Feel คนเจ้าอารมณ์ [จบแล้ว]
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: Feel คนเจ้าอารมณ์ [จบแล้ว]  (อ่าน 342522 ครั้ง)

ออฟไลน์ Lyralyn

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 24
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
น่ารักกกก มาต่อไวๆน้าค้า  :mew3:

ออฟไลน์ memew

  • ขอบคุณที่เข้ามาอ่านจ้าาา
  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 456
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +382/-10
    • :: Memew แฟนเพจ :
[ต่อค่ะ]

“กลับมาแล้วเหรอลูก กินข้าวมารึยัง”
 
“เรียบร้อยแล้วครับ”
ผมทิ้งตัวลงนั่งในวงล้อมแม่ ๆ ทั้งหลาย พวกท่านพากันลูบหัวผมกันคนละทีสองที
 
คนอื่นอาจคิดว่าครอบครัวเราน่าจะมีปัญหาเพราะพ่อมีเมียเยอะ(เมีย 4 ลูก 10) แต่พ่อผมบริหารเมียเป็น เพราะแทนที่เราจะมีปัญหา พวกผมกลับกลายเป็นลูก ๆ ที่โชคดีที่มีแม่หลายคนคอยให้การเลี้ยงดูและให้ความอบอุ่นมากกว่า ผมนั่งอยู่ใกล้แม่แหม่มที่สุด ผมซบหัวลงบนไหล่บอบบางนั้นเบา ๆ
 
“ทำไมอยู่ ๆ ถึงมาอ้อนได้ล่ะนี่”
 
“เปล่าครับ แค่ผมรู้สึกว่าตัวเองโชคดีที่มีแม่หลายคน ผมว่าผมโชคดีกว่าหนูแดงเยอะ หนูแดงไม่มีแม่สักคน แต่ผมมีแม่ตั้งหลายคน”
 
ทุกคนหันมามอง
 
“แม่โชคดีที่มีลูกดี ๆ แบบอนุชาเหมือนกัน ถึงจะได้ไม่คลอดเอง แต่รักไม่ต่างกับลูกในไส้”
 
ผมยิ้ม กอดแม่แหม่มแน่น
 
“ท้องยื่นมาเชียว ไปกินข้าวที่ไหนมาเนี่ย”
แม่บีน่าตีหน้าท้องผมเบา ๆ
 
“ทางกลับจากบริษัทแม่บีน่า อร่อยมาก นี่ซื้อกลับมาฝากแม่บ้านกับหนูแดงด้วย เผื่อแกะสูตรมาทำให้พวกเรากินได้ ไว้วันไหนว่าง ๆ ผมพาไปทาน วันนี้ไปนั่งกินกับนาคินทร์สองคน”
 
“เห็นยัยหนูแดงบ่นใหญ่ว่าพ่อกลับบ้านดึก”
 
“ครับ นาคินทร์อยู่จัดสวน ส่วนผมทำโอที ผมขี้เกียจขับรถเลยติดรถนาคินทร์กลับมาด้วย ขากลับรถน่าจะเกิดอุบัติเหตุ เราเลยแวะกินข้าวข้างนอกกันก่อน” พวกท่านพากันพยักหน้าเข้าใจ หนังมาพอดี ทุกคนหันไปมองทีวี ผมมองตาม แต่ไม่ได้ใส่ใจเนื้อหาเท่าไหร่ พระเอกนางเอกกำลังพ่อแง่แม่งอนกันอยู่ ส่วนใหญ่ในหนังพระเอกจะรวยแล้วนางเอกจน
 
นอกจากมนต์รักลูกทุ่งแล้ว ผมไม่เห็นมีหนังเรื่องไหนพระเอกจนสักเรื่อง
 
“แม่”
ผมเรียกหลังจากหนังถูกตัดเข้าโฆษณา จะว่าไปหนังก็หนุกดีแฮะ
 
ทุกคนหันมามอง เพราะผมไม่ได้เจาะจงเรียกใคร
 
“ทุกคนรู้สึกยังไงครับ ตอนรู้ว่าพี่ชายรักกับกวินทร์ พี่เชนทร์รักชยันต์ และเชิดวุธคบกับคุณวิลเลี่ยม”
ผมถามถึงพี่ชายคนโตผมที่รักกับลูกพี่ลูกน้อง พี่ชายคนรองที่รักกับน้องชายคนเล็กของบ้านเรา และน้องชายคนที่หกกับผู้ชายที่เป็นฝรั่งต่างชาติต่างภาษา 
 
แม้โฆษณาจะดังแต่ดูเหมือนภายในห้องจะเงียบกริบ แม่คาร่าหยิบรีโมทมากดปิดทันที
 
“อ้าว ไม่ดูต่อเหรอครับ”
 
“ดูย้อนหลังได้”
แม่คาร่าบอกเสียงนุ่ม ทุกคนรุมมองผมเป็นตาเดียว
 
“เอาตามตรงแล้วก็ช็อกนะ แต่ก็คือความสุขของลูก ๆ ตอนแรกก็รับไม่ได้หรอก แต่เห็นทุกคนมีความสุข แม่ก็พลอยมีความสุขไปด้วย คู่อื่นน่ะแม่ไม่ห่วงหรอก เป็นห่วงแต่กวินทร์เท่านั้น พี่ชายเราน่ะเดี๋ยวดีเดี๋ยวร้ายเอาแน่เอานอนได้ที่ไหน”
 
ผมหัวเราะ
 
“นิสัยเป็นงั้นมาตั้งแต่เด็ก แต่ผมก็รักพี่ชายนะ”
 
“ดีแล้วล่ะ เป็นพี่น้องกันรักกันให้มาก ๆ ต่อให้ดีเลวยังไงก็พี่น้อง แล้วทำไมอยู่ ๆ ถึงถามขึ้น หรือว่าจะมาบอกว่าแอบไปหลงรักผู้ชายคนไหนให้แล้ว”
 
ผมแอบสะดุ้งอยู่ภายใน
 
“ไม่หรอกครับ”
ผมรีบแก้ตัว ทุกคนมองหน้าเพื่อค้นหาความจริง
 
“เอ่อ... แล้วถ้าเกิดวันหนึ่ง ผมเดินมาบอก แม่ครับ ผมชอบผู้ชาย แม่จะว่ากันยังไง”
ทุกคนจ้องหน้าผมเขม็ง
 
“ก็คงช็อก แล้วก็ทำใจ ถ้ามีความสุขก็ไม่ว่าอะไร”
 
“สรุป นี่ลูกคบผู้ชายจริง ๆ เหรอลูก”
แม่ผมถามด้วยสีหน้าจริงจัง
 8
“เปล่าครับแม่ แค่ถามดู”
 
แม่ผมถอนหายใจแรง
 
“แม่ก็หวั่น ๆ อยู่ ลูก 25 แล้ว แม่ยังไม่เห็นพาผู้หญิงเข้าบ้านสักคน ควงก็ไม่เห็นควง ถ้าเป็นเกย์จริง ๆ ก็สารภาพมาตรง ๆ ก็ได้นะลูก”
 
ผมส่ายหัวแรง
 
“ไม่ได้เป็นจริง ๆ ครับ ผมชอบผู้หญิงปกตินี่แหละ เพียงแต่ยังไม่เจอคนถูกใจ”
 
“ปล่อยตัวเป็นโสดมาได้ไงตั้งป่านนี้”
 
“ฮ่า ๆ รอเนื้อคู่อยู่มั้ง ผมไปอาบน้ำนอนดีกว่า พรุ่งนี้ต้องพานาคินทร์ไปซื้อรถ เจ้าปุโรทั่งคันนั้นดับอนาถคามือผมไปแล้ว”
 
ทุกคนพยักหน้า พอผมก้าวพ้นมา แม่ก็พากันเปิดหนังดูอีกรอบ
 

............................................

ออฟไลน์ mystery Y

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7677
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +585/-12
เริ่มหวั่นไหวมากขึ้นแล้ว~

ออฟไลน์ arij-iris

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2904
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +30/-5
แม่ๆน่ารักอ่ะ

ออฟไลน์ Dolamon

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 176
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
ชอบครอบครัวนี้จัง อบอุ่น

ออฟไลน์ Bellze12

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 501
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +9/-0
ทำไมอนุชาไม่สารภาพกับแม่ๆไปเลยละ อิอิ

ออฟไลน์ kun

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3592
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +122/-10
ค่อยเป็นค่อยไป

ออฟไลน์ ♥lvl♀‘O’Deal2♥

  • หานิยายถูกใจยากจัง!
  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2665
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +176/-4

ออฟไลน์ memew

  • ขอบคุณที่เข้ามาอ่านจ้าาา
  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 456
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +382/-10
    • :: Memew แฟนเพจ :
เรื่อง : Feel คนเจ้าอารมณ์
คู่ที่ 4 : #นาคินทร์อนุชา
เขียนโดย : +Memew+
+CHAPTER 05 : รู้ใจตัวเอง


วันนี้ผมลางานหนึ่งวันเพื่อไปดูรถกับนาคินทร์ ผมไม่ได้ตื่นเช้ามาก เพราะกว่าโชว์รูมต่าง ๆ จะเปิดก็แปดเก้าโมง ผมลุกขึ้นอาบน้ำ แต่งตัวด้วยเสื้อยืดกางเกงยีนส์แบบใส่สบาย ผมมองตัวเองในกระจก ก่อนสายตาจะเหลือบไปเห็นถุงเสื้อผ้าที่ชยันต์ซื้อมาฝากใหม่ ถ้าเป็นแต่ก่อน ผมคงไม่ใส่ใจ แต่คำพูดของนาคินทร์ ทำให้ผมเกิดอาการลังเล

‘น่ารักดีครับ’
ต่อให้นาคินทร์ชมชุดก็เถอะ
นี่ผมอยากให้ตัวเองน่ารักในสายตานาคินทร์เหรอ

ผมรีบสลัดความรู้สึกหลาย ๆ อย่างทิ้ง คว้ากระเป๋าเงินมาเหน็บกระเป๋าก้นกางเกงพร้อมกุญแจรถ หันหลังจะเดินไปที่หน้าประตู แต่เบรกกึก เหมือน ๆ มีสองความรู้สึกกำลังตีกัน ผมกัดริมฝีปากเบา ๆ ตัดสินใจหมุนตัวเดินไปทางถุงผ้านั้น เททุกอย่างออกมา รูปแบบและสีสันก็เหมือนของชยันต์นั่นแหละ เพียงแต่สีที่ชยันต์เลือกมาให้ผมจะดูเป็นผู้ใหญ่และสุขุมกว่า เอาเป็นว่าเป็นสีที่ผมชอบและเหมาะกับผมมากกว่าละกัน

ผมว่าชยันต์มีเซ้นส์เรื่องแฟชั่นค่อนข้างสูง เสียแต่ชอบแต่งตัวแนวยั่วไปหน่อย

ผมเลือกหยิบขึ้นมาตัวหนึ่ง เป็นเสื้อยืดธรรมดานี่แหละ ถอดตัวเก่าออก แล้วใส่ตัวใหม่ลงไป หันไปมองตัวเองในกระจก ผมยักไหล่ใส่ตัวเองนิดหนึ่ง

ดูดีกว่าที่คิดแฮะ

แล้วนาคินทร์จะเห็นว่ามันดูดีบ้างไหม ผมแอบถามตัวเองในใจ แอบเขินกับความคิดตัวเองยังไงพิกล ผมก้าวออกจากห้อง ลงไปข้างล่าง พี่เชนทร์กับชยันต์กำลังลุกจากโต๊ะกินข้าว ชยันต์ยิ้มทันทีที่เห็น

“คิดว่าจะไม่ยอมใส่ซะอีก”

“กลัวบูด” ผมพูดไปงั้น ชยันต์ทำท่าจะพูดอะไรต่อ แต่พี่เชนทร์สะกิด

“รีบเถอะ สายแล้ว”
ชยันต์เลยไม่พูดอะไร ก้าวตามคนตัวสูงไป ผมนั่งประจำที่ กินข้าวกับคนที่เหลือ

พ่อลดหนังสือพิมพ์ลงมอง

“ไปซื้อรถให้นาคินทร์เหรอลูกวันนี้”

“ครับ”

“ทำไงเขาถึงยอม พ่อนี่ทั้งสั่งทั้งขอร้องยังไม่ได้ผลเลย”

ผมหัวเราะ

“พอดีเจ้าปุโรทั่งเพิ่งเสียชีวิตไปเมื่อวานครับ เขาเลยยอม ไม่งั้นก็คงทู่ซี้ใช้ต่อไปเหมือนเดิมนั่นแหละ วิ่งไปผมก็ลุ้น ๆ ว่าล้อหน้าจะวิ่งนำไปก่อนหรือเปล่า”
ผมพูดไปส่ายหัวไป พ่อจะออกเงินให้แต่ผมส่ายหัว งบส่วนตัวก็มีอยู่

พออิ่ม ผมก็ยื่นกุญแจให้เกรียงไกรคนขับรถประจำบ้านเพื่อให้ไปเอารถที่บริษัท ผมเดินตรงไปทางหลังบ้าน เห็นนาคินทร์กำลังขะมักเขม้นทำอะไรสักอย่างอยู่ในโรงเลื่อย ผมเดินอย่างเงียบเชียบเข้าไปใกล้ แต่เท้าเหยียบอะไรบางอย่างดังแกรบ คนที่กำลังใช้สมาธิก้มทำอะไรอยู่เงยหน้ามองทันที ในปากคาบตะปูไว้สองดอก

“คุณหนู”
นาคินทร์ดึงตะปูออกมาเรียก ผมยิ้มให้นิดหนึ่ง

“ทำอะไรอยู่ กินข้าวรึยัง” 

“ทานแล้วครับ กำลังซ่อมชิ้นส่วนของเจ้าปุโรทั่งของคุณหนูอยู่”

ผมหน้าเบี้ยว

“นี่ยังคิดจะเอามันกลับมาใช้งานอีกเหรอ”

“ถ้าซ่อมได้ก็ใช้ครับ ซ่อมไม่ได้ก็แล้วไป”

ผมพยักหน้าไม่เถียงอะไร เพราะนาคินทร์ก็คือนาคินทร์ ไม่เคยทิ้งอะไรให้เสียเปล่า นาคินทร์หยิบผ้าบนชั้นขึ้นมาเช็ดมือ 

“คุณหนูจะไปตอนนี้เลยหรือเปล่าครับ”

ผมส่ายหัว

“สาย ๆ หน่อย โชว์รูมยังไม่เปิดหรอก”

นาคินทร์ยกนาฬิกามอง

“งั้นระหว่างนี้นาคินทร์ขอซ่อมเจ้านี่รอนะครับ คุณหนูไปนั่งเล่นตรงนั้นรอก็ได้”

อยากเถียงว่าผมไม่ใช่เด็ก จะได้มานั่งเล่น ผมไม่ได้ไปนั่งอย่างที่นาคินทร์บอกหรอก แต่เดินสำรวจไปรอบ ๆ โรงเลื่อยที่คนในบ้านเราเรียกกัน แต่ให้ถูกคือเป็นโรงงานขนาดเล็กที่เต็มพรืดไปด้วยอุปกรณ์ทำสวน ไม้ อุปกรณ์ซ่อมรถ และอีกจิปาถะ และนาคินทร์ก็อาศัยกินนอนอยู่ที่นี่ด้วย จริง ๆ พ่อสร้างบ้านไว้ให้แล้วที่หลังสวน แต่เขาไม่ใช้ บ้านหลังนั้นเลยกลายเป็นที่เก็บของไป ผมจำได้ว่าตอนเด็ก ๆ ชอบมาเล่นที่นี่บ่อย ๆ

ผมก้มหยิบตุ๊กตาหุ่นยนต์ที่นาคินทร์ทำเองกับมือขึ้นมาดู จำได้ว่านาคินทร์ทำไว้ให้พวกเราทุกคน มันมีครบทั้งสิบตัว ตัวของผมเป็นตัวที่ถูกซ่อมมากที่สุด เพราะผมเล่นแรง

จะโดนว่าเป็นจอมทำลายล้างก็ไม่แปลก

สภาพโรงเลื่อยแทบไม่ต่างไปจากตอนเป็นเด็ก ผมสูดลมหายใจลึก สูดเอาอากาศคุ้นเคยเข้าไป ได้ยินเสียงเคร้งคร้างดังมาจากทางด้านหลัง เป็นเสียงของนาคินทร์ที่กำลังซ่อมเจ้าปุโรทั่งนั่นแหละ แต่ผมไม่ได้หันไปมอง สำรวจไปรอบ ๆ จนมาถึงห้องพักขนาดเล็กนั้น ไม่ได้เข้าไปนานแล้วนะ

ผมหันไปทางเจ้าของห้อง นาคินทร์ยังคงมุ่งมั่นกับการเชื่อมเหล็กอยู่ ผมไม่ได้ขออนุญาต แง้มเปิดประตูสอดหน้าเข้าไปมอง

ออกจะเสียมารยาทไปหน่อย แต่ขอส่องหน่อยเถอะ

สิบปีที่แล้วเป็นไง ตอนนี้ทุกอย่างก็มีสภาพเหมือนเดิม ทั้งตู้เสื้อผ้าที่ทำจากไม้แท้เก่า ๆ หลังนั้น พัดลมตัวเดิม ฟูกและผ้าห่มผืนเดิม มันเก่ามอซอมากแล้ว แต่เจ้าตัวก็ไม่คิดจะทิ้ง มีโต๊ะสำหรับวางของตัวเล็ก ๆ อยู่ข้าง ๆ ตู้เสื้อผ้า บนนั้นวางข้าวของกระจุกกระจิก มีรูปถ่ายของมะลิกับหนูแดงสมัยยังแบเบาะ รูปถ่ายของหนูแดงแทบจะเรียงปี ที่เหลือเป็นรูปถ่ายของสมาชิกทุกคนในครอบครัวผม มีภาพรวมสมัยเด็ก ๆ ด้วย

ผมยิ้ม หยิบรูปนั้นขึ้นมาดู ตอนเด็กผมนี่ดูแสบไม่เบาแฮะ ผมมองไปรอบ ๆ อีกที ไม่มีรูปถ่ายของนาคินทร์สักรูป สงสัยเป็นพวกไม่ชอบถ่ายรูป

ผมวางรูปถ่ายไว้ที่เดิม กำลังจะหันหลังกลับเพราะไม่มีอะไรเพิ่มเติมให้ดูแล้ว ก่อนชะงัก เพราะตรงกำแพงเหนือกองฟูกที่พับไว้เป็นชั้น ๆ นั้นมีกล่องอะไรสักอย่างวางอยู่ ซึ่งถ้าผมจำไม่ผิด

กล่องนั้น…

มันน่าจะเป็นกล่องเดียวกับที่นาคินทร์ใช้ใส่ผ้าเช็ดหน้าที่ผมเคยให้นี่ หัวใจผมไหวแรงนิด ๆ

มันเป็นกล่องเดียวกันหรือเปล่า ผมมองสำรวจไปรอบ ๆ ห้องเพื่อค้นหาสิ่งที่น่าจะเหมือนกัน แต่ก็ไม่มี

นาคินทร์ไม่น่าจะเอาผ้าเช็ดหน้าผมมาวางไว้เหนือหัวแบบนี้ อาจเป็นกล่องใส่พระเครื่องก็ได้

ผมเม้มปากแน่น ความอยากรู้ขัดกันเบา ๆ กับความรู้สึกผิดที่ถือวิสาสะเข้ามาสำรวจห้องคนอื่นแบบนี้ แต่ความอยากรู้อยากเห็นเอาชนะได้ในเสี้ยววินาที ผมเดินไปหยุดอยู่ใกล้ ๆ ย่อตัวลงลากกล่องนั้นมาถือ เม้มปากอีกนิด ก่อนตัดสินใจค่อย ๆ แง้มเปิดฝากล่องออกดู

มันไม่ใช่พระเครื่องหรอกครับ แต่เป็นผ้าเช็ดหน้าที่ผมเคยให้นาคินทร์จริง ๆ ความร้อนมากมายวิ่งผ่านผิวหน้าผมไป มันมาพร้อม ๆ กับคำถามในใจ

ทำไมนาคินทร์ต้องเก็บไว้อย่างดีขนาดนี้ด้วย ถ้าจะใช้ก็น่าจะพกติดตัว หรือไม่ก็น่าจะเอากล่องไปวางไว้บนโต๊ะวางของแทนหัวนอนแบบนี้

“คุณหนู”
ผมสะดุ้งเฮือก รีบกดปิดฝากล่องวางลงที่เดิมหันกลับไปมอง นาคินทร์ยืนอยู่หน้าประตู

“ขอโทษที่ถือวิสาสะเข้ามาเองโดยไม่ได้ขอ”
ผมรีบละล่ำละลักบอก ไม่รู้ว่านาคินทร์จะทันเห็นหรือเปล่า นาคินทร์มองมาทางที่นอนตัวเอง แต่ไม่พูดหรือมีสีหน้ายังไง

“ไม่เป็นไรหรอกครับ ผมแค่สงสัยว่าคุณหนูหายไปไหน ไม่คิดว่าจะอยู่ในนี้ ไม่อึดอัดหรือครับ ออกไปข้างนอกเถอะ”
ผมรีบขยับลุกก้าวตามออกไป

“ขอโทษนะ ไม่ได้ตั้งใจจะละลาบละล้วง เพียงแต่เดินดูเพลินไปหน่อย เลยเถลไถลเข้าไปดูข้างในด้วย”
ผมพูดอย่างรู้สึกผิดจริง ๆ นาคินทร์ส่ายหน้า

“ไม่มีอะไรเป็นความลับหรอกครับ สมบัติทุกชิ้นของนาคินทร์ก็คือสมบัติของคุณหนูและทุกคนในครอบครัว แม้กระทั่งตัวนาคินทร์ ก็สาบานไว้แล้วว่าจะขอรับใช้ไปจนชีวิตจะดับ”

ผมยิ้ม นาคินทร์เดินกลับไปเชื่อมอะไรสักอย่างต่อ ผมก้มดูตาม

อ๋อ ตรงประตูที่ผมดึงหลุดนั่นแหละ พอเสร็จนาคินทร์ก็เดินไปที่รถ จัดการยัดใส่ บางชิ้นส่วนถูกถอดออกมาวางเรียงกันไว้บนโต๊ะ ผมไม่ได้ช่วยอะไรหรอก ยืนมองอยู่เฉย ๆ นี่แหละ

เหงื่อของคนตัวสูงไหลออกมาตรงขมับเบา ๆ มันไม่ได้เยอะมาก คงเพราะตอนนี้ลมพัดค่อนข้างแรงเป่าให้แห้งเร็ว ตอนแรกผมก็มองสิ่งที่นาคินทร์ทำ สักพักสายตาผมก็หยุดอยู่ที่คนทำเป็นหลัก

นาคินทร์ใส่ที่เปิดเข้าไปได้แล้วข้างหนึ่ง ก่อนเดินไปใส่อีกข้าง ตลอดระยะเวลานั้น ผมก็เฝ้ามองตลอด นาคินทร์ปาดเหงื่อด้วยแขนเสื้อ ผมเพิ่งเห็นว่าล้อที่หลุดถูกซ่อมแล้วเรียบร้อย นาคินทร์เช็ดมือ เดินเข้ามาใกล้

“เรียบร้อย”

ผมเดินเข้าไปดูผลงาน สภาพมันตอนนี้ เหมือนตอนก่อนพังไม่มีผิด ผมหันไปมอง

“จะลองให้ฉันทดสอบก่อนไหม”

นาคินทร์พยักหน้า ผมทดลองเปิดปิดอยู่สองสามรอบ ปิดแรงด้วย มันไม่ร่วงแฮะ

“ผมซ่อมเบลท์ใหม่แล้วด้วย”
ผมลองเข้าไปนั่ง ลากมากด มันไม่หลุดติดมือแล้วครับ

“แต่ยังไงก็ต้องซื้อคันใหม่”
ผมหันไปมอง นาคินทร์พยักหน้า ผมก้มดูเวลา

“จะอาบน้ำแต่งตัวใหม่รึเปล่า”

“ครับ” นาคินทร์หายไปอาบน้ำประมาณไม่ถึงยี่สิบห้านาทีก็เดินกลับมา ได้กลิ่นหอมของอะไรบางอย่างลอยมาแปะจมูก ผมขยับเพื่อหาที่มาของมัน ทำจมูกฟุดฟิดจนเจอต้นตอ

นาคินทร์ทำหน้างุนงง ผมดมเข้าไปใกล้กระทั่งจมูกแทบจะทิ่มแผงอกกว้างอยู่รอมร่อ

“มะ มีอะไรเหรอครับ”

“กลิ่นน้ำหอม นี่นาคินทร์ใช้ด้วยเหรอ ไม่เคยได้กลิ่นสักครั้ง”

“คะ คือ...” นาคินทร์ทำหน้าไม่มั่นใจ “มันไม่หอมเหรอครับ นะ นาคินทร์ก็ว่างั้น ของแพงไม่เหมาะกับนาคินทร์หรอก”

“เปล่าตรงกันข้ามเลยต่างหาก มันหอมมาก กลิ่นเหมาะกับนายดี ยี่ห้ออะไร”
นาคินทร์เกาแก้มตัวเองเบา ๆ

“นาคินทร์ไม่รู้หรอกครับ ภาษาฝรั่ง คุณท่านซื้อมาฝากจากนอกนานแล้ว ไม่เคยใช้สักที”

“อ้าว ทำไมถึงเพิ่งมาใช้ล่ะ”

“มันไม่มีความจำเป็นนี่ครับ วัน ๆ อยู่แต่ในสวน ในโรงเลื่อย”

“แล้วตอนนี้…”
ผมถามงง ๆ กำลังนึกอยู่ว่านาคินทร์จำเป็นต้องไปออกงานสังคมอะไรที่ไหนถึงต้องใช้ นาคินทร์ทำหน้าพิพักพิพ่วน

“นาคินทร์ต้องขับรถไปรับไปส่งคุณหนู นาคินทร์กลัวว่าคุณหนูจะเหม็น”
เขาบอกหน้าซื่อ ผมอึ้งไป ก่อนยิ้มออกนิดหนึ่ง

“ขอบใจนะ ตัวนาคินทร์ก็ไม่ได้เหม็นอะไร กลิ่นของคนทำงาน ฉันเข้าใจ” 

“นาคินทร์ไม่อยากให้คุณหนูเหม็น”

“ก็ไม่ได้เหม็นอะไรนี่ แค่กลิ่นเหงื่อ”

“กะ ก็นั่นแหละ แล้วคุณหนูชอบหรือเปล่าครับ”

“ชอบสิ หอมดี กลิ่นเหมาะกับตัวนาคินทร์ดี พ่อเข้าใจเลือกนะ”

นาคินทร์ยิ้ม

“ถ้าคุณหนูชอบ นาคินทร์จะใช้บ่อย ๆ”

“ฉันไม่บังคับหรอกนะ”

นาคินทร์ส่ายหัว

“มันไม่ลำบากอะไร อีกอย่างดีกว่าวางไว้เฉย ๆ ขวดเบ้อเร่อ”

ผมหัวเราะ ชวนกันไปที่ลานจอดรถ เกรียงไกรยืนนิ่งรออยู่ข้างรถแล้ว

[40%]


ใช้เวลาไม่เกินวันเราก็ได้รถกระบะคันใหม่มาขับ นาคินทร์ชมใหญ่ว่าขับสบายดี

“พ่อบอกให้ซื้อตั้งนานไม่ซื้อ”

“สิ้นเปลืองเปล่า ๆ”
ผมไม่อยากจะเถียงกับเขาเรื่องนี้

“ป้ายแดงขนาดนี้ รับรองแม่บ้านได้เลขเด็ดวันที่ 16 เดือนนี้แน่ ๆ”
นาคินทร์หัวเราะ ตอนนี้เรากำลังลองรถกันอยู่ครับ

“นี่ ไหน ๆ เราก็หยุดงานกันหนึ่งวันแล้ว ขับรถพาฉันเที่ยวหน่อยสิ”

“คุณหนูอยากไปไหนครับ”

“นั่งรถเล่น นะ”

“ครับ คุณหนูบอกเส้นทางละกัน นาคินทร์ไม่รู้”
ผมพยักหน้ารับ บอกให้นาคินทร์ขึ้นทางด่วนไป น้ำมันเต็มถัง

“คุณหนูจะให้นาคินทร์พาไปไหนครับ”
คนขับหันมาถาม เพราะผมยังไม่ได้บอกที่หมาย

“บางแสนละกัน ใกล้หน่อย แค่อยากไปสูดไอทะเลเฉย ๆ”

“สกปรกไม่ใช่หรือครับ นาคินทร์ว่าถ้าจะเที่ยวทะเล หาวันหยุดยาว ๆ ไปใต้หรือเกาะคนน้อยดีกว่า”

“โห รู้ได้ไง”

“ยัยหนูแดงบอก”

ผมหัวเราะ

“คิดว่าเคยไปเที่ยวมาแล้ว”

“คนสวนจะเอาเวลาที่ไหนไปเที่ยวครับ”

“นี่เคยพายัยหนูแดงมาเที่ยวบ้างสักครั้งรึยัง”

นาคินทร์ส่ายหัว ผมอ้าปากค้าง

“เป็นพ่อประสาอะไร ไม่พาลูกเที่ยวบ้าง”

นาคินทร์ทำหน้าอึดอัด

“นาคินทร์ทำงาน แต่ปล่อยให้ลูกไปเที่ยวกับเพื่อน ๆ บ้างแล้ว”

“ถึงงั้นก็เถอะ ยังไงการได้มาเที่ยวกับครอบครัวก็คนละแบบกับเที่ยวกับเพื่อนนะ”
ผมติง นาคินทร์มีสีหน้าไม่ค่อยจะดีนัก

“ครั้งหน้า นาคินทร์จะลองพายัยหนูมาครับ”

“ว่าแต่…” ผมหันไปมอง “เคยไปเหยียบทะเลมาบ้างรึยังเนี่ย” นาคินทร์ส่ายหน้า ผมอ้าปากค้าง คนแบบนี้ก็มีด้วย ผมส่ายหัว

“ฉันรู้ว่านาคินทร์เป็นคนขยัน แต่บางครั้งก็ต้องผ่อนคลายบ้าง”

“งานนาคินทร์มันไม่ได้เครียดอะไรนี่ครับ มีความสุขดีทุกวัน สุขมากด้วย สุขมากจนไม่รู้ว่าจะไปหาความสุขมากกว่านี้จากที่ไหนอีก”

ผมมองคนพูดอึ้ง ๆ แล้วยิ้มให้ ผมว่าคนในบ้าน ถ้าถามว่าใครมีความสุขที่สุด คนนั้นอาจไม่ใช่พ่อผมที่มีเงินและอำนาจมากสุดก็ได้ แต่อาจเป็นนาคินทร์ที่ถือว่าจนและมีอำนาจน้อยที่สุดในบ้าน

“คะ คุณหนูยิ้มให้นาคินทร์ทำไมครับ”

“นาคินทร์มีความสุขไม่ใช่เหรอ”

“ครับ”

“ฉันก็อยากมีความสุขแบบนาคินทร์บ้าง แค่นั้นเอง”

นาคินทร์ทำหน้าอึดอัด

“เอาละ ไม่รู้ว่าทะเลจะทำให้นาคินทร์มีความสุขได้ไหม แต่ลองไปเหยียบมันดูสักครั้งละกัน”

“ครับ”
 
ใช้เวลาประมาณชั่วโมงหน่อย ๆ เราก็พากันมาถึง นาคินทร์พารถไปจอดไว้ตรงที่เขาให้จอด รถเรานี่ใหม่เอี่ยมกว่าใครเพื่อนเลย ป้ายแดงด้วย

ผมจำความรู้สึกตอนมาเห็นทะเลครั้งแรกได้ ผมดีใจมาก เล่นน้ำจนตัวดำเลย นาคินทร์ก้าวลงจากรถ มองตรงไปยังท้องทะเล สีมันไม่ได้ใสเหมือนพวกเกาะเงียบ ๆ นัก นาคินทร์สูดลมหายใจเข้าปอดลึกจนอกกว้างตั้งขึ้น

ผมชอบมองนะ มันดูดีดี เรียวปากปราศจากหนวดเคราอย่างแต่ก่อนเผยรอยยิ้มนิดหนึ่ง ผมยิ้มตาม นาคินทร์ปิดรถ กดล็อกเดินมาใกล้ ๆ ผม

“ไม่รู้ว่าสิ่งนี้จะทำให้นายมีความสุขได้แค่ไหน แต่ลองไปดูนะ…ทะเล”
พูดจบผมก็คว้าจับข้อมือคนตัวสูงไว้ จะพาก้าวเดิน แต่นาคินทร์ไม่ขยับ ผมหันไปมอง

“เอ่อ...คุณหนู”

“ทำไม ไม่ชอบเหรอ”

“เปล่าครับ แต่ผมว่ามันไม่เหมาะครับ”

ผมมองงง ๆ “อะไรไม่เหมาะ”

นาคินทร์ก้มมองข้อมือตัวเองที่มีมือผมจับอยู่

“ทำไม”

“นาคินทร์เป็นคนสวนนะครับ เอ่อ...”

ผมปล่อยมือออก ทำหน้าหงุดหงิดใส่นิด ๆ ไม่จริงจัง

“ถือตัวจัง รังเกียจฉันรึไง”

“เปล่าครับ แต่คุณหนูอยู่สูงเกินไป นาคินทร์มันคนต่ำ”

ผมยิ้ม

“ต่ำตรงไหน ไม่เห็นรึนี่ ฉันต้องแหงนหน้าคอตั้งคุยกับนายนี่”
ผมเล่นมุก นาคินทร์หน้าเหวอ ผมเลิกคิ้วเป็นทำนองว่า ลองเถียงมาสิ

“ไม่ใช่ต่ำแบบนั้น”

“แบบไหน”

“กะ ก็คุณหนูคือเจ้านาย สูงศักดิ์กว่านาคินทร์ เป็นบุคคลที่ให้เงินเดือนให้ที่ซุกหัวนอนนาคินทร์นะครับ”

ผมส่ายหัว

“คิดมากไม่เข้าเรื่อง ไปเถอะ ฉันอยากเดินเล่นเต็มแก่แล้ว จับไว้นั่นแหละดีแล้ว เผื่อนายดีใจที่เห็นทะเลครั้งแรกแล้ววิ่งเตลิดหนีไป ฉันไม่มีคนขับรถพากลับบ้าน”
นาคินทร์อ้าปากเหวออีกรอบ ก่อนหัวเราะออกมาเบา ๆ กับมุกควายของผม

“ไปกันเถอะ”
ผมชวนอีกรอบ พากันเดินลงไปบนหาด นาคินทร์เดินตามมาติด ๆ ผมก้มถอดรองเท้าขึ้นมาถือเพราะอยากเดินย่ำน้ำ นาคินทร์ถอดตาม คีบไว้ในมือ ผมพานาคินทร์เดินต่ำลงจนฝ่าเท้าสัมผัสน้ำทะเล นาคินทร์มีสีหน้าตื่นเต้นนิด ๆ ผมยิ้ม พาเดินลงไปลึกขึ้นกระทั่งน้ำถึงข้อเท้า 

“เคยเห็นแต่ในหนังสือกับทีวี”

“ของจริงย่อมดีกว่าอยู่แล้ว”

นาคินทร์พยักหน้าเห็นด้วย

“เย็น”

ผมหัวเราะกับคำวิจารณ์อีกคน ลมทะเลโบกผ่านผิวหน้าผมไป ผมสูดลมหายใจเข้าปอดลึก ย่ำเท้าช้า ๆ ได้ยินเสียงคลื่นซัดสาด พอ ๆ กับเสียงเด็ก ๆ ที่ผู้ใหญ่พามาเล่นน้ำเสียงดังเจี๊ยวจ๊าว

“นาคินทร์จีบแม่หนูแดงได้ยังไง” ผมถามขึ้นอย่างไม่มีปี่มีขลุย นาคินทร์หันมามอง

“เราเป็นคนหมู่บ้านเดียวกันครับ บ้านใกล้เรือนเคียง รู้จักมักจี่กันมาตั้งแต่เด็ก ๆ โตหน่อยพอมีเหย้ามีเรือนได้ ผู้ใหญ่ก็จับแต่ง แต่ผมก็รักเธอนะ”

“อ้าว ไม่ได้จีบเองหรอกเหรอ” ผมตาโต

“นาคินทร์ไม่เคยจีบใครหรอกครับ จีบไม่เป็นด้วย”

ผมอ้าปากค้าง ก่อนหัวเราะ

“มิน่า ยัยหนูแดงถึงไม่มีแม่เลี้ยงสักที”

“เหตุผลก็อย่างที่ผมเคยบอกนั่นแหละ ตอนนี้ยัยหนูแดงมีคุณท่านช่วยกันกรุณา จึงคิดว่าแม่เลี้ยงไม่ใช่สิ่งจำเป็น”

“แล้วนาคินทร์ไม่อยากมีคู่คิดยามแก่ยามเฒ่ารึไง”

นาคินทร์ส่ายหัว

“นาคินทร์พอใจกับสิ่งที่มีแล้ว มีเจ้านายที่ทั้งรักและคอยให้ความกรุณาอยู่ หนำซ้ำยังมีคุณหนูอนุชาด้วย”
ผมหน้าร้อนผ่าวไปกับคำนั้น คนพูดอาจไม่คิดอะไร แต่คนฟังแปลความหมายไปไกลแล้ว

ผมเงียบเสียงลง ปล่อยให้ทะเลเป็นคนพูดแทน อยากถามว่าไม่เหงาเหรอ แต่คนอย่างนาคินทร์ก็คงไม่เหงาหรอก

ผมแอบเม้มปากนิด ๆ ขนาดผู้หญิงมาให้ท่ามากมายก่ายกองนาคินทร์ยังไม่สน แล้วนับประสาอะไรกับผมที่เป็นนายจ้าง แถมยังเป็นผู้ชายอีก

ผมหยุดเดินกึก ตะลึงไปกับความคิดตัวเองเมื่อกี้ ผิวหน้าร้อนผ่าวไปหมด

นะ นี่ผมคิดถึงไปถึงไหนแล้วเนี่ย

“คุณหนู คุณหนูเป็นอะไรหรือเปล่าครับ”
นาคินทร์ถามด้วยสีหน้าเป็นห่วง

“โทษที ไม่เป็นไร” ผมขยับเดินหน้าต่อ

นี่ผมชอบนาคินทร์เหรอ

นาคินทร์ที่เคยมีเมียและมีลูกแล้ว

นาคินทร์ที่เป็นคนสวน

และนาคินทร์ที่เป็นผู้ชาย

ผมชอบเขาจริง ๆ ใช่ไหม

“สีหน้าคุณหนูดูไม่ดีเลย เหยียบอะไรเข้าหรือเปล่าครับ”

“เปล่าหรอก” ผมฝืนยิ้ม “ฉันกำลังคิดอยู่ว่าเมียนาคินทร์โชคดีจัง ที่ได้หัวใจนาคินทร์ไป” นาคินทร์หันมามอง

“แต่ตอนนี้ ผมมอบมันให้นายจ้างทุกคนไปหมดแล้วล่ะครับ”

ผมอยากพูดต่อว่า ช่วยยกมันให้ผมเพียงคนเดียวได้ไหม

แต่ก็ไม่กล้า

“หิวแล้ว ไปหาอะไรกินกันเถอะ”
ผมชวนตัดความคิดแย่ ๆ ของตัวเองทิ้งไป นาคินทร์พยักหน้า เราเลือกร้านที่ดูน่าทานหน่อย เป็นเตียงผ้าใบไม่ห่างหาด ผมเป็นคนสั่งตามเคย แล้วนั่งรอ

“คุณหนูครับ”

ผมหันไปมองคนเรียก อยู่ ๆ ก็มีดอกกุหลาบสีแดงสดยื่นมาให้ตรงหน้า ดอกเดียวครับ กลีบดอกแทบไม่มีรอยช้ำ มีใบประดับไว้สองใบ ซึ่งถ้าผมจำไม่ผิด น่าจะเป็นของเด็กผู้หญิงที่เดินขายอยู่ ผมไม่ได้สนใจเธอเท่าไหร่ เพราะมาทะเลทีไรก็เห็นพวกนี้บ่อย ๆ แต่ไม่คิดว่านาคินทร์จะซื้อไว้

สงสัยเพราะสงสารเด็กน้อยล่ะมั้ง เด็กคนนั้นดูน่าจะอายุพอ ๆ กับหนูแดงด้วย

“สวยดี”

“ครับ นาคินทร์ให้คุณหนูครับ ไม่รู้ว่ามีเรื่องอะไรให้คิด แต่นาคินทร์อยากให้คุณหนูมีความสุข คนสวนคนนี้อาจช่วยอะไรคุณหนูมากไม่ได้ หวังว่านี่จะพอช่วยได้”
ผมมองคนให้แล้วก้มต่ำลงไปมองดอกไม้ดอกนั้น รับมาถือไว้

“ขอบใจ”
ผมพินิจมองมันอยู่นาน จนอาหารมา ผมหยิบทิชชู่มารอง แล้ววางดอกไม้ดอกนั้นไว้เบามือ

อาหารรสชาติใช้ได้เลย ยกให้เรื่องความสด ผมกับนาคินทร์กินกันจนหมดเกลี้ยง พากันเดินเล่นต่อเพื่อย่อย ผมเดินออกมาจากร้านอาหารพร้อมดอกกุหลาบหนึ่งดอกที่นาคินทร์ให้มา

รู้สึกแปลก ๆ ในหัวใจยังไงพิกล 

[ต่อค่ะ >> 80%] http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=54278.msg3426520#msg3426520


« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 18-07-2016 19:03:31 โดย memew »

ออฟไลน์ mystery Y

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7677
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +585/-12
รออีกที่เหลือน้า~

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ boonpa

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2359
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +132/-9
 :pig4: รอที่เหลือจ้า

ออฟไลน์ Dolamon

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 176
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
แบบนี้นาคินทร์มีใจให้คุณหนูของเราหรือเปล่า
การกระทำหลายๆ อย่างมันฟ้อง

ออฟไลน์ arij-iris

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2904
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +30/-5

ออฟไลน์ ♥lvl♀‘O’Deal2♥

  • หานิยายถูกใจยากจัง!
  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2665
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +176/-4

ออฟไลน์ kun

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3592
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +122/-10

ออฟไลน์ ♥►MAGNOLIA◄♥

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7518
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +193/-11
นาคินทร์ แอบชอบคุณหนูมานานแล้วหรือเปล่า?
สนุก ชอบบบบ   รอ  :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:

ออฟไลน์ Bellze12

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 501
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +9/-0
ลุ้นให้อนุชาเดินหน้าจีบ

ออฟไลน์ arij-iris

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2904
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +30/-5
รู้ใจตัวเองแล้วนิ อนุชา  ลุยโลดดดดดดดดด

ออฟไลน์ memew

  • ขอบคุณที่เข้ามาอ่านจ้าาา
  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 456
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +382/-10
    • :: Memew แฟนเพจ :
[ต่อค่ะ]



ไม่รู้ว่าอยู่ ๆ ฟ้าพิโรธหรือไร ท้องฟ้าที่เคยสว่างจ้าครึ้มลงเฉียบพลัน ไอ้นั่นไม่ทำให้ช็อกได้เท่ากับฝนที่เทซ่าลงมาราวกับใครเทน้ำใส่ ผมกับนาคินทร์วิ่งหลบกันไม่ทัน เปียกมะลอก ไม่ต่างกับนักท่องเที่ยวแม่ค้าแม่ขายที่หอบข้าวของหนีกันจ้าละหวั่น

“มาได้ไงเนี่ย”
ตอนนี้เรายืนหลบฝนอยู่ในผืนผ้าใบร้านค้าร้านหนึ่ง ซึ่งหลายคนก็ยืนหลบแบบเรา แต่ลมพัดแรงจนมันแทบจะไม่ช่วยอะไร ผมเริ่มหนาวกอดตัวเองแน่น

“หนาวเหรอครับคุณหนู นาคินทร์ไม่น่าพามาลำบากเลย”
นาคินทร์หน้าสลด

“คนชวนมาคือฉันนะ แล้วนี่มันก็ฤดูฝน ฝนตกก็ไม่แปลก แต่มันแปลกตรงที่มันตกแบบไม่ให้ซุ่มให้เสียงหรือเตือนก่อนนี่แหละ รอสักพักมันคงซา”

แต่ฝนยังคงโหมกระหน่ำรุนแรงจนผมชักทนหนาวไม่ไหว

“นาคินทร์ว่ายืนต่อไปก็มีแต่จะเปียกและหนาวยิ่งกว่าเดิม คุณหนูรออยู่ตรงนี้ นาคินทร์จะวิ่งกลับไปที่รถแล้วขับรถมารับที่นี่”

ตอนแรกว่าจะรับปาก แต่ผมส่ายหัว

“ไม่เอานาคินทร์ เราไปด้วยกันดีกว่า วิ่งฝ่าไป”

“แต่…”

ผมกับเขาต้องตะโกนคุยกันแล้วครับ เพราะพายุฝนเริ่มแรงขึ้นจนคลื่นทะเลสูงขึ้นเป็นลำดับ

“ฉันกลัวสึนามิ” ผมบอกตรง ๆ นาคินทร์หัวเราะ

“งั้นไปกันเถอะครับ ขอโทษด้วย”
พูดจบนาคินทร์ก็ถลกเสื้อออกทางหัว บิดน้ำพอหมาด สะบัดแรงไล่น้ำแล้วเอามากางให้เหนือหัว ผมมองอึ้ง ๆ

คือ…

เคยดูหนังเกาหลีมาก่อน บอกตามตรงว่าเห็นทีไรก็คิดว่าหนังก็คือหนัง แต่ตอนนี้ ภาพในหนังนั้นกำลังฉายชัดอยู่ตรงหน้า แผงกล้ามเป็นมัดนั้นดูราวกับไม่ใช่ชายอายุใกล้จะสี่สิบ มันแน่นและแข็งแรงมาก

“ไปกันเถอะครับ ค่อย ๆ เดิน เดี๋ยวล้ม”
นาคินทร์ตะโกนบอกแข่งกับสายฝน ผมพยักหน้า

น้ำฝนทำร้ายผมได้ไม่เต็มที่เพราะร่างผมครึ่งหนึ่งถูกปกป้องไว้จากร่างใหญ่ ๆ ของนาคินทร์ หัวและใบหน้าถูกกั้นไว้ด้วยเสื้อที่ตอนนี้มันก็เปียกจนน้ำไหลเป็นทาง ฝนตกหนักมาก ผิวเนื้อที่ถูกน้ำฝนกระแทกโดยตรงเจ็บไปหมด เราเดินเล่นกันมาไกลด้วย แทบจะสุดหาดเลย

ฝนตกหนักยังไม่พอ ยังมีเสียงฟ้าร้องฟ้าผ่ามาทำให้รู้สึกหวาดสยองมากขึ้น เดินไปได้ไม่เท่าไหร่รองเท้าผมก็ขาดปึ้ด พื้นแยกทางจากตัวหุ้มเรียบร้อย ผมหยุดเดินกึกทันทีพอ ๆ กับนาคินทร์ รองเท้าผมมันไม่ใช่รองเท้ากันน้ำ หรือรองเท้าที่เหมาะกับลุยพื้นเปียก แล้วฝนตกแรงขนาดนี้ จะขาดก็ไม่แปลก

“คุณหนู รองเท้า”
นาคินทร์ทำหน้าตกใจ ดีว่ากระเป๋าเงินกับโทรศัพท์เรายัดใส่ถุงพลาสติกที่ขอจากทางร้านค้าแล้ว ไม่งั้นก็โชกเหมือนกัน

นาคินทร์มองซ้ายมองขวาอย่างหาทางออก

“ไม่เป็นไร ฉันเดินเท้าเปล่าไปก็ได้”

“ไม่ได้ครับ เผื่อมีเศษแก้วเศษไม้” นาคินทร์พูดแข่งสายฝน ยังพยายามใช้ตัวและเสื้อกันฝนให้ผมอยู่ แถวนี้ไม่ร้านขายรองเท้าแบบเดินทะเลด้วย แต่แถว ๆ รถมี ผมเหลือบมองไปหน้าหาด มีโรงแรมขนาดย่อมอยู่ ผมชี้มือไปที่นั่น

“งั้นไปพักที่นั่นก่อนละกัน รอให้ฝนซาค่อยกลับ”
นาคินทร์มองตาม ฝนแรงมากจนต้องป้องตาดู พอเห็นก็พยักหน้า ย่อตัวลงหันหลังให้

“ขึ้นมาเถอะคุณหนู”

“ใกล้แค่นี้ ฉันเดินเองได้”

“ไม่ได้ครับ อันตราย เชื่อผมเถอะ เกิดเหยียบอะไรเป็นแผลขึ้นมารักษากันยาว”
ผมไม่เถียงอะไรอีกเพราะตอนนี้โดนฝนกระหน่ำจนเนื้อเจ็บตัวไปหมดแล้ว ขึ้นขี่หลังคนตัวสูง กอดลำคอแกร่งแน่น นาคินทร์พาเดินกึ่งวิ่งเข้าที่พักนั้นไป

“ที่พักสองห้องครับ”
ผมบอกปากคอสั่น หนาวจริง ๆ จะรีบไปอาบน้ำเร็ว ๆ

“ขอโทษค่ะ ตอนนี้เราเหลือเพียงห้องเดียวเท่านั้น”

“งั้นคุณหนูเข้าไปพักเถอะครับ นาคินทร์รออยู่ข้างล่างได้ ไม่นานฝนก็คงซาแล้ว”
นาคินทร์บอกมาอย่างนอบน้อม

“งั้นเอาห้องนั้นเลย”
ผมบอกพนักงาน เธอขอชื่อกับเบอร์โทร แล้วก็ให้วางเงินเลย ไม่นานก็ได้กุญแจมาดอกหนึ่ง ผมคว้าจับแขนคนตัวสูงลากให้เดินตาม

“คุณหนู!”

“ตามมาเถอะน่า ข้างล่างหนาว ไม่รู้อีกนานแค่ไหนกว่าฝนจะหยุดตก”

“คือ มันไม่เหมาะ”

“อย่าเรื่องมากน่านาคินทร์ ฉันหนาว”
ผมออกคำสั่งเสียงเฉียบ นาคินทร์ไม่พูดอะไรอีก เดินตามผมเข้าลิฟท์ไป ผมกอดตัวเองแน่น นาคินทร์ยังยืนเฉยทั้งที่เสื้อก็ไม่ใส่ พอลิฟท์เปิดออก ผมรีบตรงไปไขกุญแจทันที

“คุณหนูรีบอาบน้ำก่อนเถอะ”
ผมพยักหน้า รีบคว้าผ้าเช็ดตัวเดินเข้าห้องน้ำไป น้ำฝนหนาวมาก พอได้น้ำอุ่น ๆ นี่เหมือนปลาได้น้ำ ที่นี่มีอ่างด้วย แต่ให้แช่ตอนนี้ก็ดูจะเห็นแก่ตัวเพราะนาคินทร์รออยู่ข้างนอก ผมรีบอาบน้ำพอให้หายหนาว เสื้อผ้าเปียกหมดแล้วครับ พออาบน้ำเสร็จจึงเพิ่งสำนึกว่าผมมีอยู่สองทางเลือกคือหนึ่ง ใส่ชุดเปียก ๆ อย่างนี้ต่อไป หรืออยู่ในชุดผ้าขนหนู

ใส่ชุดเปียกหนาวแน่ ผมจำต้องนุ่งผ้าขนหนู หอบเสื้อผ้าออกจากห้องน้ำไป นาคินทร์มองมาอึ้ง ๆ รีบเสหลบ

“นาคินทร์ก็ไปอาบสิ เปียกหมดแล้ว”

“ไม่เป็นไรครับ นาคินทร์ทนได้”

“ไปเถอะน่า เดี๋ยวหวัดกิน”
นาคินทร์พยักหน้า ผมเอาเสื้อผ้าไปผึ่งบนราวที่เขามีไว้ให้ กวาดมองไปรอบ ๆ ห้อง มันเป็นเตียงเดี่ยวครับ ขนาดควีนไซส์ มีทีวี ตู้เย็น ตู้เสื้อผ้า ผมลองเดินไปเปิดตู้เสื้อผ้าดู เผื่อมีชุดคลุมให้ แต่โรงแรมเกรดระดับนี้ส่วนมากไม่มีหรอก

มันว่างเปล่า มีเพียงไม้แขวนที่ทำจากเหล็กเบี้ยว ๆ อยู่สามสี่อันเท่านั้น ผมหยิบไม้แขวนมาตากผ้าของตัวเองผึ่งไว้ ระเบียงที่มองออกไปเห็นทะเลได้เป็นกระจกทั้งแถบ ตอนนี้ฝนตกแรงมากจนมองแทบไม่เห็นอะไรนอกจากฝ้าขาว ๆ ข้างนอกเท่านั้น ลมพัดแรงมากจนกระจกดังตึง ๆ แทบจะตลอดเวลา

สาธุ ขออย่าให้มีสึนามินะ

ได้ยินเสียงเปิดประตูเบา ๆ นาคินทร์นุ่งผ้าเช็ดตัวออกมาไม่ต่าง ผมพยักหน้าไปทางไม้แขวนที่วางไว้ นาคินทร์หยิบไปแขวนผ้าเปียกของตัวเอง แล้วแขวนไว้คนละมุมกับเสื้อผ้าผม ผมไม่กล้าหันไปมองคนที่เปลือยท่อนบนนุ่งผ้าเช็ดตัวเล็ก ๆ ผืนนั้น ผมเองก็มีสภาพไม่ต่าง หนาวเหมือนกัน

“คุณหนูครับ”

ได้ยินเสียงเรียกเบา ๆ ผมหันไปมอง อยู่ ๆ ก็มีผ้าห่มผืนใหญ่มาหุ้มตัวไว้

“หนาวครับ ห่มนี่ไว้ดีกว่าผ้าเช็ดตัวผืนเดียว”

“แล้วนาคินทร์ล่ะ”

“ผมทนได้”

ผมไม่พูดอะไร เดินไปทิ้งตัวลงนั่งข้างเตียงทั้งผ้าห่ม ส่วนนาคินทร์ยืนดูสายฝนอยู่ใกล้ ๆ กระจกระเบียง ดูก็รู้ว่านาคินทร์ก็หนาวเหมือนกัน

“นาคินทร์”

คนตัวสูงหันมามอง ผมกางผ้าห่มออก

“มาสิ”

นาคินทร์ส่ายหัว

“นี่เป็นคำสั่ง ฉันรู้ว่านายก็หนาว อย่าถือศักดิ์ไม่เข้าเรื่องตอนนี้ เร็วเข้า”

“แต่…”

“เร็ว ถ้านายไม่ห่ม ฉันก็จะไม่ห่มด้วย”
ผมทิ้งผ้าห่มลงทันที นาคินทร์รีบถลาเข้ามาหา

“ครับ ๆ นาคินทร์มาแล้ว”
นาคินทร์กล้า ๆ กลัว ๆ อ้ำ ๆ อึ้ง ๆ

“เร็วเถอะ ฉันหนาว”
ผมเร่ง นาคินทร์แทรกตัวเข้ามาในผ้าห่ม แต่พยายามเว้นระยะ ผมดึงเอาผ้าห่มมาปิดตัว

ถามว่าเขินไหม เขินมาก แต่จะให้เขายืนหนาวอยู่มันก็น่าเกลียด สายฝนยังคงโหมกระหน่ำรุนแรงเหมือนเดิม

“น่ากลัวจัง”

“แรงเพราะอยู่ติดทะเล”

ผมพยักหน้าเห็นด้วย

“กรุงเทพฝนไม่ค่อยตก เลยลืมไปเลยว่าเป็นฤดูฝน”

นาคินทร์หัวเราะเบา ๆ

เพราะความหนาว ทำให้ผมขยับมากขึ้นจนผิวเนื้อผมแนบชิดผิวเนื้อของคนข้าง ๆ มันร้อนวูบ แต่ผมทำเป็นไม่สนใจ ทั้งที่ใจก็เต้นแรงแทบไม่เป็นจังหวะ ฟ้าแลบสว่างจ้า ก่อนจะผ่าเปรี้ยงลงมาแรงจนผมสะดุ้ง

ผมเคยกลัวฟ้าผ่าตอนเด็ก ๆ โตมาก็ไม่กลัวแล้ว แต่มาเห็นฟ้าแลบฟ้าผ่าในระยะประชิดแบบนี้มันก็น่ากลัวไม่หยอก ฟ้าผ่าลงมาอีกรอบจนผมสะดุ้งอีกที วงแขนใหญ่รีบโอบผมไว้ทันที

“ไม่ต้องกลัวนะครับคุณหนู” หัวใจผมเต้นแรง ไออุ่นจากตัวนาคินทร์ช่วยคลายหนาวให้ผมได้เยอะ เรานั่งนิ่งมองสายฝนไปเรื่อย ๆ จนผมเริ่มเคลิ้ม
 
“คุณหนูครับ” ได้ยินเสียงเรียกแว่ว ๆ มาแต่ไกล

“คุณหนู” มีแรงเขย่าเบา ๆ ด้วย ผมสะลึมสะลือลืมตา มองไปรอบ ๆ ฝนยังคงโหมกระหน่ำอยู่ ฟ้าฝ่าเปรี้ยงปร้าง ดูมันจะไม่สร่างซาเลย

“คุณหนูเผลอหลับไปแน่ะครับ ถ้าง่วง นอนก่อนก็ได้นะครับ ฝนหยุดตกแล้วนาคินทร์จะปลุก”

“เย็นมากแล้วนะ กว่าจะกลับถึงกรุงเทพ ดึกแน่ ๆ”

“ดึกผมไม่ห่วงหรอก ห่วงแต่ถ้าตกหนักมาก ขับรถอันตราย” ผมเห็นด้วย อากาศมันน่านอนจริง ๆ ผมหาวหวอด คลานขึ้นเตียง

แต่ว่า...

ถ้าผมนอนบนเตียง แล้วผ้าห่มล่ะ

“อ้าว แล้วนาคินทร์ล่ะ”

“นาคินทร์นั่งเฝ้าอยู่ข้างล่างนี่แหละ คุณหนูนอนไปเถอะ”

ผมส่ายหัว

“ขึ้นมานอนด้วยกันเลย”

“นาคินทร์ไม่ง่วงและมันไม่เหมาะ”

“ไอ้อย่างหลังไม่ต้องไปสนใจ กว่าฝนจะหยุดตก น่าจะนาน นั่งหนาวแบบนั้นทำไม เร็วเถอะ ตัวนาคินทร์อุ่นดี มาแก้หนาวให้ฉันหน่อย”

“เอ่อ...”

“มาเถอะน่า ผู้ชายเหมือนกัน” ผมอ้างไปเรื่อย ทั้งที่ใจจริงหัวใจกำลังรัวเป็นกลองตี

นาคินทร์ขยับลุก เพราะจังหวะลุกไม่ระวังทำให้ผ้าเช็ดตัวผืนเล็กที่ผูกเอวไว้ร่วงผล็อย เผยบางสิ่งที่ผมไม่คาดคิดว่าจะได้เห็นมาก่อนในสภาพหลับใหล ผมตาโตรีบเสหน้าหลบ ในขณะที่นาคินทร์รีบตะครุบผ้าเช็ดตัวขึ้นมาปิด ผมกัดปากตัวเองเบา ๆ ผิวหน้าร้อนผ่าว

“ขอโทษที่ทำอุจาดครับ ผ้าเช็ดตัวมันผืนเล็กไป”

“มะไม่เป็นไร มันก็เหมือน ๆ กัน”
ผมตอบตะกุกตะกัก มันเหมือนกันจริง ๆ แต่สิ่งที่ต่างกันคือขนาดนี่แหละ

ไซส์คงใหญ่ตามตัว

“รีบมาเถอะ”
ผมเร่ง นาคินทร์ผูกผ้าเช็ดตัวดี ๆ อีกที เดินเหงียม ๆ ขึ้นเตียงมา นาคินทร์เขยิบไปนอนห่างตัวผมพอควร เรียกได้ว่าต่างคนต่างนอนชิดริมผ้าห่มอีกด้าน ผมก็ไม่อยากใกล้ เพราะเดี๋ยวนาคินทร์ได้ยินเสียงหัวใจที่กำลังเต้นแรงของผมอยู่ตอนนี้

ผมขยับพลิกตัวหันหลังให้ ตื่นเต้นขนาดไหนก็ไม่อาจฝืนความง่วงไปได้ ผมผล็อยหลับไปอีกรอบ
 

กระทั่งมาสะดุ้งตื่นอีกทีเพราะเสียงฟ้าร้องที่ดังกระหึ่มจนกระจกสะเทือน ผมลืมตามอง สิ่งแรกที่เห็นคือความมืด มีแสงสว่างจากฟ้าที่แลบ ทำให้ผมเห็นสภาพที่แท้จริงตอนนี้ ก่อนนอนผมจำได้ว่าตัวผมอยู่ห่างนาคินทร์มาก เพราะนาคินทร์นอนไว้ระยะ แต่ตอนนี้เรามาชิดกันแล้ว

ผมยังนอนหันหลังให้เหมือนเดิม แต่ตอนนี้ ผมรู้สึกได้ว่าแผ่นหลังผมแนบติดอยู่กับแผงอกกว้างของนาคินทร์ ร่างทั้งร่างถูกโอบกอดไว้จากคนตัวสูง หัวใจผมแทบหลุดออกนอกเบ้า แผงอกนั้นร้อนผ่าว ผิวเนื้อแนบผิวเนื้อ

เสียงหัวใจของคนด้านหลังเต้นด้วยจังหวะสม่ำเสมอ ได้ยินเสียงฟี้ของลมหายใจเบา ๆ วงแขนแกร่งโอบรัดผมแน่นให้ไออุ่น ผมพยายามสำรวจ ไม่ใช่นาคินทร์เข้ามากอดผมหรอก แต่เป็นผมเองต่างหากที่ขยับมาเบียดนาคินทร์ เพราะตอนนี้ ผมขยับจากฝั่งผมมาจนถึงฝั่งของนาคินทร์แล้ว

ผมไม่กล้ากระดุกกระดิกตัว เพราะไม่รู้ว่านาคินทร์กอดผมไว้เพราะรู้ตัวหรือเปล่า นาคินทร์ขยับกอดผมแน่นขึ้น ผมตาโต แต่เสียงกรนยังคงสม่ำเสมอ แปลว่าทำไปแบบไม่รู้ตัวแน่ ๆ ปากร้อน ๆ นั้นแนบติดอยู่กับผิวเนื้อตรงหัวไหล่ผม

อยากสาปให้ตัวเองหายตัวไป หัวใจผมเต้นรัวยิ่งกว่าเดิม ตอนนี้ร่างของผมมันอุ่นจนร้อนเลยล่ะ



To be Con

:z13:
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 06-10-2016 11:05:53 โดย memew »

ออฟไลน์ goosongta

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1521
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +94/-6
อ๊าย ฟินไปสามโลก

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ kun

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3592
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +122/-10
ไม่จริงอ่ะ
นาคินต้องรู้ตัวจิ เชื่อเถอะ อิอิ

ออฟไลน์ Lyralyn

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 24
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
อร้ายยยยยย เขินนนนน  :mew3:

ออฟไลน์ mystery Y

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7677
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +585/-12
มีโมเม้นท์ฝนตกด้วย ฟินนนนน~

ออฟไลน์ arij-iris

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2904
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +30/-5
อนุชาใจร่มนะ อย่าเผลอตัวไปปล้ำนาคินทร์เข้าล่ะ :hao7: :hao7:

ออฟไลน์ ♥lvl♀‘O’Deal2♥

  • หานิยายถูกใจยากจัง!
  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2665
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +176/-4
เขินค่ะ เขินนนนน

ออฟไลน์ ♥►MAGNOLIA◄♥

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7518
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +193/-11
ชอบบบบ  นาคินทร์ อนุชา :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:
น่าจะมีใจให้กันทั้งคู่ :mew1: :mew1: :mew1:
รอ มาต่อไวๆ นะ  :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:

ออฟไลน์ Dolamon

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 176
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
อ๊ายยยยย แค่นอนด้วยกันก็ทำให้เขินไดขนาดนี้
หวานมากกกกกก :impress3: :impress3: :impress3:

ออฟไลน์ Bellze12

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 501
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +9/-0
อ่านแล้วเขิลจุง
อบอุ่นมากๆเลยคุณคนสวน

ออฟไลน์ silverspoon

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2426
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +275/-12
ชื่อตัวละครนี่ parody ชื่อตัวละครชายจากเพชรพระอุมาป่าวคะ

สนุกค่ะ ใสๆกันทั้งพระ นาย แต่คนอ่านไม่ใส555  :hao6: เชียร์ให้เขาได้กัน

ออฟไลน์ memew

  • ขอบคุณที่เข้ามาอ่านจ้าาา
  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 456
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +382/-10
    • :: Memew แฟนเพจ :
เรื่อง : Feel คนเจ้าอารมณ์
คู่ที่ 4 : #นาคินทร์อนุชา
เขียนโดย : +Memew+
+CHAPTER 06 : ลิฟท์ค้าง & ยั่วเบา ๆ

ไม่รู้ผมนอนหัวใจไหวแรงแบบนั้นอยู่นานแค่ไหน จากความตื่นเต้นที่แทบจะหมดลมหายใจ มันก็คลายลงเรื่อย ๆ ผมไม่ได้ขยับร่างกายใด ๆ ให้นาคินทร์รู้สึกตัว

ผมเคยนึกสงสัย ว่าการอยู่ในอ้อมแขนผู้ชายมันจะไม่ขยะแขยงเหรอ

ตอนนี้ผมได้คำตอบแล้ว

มันไม่ได้รู้สึกขยะแขยงเลย ตรงกันข้าม ผู้ชายคนนี้กำลังทำให้ผมอดรนทนไม่ไหว ผมไม่อยากคิดลึก แต่สัญชาตญาณบางอย่างถูกปลุกให้ตื่นขึ้น ผมพยายามข่มจิตข่มใจ

นาคินทร์คงกอดผมโดยไม่รู้ตัว คงเพราะแสวงหาไออุ่นเหมือนกัน แต่ตอนนี้ผมกำลังคิดอกุศลกับคนที่รักและซื่อสัตย์กับผมอย่างเจ้านายกับบ่าว

ให้ตายสิ

ผมพยายามข่มจิต นึกถึงอะไรก็ได้ที่จะมาดับความร้อนที่โหมหนักอยู่ตอนนี้ ปากได้รูปขยับไซ้หัวไหล่ผมเบา ๆ ผมนอนตัวเกร็ง

นี่นาคินทร์ตื่นแล้วเหรอ!

แล้วทุกสิ่งก็นิ่งลงแค่นั้น

ใจเย็นอนุชา ใจเย็น นาคินทร์แค่ต้องการหาไออุ่นเท่านั้น ผมพยายามข่มใจให้หลับ กระทั่งความง่วงเข้ามาเยือนอีกรอบ 





“คุณหนูครับ”
ได้ยินเสียงแว่ว ๆ และแรงเขย่าอีกรอบ

ผมลืมตามอง

“ตีห้าแล้ว ตีรถเข้ากรุงเทพตอนนี้ก็ไปทำงานทันนะครับ”

ผมขยับตัวลุกนั่งอย่างเคยชิน ผ้าห่มรูดลงจนหน้าอกโผล่ ความร้อนวูบผ่านผิวหน้าผมไป ภาพบางอย่างฉายชัด นาคินทร์เมินหลบไปทางอื่น เขาแต่งตัวแล้วเรียบร้อย

“เสื้อผ้าแห้งแล้วเหรอ”

“ยังไม่สนิทหรอกครับ”

ผมยกผ้าห่มมากอดคล้ายกับมันจะหนาว แต่จริง ๆ คือปิดบังร่างกายต่างหาก ผู้ชายด้วยกันไม่ควรอาย แต่ผมอายนาคินทร์จริง ๆ

“ลางานต่ออีกวันละกัน รู้สึกเพลีย ๆ ไงไม่รู้”
นาคินทร์รีบขยับเข้ามาชิด ขมวดคิ้ว

“ผมก็ลืมไป น่าจะให้คุณหนูกินยา คุณหนูนอนก่อนนะ ผมจะไปสั่งอาหารพร้อมยามาให้ จะโทรบอกเลขาให้ด้วย”

ผมพยักหน้ารับ ทิ้งตัวลงนอนอีกรอบ ผล็อยหลับไป ตื่นอีกทีเมื่อได้ยินเสียงปลุก ผมลืมตามอง รู้สึกได้ถึงลมหายใจร้อน ๆ ของตัวเอง แต่ไม่มาก

ไข้กินของแท้เลย

“กินข้าวก่อนคุณหนู”
ผมพยักหน้ารับ ลุกนั่ง นาคินทร์กระชับผ้าห่มให้ ผมตักข้าวกินจนหมด ตามด้วยยา แล้วทิ้งตัวลงนอน

“โทษที เลยทำให้นาคินทร์พลอยเสียการเสียงานไปด้วย”

“สุขภาพคุณหนูสำคัญกว่า อย่าห่วงเลยครับ พักผ่อนเถอะ”

ผมหลับไปอีกรอบอย่างง่ายดาย ตื่นอีกทีเกือบเที่ยง ท้องฟ้าโปร่งแล้ว แดดอย่างเปรี้ยง สภาพผิดกันลิบลับกับเมื่อวานราวฟ้ากับเหว อาการผมดีขึ้น คนร่วมห้องผมหายไป สักพักก็ได้ยินไขกุญแจ ผมหันไปมอง

“ตื่นนานแล้วหรือครับคุณหนู”

“เมื่อกี้”

“ผมซื้อข้าวมาให้ เอาชุดคุณหนูไปให้เขาซักแห้งแบบด่วนมาด้วย”       
นาคินทร์ล้วงหยิบชุดจากถุงพลาสติกใส ๆ วางลงบนโต๊ะข้างหัวเตียง มันถูกรีดเรียบร้อย หอมฉุยเลย

“ส่วนนี่นาคินทร์ซื้อมาให้ใหม่”
ผมหัวเราะทันทีที่เห็น มันเป็นรองเท้าหูหนีบครับ สีฟ้าสดใสเลย

“เก๋ดี ขอฉันแต่งตัวก่อน”
ผมขอเสียงเบา นาคินทร์รีบหันหลังให้ทันที

คือจริง ๆ ว่าจะเข้าห้องน้ำ แต่เมื่ออีกคนทำแบบนี้ก็ง่ายดี ผมหยิบกางเกงในมาใส่ก่อน ใส่มันใต้ผ้าห่มนั่นแหละ ต่อให้นาคินทร์หันหลัง ผมก็ยังรู้สึกอาย ๆ อยู่ดี ตามติดด้วยกางเกงและเสื้อ

“เรียบร้อย”

นาคินทร์หันมามอง

“เอาละครับ ทานข้าวเถอะ”
นาคินทร์วางชามข้าวไว้ให้ คงขอมาจากทางที่พัก ผมขยับไปนั่งกินดี ๆ

“แล้วนาคินทร์ล่ะ”

“ผมเรียบร้อยแล้ว”

ผมพยักหน้า ซัดจนเกลี้ยงชามตามด้วยยา ร่างกายฟื้นเร็วกว่าที่คิด

“คุณหนูจะกลับเลยหรือว่าจะพักต่อ”

ผมนิ่งคิด

“กลับเลยดีกว่า อยู่นี่ลำบากนาคินทร์ดูแล กลับบ้านมีคนช่วยดูแลเยอะ”

นาคินทร์จ้องหน้าผม

“นาคินทร์เต็มใจและรู้สึกยินดีอย่างยิ่ง”

ผมคลี่ยิ้ม ไม่แน่ใจด้วยซ้ำว่าเรื่องที่ผมโดนกอด มันแค่เพ้อเพราะกำลังจะเป็นไข้หรือเกิดขึ้นจริง ๆ

“กลับนั่นแหละ พรุ่งนี้จะได้ไปทำงาน ลามาสองวันแล้ว มันจะดูไม่ดี”

นาคินทร์พยักหน้ารับ บ่าย ๆ เราก็ตีรถกลับ

กลับถึงบ้าน อาหมอแวะมาตรวจร่างกายผมนิดหนึ่ง หลังได้ข่าวว่าผมโดนฝนกระหน่ำ แต่ไม่เป็นไรมาก

“หัวแข็งแบบเราป่วยก็เป็น”

“ลองไปโดนบ้างไหมอาหมอ ซัดอยู่ตั้งนาน”
อาหมอหัวเราะร่วน ฉีดยาบำรุงให้ผมอีกเข็ม

“เอาล่ะ ได้ไอ้นี่เข้าไป รับรอง ดีดไปอีกเจ็ดวัน”

“ยาบำรุงหรือยาบ้า”

“ยาบ้า เอ้ย ยาบำรุง”
แน่ะ มีเล่นมุก
 




ผมอยู่บ้านนั่ง ๆ นอน ๆ รวมกับบรรดาแม่ ๆ ร่างกายผมเบาขึ้นเยอะ ผมเดินออกจากห้องเลียบเคียงไปทางโรงเลื่อย เห็นนาคินทร์กำลังยืนหันหลังอยู่ข้างโอ่งน้ำ

มันสูงเท่าสะโพกนาคินทร์ ตรงหน้ามีเสาสีดำมอ ๆ เก่า ๆ มีตาปุ่มตาป่ำและไม้เลื้อยบางอย่างขึ้นเกาะ กึ่งกลางของเสานั้นระดับหน้าของนาคินทร์พอดีมีกระจกใบเล็ก ๆ แขวนอยู่ สภาพมันเก่ามากแล้ว กรอบถูกโอบไปด้วยสนิม    พอ ๆ กับตัวกระจกที่มันหลุดลอกจนแทบจะมองไม่เห็นสิ่งที่สะท้อนกลับมา

ผมเดินเข้าไปใกล้ แต่นาคินทร์คงไม่ได้ยินหรือยังไม่รับรู้การมาของผม ผมยืนมองงง ๆ นาคินทร์ใช้ขันสแตนเลสบุบ ๆ เก่า ๆ จ้วงตักน้ำยกขึ้นลูบหน้า หยิบสบู่นกแก้วบนที่วางสบู่ที่ทำจากไม้มาฟอกจนฟองฟูขาวเต็มมือ ลูบไปทั่วลำคอ แนวกรามและหนวด

สงสัยกำลังจะโกนหนวด ผมยิ้ม ยืนมองนิ่ง ๆ ไม่อยากรบกวนสมาธิ

นาคินทร์หยิบมีด ที่ดูยังไงมันก็เป็นมีดที่ผมเคยเห็นเขาเอาไว้ตัดพวกกิ่งไม้เล็ก ๆ ในสวน ลูบคมด้วยนิ้วนิดหนึ่งเพื่อเช็ก แล้วลากแกรก ๆ ลงบนผิวหน้า

ผมอ้าปากค้าง…

ยืนมองด้วยความหวาดเสียว ผมแทบไม่กล้ากระดุกกระดิกตัว เพราะกลัวว่าเผลอไปเหยียบพวกใบไม้หรือกิ่งไม้เข้าจนทำให้นาคินทร์หันมามองแล้วมีดบาดคอ

พอนาคินทร์เลื่อนมีดลงเพื่อล้างน้ำรอบแรก ผมรีบตะโกนเรียกเรียกความสนใจทันที นาคินทร์หันมามอง เขาโกนไปได้แค่เสี้ยวเดียวเท่านั้น

“คุณหนู”

“ใช้อะไรโกนหนวด”

“ก็มีดไงครับ”

“ทำไมไม่ใช้ที่โกนหนวด”

นาคินทร์ขมวดคิ้ว

“นาคินทร์ไม่มีของพรรค์นั้นหรอก ไม่จำเป็นด้วย ไอ้นี่ก็ได้ ฝนจนมันคมกริบแล้ว”

“มันคมเกินไปน่ะสิ อันตราย เกิดลากผิดลากถูกเฉือนลูกกระเดือกตัวเองทำไง วางมีดลง ล้างหน้าให้เรียบร้อยแล้วตามฉันมานี่”

“ไปไหนครับ”

“ตามมาเถอะน่า”
ผมไม่อธิบายอะไรต่อ

“ครับ ๆ แต่เดี๋ยวขอนาคินทร์ล้างสบู่ออกก่อน”
นาคินทร์รีบหันไปตักน้ำล้างหน้า พอหันมาอีกทีก็เห็นแนวเคราไร ๆ ผมเดินนำนาคินทร์เข้าไปภายในบ้าน ในห้องรับแขกไม่มีใครอยู่แล้ว เดินตรงขึ้นห้องผมไป นาคินทร์หันซ้ายหันขวามองไปรอบ ๆ ห้องผม 

“ห้องคุณหนูน่ารักดี หอมด้วย”

ผมพยักหน้าไม่ใส่ใจ บอกให้ยืนรอ ผมเดินเข้าไปคุ้ยหาอะไรในตู้เก็บข้าวของส่วนตัว หยิบเครื่องโกนหนวดอัตโนมัติสำรองที่ผมมีอยู่มายื่นให้

“อะไรครับเนี่ย”

“เครื่องโกนหนวดอัตโนมัติ”

“โอ๊ย ไม่เอา นี่มันของเจ้านาย”

“ฉันมีหลายอัน”

นาคินทร์ส่ายหัว

“นาคินทร์ใช้ไม่เป็น”

ผมหัวเราะ พยักหน้าให้เดินตาม นาคินทร์ตามมาเงียบ ๆ ตรงเข้าไปในห้องน้ำกับผม ผมสั่งให้นาคินทร์ล้างหน้า รายนั้นก็ทำตาม ผมบีบโฟมใส่มือเขา สั่งให้ถูจนเกิดฟองแล้วโปะไปรอบหน้า เหมือนที่เขาทาด้วยสบู่นกแก้วนั่นแหละ 

นาคินทร์ทำตามทุกขั้นตอน แล้วผมก็ยื่นเครื่องโกนหนวดให้ สอนวิธีเปิดวิธีปิด และวิธีใช้

“รับรองได้ว่าไอ้นี่ไม่มีทางทำหน้านาคินทร์เป็นแผลแน่”

นาคินทร์จับมันถือในมืออย่างเงอะ ๆ งะ ๆ แต่สักพักก็ชินมือ ผู้ชายครับ ของพวกนี้สอนกันไม่ยากหรอก อีกอย่างนาคินทร์ก็ใช่ว่าจะโง่ แค่ถ่อมตัวจนเกินเหตุเท่านั้น ไม่ถึงนาทีก็เกลี้ยงหน้าแล้ว

“ใช้ดีแฮะ”

“ใช่ไหม เพราะงั้นเอาไปเลย”

“แต่…”

“เลิกขัดแล้วเอาไป เอานี่ไปด้วย เผื่อมันงอแงจะได้มีสำรองใช้”
ผมเปิดตู้ในห้องน้ำหยิบที่โกนหนวดแบบมือลากมายื่นให้อีกอัน พร้อมใบมีดสำรองอีกหนึ่งกล่อง

“ใช้เป็นไหม”

นาคินทร์ส่ายหัว ผมก็ยืนสอนกันตรงนั้นแหละ

“มิน่า ปล่อยให้หนวดเครายาว เพราะไม่รู้จักของพวกนี้นี่เอง ปกติแต่ก่อนจัดการยังไงกับหนวดเคราตัวเอง”

“ไม่มีดก็กรรไกรตัดผ้า ไม่ก็กรรไกรตัดแต่งกิ่งไม้ตัด คมดี เล็มต้นไม้เสร็จก็มาเล็มเคราตัวเองต่อ”

ผมแทบเป็นลม เพิ่งเคยเห็นคนที่ทำอะไรติดดินขนาดนี้

“เอาล่ะ ๆ ใช้ไอ้นี่ไป ส่วนอันนี้ ถ้าใบมีดทื่อ ให้มาขอใหม่หรือให้ยัยหนูแดงไปซื้อ ยี่ห้อก็ให้ยัยหนูแดงดู ยัยหนูแดงอ่านออก เอานี่ไปด้วย อย่าใช้สบู่”
ผมยกครีมโกนหนวดให้ไปด้วยหนึ่งหลอด

“คุณหนูครับ”

“อย่าขัด”
คำนี้ได้ผลเสมอ นาคินทร์หุบปากลง ผมเดินไปเปิดเก๊ะหยิบถุงมาใส่ให้เพราะของมันหลายชิ้นกลัวตกหล่น

“ขอบคุณนะครับที่ดูแลมันดี”

ผมเงยหน้ามองคนพูด นาคินทร์พยักหน้าไปทางต้นรักที่ผมวางไว้ริมหน้าต่าง หน้าร้อนผ่าวขึ้นมาทันที

“เจ้าของเขาอุตส่าห์ตั้งใจทำให้ ต้องดูแลดีเป็นพิเศษ”

นาคินทร์ยิ้มละมุน ผมพานาคินทร์เดินออกจากห้องลงไปข้างล่าง ระหว่างทางสวนกับชยันต์ ชยันต์มองหน้าผมกับนาคินทร์ มองไปมองมา แล้วยิ้มในดวงตา

[ต่อ 50%]
“มีไร” ผมถามน้องงง ๆ “มองหน้าหาเรื่อง?”

“เปล๊า ถึงว่า…”

“ถึงว่าอะไร”

“ทำไรกัน”
ชยันต์ไม่ตอบ แต่แถถามไปเรื่องอื่น

“พี่เอาที่โกนหนวดให้นาคินทร์ หมอเล่นใช้มีดตัดกิ่งไม้โกนหนวดโกนเครา ไม่เฉือนลูกกระเดือกเลือดกระฉูดก็บุญแล้ว”

“มิน่าล่ะ นาคินทร์หล่อขึ้นเป็นกองเพราะพี่อนุชานี่เอง”
อยู่ ๆ ชยันต์ก็รัวภาษาอังกฤษใส่ผม แล้วหันหลังเดินขึ้นห้องไป

นาคินทร์หันมามองหน้าผมงง ๆ

ผมหน้าร้อนผ่าวไปกับคำน้อง ไม่รู้เด็กนั่นมันจะมองออกไหมว่าผมมีอะไรแอบแฝงในจิตใจ สงสัยต้องอยู่ให้ห่างนาคินทร์ให้มากแล้ว ไม่งั้นฉุดใจกลับไม่ทันแน่ ๆ

“คุณหนูครับ ยังรู้สึกไม่สบายอยู่เหรอ หน้าแดงใหญ่แล้ว”
อยู่ ๆ นาคินทร์ก็ขยับเข้ามาใกล้ อังหลังมือไว้บนหน้าผาก “ผมว่าคุณหนูขึ้นไปนอนดีกว่า ผมเดินกลับเองได้ ขอบคุณสำหรับที่โกนหนวด”

ผมพยักหน้า เพราะกำลังสั่งใจไม่ให้เข้าใกล้ แต่ขาเจ้ากรรมกลับทรยศหักหลัง ก้าวตามนาคินทร์ไปเฉย นาคินทร์ชะงัก หันมามอง

“ฉะ ฉันอยากไปเดินสูดอากาศอีกนิด”
ผมหาข้ออ้าง

“แน่ใจนะครับว่าไหว”
ผมพยักหน้ารัว ๆ นาคินทร์มีสีหน้าห่วงใย แต่ก็พยักหน้าช้า ๆ พาผมตรงไปทางหลังบ้าน เจ้าปุโรทั่งถูกย้ายมาไว้ในโรงจอดรถเคียงกับเจ้าเด็กใหม่ รัศมีดูจะต่างกันราวฟ้ากับเหว

“ต่างกันมากเลยใช่ไหมครับ เจ้าปุโรทั่งนั่นเหมือนผม ส่วนนั่นคือคุณหนู”
นาคินทร์พูดเรียบ ๆ ผมไม่ได้โต้ตอบอะไร แกล้งทำเป็นเดินเล่นไปเรื่อย ๆ

นาคินทร์ขอตัวไปทำงานของตัวเองต่อ ซึ่งผมก็ไม่ขัด เดินเล่นไปรอบ ๆ โรงเลื่อย แล้วมานั่งจุ้มปุ๊กบนม้านั่งยาวตรงหน้านาคินทร์ ข้าง ๆ มีหนังสือเกี่ยวกับการแต่งสวนและบ้านวางไว้ ดูแล้วน่าจะเป็นพวกหนังสือมือสองมากกว่าของใหม่ ผมพลิกเปิดดูเพลิน ๆ 

“โอ๊ย!”

ผมรีบละสายตาจากหนังสือเงยหน้ามอง เห็นนาคินทร์กำลังกดนิ้วเพราะอะไรสักอย่างอยู่ ผมรีบวางหนังสือลงถลาเข้าไปหา

“เป็นไร!”

“ไม่มีอะไรครับคุณหนู ผมแค่ซุ่มซ่ามเผลอตอกนิ้วตัวเองเท่านั้น”

“บ้ารึไง ไหนดูซิ”

“ไม่เป็นไรครับ”
นาคินทร์พยายามเบี่ยงมือหนี ผมไม่ฟังเสียงเหมือนกันดึงมือนั้นมาดู

โห มันเขียวอย่างเห็นได้ชัดเลย ผมมีความรู้เรื่องการปฐมพยาบาลพวกนี้บ้าง วิ่งไปที่ตู้เย็นเอาน้ำแข็งมาห่อผ้าแล้วประคบลงบนนิ้วนั้น 

“ทำงานอีท่าไหนให้โดนได้เนี่ย”
ผมบ่นใส่เบา ๆ นาคินทร์ไม่พูดอะไร ปล่อยให้ผมคลึงมือนั้น ผมพยายามทำอย่างเบามือที่สุด

“คุณหนูครับ เอ่อ… ผมว่าคุณหนูติดกระดุมเสื้อหน่อยก็ดีนะครับ แถวนี้ยุงชุมเดี๋ยวโดนยุงกัด”

ผมมองคนพูดงง ๆ ก่อนก้มมองหน้าอกตัวเอง เสื้อที่ผมใส่เป็นเสื้อเชิ้ตเนื้อสบายที่เป็นแบบใส่เล่นก็ได้นอนก็ได้ ถ้าวันไหนอากาศร้อนมาก ๆ(หรือไม่ได้เปิดแอร์ในห้อง) ผมจะไม่กลัดกระดุมสองสามเม็ดบน ตอนนี้มันเปิดอ้าตามปกติของมัน

แต่พอก้มมองแบบนี้ก็แอบเห็นเหมือนกันว่าหัวนมโผล่ ไม่รู้ว่านาคินทร์จะเห็นไหม แต่ถึงเห็นจริง ๆ ก็คงไม่สนใจหรอก

ผมทำตามคำแนะนำของอีกคน ผมรู้ว่านาคินทร์ติงเพราะความเป็นห่วง พอกลัดครบก็เอายาหม่องมาทาให้

“เป็นเกียรติจัง ที่คุณหนูลดตัวมาทำให้ผมแบบนี้”

“นายนี่นะ นี่มันยุค 2000 นะนาคินทร์ ไม่ใช่ยุคทาส”

“ไม่ว่าจะยุคนี้หรือยุคไหน นาคินทร์ก็จะยอมเป็นทาสคุณหนูร่ำไป”
ผมมองคนพูด รู้สึกภูมิใจในอกลึก ๆ

“พูดจริงหรือเปล่า”

“จริงครับ”

“เจ้านายสั่งอะไรก็จะทำตามใช่ไหม”

“ครับ”

ผมอมยิ้ม ก้มลงเป่าเพี้ยงลงไปบนมือนั้น ทำไปงั้นแหละ เวทย์มงเวทย์มนต์คาถาอาคมอะไรไม่มีหรอก แต่เห็นย่ายายทำบ่อย ๆ ตอนผมวิ่งซนหกล้มแข้งขาเป็นรอย

“หายเร็ว ๆ นะ”
ผมกำชับอีกรอบ มันก็แค่จิตวิทยาหลอกเด็ก ซึ่งผมไม่รู้ว่ามันจะได้ผลกับผู้ชายที่อายุมากกว่าผมไปมากโขอย่างนาคินทร์ไหม นาคินทร์ยืนมองอึ้ง ๆ แต่ไม่พูดหรือแซวอะไร ก้มหน้า ผมปล่อยมือนั้นลง นาคินทร์ค่อย ๆ ชักมือไปกุมไว้ 

“นาคินทร์ว่าคุณหนูรีบไปพักผ่อนดีกว่า ตกดึก ยุงเริ่มมา นาคินทร์ไม่อยากให้ผิวสวย ๆ ของคุณหนูต้องเป็นรอย”

“นี่ ฉันผิวต่างจากนายตรงไหน”

“ต่างครับ ผิวคุณหนูไม่หยาบกระด้างแบบผิวคนงานอย่างนาคินทร์”

“แต่ฉันกลับชอบผิวของนาคินทร์มากกว่า ผิวอย่างผู้ชาย”
ผมชมจากใจจริง นาคินทร์มองตา เสหลบ ผมไม่อยู่กวน เดินกลับขึ้นห้องไป

ผมมาล้มตัวนอนกลิ้งบนเตียง นึกถึงอ้อมกอดเมื่อคืนแล้วมันรู้สึกอบอุ่นพิลึก หนำซ้ำยังมีความรู้สึกร้อนผ่าวที่เกิดขึ้นอย่างไม่ตั้งใจนี้อีกต่างหาก









รุ่งเช้าผมก็แต่งตัวพร้อมไปรบ เอ้ย ไปทำงาน เพราะเป็นเด็กเดินเอกสาร ผมจึงใส่เสื้อเชิ้ตสีขาว ไม่ติดแบรนด์ กางเกงสแล็กรองเท้าหนังยี่ห้อถูก ๆ ทั่วไป ผมเซตธรรมชาติ

ผมยิ้มให้ตัวเองในกระจกนิดหนึ่ง ลงไปนั่งกินข้าวรวมกับทุกคน

“นี่ ได้ข่าวว่าไปติดฝนค้างอยู่บางแสนกับนาคินทร์มาเหรอ”
ชยันต์ถาม ผมครางอื้อรับในลำคอตักข้าวเข้าปาก

ชยันต์ไม่ถามอะไรต่อ หัวเราะคิกอยู่คนเดียว แล้วหันไปสวีทกับพี่เชนทร์ ผมไม่ได้สนใจใคร พอเรียบร้อยก็เดินออกไปเพื่อขึ้นรถ นาคินทร์ขับรถออกมารอแล้ว วันนี้ก็เท่เหมือนเคย

“มือเป็นไงบ้าง”

นาคินทร์ไม่ตอบ ยกให้ดู มันยังเขียวเหมือนเดิม

“ทายารึยัง”

“ไม่ได้ทาแล้วครับ มันไม่เจ็บมาก”

ผมส่ายหัว ล้วงหยิบอะไรออกมายื่นให้

“อะไรครับ”

“ยาทาแก้เขียวช้ำ ของอาหมอ รับรองพรุ่งนี้ก็หายดี”
ผมไม่รอให้อีกคนอ้าปากปฏิเสธ ดึงยาคืน เปิดฝาบีบเนื้อครีมขาว ๆ ใส่นิ้วกลาง จับมืออีกคนมาทาให้จนทั่ว

“คุณหนูดีกับนาคินทร์มาก”

“นี่ นายคือคนขับรถฉันนะ ขืนมือเจ็บ ไม่พาฉันเหาะไปจูบเสาไฟฟ้ารึไง”

“แค่นิ้วครับ ส่วนอื่นยังกระดิกได้อยู่”

ผมแอบคิดลึกไปแวบหนึ่ง รู้สึกหน้าร้อนวูบวาบ แต่พยายามไม่คิดอะไรต่อ พอทายาเสร็จ ก็เดินไปที่รถนาคินทร์เปิดประตูให้ ผมขึ้นไปนั่งประจำตำแหน่ง นาคินทร์ขึ้นมานั่ง ผมหันไปทางเจ้าปุโรทั่งที่จอดไว้ฝั่งผมพอดี ค่อย ๆ กดลดกระจกลง 

“ปุโรทั่ง เฝ้าบ้านนะ เดี๋ยวเย็น ๆ พ่อแกก็กลับมาหาแล้ว”

นาคินทร์หัวเราะ สตาร์ทเครื่อง ผมเลื่อนกระจกขึ้น นั่งดี ๆ มุ่งตรงเข้าบริษัท ผมบอกทุกคนว่าป่วย ซึ่งทุกคนก็ดูจะเชื่อ เพราะวันนี้หน้าผมดูซีดลงนิดกว่าปกติ(ปกติปากส้มอย่างคนสุขภาพดี)

“โหมงามหนักไปหรือเปล่า”
คุณเอกสิทธิ์เข้ามาถาม ไม่ถามเฉยยังแตะมือลงบนผิวแก้มผมด้วย

“นิดหน่อยครับ”
ผมโกหกไป







พอพักเที่ยง ผมก็วิ่งลิ่ว ๆ ขึ้นไปบนดาดฟ้า เห็นนาคินทร์กับคนงานขะมักเขม้นทำงานกันเหมือนเดิม วันนี้ดูนาคินทร์จะลุยงานหนัก เหงื่อไคลไหลย้อยจนเสื้อที่ใส่มาเปียกไปหมด

“นาคินทร์” ผมตะโกนเรียก นาคินทร์เงยหน้ามอง “เที่ยงแล้ว กินข้าวเถอะ”

“สักครู่ครับ”
แล้วนาคินทร์ก็วางถุงดินลงกับพื้น หันไปสั่งคนงาน สามคนนั้นพยักหน้า วางมือจากงานที่ทำ แยกไปอีกทาง ในขณะที่นาคินทร์เดินตรงมาทางผม เหงื่อเปียกจนเหมือนคนเพิ่งผ่านการอาบน้ำทั้งเสื้อผ้ามาใหม่ ๆ นาคินทร์ใช้แขนเสื้อที่เปียกพอกันเช็ดเหงื่อที่กำลังร่วงลงมาจะเข้าตา

“ไม่หาผ้าขนหนูเล็ก ๆ สักผืนไว้เช็ดเหงื่อล่ะ”
ผมแนะ

“ปกติก็มีครับ แต่นาคินทร์เอาไปใช้รองไอ้นั่นแล้ว”

ผมมองตามมือที่ชี้ไปยังกระถางต้นไม้ต้นหนึ่งที่ถูกหนุนด้วยผ้าขนหนูผืนเล็ก ๆ ผมส่ายหน้า เห็นอีกคนพยายามใช้หลังมือปาดเอาเหงื่อออก ผมล้วงหยิบผ้าเช็ดหน้าตัวเองออกมาถือ

“อย่า คุณหนู นาคินทร์ไม่อยากให้คุณหนูเสียผ้าเช็ดหน้าอีกผืน”

“อย่าขัดคำสั่ง”

“คุณหนู”

“ยืนนิ่ง ๆ”
ผมสั่งอีกรอบ นาคินทร์ทำหน้าพิพักพิพ่วน แต่ก็ยอมยืนนิ่ง ๆ ให้ ผมเช็ดไปทั่วตั้งแต่หน้าผากไล่ลงมาถึงลำคอและแผงอก จนผ้าเช็ดหน้าเปียกโชก ผมดึงมือกลับ กำลังจะเอาเก็บใส่กระเป๋ากางเกงตามเดิม แต่นาคินทร์หยุดมือผมไว้ ไม่รู้ว่าเพราะรีบหยุดมือผมไว้หรือเปล่า ตอนนี้มือนาคินทร์จึงกุมมือผมไว้แน่น

ผมนิ่ง นาคินทร์ก็นิ่ง…

ยกเว้นใจนี่แหละที่ไม่นิ่งเหมือนมือ มือใหญ่นั้นอบอุ่นมาก ๆ

“มันเปียกแล้วครับ”

“ฉันไม่คิดจะให้นาคินทร์หรอกนะ”

นาคินทร์ส่ายหัว

“ให้นาคินทร์เอาไปซักให้ดีกว่า”

ผมส่ายหัวบ้าง

“ฉันมีแม่บ้านนะนาคินทร์ อยากให้พวกนั้นตกงานรึไง”
นาคินทร์ไม่เถียงอะไรอีก ค่อย ๆ คลายมือผมลง ผมชวนให้เขาไปนั่งกินข้าวด้วยกัน ข้าวกล่องอยู่ที่นาคินทร์หมดแล้ว 

ได้กลิ่นน้ำหอมที่นาคินทร์ใช้ผสมเข้ากับกลิ่นเหงื่อของนาคินทร์ มันทำให้ใจผมไหวเต้นรุนแรงมากขึ้น เลือดพ่อในตัวผมเริ่มทำงาน แต่ก็พยายามสั่งใจไม่ให้คิดอะไร

นั่งกินกันไปสองคนเงียบ ๆ นาคินทร์เรียนรู้ที่จะไม่เกรงใจเวลากินข้าวกับผมแล้ว เมื่อผมบอกให้กินด้วยกันก็กินด้วยกัน มันทำให้รสชาติอาหารของเราอร่อยขึ้น ผมบอกนาคินทร์ว่าบอกคนในแผนกว่าผมมาทำงานพิเศษบนดาดฟ้ากับนาคินทร์ที่นี่ตอนเที่ยง
 
ใช้เวลากินไม่นานก็อิ่ม ผมเจริญอาหารมากกว่าที่คิด นาคินทร์เก็บของ ล้างมือ ลุกไปทำงานต่อตามสไตล์คนบ้างาน ผมไม่ห้าม นั่งเท้าคางมองเฉย วันนี้เห็นเค้าโครงได้มากขึ้น เขาเอาต้นไม้มาส่งแล้วด้วย คนงานยังไม่พากันขึ้นมา คงจะขึ้นมากันตอนบ่ายโมง ตอนนี้จึงมีแค่ผมกับเขา ผมเห็นท่าน่าสนุก เดินเข้าไปช่วย

“มือเปื้อนหมดคุณหนู”

“งั้นเอาถุงมือมาสิ”
ผมขอดื้อ ๆ นาคินทร์เหมือนไม่อยากทำ แต่ก็ขัดใจไม่ได้ หันไปหยิบถุงมือคู่ใหม่มายื่นให้ ผมช่วยขนต้นไม้ แดดตอนเที่ยงอย่างเปรี้ยง

“พอแล้วครับ คุณหนู แดดแรง”

“แค่นี้เอง”
ผมบอกเสียงหอบ เหงื่อไคลไหลย้อย นาคินทร์มองมาด้วยแววตาสงสาร

“ไม่เอาครับ นาคินทร์ไม่อยากให้คุณหนูลำบาก ไม่เห็นแก่ตัวเอง ก็เห็นแก่นาคินทร์เถอะ นาคินทร์ทนไม่ไหวจริง ๆ”
ผมมองคนตรงหน้าอึ้ง ๆ นาคินทร์ดึงผมเดินไปเข้าในร่ม ค่อย ๆ ถอดถุงมือให้ทีละข้าง หยิบหมวกมาพัดหน้าให้คลายความร้อน เกลี่ยเส้นผมที่เปียกชื้นตรงหน้าผากออกให้เบา ๆ ผมมองทุกการกระทำนั้นด้วยหัวใจที่เปี่ยมไปด้วยความปลื้มปิติ 

ผมพยายามตัดใจจากคนคนนี้ แต่ทุกการกระทำของนาคินทร์ แม้จะรู้ว่าในฐานะนายกับบ่าว แต่มันก็ทำให้ผมอดดีใจไม่ได้จริง ๆ

เขายืนพัด ผมไม่ขัดการบริการนั้น ยืนหลับตานิ่ง เอียงคอเพราะมันรู้สึกสบายจริง ๆ ก่อนลืมตาเพราะรู้สึกว่ามีบางสิ่งแตะลงบนริมฝีปาก นาคินทร์รีบดึงมือออก ผมมองงง ๆ มีอะไรติดปากผมรึไง

“ผมว่าคุณหนูลงไปข้างล่างดีกว่า ใกล้หมดเวลาพักเที่ยงแล้ว”

ผมพยักหน้า ได้ยินเสียงมือถือนาคินทร์ดังเบา ๆ ผมหันไปมองตามอย่างอยากรู้อยากเห็นตามประสา

“ครับ อืม เดี๋ยวลงไปรับ”

“มีอะไรเหรอ”

“เขาเอาของมาส่งครับ ผมจะลงไปเอาของก่อน เจอกันตอนเย็นครับ”

“ยังพอมีเวลา ให้ฉันไปช่วยดีกว่า ไปตอนนี้ยังไม่มีใครมาหรอก กว่าจะเข้ามากันครบก็นู่น บ่ายโมงครึ่ง”

“อย่าเลยครับ”

“นาคินทร์” ผมติง

“ครับ”
นาคินทร์รับปากอย่างเสียไม่ได้ เดินไปยังลิฟท์ขนของ กดลงไปชั้นล่างสุด

[ต่อ 100%] ต่อค่ะ >>http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=54278.msg3434201#msg3434201
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 27-07-2016 16:16:23 โดย memew »

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด