-27-
เพราะยังลืมได้ไม่สนิทใจเลยไม่อยากทำให้คิวเจ็บ
เพราะตัวพีทเองก็ไม่สามารถบอกได้ว่าจะลืมพี่คินได้เมื่อไหร่ นั่นคือเหตุผลที่พีทตัดสินใจเดินออกมา จุดจบของความรักมันไม่ได้สวยงามเสมอไป คำถามของคิวยังดังก้องอยู่ในหัว
“ยังรักเขาใช่ไหม”
และตัวเขาเองก็ได้โกหกคำโตออกไป พีทมั่นใจมาได้สักพักแล้วว่าความรู้สึกที่มีให้กับภาคินมันคือความผูกพัน พีทยังคงเป็นห่วงอีกฝ่ายอยู่เสมอแม้ว่าเราจะจบกันไปนานแล้วก็ตาม เพราะพี่คินยังคงสำคัญและพีทก็ไม่อาจทำใจลดความสำคัญของคน ๆ นี้ลงได้ นั่นทำให้พีทรู้ดีว่ามันไม่เป็นผลดีต่อเขาและคิวอย่างแน่นอน
พอเห็นสายตาปวดร้าวตัดพ้อของคิวไม่คิดเลยว่ามันส่งผลต่อความรู้สึกของเขาได้มากขนาดนี้ มันเจ็บซึ่งพีทก็คิดว่าแค่ครั้งเดียวก็เกินพอ ไม่มีใครยอมรับได้หรอกหากคนที่ตัวเองคบยังคอยเป็นห่วงแฟนเก่าแรก ๆ อาจบอกว่ารับได้แต่เชื่อเถอะร้อยทั้งร้อยอย่างไรก็ต้องระแวงซึ่งพีทไม่ต้องการแบบนั้นและทางเลือกเดียวที่มีคือปล่อยคิวไป
ทั้งที่รู้ว่า
รักแล้วแท้ ๆ
“จะนั่งทำเอ็มวีอีกนานป่ะ”
“ยุ่ง”
“เดี๋ยวกูเตะออกนอกบ้าน เดี๋ยวเถอะ”
พีทยิ้มบางขยับตัวให้เหลือพื้นที่ว่างให้เพื่อนนั่ง เขามาขออาศัยอยู่ที่บ้านของจุนได้สามวันจะสี่วันแล้ว เพื่อนตัวดีพอเห็นเขาร้องห่มร้องไห้ก็รีบกุลีกุจอมาปลอบใหญ่แถมยังบอกว่าจะอยู่นานแค่ไหนก็ตามใจแต่พีทคิดไว้แล้วว่าขอเวลาทำใจสักอาทิตย์ ให้กลับไปเจอหน้าคิวตอนนี้ไม่ไหวจริง ๆ
เขากลัว กลัวว่าคิวจะมองเขาด้วยสายตาผิดหวังและเกลียดชัง ดังนั้นพีทจึงขอเวลาทำใจ
“ทำไมไม่คุยกับน้องมันให้รู้เรื่อง”
พีทนั่งกอดเข่าส่ายหน้า
“ไม่รู้จะคุยอะไร”
“แล้วก็มานั่งตายซากทำเอ็มวีอยู่แบบนี้?”
“เออน่า”
“ถามจริง ๆ นะ ก็รักน้องมันไม่ใช่หรือไง”
พีทพยักหน้าแทนคำตอบคนตัวขาวซุกหน้ากับเข่าได้ยินเสียงเพื่อนถอนหายใจ จุนเหลือบมองเพื่อนสนิทตัวเองแล้วก็อยากตบหัวมันซักที อยากให้มันเลิกนิสัยห่วงคนอื่นมากกว่าตัวเองได้แล้ว แต่พีทก็ยังเป็นพีท ดูอย่างเรื่องนี้สิเพราะกลัวว่าถ้าเป็นแบบนี้ต่อไปเรื่อย ๆ แล้วเด็กคิวนั่นจะเสียใจไปมากกว่านี้
กับพี่คินไอ้เพื่อนบ้าก็ห่วงเขาเหลือเกิน ก็เข้าใจนะว่าสองคนหัวอกเดียวกัน พีทรักพี่คินแต่พี่คินรักพี่ณิชาซึ่งพี่ณิชารักอยู่กับพี่เกรย์เพื่อนสนิทพี่คิน ดูสิมีอะไรจะยุ่งเหยิงไปมากกว่านี้อีกไหม พีทเข้าไปตอนที่พี่คินต้องการใครสักคนมารักษาแผลใจตัวเองพอดี เพื่อนเขารู้ดีว่าอีกฝ่ายรักใครแต่เพราะมันแอบรักมานานพอมีโอกาสก็รีบคว้าเอาไว้
ทุกอย่างเหมือนจะดำเนินไปด้วยดีพี่ณิชากับพี่เกรย์แต่งงานกันทันทีที่จบและย้ายไปใช้ชีวิตครอบครัวที่อังกฤษ พี่คินเข้าทำงานในบริษัทที่บ้านและเรียนโทต่อไปด้วยเขากับพีทกำลังจะขึ้นปีสี่ ชีวิตรักของเพื่อนดีจนน่าอิจฉาจนกระทั่ง...พี่เกรย์รถคว่ำอาการโคม่าบ้านพี่ณิชาทั้งบ้านรวมทั้งพี่คินบินไปอังกฤษทันทีที่ทราบข่าว
และก็อย่างที่คิดพี่เกรย์จากโลกนี้ไป จุนไม่รู้เหมือนกันว่าเกิดอะไรขึ้นบ้างรู้แต่พี่ณิชาย้ายกลับมาไทยได้ไม่นานความรักของเพื่อนเขาก็เป็นอันต้องจบลง ไร้การยื้อ ไร้การอ้อนวอน พีทมันทำเพียงแค่ยิ้มรับทั้งน้ำตาและปล่อยอีกคนไป
น่าตีไหมล่ะเพื่อนเขา
“อย่างน้อยมึงก็น่าจะบอกความรู้สึกของมึงกับน้องมันบ้าง”
“ไม่มีใครทนกูได้หรอกจุน พูดไปก็เท่านั้น”
จุนจิ๊ปากขัดใจ ถ้าสภาพมันดีกว่านี้นะเขาถีบมันร่วงบ่อปลาคาร์ฟแน่ แต่ตอนนี้มันน่าสงสารหรอกเขาเลยละเว้น
“มึงถามน้องมันแล้วรึไง ทำไมถึงชอบคิดแล้วตัดสินใจไปเองคนเดียววะ”
“เพราะมันคือทางออกที่ดีที่สุดของคิว เขายังเด็กยังไปเจอคนดี ๆ ได้อีกเยอะ”
“แล้วมึงล่ะ ความสุขของมึง ความรักของมึงล่ะพีท!”
“กูไม่เป็นไร”
“เหอะเชื่อก็ควายละ”
จุนเท้ามือสองข้างไปด้านหลังเหลือบมองเพื่อนสนิทที่ยังซุกหน้ากับเข่าแล้วขัดใจ ไม่เป็นอะไรเลยแค่นั่งซึมเศร้า บางทีก็ร้องไห้ข้าวปลาไม่ยอมกินมองแต่โทรศัพท์ที่ตัวเองบล็อกเด็กนั่นกับเพื่อนทุกทาง พีทนี่มันพีทจริง ๆ
“แล้วนี่จะออกไปไหนหรือเปล่าวันนี้”
จุนถามเพราะเห็นว่าเพื่อนยังใส่ชุดอยู่บ้าน พีทส่ายหน้าเป็นคำตอบวันนี้เขาไม่มีบินแต่พรุ่งนี้เขามีไฟล์ทไปนิวซีแลนด์ พักค้างหนึ่งคืน ดีเหมือนกันไปอยู่ในที่ ๆ ไม่มีคนรู้จัก
“ไปข้างนอกกันป่ะ”
พีทส่ายหัว
“ไม่เอา อยากอยู่เฉย ๆ มากกว่า”
“โว๊ะ เออกูไปคนเดียวก็ได้วะ”
ว่าแล้วเจ้าตัวก็ฟึดฟัดเดินปึงปังออกไป พีทยิ้มบางมองตามแผ่นหลังกว้างของเพื่อนออกไปแล้วหันกลับมามองปลาในน้ำเบื้องหน้า ป่านนี้คิวจะเป็นอย่างไรบ้างนะ เด็กคนนั้นจะดูแลตัวเองดีหรือเปล่า
จะเกลียดเขาไปหรือยัง
“ก็นะ...สมกับเป็นพี่พีท”
“หมายความว่าไง”
คิวมองหน้าคริษฐ์ด้วยความไม่เข้าใจ เขานั่งเล่าเรื่องทั้งหมดให้คริษฐ์ฟัง ตอนนี้เขาสองคนจะเรียกว่าโดดซ้อมก็ได้ กัปตันคนหล่อเดินเข้าไปสั่งพวกน้อง ๆ ให้ซ้อมกันไปเองก่อนส่วนตัวเองก็ออกมานั่งฟังปัญหาหัวใจของเพื่อน
“พี่พีทน่ะปากแข็งจะตาย ดูยากด้วยแต่ไอ้ที่บอกว่าเขาเย็นชาน่ะกูว่ามันแค่หน้ากากเท่านั้นล่ะ เขาเปราะบางกว่าที่มึงคิดนะ อ้อ...แล้วก็คิดถึงคนอื่นมากเกินไป”
“แต่เขาบอกกูเองว่ายังรักพี่ชายณินอยู่”
“เรื่องนี้กูไม่ขอออกความเห็นนะ เรื่องของเขาสองคนรวมถึงเรื่องพี่สาวกูมันซับซ้อนและกูก็ไม่คิดจะเล่า แต่มึงที่อยู่กับเขาตลอดจะไม่รู้สึกเลยหรือไงว่าเขาคิดอย่างไงกับมึง”
คิวนิ่งไป ย้อนกลับไปคิดถึงช่วงเวลาที่ได้อยู่ด้วยกันแล้วมันก็ทำให้คิวรู้สึกได้ว่าแววตาของพีท การกระทำที่พีทมอบให้เขามาทั้งหมดนั้นมันมีความหมายไม่มีแววโกหกเลยแม้แต่น้อย แต่ที่คิวไม่เข้าใจคือทำไมพีทต้องทิ้งเขาไป
เรารักกันไม่ใช่หรือ
เขาไม่ได้คิดไปเองคนเดียวใช่ไหม
“กูอยากคุยกับพีท”
คริษฐ์เห็นอาการของเพื่อนแล้วก็อดเห็นใจไม่ได้ เดือนคณะหยิบโทรศัพท์ขึ้นมากดโทรหาใครบางคน ไม่นานปลายสายก็กดรับ
“มาหาหน่อย อยู่หน้าโรงยิมหนึ่ง อย่างอแงณินเดี๋ยวพาไปกินติม อือ มาเร็ว ๆ นะ มีเรื่องนิดหน่อย”
คริษฐ์วางโทรศัพท์แล้วหันมาบอกคิว
“เดี๋ยวณินมา มันน่าจะช่วยได้มากกว่ากู”
“ขอบคุณว่ะ”
ไม่นานภาณินก็เดินมาถึง ชายหนุ่มเลิกคิ้วมองคิวแล้วหันไปขอความเห็นจากเพื่อนสนิทตัวเอง คริษฐ์กวักมือเรียกให้ณินมานั่งข้าง ๆ แล้วเริ่มเล่าเรื่องให้ฟัง
“พี่พีทขี้ห่วงจะตาย”
พอฟังจบณินก็พูดออกมาน้ำเสียงสบาย ๆ แล้วพูดต่อ
“กับพี่คินกูว่าพี่พีทแค่สับสนแต่กูว่ากูดูออกนะว่าพี่พีทไม่ได้อะไรกับพี่คินแล้ว อย่างที่บอกว่าพี่พีทขี้ห่วงห่วงไปทั่วกับพี่คินอาจจะมากหน่อยเพราะเป็นแฟนเก่า อย่ามามองกูแบบนั้นกูพูดความจริง มันอาจจะทำใจยากหน่อยสำหรับมึงนะแต่สบายใจได้เดี๋ยวกูบอกพี่คินให้ พี่กูไม่รู้หรอกว่าไปสร้างปัญหาให้พี่พีทพี่บ้านั่นเอาแต่เศร้าเรื่องพี่ณิพอเห็นพี่พีทรับฟังได้หน่อยก็เอาใหญ่”
ณินบ่นพี่ชายตัวเองยกใหญ่ เห็นทีต้องเรียกมาปรับทัศนคติแบบจริงจังเสียแล้ว ทำให้คนรักทะเลาะกันมันบาปนะ ภาณินไม่ปลื้ม
“แต่พีทบอกว่ายังรักพี่มึงอยู่”
“โอ๊ย เรื่องโง่ ๆ นี่ฉลาดนัก ถ้าเขาจะกลับมาคืนดีกันเขาทำนานแล้วมึง ไม่เลิกกันตั้งแต่แรกหรอก พี่กูมันแค่ต้องการหาคนรับฟังเรื่องทุกข์ใจ คนหัวอกเดียวกันอ่ะมึงเข้าใจป่ะ”
“หัวอกเดียวกัน?”
คิวทวนประโยคของณินอย่างไม่เข้าใจ ณินจิ๊ปากขัดใจ ทำไมมันเข้าใจอะไรยากจังวะ
“พี่คินเขารักพี่สาวกูข้างเดียว ก็เหมือนกับพี่พีทที่รักพี่คินข้างเดียว”
คริษฐ์เอ่ยบอก
“แล้วเขาจะคบกับพีททำไมถ้ารักคนอื่นอยู่!”
คิวข่มความไม่พอใจเอาไว้ พีทจะเสียใจแค่ไหนที่เขาไม่รักแล้วคนตัวขาวของเขาจะรู้บ้างหรือเปล่า
“พี่กูไม่ใช่คนที่ดีนักหรอก ตอนเราเสียใจมาก ๆ ก็มักจะหาที่พึ่งพิง พี่กูก็เป็นหนึ่งในคนพวกนั้น”
ภาณินยักไหล่ ตอนนั้นก็ว่าพี่คินไปทีแล้วว่าเห็นแก่ตัวแต่พอเห็นพี่พีทมีความสุขเขาก็ทำอะไรไม่ได้ ความรักมันมักจะมาพร้อมความเจ็บปวดเสมอ
“แล้วพีทรู้ไหมว่าเขารักคนอื่นอยู่”
“รู้ดิ”
“คงรักพี่มึงมากสินะ”
คิวก้มลงมองมือตัวเองแล้วถอนหายใจ พูดเองก็เจ็บเอง พีทคงรักผู้ชายคนนั้นมากถึงยอมคบทั้ง ๆ ที่อีกฝ่ายไม่ได้รัก คิดไปคิดมากลับมามองตัวเองก็รู้สึกท้อแท้ จะเอาอะไรไปสู้
ป้าบ!
“โอ๊ย!”
ภาณินตบหัวคิวอย่างแรงท่ามกลางความตกใจของคริษฐ์และคนที่โดนตบ พาณินกอดอกมองเขม็งที่คิว เห็นท่าทีเหมือนหมาถูกเจ้าของทิ้งแล้วมันขัดใจ
“มึงเข้าใจคำว่าอดีตไหม ใช่ในอดีตพี่พีทรักพี่กูมากแต่มันผ่านมานานแล้วป่าววะ แล้วตอนนี้เขาก็มีมึงยังจะระแวงอะไรอีก”
“แต่เขาทิ้งกู”
คิวเถียง ถ้าไม่เพราะยังรักอยู่แล้วพีทจะทิ้งเขาไปทำไมกัน
“อันนี้กูไม่รู้เว้ยมึงต้องถามเขาเอง แต่ก่อนที่มึงจะไปถามพี่พีท ถามใจตัวเองดีรึยังว่ารักเขามากพอหรือเปล่า”
“ถ้าไม่รักกูไม่เป็นบ้าแบบนี้หรอก เพราะรักน่ะสิถึงอยากคุยอยากปรับความเข้าใจ ถึงสุดท้ายจะต้องจบกูก็ยังอยากได้ยินจากปากเขา ไม่ใช่อะไรที่คลุมเครือแบบนี้”
“เออดี ถ้างั้นคุยกับพี่กูก่อนแล้วกันค่อยไปคุยกับพี่พีท จะได้ไม่ต้องมีอะไรคาใจ”
ว่าแล้วภาณินก็เดินออกไปคุยโทรศัพท์ คริษฐ์หันมายิ้มให้กำลังใจคิว เจ้าตัวยิ้มรับบาง ๆ ตอนนี้ในหัวมีเรื่องมากมายถาโถมเข้ามา เสียใจมันก็เสียใจอยู่หรอกแต่คิวก็ยังหวังว่าทุกอย่างจะกลับมาเป็นแบบเดิม
ก็นะ...คนมันรักไปแล้วนี่นา
“เย็นนี้มึงว่างป่ะ”
ภาณินตะโกนถาม คิวพยักหน้าตอบรับ ณินจึงหันหลังกลับไปคุยโทรศัพท์ต่อ สักครู่ก็วางโทรศัพท์แล้วเดินกลับมา
“เดี๋ยวหกโมงพี่กูมาเดี๋ยวเราไปรอที่ร้านกาแฟหน้ามอแล้วกัน”
ตกลงกันเรียบร้อยณินก็ขอแยกตัวกลับคณะตัวเอง คริษฐ์กับคิวเดินกลับเข้ามาซ้อมตามปกติ จนกระทั่งถึงเวลานัด ณินกับคริษฐ์เดินนำเขาเข้ามาในร้านเดินเข้าไปสั่งกาแฟเสร็จเรียบร้อยก็เดินไปยังโต๊ะตรงมุมร้านที่มีผู้ชายคนหนึ่งนั่งอยู่
นี่เป็นครั้งแรกที่คิวเผชิญหน้ากับคนรักเก่าของพีทตรง ๆ ผู้ชายคนนั้นมีโครงหน้าคล้ายภาณินแต่ดูหล่อเข้มกว่า ร่างกายสูงใหญ่ผิวสีแทนคร้ามแดด ผู้ชายคนนั้นมองเขาเล็กน้อยพอคิวยกมือไหว้ก็รับไหว้ด้วยท่าทีสุภาพ
“คนนี้หรือที่น้องณินบอกพี่”
คนที่มาถึงก่อนเอ่ยปากถาม ณินพยักหน้าหงึกหงักอยู่ข้างพี่ชายตนเอง คิวนั่งอยู่ตรงข้ามข้างกับคริษฐ์
“เป็นแฟนพีทหรือ”
คราวนี้ภาคินหันหน้ามาถามคิวตรง ๆ ชายหนุ่มนิ่งไปสักครู่แล้วส่ายหน้า
“เปล่าครับ ยังไม่ทันได้เป็น”
“เพราะพี่หรือเปล่า”
คราวนี้คิวเงียบถือเป็นการตอบรับแบบกลาย ๆ น้องชายคนเล็กของบ้านทำปากยื่นแล้วตีหน้าขาพี่ชายตัวเองเบา ๆ
“ก็เพราะพี่คินนั่นแหละ ทำเขาทะเลาะกันเนี่ย”
“อ้าวพี่ผิดอะไร”
คนถูกว่าทำหน้าเหรอหรา แต่พอเห็นว่าน้องชายไม่ขำด้วยก็ปรับเป็นสีหน้าจริงจัง ภาคินถอนหายใจแล้วหันมามองคิว
“พี่ขอโทษนะ พี่ผิดเองที่เข้าไปยุ่งย่ามกับพีท อีกอย่างพี่ก็ไม่รู้ว่าพีทมีแฟนแล้วถ้ารู้พี่จะระวังตัวกว่านี้ แต่การคุยกันของพี่สองคนพี่บริสุทธิ์ใจกันจริง ๆ นะ ให้ดูแชทยังได้เลย”
“ถึงพี่พีทยังไม่มีใครพี่ก็ไม่ควรเถอะ”
น้องชายตัวดียังคงบ่นพี่ชายตัวเองอย่างต่อเนื่อง ภาคินยิ้มบางหันไปลูบหัวน้องชายตัวเองแล้วยื่นหน้าไปหา
“ขอโทษครับพี่จะไม่ทำอีกแล้ว”
“ให้มันจริง”
“สาบานเลย ยิ่งพอมารู้แบบนี้ด้วยพี่ยิ่งไม่สบายใจที่ตัวเองเป็นสาเหตุทำให้ทั้งสองคนทะเลาะกัน เพราะถ้าเป็นไปได้พี่ก็ไม่อยากจะทำร้ายพีทอีก”
“เพิ่งรู้ตัวรึไง”
“ณิน”
ภาคินกล่าวขอโทษทุกคนโดยมีน้องชายตัวเองคอยแซะจนคริษฐ์อดไม่ได้ที่จะเอ่ยปราม แต่ก็อย่างว่าน้องรักเขา พี่ชายบ้านนี้เคยโกรธน้องชายตัวเองที่ไหน
“ผมขอถามหน่อยได้ไหมครับ”
คิวเอ่ยขึ้นหลังจากเงียบอยู่นาน ภาคินพยักหน้าอนุญาต
“ตอนที่คบกันเคยรักพีทบ้างไหม”
ทั้งสามคนเลิกคิ้วแปลกใจเพราะไม่คิดว่าคิวจะถามคำถามนี้ ภาคินมองเด็กหนุ่มตรงหน้านิ่งแล้วยิ้มออกมา
“รักสิ พีทเป็นคนที่ถ้าได้อยู่ใกล้จะยิ่งรักแต่พี่ก็จะตอบตามความจริงนะว่าสุดท้ายพี่ก็รักณิมากกว่าอยู่ดีเพราะพีทเข้ามาตอนพี่ต้องการที่พักพิง ถามว่ามีความสุขไหม มีนะแต่มันไม่ใช่ความสุขที่แท้จริง พี่เป็นคนเห็นแก่ตัวน่ะตอนนั้นอยากให้พีทด่าหรือต่อยมากเลยไม่ใช่ยิ้มรับทั้งน้ำตาแล้วปล่อยพี่ไป”
“พีทเป็นคนใจดีแต่บางครั้งก็ใจร้ายได้อย่างเลือดเย็น”
คิวกล่าวออกมาเบา ๆ แต่ได้ยินกันหมด ภาคินประสานมือไว้ใต้คางเท้าศอกกับโต๊ะ
“พีทน่ะชอบคิดแล้วก็ตัดสินใจไปเองคนเดียว คิดว่าที่ตัวเองทำมันถูกแล้วซึ่งบางทีก็ไม่เลยแถมยังเป็นการทำร้ายตัวเองอีกต่างหาก ปากแข็งที่หนึ่ง”
ภาคินบอกข้อเสียของคนตัวขาวให้อีกฝ่ายรับรู้
“แล้วผมควรทำไงดี”
“ต้องดัดนิสัยให้เข็ด”
“พี่คิน! ไม่เอานะไม่แกล้งพี่พีท”
ภาณินรีบแย้งเมื่อเห็นหน้าพี่ชาย ไอ้อาการยิ้มมุมปากเจ้าเล่ห์แบบนั้นต้องวางแผนแกล้งพี่พีทของเขาอยู่แน่ ๆ ภาคินเลิกคิ้วมองน้องชายตัวเอง
“แต่ถ้าไม่ทำแบบนั้นพีทก็จะไม่รู้ใจตัวเองนะครับ”
“หาวิธีอื่นก็ได้ ให้ไอ้หมีนี่ไปตามง้อพี่พีทก็ได้”
ณินโวยวายคิวที่ฟังอยู่เกือบจะพยักหน้าเห็นด้วยกับณินแล้วแต่เสียงทุ้มของคริษฐ์ขัดขึ้นมาเสียก่อน
“ทำอย่างนั้นพี่พีทจะยิ่งหนี”
“คริษฐ์พูดถูก พี่บอกนายไว้เลยนะว่าห้ามตามพีทเด็ดขาด ถ้าอยากคืนดีกันต้องเชื่อพี่เข้าใจไหม”
“แต่..”
“อยากเอาพีทกลับมาไหมล่ะ”
“ครับ ยอมแล้วครับพี่จะให้ผมทำไงบอกมาได้เลย”
ภาคินยิ้มพอใจกับสิ่งที่ได้ยินส่วนน้องชายเขานั้นกอดอกหน้ามุ่ยงอนไปแล้ว
“ข้อดีของพีทคืออะไร”
“พีทใจดีครับ”
ภาคินดีดนิ้วแล้วชี้มาที่คิว
“ถูกเพราะฉะนั้นเราจะใช้นิสัยข้อดีข้อนี้ของพีทให้เป็นประโยชน์”
“ทำไงครับ”
“ฟังพี่แล้วปฏิบัติตามอย่างเคร่งครัด ห้ามใจอ่อนเด็ดขาด”
พอภาคินพูดแบบนั้นคิวก็ใจไม่ค่อยดี จริง ๆ เขาแค่อยากปรับความเข้าใจกับพีทไม่ได้อยากทำให้อีกคนไม่สบายใจเลย
“เข้าใจไหม”
“อ่ะ...ครับ แต่จะไม่ทำอะไรพีทรุนแรงใช่ไหม”
“ไม่มีอะไรน่าเป็นห่วงหรอกน่าเชื่อพี่สิ”
ไอ้คำว่าเชื่อพี่สินี่ดูจะไม่ค่อยน่าเชื่อสักเท่าไหร่ในความคิดของคิวเพราะแม้แต่น้องชายพี่เขายังเบะปากใส่เลย แต่เอาเถอะลองดูสักครั้งก็คงไม่เป็นอะไร คิวนิ่งฟังสิ่งที่ภาคินพูดแม้หลายอย่างจะไม่ค่อยเห็นด้วยแต่พอคริษฐ์ช่วยสนับสนุนพี่ชายเขาจึงยอมโอนอ่อนตาม
“กูว่าเวิร์คนะแผนนี้”
จิมมี่เคี้ยวขนมไปออกความเห็นไปด้วย หลังจากที่คุยกับพี่คินเสร็จแล้วคิวก็โทรเรียกเพื่อน ๆ ให้มารวมตัวที่คอนโดตัวเองแล้วเริ่มเล่าแผนการณ์ให้ฟัง
“แล้วถ้ามันไม่ได้ผลล่ะวะ”
คิวถามเพื่อนอย่างเคร่งเครียด พอเป็นเรื่องของพีททีไรเขาคิดมาก คิดวนไปวนมาคิดจนปวดหัวทุกที
“ไม่ได้ผลก็เลิกดิ”
เอ็มพูดออกมาเสียงนิ่ง ๆ ทุกคนตกใจหันมองเอ็ม ฝ่ายถูกมองยักไหล่เล็กน้อยแล้วพูดต่อ
“ถ้ามึงทำขนาดนั้นแล้วยังไม่ได้ผล มึงก็ควรรู้ตัวได้แล้วป่าววะว่าเขาไม่ได้คิดอะไรกับมึงจะดันทุรังทำไมตัวเองเจ็บเปล่า ๆ”
“อืมที่เอ็มพูดก็ถูกนะคิว ถึงกูจะชอบพี่พีทมาก ๆ แต่ยังไงมึงก็เป็นเพื่อนกู กูรู้จักมึงมาไม่เคยเห็นมึงทุ่มเทให้ใครขนาดนี้ ถ้ามึงทำขนาดนั้นแล้วเขายังไม่รับก็กลับมาอยู่ในที่ของเราเถอะ กูเป็นห่วงมึงมากนะ”
เพื่อนตัวเล็กพูดเสริม พูดไปตาแดงไปจนเอ็มต้องลูบหัวปลอบ เห็นเพชรมันบ้า ๆ แบบนี้มันนี่แหละที่เป็นคนแรกที่มาหาเพื่อนเวลาเพื่อนเดือดร้อน คิวมองหน้าเพื่อนทีละคนรู้สึกซึ้งใจในความห่วงใยของแต่ละคน จิมมี่เองก็ขยับตัวมาตบไหล่เขาเบา ๆ
“ไม่มีเขามึงก็ยังมีพวกกูเว้ย”
“ขอบใจพวกมึงมากนะ”
“เออ เพื่อนกันนี่หว่าไม่ห่วงมึงแล้วจะไปห่วงหมาที่ไหน เว้นหมาเพชรไว้คน แต่เอ๊ะไม่ห่วงมันละเจ้าของมันหวง”
“ไอ้สัดจิมมี่เงียบ ๆ ไปเลย”
เพชรหน้าแดงขว้างหมอนใส่เพื่อนแต่จิมมี่รับได้ทันแถมยังลอยหน้าลอยตาล้อเลียน คิวหัวเราะเบา ๆ รู้สึกสบายใจขึ้นกว่าหลายวันก่อนเยอะเลย
“เขินแล้วรุนแรงตลอด”
“เดี๋ยวเถอะ”
เพชรชี้หน้าคาดโทษ จิมมี่ยักคิ้วซ้ายขวาสลับไปมาอย่างกวนตีน
“ทำไม ๆ”
คราวนี้เพชรยกยิ้ม ยืดอกอย่างเป็นต่อคนตัวเล็กส่งเสียงหึในลำคอแล้วเริ่มพูด
“กูจะไปเสี้ยมซัน”
“เกี่ยวอะไรกับซันวะ”
ไม่ใช่แค่จิมมี่ที่งง คิวกับเอ็มเองก็งงเหมือนกันแต่พอเพชรพูดประโยคถัดมาเท่านั้นจิมมี่ก็เป็นฝ่ายร้องโวยวายเสียงดังทันที
“เพราะซันเป็นเพื่อนแตงกวา อย่าคิดนะว่าวันนั้นกูจะไม่เห็นมึงไปขอไลน์เขา หึหึหึ”
“ไอ้หมาเพชร!!!!! ไอ้งูพิษ!!!!!!”
แล้วสงครามระหว่างโทรลและฮอบบิทก็เริ่มขึ้น คิวมองภาพตรงหน้าแล้วยิ้มออกมาพาลไปคิดถึงอีกคนที่ไม่รู้ว่าตอนนี้หนีไปอยู่ที่ไหน
จะยังยิ้มได้หรือเปล่า
และจะคิดถึงเขาบ้างไหม
tbc
Talk. ถึงเวลาเอาคืนมาดูกันว่าคิวจะทนได้ป่าว หวังว่าจะไม่โอ๋พีทซะก่อนนะ 5555
แจ้งข่าวนิดหน่อยค่ะ เราอาจหายไปซักสามสี่วันนะคะ พอดีมีงานสำคัญมากเข้ามาและเราตั้งใจกับมันมาก อวยพรให้เราด้วยนะทุกคนนนน ฮือออ แล้วเราจะรีบกลับมาอัพต่อให้ค่า
Ps. จริง ๆ พีทก็แค่คนขี้ขลาดคนนึง