-25-
พีทแปลกไป นั่นคือสิ่งที่คิวสัมผัสได้หลังจากคนตัวขาวกลับมาจากบ้านหลังปีใหม่ คนตัวขาวของเขาดูเงียบนิ่งไป หลายครั้งที่คิวต้องสะกิดเรียกเพราะพีทเอาแต่เหม่อลอย พีทก็มักจะยิ้มและขอโทษกลับมาเสมอ
บางสิ่งบางอย่างกำลังร้องเตือนอยู่ภายในใจ เพียงแต่คิวไม่อยากจะคิดมากไป พีทติดโทรศัพท์มากขึ้นและไม่ยอมปล่อยโทรศัพท์ให้ห่างตัวเลย คิวคิดว่าอาจจะมีบางเรื่องที่พีทยังไม่สามารถบอกเขาได้ในตอนนี้จึงไม่ร้องถาม
วันนี้ก็เช่นกันพีทก้มหน้าก้มตากดโทรศัพท์หน้าตาเคร่งเครียดจนคิวอดไม่ได้ที่จะเอ่ยถามออกไปด้วยความเป็นห่วง
“เป็นอะไรหรือเปล่าครับหน้าเครียดเชียว”
ถ้าคิวสังเกตสักนิดเขาจะสามารถมองเห็นอาการกระตุกเกร็งจากพีทแต่ไม่ใช่กับตอนนี้ที่สายตาคู่คมจ้องไปยังท้องถนนด้านหน้า
“เปล่าครับไม่ใช่เรื่องของพีทหรอก เรื่องของคนรู้จักน่ะ”
“เรื่องใหญ่หรือครับ ผมเห็นพีทดูเครียด ๆ มาหลายวันแล้ว”
คิวเก็บคำถามอื่นไว้ในใจเพราะไม่อยากเพิ่มเรื่องให้คนตัวขาวข้างกาย ช่วงนี้พีทกินน้อยผิดปกติบางครั้งก็ทำหน้าอมทุกข์อยู่ตลอดเวลาแต่พอคนตัวขาวเห็นเขาก็จะส่งยิ้มมาให้เสมอ
อยากดึงมากอดใจแทบขาดแล้วบอกพีทว่า
อย่ายิ้มทั้งที่นัยน์ตาร้องไห้ แต่คิวก็ไม่กล้าเพราะเหมือนมีกำแพงที่มองไม่เห็นล้อมรอบตัวพีทเอาไว้
ในเมื่อพีทไม่อยากบอกคิวก็จะไม่ถาม
“ครับ”
พีทตอบเพียงเท่านั้นแล้วเงียบไป มือขาวกุมโทรศัพท์ไว้แน่นแล้วมองออกไปด้านนอกหน้าต่าง
“อย่าคิดมากนะครับ”
คิวบังคับพวงมาลัยด้วยมือเดียวอีกมือจับมือขาวเอามาวางบนตักตัวเองแล้วบีบเบา ๆ
“ขอโทษนะครับที่ทำให้คิวเป็นห่วง”
เด็กหมีส่ายหน้าคลึงข้อนิ้วของอีกคนเล่น
“ขอโทษทำไมครับไม่ใช่เรื่องที่ต้องขอโทษเลย”
“ก็ทำให้คิวเป็นห่วงนี่ครับ”
“ไม่พูดเรื่องนี้กันแล้วดีกว่า อาทิตย์หน้าผมแข่งแล้วนะครับ”
คิวเปลี่ยนเรื่องเมื่อเห็นพีทมีท่าทีไม่สบายใจที่จะพูด ตาคมมองเส้นทางมือสอดประสานมืออีกคนตลอดเส้นทางมีเพียงเสียงเพลงแทนความเงียบเท่านั้น
“ถ้าวันไหนว่างพีทจะไปดูนะครับ”
พีทพูดออกมาในที่สุด คนฟังยิ้มกว้างดึงคนตัวขาวเข้ามากอดแล้วโยกเบา ๆ โชคดีที่ในลิฟท์มีแค่เขาสองคน
“ขอบคุณครับ”
“ฝันดีนะครับคิว”
“ฝันดีครับพีท”
คิวยืนส่งคนตัวขาวเข้าห้อง ชายหนุ่มยิ้มกว้างโบกมือลาแต่เมื่อแผ่นหลังบางหายไปพร้อมกับประตูที่ปิดลง รอยยิ้มก็พลันหายไปโดยทันที คิวไม่รู้ว่าพีทเป็นอะไรแต่ความรู้สึกของตัวเองตอนนี้คือทั้งห่วงและกลัว
ห่วงว่าอีกคนจะมีปัญหาชีวิตหรืออะไรก็แล้วแต่ที่พีทยังไม่ยอมพูดออกมา
และกลัว...คิวอธิบายความรู้สึกนี้ไม่ได้เขารู้แค่ว่านัยน์ตาของพีทมันไม่สดใสเหมือนเดิม เวลามองเข้าไปในตาของพีทคิวรู้สึกว่ามีอะไรบางอย่างที่พีทปิดกั้นเอาไว้ไม่อยากให้เขารับรู้
Rrrr Rrrrr“ว่าไง”
คิวทิ้งตัวนอนยาวบนโซฟารับสายจิมมี่ที่โทรเข้ามา
‘ดริ๊งค์ไหมเพื่อน’
“เนื่องในโอกาสอะไร”
‘เนื่องในโอกาสอยากแดก จริง ๆ พวกไอ้คิงกับไอ้ซานชวน พวกมันทะเลาะกับคริษฐ์กับซันนิดหน่อยว่ะ’
คิวเลิกคิ้ว สี่คนนั้นเนี่ยนะทะเลาะกัน
“เรื่องอะไร”
‘เรื่องแฟนซัน’
คราวนี้คิวขมวดคิ้วงงหนักเข้าไปอีก ซันมันไปมีแฟนตั้งแต่ตอนไหน
“ใครไปบ้าง”
‘กู เอ็ม เพชร คิง ซาน’
“อือเดี๋ยวกูไปด้วย ที่ไหน?”
‘Heaven สามทุ่มนะ’
“เคเจอกัน”
รถคันสวยของคิวจอดลงหน้าผับในเวลาสามทุ่มพอดิบพอดี ชายหนุ่มในชุดเสื้อเชิ้ตพับแขนปลดกระดุมสองเม็ดเผยให้เห็นแผ่นอกกว้างกับกางเกงยีนส์ขาเดฟผมเซ็ตให้พอเป็นทรงเดินลงจากรถตรวจบัตรเข้ามาด้านใน ตาคมมองผ่านสายตาเชิญชวนทั้งหลายที่ส่งมาให้มองหาโต๊ะที่เพื่อน ๆ นั่งอยู่จนในที่สุดก็เจอ
“ไง”
คิวแปะมือกับจิมมี่ เอ็ม คิงและซานส่วนเพชรร่างสูงขยี้หัวอีกคนแทน เลยถูกคนตัวเล็กมองค้อนให้หนึ่งทีแล้วมันก็หันไปง๊องแง๊งกับเอ็ม
“ไม่คิดว่ามึงจะมานะเนี่ย เห็นช่วงนี้ติดแฟน”
ซานเอ่ยถาม คนถูกกล่าวหาว่าติดแฟนยิ้มมุมปากนิด ๆ แล้วรับแก้วเหล้าจากจิมมี่ขึ้นมาจิบ
“แล้วพวกมึงทะเลาะอะไรกัน”
คิวไม่ตอบคำถามแต่เปลี่ยนเป็นถามกลับ สองคนที่ถูกถามคนหนึ่งตีหน้านิ่งยักไหล่ส่วนอีกคนหน้านิ่วเบ้ปาก
“เหอะ ก็จะอะไรอีกล่ะสองคนมันรวมหัวหลอกพวกกู ต้มพวกกูซะเปื่อยแม่งเอ๊ย”
ซานระบายออกมาอย่างหัวเสีย กระดกเหล้าจนหมดแก้ววางเสียงดังปังจนคิงที่นั่งอยู่เฉย ๆ ผลักหัวให้เพื่อนดึงสติตัวเอง
“สองคนนั้นทำอะไร”
เพชรเอ่ยถาม ซานกำลังจะอ้าปากพูดแต่คิงปิดปากไว้ก่อนด้วยเกรงว่าอีกคนจะใส่อารมณ์ในการเล่าจนเกินไป ชายหนุ่มจึงเลือกที่จะตอบเอง
“จริง ๆ มันก็ไม่ได้หลอกพวกกูหรอกแต่พวกกูเข้าใจผิดกันไปเอง”
“เรื่อง?”
“แฟนซัน”
“อ่อบีสท์ถาปัตย์ฯอ่ะนะ”
เอ็มกล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงสบาย ๆ มือก็หยิบเฟรนซ์ฟรายส่งเข้าปากเพชรไปด้วย คิวเลิกคิ้วแปลกใจเล็กน้อยกับบรรยากาศรอบตัวเพื่อนทั้งสองคน มองไปทางจิมมี่มันก็มีท่าทีสงสัยไม่แพ้กัน สงสัยต้องซักกันยาว แต่ตอนนี้กลับเข้าเรื่องซันก่อน
“เออมันปิดกูสองคนทำให้พวกกูเข้าใจผิดว่าแฟนมันคืออีกคน! แม่งเอ๊ยเพื่อนกันป่าววะ”
ซานดูจะหัวเสียมากกระแทกหลังกับโซฟาอย่างแรก คิงเองก็ยังหน้านิ่งเช่นเดิม เพชรยิ้มแหยมันคงไม่เคยเห็นคนอารมณ์ดี ๆ แบบซานเป็นอย่างนี้จนจิมมี่เอ่ยออกมา
“ถามเหตุผลหรือยัง”
ซานกับคิงพยักหน้าพร้อมกัน
“มันบอกว่าถ้าบอกความจริงพวกกูจะต่อต้านเพราะพวกกูดูไม่ชอบไอ้บีสท์”
“แล้วมันจริงไหม”
จิมมี่ถามต่อ คิงนิ่ง ซานเองก็ส่งเสียงจิ๊จ๊ะสุดท้ายก็พยักหน้าออกมา
“เออกูยอมรับ กูไม่ชอบมัน อันธพาลชิบหายมึงต้องเห็นครั้งนั้นที่มันบุกไปต่อยพี่อินที่คณะ กูก็ควายไงเห็นซันมันดูเป็นห่วงแต่กูก็ไม่คิดอะไรเพราะเห็นว่าไอ้ยูวิ่งตามมาเลยคิดว่ามันคงสนิทกับเพื่อนแฟนมัน”
“แล้วมึงได้ถามเหตุผลที่มีเรื่องกันไหม”
คราวนี้ซานเงียบแล้วส่ายหน้าก่อนจะพูดต่อ
“แต่มันก็ไม่ควรหลอกพวกกูนะ”
“มันคงไม่อยากให้พวกมึงไม่สบายใจ”
คิวช่วยพูดเกลี้ยกล่อมให้เพื่อนเย็นลง
“แล้วตอนนี้กูสบายใจนักนี่”
ซานพูดประชดแล้วยกดื่มจนหมดแล้ว จิมมี่พยักเพยิดให้คิวเป็นคนพูดส่วนตัวเองชงเหล้าให้เพื่อน
“แล้วมึงไม่เชื่อใจเพื่อนตัวเองหรือวะ คริษฐ์ก็รู้ไม่ใช่หรือไงถ้าขนาดหมอนั่นยอมปล่อยผ่านกูว่าบีสท์มันก็ไม่ได้เลวร้ายอะไรหรอก เราแค่ฟังในสิ่งที่คนอื่นเขาบอกมาว่ามันไม่ดีลองเปิดใจดูสิแล้วมึงจะรู้ว่าทำไมเพื่อนมึงถึงเลือกคนนี้”
ทั้งสองคนเงียบฟังส่วนพวกเพื่อนเขาส่งสายตาชื่นชมมาให้ คิวได้แต่ยิ้มน้อย ๆ แล้วส่ายหัว เขามันก็เก่งแต่เรื่องคนอื่นนั่นแหละ พอเป็นเรื่องตัวเองกลับคิดไม่ออกหาทางไปไม่ได้
“ลองทิ้งอคติแล้วมองมันใหม่ดู กูว่าเดี๋ยวนี้ซันมันดูเป็นคนขึ้นนะ ไงดีวะเมื่อก่อนมันเหมือนตุ๊กตาอ่ะไร้ความรู้สึกไร้หัวใจแต่ช่วงหลัง ๆ มานี้กูเห็นมันยิ้มบ่อยขึ้นสีหน้ามันดูมีชีวิตชีวามากขึ้นนะ ถ้าพวกกูสังเกตเห็นมึงสองคนก็น่าจะเห็นเหมือนกัน”
เอ็มที่เงียบอยู่นานเอ่ยขึ้น พวกเขาพยักหน้าเห็นด้วยสองคนนั้นนิ่งอยู่นานสุดท้ายก็ถอนหายใจออกมาพร้อมกัน
“อือไว้จะลองทำดู”
“ต้องงี้ดิวะ มา ๆ ชนเว้ยชน จบไปหนึ่งเรื่องเอ่าชนนนนน”
คิวยิ้มมุมปากเมื่อเพื่อนตัวเล็กเรียกบรรยากาศกลับมาให้ครึกครื้นอีกครั้ง เขากับจิมมี่มองกันอย่างรู้ทันเมื่อได้จังหวะที่ซานไปเข้าห้องน้ำคิงไปรับโทรศัพท์ก็ได้เวลาซักฟอกเสียที
“มีอะไรจะบอกกูกับคิวไหม”
จิมมี่เอ่ยผ่ากลางปล้อง เพชรที่กำลังจะเอาป๊อปคอร์นเข้าปากหยุดชะงักจนเศษป๊อปคอร์นหล่นลงบนตัก เอ็มเห็นก็ได้แต่ยิ้มส่ายหัวแล้วช่วยคนตัวเล็กเก็บแล้ววางแขนโอบไหล่เพชรไว้
“มี กูสองคนคบกันแล้ว”
“คบกันได้ซักทีนะพวกห่า”
“ยินดีด้วย”
จิมมี่ว่าแล้วก็ขว้างเศษป๊อบคอร์นไปทางเพื่อนทั้งสอง คิวหัวเราะแล้วกล่าวยินดี เอ็มยิ้มรับมีเพียงแต่เพชรเท่านั้นที่อ้าปากหวออึ้งอยู่
“ทำไม....พวกมึงดูไม่ตกใจเลยวะ”
“ตกใจทำไม มึงสองคนควรจะคบกันตั้งนานแล้วป่ะ มีแต่มึงที่โง่ไม่รู้อยู่คนเดียว”
“ฮะ??? มึงรู้มานานแล้วหรือจิม”
เพชรเลือกที่จะถามจิมมี่เพราะคิวนั้นรู้เรื่องอยู่แล้ว พ่อหนุ่มลูกครึ่งกลอกตาแล้วถอนหายใจ
“เขาดูออกกันหมดยกเว้นมึงคนเดียวแหละเตี้ย วู้ว”
จิมมี่โน้มตัวไปผลักหัวเพื่อนตัวเล็ก เพชรมองค้อนแล้วหันไปหาแฟนตัวเอง พอเอ็มพยักหน้าคนตัวเล็กก็หน้างอทันที
“อะไรวะ มีกูไม่รู้อยู่คนเดียว”
“ตอนนี้ก็รู้แล้วไงคิดอะไรมากหืม”
คิวกับจิมมี่ตาโตเมื่อได้ยินเอ็มพูดกับเพชรด้วยน้ำเสียงทุ้มนุ่มออดอ้อน จิมมี่ขยับตัวมาชิดคิวป้องปากกระซิบเพื่อนหุ่นหมี
“บีหนึ่งเป็นเหมือนกูป่ะวะ กูจั๊กจี้หัวใจชอบกล”
คิวหัวเราะในลำคอพยักหน้าเห็นด้วย ไม่นานทั้งสองคนที่หายไปก็เดินกลับมาและวงเหล้าก็เริ่มขึ้นอีกครั้ง คิวสังเกตหลายครั้งแล้วว่าเอ็มมองมาทำท่าเหมือนมีอะไรจะพูดแต่ก็เงียบ จนได้จังหวะที่มันลุกไปเข้าห้องน้ำคิวถึงตามไปด้วย
“มีอะไรจะคุยกับกูป่าววะ”
“ไปคุยกันข้างนอกดีกว่า”
เอ็มบอกแล้วเดินนำคิวออกมาบริเวณที่สูบบุหรี่เลือกที่ห่างจากคนอื่นนิดหน่อยพอเป็นส่วนตัว ร่างโปร่งของเอ็มยืนพิงไม้ระแนงสองมือล้วงกระเป๋ามองเพื่อนตัวสูงอยู่สักครู่แล้วเอ่ยถามออกมา
“ช่วงนี้มึงกับพี่พีทเป็นไงบ้างวะ”
พอได้ยินเพื่อนสนิทเอ่ยถามถึงความสัมพันธ์ของเขากับอีกคน คิวก็ได้แต่ถอนหายใจแล้วส่ายหน้า กับเพื่อนเขาไม่มีอะไรต้องปิดบัง
“ไม่รู้ว่ะตั้งแต่กลับจากบ้านพีทก็แปลกไป ดูเหม่อลอย เศร้าบางครั้งก็ทำหน้าเคร่งเครียดแล้วก็ติดโทรศัพท์มากขึ้น”
“มึงได้ถามเขาหรือเปล่าว่าเป็นอะไร”
คิวส่ายหน้า
“เหมือนพีทจะไม่อยากบอก กูเลยไม่กล้าถาม”
“คิดไว้หรือเปล่าว่าจะเป็นเรื่องอะไร”
คิวส่ายหน้าอีกครั้ง
“ไม่รู้เลยกูเดาใจพีทไม่ได้ ไม่รู้สิมึง บางครั้งกูก็คิดว่าเข้าใกล้เขาได้มากแล้วแต่ตอนนี้กูรู้สึกเหมือนถูกแรงที่มองไม่เห็นผลักออกมาเลยว่ะ”
“พี่เขาเคยมีแฟนมาก่อนป่ะ”
“รู้สึกจะเคยแต่พีทไม่เคยพูดถึงเลย”
“....”
“มึงมีอะไรป่าววะเอ็ม”
คิวถามด้วยความสงสัยเพราะเพื่อนซักถามเขามากจนผิดวิสัย ยิ่งได้เห็นหน้าตาเคร่งเครียดของเอ็มแล้วคิวยิ่งแปลกใจ ร่างสูงโปร่งหยิบมือถือขึ้นมากดปลดล็อคเข้าแกลลอรี่กดภาพ ๆ หนึ่งยื่นไปให้คิว เขารับโทรศัพท์มาดูด้วยความสงสัยและชะงักไป
ในภาพนั้นคือพีทที่นั่งยองป้อนน้ำเด็กคนนึงอยู่แต่ที่สะดุดตาคิวคือร่างสูงใหญ่ที่ยืนอยู่ใกล้กันและคน ๆ นั้นสวมหมวกลงบนศีรษะของพีท คิวขมวดคิ้วเงยหน้ามองเพื่อน
“เขาอาจจะเป็นญาติกัน”
เอ็มถอนหายใจรับโทรศัพท์คืน
“ตอนแรกกูก็คิดแบบนั้น แต่มึงไม่คิดว่าผู้ชายหน้าตาคุ้นบ้างหรือวะ กูพยายามคิดว่าเขาเป็นญาติกันจนกระทั่งกูเจอณินกับพี่มิน”
คิวขมวดคิ้วหนักเข้าไปใหญ่ เขาไม่เข้าใจในสิ่งที่เอ็มต้องการบอก
“ณินเรียกผู้ชายคนนั่นว่า
พี่คิน ทีนี้มึงรู้ยังว่าหน้าผู้ชายคนนี้คล้ายใคร”
“ภาณิน...”
“ใช่ เขาเป็นพี่ชายของณินแต่ที่กูไม่เข้าใจคือทำไมเขาถึงดูสนิทกับพี่พีทขนาดนั้น”
คิวรู้สึกลำคอแห้งผาก สมองเริ่มเชื่อมโยงในสิ่งที่รู้มา ตอนที่คิวพาพีทมาที่มหาลัยครั้งแรก พีทเจอกับณินและคริษฐ์พวกเขาสนิทกันมาก่อนและดูเหมือนจะมีความลับที่รู้กันอยู่แค่นั้น พีทบอกว่าเคยสอนพิเศษสองคนนั้นแต่คิวไม่เคยรู้ว่าพีทจะสนิทกับคนบ้านนั้นทุกคน
มีความจำเป็นด้วยหรือที่ครูสอนพิเศษจะต้องสนิทกับบ้านลูกศิษย์ขนาดนั้น
“กูไม่อยากทำให้มึงคิดมากนะคิว แต่ช่วงนี้มึงเองก็ดูเครียดเหมือนกันและถ้าให้เดาสาเหตุก็คงเป็นเรื่องพี่พีท”
คิวทิ้งตัวพิงไม้ระแนงข้างร้าน ใบหน้าคมหลับตาเงยหน้าขึ้นฟ้าริมฝีปากเม้มแน่นแล้วค่อย ๆ คลายออก
“อันนี้มึงเจอพีทที่ไหน”
“วัดพระธาตุผาซ่อนแก้ว ที่กูบอกไงว่าบ้านกูจะไปเที่ยวเขาค้อกัน”
คิวพยักหน้าเบา ๆ ก้มหน้าลงมองเท้าตัวเอง ตอนนี้เขาสับสนไปหมดแล้ว
“มึงเห็นอะไรอีก บอกกูมาให้หมดเลย...ได้ไหมวะ”
“ที่กูถามมึงเพราะกูก็คาใจเหมือนกัน ที่กูเห็นคือพฤติกรรมสองคนเขาแปลก ๆ มันเหมือนคนที่รู้จักกันมานานแต่บางครั้งพี่พีทก็ดูเกร็งอย่างตอนที่ผู้ชายคนนั้นใส่หมวกให้กูไม่ได้ยินหรอกนะว่าเขาคุยอะไรกันแต่สีหน้าพี่พีทดูเศร้าไปว่ะ”
ยิ่งได้ฟังเพื่อนพูด คิวยิ่งรู้สึกกลัว ความรู้สึกบางอย่างกำลังร้องเตือนเขาว่าการปรากฏตัวของผู้ชายคนนี้ไม่ธรรมดา คิวยังไม่ปักใจเชื่อว่าคน ๆ นี้เป็นสาเหตุให้พีทเปลี่ยนไปหรือเปล่าอาจจะเป็นปัญหาทางบ้านเรื่องงานหรือเรื่องเพื่อนก็เป็นได้
แต่ทำไมนะ หัวเขาถึงสลัดภาพผู้ชายคนนั้นสวมหมวกให้พีทไม่ได้อยู่ดีหรือที่สลัดออกไปไม่ได้เป็นสายตาของพีทที่มองผู้ชายคนนั้นกันแน่
“คิวมึงไหวป่าววะ”
เอ็มบีบไหล่เพื่อนเบา ๆ เอ่ยถามด้วยความเป็นห่วง คิวเงยหน้าขึ้นมาสบตาเพื่อนแล้วยิ้มบาง
“กูยังไหว ตราบใดที่พีทยังไม่พูดออกมากูก็จะถือว่าไม่มีอะไรแล้วอีกอย่างพวกเราก็ยังไม่รู้ด้วยว่าพีทรู้จักผู้ชายคนนั้นแบบไหน”
“อืมก็ถูกของมึง เอาเถอะเพื่อนทำใจให้สบายไปกินเหล้ากันดีกว่า”
ว่าแล้วเอ็มก็เขย่งกอดคอเพื่อน คิวเห็นแล้วก็สงสารเลยปัดมือคนเตี้ยกว่าทิ้งแล้วเป็นฝ่ายกอดคอมันเอง เอ็มมันก็ไม่ได้เตี้ยอะไรมากหรอกตัวคิวต่างหากที่สูงเกินไป ทั้งสองคนเดินกลับมาที่โต๊ะเห็นพวกเพื่อนที่นั่งอยู่ต่างก็มองไปบนเวทีด้วยความสนใจ คิวกับเอ็มเลยมองตามเห็นพวกนักดนตรีกำลังเซ็ตเครื่องดนตรีกันอยู่ ก็ไม่เห็นมีอะไรแปลกแต่ทำไมเพื่อน ๆ เขาดูสนใจกันจัง
“มองอะไรกันวะ รู้จักหรือสนใจใคร”
เอ็มหย่อนตูดนั่งลงข้างเพชรเอ่ยถามแฟนตัวเองทันที คนตัวเล็กหันมายักคิ้วกวนแล้วยิ้มตาหยีส่ายหน้าแล้วบุ้ยปากไปยังสองหนุ่มคิงซาน
“คนรู้จัก?”
ซานละสายตาจากเวทีกลับมาในวงเพื่อนร่างสูงโปร่งพยักหน้าแล้วบุ้ยปากไปยังคนที่กำลังถือเบสคุยกับเพื่อนในวงอยู่ ชายคนนั้นผิวขาวรอยสักเต็มตัวสวมเสื้อกล้ามสีดำตัดกับสีผิวของตัวเอง น่าจะเป็นคอนเซ็ปต์ของวงนี้เพราะคิวเห็นว่าทุกคนสวมเสื้อกล้ามสีดำกันทั้งนั้นทั้งผู้หญิงและผู้ชาย
“ใครวะ”
เอ็มเอ่ยถามเพราะไม่คุ้นหน้าพวกที่อยู่บนเวทีกันเลยสักคน เอ๊ะ...หรือมีนะ
“เพื่อนไอ้บีสท์”
“อ้อ”
“แต่หล่อเนอะ โคตรเท่ดูแบดบอยมาก”
เพชรดูกระดี๊กระด๊าขึ้นมาทันทีเลยโดนแฟนมันปิดตาแล้วกดหัวมันซุกอก ไอ้ตัวเล็กก็ทำเป็นร้องโวยวายไปอย่างนั้นแต่คิวเห็นว่าใบหน้ามันเปื้อนยิ้มแถมสองแขนก็ยังกอดเอวแฟนมันไว้แน่น
“แต่ผู้หญิงคนนั้นน่ารักว่ะ”
ซานเปรยออกมา จิมมี่ยังมองผู้หญิงคนนั้นอยู่ไม่ละสายตาไปไหนคิ้วขมวดจนจะเป็นปมอยู่แล้ว
“กูว่าหน้าคุ้น ๆ”
เพชรหรี่ตามองผู้หญิงที่น่าจะเป็นนักร้องนำของวง คนตัวเล็กตาโตแล้วทุบโต๊ะเบา ๆ
“คนนั้นไง ๆ ที่เราเจอที่ซุปเปอร์มาเก็ตกับซันคนที่น่ารัก ๆ แต่ใส่แว่นอ่ะ โหยวันนี้พอไม่ใส่แว่นโคตรน่ารักคูณสองเลย”
“แตงกวา”
“ห๊ะ // ฮะ”
เกิดเสียงอุทานรอบโต๊ะ ทุกคนหันไปมองจิมมี่ที่จู่ ๆ ก็พูดขึ้นมา
“มึงว่าอะไรนะจิม”
จิมมี่ละสายตากลับมายกแก้วเหล้าขึ้นจิบแล้วบุ้ยปากไปยังเวที
“ผู้หญิงคนนั้นไง ชื่อแตงกวา”
“แล้วพวกมึงไปรู้จักเขาได้ไง แล้วยังบอกว่าเจออยู่กับซันอีก”
คิงเอ่ยถามด้วยความสงสัย เพชรเลยเป็นคนตอบคำถามนี้เพราะตอนนั้นตัวเองทนความอยากรู้ไม่ไหวจึงเดินไปเข้าไปหาซัน
“จริง ๆ ก็ไม่ได้อยู่กันสองคนนะมีบีสท์กับแพรวด้วยแล้วก็เพื่อนพวกนั้นรวมผู้หญิงบนเวทีด้วยก็อีกสาม”
“มึงไปเจอมาเมื่อไหร่”
“เมื่อก่อนปีใหม่นี่เองเนอะ ๆ”
ท้ายประโยคเพชรหันมาขอคำยืนยันจากเพื่อน ๆ ตัวเองซึ่งทุกคนก็พยักหน้า ซานกอดอกหน้ามุ่ย
“แล้วไม่คิดจะบอกพวกกูเลยนะ”
เพชรยิ้มแห้งเกาหัวยกมือไหว้ขอโทษขอโพย
“ขอโทษทีมึงคือกูลืม แหะ ๆ”
ซานพยักหน้าเออออ คนตัวสูงยิ้มเหมือนไม่ได้โกรธเคืองอะไรจริงจังไม่นานวงดนตรีก็เริ่มบรรเลงเพลง ยอมรับจริง ๆ ว่าผู้หญิงที่ชื่อแตงกวาร้องได้ดีมากน้ำเสียงมีเสน่ห์น่าฟังดนตรีก็เล่นมันจนพวกนี้พากันออกไปเต้นหน้าเวทีเหลือแค่คิว จิมมี่และคิงเท่านั้นที่นั่งอยู่ที่โต๊ะ
“และแล้วก็มาถึงเพลงสุดท้ายของวันนี้แล้วนะคะ เพลงนี้อยากร้องเพราะความชอบส่วนตัวล้วน ๆ ฮ่า ๆ มันส์กันไปเยอะแล้วมาคูลดาวน์กันหน่อยนะคะ ลากันไปด้วยเพลง พันหมื่นเหตุผล ค่ะ”จบเสียงนักร้องเหล่านักท่องราตรีก็กรีดร้องออกมาเสียงดังเซ็งแซ่ เพลงนี้ดูจะถูกใจใครหลายคนเข้าอย่างจัง เมื่อดนตรีเริ่มและถึงท่อนร้องทุกคนร้องตามกันเสียงดัง โดยเฉพาะโต๊ะหญิงสาวเยื้องโต๊ะคิวไปที่ดูท่าจะเพิ่งอกหักมาเริ่มร้องให้ตั้งแต่ต้นเพลง
เธอบอกให้ฉัน ไปเจอคนที่ดี
ไปมีชีวิต ที่หวังที่เพียบพร้อมกว่า
เธอให้เหตุผล เราไม่เหมาะสมกัน
ควรจะจบรักครั้งนี้ไปซะที
คิวจิบเหล้าไปด้วยปล่อยใจไปกับเสียงเพลงไปด้วย จู่ ๆ จิมมี่ก็สะกิดขาเขาหน้าตาเคร่งเครียด
“มีอะไรหรือเปล่า”
ไม่อยากเหนื่อยใจ เอาแต่ทำร้ายกัน
พยายามฝืน ยิ่งเหมือนไร้หนทาง
แต่ต่อให้ฉันไม่อยากไป มันก็ไม่เหลือที่ให้ยืน
“นั่นใช่พี่พีทหรือเปล่าวะ”
จิมมี่พูดกับคิวด้วยน้ำเสียงจริงจังชี้ไปยังบาร์อีกด้านหนึ่งของร้าน แสงไฟด้านในอาจจะมืดแต่บริเวณบาร์จะสว่างกว่าที่อื่นจึงทำให้มองเห็นได้ง่าย คิวมองตามมือที่เพื่อนชี้ไปจนไปหยุดอยู่ที่คนที่เขาจำได้ขึ้นใจ
“พีท...”
“มากับใครวะ”
คิวลุกพรวดก้าวเดินออกไปหมายจะไปหาคนตัวขาวของเขาแต่ก้าวไปได้ไม่กี่ก้าวสองเท้าก็หยุดชะงักเมื่อเห็นภาพตรงหน้า พีทยืนอยู่กำลังโอบกอดผู้ชายที่นั่งอยู่บนเก้าอี้
พันหมื่นเหตุผล ที่บอกกับฉัน
คือความผูกพันเธอนั้นไม่มีเหลืออยู่
พันหมื่นเหตุผล ที่เธอยืนยันให้รับรู้
ยิ่งฟังดูไม่ได้ความไม่มีค่าใด
ราวกับถูกแช่แข็งเมื่อแขนแกร่งนั้นโอบเอวของพีทไว้และคนตัวขาวก็ไม่มีท่าทีรังเกียจ แม้จะอยู่ไกลแต่คิวกลับเห็นภาพนั้นชัดเจน ในอกข้างซ้ายปวดแปลบลมหายใจขาดห้วง อยากจะเดินเข้าไปกระชากพีทออกมาใจจะขาดแต่ขากลับก้าวไม่ออก ยิ่งท่าทางที่พีทมีให้กับคน ๆ นั้นคิวเห็นก็ยิ่งเจ็บ
พีทลูบหลังคน ๆ นั้นอย่างปลอบประโลมใบหน้าขาวเจือความเศร้าอยู่ ไม่นานผู้ชายคนนั้นก็ลุกขึ้นมีอาการเซเล็กน้อยจนพีทต้องรีบเข้าไปประคองแล้วทั้งสองคนก็ค่อย ๆ ก้าวเดินออกไปพร้อมกัน
มีหนึ่งเหตุผล ยังปิดเอาไว้
คือเธอต้องการกันฉันให้พ้นทาง
เพื่อให้เขาและเธอนั้นได้มารักกัน
“นั่นมัน
พี่คิน พี่ชายณินนี่”
คิวหันขวับไปหาต้นเสียง คิงยืนอยู่ด้านหลังของเขาสายตาของร่างสูงยังคงมองร่างสองร่างที่เดินหายออกไปจากผับด้วยแววตาสงสัย
“อีกคนแฟนมึงหรือ”
คิวเงียบไม่ตอบคำถาม คิงจึงพูดต่อ
“เขาอาจจะเป็นเพื่อนกันก็ได้มึง เพราะพี่คิน
เขาเป็นสามีของพี่ณิชาพี่สาวของคริษฐ์มัน”
คิวยืนนิ่งกับสิ่งที่ได้ยิน ในหัวปะติดปะต่อเหตุการณ์ก่อนหน้าขึ้นมาอีกครั้ง และไม่ดีเลยที่เขารู้สึกมั่นใจว่าผู้ชายคนนั้นต้องมีความสำคัญอะไรบางอย่างกับพีทอย่างแน่นอน ถ้าไม่ใช่คริษฐ์หรือณินก็ต้องหมายถึงบุคคลที่สามและถ้าเป็นคนที่มีความสัมพันธ์กับคริษฐ์และณินแล้วก็คงจะเป็นใครไปไม่ได้นอกจากผู้ชายคนนั้น...
พีทครับ...ช่วยบอกผมทีว่ามันไม่จริง
เหตุผลข้อเดียวคือข้อนั้น
คือไม่รักกันแค่นั้นเอง
Tbc
talk. ยังคงทำร้ายหัวใจน้องคิวอย่างต่อเนื่อง ทำไมพี่พีทใจร้ายแบบเนร้ กระซิก

คือฟังเพลงพันหมื่นเหตุผลแล้วมันช่างชีวิตน้องคิวชัด ๆ เลยจัดซะเลย ก๊ากกกกก
ปล. มีเรื่องของซันโผล่เข้ามานิดหน่อยนะจ๊ะ ใครอยากรู้ว่าซันเป็นใครเชิญได้ที่
ปล2. ถ้าใครอยากแท็กเรื่องนี้ในทวิตเตอร์เชิญได้ที่แท็ก #ทั้งหมดใจ นะตัวเธอเดี๋ยวเราจะเข้าไปอ่าน ฮี่ ๆ