Feel คนเจ้าอารมณ์ [จบแล้ว]
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: Feel คนเจ้าอารมณ์ [จบแล้ว]  (อ่าน 343347 ครั้ง)

ออฟไลน์ memew

  • ขอบคุณที่เข้ามาอ่านจ้าาา
  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 456
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +382/-10
    • :: Memew แฟนเพจ :
Feel คนเจ้าอารมณ์ [จบแล้ว]
« เมื่อ10-06-2016 07:53:19 »

ข้อตกลงในการเข้ามาในเล้าเป็ดนะครับ กรุณาอ่านทุกคนนะครับ
เล้าแห่งนี้เป็นที่ที่คนชื่นชอบนิยาย boy's love หรือชายรักชาย หากใครหลงมาแล้วไม่ชอบ
กรุณากดกากบาทสีแดงมุมด้านขวาบนออกไปด้วยนะครับ


ติดตามกฏเพิ่มเติมที่กระทู้นี้บ่อยๆ เมื่อมีการแก้ไขกฏจะแก้ไขที่กระทู้นี้นะครับ
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0

ประกาศทั่วไปติดตามอัพเดทกันที่นี่
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.0

ประกาศ กฎที่อื่นมีไว้แหก แต่ห้ามมาแหกที่นี่

1.ห้ามมิให้ละเมิดสิทธิส่วนตัวของคนแต่งและบุคคลในเรื่องทั้งหมด
การสนใจและชื่นชอบนิยายและเรื่องเล่าของคนในเรื่องควรมีขอบเขตที่จะไม่สร้างความเดือดร้อนให้เจ้าของเรื่อง เช่นเดียวกับเป็ดที่ตอนนี้ถูกรังควานตามหาตัวจากคนด้านต่างๆ จนตัดสินใจไม่เล่าเรื่องต่อ.........เนื่องจากบางเรื่องเป็นเรื่องเล่า.....................บางคนไม่ได้เปิดเผยตัวตน  เขาพอใจจะมีความสุขในที่เล็กๆแห่งนี้โดยไม่ได้ตั้งใจให้คนภายนอกได้รับรู้เรื่องราวแล้วนำไปพูดต่อ   เพราะปฎิเสธไม่ได้ว่าสังคมไม่ได้ยอมรับพวกเราสักเท่าไหร่

2.ห้ามมิให้โพสต์ข้อความ รูปภาพ ใช้ลายเซ็นหรือรุปส่วนตัวหรือสื่อใดๆที่ก่อให้เกิดความขัดแย้ง ไม่แสดงความเคารพ, หมิ่นประมาท,
หยาบคาย, เป็นที่รังเกียจ, ไม่เหมาะสม,ติดเรท x,ทำให้กระทู้กลายพันธ์,ไม่เกี่ยวพันกับนิยายที่ลง
หรืออื่นๆที่ขัดต่อกฎหมาย,ห้ามโพสกระทู้ที่จะสร้างประเด็นความขัดแย้ง  ในเรื่อง การเมือง ศาสนา พระมหากษัตริย์
และสถาบันต่าง ๆ  รวมถึงกระทู้ที่จะสร้างความแตกแยก  ชวนวิวาท ของสมาชิกภายในเวปบอร์ด
การกระทำเช่นนั้นอาจทำให้คุณแบนทันที และถาวร . หมายเลข IP ของทุกโพสต์จะถูกบันทึกเพื่อใช้เป็นหลักฐาน
ในความเป็นจริงเป็นไปได้ยากมากที่จะให้แต่ละคนมีความคิดเห็นตรงกันทั้งหมด   คนเรามากมายต่างความคิดต่างความเห็น เติบโตมาภายใต้ภาวะแวดล้อมต่างกันการแสดงความคิดเห็นที่แตกต่าง   จึงควรทำเพื่อให้เกิดความเข้าใจกัน แบ่งปันประสบการณ์และมิตรภาพเพื่ออาจเป็นประโยชน์ในการใช้ชีวิต  และไม่ว่าจะอย่างไรก็ควรเคารพในความคิดเห็นที่แตกต่างของบุคคลอื่นช่วยกันสร้างให้บอร์ดนี้มีแต่ความรักนะครับ   

เรื่องบางเรื่องอาจจะเป็นทั้งเรื่องแต่งหรือเรื่องเล่าใดๆก็ขอให้ระลึกเสมอว่า  อ่านเพื่อความบันเทิงและเก็บประสบการณ์ชีวิตที่คุณไม่ต้องไปเจอความเจ็บปวดเล่านั้นเองเพื่อเป็นข้อเตือนใจ สอนใจในการตัดสินใจใช้ชีวิต   จึงไม่ต้องพยายามสืบหาว่าเรื่องจริงหรือเรื่องแต่งส่วนการพูดคุยนั้น   ก็ประมาณอย่าทำให้กระทุ้กลายพันธุ์ห้ามเอาเรื่องส่วนตัวมาปรึกษาพูดคุยกันโดยที่ไม่เกี่ยวพันกับเรื่องในกระทู้นิยาย  ถ้าจะวิจารณ์หรือแสดงความคิดเห็นทุกคนมีสิทธิแต่ขอให้ไปตั้งกระทู้ที่บอร์ดอื่นที่ไม่ใช่ที่นี่นะครับ

3.การนำเรื่อง ข้อความ รูปภาพมาโพส หรือนำข้อความใดๆไปโพสที่อื่นๆ กรุณาพยายามติดต่อเจ้าของเรื่องเท่าที่จะทำได้หรือแจ้งมายังบอร์ดนี้ก่อนนะครับ  เนื่องจากเจ้าของเรื่องบางครั้งไม่ต้องการให้คนที่ไม่ได้ชื่นชอบนิยายชายรักชายเข้ามารับรู้  ลิขสิทธิ์ทั้งหมดเป็นของเจ้าของคนที่ทำขึ้นและเวปแห่งนี้นะครับ

4.ห้ามแจกเบอร์ แลกเมล บอกเมล แลก msn บนบอร์ด โดยเฉพาะการบอกเบอร์ หรือเมลของคนอื่นโดยที่เจ้าของไม่ยินยอมให้ส่งหรือติดต่อกันทางพีเอ็มจะปลอดภัยกว่าแล้วเมื่อมีการติดต่อสื่อสารกันให้พึงระวังถึงความปลอดภัย ความไม่น่าไว้ใจของผุ้คนทุกคนแม้จะมีชื่อเสียงในบอร์ดเป็นเรื่องส่วนตัวของแต่ละคนไป เพื่อลดความขัดแย้งภายในเล้า จึงไม่สนับสนุนให้มีการจีบกันในบอร์ดนะครับ

5.ห้ามจั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” นักเขียนทุกคนอย่าโกหกคนอ่านว่าเป็นเรื่องจริงในกรณีแต่งเติมเพิ่มแม้แต่นิดเดียวให้ชี้แจงว่าเป็นเรื่องแต่งแม้จะแต่งเพิ่มขึ้นแค่ไม่ถึง 10 % ก็ตาม
เพราะแม้จะเป็นเรื่องที่เขียนจากเรื่องจริง เมื่อนำมาพิมพ์เป็นเรื่องผ่านตัวอักษร ย่อมเลี่ยงไม่ได้ที่จะมีการเพิ่มเติมเพื่อให้เกิดสีสันในเนื้อเรื่อง ทางเล้าถือว่านั่นคือการเพิ่มเติมเนื้อเรื่อง จึงไม่อนุญาตให้จั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” แต่สามารถแจ้งว่าเป็น “นิยายที่อ้างอิงมาจากชีวิตจริง” ได้  มีคนมากกมายทะเลาะเสียความรู้สึกเพราะเรื่องนี้มามากแล้ว

6.การพูดคุยโต้ตอบระหว่างคนเขียนและคนอ่านนอกเรื่องนิยาย  ทำได้  แต่อย่าให้มากนัก เช่น คนเขียนโพสนิยายหนึ่งตอน ก็ควรตอบเพียงคอมเม้นต์เดียวก็พอแล้ว  โดยสามารถใช้ปุ่ม Insearch qoute  ได้    ถ้าจะพูดคุยกันมากขึ้นแนะนำให้ไปตั้งกระทู้ใหม่ที่ห้องพูดคุยทั่วไป และลงลิงค์จากนิยายไปยังกระทู้พูดคุยกับแฟนคลับนิยายในรีพลายแรกด้วยนะครับ เพราะการที่คนเขียนและแฟนคลับพูดคุยกันมากทำให้หานิยายที่จะอ่านยาก ไม่เจอ ลำบากกับคนที่ไม่ได้เข้ามาตามอ่านทุกวัน

7. การกดบวกให้เป็ดเหลือง
      7.1 นิยาย 1 ตอน  จะให้ขึ้น Top list แค่ 1 Reply เท่านั้น ถ้าขึ้นเกิน จะลบคะแนนออก เหลือเฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด
      7.2 นิยาย 1 เรื่อง จะให้ขึ้น Top list ไม่เกิน 3 Reply ถ้าเกิน จะลบคะแนนออก ให้เหลือ เฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด ลงมาตามลำดับ
      7.3 Post ในห้องอื่น ๆ ก็จะใช้ หลักการเดียวกันนี้ เช่นกัน ยกเว้น
            - 1 Reply ที่เกินมานั้น โมทั้งหลาย พิจารณาดูแล้วว่า ไม่เป็นการปั่นโหวต และเป็น Reply ที่น่าสนใจและเป็นที่ชื่นชอบจริง ๆ

8.Administrator และ moderator ของ forum นี้ มีสิทธิ์อ่าน, ลบ หรือแก้ไขทุกข้อความ. และ administrator, moderator หรือ webmaster ไม่สามารถรับผิดชอบต่อข้อความที่คุณได้แสดงความคิดเห็น (ยกเว้นว่าพวกเขาจะเป็นผู้โพสต์เอง).

9.คุณยินยอมให้ข้อมูลทุกอย่างของคุณถูกเก็บไว้ในฐานข้อมูล. ซึ่งข้อมูลเหล่านี้จะไม่ถูกเปิดเผยต่อผู้อื่นโดยไม่ได้รับการยินยอมจากคุณ .Webmaster, administrator และ moderator ไม่สามารถรับผิดชอบต่อการถูกเจาะข้อมูล แล้วนำไปสร้างความเดือดร้อนต่างๆ

10.ห้ามลงประกาศลิงค์โปรโมทเวป  โฆษณา หรือโปรโมทในเชิงธุรกิจใดๆ ทุกชนิด ลงได้เฉพาะในห้องซื้อขาย ในเมื่อแนะนำเวปอื่นที่บอร์ดเรา ก็ช่วยแนะนำบอร์ดเราโดยลงลิงค์บอร์ดเรา เวป http://www.thaiboyslove.com  ในบอร์ดที่ท่านแนะนำมาให้เราด้วย  เมื่อจำเป็นต้องแนะนำลิงค์ให้ส่งลิงค์กันทาง personal message หรือพีเอ็มแทนนะครับจะสะดวกกว่า ส่วนในกรณีอยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนๆได้อ่านจริงๆนั้นพยายามลงให้ห้องซื้อขายซะ หรือถ้าม๊อดเดอเรเตอร์จะพิจารณาเป็นกรณีๆไป ถ้ารู้สึกว่าไม่ได้โปรโมทเวป แต่อยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนด้วยใจจริงจะให้กระทู้นั้นคงอยู่ต่อไป

11.บอร์ดนิยายที่โพสจนจบแล้วมีไว้สำหรับนิยายที่โพสในบอร์ด boy's love จนจบแล้วเท่านั้น จึงจะถูกย้ายมาเก็บไว้ที่นี่ หาอ่านนิยายที่จบแล้ว หรือคนเขียนไม่ได้เขียนต่อ แต่โดยนัยแล้วถือว่าพล็อตเรื่องโดยรวมสมควรแก่การจบแล้ว หากนักเขียนท่านใดได้พิมพ์เล่มกับสำนักพิมพ์ ต้องการลบเรือ่งบางส่วนออก โดยเฉพาะไคลแม๊ก หรือตอนจบที่สำคัญ ให้แจ้ง moderator ย้ายนิยายของท่านสู่ห้องนิยายไม่จบ เพื่อที่หากระยะเวลาเกินหกเดือนแล้ว เราจะได้ทำการลบทิ้ง หรือท่านจะลบนิยายดังกล่าวทิ้งเสียก็ได้ เนื่องจากบอร์ดนี้เก็บเฉพาะนิยายที่จบแล้ว

บอร์ดนิยายที่ยังไม่มาต่อจนจบไว้สำหรับ
นิยายที่คนเขียนไม่ได้มาต่อนาน หายไปโดยไม่มีเหตุผลสมควร ไม่ได้แจ้งไว้หรือแจ้งแล้วก็ไม่มาต่อ 3 เดือน จะย้ายมาเก็บในนี้เมื่อครบหกเดือนจะทำการลบทิ้ง ส่วนเรื่องไหนที่จะต่อก็ต่อในนี้จนกว่าจะจบ แล้วถึงจะทำการย้ายไปสู่บอร์ดนิยายจบแล้วต่อไป

12.ห้ามนำเรื่องพิพาทต่างๆมาเคลียร์กันในบอร์ด

13.ผู้โพสนิยาย และเขียนนิยายกรุณาโพสให้จบ ตรวจสอบคำผิดก่อนนำมาลงด้วยครับ

14.ส่วนคนอ่านทุกท่าน เวลาอ่านนิยาย เรื่องที่คนเขียนเขียน  ก็ไม่ต้องไปอินมากนะครับ ให้เก็บเอาสิ่งดีๆ ประสบการณ์ ข้อคิดดีๆไปนะครับ

15. การนำรูปภาพ บทความ ฯลฯ มาลงในเวปบอร์ด  ควรจะให้เครดิตกับ... 
(1) ผู้ที่เป็นต้นตอเจ้าของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ
(2) เวปไซต์ต้นตอที่อ้างอิงถึง
....ในกรณีที่เป็นบทความที่ถูกอ้างอิงต่อมาจากเวปไซต์อื่นๆ
- ถ้ามีแหล่งต้นตอของเจ้าของบทความ  ให้โพสชื่อเจ้าของต้นตอของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ  พร้อมทั้งเวปไซต์ที่อ้างอิง 
  (กรณีนี้จะโพสอ้างอิงชื่อผู้โพสหรือเวปไซต์ที่เรานำมาหรือไม่ก็ได้ แต่ควรมั่นใจว่าชื่อต้นตอของที่มาถูกต้อง)
- ถ้าไม่สามารถหาชื่อต้นตอของรูปภาพหรือเวปไซต์ที่นำมาได้ ควรอ้างอิงชื่อผู้โพสและเวปไซต์จากแหล่งที่เรานำมาเสมอ
- ควรขออนุญาติเจ้าของภาพหรือเจ้าของบทความก่อนนำมาโพสค่ะ(ถ้าเป็นไปได้) ยกเว้นพวกเวปไซต์สาธารณะ เช่น  หนังสือพิมพ์ออนไลน์ ฯลฯ ที่เปิดให้คนทั่วไปได้อ่านเป็นสาธารณะ ก็นำมาโพสได้ แต่ให้อ้างอิงเจ้าของชื่อและแหล่งที่มาค่ะ
- ไม่ควรดัดแปลงหรือแก้ไขเครดิตที่ติดมากับรูปหรือบทความก่อนนำมาโพส
- ถ้าเป็น FW mail  ก็บอกไปเลยว่าเอามาจาก FW mail

16.นิยายเรื่องไหนที่คิดว่าเมื่อมีการรวมเล่มขายแล้วจะลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออก กรุณาอย่าเอามาลงที่นี่ หรือสำหรับผู้ที่ขอนิยายจากนักเขียนอื่นมาลง ต้องมั่นใจว่าเรื่องนั้นจะไม่มีการลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออกเมื่อมีการรวมเล่มขาย อนึ่ง เล้าไม่ได้ห้ามให้มีการรวมเล่มแต่อย่างใด สามารถรวมเล่มขายกันได้ แต่อยากให้เคารพกฎของเล้าด้วย เล้าเปิดโอกาสให้ทุกคน จะทำมาหากิน หรืออะไรก็ตามแต่ขอความร่วมมือด้วย เผื่อที่ทุกคนจะได้อยู่อย่างมีความสุข

17.ห้ามแจ้งที่หัวกระทู้เกี่ยวกับการจองหรือจัดพิมพ์หนังสือ แต่อนุโลมให้ขึ้นหัวกระทู้ว่า “แจ้งข่าวหน้า...” และลงลิงค์ที่ได้ตั้งเอาไว้ในแล้วในห้องซื้อขายลงในกระทู้นิยายแทน  ถ้านักเขียนต้องการประชาสัมพันธ์เกี่ยวกับการจอง หรือจัดพิมพ์หนังสือของตนเองผ่านกระทู้นิยายของตนเอง  นิยายเรื่องดังกล่าวจะต้องลงเนื้อหาจนจบก่อน (ไม่รวมตอนพิเศษ) จึงจะทำการประชาสัมพันธ์ในกระทู้นิยายได้ (ศึกษากฏการซื้อขายของเล้่าก่อน ด้วยนะคะ)

เอาข้อสำคัญก่อนนะครับเด่วอื่นๆจะทำมาเพิ่มครับเอิ้กๆหุหุ
admin
thaiboyslove.com.......................................                                                           

วันที่ 3 ธ.ค. 2551วันที่ 16 ก.ย. 2554 ได้เพิ่มกฏ ข้อที่ 7
วันที่ 21 ต.ค.2556 ได้ปรับปรุงกฏทั้งหมดเพื่อให้แก้ไข และติดตามได้ง่าย

เวปไซต์แห่งนี้เป็นเวปไซต์ส่วนบุคคลที่ได้รับความคุ้มครองจากกฏหมายภายในและระหว่างประเทศ การเข้าถึงข้อมูลใดๆบนเวปไซต์แห่งนี้โดยไม่ได้รับความยินยอมจากผู้ให้บริการ ถือว่าเป็นความผิดร้ายแรง

ข้อความใดๆก็ตามบนเวปไซต์แห่งนี้ เกิดจาการเขียนโดยสมาชิก และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ ผู้ดูแลเวปไซต์แห่งนี้ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย และไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆ  โปรดใช้วิจารณญาณของท่านที่เข้าชม และ/หรือ ท่านผู้ปกครองในการให้ลูกหลานเข้าชม


_____________________________________________________________________________
FEEL คนเจ้าอารมณ์

Noteพิเศษจากคนเขียน : นิยายเรื่องนี้มี 4 คู่ (เขียนจบทีละคู่) แต่คนเขียนเอาเฉพาะคู่ที่ 4 นาคินทร์อนุชามาอัพให้อ่านกันก่อน(จบแล้ว) ตอนนี้กำลังจะไล่อัพคู่ที่ 1-3 ให้อ่านย้อนหลังกันจนครบค่ะ


4 เรื่องราวความรักของคน 4 คู่
หนึ่ง 'แซ่บโหด' พี่ชายกับกวินทร์   
"สิ่งที่แรกที่ผมเห็นหลังเปิดประตูบานนั้นออก คือชายหนุ่มที่กำลังเปลือยเปล่า ร่างกายพร้อมรบเต็มที่ นาทีถัดมา เขาก็ไล่คู่ขาทิ้ง แล้วหลังจากนั้น เขาก็ให้ผมทำหน้าที่นั้นแทน"

สอง 'แซ่บยั่ว' พี่เชนทร์ชยันต์
"ก็ผมอยากรู้นี่ ว่านอนกับผู้ชายด้วยกันมันเป็นยังไง ให้ไปหาคนอื่นก็ไม่น่าไว้ใจ พี่ชายนี่แหล่ะ หล่อด้วย ไว้ใจได้ด้วย"

สาม 'แซ่บฮา' วิลเลี่ยมเชิดวุธ
"ผมถูกเพื่อนไหว้วานให้พาฝรั่งเที่ยว แต่มันดันไม่ยอมบอกว่าต้องพาเที่ยวด้วยเป็นคู่นอนด้วยนี่สิ!!"

สี่ 'แซ่บละมุน'
คุณหนูอนุชาผู้สูงศักดิ์หลงรักนาคินทร์คนสวนสุดหล่อผู้เจียมเนื้อเจียมตัว (แต่แอบหื่น)
อนุชา "ยั่วไปขนาดนั้น เขาจะหลงผมบ้างไหมนะ"
นาคินทร์ "อยากบอกคุณหนูเหลือเกิน ความอดทนของนาคินทร์มีจำกัดนะครับคุณหนู"

...............................................................................
สารบัญ


คู่ที่ 1 พี่ชายกวินทร์

ตอนที่ 1 พายุอารมณ์
ตอนที่ 2 บังคับฝืนใจ
ตอนที่ 3 ไข้รุมเร้า & ตัดสัมพันธ์
ตอนที่ 4 จากน้องชายกลายเป็นเมีย
ตอนที่ 5 ล่ามไว้ในอ้อมแขน
ตอนที่ 6 รองรับอารมณ์
ตอนที่ 7 กลั้นแกล้งให้ร้องขอ ปลุกเร้าให้สมยอม
ตอนที 8 ก้าวเข้าสู่ห้องขุมขังอีกครั้ง (จบ คู่ที่ 1)



คู่ที่ 2 พี่เชนทร์ชยันต์
ตอนที่ 1 ค้นพบ
ตอนที่ 2 ภารกิจยั่วพระอิฐพระปูน
ตอนที่ 3 ยั่ว...อีกนิด<
ตอนที่ 4 พระอิฐเริ่มร้าว
ตอนที่ 5 พระอิฐแตกพ่าย (จบคู่ที่ 2)


คู่ที่ 3 วิลเลี่ยมเชิดวุธ
ตอนที่ 1 แรกพบ...สบจูบ
ตอนที่ 2 เอาเวอร์จิ้นกูคืนมา!!
ตอนที่ 3 ไม่ไม่ไม่ ผมไม่ได้หวั่นไหวเลยจริงๆ!!
ตอนที่ 4 เอ้อ! ยอมรับว่ารักก็ได้
ตอนที่ 5 ดอกไม้กับชายปริศนา (รออัพ) (จบคู่ที่ 3)



คู่ที่ 4 นาคินทร์อนุชา

ตอนที่ 1 คนสวนของบ้าน
ตอนที่ 2 คนเก่าเวอร์ชั่นใหม่
ตอนที่ 3 หวั่นไหว   [ (ต่อ)
ตอนที่ 4 ปุโรทั่ง   (ต่อ)
ตอนที่ 5 รู้ใจตัวเอง   (ต่อ)
ตอนที่ 6 ลิฟต์ค้าง & ยั่วเบาๆ    (ต่อ)
ตอนที่ 7 แอบยั่ว & ฝัน   (ต่อ)
ตอนที่ 8 ดินกับดาว & เมา   (ต่อ)
ตอนที่ 9 หัวใจเต้นแรง   (ต่อ)
ตอนที่ 10 อยากยั่ว & โดนยา    (ต่อ 1)       (ต่อ 2)
ตอนที่ 11 กลืนกินกันและกัน    (ต่อ)
ตอนที่ 12 อิงแอบแนบชิด   (ต่อ)
 

ตอนที่ 13 ออกเดินทาง   (ต่อ)
ตอนที่ 14 ค่ำคืน ท้องฟ้า ดวงดาว หิ่งห้อย   (ต่อ)
ตอนที่ 15 สองร่างรวมเป็นหนึ่ง   (ต่อ)
ตอนที่ 16 หัวใจตรงกัน   (ต่อ) จบคู่ที่ 4





_________________
นิยายเรื่องนี้รวมเล่มแล้วค่ะ >>https://goo.gl/aJFpH5

นิยายทั้งหมด
1. Hate Love ทาสแค้น : https://goo.gl/nwWsdb
2ฺ. Kiss love รักวุ่นวายนายสุดหล่อ : https://goo.gl/vbdhLK
3. Boyfriends [3P] : https://goo.gl/K4JVyr
4ฺ. Brother พี่ตัวร้ายกับนายตัวดี : https://goo.gl/93jMvE
5. Feel คนเจ้าอารมณ์ : https://goo.gl/xJFfUx
Share This Topic To FaceBook
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 18-06-2018 19:14:34 โดย memew »

ออฟไลน์ memew

  • ขอบคุณที่เข้ามาอ่านจ้าาา
  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 456
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +382/-10
    • :: Memew แฟนเพจ :
 
เรื่อง : Feel คนเจ้าอารมณ์
คู่ที่ 4 : #นาคินทร์อนุชา
เขียนโดย : +Memew+
+CHAPTER 01 : คนสวนของบ้าน



“อย่าจับครับคุณหนู!!”
ผมสะดุ้งเฮือก หยุดมือที่กำลังจะจับกระถางต้นไม้สีน้ำตาลเก่า ๆ ที่วางไม่เรียบร้อยอยู่ กะจะจับให้มันเข้าที่เข้าทางนั่นแหละ ผมหันไปมอง
 
คนสวนประจำบ้านเดินตรงเข้ามาหา สีหน้าดูตกใจนิด ๆ แต่งตัวสไตล์เดิมคือใส่เสื้อยืดสีมอ ๆ ไม่รู้มอเพราะสีกับเนื้อผ้าของเสื้อหรือเพราะมันถูกดินโคลนมากไปกันแน่ กางเกงสีกรมท่าไปทางดำ เขรอะไปด้วยดินโคลน สภาพประจำที่ผมเห็นจนชินตาตั้งแต่เล็กจนโต ใบหน้ารกรุงรังไปด้วยหนวดเครา ผมยาวระต้นคอ 
 
อายุสามสิบกว่า ๆ เป็นพ่อลูกหนึ่ง เมียตาย ยัยหนูแดงก็ถูกบรรดาแม่ ๆ ผมช่วยกันเลี้ยงดูมาจนโตเป็นสาว ตอนนี้เรียนอยู่มอต้นแล้ว บ้านเราไม่มีลูกสาว เราเลยเอ็นดูยัยหนูแดงค่อนข้างมาก หนูแดงก็เป็นเด็กดีด้วย 
 
“นาคินทร์” ผมเรียกงง ๆ เพราะไม่เข้าใจว่าทำไมต้องห้าม กะอีแค่จะยกกระถางต้นไม้
 
“กระถางต้นไม้ที่คว่ำอยู่ในลักษณะนี้มันเป็นที่อยู่ของพวกงูเงี้ยวเขี้ยวขอ ตะขาบบ้าง กิ้งกือบ้าง อย่าไปแตะเชียวนะครับ”
 
ผมรีบชักมือกลับขยับหนีทันที
 
“เห็นมันวางอยู่ เลยกะจะเก็บให้เข้าที่เข้าทาง”
 
“หลังฝนตกใหม่ ๆ แบบนี้ พยายามอย่ามาเดินในสวนดีกว่าครับคุณหนู เข้าบ้านเถอะ”
 
“ก็ฉันชอบออกมาเดินเล่นที่นี่นี่”
 
นาคินทร์ส่ายหัว
 
“เวลาอื่นดีกว่าครับ”
 
ผมเป็นคนชอบอยู่กับธรรมชาติมาตั้งแต่ไหนแต่ไรแล้ว ตอนเด็ก ๆ ผมก็ชอบมาเล่นในสวนนี้เป็นประจำ พอจบมอสามก็ถูกพ่อส่งไปเรียนโรงเรียนประจำที่ต่างประเทศเพิ่งกลับมาได้ไม่นาน กลับมาอีกทีต้นไม้ในบ้านสูงใหญ่กว่าเดิมหลายเท่ามาก
 
“ฉันอยากไปดูฐานลับของฉันหน่อย มันยังอยู่เหมือนเดิมไหม”
 
นาคินทร์ยิ้ม
 
“ทุกอย่างเหมือนเดิมครับ แต่อย่างที่ผมบอก รอให้แดดแรงกว่านี้ก่อนค่อยออกมา”
 
“ไม่เอา จะไปดูเดี๋ยวนี้” ผมเองก็ดื้อพอควร ถึงจะเป็นพี่ชายของน้อง ๆ อีกหลายคน ก็ใช่ว่าผมจะเอาแต่ใจไม่เป็น ขนาดพี่ชายที่เป็นพี่ใหญ่สุดยังเอาแต่ใจเลย ผมเองก็ทำได้เหมือนกัน
 
ผมเดินดุ่ย ๆ เข้าสวนไป คิดถึงรังเก็บสมบัติของเด็กน้อยซน ๆ คนหนึ่งที่ชอบเอาของเล่นมาซ่อนไว้เหมือนหมาซ่อนของเล่น ผมเดินลุยหญ้าที่ยังมีหยาดน้ำเกาะพร่างพราวเพราะฝนเพิ่งหยุดไป
 
“คุณหนู!” ได้ยินเสียงฝีเท้าหนัก ๆ วิ่งตามมา
 
ผมไม่สนใจเดินเร็วขึ้น ยังไงผมก็เป็นลูกเจ้าของบ้าน นาคินทร์ขัดขืนไม่ได้อยู่แล้ว ยังไม่ทันที่ผมจะก้าวถึงฐานทัพลับ เอวผมก็ถูกรวบแน่นด้วยวงแขนแข็ง ๆ ที่ผิวเนื้อกร้านแดด กำลังจะโวยวายถ้าว่าไม่เห็นงูตัวหนึ่งชูหัวแผ่แม่เบี้ยอยู่ตรงหน้า ผมยืนตัวแข็งทื่อ
 
งะ งู งูเห่าด้วย!
 
“ชู่ว ยืนอยู่เฉย ๆ ห้ามกระดุกกระดิก” ได้ยินเสียงกระซิบแผ่วจากเจ้าของวงแขนแกร่ง ผมรู้ว่าเขาเป็นคนต่างจังหวัดที่ทำงานหนักมาตลอดทั้งชีวิต และคนทำงานหนักก็มักจะมีร่างกายใหญ่โต แต่ไม่คิดว่าจะโตได้ขนาดนี้ กล้ามเนื้อแน่นพอ ๆ กับพวกเล่นกล้ามเลย
 
กลิ่นเหงื่อลอยคลุ้ง แผ่นหลังผมแนบติดอยู่กับแผงอกกว้าง ได้ยินเสียงเต้นเป็นจังหวะสม่ำเสมอ ผมยืนนิ่งนาคินทร์ก็ยืนนิ่ง ทำเสมือนเราสองเป็นเพียงแค่ต้นไม้สองต้นยืนเคียงข้างกันเท่านั้น
 
นาคินทร์มาทำงานที่บ้านเราได้ เพราะเขาเคยช่วยเหลือพ่อผมไว้จากการถูกพวกโจรปล้น ตอนนั้นนาคินทร์เสี่ยงเอาชีวิตตัวเองเข้าแลกเลยทั้ง ๆ ที่ก็ไม่เคยรู้จักมักจี่กันมาก่อน ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา พ่อก็รับนาคินทร์กับเมียมาเป็นหนึ่งในครอบครัวเรา เขาทำงานเป็นคนสวน เมียเป็นแม่บ้าน มาท้องและคลอดลูกที่นี่แหละ หลังจากนั้นอีกสองปีเมียนาคินทร์ก็ตาย
 
เพราะความที่เห็นกันมาตั้งแต่แรกคลอด บรรดาแม่ ๆ ผมจึงรับอาสาเลี้ยงดูให้อย่างที่ผมเคยบอก นาคินทร์จึงมีสภาพไม่ต่างกับคนในครอบครัวของเราคนหนึ่ง ไม่ใช่คนสวนแบบบ้านอื่น พ่ออยากมอบหมายให้นาคินทร์ทำอย่างอื่นด้วยซ้ำ แต่นาคินทร์เป็นคนไม่มีความรู้ ไม่มีการศึกษาอะไร เลยขอทำงานใช้แรงในสวนแบบนี้ไปเรื่อย ๆ
 
งูตัวนั้นชูหัวสูงกว่าเดิม หัวใจผมเต้นแรง แทบหยุดหายใจเอาให้ได้ แต่คนด้านหลังยังยืนนิ่ง กอดผมไว้แน่น กระทั่งงูตัวนั้นค่อย ๆ ลดแม่เบี้ยลง หดหัวเลื้อยหนีไป
 
ผมยังขยับขาไม่ออกเพราะความหวาดกลัว คนด้านหลังพ่นลมหายใจออกมาเบา ๆ
 
“ผมเตือนแล้วนะ แถวนี้แมลงกับงูมีพิษมันชุม สวนบ้านเรากลายเป็นสวนดิบไปแล้ว ไม่ได้โปรงโล่งเหมือนสมัยคุณหนูเด็ก ๆ สุ่มสี่สุ่มห้าเดินเข้ามาโดนงูฉกไปทำไง”
 
“นะ นี่มันในกรุงเทพนะ” ผมพูดตะกุกตะกัก เข้าใจว่าในเมืองไม่น่าจะมีสัตว์พวกนี้ได้
 
“ที่ไหนก็มีครับ บ้านเรานี่แหล่งเลย เพราะต้นไม้อุดมสมบูรณ์”
 
“ปล่อยไว้ได้ไง เกิดคนอื่นเดินมาแล้วโดนกัดเข้าล่ะ”
 
“ไม่มีใครในบ้านเขามาเดินเล่นในช่วงหลังฝนตกใหม่ ๆ แบบคุณหนูหรอกครับ ฤดูฝนตัดหญ้าไม่ทัน ค่อนข้างอันตราย”
 
ผมพยักหน้าเข้าใจ
 
“ถ้าคุณหนูยังอยากไปอยู่ เดี๋ยวนาคินทร์จะพาไป แต่ต้องให้นาคินทร์เป็นคนนำนะ”
 
ผมชั่งใจ
 
“เราจะเจอไอ้ตัวเมื่อกี้อีกหรือเปล่า”
 
“ถ้าเจอเดี๋ยวนาคินทร์จัดการมันเองครับ”
 
ผมยืนชั่งใจอีกรอบ ก่อนพยักหน้ารับ ผมเชื่อใจผู้ชายคนนี้อยู่แล้ว
 
นาคินทร์ก้าวนำอย่างมั่นคง ผมมองตามแผ่นหลังกว้างนั้น ตั้งแต่เด็ก ๆ แล้ว ผมมีความรู้สึกว่านาคินทร์เป็นผู้ชายที่ตัวใหญ่มาก ใหญ่พอ ๆ กับพวกฝรั่งเลย ส่วนผมตัวเท่าเดิมครับ ตอนไปสูงแค่ไหน(ผมตัวยืดเร็ว)กลับมาก็ยังเท่าเดิม เพิ่มเติมคืออ้วนขึ้นนิดหน่อย   
 
นาคินทร์สอดส่ายสายตาไปมา คงมองหาสัตว์ร้ายที่จะกล้ำกลาย ใกล้ถึงแล้วละครับ บ้านผมมีพื้นที่ค่อนข้างกว้าง ครึ่งหนึ่งเป็นสวนเพื่อความร่มรื่น อีกครึ่งเป็นส่วนของตัวบ้าน เพราะบ้านเราสมาชิกเยอะ พ่อหนึ่งแม่สี่ลูกสิบ ไม่นับรวมพ่อบ้าน คนใช้ คนสวน คนขับรถอีก
 
ไม่นานนาคินทร์ก็พาผมมาหยุดยืนอยู่หน้าฐานทัพลับของผม สภาพมันยังเหมือนเดิม
 
“เหมือนเดิมเลยเนอะ”
 
“ก็สัญญาไว้แล้วว่าจะดูแลรักษาให้”
 
“นาคินทร์นี่เป็นคนรักษาสัญญาเสมอจริง ๆ”
 
นาคินทร์ยิ้ม ผมขยับจะมุดเข้าไปแต่นาคินทร์ดึงแขนผมไว้
 
“อย่าครับ ไม่รู้ข้างในมีอะไรบ้าง ดูแค่ข้างนอกก็พอ”
 
ผมบู้หน้า เดินไปรอบ ๆ สภาพมันยังดีอยู่ ป้ายหน้าฐานลับก็ยังอยู่ ผมหัวเราะ
 
“นั่นต้นอะไร” ผมถามเมื่อเห็นต้นไม้แปลก ๆ ขึ้นใกล้ ๆ กับฐานลับ ก่อนไปไม่เห็นมี
 
“ต้นพิกุลไงครับ คุณหนูเป็นคนปลูกเองก่อนเดินทางไปเรียนต่อ ผมดูแลให้จนมันเติบโตนี่แหละ”
 
“เออใช่! ลืมไปเลย” ผมตาโตเพราะนึกได้ ขยับเข้าไปดูใกล้ ๆ “โอ้โห มันโตได้ขนาดนี้เลยเหรอ” ผมแหงนมองคอตั้ง
 
“ครับ ถ้าน้ำถึงปุ๋ยถึง มันจะโตเร็ว”
 
ผมพยักหน้าเข้าใจ
 
“แล้วนี่ผ้าอะไร เอามาผูกไว้ทำไม” ผมถามงง ๆ จับปลายผ้าสีขาวล้วนที่มัดอยู่กลางลำต้นขึ้นมาดู มีประมาณสามผืนมัดซ้อนกันไว้
 
“ของยายแหววน่ะครับ แกเป็นคนเอามาผูก เห็นฝันว่ามีผีเดินออกมาจากต้นพิกุลนี้ ใส่ชุดขาวทั้งตัวเลย เลยหาผ้าขาวมามัดให้ เห็นต้นเดือนกลางเดือนทีไรจะขนเอาพวกขนมหวานคาวดอกไม้ธูปเทียนมากราบไหว้เป็นประจำ คงขอหวยนั่นแหละถูกบ้างไม่ถูกบ้างไปตามประสา ถูกครั้งหนึ่งก็จะเอาผ้าผืนใหม่มาเปลี่ยนให้ที”
 
ผมรีบถอยกรูดทันที ความลับครับ ผมกล้าได้กับทุกเรื่องยกเว้นเรื่องผีสางนางไม้นี่แหละ ถ้าเป็นผ้าสามสีผมก็พอจะเดาออกอยู่หรอก
 
คงเพราะถอยมากไปเลยชนเข้าคนด้านหลังเต็ม ๆ
 
“จะ จริงเหรอ มะ มีจริงเหรอ” ผมถามเสียงเบา นาคินทร์หัวเราะ
 
“อะไรกันคุณหนู คิดว่าไปอยู่เมืองนอกเมืองนาจะเลิกกลัวแล้วซะอีก อย่ากลัวไปเลยครับ พิกุลต้นนี้คุณหนูเป็นคนปลูกเอง ไม่มีอะไรหรอก ถึงมีจริง เขาก็เป็นของคุณหนู คุณหนูอย่ากลัวเลยครับ”
 
ผมไม่พูดอะไร รีบจับแขนนาคินทร์ลากออกมาจากจุดนั้น บอกแล้วว่าผมกล้าได้กับทุกเรื่องยกเว้นเรื่องผี ๆ นี่แหละ
 
“เดี๋ยวครับคุณหนู!”
 
“ไม่เอาแล้ว ฉันกลัว” นาคินทร์หัวเราะ
 
“กลัวทำไมครับ มันทำอะไรคุณหนูไม่ได้หรอก”
 
“รู้ได้ไงว่าทำไมได้ เกิดมันเฮี้ยนจัด ๆ ออกจากต้นไม้มาบีบคอทำไง” ผมพูดซีเรียส ยังไม่หยุดลากมือนาคินทร์ออกไปให้พ้น ๆ จากสวนดิบชื้นนั้น กระทั่งมาโผล่ยังส่วนที่โล่ง
 
“ไม่หรอก คุณหนูกลัวไปเอง เสียงฟ้าผ่าละครับ คุณหนูยังกลัวอยู่ไหม”
 
ผมส่ายหัวไปมา
 
“อันนั้นไม่กลัวแล้ว”
 
“อันนั้นหายกลัวได้ แล้วทำไมถึงไม่หายกลัวผีล่ะครับ”
 
“ก็ผีมันน่ากลัวกว่าเสียงฟ้าผ่านี่” ผมเถียงกลับ นาคินทร์ส่ายหัว สายตาบ่งบอกว่าไร้สาระ
 
“แล้วทีตัวเองล่ะ ทำไมไม่คิดจะมีเมียใหม่ ได้ข่าวว่ามีสาวแก่แม่ม่ายมาติดเยอะแยะเลยนี่”
 
“ผมมันแค่คนสวน จะไปมีเงินทองที่ไหนดูแลใครได้ แค่ส่งเสียยัยหนูนี่ก็พอแล้ว”
 
“อย่ามาอ้าง พ่อฉันให้เงินนาคินทร์เยอะแยะ แต่นาคินทร์ไม่ยอมใช้เองเอาไปให้ลูกหมด”
 
“นาคินทร์แก่แล้วครับ”
 
“พ่อฉันแก่กว่านาคินทร์ยังมีเมียตั้งสี่”
 
“นาคินทร์งานยุ่งครับ”           
 
“นี่” ผมเบรกคนตัวสูงไว้ “อย่าหาข้ออ้าง เอาตรง ๆ ว่าทำไมไม่คิดจะมีเมียสักที”
 
“นาคินทร์มีแล้วนี่ครับ”
 
“ใคร” ผมถามงง ๆ เพราะไม่ได้ข่าวจริง ๆ
 
“ก็มะลิ”
 
“มะลิตายไปตั้งนานแล้ว”
 
“แต่มะลิไม่เคยตายไปจากหัวใจนาคินทร์” หนักแน่นดี ผมส่ายหัวอีกรอบ
 
“หัวโบราณ”
 
“ยอมรับครับ คุณหนูรีบเข้าบ้านเถอะ แถวนี้ยุงชุม”
 
ผมมองไปรอบ ๆ ยุงชุมอย่างที่นาคินทร์ว่าจริง ๆ ดีว่าผมใส่เสื้อกับกางเกงแขนยาวมา ผมแพ้ยุงครับ แล้วพวกนั้นก็ชอบเข้ามารุมกัดผมด้วย ผมโบกไล่เบา ๆ
 
“ทำไมยุงมันไม่กัดนายเลย” ผมถามอย่างสงสัย นาคินทร์ยกผ้าขาวม้าที่เคียนเอวมาถูเหงื่อตรงคอออกปื้ดใหญ่
 
“หนังนาคินทร์มันหนาเป็นยางรถยนต์ ไม่มีอะไรกัดเข้าหรอก”
 
“จริงเหรอ งั้นให้ฉันลองกัดดูไหมล่ะ” ผมท้าขำ ๆ นาคินทร์รีบถอยกรูด
 
“อย่าล้อเล่นสิครับ หนังคนแก่ทั้งเค็มทั้งเหนียว”
 
“ฉันก็ไม่อุตริจะกัดจริง ๆ หรอกน่า กลัวไปได้”
 
ผมแยกทางกับนาคินทร์แค่นั้นเดินเข้าบ้าน พลพรรคพ่อแม่พี่น้องอยู่กันครบหน้า มีหลายเรื่องที่ทำให้ผมช็อกหลังจากกลับมาอยู่บ้านไม่นาน
 
เรื่องแรก พี่ชายพี่คนโตของผมคบกับกวินทร์ลูกพี่ลูกน้อง พี่เชนทร์พี่ชายคนรองผมคบกับชยันต์น้องชายคนเล็กของบ้าน อยู่ต่างประเทศก็เห็นพวกนี้เยอะอยู่หรอก แต่ก็ไม่คิดว่าจะเกิดกับคนใกล้ตัว ที่หนักไปกว่านั้นคือไชยวุธ น้องชายคนที่หกของบ้านก็พลอยมีแฟนเป็นผู้ชายไปกับเขาด้วย ทราบประวัติแล้วก็แปลกดี พี่ชายนี่เกิดจากสันดานล้วน ๆ เหมือนพ่อ ใช้สมองล่างแทนสมองส่วนบน พี่เชนทร์นี่โดนชยันต์เด็กเปรตนั่นยั่ว
 
ทุกคนคงเห็นว่าเด็กนั่นเป็นเทวดา แต่เด็กนั่นน่ะ ซาตานซัด ๆ สงสารแต่พี่เชนทร์ ไม่ทันน้องหรอก หรือบางทีอาจทันแต่ก็ตามน้ำ ชยันต์ชอบแกล้งไชยวุธประจำ นอกจากชยันต์แล้ว ไชยวุธก็ถือว่าเป็นเด็กที่มีน่าตาน่ากินสำหรับสาวแก่ที่ชอบเขมือบเด็ก หรืออาจจะเป็นพวกเกย์คิงทั้งหลาย แต่ไชยวุธไม่ค่อยจะรู้ตัวหรอก ท่าทางก็น่าแกล้ง
 
ตอนนี้ก็โดนวิลเลี่ยมคาบไปกินแล้ว ไชยวุธจะเดินทางไป ๆ มา ๆ ระหว่างคอนโดสุดหรูของวิลเลี่ยมและที่บ้าน เพราะเด็กนี่เป็นเด็กติดบ้าน แต่ก็รักกันดีครับ วิลเลี่ยมรักและเอาใจไชยวุธสุด ๆ จนผมยังอดแอบอิจฉาในความรักของคนทั้งคู่ไม่ได้ แต่คนที่อิจฉาคู่ของไชยวุธอย่างออกนอกหน้าคือชยันต์ ผลเลวร้ายไปตกที่พี่เชนทร์ น้องอยากได้อะไรก็ต้องหามาประเคนให้
 
ผมก็ได้แต่สายหัวระอาความเอาแต่ใจของน้องคนเล็ก
Description: C:\Users\mojo\Desktop\ที่คั่นดอกไม้.gif
 
วันนี้วันหยุด ทุกคนอยู่ครบองค์ประชุม อาหารว่างถูกลำเลียงมาวางไว้บนโต๊ะ ยัยหนูแดงเดินมัดผมทรงต้นมะพร้าวเข้ามาพร้อมถาดขนม
 
“ไง ยัยหนูแดง ได้ข่าวว่าช่วงนี้พ่อเราเสน่ห์แรงมากนี่ เห็นว่ามีสาวแก่แม่ม่ายมาติดเหรอ” ยัยหนูแดงเบ้หน้าน่ารัก
 
“โอ๊ย หนูแดงไม่รู้จะเอาข้าวสารสำนักไหนเสกไล่แล้วค่ะ ตัวก็ดำ หนวดก็รกเป็นป่า ไม่รู้จะมารักมาหลงอะไรกันนักหนา หล่อ ๆ แบบพี่อนุชาว่าไปอย่าง”
 
ผมหัวเราะ
 
“สาว ๆ บางคนอาจชอบก็ได้นี่” แม่บีน่าแซวกลั้วหัวเราะ
 
“ล่าสุดนะ เป็นแม่ม่ายค่ะ ท้ายหมู่บ้านเรานี่แหละ มาทำทีว่าต้นไม้ในสวนโดนอะไรไม่รู้กัดตาย มาร้องขอให้พ่อไปช่วย รายนั้นก็พาซื่อ เกือบโดนเขมือบดีนะที่หนูแดงไปตามถึงรอดกลับมาได้ โอ๊ยช่วงนี้ต้องคุมเข้ม ไม่งั้นพ่อหนูโดนงาบแน่ ๆ” หนูแดงก็บ่นของเจ้าตัวไปเรื่อย ๆ
 
จริง ๆ ไม่ใช่ครั้งแรกหรอก นาคินทร์เป็นคนเสน่ห์แรงมาตั้งแต่ไหนแต่ไรแล้ว สมัยก่อนตอนเข้ากรุงเทพใหม่ ๆ ไม่เป็นแบบนี้หรอก ตัวสูงก็จริง แต่ผอมเกร็ง ตัวดำมิดหมี่ หน้าตอบจนกระดูกโหนกแก้มโผล่ อยู่มานานเข้าผิวพรรณก็พอดูดีขึ้น ถึงจะคร้ามแดดลมไปบ้าง แต่มันทำให้ดูมีเสน่ห์มากกว่า กินดีอยู่ดีจนมีเนื้อมีหนังขึ้นมาบ้าง กระทั่งปัจจุบันเนื้อตัวเต็มไปด้วยมัดกล้ามอย่างคนใช้แรงงาน ช่วงเมียอยู่ไม่เท่าไหร่ แต่หลังจากเมียตาย สาวแก่แม่ม่ายพากันรุมตอมไม่หยุด นี่ก็เป็นอีกสาเหตุที่แกชอบแต่งตัวมอซอ ไว้หนวดไว้เครา จะได้ไม่มีใครมาสนใจ
 
แต่นั่นแหละ คนมันหน้าตาดี เอาคลุกถ่านขนาดไหนคนก็ยังมองเห็น
 
“ไม่อยากได้แม่ใหม่รึไง”
 
หนูแดงส่ายหัวพรืด
 
“ไม่ไหวค่ะ หน้าตาดีกันก็จริง แต่นิสัยไม่น่ารับประทาน พวกนั้นก็แค่หลงหน้าตาพ่อหนูเท่านั้นแหละ”
 
ทุกคนอมยิ้มไปกับความช่างพูดนั้น หนูแดงเรียนอยู่โรงเรียนใกล้ ๆ บ้านนี่แหละ จริง ๆ พวกเราจะให้หนูแดงเข้าเรียนที่เดียวกับชยันต์ แต่นาคินทร์ไม่ยอม เพราะค่าเทอมค่อนข้างแพง ไม่อยากรบกวนพวกเราเท่าไหร่
 
 
 
Description: C:\Users\mojo\Desktop\ที่คั่นดอกไม้.gif
 
หลังจากเรียนจบกลับมาพักที่บ้านได้ไม่นานพ่อก็ให้ผมเริ่มงานทันที ในตำแหน่งต่ำสุดของบริษัท(ไม่นับรวมตำแหน่งยามกับแม่บ้าน) เพื่อฝึกความอดทนของตัวผมเอง เรียนรู้ผู้คนและระบบต่าง ๆ ให้ละเอียดตามสไตล์คนจีน
 
จริง ๆ พ่อผมไม่ใช่คนจีนหรอก แต่ถูกเลี้ยงดูมาโดยคนจีนจึงค่อนข้างจะทำการค้าเก่ง ผมต้องทำงานเพื่อศึกษาเรียนรู้ให้ครบทุกแผนกจนกว่าพ่อจะเห็นว่าสมควรแล้วถึงจะยกบริษัทนี้ให้ผมเป็นผู้ดูแลเต็ม ๆ ในฐานะผู้บริหาร ในบริษัทไม่มีใครรู้ว่าหรอกว่าผมเป็นใคร ยกเว้นคุณธีระที่เป็นเลขา และคุณธีระนี่แหละ ที่จะคอยสอนงานผมรวมถึงระบบต่าง ๆ ในระหว่างทำตำแหน่งอื่น ๆ
 
แน่นอนว่าการทำงานผมจะมาแต่งตัวด้วยชุดแบรนด์เนมแบบที่เคยใส่ไม่ได้ เสื้อผ้าหน้าผมต้องแต่งให้ดูธรรมดาที่สุด
 
ซึ่งมันก็ได้ผลดีนะ เพราะผมถูกดขี่ข่มเหงอย่างที่พ่ออยากให้เป็นเด๊ะ ๆ
 
ผมทำงานเยี่ยงข้าทาสไม่ต่างกับเด็กเดินเอกสารคนอื่น ๆ ในบริษัท(ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นนักศึกษาฝึกงาน) กระทั่งพักเที่ยง ผมคว้าถุงข้าวที่ยัยหนูแดงทำไว้ให้เดินลิ่ว ๆ ขึ้นดาดฟ้าไป ผมชอบมานั่งกินอาหารที่นี่คนเดียว
 
ที่นี่มีต้นไม้อยู่ไม่กี่ต้นหรอก มีม้านั่งยาว ๆ สีขาวตัวเดียว ผมรีบไปยึดพื้นที่ทันที ก่อนพวกชอบสูบบุหรี่จะขึ้นมาใช้สถานที่ ผมไม่ชอบที่พวกเขามาใช้พื้นที่นี้สูบบุหรี่เพราะมีพื้นที่สำหรับสูบบุหรี่ให้อยู่แล้ว อยากให้ที่นี่เป็นที่ฟอกปอดอย่างเดียวมากกว่า
 
ผมนั่งมองต้นไม้สองสามต้นไปเพลิน ๆ นึกถึงบ้านขึ้นมาตงิด ๆ เพราะบ้านเรามีต้นไม้เยอะมาก
 
“คุณหนู”
 
“ถ้าไม่ใช่ในห้องทำงาน เรียกชื่อดีกว่า เดี๋ยวคนอื่นจับได้กันพอดี” ผมบอกเลขาโดยไม่หันไปมอง
 
“ขอโทษครับ ผมชิน คุณอนุชา”
 
“อนุชา อย่ามีคุณ”
 
ธีระพ่นลมหายใจแรง ก็น่าสงสารอยู่เหมือนกันที่ต้องมารับหน้าที่นี้
 
“เอาล่ะอนุชา ในระหว่างนี้ก็ฟังรายละเอียดงานที่จะบอกละกัน” น้ำเสียงธีระเปลี่ยนไปเล็กน้อย ผมพยักหน้ารับหงึก ๆ ตามองกิ่งไม้ที่กำลังไหวเอน
 
“นี่ธีระ ถามหน่อยสิ”
 
คนที่กำลังแพล่มรายละเอียดงานเบรกกึก เงยหน้าจากเอกสารมองหน้าผม
 
“ทำไมดาดฟ้าเรามีต้นไม้น้อยจัง”
 
ธีระมองไปรอบ ๆ
 
“ไม่รู้สิครับ ผมไม่ได้สังเกตมาก่อน”
 
“ดาดฟ้าน่าจะเป็นที่ฟอกปอดหลังจากทำงานมาเหนื่อย ๆ ต้นไม้หรอมแหรมขนาดนี้จะเอาอากาศดี ๆ ที่ไหนมาฟอก” ผมบ่น
 
“เดี๋ยวผมสั่งให้เขาเอาต้นไม้มาลงเพิ่มก็ได้” ธีระเสนอ ผมนิ่งคิด ถ้าเอาแค่ต้นไม้มาลง มันก็ดูธรรมดาไปอยู่ดี
 
“พื้นที่ดาดฟ้าเรากว้างเหมือนกันนะ ผมว่าแค่เอาต้นไม้มาลงมันก็ไม่สวยเท่าไหร่หรอก จัดสวนไปเลยดีกว่า”
 
ธีระมองหน้าผม แล้วมองไปรอบ ๆ พื้นที่อีกที สีหน้าครุ่นคิด
 
“ก็น่าจะได้นะครับ จะได้มีพื้นที่ให้พนักงานได้ผ่อนคลายด้วย ผมก็ไม่เคยคิดถึงเรื่องนี้มาก่อน”
 
ผมยิ้ม
 
“งั้นฝากคุณธีระช่วยหาพวกนักออกแบบสวนบนดาดฟ้ามาดูแลให้หน่อยละกัน”
 
ธีระพยักหน้ารับ กลับมาทำหน้าที่ของตัวเองต่อ ผมนั่งฟังไปเหม่อมองปุยเมฆขาวไป
 
เฮ้อ อากาศดีจริง ๆ
 
พอครบเวลาพัก ผมก็ลงไปทำงานต่อ
 
 
 
 
 
 
“คุณหนู!”
 
ผมถอนหายใจแรงเมื่อสะดุดเสียมหรือจอบหรืออุปกรณ์อะไรสักอย่างที่วางเกลื่อนอยู่บนพื้น ผมหันไปมองคนที่จับตัวผมไว้กันล้ม
 
“ซุ่มซ่ามจัง ไม่ดูทางเลย”
 
“กำลังนึกถึงสาวอยู่”
 
นาคินทร์ส่ายหน้า
 
“ระวังหน่อยครับ หน้าแหกมา สาวจะเมินเอา”
 
ผมหัวเราะ มองไปรอบ ๆ เห็นอุปกรณ์จัดสวนเกลื่อน ทั้งจอบ พลั่ว ดินดำในถุง ปุ๋ย หญ้าแห้ง
 
“ทำไรเนี่ย” ผมถามไม่ใส่ใจเท่าไหร่ สูดอากาศดี ๆ เข้าปอด
 
“จัดสวนตามคำสั่งของคุณหนูชยันต์”
 
“จัดแบบไหนล่ะ” ผมถามไปงั้น ไม่ได้คิดสนใจอะไรจริงจังกับสิ่งที่ชยันต์ต้องการหรอก รายนั้นก็ออกคำสั่งไปทั่ว นาคินทร์เดินไปหยิบหนังสือมาคลี่เปิดหน้าที่พับมุมไว้ให้ดู มันเป็นหนังสือบ้านและสวน ฉบับนี้สำหรับพวกสำนักงานครับ ผมมองรูปแบบที่ชยันต์เลือกไว้แล้วอึ้งเลย
 
สวยมาก มิน่าชยันต์ถึงอยากได้
 
“นาคินทร์จัดสวนแบบนี้เป็นด้วยเหรอ”
 
“ครับ นาคินทร์ทำได้ทุกอย่าง แค่มีแบบให้ศึกษาคร่าว ๆ ก็พอ” ผมรีบพลิกดูแบบต่าง ๆ ในหนังสือทันที มีหลายรูปแบบให้ดูมาก
 
“นาคินทร์รู้จักต้นไม้แต่ละต้นด้วยเหรอ” ผมถามอย่างอยากรู้
 
“ครับ นาคินทร์ให้หนูแดงพาไปงานเกี่ยวกับพวกต้นไม้บ่อย ๆ ตอนนี้นาคินทร์พออ่านออกเขียนได้แล้วเพราะยัยหนูแดงสอน นาคินทร์จำชื่อต้นไม้ได้เกือบทุกชนิด เอามาลงบ้านเราเยอะเหมือนกัน แต่มากเกินกลัวคุณท่านจะว่าเอา”
 
“ถ้าสวยพ่อไม่ว่าหรอก นี่นาคินทร์อ่านออกเขียนได้แล้วเหรอ ดีจัง”
 
“ครับ หนูแดงเป็นคนสอน”
 
ผมหัวเราะ ปกติมีแต่พ่อสอนลูก นี่ลูกสอนพ่อ แต่ผมว่าก็ดีแล้วละ มีความรู้ก็มีโอกาส
 
ผมก้มดูแบบภาพต่อ จนไปเจอะเข้ากับรูปแบบการแต่งสวนแบบหนึ่งที่สวยมาก ๆ ผมวิ๊งภาพดาดฟ้าว่างเปล่าที่บริษัทขึ้นมาทันที ผมหันขวับไปมองคนตัวสูงที่เหงื่อไคลไหลอาบร่างเป็นทาง เป็นคนที่เหงื่อออกง่ายจริง ๆ
 
“นี่ถ้าฉันจะให้นาคินทร์ไปจัดสวนที่ทำงาน ทำได้ไหม”
 
“ที่ไหนนะครับ” นาคินทร์ยกผ้าขาวม้าเช็ดเหงื่อ ผมก็ชักจะชินกับกลิ่นเหงื่อหนัก ๆ ของเขาแล้ว
 
“ที่บริษัท บนดาดฟ้า อยากได้สวนไว้ฟอกอากาศ ไว้ให้พนักงานผ่อนคลายด้วย”
 
นาคินทร์ขมวดคิ้วคิด ผมยื่นภาพไปให้ดู
 
“ฉันชอบแบบนี้”
 
นาคินทร์รับไปถือ จ้องเป๋งเหมือนจะมองให้ทะลุกระดาษ
 
“ต้องเห็นสถานที่จริงก่อนถึงจะบอกว่าทำได้ไม่ได้” นาคินทร์บอกเรียบ ๆ ผมเป็นฝ่ายนิ่งคิดบ้าง
 
“งั้นพรุ่งนี้นาคินทร์ว่างไหมล่ะ จะพาไปดู”
 
นาคินทร์นิ่งคิด
 
“ได้ครับ”
 
ผมยิ้ม รับหนังสือกลับมานั่งดูต่อ ส่วนนาคินทร์เดินไปหยิบจอบมาสับลงดิน คงจะเอาต้นไม้ลงหลุม
 
“โอ๊ย!”
 
ผมรีบเงยหน้ามองตามเสียงร้องนั้นทันที
 
“เป็นไร” ผมวางหนังสือลง รีบถลาเข้าไปหาด้วยความเป็นห่วง
 
“ไม่เป็นไรครับคุณหนู พอดีเผลอเหยียบพลั่วแล้วมันดีดใส่หน้าแข้ง” นาคินทร์พูดไปลูบหน้าแข้งตัวเองไป ผมหัวเราะ
 
“บ้ารึไง อยู่ ๆ ก็ทำร้ายตัวเอง” นาคินทร์เบ้หน้านิด ๆ อย่างพยายามอดทนต่อความเจ็บปวดนั้น “เจ็บมากไหม ไปทายาก่อนสิ”
 
นาคินทร์ส่ายหัว
 
“ไม่เป็นไรครับ หายแล้ว” ใบหน้าที่แสดงออกถึงความเจ็บปวดคลายลง หันไปหยิบจอบสับดินต่อ พอเห็นว่าอีกคนไม่เป็นไรแล้วจริง ๆ ผมถึงได้เดินกลับมานั่งดูหนังสือต่อ ตอนแรกดูแค่ภาพ ตอนนี้ผมกำลังนั่งอ่านเนื้อหาเพื่อเก็บรายละเอียด และความรู้ที่ถูกสอดแทรกไว้ในนั้น
 
กระทั่งหมดสิ่งที่น่าสนใจผมถึงได้เงยหน้าจากหนังสืออีกรอบ นาคินทร์ยืนเหงื่อซกอยู่ตรงหน้า เสื้อสีมอ ๆ นั้นเปียกไปหมดจนเห็นกล้ามเนื้อทุกสัดส่วน ตั้งแต่แผงอกกว้าง หน้าท้องแกร่ง แขนที่เต็มไปด้วยมัดกล้าม เส้นเลือดและเส้นเอ็นที่เกิดจากการทำงานหนักปูดโปน ผมลองก้มมองแขนตัวเอง ไม่เห็นมีอะไรขึ้นสักเส้น
 
เหงื่อไหลเป็นทางราวกับน้ำ เหงื่อหลายเม็ดเกาะเป็นพวงตรงปลายจมูก ดวงตาดูมุ่งมั่น ปากสีส้มอย่างคนสุขภาพดีทั่วไป ปลายจมูกโด่ง เคราครึ้มจนดูน่ากลัว ผมยาวรกรุงรัง ผิวสีแทน ถ้าสังเกตดี ๆ จะมีริ้วรอยขูดขีดให้เห็นบ้าง
 
“นาคินทร์” ผมเรียก นาคินทร์หยุดมือที่กำลังเคลื่อนไหวลงกึก เงยหน้ามอง ดวงตานั้นดูราวกับดวงตาของราชสีห์
 
“ครับ”
 
“พรุ่งนี้ต้องไปบริษัท ฉันไปทำงานในฐานะคนเดินเอกสาร ขืนพานาคินทร์ที่หนวดเคราขึ้นครึ้มแบบนี้ไปด้วย เขาคงไล่ตะเพิดพวกเราทั้งคู่ออกมาแน่ ยังไงพรุ่งนี้โกนหนวดโกนเคราสักหน่อยก็ดีนะ ตัดผมด้วย ชุดที่ใส่เลือกตัวที่มันสะอาด ๆ หน่อย ถ้าไม่มีให้บอก เดี๋ยวหามาให้”
 
“เอ่อ...” นาคินทร์ทำท่าจะพูดอะไรสักอย่าง
 
“ทำไม”
 
“เปล่าครับ ผมจะทำตาม” ผมยิ้ม
 
“งั้นฉันไม่กวนละ เจอกันพรุ่งนี้ จะรับเข้าบริษัทพร้อมกันเลย เดี๋ยวจะแจ้งเลขาไว้”
 
“ครับ” นาคินทร์รับคำง่าย ๆ ผมขยับลุก หันกลับไปมองคนที่ยืนค้ำจอบกับพื้น ผมจำหน้าแบบไม่มีหนวดไม่มีเคราของนาคินทร์ไม่ได้แล้ว
 
ไม่รู้มันจะออกมาเป็นไง แต่เอาเถอะ ถ้าดูไม่ได้จริง ๆ ยังไงจะใช้เส้นเลขาพาขึ้นไปแล้วกัน

___________________________________________________
ชอบรีไพล์บอกคนเขียนที

ออฟไลน์ gamma_focus

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 4
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
มาจิ้ม  :z13: :z13: :z13:

ตามมาตั้งแต่สมัยยังเป็นชื่ออื่น รักสุดคู่นี้  :-[ :-[ :-[ :-[ :-[

ละมุนละไมมากค่ะ   :impress2: :impress2: :impress2:

ออฟไลน์ memew

  • ขอบคุณที่เข้ามาอ่านจ้าาา
  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 456
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +382/-10
    • :: Memew แฟนเพจ :
ตอนที่ 2 คนเก่าเวอร์ชั่นใหม่




รุ่งขึ้น ผมแต่งตัวเรียบร้อย เดินไปที่รถ พอไปถึงก็เห็นใครบางคนยืนหันหลังก้มดูอะไรอยู่ข้าง ๆ รถ
 
ใครวะ?
สงสัยว่าคนคนนั้นจะได้ยินเสียงฝีเท้าผมถึงได้เงยหน้าขึ้นจากสิ่งที่มองอยู่ หันมามอง ผมขมวดคิ้วมองนิดหนึ่ง
 
ใคร?
ผมถามตัวเองในใจอีกรอบ
 
“คุณหนู”
 
“นาคินทร์!!” ผมตาโตเรียก นาคินทร์ขมวดคิ้วมอง ทำหน้างง ๆ
 
“ฉันจำนายไม่ได้จริง ๆ”
 
นาคินทร์จับหน้าตัวเอง
 
“ไม่คุ้นเหมือนกันครับ ไม่ได้โกนมานาน มีแต่เล็ม ๆ”
 
“ไว้แบบนี้ดีกว่านะ สาว ๆ จะได้ติดตรึม”
 
นาคินทร์ส่ายหัว
 
“ไว้เพราะไม่อยากให้ใครมาติดนี่แหละ”
 
เอ้อใช่ ผมก็ลืมไป
 
ผมยิ้มแหะ ๆ กวาดสายตาลงต่ำ นาคินทร์แต่งตัวแนวเดิมครับ คือใส่เสื้อยืด แต่ผ้าดูใหม่ กางเกงสีสว่างที่ไม่เคยเห็นมาก่อน ไม่ได้เคียนผ้าขาวม้า หน้าตาดูดีขึ้นมากเลย
 
“หล่อเหมือนกันนะเรา”
 
“มันก็แค่รูปลักษณ์ภายนอก อย่าใส่ใจเลยครับ รีบไปกันเถอะ” นาคินทร์ชวนอย่างไม่ใส่ใจ
 
ผมพยักหน้า จะขึ้นนั่งประจำตำแหน่ง แต่นาคินทร์เบรกไว้
 
“ให้นาคินทร์ขับดีกว่า”
 
ผมเลิกคิ้ว
 
“ขับรถเป็นด้วยเหรอ”
 
“ครับ นาคินทร์ขับได้นานแล้ว ใบขับขี่ก็มีครบ ให้นาคินทร์ขับดีกว่า คุณหนูเป็นเจ้านายไม่เหมาะมาขับให้ลูกน้องนั่งหรอก”
 
ผมนิ่งคิด จะว่าไปมันก็จริง ผมยอมยื่นกุญแจให้ นาคินทร์เปิดประตูรถให้ พอผมขึ้นนั่ง เขาก็เดินอ้อมไปประจำตำแหน่งคนขับ ขยับปรับเบาะถอยไปด้านหลังนิด ๆ เพราะตัวนาคินทร์ใหญ่กว่าผม
 
“แน่ใจนะว่าขับได้”
ผมถามย้ำ นาคินทร์หัวเราะหันมามอง
 
“มั่นใจครับ แต่ไงก่อนสตาร์ทเครื่องคุณหนูก็สวดพุธโธธรรมโมสังโฆไว้หน่อยก็ดี”
 
ผมตาโต
 
“ไม่เอานะ ขับไม่ได้ลงเลย เดี๋ยวฉันขับเอง”
 
“ผมขับได้ครับ ไม่ต้องห่วง” นาคินทร์หัวเราะอีกที “เอาล่ะครับคุณหนู รัดเข็มขัดได้แล้ว” แล้วบอกด้วยน้ำเสียงนอบน้อม
 
“แน่ใจนะ” ผมถามย้ำอีกทีอย่างไม่ไว้ใจ
 
“แน่ใจครับ”
 
ผมพยักหน้า ดึงเข็มขัดมากดลงล็อก พอผมนั่งเรียบร้อยนาคินทร์หันกลับไปสตาร์ทเครื่อง เคลื่อนตัวรถออกจากตำแหน่งอย่างนุ่มนวล ขับดีกว่าผมอีก
 
ผมคลายความกังวลลง นั่งมองนิ่ง ๆ นาคินทร์ขับรถได้นิ่มมาก ผมชี้บอกเส้นทางทีละจุด นาคินทร์หมุนพวงมาลัยอย่างเบามือพารถเลี้ยวซ้ายเลี้ยวขวาผ่านแต่ละไฟแดงกระทั่งพารถมาจอดไว้ยังชั้นใต้ดินของบริษัท แน่นอนว่าผมเอารถที่เก่าที่สุดของบ้านมา ผมโทรบอกเลขา สักพักเลขาก็ลงมารับ พาทั้งผมและนาคินทร์เดินตรงขึ้นไปยังดาดฟ้าทันที
 
นาคินทร์มองไปรอบ ๆ พร้อมเดินสำรวจ
 
“ตอนแรกผมหาคนได้แล้วนะครับ แต่แพงเหมือนกัน ได้นาคินทร์มาก็ดีครับ ราคาน่าจะเบาหน่อย อีกอย่างนาคินทร์เก่งเรื่องพวกนี้ด้วย ผมก็ลืมนึกถึงไป” เลขาบอก
 
ผมเดินตามไปสมทบนาคินทร์ ชี้บอกว่าผมต้องการอะไรตรงไหนบ้าง นาคินทร์ล้วงหยิบกระดาษที่ตัวเองพับใส่กระเป๋ากางเกงมากาง หยิบดินสอมาวาด ๆ ร่าง ๆ ท่าทางดูเป็นมืออาชีพมาก
 
“นี่คือจุดที่วางต้นไม้ มีกำแพงน้ำตก จะได้เย็นสบายและผ่อนคลาย เราจะตั้งกันตรงนี้ วางต้นไม้ใหญ่ ๆ ตรงจุดนี้ ม้านั่งตรงนี้ แดดมาจะได้ร่มตลอดทั้งวัน ถ้าต้นไม้ใหญ่ก็ไม่จำเป็นต้องมีหลังคากันฝน แต่ถ้าอยากให้มีก็ใช้หลังคากึ่งใสได้ มีซุ้มไม้เลื้อยบาง ๆ บังแดดตรงนี้ อันนี้เป็นแบบที่ใกล้เคียงกับที่คุณหนูต้องการ พอได้ไหม”
นาคินทร์ถาม ผมมองพยายามนึกภาพตาม
 
“ก็น่าจะโอนะ แล้วดาดฟ้าจะทานน้ำหนักไหวเหรอ แล้วระบบน้ำล่ะ”
 
“อันนั้นไม่ต้องห่วงครับ ผมจะวางระบบให้น้ำแบบอัตโนมัติให้ ไม่ต้องมาคอยรดให้เสียเวลา แต่นาน ๆ ทีให้คนมาดูแลใส่ปุ๋ย เอาวัชพืชออกหรือตกแต่งลำต้นให้สวยงาม สักเดือนละครั้งก็พอ ต้นไม้จะได้สวยงามอยู่ตลอดเวลา”
 
ผมพยักหน้า ไม่ค่อยรู้เรื่องอะไรหรอก แต่ก็มั่นใจว่าน่าจะผ่าน
 
ผมให้นาคินทร์เริ่มงานทันทีที่พร้อม โดยให้เลขาช่วยประสานงานอีกที พอเรียบร้อยนาคินทร์ก็กลับบ้านไปจัดสวนให้ชยันต์ต่อ ส่วนผมก็อยู่ทำงานของตัวเองเหมือนเดิม
 
กระทั่งเลิกงาน ผมกลับบ้าน เห็นนาคินทร์กำลังก้ม ๆ เงย ๆ ขุดดินอยู่ในสวน ดูท่าน่าสนุก ผมรีบวิ่งขึ้นห้องไปเปลี่ยนเสื้อผ้าแล้ววิ่งกลับลงมาใหม่ นาคินทร์เงยหน้ามอง ผมบอกเขาว่าแค่อยากมาดูเฉย ๆ นาคินทร์ไม่ว่าอะไรก้มหน้าขุดดินต่อ ผมยืนดูอยู่นานเลย กระทั่งนาคินทร์กำลังจะเอาต้นไม้ลงหลุม
 
ท่าทางน่าสนุกแฮะ ผมขยับเข้าไปใกล้
 
“ให้ฉันทำด้วย ดูมานานละ”
 
“อย่าเลยครับคุณหนู มือนิ่ม ๆ จะด้านเอา”
 
“นิดหน่อยเอง”
นาคินทร์ขมวดคิ้วคิด คงเป็นห่วงมือผมจริง ๆ
 
“ได้ครับ แต่ผมขอไปเอาถุงเมือก่อน กลัวพวกเศษหญ้าแข็ง ๆ กับเศษไม้ทิ่มมือเอา รอสักครู่นะครับ” แล้วเขาก็เดินหายไป กลับมาอีกรอบพร้อมถุงมือสีฟ้าสดใส ผมรับมาสวม ลงมือช่วยเอาต้นไม้ต้นนั้นลงหลุม
 
“หวังว่าคงไม่มีอะไรมาสิงเหมือนต้นเก่านะ” ผมว่าหวาด ๆ
 
“ไม่หรอกครับ จริง ๆ ต้นพิกุลเป็นต้นไม้ที่จะมีเทพหรือเทวดาสถิตง่าย ถ้าเชื่อนะครับ ถ้าไม่เชื่อก็แล้วไป”
 
“อ้าว แล้วต้นนี้ล่ะ”
 
นาคินทร์ยิ้ม “ไม่มีครับ”
 
“แน่ใจนะ”
 
“ครับ”
นาคินทร์รับคำหนักแน่น ใช้ไหล่ปาดเหงื่อที่กำลังไหลซกราวกับน้ำรั่วออก
 
“เป็นคนเหงื่อเยอะจัง”
 
“ครับ ร่างกายเผาผลาญดีก็งี้แหละ”
 
“เหนอะหนะน่าดู”
 
“ผมชินแล้วครับ”
เพราะก้มปลูกต้นไม้ เหงื่อเม็ดเป้งไหลเป็นทาง และมันกำลังจะเข้าตาคนตัวสูง
 
“นาคินทร์อยู่เฉย ๆ นะ”
ผมสั่ง นาคินทร์ชะงักกึก เงยหน้ามอง ผมกลัวเหงื่อเข้าตานาคินทร์จนลืมไปแล้วว่าจะหยุดเหงื่อเม็ดนั้นได้ยังไง คิดอะไรไม่ออกครับ เอาสิ่งที่สะอาดที่สุดที่หาได้ตอนนี้ละกัน
 
ผมถอดถุงมือออก จับชายเสื้อตัวเองเช็ดเหงื่อเม็ดนั้นให้
 
“คุณหนู!” นาคินทร์เรียกอย่างตกใจ “เสื้อคุณหนู!!”
 
“เงียบน่า”
ผมสั่งเสียงเข้ม นาคินทร์ชะงักกึกตามคำสั่ง ยอมนั่งอยู่นิ่ง ๆ ให้ผมเช็ดดี ๆ
 
“เหงื่อเค็มจะตาย ขืนเข้าตาก็แสบกันพอดี”
 
“ผมชินแล้ว”
 
ผมส่ายหัว “ชินขนาดไหนมันก็ไม่ดีต่อสุขภาพตาทั้งนั้น” ผมติง นาคินทร์ไม่เถียงอะไรอีก แล้วเราก็ช่วยกันปลูกต้นไม้จนเสร็จ
 
“อ้าว พี่อนุชา มาทำอะไรแถวนี้เนี่ย” ไอ้แสบประจำบ้านเดินเข้ามาทัก
 
“เต้นระบำมั้ง” ผมกวนกลับโดยไม่หันไปมอง
 
“โห สนุกไหมพี่” ดูมัน
 
“ก็สนุกดี”
ผมหันไปตอบดี ๆ พอเห็นหน้าผมชัด ๆ ชยันต์ปล่อยก๊ากออกมาทันที 
 
“หน้าเปื้อนแล้วพี่อนุชา”
 
“ช่างมัน สนใจมาช่วยไหมล่ะ”
 
“ไม่ละ เดี๋ยวเปื้อน ไม่รู้ในดินมีพยาธิหรือเปล่า ไหนจะไส้เดือนอีก ไม่เอาอ่ะ”
ชยันต์ทำท่าขยะแขยง ผมชักสะดุ้ง ก้มมองดินตรงมือ ดีหน่อยตรงที่ใส่ถุงมือไว้นี่แหละ นาคินทร์หัวเราะ
 
“ไม่มีหรอกครับ ไม่ต้องกลัว”
 
ผมถอนหายใจโล่งอกปาดเช็ดเหงื่อ
 
“คุณหนูพอแค่นี้ดีกว่า ไปอาบน้ำอาบท่าเถอะ ที่เหลือเดี๋ยวนาคินทร์จัดการเอง”
 
ผมพยักหน้า ถอดถุงมือยื่นคืนเจ้าของ เดินไปล้างน้ำที่ก็อก ชยันต์ยืนคอย พอเรียบร้อยถึงได้เดินเข้าบ้านด้วยกัน
 
“ตัวเหม็นหมดแล้ว”
 
“ยุ่งน่า พี่เหนียวตัวจัง ไปอาบน้ำก่อนดีกว่า”
ผมรีบวิ่งขึ้นห้องไปอาบน้ำทันที
 
ไม่เกินครึ่งชั่วโมงก็เดินตัวหอมฉุยลงมา ทุกคนอยู่กันครบเลยครับ วันนี้เชิดวุธหอบวิลเลี่ยมกลับมานอนค้างที่บ้านด้วย เห็นแล้วผมก็อดอิจฉาไม่ได้ ไม่ได้อิจฉาที่น้องมีแฟนเป็นผู้ชาย แต่อิจฉาในความรักที่คนทั้งคู่มีให้แก่กันต่างหาก
 
วิลเลี่ยมรักน้องผมมาก สิ่งที่ผมรู้มีแค่นี้ และตอนนี้เขากำลังนั่งดูหนังอยู่บนโซฟาโดยมีน้องผมนั่งอยู่บนตัก สองแขนใหญ่โอบกอดน้องผมไว้หลวม ๆ รายนั้นก็ซบหัวไปกับแผงอกกว้าง
 
ดู ๆ ไปแล้วก็น่ารักดีครับ ช่วงแรก ๆ ที่เห็นก็มีกระดากกระเดื่องกันบ้าง หลัง ๆ ชักชิน ไม่ชินเปล่า ยังรู้สึกอิจฉาอยากมีแฟนมานั่งกะหนุงกะหนิงกันแบบนี้บ้าง
 
สงสัยผมต้องเร่งหาแล้ว ไม่งั้นมีลูกไม่ทันใช้แน่
 
“ได้ข่าวว่าให้นาคินทร์ไปจัดสวนที่บริษัทเหรอ”
พ่อถามมา ผมพยักหน้ารับ
 
“ดีแล้ว นาคินทร์เก่ง จริง ๆ นาคินทร์เป็นคนฉลาด ทำได้หลายอย่าง แต่ถ่อมตัว เห็นว่าชอบเรื่องการจัดสวน ไปจัดให้หลายบ้านแล้ว มีแต่คนชอบ”
 
ผมหูกระดิก งั้นก็ไม่ใช่ราคาคุยน่ะสิ
 
ผมอยู่ข้างล่างได้ไม่นานก็ลาขึ้นนอน จะว่าเหนื่อยเพราะงานหรือเพราะไม่อยากเห็นพวกมีความรักสวีทกันก็ได้ ผมเดินขึ้นห้อง วันนี้อากาศดีมาก ๆ จนผมชักอยากได้รับอากาศบริสุทธิ์จากข้างนอก
 
ปกติผมไม่เคยเปิดหน้าต่างในเวลากลางคืนหรอก(โดยปกติแล้วเปิดแอร์ตลอด) ผมยังไม่เปิดแอร์ เดินไปที่หน้าต่างเปิดออกหวังรับอากาศบริสุทธิ์สักเฮือกก่อนนอน(ถึงมันจะดึกไปหน่อยก็เถอะ)
 
ผมผลักเปิดหน้าต่างออกกว้าง มีแสงอะไรแวบ ๆ ที่ท้ายสวน ใจผมหายวูบเพราะคิดว่าผีนางพิกุลโผล่ แต่พอสังเกตดี ๆ ถึงเห็นว่าดวงไฟที่เห็นนั้นเป็นแสงที่มาจากโรงเลื่อยของนาคินทร์(ซึ่งปัจจุบันนาคินทร์อาศัยกินนอนอยู่ที่นั่นจนมันกลายเป็นบ้านของนาคินทร์ไปแล้ว แต่พวกเราก็ยังเรียกกันว่าโรงเลื่อยเพราะมันเต็มไปด้วยเครื่องมือช่างและอุปกรณ์ดูแลสวน)
 
ผมพยายามเพ่งมอง เห็นนาคินทร์กำลังก้ม ๆ เงย ๆ ทำอะไรอยู่ เห็นขะมักเขม้นทำใหญ่ ห้องผมเป็นห้องเดียวในบ้านที่สามารถเห็นโรงเลื่อยได้ถนัดที่สุด เพราะห้องของคนอื่น ๆ ถูกต้นไม้บังตาหมด นาคินทร์สวมไฟฉายแบบติดหัว ขยับเคลื่อนไหวไม่หยุด ตอนแรกว่าจะตะโกนลงไปถามว่าทำอะไร แต่กลัวคนในบ้านตกใจเอา
 
ผมตัดสินใจหันหลังเดินออกจากห้อง ไม่มีใครสนใจหันมามองเพราะมัวจ้องหน้าจอที่กำลังเคลื่อนไหว ผมก็ไม่คิดจะทำเสียงดังให้คนหันมามองเช่นกัน เดินย่องออกจากบ้านไปเงียบ ๆ
 
ถ้ามืดกว่านี้ผมคงไม่กล้ามา ดีแต่ว่าไฟรอบบ้านยังเปิดอยู่ ผมย่องเงียบเข้าไปใกล้คนที่กำลังก้มเพ่งทำอะไรสักอย่างอยู่บนโต๊ะ
 
“ทำอะไรอยู่”
ผมถามออกไปเสียงเบา นาคินทร์เงยหน้าขึ้นมามองทันที แสงไฟจากหน้าผากพุ่งเข้าตาผมเต็ม ๆ จนสว่างจ้าไปหมด ผมรีบยกมือขึ้นมาบังตาเสหน้าหลบสองขาขยับอัตโนมัติจนชนเข้ากับอะไรบางอย่างเสียหลัก 
 
“คุณหนู!!”
นาคินทร์รีบกระชากไฟฉายออกจากหน้าผากอย่างรวดเร็ว พอ ๆ กับมืออีกข้างที่โฉบเข้ามาโอบเอวผมไว้รับร่างผมไม่ให้ล้ม ผมรีบจับเสื้อคนตัวสูงไว้อัตโนมัติกันล้มเช่นกัน 
 
นาคินทร์ถอนหายใจแรง ค่อย ๆ ประคองให้ผมยืนดี ๆ
 
“อันตรายนะครับคุณหนู ทำไมมาเงียบ ๆ แบบนี้”
 
ผมอมลมนิด ๆ เคืองที่ถูกต่อว่า
 
“เงียบตรงไหน ฉันเดินมาตามปกติ นายไม่ได้ยินเองต่างหาก”
ผมแถทั้งที่ตัวเองนั้นผิดจริง ๆ ที่ย่องเงียบมาแบบนี้ 
 
“ถ้างั้นโปรดให้อภัยนาคินทร์ด้วย นาคินทร์ไม่ได้ยินจริง ๆ”
 
“ไม่เป็นไร ว่าแต่ทำอะไรอยู่”
ผมถามไปเรื่องอื่นเสีย หันไปสนใจสิ่งที่นาคินทร์กำลังทำอยู่แทน
 
“กำลังออกแบบชิงช้าให้คุณหนูอยู่ครับ”
 
ผมตาโต
 
“ออกแบบเป็นด้วยเหรอ”
 
“ครับ ครูพักลักจำมา”
 
“โห เก่งจัง”
ผมชื่นชมจากใจจริง ขยับเข้าไปยืนอยู่ข้าง ๆ ก้มมองภาพที่นาคินทร์วาดไว้
 
“โห สวยจัง”
ฝีมืออย่างกับมืออาชีพ นาคินทร์เขยิบตัวออกห่างจากผมนิดหนึ่ง ผมยกกระดาษแผ่นนั้นขึ้นมาดู
 
“อยากให้ปรับตรงไหนบอกได้นะครับ ชอบสีอะไรก็บอก แต่ผมว่าสีขาวสวยสุด”
 
“อะไรก็ได้”
 
นาคินทร์พยักหน้า ขยับหลอดไฟมาใกล้ ลงมือร่างต่อ ลบ ๆ วาด ๆ อยู่อย่างนั้น เหมือนกำลังใช้สมาธิ
 
ผมจ้องมองใบหน้าที่กำลังมุ่งมั่นนั้น วันนี้ไม่มีเหงื่อให้เห็น แสงไฟสีเหลืองสะท้อนผิวนั้นให้ดูราวกับสีของพระจันทร์เลย
 
นาคินทร์หน้าตาดีจริง ๆ นั่นแหละ ไม่แปลกที่จะมีสาว ๆ มาชอบมากมายขนาดนี้
 
“คุณหนูอยากได้หลังคาหรือเปล่าครับ”
อยู่ ๆ นาคินทร์ก็เงยหน้าขึ้นมาถาม ผมชะงัก ตาไม่ละไปจากดวงตาที่เงยขึ้นมาสบพอดี ผมอ้ำอึ้งไป รายนั้นก็เหมือนกัน
 
ไม่รู้ว่าเรานิ่งกันไปนานแค่ไหน จนนาคินทร์เป็นฝ่ายทำลายความเงียบขึ้นมาก่อน 
 
“คุณหนูอยากได้หลังคาหรือเปล่า”
นาคินทร์ถามมาอีกรอบ แต่คราวนี้เสียงเบาลง
 
“กะ ก็ดี”
ผมตอบรับกุกกัก ชั่วแวบหนึ่งที่ตาจ้องประสาน หัวใจผมเผลอไหวแรงด้วย
 
อะไรวะ มาตื่นเต้นอะไรกับคนอายุคราวพ่อ ที่สำคัญยังเป็นแค่คนสวน
 
ที่สำคัญไปกว่านั้น
 
นาคินทร์เป็นผู้ชาย…

[50%]

“ทำจากอะไร”
ผมแถถามไปเรื่องอื่น
 
“ทำจากไม้ จะได้ดูเป็นธรรมชาติหน่อย”
นาคินทร์ตอบไม่มองหน้า ผมถอนหายใจแรงที่อีกคนไม่คิดอะไรมาก
 
ผมอยู่ดูเขาไม่นานก็ง่วง อ้าปากหาวหวอด
 
“คุณหนูรีบไปนอนดีกว่าครับ เวลาเดินกลับก็ระวังด้วย ผมยังจัดสวนไม่เสร็จ มีทั้งหลุมและข้าวของเกะกะ”
 
ผมพยักหน้า ก้าวเดิน แต่มันมืดจริง ๆ ไม่รู้ใครปิดไฟข้างบ้าน จริง ๆ มันก็เวลาปิดไฟนั่นแหละ แอบกลัวขึ้นมานิด ๆ ครับ แต่ไม่มาก ผมทำใจกล้าค่อย ๆ ย่างเท้าผ่านความมืด มีแสงเรืองรองจากไฟบางดวงเปิดไว้ แต่มันก็เห็นไม่ชัดหรอก
 
“เหวอ!!”
ผมสะดุดเข้ากับอะไรบางอย่างจะล้มหัวคะมำ มีแสงไฟแวบผ่านไป แล้วร่างผมก็ถูกฉุดรับไว้อีกรอบจากมือของใครบางคน ดึงแรงล้มลงไปด้วยกัน
 
ร่างผมไม่ได้สัมผัสพื้นดินแม้แต่น้อยเพราะถูกรองรับไว้ด้วยร่างใหญ่ ๆ ของใครสักคน หน้าผมแนบอยู่กับแผงอกกว้าง กลิ่นตัวนั้นคุ้นเคยมาก ผมรีบเงยหน้ามอง ไฟฉายที่อีกคนถือมากลิ้งหลุน ๆ อยู่ข้าง ๆ ก่อนมันจะหยุดนิ่ง ลำไฟฉายสว่างจ้า ส่องตรงมาที่ใบหน้าของเราสองคนราวกับแสงของสปอร์ตไลท์
 
“บาดเจ็บตรงไหนไหมครับคุณหนู”
นาคินทร์รีบรัวลิ้นถาม
 
“เปล่า โทษที ฉันซุ่มซ่ามอีกแล้ว”
 
“นาคินทร์ก็ลืมไปว่าตอนนี้เขาปิดไฟแล้ว คุณหนูไม่มีไฟฉายติดมือมาด้วย นึกได้ก็รีบเดินตามมา เรียกไว้ไม่ทัน ร่างกายไปเร็วกว่าปาก”
 
เลยรับร่างผมไว้แบบนี้ใช่ไหม
 
เขายังนอนอยู่บนพื้นดิน ร่างผมเกยอยู่บนตัวเขาอีกที นาคินทร์ค่อย ๆ ประคองผมลุก ทำอย่างเบามือที่สุด ชนิดไม่ให้ดินแม้แต่เศษเสี้ยวสัมผัสถูกผิวเนื้อหรือเสื้อผ้าผม
 
“เอาละครับ เดี๋ยวนาคินทร์จะเดินไปส่ง”
เขามองสำรวจเนื้อตัวผม ผมพยักหน้า หัวใจไหวแรงนิด ๆ กับกลิ่นตัวนั้น
 
นาคินทร์ฉายไฟให้ ปากบอกให้ผมหลบหลุมดินที่ขุดไว้ ผมเดินเคียงเขาไปติด ๆ กระทั่งถึงตัวบ้านในเขตที่มีไฟสว่างจ้า
 
“นอนหลับฝันดีนะครับคุณหนู”
 
ผมเงยหน้ามองตาคนพูด
 
“นาคินทร์เองก็เหมือนกัน”
 
นาคินทร์ยิ้มรับ รอยยิ้มนั้นมันกระชากใจผมยังไงพิกล ผมรีบหันหลังเดินเข้าบ้านไปทันที
 
ผมนอนหัวใจไหวแรง มันรู้สึกแปลก ๆ ยังไงบอกไม่ถูก กลิ่นตัวที่ผมสูดเข้าไป กายแกร่งที่โอบกอดผมไว้ ดวงตาแห่งความห่วงใย น้ำเสียงทุ้มนุ่มนั้น
 
ท่าจะบ้าน่าอนุชา
 
ผมรีบสลัดทุกสิ่งทิ้ง ข่มตาให้หลับ กระทั่งหลับไป
 
 
 
 
 
 
“ทำไมตาโหลจัง” เจ้าจอมจุ้นถาม
 
“มีเรื่องให้คิดนิดหน่อย”
 
เรียวปากได้รูปแย้มกว้าง
 
“แหน่ คิดถึงสาวใช่ม้า”
 
ผมไม่ได้ตอบ เพราะคนที่อยู่ในห้วงคิดคำนึงผมตอนนี้ไม่ใช่สาว
ผมยังไม่รู้เลยว่านาคินทร์จะเดินทางไปทำงานที่บริษัทผมได้ไง พอกินอิ่ม ผมก็ออกไปหาเขาข้างนอก
 
“นาคินทร์”
ผมเรียกคนที่กำลังหอบไม้ไว้เต็มอก
 
นี่ตื่นขึ้นมาก็ทำงานเลยเหรอ
 
“ไปบริษัทฉันยังไง”
 
“นาคินทร์เอารถไปครับ”
เขาพยักหน้าไปยังรถปุโรทั่งขึ้นสนิมนั้น ผมขมวดคิ้วมอง
 
“มันวิ่งได้ด้วยเหรอ”
 
“ให้แข่งกับคุณหนู รถนาคินทร์ชนะแน่ ๆ”
 
“ทำเป็นคุย”
ผมเบ้หน้า นาคินทร์หัวเราะ
 
“สาย ๆ ผมจะขนเครื่องมือบางส่วนไปทิ้งไว้ที่นั่น แล้วจะไปสั่งพวกต้นไม้ เพื่อให้เขาขนเอาไปลง”
 
“งบเอาจากไหน”
ผมถามอย่างนึกขึ้นได้
 
“เลขาคุณหนูให้ผมวางบิลเข้าบริษัทครับ”
 
ผมนิ่งคิด
 
“งั้นเอางี้นะ พอเอาของไปไว้ที่บริษัทเสร็จ โทรหาฉันด้วย ฉันจะไปดูต้นไม้ด้วย เผื่อเห็นอะไรสวย ๆ จะได้เอามาลงด้วยเลย”
 
นาคินทร์นิ่งคิด
 
“ก็ได้นะครับ ดีเลย เพราะมีดอกไม้กับต้นไม้บางอย่างที่ผมอยากถามว่าคุณหนูชอบแบบไหนมากกว่ากัน”
 
ผมพยักหน้า ขอเบอร์นาคินทร์แล้วยิงเข้าเครื่อง นาคินทร์รีบเมมเบอร์ผมไว้ทันทีเช่นกัน ผมเดินย้อนกลับมาขึ้นรถของตัวเอง หันกลับไปมอง เห็นนาคินทร์วางกล่องเครื่องมือไว้ท้ายรถ เดินอ้อมไปยังฝั่งคนขับ
 
“นาคินทร์”
ผมตะโกนเรียก คนที่กำลังจะเปิดประตูรถชะงักหันมามอง
 
“อย่าลืมเปลี่ยนชุดก่อนไปด้วย”
 
นาคินทร์ก้มมองตัวเอง
 
“มันทุเรศมากหรือครับ”
 
“ไม่ทุเรศหรอกแต่มันมอซอเกินไป เอาให้ดูดีกว่านี้นิด”
 
“เอ่อ.. ก็ได้ครับ”
 
ผมหดตัวเข้าไปในรถอีกรอบ สตาร์ทเครื่อง เหลือบมองคนตัวสูงที่ยังมองมาอยู่ ผมลอบมองแผงอกที่เสื้อถูกแหวกกว้างนั้น ละสายตา ขับเคลื่อนตัวรถออกจากบ้านมา
 
 
 
 
Description: C:\Users\mojo\Desktop\ที่คั่นดอกไม้.gif
สาย ๆ ของวัน ผมก็ละจากงานเบ๊ลงไปหาคนที่โทรมาบอกว่ามาถึงแล้ว จริง ๆ เขาขนของขึ้นไปไว้บนดาดฟ้าหมดแล้ว ตอนโทรหาผมคือพร้อมสำหรับการเดินทางไปสั่งของแล้ว
 
“นี่จะเอารถคันนี้ไปจริง ๆ เหรอ”
ผมไม่แน่ใจว่ามันจะวิ่งได้จริง ๆ ไหม
 
“ครับ เพราะต้องซื้อของกลับขืนเอารถคุณหนูไปก็ซื้อของไม่ได้กันพอดี”
 
ผมนิ่งอึ้ง เอาไงดีวะ
 
“ถ้าคุณหนูไม่กล้านั่ง จะขับรถของตัวเองไปก็ได้ครับ ตามผมไป เจอกันที่นู่นเลย”
 
“ไม่เป็นไร”
ผมตัดสินใจ ขยับเข้าไปใกล้ เขาเปิดประตูให้
 
“แน่ใจนะว่าปิดแล้วประตูมันจะไม่หลุดติดมือมาด้วย หรือวิ่ง  ๆ อยู่แล้วล้อไม่วิ่งนำหน้าไปก่อน”
 
“ไม่แน่ครับ ไม่เคยมีคนหน้าตาดีกว่าหนูแดงนั่งมาซะด้วยสิ”
เขาพูดแค่นั้นแล้วปิดประตูลง
 
ตอนนาคินทร์พูดอาจไม่คิดอะไร แต่คำนั้นทำเอาผมหน้าร้อนผ่าวขึ้นมานิด ๆ ผมนั่งนิ่ง กระทั่งถูกเรียกอีกรอบ
 
“คุณหนูครับ รัดเข็มขัดด้วย”
 
“อะ อืม”
ผมตอบตะกุกตะกัก รีบหันไปจับสายเข็มขัดนิรภัย ดึงพืดเพื่อเอามากดลงหลุม ไม่รู้ว่าผมดึงแรงไปหรือว่าเพราะสภาพอันเก่าแก่ของมัน หัวเบลท์ที่เคยติดกับสายหลุดติดมือผมมา ผมอ้าปากค้าง นาคินทร์หันมามอง
 
“สมกับเป็นคุณหนูจริง ๆ”
 
“อะไร สมกับเป็นฉัน!”
ผมหันไปแว๊ด
 
“ฉายาตัวเอง จำไม่ได้เหรอครับ ซุ่มซ่าม จอมทำลายล้าง หนูแดงขึ้นมานั่งตั้งหลายรอบรถนาคินทร์ไม่เคยพัง คุณหนูขึ้นมาพังเลย”
 
ผมหน้าร้อนผ่าว
 
“เพราะรถของนาคินทร์มันเก่าต่างหาก บอกให้พ่อซื้อใหม่ได้แล้ว”
 
“เสียดายครับ มันยังใช้ได้ดีอยู่”
 
“ดีตรงไหน!”
ผมยกหัวเบลล์ที่หลุดติดมือให้ดู
 
“นั่นเพราะคุณหนูมือหนักต่างหาก มานี่ครับ นาคินทร์ซ่อมให้”
แล้วนาคินทร์ก็รับไปถือ ขยับตัวมาดึงสายเบลท์จากตัวผม ผมจำต้องเบี่ยงตามแรงดึงนั้นไปด้วย หน้านาคินทร์อยู่ใกล้หน้าผมแค่คืบ คนตัวสูงไม่ได้สนใจมองหรอก ผมแทบกลั้นหายใจ เพราะกลัวจะไปถูกนาคินทร์เข้า นาคินทร์คิ้วขมวด ค่อย ๆ เสียบหัวเบลท์เข้าไป
 
“เอาล่ะเรียบร้อย”
พูดพร้อมจับมันเสียบลงรูให้ ผมพ่นลมหายใจที่กลั้นไว้เมื่อกี้ออก นาคินทร์มองงง ๆ
 
“ตัวนาคินทร์เหม็นขนาดนั้นเลยเหรอครับ ขอโทษด้วย”
 
“เปล่า ๆ” ผมรีบแก้ตัว “ฉันกลัวจะทำให้นาคินทร์เสียสมาธิ”
 
นาคินทร์หัวเราะ ไม่บ่อยนักที่จะได้เห็น ใบหน้าที่ติดจะมีอายุนั้นดูเด็กลงทันตา
 
“ถ้าคุณหนูนั่งมาด้วยบ่อย ๆ บางทีนาคินทร์อาจต้องเปลี่ยนรถ”
 
“ถ้ารักมากก็ไม่ต้องเปลี่ยนหรอก รอให้ล้อโบกมืออำลาตัวรถกลางถนนก่อนค่อยเปลี่ยน”
ผมพูดประชด นาคินทร์หัวเราะอีกรอบ
 
ผมบอกตามตรงว่าผมชอบดูนะ มันทำให้โลกสดใสยังไงพิกล ผมไม่ค่อยเห็นหรอก เพราะนาคินทร์ชอบไว้หนวดไว้เคราละมั้ง
 
“นี่” ผมเรียกตอนรถกำลังเคลื่อนออกจากที่จอด “โกนหนวดโกนเคราแบบนี้ไปตลอดได้ไหม”
 
คนขับหันมามอง
 
“ทำไมครับ”
 
“ดูสดใสดี ฉันชอบ”
คนขับนิ่งไป ผมก็นิ่งเหมือนกัน
 
คะ คือ ผมจะบอกว่า ชอบในความหมายว่ามันดูสะอาดสะอ้านดี แต่แปลกที่เหมือนมันมีความนัยแฝงในนั้นยังไงพิกล
 
ผ่านไปนานทีเดียวกว่าคำตอบจะหลุดออกมาจากปากคนขับ
 
“ครับ ถ้าคุณหนูต้องการ”
 
ผมแอบพอใจลึก ๆ นั่งไปนิ่ง ๆ
 
“คุณหนูไม่เหมาะกับรถผมเลย เก่าก็เก่า เหม็นก็เหม็น ๆ แก่ก็แก่”
 
“เหมาะกับเจ้าของดี ทั้งเก่าทั้งแก่ ทั้งเหม็นสาบเหงื่อ”
 
นาคินทร์ทำท่ากระอักกระอ่วน
 
“ขอโทษครับ”
 
“แต่ฉันชินแล้ว ดมมาตั้งแต่เด็กยันโต”
นาคินทร์ไม่พูดอะไร ขับรถพาขึ้นทางด่วน ตรงไปยังแหล่งพันธุ์ไม้แถวคลอง 15 เขาจอดรถร้านหนึ่ง ลงไปในร้าน พูดคุยกับเจ้าของร้าน ดูเป็นงานเป็นการดี ก่อนยื่นกระดาษแผ่นหนึ่งให้ ในนั้นเต็มพรืดไปด้วยลายมือที่เขียนด้วยปากกาน้ำเงินเป็นระเบียบ ผมไม่ได้อ่านว่าอะไร แต่ก็น่าจะเป็นรายการต้นไม้นั่นแหละ
 
“คุณหนู เชิญทางนี้ครับ”
นาคินทร์หันมาเชิญ ผมรีบก้าวตามทันที ผมกับนาคินทร์เหมือนกันอยู่อย่างก็ตรงที่ชอบเรื่องต้นไม้เหมือนกันนี่แหละ แต่ผมแค่ชอบอยู่กับมัน ไม่ได้ศึกษาเรียนรู้หรือชอบปลูกเหมือนนาคินทร์หรอก
 
“ระหว่างต้นนี้กับต้นนี้ คุณหนูชอบต้นไหน”
เขาถาม ใบเป็นแฉก ๆ เหมือนกัน ผมมองต้นไม้ทั้งคู่สลับกันไปมา ก่อนชี้ไปต้นทางซ้าย
 
นาคินทร์ก้มลงจดชื่อต้นไม้ลงบนกระดาษ ถามผมอีกสองสามต้นที่ใกล้เคียงกัน ผมก็ชี้ ๆ เอา หลังจากต้นสำคัญหมด เราก็พากันเดินดูต้นไม้   แปลก ๆ อื่น ๆ นาคินทร์มีความรู้เรื่องต้นไม้ดีมากเหมือนกัน เดินไปถ้าต้นไหนไม่มีป้ายบอกก็จะบอกผม ต้นไหนไม่รู้ก็เรียกพนักงานมาถาม
 
ในระหว่างที่พนักงานวิ่งมาเพื่อสอบถามอะไรบางอย่างกับนาคินทร์ ผมเดินดูต้นไม้ไปเรื่อย ๆ คอย จนไปเจอต้นไม้กลุ่มหนึ่งในกระถางขนาดไม่ใหญ่มาก ลักษณะใบมันเล็ก ๆ เลื้อยยาวออกมานอกกระถาง
 
น่ารักดีครับ
 
ผมก้มมองชื่อ พอเห็นก็ยิ้มออกมาทันที
 
“ต้นรัก”
อันนี้ไม่ใช่เสียงผม แต่เป็นเสียงของนาคินทร์ที่ก้มลงมาดูใกล้ ๆ เหมือนกัน นาคินทร์อ่านสิ่งที่ผมกำลังอ่านอยู่ ผมหันไปมองด้วยความตกใจ
 
เพราะนาคินทร์ก้มหน้าลงมา และเพราะผมก็กำลังก้มหน้าอยู่เคียงกัน พอหันไปมอง ปากผมเลยกวาดผ่านพวงแก้มของอีกคนไป ผมชะงัก พอ ๆ กับนาคินทร์ที่หันมามอง
 
“อะ เอ่อ ชื่อน่ารักดี”
ผมรีบยกหน้าขึ้นมาพูดแก้เก้อ ทำเหมือนเมื่อกี้ไม่มีอะไรเกิดขึ้น
 
“ครับ ความหมายดี คนนิยมเอาไปปลูกกันในออฟฟิศ อยากได้สักแถบไหม ใกล้ ๆ กับชิงช้าก็ได้ ผมจัดให้” นาคินทร์ถามเรียบ ๆ คงไม่ได้ใส่ใจที่ถูกผมแอบหอมแก้มไปเมื่อกี้
 
“กะ ก็ดี เผื่อจะได้โชคดีมีความรักกับเขาบ้าง”
 
ได้ยินเสียงหัวเราะหึ ๆ จากลำคอนั้น
 
“โชคชะตาฟ้าลิขิตครับ ถ้ามันจะเจอ เดี๋ยวมันก็เจอ”
แล้วเขาก็เดินไปเรียกพนักงาน พูดจาอะไรกันสองสามคำ ในขณะที่ผมเลื่อนมือมากุมหัวใจตัวเอง
 
ใจเย็นอนุชา นั่นผู้ชาย
 
นั่นคนสวน
 
นั่นคนแก่น้อง ๆ พ่อเลยนะ
 
ผมลดมือลงปรับสีหน้านิ่งเรียบเมื่อเขาหันมา เรียวปากได้รูปนั้นแย้มออกกว้าง รอยยิ้มนั้นสะกดผมให้หยุดนิ่งไปเลย
 
“เรียบร้อยครับ เราไปเดินดูอย่างอื่นกันต่อเถอะ”
สติผมกลับคืน ก้าวเดินตามคนตัวสูง ในขณะที่หัวใจกำลังไหวอย่างรุนแรง


[ต่อ 80%]


หลังจากดูต้นไม้กันจนครบนาคินทร์ก็ขับรถไปส่งผมที่ออฟฟิศ ขากลับผมไม่ได้ทำเบลท์พัง ได้ต้นไม้ติดรถมาเพียบ กำลังจะก้าวลงจากรถ แต่ถูกเรียกตัวไว้ ผมหันไปมองคนเรียก
 
“คุณหนูมีโต๊ะทำงานหรือยังครับ”
ผมเลิกคิ้วมองคนถาม ส่ายหน้าไปมา
 
“ยังหรอก ตอนนี้ยังเป็นแค่เด็กเดินเอกสาร”
 
นาคินทร์ทำท่าคิด
 
“ไม่มีอะไร”
เขาบอกแค่นั้น ผมก้าวลงจากรถ กลับไปทำหน้าที่ของตัวเองต่อ

(มีต่อ)
 
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 22-06-2016 07:11:49 โดย memew »

ออฟไลน์ arij-iris

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2904
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +30/-5
รอต่อค่าาาา รอๆๆๆๆๆๆ :katai2-1:

ออฟไลน์ memew

  • ขอบคุณที่เข้ามาอ่านจ้าาา
  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 456
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +382/-10
    • :: Memew แฟนเพจ :
(ต่อค่ะ)
 
หลังเลิกงานผมก็พาร่างเหนื่อย ๆ กลับบ้าน เห็นทุกคนอยู่กันพร้อมหน้า แม่รีบไล่ให้ไปอาบน้ำ
 
“พี่อนุชา”
อยู่ ๆ เจ้าแสบก็เรียกไว้
 
“มีอะไร”
ผมถาม ทำหน้าเหนื่อยใส่ เล่นละครนิดหน่อยครับ ไม่ได้เหนื่อยขนาดนั้นหรอก
 
“ชยันต์ซื้อของมาฝาก รู้สึกว่าช่วงนี้พี่น่าจะเหมาะ”
 
อะไรวะ
ผมถามในใจ แต่ไม่พูด ชยันต์วิ่งปรู๊ดขึ้นห้อง ก่อนวิ่งกลับลงมาพร้อมถุงสีฟ้าโลโก้ภาษาอังกฤษในมือ
 
“อะไร”
 
“ของฝาก อยากซื้อให้ รู้สึกผมไม่ค่อยซื้ออะไรให้พี่เลย”
 
“อย่าซื้อเลยดีที่สุด พี่ไม่ชอบสไตล์เรา”
ผมบอกตรง ๆ ชยันต์บู้หน้า
 
“ถ้าพี่ไม่ใส่ ผมงอนจริง ๆ ด้วย”
 
“งอนก็งอนไป”
ผมว่าไม่ยี่หระ ชยันต์รีบเปลี่ยนท่าทีทันที
 
“พี่อนุชาง่ะ นะ ใส่ให้ผมดูหน่อย ผมอยากเห็น พี่อนุชาสุดหล่อ น่านะ นะ นะ นะ นะ นะ นะ”
 
“เพื่ออะไร”
 
“ก็ชยันต์ชอบ อยากเห็น”
ผมส่ายหัวไปมา
 
“เสื้อผ้าเราพี่ใส่ไปทำงานได้ที่ไหน”
 
“งั้นก็ใส่อยู่บ้าน ใส่นอนก็ได้นะนะนะ ไม่มีใครเห็นหรอก ชยันต์เห็นคนเดียว”
ผมถอนหายใจแรง พยักหน้ารับอย่างเสียไม่ได้ เดินขึ้นห้องไป โยนถุงเสื้อผ้าที่ชยันต์ซื้อมาให้ลงบนเตียง สลัดเสื้อผ้าออกจากตัวเดินเข้าห้องน้ำไป
 
ผมใช้เวลาไม่นานก็เดินตัวเบาออกไปข้างนอก คลี่ดึงเสื้อผ้าออกมาจากถุงผ้านั้น
 
มันเป็นเสื้อยืดแขนยาวเนื้อผ้าเรียบลื่นสไตล์เซ็กซี่แบบของชยันต์แหละ ผมส่ายหัววางมันลง เดินไปเปิดตู้หวังหยิบชุดนอนมาใส่ ได้ยินเสียงเคาะห้องเบา ๆ ผมหันไปมอง เดินพันผ้าขนหนูไปเปิดดู
 
ชยันต์โผล่หน้าสวย ๆ เข้ามามอง ปากได้รูปยิ้มรื่น
 
“ใส่ยัง ชยันต์อยากเห็น”
 
“ว่าจะไม่ใส่”
 
“โธ่ ใส่เถอะนะ ชยันต์อยากรู้ว่ามันเป็นแบบไหน พี่เชนทร์ใส่แล้วยังหล่อเลย ไม่เชื่อดูดิ”
 
พี่เชนทร์เดินตามเข้ามา
 
โห แม่เจ้า หล่อจริง ๆ
คิดว่าจะเอ็กซ์เซ็กส์แตกแบบชยันต์ซะอีก มันไม่ใช่ว่าใส่แล้วจะเป็นแบบนั้นทุกคนนี่ พอเห็นพี่เชนทร์ใส่แล้วเท่ ผมไม่รอช้ารีบเดินไปหยิบมาใส่บ้าง
 
“เป็นไง”
 
“หล่อ” ชยันต์พูดสั้น ๆ “เราไปนอนกันเถอะ” แล้วควงแขนพี่เชนทร์ ก้าวออกจากห้องผมไป ผมมองตามงง ๆ
 
อะไรวะ เดินมาดูแค่เนี้ย
ผมส่ายหน้าไปมา ระอากับน้องคนเล็ก เดินตรงไปที่ตู้เสื้อผ้า กำลังจะถอดเสื้อออก แต่เหลือบไปเห็นใครบางคนกำลังขะมักเขม้นทำอะไรสักอย่างผ่านหน้าต่าง
 

ผมละความสนใจเรื่องเสื้อ คว้ากางเกงขาสั้นสำหรับใส่นอนมาใส่ วิ่งลิ่วออกจากห้องไปทันที
 
คราวนี้ผมฉลาดพอที่จะไม่เข้าทางด้านหน้าเพื่อทำให้อีกคนตกใจฉายไฟส่องหน้าอีก เดินย่องไปด้านหลัง นาคินทร์กำลังใช้สมาธิเล็งอะไรสักอย่างอยู่
 
“ทำอะไรอยู่”
ผมแตะหลังนาคินทร์เบา ๆ เจ้าตัวสะดุ้งเฮือกหันขวับมามอง แสงไฟบนหน้าผากปราดเข้าตาจนผมต้องเสหลบ เพราะผมยืนอยู่ใกล้คนตัวสูงมาก พออีกคนขยับก็ชนผมล้มลงไปนั่งก้นจ้ำเบ้าที่พื้น นาคินทร์รีบถอดไฟฉายโยนลงบนโต๊ะ ขยับเข้ามาใกล้ ผมเบ้หน้า
 
เจ็บก้นฉิบหาย
 
“ขอโทษครับ นาคินทร์ไม่เห็นว่าคุณหนูอยู่ข้างหลังแบบนี้ ขอโทษจริง ๆ”
นาคินทร์ย่อตัวลงมาทำท่าจะประคอง แต่ไม่รู้ว่าจะจับส่วนไหนของผมดีก่อน ผมมองคนตรงหน้า
 
กะว่าไม่ให้พลาดแล้วเชียว
 
นาคินทร์มองผมนิ่ง ๆ สายตาดูจะนิ่งค้างไปนิด ๆ ผมก้มมองตามสายตานั้นต่ำลงไปที่ด้านล่าง เพราะผมรีบลงมาโดยไม่ได้ดู ผมใส่เสื้อที่ชยันต์เอามาให้ คอมันกว้างมาก จังหวะล้มคอเสื้อร่นจนโชว์หัวไหล่ไปถึงต้นแขน หนำซ้ำยังเห็นหัวนมรำไรอีกต่างหาก
 
ผมหน้าร้อนผ่าว จะดึงเสื้อขึ้น คือจริง ๆ มันก็ผู้ชายครับ คิดไรมาก แต่ผมก็แอบประหม่านิดหน่อย นาคินทร์คงไม่คิดอะไร แต่คนที่คิดเนี่ยคือผมนี่แหละ นาคินทร์รีบเบรกมือผมที่กำลังจะดึงเสื้อที่หัวไหล่ขึ้น ผมมองงง ๆ
 
“มือคุณหนูเปื้อนดินครับ อย่าจับ มันจะเปื้อนส่วนอื่น ๆ”
นาคินทร์ปัดฝุ่นออกจากมือผมเบา ๆ สลับไปปัดอีกข้าง ผมนั่งจิ้มดินให้ทำดี ๆ นาคินทร์ดึงผมลุก จับผมหันหลัง ปัดก้นให้เบา ๆ มือใหญ่ ๆ นั้นป้ายก้นผมไปหลายรอบจนผมรู้สึกร้อนวูบวาบไปทั่วทั้งตัว พยายามไม่คิดอะไรมาก กระทั่งเขาจับผมหันไปเผชิญหน้า สำรวจรอบตัว พลิกหน้าพลิกหลัง คงสำรวจหาฝุ่น ก่อนค่อย ๆ หยุดสายตาไว้ที่หัวไหล่ที่เสื้อยังตกค้างอยู่ นาคินทร์หยุดสายตาไว้ เลื่อนมาดึงขึ้นให้เบามือ
 
“ชุดน่ารักดีนะครับ เคยเห็นคุณหนูชยันต์ใส่บ่อย ๆ”
 
“อื้ม เด็กนั่นยัดเหยียดคจมาให้เมื่อกี้”
 
เขาหัวเราะ
 
“เหมาะกับคุณหนูดีครับ แต่…”
 
“แต่อะไร”
ผมถามเสียงเครียด ความมั่นใจชักหดหาย หรือว่าจริง ๆ แล้วผมใส่แล้วมันทุเรศ
 
นาคินทร์ทำหน้าอึดอัด
 
“แต่อะไร”
ผมถามเสียงเครียดขึ้น
 
“มันเซ็กซี่เกินไป”
 
ผมมองคนพูดอึ้ง ๆ
 
“นาคินทร์ระ รู้จักคำว่าเซ็กซี่ด้วยเหรอ”
 
นาคินทร์หัวเราะ
 
“รู้สิ ต่อให้บ้านนอกขนาดไหนก็รู้จัก สวย น่ารัก เซ็กซี่ ผมแยกออกหมดแหละ คุณหนูชยันต์แต่งตัวน่ารักขนาดไหนก็ยังมีคุณเชนทร์คอยดูแล คุณหนูไชยวุธมีคุณวิลเลี่ยมคอยปกป้อง แต่คุณหนูอนุชาไม่มีนะครับ ใส่มาแบบนี้มันอันตราย นาคินทร์เป็นห่วง”
 
หัวใจผมไหวแรงไปกับน้ำคำซื่อ ๆ แบบนั้น
 
“ฉะ ฉันเป็นผู้ชายนะ จะมีอันตรายอะไรกับอีแค่แต่งตัวแบบนี้”
 
นาคินทร์มองหน้าผม ทำท่าเหมือนจะพูด แต่ไม่พูด
 
“นาคินทร์แค่เป็นห่วง”
 
ผมรู้สึกร้อนวูบไปทั่วทั้งผิวหน้า ลามไปถึงภายในช่องอก
 
“ร้อนหรือครับ หน้าแดง ๆ”
ไม่พูดเปล่า นาคินทร์ยังแตะแก้มผมเบา ๆ มือนั้นสากก็จริง แต่ก็อบอุ่นมาก ผมชะงัก พอ ๆ กับคนถาม มือนั้นนิ่งค้างไว้ที่แก้มผม
 
“ขอโทษครับ นาคินทร์มือไม่สะอาด เดี๋ยวเผลอทำหน้าคุณหนูเป็นรอย”
นาคินทร์รีบชักมือกลับ ผมไม่พูดอะไร แตะหลังมือตรงตำแหน่งที่ถูกสัมผัสนั้นเบา ๆ
 
“โทษทีที่มารบกวน ว่าแต่ทำอะไรอยู่ ยุ่งหรือเปล่า”
 
“ไม่มากหรอกครับ กำลังเล็งแบบเพื่อทำอะไรสักอย่างประดับชิงช้า”
 
“อะไร”
ผมถามอย่างใคร่รู้ พยายามตัดทุกความรู้สึกที่มีก่อนหน้าทิ้งไป นาคินทร์ไม่ตอบ เดินหายไปสักพัก ก็กลับเข้ามาใหม่พร้อมอะไรบางอย่าง
 
“จะอยู่ดูไหม นาคินทร์ทำแผลบเดียว”
 
ผมพยักหน้า จ้องมอง นาคินทร์ลงมือตัดไม้เป็นชิ้นเล็ก ๆ นำมันมาประกอบเข้าด้วยกันจนกลายเป็นกระถางต้นไม้ขนาดกระทัดรัดสำหรับตั้งโต๊ะ    นาคินทร์ถือมันเดินหายไปทางหลังบ้าน สักพักก็เดินกลับมาใหม่พร้อมกระถางต้นไม้อันเดิม แต่เพิ่มเติมคือมีต้นไม้อยู่ในนั้นด้วย
 
ผมขมวดคิ้วมอง ต้นนี้คุ้น ๆ นะ ต้นอะไรสักอย่าง
 
นาคินทร์หยิบลวดมาเส้นหนึ่ง งอมันด้วยนิ้ว หยิบกระดาษมาเขียน ผมไม่ได้มองว่าเขียนว่าอะไร พอเสร็จ ก็หนีบกระดาษแผ่นนั้นลงบนลวดที่งอไว้ในลักษณะคล้ายที่หนีบกระดาษโน้ต พลิกดูความเรียบร้อย หันมาเผชิญหน้า ยื่นมาให้ ผมมองงง ๆ
 
“นาคินทร์ให้ครับ เพื่อคุณหนูโดยเฉพาะ”
ผมมองสิ่งที่อยู่ตรงหน้าอึ้ง ๆ รับมาถือไว้ อ่านสิ่งที่อยู่บนกระดาษ
 
‘รัก’
ผมหน้าร้อนผ่าว
 
“จริง ๆ จะเขียนว่าต้นรัก แต่กระดาษแผ่นเล็กไป”
นาคินทร์ยิ้มแหะ ๆ หัวใจผมไหวแรง รู้ว่าอีกคนไม่ได้คิดอะไร แต่ผมก็แอบดีใจ
 
ผมพยักหน้ารับ
 
“ขอบใจ ยังไม่มีโต๊ะทำงาน เอาไว้ที่ห้องนอนก่อนละกัน”
 
“เอาไว้ตรงริมหน้าต่างนะครับ ให้ถูกแสงหน่อย ๆ มันจะได้อายุยืน ๆ อย่าให้มันตายเสียก่อน ไม่งั้นนาคินทร์คงเสียใจแย่”
 
ผมหน้าร้อนผ่าว 
 
“อะ อืม สัญญาเลย ฉะ ฉันง่วงแล้ว ขอตัวไปนอนก่อนนะ”
 
“ครับ”
นาคินทร์รับปาก หันมองไปด้านหลัง
 
“จริง ๆ เขายังไม่ปิดไฟ แต่เดี๋ยวนาคินทร์เดินไปส่ง กลัวคุณหนูล้มอีก”
 
ผมไม่คิดจะปฏิเสธ อุ้มเอาต้นรักแนบอก เดินเคียงคนตัวสูงเข้าไปในเขตบ้าน
 
“นอนหลับฝันดีนะครับ”
นาคินทร์มองหน้าผม เลื่อนมือมาปัดอะไรบางอย่างออกจากแก้มให้
 
“ดินเลอะ”
ผมแตะแก้มตัวเองเบา ๆ พยักหน้ารับ หันหลัง วิ่งจู๊ดขึ้นห้องไป
 
ให้ตายสิ ทำไมหัวใจเต้นแรงขนาดนี้

To be Con...
เลิฟว์กันทีละนิด >//<

ออฟไลน์ Dolamon

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 176
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0

ออฟไลน์ Natsuki-ChaN

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 219
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +5/-0
โอ้ยย คุ่นี้เค้ามุ้งมิ้งน่าร้ากกกก อะไรคือการเขียนคำว่ารักเฉยๆ ว้ายย  :-[

ออฟไลน์ ป้ากิ่งkingkarn

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 308
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +15/-0
ชอบมากๆเลยค่ะ ค่อยเป็นค่อยไปดีจัง ติดตามผลงานอยู่น้า
ชอบทุกเรื่องเลยหลงรักตั้งแต่อ่านkiss love
อยากอ่านตั้งแต่คู่แรก(ถึงเคยอ่านในเด็กดีแล้วก็ตาม^^)
รออ่านตอนต่อไปอยู่นะคะ ขอบคุณมากๆค่ะ+เป็ดให้ทุกตอนแล้วนะคะ

ออฟไลน์ kun

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3592
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +122/-10
จิ้มๆๆๆ
อยากอ่านตั้งแต่คู่แรกด้วยจังเลย
อ่านคู่นี้ก่อนล่ะ^^

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ memew

  • ขอบคุณที่เข้ามาอ่านจ้าาา
  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 456
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +382/-10
    • :: Memew แฟนเพจ :
เรื่อง : Feel คนเจ้าอารมณ์
คู่ที่ 4 : #นาคินทร์อนุชา
เขียนโดย : +Memew+
+CHAPTER 03 : หวั่นไหว

ผมนั่งมองต้นรักราวกับมันจะมีแขนหรือขางอกออกมา กระถางที่ทำจากไม้ตอกประกอบเข้าด้วยกันเป็นสี่เหลี่ยมเก๋ ๆ รูปแบบถอดมาจากนิตยสารพวกหนังสือ My Home หรือบ้านและสวน สีกึ่งขาวกึ่งครีม ภายในมีกระถางสีดำเล็ก ๆ ข้างในมีต้นรักที่ถูกแบ่งมาจากกระถางใหญ่อีกทีปลูกไว้เพียงต้นเดียว
 
ผมรินน้ำจากขวดน้ำใส่แก้วค่อย ๆ เทใส่กระถางเบามือ
 
“แข็งแรง ๆ นะ เดี๋ยวคนให้จะเสียใจเอา” ผมพูดกับต้นไม้ พออ่านชื่อต้นไม้ทีไรหน้าผมก็ร้อนผ่าวทุกที
 
ผมละสายตาจากมัน อาบน้ำแต่งตัวเดินออกจากห้องเพื่อตรงไปทำงานที่บริษัท ระหว่างทางไปขึ้นรถ เห็นนาคินทร์กำลังขะมักเขม้นทำอะไรอยู่ในสวน ผมเปลี่ยนเส้นทางจากจะไปที่รถเป็นตรงไปทางนั้นทันที
 
“ทำอะไรอยู่”
 
คนที่กำลังก้มหน้าก้มตาทำอะไรอยู่เงยหน้ามอง ผมหัวเราะเมื่อใบหน้าที่ถูกโกนหนวดเคราจนเกลี้ยงนั้นมีรอยเปื้อนเป็นแถบ ผมล้วงหยิบผ้าเช็ดหน้าที่พกติดกระเป๋ากางเกงประจำขึ้นมาถือ เดินตรงเข้าไปหา นาคินทร์มองมานิ่ง ๆ ทำหน้างง ๆ
 
“อยู่นิ่ง ๆ นะ”
ผมสั่ง นาคินทร์นิ่งตาม ผมแตะผ้าเช็ดหน้าบนผิวแก้มนั้นเบามือ
 
“อย่าครับคุณหนู เดี๋ยวเปื้อนผ้าเช็ดหน้าคุณหนูเปล่า ๆ” นาคินทร์รีบเบรกใช้แขนดันมือผมออก
 
“อยู่นิ่ง ๆ” ผมสั่งเสียงเข้ม
 
“แต่…”
ผมไม่ฟัง ขยับไปเช็ดให้อีกรอบ
 
“ผ้าเช็ดหน้าราคาแพงคุณหนูเปื้อนหมดแล้ว ไม่ควรเลย” นาคินทร์บ่น ผมหัวเราะ
 
“ฉันมีแบบนี้หลายผืนน่า”
 
“ถึงจะงั้นก็เถอะ ราคาคงไม่ใช่ถูก ๆ”
 
“รู้รึเปล่าว่าฉันรวย”
 
“รู้ครับ เจ้านายนาคินทร์ทั้งคน”
 
“เพราะงั้น ต่อให้มันเปื้อน ฉันก็มีเงินซื้อผืนใหม่ได้”
 
นาคินทร์ส่ายหน้า ทำหน้าเสียดายออกมาจากใจจริง
 
“เอ้าเรียบร้อย”
 
“ดูสิ เปื้อนหมดแล้ว”
นาคินทร์จับมือผมที่ถือผ้าเช็ดหน้าไว้ ทำหน้าเหมือนมันเป็นลูกหมาที่กำลังบาดเจ็บตัวหนึ่ง
 
“เปื้อนเหงื่อนาคินทร์ด้วย ซักออกหรือเปล่าก็ไม่รู้ มันเลอะแล้ว คุณหนูอย่าเอากลับไปใช้อีกนะครับ มันไม่สมควร”
นาคินทร์บอกอย่างนอบน้อม จริง ๆ ผมไม่ได้รังเกียจหรอก
 
“ฉันไม่ถือ”
 
“แต่ผมถือ”
 
“อ่ะ งั้นฉันยกให้”
 
“เอ่อ...ผมว่า”
 
“ไม่ให้ใช้ แล้วจะให้ทิ้งรึไง ฉันไม่ชอบทิ้งข้าวของนาคินทร์ก็รู้ นี่ผืนโปรดฉันด้วย เอาไง ระหว่างให้ฉันเอากลับไปใช้กับฉันยกให้แล้วนาคินทร์เอาไว้ใช้เอง”
 
“นาคินทร์เอาไว้ใช้เองดีกว่าครับ ดีกว่าให้คุณหนูเอากลับไปใช้”
นาคินทร์ค่อย ๆ ดึงผ้าเช็ดหน้าผืนนั้นจากมือผมราวกับมันเป็นแก้ว ถือประคองไว้ในมือ แล้วก็หันไปหยิบกล่องอะไรสักอย่างบนชั้นมาถือ เปิดฝาออก ภายในว่างเปล่า นาคินทร์เป่าเศษฝุ่นออก พอเห็นว่าสะอาดดีแล้วถึงได้บรรจงใส่ผ้าเช็ดหน้าของผมลงไป ทำราวกับมันเป็นเครื่องประดับสุดล้ำค่าจริง ๆ
 
ผมอดรู้สึกภูมิใจไม่ได้จริง ๆ
 
“นี่ถ้าฉันเอาเสื้อฉันเช็ด นาคินทร์คงเอาเสื้อฉันไป”
 
“ไม่หรอกครับ”
 
ผมหัวเราะ
 
“ทำอะไรอยู่” พยักหน้าไปทางสิ่งที่นาคินทร์กำลังทำ
 
“ส่วนประกอบเพื่อวางระบบน้ำ”
 
ผมพยักหน้าหงึก ๆ เพราะถามไปงั้นเองไม่ได้สนใจอะไร กวาดมองคนตัวสูงอีกที วันนี้ดูนาคินทร์จะมาแปลกว่าทุกวัน ไม่ใช่เพราะหนวดเครา แต่เป็นเพราะอะไรสักอย่าง…
 
ผมนิ่งสำรวจ
 
อ๋อ เสื้อที่ใส่
 
วันนี้นาคินทร์ใส่เสื้อยืดสีน้ำเงินเข้ม สีมันมอก็จริง แต่รูปแบบมันเท่มาก ๆ ที่สำคัญ…
 
ผมลอบสังเกต นั่นมันเสื้อติดแบรนด์นี่
 
ปกตินาคินทร์จะใส่เสื้อตลาดนัด ราคาไม่กี่ร้อย ที่สำคัญ ทั้งเก่าทั้งขาดทั้งมอ รูปแบบบ้าน ๆ กางเกงมอ ๆ แต่วันนี้ชุดดูเป็นผู้ดีผิดไปลิบลับ
 
“ใครซื้อเสื้อผ้าชุดนี้ให้”
ผมถามเพราะเดาได้ว่านาคินทร์ไม่น่าจะซื้อเองได้ นาคินทร์ละมือจากไม้ขึ้นมองหน้าผม แล้วก้มมองตัวเอง
 
“ไม่เหมาะเหรอครับ ผมก็ว่างั้นแหละ มันดูแปลก ๆ นาคินทร์ชอบเสื้อยืดกางเกงมอ ๆ ของนาคินทร์มากกว่า แต่จะขัดก็ไม่ได้”
 
“ใคร” ผมถามอีกที
 
“คุณหนูชยันต์ครับ”
มาได้ไงวะ ผมขมวดคิ้วทำหน้างง นาคินทร์ถอนหายใจแรง
 
“อยู่ ๆ คุณหนูชยันต์ก็เดินมาหา แล้วบอกว่าช่วงนี้นาคินทร์ดูดีนะ เหมาะกับชุดนี้แล้วก็ยื่นถุงเสื้อผ้ามาให้ นาคินทร์ถามว่าเป็นเสื้อผ้าเก่าของใครหรือเปล่า ถ้าแบบนั้นนาคินทร์ก็อยากใส่อยู่หรอก แต่คุณหนูบอกว่า ไม่ใช่ ซื้อมาให้นาคินทร์โดยเฉพาะเพราะเห็นว่าน่าจะเหมาะ จะปฏิเสธคุณหนูก็สั่งเสียงเหี้ยม จะไม่ใส่ก็ไม่ได้”
โห ชะตากรรมเดียวกันเลย ผมมองนาคินทร์ตั้งแต่หัวจรดเท้า
 
“เหมาะมากเกินไปต่างหาก เดี๋ยวสาวแก่แม่ม่ายก็พากันมารุมตอมหึ่งหรอก”
 
“นั่นแหละ ที่ผมไม่ชอบที่สุด”
 
“ทำไมไม่โกหกไปล่ะว่ามีเมียแล้ว”
 
“ใครเขาจะเชื่อครับ วัน ๆ ก็ทำแต่งาน”
 
มันก็จริง
 
“สายแล้วนะครับ ไม่รีบเดี๋ยวสายนะ”
 
ผมตาโต ยกนาฬิกามอง
 
“จริงสิ! งั้นฉันไปก่อนนะ” ผมรีบหันหลัง
 
แต่ให้สวรรค์เป็นพยาน ไอ้ไม้ที่วางอยู่มันแกล้งผม ผมสะดุดมันจนบินถลาจะร่อนลงจอดหน้าแนบดิน ดีว่ามีวงแขนใหญ่ ๆ มาโอบไว้อีกรอบ ได้ยินเสียงพ่นลมหายใจแรงจากคนที่โอบผมไว้
 
“โตแล้วนะครับคุณหนู เมื่อไหร่จะเลิกซุ่มซ่ามสักที” นาคินทร์ค่อย ๆ ประคองผมยืนดี ๆ
 
ผมยิ้มแหะ ๆ ก้าวเดินดี ๆ อีกรอบ เดินไปหัวใจก็พากันไหวแรง ขาแข้งแทบจะก้าวพันกัน พอขึ้นมานั่งบนรถได้ ผมรีบกุมหัวใจตัวเองไว้ทันที
 
“ใจเย็นอนุชา ใจเย็น เลิกตื่นเต้น เลิกรู้สึกอะไรกับผู้ชายคนนั้น มันไม่เหมาะ มันไม่ควร ไม่ ไม่ ไม่ ไม่” ผมสั่งตัวเองเสียงดัง มองหน้าตัวเองผ่านกระจก ตอนนี้มันแดงเถือกจนถึงใบหู ผมตบแก้มตัวเองแรง รีบสตาร์ทรถขับออกไปทันที
 
 
 
 
 
 
 
ผมทำงานแบบใจลอย ๆ
 
“อนุชา นี่มันงานของคุณศักดานะ ไม่ใช่ของฉัน”
 
ผมสะดุ้งหลุดจากภวังค์มองคนพูด รีบรับงานนั้นมาเปิดดู ยิ้มแหะ ๆ
 
“ขอโทษครับ ผมคงเบลอ”
 
คุณเอกสิทธิ์มองหน้าผมแล้วส่ายหัว
 
“ใจลอยไปถึงใคร”
 
ถึงหนุ่ม
คนสวนของบ้านด้วย ขืนบอกไปคงโดนหาว่าบ้า
 
“ไม่มีอะไรครับ”
 
“ไหน ๆ ก็จะไปหาคุณศักดาแล้ว ฝากนี่ไปให้ด้วย”
เขายื่นกระดาษติดโลโก้บริษัทมาให้ผมสองแผ่น ผมรับมาถือไว้ มองแวบหนึ่งเพื่อดูว่ามันคืออะไร
 
“อนุชา”
 
“ครับ” ผมเงยหน้ามองคนเรียก
 
“เอ่อ ..เธอว่างไหม ตอนเที่ยง ไปกินข้าวด้วยกันสิ”
 
ผมเลิกคิ้วมองคนชวน วันนี้นาคินทร์มาคุมงานที่ดาดฟ้า ผมกะว่าตอนเที่ยงจะขึ้นไปกินข้าวข้างบนเพื่อดูการดำเนินงานด้วย
 
“ขอโทษครับ พอดีเที่ยงนี้ผมไม่สะดวก มีธุระต้องทำ”
 
“เหรอ พรุ่งนี้ล่ะ”
 
“เอ่อ น่าจะไม่ว่างทุกเที่ยงครับ”
 
เขาขมวดคิ้วมองงง ๆ
 
“มีธุระอะไร”
 
“คือ…” ผมหาทางแก้ตัว “พอดีผมรับงานเสริมไว้ ต้องไปช่วยเขาจัดสวนบนดาดฟ้าของออฟฟิศ” ผมแหล เขามองผมด้วยสายตาเอ็นดูขึ้น
 
“ขยันจังนะ เธอเป็นเด็กใหม่ที่ทำงานโดยไม่ปริปากบ่น หนำซ้ำยังขยันอีก ถ้าเดือดร้อนเรื่องเงิน ให้บอก ฉันพอจะช่วยได้”
 
“ไม่หรอกครับ ผมไม่เดือดร้อนเรื่องเงินหรอก ผมแค่อยากลองทำอะไรหลาย ๆ อย่างเพื่อพัฒนาความสามารถตัวเอง ถ้าคุณเอกสิทธิ์จะช่วย ช่วยหางานหลากหลายให้ผมทำดีกว่า”
 
“ฉันก็เพิ่งเคยเจอคนแบบเธอคนแรกนี่แหละ มีแต่คนเกี่ยงงาน เห็นเธอเป็นคนเดียวที่วิ่งเข้าหางาน”
 
ผมยิ้มให้ ก็จะมาเป็นเจ้าของบริษัทนี้นี่หว่า ต้องทำให้ได้ทุกตำแหน่งตามข้อตกลงที่พ่อให้ไว้สิ
 
“งั้นผมขอตัวนะครับ”
กำลังจะเดินไป แต่ถูกรั้งจับข้อมือไว้
 
“ฉันพูดจริงนะ ถ้าต้องการความช่วยเหลืออะไร ให้นึกถึงฉันก่อนคนแรก เข้าใจนะ”
 
ผมมองหน้าคนพูด ยิ้มให้อีกที
 
“ได้ครับ ขอบคุณมากครับ”
ผมตอบอย่างนอบน้อม เรียนรู้ลักษณะนี้มาจากนาคินทร์นั่นแหละ
 
ผมผละจากมา เอางานไปให้คุณศักดา แล้วไปทำอย่างอื่นต่อ ตอนเด็ก ๆ ผมเคยสงสัยว่าทำไมพ่อต้องบังคับให้พี่ ๆ ที่เรียนจบแล้ว เริ่มงานในตำแหน่งต่ำสุดก่อน มาตอนนี้ผมเข้าใจแล้ว
 
มันคือการเรียนรู้ระบบงาน เรียนรู้คน เรียนรู้ตั้งแต่รากแก้วสูงขึ้นไปเรื่อย ๆ จนวันหนึ่ง ผมคงจะไต่ไปถึงปลายยอดของต้นไม้ใหญ่ ถึงเวลานั้นผมคงดูแลต้นไม้ต้นนี้ให้ดีได้ตามที่พ่อมุ่งหวัง
 
จริง ๆ ผมชอบบริษัทนี้ งานนี้ ผมเคยมาเที่ยวเล่นบ่อย ๆ ตอนเด็ก แต่ตอนนั้นพ่อให้มาเที่ยวในฐานะลูก ๆ ของแม่บ้าน ไม่ได้ให้มาในฐานะลูกเจ้าของหรอก
 
นี่แหละคือหลักการเลี้ยงลูกของพ่อล่ะ
 
 
 
พอพักเที่ยง ผมรีบหอบของกินที่หนูแดงทำให้วิ่งลิ่ว ๆ ขึ้นไปบนดาดฟ้าทันที ผมชอบกินอาหารฝีมือของหนูแดง เพราะทำถูกปากผมที่สุดแล้ว
 
พอขึ้นไปก็เห็นคนงานสามคนกำลังขะมักเขม้นจัดเตรียมพื้นที่ รู้สึกจะเป็นงานโครงสร้างเพื่อประกอบเป็นพื้นที่หลังคาคล้ายโรงเรือน นาคินทร์กำกับคนงาน ในขณะที่ตัวเองก็ช่วยแบกหามด้วยเหมือน แผ่นหลังนั้นแน่นไปด้วยกล้ามเนื้อ
 
“นาคินทร์”
ผมเรียก นาคินทร์หันขวับมามอง
 
“คุณหนู” เขารีบวางงานที่ทำอยู่ลง ผมกำลังจะเดินเข้าไปหา “อยู่ตรงนั้นแหละ ไม่ต้องเดินมา เศษไม้กับตะปูเยอะ เดี๋ยวหกล้ม” รายนั้นรีบร้องสั่ง ผมเบรกกึก ยืนคอย นาคินทร์ถอดถุงมือออก เดินเข้ามาหา
 
“เที่ยงแล้ว ไม่กินข้าวกันรึไง” ผมชวน นาคินทร์เงยหน้ามองดวงตะวัน มันแผดเปรี้ยงผ่าหัวพอดี
 
“กะว่าทำอีกสักหน่อยค่อยกิน”
 
“พักก่อนเถอะ กินข้าวด้วยกัน ให้คนงานไปกินข้าวก่อน แล้วบ่ายโมงค่อยทำ”
 
นาคินทร์ทำสีหน้ากระอักกระอ่วน
 
“นาคินทร์ว่านาคินทร์กินกับคนงานดีกว่าครับ นาคินทร์ไม่ควรกินกับคุณหนูนะ”
 
ผมส่ายหัว
 
“อย่ามาถ่อมตัวแถวนี้ ตอนนี้ฉันเป็นแค่พนักงานเดินเอกสาร นาคินทร์เป็นหัวหน้าทีมดูแลคนทำสวนนะ ตำแหน่งสูงกว่าฉันอีก”
 
นาคินทร์ทำหน้าเหมือนคนโดนบีบไข่
 
“นี่เป็นคำสั่ง กินข้าวกับฉัน”
 
“เอ่อ…”
 
“หรือคิดจะขัดคำสั่ง”
 
“ไม่ครับ ๆ งั้นขอนาคินทร์ไปบอกคนงานกับล้างมือก่อน”
 
ผมพยักหน้ายืนคอย นาคินทร์เดินไปหาคนงาน พูดคุยกันคำสองคำคนงานก็วางมือเดินหายไปอีกด้าน คงหลบไปพักกินข้าว ในขณะที่นาคินทร์เดินหายไปทางห้องน้ำ แล้วเดินกลับมาใหม่พร้อมใบหน้าเปียก ๆ เขายกชายเสื้อขึ้นเช็ดหน้า กล้ามเนื้อหน้าท้องเป็นมัด ๆ เลย
 
หัวใจผมไหวแรงไปกับภาพที่เห็น ผมรีบเบือนหน้าหนีทันที
 
“ไปนั่งกินกันตรงนู้นดีกว่าครับ ร่มและเย็นหน่อย คุณหนูน่าจะกินข้างล่างเย็น ๆ ข้างบนร้อนจะตาย”
 
“ฉันไม่บอบบางขนาดนั้น”
 
นาคินทร์ส่ายหัว พาผมเดินตรงไปใต้ต้นไม้ใหญ่ มีม้านั่งสีขาวยาว ๆ วางอยู่ นาคินทร์ยกโต๊ะไม้ที่ทำไว้คร่าว ๆ สำหรับทำงานมาวางไว้ วางกล่องข้าวหน้าตาคล้ายกันบนโต๊ะ ฝีมือหนูแดงแน่ ๆ
 
“หนูแดงทำอะไรให้กิน” ผมถาม
 
“ไม่รู้สิครับ ไม่เคยดูก่อนสักครั้ง”
 
“งั้นฉันขอเปิดดูนะ” ผมบอกอย่างตื่นเต้น นาคินทร์พยักหน้า ผมวางของตัวเองลง เปิดของนาคินทร์ดู ตาโตทันที่เห็น “ไข่ตุ๋นกับปลานิลทอด”
 
“ถ้าคุณหนูอยากกินก็เชิญเลยครับ ผมทานของคุณหนูเองก็ได้”
 
ผมไม่ปฏิเสธยื่นของตัวเองไปให้ ผมชอบกินไข่ตุ๋นฝีมือหนูแดง พอเปิดออกมา ของผมเป็นกระเพราไก่ไข่ดาวกับผัดพริกแกงเห็ดรวม
 
“ฉันเอาเปรียบนาคินทร์ไปไหม กินด้วยกันสิ เพราะหนูแดงอุตส่าห์ทำให้พ่อ”
 
นาคินทร์ส่ายหัว
 
“นาคินทร์กินง่ายอยู่ง่าย ข้าวคลุกน้ำปลาก็อิ่มได้แล้ว”
 
“นั่นก็ง่ายเกิน”
 
นาคินทร์หัวเราะ เราลงมือกินกันทันที ฝีมือหนูแดงอร่อยเหาะจริง ๆ
 
“คุณหนูครับ แก้มเปื้อน”
 
ผมเงยหน้ามองคนทัก เอามือป้าย ๆ ตรงแก้มซ้าย
 
“ไม่ใช่ครับ ต่ำลงมาอีกหน่อย”
 
ผมป้ายต่ำลงไปอีก
 
“อย่าครับ เดี๋ยวเลอะ” นาคินทร์หยุดมือผมไว้ ค่อย ๆ ใช้ปลายนิ้วแต้มเช็ดออกให้
 
“ใช้ปากกินสิครับ ไม่ต้องไปแบ่งให้แก้มกิน”
 
ผมหน้าร้อนผ่าว นาคินทร์แหงนหน้าขึ้นมองดวงอาทิตย์
 
“ตรงนี้ร้อนไปหรือเปล่า คุณหนูหน้าแดงหมดแล้ว”
 
ผมรีบเสหลบ
 
“นะ นิดหน่อย แต่ไม่เป็นไร ฉันชอบ”
 
“รีบกินแล้วรีบลงไปตากแอร์เย็น ๆ ดีกว่า”
 
ผมส่ายหัว
 
“รีบกินไม่ได้หรอก อาหารฝีมือหนูแดง ต้องกินช้า ๆ”
 
นาคินทร์ยิ้มอ่อนโยน
 
“ขอบคุณที่กรุณาพวกเราสองคนพ่อลูก โดยเฉพาะหนูแดง บุญของเด็กมันจริง ๆ”
 
“นี่ นายเคยช่วยชีวิตพ่อฉันไว้นะนาคินทร์ บอกตามตรง ถ้านายไม่ช่วยไว้ ฉันคงไม่มีพ่อกับเขาอีก”
 
“เรื่องเล็กน้อยครับ ถึงยังไง สิ่งที่คุณท่านกับครอบครัวทุกคนให้ความกรุณานาคินทร์ก็เยอะเกินกว่าสิ่งที่นาคินทร์ทำอีก”
 
ผมส่ายหัว
 
“นายมันถ่อมตัวมากไป เอาล่ะ คำสุดท้าย แฟนสวย อ่ะ ฉันยกให้”
ผมไม่พูดเปล่า ยังตักอาหารคำนั้น ยื่นไปใส่ปากอีกคนตอนเผลอ นาคินทร์อ้าปากงับช้อนไว้แค่นั้น ผมเสยช้อนขึ้น รูดเอาเฉพาะช้อนเปล่าออกมา นาคินทร์เบิกตากว้าง
 
“ไม่ควรนะครับคุณหนู นั่นช้อนคุณหนู”
 
“นายนี่บางทีก็คิดมากเกินไปนะ”
 
“มันไม่ควร”
 
“เอาเป็นว่า เพื่อความเสมอภาค งั้นป้อนของนายมา”
 
“ไม่ ๆ ๆ” นาคินทร์สายหัวร่อน “นาคินทร์เป็นขี้ข้านะครับ เจ้านายไม่ควรมากินของขี้ข้าแบบนี้”
 
ผมขมวดคิ้วทำหน้าไม่พอใจ
 
“นี่ พวกเราทุกคนไม่มีใครคิดว่านาคินทร์เป็นขี้ข้านะ นาคินทร์ก็เหมือนคนหนึ่งในครอบครัวเรา แทบจะมีศักดิ์เป็นน้องชายพ่อด้วยซ้ำ”
 
นาคินทร์ส่ายหัว
 
“นาคินทร์ไม่อาจเอื้อมหรอก”
 
ผมส่ายหัวบ้าง
 
“คนแบบนายนี่ก็ยังมีเหลืออยู่ในโลกนะ”
 
 
 
พออิ่ม ผมก็ขอเดินดูงานไปรอบ ๆ โดยมีนาคินทร์คอยชี้บอกว่าอะไร จะทำตรงจุดไหนกระทั่งหมดเวลาพักเที่ยงผมถึงได้ขอตัวกลับ
 
“คุณหนู เดินช้า ๆ นะครับ เดี๋ยวหกล้ม”
 
“นี่ ฉันไม่ใช่หนูแดงนะ”
 
“แต่ผมเป็นห่วงคุณหนูยิ่งกว่าหนูแดงซะอีก”
 
ผมหน้าร้อนผ่าว ผมรู้ว่าคำว่าห่วงของนาคินทร์คือห่วงแบบไหน แต่เสี้ยวหนึ่งของใจผม อยากให้นาคินทร์ห่วงผมในฐานะที่พิเศษกว่าการเป็นเจ้านายธรรมดา
 
“ฉันจะระวังตัวไว้…เพื่อนาคินทร์”
ผมทิ้งท้ายไว้แค่นั้น เดินหน้าร้อนจากมา

[50%]
 
 
“ทำไมหน้าแดงแบบนั้น”
 
ผมสะดุ้งตอนใครสักคนทัก ผมรีบเงยหน้ามอง
 
“คุณเอกสิทธิ์”
 
คุณเอกสิทธิ์จ้องหน้าผมเขม็ง
 
“นี่คงเพิ่งกลับจากทำงานพิเศษใช่ไหม แดดข้างบนร้อนจะตาย ผิวสวย ๆ เสียหมด ดูสิ แดดแรงจนผิวแดงหมดแล้ว”
คุณเอกสิทธิ์รีบล้วงหยิบผ้าเช็ดหน้ามายื่นให้
 
“มะ ไม่เป็นไรครับ ไม่ได้ร้อนอะไร ผมผิวแดงง่ายแบบนี้แหละ”
 
คุณเอกสิทธิ์พยักหน้า
 
“ฉันรู้ว่าเธอชอบทำงาน แต่หางานอื่นทำดีกว่า ทำสวนไม่เหมาะหรอก”
 
ผมส่ายหัว
 
“ผมชอบอยู่กับต้นไม้”
 
คุณเอกสิทธิ์ยิ้ม
 
“งั้นว่าง ๆ ไปเที่ยวบ้านฉันสิ น้องสาวเปิดร้านขายต้นไม้อยู่”
 
ผมตาวาว
 
“ได้ราคาพิเศษรึเปล่าล่ะ”
 
เขาหัวเราะ คงขำกับท่าทางของผม
 
“ให้ 50% เลยสำหรับเธอ”
 
ผมฉีกยิ้มกว้าง ยังไม่ทันได้ทักทายอะไรก็ได้ยินเสียงฝีเท้าคนเดินลงมาตามทาง ผมหันไปมอง
 
“นาคินทร์”
 
“คุณ เอ่อ ลืมมือถือไว้แน่ะ”
 
ผมตาโตมอง
 
“ซุ่มซ่ามจัง โทษ ๆ”
ผมรีบเดินเข้าไปรับ นาคินทร์มองคุณเอกสิทธิ์ ผมมองตาม
 
“เอ่อ คุณเอกสิทธิ์ นี่นาคินทร์ เป็นนักจัดสวนมืออาชีพ” ผมยกระดับ “ส่วนนี่คุณเอกสิทธิ์ ผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ”
 
นาคินทร์ก้มหัวให้อย่างนอบน้อม
 
“อยากเห็นผลงานเร็ว ๆ ซะแล้ว”
 
“ไม่เกินเดือนครับ น่าจะเรียบร้อย”
 
“ขอบใจนะ ขอตัวก่อน”
ผมรีบบอกลาแค่นั้น กันการหลุด ชวนคุณเอกสิทธิ์ให้เดินไปด้วยกัน
 
“หล่อดีนะ”
 
“ผมเหรอ”
 
“เปล่า หมายถึงคุณนาคินทร์” คุณเอกสิทธิ์ตอบตามจริง ผมอมลม
 
“อะไร นี่ผมไม่หล่อรึไง”
 
คุณเอกสิทธิ์หัวเราะ
 
“หล่อเหมือนกัน แต่หล่อน่ารัก”
 
ผมขมวดคิ้วมอง
 
“หล่อ น่ารัก” ผมทวนคำ ก่อนฉีกยิ้ม “ผมคงหล่อมาก จนน่าหลงรักเป็นที่สุดใช่ไหม” ผมหันไปถาม คุณเอกสิทธิ์หัวเราะ
 
“จะว่าอย่างนั้นก็ได้”
 
พอลงไปข้างล่าง เราก็แยกย้ายกันไปทำงาน เดี๋ยวอาทิตย์หน้าผมต้องเปลี่ยนตำแหน่งแล้ว ไม่รู้ว่าธีระจะจัดให้ผมไปทำตำแหน่งไหนต่อ แต่ผมก็พร้อมลุยเสมอแหละ
 
 
 [มีต่อ >>]
 
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 30-06-2016 19:30:56 โดย memew »

ออฟไลน์ arij-iris

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2904
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +30/-5
อ่อยบ่อยๆเดี๋ยวก็ตกหลุมเองล่ะ อนุชา :impress2:

ออฟไลน์ Natsuki-ChaN

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 219
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +5/-0
อ๊ายยย สองคนนี้เค้าหวานนนจริงจังงง  :-[

ออฟไลน์ mystery Y

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7677
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +585/-12
ใครอ่อยใครกันแน่เนี่ย!?

ออฟไลน์ Dolamon

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 176
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
อ่อยเข้าไป มีไม้เด็ดอะไรงัดมาใช้ให้หมด
อย่าปล่อยให้คนดีๆ อย่างนาคินทร์ หลุดมือไปได้นะ

ออฟไลน์ บูมเบส

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1740
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +33/-4
เรารอให้เอามาลงเล้าเป็ดนานมาก

ออฟไลน์ คาลปิ้น

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 3
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
พวกขี้อ่อยนี่มันขี้อ่อยจริงๆ

ออฟไลน์ memew

  • ขอบคุณที่เข้ามาอ่านจ้าาา
  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 456
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +382/-10
    • :: Memew แฟนเพจ :
ต่อค่ะ

ห้าโมงเลิกงาน ผมอยู่ทำโอทีนิดหน่อย เพราะอยากรู้ว่าคนที่ทำโอทีเขาทำกันยังไง ทำกันจริงหรือเปล่า ทำแล้วทำแบบไหน ข้อดีของการเป็นพนักงานเดินเอกสารคือสามารถเดินร่อนไปได้ทั่วตึก ผมจึงค่อนข้างเป็นที่รู้จักของทุกคนในเวลาอันรวดเร็ว
 
ผมอยู่แค่สองชั่วโมง ทุ่มหนึ่งก็ตอกบัตรกลับแล้ว ผมเดินไปที่โรงรถ จนเห็นรถเก่า ๆ คันหนึ่งจอดอยู่ เห็นแป๊บเดียวก็รู้แล้วว่ารถใคร
 
หัวใจผมไหวแรง
 
นี่นาคินทร์ยังไม่กลับอีกเหรอ ผมมองไปรอบ ๆ เพื่อมองหาเจ้าของรถ
ผมรีบวิ่งเข้าตัวตึก กดลิฟท์ มุ่งตรงไปยังชั้นบนสุด มันไม่ได้ไปถึงดาดฟ้าโดยตรงหรอกครับ ต้องเดินขึ้นบันไดเอา พอขึ้นไปถึงชั้นสุดท้าย ผมรีบออกจากลิฟท์ เกิดสวนกันระหว่างทางคงไม่เห็นแน่ ๆ
 
ผมก็ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าทำไมต้องวิ่งมาหา เพราะถึงไง กลับบ้านก็ได้เจอกันแล้ว
 
แต่ผมบอกไม่ถูก แค่รู้สึกว่าอยากเจอ ไม่ว่าจะที่ไหนก็ตาม
 
ผมวิ่งเร็วตรงไปตามทางเดิน เลี้ยวโค้งเพื่อเดินขึ้นบันได ก่อนชนโครมเข้ากับใครสักคนจนตัวผมเด้งลงไปนั่งก้นจ้ำเบ้าที่พื้น
 
“คุณหนู!!”
เสียงก้นกระแทกพื้นของผมกับเสียงเรียกอย่างตกใจ ไม่รู้เสียงไหนดังขึ้นก่อน นาคินทร์รีบถลามาประคองผมทันที
 
“โถ่ คุณหนู ผมขอโทษ ไม่ได้ตั้งใจทำคุณหนูเจ็บ ไม่คิดว่าคุณหนูจะวิ่งมาในเวลาแบบนี้”
 
“ไม่ใช่ความผิดของนายหรอก”
ผมพูดเบา ๆ
 
เจ็บก้นฉิบหาย
 
“เจ็บมากไหมครับ ลุกไหวไหม”
 
ผมพยักหน้า ค่อย ๆ ลุก นวดก้นเบา ๆ นาคินทร์วางมือลงตาม นวดให้เบา ๆ ผมสะดุ้งเฮือกหน้าร้อนผ่าว ความร้อนจากมือนั้นวูบผ่านร่างผมไปให้รู้สึกวูบไหวยังไงพิกล หัวใจเต้นแรง ความคิดอกุศลพุ่งขึ้นมาในจิตใจ
 
ไม่รู้ว่าเพราะเห็นฉากสวีทกันของบรรดาพี่ ๆ น้อง ๆ กับเพศเดียวกันมากไปหรือเปล่า หัวใจผมถึงได้เต้นผิดจังหวะแบบนี้
 
“ดีไหมครับ”
 
ผมพยายามระงับความตื่นเต้นที่มี
 
“มะ ไม่เป็นไร หายเจ็บแล้ว”
ผมบอกพร้อมจับข้อมือใหญ่เบา ๆ ให้หยุดนวด ขืนทำมากกว่านี้ จิตผมคงเป็นอกุศลมากกว่านี้
 
“ไม่รู้ช้ำหรือเปล่า ไปหาหมอดีไหม”
 
“นิดเดียวเอง ทายาหม่องก็หาย”
 
นาคินทร์หัวเราะ
 
“เอาไหมครับ นาคินทร์มี เดี๋ยวทาให้ เหมือนตอนที่นาคินทร์ทาให้คุณหนูบ่อย ๆ ตอนเด็ก”
ผมแก้มร้อนผ่าวมากขึ้น
 
“บ้ารึไง นั่นมันตอนหัวโน แขนหรือขาเป็นรอย นี่มันก้นนะ”
ผมแหวนาคินทร์ขมวดคิ้ว
 
“ต่างกันตรงไหน ช้ำตรงไหนก็ต้องทายาหม่องตรงนั้นสิ”
เถียงไม่ออกเลย
 
“กลับไปบ้านค่อยทาก็ได้”
 
“รีบทาดีกว่าครับ ปล่อยไว้นานมันจะยิ่งช้ำ เขียวมาก้นไม่สวยให้สาว ๆ ดูนะ”
 
ผมหน้าร้อน คือบอกตามตรงว่าผมจะต่างกับพี่ชายหรือไชยวุธที่รักอิสระเรื่องเซ็กส์ พูดกันตรง ๆ เลยนะ โตมาจนป่านนี้ ผมยังไม่เคยขึ้นครูเลย
 
“บ้า ไม่เคยมีผู้หญิงคนไหนได้เห็นก้นฉันหรอก” 
 
นาคินทร์ขมวดคิ้ว
 
“ฉันยังไม่เคยขึ้นครูเลย”
ผมอ้อมแอ้มตอบ นาคินทร์ทำหน้าตกใจ
 
ทำไม มันดูร้ายแรงขนาดนั้นเลยเหรอ
 
“ทำไมต้องตกใจขนาดนั้นด้วย”
 
“ก็เห็นทั้งคุณพ่อ พี่ ๆ น้อง ๆ ของคุณหนูออกจะ..กันขนาดนั้นไม่คิดว่า...”
 
ผมส่ายหัว
 
“ไม่ใช่ทุกคนที่จะเป็นเหมือนพ่อหรอกนะ ฉันอยากมีอะไรกับคนที่ฉันรักมากกว่าใช้ร่างกายอย่างอิสระแบบคนอื่น ๆ”
 
สายตาของนาคินทร์แลดูอ่อนโยนขึ้น
 
“ไม่น่าเชื่อ ว่าคุณหนูของผมจะบริสุทธิ์ขนาดนี้”
 
“ไม่หัวเราะรึไง”
 
นาคินทร์ส่ายหัว
 
“ผู้หญิงคนเดียวที่นาคินทร์มีอะไรด้วยคือเมียนาคินทร์ พอเธอตาย นาคินทร์ก็ไม่เคยแตะต้องใครอีกเลย”
 
“ตายรึยัง”
ผมแกล้งแซว พยักหน้าไปยังเป้ากางเกงนาคินทร์ รายนั้นหน้าเปลี่ยนสีทันที
 
“อย่าแซวอย่างนี้สิครับ มันยังไม่ตายหรอก เพราะตอนเช้า ๆ ก็ยังตื่นปกติ”
นาคินทร์ก็ตอบตามตรง แต่ผมเผลอนึกภาพตาม
 
ผมนี่ลามกจัง
 
หรือว่าเพราะผมมีเลือดของพ่ออยู่?
 
ผมรู้ว่าพ่อผมเป็นพวกนักรักตัวยง แต่พอแต่งงานก็ทำรักเฉพาะกับแม่ทั้งสี่เท่านั้น พอมีลูก ดูเหมือนลูก ๆ ทุกคนจะมีเลือดพ่ออยู่เต็มขั้น โดยเฉพาะพี่ชายและชยันต์ ผมคิดว่าผมมีเลือดพ่อเรื่องนี้น้อยที่สุดแล้วนะ
 
หรือว่าผมคิดผิด…
 
เพราะตอนนี้ผมกำลังคิดเรื่องลามกสุด ๆ อยู่
 
“แล้วคุณหนูจะไปไหนครับ เห็นเร่งรีบ”
 
“เอ่อ..อ่า” จะแก้ตัวว่าไงดี กะจะมาหานาคินทร์นั่นแหละ “ดูเหมือนฉันจะทำปากกาตกไว้ข้างบน นาคินทร์เห็นบ้างไหม” ผมแถ นาคินทร์ขมวดคิ้ว
 
“ไม่เห็นนะ เป็นแบบไหน”
 
“กะ ก็ สีขาว ๆ”
 
“ไม่เห็นนะครับ แต่เดี๋ยวขึ้นไปค้นหาดูก็ได้”
ผมพยักหน้ารับ เดินตามหลังคนตัวสูงไป นาคินทร์ตรงดิ่งไปยังจุดที่ผมเคยนั่งทันที ผมตามไปติด ๆ ทำทีเป็นมองหาบ้าง เพิ่งเคยขึ้นมาบนดาดฟ้าตอนมันมืดแล้ว วิวรอบด้านสวยดีแฮะ เห็นดาวด้วย ผมแหงนหน้ามองไปรอบ ๆ ท้องฟ้า
 
“ปากกามันไม่ได้ลอยอยู่กลางอากาศนะครับ หาบนนั้นมันจะเจอไหม”
 
“ใครว่าล่ะ ฉันมองดาวต่างหาก”
 
“อ้าว แล้วไม่หาปากกาแล้วเหรอครับ”
 
“ช่างเถอะ มันคงไปตกที่อื่น”
 
“ไว้พรุ่งนี้นาคินทร์จะดูให้อีกที ตอนนี้มันมืดมองอะไรไม่ค่อยเห็น”
 
ผมพยักหน้ารับ
 
“งั้นกลับกันเถอะครับ ดึกแล้ว”
 
“ขอเวลาเดี๋ยวได้ไหม ฉันไม่คิดมาก่อนจริง ๆ ว่าตอนกลางคืนมันจะสวยขนาดนี้”
 
“แล้วคุณหนูไม่หิวเหรอครับ”
 
“หิว แต่ก็อยากดูวิวด้วย สวยดี”
 
นาคินทร์ไม่ค้านอะไรผมอีก ผมเดินไปทางทิศตะวันตกของตัวตึก หยุดยืนไม่ห่างกำแพง นาคินทร์ก้าวตามมายืนอยู่ข้าง ๆ แสงไฟจากบ้านเรือนโดยรอบจุดนี้สวยดี ผมกวาดมองไปรอบ ๆ
 
สวยจริง ๆ สวยมาก สวยจนผมไม่อยากละสายตาหนีเลย
 
“สวยดีเนอะ” ผมชม
 
“ครับ บางครั้งสองสิ่งต่างขั้วก็มาอยู่ด้วยกันได้อย่างกลมกลืน”
 
“อะไรที่ว่าสองสิ่งต่างขั้ว”
ผมหันไปถามงง ๆ นาคินทร์ยิ้ม ใบหน้าที่สะท้อนแสงไฟนั้นดูราวกับเทพบุตรจริง ๆ
 
“ความมืดกับแสงสว่าง สีดำกับสีขาว สูงและต่ำ ธรรมชาติและวิทยาการ”
 
ผมมองคนพูดงุนงงยิ่งกว่าเดิม นาคินทร์ยิ้มอีกรอบ
 
“ดำคือความมืด มันเกิดขึ้นเองโดยธรรมชาติ ขาวคือแสงสว่างจากหลอดไฟ มันเป็นสิ่งประดิษฐ์ที่มนุษย์สร้างขึ้น สูงคือตึก ต่ำคือบ้านเรือน แต่พอเอาทุกอย่างมาผสานรวมกัน มันก็กลายเป็นงานศิลปะให้ผู้คนที่เฝ้ามองรู้สึกมีความสุขได้”
 
ผมขยับหันไปเผชิญหน้าคนพูดตรง ๆ
 
“แทบไม่น่าเชื่อเลยนะ ว่านายคือคนสวน คือหนุ่มบ้านนอก คือคนที่ไม่เคยผ่านรั้วโรงเรียนที่ไหนมาก่อน สิ่งที่นาคินทร์พูดคือปรัชญาเลยนะ”
 
“ผมพูดออกมาจากใจและความรู้สึกครับ”
 
“ฉันชอบความรู้สึกของนาคินทร์นะ”
นาคินทร์ชะงัก มองตาผม ผมมองกลับเหมือนกัน ไม่ได้อยากมอง แต่ตอนนี้ผมเลื่อนสายตาหนีไปไหนไม่ได้ ดวงตาสีน้ำตาลเข้มนั้นดูดีมีเสน่ห์มาก ๆ
 
มากจนผมแทบลืมหายใจ

ลมดึกวูบผ่านผิวหน้าไป นาคินทร์กะพริบตาปริบ ๆ
 
“ผมว่าคุณหนูรีบกลับบ้านไปทานข้าวดีกว่าครับ เดี๋ยวโรคกระเพาะถามหา”
ผมพยักหน้า เดินเคียงไปกับนาคินทร์
 
 
เราเดินกันไปเงียบ ๆ ตลอดทั้งเส้นทางมีเพียงเสียงฝีเท้าของเราสองคนกระทบพื้น
 
แต่ยิ่งก้าว ยิ่งได้ยินเสียงหนึ่งดังชัดกว่า
 
เสียงเต้นของหัวใจผมเอง
 
ผมกำลังหวั่นไหว
 
หวั่นไหวไปกับผู้ชายที่เดินอยู่ข้าง ๆ


“คุณหนู!”
 
ผมชะงักกึก มองสิ่งที่เกิดขึ้นงง ๆ
 
“นี่คุณหนูเหม่อจนเกือบจะเดินชนประตูลิฟท์อยู่แล้ว”
 
ผมอ้าปากค้าง มองประตูลิฟท์ตรงหน้า ก้มมองวงแขนที่คล้องไว้ที่เอว
 
“ขะ ขอโทษ คิดอะไรเพลิน ๆ”
 
“ระวังหน่อยสิครับ ไหวไหม ไม่สบายหรือเปล่า เห็นท่าทางเหม่อ ๆ ใจลอย ๆ หน้าก็แดง ๆ” นาคินทร์ยังไม่คลายวงแขนจากเอวผม อังมือไว้บนหน้าผาก หัวใจผมเต้นแรงยิ่งกว่าเดิม
 
“หัวใจเต้นแรงผิดปกติด้วย”
นาคินทร์วางมือไว้บนตำแหน่งหัวใจผม ยิ่งทำแบบนั้นหัวใจผมยิ่งเต้นแรง นาคินทร์ขมวดคิ้ว
 
“ผมว่าเรารีบไปหาหมอกันดีกว่า”
นาคินทร์ชวนด้วยน้ำเสียงเป็นห่วง ผมรีบดันตัวออกมายืนอยู่ห่าง ๆ
 
“ไม่เป็นไรหรอก ฉันสบายดี”
 
นาคินทร์มองมาอย่างไม่เชื่อถือ
 
“เรารีบกลับกันดีกว่า” ผมชวนเพื่อตัดปัญหา
 
“คุณหนูขับรถไหวไหมครับ ขนาดเดินยังแทบชนประตู ขืนขับรถเองมีหวังเกิดอุบัติเหตุแน่ ๆ เดี๋ยวนาคินทร์ขับให้ดีกว่า”
 
ตอนแรกก็ว่าจะปฏิเสธ แต่อีกใจก็ไม่
 
“แล้วรถนาคินทร์ล่ะ”
 
“ไว้กลับถึงบ้านค่อยเรียกแท็กซี่มาเอา”
 
“ไปมาหลายรอบ ไว้มากับฉันพรุ่งนี้เลยทีเดียวไม่ได้เหรอ ไหน ๆ ก็มาทางเดียวกันแล้ว”
 
นาคินทร์ส่ายหัว
 
“ผมต้องขนเครื่องไม้เครื่องมือ แถมยังต้องขับไปซื้อของเวลาของขาด ยังไงก็ต้องเอากลับ”
 
ผมนิ่งคิด
 
“งั้นเอางี้ เดี๋ยวฉันนั่งรถนาคินทร์ไป พรุ่งนี้ก็นั่งมาพร้อมกันเลย ไงก็ต้องมาที่เดียวกันอยู่แล้ว”
 
“คุณหนู รถนาคินทร์มันไม่สบายเท่ารถคุณหนูนะครับ”
 
“เอาน่า ฉันขี้เกียจขับด้วย นั่งไอ้เน่าของนาคินทร์นี่แหละ แต่ถ้านาคินทร์ทำล้อวิ่งนำเมื่อไหร่ ฉันสั่งพ่อตัดเงินจริง ๆ ด้วย”
 
“โธ่คุณหนู เงินเดือนนาคินทร์มีแค่น้อยนิด”
 
“พ่อจะเพิ่มให้ก็ไม่เอาเองนี่”
 
“นาคินทร์เกรงใจนี่ครับ แค่นี้ก็กินอยู่ฟรีแล้ว”
 
ผมจิ๊ปาก
 
“เพราะงี้ไง แล้วมาทำเป็นบ่น ไหน ๆ ก็ไหน ๆ แล้ว ระหว่างมาทำสวนที่นี่ เราก็ไปกลับพร้อมกันเลยละกัน ดี ฉันจะได้ไม่ต้องขับเอง”
 
“สงสารคุณหนู นั่งรถหน้าตาขี้เหร่ เดี๋ยวคุณหนูก็พลอยหมองไปด้วย”
 
ผมหัวเราะ
 
“นี่ด่ารถตัวเองแบบนั้น เดี๋ยวมันก็งอนล้อวิ่งนำหน้าหรอก”
 
นาคินทร์หัวเราะ
 
“เอางั้นก็ได้ครับ คุณหนูมีอะไรจะต้องใช้ในรถหรือเปล่า แต่ไงก็ต้องให้คนมาเอารถไปเก็บที่บ้าน ทิ้งไว้ที่นี่ไม่ได้หรอก”
 
“เรื่องนั้นให้เกรียงไกรมาเอาก็ได้”
 
นาคินทร์พยักหน้า ผมเดินกลับไปที่รถ เอาของจำเป็นมาถือ แต่นาคินทร์แย่งไปถือเองหมด ผมไม่ว่าอะไร เพราะนาคินทร์ทำแบบนี้ประจำอยู่แล้ว
 
เดินไปที่รถปุโรทั่งคันเดิม ผมส่ายหน้าเบา ๆ ลูบหลังรถ
 
“สิ่งมหัศจรรย์ของโลก ปกติต้องจุดธูปอันเชิญแม่ย่านางไหม”
 
นาคินทร์หัวเราะ
 
“บางทีแม่บ้านก็มาถูขอเลขบ้าง ถูกนะครับ อย่าว่าไป นู่น ตัวเลขยังอยู่”
ผมมองตาม มันมีรอยถลอกเป็นตัวเลขจริง ๆ ครับ 52
 
“สองตัวเต็ม ๆ ได้ไปตั้งหลายหมื่น”
 
“แล้วเขาแบ่งให้บ้างไหม”
 
“ยี่สิบบาท”
 
“โหย ได้แค่นั้น”
 
“ผมขอแค่นั้นเองครับ”
 
ผมหัวเราะ นาคินทร์เปิดประตูด้านคนนั่งให้ ผมแทรกตัวเข้าไปนั่ง ลากเบลท์พืดมาเสียบอย่างเคยมือ
 
ก่อนที่มันจะ…
 
ปึ๊ด!!
 
หัวเบลท์หลุด TT

To be Con..
เม้นท์กันด้วยน้า

ออฟไลน์ arij-iris

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2904
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +30/-5
สายเลือดพ่อช่างรุนแรงจริงๆ 5555555 :hao7:

ออฟไลน์ Dolamon

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 176
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
นั่งไอ้เน่ากลับ แล้วมันจะถึงบ้านไหมเนี้ยยยย
                   5555555555

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ didi

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1000
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +98/-8

ออฟไลน์ kun

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3592
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +122/-10
คุณหนูก็หื่นน่ะไม่ทิ้งแถว อิอิ

ออฟไลน์ memew

  • ขอบคุณที่เข้ามาอ่านจ้าาา
  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 456
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +382/-10
    • :: Memew แฟนเพจ :
ตอนที่ 4 ปุโรทั่ง


“คุณหนู!!”
 
“ขอโทษ ฉันไม่ได้ตั้งใจ”
ผมจับหัวเบลท์ไว้ นาคินทร์ถอนหายใจยาว ส่ายหน้าไปมา
 
“เอาเถอะครับ มันเก่าแล้ว แต่ครั้งหน้าก็ระวังหน่อยนะครับ สงสารมัน”
 
“แล้วมาทำคุยว่าจะขับแซงรถฉันได้ แซงไปอยู่บนสวรรค์ก่อนมากกว่า”
ผมบ่นใส่ นาคินทร์หัวเราะ เปิดประตูด้านผมออกกว้างขึ้น คุกเข่าที่พื้น ก้มลงมาใส่หัวเบลท์เข้าที่ ผมจ้องมองใบหน้าที่กำลังขะมักเขม้นนั้น
 
“ทำยังไงให้หน้าอ่อนแบบนาคินทร์ไปตลอด”
อยู่ ๆ ผมก็ถามขึ้น
 
นาคินทร์ช้อนตามอง
 
“คิดดีทำดี หน้าตาจะได้ดีตามไปด้วย”
 
“หูยยยยยยย” ผมโปรยเสียงยาวใส่ นาคินทร์หัวเราะ “ไหนว่ารูปร่างหน้าตาตัวเองเป็นแค่เปลือกนอก”
 
“มันเป็นแค่เปลือกนอกจริง ๆ นี่ครับ” นาคินทร์ช้อนตาขึ้นสบ “หน้าตามันแค่ภายนอก แต่สิ่งสำคัญอยู่ที่นี่” นาคินทร์ชี้ไปที่หัวใจตัวเอง “ผมว่าผมดีจากตรงนี้” เขาจิ้มที่หัวใจตัวเองอีกรอบ ผมเลื่อนมือไปวางไว้บนตำแหน่งนั้น ไม่ได้มองตาเจ้าของ แต่มองตำแหน่งที่มือตัวเองอยู่ คงเพราะผมวางมือลงตอนนาคินทร์กำลังจะวางมือลงตรงตำแหน่งหัวใจตัวเองอีกรอบ ตอนนี้มือนาคินทร์เลยกุมมือผมไว้ตรงตำแหน่งหัวใจตัวเองพอดี
 
เราต่างคนต่างนิ่ง ผมนิ่งเพื่อฟังเสียงหัวใจนาคินทร์ ส่วนนาคินทร์นิ่งเพราะอะไรนั้น ผมไม่อาจรู้ได้ ผมนิ่งฟัง มันเต้นเป็นจังหวะช้า ๆ แต่มั่นคง มือที่กุมมือผมไว้มันร้อนผ่าว แต่ก็อบอุ่นอยู่ในที
 
ผมเลื่อนสายตาขึ้นสบดวงตาของเจ้าของ ดวงตานั้นมองผมอยู่ก่อนแล้ว ผมเผยอริมฝีปากนิด ๆ อย่างไม่มีความหมาย
 
ผมคิดไปเองหรือเปล่า ที่จังหวะการเต้นหัวใจที่แผ่วสม่ำเสมอนั้นไหวแรงขึ้น และแรงขึ้นเรื่อย ๆ ผมอยากถามคนตรงหน้าเหมือนกัน ว่าทำไมหัวใจเขาถึงได้เต้นแรงขนาดนี้ แต่ก็ไม่ได้ถาม
 
ได้ยินเสียงสตาร์ทเครื่องยนต์ดังกระหึ่มขึ้นมากลบความเงียบ เสียงนั้นเหมือนระฆังตีสั่งให้เราสองคนละสายตาออกจากกัน นาคินทร์รีบปล่อยมือจากหลังมือผม ผมเองก็รีบชักมือกลับเหมือนกัน
 
“กลับกันเถอะครับ คุณหนูคงจะหิวแล้ว”
 
ผมพยักหน้า กลับมานั่งนิ่ง ๆ เมื่อกี้ฟังเสียงหัวใจนาคินทร์เต้นแรง แต่ตอนนี้ผมกำลังฟังเสียงหัวใจตัวเองเต้นแรงแทน
 
 
 
 
 
 
รถติด… = =;
 
ติดแบบไม่ทราบสาเหตุ หนูแดงโทรมาตามพ่อแล้ว
 
“สงสัยจะเกิดอุบัติเหตุ หิวมากไหมครับ อดทนหน่อยนะ”
นาคินทร์พูดอย่างร้อนรน หันไปคุ้ยหาอะไรสักอย่างแถว ๆ เบาะท้าย(มีข้าวของวางสุมอยู่เกลื่อน)
 
“หาอะไร”
ผมหันไปมอง เผื่อจะได้ช่วยหาดีกว่าให้คนขับรถหาเองแบบนี้
 
“ของกินครับ เผื่อผมหรือหนูแดงทิ้งไว้ จะได้ให้คุณหนูรองท้องไปก่อน”
 
ผมส่ายหัว
 
“ไม่เป็นไร ฉันทนได้”
 
“นาคินทร์ไม่อยากให้คุณหนูทน อยู่กับนาคินทร์คำว่าลำบากไม่อยากให้มี”
นาคินทร์อาจพูดคำนั้นโดยไม่คิดอะไร แต่คำพูดนั้นทำให้หัวใจผมวูบไหวอีกแล้ว นาคินทร์ดีกับผมมาตลอด ในฐานะคนสวนของบ้าน แต่ผมไม่เคยใส่ใจเลยจนเดี๋ยวนี้ ผมแทบจะอิ่มกับความรู้สึกดี ๆ ที่เขามีให้
 
“ปกติเด็กนั่นจะทิ้งของกินไว้น้า”
นาคินทร์หาไปบ่นไป ผมแตะต้นแขนนาคินทร์เบา ๆ หวังเบรกโดยไม่ใช้เสียง นาคินทร์ชะงักมอง
 
“ไม่ต้องหาหรอก ดูท่ารถน่าจะติดนาน เบียดรถเข้าซอยนั้นก็ได้ เบียด ๆ ไปเถอะ เขาเห็นความเก่ากึกของรถเราเดี๋ยวก็ขยับที่ให้เอง วันหน้าห้อยแป้งไว้ท้ายรถผูกผ้าแดงสามสีจะได้ขลัง”
 
คนที่กำลังทำสีหน้าหงุดหงิดอยู่หัวเราะออกมาได้ พลอยพาเอาใจผมแกว่งอย่างรู้สึกดีตามไปด้วย
 
“อดทนหน่อยนะครับ”
แล้วเจ้าตัวก็ค่อย ๆ ประคองเจ้าปุโรทั่งขับตรงไปด้านหน้า
 
“อดทนหน่อยนะลูก ไว้พ่อแกรวยเมื่อไหร่ จะทำใหม่ให้หล่อขึ้น แต่คงชาติหน้าตอนบ่าย ๆ เพราะเจ้าตัวไม่รู้วิธีขอขึ้นเงินเดือนทั้งที่ทำงานหนักแทบตาย”
ผมตบคอนโซลหน้าเบา ๆ นาคินทร์หัวเราะเสียงดัง
 
“คุณหนูน่ารัก”
 
เอิ่ม...
 
คราวนี้ผมไปไม่เป็นเลย มือผมยังแตะอยู่ที่เจ้าปุโรทั่ง ในขณะที่คนพูดพยายามพาเจ้าปุโรทั่งแซะผ่านช่องแคบระหว่างรถกับขอบถนนเพื่อเบียดเข้าซอยหน้า ผมรีบเสมองไปทางอื่น เพราะตอนนี้หน้าผมกำลังจะไหม้เพราะไฟวาจาของเขาแล้ว
 
ผมไม่ได้พูดเล่นครับ เพราะรถคันอื่น ๆ เขาขยับให้จริง ๆ มอซงมอไซค์ มองกันทึ่ง ๆ ที่พ่อเจ้าปุโรทั่งสามารถลากสังขารผ่านสมรภูมิมาได้ นาคินทร์เลี้ยวซ้ายเข้าซอยแคบ ๆ แต่ผมเดาเอาว่าน่าจะมีของอะไรให้กินบ้าง เราขับทะลุไปอีกซอย
 
“คุณหนูอยากกินอะไรครับ”
 
“ดูอยู่”
ผมชะเง้อคอ พยายามมองไปไกล ๆ หาร้านอะไรน่านั่ง
 
“เคยกินข้าวนอกบ้านแบบนี้บ้างหรือเปล่า”
ผมถามคนข้างตัว
 
“ครั้งเดียวครับ ยัยหนูแดงลากมา”
 
ผมลองนึกวาดภาพดู 
 
“ตอนมาแต่งตัวแบบไหน”
 
“ก็แบบเดิม”
 
“แล้วหลังจากนั้นหนูแดงก็ไม่เคยพามาอีกเลยใช่ไหม”
 
“คุณหนูรู้ได้ยังไง”
 
“ถ้าฉันเป็นลูกนายก็ไม่พามาหรอก แต่งตัวซกมก”
 
“อ้าว คนสวนนี่ครับ”
 
“สวนไม่สวนก็ควรแต่งตัวให้ดีนิด ไม่เห็นแก่ตัวเองก็ควรเห็นแก่คนที่มาด้วย โดยเฉพาะหนูแดง”
 
“นาคินทร์คิดไปไม่ถึงจริง ๆ ครับ พอหนูแดงชวน นาคินทร์ก็ออกมา เสื้อผ้านาคินทร์มีไม่มาก หาตัวที่ดีที่สุดมาใส่แล้ว”
 
ผมถอนหายใจเบา ๆ พอ ๆ กับเขา คงนึกไปถึงสภาพตัวเองตอนนั้นแล้วสงสารลูกละมั้ง
 
“คุณหนูคงนึกรังเกียจนาคินทร์อยู่ใช่ไหมครับ นาคินทร์เข้าใจ นาคินทร์ถึงชอบอยู่แต่ในสวน ทำงาน คลุกดินตากแดดภายใต้ท้องฟ้า และนาคินทร์ก็มีความสุขที่ได้อยู่ตรงนั้นด้วย”
 
ผมนิ่งไป รู้สึกอับอายไปกับสิ่งที่ตัวเองพูดไปเมื่อกี้
 
ใช่แล้ว นาคินทร์ดูดีที่สุดตอนอยู่ในสวน ไม่ใช่ว่าคนทุกคนจะพร้อมไปกับทุกสถานที่ เหมือนอย่างผม ถ้าลงไปคลุกดินแบบเขาผมก็คงไม่เหมาะ
 
“ฉันขอโทษ” ผมพูดขึ้น
 
“คุณหนูขอโทษเรื่องอะไรครับ”
 
“ที่พูดจาให้ไม่สบายใจ ฉันก็ลืมไปว่าแต่ละคนก็มีพื้นที่ที่เหมาะสมกับตัวเอง ฉันไม่เคยนึกรังเกียจนาคินทร์นะ ไม่ว่าจะตอนนี้หรือตอนไหน นาคินทร์เห็นฉันมาตั้งแต่เล็กจนโต ก็น่าจะรู้นิสัยฉันดี”
 
“บางครั้งก็รู้ บางครั้งก็ไม่ครับ เพราะจิตใจคนเป็นสิ่งที่อ่านยากที่สุด”
แทบไม่น่าเชื่อว่านี่คือคำพูดจากคนที่ไม่เคยผ่านรั้วโรงเรียนที่ไหนมาก่อนจริง ๆ
 
“ถ้าฉันรังเกียจนาคินทร์ คงไม่ไปหาไม่ไปพูดคุยด้วยหรอกนะ”
 
“แล้วถ้านาคินทร์แต่งตัวมอซอ หนวดเครารกรุงรังกว่านี้ล่ะครับ”
ผมหันไปมองคนถาม นึกภาพตาม
 
“ก็เห็นมาตั้งแต่เล็กจนโต แต่ที่ฉันให้นายโกนหนวดโกนเคราแต่งตัวให้เหมาะสมก็เพื่อให้เหมาะแก่สถานที่เท่านั้น ทำสวนที่บริษัทเสร็จ จะกลับไปไว้เคราเพื่อให้หนูมดแมลงสาบมาทำรัง หรือเอาผ้าขี้ริ้วมาใส่ก็เอาเถอะ เอาที่สบายใจ”
 
นาคินทร์หันมามองตาผม ยิ้ม
 
“นาคินทร์ทำทุกอย่างเพื่อคุณหนู ถ้าคุณหนูอยากให้โกนนาคินทร์ก็จะโกน”
 
“มันไม่ใช่ว่าฉันให้ทำเพราะรังเกียจหรอกนะ แต่เวลานายยิ้มหรือหัวเราะ มีหนวดมีเคราแล้วมองไม่ค่อยเห็น แต่เวลาไม่มี มันเห็นได้ชัด ฉันชอบ ดูสดใสเหมือนพระอาทิตย์ส่องแสงดี”
 
นาคินทร์นิ่งไป
 
“เอาร้านนี้ดีกว่า มีที่จอดรถด้วย”
ผมชี้บอก นิ่งขนาดนี้ สงสัยนาคินทร์จะชอบหนวดเครากับชุดมอ ๆ ของตัวเองมากจริง ๆ
 
นาคินทร์ตบไฟซ้าย ชะลอรถลงช้า ๆ เพราะมีรถตามหลังมาสองคัน    นาคินทร์ตบไฟฉุกเฉินแล้วค่อย ๆ พารถเข้าซอง พอรถเราเข้าเรียบร้อยนั่นแหละ รถคันอื่นถึงผ่านไป เขาขับรถเก่งจนผมยังทึ่งเลย นาคินทร์ดับเครื่อง ผมกำลังจะจิ้มกดเบลท์อย่างเคย แต่ชะงักกึก ไม่กล้าแตะ
 
“นี่ ถ้าฉันสัมผัสมัน เจ้าปุโรทั่งมันจะไอค๊อกแค๊กพังตัวเองใส่ฉันอีกไหม”
 
นาคินทร์หันมามอง
 
“ถ้ารู้วิธีก็ไม่มีปัญหาครับ แต่ทางที่ดี นาคินทร์ว่าให้นาคินทร์ทำให้ดีกว่า”
แล้วนาคินทร์ก็ปลดเบลท์ตัวเองออก หันมาจิ้มกดเบลท์ให้ผม จับมันเบามืออ้อมไปวางไว้ข้าง ๆ จังหวะเก็บสายเบลท์นั้นเหมือนผมกำลังถูกโอบกอดไว้กราย ๆ เลย
 
ดีว่าตรงนี้ไม่สว่างมาก ไม่งั้นหน้าผมคงฟ้องว่ากำลังเขินเขาอยู่แน่ ๆ
 
อันตรายแฮะ กับการอยู่ใกล้คนคนนี้เกินไป
 
อันตรายกับหัวใจ

40%


“นั่งอยู่เฉย ๆ ก่อนนะครับ”
นาคินทร์บอกแค่นั้น เปิดประตู ก้าวลงจากรถ เดินอ้อมมาฝั่งผม เปิดประตูให้ ผมก้าวลงไป หลายคนหันมามอง ไม่รู้มองผมที่มากับเจ้าปุโรทั่ง หรือว่ามองเจ้าปุโรทั่งกันแน่ คงสงสัยว่าทำไมคนสองคนที่รูปร่างหน้าตาและการแต่งตัวดีระดับหนึ่งถึงได้มาขับรถแบบนี้ ผมชักอาย ๆ
 
แต่คิดไปคิดมา ผมว่าผมไม่ควรจะอายนะ เพราะรู้ว่าที่นาคินทร์ไม่ยอมใช้เงินเพื่อตัวเอง ก็เพื่อเก็บเงินไว้ให้ยัยหนูแดงและพ่อแม่ และที่ไม่ยอมขอขึ้นเงินเดือนสักทีทั้งที่ทำงานมาเกือบจะยี่สิบปีนี่ก็เพราะไม่อยากเบียดเบียนเจ้านายอย่างพวกผม
 
ทุกวันนี้นาคินทร์แทบจะทำงานให้บ้านเราฟรีด้วยซ้ำ โดยให้เหตุผลว่า แค่ให้ที่อยู่ที่กินฟรี ส่งเสียยัยหนูแดงได้เข้าโรงเรียนดี ๆ นี่ก็เกินเงินเดือนที่ควรจะได้ไปไกลโข สำหรับนาคินทร์ รถไม่ได้มีไว้โชว์ แต่มีไว้สำหรับใช้งานจริง ๆ ต่างหาก   
 
“ร้านนี้เหรอครับ”
นาคินทร์ดูจะไม่ใส่ใจกับสายตาใคร หันมาถาม
 
“อื้อ ร้านนี้แหละ หน้าตาน่าจะอร่อย”
 
นาคินทร์พยักหน้า เปิดประตูให้ ทุกสายตาหันมามอง ร้านเป็นร้านอาหารสไตล์กลางคืนทั่วไป ดูจากป้ายแล้วปิดเที่ยงคืน
 
“สองท่านใช่ไหมคะ” พนักงานถาม
 
“ครับ”
 
เธอผายมือเชิญให้เดินขึ้นไปชั้นสอง มีแขกนั่งอยู่ประปราย
 
“ต้องการที่ติดหน้าต่างหรือน้ำตกคะ”
พนักงานถามต่อ เพราะพื้นที่ด้านหนึ่งเป็นกระจกใส มองเห็นวิวถนน รถวิ่งไปมา อีกด้านเป็นน้ำตกจำลอง มีต้นไม้ และน้ำกำลังไหลริน ดูเป็นธรรมชาติประดิษฐ์น่ารักดี ผมหันไปมองตาคนมาด้วย นาคินทร์ตาวาวอยู่กับน้ำตกประดิษฐ์ แต่ไม่พูดอะไร 
 
“ขอติดน้ำตกละกันครับ”
ผมบอก พนักงานพาเดินไปนั่งยังที่นั่งวิวดี มันเป็นน้ำตกจำลองแบบเป็นน้ำตกสองด้าน ที่นั่งล้อมสองฝั่ง มีน้ำตกลงมาเป็นสาย มีต้นไม้จริง ๆ ในกระถางขนาดใหญ่ประดับ
 
เข้าใจคิดนะ
 
กำลังจะลากเก้าอี้เพื่อนั่ง แต่นาคินทร์ลากให้ก่อน ผมบอกขอบใจเบา ๆ แล้วนาคินทร์ก็กลับไปนั่งที่ของตัวเองฝั่งตรงข้าม
 
“อยากกินอะไรสั่งเลยนะ ฉันเลี้ยง”
 
“ไม่เหมาะครับคุณหนู”
 
“อย่าขัดเวลาจะกิน”
นาคินทร์หุบปากลงฉับ วางเมนูลง
 
“งั้นคุณหนูสั่งดีกว่า นาคินทร์ไม่รู้จักอะไรเลย ปกติยัยหนูแดงทำมาให้กิน ชื่อเช่ออะไรก็ไม่รู้หรอก”
 
ผมหัวเราะ รัวปากสั่ง จริง ๆ คือกะจะลองเมนูด้วย ไม่รู้ว่าอร่อยไหม แต่ดูจากจำนวนลูกค้า ป้ายประกาศนียบัตรนู้นนี่นั่นก็น่าจะยัดลงกระเพาะได้
 
“คิดถึงยัยหนูแดง”
 
“เอาน่า แค่มื้อเดียว”
 
“ผมอยากพาลูกมาแบบนี้บ่อย ๆ แต่มันก็สิ้นเปลือง”
 
“ไว้วันหน้าฉันพามา”
 
“เปลืองเปล่า ๆ ครับ”
 
“ขับรถให้ละกัน จะได้คุ้มค่าอาหาร”
 
“ใช้เงินเปลืองนะคุณหนู”
 
“บังเอิญพ่อรวย”
 
นาคินทร์ส่ายหน้า
 
“เป็นลูกผมหน่อย จะจับตีก้นลาย”
 
ผมบู้หน้าใส่
 
“ไม่ใช่ก็เล่นเอาฉันเจ็บก้นเพราะแรงชน นี่ยังรู้สึกเจ็บอยู่เลย”
 
นาคินทร์หน้าตื่น รีบขยับลุกมาใกล้
 
“จริงสิ ผมก็ลืมไปเลยว่าจะทายาให้คุณหนูตอนก่อนขึ้นรถ มัวซ่อมเบลท์จนลืมก้นคุณหนูไปเลย”
ผมหน้าร้อนผ่าวกับคำพูดแบบไม่คิดอะไรนั้นของเขา คนอื่นหันมามองกันนิด ๆ ผมหน้าร้อนแล้วร้อนอีก
 
“กินอิ่มค่อยไปทาก็ได้ นั่งลงก่อนเถอะ ฉันอายเขา”
ผมบอกอาย ๆ
 
นาคินทร์หันมองไปรอบ ๆ
 
“ขอโทษครับ ที่ทำให้คุณหนูรู้สึกขายหน้า คุณหนูไม่น่ามากับผมเลย” นาคินทร์บอกอย่างสำนึกผิด
 
“ฉันไม่ได้อายที่มากับนาคินทร์ แต่อายเพราะนายจะมาดูก้นฉันในร้านอาหารนี่แหละ”
ผมติง นาคินทร์ขมวดคิ้วคิด
 
“นาคินทร์จะระวัง”
ผมพยักหน้า เครื่องดื่มมาแล้ว ผมรับมาดื่มอย่างกระหาย นั่งคุยกันไม่นานอาหารก็มา นาคินทร์ขมวดคิ้วมอง
 
“เยอะจัง”
 
“ซื้อมาทดลองชิม”
 
“เปลืองเปล่า ๆ ซื้อแค่พอกินก็น่าจะพอแล้ว”
 
“เอาน่า ตามใจฉันหน่อย ฉันอยากลองชิม นี่มันทางผ่านบริษัทเรานะ เผื่ออร่อย เราจะได้แวะมากินกันอีก”
ผมตอบเพื่อให้คนแบบนาคินทร์ยอม และเจ้าตัวก็ยอมง่าย ๆ อย่างที่คิดจริง ๆ ผมลงมือทานทันที
 
“อื้ม อร่อยแฮะ”
ผมกินไปชมไป ตักผัดปูไปวางไว้ในจานนาคินทร์ นาคินทร์มองอึ้ง ๆ
 
“อร่อย ลองกินดูสิ ฉันให้เป็นหนึ่งในเมนูโปรดเลย”
 
นาคินทร์ไม่พูดอะไร ตักข้าวมาเรียงไว้ข้าง ๆ ใช้ส้อมเกลี่ยเข้าช้อน ยัดใส่ปาก ผมเพิ่งเห็นว่าฟันนาคินทร์เรียงกันได้ระเบียบดี พื้นน่าจะเป็นคนสุขภาพฟันดี ไม่ได้ขาวจั๊วะอย่างคนที่ไปฟอกมา แต่มันก็เรียงกันได้ระเบียบ สีขาวหม่นตามธรรมชาติของฟันแท้คนทั่วไป
 
“อร่อย”
นาคินทร์เบิกตานิดหนึ่ง
 
“ใช่ไหม งั้นกินเยอะ ๆ นะ”
ผมตักอีกช้อนไปวางไว้ให้
 
“นาคินทร์ว่าคุณหนูอย่าตักให้นาคินทร์เลย มันไม่เหมาะ”
 
“เวลากินอย่าขัด” ปากพูดไปมือตักไป นาคินทร์ไม่เถียงอีก “ถ้ากลัวเสียเปรียบ ตักให้ฉันบ้างก็ได้”
 
“เอ่อ...ผมว่าคุณหนูทานเองดีกว่าครับ”
 
“ขี้เกรงใจจัง”
ผมบ่นให้เบา ๆ ตักกินอย่างเอร็ดอร่อย ผมชิมอย่างละนิดละหน่อย เพื่อให้รู้รสชาติ
 
“สั่งไอ้นี่กลับบ้านไปฝากยัยหนูแดงหน่อยก็ดี เผื่อวันหลังให้หนูแดงทำให้กิน” ผมบอกขณะใช้ส้อมเขี่ยผัดปูใส่ช้อนมาวางไว้บนจานตัวเอง
 
“ครับ หนูแดงเก่งเรื่องพวกนี้”
 
“ว่าแต่ฉันซุ่มซ่าม ตัวเองก็ทำเลอะเป็นเถอะ”
ผมว่าใส่เบา ๆ เอื้อมเช็ดคราบผัดปูออกจากมุมปากอีกคนให้ นาคินทร์มองผมอึ้ง ๆ ในขณะที่ผมเริ่มรู้ตัวว่าเผลอทำอะไรเกินเหตุ ผมรีบหยิบทิชชู่มายื่นให้
 
“ซื้อไอ้นี่กับไอ้นี่ไปฝากด้วย เอาไปฝากแม่ครัว”
ผมแถเหมือนสิ่งที่ทำไปเมื่อกี้ไม่ใช่เรื่องใหญ่
 
นาคินทร์สูดลมหายใจเข้าปอดลึกจนแผงอกที่เต็มไปด้วยกล้ามเนื้อนั้นผงาดขึ้น ผมทำเป็นไม่เห็นเสีย
 
ผมแทบจะลุกไม่ขึ้นกับสภาพหน้าท้องที่ป่องขึ้นเป็นชูชก ส่วนพ่อคนสวนผมนั่งพุงไม่ขยับเหมือนเดิม ผมก้มมอง
 
“อาหารไปไหนหมด”
 
“อยู่ในนี้แหละครับ”
นาคินทร์ตบท้องตัวเองให้ดู
 
“ทำไมมันไม่ยื่นเลย ไม่เหมือนฉัน ดูสิ”
ผมลูบพุงให้ดู
 
“คนใช้แรงกับไม่ใช้แรง ต่างกันแบบนี้แหละครับ นั่งให้ย่อยก่อนก็ได้”
 
ผมพยักหน้า ตาปรือลงนิด ๆ
 
“ง่วงจัง”
 
“กินแล้วนอนเลยไม่ดีนะครับคุณหนู”
 
ผมพยักหน้า เรียกพนักงานมาเก็บเงิน ราคาอาหารทำเอานาคินทร์เบิกตากว้าง
 
“เสียดาย”
นาคินทร์บ่น ผมหัวเราะ ขยับขาไปใกล้ ถลกโชว์ขนหน้าแข้งให้ดู
 
“ไม่ร่วงสักเส้น”
 
“ของคุณหนูไม่ร่วง แต่นาคินทร์ร่วงแทน”
 
พนักงานเดินนำบัตรเครดิตมายื่นให้ ผมลุกขึ้นยืนท้องโย้
 
“นี่ ถ้าฉันเป็นผู้หญิงต้องบอกว่าท้องสี่เดือนแล้วนะเนี่ย”
 
“ใครว่า ตอนเมียนาคินทร์ท้องหนูแดง ขนาดนี้น่ะเก้าเดือนแล้ว”
 
ผมตาโต แต่ก็นึกได้ว่าท้องแรกนี่
 
“นาคินทร์นี่ดูรักภรรยาดีเนอะ”
 
ใบหน้าคมเข้มนั้นดูละมุนขึ้นมาทันที
 
“ผมรักเธอครับ ต่อให้เธอลาโลกไปนานแล้วก็ตาม”
 
“นี่คือสาเหตุที่นายไม่ยอมมีใครด้วยหรือเปล่า”
 
นาคินทร์สูดลมหายใจเข้าปอดอีกรอบจนอกตั้ง
 
“ก็ด้วย อีกอย่างคือนาคินทร์ไม่อยากให้หนูแดงมีปัญหาเรื่องแม่เลี้ยงลูกเลี้ยง ไม่อยากดูแลใครเพิ่มด้วย เพราะถ้ามีเมีย ก็จำเป็นต้องมีรายได้เพิ่มขึ้น ซึ่งนั่นก็คือการเบียดเบียนนายจ้างผมด้วย”
 
ผมหยุดตัวเองลงกึก
 
“ฉันรู้แล้วว่าทำไมพ่อถึงได้รักนาคินทร์เหมือนน้อง”
 
“เพราะผมเคยช่วยชีวิตท่านไว้”
 
“นั่นก็ด้วย แต่เพราะนาคินทร์เป็นคนดีต่างหาก ดีจากส่วนลึกของจิตใจ จริง ๆ ครอบครัวเราโชคดีที่ได้นาคินทร์มาอยู่ด้วย ไม่ว่าจะในฐานะไหนก็ตาม”
 
ใบหน้านั้นฉาบรอยยิ้มเอาไว้บาง ๆ นัยน์ตาสื่อออกถึงความเคารพอย่างแท้จริง เขาพาผมกลับมาที่รถ
 
“ข้อดีของเจ้าปุโรทั่ง” ผมหยุดขาไว้ ยืนห่างจากตัวรถประมาณหนึ่งวา นาคินทร์หันมามองหน้าผม “รับรองได้ว่าชาตินี้ไม่มีคนคิดมาขโมยแน่ ๆ ยกเว้นพวกขายเศษเหล็ก”
 
นาคินทร์หัวเราะ ขยับก้าวล้ำผมไปไขเปิดประตูให้ ผมแทรกตัวลงไปนั่ง
 
“ขออภัยนะครับคุณหนู”
นาคินทร์ออกปาก ก่อนแทรกตัวใหญ่ ๆ เข้ามาดึงสายเบลท์กดลงรูให้ ทำเองก่อนที่ผมจะทำลายมันอีกรอบ 
 
“ถ้าง่วงก็หลับก่อนได้นะครับ”
 
“ไหนว่าไม่ให้นอนหลังอิ่ม”
 
“อนุโลมให้หนึ่งวัน”
 
“ใจดีจัง”
ผมชม นาคินทร์ยิ้ม เดินอ้อมไปฝั่งคนขับ จับประตู ได้ยินแต่เสียงแกรก ๆ แต่เปิดไม่ออก นาคินทร์พยายามดึงอยู่นาน ผมมองมันอย่างฉงน กดปลดเบลท์ เอื้อมไปช่วยงัดเปิดให้ แต่มันเปิดไม่ออกจริง ๆ นาคินทร์เดินอ้อมกลับมาทางผม
 
“ผมเปิดไม่ได้ครับ”
 
“มันคงน้อยใจที่เราไม่ชวนมันไปกินข้าวด้วย” ผมพูดติดตลก “เป็นไงล่ะ พ่อคนเก่ง”
 
“คุณหนูลงมาก่อนได้ไหมครับ ให้ผมเข้าไปเช็กดูก่อน”
 
ผมจำต้องก้าวลงจากรถ ให้อีกคนข้ามจากฝั่งผมไปฝั่งนั้น จับเขย่า ๆ
 
“เสียจริง ๆ เหรอลูกพ่อ”
นาคินทร์พูดกับรถ ผมขยับขึ้นนั่งบนเบาะตัวเอง มองคนที่ลองจับส่วนอื่นของประตูเพื่อเขย่าเช็ก
 
“ไอ้นี่คืออะไร”
ผมถามพร้อมโน้มตัวไปจับบางสิ่งที่ยื่นล้ำออกมาจากที่จับ
 
แค่นั้นแหละ ที่จับทั้งแผงก็หลุดติดมือผมมา ผมอ้าปากค้างมองอย่างช็อก ๆ แต่คนที่ช็อกกว่าน่าจะเป็นนาคินทร์
 
“คะ คุณหนู...”


[80%]

“ขอโทษ ไม่คิดว่ามันจะพังง่ายขนาดนี้”
 
“โธ่~...”
นาคินทร์ครวญ หยิบที่จับแผงนั้นไปถือดู
 
“นี่”
ผมพูดด้วยน้ำเสียงจริงจัง หันไปดึงประตูฝั่งตัวเองงับปิดบ้างหวังเพิ่มความเป็นส่วนตัว
 
ผมอ้าปากค้างเมื่อที่จับประตูฝั่งผมหลุดติดมือมาด้วยเหมือนกัน นาคินทร์อ้าปากค้างระลอกสอง
 
“คะ คุณหนูครับ”
 
“ขอโทษ~~”
 
นาคินทร์นิ่งไปนาน ก่อนทำหน้าซีเรียส
 
“คุณหนูกรุณานั่งเฉย ๆ นะครับ ห้ามแตะต้องหรือสัมผัสอะไรอีกทั้งสิ้น ผมจะพากลับบ้าน โอเคนะ”
 
ผมพยักหน้าหงึก ๆ นาคินทร์หยิบที่จับจากมือผมไปใส่เก๊ะหน้ารถคู่กับอีกข้าง
 
“แน่ใจนะว่าเราจะกลับถึงบ้าน”
 
“ถ้าคุณหนูนั่งเฉย ๆ ก็น่าจะถึง”
เขาพูดพร้อมเอื้อมมาคาดเบลท์ให้อีกรอบ ผมนั่งนิ่งตามคำสั่ง เหลือบมองที่จับประตูที่หลุดร่วงทั้งสองฝั่ง
 
“นี่นาคินทร์”
ผมพูดด้วยน้ำเสียงซีเรียสขึ้นอีก นาคินทร์หันมามองหลังคาดเบลท์ตัวเองเสร็จ
 
“นี่คือคำสั่ง พรุ่งนี้ไปออกรถใหม่กับฉัน”
 
“คุณหนู!!”
 
“ห้ามเถียง ก่อนฉันจะแบกฆ้อนมาทุบเจ้านี่พังเพื่อบังคับ มันเก่าแล้ว นึกถึงความปลอดภัยของตัวเองบ้าง” ผมพูดด้วยน้ำเสียงจริงจัง “เกิดวันไหนพาหนูแดงไปทำธุระ แล้วรถพังมาหนูแดงจะเป็นยังไง”
 
นาคินทร์นิ่งคิด แล้วแสดงสีหน้าจำนน
 
“ครับ”
 
ผมยิ้ม ทิ้งหลังลงกับเบาะแรงอย่างเคยชิน(กับรถคันอื่น) แล้วอยู่ ๆ ตัวก็ทรุดฮวบเพราะเบาะยุบ
 
ภายในรถเงียบกริบเป็นป่าช้า
 
“กรุณานั่งนิ่ง ๆ นะครับ คุณหนู”
นาคินทร์ยกสองมือขึ้นมาทำท่าปราม ผมกะพริบตาปริบ ๆ ตอบ เพราะกลัวว่าถ้ากะพริบแรงไปแล้วรถเสียอีก นาคินทร์หันไปสตาร์ทเครื่อง ขับพารถวิ่งกลับมาจนถึงบ้าน
 
 
ผมถอนหายใจออกมาแรง
 
“คิดว่าจะไม่รอดซะแล้ว นอกจากไปเล่นสวนสนุกแล้ว การนั่งรถมากับนาคินทร์เป็นอะไรที่ทำให้ตื่นเต้นสุด ๆ”
 
นาคินทร์หันมามอง กดเบลท์ออกให้
 
“ขออภัยด้วยครับ คุณหนูนั่งอยู่เฉย ๆ นะ”
นาคินทร์ขยับมากดลดกระจก เปิดประตูจากด้านนอก
 
“เชิญครับ”
เขาให้ผมลงไปก่อน แล้วตัวเองก็ก้าวตาม นาคินทร์ลงมายืนมองรถตัวเองด้วยสายตาอาลัยอาวรณ์
 
“กี่ปีแล้วรถคันนี้”
 
“ประมาณสามสิบปีครับ ผมซื้อเป็นมือสองมา ลุยงานหนักมาตลอด”
 
“ขายเป็นเศษเหล็กเถอะ”
 
นาคินทร์ส่ายหัว
 
“เดี๋ยวผมจะซ่อมเอาไว้ใช้งาน”
 
“พรุ่งนี้ซื้อรถใหม่แล้ว”
 
“แต่นั่นรถคุณหนูนะครับ”
 
“ฉันซื้อให้นายนั่นแหละ เอาไว้ใช้งานในบ้าน ส่วนรถคันนี้ถ้าเสียดาย นู่น เอาไปไว้ในสวน ข้างฐานทัพลับฉัน แม่บ้านจะได้มีที่ขูดหวยเพิ่ม เก็บไว้เป็นอนุสรณ์ว่าครั้งหนึ่งมันเคยวิ่งได้”
นาคินทร์หัวเราะ
 
“ผมคงทิ้งมันไม่ลงจริง ๆ มันอยู่กับนาคินทร์มานาน”
 
“ฉันถึงบอกให้เอาไปเก็บไว้ที่ฐานทัพลับฉันไง ฉันพูดจริง”
 
นาคินทร์มองหน้าผม
 
“ครับ นาคินทร์จะทำตาม”
 
“งั้นฉันไปอาบน้ำนอนละนะ”
 
“เชิญครับ”
เขาค้อมหัวให้นิดหนึ่ง ผมเดินเข้าไปชิดเจ้าปุโรทั่ง
 
“ไปละนะ เจ้าปุโรทั่ง”
ผมตบมันเบา ๆ อยู่ ๆ ล้อหลังก็ทรุดฮวบลงเหมือนอะไรสักอย่างหลุด ผมอ้าปากค้าง
 
“คะ คุณหนู...”
นาคินทร์ครวญ ผมหันไปมองหน้านาคินทร์ตาปรอย
 
“ขอโทษ~~”
 
“ไม่เป็นไรครับ รีบไปนอนเถอะ อ้อ”
ยังไม่ทันที่ผมจะได้ขยับ นาคินทร์ก็สอดตัวเข้าไปค้นอะไรในเก๊ะหน้ารถ ได้บางสิ่งติดมือมา
 
มันคือยาหม่องครับ
 
“เอาไว้ทาตรงที่ช้ำ”
นาคินทร์บอกด้วยท่าประหม่านิด ๆ ผมรับมาถือไว้ในมือ
 
“ขอบใจ ยังไงก็นอนหลับฝันดีนะ”
 
“ครับ”
นาคินทร์รับคำแค่นั้น ผมหันหลังเดินจากมา
 
บอกตามตรงว่าผมอยากอยู่กับนาคินทร์นาน ๆ บอกไม่ถูกว่าทำไม ผมกุมยาหม่องแน่น เห็นบรรดาแม่ ๆ นั่งดูหนังอยู่ในห้องรับแขก ผมเดินเข้าไปหา
 
[มีต่อในหน้าสองค่ะค่ะ>>http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=54278.msg3422759#msg3422759]
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 30-09-2016 13:11:47 โดย memew »

ออฟไลน์ Natsuki-ChaN

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 219
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +5/-0
นาคิ้นทร์ ~~~~~~  :-[

ออฟไลน์ didi

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1000
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +98/-8

ออฟไลน์ kun

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3592
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +122/-10
ขอต่อเลยได้มะ กำลังได้ที่เลยอ่ะ

ออฟไลน์ arij-iris

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2904
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +30/-5
ต่อเร็วๆนะ รออยู่ค่าาาาาาาา :call: :call:

ออฟไลน์ Natsuki-ChaN

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 219
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +5/-0
คุณหนูชา 5555555 ปุโรทั่ง งานนี้พังแน่

ออฟไลน์ arij-iris

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2904
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +30/-5
สงสัยเหลือแต่ซากก็งานนี้แล เจ้าปุโรทั่ง :ruready

ออฟไลน์ Dolamon

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 176
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
หมดกัน. งานนี้พังแน่ๆ 555555
อนุชา มือหนักเกินไปไหมลูก
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 10-07-2016 17:25:28 โดย Dolamon »

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด