-24-
“เย่ ๆ พี่ฟรอส win !!!”
เสียงเด็กเล่นกันดังแว่วมาจากด้านล่างพีทเดินลงมาเห็นเด็ก ๆ สี่คนหัวจุ่มกันอยู่แล้วหลานสาวของเขาก็ร้องดีใจกระโดดโลดเต้นที่เพื่อนใหม่ของตัวเองชนะพี่ชาย ลูก้ากอดอกงอนน้องสาวฝาแฝดตัวเองผิดกับคนที่ชนะนั่งม้วนเขินอยู่ข้าง ๆ
“น้าพีท ๆ ช่วยพี่ก้าด้วย”
เมื่อน้องสาวแปรพักตร์หลานชายคนหล่อของพีทก็รีบวิ่งมาหาตัวช่วยใหม่ พีทย่อตัวรับตัวเล็กเข้าในอ้อมกอด
“เอมไม่รักพี่ก้าแล้ว”
“หืม?ทำไมครับ”
“เอมไม่เชียร์พี่ก้า”
พีทยิ้มเอ็นดูหลานชายคนเก่งหันไปส่งสัญญาณให้เด็กหญิงที่เหมือนจะรู้ตัวว่าถูกพี่ชายงอนเข้าให้แล้ว เอ็มม่าเดินเข้ามากระตุกชายเสื้อพี่ชายเบา ๆ
“เอ็มม่ารักลูก้าที่สุดเลยนะ”
“จริงหยอ”
“จริงที่ฉุด!”
เด็กหญิงชูมือสุดแขนแล้วพุ่งเข้ากอดพี่ชายที่ยิ้มรับจนแก้มปริ จบเรื่องนี้อย่างแฮปปี้เอนดิ้ง พีทยิ้มมองหลาน ๆ นั่งเล่นกันไปเรื่อย ๆ เห็นพวกผู้ใหญ่นั่งคุยกันอยู่นอกบ้านพีทจึงเลือกที่จะนั่งอยู่กับเด็ก ๆ มากกว่า ไม่รู้สิ...ตอนนี้พีทยังไม่อยากคุยกับใครไม่ว่าจะเป็นพี่คินหรือคิว เมื่อคืนกว่าจะข่มตานอนได้ก็เกือบรุ่งสาง
ส่งข้อความไปบอกฝันดีคิวสั้น ๆ เพื่อไม่ให้อีกฝ่ายเป็นห่วงแต่ยังเลี่ยงการพูดคุยกันอยู่ ยิ่งเห็นข้อความแสดงความห่วงใยถ้อยคำออดอ้อนของคิวพีทยิ่งรู้สึกผิด ความรู้สึกตอนนี้เหมือนกลับมายืนที่เดิมอีกครั้ง พีทไม่ได้หวังว่าพี่คินจะกลับมา เขารู้ความจริงข้อนั้นดี
แต่ที่พีทกลัวคือตัวของเขาเอง
ที่ไม่สามารถปฏิเสธได้อย่างเต็มปากว่าไม่รักอีกฝ่ายแล้วและก็ไม่สามารถปฏิเสธได้อีกว่ารักคิวมากพอที่จะไม่ทำให้อีกฝ่ายเสียใจหรือยัง พีทไม่ต้องการให้ใครมาเสียใจเพราะเขา แค่โยคนเดียวก็มากพอแล้ว
“คิดอะไรอยู่หน้าเครียดเชียว”
เสียงทุ้มลอยเข้าสู่โสตประสาท พีทเงยหน้ามองร่างสูงใหญ่ที่ทรุดกายนั่งลงข้างเขา คนตัวขาวส่ายหน้าช้า ๆ ริมฝีปากยกยิ้มบาง
“เปล่าครับ”
“ทุกทีสินะ”
“อะไรครับ”
พีทเอ่ยถามด้วยความสงสัย ชายหนุ่มหัวเราะเอื้อมมือมาลูบหัวพีทซึ่งเจ้าตัวก็ไม่ได้หนีสัมผัสนั้นแต่อย่างใด
“ยังเป็นคนที่ชอบเก็บทุกอย่างไว้คนเดียวเหมือนเดิมเลยนะแล้วถ้าพี่เดาไม่ผิดก็คงคิดเรื่องของคนอื่นอยู่ด้วยใช่ไหมล่ะ เรานะเป็นห่วงคนอื่นมากกว่าตัวเองทุกที”
พีทเม้มปากก้มหน้า ภาคินรู้จักตัวเขาดีจนเกินไป
“คุณพ่อแกล้งน้าฉุดหล่ออีกแล้วหยอ”
เสียงเล็กดังขึ้นตรงหน้าพีทและภาคินเงยหน้ามองพร้อมกันลูกชายคนเล็กของภาคินยืนหน้าถมึงทึงมองพีททีมองพ่อตัวเองที อากัปกิริยาเช่นนั้นมันดูน่ารักน่าชังจนพีทคลายอารมณ์หม่นของตัวเองได้มากโข คนตัวขาวยิ้มหวานส่ายหน้าแล้วกวักมือเรียกเด็กตัวเล็กเข้ามาหา
“เดี๋ยวพี่ฟรอสจัดการคุณพ่อให้เองนะฮับ”
พีทรับเด็กตัวน้อยเข้ามาในอ้อมกอด เสียงเจื้อยแจ้วดังขึ้นเรื่อย ๆ ทั้งบอกจะดีแปะ ๆ คุณพ่อของตัวเองทั้งจะฟ้องคุณยายและอื่น ๆ อีกมากมายจนคนเป็นพ่อต้องยกมือยอมแพ้
“น้าคุยกับคุณพ่อเฉย ๆ ครับ คุณพ่อไม่ได้แกล้งเลย”
พีทบอกเด็กน้อยเสียงนุ่ม หลานชายคนเล็กของบ้านเกียรติโชตธนันดูเหมือนจะอยากปกป้องคุณน้าสุดหล่อที่เจ้าตัวรู้สึกถูกใจตั้งแต่แรกเห็นมองคุณพ่อของตัวเองเขม็ง
“คุณพ่อห้ามแกล้งน้าฉุดหล่อของฟรอสเตอร์นะคับ”
“ครับผม”
“แหม ๆ พี่ฟรอสพอมีคนใหม่ก็ลืมอาณินคนนี้ไปเลยนะครับ”
ภาณินเดินทำปากยื่นเข้ามาพร้อมกับภีม ตัวแสบพอได้ยินดังนั้นก็รีบโบกมือปฏิเสธแต่แขนอีกข้างยังคล้องคอพีทอยู่
“ไม่จริง ๆ พี่ฟรอสไม่เคยลืมอาณินเลยน้า”
“หรอ ๆ ๆ ๆ”
“จริงจริ๊ง”
ฟรอสเตอร์พยักหน้าตอบกลับด้วยน้ำเสียงขึงขังโดยที่ไม่รู้เลยว่าเสียงสูงของเจ้าตัวทำให้ผู้ใหญ่ที่นั่งอยู่ในห้องหัวเราะชอบใจ
“อาณินไม่ต้องกลัวนะฟายารักอาณินที่สุดในโลก!”
ภาณินยิ้มกว้างเมื่อหลานชายคนโตวิ่งเข้ามากอดคอเขาเพราะเด็กน้อยกลัวว่าคุณอาคนหล่อของตัวเองจะน้อยใจที่น้องชายสนใจผู้มาใหม่มากกว่า
“เนอะ ๆ เรารักกันสองคนก็ได้เนอะพี่ฟา”
เด็กน้อยพยักหน้าเออออกับภาณินพอเจ้าตัวเล็กได้ยินก็เบะปากทำท่าจะร้องไห้
“ไม่เอา ฮึก ต้องรักพี่ฟรอสด้วย แง! คุณพ่อ อาณินไม่รักพี่ฟรอสแล้ว”
เด็กน้อยโผเข้ากอดพ่อของตัวเองร้องไห้โฮ ส่วนคนที่ทำให้หลานคนเล็กร้องไห้ไม่สะทกสะท้านสักนิดแถมยังยิ้มกวนใส่พี่ชายอีกต่างหาก
“มึงนี่เป็นเด็กโข่งหรือไงแกล้งเด็กไปเรื่อย”
ภีมที่เดินเข้ามานั่งข้างพี่ชายตัวเองอดไม่ได้ที่จะเอ่ยว่า ก็ดูมันสิหลานร้องไห้น่าสงสารจะตายยังลอยหน้าลอยตาแกล้งอยู่ได้ ภาณินหันมาถลึงตาใส่แล้วหันกลับไปส่งเสียงกวักมือเรียกหลานคนเล็กของตัวเองเข้าไปหา
“ไหนมาหาอาณินหน่อย”
เด็กน้อยปาดน้ำตาป้อยมองหน้าคุณพ่อของตัวเองเพื่อขอความเห็นพอภาคินพยักหน้าให้ก็ผละอ้อมกอดเดินเตาะแตะไปหาอาคนหล่อของตัวเอง
“รักกัน ๆ”
เพียงเท่านั้นเด็กน้อยก็ยิ้มแก้มปริกระโดดกอดคอภาณินแน่น ลืมไปเลยว่าก่อนหน้านี้ตัวเองเคยร้องไห้ ลูก้าที่เปลี่ยนไปนั่งตักภีมกับเอมม่าที่นั่งอยู่ข้าง ๆ มองเพื่อนใหม่ตาปริบ ๆ ไม่นานเด็ก ๆ ก็กลับไปรวมตัวเล่นกันอีกครั้งโดยมีณินและภีมเป็นแกนนำ
ทั้งสองบ้านร่วมรับประทานอาหารด้วยกันแม่ของเขาดูจะคุยถูกคอกับนายหญิงของบ้านนั้นซึ่งก็คือคุณแม่ของพี่น้องภาคินภาณินนั่นเอง แถมยังพอมารู้ว่าพีทเคยสอนพิเศษณินสมัยมัธยมแล้วแม่ของเขาก็ชักชวนให้อีกบ้านไปเที่ยวด้วยกันโดยไม่ถามความสมัครใจของลูกชายตนเองสักนิด
“ทำหน้าดี ๆ หน่อยภีม”
พีทถองสีข้างน้องชายตัวเองเบา ๆ เมื่อเห็นสีหน้าไม่พอใจของภีมตอนที่แม่บอกว่าชวนบ้านนั้นไปเที่ยวด้วยกัน ภีมฟึดฟัดแล้วหันหน้าหนีไปเล่นกับหลาน พีทหันไปยิ้มแห้งให้ภาคินที่โบกมือไม่ถือสาอยู่ตรงหน้า แล้วทั้งสองบ้านก็ออกเดินทางไปยังสถานที่ท่องเที่ยวยอดฮิตของจังหวัดเพชรบูรณ์อย่างวัดพระธาตุผาซ่อนแก้ว
“ฟรอสเตอร์จะไปกับน้าพีท”
“พี่ก้าก็จะไปกับน้าพีท!”
เด็กสองคนยื้อแขนพีทไว้คนละข้างหลังจากที่ลงรถมาฟรอสเตอร์ก็วิ่งดุ๊ก ๆ มาจับมือพีทไว้ข้างหนึ่งพร้อมกับบอกความต้องการเสร็จสรรพ ส่วนหลานชายคนดีของพีทก็ไม่ยอมน้อยหน้าคว้ามือพีทไว้อีกข้างกล่าวอย่างไม่ยอมแพ้
“โอเคครับถ้าอย่างนั้นเราเดินกันไปด้วยกันสามคนเนอะ”
พีทย่อตัวลงกว่าวกับเด็กน้อยทั้งสองคนอย่างประนีประนอมและดูเหมือนความอ่อนโยนของพีทจะได้ผลเมื่อเด็ก ๆ ต่างก็พยักหน้าเดินแกว่งมือพีทร้องเพลงกันไปคนละข้าง
“คุณพ่อมานี่ ๆ”
ฟรอสเตอร์กวักมือเรียกภาคินให้มาหา เมื่อคนตัวสูงเดินมาเด็กน้อยก็คว้ามืออีกข้างของพ่อตัวเองให้เดินไปด้วยกัน
“เด็ก ๆ หันมาหน่อยครับ”
แม่ของเขาส่งเสียงเรียกเมื่อเขาทั้งสี่หันไปก็พบกับกล้องดิจิตอลเด็ก ๆ ส่งยิ้มชูไม้ชูมือกันยกใหญ่ พีทเองก็ยิ้มให้กล้องเช่นเดียวกับภาคิน
“น่ารักจังเลย เดี๋ยวแม่จะเอาไปลงเฟสบุ๊ค”
พีทเลิกคิ้วแปลกใจ
“แม่เล่นเป็นด้วย?”
“เป็นสิ ป้าสอนแม่เล่นเดี๋ยวแม่จะแอดเฟรนเราไปนะ”
พีทพยักหน้ายิ้มขำ แม่เขาชักจะเฟี้ยวขึ้นทุกวัน
“เหนื่อยไหมครับเด็ก ๆ”
พีทย่อตัวลงไปหาเด็กน้อยทั้งสองที่เงยหน้าส่ายหัวยิ้มแฉ่งตอบอย่างพร้อมเพรียง
“ไม่เหนื่อย~~~~~”
“ให้แต่เด็ก ๆ เราก็กินน้ำด้วยสิ”
“ขอบคุณครับ”
พีทยื่นมือไปรับน้ำที่ภาคินส่งมาให้ คนตัวใหญ่ยิ้มรับถอดหมวกแก็ปของตัวเองออกแล้วสวมลงบนหัวทุยสวยของพีท
“ใส่ไว้เถอะแดดร้อน”
“ไม่เป็นไรครับ”
“อย่าดื้อสิหน้าเราแดงหมดแล้ว เดี๋ยวก็เป็นไข้แดด”
“แต่...”
“
ไม่ดื้อกับพี่สักครั้งเถอะ”
พีทชะงัก คำพูดที่จะตอบกลับถูกกลืนลงคอเมื่อประโยคที่ภาคินมักจะพูดกับเขาเมื่อก่อนหลุดออกมาจากปากของอีกคน
ราวกับว่าอีกคนก็ไม่เคยลืม
พีทรีบสะบัดความคิดฟุ้งซ่านออกไปจากหัวแล้วหันไปสนใจกับสองเด็กน้อยตรงหน้าแทน ฟรอสเตอร์นั้นพร็อฟเต็มทั้งหมวกทั้งแว่นกันแดด เห็นภาพภาณินซ้อนทับในตัวเด็กน้อยขึ้นมาทันที อดยิ้มเอ็นดูออกมาไม่ได้ ส่วนหลานชายของเขาก็น้อยหน้าที่ไหนจัดเต็มด้วยแว่นกันแดดเช่นกันพอเห็นฟรอสเตอร์ใส่หมวกก็วิ่งไปขอของตัวเองจากแม่ทันที
“ถ่ายยูบ ๆ”
“ครับ?”
“ฟรอสเตอร์อยากถ่ายรูปกับน้าพีท...กับคุณพ่อด้วยก็ได้”
เด็กน้อยรีบหันไปบอกพ่อของตัวเองด้วยกลัวอีกฝ่ายจะน้อยใจเหมือนที่อาณินน้อยใจเมื่อเช้า ภาคินหัวเราะให้กับความหัวไวของลูกชายแล้วหยิบโทรศัพท์มือถือของตัวเองออกมา
“มา เดี๋ยวพ่อถ่ายให้ พี่ฟรอสถ่ายรูปกับน้าพีทเถอะ”
“ก็ได้”
ฟรอสเตอร์ยิ้มแฉ่งมือข้างหนึ่งชูสองนิ้วให้กล้องอีกข้างกอดคอพีทไว้แน่น คนตัวขาวยิ้มหวานจนตาหยี ภาคินกดชัตเตอร์ไปได้หลายภาพ พอเสร็จแล้วก็เดินเอามาให้ลูกกับคุณน้าคนโปรดคนใหม่ดู
“คุณพ่อคับ ๆ”
เด็กน้อยกระตุกชายเสื้อผู้เป็นพ่อถี่ ๆ หลังจากดูรูปเสร็จ ภาคินหันมาตอบรับลูกชายตัวน้อย
“ครับลูก”
“โตขึ้นฟรอสเตอร์แต่งงานกับน้าพีทได้ไหม”
คำถามของเด็กน้อยทำเอาผู้ใหญ่ทั้งสองคนหน้าเหวอและหัวเราะออกมาพร้อม ๆ กัน ฟรอสเตอร์รีบเข้าไปกอดอ้อนคุณพ่อของตัวเอง
“นะคับ ๆ พี่ฟรอสชอบน้าพีทม๊ากกกกกก”
“ไหนฟรอสเตอร์บอกพ่อเมื่อคืนว่าชอบน้องเอ็มม่าไงครับ”
เด็กน้อยยิ้มเขินกอดซบกระซิบพ่อของตัวเอง
“แต่ตอนนี้พี่ฟรอสชอบน้าพีทมากกว่านี่นา”
“พูดอย่างนี้น้องเอ็มม่าจะเสียใจน้า เอาไงดีคนหล่อของพ่อ”
อย่าว่าแต่ภาณินที่ชอบแกล้งหลานเลย พ่อเขาเองก็น้อยหน้าที่ไหนแล้วดูสิไอ้อาการขมวดคิ้วเช่นคนคิดไม่ตกนั้นมันน่าเอ็นดูน้อยเสียเมื่อไหร่ล่ะ พีทล่ะอยากฟัดแก้มสักทีสองที ทำไมน่ารักขนาดนี้ก็ไม่รู้
“แต่งงานกับทั้งฉองคนเลยได้ไหม”
เพียงเท่านั้นผู้ใหญ่ทั้งสองก็หัวเราะกันเสียงดังจนเด็กน้อยยิ้มเขิน พีทขยับเข้าไปบอกเด็กน้อยเสียงนุ่ม
“น้าพีทเป็นผู้ชาย แต่งงานกับฟรอสเตอร์ไม่ได้หรอกครับ”
“ทำไม”
เอ่ยถามพร้อมกับเบะปากเตรียมจะร้องไห้ พีทเลยรีบพูดต่อ
“กว่าฟรอสเตอร์จะโตน่าพีทก็แก่แล้วครับ ไม่หล่อแล้วแต่เอ็มม่าจะสวยมาก ๆ เลยนะตอนนั้น”
เด็กน้อยตาวาว
“จริงหยอคับ”
“ครับ เอ็มม่าจะสวยเหมือนเจ้าหญิงเลย”
“โห ถ้าอย่างนั้นพี่ฟรอสจะแต่งงานกับเอ็มม่า! พี่ฟรอสจะเป็นเจ้าชาย”
“เข้าใจหลอกล่อเด็กนะ”
พีทยิ้มรับคนตัวขาวไม่ได้ตอบอะไร ไม่นานลูก้าก็วิ่งกลับมาหาพร้อมกับเอ็มม่าที่เดินแกว่งแขนมากับภีมมีภาณินกับฟายาเดินตามมาด้านหลัง ส่วนพวกผู้ใหญ่นำหน้ากันไปนานแล้ว
เหล่าเด็กน้อยชี้โน่นถามนี่กันไม่หยุดหย่อน บางคำถามพวกผู้ใหญ่ก็จนปัญญาไม่รู้จะตอบเช่นไร จนกระทั่งตะวันบ่ายคล้อย สองครอบครัวร่วมรับประทานอาหารกลางวันด้วยกันเสร็จสิ้นก็ได้เวลาแยกย้าย
“พีทครับ”
พีทหันหลังกลับไปมองต้นเสียง ภาคินเดินยิ้มเข้ามาในห้องน้ำ ร่างสูงใหญ่ชูมือถือตัวเองขึ้นมา
“เอ่อ...พี่จะส่งรูปที่ถ่ายกับเด็ก ๆ ให้น่ะ”
“ครับ”
“พี่ส่งเข้าไลน์พีทได้ไหม”
สิ้นคำถาม คนตัวขาวหยุดนิ่งคล้ายชั่งใจจนกระทั่งใบหน้าหล่อพยักหน้าอนุญาต
“ครับ....พีทใช้เบอร์เดิม”
ภาคินรีบก้มกดโทรศัพท์พร้อมกับยื่นมาด้านหน้าให้อีกคนดู
“อันนี้ไลน์พีทใช่ไหม”
พีทยื่นหน้าเข้าไปดูแล้วพยักหน้ารับ
“ครับ”
“พี่”
เสียงที่สามขัดจังหวะการพูดคุยของคนทั้งคู่ ภีมเดินหน้าเข้มเข้ามาในห้องน้ำ คิ้วเข้มขมวดเข้าหากันเมื่อเห็นว่าพี่ชายของตัวเองคุยอยู่กับใคร
“มีอะไรหรือเปล่า”
พีทเอ่ยถามน้องชายที่มองคนข้าง ๆ เขาอย่างไม่เป็นมิตรเสียเท่าไหร่
“แม่ให้มาตาม จะไปกันแล้วเดี๋ยวไม่ทันกลับไปจับฉลาก”
พีทพยักหน้าเข้าใจ หันไปก้มหัวให้ภาคินอีกฝ่ายยิ้มตอบรับยังไม่ทันจะได้พูดอะไรน้องชายตัวดีก็ลากเขาออกมาจากห้องน้ำเสียก่อน
“แล้วมาเที่ยวด้วยกันใหม่นะคะ”
แม่เขาเอ่ยกับแม่ของภาคิน อีกฝ่ายตอบรับด้วยประโยคคล้าย ๆ กัน เด็ก ๆ ดูจะไม่ค่อยชอบการจากลายืนมองหน้ากันน้ำตาคลอ โดยเฉพาะเจ้าตัวเล็กฟรอสเตอร์
“ฟรอสเตอร์ยังไม่อยากกลับเลย”
“เอ๋า ถ้าไม่กลับแล้วพี่ฟรอสจะอยู่กับใครล่ะ ที่นี่ไม่มีน้าพีทอยู่แล้วน้า ลูก้ากับเอ็มม่าก็ไม่อยู่”
ภาณินย่อตัวเอ่ยถามหลานชายตัวน้อยที่กำลังจะร้องไห้
“ฟรอสเตอร์จะอยู่กับน้าพีท”
“พี่ฟรอสไม่อยากอยู่กับอาแล้วหรอ”
ภาณินแสร้งทำหน้าเศร้า เด็กน้อยมีสีหน้าลังเล
“ไม่อยากกลับไปหาน้าคริษฐ์กับคุณแม่แล้วหรือครับ”
คราวนี้ภาณินใช้ไม่ตายเอาน้าชายกับคุณแม่สุดที่รักมาอ้างเด็กน้อยจึงยอมเดินไปหาคุณพ่อของเจ้าตัวแต่โดยดี
“แล้วเจอกันนะครับพี่พีท”
ณินลุกขึ้นยืนโบกมือยิ้มตาหยีให้เขา ในทีแรกเด็กหนุ่มจะเดินเข้ามากอดแต่น้องชายของเขารีบแทรกตัวเข้ามาขวางไว้
“ครับ ไว้เจอกัน ลานะครับพี่คิน”
“ครับ สุขสันต์วันปีใหม่นะพีท”
“เช่นกันครับพี่คิน”
“เฮ้อ~~~~~ เหนื่อย”
พวกเขากลับมาถึงที่บ้านในช่วงเย็นเสียงเพลงดังมาจากด้านล่างพวกพี่ป้าน้าอาจัดเตรียมงานฉลองปีใหม่เล็ก ๆ อย่างการจับฉลากให้กับพวกเด็ก ๆ ตอนนี้ไม่มีอะไรให้พีทกับภีมทำทั้งสองคนจึงขึ้นมาพักบนห้อง พอเห็นเตียงปั๊บน้องชายของเขาก็ถลาลงนอน
“เหนื่อยอะไร ขับก็ไม่ได้ขับ”
พีทนั่งลงบนเตียงข้าง ๆ น้องชายอดบ่นไม่ได้ เหนื่อยตรงไหนเห็นนั่งอยู่เฉย ๆ
“นั่งเฉย ๆ ก็เหนื่อยได้น่า”
“เชื่อเขาเลยจริง ๆ”
“เออนี่พี่”
“มีอะไร”
“
รู้ตัวไหมว่ายังมีเยื่อใยกับเขาอยู่”
พีทนิ่วหน้าเมื่อได้ยินคำถามของน้องชาย คนตัวขาวหันไปมองภีมด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยคำถาม อีกฝ่ายพลิกตัวนอนหงายสอดประสานมือกับท้ายทอยมองหน้าพี่ชายแล้วถอนหายใจ
“ไม่รู้ตัวจริง ๆ ด้วยสินะ”
“หมายความว่าไง”
“สายตาของพี่น่ะ เฮ้อ~ รู้ตัวหรือเปล่าว่ากำลังทำอะไรอยู่”
พีทนิ่งไป เขาไม่ได้ตอบคำถามของน้อยชายหรือแม้กระทั่งตอบคำถามที่เกิดขึ้นภายในใจของตัวเอง บางคนที่เขาหลงลืมไปตลอดทั้งวันเมื่อได้ใช้เวลาอยู่กับอีกคน
ใครบางคนที่เพียรส่งข้อความมาหาเขาแม้จะไม่ได้รับการตอบกลับเลยตั้งแต่เช้า
ใครคนนั้นที่เขาคิดจะเดินหน้าไปด้วยกันแต่กลับต้องหยุดคิดเพราะการกลับเข้ามาของใครอีกคนที่เขาไม่สามารถลืมได้
คิว...พีทขอโทษ
tbc
talk. สงสารหน่องคิว ปากหนั่มตาาาาาาาา