-28-
“ทำไมผอมลงอย่างนี้ครับพี่พีท”
ภาณินร้องถามด้วยความตกใจเมื่อเห็นสภาพของพี่ชายตัวขาว พีทเป็นคนผอมอยู่แล้ว แต่นี่ยิ่งผอมไปใหญ่ เห็นแล้วก็สงสารอยากจะล้มเลิกสิ่งที่ได้รับมอบหมายจากคริษฐ์มาเสียตั้งแต่ตอนนี้
“ป่วยนิดหน่อยครับ”
พีทโกหกคำโต เขาไม่อยากให้ใครมากังวลเรื่องของเขาเท่าไหร่นัก หลังจากที่เสร็จงานกำลังจะขับรถกลับคอนโดของตัวเองหลังจากที่หนีไปพักใจเป็นอาทิตย์ พีทก็เห็นควรแล้วว่าตัวเขาควรจะกลับมาสู่โลกของความจริงเสียที
ความจริงที่ว่าเขาได้เสียคนที่รักเขาคนหนึ่งไปแล้ว
เสียใจนะแต่ในเมื่อตัวเองเลือกแล้วก็ควรจะอยู่กับความจริงให้ได้ไม่มีเหตุผลอะไรที่จะต้องหนีอีกต่อไปพีทจึงตัดสินใจขับรถกลับมายังเส้นทางที่คุ้นเคย แต่เสียงเรียกเข้าจากโทรศัพท์ปรากฏชื่อของภาณิน ทำให้เขาต้องเปลี่ยนเส้นทางจากคอนโดไปยังห้างสรรพสินค้าใจกลางเมืองเสียก่อน
“ทำงานหนักเกินไปหรือเปล่าครับ ดูพี่พีทไม่สดใสเลย”
“ครับ”
เมื่อไม่รู้จะอ้างเหตุผลอะไรพีทจึงตามน้ำ นึกขอโทษน้องอยู่ในใจที่โกหก ฝ่ายภาณินก็จับอีกฝ่ายหันหน้าหันหลังสำรวจด้วยความเป็นห่วง
“เราไปทำธุระของณินเลยไหม”
คนฟังเบะปากคล้ายจะร้องไห้ เด็กหนุ่มหน้าหล่อปนหวานจับมือพีทแกว่งไปมาเหมือนเด็ก ๆ
“ณินหิว หาอะไรกินก่อนได้ไหมครับ อยากอยู่กับพี่พีทนาน ๆ คิดถึง”
ไม่ว่าเปล่าคนบอกว่าคิดถึงเอียงซบไหล่บางอย่างออดอ้อน พีทยิ้มบางยกมือลูบหัวน้องพยักหน้าตอบรับ
“ได้ครับ ณินอยากกินอะไรนำไปเลยมื้อนี้พี่เป็นเจ้ามือเอง”
ได้ยินดังนั้นภาณินก็ยิ้มกว้างเดินจับมือพีทแกว่งไปมา พีทอมยิ้มเหมือนตัวเองพาลูกมาเที่ยวก็ไม่ปาน เดินอยู่ไม่นานก็จบลงที่ร้านอาหารญี่ปุ่นที่มีสาขามากมายในประเทศไทย
“พี่พีทเอาอะไรอีกไหม”
ณินเงยหน้าจากเมนูขึ้นมาถาม พี่ชายตัวขาวส่ายหน้าเด็กหนุ่มจึงปิดเมนูส่งคืนให้พนักงาน
“พี่พีทมีเรื่องอะไรหรือเปล่าครับ”
“หืม?”
ภาณินถอนหายใจเท้าคางมองคนตัวขาวที่นั่งตรงข้าม
“พี่พีทดูเครียด รู้หรือเปล่าครับว่าตั้งแต่ที่เราเจอกันพี่พีทเหม่อไปกี่ครั้งแล้ว”
พีทหลบตาน้องชายเมื่อณินมองจ้องเขาด้วยสายตาจับผิด ก่อนจะได้ยินเสียงถอนหายใจดังมาจากเด็กหนุ่มฝั่งตรงข้าม
“
เรื่องคิวหรือเปล่าครับ”
“...”
“เงียบแบบนี้แสดงว่าใช่”
“เปล่าครับพี่เครียดเรื่องงานนิดหน่อย”
ณินเลิกคิ้วทำหน้าไม่เชื่อเต็มที่ พีทพยายามยิ้มแต่พอน้องถอนหายใจออกมาอีกครั้งพีทก็เลือกที่จะหุบรอยยิ้มเสแสร้งของตัวเอง
“พี่พีทเคยโกหกเก่งกว่านี้นะครับ”
“...”
พีทไม่ตอบ คนตัวขาวเม้มปากก้มมองมือตัวเองที่วางอยู่บนโต๊ะประหนึ่งว่ามันน่าสนใจนักหนา
“ที่ณินถามแบบนี้ไม่ใช่อะไรหรอกครับ
เพราะทางคิวเองก็ดูแย่ไม่แพ้กัน ไม่สิแย่กว่าพี่พีทมาก ๆ เลย”
พีทเงยหน้ามามองณินด้วยสายตาเป็นกังวลทันทีที่เด็กหนุ่มตรงข้ามพูดจบประโยค เมื่อณินเห็นว่าอีกคนสนใจจะฟังก็เข้าทางและเริ่มพูดต่อ
“คริษฐ์มาเล่าให้ฟังว่ามันขาดซ้อมไปหลายวันติดต่อก็ไม่ได้พอกลับมาซ้อมสภาพก็ย่ำแย่ เรียกว่าโทรมยังดูดีไปเลยครับ ซูบผอมอย่างกับผี”
“เขา...แย่ขนาดนั้นเลยหรือครับ”
พีทเอ่ยถามเสียงเบา รู้สึกผิดขึ้นมาจับใจที่ทำให้คน ๆ นึงเสียใจมากขนาดนี้
“ครับ ไม่พูดไม่จากับใครเลย พวกเพื่อนมันเป็นห่วงจนจะบ้าอยู่แล้ว ว่าแต่ทะเลาะกันจริง ๆ หรือครับ”
พีทยังคงใช้ความเงียบในการตอบคำถามทุกอย่างซึ่งณินก็พอจะคาดการณ์ได้อยู่แล้วว่ามันต้องออกมาแบบนี้ ดังนั้นหน้าที่ของเขาก็มีแค่บอกผ่านเรื่องราวของไอ้หมีให้พี่พีทฟัง ใส่สีตีไข่นิดหน่อยเพื่อเพิ่มอรรถรสในการฟัง แต่พอเห็นสีหน้าเศร้าสร้อยของพี่พีทแล้วก็รู้สึกใจเขว
ทำไมเป็นคนที่เศร้าได้น่าโอ๋ขนาดนี้ก็ไม่รู้ ณินชักจะอยากกลับไปโบกหัวเพื่อนสนิทสักทีที่ให้เขามาทำหน้าที่นี้ ดูสิให้คนที่เป็นภูมิแพ้คนน่ารักมาทำอะไรแบบนี้ ถ้าแผนล่มจะมาโทษเขากันไม่ได้นะเว้ยบอกไว้ก่อน
“พี่พีท...ไหวไหมครับ”
มือเรียวเอื้อมไปกุมมือขาวไว้แล้วบีบเบา ๆ ยิ่งตอนที่พีทเงยหน้าตาแดง ๆ ขึ้นมามองแล้วยิ้มฝืนให้ณินอยากจะร้องไห้ ล้มโต๊ะแล้วกระโดดไปกอดโอ๋พี่พีทให้รู้แล้วรู้รอด
“พี่...ผิดเองครับ”
เสียงหวานสั่นไหวจนณินอดสงสารไม่ได้แต่หน้าที่นั้นยังค้ำคอภาณินอยู่
“เรื่องนี้เกี่ยวกับพี่คินหรือเปล่าครับ”
พีทชะงักไปครู่หนึ่ง ในที่สุดคนตัวขาวก็พยักหน้ายอมรับ ภาณินถอนหายใจเฮือกใหญ่
“ยังรักพี่คินอยู่หรือครับพี่พีท”
“เปล่าครับ”
“แล้วทำไมถึงทะเลาะกับคิวได้ล่ะครับ”
“ไม่มีใครโอเคกับความโลเลที่หาจุดสิ้นสุดไม่ได้หรอกครับ”
พีทเองก็ถอนหายใจยาวพูดออกมาด้วยน้ำเสียงอ่อนล้า เงยหน้าขึ้นมาสบตายิ้มฝืนให้กับน้องชายคนรักเก่า
“อะไรที่ทำให้พี่พีทโลเลครับ ความห่วงใยใช่ไหม”
พีทพยักหน้า
“พี่พีทห่วงคนอื่นเกินไปนั่นคือข้อเสียรู้ไหมครับ แล้วคิวมันก็รู้เรื่องพี่คินใช่ไหมครับ มันไม่พอใจพี่พีทใช่ไหมเดี๋ยวณินคุยให้ก็ได้นะ”
รางวัลลูกโลกทองคำปีนี้ต้องเป็นของภาณินอย่างแน่แท้ เล่นใหญ่รัชดาลัยเทียร์เตอร์จริง ๆ
“มันจบไปแล้วครับ”
“พี่พีท...”
“พี่...ทำทุกอย่างพังเอง”
ณินใจอ่อนยวบเมื่อน้ำตาไร้สีกลิ้งตกจากใบหน้าหล่อเหลาของพี่ชายตัวขาว ไม่เอาแล้วได้ไหมรางวัลลูกโลกทองคำ บอกความจริงกับพี่พีทเลยได้หรือเปล่า ณินรู้สึกสงสารคนตรงหน้าไม่ไหวแล้ว
“ณินขอถามอะไรหน่อยได้ไหมครับ”
เมื่อพีทพยักหน้าภาณินจึงเอ่ยถาม
“พี่พีทรักคิวแล้วใช่ไหมครับ”
พีทหลบตาณินมองมือตัวเอง สุดท้ายแล้วเขาก็พยักหน้าเป็นคำตอบ
“แล้วพี่พีทก็ยังห่วงพี่คินอยู่”
พีทพยักหน้าอีกครั้ง
“แล้วพี่พีทก็กลัวว่าถ้าคิวรู้ถึงตอนแรกจะรับได้แต่ถ้านาน ๆ ไปมันจะไม่โอเคใช่ไหมครับ”
เป็นอีกครั้งที่พีทพยักหน้าเพราะสิ่งที่ณินพูดมาถูกต้องทุกอย่าง
“ทนได้หรือครับถ้าต้องเห็นเขาไปรักคนอื่น”
พีทเม้มปากเน้น นั่นเป็นสิ่งที่เขาคิดมาตลอดหนึ่งอาทิตย์ที่หนีหน้าไป ใจหนึ่งก็บอกว่าในเมื่อเลือกจะปล่อยแล้วก็ต้องรับได้ถ้าเห็นคิวรักคนอื่น แต่อีกใจกลับไม่ยอมรับ
อยากเป็นคนเห็นแก่ตัว
อยากรักษาความรักครั้งนี้เอาไว้
แต่มันก็สายไป
“อ๊ะ...นั่นมัน”
ณินตาโตมองไปทางด้านหลังก่อนจะเงียบเสียงลงอย่างรวดเร็ว แต่ทว่าไม่ทันเสียแล้วพีทหันหลังไปมอง ภาพที่เห็นทำให้หัวใจของพีทปวดแปลบ คิวในสภาพที่ไม่ต่างจากที่ภาณินพูด ร่างกายซูบผอมหนวดเคราเขียวครึ้มคล้ายคนไม่ดูแลตัวเองหน้าตาซีดเซียวอยู่ในชุดนิสิต
หากแต่ว่า...ข้างกายของคิวมีใครบางคนยืนอยู่ คนที่ยิ้มสดใสราวกับโลกทั้งใบไม่มีเรื่องเครียด ใครคนนั้นจับมือถือแขนของคิวด้วยความสนิทสนมซึ่งคิวก็ไม่ได้มีทีท่ารังเกียจอะไร
ถ้าคิวสภาพปกติกว่านี้พีทก็คงบอกได้เลยว่าทั้งสองดูคู่ควร
รู้สึกเหมือนถูกของหนักฟาดที่ท้ายทอยอย่างรุนแรง หัวใจบีบรัดแน่นเมื่อเห็นรอยยิ้มจางจุดขึ้นบนใบหน้าหล่อ รอยยิ้มที่พีทเคยได้รับหากแต่วันนี้มันกลายเป็นของคนอื่น
ไหนว่ารักกัน...แค่อาทิตย์เดียวก็มีคนใหม่แล้วอย่างนั้นหรือ คนตัวขาวเม้มปากแน่น ความน้อยใจแล่นริ้วขึ้นมาจนจุกอก แต่ก็จางหายไปอย่างรวดเร็วจะทำอย่างไรได้ในเมื่อเขาเป็นคนปล่อยคิวไปเอง
“พี่พีทไหวไหม”
พีทกลับมาสนใจคนตรงหน้า สีหน้าของน้องชายบ่งบอกถึงความห่วงใยอย่างเห็นได้ชัด คนตัวขาวยิ้มฝืดไม่ตอบคำถาม
จะให้บอกอย่างไรว่าไม่ไหว
“คนนั้นเป็นเพื่อนของซันครับซันเป็นเพื่อนของคริษฐ์ เห็นว่าชอบคิวแต่คิวมันไม่ได้ตอบรับอะไรนะพี่พีทอย่าเพิ่งคิดมากนะครับ”
ภาณินรีบอธิบายให้พีทฟัง คนตัวขาวไม่ตอบอะไรกลับไปมือเรียวคีบซูชิของโปรดณินให้เป็นการตัดบทว่าเขาไม่อยากรับรู้
ไม่ได้คิดอะไรแล้วทำไมถึงมากันแค่สองคน
แล้วทำไมพีทถึงต้องรู้สึกไม่พอใจด้วยนะ เขามีสิทธิ์อะไร
“ณินก็ไม่อยากก้าวก่ายหรอกนะครับพี่พีท แต่ถ้าไม่อยากให้ทุกอย่างสายเกินไป...
กลับไปเริ่มใหม่ยังทันนะครับ”
กลับไปเริ่มใหม่ยังทันนะครับคำพูดของน้องณินยังติดอยู่ในความคิด มันจะทันจริงหรือ พีทละอายใจเกินกว่าจะบากหน้ากลับไปและก็ไม่มั่นใจด้วยว่าคิวจะยินดีไหม
เป็นคนนิสัยไม่ดีเลยจริง ๆ ตัวเขา นั่งจมอยู่กับความคิดตัวเองอยู่นานภายในรถสุดท้าย พีทก็ตัดสินใจได้ว่า อย่าเลย...อย่าทำให้คิวเสียใจไปมากกว่านี้เลย
“เฮ่อ~”
ถ้าถอนหายใจแล้วชีวิตสั้นลงจริงตอนนี้พีทคงมีเวลาอยู่อีกไม่กี่ปี มือขาวยกขึ้นตบแก้มตัวเองเบาๆ เพื่อเรียกสติ
“พอแล้วพีท หยุดทำร้ายน้องเสียที”
คนตัวขาวหอบร่างกายผอมบางของตัวเองลงจากรถพร้อมกระเป๋าลากพาดสูททำงานไว้ที่แขนข้างหนึ่งปิดล็อครถเรียบร้อยจึงเดินเข้ามาในตัวตึก
“อ๊ะ รอด้วยครับ”
พีทรีบส่งเสียงออกไปเมื่อเห็นว่าประตูลิฟท์กำลังจะปิด คนตัวขาวรีบวิ่งลากกระเป๋าก้มหัวให้คนที่กดลิฟท์รอแต่พอเห็นว่าคนกดลิฟท์ให้เป็นใครพีทก็ถึงกับมือไม้อ่อนไปทันที
“คิว...”
อีกฝ่ายไม่ยอมสบสายตาแถมยังขยับตัวหนี พีทเม้มปากแน่นเดินไปยืนที่มุมลิฟท์อีกฝั่ง มองแผ่นหลังกว้างด้วยความรู้สึกหลากหลาย จำนวนชั้นเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ ความกดดันก็เพิ่มขึ้นตาม
จนกระทั่งมาถึงชั้นของพวกเขา พอประตูลิฟท์เปิดคิวก็รีบก้าวออกไปแต่ไม่รู้ว่าเพราะอะไรร่างสูงถึงเซคล้ายจะล้มพีทรีบทิ้งของไปพยุงตัวอีกคนไว้
“เป็นอะไรไหม”
พีทถามด้วยน้ำเสียงห่วงใยหากแต่อีกคนกลับค่อย ๆ แกะมือเขาที่ประคองตัวเองออกและไม่ตอบคำถาม พีทน้ำตาคลอกับการกระทำนั้นแต่ก็เดินตามหลังอีกคนไปด้วยความเป็นห่วง
จากที่สัมผัสตัวคิวเมื่อครู่ อุณหภูมิร่างกายของเด็กตัวโตสูงกว่าปกติแถมยังหน้าซีดเซียวเหมือนคนป่วย เดินไปไม่เท่าไหร่คิวก็เซจะล้มอีกรอบ
“ปล่อย”
เสียงแหบแห้งที่เคยเรียกพีทด้วยความอ่อนโยนตอนนี้เย็นชาจนคนฟังใจหาย แต่พีททำหูทวนลมไม่สนใจเพราะเขาห่วงอาการอีกคนมากกว่า คิวตัวร้อนมาก
“ผมบอกให้ปล่อย”
“กุญแจอยู่ไหนครับ”
“...”
พีทถอนหายใจก่อนจะยืดตัวขึ้นเพื่อมองคิวตรง ๆ
“กุญแจอยู่ไหนครับ จะช่วยพาเข้าห้องแล้วสัญญาจะไม่ยุ่มย่ามอีก”
“เหอะ”
คิวพ่นลมหายใจเมินหน้าหนีคนตาแดงใกล้ร้องไห้ พีทหลับตาสูดลมหายใจลึกแล้วถามคิวอีกครั้ง
“กุญแจห้องอยู่ไหนครับ”
“ในกระเป๋าด้านหน้า”
สุดท้ายน้ำเสียงแหบแห้งก็เปล่งออกมาอย่างเย็นชา พีทใช้มือข้างหนึ่งล้วงเข้าไปในกระเป๋าสะพายข้างของคิวอีกมือจับประคองเอว
“ค่อย ๆ นั่งนะครับ ยาอยู่ตรงไหน”
“ไหนบอกว่าแค่มาส่งแล้วจะไม่ยุ่มย่ามไง”
“แล้วหายากินเองได้หรือไง”
“มันเรื่องของผม”
“ทำไมดื้อแบบนี้”
“แล้วมายุ่งกับผมทำไม! ตัดผมออกจากชีวิตไปแล้วไม่ใช่หรือไง! หรือสงสารสมเพชผมกันล่ะ ผมไม่ต้องการออกไปเถอะ ถ้าไม่รู้สึกอะไรก็ออกไป”
พีทยืนนิ่งมองคิวที่จ้องเขม็งมาที่ตน ความคิดกำลังตีรวนอยู่ในหัว ใช่...เขาไม่ควรทำแบบนี้แต่สภาพของคนตรงหน้าก็ทำให้เขาทิ้งอีกคนไปไม่ได้
มันไม่ใช่สงสาร ไม่ใช่สมเพช
แต่มันห่วง ห่วงจนจะบ้าอยู่แล้วแต่พูดออกไปไม่ได้!
“ยาอยู่ตรงไหน แล้วกินอะไรมาหรือยัง”
“ผมบอกให้ออกไป”
พีทไม่ตอบแต่หันหลังกลับเดินออกไปทางประตู คิวทิ้งตัวนอนยาวไปกับโซฟาด้วยความอ่อนล้า ความเจ็บปวดพุ่งขึ้นมาจนปวดหัวใจไปหมด ไม่รู้แล้วว่าตอนนี้ระหว่างปวดหัวเพราะพิษไข้กับปวดใจอาการไหนมีมากกว่ากัน นี่สินะคำตอบของพีท
ไม่ได้รัก ไม่ได้รู้สึกอะไรด้วยจริง ๆ สินะ คงไม่ต้องรบกวนพวกเพื่อน ๆ อีกแล้วล่ะถ้าทุกอย่างมันชัดเจนขนาดนี้
หัวใจของเขารับความเจ็บปวดอีกไม่ไหวแล้ว
ยอมแพ้แล้วก็ได้ ยอมปล่อยแล้ว ยอมรับความจริงแล้ว
“
ห้องพีทมีแค่โจ๊กสำเร็จรูปคิวกินได้ไหม”
ในวินาทีที่สิ้นหวังเสียงหวานของใครคนนั้นก็ดึงคิวกลับมาสู่โลกของความเป็นจริง คนตัวสูงผุดลุกนั่งด้วยความรวดเร็วเงยหน้ามองคนที่คิดว่าทิ้งเขาไปแล้วเดินกลับเข้ามาในห้องอีกครั้ง
“หรืออยากกินอย่างอื่นเดี๋ยวลงไปซื้อให้”
“...”
“ดีที่ห้องยังพอมียาแก้แพ้กับแก้ปวดอยู่”
“กลับมาทำไม”
พีทหลบตาไม่ยอมตอบคำถาม คนตัวขาวเลี่ยงโดยการเดินหนีไปทางห้องครัว
ปึง!
“ผมถามว่ากลับมาทำไม!”
คิวก้าวเร็วมาดันคนตัวขาวกระแทกผนังอย่างแรง พีทเบ้หน้าด้วยความเจ็บปวด แรงที่บีบแน่นจากไหล่สองข้างของเขาบอกอารมณ์เด็กหนุ่มตรงหน้าได้ดี
“ผมบอกไปแล้วว่าถ้าไม่รู้สึกอะไรก็ให้ออกไป!”
“...”
“ผมบอกแล้วว่าถ้าแค่สงสารผมไม่ต้องการ เพื่อนผมก็มีเดี๋ยวโทรเรียกมันมาก็ได้”
พีทเม้มปากแน่นและยังคงไม่ตอบอะไรออกไป คิวมองคนตัวขาวตรงหน้าด้วยความไม่เข้าใจ ไม่เข้าใจจริง ๆ ว่าตอนนี้พีทกำลังตั้งใจทำอะไรอยู่ ยอมรับเลยว่าตอนที่แผ่นหลังบางหายจากห้องไป มันเจ็บจนไม่รู้จะอธิบายอย่างไร ทั้งสิ้นหวังและท้อแท้
แต่วินาทีที่เสียงหวานดังขึ้นและร่างกายของพีทปรากฏอยู่ตรงหน้าก็เหมือนได้ต่อลมหายใจออกไปอีกครั้ง และมันก็ค่อย ๆ ห่อเหี่ยวลงอีกครั้งเมื่อคิดได้ว่าอีกฝ่ายเป็นคนขี้สงสารแค่ไหน
ใช่ ที่พีทกลับมาอาจเพราะแค่สงสาร
ไม่ใช่เพราะรัก
เด็กหนุ่มตัวสูงพ่นลมหายใจร้อนเพราะพิษไข้ออกมาอย่างอ่อนล้า ผ่อนแรงที่บีบไหล่คนตัวขาวและก้าวถอยหลังออกมาหนึ่งก้าว
“ออกไปเถอะครับ”
คิวมองคนตัวขาวที่ก้มหน้ากำมือแน่นแต่ไม่ยอมไปไหน การกระทำแบบนี้เขาจะคิดเข้าข้างตัวเองได้ไหมว่าพีทไม่ใช่แค่สงสาร ร่างสูงก้าวประชิดอีกคนจนสองร่างแนบชิด สองมือประคองแก้มใสเปรอะน้ำตาขึ้นมา โน้มใบหน้าเข้าหาอีกคนจนปลายจมูกชนกัน จ้องมองลึกลงไปในดวงตากลมโตที่บัดนี้แดงก่ำและเอ่อคลอไปด้วยน้ำตา นิ้วโป้งคลึงริมฝีปากแดงช้ำไปมาเบา ๆ
“
เพราะถ้าไม่ออกไปตอนนี้ ขอร้องให้ตายอย่างไรผมก็จะไม่มีวันปล่อยพีทไปอีกแล้วนะ”
tbc
talk. หลังจากหายไปนานเพราะแก้ไม่ถูกใจตัวเองสักที วันนี้เรากลับมาแล้วนะทุกคนและตอนนี้อาจจะไม่ถูกใจใครหลายคนนะคะ แต่สำหรับเรามันดีที่สุดแล้ว ฮ่าาา น้อมรับคำติชมทุกคำค่า ตอนหน้าไม่ต้องเดานะว่าจะเกิดอะไรขึ้น
และตอนหน้ามาเร็วกว่าตอนนี้แน่นอนค่ะ
กราบทุกคนที่เข้ามาอ่านและรู้สึกตามไปกับนิยายของเราน้า ขอบคุณมาก ๆ เลย
ฝาก #ทั้งหมดใจ เผื่อใครอยากแท็กในทวิตนะจ๊ะ