก็ปัดมือของพระองค์ออก

 

“อย่ามาแตะต้องตัวผม ผม… ผมเกลียด… ผมเกลียดพระองค์ ผมเกลียดพระองค์”

มิคาเอลตะโกนออกมา และร้องไห้ราวกับจะขาดใจ องค์เดเมี่ยนเจ็บปวดกับทั้งคำพูดและการกระทำของคนตัวเล็ก

“กลับไปที่ห้องของเจ้าซะ” ทรงตรัสอย่างเย็นชา มองคนตรงหน้าอย่างเจ็บปวด มิคาเอลจึงหันหลังและวิ่งออกไป

 

องค์เดเมี่ยนเจ็บปวดกับภาพตรงหน้า พระองค์รักมิคาเอล แต่พระองค์ไม่คิดจะยกย่องใครให้เป็นพระชายา สำหรับพระองค์ ตำแหน่งนี้มีเจ้าของแล้ว และแม้เจ้าของตำแหน่งจะไม่ได้อยู่ตรงนี้ แต่พระองค์ก็ไม่คิดจะให้ใครขึ้นมาแทนที่ และแม้พระองค์จะรักมิคาเอล แต่มิคาเอลก็มิได้มีทีท่าว่าจะรักพระองค์แม้แต่น้อย ตรงกันข้าม คนตัวเล็กกลับพยศ และปฏิเสธพระองค์อยู่ตลอดเวลา และไม่ต้องสงสัย คนตัวเล็กคงจะเฝ้าเอาแต่คิดถึงราฟาเอล เจ้าชายจอมปลอมอย่างพระองค์ จะมีค่าอะไรไปเทียบกับเจ้าชายรัชทายาทอย่างราฟาเอล พระองค์เจ็บปวดกับความคิดที่ผ่านเข้ามา แต่กระนั้น พระองค์ก็ตัดสินใจ มาร์คัสเดินเข้ามากอดพระองค์ไว้ ออดอ้อน และยั่วยวน แผนของเขาเป็นไปตามคาด ในเมื่อพระองค์กำลังเจ็บปวด เขาก็จะเป็นคนปลอบพระองค์เอง และพระองค์ก็มิได้ทำให้ผิดหวัง พระองค์ร่วมรักกับมาร์คัสตลอดทั้งคืนจนหลับไป

 

มิคาเอลวิ่งกลับมาที่ห้อง และขังตัวเองอยู่ภายในห้องนอน น้ำตาของเขาไหลออกมาไม่หยุด เจ็บปวดรวดร้าว เหมือนถูกเข็มนับพันทิ่มแทงที่หัวใจ เฝ้าบอกกับตัวเองให้เข้มแข็ง เขาจะต้องผ่านมันไปให้ได้ แม้เขาอยากจะคิดสั้น อยากจะหนีปัญหาเหล่านี้ด้วยการจบชีวิตของเขาเสีย แต่คำสัญญาที่ให้ไว้กับโทนี่ คือสิ่งเดียวที่เหนี่ยวรั้งเขาเอาไว้ ในตอนนี้มีเพียงน้ำตา ที่พอจะช่วยบรรเทาความเจ็บปวดนี้ลงได้ ในเมื่อเขาโง่งม ไปหลงรักเจ้าชายผู้สูงศักดิ์ การที่ต้องเจ็บปวดอยู่อย่างนี้ ก็สมควรแล้วมิใช่หรือ คนอย่างองค์เดเมี่ยน คงไม่มีทางมารักเขาจริงๆ ดังคำหวานของพระองค์ได้หรอก และเขาก็เป็นเพียงคนธรรมดาคนหนึ่ง ไม่ได้มีอะไรพิเศษมากพอจะทำให้พระองค์มารักสักนิด การที่พระองค์ให้ความสนใจต่อเขามากเพียงนี้ ก็นับว่าโชคดีมากแล้ว ทางที่ดี เขาควรจะตัดใจเสีย ความรักมีแต่ความเจ็บปวด เขาควรจะรู้ตั้งแต่แรก ยิ่งเป็นองค์เดเมี่ยนผู้ที่ขึ้นชื่อเรื่องความเจ้าชู้ การจะหวังให้พระองค์มารักเขาคนเดียว ก็เหมือนกับหวังให้พระอาทิตย์ขึ้นมาในทางทิศตะวันตกนั่นแหล่ะ คงไม่มีทางเป็นไปได้ มิคาเอลกอดตัวเองเอาไว้ ร้องไห้ออกมา บอกกับตัวเองว่า ในวันพรุ่งนี้เขาจะเข้มแข็ง คนตัวเล็กร้องไห้ ตลอดทั้งคืนจนหลับไป

 

ในตอนสายมิคาเอลก็ยังคงขังตัวอยู่ในห้องนอน เขาแทบไม่ได้นอนตลอดทั้งคืน แต่กระนั้นองค์เดเมี่ยนก็ยังคงตามมาวนเวียนอยู่ในความฝันของเขาตลอดทั้งคืน ภาพขององค์เดเมี่ยนในความฝันนั้นช่างอ่อนโยน พระองค์ดูแลและเอาใจใส่เขา อีกทั้งทรงรักเขา และมีเพียงเขาคนเดียว แต่เมื่อเขาลืมตาตื่นขึ้น ความจริงอันโหดร้ายก็ถาโถมเข้ามา เขารู้สึกสมเพชตัวเอง ที่เฝ้าฝันในสิ่งที่ไม่มีวันเป็นจริงแบบนั้น แต่แม้จะเป็นเพียงความฝัน มิคาเอลก็อยากซึมซับกับมันไว้ให้นานเท่าที่จะนานได้ แม้จะตื่นนานแล้ว แต่เขาก็รู้สึกไม่อยากลุกออกจากเตียงนี้ ไม่อยากออกไปเผชิญหน้ากับความเป็นจริงอันโหดร้าย อยากจะหลับตานอนอยู่ตรงนี้ อยู่กับองค์เดเมี่ยนที่อ่อนโยน และมีเพียงเขาคนเดียว อยู่กับความฝันที่ไม่อาจเป็นจริง

 

แต่แม้เขาจะไม่อยากตื่นขึ้นมาเจอกลับความเป็นจริง แต่ความเป็นจริงก็เข้ามาหาเขาแทน เสียงเอะอะ ดังขึ้นด้านนอก พร้อมกับเสียงประตูห้องของเขาที่เปิดออก ก่อนเสียงย่ำเท้าหนักๆ และเดินเข้ามาเปิดประตูห้องนอนของเขา มิคาเอลลืมตาขึ้นช้าๆ ลุกขึ้นมองคนตรงหน้า

 

“ฝ่าบาท...” มิคาเอลทัก

แต่ไม่ยอมสบตา องค์เดเมี่ยนมองมาที่มิคาเอลด้วยสายตาที่เจ็บปวด และเย็นชา ก่อนจะทรงเอ่ยขึ้น

 

 

“เข้ามาสิ!”

______________
เป็นอะไรที่หนักหน่วง เป็นอะไรที่ปวดจิตมาก ไรท์ช่างโรคจิตอะไรเยี่ยงนี้
อย่างที่แจ้งค่ะ เรื่องนี้ลงจบแล้วที่ธัญวลัยนะคะ เผื่อใครสนใจจะไปอ่านที่นั่น

และตอนนี้กำลังจัดทำหนังสือ คิดว่าไม่นานน่าจะออกมาเป็นรูปเล่มค่ะ
ใครสนใจติดตามผลงานของไรท์ ตามได้ที่เพจนะคะ

"Teddy bear แห่ง คานาเดีย" ค่ะ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 14-08-2016 22:49:15 โดย KanadiaTBear »

ออฟไลน์ KanadiaTBear

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 71
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0


บทที่ 40 น้ำตา

 

"เข้ามาสิ"

องค์เดเมี่ยนกล่าว ด้วยเสียงเย็นชา และก็เป็นมิคาเอลเองที่ต้องตกใจเมื่อเห็นคนที่เดินเข้ามา ร่างสูงก็ก้าวเดินเข้ามาในห้องช้าๆ และหยุดยืนอีกฝั่งของเตียง

“องค์ราฟาเอล...” มิคาเอลเอ่ยขึ้นเสียงเบา

ไม่เข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้น ทำไมองค์ราฟาเอลจึงมาอยู่ที่นี่ ทั้งๆ ที่วิลล่าเล็กเป็นสถานที่ต้องห้ามของชายอื่น

 

“เราถามเจ้าอีกครั้ง ราฟาเอล ทั้งๆ ที่เราร่วมรักกับมิคาเอลนับครั้งไม่ถ้วน เจ้าจะยังต้องการมิคาเอลอยู่หรือไม่” ทรงตรัสถามด้วยน้ำเสียงเย็นชา และเจ็บปวด มองมาที่มิคาเอล ที่กำลังสับสนและไม่เข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้น

“ไม่ว่าจะอย่างไรผมก็ต้องการมิคาเอล” องค์ราฟาเอลตรัส องค์เดเมี่ยนดูเจ็บปวด พระองค์เดินเข้ามานั่งข้างมิคาเอล

“ผมจะรอข้างนอก” องค์ราฟาเอลกล่าวและเดินออกไปจากห้องนอน องค์เดเมี่ยนจึงเอื้อมมือมารั้งร่างของมิคาเอลเข้าไปกอด แม้คนตัวเล็กจะพยายามผลักพระองค์ออกแต่พระองค์ก็ยังกอดไว้แนบหัวใจของพระองค์

 

“เรารู้... ว่าเจ้าเกลียดเรา แต่เราเพียงอยากจะกอดเจ้า...เป็นครั้งสุดท้าย” ทรงตรัส มิคาเอลไม่เข้าใจ

“ผมไม่เข้าใจ พระองค์หมายความว่าอย่างไร” มิคาเอลหยุดดิ้น เงยหน้าขึ้นถาม

“ในเมื่อเจ้าเกลียดเรา เราจึงตัดสินใจยกเจ้าให้กับราฟาเอล ในเมื่อเจ้ารักราฟาเอล การที่เจ้าจะเป็นของราฟาเอลย่อมทำให้เจ้ามีความสุขได้มากกว่าการเป็นสนมของเรา” ทรงตรัสด้วยน้ำเสียงที่เจ็บปวด พระองค์ตัดสินใจแบบนี้เพราะไม่ต้องการเห็นมิคาเอลต้องเจ็บปวด การเหนี่ยวรั้งมิคาเอลไว้ ก็ดีแต่จะทำให้ทั้งมิคาเอล และพระองค์เองต้องเจ็บปวด การยกมิคาเอลให้กับราฟาเอล ก็น่าจะทำให้คนตรงหน้ามีความสุข แม้พระองค์จะต้องเป็นคนเจ็บปวด พระองค์ก็ยอม แต่แทนที่คนตรงหน้าจะมีความสุข มิคาเอล

กลับดูเจ็บปวด ทรมานเสียเหลือเกิน และพระองค์ก็ไม่เข้าใจว่าทำไม

 

“เจ้าควรจะมีความสุข แล้วทำไมเจ้าร้องไห้แบบนี้” ทรงปาดน้ำตาที่ไหลรินออกจากใบหน้าของมิคาเอล

“พระองค์ไม่ต้องการผมแล้วเหรอครับ” มิคาเอลถามอย่างน้อยใจ

“ในเมื่อเจ้ารักราฟาเอล เจ้าก็ควรจะดีใจไม่ใช่หรือ” ทรงถาม

“ผมเป็นเพียงแค่สิ่งของชิ้นหนึ่งเท่านั้น ในเมื่อพระองค์ไม่ต้องการผมแล้ว ผมก็จะไปครับ” มิคาเอลตอบ ก้มหน้าลงไม่ยอมสบตากับพระองค์อีก เขารู้สึกน้อยเนื้อต่ำใจเหลือเกิน

“เจ้าไม่มีความสุข ที่อยู่กับเรา ตลอดเวลาที่ผ่านมา เจ้าเอาแต่ปฏิเสธเรา คำพูดของเจ้าก็ทำให้เราเจ็บปวด เราทำให้ความปรารถนาของเจ้าให้เป็นจริง แล้วเจ้าจะยังไม่พอใจอีกหรือ” ทรงตรัสถาม

 

“ตลอดเวลาที่ผ่านมา เจ้าเอาแต่ร่ำร้องหาราฟาเอล ในตอนนี้เราก็ปล่อยให้เจ้าไปหาเขา แล้วเจ้าจะยังไม่พอใจอีกหรือ เราจะต้องทำอย่างไรเจ้าจึงจะพอใจ มิคาเอล” ทรงถามด้วยน้ำเสียงที่เจ็บปวด

 

“ผมไม่ต้องการสิ่งใด ในเมื่อพระองค์ยกผมให้กับองค์ราฟาเอล ผมก็จะไป ผมไม่ได้มีค่าอะไร ไม่ได้มีความหมายอะไร ในเมื่อพระองค์ไม่ได้รัก ไม่ได้ต้องการผมแล้ว คนอย่างผม ที่ไม่มีประโยชน์ต่อพระองค์ ก็จะไปเอง”

มิคาเอลกล่าว น้ำตาที่กลั้นไว้ ก็ค่อยๆ ไหลออกมา มิคาเอลเจ็บปวด ทั้งๆ ที่รัก แต่ก็รู้ว่าความรักของเขามันไร้ค่า ในเมื่อพระองค์ไม่ต้องการเขา แล้วเขาจะทนอยู่ต่อได้อย่างไร องค์เดเมี่ยนรั้งร่างของมิคาเอลเขัาไปกอด คนตัวเล็กก็กอดตอบพระองค์อย่างเต็มใจ ซบใบหน้าเข้ากับอกกว้างและพยายามซึมซับกับช่วงเวลานี้ให้นานที่สุด ตราบเท่าที่จะทำได้ จากนี้ไปเขาจะไม่มีโอกาสได้อยู่ในอ้อมกอดนี้อีก น่าแปลก ตลอดเวลาที่ผ่านมา เขาเอาแต่ปฏิเสธอ้อมกอดนี้ แต่ในตอนนี้ ที่เขามีอิสระ เขากลับอยากให้พระองค์ เหนี่ยวรั้งเขาเอาไว้ มิคาเอลกอดองค์เดเมี่ยนไว้เนิ่นนาน จนในที่สุดเขาก็เอ่ยขึ้น

“ฝ่าบาท ปล่อยเถอะครับ ผม…ต้องไปแล้ว” มิคาเอลเอ่ยขึ้นเสียงเบา ราวกลับจะขาดใจ องค์เดเมี่ยนไม่พูดอะไรอีก พระองค์คลายอ้อมกอด และทรงจุมพิตที่หน้าผากของมิคาเอลเบาๆ ก่อนจะทรงเดินออกไป

 

เพียงไม่นาน องค์ราฟาเอลก็เดินเข้ามาในห้อง มิคาเอลที่เปลี่ยนชุดเสร็จแล้วจึงเดินออกมาหาองค์ราฟาเอล

“เรามารับเจ้า” ทรงตรัส และเอื้อมมือมาจับมือของมิคาเอลไว้

“ขอบคุณครับ” มิคาเอลกล่าวอย่างสุภาพ

“เราสัญญาว่าจะดูแลเจ้าอย่างดี ไปที่วิลล่าของเราดีกว่า” ทรงตรัส

และพามิคาเอลออกไป

 

เมื่อกลับออกมาที่วิลล่าหลัก องค์เดเมี่ยนยืนอยู่ตรงนั้น สายตาที่มองมาช่างดูเจ็บปวด จนมิคาเอลไม่อาจทนมองได้ เขาจึงก้มหน้าลง ไม่อยากเห็นใบหน้าขององค์เดเมี่ยนอีก ไม่ใช่ว่าเขาไม่มีหัวใจ ไม่ใช่ว่าเขาใจง่าย ไม่ใช่ว่าเขาหลายใจ มากรัก แต่หัวใจของมิคาเอลกำลังเจ็บปวด เขาหลงรักเจ้าชายผู้โหดร้ายองค์นี้อย่างหมดหัวใจ แต่เขาก็รู้ว่าเขาโง่งมมากแค่ไหน คนอย่างองค์เดเมี่ยน ผู้เย็นชา พระองค์ไม่เคยรักใคร แม้แต่เขาที่พระองค์เฝ้าบอกว่ารักนักหนา แต่ในตอนนี้ พระองค์ก็ยังยกเขาให้กับองค์ราฟาเอล โดยที่พระองค์มิได้ลังเลเลยแม้แต่น้อย เขาเป็นเพียงของเล่นชิ้นหนึ่ง ที่ไม่ได้มีค่าอันใด เมื่อพระองค์ทรงเบื่อ การจะยกเขาให้คนอื่น ก็ไม่ใช่เรื่องแปลกอะไร แม้จะรู้ แต่ความเจ็บปวดก็ไม่ได้ลดน้อยลงแต่อย่างใด

 

องค์ราฟาเอลที่เห็นคนตัวเล็กทำหน้าเศร้าแบบนั้นจึงเข้ามาโอบกอดร่างของมิคาเอลไว้ ก่อนจะทรงช้อนร่างของมิคาเอลขึ้นและพาออกไปจากวิลล่าแทน มิคาเอลซบใบหน้ากับอกกว้างขององค์ราฟาเอล ทรมาน เจ็บปวด วินาทีนั้นเขารู้สึกทรมานมากกว่าครั้งใดๆ ในชีวิต เฝ้าถามคำถามว่าทำไมเขาจึงต้องเจอกับเหตุการณ์ร้ายๆ เหล่านี้ครั้งแล้วครั้งเล่า อีกครั้งที่เขาเฝ้าอ้อนวอน อยากจบชีวิตนี้ลงเสียที

 

องค์เดเมี่ยนเฝ้ามองมิคาเอลจากไป ด้วยหัวใจที่สลาย แม้พระองค์จะรัก

มิคาเอล แต่การที่คนตัวเล็กเอาแต่คิดถึงคนอื่น และทุกครั้งที่ไม่พอใจ

มิคาเอลก็คอยแต่จะพูดจาให้พระองค์ต้องเจ็บปวด ในบางครั้งการรักใครสักคนก็ไม่จำเป็นต้องสมหวังเสมอไป แต่การที่เห็นคนที่รักมีความสุข

นั่นก็เพียงพอแล้ว แต่กระนั้น แม้พระองค์จะยอมปล่อยมิคาเอลไป แต่คนตัวเล็กกลับดูไม่มีความสุขเลยสักนิด แต่ในเมื่อพระองค์ยกมิคาเอลให้

ราฟาเอลไปแล้ว พระองค์ย่อมไม่มีสิทธิในตัวของมิคาเอลอีก แม้จะอยากเข้าไปหา แต่พระองค์ก็ต้องยั้งตัวของพระองค์ไว้ อย่างน้อยพระองค์ก็รู้ว่าราฟาเอลจะดูแลมิคาเอลอย่างดี ในตอนนี้ สิ่งเดียวที่พระองค์ทำได้ คือ

ตัดใจเสีย

 

องค์ราฟาเอลพามิคาเอลมายังวิลล่าของพระองค์ วิลล่าขององค์ราฟาเอลใหญ่กว่าขององค์เดเมี่ยน เพราะมีเพียงวิลล่าหลัก ไม่ได้มีวิลล่าเล็กถึงสองวิลลาอย่างองค์เดเมี่ยนนั่นเอง องค์ราฟาเอลได้เคยกล่าวเอาไว้ว่าไม่คิดจะรับสนม

“เราให้คนจัดห้องพักให้เจ้าไว้แล้ว หากเจ้าต้องการอะไรก็ขอให้บอก เราจะจัดหามาให้” องค์ราฟาเอลตรัสอย่างอ่อนโยน

“ฝ่าบาทครับ” มิคาเอลเอ่ยเรียกอย่างไม่แน่ใจ

“ว่ามาสิ” ทรงยิ้มรับ

“ผมอยู่ที่นี่ ในฐานะอะไรครับ” มิคาเอลถามตรงๆ เพราะองค์ราฟาเอลที่ประกาศตัวไม่คิดจะรับสนม และ ตัวมิคาเอลเองก็มิได้บริสุทธิ์ และองค์ราฟาเอลก็ทรงรู้ แล้วเขาจะอยู่ในฐานะใด ในวิลล่าอันใหญ่โตแห่งนี้

 

“เจ้าอยู่ในฐานะแขกของเรา คนรักของเรา เราจะให้เกียรติเจ้า และดูแลเจ้า เราจะปกป้องเจ้า และทำทุกอย่างที่เราทำได้ ให้เจ้ามีความสุข” ทรงตอบ

“ทำไมครับ ฝ่าบาท ในเมื่อผมมีมลทิน ผมไม่ได้บริสุทธิ ผมไม่ได้มีค่าอะไรขนาดนั้น” มิคาเอลปฏิเสธ

“เราไม่ได้รีบ ยังมีเวลาอีกมาก เราจะไม่ฝืนบังคับเจ้าอย่างที่เสด็จพี่ของเรากระทำ เราอยากเรียนรู้เจ้า และอยากให้เจ้าเรียนรู้เรา ในตอนนี้ เราอาจจะยังทำอะไรไม่ได้ เพราะเรายังดำรงตำแหน่งรัชทายาท แต่เมื่อเสด็จพี่

นาธานเนียลมีพระโอรส เราก็พร้อมจะสละฐานันดร และเราก็ยินดีจะรับเจ้าเป็นชายาของเรา” ทรงตรัส

“ฝ่าบาท!!! ผมไม่มีค่ามากขนาดนั้น ทำไมพระองค์ถึงต้องทรงเสียสละให้ผมมากถึงเพียงนี้” มิคาเอลถาม ไม่เข้าใจความคิดของเจ้าชาย

“เรารักเจ้ามิคาเอล เราดีใจที่เจ้าอยู่ที่นี่ เราไม่สนใจอดีต ตราบเท่าที่เจ้าพร้อมจะสร้างอนาคตกับเรา เรารู้ว่าเจ้าผ่านเรื่องร้ายๆ มามาก แต่เราก็ยินดีจะอยู่ตรงนี้ เคียงข้างเจ้า และสัญญาว่าจากนี้ต่อไป เราจะไม่ทำให้เจ้าต้องเจ็บปวดอีก” ทรงตรัสอย่างอ่อนโยน น้ำตาของมิคาเอลไหลออกมา จนองค์ราฟาเอลรั้งร่างของมิคาเอลเข้าไปกอดและปลอบโยน

“อย่าร้องไห้อีกเลย มิคาเอล เรารักเจ้า เราดูแลเจ้าอย่างดี เราสัญญา” ทรงตรัสปลอบโยน ลูบหลังคนตัวเล็ก

“ขอบคุณครับ ฝ่าบาท” มิคาเอลเอ่ยขึ้น

“เราต้องกลับไปทำงานแล้ว หากเจ้าต้องการอะไร ก็บอกกับนางกำนัลได้ เราจะกลับมาทานอาหารเย็นเป็นเพื่อน” ทรงตรัส และจุมพิตที่หน้าผากของร่างเล็กเบาๆ ก่อนจะเดินออกไป

 

มิคาเอลเดินสำรวจห้องของเขาภายในมีสิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน ลักษณะการตกแต่งและรูปแบบของห้องคล้ายกับที่วิลล่าขององค์เดเมี่ยน แต่ดูหรูหรากว่าและใหญ่กว่า ทุกอย่างถูกจัดเตรียมไว้เป็นอย่างดีรวมไปถึงเสื้อผ้า และข้าวของเครื่องใช้ต่างๆ

 

มิคาเอลเดินออกมาด้านนอก เขาคิดว่าอุทยานในวิลล่าขององค์เดเมี่ยนสวยแล้ว อุทยานที่นี่กลับงดงามมากยิ่งกว่า ดอกไม้หลากหลายสีสัน ส่งกลิ่นหอม ไปทั่วบริเวณ เขานึกเสียใจที่ไม่ได้เอากล้องมา แต่ก็สำนึกได้ว่ากล้องนั้นเป็นของที่องค์เดเมี่ยนซื้อให้ มันคงจะไม่ควรหากเขาจะเอากล้องนั้นมาด้วย อีกอย่างเขาไม่คิดจับกล้องอีก อย่างน้อยก็ยังไม่ใช่ในตอนนี้ การถ่ายรูปกลับกลายเป็นสิ่งที่ทำให้เขาคิดถึงองค์เดเมี่ยนขึ้นมา ตลอดทริปในยุโรป มิคาเอลเอากล้องไปด้วยเสมอ และเพราะเขาชอบกล้องมาก องค์เดเมี่ยนจึงซื้อกล้องเพิ่มให้แก่เขาอีก 2 ตัว ซึ่งแต่ละตัวล้วนมีเอกลักษณ์ที่ต่างกัน และใช้งานในโอกาสที่ต่างกัน และตลอดทริปนั้น แม้ไม่ได้บอกกับองค์เดเมี่ยน แต่มิคาเอลก็แอบถ่ายรูปของพระองค์เอาไว้หลายต่อหลายรูป โดยที่พระองค์ไม่รู้ตัว ยิ่งคิดเขาก็ยิ่งรู้สึกเศร้า น้ำตาที่แห้งไปแล้ว ก็ค่อยๆ ไหลออกมาอีก ไม่เข้าใจว่าทำไมเขาต้องเจ็บปวดมากขนาดนี้ ทั้งๆ ที่เขาก็บอกกับตัวเองแล้วว่าเขาไม่ควรจะรักพระองค์ และเขาก็พยายามแล้วที่จะไม่รัก แต่หัวใจที่ไม่รักดีก็ยังทรยศ ไปรักพระองค์เข้าจนได้ เขารู้สึกโกรธองค์เดเมี่ยน ทั้งๆ ที่พระองค์เป็นคนที่ทำให้เขาหลงรัก และทั้งๆ ที่สัญญาว่าพระองค์จะดูแลเขา แต่แล้วก็เป็นพระองค์อีกไม่ใช่หรือ ที่ผิดคำพูด และยกเขาให้ชายอื่น โดยมิได้สนใจจะถามความต้องการของเขา แต่มันจะมีประโยชน์อะไร ในเมื่อเขาเป็นเพียงสิ่งของชิ้นหนึ่ง ไม่ได้มีค่า ไม่ได้มีความหมาย ในเมื่อพระองค์ทรงเบื่อหน่ายแล้ว จะโยนทิ้งเสียก็คงไม่แปลก ตัวเขาเองต่างหากที่ใจง่ายไปหลงรักพระองค์เอง โง่เองที่เชื่อคำโป้ปด และคำหวานของพระองค์ ทั้งๆ ที่รู้อยู่เต็มอกว่าพระองค์ไม่คิดจะรักจริงจังอะไร ดังนั้นจึงโทษใครไม่ได้ นอกจากโทษตัวเอง หากเขารู้ว่าสิ่งเหล่านี้จะเกิดขึ้น เขาคงไม่มีวันเดินทางมาที่คานาเดียแห่งนี้ น้ำตาค่อยๆ เอ่อล้น และไหลริน น้ำตาแห่งความเจ็บปวด ของคนที่หัวใจกำลังสลาย

 

 

ออฟไลน์ kitty08

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1952
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +48/-4
 :impress3: :impress3: :impress3: มาแบบไม่รู้เรื่องเลย ถ้าไม่ได้มาเปิดหาเรื่องใหม่ ๆ น่ะ กำลังคิดถึงเดเมี่ยนพอดีเลย  :impress2: ลงตัวอักษรเล็กลงนิดก้อได้จ้ะ ถึงตัวใหญ่จะอ่านง่ายก้อตาม 555  :mew1:ดีใจจ้ะที่มาลงในเล้าเป็ดด้วยน่ะจ้ะ  :กอด1:

ออฟไลน์ KanadiaTBear

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 71
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0


 

บทที่ 41 คุกหลวง

 

ผ่านมาเดือนกว่าแล้วที่มิคาเอลออกไปจากวิลล่าแห่งนี้ และตั้งแต่ที่คนตัวเล็กจากไป ทุกอย่างในวิลล่านี้ก็ไม่เหมือนเดิมอีก องค์เดเมี่ยนไม่ได้ไปทรงงานมาสองอาทิตย์แล้ว และพระองค์ก็แจ้งแก่องค์นาธานเนียลไปแล้วว่าพระองค์จะหยุดยาวโดยไม่มีกำหนด และพระองค์ก็ไม่สนหากใครจะไม่พอใจ

 

พระองค์ได้ทำหน้าที่ของพระองค์อย่างดีที่สุดแล้วในระหว่างทริปทัวร์ยุโรป นักลงทุนจำนวนมากแห่กันเข้ามาในคานาเดียไม่หยุด มากจน

คานาเดียได้กลายเป็นฝ่ายเลือก ไม่ใช่ฝ่ายถูกเลือกอีกต่อไป และเหตุนี้ยังเพิ่มอำนาจในการต่อรองทางด้านธุรกิจให้แก่คานาเดียอีกด้วย และความดีความชอบทั้งหมด ก็ต้องยกให้กับทีมขององค์เดเมี่ยน ซึ่งมิคาเอลก็เป็นหนึ่งในรายชื่อที่สร้างผลงานในครั้งนี้ด้วย แต่คนที่เป็นแกนหลัก และทำให้โปรเจทนี้สำเร็จอย่างงดงามมากที่สุดก็คือตัวขององค์เดเมี่ยนเอง ดังนั้นแม้หลายคนจะไม่พอใจนัก ที่องค์เดเมี่ยนผู้เอาแต่ใจ กลับหยุดไม่ยอมไปทำงานเอาเสียเฉยๆ และยิ่งไม่พอใจเมื่อรู้เหตุผลที่พระองค์แจ้งไว้ว่า “ไม่มีอารมณ์” แต่ก็ไม่มีใครกล้าแย้ง เหล่าคณะรัฐบาลต่างหันมามอง

องค์นาธานเนียลด้วยความหวัง เพราะพระองค์เป็นเพียงพระองค์เดียวที่พอจะเข้าหน้าองค์เดเมี่ยนได้ และเป็นเพียงพระองค์เดียวที่องค์เดเมี่ยนพอจะฟังอยู่บ้าง แต่องค์นาธานเนียล ก็ส่ายหน้า

“พวกท่านคิดว่าเราไม่พยายามหรือ พระองค์ไม่ยอมให้ใครเข้าพบเสียด้วยซ้ำ อย่าว่าแต่จะคุยกับพระองค์เลย” องค์นาธานเนียลกล่าว ให้เหล่าคณะรัฐบาลทำใจเสีย

“เมื่อพระองค์พร้อม พระองค์ก็จะกลับมาเอง ในตอนนี้คงต้องหาตัวแทนมาทำหน้าที่ของพระองค์ไปก่อน” ทรงตรัส รู้สึกหนักใจ และเป็นห่วงผู้เป็นพี่เหลือเกิน

 

องค์เดเมี่ยนรู้สึกเจ็บปวด และไม่มีจิตใจอยากจะทำอะไร พระองค์นั่งเหม่อมองออกไปนอกระเบียง จับจ้องไปที่ต้นไม้ต้นใหญ่ ที่คนตัวเล็กเคยปีนขึ้นไปแอบบนนั้น ทุกที่ในวิลล่าแห่งนี้ล้วนย้ำเตือนให้พระองค์คิดถึงคนตัวเล็ก พระองค์เอาแต่ดื่ม และร่วมรัก แต่แม้จะดื่มเหล้าชั้นดีสักเพียงไหน ไม่ว่าจะดื่มมากเพียงใด ความเจ็บปวดก็ไม่ได้ทุเลาลง พระองค์ร่วมรักกับสนมทุกคน ทั้งชายและหญิง และพระองค์ก็พาหญิงงามมากหน้าหลายตา และเด็กหนุ่มหน้าสวยหลากหลายคนมาที่วิลล่า พระองค์ร่วมรักครั้งแล้วครั้งเล่า แต่ก็ไม่ได้ทำให้พระองค์หยุดคิดถึงคนตัวเล็กปากแข็งคนนั้น

 

พระองค์สั่งปิดตายห้องที่เคยเป็นของคนตัวเล็ก สั่งห้ามใครเข้าไป และห้ามแตะต้องของในห้องนั้น พระองค์สั่งให้ปล่อยทุกอย่างไว้เหมือนกับตอนที่คนตัวเล็กยังอยู่ แม้พระองค์จะรู้ว่าคนตัวเล็กคงไม่มีวันกลับมาอีก แต่พระองค์ก็ยังอยากเก็บทุกอย่างไว้

 

พระองค์นั่งเหม่อลอยออกไปอย่างไร้จุดหมาย ภาพของคนตัวเล็กยังคงอยู่ในความทรงจำ ทั้งยามหลับและยามตื่น คนตัวเล็กก็ยังคงอยู่ในห้วงความคิดของพระองค์เสมอ และไม่ว่าจะทรงทำอย่างไร พระองค์ก็ไม่อาจจะหยุดความเจ็บปวดนี้ลงได้ องค์เดเมี่ยนผู้โหดเหี้ยม เอาแต่ใจ เจ้าชายต้องสาปผู้โหดร้ายและเย็นชา บัดนี้ใบหน้าอันหล่อเหลาเรียบเฉย ดวงตาคมเข้มกลับเอ่อล้นด้วยน้ำหยดใสๆ ก่อนที่จะไหลรินออกมา

 

ทั้งๆ ที่เวลาผ่านมาเดือนกว่าแล้ว แต่องค์เดเมี่ยนก็ไม่ได้รู้สึกดีขึ้นแม้แต่น้อย พระองค์ยังคงเจ็บปวด และไม่อาจจะหยุดคิดถึงคนตัวเล็กได้ พระองค์เดินอย่างใจลอยเข้าไปในห้องนอนที่เคยเป็นของคนตัวเล็ก พระองค์นั่งลงมองไปรอบๆ ห้อง ทุกอย่างยังคงอยู่ในสภาพที่คนตัวเล็กทิ้งไว้ แม้จะมีฝุ่นจับบ้าง แต่พระองค์ก็อยากให้มันคงอยู่แบบนี้ แม้ว่าพระองค์จะรู้ว่าพระองค์มิได้มีสิทธิในตัวของคนตัวเล็กอีกแล้ว แต่พระองค์ก็ยังคงเฝ้าคิดถึงมิคาเอลอยู่เสมอ แม้ว่าในตอนนี้มิคาเอลก็คงจะมีความสุขอยู่กับน้องชายต่างมารดาของพระองค์ คนตัวเล็กที่เคยเป็นของพระองค์ก็คงจะออดอ้อนอยู่กับราฟาเอล เพียงแค่คิดหัวใจของพระองค์ก็บีบรัดอย่างเจ็บปวด ตลอดเวลาที่ผ่านมาพระองค์ไม่ยอมให้ใครเข้าพบ พระองค์ไม่ต้องการรับรู้ เพราะพระองค์ไม่อยากเจ็บปวดไปมากกว่านี้ ไม่อยากรู้ว่าราฟาเอลรักมิคาเอลมากแค่ไหน ไม่อยากรับรู้ว่าราฟาเอลรักมิคาเอลอย่างไร ไม่อยากรับรู้ว่ามิคาเอลมีความสุขมากเพียงใดที่ได้อยู่กับคนที่เขารัก อย่างเจ้าชายราฟาเอล เจ้าชายรัชทายาทผู้เพียบพร้อม และอ่อนโยน แตกต่างจากเจ้าชายที่โหดร้าย แข็งกระด้างอย่างพระองค์ แค่คิดว่าราฟาเอลจะแตะต้องมิคาเอลอย่างไรพระองค์ก็รู้สึกโกรธขึ้นมา ไม่เข้าใจว่าทำไม พระองค์จะต้องทำตัวแบบนี้ ในเมื่อพระองค์ยกมิคาเอลให้คนอื่นไป พระองค์ก็ควรจะยอมรับความเป็นจริงเสียที มิใช่หรือ แต่กระนั้นพระองค์ก็ยังมิอาจตัดใจ

 

เมื่อพระองค์ออกมาจากอดีตห้องของมิคาเอล ริชชี่ก็ยืนอยู่หน้าห้องด้วยสีหน้าเป็นห่วง

“ฝ่าบาท”

“เจ้าต้องการอะไร” ทรงตรัสอย่างเย็นชา

“ผมสั่งให้ห้องครัวทำอาหารโปรดของพระองค์ไว้ พระองค์ทรงทานอะไรสักหน่อยเถอะนะครับ” ริชชี่กล่าวด้วยความเป็นห่วง

“เราไม่หิว เจ้าไม่ต้องเป็นห่วงเราหรอก” ทรงตรัสก่อนจะเดินผ่านริชชี่ไป

“ฝ่าบาท หากพระองค์เอาแต่ทรมานตัวเองแบบนี้ มันจะมีประโยชน์อะไรครับ พระองค์เป็นคนที่ปล่อยมิคาเอลไปเอง แล้วทำไม พระองค์จะต้องทำร้ายตัวเองแบบนี้ด้วย” ริชชี่ถาม

“เรารู้ว่าเจ้าห่วงเรา แต่ในตอนนี้เราต้องการอยู่คนเดียว” ทรงตรัส

“ผมทราบครับว่าผมแทนที่มิคาเอลไม่ได้ แต่อย่างน้อยพระองค์ก็น่าจะทรงห่วงตัวเองบ้าง” ริชชี่กล่าว

“เราจะพยายาม” ทรงตรัสและเดินออกไป

 

องค์เดเมี่ยนออกมาจากวิลล่า และขับรถไปเรื่อยๆ กว่าพระองค์จะรู้ตัว พระองค์ก็พาตัวเองมาอยู่ที่หน้าคุกหลวงแห่งนี้ สีหน้าของพระองค์ดูหม่นลง ทรงนั่งอยู่ภายในรถอยู่นาน ในที่สุดพระองค์ก็ตัดสินใจเดินลงมาจากรถ ก่อนจะเดินช้าๆ เข้าไปภายในคุกหลวงแห่งนี้

 

คุกหลวงมีลักษณะคล้ายป้อมปราสาทขนาดใหญ่ภายในถูกแบ่งเป็นสัดส่วน ห้องขังถูกแบ่งเป็นหลายระดับชั้น เหล่านักโทษที่ถูกส่งมาขังที่คุกหลวงแห่งนี้ล้วนเป็นนักโทษที่มีโทษฉกรรจ์ ที่เกี่ยวข้องกับความมั่นคงของชาติ หรือ คิดร้ายต่อราชวงศ์ เหล่ากบฏทั้งหลายที่ถูกส่งตัวเข้ามาในคุกหลวงนี้ จะถูกพิจารณาตามความผิดที่ก่อไว้หากมีความผิดมากจะถูกส่งไปยังคุกมืดชั้นใต้ดิน หากผิดน้อยลงก็จะถูกขังในห้องขังแตกต่างกันตามความผิด แต่สิ่งหนึ่งที่นักโทษกบฏได้รับเท่าเทียมกัน คือ นักโทษทุกคนที่ก้าวเข้ามาในคุกหลวงแห่งนี้ จะไม่มีวันได้ออกไปอีก ตราบจนลมหายใจสุดท้าย มีเพียงร่างอันไร้วิญญาณเท่านั้น ที่จะถูกส่งกลับออกมา ไม่มีคำพิพากษา เพราะทุกคนที่ถูกส่งมาที่นี่ ก็ถือเป็นคำพิพากษาอันสูงสุดแล้ว เหล่านักโทษจะต้องอยู่อย่างสิ้นหวัง มีเพียงลมหายใจ ไปวันๆ ไปจนกว่าจะตาย ไม่มีการลดหย่อน และไม่มีการอนุญาตให้เข้าเยี่ยม

 

แม้กระนั้นทุกที่ย่อมมีข้อยกเว้น ไม่เว้นแม้แต่สถานที่โหดร้ายแห่งนี้ก็ตาม คุกหลวงแห่งนี้มีนักโทษที่มีความผิดร้ายแรงอยู่คนหนึ่ง นักโทษคนนี้เคยคิดร้ายต่อราชวงศ์ แต่แม้กระนั้นนักโทษคนนี้ก็ยังได้รับการดูแลที่ดีมากกว่านักโทษคนอื่น ห้องขังอยู่ในตำแหน่งทิศใต้ ที่มีแสงแดดส่องถึง เป็นห้องขังที่ถูกแยกเป็นเอกเทศ ไม่มีนักโทษคนอื่นในบริเวณใกล้เคียง แม้ห้องขังจะมีขนาดเล็ก แต่ภายในก็ยังนับว่าสะดวกสบายมากกว่าห้องขังห้องอื่นๆ

 

องค์เดเมี่ยนเดินช้าๆ เข้าไปในส่วนทิศใต้ นานมากแล้วที่พระองค์ไม่ได้มาที่นี่ กลิ่นสาปยังคงคละคลุ้ง แม้จะเป็นห้องขังที่ดีที่สุด แต่กระนั้นก็ยังดูไม่สบายตา นักโทษคนนี้เคยถูกคุมขังในคุกชั้นใต้ดินมาก่อน แต่เพราะองค์เดเมี่ยนอ้อนวอนขอร้อง นักโทษจึงได้รับการย้ายห้องขัง ขึ้นมาในส่วนที่ดีกว่าชั้นใต้ดินนิดหน่อย  นักโทษเพิ่งได้ย้ายมาอยู่ที่ห้องขังนี้เมื่อไม่นานมานี้ เพราะพระองค์ทูลขอต่อองค์นาธานเนียลนั่นเอง

 

เมื่อผู้คุมเห็นองค์เดเมี่ยนเสด็จมาก็ทำความเคารพ และเปิดประตูห้องขังให้ พระองค์เดินเข้าไปในห้องขัง โดยมิได้รังเกียจ พระองค์ทอดพระเนตรไปที่หญิงคนหนึ่ง ที่นั่งมองไปนอกหน้าต่างอย่างเหม่อลอย มิได้ใส่ใจการมาของเจ้าชายเลยแม้แต่น้อย องค์เดเมี่ยนเดินเข้าไปใกล้ ก่อนจะทรงกอดหญิงคนนั้นอย่างห่วงใย

 

"เสด็จแม่ ทรงเป็นอย่างไรบ้าง" องค์เดเมี่ยนตรัสถาม แต่ก็มิได้คำตอบใดๆ กลับมา หญิงชราตรงหน้ายังคงนิ่งเฉย พระองค์มิได้คาดหวังในคำตอบใดๆ ทรงนั่งลงเคียงข้าง ก่อนจะจับมือของพระมารดาไว้และจุมพิตที่มือเบาๆ แม้จะเป็นนักโทษ แต่องค์เดเมี่ยนก็ร้องขอต่อองค์นาธานเนียล ขอให้มีคนคอยดูแลพระมารดา หลังจากตลอดเวลาที่กษัตริย์องค์ก่อนยังอยู่ พระนางต้องทนทุกข์ทรมานมาตลอด 30 กว่าปี และสถานที่แห่งนี้ก็เปลี่ยนพระมารดาของพระองค์ให้อยู่ในสภาพนี้ พระนางเสียสติหลังจากที่ถูกขังในคุกมืดเป็นเวลานาน

 

แม้พระองค์จะเป็นเจ้าชาย แต่ภายใต้กฏหมายเกี่ยวกับความมั่นคงของประเทศและราชวงศ์ พระองค์ก็มิอาจจะทำอะไรได้ การที่พระองค์ได้เข้ามาเยี่ยมพระมารดาบ้างนานๆ ครั้งแบบนี้ ก็นับว่าเป็นอภิสิทธ์ที่มากแล้ว

 

“ผมกำลังทุกข์ครับ...” ทรงตรัสขึ้นเบาๆ คนตรงหน้ามิได้สนใจพระองค์แม้แต่น้อย กลับเหม่อลอยไร้จุดหมาย

“ผม...รักคนๆ หนึ่งครับ ...แต่ เขาเกลียดผม ... ไม่ว่าผมจะทำอย่างไร เขาก็คอยแต่จะปฏิเสธผม และเขาก็รักราฟาเอล ไม่ใช่ผม...ผมอยากให้เขามีความสุข ...แต่ผมรู้ว่าผมทำให้เขามีความสุขไม่ได้...ผมจึงยกเขาให้กับ

ราฟาเอล แต่... ไม่ว่าจะทำอย่างไร ผมก็ลืมเขาไม่ได้ครับ” องค์เดเมี่ยนกล่าวอย่างเจ็บปวด ยกมือของพระมารดามาแนบใบหน้าของพระองค์

“ผมไม่รู้จริงๆ ว่าผมควรทำอย่างไร ผมทรมานเหลือเกินครับเสด็จแม่” องค์เดเมี่ยนกล่าวอย่างเจ็บปวด พระองค์มิได้หวังจะได้คำตอบจากคนตรงหน้า ในตอนนี้พระองค์รู้สึกอ่อนแอเหลือเกิน พระองค์อยากพูดความในใจกับใครสักคน แม้พระมารดาจะเป็นแบบนี้ แต่องค์เดเมี่ยนก็ทรงรักพระมารดา แม้พระมารดาจะเคยโกรธ เคยเกลียดพระองค์แต่อย่างไรเสีย พระนางก็ยังเป็นเสด็จแม่ของพระองค์อยู่ดี ในบางครั้งที่พระองค์ไม่รู้ว่าจะหันหน้าเข้าหาใคร พระองค์จะมาที่นี่ มาหาพระนาง อย่างน้อยการได้เห็นหน้าของผู้เป็นมารดา ย่อมทำให้ลูกรู้สึกอุ่นใจ

 

พระนางหันหน้ามามององค์เดเมี่ยน ก่อนจะเอื้อมมือมาสัมผัสใบหน้าขององค์เดเมี่ยนอย่างอ่อนโยน ก่อนมือคู่นั้นจะค่อยๆ เลื่อนลงมาที่คอของพระองค์และบีบคอของพระองค์อย่างแรง

“ลูกชั่ว!!!” พระนางพูดขึ้น ก่อนจะพูดซ้ำคำๆ เดิม ครั้งแล้วครั้งเล่า พระองค์แกะมือของพระนางออกจากคอของพระองค์ รู้สึกเจ็บปวดที่ได้ยินคำพูดของพระนาง

“เสด็จแม่ครับ อย่าทำแบบนี้สิครับ” พระองค์จับมือของพระนางเอาไว้

ลดมือของพระนางลง

“ผมรักเสด็จแม่ครับ” ทรงตรัส แต่พระนางก็ดึงมือออก และตบหน้าของพระองค์อย่างแรง พระองค์ไม่ได้โกรธ แต่พระองค์เสียใจ ที่พระมารดาต้องตกอยู่ในสภาพแบบนี้ แม้จะยังไม่อยากกลับ แต่พระมารดากำลังโกรธ

จึงไม่มีประโยชน์ที่จะรั้งอยู่ต่อไป

“เสด็จแม่รักษาตัวให้ดีนะครับ แล้ววันหลังผมจะมาหาใหม่ ผมรักเสด็จแม่ครับ” พระองค์ตรัส ก่อนจะเดินออกไปจากห้องคุมขัง ในใจรู้สึกเจ็บปวด นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่พระนางพยายามทำร้ายพระองค์ ในยามที่พระองค์ยังเด็กพระองค์เข้ามาเยี่ยมพระมารดา และพระองค์ก็ถูกพระมารดาทำร้าย จนพระองค์เกือบสิ้นพระชนม์มาแล้ว แต่กระนั้นพระองค์ก็ยังทรงรักพระมารดาอย่างไม่มีเงื่อนไข ด้วยเหตุผลหนึ่ง การที่พระมารดาต้องอยู่ในสภาพนี้ก็เพราะพระองค์ พระองค์จึงไม่เคยโกรธ และไม่ตอบโต้พระมารดา แม้พระนางจะพยายามจะทำร้ายพระองค์ครั้งแล้วครั้งเล่าก็ตาม

 

อย่างน้อยพระองค์ก็รู้สึกว่าพระองค์ยังโชคดีกว่าพระมารดามากนัก พระองค์รู้ว่าพระมารดาเคยรักกษัตริย์องค์ก่อนมาก แต่พระองค์กลับไปรักคนอื่น เมื่อมาถึงจุดหนึ่งความรักก็กลายเป็นความเกลียดชัง จนมันย้อนกลับมาทำร้ายตัวเอง อย่างที่พระมารดาได้เผชิญอยู่ แต่พระองค์สัญญากับตัวเองไว้ ว่าอย่างไรเสียพระองค์จะไม่ยอมเดินพลาดอย่างที่พระมารดาได้เคยกระทำไว้อย่างเด็ดขาด

 

 

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ KanadiaTBear

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 71
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0


 

บทที่ 42 ทบทวนความรู้สึก

 

องค์นาธานเนียลแปลกใจที่เห็นองค์ราฟาเอลมาหา ทั้งๆ ที่ ตลอดหนึ่งเดือนที่ผ่านมาพระองค์แทบไม่เห็นหน้าราฟาเอลเลย

“คิดอย่างไรถึงมาหาพี่ได้” องค์นาธานเนียลเอ่ยถาม

“ผมเพียงจะมาบอกกับเสด็จพี่เรื่องของมิคาเอลครับ” องค์ราฟาเอลกล่าว

“ว่ามาสิ” องค์นาธานเนียลตรัส

“ผมตัดสินใจแล้วว่าผมต้องการแต่งตั้งมิคาเอลขึ้นเป็นพระชายา อาจจะยังไม่ใช่ในตอนนี้ แต่เมื่อเสด็จพี่มีพระโอรส ผมก็ต้องการสละฐานันดร ผมต้องการแต่งงานกับมิคาเอลครับ” องค์ราฟาเอลกล่าว องค์นาธานเนียลกลับทำสีหน้าบึ้งตึง พระองค์ไม่เห็นด้วยกับการกระทำของราฟาเอลเลยแม้แต่น้อย

“พี่ไม่เข้าใจ ราฟาเอล มิคาเอลมีค่ามากพอขนาดนั้นเชียวหรือ” ทรงถามด้วยน้ำเสียงที่ไม่พอใจนัก

“เสด็จพี่ ผม…”

“เจ้าเองก็รู้ว่ามิคาเอลเคยเป็นสนมของเสด็จพี่เดเมี่ยนมาก่อนไม่ใช่หรือ และพระองค์ก็ทรงโปรดมิคาเอลมากแล้วทำไมเจ้าจึงยังเข้าไปแทรกตรงกลาง” องค์นาธานเนียลกล่าวในเชิงตำหนิ

“ผมไม่ได้ทำอะไรผิด หากพระองค์ทรงโปรดมิคาเอลนักหนา แล้วทำไมพระองค์ถึงยกมิคาเอลให้กับผม พระองค์เป็นคนที่ยกมิคาเอลให้กับผมเอง โดยที่ผมไม่ได้เข้าไปยุ่งและร้องขอด้วยซ้ำ” องค์ราฟาเอลเถียง

“ราฟาเอล เจ้ารู้หรือไม่ว่าเสด็จพี่เดเมี่ยนไม่ได้ทรงงานมาสองอาทิตย์แล้ว” องค์นาธานเนียลกล่าวขึ้น

“พระองค์ก็ทรงทำตามใจอยู่ตลอดไม่ใช่หรือครับ” องค์ราฟาเอลกล่าว

“อาจจะใช่ แต่ในครั้งนี้ พระองค์เอาแต่ทรงเก็บตัวและไม่ยอมให้ใครเข้าพบ แม้แต่พี่ พระองค์ก็ไม่ยอมให้เข้าเฝ้าด้วยซ้ำ และพระองค์ก็เปลี่ยนไป นับตั้งแต่ที่พระองค์ยกมิคาเอลให้กับเจ้า เจ้าคิดจริงๆ หรือว่า พระองค์ไม่สนใจมิคาเอล พี่คิดว่าเจ้าควรจะคืนมิคาเอลให้กับพระองค์เสีย” องค์นาธานเนียลกล่าว

“เสด็จพี่เองก็เอาแต่ทรงห่วงเสด็จพี่เดเมี่ยน แล้วความรู้สึกของผมล่ะครับ พระองค์ห่วงบ้างหรือเปล่า อีกอย่างมิคาเอลก็ไม่ได้มีความสุขที่ต้องทนอยู่กับเสด็จพี่เดเมี่ยน แล้วไหนจะสนมของเสด็จพี่ที่เข้ามาทำร้ายมิคาเอลอีก” องค์ราฟาเอลกล่าวแย้ง

“แล้วมิคาเอลที่อยู่กับเจ้า เขามีความสุขหรือเปล่า” ทรงถาม

“อย่างน้อยผมก็ดูแลเขาอย่างดี”

“เจ้าจะรู้ได้อย่างไรว่าเขามีความสุข เจ้าจะรู้ได้อย่างไรว่าเขาต้องการเจ้า และเจ้ารู้ได้อย่างไรว่าเขารักเจ้าจริงๆ เจ้าเป็นถึงเจ้าชาย การที่เจ้าทำตัวแบบนี้ มันเหมาะสมแล้วหรือ ราฟาเอล และการที่เจ้าทำแบบนี้ เจ้าแน่ใจได้อย่างไรว่าเจ้ารักมิคาเอลจริงๆ” องค์นาธานเนียลตรัสถาม

“ไม่ว่าเสด็จพี่จะทรงว่าอย่างไร ผมไม่ได้มาขออนุญาตพระองค์ ผมเพียงมาแจ้งให้พระองค์ทราบเท่านั้น ไม่ว่าอย่างไร ผมก็จะแต่งตั้งให้มิคาเอลเป็นชายาของผม ไม่ว่าพระองค์จะเห็นด้วยหรือไม่ก็ตาม ผมลาล่ะครับ”

องค์ราฟาเอลตรัสด้วยความโกรธ ก่อนจะหันหลังเดินออกไป

 

ในขณะที่องค์ราฟาเอลกำลังจะเดินออกไป องค์เดเมี่ยนก็เดินเข้ามา ทั้งสองสบตากันแต่ก็มิได้ทักทายต่อกัน องค์ราฟาเอลโกรธพระเชษฐาที่ตลอดเวลาที่ผ่านมา เอาแต่ทำให้มิคาเอลต้องเจ็บปวด แม้เจ้าตัวจะไม่เคยพูดออกมา แต่มิคาเอลที่มีแผลที่แขน และยังเอาแต่ทำหน้าเศร้า ทอดถอนหายใจ ย่อมแสดงให้เห็นว่าภายใต้การดูแลขององค์เดเมี่ยน มิคาเอลไม่ได้มีความสุขสักนิด

 

ส่วนองค์เดเมี่ยนมองไปที่พระอนุชาด้วยสายตาที่เจ็บปวด พระองค์มิได้อยากจะพบกับราฟาเอล พระองค์ยังไม่พร้อมจะรับรู้เกี่ยวกับมิคาเอล พระองค์ยังทำใจไม่ได้ เกี่ยวกับการที่พระองค์ต้องเสียมิคาเอลไป แม้จะดีใจที่อย่างน้อยราฟาเอลก็ดูแลมิคาเอลเป็นอย่างดี แต่เมื่อรู้ว่าราฟาเอลกำลังคิดจะแต่งตั้งมิคาเอลขึ้นเป็นพระชายา ใจหนึ่ง พระองค์ก็ดีใจกับคนตัวเล็ก ที่ราฟาเอลทั้งรักและให้เกียรติ ต่างจากพระองค์ที่คอยแต่จะทำให้คนตัวเล็กต้องเสียใจ อีกใจหนึ่งพระองค์รู้สึกเจ็บปวด ที่พระองค์คงไม่มีวันได้

มิคาเอลกลับมา

 

การที่มิคาเอลเลือกราฟาเอลก็ถูกต้องแล้ว ราฟาเอลที่เพียบพร้อมทุกอย่าง อีกทั้งยังอ่อนโยนและทำดีทุกอย่างให้แก่มิคาเอล ต่างจากคนที่โหดร้ายอย่างพระองค์ ที่แม้ปากของพระองค์จะบอกรัก แต่พระองค์กลับคอยแต่จะทำให้คนตัวเล็กต้องเจ็บปวดอยู่เสมอ พระองค์มิได้โทษใคร นอกจากตัวของพระองค์เอง แม้จะเจ็บปวด แต่พระองค์ก็ยินดีหากคนที่พระองค์รักจะมีความสุข

 

ราฟาเอลเดินออกไปจากห้อง องค์เดเมี่ยนก็เดินเข้ามาแทน สีพระพักตร์ดูอิดโรย และหม่นหมอง อีกใบหน้า และลำคอของพระองค์ยังมีรอยแดง จนองค์นาธานเนียลอดเป็นห่วงไม่ได้

“เสด็จพี่เดเมี่ยน พระองค์เป็นอย่างไรบ้างครับ เกิดอะไรขึ้นครับ” องค์นาธานเนียลเอ่ยทักทาย และถามด้วยความเป็นห่วง

“ไม่มีอะไรหรอก พี่ไปเยี่ยมเสด็จแม่มาน่ะ” ทรงตรัสราวกับเป็นเรื่องเล็กน้อย แต่องค์นาธานเนียลกลับเป็นฝ่ายที่ทำหน้าเศร้าเสียเอง

“ผมขอโทษครับ เป็นเพราะพระองค์ปกป้องผมในครั้งนั้น พระมารดาของเสด็จพี่จึงเป็นแบบนี้” องค์นาธานเนียลกล่าวด้วยความรู้สึกผิด ในครั้งนั้นหากไม่มีองค์เดเมี่ยน พระองค์ก็คงจะสิ้นพระชนม์ไปนานแล้ว

“ต่อให้ย้อนเวลากลับไป พี่ก็จะทำเหมือนเดิม การที่พี่ถูกเสด็จแม่เกลียด ก็ยังดีกว่าการเสียเจ้าไป เจ้าเป็นน้องของพี่เสมอ” ทรงตรัสอย่างอ่อนโยน

“อีกอย่างเสด็จแม่ของพี่ก็เป็นคนผิดเอง จะโทษเจ้าก็คงไม่ได้” ทรงตรัส ก่อนจะถอนหายใจออกมา

“พระองค์เป็นอย่างไรบ้าง” องค์นาธานเนียลถามด้วยความห่วงใย

“พี่มาขอโทษเจ้าที่พี่เอาแต่ใจ แต่พี่ยังไม่พร้อมจะกลับมาทำงาน” ทรงตรัสเรียบๆ

“ผมเข้าใจครับ ผมสั่งให้คนมาทำหน้าที่แทนพระองค์ไปพลางๆ แล้วครับ พระองค์ต้องดูแลตัวเองบ้างนะครับ” องค์นาธานเนียล กล่าวด้วยรู้นิสัยของผู้เป็นพี่ดี

“เจ้าจะบ่นเราอีกคนหรืออย่างไร” ทรงตรัสถาม

 

“ราฟาเอลต้องการจะแต่งตั้งมิคาเอลเป็นชายาอย่างนั้นหรือ” องค์เดเมี่ยนทรงถาม แม้พระองค์จะไม่แสดงออก แต่องค์นาธานเนียลก็รู้จักเสด็จพี่ของพระองค์ดี

“ผมไม่เห็นด้วยแต่ราฟาเอลก็ไม่เคยฟัง เขาเป็นคนแบบนี้ ผมเองก็ไม่รู้จะทำอย่างไร” องค์นาธานเนียลกล่าว มองมาที่องค์เดเมี่ยนที่ดูเศร้า

“ปล่อยให้เขาทำตามใจเถอะ” ทรงตรัสเรียบๆ

“เสด็จพี่ แล้วพระองค์ล่ะครับ” องค์นาธานเนียลถามด้วยความเป็นห่วง

“สักวันหนึ่ง เราก็ทำใจได้เอง” ทรงตรัสเรียบเฉย ก่อนพระองค์จะขอตัวกลับไป

 

มิคาเอล อยู่ในวิลล่าขององค์ราฟาเอลมาได้เดือนกว่าแล้ว องค์ราฟาเอลดูแลเขาเป็นอย่างดี พระองค์ทำดีกับเขาทุกอย่าง เข้าใจ และ อ่อนโยนต่อเขาเสมอ แต่กระนั้นมิคาเอลก็ยังห่างไกลจากคำว่า มีความสุข มากนัก แม้เขาจะพยายามจะทำตัวร่าเริงแต่มันกลับเป็นการฝืนทำต่อหน้าองค์ราฟาเอลเท่านั้น เมื่อองค์ราฟาเอลไม่อยู่ มิคาเอลก็เอาแต่นั่งเหม่อลอย และยังคงเฝ้าคิดถึงเจ้าชายอีกพระองค์หนึ่ง แม้มิคาเอลจะพยายามจะตัดใจ แต่เขาก็ยังไม่อาจจะทำได้ และตราบเท่าที่เขายังรู้สึกครึ่งๆ กลางๆ แบบนี้ เขาคงไม่อาจเปิดใจรับองค์ราฟาเอลได้

 

"หากพระองค์คิดว่าผมพอจะมีค่าอยู่บ้าง ผมอยากจะขอเวลาครับ”

มิคาเอลกล่าวไว้ และองค์ราฟาเอลก็เข้าใจ พระองค์ทรงเมตตาต่อ

มิคาเอลมาก และทรงต้องการเรียนรู้มิคาเอลให้มากขึ้น และต้องการให้

มิคาเอลได้เรียนรู้พระองค์ด้วยเช่นกัน

 

ตลอดเวลาที่ผ่านมา มิคาเอลจึงมีโอกาสทบทวนความรู้สึกของตัวเองอยู่บ้าง มิคาเอลนั้นแม้ปากจะบอกไม่ แต่เขาก็รู้ว่าเขารักองค์เดเมี่ยน แม้พระองค์จะไม่ได้อ่อนโยนที่สุด ไม่ได้พูดหวานที่สุด แต่พระองค์ก็ทรงรักเขามากกว่าที่เขาเคยได้รับความรักจากใคร แม้องค์ราฟาเอลจะทรงอ่อนโยนต่อเขา แต่เมื่อมาอยู่กับพระองค์ที่นี่ มิคาเอลกลับไม่ได้คิดกับ

องค์ราฟาเอล ในแบบนี้ที่เขารู้สึกกับองค์เดเมี่ยน

 

มิคาเอลรู้สึกว่าองค์ราฟาเอลเป็นดั่งน้ำที่ทำให้เขารู้สึกผ่อนคลาย ปลอบประโลมให้เขารู้สึกดีขึ้น เป็นเสมือนเพื่อนที่คอยดูแลเขาเป็นอย่างดี ในขณะที่องค์เดเมี่ยนเหมือนกับไฟ ที่เขาต้องคอยระวัง หากพลั้งเผลอ ก็อาจจะทำให้เขามอดไหม้ได้โดยง่าย แต่แม้องค์เดเมี่ยนจะเป็นดั่งไฟ แต่ไฟของพระองค์ก็มอบความอบอุ่นให้กับมิคาเอล เวลาที่อยูกับองค์ราฟาเอล

มิคาเอลรู้สึกสบายใจ และผ่อนคลาย ในขณะที่เวลาอยู่กับองค์เดเมี่ยน

มิคาเอลกลับรู้สึกร้อนรน อยากให้พระองค์สนพระทัย อยากให้พระองค์อ่อนโยน อยากให้พระองค์รัก และเป็นครั้งแรกที่มิคาเอลยอมรับว่า

มิคาเอลปรารถนาต่อองค์เดเมี่ยน แต่กลับเฉยชาไม่รู้สึกใดๆ ต่อองค์

ราฟาเอล ราวกับว่าร่างกายของเขาปรารถนาและต้องการเพียงแต่องค์เดเมี่ยนเท่านั้น

 

แต่ในตอนนี้เขาคงไม่มีสิทธิอะไรจะไปเรียกร้อง ในเมื่อองค์เดเมี่ยนไม่ได้ต้องการเขาอีกแล้ว คนไร้ค่าอย่างเขาคงทำได้แต่ตัดใจเท่านั้น แต่แม้จะพยายามจะตัดใจเท่าไหร่ เขาก็ทำไม่ได้ ยิ่งองค์ราฟาเอลอ่อนโยนต่อเขามากเท่าไหร่ มิคาเอลก็ยิ่งรู้สึกผิดมากขึ้นเท่านั้น แม้จะอยากตอบสนองต่อความรักขององค์ราฟาเอล แต่ในใจของมิคาเอลก็ยังคงมีแต่เจ้าชายที่โหดร้ายพระองค์นั้น ตลอดเวลาที่ผ่านมา องค์เดเมี่ยนเป็นเพียงคนๆ เดียวที่ทำลายกำแพงที่มิคาเอลสร้างขึ้นมาได้ และยังเป็นคนๆ เดียวที่กอบกุมหัวใจของเขาเอาไว้ มิคาเอลมองย้อนกลับไป พยายามหาจุดที่ผิดพลาด ทั้งๆ ที่เขาเองก็รักองค์เดเมี่ยน และพระองค์เองก็รักเขาแล้วเพราะเหตุใด เขาจึงกลับมาอยู่ในสถานะการณ์แบบนี้

 

ทิฐิ และ ปากที่ไม่ตรงกับใจของเขา คือสิ่งที่คอยผลักพระองค์ออกไป และความมากรัก ไม่รักษาคำพูดของพระองค์คือสิ่งที่มิคาเอลไม่อาจจะทนได้ แม้จะรู้ แต่ในตอนนี้ก็คงสายเกินกว่าจะแก้เสียแล้ว

 

เขาได้รับการดูแลอย่างดีที่วิลล่าแห่งนี้ อีกทั้งองค์ราฟาเอลยังสัญญาจะทำเรื่อง ให้โทนี่มาเยี่ยมเขาที่วังแห่งนี้อีกด้วย สิ่งเดียวที่มิคาเอลจะต้องทำให้ได้ คือ พยายามลืมองค์เดเมี่ยนเสีย แต่การพูดย่อมง่ายกว่าการกระทำมากนัก ทุกๆ สิ่งที่เขากระทำ ก็ยังทำให้เขาคิดถึงองค์เดเมี่ยนเสมอ รอยยิ้มที่ยิ้มออกมากลับดูฝืนไม่เป็นธรรมชาติ ในใจก็ยังเจ็บปวดทุกครั้งที่คิดถึงพระองค์

 

 

มิคาเอลนั่งเหม่อลอยอยู่ในสวนสวย เขามักจะมาที่นี่เสมอแม้จะเข้าฤดูใบไม้ร่วงแต่ก็ยังอบอุ่น มิคาเอลนั่งอยู่ริมสระน้ำ แต่ในใจกลับล่องลอยออกไป ในบางครั้งน้ำตาก็ไหลรินออกมาอย่างไม่อาจหักห้าม หัวใจที่แตกสลายยังคงเจ็บปวด และเขาเองก็ไม่รู้ว่าจะต้องทนอีกนานแค่ไหนกว่าที่เขาจะตัดใจจากพระองค์ได้ ในตอนนี้แม้จะพยายามทำใจแล้วแต่เขาก็ยังรู้สึกผิด และอดโทษตัวเองไม่ได้ที่ตลอดเวลาที่ผ่านมา เขาไม่ยอมเปิดเผยความรู้สึกออกมา และยังคอยแต่ทำให้องค์เดเมี่ยนต้องเจ็บปวด หากเป็นไปได้ เขาอยากย้อนเวลากลับไป เพื่อที่จะแก้ไขในสิ่งที่เขาทำผิดพลาด แต่ทั้งหมดก็เป็นได้เพียงแค่คิด ในตอนนี้แม้เขาจะอยู่ในวิลล่าอันใหญ่โต มีเจ้าชายรัชทายาทมารักและคอยดูแล และได้รับการยกย่องและให้เกียรติ แต่กระนั้นมิคาเอลก็ยังอดคิดถึงช่วงเวลา ที่อยู่กับองค์เดเมี่ยนไม่ได้ เพียงแค่คิด น้ำตาก็ไหลออกมา โดยที่มิคาเอลมิได้รู้ตัว สายตาคู่หนึ่งก็กำลังจ้องมองมาที่มิคาเอล พร้อมกับก้าวเดินเข้ามาหาช้าๆ

ออฟไลน์ kitty08

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1952
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +48/-4
เรื่องนี้มาอ่านอีกครั้งก้อสุดแสนจะดราม่าเสียเหลือเกิน  :mew6: ขนาดอ่านแค่ช่วงหลังยังแบบ  :heaven

ออฟไลน์ KanadiaTBear

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 71
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0


 

บทที่ 43 ผู้เป็นที่ปรารถนา

 

หลังจากออกจากวิลล่าขององค์นาธานเนียล องค์เดเมี่ยนทรงขับรถไปเรื่อยๆ แม้ว่าจะไม่อยากจะคิดถึง แต่พอรู้ว่าราฟาเอลต้องการจะแต่งงานกับมิคาเอล พระองค์ก็อดรู้สึกเจ็บปวดไม่ได้ กว่าจะทรงรู้ตัว รถคันงามของพระองค์ก็ขับมาจอดอยู่หน้าวิลล่าของราฟาเอลเสียแล้ว

 

ในเมื่อพระองค์เป็นคนยกมิคาเอลให้กับราฟาเอลเอง พระองค์ย่อมไม่มีสิทธิจะมาเรียกร้องขอคนตัวเล็กกลับคืน และการที่พระองค์ยกมิคาเอลให้แก่ราฟาเอลก็เพราะพระองค์อยากให้มิคาเอลมีความสุข ในเมื่อมิคาเอลไม่คิดจะรักพระองค์ และไม่ว่าอย่างไร พระองค์ก็ทำให้คนตัวเล็กมีความสุขไม่ได้ และก่อนที่ทุกอย่างจะเหลือเพียงแต่ความเกลียดชัง พระองค์จึงตัดสินใจที่จะปล่อยมิคาเอลไป พระองค์เพียงไม่อยากให้คนตัวเล็กเกลียดพระองค์ไปมากกว่านี้

 

พระองค์เดินลงจากรถและเดินเข้าไปในวิลล่าของราฟาเอล แม้พระองค์จะอยากจะแย่งมิคาเอลคืนมา แต่พระองค์ก็ไม่คิดที่จะกระทำ พระองค์เพียงอยากพบกับมิคาเอลอีกสักครั้ง ก่อนที่มิคาเอลจะได้รับการแต่งตั้งเป็น

พระชายา เพราะเมื่อเป็นพระชายาแล้ว การจะพบกับเจ้าชายอย่างพระองค์ ก็คงทำให้มิคาเอลแปดเปื้อนกลายเป็นที่นินทาได้ แม้ในตอนนี้รู้ทั้งรู้ว่าพระองค์ไม่ควรจะไปหา แต่ทั้งร่างกายและจิตใจของพระองค์ก็เอาแต่ประท้วง และปรารถนาจะพบกับมิคาเอลอีกสักครั้ง แม้พระองค์จะต้องเจ็บปวดมากแค่ไหนก็ตาม

 

พระองค์สอบถามนางกำนัล และพบว่ามิคาเอลอยู่ในบริเวณสระน้ำ พระองค์จึงเดินเข้าไป แต่พระองค์ก็หยุดมองอยู่ห่างๆ ไม่อยากเข้าไปใกล้ ด้วยกลัวว่าจะพระองค์อาจจะอดใจไม่ได้และอาจจะกระทำตัวไม่เหมาะสมต่อว่าที่พระชายา

มิคาเอลที่พระองค์เฝ้าคิดถึงอยู่ทุกลมหายใจ นั่งเหม่อลอยอยู่ริมสระน้ำ ทั้งๆ ที่มิคาเอลควรจะมีความสุขในเมื่อการที่ราฟาเอลปรารถนาจะแต่งตั้งคนตัวเล็กเป็นชายา ซึ่งก็เทียบกับว่า เอาคานาเดียมาใส่ถาดถวายให้แทบเท้าของคนตัวเล็กก็ไม่ปาน ต่อให้ราฟาเอลสละฐานันดร ราฟาเอลก็ยังมีทุกอย่างเพียบพร้อม ที่จะดูแลมิคาเอลอย่างดีไปได้ตลอดชีวิตอยู่ดี แต่ดูเหมือนคนตัวเล็กกลับไม่ยินดียินร้ายกับการเป็นว่าที่พระชายาสักนิด ใบหน้าที่ดูหมองหม่น เศร้าสร้อย และดวงตาก็ดูบวมช้ำ ราวกับผ่านการร้องไห้มา ยังไม่ทันไรน้ำตาใสๆ ก็เอ่อล้นและหยดลง เพียงแค่นั้นองค์เดเมี่ยนก็ไม่อาจจะทนทำใจแข็งอยู่ได้อีก พระองค์หวังจะเห็นรอยยิ้มของคนตัวเล็ก มิใช่หยดน้ำตาแบบนี้ พระองค์อยากให้คนตัวเล็กมีความสุข มิใช่เศร้าเสียใจแบบนี้ ร่างกายของพระองค์ก้าวเดินออกไปหา เพียงเพราะอยากปลอบโยนคนตรงหน้าเท่านั้น

 

พระองค์เดินเข้ามาหา ก่อนจะหยุดยืนอยู่เบื้องหลังเว้นระยะห่างเอาไว้ ใจของพระองค์อยากเข้าไปกอด แต่พระองค์ก็ใช้ทุกอย่างที่มีหยุดรั้งพระองค์เอาไว้

“เจ้าร้องไห้ทำไม มิคาเอล” มิคาเอลได้ยินน้ำเสียงที่คุ้นหูเอ่ยขึ้น จึงหันกลับมามอง คนๆ ที่เขาเฝ้าคิดถึงมาตลอดยืนอยู่ห่างออกไปเพียงเอื้อมมือ เขาอยากเข้าไปหา ปรารถนาอ้อมกอดอับอบอุ่นที่เคยกอดเขา แต่ด้วยฐานะของเขาในตอนนี้ อ้อมกอดนั้นมิใช่ของเขาอีกแล้ว แม้คนตรงหน้าจะอยู่ห่างเพียงเอื้อมมือ แต่สำหรับมิคาเอล พระองค์อยู่ห่างไกลสุดจะเอื้อมถึง แม้กระนั้นเขาก็อยากมองคนตรงหน้าให้เต็มตา แต่ภาพตรงหน้าก็พร่ามัว น้ำตามากมายไหลรินออกมาอย่างไม่อาจกลั้น จนคนตัวใหญ่มิอาจทนมองอยู่ได้จึงเดินเข้ามาใกล้ ก่อนจะปาดน้ำตาออกจากใบหน้าหวาน แม้จะรู้ว่าไม่มีสิทธิ แม้จะรู้ว่าไม่ควร แต่พระองค์ก็รั้งร่างเล็กเข้าไปกอดแนบอก ซับน้ำตาให้กับคนตัวเล็ก พระองค์ไม่อยากเห็นคนตัวเล็กร้องไห้แบบนี้ หัวใจของพระองค์ปวดร้าวไปหมด มิคาเอลสะอื้นไห้อยู่นาน และองค์เดเมี่ยนก็กอดมิคาเอลเอาไว้แนบแน่น ลูบศรีษะ ลูบหลังอย่างอ่อนโยน ปลอบให้คนตัวเล็กหยุดร้องไห้ พระองค์สูดกลิ่นหอมของคนตรงหน้าอย่างคิดถึง ทั้งพระองค์และมิคาเอลต่างมีความสุขที่สุดและทุกข์ที่สุดในเวลาเดียวกัน

 

เมื่อมิคาเอลหยุดร้องไห้ เขาก็ขืนตัวออกจากอ้อมกอดอุ่น ด้วยสำนึกตนว่าเขาไม่มีสิทธิ เขาไม่ใช่ขององค์เดเมี่ยนอีกแล้ว

 

“ขอบคุณครับที่ทรงปลอบผม แต่ปล่อยเถอะครับ ฝ่าบาท”

มิคาเอลกล่าวเบาๆ พระองค์จึงคลายอ้อมกอดออก

“เราขอโทษ เราไม่ควร และ ไม่มีสิทธิจะแตะต้องต้องเจ้า” ทรงตรัสด้วยน้ำเสียงอันเจ็บปวด

“พระองค์เป็นคนที่ยกผมให้องค์ราฟาเอล ไม่ใช่หรือครับ พระองค์ไม่ได้ต้องการผมอีกแล้ว แล้วพระองค์ ยังต้องการอะไรจากผมอีกเหรอครับ”

มิคาเอลถาม น้ำเสียงเจ็บปวดไม่แพ้กัน

“เราได้ยินว่าราฟาเอลต้องการให้เจ้าเป็นชายาของเขา เรามายินดีกับเจ้า” ทรงตรัสเรียบและห่างเหิน

“ขอบคุณครับ ผมไม่มีสิทธิ ตัดสินใจอะไร ทั้งหมดสุดแล้วแต่องค์

ราฟาเอล” มิคาเอลตอบ

“เจ้าสบายดีหรือ” ทรงถาม

“องค์ราฟาเอลดูแลผมอย่างดีครับ” มิคาเอลตอบ

“หากเขาดูแลเจ้าอย่างดี แล้วเหตุใดเจ้าจึงร้องไห้” ทรงถามอยากจะเอื้อมมือไปสัมผัสคนตรงหน้า แต่ก็หยุดตัวเองเอาไว้

“ต้องการอะไรครับ ทำไมพระองค์ถึงมาที่นี่” มิคาเอลเปลี่ยนเรื่อง เขาไม่ได้อยู่ในฐานะที่จะพูด ไม่มีสิทธิเรียกร้อง ทำได้แค่ทำตามความต้องการของเจ้าชายผู้เป็นเจ้าของเขา

“เราอาจจะหาข้ออ้างได้มากมาย แต่เราจะไม่โกหก เราคิดถึงเจ้า” ทรงตรัสเรียบๆ และจริงจัง มิคาเอลนิ่งเงียบฟัง ก้มหน้าลงไม่ยอมสบตา แต่ภายในใจปวดร้าวที่ได้ยิน เขาอยากจะบอกพระองค์ว่าเขาเองก็คิดถึงพระองค์ทุกลมหายใจ แต่เขาไม่ได้อยู่ในฐานะที่จะพึงกระทำได้ เขาจึงนิ่งเงียบเสีย

 

“เจ้าเคยเล่าอดีตของเจ้าให้เราฟัง และเจ้าเคยบอกว่าสักวันเจ้าก็อยากฟังเรื่องของเราบ้างสินะ ความหมายของเพลงๆ นั้น” ทรงตรัสเรียบๆ ก่อนจะนั่งลง มิคาเอลจึงนั่งลงแต่เว้นระยะห่างไว้

“เรารู้ว่ามันอาจจะสายเกินไปแล้ว ที่เราจะเรียกร้องอะไรในตอนนี้ แต่เราก็อยากให้เจ้าได้รู้ เจ้าคงเคยได้ยินเรื่องเกี่ยวกับเสด็จแม่ของเรามาบ้างไม่มากก็น้อยสินะ” ทรงถาม มิคาเอลพยักหน้า

“เพราะเหตุที่เสด็จแม่ของเราได้ก่อไว้ กษัตริย์องค์ก่อนจึงเกลียดเรามาก ด้วยเหตุเพราะเราเป็นลูกของ หญิงชั่ว หากไม่ได้พระมารดาของ

นาธานเนียล เราก็คงตายไปนานแล้ว พระนางขอชีวิตของเราไว้ ไม่อย่างนั้น เราก็คงจะตายด้วยมือของ พระบิดาแท้ๆ ของเราเองไปตั้งแต่ตอนนั้น” ทรงตรัสเรียบๆ เป็นมิคาเอลที่ดูสะเทือนใจที่ได้ยิน

 

“แต่นั่นก็เป็นเพียงแค่จุดเริ่มต้นของความเกลียดชังที่เราได้รับ เพราะเราเป็นเจ้าชายที่พระองค์ไม่ทรงโปรด เมื่อเราอายุได้ 15 เราก็ถูกส่งไปเรียนที่ฝรั่งเศส เราก็ใช้เวลาอยู่ที่นั่นหลายปี และเราก็ได้รู้จักกับหญิงสาวคนหนึ่ง เธอชื่อ เดสเซเร่ (Desarea) ในตอนแรกเราไม่ได้บอกฐานะของเรา เพราะเราคิดว่าเราจะไม่กลับมาคานาเดียอีก เราอยู่ที่ฝรั่งเศสมา 10 กว่าปี และ

เดสเซเร่ก็กลายมาเป็นคนรักของเรา เธอเป็นรักแรกของเรา เป็นเจ้าของหัวใจของเรา เป็นดั่งชีวิตของเรา เรารักเธอมากและเราปรารถนาจะแต่งงานกับเธอ เพลงๆ นั้นคือเพลงที่เราแต่งขึ้นให้กับเธอ” ทรงตรัสเรียบๆ แต่แววตาของพระองค์กลับดูเศร้าสร้อย

“เกิดอะไรขึ้นครับ” มิคาเอลถาม เพราะบางอย่างไม่ถูกต้อง

“ในตอนนั้นเรากำลังจะขอเธอแต่งงาน แต่เราก็ถูกเรียกให้กลับมาคานาเดีย ในเมื่อเราขัดคำสั่งไม่ได้ เราจึงจำเป็นต้องกลับมา เดสเซเร่ ไม่เคยรู้ว่าเราเป็นเจ้าชาย เธอตกใจแต่ก็ยอมรับในตัวเรา และตามมาคานาเดียกับเราด้วยในฐานะคนรักของเรา แต่เดสเซเร่เป็นคนสวย ไม่ว่าใครเห็นก็ล้วนปรารถนาในตัวของเธอ” พระองค์เล่ามาถึงตรงนี้ พระองค์ก็หยุด พระองค์ดูเจ็บปวด แต่ก็ทรงเล่าต่อ

“ในวันที่เราตั้งใจจะขอเดสเซเร่แต่งงาน เราก็ถูกกษัตริย์องค์ก่อนเรียกเข้าพบ พระองค์ไม่เห็นด้วยและไม่ยินยอมให้เราแต่งงานกับเธอ เพราะเธอเป็นเพียงสามัญชน เมื่อเราไม่ยอม คนๆนั้นก็ทำในสิ่งที่เราไม่ได้คาดคิด พระองค์ก็ใช้อำนาจของพระองค์ บังคับให้เดสเซเร่เป็นสนมของพระองค์ โดยขู่เดสเซเร่ว่าหากไม่ยินยอม พระองค์จะทรงลงโทษเราแทน” ทรงตรัสอย่างโกรธแค้น และเจ็บปวด แม้มิคาเอลที่ฟังอยู่ก็รู้สึกเจ็บปวดไปด้วย

“ฝ่าบาท” มิคาเอลเอื้อมมือไปกุมมือของพระองค์ไว้ สีหน้าของพระองค์

ดูเจ็บปวด

“เดสเซเร่จำใจเป็นสนมของกษัตริย์องค์ก่อน แต่เธอก็เจ็บปวดกับสิ่งที่เกิดขึ้น แม้จะเป็นหนึ่งในสนมคนโปรด แต่เธอก็ไม่มีความสุขและเราที่รู้ แต่ก็ไม่อาจทำอะไรได้ เราทำได้เพียงมองเธออยู่ห่างๆ และแอบหวังว่าสักวันคนๆ นั้นจะปลดปล่อยเดสเซเร่ให้เป็นอิสระ และเราก็รอให้เธอกลับมาหา แต่เดสเซเร่กลับเป็นคนที่ยอมแพ้เสียเอง หลังจากที่เธอเป็นสนมได้ไม่นาน เธอก็เริ่มเป็นโรคซึมเศร้า สุดท้ายเธอก็เชือดข้อมือ พยายามฆ่าตัวตาย กว่าจะมีคนมาพบ เธอก็เสียเลือดไปมากแล้ว แม้หมอจะพยายามทำทุกอย่างเพื่อยื้อชีวิตของเธอเอาไว้ แต่สุดท้ายเธอก็จากไปอย่างไม่มีวันกลับ และทั้งหมดก็เป็นเพราะเรา หากเราไม่พาเธอมาที่นี่ เธอคงไม่ต้องทรมานแบบนี้ หากไม่เป็นเพราะเรา ในตอนนี้เธอก็คงจะยังมีชีวิตอยู่” ทรงตรัสอย่างเจ็บปวดทรมาน น้ำตาของพระองค์ก็ไหลออกมา มิคาเอลกุมมือขององค์เดเมี่ยนเอาไว้ รู้สึกเจ็บปวด และเข้าใจพระองค์

 

“มันไม่ใช่ความผิดของพระองค์ พระองค์ทำดีที่สุดแล้ว” มิคาเอลกล่าว

“เปล่าเลย เราไม่ได้ทำอะไรเลยต่างหาก เราได้แต่เฝ้ามองเธอทนทรมาน และเจ็บปวด ทั้งๆ ที่เธอรักเรา แต่เรากลับทำให้เธอต้องอยู่ในสภาพนั้น” ทรงตรัสอย่างเจ็บปวดและเฝ้าโทษตัวเองมาตลอด

“พระองค์จะโทษตัวของพระองค์ได้อย่างไรครับ ในเมื่อพระองค์ไม่ได้ต้องการให้มันเกิดขึ้น” มิคาเอลกล่าว

“เพราะเธอรักเรา และต้องการปกป้องเรา แต่การที่เธอฆ่าตัวตาย นั่นคือสิ่งที่ทำให้เราเจ็บปวดมากที่สุด การตายไม่ใช่สิ่งที่น่ากลัว การใช้ชีวิตอยู่ต่างหากที่ทรมานมากยิ่งกว่าหลายเท่านัก” ทรงตรัสขึ้น มิคาเอลย่อมรู้และเข้าใจดี เขาเองก็เคยพยายามจะฆ่าตัวตายมาแล้วหลายครั้ง

“เจ้าทำให้เราคิดถึงเดสเซเร่ หลายอย่างที่เจ้าเป็น ล้วนคล้ายกับเธอ หลังจากเดสเซเร่ เราก็ไม่เคยรักใครอีก เจ้าเป็นคนแรกที่ทำให้เรารู้สึก รัก ขึ้นมาอีกครั้ง” ทรงตรัสขึ้น มองมาที่คนตรงหน้า

 

“ทั้งๆ ที่เราเกลียดคนๆ นั้น แต่เรากลับกลายเป็นคนๆ นั้นเสียเอง สิ่งที่เราทำกับเจ้าก็ไม่ได้แตกต่างจากที่คนๆ นั้นทำกับเดสเซเร่ สิ่งที่เราทำกับเจ้าล้วนไม่น่าให้อภัย เราเอาแต่ใจและทำให้เจ้าต้องเจ็บปวด และการที่เราตัดสินใจยกเจ้าให้กับราฟาเอล เป็นเพราะเราไม่อยากทำให้เจ้าต้องเจ็บปวดไปมากกว่านี้ เราไม่อยากให้เจ้าเกลียดเรามากไปกว่านี้ ไม่อยากให้เจ้าต้องทนทรมานไปมากกว่านี้ เราคงทนไม่ได้ หากวันหนึ่งเราเป็นสาเหตุที่ทำให้เจ้าคิดสั้น และทำให้เราต้องเสียเจ้าไป อย่างไม่มีวันกลับอย่างเดสเซเร่ แม้เราจะไม่ได้ต่างจากคนๆ นั้นมากนัก แต่อย่างน้อยเราก็อยากเห็นเจ้ามีความสุข และเราก็คิดว่าราฟาเอลน่าจะทำให้เจ้ามีความสุขได้” ทรงตรัสด้วยสีหน้าที่เจ็บปวด

“ฝ่าบาท....ผม...” มิคาเอลอยากจะพูดความในใจ แต่องค์เดเมี่ยนกลับดึงเขาเข้าไปกอดแทน

“เจ้าไม่จำเป็นต้องพูดอะไร เราไม่ได้หวังอะไร เรารักเจ้ามิคาเอล หากย้อนเวลากลับไปได้ เราคงจะทำดีกับเจ้ามากกว่านี้ อ่อนโยนต่อเจ้ามากกว่านี้ แต่ในตอนนี้มันคงสายเกินกว่าที่เราจะทำอะไรได้ เราเพียงหวังอยากให้เจ้ามีความสุข เราต้องการแค่นี้” ทรงตรัสและกอดมิคาเอลไว้ มิคาเอลเจ็บปวดน้ำตาที่แห้งไปแล้วจึงไหลออกมาอีก เขารักองค์เดเมี่ยนมากเหลือเกิน ในขณะที่อยากจะบอกต่อพระองค์ องค์ราฟาเอลก็เดินมาเห็นเข้ามา

 

“พระองค์มาทำอะไรที่นี่ ปล่อยมิคาเอลเดี๋ยวนี้” องค์ราฟาเอลประกาศกร้าว องค์เดเมี่ยนจุมพิตเบาๆ ที่หน้าผากของมิคาเอลก่อนจะคลายอ้อมกอดและถอยออกมา

“ไม่ต้องห่วงไปหรอกราฟาเอล เราเพียงมาลาเท่านั้น” องค์เดเมี่ยนตรัส

“พระองค์หมายความว่าอย่างไร” มิคาเอลเอ่ยถามอย่างไม่เข้าใจ ในใจเจ็บแปลบ

“เราจะไปจากคานาเดียสักพัก” ทรงตอบ การอยู่ในวิลล่าก็คอยแต่จะทำให้พระองค์เอาแต่คิดถึงมิคาเอล ไม่ว่าอย่างไรพระองค์คงทนทำใจไม่ได้

“ทำไมครับ ฝ่าบาท” มิคาเอลกล่าวขึ้นถาม ดวงตายังมีน้ำตาเอ่อล้นออกมา

“เราได้ยินว่าเจ้ากำลังคิดจะแต่งตั้งมิคาเอลเป็นชายา เรายินดีกับเจ้าด้วย ดูแลเขาให้ดี อย่าทำผิดพลาดเหมือนเรา” ทรงหันมาตรัสกับองค์ราฟาเอล

“ผมจะดูแลมิคาเอลอย่างดีที่สุด” องค์ราฟาเอลตอบ

 

“ขอบใจ” องค์เดเมี่ยนตรัส และเดินจากไป

ออฟไลน์ KanadiaTBear

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 71
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0


 

บทที่ 44 ตามหาหัวใจ

 

องค์ราฟาเอลพามิคาเอลเดินกลับเข้าไปในวิลล่า มิคาเอลยังคงทำหน้าเศร้า และเงียบกว่าทุกวันจนพระองค์อดเป็นห่วงไม่ได้

“องค์เดเมี่ยน ทำอะไรเจ้าหรือเปล่า” ทรงถาม

“เปล่าครับ” มิคาเอลตอบสั้นๆ เขาพยายามจะรวบรวมความกล้า

“อย่าทำหน้าเศร้าแบบนี้สิ มิคาเอล” ทรงตรัส

“ฝ่าบาทครับ ผมมีเรื่องจะร้องขอต่อพระองค์” มิคาเอลเอ่ยขึ้น

“หากเราทำได้ เราก็จะทำให้” ทรงตรัส แปลกใจที่อยู่ๆ มิคาเอลกลับร้องขอบางอย่างจากพระองค์ ทั้งๆ ที่ปกติ มิคาเอลไม่เคยต้องการอะไร

 

“ผมรู้ว่าพระองค์ดีกับผมมาก ที่ผ่านมาพระองค์ก็คอยทำดีกับผมทุกอย่าง แต่… ผมไม่ได้รักพระองค์ ในตอนแรกผมคิดว่าผมจะทน แต่องค์เดเมี่ยนทรงอยากให้ผมมีความสุข ถึงแม้ว่าการที่อยู่ที่นี่ พระองค์จะดูแลผมเป็นอย่างดี แต่ผมก็ไม่ได้มีความสุขเลยแม้แต่น้อย ผมยังคงทรมานและเจ็บปวด แม้ผมจะพยายามแล้วที่จะตัดใจ แต่ผมก็ทนไม่ได้ ที่ผ่านมา ผมเอาแต่ปฏิเสธหัวใจของผมเอง ผมเอาแต่ทำให้คนที่รักผมต้องเจ็บปวด โดยที่ผมไม่เคยบอกความรู้สึกจริงๆ ออกไป ผมรู้ว่าผมเห็นแก่ตัว และโลเล ผมรู้ว่าผมไม่ใช่คนดีอะไร แต่ผม… ผมอยากจะขอร้องให้พระองค์ปล่อยผมไป… จะได้ไหมครับ” มิคาเอลกล่าว

“ทำไมล่ะ ทำไมจึงเป็นเราไม่ได้” องค์ราฟาเอลตรัสถาม

“ผมขอโทษครับ ฝ่าบาท แต่หัวใจของผมมีเจ้าของแล้วครับ ผม… ผมรักองค์เดเมี่ยนครับ” มิคาเอลสารภาพ อย่างรู้สึกผิด

“แต่พระองค์ก็โหดร้ายต่อเจ้า บังคับขืนใจเจ้า และยังมากรัก”

“ผมทราบครับ แต่พระองค์ก็ทรงอ่อนโยนต่อผมมากเช่นกัน ผมไม่เคยได้ตระหนัก จนกระทั่งเสียพระองค์ไป” มิคาเอลกล่าว

“แต่ถึงเราจะปล่อยเจ้าไป ใช่ว่าเสด็จพี่เดเมี่ยนจะยอมรับเจ้ากลับไป” องค์ราฟาเอลกล่าว

“ผมทราบครับ ผมซาบซึ้งในทุกสิ่งที่พระองค์ทรงทำให้กับผม แต่ผมไม่คิดว่าผมจะคู่ควรต่อพระองค์ ตำแหน่งพระชายาของพระองค์นั้นอยู่สูงเกินกว่าที่ผมจะเอื้อมถึง สามัญชนอย่างผมไม่มีค่ามากพอจะให้พระองค์มายกย่องหรอกครับ และหากองค์เดเมี่ยนไม่ต้องการผม ผมก็จะกลับอเมริกาครับ ได้โปรดเถิดครับ ปล่อยผมไป” มิคาเอลคุกเข่าลงขอร้องต่อพระองค์

 

"มิคาเอล เราเข้าใจแล้ว ลุกขึ้นเถอะ” ทรงประคองมิคาเอลให้ลุกขึ้น

“หากเจ้ารักเสด็จพี่ของเรามากขนาดนั้น ก็จงไปหาพระองค์เสียเถอะ เราอนุญาต เราปลดปล่อยเจ้า เจ้ามีอิสระที่จะทำทุกอย่างตามความปรารถนาของเจ้า” ทรงตรัส แม้จะเจ็บปวดแต่ก็ไม่ต้องการฝืนใจคนที่ไม่ได้รัก

“ขอบพระทัยขอรับ ฝ่าบาท” มิคาเอลเอ่ยอย่างซาบซึ้ง ก่อนจะวิ่งออกไปจากวิลล่า และตรงไปที่วิลล่าขององค์เดเมี่ยน

 

มิคาเอลรู้และเข้าใจว่าองค์เดเมี่ยนอาจจะไม่ต้องการเขาอีกแล้ว ในเมื่อตลอดเวลาที่ผ่านมา เขาเอาแต่ทำร้ายพระองค์ ทั้งๆ ที่พระองค์บอกรักเขาอยู่เสมอ แต่เขาต่างหากที่เอาแต่ปฏิเสธ และพูดคำร้ายๆ ให้พระองค์ต้องเจ็บปวดอยู่เสมอ คนที่แย่ที่สุดก็คือเขาเองไม่ใช่หรือ ในเมื่อเขาต่างหากที่เอาแต่ใจ และไม่เคยทำดีต่อพระองค์สักครั้ง แม้พระองค์อาจจะไม่ต้องการเขาอีกแล้ว แต่อย่างน้อยเขาก็อยากให้พระองค์ได้รู้และเข้าใจความรู้สึกของเขา แม้สุดท้ายเขาอาจจะไม่เหลือใคร แต่อย่างน้อย เขาก็ได้พยายามแล้ว

 

เขามิได้คาดหวังให้พระองค์รับเขากลับไป แต่อย่างน้อยที่สุดเขาอยากให้พระองค์ได้รับรู้ความรู้สึกของเขาบ้าง

 

ในที่สุดมิคาเอลก็มาหยุดอยู่ที่หน้าวิลล่าขององค์เดเมี่ยน มิคาเอลพยายามตั้งสติก่อนจะก้าวเดินเข้าไป ภายในในวิลล่าดูเงียบเหงา มิคาเอลเดินหาองค์เดเมี่ยนแต่ก็ไม่พบจนกระทั่งเขาเดินมาหยุดอยู่หน้าวิลล่าเล็ก มิคาเอลก็เห็นแดเรียล เขาจึงเดินเข้าไปหา

“แดเรียล! แดเรียลครับ ฝ่าบาทอยู่ที่ไหนครับ” มิคาเอลถาม

“คุณมิคาเอล คุณมาที่นี่ได้อย่างไรคะ คุณรีบออกไปจากที่วิลล่าเล็กก่อนเถอะค่ะ” แดเรียลตกใจที่เห็นมิคาเอล สีหน้าแสดงความกังวลอย่างเห็นได้ชัด และเพียงไม่นาน มิคาเอลก็เข้าใจว่าทำไม

 

สนมหลายคนเดินออกมาเมื่อได้ยินเสียงของเขา แต่ละคนเดินตรงเข้ามาหา และเป็นมาร์คัสที่เดินเข้ามาตบหน้าของมิคาเอลอย่างแรงโดยที่มิคาเอลไม่ทันได้ตั้งตัว

 

“กลับมาทำไม!!! หรือว่ายังทำความเสียหายไม่พอ จะต้องทำให้ฝ่าบาทเจ็บปวดขนาดไหนถึงจะพอใจ”

 มาร์คัสตะโกนถาม และเป็นริชชี่ที่เข้ามาห้าม

“พอได้แล้วครับ ถึงจะทำร้ายมิคาเอลก็ไม่ได้ทำให้อะไรดีขึ้น” ริชชี่กล่าว

“ถึงขนาดนี้ คุณจะยังเข้าข้างเขาอีกหรือริชชี่ เพราะมิคาเอล ฝ่าบาทถึงได้เจ็บปวดมากขนาดนี้ และเป็นเพราะคนๆ นี้ ฝ่าบาทถึงได้จากไป” เรียวกล่าวขึ้น ตายังแดงจากการร้องไห้ มิคาเอลกลับตกใจเสียเอง

“หมายความว่าอย่างไรครับ ฝ่าบาทไปไหน” มิคาเอลถามขึ้น ใบหน้าหวานค่อยๆ ขึ้นสีเป็นรอยฝ่ามือ

“พระองค์เสด็จไปฝรั่งเศสแล้วครับ และพระองค์ก็ไม่แน่ใจว่าพระองค์จะกลับมาที่คานาเดียอีก” ริชชี่ตอบ

“ทั้งหมดเป็นเพราะแก” มาร์คัสตราหน้ามิคาเอล

“ผม... พระองค์ไปเมื่อไหร่ครับ” มิคาเอลถาม

“พระองค์เพิ่งออกไปได้ประมาณ ครึ่งชั่วโมงแล้วครับ พระองค์ไม่ยอมให้ใครตาม” ริชชี่กล่าว และถามกลับ

“คุณมาที่นี่ทำไม มิคาเอล คุณเป็นขององค์ราฟาเอลไม่ใช่เหรอ” ริชชี่ถาม

“ผมไม่ใช่ของใครทั้งนั้น และผมมาหาองค์เดเมี่ยน ผมจะต้องไปสนามบินแล้ว” มิคาเอลกล่าวก่อนจะหันหลังและเริ่มวิ่งไป

“เดี๋ยว!! คุณจะวิ่งไปสนามบินหรืออย่างไร” ริชชี่กล่าว และโยนกุญแจรถมาให้

“อย่าให้เป็นรอยนะ ไม่อย่างนั้นผมสาบานว่าคุณจะต้องชดใช้” ริชชี่ขู่ทิ้งท้าย

“ขอบคุณครับ” มิคาเอลกล่าวขอบคุณและวิ่งออกไป

“ไปช่วยมันทำไม ริชชี่” มาร์คัสถามอย่างไม่พอใจ

“ผมไม่ได้ช่วยมิคาเอล ผมแค่ต้องการให้องค์เดเมี่ยนกลับมา และคนเดียวที่ทำให้พระองค์กลับมาได้ก็คือ มิคาเอล”

 

มิคาเอลขับรถสปอร์ตคันเล็กของริชชี่ออกไป ในใจเฝ้าภาวนาขอให้ไปทัน ขอให้เขาได้เห็นหน้าของพระองค์อีกสักครั้ง ต่อให้ถูกปฏิเสธ ต่อให้พระองค์ไม่ต้องการเขาอีก เขาก็จะไม่บ่นเลยแม้แต่ครึ่งคำ

 

มิคาเอลขับรถไปถึงที่สนามบิน และรีบตรงไปในส่วนที่จอดเครื่องบินส่วนพระองค์ มิคาเอลรีบวิ่งมาเร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้แล้ว พยายามมองหาเครื่องบินส่วนพระองค์ แต่ไม่ว่าจะมองหาเท่าไหร่ ก็ไม่พบ พอดีมีคนผ่านมามิคาเอลจึงรีบเข้าไปถาม

“ขอโทษครับ องค์เดเมี่ยน เครื่องบินขององค์เดเมี่ยนอยู่ที่ไหนครับ”

มิคาเอลเอ่ยถามด้วยความหวังอันเลือนลาง

“เครื่องของพระองค์เพิ่งเทคออฟไปเมื่อ 15 นาทีที่แล้วครับ” ชายคนนั้นตอบ ทันทีที่ได้ยิน มิคาเอลก็รู้สึกหมดแรงขึ้นมาเฉยๆ จนเขาทรุดลงไปกองกับพื้น น้ำตาก็ไหลออกมา สะอื้นไห้อย่างไม่อาจจะควบคุม มิคาเอลนั่งร้องไห้อยู่นาน จนกระทั่งเสียงเครื่องยนต์มาจอดอยู่ไม่ห่าง พร้อมกับเสียงเปิดและปิดประตู เสียงฝีเท้าก้าวเข้ามาใกล้

 

“เจ้าก็มาไม่ทันสินะ” เสียงทรงอำนาจเอ่ยขึ้น

“ผมผิดเองครับ เป็นเพราะผม พระองค์ถึงได้ตัดสินใจแบบนี้” มิคาเอล

กล่าว

“เราถามเจ้า มิคาเอล เจ้าคิดอย่างไรกับเสด็จพี่เดเมี่ยน” องค์นาธานเนียลเอ่ยถามเรียบๆ

“ผมรักพระองค์ครับ ผมเพิ่งมารู้ตัวเมื่อไม่นาน แต่ผมไม่ได้คาดหวังอะไร ผมเพียงอยากให้พระองค์ได้รู้ความในใจของผมก็เท่านั้น แต่มันคงสายเกินไปแล้ว” มิคาเอลตอบ

“ราฟาเอลบอกกับเราเรื่องปลดปล่อยเจ้าแล้ว ทั้งๆ ที่เจ้ามีอิสระแล้ว เจ้าจะยังอยากจะพบกับเสด็จพี่ของเราอีกหรือ” ทรงถาม

“ครับ” มิคาเอลกล่าวเงยหน้าขึ้นมองพระองค์

“พระองค์รู้ว่าองค์เดเมี่ยนอยู่ที่ไหนใช่มั้ยครับ” มิคาเอลเอ่ยถาม

“หากเรารู้ แล้วเจ้าจะทำไม”

“บอกผมได้ไหมครับ”

“หากเจ้าต้องการรู้ เราก็ต้องการข้อแลกเปลี่ยน” ทรงตรัส

“ครับ”

“พาพระองค์กลับมาคานาเดียให้ได้ แล้วเราจะยกโทษทุกอย่างที่เจ้าได้กระทำไว้”

“ตกลงครับ”

“เราจะให้แมททิวไปกับเจ้าก็แล้วกัน เขารู้ว่าเสด็จพี่อยู่ที่ไหน” ทรงตรัส

“ขอบคุณครับ ฝ่าบาท” มิคาเอลกล่าวขอบคุณ

 

องครักษ์แมททิวพามิคาเอลเดินทางไปยังฝรั่งเศส ประเทศที่มีกลิ่นอายของความโรแมนติกอยู่ทุกที่ แต่ในตอนนี้มิคาเอลกลับไม่มีจิตใจจะสนใจสิ่งใด เขาจดจ่อ อยากจะพบกับองค์เดเมี่ยนเร็วๆ แมททิวบอกว่าเพราะองค์เดเมี่ยนเคยอยู่ที่ฝรั่งเศสมานานหลายปี พระองค์มีบ้านอยู่หลายหลัง และทั้งแมททิวและเขาก็เดินทางไปที่บ้าน หรือจะเรียกให้ถูกคือแมนชั่นขนาดใหญ่ในเมืองมาแล้ว ถึงสองที่ แต่ก็ยังไม่มีวี่แววของพระองค์

 

ในขณะนี้แมททิวจึงพามิคาเอลขับรถออกนอกเมืองเพื่อไปยังคฤหาสน์อีกหลังนอกเมือง รถขับมาเรื่อยๆ นอกเมืองของฝรั่งเศสนั้นงดงามมาก ไร่ไวน์มากมายสองข้างทาง มองออกไปสุดลูกหูลูกตา ทุกอย่างล้วนงดงามราวกับภาพวาด แต่กระนั้นมิคาเอลก็ไม่มีจิตใจจะมาชื่นชมความงาม

 

แมททิวขับรถมาเรื่อยๆ จนกระทั่งเลี้ยวเข้าไปในถนนส่วนบุคคล สองข้างทางมีต้นไม้ใหญ่ปลูกเรียงรายขนาบไปตามถนนทั้งสองข้าง ด้วยเพราะเข้าฤดูใบไม้ร่วง ใบไม้จึงเริ่มเปลี่ยนสี ไล่ไปตั้งแต่สีเหลือง ส้ม และแดง ดูงดงาม รถถูกขับมาจอดหน้าคฤหาสน์หลังใหญ่ ดูผสมผสานกลมกลืนระหว่างความเก่าและความใหม่ ตัวชาโตว์ ทำจากหินสีอ่อนคล้ายๆ ปราสาท งดงาม และ ใหญ่โต

 

มิคาเอลเปิดประตูรถ และเดินลงมา คฤหาสหลังนี้ดูแตกต่างจากที่อื่นที่เขาไปมา สิ่งหนึ่งที่เขาได้ยินทันทีที่รถจอด คือเสียงเปียโนอันเศร้าสร้อย เล่นเพลงที่เขาเคยได้ยินมาก่อน แมททิวพาเขาเดินเข้าไปในคฤหาสน์ เมื่อเข้ามาภายใน มิคาเอลก็เดินอย่างเหม่อลอยตามเสียงของเปียโนไป เสียงเพลงที่ได้ยินในวันนี้ยังฟังดูเศร้าสร้อยเสียยิ่งกว่าครั้งที่แล้วเสียอีก มิคาเอลพาตัวเองเดินมาหยุดยืนอยู่หน้าห้อง เขาหยุดยืนฟังเพลงนั้นของพระองค์จนจบ ไม่รู้ทำไม อยู่ๆ น้ำตาก็เอ่อไหลออกมา

 

เสียงเปียโนเงียบหายไป มิคาเอลจึงค่อยๆ เปิดประตูบานใหญ่ออกก่อนจะเดินเข้าไปภายในห้อง พระองค์ยืนเหม่อมองออกไปนอกหน้าต่างอย่างโดดเดี่ยว ลำพัง ใบหน้าอันหล่อเหลานิ่งเฉย แต่ดวงตาคมคู่นั้นกลับเอ่อล้นด้วยหยาดน้ำตา พระองค์หลับตาลง น้ำตาก็ค่อยๆหยดลงอาบแก้มของพระองค์ มิคาเอลรู้สึกเจ็บปวดที่เขาเป็นสาเหตุทำให้เจ้าชายที่ขึ้นชื่อว่าโหดร้าย กำลังกรรแสงอยู่ในขณะนี้ เขาเฝ้าตามหาพระองค์มานานนับอาทิตย์ คนที่เขาตามหามาตลอดอยู่ตรงหน้า หัวใจที่หายไปของเขา ในที่สุดเขาก็ตามหาหัวใจดวงนี้ของเขาจนเจอ

 

 

ออฟไลน์ kitty08

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1952
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +48/-4
 :mew2: เหมือนน่าจะไม่มีดราม่าต่อน่ะ แต่ก้อยังมี 555  :mew4:

ออฟไลน์ KanadiaTBear

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 71
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0
 

 

บทที่ 45 สำรวจ

 

องค์เดเมี่ยนตัดสินใจแล้วว่าพระองค์จะหลบไปอยู่ลำพังสักพัก พระองค์โทรสั่งให้เตรียมเครื่องบิน และพระองค์ต้องการออกเดินทางทันทีที่พระองค์ไปถึงที่สนามบิน หลังจากที่พระองค์กลับมาที่วิลล่าพระองค์เพียงตรัสสั้นๆ ว่าพระองค์จะไปฝรั่งเศสโดยไม่มีกำหนดว่าจะกลับเมื่อไหร่ แต่เพียงเท่านั้นเหล่าสนมก็พากัน โวยวายจนพระองค์ต้องขึ้นเสียงดุ สนมหลายคนถึงกับร้องไห้เพราะพระองค์ไม่เคยเป็นแบบนี้มาก่อน แต่พระองค์ก็ไม่ได้อยู่ในอารมณ์ที่จะสนใจใคร พระองค์ไม่ต้องการใคร และคนที่พระองค์ต้องการ ก็คงไม่ได้ต้องการพระองค์

 

เมื่อเครื่องใกล้จะออก พระองค์จึงโทรไปหาองค์นาธานเนียล

“พระองค์หมายความว่าอย่างไร พระองค์อยู่บนเครื่อง เสด็จพี่จะไปไหน” องค์นาธานเนียลถามกลับ

“เราอยากอยู่คนเดียวสักพัก เมื่อเราพร้อมเราจะกลับมาเอง” องค์เดเมี่ยนตรัส

“เสด็จพี่จะไปไหน จะทรงไปนานขนาดไหน” องค์นาธานเนียลโกรธที่องค์เดเมี่ยนทำอะไรโดยไม่ปรึกษาแบบนี้

“อาจ 1 เดือน หรือ 6 เดือน หรือ 1 ปี พี่ก็ยังไม่แน่ใจ” ทรงตอบ

“เสด็จพี่นี่มันไม่ตลกเลย ผมไม่ให้พระองค์ไป” องค์นาธานเนียลพยายามเนี่ยวรั้งไว้

“พี่ต้องวางแล้ว เครื่องกำลังจะออกแล้ว” องค์เดเมี่ยนพยายามจะตัดสาย

“เสด็จพี่ ทำไมพระองค์จะต้องทำแบบนี้ แค่สนมคนเดียว หากพระองค์ต้องการสนมคนใหม่ ผมจะให้คนสรรหาคนมาให้พระองค์เลือก จะมีสนมเพิ่มอีกกี่สิบคนก็ยังได้” องค์นาธานเนียลกล่าว

“มิคาเอลไม่เหมือนคนอื่นหรอกนาธานเนียล ไม่ว่าใครก็แทนที่เขาไม่ได้ และเพราะเหตุนี้ พี่ถึงต้องไป พี่ขอโทษที่เอาแต่ใจ ถือเสียว่าพี่เอาคืนในตอนที่เจ้าไปเที่ยวเล่นที่อเมริกาก็แล้วกัน” องค์เดเมี่ยนกล่าวและตัดสายไป

 

เมื่อพระองค์มาถึงพระองค์ก็ตรงไปที่คฤหาสน์ พระองค์ไม่อยากพบใคร จึงสั่งให้ปิดเรื่องการเสด็จของพระองค์ เมื่อพระองค์เสด็จมาถึง พระองค์ก็เอาแต่เก็บตัว ไม่ทรงพูดคุยกับใคร เหล่าคนรับใช้ ต่างแปลกใจ ที่ปกติ เวลาที่องค์เดเมี่ยนเสด็จประทับ พระองค์จะพาหญิงสาว หรือชายหนุ่มมาด้วย แต่ในครั้งนี้ พระองค์กลับเสด็จมาเพียงลำพัง นอกจากนั้นพระองค์ยังเอาแต่เก็บตัว และหลายครั้งที่หัวหน้าพ่อบ้านยังเห็นพระองค์เอาแต่เหม่อลอย และไม่เป็นตัวของตัวเอง

 

ในวันนี้ก็อีกเช่นกันที่พระองค์เอาแต่เก็บตัว เสียงเปียโนที่ไม่ได้ยินมานานก็ดังขึ้น แต่เพลงที่เล่นกลับเป็นเพลงที่เศร้าสร้อยจนคนฟัง ยังรู้สึกอยากจะร้องไห้ตามไปด้วย

 

ในขณะที่ทุกคนเอาแต่เป็นห่วงองค์เดเมี่ยน รถสีดำก็ขับมาจอดด้านหน้าคฤหาสน์ และก็เป็นหนึ่งในองครักษ์ขององค์เดเมี่ยนที่ลงมาจากรถ พร้อมกับหนุ่มน้อยหน้าหวาน ที่ทุกคนต่างต้องพากันมองด้วยความสนใจ แต่ชายหนุ่มกลับไม่ได้สนใจสิ่งใด กลับเดินไปตามเสียงของเปียโน ก่อนจะเดินเข้าไปในห้องทรงดนตรีที่องค์เดเมี่ยนประทับอยู่

 

มิคาเอลหยุดยืนอยู่เบื้องหลังขององค์เดเมี่ยน องค์เดเมี่ยนที่เอาแต่เหม่อลอยไม่ได้รู้ถึงการมาของเขาด้วยซ้ำ มิคาเอลรวบรวมความกล้าก่อนจะเดินเข้าไปโอบกอดองค์เดเมี่ยนไว้ พระองค์ดูตกใจ เมื่อถูกกอดจากทางด้านหลัง

“ฝ่าบาท” มิคาเอลเอ่ยขึ้น ซบใบหน้าลงกับแผ่นหลังของพระองค์ กอดพระองค์เอาไว้แนบแน่น

“เราฝันไปหรือเปล่า” ทรงตรัสขึ้นเบาๆ ก่อนจะพยายามหันหน้ามาหาคนตัวเล็ก แต่มิคาเอลกลับไม่ยอม

“ได้โปรดฟังผมก่อนครับ” มิคาเอลกล่าว ขณะที่ยังกอดพระองค์ไว้ ไม่ยอมปล่อย

“เราอยากเห็นหน้าเจ้า เราอยากรู้ว่าเราไม่ได้ฝันไป” ทรงตรัส

“แต่ถ้าพระองค์หันมา ผมก็คงพูดไม่ออกอีก เพราะฉะนั้น ได้โปรดฟังผมก่อน” มิคาเอลกล่าว

“ว่ามาสิ”

“ผม... ผมขอโทษครับ ที่ตลอดมาผมทำไม่ดีกับพระองค์มากมาย ทั้งๆ ที่พระองค์พยายามทำดีกับผม แต่ผมก็ยังเอาแต่ปฏิเสธพระองค์ ผมขอโทษที่ตลอดมา ผมทำให้พระองค์เจ็บปวด แต่ผมไม่เคยมีความรักมาก่อน ผมไม่เคยคิดว่าผมจะรักใครได้ ผมเอาแต่ปฏิเสธหัวใจของผมเองมาตลอด จนกระทั่งพระองค์ไปจากผม ผมถึงได้รู้ ผมถึงได้ยอมรับ ผมถึงได้เข้าใจ ว่าการรักใครสักคน มันเป็นอย่างไร...” มิคาเอลกล่าวและยังกอดองค์เดเมี่ยนไว้ แต่องค์เดเมี่ยนกลับแกะมือของมิคาเอลออกและหันกลับมามองคนตรงหน้า

“ผม... ผม... ผม รัก พระองค์ ครับ”

มิคาเอลกล่าว ใบหน้าแดง และน้ำตาก็ค่อยๆ ไหลออกมา

“เราหูฝาดไปหรือเปล่า” ทรงตรัสเสียงเบา

“ผมรู้ว่ามันอาจจะสายเกินไปแล้ว ผมเพียงอยากให้พระองค์ได้รู้ความรู้สึกของผม ผมไม่ได้คาดหวังให้พระองค์มารักผม...” มิคาเอลก้มหน้าลง ด้วยสำนึกว่าเขาไม่ได้มีค่าอะไร หากพระองค์จะปฏิเสธเขาก็คงจะไม่แปลกใจเลยสักนิด

“มิคาเอล เรารักเจ้า” ทรงตรัส พระองค์แทบไม่อยากเชื่อกับสิ่งที่พระองค์ได้ยิน แต่เพียงคำพูดสั้นๆ เพียงแค่นี้กลับทำให้พระองค์มีความสุขมากกว่าสิ่งใด

 

พระองค์รั้งร่างของมิคาเอลเข้ามาในอ้อมกอด

“ฝ่าบาท ยังไม่ตอบผมเลยนี่ครับ พระองค์ยังทรงต้องการผมอยู่หรือเปล่า” มิคาเอลถาม

“เจ้ายังต้องถามเราอีกเหรอ ในเมื่อเรารักและปราถนาในตัวเจ้ามากขนาดนี้” พระองค์ตรัส และรั้งร่างเล็กเข้ามากอด

“ผมคิดถึงพระองค์ครับ คิดถึงมาก คิดถึงทุกลมหายใจ”

มิคาเอลกล่าวอยู่กับอก น้ำตาค่อยๆ ไหลออกมา

“เราก็คิดถึงเจ้ามากกว่าสิ่งใด” ทรงตรัสก่อนจะช้อนร่างของมิคาเอลขึ้น

คนตัวเล็กดูตกใจ แต่ก็มิได้ขัดขืน พระองค์จึงยิ้มออกมา ก่อนจะจุมพิตที่แก้มเบาๆ พร้อมกับสูดกลิ่นหอม ของคนตัวเล็ก อย่างคิดถึง

 

“ฝ่าบาท...” มิคาเอลประท้วงเบาๆ

“เราคงต้องสำรวจเจ้าอีกครั้ง ว่าเจ้าเป็นตัวจริงหรือเปล่า” ทรงตรัสยิ้มๆ

“ทำไมล่ะครับ” มิคาเอลไม่เข้าใจ

“มิคาเอลที่เรารู้จัก เป็นลูกแมวป่า ที่ไม่เชื่อง ในตอนนี้เจ้ากลับออดอ้อนเรา และตามใจเราแบบนี้ เราไม่ค่อนชินเท่าไหร่” ทรงตรัส แล้วจึงหัวเราะออกมาเป็นครั้งแรก

“ถ้าพระองค์ไม่ชอบ ผมกลับไปพยศอีกก็ได้นะครับ” มิคาเอลตอบทำหน้างอนๆ พระองค์อุ้มพามิคาเอลขึ้นไปที่ห้องบรรทม

“เรามีวิธีปราบแมวป่าอย่างเจ้า” ทรงตรัสยิ้มๆ

คนตัวเล็กก็ยิ่งหน้าแดงเข้าไปอีก

“ฝ่าบาท...”

 

องค์เดเมี่ยนพามิคาเอลเข้ามาในห้องบรรทม และวางลงบนเตียงขนาดใหญ่ ก่อนจะทรงทิ้งตัวลงเคียงข้าง

“ทำไมเจ้าถึงมาที่นี่ได้ แล้วราฟาเอลไปไหน” ทรงกลั้นใจถาม

“องค์ราฟาเอลปลดปล่อยผมให้เป็นอิสระครับ และองค์นาธานเนียลก็ทรงสั่งให้ผมมาตามพระองค์กลับไป” มิคาเอลตอบ

“เจ้ามาตามหาเราเพราะคำสั่งอย่างนั้นหรือ” ทรงตรัสถามอย่างน้อยใจ

“ผมมาตามหาหัวใจของผมต่างหาก” มิคาเอลกล่าว

“พูดได้ดี”

ทรงตรัสก่อนจะทรงจุมพิตแผ่วเบาที่ริมฝีปากอย่างหยอกล้อ

“ในเมื่อเจ้ามีอิสระแล้ว ทำไมเจ้าไม่กลับไปอเมริกาเสีย เจ้าเอาแต่อ้อนวอนอยากจะไปอยู่ตลอดไม่ใช่เหรอ” ทรงตรัสถามอย่างสงสัย

“พระองค์อยากให้ผมไปเหรอครับ ผมแค่อยากให้พระองค์รู้ความในใจของผม แต่ถ้าพระองค์ไม่ทรงรักผม ไม่ทรงต้องการผมแล้ว ผมก็จะไป”

มิคาเอลตอบ ทำท่าจะลุกหนี แต่องค์เดเมี่ยนก็รั้งเอาไว้ และทรงพลิกตัวขึ้นคร่อมร่างเล็กเอาไว้

“สายไปแล้วล่ะ เราจะกักขังเจ้า ใส่ปลอกคอเจ้า จะเอาโซ่ล่ามเจ้าเอาไว้ ต่อให้เจ้าร้องไห้แค่ไหน เราจะไม่มีวันปล่อยเจ้าไปอีก” ทรงตรัส และถอดเสื้อผ้าของมิคาเอลออก เมื่อมันไม่ยอมถูกถอดง่ายๆ พระองค์ก็ฉีกมันออก มิคาเอลตกใจ แต่ไม่ได้ขัดขืน

 

“พระองค์บอกให้ผมมีความสุข ที่ที่ผมมีความสุข คือที่ที่อยู่เคียงข้างของพระองค์” มิคาเอลกล่าวด้วยใบหน้าแดง ร่างกายเปลือยเปล่าอยู่ต่อหน้าเจ้าชาย พระองค์ยิ้มเมื่อได้ยิน จ้องมองร่างอันเปลือยเปล่าของมิคาเอล อย่างปรารถนา แต่ไม่ยอมแตะต้อง จนมิคาเอลต้องเอ่ยขอร้อง

“ผม... ผมต้องการพระองค์ครับ”

มิคาเอลอ้อนวอน หน้าขึ้นสีด้วยความอาย

“เจ้าต้องการอะไร” ทรงถามด้วยรอยยิ้ม

“ผม... ผม... ปรารถนา พระองค์” มิคาเอลตอบหน้าแดง

“เรายังไม่ได้สัมผัสเจ้าเลย ร่างของเจ้าก็กำลังตื่นตัวเสียแล้ว เจ้าต้องการเรามากขนาดนั้นเชียวหรือ” ทรงตรัสและเอาแต่จ้องมอง ไม่ยอมสัมผัส

“ฝ่าบาท... อย่าทรมานผม” มิคาเอลประท้วง

“เจ้าปล่อยให้ราฟาเอลสัมผัสเจ้า ร่วมรักกับเจ้ามากี่ครั้ง” ทรงตรัสถาม

“ผมเปล่าครับ ผมเคยร่วมรักกับพระองค์เพียงคนเดียว” มิคาเอลตอบ

ส่งสายตาอ้อนวอนให้กับคนตัวใหญ่ ที่ทำหน้าแปลกใจเมื่อได้ยิน

“องค์ราฟาเอลไม่ได้แตะต้องผมมากไปกว่าจูบ” มิคาเอลตอบ

“ต่อหน้าเรา เจ้ายังกล้าเรียกชื่อชายอื่นอีกเหรอ” ทรงตรัสอย่างโหดร้าย

ทรงสัมผัสที่ยอดอกหยอกเย้าจนมันแข็งเป็นไต ก่อนจะก้มลงขบกัดเบาๆ

มิคาเอลก็ร้องครางออกมา

“ผม ขอโทษครับ ฝ่าบาท ได้โปรด อย่า อย่าแกล้งทรมานผม”

มิคาเอลอ้อนวอน

“ร่างกายเจ้ากำลังตื่นตัวมากขึ้นอีกแล้ว ดูสิ ตรงนี้ของเจ้าเป็นสีชมพู และชูชันแบบนี้” ทรงตรัสหยอกล้อไล้นิ้วไปที่ยอดอก และบีบคลึงเบาๆ จน

มิคาเอลครางออกมาอย่างเสียวซ่าน

“เจ้ามาที่นี่ได้อย่างไร” ทรงถาม มิคาเอลหอบหายใจ เขากำลังปรารถนาคนตรงหน้าเหลือเกิน

“ตอบเรามา มิคาเอล” ทรงตรัสถามและยังทรมานเขาไม่หยุด

“องค์... นาธานเนียล ให้... คุณแมททิวพาผมมาครับ” มิคาเอลตอบตามตรง

“ตั้งแต่เมื่อไหร่ที่เจ้าริอาจเดินทางลำพังกับชายอื่น” องค์เดเมี่ยนตรัสถาม อย่างไม่พอใจนัก

“ฝ่าบาท คุณแมททิว แค่พาผมมาหา พระองค์ อ๊ะ!...ฝ่าบาท” มิคาเอล

พยายามปฏิเสธ องค์เดเมี่ยนยังคงทรมานมิคาเอลต่อไป ทรงสอดนิ้วเข้าไปสำรวจภายใน มิคาเอลก็นิ่วหน้า ก่อนจะอ้อนวอน

“แมททิวมันสัมผัสเจ้าหรือเปล่า มันสัมผัสเจ้าแบบนี้หรือเปล่า” พระองค์ตรัสถาม ค่อยๆ ขยับนิ้วเข้าออกช้าๆ ก่อนจะเพิ่มนิ้วเข้าไป

“ฝ่าบาท ...แมททิว ...ไม่ได้แตะต้องผม” มิคาเอลร้องบอก

“เจ้าเรียกชื่อชายอื่นต่อหน้าเราอีกแล้วหรือ” ทรงตรัส

ก่อนจะทรมานมิคาเอลต่อไป

“ผม... ขอโทษครับ... ฝ่าบาท...ได้โปรด... ยกโทษ.. ให้ผมด้วย...”

มิคาเอลอ้อนวอน ความปราถนากำลังทำให้เขาแทบคลั่ง

“พระองค์เป็นคนเดียว ที่สัมผัสผม… พระองค์เป็นคนแรก … และคนเดียวที่สัมผัสผม …ผม…ผม …ต้องการ…พระองค์…คนเดียว…เท่านั้น”

มิคาเอลพูดอ้อนวอนพระองค์

“ที่ตรงนี้ มีใครกี่คนที่สัมผัสเจ้า ตอบเรามามิคาเอล”

ทรงสอดนิ้วที่สามเข้าไปภายใน ก่อนจะค่อยๆ ขยับเข้าออกช้าๆ จนคนตัวเล็กครางออกมา

“พระองค์... เป็นคนแรก...และคนเดียว...ครับ” มิคาเอลตอบ

ก่อนจะครางออกมาเสียงดัง ร่างกายเกร็งกระตุก บีบรัด นิ้วของพระองค์ ของเหลวสีขุ่นก็ถูกปลดปล่อยออกมา องค์เดเมี่ยนดูพอพระทัย ค่อยๆ ถอนนิ้วออกช้าๆ

“มีใครกี่คนที่ทำให้เจ้าปลดปล่อยแบบนี้” ทรงก้มลงมาตรัสถาม

“พระองค์…เป็นคนแรก…และคนเดียวครับ” มิคาเอลตอบอย่างเหน็ดเหนื่อย พระองค์จึงประทานจุมพิตให้เนิ่นนาน องค์เดเมี่ยนยิ้มทรงลุกขึ้นปลดเปลื้องอาภรออก และก้าวเข้ามาหา กระซิบบางอย่าง จนคนตัวเล็กหน้าแดง แต่คนตัวเล็กก็กระซิบตอบพระองค์ พระองค์ดูพึงพอใจกับคำตอบ ก่อนจะค่อยๆ ฝังร่างของพระองค์เข้าไป อย่างอ่อนโยน

 

“แล้วที่ตรงนี้ล่ะ มีใครกี่คนที่สอดใส่ ล้วงล้ำเข้าไปแบบนี้”

 

“พระองค์ เป็นคนแรก และคนเดียวครับ”

ออฟไลน์ KanadiaTBear

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 71
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0


 

บทที่ 46 ด้วยความรัก และ ความคิดถึง

 

องค์เดเมี่ยนค่อยๆ สอดใส่เข้าไปช้าๆ มิคาเอลครางออกมา โอบกอดพระองค์ไว้

“อย่าเกร็งสิ”

ทรงตรัส และจูบมิคาเอลเบาๆ ปลอบโยนคนตัวเล็ก พระองค์สอดลิ้นเข้าไป และควานหาหวานหวานจากภายใน ริมฝีปากนี้ที่พระองค์เฝ้าคิดถึงมาตลอด พระองค์ค่อยๆขยับเข้าออกช้าๆ มิคาเอลค่อยๆ ชินกับขนาดขององค์เดเมี่ยน แต่แล้วพระองค์ก็พลิกให้มิคาเอลขึ้นมาอยู่ข้างบน พระองค์จับให้มิคาเอลนั่งบนร่างของพระองค์ แล้วพระองค์ก็หยุดเคลื่อนไหวเอาเสียดื้อๆ มิคาเอลใบหน้าแดงด้วยความเขินอาย ความปรารถนากำลังครอบงำเขา

 

“ในเมื่อเจ้าปรารถนาเรา ทำไมเจ้าไม่ลองขยับเองล่ะ”

ทรงตรัสอย่างหยอกล้อ

“ผม… ผม…”

 มิคาเอลอยากจะปฏิเสธ องค์เดเมี่ยนช่างใจร้ายกับเขาเหลือเกิน

“ในเมื่อเจ้าต้องการเรา เราจะยอมให้เจ้าทำตามใจ เจ้าจะทำอะไรกับร่างกายของเราก็ได้” ทรงตรัสต่อให้

“ฝ่าบาท”

มิคาเอลร้องเรียกอ้อนวอนแต่เมื่อพระองค์ไม่มีทีท่าว่าจะขยับ มิคาเอลจึงจำใจขยับตัวช้าๆ เขาค่อยๆ ถอนตัวออก และค่อยๆ กดตัวลงมาบนความใหญ่โตของพระองค์ มิคาเอลพยายามจะกลั้นเสียงไว้ แต่องค์เดเมี่ยนกลับไม่พอใจ

“อย่ากลั้นเสียงสิ เราอยากได้ยินเสียงของเจ้า”

ทรงตรัส จะลุกขึ้นมาจูบมิคาเอลอย่างเย้ายวน

“ฝ่าบาท แต่ มันน่าอายนี่ครับ” มิคาเอลพยายามจะไม่ร้องครางออกมา

“เราว่ามันเร้าอารมณ์มากกว่า เราอยากได้ยินเสียงของเจ้า” ทรงตรัสก่อนจะครอบครองยอดทับทิมเม็ดงามทั้งสอง

“ฝ่าบาท!” มิคาเอลร้องเรียก

“เจ้าน่ารักมากเวลาที่เจ้ากำลังปรารถนาแบบนี้” ทรงตรัส มองคนตรงหน้าอย่างพึงพอใจ

“ผม… ผม…” มิคาเอลพยายามจะกล่าวร้องขอต่อพระองค์ เขาพยายามขยับขึ้นลง อย่างคนอ่อนประสบการณ์ แต่ก็มิอาจมีความสุขเหมือนเวลาที่องค์เดเมี่ยนกระทำ

“เจ้าอยากให้เราช่วยหรือ” ทรงถามยิ้มๆ

“ได้โปรด ฝ่าบาท ผมทรมานครับ”

มิคาเอลอ้อนวอน องค์เดเมี่ยนพลิกตัวมิคาเอลลงเบื้องล่างก่อนจะขยับพระองค์อย่างเชื่องช้า จนมิคาเอลต้องอ้อนวอนอีกครั้ง

“ฝ่าบาท ได้โปรด อย่างแกล้งผม”

“บอกเรามาสิ ว่าเจ้าเป็นของใคร” ทรงตรัสถาม

“ผม… เป็นของพระองค์” มิคาเอลกล่าวแต่โดยดี

“เรียกชื่อของเราสิ”

“ผม… ผม เป็นของ องค์เดเมี่ยน ครับ ผมเป็นของพระองค์ คนเดียว”

มิคาเอลกล่าวออกมา

“เด็กดี”

ทรงตรัสก่อนจะขยับร่างของพระองค์อย่างช้าๆ และเร่งจังหวะขึ้น แต่พอ

มิคาเอลกำลังจะปลดปล่อยพระองค์ก็ถอดถอนออก

“เรายังไม่อนุญาตให้เจ้าปลดปล่อย”

ทรงตรัสก่อนจะรั้งร่างของมิคาเอลขึ้นมา และจับให้คนตัวเล็กคลานเข่าลงบนเตียง ในขณะที่พระองค์ยืนอยู่เบื้องหลัง พระองค์เอาร่างของพระองค์มาสัมผัสกับส่วนอ่อนไหวเบื้องหลังของมิคาเอล ก่อนพระองค์จะกระแทกร่างของพระองค์เข้าไป มิคาเอลกรีดร้อง ร่างของพระองค์ฝังลึกเข้าไปทั้งหมด

“ฝ่าบาท อืมมมม ของ ... พระองค์... ของพระองค์”

มิคาเอลครวญคราง

“ใช่... ร่างของเรา ฝังลึก อยู่ภายในตัวเจ้า”

ทรงตรัสและจูบที่ต้นคอของมิคาเอล

“ฝ่าบาท ... อย่าครับ...”มิคาเอลพยายามประท้วงเสียงเบา

“อา... แต่ตรงนี้ของเจ้าไม่ได้ปฏิเสธนี่นา ตรงกันข้าม กลับบีบรัดเราจนแน่นขนาดนี้”

ทรงกระซิบข้างหู ก่อนจะขบเม้มติ่งหู เบาๆ มิคาเอลก็เสียวซ่านไปหมด พระองค์ขยับร่างช้าๆ ให้คนตัวเล็กได้คุ้นเคยกับท่าใหม่ พระหัตถ์ค่อยๆ เอื้อมมาสัมผัสกับร่างที่ตื่นตัวของมิคาเอลเบื้องหน้า ร่างของพระองค์ก็ขยับเป็นจังหวะอยู่เบื้องหลัง พระองค์ยังคงจูบไซร้ที่ต้นคอ ทิ้งรอยแดงไว้หลายจุด พระหัตถ์อีกข้างยังปลุกเร้าที่หน้าอก มิคาเอลได้แต่ร้องครางและศิโรราบต่อความช่ำชองของเจ้าชาย

 

พระองค์จับสะโพกของมิคาเอลไว้ ก่อนจะใช่ฝ่ามือฟาดที่ก้นงอนงามอย่างหยอกล้อ มิคาเอลสะดุ้ง ร่างก็บีบรัดพระองค์มากขึ้น

“เด็กไม่ดีอย่างเจ้า ต้องถูกลงโทษ”

ทรงตรัสก่อนจะฟาดฝ่ามือลงมาอีก มิคาเอลร้องเบาๆ ร่างของมิคาเอลก็บีดรัดพระองค์จนแน่น และพระองค์ก็ต้องครางหนักๆ ออกมาด้วยความเสียวซ่าน พระหัตถ์ทั้งสองรั้งจับสะโพกเล็กเอาไว้ ก่อนจะรั้งร่างของคนตัวเล็กเข้าหา จังหวะเดียวกัน ก็กระแทกร่างของพระองค์เข้าไปจนมิด มิคาเอล

ครางออกมาเสียงดัง เสียวซ่านจนไม่อาจบรรยายได้ ไม่เคยมีใครทำให้เขารู้สึกแบบนี้ มีเพียงพระองค์เท่านั้น ที่เข้ามาเขย่าโลกทั้งใบของเขา

 

"เรารักเจ้า มิคาเอล” ทรงกระซิบข้างหู

ร่างของพระองค์ยังขยับเข้าออกเป็นจังหวะ และในบางครั้งพระองค์ก็ยังแกล้งกระแทกร่างเข้ามาอย่างแรง มิคาเอลครางจนหอบเหนื่อย

“ฝ่าบาท… ผมไม่ไหวแล้วครับ… ได้โปรด”

มิคาเอลอ้อนวอนอีกครั้ง

“เจ้าตอบคำถามของเราก่อน เจ้ารักเราหรือไม่ มิคาเอล”

ทรงตรัสถามและทำท่าจะถอดถอนออก

“ผม… รัก… รักพระองค์…” มิคาเอลตอบด้วยเสียงอันเย้ายวน

จนองค์เดเมี่ยนยิ้มออกมาอย่างพึงพอใจ และฝังร่างของพระองค์กลับเข้าไป มิคาเอลก็ร้องครวญครางอีกครั้ง พระองค์เร่งจังหวะขึ้น จนในที่สุดมิคาเอลก็เกร็งตัวอีกครั้ง บีดรัดพระองค์จนพระองค์แทบทนไม่ได้ ร่างเล็กก็ปลดปล่อยออกมา และฟุบลงกับเตียง อย่างอ่อนล้า

 

แต่พระองค์ยังไม่พอใจ พระองค์นอนลงเคียงข้างมิคาเอลที่นอนหอบเหนื่อยอยู่ พระองค์เอื้อมมากอดร่างของมิคาเอลจากด้านหลัง ทรงจุมพิตที่ต้นคอของคนตัวเล็ก จูบหัวไหล่ มือข้างหนึ่งเอื้อมมาปลุกเร้าร่างเล็กที่เบื้องหน้าอีกครั้ง ไม่นานร่างของมิคาเอลก็ตื่นตัวขึ้นอีกครั้ง พระองค์ค่อยๆ ยกขาของมิคาเอลขึ้น และแยกออกช้าๆ ทรงจูบต้นคอของคนตัวเล็กอย่างรักใคร่ ก่อนจะค่อยๆ สอดแทรกร่างของพระองค์เข้าไป มิคาเอลครางเบาๆ เมื่อร่างของพระองค์แทรกตัวเข้ามา  พระองค์ขยับร่างอย่างเชื่องช้าจนมิคาเอลรู้สึกราวกับอยู่ในฝัน ความสุขมากมายที่พระองค์ปรนเปรอให้

 

พระองค์ยังคงขยับอย่างเชื่องช้า แม้เวลาจะผ่านมาเนิ่นนานนับชั่วโมง พระองค์ก็ไม่มีทีท่าจะปลดปล่อยเสียที จนมิคาเอลเริ่มประท้วง

 

“ฝ่าบาท ผมเหนื่อยแล้ว ปล่อยผมสักที” มิคาเอลอ้อนวอน

“เรายังไม่หายคิดถึงเจ้าเลย” ทรงตรัส ก้มลงจุมพิตคนตัวเล็ก

“ฝ่าบาท ผม...” มิคาเอลหน้าแดง อยากจะบอกว่าเขาไม่ได้ช่ำชองเรื่องบนเตียงอย่างพระองค์เสียหน่อย จะได้ร่วมรักนานเป็นชั่วโมงแบบนี้

“เจ้าจะบอกว่าเรามักมากงั้นหรือ” ทรงตำหนิ

“ผมเปล่าสักหน่อย” มิคาเอลรีบปฏิเสธ กลัวจะโดนลงโทษอีก

“ใครให้เจ้าน่ารักแบบนี้กันล่ะ” ทรงตรัส

ก่อนจะพลิกตัวขึ้นด้านบน ยกขาของมิคาเอลขึ้นก่อนจะสอดใส่เข้ามาอีกครั้ง มิคาเอลครางออกมา ร่างของพระองค์เข้ามาลึกเหลือเกิน มิคาเอลกำผ้าปูแน่น ใบหน้าหวานแดงก่ำ เมื่อสายตาคมจ้องมาที่เขา

“ใครให้เจ้าทำหน้าตายั่วยวนเราแบบนี้กัน” ทรงตรัส ขยับร่างเป็นจังหวะ และเร่งความเร็วขึ้น

“ผม…เปล่า…” มิคาเอลปฏิเสธ แต่ก็ครางออกมาอย่างยั่วยวน

“เสียงของเจ้าก็ยั่วยวนเรา” ทรงตรัสเย้าแหย่

“ผม…เปล่า…” มิคาเอลปฏิเสธแต่ก็ครางออกมาอย่างเย้ายวน องค์เดเมี่ยนเร่งขยับร่างจนในที่สุดทั้งสองก็ปลดปล่อยออกมาพร้อมกัน

 

องค์เดเมี่ยนก้มลงมากอดมิคาเอลไว้ พร้อมกับจุมพิตคนตัวเล็กเนิ่นนาน พร้อมกระซิบคำรักมากมายข้างหูคนตัวเล็ก

“เราคิดถึงเจ้า มิคาเอล เรารักเจ้ามากเหลือเกิน”

ทรงเฝ้ากระซิบซ้ำแล้วซ้ำเล่า คนตัวเล็กหน้าแดง เขาไม่เคยรู้สึกถูกรักมากขนาดนี้มาก่อน รู้สึกหัวใจพองโต และมีความสุขมากเหลือเกิน

“ผมก็คิดถึงพระองค์ครับ”

มิคาเอลหันมาซบกับอกอันอบอุ่นขององค์เดเมี่ยน เสียงหัวใจที่เต้นเป็นจังหวะของพระองค์ก็ขับกล่อมให้มิคาเอลหลับไป

 

องค์เดเมี่ยนกอดมิคาเอลไว้แนบแน่นเนิ่นนาน ก่อนพระองค์จะลุกขึ้นจากเตียง และห่มผ้าให้กับคนตัวเล็ก องค์เดเมี่ยนเดินออกมาจากห้องบรรทมและเดินลงมาที่ห้องทรงงาน ก่อนจะทรงตรัสเรียกหา แมททิว

 

“ฝ่าบาทเรียกหากระหม่อมหรือขอรับ” แมททิวกล่าวขึ้นเมื่อเดินเข้ามาในห้องทรงงาน

“เข้ามาสิ” องค์เดเมี่ยนทรงตรัส องครักษ์แมททิวจึงเดินเข้ามาในห้อง องค์เดเมี่ยนยืนอ่านเอกสารบางอย่างอยู่ สีหน้าบึ้งตึง จนแมททิวรู้สึก หนาวๆ ร้อนๆ

“นั่งลงสิ” ทรงตรัสเรียบเฉย และแมททิวเองก็รู้ว่าน้ำเสียงแบบนี้ของพระองค์ เป็นน้ำเสียงที่กำลังทรงไม่พอใจบางอย่าง

“เจ้าเป็นครักษ์ของเรามานานแค่ไหนแล้ว แมททิว” ทรงถามขึ้น

“ปีนี้เป็นปีที่ 10 ขอรับ” แมททิวตอบ

“เจ้าเป็นองครักษ์ที่ดีคนหนึ่งแมททิว 10 ปีก็นานไม่ใช่น้อย” ทรงตรัสเรียบๆ

“กระหม่อมยินดีรับใช้พระองค์ไปตลอดชีวิตขอรับ” แมททิวกล่าว

“เจ้าคิดอย่างไรกับมิคาเอล” ทรงถามขึ้นเฉยๆ โดยมิได้มีที่มาที่ไป

“พระองค์หมายความว่าอย่างไรขอรับ” แมททิวย้อนถาม สีหน้าแปลกใจที่พระองค์ถาม

“เจ้ารู้จักเรามา 10 ปี เราเองก็รู้จักเจ้ามา 10 ปีเช่นกัน นาธานเนียลกล่าวในอีเมล์ว่าเจ้าเป็นคนอาสาพามิคาเอลมาที่นี่ หมายความว่าอย่างไร” ทรงถามอย่างไม่พอใจ

“กระหม่อม...” แมททิวกำลังจะกล่าวก็ต้องกลั้นใจ เพราะองค์เดเมี่ยนตบที่โต๊ะจนเสียงดัง พร้อมกับหยิบมีดสั้นเล่มหนึ่งออกมาปักลงบนโต๊ะ

“คิดให้ดี ก่อนจะคิดพูดโกหกต่อเรา ไม่อย่างนั้นเจ้าอาจจะไม่เหลือลิ้นเอาไว้ให้พูดอีก” ทรงตรัสด้วยเสียงเย็นเชียบ จนแมททิวอดรู้สึกเย็นสันหลังขึ้นมาไม่ได้

“กระหม่อมไม่ได้คิดอะไรกับคุณมิคาเอลขอรับ กระหม่อมรู้ว่าพระองค์ทรงรักคุณมิคาเอล กระหม่อมมิบังอาจ” แมททิวกล่าวช้าๆ

“แล้วทำไมคนที่ไม่ชอบออกนอกประเทศอย่างเจ้าจึงอาสาพามิคาเอลมา เราต้องการเหตุผล” ทรงตรัสเยือกเย็น

“ฝ่าบาท ... คนที่กระหม่อมหลงรัก ขอร้องให้กระหม่อมมาขอรับ” แมททิวกล่าวเรียบๆ พร้อมกับก้มหน้าหลบสายตาคมขององค์เดเมี่ยน

“คุณมิคาเอลเป็นคนที่งดงามมาก และยากจะหาใครมาเทียบ แต่กระหม่อมมิได้คิดอะไรกับคุณมิคาเอล กระหม่อมมีคนที่กระหม่อมรักอยู่แล้ว”

แมททิวกล่าว มิได้ปิดบัง

 

“สนมคนไหนของเราที่เป็นคนรักของเจ้า” ทรงตรัสด้วยน้ำเสียงเรียบเฉย

 

แต่แมททิวกลับหน้าซีด ด้วยรู้ว่าคนตรงหน้ากำลังโกรธอย่างมาก และตกใจทั้งๆ ที่พระองค์ไม่ได้มีข้อมูลใดๆ มาก แต่พระองค์ก็ทรงเดาเรื่องทั้งหมดได้โดยไม่ยากนัก แมททิวรู้ว่าถึงจะพยายามปิดบังไปก็ไม่มีประโยชน์ เขาจึงรีบคุกเข่าลงต่อหน้าองค์เดเมี่ยนก่อนจะอ้อนวอน

“ฝ่าบาท ได้โปรดเมตตาเถอะขอรับ ทั้งหมดเป็นความผิดของกระหม่อมเอง ทั้งหมดเป็นเพียงความรู้สึกของกระหม่อมเพียงลำพัง พระสนมมิได้รับรู้ความรู้สึกของกระหม่อมแต่อย่างใด กระหม่อมผิดเองที่แอบหลงรักพระสนม หากพระองค์จะทรงทำโทษ ก็ได้โปรดทำโทษกระหม่อมเถิดขอรับ” แมททิวอ้อนวอนร้องขอ

“เราถามว่า ใคร” ทรงตรัสถามดึงมีดขึ้นมาถือ

“หรือเจ้าต้องการให้เราเค้นออกมาจากเจ้า หรือเจ้าต้องการให้เราเพิ่มโทษให้แก่เจ้ากัน” องค์เดเมี่ยนตรัสถามด้วยเสียงที่เรียบ แต่แมททิวกลับรู้สึกเย็นยะเยือกไปถึงไขสันหลัง ฉายาเจ้าชายต้องสาปที่โหดร้าย มิได้ ได้มาอย่างลอยๆ และเขาก็เป็นพยานในเหตุการณ์เหล่านั้นหลายต่อหลายครั้งด้วยเช่นกัน

“ใคร” ทรงตรัสอย่างหมดความอดทน ปักมีดลงบนต้นขาของแมททิวโดยที่พระองค์ไม่ต้องคิดด้วยซ้ำ

“ฝ่าบาท...” แมททิวกล่าวได้แค่นั้น ก็ต้องกัดฟัน เพราะพระองค์ดึงมีดออกจากขาของเขาโดยไม่ใส่ใจนัก เลือดสีแดงค่อยๆ ไหลออกมา

“ใคร” ทรงถามซ้ำ ถอนหายใจออกมาอย่างเบื่อหน่าย

“ทรมานเจ้าไปก็ไม่สนุก เจ้าไม่ยอมร้องสินะ หากเจ้าบอกความจริง เราสัญญาว่าจะไม่ทำร้ายคนรักของเจ้า” ทรงตรัส ดูอารมณ์ดีขึ้นเล็กน้อย

“กระหม่อมบอกแล้วว่าทั้งหมดเป็นเพียงการหลงรักอยู่ข้างเดียวของกระหม่อมเท่านั้น…” แมททิวกล่าวแต่ก็ต้องหยุดเมื่อมีดมาจ่ออยู่ที่ต้นคอ

“ใคร”

“… พระองค์สัญญานะขอรับว่าจะไม่ทำร้ายคนๆ นั้น” แมททิวกล่าวถามเพื่อยืนยัน แต่ก็ต้องกลั้นใจเมื่อมีดเล่มเดิมถูกปักลงไปที่ไหล่

“ถ้าเจ้ายังไม่พูด และทำให้เราหมดความอดทน ก็ไม่แน่” ทรงตรัส

“กระหม่อมหลงรัก … พระสนม… ริชชี่… ขอรับ” แมททิวกล่าวชื่อของคนที่เขาเฝ้าหลงรักมานานนับปีอย่างเศร้าสร้อย ด้วยรู้ดีว่าเขาไม่มีสิทธิ เพียงแค่คิด ก็ผิดแล้ว

 

“น่าสนใจ ริชชี่ สินะ” ทรงตรัส และยิ้มออกมา และเปิดประตูออกไปจากห้อง

“ไปทำแผลซะ” ทรงสั่ง พอดีที่มิคาเอลเดินลงมาและเห็นแมททิวที่เลือดออกมามากมายก็ตกใจ

“เกิดอะไรครับ ฝ่าบาท ทำไมคุณแมททิวถึงบาดเจ็บแบบนี้” มิคาเอลรีบเดินลงมา และถามต่อองค์เดเมี่ยน และพยายามจะเข้าไปพยุงแมททิว แต่องค์เดเมี่ยนกลับรั้งร่างคนตัวเล็กไว้ คุณพ่อบ้าน จึงรีบเข้ามาประคองแมททิวแทน

“พอดีมีคนร้ายบุกเข้ามา แมททิวก็เลยสู้กับคนร้าย แต่เพราะมันอ่อนหัด มันถึงได้บาดเจ็บ แมททิวมันไม่เป็นอะไรหรอก แต่เจ้าที่เอ่ยชื่อชายอื่นต่อหน้าเรา และยังคิดจะเข้าไปให้ชายอื่นนอกจากเราสัมผัส เราควรจะทำโทษเจ้าอย่างไร”

 

ทรงตรัสพร้อมกับช้อนร่างเล็กขึ้น และอุ้มเดินขึ้นข้างบนไป โดยไม่สนใจเสียงประท้วงของคนตัวเล็ก และยิ่งไม่ใส่ใจต่อการกระทำ ที่พระองค์ได้กระทำไว้กับองครักษ์หนุ่ม
___________________

หื่นแบบนี้มีคนเดียวในโลกจริงๆ

ออฟไลน์ Celestia

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 833
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +16/-0
นิสัยเสียย! สงสารแมททิวแล้ว 55555

ออฟไลน์ KanadiaTBear

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 71
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0


 

 

 

บทที่ 47 อาหารเช้า

 

เข้าวันที่ 4แล้ว แต่องค์เดเมี่ยนก็ยังคงไม่ยอมให้มิคาเอลอยู่ห่างกาย ตลอดเวลา 3 วันที่ผ่านมา มิคาเอลแทบจะไม่ได้ออกมาจากห้องบรรทมเลย องค์เดเมี่ยนเอาแต่ร่วมรักกับเขาทั้งวันและคืน จนร่างของเขามีแต่รอยจูบของพระองค์เต็มไปหมด พระองค์ปรนเปรอความสุขบนเตียงมากมายให้แก่มิคาเอล พระองค์ทั้งโหดร้าย และอ่อนโยนในเวลาเดียวกัน

จนมิคาเอลแทบจะไม่สามารถคิดอะไรได้ เขารู้สึกเหมือนกำลังหลงอยู่ในหมอกควันแห่งความปรารถนา แม้จะอยากปฏิเสธ แต่ด้วยความช่ำชองของพระองค์ ก็พาเขาจมดิ่งสู่ความฝันแห่งความปรารถนา ที่ไม่ว่าเขาอยากจะตื่นขึ้นมากเพียงไหน ก็ดูเหมือนเขาจะมิอาจทำได้ เพราะพระองค์เอาแต่หาเรื่องร่วมรักกับเขาอยู่ตลอด แต่เมื่อเข้าในวันที่ 4 มิคาเอลก็เริ่มทนไม่ได้ และก็ประท้วงต่อพระองค์

 

“ผมไม่ให้พระองค์แตะต้องผมแล้ว” มิคาเอลกล่าว พยายามหนีลงจากเตียงใหญ่

“เจ้าจะไปไหน เอาร่างอันเย้ายวนของเจ้ากลับมาหาเรานี่” ทรงตรัสและคว้าจับร่างของมิคาเอล ดึงกลับเข้าไปในอ้อมกอด ก่อนจะทรงจูบริมฝีปากบาง อย่างหิวกระหาย แต่มิคาเอลก็ดิ้น และผลักพระองค์ออก

“พระองค์เอาแต่ใจมากเกินไปแล้ว ผมเหนื่อย และผมก็ไม่อยากร่วมรักอีกแล้ว” มิคาเอลกล่าว

“เจ้าพูดแบบนี้ แต่พอเราสัมผัสเจ้า เจ้าร้องครางออกมา และอ้อนวอนเราทุกที ไม่ใช่เหรอ” องค์เดเมี่ยนทรงตรัสหยอกล้อ จนมิคาเอลต้องเอามือมาปิดปากพระองค์ ที่ทำเสียงล้อเลียนเขา

“ผมจะโกรธจริงๆ ด้วย” มิคาเอลขู่ลุกขึ้นนั่งหันหลังให้พระองค์

องค์เดเมี่ยนจึงยันตัวขึ้นและจูบที่หัวไหล่ของคนตัวเล็กเบาๆ

“หากเราไม่รักเจ้า เราจะปรารถนาเจ้าขนาดนี้หรือ หากเราไม่รักเจ้า เราจะทำอย่างที่เราทำหรือ เพราะเรารักเจ้า เราจึงอยากจะร่วมรักกับเจ้า เราอยากเป็นหนึ่งเดียวกับเจ้า เราผิดด้วยหรือ” ทรงตรัสอย่างน่าสงสาร ก่อนจะกอดมิคาเอลไว้อย่างโหยหา

 

“เราพยายามตัดใจจากเจ้า แต่ทุกครั้งที่คิดถึงเจ้า หัวใจของเราก็เจ็บปวด เราทนอยู่ที่วิลล่าไม่ได้ เพราะเราเอาแต่คิดถึงเจ้า เราจึงมาที่นี่ แล้วเจ้าก็ยังตามเรามาที่นี่ มาทำให้เรารักเจ้ามากขึ้นไปอีก แล้วเจ้าจะมาห้ามมิให้เรารักเจ้าได้อย่างไร” ทรงตรัสถามอย่างน่าสงสาร

“ผมไม่ได้บอกว่า ไม่ให้พระองค์รักผมสักหน่อย แต่พระองค์เอาแต่หาเรื่องจะร่วมรักกับผมแบบนี้ ผมก็ทนไม่ได้เหมือนกัน ผมไม่ได้ช่ำชองเรื่องบนเตียงเหมือนพระองค์สักหน่อย” มิคาเอลกล่าวหน้าแดง

“เรารักเจ้าในทุกสิ่งที่เจ้าเป็น” ทรงตรัส ก้มลงจูบที่เข่าของคนตัวเล็กเบาๆ

“ผมก็รักพระองค์ครับ ผมไม่ไปไหนแล้ว ผมอยู่ตรงนี้ พระองค์ค่อยๆ รักผมก็ได้นี่ครับ” มิคาเอลกล่าว

“เจ้าทำให้เราต้องเจ็บปวดมากแค่ไหน เจ้ารู้หรือเปล่า” ทรงตรัส และนอนหนุนตักคนตัวเล็ก

 

มิคาเอล ลูบศรีษะพระองค์อย่างแผ่วเบา สอดนิ้วระหว่างเส้นผมสีดำตรงยาวที่นุ่มมือ เจ้าชายหนุ่มนอนให้ คนตัวเล็กสัมผัสอย่างอารมณ์ดี มองรอยจูบสีแดงช้ำ หลายต่อหลายจุดที่พระองค์จงใจทิ้งเอาไว้ ยอดอกสีชมพู ยังคงเย้ายวนเชื้อชวนให้พระองค์ครอบครอง ไม่ว่าพระองค์จะครอบครอง และร่วมรักกับคนๆ นี้สักกี่ครั้ง พระองค์ก็ยังรู้สึกไม่เพียงพอ ความปรารถนายังคงครุกรุ่น พระองค์ยังคงปรารถนาจะร่วมรักกับคนตรงหน้าอยู่ตลอด

 

“ผมทราบครับ ผมเองก็เจ็บปวดไม่น้อยไปกว่าพระองค์ และผมก็ขอโทษพระองค์ หลายต่อหลายครั้งแล้วนี่ครับ ผมก็แค่ไม่คุ้นชินกับการร่วมรักที่ยาวนานแบบนี้” มิคาเอลกล่าว

“เรารู้ว่าเราเอาแต่ใจ และเอาเปรียบเจ้า แต่บางครั้งเราก็รู้สึกว่าหากเราไม่ร่วมรักกับเจ้า เราอาจจะตายได้” ทรงตรัสออดอ้อน

“พระองค์จะตายได้อย่างไรกัน” มิคาเอลหัวเราะเบาๆ

“เราก็คงจะตายด้วยความปรารถนาในตัวเจ้าอย่างไร” ทรงตอบด้วยน้ำเสียงจริงจัง ลุกขึ้นและจุมพิตคนตัวเล็กอย่างปรารถนา แต่คนตัวเล็กก็ผลักพระองค์ออก

“ผมก็ทราบครับว่าพระองค์ทรงรัก และเมตตาผม ผมก็รักพระองค์เช่นกัน ตลอดมาผมไม่เคยรู้สึกแบบนี้กับใครมาก่อน ทุกอย่างล้วนแปลกใหม่สำหรับผม ก่อนพระองค์ผมก็ไม่เคยร่วมรักกับใครมาก่อน” มิคาเอลกล่าวหน้าแดง ไม่ยอมสบตา

“แล้วจู่ๆ พระองค์จะให้คนที่อ่อนประสบการณ์อย่างผม มาทำอย่างคนที่ช่ำชองอย่างพระองค์ ผม...” มิคาเอลกล่าวอย่างเขินอาย ใบหน้าหวานขึ้นสี จนเป็นสีแดง

“ก็ได้ เราจะตามใจเจ้า เจ้าอยากได้อะไรล่ะ” ทรงถาม มองคนตรงหน้าอย่างหลงใหล

“ก่อนอื่นก็ กาแฟ ครับ” มิคาเอลพูดยิ้มๆ พระองค์ก็ยิ้มออกมา

“เราจะให้คนตั้งโต๊ะอาหารเช้าก็แล้วกัน” ทรงตรัส

 

โต๊ะอาหารเช้าถูกเนรมิตขึ้นที่ระเบียงใกล้ห้องบรรทม กลิ่นกาแฟหอม เย้ายวนจนมิคาเอลรีบมานั่งที่ระเบียง คนตัวเล็กสวมเพียงเสื้อคลุมที่คอเปิดออกกว้างจนองค์เดเมี่ยนอดจะมองไม่ได้ มิคาเอลจิบกาแฟคาปูชิโน่ ที่เชฟทำให้อย่างพอใจ และยิ้มออกกว้าง แต่องค์เดเมี่ยน ก็กวักมือเรียกให้เขาเข้าไปหา มิคาเอลถือถ้วยกาแฟมาด้วย พระองค์รั้งร่างของมิคาเอลมานั่งลงบนตักของพระองค์

“ฝั่งนี้วิวสวยกว่า” ทรงตรัสชี้ชวนให้ดูวิวโดยรอบ พระองค์โอบกอดร่างของมิคาเอลเอาไว้หลวมๆ

 

ตัวปราสาทตั้งอยู่บนเนินเขาทำให้สามารถมองเห็นอาณาเขตโดยรอบ และเพราะในตอนนี้เริ่มเข้าสู่ฤดูใบไม้ร่วงแล้ว ทำให้ใบไม้ต่างพากันเปลี่ยนสี กลายเป็นสีเหลือง ส้ม และแดงใน shade ที่แตกต่างกัน ดูสวยงามยิ่ง บริเวณโดยรอบเป็นไร่ไวน์ ซึ่งองุ่นที่ปลูกในบริเวณนี้จะเป็นองุ่นแดง Carbernet Sauvignon และผลิตไวน์แดงชั้นดี และองุ่นแดง Merlot ไวน์แดงที่เป็นที่นิยมอย่างแพร่หลาย เนื่องจากดื่มง่าย ที่ๆ ไกลออกไป เป็นทุ่งสีเหลืองทอง ซึ่งเป็นทุ่งดอกทานตะวันขนาดใหญ่ และคาดว่าคงจะเริ่มเก็บเกี่ยวเร็วๆ นี้

 

มิคาเอลนั่งฟังองค์เดเมี่ยนบรรยายอย่างตั้งใจ จนมองคนตัวใหญ่อย่างลืมตัว

“หากเจ้ามองเราแบบนี้ แล้วจะให้เราอดใจได้อย่างไร” ทรงถาม ก่อนจะรั้งคนตัวเล็กมาจูบ

“ฝ่าบาท อย่าครับ ผมหิวแล้ว ผมจะทานอาหารเช้า”

มิคาเอลผลักพระองค์ออก ทำท่าจะลุกขึ้น แต่พระองค์ก็รั้งร่างเล็กเอาไว้ แย่งแก้วกาแฟออกจากมือและวางลงบนโต๊ะแทน

“เราก็หิวเช่นกัน เราอยากจะกินเจ้าเป็นอาหารเช้า”

ทรงตรัส ก่อนจะรั้งร่างเล็กเข้ามากอดและจูบริมฝีปากบาง ที่เอาแต่เย้ายวนพระองค์ พระองค์แหวกเสื้อคลุมออก และหยอกล้อกับยอดทับทิมสีชมพูจนมันแข็งเป็นไต

“ฝ่าบาท อย่าครับ”

มิคาเอลพยายามปฏิเสธ แต่พระองค์ก็ไม่ยอมปล่อย แต่พระองค์กลับลุกขึ้น และให้คนตัวเล็กนั่งลงที่เก้าอี้แทน แล้วพระองค์จึงคุกเข่าลงตรงหน้า ทรงแหวกเสื้อคลุมออก มิคาเอลพยายามหนีบขาเข้าหากัน และพยายามจะปกปิด ร่างของคนตัวเล็กกำลังตื่นตัวเพราะสัมผัสของพระองค์

 

"อย่าครับ ฝ่าบาท เดี๋ยวมีคนมาเห็นเข้า”

มิคาเอลพยายามผลักพระองค์ออก

“ถ้าเจ้ากลัวใครมาเห็นก็อย่าดื้อสิ ถ้าเจ้าเอาแต่ดื้อ มีคนมาเห็นเราไม่รู้ด้วยนะ” ทรงเย้า

“พระองค์ใจร้าย”

มิคาเอลต่อว่า แต่ก็ค่อยๆ เปลี่ยนเป็นเสียงครางเมื่อคนตัวใหญ่ ก้มลงครอบครองร่างของเขา พระองค์ใช้ลิ้นเกี่ยวกระหวัดรัดร่างของมิคาเอล ลิ้นร้อนๆ ลากขึ้นลงที่เส้นตรงด้านใต้ ก่อนจะวนขึ้นมาที่ปลาย ลิ้นตวัดที่ส่วนปลายเพียงแผ่วเบา คนตัวใหญ่ห่อลิ้นและควานหาหยาดหยดจากภายในปลายยอด

“ฝ่าบาท อย่าครับ”

มิคาเอลพยายามจะผลักพระองค์ออก แต่ไม่รู้เรี่ยวแรงหายไปไหนหมด มือเล็กวางไว้ที่ศรีษะของพระองค์ นิ้วมือ สอดเข้าไปในเส้นผมยาวงดงามสีดำสนิท

“ตรงนี้ ของเจ้าไม่เห็นปฏิเสธ”

ทรงตรัสอย่างหยอกล้อ ก้มลงครอบครองมิคาเอลไว้ในปากทั้งหมด คนตัวเล็กก็ครางเสียงดังออกมา พระองค์ขยับขึ้นลงช้าๆ มือข้างหนึ่งยังสัมผัสและขยับ เป็นจังหวะสอดคล้องกัน ปากขยับขึ้นลง ลิ้นก็เกี่ยวรัดขยับตาม สอดประสาน และดูดกลืนทุกหยาดหยด ไม่นานมิคาเอลก็เกร็งกระตุก ปลดปล่อยออกมา พระองค์ก็กลืนกินลงไปทั้งหมด พระองค์ยิ้ม และลุกขึ้นช้าๆ แต่เสียงไออย่างไม่เป็นธรรมชาติก็ดังขึ้น พระองค์จึงจัดเสื้อคลุมของ

มิคาเอลให้เข้าที่ ก่อนจะหันกลับมามองคนที่เข้ามาอย่างอารมณ์เสีย

 

แมททิวอาการดีขึ้นแล้ว แม้จะถูกแทงถึงสองจุด แต่เขาก็รู้ว่าพระองค์ได้เมตตาเขาอย่างยิ่งแล้ว และทั้งสองแห่งที่ถูกแทงก็มิได้โดนจุดสำคัญใดๆ แมททิวจึงรู้ว่าเขาโชคดีแล้วที่พระองค์ยังทรงมีเมตตาต่อเขา หลังจากติดต่อกลับไปที่คานาเดีย องค์นาธานเนียลก็สอบถามด้วยความเป็นห่วงถึงตัวพระเชษฐา และต้องการรู้ว่าเมื่อไหร่พระองค์จะเสด็จกลับมา และนั่นเป็นสาเหตุที่ทำให้เขาต้องมายืนอยู่ใน พื้นที่เสี่ยงภัยตรงนี้

 

“มีอะไร” ทรงถามด้วยน้ำเสียงไม่พอใจที่แมททิวเข้ามาขัดจังหวะ

“องค์นาธานเนียลทรงต้องการทราบว่าพระองค์กลับคานาเดียเมื่อไหร่ขอรับ” แมททิวกล่าว

“เราจะอยู่ที่นี่อีกสักพัก” ทรงตรัสกำปั้นทุบดิน จนแมททิวหนักใจ

“พระองค์จะให้กระหม่อมทูลองค์นาธานเนียลอย่างไรขอรับ” แมททิวถามอีกครั้ง จนองค์เดเมี่ยนอารมณ์เสียที่ถูกเซ้าซี้ มิคาเอลที่เหมือนจะทานอาหารอยู่ แต่ใบหน้ากลับแดงก่ำ เพราะกลายเป็นอาหารเช้าของคนตัวใหญ่ จึงพยายามช่วยแมททิว

“ผม... ก็อยากรู้ครับ ฝ่าบาท” มิคาเอลกล่าวขึ้น

“ประมาณ 2-3 อาทิตย์เป็นอย่างไร เราจะได้พาเจ้าเที่ยวด้วย” ทรงตรัส และเดินเข้ามาหา จุมพิตที่หน้าผากคนตัวเล็กเบาๆ อย่างเอ็นดู

“ครับ...แล้วแต่พระองค์เถิดครับ” มิคาเอลกล่าว แมททิวก้มศรีษะในเชิงขอบคุณ

“กระหม่อมขอตัวขอรับ” แมททิวกล่าว

“เดี๋ยว!!! แผลเป็นอย่างไรบ้าง” ทรงตรัสถาม แมททิวแปลกใจที่ทรงถาม

“ดีขึ้นมากแล้วขอรับ” แมททิวตอบ

“ดี! เจ้าก็ควรจะระวังตัวไว้ให้ดี ไม่อย่างนั้น เจ้าอาจจะได้แผลเพิ่มขึ้นอีก” ทรงตรัสเรียบๆ แต่แมททิวเข้าใจความหมายที่ซ่อนอยู่อย่างดี ทางที่ดี เขาควรสงบปากสงบคำ และอยู่ห่างๆ พระองค์สักพัก และทางที่ดีเขาควรรีบเรียกตัวองครักษ์มาเพิ่มด้วย เพื่อที่เขาจะได้ไม่ต้องเป็นเป้านิ่งที่เด่นเกินไป

“กระหม่อมจะระวังขอรับ กระหม่อมขอตัว”

 

“ไม่เห็นต้องไปขู่คุณ ม... องค์รักษ์ แบบนั้นเลยนี่ครับ” มิคาเอลเกือบหลุดเรียกชื่อแมททิวออกมา เขาไม่อยากถูกลงโทษ แบบ 3 วัน 3 คืนอีก แค่คิดเขาก็หน้าแดงขึ้นมา

“ถ้าไม่สั่งสอนเสียบ้าง มันจะเคยตัว... เจ้าเริ่มเรียนรู้ขึ้นมาบ้างแล้วนี่” ทรงตรัส เมื่อเห็นคนตัวเล็กรีบเปลี่ยนวิธีเรียกชายคนอื่น แล้วยังทำหน้าแดง จึงเอื้อมมือมาลูบไล้ที่ต้นขา จนมิคาเอลต้องตีมือของพระองค์

“พอแล้วครับ ผมอยากออกไปข้างนอกบ้าง พระองค์ขังผมไว้แต่ในห้องบรรทม มาตั้ง3 วันแล้ว” มิคาเอลประท้วง และทานอาหารต่อด้วยความหิว

“เจ้าอยากไปไหนล่ะ เรามีที่ๆ อยากพาเจ้าไปหลายที่ ทีเดียว” ทรงตรัสพร้อมรอยยิ้มกริ่มที่ มิคาเอลไม่ค่อยไว้ใจนัก และให้เดาคงไม่พ้นที่ๆ พระองค์จะเอาเปรียบเขาได้แน่ๆ

“ผมอยากไปดูไร่ไวน์ใกล้ๆ ครับ อยากไปดูที่ๆ ผลิตไวน์ด้วย” มิคาเอล+กล่าวอย่างตื่นเต้นเมื่อคิดถึงไร่องุ่นเบื้องหน้าในระยะใกล้ แต่องค์เดเมี่ยนกลับคิดถึงภาพของมิคาเอลที่มึนเมาเมื่อตอนที่ล่องเรือในปารีส คนตัวเล็กทั้งว่าง่ายและน่ารัก และยังเอาแต่ยั่วยวนพระองค์

 

“ตกลงเราจะพาเจ้าไป แล้วเราจะพาเจ้าไปชิมไวน์ด้วย” องค์เดเมี่ยนตรัส

“จริงนะครับ ขอบพระทัยฝ่าบาท” ร่างเล็กยิ้มหวานให้พระองค์ จนพระองค์อดจะครอบครองริมฝีปากบางไม่ได้ พระองค์จึงรั้งร่างเล็กเข้ามากอดและจุมพิตเนิ่นนาน

 

“แต่เจ้าจะต้องยอมให้เรากินเจ้าให้อิ่มเสียก่อน” ทรงตรัสก่อนจะอุ้มคนตัวเล็กขึ้นและพากลับไปที่เตียง

 

 

ออฟไลน์ Inwoสูs

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1214
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +30/-5
หื่นจริง องค์ชาย  :ruready

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด