-18-
ช่วงเวลาผ่านไปอย่างรวดเร็วเผลอแปบเดียวปีใหม่ก็จะมาเยือนแล้ว ช่วงนี้ถือเป็นสวรรค์ของคิวเลยล่ะเพราะนอกจากจะสอบเสร็จ คริษฐ์ประกาศหยุดซ้อมยาวไปจนถึงปีใหม่แล้ว ข่าวดีสุด ๆ ของสิ้นปีนี้คือ
วันที่ 31 ธันวาคม พีทว่าง!
ถึงแม้จะแค่ช่วงเย็นก็เถอะ แต่ถึงอย่างไรเขาทั้งสองคนก็ได้นับถอยหลังสู่ปีใหม่ไปพร้อม ๆ กัน แค่คิดคิวก็ตื่นเต้นจนไม่เป็นอันทำอะไรอยู่แล้ว เขาถึงกับกราบอ้อนวอนคุณแม่ที่รักเพื่อเลื่อนกลับบ้านเป็นวันที่ 1 เลยนะคุณหญิงใบตองผู้แสนดีในตอนแรกก็งอนลูกชายนิดหน่อยแต่เพราะความสุขของลูกก็คือความสุขของพ่อแม่ เธอจึงยอมตกลง
ส่วนทางด้านพีทนั้นเจ้าตัวมีบินในวันสุดท้ายของปีถึง 4 แลนด์ด้วยกันโชคดีหน่อยที่เป็นไฟล์ทภายในประเทศงานเสร็จประมาณสามทุ่มอยู่เข้าสู่ปีใหม่กับคิวแล้วอีกวันก็จะกลับบ้านต่างจังหวัดเช่นกัน ส่วนแพลนของวันสิ้นปีของเขาทั้งสองคนนั้นแทบจะไม่มีอะไรพิเศษเลย พวกเขาวางแผนกันว่าจะซื้อของสดมาทำกินกันที่ห้องของคิว
ฟังไม่ผิดหรอก ห้องของคิวนั่นเอง เด็กหมีเป็นผู้เสนอขึ้นมาเองเพราะในทุกครั้งจะเป็นเจ้าตัวไปรบกวนที่ห้องของพีทอยู่ตลอดเวลา เลยถือโอกาสนี้จัดขึ้นที่ห้องตัวเองเสียเลยเป็นการส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่ที่แสนสดใส
“นี่พวกมึงไม่คิดจะกลับบ้านกลับช่องกันเลยรึไงที่บ้านไม่รักหรือไง”
เด็กหนุ่มร่างหมียืนท้าวเอวใช้เท้าเขี่ยร่างใหญ่ของจิมมี่ที่นอนทำท่าไร้เรี่ยวแรงอยู่บนพื้นหน้าทีวีด้วยน้ำเสียงติดจะหงุดหงิดเผื่อแผ่ไปถึงอีกสองตัวที่ครองโซฟาหน้าทีวีของเขาตั้งแต่เช้าจรดเที่ยงพวกมันก็ยังไม่ยอมขยับไปไหน เอ็มปรายตามามองคิวแล้วตาเรียวก็กลับไปมองหนังไซไฟบนทีวีจอยักษ์ด้วยท่าทางไม่ยี่หระ
“แม่บ้านจะเข้ามากี่โมงล่ะ”
เอ่ยถามเจ้าของห้องเสียงเอื่อยเฉื่อยจนเส้นเอ็นเท้าของคิวกระตุกยิก
“บ่ายโมง”
“อีกตั้งชั่วโมงนึงแปบดิเดี๋ยวหนังก็จะจบแล้วมา ๆ มานั่งดูหายใจเข้าลึก ๆ ยุบหนอพองหนอ มา ๆ”
เพื่อนตัวเล็กรีบลุกขึ้นจากตักของเอ็มตบที่ว่างข้างตัวให้หมีที่กำลังจะอาละวาดใจเย็นลงพร้อมกับยิ้มเอาใจ คิวถอนหายใจเหนื่อยหน่ายแล้วเดินเข้าไปนั่งตามเสียงเชิญชวนแต่ก็ไม่วายระบายอารมณ์ใส่ไอ้ตัวที่นอนบนพื้นให้หายแค้นเสียหน่อย
“โอ๊ย ไอ้เชี่ยคิวซี่โครงกูหักแล้วมั้งเหยียบมาได้”
จิมมี่ร้องโอดโอยเมื่ออุ้งตีนหมีเหยียบพุงเขาไปเต็ม ๆ แต่ก็ครู่เดียวเท่านั้นแหละมันก็เลิกสตอเบอร์รี่กลับไปนอนดูหนังต่อ คิวทิ้งตัวลงนั่งข้างเพชรรับเอาหมอนใบใหญ่ที่เพื่อนตัวเล็กส่งให้มากอดแนบอกรับชะตากรรมของตัวเองต่อไป
ความจริงแล้ววันนี้เขานัดแม่บ้านที่บ้านเข้ามาทำความสะอาดห้อง เรียกว่าบิ๊กคลีนนิ่งเดย์เลยก็ว่าได้เพราะว่าพรุ่งนี้ต้องเปิดห้องรับแขกคนสำคัญคิวเลยอยากจะให้พีทประทับใจบ้างเดี๋ยวเย็นนี้ก็กะว่าจะออกไปเดินหาไฟสวย ๆ มาประดับตกแต่งห้อง แต่ยังไม่ทันได้ทำอะไรมารทั้งหลายก็มาผจญแต่เช้ายังดีหน่อยที่พวกมันไม่ได้ขนของมึนเมาเข้ามาเผื่อดื่มกินกันในตอนเย็นด้วย
“พี่พีททำงานหรือวะ”
เสียงจิมมี่แว่วเข้ามาในหู คิวตอบกลับไปโดยที่ตายังจ้องอยู่ในทีวี
“อือ”
“แล้วพรุ่งนี้ล่ะ”
“ก็ทำ”
“โห โหดว่ะวันสิ้นปีแท้ ๆ ยังต้องทำงาน”
“มันเป็นอาชีพของเขานี่”
“แล้วถ้าเป็นแฟนกันแล้ว เจอเหตุการณ์แบบนี้บ่อย ๆ มึงจะไม่ท้อหรือวะเพื่อน สมมุติวันวาเลนไทน์งี้แทนที่จะได้อยู่ฉลองกันพี่เขากลับต้องไปฉลองกับผู้โดยสารกลางอากาศบนน่านฟ้าประเทศใดประเทศหนึ่งงี้ มึงจะไม่น้อยใจหรือไงไอ้น้องคิวเอ๋ย”
คิวขมวดคิ้วกับคำพูดของจิมมี่ ขบริมฝีปากอย่างใช้ความคิด
“กูยังไม่ได้คิดถึงเรื่องนั้น”
“หึหึ”
เอ็มหัวเราะส่ายหัว พวกเขารู้ดีว่าไอ้เพื่อนหมีคนนี้ให้ความสำคัญกับแต่ละเทศกาลแค่ไหน ไม่ว่าจะเป็นวันคริสต์มาสที่ทุกปีพวกเขาจะฉลองด้วยกันเพราะปีใหม่ทุกคนต่างก็ต้องแยกย้ายกันไปอยู่กับครอบครัวโดยเฉพาะมันนั่นล่ะ กลับบ้านตั้งแต่วันที่ 31 อยู่ยาวไปจนกว่ามันจะพอใจ สงกรานต์งี้ บลาบลาบลา แล้วเพื่อนจิมก็จวกมันได้ตรงประเด็นมาก
“ไม่คิดไม่ได้นะมึง”
จิมมี่ได้ทีแกล้งเพื่อนใหญ่ได้เห็นคิวทำท่าคิดหนักหน้าโง่ ๆ แบบนั้นแล้วถูกใจจิมมี่นักหล่ะ
“ถึงตอนนั้นมันอาจเป็นปัญหาใหญ่ของมึงสองคนเลยนะเว้ย ก็รู้กันอยู่ว่างานพี่พีทไม่เหมือนคนอื่นทั้งเรื่องของเวลาและวันหยุดมึงจะรับได้เร๊อออ”
“จิมมี่”
เพชรปรามเพื่อนเสียงเย็นแต่ก็ต้องเลิกคิวแปลกใจเมื่อหันกลับไปมองคิวแล้วเห็นท่าทางมันผ่อนคลายผิดปกติ มันต้องเครียดกว่านี้ไม่ใช่หรือไง
“ทำไมกูจะรับไม่ได้
แค่กูรักเขามันก็พอแล้วนี่”
คิวยักไหล่ตอบเสียงสบาย ๆ ในตอนแรกที่จิมมี่พูดก็น่าคิดอยู่หรอกแต่เมื่อหน้าของพีทลอยเข้ามาในหัวความคิดที่ควรจะน้อยใจก็ปลิวหายไปเป็นปลิดทิ้ง
แค่ได้อยู่กับพีทในทุกวัน ไม่ว่าจะวันไหนหรือเทศกาลไหนมันก็พิเศษสำหรับคิวอยู่แล้ว
และไม่ใช่ว่าเขาไม่รู้ว่าอีกคนก็พยายามเพื่อเขาไม่แพ้กัน คิวแอบได้ยินพีทคุยโทรศัพท์กับเพื่อนที่ทำงานเรื่องการแลกเวรในวันที่ 31 เหมือนว่าจริง ๆ แล้วไฟล์ทสุดท้ายที่พีททำคนตัวขาวจะต้องค้างคืนที่ภูเก็ต ถ้าเป็นอย่างนั้นเขาทั้งสองคนก็จะไม่ได้อยู่ด้วยกันในวันสิ้นปีแต่พีทก็ยังพยายามหาแลกเวรเพื่อจะได้อยู่กับเขาทั้งที่ยากแสนยาก
ที่จริงแล้วพีทไม่ต้องพยายามขนาดนั้นก็ได้ คิวรู้ดีว่าวันสิ้นปีแบบนี้ใคร ๆ ต่างก็อยากหยุดพักผ่อนอยู่กับครอบครัวกับคนสำคัญกันทั้งนั้น คิวเกือบจะถอดใจแล้วเดินไปขอโทษพีทแล้วแท้ ๆ ที่เขางอแงอยากอยู่เคาท์ดาวน์กับอีกคนทำให้พีทต้องยุ่งยากถึงพีทจะไม่เคยบ่นออกมาสักคำก็เถอะ แต่ในขณะที่เขากำลังจะเดินไปบอกกับอีกคนพีทก็ร้องเสียงดังด้วยความดีใจ เจ้าตัวกล่าวขอบคุณคนในสายซ้ำ ๆ แล้ววางไปพร้อมกับหันมายิ้มหวานให้เขาบอกว่าหาคนแลกเวรได้แล้ว
เห็นไหมล่ะ พีทน่ารักขนาดนี้แล้วคิวจะน้อยใจอีกคนได้อย่างไร
“อุ๊บร๊ะ คมมากเลือดกูสาดเลยเนี่ย”
จิมมี่ตาโตเมื่อได้ยินคำพูดของเพื่อน ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อว่าเพื่อนหมีได้เปลี่ยนไปแล้วจากคุณชายเย็นชาผู้ไม่เคยสัมผัสกับความรักกลายมาเป็นหมีผู้แสนอ่อนโยนได้ถึงเพียงนี้ ดูตามันสิอ่อนโยนขนาดนั้นไม่วายคิดถึงพี่ชายตัวขาวอยู่แน่ ๆ
“ความรักทำให้คนเราเปลี่ยนได้เสมอแหละ มึงดีขึ้นเยอะเลยนะ”
เพชรยิ้มบอกเพื่อนอย่างจริงใจ อดดีใจไม่ได้ที่เห็นเพื่อนมีความสุข คิวเองก็ยิ้มรับคนตัวใหญ่สูดหายใจเข้าลึกแล้วยืดตัวเอนหลังพิงโซฟาหายใจออกช้า ๆ
“อืม...มันดีมาก ๆ เลยว่ะแล้วกูก็เชื่อด้วยว่าที่ดีขนาดนี้เพราะคน ๆ นั้นคือพีท”
“อ่าฮะไม่ต้องบอกพวกกูก็รู้ พี่เขาดีพวกกูไม่แปลกใจหรอกที่ทำไมมึงถึงรักเขาขนาดนี้ นานเท่าไหร่แล้ววะเนี่ย ครบสองเดือนยังวะเพชร”
ท้ายประโยคเอ็มก้มถามคนตัวเล็กข้างกาย เพชรทำท่านับนิ้วแล้วยิ้มเสียจนตาหยี
“ถ้ารวมพรุ่งนี้ก็สองเดือนแล้วที่คิวมันจีบพี่พีทมาเห็นไหมล่าเชื่ออาจารย์เพชรกันหรือยังพวกมึงว่าคนนี้ไม่ธรรมดา”
“ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อว่ะ”
จิมมี่ตอบกลั้วหัวเราะมีเอ็มพยักหน้าสำทับ คิวยิ้มมุมปากนิด ๆ ไม่ได้ว่าอะไรจากที่คิดว่าพีทคือสิ่งแปลกใหม่น่าลิ้มลอง พอได้เอาตัวเข้าไปในโลกของอีกคนแล้วคิวกลับตกหลุมรักพีทเข้าอย่างจังจนไม่คิดจะถอนตัวออกมา
เขาให้ไปหมดทั้งใจแล้ว...ที่เหลือก็ขอแค่พีทให้ใจตัวเองมาแลกกันเท่านั้นล่ะ
“ไปหาไรกินกัน มึงจะไปไหนต่อป่ะคิว”
เพชรลุกขึ้นบิดขี้เกียจเมื่อหนังจบชวนผองเพื่อนไปกินข้าวพร้อมกับถามเจ้าของห้อง คิวพยักหน้าแล้วตอบกลับ
“ว่าจะไปซื้อพวกไฟมาประดับห้องหน่อย”
“อยากโรแมนติกว่างั้น”
“เสือก”
โอเคซึ้ง เพชรสะบัดหน้างอนเมื่อโดนตอกกลับมาแบบนั้น คิวหัวเราะในลำคอมือใหญ่ขยี้หัวเพื่อนอย่างหมั่นเขี้ยวแต่ก็ต้องชะงักมือเพราะเห็นสายตาหงุดหงิดจากคนข้างตัวเพชร ถึงจะครู่เดียวแต่คิวก็เห็นสายตาไม่พอใจเล็ก ๆ ของเอ็มชัดเจน เด็กหนุ่มยิ้มมุมปากยอมละมือจากเพื่อนตัวเล็กหันไปยิ้มรู้กันกับจิมมี่
แสดงออกชัดเจนขนาดนี้มีแต่หมาเพชรเท่านั้นแหละที่ไม่ได้รู้เรื่องรู้ราวอะไรกับใครเขาเลย
“ครับ ออกมากินข้าวกับพวกเพชรครับ พีทเอาอะไรไหมเดี๋ยวผมซื้อเข้าไปให้ อ่าครับ ครับถ้าอย่างนั้นพักผ่อนนะ ครับสวัสดีครับ”
“ยิ้มน้อยยิ้มใหญ่เลยนะมึง”
อดไม่ได้จริง ๆ จิมมี่เห็นมันยิ้มหน้าบานคุยโทรศัพท์แล้วหมั่นไส้ รู้สึกคันในใจยุบยับคันปากยุบยิบ
“ทำไม? อิจฉา?”
คิวตอกกลับทำเอาคนฟังหน้าเบ้ จิมมี่ยักไหล่ ไม่ได้อิจฉาแค่หมั่นไส้เฉยๆ เว้ย คิวหัวเราะหึหึแล้วเดินตามหลังคู่รักเสมิร์ฟในอนาคตไป
“อิจฉาก็รีบมีเป็นของตัวเองสิ”
“ไม่ล่ะกูยังมีความสุขกับชีวิตแบบนี้อยู่”
“ความรักมันดีนะมึงกูลองแล้ว”
จิมมี่ยิ้มเล็กน้อยแล้วส่ายหน้ากับคำพูดของเพื่อน
“กูรู้ว่ามันดีแต่กูยังไม่พร้อมที่จะมีมัน โอ๊ะ!”
แรงกระแทกตรงสีข้างไม่เบานักทำให้เด็กหนุ่มร้องออกมาพร้อมกับเสียงอีกเสียงที่ดังขึ้นพร้อมกัน
“อ๊ะ! ขอโทษค่ะเจ็บไหมเพราะมึงเลยแจมกูชนเขาเลยเห็นไหมเนี่ย”
ท้ายประโยคหญิงสาวหันไปต่อว่าเพื่อนที่แกล้งเธอจนได้เรื่องก่อนจะหันมาก้มหัวขอโทษขอโพยอีกคน
“อ้าวก็มึงแกล้งกูก่อนไหมแตงกวา ขอโทษนะคะ”
“ไม่เป็นไรครับไม่ได้เจ็บอะไรมาก ยังไงก็เล่นกันระวัง ๆ นะครับ”
พอเห็นว่าคนที่ชนตัวเองเป็นสาวแว่นน่ารักถึงจะไม่ตรงสเปคจิมมี่เท่าไหร่แต่ก็ถือว่าน่ารักเอาเรื่องแล้วยิ่งอีกคนที่ชื่อแจมนี่เปรี้ยวเซ็กซี่ตรงสเปคเขาสุด ๆ มาดสุภาพบุรุษก็ลงประทับจิมมี่ทันที แถมท้ายด้วยยิ้มกระชากใจ สองสาวก้มหัวขอโทษอีกครั้งแล้วเดินจากไปปล่อยให้หนุ่มลูกครึ่งยิ้มค้างเพราะสาวเจ้าไม่สนใจ
“ฮ่า ๆ หน้ามึงหมางงมากเลยว่ะจิม”
คิวหัวเราะตบไหล่เพื่อนด้วยความขบขัน จิมมี่ฟึดฟัดเล็กน้อย ก็แหมเขาออกจะมั่นใจในหนังหน้าหล่อเหลาของตัวเองพอสมควรพอถูกเมินแบบนี้มันก็อดที่จะเสียความมั่นใจไม่ได้
“มึง...วันนี้กูดูไม่ดีหรือวะ”
“มึงหล่อทุกวันแหละเพื่อน แต่ก็อย่าลืมว่าไม่ใช่ทุกคนจะสนใจมึง”
คิวตอบเพื่อนไปตามความจริง จิมมี่เม้มปากแล้วมองไปยังจุดที่สองสาวเมื่อครู่เดินจากไปสุดท้ายชายหนุ่มก็ยักไหล่สะบัดความเฟลทิ้งไป
“ก็ถูกของมึง ป่ะ”
ว่าแล้วก็เดินกอดคอคิวเดินไปหาเพชรที่เดินมากวักมือเรียกให้พวกเขาเดินตามไปเสียที
“มึงอยากได้แนวไหน”
“กูอยากแต่งห้องออกมาเป็นโทนอุ่น ๆ สบายตาพวกมึงช่วยกูได้ไหม”
“ปล่อยให้เป็นหน้าที่หมาเพชรได้เลย”
“อ้าวไอ้ห่านี่ โยนให้กูเสย”
เพชรบ่นออกมาทันทีเมื่อถูกโยนงานมาให้แต่เอาเถอะเพราะอย่างไรเขาก็เต็มใจช่วยคิวมันอยู่แล้ว คนตัวเล็กเลยจัดการเลือกของทั้งหมดด้วยตัวเองพร้อมกับหันมาถามความเห็นของคิวเรื่อย ๆ
“พวกมึง...นั่นซันใช่ป่ะ”
ในระหว่างที่กำลังเลือกสายตาของเพชรก็เหลือบไปเห็นสมบัติของคณะวิศวะที่ยืนอยู่กับบุคคลที่เขาไม่คิดว่าสองคนนี้จะมาด้วยกันได้ คนตัวเล็กจึงรีบสะกิดเพื่อน ๆ ให้หันไปดู
“เออซันแต่ข้าง ๆ มันนั่นไอ้บีสท์ไม่ใช่หรือวะ”
จิมมี่ขมวดคิ้วเข้าหากันด้วยความงงงวย
“กูว่าใช่แต่เขาไปรู้จักกันได้ไงวะ หมอนั่นมันลึกลับจะตาย”
“ไม่ต้องไปยุ่งเรื่องของเขาหรอกน่า โน่นมันไม่ได้มากันสองคนเสียหน่อย แพรวเดินมาโน่นแล้ว”
คิวบอกพร้อมกับบุ้ยหน้าไปทางหญิงสาวที่เดินเข้าไปหาคนทั้งคู่นั้นไม่ได้ทำให้ความสงสัยของที่เหลือคลายลงเลยแม้แต่น้อย พวกเขารู้...ว่าแพรวเพื่อนของภาณินเป็นเพื่อนกลุ่มเดียวกับบีสท์ชายหนุ่มผู้ลึกลับของมหาวิทยาลัยแต่ที่พวกเขาไม่เข้าใจก็คือซันไปสนิทสนมกับสองคนนั้นตั้งแต่เมื่อไหร่กัน
ใคร ๆ ในมหาวิทยาลัยต่างก็รู้ดีถึงกิตติศัพท์ของชายหนุ่มคนนั้น พูดน้อยเข้าถึงตัวยากเพื่อนในคณะแทบจะไม่มีใครที่เจ้าตัวสนิทด้วยเลยสักคนนอกจากเพื่อนมัธยมอย่างแพรวที่เรียนอยู่มหาวิทยาลัยเดียวกันเพียงคนเดียว แล้วการที่มันมากับสมบัติของคณะวิศวะที่เข้าถึงตัวยากไม่แพ้กันเนี่ย จะไม่ให้พวกเขาสงสัยได้อย่างไร
“เฮ้ยนั่นมันคนที่ชนกูนี่”
จิมมี่ถองสีข้างคิวเต็ม ๆ เมื่อเห็นหญิงสาวอีกสองคนที่เดินมาสำทบกับสามคนนั้นแล้วยังมีผู้ชายอีกคนเดินตามหลังมาด้วย
“รู้จักกันหรอวะ”
เพชรหันมาถามเมื่อได้ยินที่จิมมี่พูด
“เปล่าแต่สองคนนั้นเมื่อกี้เขาเดินชนกู”
“ไม่บอกมันด้วยล่ะว่ามึงถูกเขาเมิน”
“ไอ้สัดคิว”
คิวยักคิ้วกวน ขอเอาคืนหน่อยเถอะเมื่อครู่ที่ศอกมันกระแทกมาเจ็บชิปเป๋ง หมาเพชรพอได้ยินดังนั้นก็ล้อเลียนเพื่อนเป็นการใหญ่แทบจะถูกจิมมี่มันงับหัวเข้าให้เอ็มมันถึงจัดการแยกสองคนออกจากกัน
“กูสงสัยไม่ไหวละเดี๋ยวกูมานะพวกมึง”
ว่าแล้วเพชรก็เดินตรงไปยังกลุ่มนั้นร้อนถึงพวกคิวต้องรีบเดินตามมันไป จริง ๆ ก็ไม่ปฏิเสธหรอกว่าพวกเขาก็อยากรู้เช่นกัน
“ซัน...โอ้ซันจริง ๆ ด้วย มาทำไรอ่ะ”
คิวส่ายหัวกับท่าทีเสแสร้งของเพื่อนที่แสนจะแนบเนียน จิมมี่เองก็ด่าเพื่อนตัวเล็กออกมาแบบไม่มีเสียงว่า ตอแหล
คนถูกเรียกหันมาตามเสียงเลิกคิ้วแปลกใจเล็กน้อยที่เห็นเพื่อนร่วมคณะไม่เพียงเท่านั้นอีกห้าคนที่ยืนอยู่ก็หันมาสนใจผู้มาใหม่ด้วยเช่นกัน
“อ้าวเพชร หวัดดี หวัดดีคิว เอ็ม จิมมี่ กูมาซื้อของน่ะ”
“อ่าฮะ พวกกูก็มาซื้อของเหมือนกัน ว่าแต่มาด้วยกันหรอ”
เพชรไม่เก็บความสงสัยไว้นานคนตัวเล็กถามพร้อมกับบุ้ยหน้าไปยังกลุ่มคนที่เหลือ ใบหน้าหวานราวกับหญิงสาวเลิกคิ้วแล้วหันไปมองข้างกายก่อนจะหันกลับมาพยักหน้าเป็นการตอบรับ
“อืมมาด้วยกัน”
เพชรอ้าปากพะงาบเพราะไม่รู้จะต่อบทสนทนาอย่างไรดี ปกติก็ไม่ค่อยได้คุยกับซันอยู่แล้วแล้วอีกคนก็เป็นประเภทที่ถามคำตอบคำอย่างเช่นเมื่อสักครู่ด้วย จะถามมากกว่านี้ก็กลัวจะโดนด่าว่าเสือกแต่คงเพราะหน้าตาอยากรู้อยากเห็นของพวกเขา แพรวเพื่อนที่มหาลัยของภาณินจึงเป็นผู้กอบกู้สถานการณ์ขึ้นมา
“พวกเรามาซื้อของสดไปทำกินกันน่ะขอแนะนำตัวหน่อยนะ เราแพรวพวกนายคงรู้จัก นี่บีสท์เดาว่าก็คงรู้จักกันอีกใช่ไหม”
พวกคิวพยักหน้ารับ หญิงสาวยิ้มก่อนจะแนะนำอีกสามคนที่เหลือ
“นี่แจม แตงกวา แล้วก็ยูเป็นเพื่อนของเรากับบีสท์เองอยู่คนละมหาลัยกันน่ะ”
“อ่า...สวัสดีนะทุกคน”
ทั้งหมดก้มหัวทักทายกันเล็กน้อยก่อนที่จิมมี่จะเป็นฝ่ายเปิดบทสนทนาขึ้นบ้าง
“โลกกลมจังเลยนะครับ”
“ค่ะ ขอโทษด้วยนะเมื่อกี้”
แตงกวาสาวแว่นยิ้มแหยก้มหัวขอโทษแล้วหันไปบอกกับเพื่อนของเธอ
“เมื่อกี้กูเล่นกับแจมมันจนไปชนเขาแหละ”
“ซุ่มซ่าม”
เสียงทุ้มดังขึ้นหลังจากเงียบอยู่นาน แตงกวาหันขวับไปมองคนพูดทันที
“คนที่แยกแม้กระทั้งต้นหอมกับผักชีไม่ออกอย่างมึงไม่มีสิทธิ์มาว่ากูนะบีสท์”
“พอ ๆ พวกมึงนี่นะ ไปก่อนนะพวกแก ไงก็สวัสดีปีใหม่ล่วงหน้านะ”
“อ่า..ครับ ๆ สวัสดีปีใหม่ครับ”
ทั้งหกคนจากไปแล้วแต่พวกคิวที่ยืนอยู่ยังไม่คลายความสงสัย จนคิวเป็นผู้เริ่มบทสนทนาขึ้นแต่จี๊ดใจจิมมี่อย่างจัง
“โดนเมินรอบสองว่ะ”
“ไอ้สั๊ด!”
จิมมี่ด่ากลับอย่างหงุดหงิดโดยมีเอ็มกับคิวหัวเราะเยาะเย้ยอยู่ข้าง ๆ จะมีก็แต่เพื่อนตัวเล็กที่หน้านิ่วคิ้วขมวดไม่คลายอยู่นั่น
“เป็นอะไรอีกเปี๊ยก”
เอ็มอดไม่ได้ที่จะถาม
“กูว่าคู่นั้นแปลก ๆ”
“คู่ไหน”
“บีสท์กับซัน”
“องค์อาจารย์เพชรลงอีกแล้วรึไงมึง”
คิวว่าขำ ๆ แล้วตบบ่าเพื่อน
“ไม่ต้องไปยุ่งเรื่องของคนอื่นหรอกน่า ไป ๆ วันนี้กูต้องกลับไปจัดห้องด้วย”
เพชรยอมเดินไปตามแรงดึงของเพื่อนตัวใหญ่แต่ความสงสัยในใจของเขายังไม่คลายลง มันแปลกจริง ๆ นะอาจารย์เพชรรู้สึกได้ ว่าแต่...การที่ซันมาสนิทสนมกับอีกคนนี้พ่อ ๆ มันที่มหาลัยจะรู้เรื่องกันรึยัง แล้วนี่หรือเปล่าที่คิงกับสามมันบอกว่าช่วงนี้ซันแปลกไป
หึหึหึ ลูกสาวพวกมึงกำลังจะออกเรือนแล้วว่ะ
tbc.
Talk. พาร์ทนี้เป็นของคนอื่นเสียเยอะ ไม่มีอะไรค่ะปูทางสู่เรื่องใหม่เฉย ๆ 5555555 พี่พีทกับคิวเดินทางมาสู่กลางเรื่องแล้วค่ะ เราคาดว่าไม่น่าจะเกิน 30 ตอนบวกตอนของน้องเพชรด้วยเพราะฉะนั้น ฝากโฉมงามกับเจ้าชายอสูรไว้ด้วยนะคะ อิอิ เดี๋ยวดึกมาก ๆ ลงอีกตอนนะคะ ขอแก้คำผิดนิดนึง
รักคนอ่านที๋สวดดดดดดด
แล้วก็ สวัสดีปีใหม่ค่า