BROTHER CH.01
สวัสดีครับ ผมชื่อไทม์ เป็นเด็กหนุ่มเดินดินกินข้าวแกงธรรมดา มีชีวิตธรรมดา หน้าตาธรรมดา ทุกอย่างธรรมดาหมด ยกเว้นอยู่อย่างเดียวที่ไม่ธรรมดาคือมีพี่ชายเป็นเทวดา
เขาชื่อทัศน์ครับ หรือพี่ทัศน์ที่ผมใช้เรียกประจำ
“จัดการให้หน่อย” มาถึงพี่แกก็ยื่นเงินมาให้ตรงหน้าพันหนึ่ง ผมมองเงินนั้น ก่อนเงยหน้ามองคนให้อีกที
“เรื่อง?” ผมถามกลับสั้น ๆ
“ผู้หญิง”
ผมถอนหายใจแรง ค้ำไม้ถูพื้น รับเงินมาถือ
“นุ่มนวลหรือแตกหัก”
“แล้วแต่”
“ความเร็ว”
“เร็วที่สุด รำคาญ ชอบโทรมาก่อกวน” พอพี่แกพูดจบก็ได้ยินเสียงกริ่งดังขึ้นหน้าบ้าน ผมชะโงกหน้าเปิดม่านออกดู เห็นผู้หญิงคนหนึ่ง แต่งตัวเปรี้ยวน่าดูมายืนชะเง้อคอยาวเป็นยีราฟอยู่นอกรั้ว มือรัวกดกริ่งไม่เกรงใจใคร
ผมทำหน้าแหยง แหวกม่านกว้างขึ้นให้คนตัวสูงดู
“คนนี้รึเปล่า”
พี่มันพยักหน้า
“ได้” ผมรับปาก “เมื่อไหร่พี่จะเลิกทำตัวแบบนี้สักที ถ้าจะแก้ต้องแก้ที่ตัวพี่ไม่ใช่ผู้หญิง”
“ยุ่ง”
“เอ้อ แช่งให้ติดเอดส์ตายเข้าสักวัน”
“จะเอามาติดนายเป็นคนแรก รีบ ๆ จัดการไปเลย” พี่มันบอกแค่นั้น หันหลังเดินเข้าห้องไป ผมถอนหายใจเบา ๆ อิงไม้ถูพื้นกับกำแพง สะดุ้งนิด ๆ เพราะรู้สึกว่ามีบางสิ่งกำลังพันรอบขา ผมก้มมองจนเห็นแมวตัวหนึ่ง สีขาวปนควันบุหรี่นิด ๆ หน้าตาคาดว่าไม่เคยรับแขกที่ไหนมาก่อน ตัวอ้วนตุ้บ เอาหัวไซ้ข้อเท้าผมไปมา ผมยิ้ม ก้มลูบหัวมันเบา ๆ
“รำคาญเหรอแสนดี รอก่อนนะ พี่จะรีบไปจัดการให้” แมวปากหนักของผมไม่ส่งเสียงอะไรตอบกลับ ไซ้หัวกับข้อเท้าผมอีกรอบ ผมก้าวลงบันได เดินออกไปทางหน้าบ้าน
“พี่ทัศน์อยู่ไหม” เธอส่งเสียงถามมาทันทีที่ผมเดินเข้าไปได้ระยะ
สวยดีครับ หน้าอกอย่างบึ้ม แต่ท่าทางเหมือนผ่านศึกมาแล้วอย่างโชกโชน
“นี่! ฉันถามว่าพี่ทัศน์อยู่ไหม ยืนบื้ออยู่ได้” เธอถามผมอีกรอบหลังผมมัวแต่ยืนตะลึงมองมะพร้าวสองลูกตรงหน้าอยู่
เดี๋ยว ขอเวลากูคิดแป๊บหนึ่ง ว่ามะพร้าวสองลูกตรงหน้ากูนี่คือของจริงหรือปลอมกันแน่ สมัยนี้ยิ่งดูยาก ๆ อยู่ด้วย หมอเล่นทำซะเหมือน
“นี่!!!” เธอตวาดมาอีกรอบเสียงดังยิ่งกว่าเดิม ผมรีบละสายตาจากมะพร้าวมามองใบหน้าสวย ๆ ของเธอทันที
“อยู่ครับ แต่ไม่ว่าง”
เจ้าหล่อนคลี่ยิ้มทันที
“ฉันต้องการพบพี่ทัศน์”
ผมแกล้งยกนาฬิกาขึ้นมอง ขมวดคิ้วทำท่าคิด
“ได้ครับ แต่ต้องรอก่อน เพราะเพิ่งเริ่มยกแรกไปเอง น่าจะสองหรือสามชั่วโมง”
คนตรงหน้าหูตั้งขึ้นมาทันที
“หมายความว่ายังไง” เธอถามเสียงขุ่น สีหน้าแย้มยิ้มเมื่อกี้แปรเปลี่ยนเป็นบึ้งตึงทันที
“ก็เขาเพิ่งพาสาวเข้าห้องไป และเพิ่งได้ยินเสียงครางไปนิดเดียวเอง คงต้องรอไปก่อน”
เจ้าหล่อนกรี๊ดลั่นไม่อายใคร ปัดตูดเดินจ้ำอ้าวหนีไปทันที
“อะไรวะ” ผมเกาหัวแกรก ๆ บ่นตามหลัง ผู้หญิงของพี่แต่ละคนนี่นะ ผมส่ายหัวไปมา หันหลังเดินกลับเข้าบ้านไป
“หิวข้าว” พ่อเจ้าประคุณทูนหัวที่ผมเห็นเดินเข้าห้องไปเมื่อกี้ออกมานั่งไขว่ห้างกอดอกอยู่บนโซฟาในห้องรับแขกด้านล่างแล้ว
“ทำไว้ให้แล้ว อยู่บนโต๊ะกินข้าว ไปกินสิ” ผมบอกแค่นั้น จะเดินไปถูบ้านต่อ
“ฉันจะกินตรงนี้”
“ไปกินที่โต๊ะดิ สะดวกกว่าที่นี่ตั้งเยอะ”
“ถ้าไม่เอามา จะบอกแม่ว่านายแอบหนีไปเที่ยวกับผู้ชายดึก ๆ ดื่น ๆ”
ผมเบรกเท้ากึก หันขวับไปมอง
“ไทม์ไม่เคยเที่ยวกลางคืน ไม่เคยไปเที่ยวกับผู้ชายคนไหนด้วย”
“หึ แล้วนายคิดว่าแม่จะเชื่อใคร”
ผมเม้มปากแน่น เจ็บจี๊ดที่กลางอก กระบอกตาร้อนผ่าวขึ้นมานิด ๆ จริง ๆ ผมเป็นคนเข้มแข็งนะ แต่อะไรที่เกี่ยวกับครอบครัวผมมักจะอ่อนแอเสมอ ผมกำมือแน่น กัดฟันอย่างอดทน เปลี่ยนทิศทางเดินไปหยิบข้าวมาไว้บนโต๊ะรับแขกให้พี่มันแทน พอเรียบร้อยก็เดินไปถูบ้านต่อ
ตอนนี้ผมอยู่มอปลายปีสุดท้ายแล้ว พูดให้หรูไปงั้นแหละ เอาตรง ๆ ก็คือมอหกนั่นเอง เพิ่งเปิดเทอมมาได้แค่เดือนกว่า ๆ แต่เชื่อกันหรือเปล่าว่าพี่ชายสุดประเสริฐเลิศลอยของผมควงหญิงมาแล้วไม่ต่ำกว่าสิบคน
โอ้แม่เจ้า
ท่านเอาเวลาใดไปจีบหญิงกันแน่
เหอะ ไม่เห็นมีอะไรดีเลย ก็แค่…
รวย
ก็นะ บ้านเราเป็นคนมีฐานะนี่ แต่เจ็บใจสุด ๆ ก็ตรงที่เราเป็นพี่น้องกัน แต่พ่อดันยกสมบัติให้พี่คนเดียวทั้งหมด รวมถึงกิจการของทางบ้าน ที่พอพวกเราเรียนจบก็ต้องไปรับช่วงต่ออีกที พี่ทัศน์ได้เป็นเจ้าของบริษัทคนถัดไป แต่ผมเป็นได้แค่พนักงานเดินเอกสารเท่านั้น
ดูสิ ถ้าไม่คิดว่าพ่อลำเอียง แล้วจะให้ว่ายังไง
เงินเดือนพี่ทัศน์ก็ได้เยอะกว่า เดือนหนึ่งได้ตั้งสามหมื่น ส่วนผมน่ะเหรอ
หึ พูดแล้วก็เจ็บใจ
แม่บอกว่าผมเป็นน้อง ไม่ต้องใช้อะไรเยอะหรอก ได้ไปเยอะ เดี๋ยวก็เอาไปใช้กินเที่ยวทำตัวเสเพล ทั้งที่ผมก็ไม่เคยทำตัวแบบนั้นให้ท่านเห็นสักครั้ง บางครั้งก็กลัวว่าผมจะเอาไปเลี้ยงผู้ชายบ้าง(เหมือนน้องสาวต่างแม่ของแม่นั่นแหละ)
ทั้งที่ผมก็เป็นผู้ชายทั้งแท่ง แต่แค่หน้ากระเดียดไปทางหวานนิด ๆ เท่านั้น แค่นี้ก็ตัดสินว่าผมเป็นตุ๊ดเป็นแต๋วแล้วเหรอ
เอาละ อย่าไปพูดถึงเรื่องหน้าตาผมดีกว่า พูดเรื่องพี่ทัศน์ต่อ พี่มันได้เงินเดือนสามหมื่น แล้วคุณคิดว่าผมจะได้เท่าไหร่
หมื่นหนึ่ง?
โอ้ หรูไป
พนักงานกินเงินเดือนยังไม่ได้ขนาดนี้เลย
ผมได้สามพันบาท
ครับ…
ฟังไม่ผิดหรอก พี่ทัศน์ได้สามหมื่นในขณะที่ผมได้แค่สามพันเท่านั้น
ผมเคยถามแม่นะว่าทำไมผมถึงได้น้อยกว่าพี่ขนาดนี้ แม่ก็ให้เหตุผลเดิมนั่นแหละ ให้ไปเยอะ เดี๋ยวก็ทำตัวเสียผู้เสียคนเหมือนลูกคนเล็กบ้านอื่น ๆ
เหอะ พี่ทำตัวเสเพลมากกว่าผมอีก
เพราะความที่ผมได้เงินน้อย เลยทำให้ผมค่อนข้างเป็นคนงก ถามว่าจริง ๆ พอใช้ไหม เอาตามตรงเลยนะ
ไม่พอหรอก
ค่าใช้จ่ายเยอะจะตาย ไหนจะค่าใช้จ่ายจิปาถะเกี่ยวกับการเรียน ที่ผมต้องควักเนื้อออกเอง เพราะพอขอแม่ทีไร จะโดนด่าว่าหลอกแม่เอาเงินไปใช้ทำอย่างอื่นเรื่อย
ช่วงหลัง ๆ ผมเลยเลิกขอ แล้วหันมาใช้วิธีทำงานพิเศษเอา รับจ้างทำทุกอย่างที่ขวางหน้า ทั้งทำความสะอาด ทำการบ้าน งานอะไรผมทำหมด ขอให้ได้เงิน และเป็นงานสุจริต(รับทำการบ้านนี่ถือว่าสุจริตไหม?? – เอาเป็นว่าสุจริตระดับหนึ่งละกันนะครับ แหะ ๆ)
ถึงผมจะได้เงินเดือนน้อย แต่เชื่อกันหรือเปล่า ตอนนี้ผมมีเงินเก็บในบัญชีจะแสนแล้ว
เงินผมไม่พอ ขอพ่อแม่ไม่เคยให้ แต่ถ้าพี่ทัศน์เงินขาดมือเมื่อไหร่ พ่อกับแม่จะรีบโอนให้ทันที
ลำเอียงไหมล่ะ
แต่ก็นั่นแหละ ผมให้เหตุผลว่าเพราะพี่เป็นพี่คนโต อีกหน่อยต้องมาดูแลรับผิดชอบธุรกิจของครอบครัว ต้องถูกเอาใจมากเป็นพิเศษหน่อย ส่วนผม แม่มักบอกประจำว่าโง่ ไม่อยากให้ทำงานที่บริษัทเท่าไหร่ด้วย กลัวทำบริษัทพัง ซึ่งผมว่าก็ดีนะ เพราะถ้าได้ทำงานที่บริษัทจริง คงได้เป็นทาสพี่ตลอดไปแน่ ๆ
ผมวางแผนไว้แล้วว่าจะเก็บเงินให้ได้เยอะ ๆ แล้วทำธุรกิจของตัวเอง
แพล่มซะยาว ยังไม่จบครับ นอกจากความรวยแล้ว พี่ผมยังหล่ออีกต่างหาก ไม่ใช่หล่อแบบธรรมดา แต่เป็นพวกหล่อลาก หล่อเทพ หล่อจนดาราชั้นนำยังชิดซ้าย
อันนี้เพราะพี่ได้เค้าโครงที่ถูกหลอมรวมกันมาอย่างดีระหว่างพ่อกับแม่ ในขณะที่ผมไม่มีเศษเสี้ยวส่วนไหนเหมือนพวกท่านเลย(โดยเฉพาะส่วนสูง นี่แหละที่น่าเจ็บใจที่สุด T^T) ผมจึงเป็นลูกชายที่หน้าตาจืดชืดที่สุด
จริง ๆ ผมเองก็อยากแต่งตัวหล่อ ๆ แบบพี่มันบ้าง แต่พอแต่งทีไรก็โดนแม่ต่อว่าทุกที โดยเฉพาะต่อว่าว่าแต่งไว้อ่อยผู้ชาย
บอกตามตรงว่าผมไม่เข้าใจเหมือนกันว่าทำไมแม่ต้องว่าผมแบบนี้ด้วย ผมไม่เคยแสดงออกในทางว่าสนใจคนเพศเดียวกันเลยสักนิด วันไหนแอบแต่งหล่อหน่อยก็โดนแม่ด่าแล้วว่าจะแต่งตัวออกไปล่าผู้ชาย ผมจึงชอบแต่งตัวให้ดูทุเรศรุ่มร่ามเข้าไว้ เสื้อกางเกงตัวโคร่ง ๆ รองเท้าผ้าใบเก่า ๆ หัวอย่าตัดให้เป็นทรงเลย เอารังนกหรือกะลามะพร้าวมาครอบได้แม่จะยิ่งชอบ ทั้งที่สายตาดีก็ต้องเอาแว่นกรอบหนา ๆ เหมือนพวกเด็กเนิร์ดมาใส่
ยิ่งทุเรศเท่าไหร่ แม่ยิ่งด่าน้อยเท่านั้น
ตั้งแต่ผมจำความได้ ไม่เคยมีโอกาสได้ซื้อเสื้อผ้าใหม่ใส่เลย เสื้อผ้าทุกชิ้น(ยกเว้นกางเกงใน) เป็นของเก่าของพี่ทั้งนั้นหรือไม่ก็ของมือสองราคาไม่กี่สิบบาท
เพราะความหล่อบาดจิตบาดใจ ไปไหนจึงมีแต่สาว ๆ ตอมหึ่งเหมือนแมลงวันตอมขี้ ในขณะที่ผม…
กระซิก ๆ แม้แต่หางตาสาวยังไม่มอง
เพราะความที่พี่ทัศน์หล่อจัด ๆ เวลาไปไหนมาไหนจึงไม่ชอบให้ผมไปด้วย เดี๋ยวความขี้เหร่จะกระเด็นใส่ตัว
นอกจากจะหล่อลากไส้แล้ว พี่มันยังหุ่นดีอีกต่างหาก
อันนี้คงเพราะพี่เขาเป็นนักกีฬามาตั้งแต่เด็ก ๆ ชอบเล่นทุกอย่าง ทั้งกีฬาในร่มและนอกร่ม ทำได้ดีหมด ดูได้จากกล้ามที่เพิ่มขึ้นทุกวันจนจะกลายเป็นอาโนว์ไปแล้ว(อันนี้เวอร์ไปครับ แหะ ๆ) แค่มีกล้ามเฉย ๆ และรอยจูบรอยข่วนที่มีประดับเนื้อตัวตลอดไม่เคยขาด ถ้าวันไหนไม่มี แปลว่าวันนั้นโลกคงกำลังถล่มทลายแน่ ๆ
ซึ่งตั้งแต่พี่ทัศน์ขึ้นมอปลายมา ผมยังไม่เคยเห็นว่าวันไหนรอยจะจางหายไปจากตัวสักที
ส่วนผมน่ะเหรอ อย่าให้พูดเลยครับ เข้าใกล้สาวในระยะครึ่งเมตร สาวยังรีบกระเถิบถอยหนี
เฮ้อ…
หล่อ รวย หุ่นดี แล้วยังมีอะไรอีก
อ้อ อย่าคิดว่าพี่ผมจะมีดีแค่หน้าตานะครับ พี่เขาหล่อและพ่วงความฉลาดเข้าไปด้วย
ฉลาดไม่ฉลาดก็ถ้าพี่ต้องการทุนอะไรที่ไหนก็นั่งทางในจิ้มเอา ๆ ผ่านหมด สอบวิชาไหนได้คะแนนไม่เคยต่ำกว่า 95% จนบางทีผมยังแอบคิดว่าพี่ต้องฮั้วกับครูอาจารย์แน่
หรือไม่…
ครูคนนั้นก็ต้องเสร็จพี่ไปแล้วแน่ ๆ(ยกเว้นผู้ชาย = =)
ส่วนผมน่ะเหรอ
เฮ้อ!
แค่ผ่านก็หืดขึ้นคอ
ไม่แปลกใจที่จะโดนแม่ด่า โดนพ่อประณาม และโดนพี่ดูถูก ผมขยันน้า แต่เป็นพวกอ่านหนังสือช้า(แต่พี่ทัศน์อ่านเร็ว) ไม่ค่อยเข้าใจเนื้อหาเท่าไหร่(ในขณะที่พี่อ่านแค่นิด ๆ หน่อย ๆ ก็เข้าใจหมดแล้ว) เรื่องเก็งข้อสอบไม่ต้องไปพูดถึง ไม่เคยถูก แต่กับพี่ บอกตัวไหน ออกตัวนั้น(นี่แหละ ผมถึงได้บอกว่าพี่ต้องฮั้วกับอาจารย์แน่ ๆ)
พี่เขามีเพื่อนเยอะ ทั้งหญิงและชาย ในขณะที่ผมมีเพียงตัวเดียวเท่านั้น
ครับ…
ฟังไม่ผิดหรอก ตัวเดียวจริง ๆ
คบคนไม่ได้ โดนแม่เพ่งเล็ง เป็นคนดีไหม พากันเที่ยวหรือเปล่า จะพากันกลับดึกกลับดื่นอะไรมากมาย ผมเลยไม่คบกับคน แล้วหันมาคบกับแมวแทน
ถึงรูปร่างภายนอกมันจะเหมือนหมูขนาดไหน แต่มันก็คือแมว ไม่รู้ผมเลี้ยงมันอีท่าไหน ถึงได้อ้วนตุ๊ต๊ะแถมยังมีใบหน้าเหี้ยมโหดขนาดนี้
มันชื่อแสนดี(เก็บได้ระหว่างทางกลับจากโรงเรียน) เป็นแมวที่เกิดมาเพื่อกินแล้วก็นอน เป็นที่ปรึกษาที่ดี เวลาผมเสียใจมา ร้องไห้มา หรือมีเรื่องเครียด ๆ ก็มีแสนดีนี่แหละ ที่คอยรับฟังผมเสมอ
มีแมวเป็นเพื่อนดีกว่ามีพี่เป็นหมา(เดือนสิบสองอีกต่างหาก)
สรุปที่บ่นมาตั้งนานเนี่ยคือ ทำไมชีวิตผมมันถึงได้น้ำเน่าขนาดนี้นะ
พี่ชายหล่อ ตัวเองขี้เหร่
พี่ชายเรียนเก่ง ตัวเองเรียนแย่ T^T
พี่ชายเป็นที่รักของพ่อแม่ ส่วนผม…(อย่าไปพูดถึงเลยครับ บาปเปล่า ๆ)
พี่ชายมีเสน่ห์ ในขณะที่ผม คนแทบมองไม่เห็นหัว
เฮ้อ~ ผมไม่ได้อยากเป็นแบบนี้ซะหน่อย จนหลาย ๆ คนพากันบอกว่า พี่เป็นเทวดาน้องเป็นข้าทาส แต่ถ้าพวกคุณ ๆ มารู้ธาตุแท้ของพี่ผม พวกคุณอาจถอนคำพูดก็ได้
โอเค จบการรายงานข่าวเพียงเท่านี้ กลับมาในห้องนอนผมต่อ ในห้องเล็ก ๆ ที่เคยเป็นห้องเก็บของมาก่อน ตอนนี้มันได้กลายมาเป็นสวรรค์น้อย ๆ ของผมแล้ว
บ้านนี้มีสามห้องนอน หนึ่งห้องครัว หนึ่งห้องรับแขกและหนึ่งห้องเก็บของ แต่ทำไมผมได้ห้องเก็บของก็เพราะพ่อกับแม่จะเก็บห้องหนึ่งเอาไว้เป็นห้องที่เวลาพวกท่านมาเยี่ยม พวกท่านสามารถนอนได้เลยโดยไม่ปะปนกับคนอื่น ส่วนอีกห้องเป็นห้องรับแขกบ้านแขกเรือน ซึ่งส่วนใหญ่ก็เพื่อน ๆ พี่ทัศน์ทั้งนั้นแหละ
ผมเลยต้องมาใช้ห้องนี้ไปโดยปริยาย
อย่า อย่าคิดว่าชีวิตผมอาภัพนะ เพราะผมคิดมาเยอะจนเลิกคิดแล้ว ตอนนี้ผมมีความสุขดี
ผมกลับมานั่งเปิดบัญชีดูหลังทำความสะอาดห้องและจานชามที่พี่กินทิ้งไว้เสร็จแล้ว
กว่าจะจบมอหก ผมว่าผมคงมีเงินเก็บอีกเยอะ อยากไปเช่าหออยู่ จะได้ไม่เบียดเบียนพ่อแม่
“เอาละไอ้ไทม์ สู้ ๆ” ผมกำหมัดฮึดสู้ ตอนนี้ผมต้องขยันกว่าเดิม เพราะอยากได้ทุนเรียนมหา’ลัย อยากทำให้พ่อแม่ภูมิใจว่าผมก็สามารถทำได้เหมือนกัน
แต่…
ครอก…
รู้ตัวอีกที ผมก็มานั่งเลียน้ำลายต่างน้ำแล้ว
ทำไมนะ เห็นหนังสือเป็นต้องหลับทุกที แล้วอย่างนี้จะขอทุนได้ไหม
ไม่ได้ ๆ ผมรีบออกจากห้องหวังไปหากาแฟมาง้างตา ก้าวลงบันไดไปได้แค่ขั้นเดียวก็ต้องชะงักหยุดอยู่ที่เดิมมองใครบางคนที่นั่งเท่อยู่บนโซฟากลางห้องนั้น
ผมเองก็อยากลงไปนั่งอยู่ตรงนั้นเหมือนกัน(ถ้าพี่ทัศน์อยู่ พี่แกห้ามผมนั่งครับ) ผมยิ้ม ถึงพี่ชายจะนิสัยแย่ขนาดไหน แต่เขาก็เป็นพี่ชายที่ผมภาคภูมิใจเสมอ
ผมตัดสินใจหยิบหนังสือมานั่งอ่านตรงนี้แหละ เพราะพี่เป็นยาแก้ง่วงได้ดียิ่งกว่ากาแฟซะอีก มีพี่อยู่แล้วทำให้มีแรงฮึดในการเอาชนะเพิ่มขึ้น
“นี่!!”
ผมสะดุ้งเฮือก เลิ่กลั่กมองสิ่งรอบตัว
อ้าว…
มืดแล้วเหรอ หนังสือยังวางอยู่ที่เดิม และตัวเลขบนหัวกระดาษก็ยังไม่ได้ขยับไปไหน มันไม่ใช่ความผิดผมนะ กำลังนั่งอ่านอยู่ดี ๆ โดยมีพี่เป็นกาแฟ แต่พอดีสายเข้า พี่มันเลยเดินออกไปคุยหน้าบ้าน
รู้ตัวอีกที ก็ตอนที่พี่มันใช้ทรีนใหญ่ ๆ ยันจนผมล้มหัวโขกกำแพงนี่แหละ
“ทำอะไร”
“อ่านหนังสือน่ะสิ ถามอะไรแปลก ๆ” ผมกวนกลับ
“พอดีไม่เห็นคน เห็นแต่ควายกำลังนั่งหลับอยู่”
ฉึก!!
เหมือนมีอะไรมาทิ่มอกแปลก ๆ ผมรีบลุกยืนปัดก้น ทำท่าจะเดินเข้าห้อง แต่โดนฉุดไว้ก่อน
“คืนนี้จะพาผู้หญิงเข้าบ้าน จัดห้องรับแขกให้ด้วย แนวโรแมนติกเหมือนเดิม”
ผมแบมือไปตรงหน้า พี่ทัศน์ขมวดคิ้วมอง
“แค่จัดห้อง”
“ค่ากุหลาบ ค่าเทียน ค่าไวน์ และของตกแต่งอื่น ๆ ของเก่าหมดแล้ว หรือจะใช้อันเดิมก็ได้นะ เขาคงไม่สังเกตเห็นหรอก” เป็นอีกหนทางในการหารายได้ของผมเองครับ พี่มันตัดรำคาญด้วยการยื่นเงินมาให้ 500 บาท
หึ ๆ แต่ผมไม่ได้ใช้เงินที่ได้มานี่หรอก เพราะของทั้งหมด ผมสำรองเอาไว้หมดแล้ว ใช้ของเก่า ๆ นั่นแหละ แต่ใช้ความฉลาด(ในงานศิลปะ) ทำให้มันดูเหมือนใหม่ อย่างเทียนที่ใช้แล้วก็ตัดด้ายดำออก ลอกให้เหลือแต่ด้ายขาว ๆ แกะสลักตรงหัวนิด ๆ ให้ดูแปลกตา แม้ว่าจะสั้นลงแค่ไหน ก็ดูอาร์ตมากกว่า จนดูไม่ออกว่าเอาของเก่ามาใช้
ส่วนอาหารก็ใช้ของที่มีทำง่าย ๆ แต่เน้นจัดแต่งให้สวยงามจนดูเหมือนสั่งมาจากภัตตาคารสุดหรู ลงทุนซื้อจานชามดี ๆ มาไว้ใช้อีกนิด ข้าวของเครื่องใช้ก็วน ๆ เอา พี่จับไม่ได้หรอก ถึงผมจะโง่เรื่องการเรียน แต่เรื่องหาเงินเข้ากระเป๋าล่ะก็ ผมว่าผมไม่หมดมุกง่าย ๆ แน่
แล้วคืนนั้น ผมก็ต้องปิดประตูทำตัวให้เงียบที่สุด นอนฟังเสียงเพลงเพราะ ๆ ที่พี่เปิดให้เหยื่อฟัง ผมเองก็อยากมีสาว ๆ มานั่งกินข้าวภายใต้แสงเทียนแบบนี้บ้างเหมือนกัน
แต่ผมไม่หวังฟันแบบพี่หรอก
แล้วหลังจากนั้น ผมก็นอนฟังเสียงครางของสาว ๆ ของพี่ไป ห้องหับมีก็ไม่ใช้ ชอบนอกสถานที่กันตลอด
ครับชีวิตธรรมดาของผมก็มีแค่นี้แหละ
To be Con...
ฝากเนื้อฝากตัว