Just you and I : สวัสดีปีใหม่
หากจะกล่าวถึงวันปีใหม่แล้ว ทุกคนคงจะนึกถึงความสนุกสนาน แต่สำหรับผม กลอยประเกรียนคนนี้ ไม่มีคำนั้นอยู่ในสมอง ก็เพราะมันปวดหัวจนคิดไม่ได้ นี่สายแข็งอย่างผมต้องมานอนให้พิษไข้เล่นงานข้ามปี คิดดูสิว่ามันทรมานแค่ไหน ไอ้กลอยเศร้าใจ
หลังจากวันคริสต์มาส ผมก็ใช้ร่างกายหนักไปหน่อย ไม่ได้ใช้กับพี่โชหรอกนะครับ เพราะขานั้นหนักเบาสลับกัน ปั๊ดโธ่ ผมหมายถึงเดินสายไปกินเลี้ยงบ้านคนนั้นที คนนี้ที ก่อนจะป่วยจนร่างกายเปื่อย ผมไปฉลองข้ามคืนบ้านไอ้สักมา พ่อมันจ้างสาวรำวงมาเต้น โอ้โห อย่าให้เซด แม่คุณเกือบควักลูกแตงโมออกมาฟาดหน้าลูกชายเจ้าของงานที่ยื่นแบงค์สีเทาให้
ยิ่งดึกดนตรียิ่งมันส์ ไอ้ผมก็กินเหล้าไม่ยั้ง คนหนึ่งเท คนหนึ่งชน ไม่รู้ตัวว่าออกไปเซิ้งหน้าเวทีกับพวกลุงๆ ป้าๆ ตอนไหน มารู้ตัวอีกทีก็ตอนถูกพี่โชลากกลับบ้าน คือคุณปีศาจเขามาส่งแล้วก็กลับคอนโดแล้วก็มารับกลับ ชวนกินด้วยกันก็ไม่เอาบอกจะกลับ พอมาตอนนี้ทำบ่นน่าจะอยู่ด้วย คือมันไม่ทันแล้วไง คนแก่ชอบคิดช้าแบบนี้แหละ
ก็นั่นแหละ ความเมาบวกกับน้ำค้างแรง เช้ามาลุกไม่ขึ้น คิดว่าถอนก็คงหาย แต่เปล่าเลย หนักกว่าเดิมแถมโดนซ้ำเติมจากคนที่คุณก็รู้ว่าใคร แต่ผมก็ไม่ว่าอะไร ฟังเสียงบ่นก็เพลินดี ถึงแม้ปีศาจจะบ่นแต่ก็ดูแลดี ป้อนข้าวป้อนน้ำทุกอย่าง
“พี่โช” เสียงแหบมาก ขนาดจิบน้ำอุ่นตลอดแล้วนะ
“ครับ อยากได้อะไร” ปีศาจของผมพูดเพราะป่ะล่ะ
“อยากกินกุ้งเผา” บอกไปปุ๊บ หน้าพี่โชบึ้งทันที นี่ต้องยกมืออุดหูกันไว้ก่อน
“รอหายก่อนแล้วเดี๋ยวพี่พาไปกินที่ทะเล” ทำตาโตมอง มาแปลกเว้ยเฮ้ย “ไม่นอนเหรอ จะเที่ยงคืนแล้ว”
“ก็เพราะมันจะเที่ยงคืนแล้วไง ถึงยังไม่นอน” นอนมาทั้งวันเบื่อมากในจุดๆ นี้ “พี่โช” ขออ้อนหน่อย คนป่วยแล้วอ้อนมันน่ารักนะเออ ผมทำบ่อย
“ว่าไง หื้ม” พี่โชลูบแก้มผมเบาๆ นัยน์ตาระยิบจ้องมองซะผมเขิน
“ปีใหม่ไม่ได้ไปเที่ยว เบื่อหรือเปล่า” พี่จอมให้พี่ซันมารับถึงห้อง แต่พี่โชห่วงผมเลยไม่ไป พอพี่ซันกลับไปคนเดียวก็ถูกเล่นงานจนต้องโทรมาเรียกอีก แต่พอถูกปฏิเสธ จากนั้นพี่จอมก็ร่ายยาวเลยครับ แถมเผื่อแผ่มาถึงผมด้วย แทบอยากกราบให้หยุด แต่ก็นะ พี่จอมอุตส่าห์เปิดห้องจัดงานแถมเพื่อนครบด้วย ขาดพี่โชไปคงแปลกๆ
“จะเบื่อได้ไง ไม่เบื่อหรอก ไว้กลอยหายเราค่อยไปเที่ยวก็ได้” พูดดีจนต้องให้รางวัลด้วยกับหอมแก้ม แต่ดูคนพูดดีจะไม่พอใจ พี่โชจับคางผมให้เชิดหน้าแล้วโน้มลงมาจะจูบ
“แค่กๆ”
จบเห่ ผมไอออกมาขัดความหวานเฉย พี่โชระเบิดเสียงหัวเราะลั่น ก่อนจะยกแก้วน้ำอุ่นบนโต๊ะหัวเตียงมาให้จิบ
“พูดมากเห็นมั้ย นอนเถอะ” ตวัดสายตาขุ่นมอง ก็คนจะอยู่รอเคาท์ดาวน์ คนแก่ไม่เข้าใจเลยว่ะ
“ไม่เอา จะอยู่ข้ามปีกับพี่โชก่อน คนอยากสวีทอะ เข้าใจป่ะ แค่กๆ” นั่น พูดยาวมากก็ไม่ได้ คอแห้งไปหมด
“เออๆ เข้าใจ” เกลียดนักรอยยิ้มหวานเนี่ย ผมทำหน้าบูดต่างจากคนที่ผมกำลังพิงอกที่ยิ้มแป้น “อยากกินอะไรอีก กุ้งเผาแล้วอะไร”
“อยากกินปลาเผาด้วย เอาตัวโตๆ เท่าปลาวาฬเลย” นึกแล้วก็หิว
“ขนาดนั้นเชียว”
“อืม เอาชุบแป้งทอดด้วยนะ จะได้ตัวพองๆ”
“ก่อนจะกินปลาวาฬชุบแป้งทอด กินปลาทับทิบนึ่งก่อนดีมั้ย พรุ่งนี้แม่พี่จะนึ่งปลา ไปกินด้วยกันนะ” ก็ว่า เมื่อกี้เห็นพิมพ์ข้อความรัวๆ กับพี่ชีส
“ไป เอากุ้งเผาด้วย”
“พี่บอกไปแล้ว มีปลาหมึกด้วย”
“รู้ใจจริง”
“แน่นอน”
ผมนอนมองนาฬิกาบนผนัง รอว่าเข็มยาวจะเดินไปบรรจบกับเข็มสั้นเมื่อไหร่ หากเป็นปีก่อนๆ ผมคงจะไปนั่งเมาที่ไหนสักที่ ไม่ก็เข้าวัดสวดมนต์กับแม่ที่วัด แต่ปีนี้นอนอยู่แต่ในห้อง รอบตัวไม่มีเครื่องดื่มมึนเมาหรือเพลงดังกระหึ่ม จะมีก็แต่คนที่รักผมที่กอดผมอยู่ในขณะนี้ คนที่รักผมและดูแลทุกย่างก้าว หากในตอนนั้นผมปฏิเสธพี่โชไป ไม่รู้ตอนนี้ไอ้กลอยคนนี้จะเป็นยังไง จะใช้ชีวิตไปในทางไหน จะหัวหกก้นขวิดกับใคร
เสียงจุดพลุเรียกสติให้ผมมองนาฬิกาอีกรอบ คราวนี้เข็มสองเข็มบรรจบกันพอดี ผมเงยหน้ามองเจ้าของอกอุ่น พี่โชก้มมองหน้าผมอยู่ก่อนแล้ว
“สวัสดีปีใหม่ครับ พี่ขอให้กลอยมีความสุขมากๆ มีสุขภาพแข็งแรง และอยู่ให้พี่รักไปนานๆ” เสียงทุ้มนุ่มลึกบอกออกมาก่อนพร้อมยื่นหน้ามาจูบหน้าผากผม
“แช่งหรือเปล่าเนี่ย” หน้างอนิดๆ แต่พี่โชยิ้มกว้าง “สวัสดีปีใหม่นะพี่โช กลอยก็ขอให้พี่โชมีสุขภาพแข็งแรง อยู่ให้ไอ้กลอยรักไปนานๆ” ยิ้มโชว์ฟันสามสิบสองซี่ “แล้วก็ ปีใหม่บ่นน้อยๆ ลงหน่อยก็ดี”
“กลอยก็อย่าทำให้พี่เป็นห่วงด้วยการทำอะไรที่ไม่รักตัวเองสิ อย่างกินเหล้าไม่ดูตัวเอง ถ้าเป็นที่ห้องนี้พี่จะไม่ว่าเลย แต่นี่ไปเมาบ้านคนอื่น” ขอปุ๊บโดนบ่นปั๊บ ผมรีบยกมือขึ้นปิดปากคนบ่น
“รู้แล้วๆ นี่ก็ถูกลงโทษอยู่นี่ไง” หน้างอรับคำบ่น “ปีใหม่นะ ห้ามบ่นรู้ป่ะ” โดนเขกหัวส่งท้ายอีก
“เลยเที่ยงคืนแล้วนอนได้หรือยัง” รีบพยักหน้ารัวๆ ที่จริงยามันออกฤทธิ์มานานแล้วแต่พยายามไม่หลับตา ไม่งั้นไอ้กลอยหลับแน่ พี่โชหัวเราะแล้วขยับตัวลงนอนโดยให้ผมซุกอกอุ่น “ฝันดีครับ”
เสียงดังด้านนอกปลุกให้ผมปรือตาขึ้น นี่เช้าแล้วเหรอ อ่อ ท้องฟ้ามีแสงแดดแปลว่าเช้าแล้วนี่เอง นี่ผมมึนยาแก้ไข้ใช่มั้ยเนี่ย ลุกขึ้นนั่งแช่อยู่บนเตียงแป๊บหนึ่งก่อนจะลุกเข้าห้องน้ำ ตอนนั่งขี้อยู่ได้ยินเสียงประตูห้องนอนเปิด คงจะเป็นพี่โชที่เข้ามาดูผม แต่ทำไมเงียบหว่า
“ไม่อยู่” เสียงแว่วๆ ที่ผมพอจะได้ยิน ไม่ใช่เสียงพี่โชด้วยว่ะ เสียงคุ้นๆ “ไอ้เกรียนขี้อยู่เหรอวะ” นั่นไงว่าแล้ว พี่จอมเจ้าเดิมที่ชอบบุกรุก
“ผมขี้อยู่” ตะโกนออกไป
“ก็ว่าทำไมเหม็น” พี่จอมแม่งโคตรเว่อร์ ห้องน้ำมีระบบระบายอากาศจะเหม็นได้ไง
ข้างนอกดูเงียบสงสัยจะออกไปแล้ว ผมเปิดประตูห้องน้ำออกแล้วต้องผงะ เมื่อพี่จอมแม่งยืนอยู่ตรงหน้า แถมดึงไอ้ที่เป็นกระบอกสามเหลียมแล้วมีกระดาษพุ่งออกมา เอาซะไอ้กลอยแทบเป็นลมด้วยความตกใจ นี่ถ้ายังไม่ได้เข้าห้องน้ำละก็ ฉี่แตกแน่
“พี่เล่นอะไรวะเนี่ย” ลูบหน้าลูบอกตัวเอง แต่คนทำเอาแต่หัวเราะงอหงาย
“ปีใหม่ไง คึกคักๆ สิวะ” พี่จอมไม่มีสลดสักนิดที่ทำให้ผมตกใจ พี่แกวาดแขนมากอดคอผมออกไปข้างนอกห้องนอนที่มีพี่ซันแกะของทะเลเผาบนโต๊ะ กลิ่นหอมซะท้องร้อง “แท่แด เป็นไง ของขวัญของพวกกู”
“พี่เอาของเมื่อวานมาหรือเปล่า” บอกอย่างรู้ทัน ดูก็รู้ว่าเป็นของเมื่อวาน อย่างปลาเผาแม้จะมาเป็นตัว แต่มีเศษตัวอื่นปะปนอยู่
“แต่พวกนี้ก็ยังไม่ได้แดกนะเว้ย นี่เห็นแก่มึงป่วยเลยเอามาฝาก”
“ขอบคุณครับ”
อย่างน้อยก็มีน้ำใจละวะ ผมนั่งลงข้างพี่ซัน ส่วนพี่โชเดินไปเดินมาหาจานกับช้อนส้อม เห็นเหล่ผมนิดๆ แต่ก็ไม่ได้ว่าอะไร พอมาถึงก็ไล่ให้พี่ซันลุกแล้วตัวเองนั่งแทนที่ พี่ซันมีบ่นนิดๆ แต่ก็เดินไปนั่งข้างพี่จอมแทน ตำแหน่งบนโต๊ะก็พี่โช ผม พี่จอม แล้วก็พี่ซัน
“เอากุ้งมั้ย พี่แกะให้” รีบพยักหน้าตอบพี่โช อยากกินตั้งแต่เมื่อวานแล้ว “แปรงฟันหรือยัง”
“พวกมึงจะสวีทให้กูอิจฉาเหรอวะ คู่กูก็มี ไอ้ซัน แกะกุ้งให้กูหน่อย” พี่จอมขี้อิจฉาสั่งแฟนตัวเอง พี่ซันหัวเราะแต่ก็ยอมแกะให้
จากนั้นไม่ว่าพี่โชจะทำอะไรให้ผม พี่จอมก็จะให้พี่ซันเลียนแบบเสมอ โคตรตลก แต่ก็มีความสุขดี เป็นปีใหม่ที่มีสีสันแบบแปลกๆ
“แม้จะของเมื่อวานแต่ก็ยังสด ขอบใจพวกมึงมาก” พี่โชเอ่ยบอกเพื่อนตัวเองที่กำลังจะออกจากห้อง
“เออ ไว้กูจะมาหาใหม่” พี่จอมบอก
“หายไวๆ นะกลอย” นี่พี่ซันครับ ยื่นหน้าเข้ามาในห้องเพื่อบอกผม ผมก็รีบยิ้มกว้างตอบ
“ไปๆ กลับห้องพวกมึงได้ละ” เมื่อคู่ฮาร์ดคอกลับไป พี่โชก็เดินเข้ามาในห้อง มือก็แย่งจานที่ผมกำลังถือ “ไปกินยา เดี๋ยวพี่เก็บเอง เดี๋ยวเราต้องกลับบ้านอีก”
ไม่อยากพูด เลยเดินเข้าห้องไปแบบเงียบๆ กินยาตามที่ซองยาบอก พอดีกับพี่โชเข้ามาขอตรวจดู ไม่ใช่เพราะเป็นคนละเอียดรอบคอบหรอกนะครับ แต่เพราะผมเคยโกงการกินยาแล้วถูกจับได้ จากนั้นมาจะถูกตรวจตลอด ไอ้กลอยเซ็ง
“กินเยอะขนาดนี้จะไปกินที่บ้านพี่ได้อีกเหรอ”
“กินได้ แค่กๆ” เจ็บคออีกแล้ว เมื่อกี้กินน้ำเย็นไปนิดเดียวเอง พี่โชเห็นผมไอจนตัวโยนก็รีบจับหน้าผากเพื่อวัดไว้ “ไม่มีไข้หรอกน่า”
“ใครจะไปรู้ ใส่เสื้อหนาๆ ด้วยนะ”
“ครับพ่อครับ”
โดนเขกหัวไปที ด้วยความปากดีของผมเอง ก็แหม ถึงร่างกายจะป่วย แต่ปากไม่ป่วยนะครับ
วันนี้ถนนโล่งผิดหูผิดตาอย่างกับไม่ใช่เมืองกรุงแสนศิวิไล ทำให้ใช้เวลาไม่นานก็ถึงบ้านหลังใหญ่ของพี่โช แม่ผมก็มานะครับ พ่อพี่โชให้คนรถไปรับถึงร้าน ผมกะว่าไปบ้านพี่โชแล้วจะกลับบ้านสักหน่อย แต่แม่มาอยู่ด้วยก็ครบเลย
“พี่โช” เรียกคนขับที่กำลังดับเครื่องยนต์ “นี่ไม่จัดเต็มไปหน่อยเหรอ” อยากให้พวกคุณได้มาเห็นเสื้อผ้าที่อยู่บนตัวผม ทั้งเสื้อกันหนาวสองตัว ผ้าพันคอ หมวกไหมพรม กางเกงวอร์ม รองเท้าผ้าใบ มันเข้ากันเหรอวะ
“ป้องกันไว้ จะได้ไม่เป็นไข้” ก็อยากชมว่ามองการณ์ไกล แต่มันไกลเกินไปหรือเปล่าวะ
เดินเข้ามาในบ้าน สิ่งแรกที่เจอเลยคือทุกคนหันมามองผมเป็นแถวๆ พี่กิ่งหัวเราะออกมาก่อนคนแรกแล้วคนต่อไปก็จัดเต็ม ขนาดพ่อพี่โชยังขำอะ บอกแล้วว่ามันจัดเต็มเกินไป
“นี่คิดว่าอยู่ขั้วโลกเหรอ” โดนพี่ชีสแซวไปหนึ่งดอก หน้างอสิผม “โอ๋ๆ หน้างอซะแล้ว” ถูกพี่ชีสดึงไปกอดแค่แป๊บเดียวก็ถูกดึงออก “กอดนิดกอดหน่อยก็ไม่ได้นะแก”
“ไปกอดของพี่นู้น” พี่โชดึงผมให้เดินตามเข้าไปหาพ่อแม่แล้วก็แม่ผม พอไปถึงพวกเราก็ยกมือไหว้ทักทายแล้วอวยพรปีใหม่พร้อมรับพรกลับ
“ไม่สบายยังไม่หายเหรอ” ผมเข้าไปกอดเอวแม่แล้วเอาหน้าถูอกอ้อน อยู่กับแม่แล้วน้ำตาพาลจะไหลเฉย “เอ้า ขี้แย”
“ไม่ได้ขี้แย” ปากบอกเปล่าแต่น้ำตาไหลพรากจนแม่หัวเราะ “มันไหลเอง”
“แบบนี้แหละค่ะ เวลาป่วยก็ชอบขี้แย” แม่ผมบอกกับทุกคนที่ดูตกใจที่ผมร้องไห้เป็นเผาเต่า จะมีพี่โชแล้วก็พี่กิ่งที่ดูเฉยๆ เพราะรู้อยู่แล้ว คืนที่ผมป่วยแรกๆ ก็ร้อง พี่โชกล่อมจนไม่ได้นอน
ผมถูกพี่โชพาไปรวมกับพวกพี่ชีสแทน ไม่อย่างนั้นผมอาจร้องไห้ไม่หยุด พอมารวมกลุ่มนี้ก็ถูกล้อทันที เลยต้องซุกหน้าเข้ากับหลังพี่โชไม่ยอมโผล่หน้า เพราะป่วยหรอกนะหมาในปากถึงไม่ทำงาน
มื้อเที่ยงนี้มีทั้งปลานึ่ง ปลาเผาและอาหารมากมายเรียงรายอยู่บนโต๊ะ ผมก็ตระเวนกินมันทุกจาน ยัดทุกอย่างที่อยากกิน ตอนนี้เลยมีสภาพคล้ายปลาพะยูนป่วยนั่งพิงโซฟา ที่สำคัญ อาการไอมันกำเริบจนต้องถอยห่างจากคนอื่นๆ กลัวเอาไปติด จะมีแค่พี่โชที่มานั่งใกล้
“ไปนั่งที่อื่นไป” พยายามกลั้นไอแล้วบอก พี่โชทำหน้าดุแล้วเอาหมวกกับผ้าพันคอที่ผมถอดออกมาใส่ให้อีกรอบ “ปวดหัว”
“กลับห้องมั้ย เอายามาหรือเปล่า” ผมพยักหน้าแทนคำตอบเพราะปากไออยู่ตลอด “งั้นกินยาแล้วกลับห้อง พี่ไปบอกพ่อกับแม่ก่อน”
ผมมองตามหลังพี่โชออกไปด้านนอก ทุกคนดูจะเข้าใจบอกให้พาผมกลับ งานปีใหม่มันสนุกนะครับ แต่สังขารไม่เอื้อสักนิด พอพี่โชเดินกลับมาหา ผมก็ยื่นมือรอให้พี่โชดึงแต่พี่แกกลับดึงผมให้ขึ้นหลังแล้วแบกผมไปที่รถ ผมซบหน้ากับไหล่อุ่น หัวเต้นตุ๊บๆ เหมือนจะระเบิดชอบกล
ตอนอยู่ในรถพี่โชพยายามยื่นมือมาจับหน้าผากผมหลายรอบ สุดท้ายก็เลี้ยวเข้าโรงพยาบาลเฉย ไอ้กลอยเกลียดกลิ่นโรงพยาบาลก็โวยวายสิ แม้ไม่มีเสียงพูดแต่ก็โวยวายได้
“ไม่เอา ไม่ไป” กอดเบาะรถไว้แน่นตอนพี่โชเดินอ้อมมาเปิดประตู คนที่อยู่ด้านนอกมองกันเป็นแถว คงแปลกใจทำไมไอ้เด็กโข่งถึงโวยวายยิ่งกว่าเด็กเล็ก
“กลอย มาให้หมอตรวจหน่อย เกิดเป็นหนักตอนดึกจะแย่ เร็ว อย่าให้พี่ต้องออกแรงนะ” มีข่มขู่คนป่วย ใจร้ายว่ะ “กลอย” ตอนนี้ทั้งพี่โชแล้วก็บุรุษพยาบาลช่วยงัดแงะผมออกจากเบาะ
หัวเดียวหรือจะสู้สองแรง ผมนอนแอ้งแม้งอยู่บนเตียงฉุกเฉินรอหมอมาตรวจ มีพี่โชยืนกดดันไม่ให้ลุกจากเตียง แม้มีพยาบาลสวยเดินผ่าน ปีศาจยังไม่เงยหน้ามองเลยคิดดู ด้วยความดูดีมีออร่าทำให้เตียงผมถูกคนมองมากที่สุด รออยู่นานกว่าหมอจะมาตรวจ ซึ่งถูกพี่โชเขม่นเรียบร้อย ข้อหาคือช้ามาก
หมอตรวจนั่น วัดนี่ แล้วผลที่ออกมาคือให้ผมแอดมิทเพื่อรอดูอาการเพราะหมอกลัวจะเป็นไข้เลือดออก คอนโดพี่โชมียุงที่ไหนเล่า ปั๊ดโธ่
ผมถูกป้าพยาบาลพาไปเปลี่ยนชุดหลังจากพี่โชจองห้องพิเศษไว้ ปีใหม่เป็นไข้ยังไม่พอ ต้องมานอนโรงพยาบาลอีก ผมว่า ผมต้องชงแน่ๆ
“ปีชงแน่เลย” ผมว่า พี่โชตรวจนั่นนี่ในห้องเสร็จก็เดินมาหาที่เตียง
“ชงเหล้าน่ะสิ เป็นไงล่ะ ผลของการไม่ทำตามที่พี่ว่า” คำสั่งห้าแก้วในช่วงสัปดาห์สุดท้ายของปีไม่เป็นผล “ปีใหม่ก็ไม่ได้เที่ยว ต้องมานอนอยู่ที่นี่”
“ซ้ำเติมว่ะ ไม่น่ารักเลย” ค้อนไปทีแล้วดึงผ้าห่มปิดหน้า ก่อนยาที่หมอให้กินจะออกฤทธิ์ ผมเผลอเคลิ้มไปแล้วไร้การรับรู้ทุกอย่าง
..............................................
(โช)
“เป็นหนักเหรอวะ” ไอ้ซันยื่นมือแตะหน้าผากคนของผม แต่ถูกผมปัดมือออก “ไอ้เชี่ยนี่ กูเป็นห่วง”
“เป็นห่วงแต่ห้ามจับ” ผมบอก ไอ้ซันทำหน้าเหม็นเบื่อก่อนกลับไปนั่งข้างไอ้แทมที่มากินอย่างเดียว แล้วของที่มันกินก็ของที่พวกมันถือมาเยี่ยมไข้เด็กเกรียนของผม
“แล้วนี่มันไปทำอะไรมาวะ ถึงเป็นไข้เลือดออก กูว่า แจ้งเขตเอายาไปพ่นบนห้องเลยสิ” ไอ้ตินออกความคิดเห็น มันก็คิดดีนะ แต่คิดตื้นไปหน่อย เอายาขึ้นไปพ่นห้องผมๆ ก็ตายสิวะ
“น่าจะวันไปกินเหล้าบ้านเพื่อนมัน” ผมไม่น่าอนุญาตให้ไปเลย แต่เห็นเป็นปีใหม่เลยยอมปล่อย
“แล้วหมอบอกแล้วเหรอว่าเป็นไข้เลือดออก” ไอ้แทมเงยหน้าจากส้มมาถาม
“ยัง รอดูอาการก่อน แล้วผลตรวจเลือดยังไม่ออก” ที่จริงจะไม่นอนก็ได้ แต่ผมไม่อยากกังวลตอนดึกหากกลอยไข้ขึ้น
“ปีใหม่ทั้งที่ อดเที่ยวเลยไอ้เกรียน” ไอ้จอมส่ายหน้าช้าๆ ปากมันร้ายก็จริง แต่มันก็เอ็นดูคนของผมมากพอดู อย่างเมื่อเช้าที่มันแบกกุ้งแบกปลามาให้ เพราะมันรู้ว่ากลอยชอบกิน แต่ป่วยเลยไปไม่ได้ มันก็เลยหอบมาให้แทน
“แม่ง ปีที่แล้วอย่างมันส์ ปีนี้อย่างเหงา ไม่มีเสียงบ่นไอ้กลอย” ไอ้แทมปีที่แล้วมันถูกบ่นเรื่องกินแล้วทิ้งไม่เป็นที่ “รอมันหายค่อยนัดเลี้ยงปีใหม่ย้อนหลัง พวกมึงว่าไง”
“ก็ดีนะ ห้องไอ้โชเลย ห้องกูแม่งเป็นภาระกู”
“น้อยๆ หน่อย กูเป็นคนเก็บกวาด”
ผมมองไอ้จอมกับไอ้ซันเถียงกัน ก่อนละความสนใจมามองกลอยที่เริ่มขยับตัว มันคงได้ยินเสียงคนคุยกันเลยค่อยๆ ปรือตาขึ้นมา
“ปวดหัวมั้ย” พอผมถามปุ๊บ ไอ้พวกเพื่อนๆ ของผมมันก็พุ่งมายืนรอบเตียง กลอยดูตกใจนิดๆ คงนึกว่าถูกโจรบุก พอมันมองหน้าทุกคนครบก็ไอทันที
“อ่าว เห็นหน้าพวกกูแล้วไอ” ไอ้จอมว่าออกมา
“พวกพี่มาเยี่ยมผมเหรอ” กลอยถามไป ไอไป โคตรน่าสงสาร
“เออ เห็นมาเยี่ยมหมาเหรอ” ผมเหล่ตามองไอ้ติน ดูเด็กของผมมันจะไม่ถือสาเพราะขำออกมา “รีบๆ หายเลยมึง พวกกูนัดกันแล้วว่าถ้ามึงหายค่อยเลี้ยงถอยหลัง”
“ย้อนหลังหรือเปล่าวะ” ไอ้แทมรีบแก้ให้คู่หูมัน
“พวกมึงกลับไปได้แล้วไป กลอยจะนอน” ผมออกปากไล่ พวกมันจิ๊จ๊ะแต่ก็ยอมถอย พอพวกมันไปแล้ว ผมก็รีบเข้าไปหา เด็กของผมทำตาปริบๆ มอง “มีอะไร หรือปวดหัว ให้พี่เรียกพยาบาลมั้ย”
“ไม่ปวดหัว” กลอยว่า “แต่ปวดฉิ้งฉ่อง”
“เดี๋ยวพี่พาไป” อยากจะหัวเราะ แต่ก็สงสาร กลอยเวลาป่วยมักจะทำตัวเป็นเด็กน้อย ผมพยุงกลอยเข้าห้องน้ำ ยืนรอจนทำธุระเสร็จ “ให้พี่ล้างให้มั้ย”
“ฉี่ไม่ได้ขี้” มีแรงเถียงกลับด้วยนะ
ผมพยุงคนป่วยกลับมาที่เตียง พอดีหมอคนที่ตรวจเดินเข้ามาพร้อมรอยยิ้ม มาถึงก็วัดความดัน วัดไข้ตามปกติ
“รู้สึกยังไงบ้างครับคนป่วย ปวดหัวมั้ย หรืออยากอาเจียนหรือเปล่า” หมอถามกลอย แต่ทำไมผมตากระตุกวะ
“ไม่เลย” เด็กของผมก็ตอบเสียงอ่อย ทำตาใสแป๋วให้ดูจนหมอกับพยาบาลหัวเราะออกมา
“สงสัยจะอยากกลับนะคะ” พยาบาลชุดขาวว่า
“เป็นไงบ้างครับ” ผมต้องรีบขัด รู้สึกมากกว่าตาแล้วที่กระตุก อวัยวะเบื้องล่างชักอยากทำงานเต็มทีเมื่อหมอจ้องหน้าเด็กของผมมากเกินไป
“ผลตรวจเลือดออกมาแล้วนะครับ ไม่เป็นไข้เลือดออก” หมอบอกเสียงนุ่มแล้วหันไปจับมือกลอย คิ้วกระตุกอีกแล้ว “เป็นไข้ หากทานยาแล้วก็พักผ่อนให้เพียงพอ ประมาณอาทิตย์หนึ่งก็คงหายครับ อ่อ จิบน้ำอุ่นบ่อยๆ จะทำให้หายเจ็บคอ”
“พาออกจากโรงพยาบาลได้เลยใช่มั้ยครับ” อยู่ที่นี่นานผมอาจได้ต่อยหมอ มองไม่พอ มาจับมือกลอยอีก
“พรุ่งนี้ก็ได้ครับ ให้น้องนอนที่นี่สักคืน”
“ไม่เป็นไรครับ ผมดูแลไหว ใช่มั้ย” ผมถามกลอยซึ่งขานั้นรีบพยักหน้าเห็นด้วย โชคดีที่กลอยเกลียดโรงพยาบาล ดังนั้นหากเลือกกลับบ้านได้นั่นเป็นสิ่งที่ปรารถนา
“อ่อ งั้นเดี๋ยวผมจะเขียนใบสั่งยาให้นะครับ คุณพยาบาลฝากด้วยนะครับ” พูดจบก็เดินออกไปทันที พยาบาลรีบยิ้มแห้งๆ แล้วเดินตามออกไป คงสงสัยหมอว่าทำไมต้องทำหน้าบึ้ง
“หึงอะเด้” เสียงหยอกล้อดังจากบนเตียง กลอยทำหน้าทะเล้นอย่างเคย ใบหน้าแดงกล่ำเมื่อตอนบ่ายหายไปแล้ว คงเพราะไข้ลดลง
“เออสิ เมียทั้งคน” บอกตามตรง เลยได้นิ้วโป้งสองข้างจากคนป่วย คนเราหึงก็บอกออกไปตรงๆ ไม่มีความจำเป็นต้องปิด “เดี๋ยวพี่ไปจัดการเรื่องค่ารักษาก่อน อย่าลุกออกไปไหนนะ เข้าใจนะ” สั่งก่อนจะเดินออกจากห้อง รู้สึกโล่งอกที่กลอยไม่เป็นอะไรมากนอกจากไข้หวัด
.........................................................
(กลอย)
“ไปกลับ” ผมกลับมาใช้ชุดของตัวเองหลังจากพี่โชไปจ่ายเงิน ที่จริงหัวก็ปวดอยู่แต่ไม่มากเท่าไหร่ คงเพราะโดนฉีดยาไป เป็นการป่วยที่ไม่ได้เตรียมตัวและเตรียมใจเลยหนักกว่าทุกที แหม มาเยี่ยมไม่บอกไม่กล่าว มาทีเซอร์ไพรส์เลย
“พี่โช จะหมดวันที่หนึ่งแล้วอะ” ผมบอกขณะกลับคอนโด พี่โชเหล่ตามามองนิดๆ “ปีที่ผ่านมาพวกเรามีแต่ความสุขเนอะ ปีนี้ก็ขอให้เป็นแบบนั้น”
“มันต้องดีกว่าแน่นอน” พี่โชดูมั่นใจมากจนผมหัวเราะ “พ่อชวนไปทำบุญที่เชียงใหม่ กลอยอยากไปหรือเปล่า”
“ไปๆ พาแม่กับพี่กิ่งไปด้วยได้หรือเปล่า” ผมเคยคิดจะพาแม่ไปเที่ยวมานานแล้ว
“ได้สิ แต่ถ้ากลอยหายไม่ทันพี่ก็ไม่ให้ไป” ฉิบหาย แล้วต้องทำไงถึงจะหายไววะ
“จัดไป ยาชุดนี้กินรวดเดียวเลย หายแน่นอน”
“หายไปจากโลกน่ะสิ เดี๋ยวเถอะ”
บนรถ ผมแหย่พี่โชบ้างตามที่สังขารจะไหว ได้ผ้าปิดปากมาด้วย เลยไม่กลัวที่จะเข้าใกล้พี่โชเท่าไหร่ แต่ก็ประมาทไม่ได้ ขืนผมแพร่เชื้อไปจะยุ่ง
“ช่วงนี้ผมจะนอนพื้นนะ เดี๋ยวพี่โชติดหวัด” พูดจบก็โดนสายตาดุตวัดมามอง
“นอนด้วยกันนั่นแหละ พี่ไม่ได้อ่อนแอขนาดนั้น”
“เดี๋ยวพี่เป็นขึ้นมานะ”
“ก็ปล่อยมัน”
“ขอบคุณนะ ที่ดูแลผม” บอกอย่างซาบซึ้งใจ ตั้งแต่วันเมาเหมือนหมา พี่โชทั้งเช็ดอ้วก เช็ดตัว แถมยังต้องมาดูแลผมที่เกิดป่วยอีก
“ขอบคุณทำไม พี่เต็มใจดูแล แต่เมาแบบวันนั้นพี่ไม่อนุญาต” ทำไมต้องวกมาเรื่องนี้วะ แล้วผมก็ถูกบ่นจนถึงคอนโด หูชาบอกเลย
พี่โชแบกผมขึ้นหลังแล้วพากลับห้อง ผมกอดคอพี่โชแล้วยื่นหน้าหอมแก้มระหว่างอยู่ในลิฟต์สองคน
“โคตรรักพี่เลยว่ะ”
“รักพี่ก็ต้องรีบหาย โอเค๊?”
“รับทราบ...”
“กลอย กลอยครับ หลับไปซะแล้ว”
“สวัสดีปีใหม่ รักพี่นะ”
“หลับแล้วยังพูดได้อีกนะคนเรา”
ผมไม่รู้ว่าเผลอหลับไปเมื่อไหร่ แต่ผมรู้ว่า ปีใหม่นี้ผมไม่ได้อยู่ตัวคนเดียว ผมมีครอบครัว ผมมีเพื่อน และมีคนรักที่อยู่เคียงข้างผมเสมอ ไอ้กลอยโคตรโชคดีเลยให้ตาย อิจฉาผมป่ะล่า แต่ผมโคตรอิจฉาทุกคนเลย ไอ้กลอยป่วยอดเที่ยว เซ็ง
สุดท้ายนี้ สุดหล่อของบอกว่า
...สวัสดีปีใหม่ครับ ขอให้ทุกคนเฮงๆ รวยๆ
อ้อ รวยแล้วอย่าลืมมาเลี้ยงผมด้วยนะ ผมกินจุพอประมาณ ที่สำคัญ หล่อมาก ขีดเส้นใต้ใช้ตัวหนา หล่อมาก หลังจากปีใหม่ไอ้กลอยจะโลดแล่นอีกครั้ง แต่ตอนนี้สังขารกระผมไม่ไหว ขอตัวเข้านอนก่อน ราตรีสวัสดิ์ แค่กๆ (ไอ...เลิฟยูรู้ยัง)
...............................................................
พาเกรียนมาสวัสดีปีใหม่ค่า ป่วยและเปื่อยแบบเบาๆ