BROTHER CH.05 [Up 100%]
ทันทีที่เปิดประตูรั้วเข้าบ้าน ก็เห็นใครบางคนยืนกอดอกพิงประตูบ้านมอง
“หึ ไม่สนใจงานบ้านงานเรือน ออกไปเที่ยวแรด ๆ กับผู้ชายอีกล่ะสิ แม่รู้คงผิดหวังแย่”
“ผมไม่ได้ไปแรดที่ไหน แค่ไปกินข้าวกับดูหนังเท่านั้น” ผมตอบแค่นั้น เดินสวนพี่มันเข้าไป แต่พี่ทัศน์รั้งข้อมือผมไว้
“อย่ามาทำตัวงี่เง่านะ อยู่แต่บ้านไปนั่นแหละดีแล้ว เที่ยวเอาตัวไปให้เขาฟัน มันจะมีศักดิ์ศรีไหม”
“คนที่ชอบฟันคนอื่นทิ้งไม่เลือกหน้าอย่างพี่ไม่มีสิทธิ์พูดหรอก ปล่อย จะขึ้นไปพักผ่อน”
“หึ ใช้งานหนักมากรึไง”
ผมถอนหายใจเบา ๆ
“กินข้าวรึยัง” แล้วเสถามไปเรื่องอื่น
“อย่ามานอกเรื่อง!”
“อยากกินอะไร เมื่อวานซื้อของสดมาเพิ่ม อยากกินอะไรทำได้หมด ยกเว้นอาหารฝรั่ง”
“ไทม์!!”
“โอเค รอผมเปลี่ยนเสื้อผ้าแป๊บเดียว จะลงมาทำให้กิน”
ผมตัดบทแค่นั้น เดินลิ่ว ๆ ขึ้นห้องไป
ผมวางข้าวของลงบนเตียง เหลือบมองถุงอะไรบางอย่างที่พี่อิฐให้มาก่อนลงจากรถ ไม่รู้ว่าข้างในเป็นอะไร ผมหยิบถุงนั้นมาเปิดดูทันที
เป็นเสื้อครับ เสื้อยืดแขนยาว เสื้อตัวนี้ผมเห็นในหุ่นก่อนเดินเข้าห้องน้ำ เมียงมองอยู่พักเพราะเห็นว่ามันเท่ดี (ในหุ่นกล้ามอย่างเท่อ่ะ) แต่ไม่คิดจะซื้อหรอก ไม่คิดว่าพี่อิฐจะแอบซื้อมาให้ ผมยิ้มนิด ๆ คงซื้อตอนผมเข้าห้องน้ำแน่ ๆ
ผมพลิกป้ายราคาดู
โอ้โห แพงจัง!
รู้สึกเกรงใจขึ้นมาทันที
แต่เอาเถอะ เขาอุตส่าห์ซื้อให้ ผมดึงป้ายราคาออก ถอดชุดนักเรียนสวมเสื้อตัวนั้นทันที หมุนซ้ายหมุนขวามองตัวเองในกระจก
ขมวดคิ้ว ทำไมมันไม่เท่เหมือนในหุ่นนะ ในหุ่นแขนยาวแค่ข้อมือ แต่ผมยาวจนคลุมหลังมือ ในหุ่นโชว์กล้ามอก แต่ของผมมันย้วยจนเห็นหน้าอกเหมือนกัน แต่ไม่มีกล้ามจะโชว์
โห คล้ายผู้หญิงจัง แม่เห็นจะด่าไหมเนี่ย
ผมถอนหายใจแรง เดินไปรื้อหากางเกงใส่ มีแต่กางเกงวอร์มกับกางเกงหลวม ๆ ตัวใหญ่ ๆ เท่านั้น ไม่มีตัวไหนเข้ากันเลย
เอาไงดี…
ผมนิ่งคิด ก่อนนึกได้ว่าแนนเคยให้เสื้อผ้ามาถุงหนึ่ง เป็นเสื้อผ้าของลูกพี่ลูกน้องแนนเอง เพิ่งเคลียร์ตู้เสื้อผ้าเลยแบ่งมาให้ผมส่วนหนึ่ง ตั้งแต่ได้มาผมก็ยังไม่ได้เปิดดูเลย ผมรีบตรงไปยังถุงเสื้อผ้าที่ยัดไว้มุมหนึ่งของห้อง แกะปากถุง เททั้งหมดบนลงบนเตียง เลือกหาเฉพาะกางเกงมาดู มีหลายตัวเลย ผมหยิบสีที่ชอบก่อน ขาสั้นไปนิดแต่ท่าทางน่าจะใส่สบาย ผมรีบใส่ทันที
ใส่สบายจริง ๆ ด้วย เสียแต่ขาสั้นไปหน่อยจริง ๆ เกิดมายังไม่เคยใส่ขาสั้นกับเขาเลย (เวลานอนผมก็ใส่กางเกงวอล์มครับ)
จะว่าไปมันก็โล่งขาดี ผมรีบหยิบมือถือมากดถ่าย ส่ง sms ไปให้พี่อิฐดูทันทีพร้อมข้อความกำกับ
‘ขอบคุณสำหรับชุดนะครับ ไม่เท่เหมือนในหุ่น แต่พอดูได้’
พี่อิฐตอบกลับมาทันที
‘ขอบคุณที่ใส่ ไทม์ใส่แล้วน่ารักมาก’’
เอิ่ม...
จะภูมิใจดีไหมเนี่ย มีคนมาชมว่าน่ารักเนี่ย ผมวางมือถือลง เดินออกจากห้องลงไปในครัว
ผมเข้าใจแล้วว่าทำไมคนถึงได้ชอบใส่ขาสั้นกันนัก ไม่ว่าผู้หญิงหรือผู้ชาย เพราะมันใส่แล้วสบายแบบนี้นี่เอง ผมฮัมเพลง หยิบผ้ากันเปื้อนมาสวม เสียบปลั๊กอุ่นข้าว เปิดตู้เย็นหยิบของออกมาเตรียมไว้เพื่อทำไข่เจียวหมูสับ
ทำอย่างเดียวก็พอมั้ง
ผมเปิดแก๊ส เทน้ำมันใส่กระทะ พอร้อนได้ที่ก็เทไข่ใส่ลงไป
“อ๊ะ!”
น้ำมันกระเด็นมาถูกแว่น ดีนะที่ใส่แว่น ไม่งั้นคงเข้าตาแน่ ๆ ผมรีบถอดออกวางไว้ข้าง ๆ พลิกไข่ไปอีกด้าน พอสุกก็ตักใส่จานวางไว้ใกล้ ๆ แว่น ปิดแก๊ส เอากระทะไปล้าง
“หึ เดี๋ยวนี้หัดแต่งตัวยั่วผู้ชายแล้วรึไง”
ผมสะดุ้งเฮือกหันไปมอง เผลอปัดจานไข่ที่วางไว้ตกพื้น หนำซ้ำยังกวาดเอาแว่นที่วางไว้ข้างกันตกด้วย ผมรีบยกเท้าหนีด้วยความตกใจก่อนเหยียบลงไปอีกครั้ง
“แกรก!!”
เสียงนั้นทำเอาผมแหกปากร้องลั่น รีบดีดตัวหนี
แต่ช้าไปแล้ว...
แว่นนั้นแตกกระจาย ผมรีบก้มหยิบขึ้นมาดู
“โธ่ แว่นผม”
ผมเบะหน้าทำท่าจะร้องไห้
ไม่ใช่สิ…
แล้วไข่เจียวพี่ทัศน์ล่ะ!!
ผมก้มมองพื้นอีกรอบ ไข่เจียวพี่ทัศน์นอนแอ้งแม้งอยู่ที่พื้น
“โธ่ ไข่เจียวพี่ทัศน์...”
อุตส่าห์ทำ ผมถอนหายใจแรง ลุกหยิบไม้กวาดมาทำความสะอาด หันไปมองคนตัวสูง
“รอก่อนนะ จะรีบทำให้ใหม่”
ผมหันไปลงมือทำอีกรอบ รู้สึก เหมือน ๆ กำลังถูกมอง ผมหันไปมองพี่อีกที
“มีอะไร อยากกินอะไรก็บอกสิ ยืนมองแบบนั้นจะรู้ไหม”
พี่เปลี่ยนสีหน้า ทำท่าอึกอัก
“อยากกินอะไร”
ผมถามอีกรอบ ตอกไข่ลงถ้วย สับหมูปรุงเครื่องแล้วทอดอีกรอบ กลิ่นไข่เจียวหอมคลุ้ง พอมันเหลืองกรอบได้ที่ก็ตักใส่จานวางไว้บนโต๊ะ พี่ทัศน์ยังไม่ขยับไปไหน ผมหันไปมองอีกที
“อยากได้อะไรเพิ่มไหม”
เขาจ้องหน้าผมนิ่ง ๆ จนผมรู้สึกแปลก ๆ
หรือว่ามีอะไรติดหน้า?
ผมลองจับ ๆ ดู
อ๋อ หน้าโล่งเพราะไม่มีแว่นนี่เอง แปลกนักรึไง
“มองมาก เดี๋ยวความขี้เหร่ก็กระเด็นใส่หรอก”
ข้าวดีดพอดี ผมหันไปตักข้าวใส่จานวางไว้บนโต๊ะ เตรียมน้ำเตรียมท่า
“ตามสบายนะ เดี๋ยวดึก ๆ จะลงมาล้าง”
ผมเก็บของเข้าที่ ถอดผ้ากันเปื้อนแขวนไว้ที่เดิม กำลังจะก้าวผ่านพี่ทัศน์แต่วงแขนใหญ่ข้างหนึ่งเกี่ยวเอวผมไว้ ผมเงยหน้ามองเจ้าของวงแขนนั้นงง ๆ
“มีอะไร”
พี่ทัศน์จ้องหน้าผมนิ่ง ๆ
“พี่ทัศน์” ผมเรียกอีกรอบ
“อยากกินหมูทอด”
ผมหน้าหงิก
“แล้วเมื่อกี้ก็ไม่บอก”
ผมดันตัวออก หยิบผ้ากันเปื้อนมาใส่ใหม่ เปิดตู้เย็นหยิบหมูออกมาหั่นเป็นชิ้นขนาดเท่ายางลบเด็กอนุบาล ปรุงรสอย่างรวดเร็ว
สงสัยกันไหมว่าทำไมผมกับข้าวเก่งจัง เพราะตั้งแต่เล็กจนโต ผมขลุกอยู่แต่กับแม่บ้านจนทำเป็นทุกอย่าง แม้แต่พ่อแม่ยังติดใจฝีมือผมเลย ไม่งั้นตอนออกมาพี่ทัศน์ไม่ลากผมออกมาอยู่ด้วยหรอก
“ไปซื้อชุดนี้มาตั้งแต่เมื่อไหร่”
“ไม่ได้ซื้อเอง พี่อิฐซื้อให้”
พี่ทัศน์หน้าหงิกทันที
“หึ ให้ผู้ชายซื้อเสื้อผ้าให้ รู้ความหมายหรือเปล่าว่าเขาซื้อให้เพราะอะไร”
“ไม่รู้ แค่อยากซื้อให้มั้ง”
“เพราะเขาต้องการถอดชุดนั้นด้วยตัวเองต่างหาก”
ผมถอนหายใจแรง ทำหน้าหน่าย เทน้ำมันใส่กระทะ
“อย่าเอาบรรทัดฐานความคิดตัวเองไปปรักปรำคนอื่นสิ คงไม่มีใครคิดแต่เรื่องใต้สะดือแบบพี่หรอก”
ผมใช้ตะหลิวเขี่ยหมูในถ้วยลงกระทะ เสียงทอดดังซู่
“หึ พูดเหมือนรู้จักผู้ชายดี ผ่านมากี่คนแล้วล่ะ”
อยากเอาตะหลิวแนบหน้าจริง ๆ
“เรื่องของผม”
ขี้เกียจจะเถียงว่าไม่ใช่แล้ว อยากเข้าใจแบบไหนก็ตามใจ ผมเกลี่ยหมูให้กระจายออกจากกัน
“จะบอกแม่”
ผมถอนหายใจแรงอีกรอบ
“พี่นี่นอกจากจะเจ้าชู้แล้วยังขี้ฟ้องอีกนะ แต่ก่อนจะฟ้องอะไรช่วยสืบจากศพว่าเรื่องไหนจริงไม่จริงสักนิดก็ดี”
หมูสุกพอดี ผมปิดแก๊ส ตักหมูใส่จาน ล้างกระทะ เก็บข้าวของให้เข้าที่เข้าทาง หันไปมองคนที่ยืนหน้าบูดเป็นตูดเป็ดอยู่
“ผมเบื่อเหมือนกันกับคำขู่พวกนี้ จริงก็โดนด่า ไม่จริงก็โดนด่า จนขี้เกียจจะแก้ตัวแล้ว ถ้าพี่กับแม่จะมองว่าผมแย่ เห็นว่าเป็นตุ๊ดแรดร่านยังไงก็มองไปเถอะ ผมไม่เถียงแล้ว”
ผมยิ้มให้นิดหนึ่ง กำลังจะเดินจากไป แต่หยุดขาไว้ หันเสี้ยวหน้าไปมอง
“แต่อีกไม่นานหรอก ผมจะออกไปจากชีวิตพี่กับแม่แล้ว” พูดเองก็เจ็บเอง เดินไม่ทันไรก็ถูกคว้าแขนไว้อีกรอบ
ทำไมช่วงนี้โดนจับบ่อยจัง
“จะไปไหน ไปอยู่กับใคร ไอ้อิฐรึไง หึ มันขอคบแล้วเหรอหรือว่าจะหนีตามผู้ชายคนอื่นไป”
ผมยิ้ม
“ไม่ได้ไปอยู่กับใครทั้งนั้น ชีวิตผม ผมจัดการเองได้”
ผมดึงมือออก เดินกลับห้องไป
ผมกลับมาอาบน้ำ นั่งทำโปสการ์ดต่อจนถึงห้าทุ่ม ปิดคอมลงไปชั้นล่างเพื่อล้างจานที่พี่กินไว้ แปลกใจนิดหน่อยที่บนโต๊ะกินข้าวว่างเปล่า จานชามถูกล้างแล้วเรียบร้อย ผมมองขึ้นไปยังห้องพี่ชายที่ถูกปิดสนิท
พี่ทัศน์ล้างจานเอง สงสัยวันนี้ฝนจะตก
แล้วฝนก็ตกลงมาจริง ๆ
ผมนั่งมองสายฝนที่กำลังโปรยปรายจากทางหน้าต่าง แสงไฟสะท้อนเม็ดฝนแลดูแพรวพราวราวกับเพชร ผมลุกหยิบกล้องมากดถ่ายอย่างอดใจไม่ไหว ก่อนวิ่งลงไปชั้นล่างเพื่อหาภาพสวย ๆ ต่อ
ในสวนจะมีเสาหินประดับตุ๊กตาดินปั้นไว้ ภายในมีหลอดไฟให้แสงสว่างแบบกันน้ำอยู่ อยากถ่ายภาพนั้นมาก ผมคว้าร่มเดินดุ่ย ๆ ออกไปทันที ไม่ต้องกลัวว่ากล้องจะเปียก เพราะเป็นแบบกันน้ำ
ผมกดถ่ายไปเรื่อย ๆ จากมุมหนึ่งไปอีกมุม สักพักร่มเริ่มเกะกะ ผมโยนทิ้งแล้วถ่ายมันทั้งเปียก ๆ นั่นแหละ
คนเป็นช่างภาพห้ามกลัวฝน
อยากได้ภาพตุ๊กตาหมีริมหน้าต่างท่ามกลางสายฝนแฮะ
ห้องผมไม่มีตุ๊กตาหมีแบบที่ต้องการเลย แต่ห้องพี่มี ผมเงยหน้ามองหน้าต่างห้องพี่ ไฟยังเปิดอยู่แปลว่าพี่น่าจะยังไม่นอน
เอาไงดี ไม่อยากรบกวนเลย แต่ก็อยากได้ภาพมาก
เงินนะเงิน ผมบอกตัวเอง
ผมตัดสินใจวิ่งเข้าบ้านตรงขึ้นบันไดไปเคาะห้องพี่ทัศน์ ไม่นานบานไม้ก็แง้มเปิดออก พี่มันมองผมอึ้ง ๆ ตั้งแต่หัวจรดเท้า
“ขอยืมตุ๊กตาหมีกับหน้าต่างหน่อย”
พี่ทัศน์มองงง ๆ ผมไม่รอให้เขาปฏิเสธ แทรกตัวเข้าไป หยิบตุ๊กตาหมีสีน้ำตาลไปวางไว้บนขอบหน้าต่าง กดถ่ายอย่างรวดเร็ว ปรับเปลี่ยนมุมมองอีกนิดให้ภาพดูเศร้า ๆ หยิบตุ๊กตาหมีอีกตัวไปวางไว้เคียงกัน กดถ่ายอีกรอบ พอเสร็จก็เอาตุ๊กตาไปคืน หันไปมองเจ้าของห้องที่มองผมอยู่
“ขอโทษที่ทำให้ห้องเปียก จะรีบมาทำความสะอาดให้”
กำลังจะก้าวออกจากห้อง แต่พี่ทัศน์รั้งไว้จนผมเซไปปะทะอกแกร่ง ผมเงยหน้ามอง พี่เขาไม่พูดอะไร ได้แต่จ้องหน้านิ่ง ๆ เท่านั้น
“มีอะไรหรือเปล่า”
สายตาแบบนั้นทำเอาผมรู้สึกอึดอัดยังไงพิกล
“พี่ทัศน์”
“ทำไมตัวเปียก”
“ไปตากฝนถ่ายรูปมา ปล่อย”
ผมดึงตัวออกเบา ๆ เดินกลับเข้าห้อง เปลี่ยนเป็นชุดสไตล์เดิม คว้าไม้ถูพื้นกลับไปทำความสะอาดห้องให้
ผมกลับมาทิ้งตัวลงนอน ล้วงหยิบสมุดบัญชีใต้เตียงขึ้นมาเปิดดู
หึ ๆ เก่งเหมือนกันน้า ทำได้เยอะแล้ว ตั้งสองแสนแน่ะ ผมนอนมองยอดเงินในบัญชียิ้ม ๆ ก่อนซ่อนมันไว้ที่เดิม ดับไฟลง
“อีกไม่นานก็จะไม่อยู่ให้แม่กับพี่รำคาญแล้ว”
ผมยิ้มแล้วเข้าสู่ภวังค์หลับใหลไป
[ UP 50%]
อืม เช้านี้ คงเป็นเช้าที่สดชื่นที่สุดสำหรับผม ผมคว้ากระเป๋าเรียน กล้องและกระเป๋าโน้ตบุ๊กเดินลิ่ว ๆ ลงมาข้างล่าง มุ่งตรงเข้าครัว หวังทำอาหารให้พี่ทัศน์กิน เลิกคิ้วแปลกใจที่เห็นใครบางคนมานั่งดูทีวีอยู่บนโซฟา วันนี้พี่มีเรียนเช้าก็จริง แต่ไม่เคยเห็นตื่นเช้าแบบนี้มาก่อน ผมไม่สนใจ วางกระเป๋าไว้ เดินเข้าไปทำอาหาร
“ทำไมไม่ใส่แว่น มีแค่อันเดียวรึไง” พี่ทัศน์เดินเข้ามาถาม ผมหันไปมอง
ยุ่งอะไรด้วยเนี่ย
“มีหลายอัน แต่ขี้เกียจใส่แล้ว”
“ทำไม สายตาสั้นไม่ใช่รึไง”
“เปล่า”
“แล้วใส่ทำไม”
ผมไม่ตอบคำถาม ทำกับข้าวไปเงียบ ๆ จนเสร็จ ปกติผมจะรีบกินก่อนแล้วเก็บไว้ให้พี่ทาน แต่วันนี้คงต้องกินด้วยกัน ผมนั่งกินไปเงียบ ๆ ไม่มองหน้าใครอีกคนที่นั่งมองผมอยู่
ไม่รู้หรอกนะว่าพี่มองเพื่อจ้องจับผิดอะไรอีก ผมรีบกิน พออิ่มก็ยกจานไปล้าง พี่ทัศน์กินเสร็จพอดี ผมรับมาล้างด้วย เช็ดมือ คว้ากระเป๋าเดินออกจากบ้านไป
ผมเดินไปตามทางเพื่อขึ้นรถเมล์ ได้ยินเสียงแตรดังขึ้น ผมหันไปมอง เลิกคิ้วแปลกใจเพราะเป็นรถของพี่ทัศน์ ผมเดินเข้าไปใกล้ ก้มมองกระจกที่กำลังลดลง
“มีอะไร”
พี่มันทำท่าอึดอัดเหมือนจะพูดอะไรสักอย่าง ก่อนเลื่อนกระจกขึ้น กระชากตัวรถจากไปโดยไม่พูดไม่จาอะไร
“อะไรของเขา”
ผมมองงง ๆ ยังไม่ทันได้ก้าวเดินก็มีเสียงมือถือดังขึ้น ผมล้วงหยิบมาดูเบอร์
พี่อิฐ ผมรีบกดรับทันที
“ออกจากบ้านหรือยังครับ”
“ครับ กำลังจะถึงป้ายรถเมล์แล้ว”
“ยืนรออยู่ตรงนั้นแหละ พี่จะไปรับ”
ผมเลิกคิ้วสูง ยังไม่ทันได้พูดอะไรพี่อิฐก็กดตัดสาย ผมยืนรอ สักพักรถพี่อิฐก็ขับมาจอดตรงหน้า เขาก้าวลงจากรถเข้ามาใกล้
“จำเกือบไม่ได้แน่ะ”
“ทำไมครับ”
ผมถามด้วยความสงสัย พี่อิฐยิ้ม
“พอไม่ใส่แว่นแล้วน่ารักขึ้นเป็นกอง”
ผมแก้มร้อนผ่าว
“ผมเป็นผู้ชายนะพี่อิฐ มาชมแบบนี้ได้ไง”
“ความน่ารักมันไม่แบ่งเพศหรอกนะ”
ก็จริง จะว่าไปแล้วในโรงเรียนผมก็มีผู้ชายน่ารักเยอะเหมือนกัน พี่อิฐเปิดประตูให้
โห สุภาพบุรุษสุด ๆ ผมยิ้ม ขึ้นไปนั่ง พี่อิฐกลับไปนั่งประจำที่ ใช้เวลาไม่นานก็มาถึงโรงเรียน
“นั่งอยู่เฉย ๆ นะ”
พี่อิฐสั่ง เปิดประตูก้าวลงจากรถ ผมมองงง ๆ พี่อิฐเดินอ้อมมาเปิดประตูให้
“เชิญครับ”
โอ้โห อะไรจะสุภาพบุรุษขนาดนั้น ผมก้าวลงจากรถเขิน ๆ
“ขอบคุณครับ แต่ครั้งหน้าไม่ต้องก็ได้ ผมเป็นผู้ชายนะพี่”
“ชายหญิงไม่สำคัญ สำคัญแค่พี่อยากทำให้เท่านั้นก็พอ”
ผมมองคนตรงหน้าอย่างชื่นชม
“ตอนเย็นว่างไหม”
“ทำไมครับ”
“พี่จะขอมารับ”
“ไม่เป็นไรครับพี่ เกรงใจ”
“พี่เต็มใจ”
ผมหน้าร้อนผ่าว พยักหน้ารับ ก้มสวัสดีหันหลังเดินเข้าตึกเรียนไป
“แหม ๆ ใครมาส่งน่ะ”
แนนวิ่งเข้ามาทักทันที
“พี่อิฐ เพื่อนพี่ทัศน์ เจ้านายคนใหม่เราเอง”
แนนเลิกคิ้วสูง
“พี่เขาให้เราไปทำความสะอาดห้องที่คอนโดให้”
“ท่าทางเขาจะชอบไทม์นะ”
“บ้า เราเป็นผู้ชายนะ”
ผมพูดกลบเกลื่อน แนนยู่หน้า
“สมัยนี้เรื่องพวกนี้เขาเปิดกว้างกันมากแล้ว แล้วอีกอย่าง ถ้าแนนพูดไทม์ห้ามโกรธแนนนะ”
ผมพยักหน้า
“ไทม์เป็นผู้ชายก็จริง แต่หน้าหวานมาก จริง ๆ มีคนแอบมองไทม์เยอะนะ แต่ไม่มีใครกล้าเข้าใกล้เพราะไทม์ค่อนข้างปิดตัว พอไม่ใส่แว่นแบบนี้ยิ่งน่ารักเข้าไปใหญ่”
“น่ารักน่าเริกอะไรกันเล่า รีบเข้าห้องกันเถอะ”
ผมตัดบทเพื่อนเอาดื้อ ๆ
วันนี้มีการบ้านให้ทำหลายวิชา ยิ่งเยอะยิ่งดี เพราะนั่นหมายถึงผมจะมีรายได้เพิ่มขึ้น ช่วงหลัง ๆ แนนจะอยู่ช่วยตลอด แนนเป็นคนทำการบ้าน ส่วนผมคัดลอก เพราะแนนปลอมลายมือไม่เป็น
“เรียบร้อย”
ผมวางการบ้านเล่มสุดท้ายลง ก่อนเอาไปยัดไว้ในเก๊ะของเพื่อน ๆ
“ไปกินติมกัน” แนนชวน
“ไทม์อยากเก็บเงินง่า”
แนนรู้ว่าผมอยากเก็บเงินเพื่ออะไร
“แนนเลี้ยงน่า”
“ไม่เอา เดี๋ยวเราก็กลายเป็นเพื่อนจอมงกกันพอดี”
“ไม่หรอก แนนอยากมีเพื่อนกินจริง ๆ นี่นา กินคนเดียวไม่อร่อย”
แนนทำหน้าหงอย ผมจำต้องพยักหน้า แล้วเราสองคนก็พากันนั่งรถไปยังร้านไอศกรีมเจ้าอร่อย
จริง ๆ ร้านนี้คนแน่นมาก ต้องรอคิวนาน แต่วันนี้มีที่ว่างเหลืออยู่ที่หนึ่ง เราสองคนรีบวิ่งไปจับจองทันที เป็นเก้าอี้แบบโซฟานั่งสบาย เรานั่งกันคนละฝั่ง พนักงานเดินมายื่นเมนูให้ แต่แนนโบกมือปฏิเสธเพราะรู้สิ่งที่ต้องการอยู่แล้ว เราสั่งแบบถ้วยใหญ่มานั่งกินด้วยกันสองคน
“อีกคำนะคะพี่ทัศน์”
หูผมกระดิกทันทีหันขวับไปมอง ตอนแรกคิดว่าเป็นใครสักคนที่ชื่อเหมือนกัน แต่พอหันไปมองก็เห็นว่าเป็นพี่ทัศน์จริง ๆ นั่งอยู่โต๊ะในสุด ข้างกันเป็นสาวสวยหุ่นน่าฟัด พี่ทัศน์นั่งหน้าเรียบ แต่ผมดูออกว่ากำลังอยู่ในโหมดรำคาญสุด ๆ ผมหันกลับมาที่เดิม ไม่รู้พี่เห็นผมรึยัง เมื่อกี้ก็ไม่ได้สังเกต
“ย้ายร้านกันไหมแนน”
“ไม่ทันแล้ว”
แนนบุ้ยปากไปยังพนักงานที่กำลังเดินเข้ามาพร้อมถ้วยไอศกรีม ผมเม้มปากแน่น แนนคงเข้าใจว่าทำไม
ผมลอบมองพี่ทัศน์อีกครั้ง เขามองผมอยู่เหมือนกัน ผมหันกลับมาที่เดิมไม่สนใจคนด้านหลังอีก นั่งกินไปเงียบ ๆ
“อีกคำนะคะ”
สาวนางออดอ้อนอีกรอบ เธอคิดผิดแล้วที่บังคับพี่ทัศน์แบบนั้น เพราะรายนั้นโคตรจะไม่ชอบของหวานเลย
เสียงเมสเสจดังเบา ๆ ผมล้วงหยิบขึ้นมอง เป็นข้อความจากพี่ทัศน์นั่นแหละ ผมกดเปิดอ่าน
‘สองพันเอาให้ขาด’
สั้น…แต่ได้ใจความ
ผมถอนหายใจแรง วางช้อนลง แนนมองงง ๆ ผมยื่นข้อความให้ดู แนนพยักหน้าเข้าใจ ผมขยับลุกยืน ปรับสีหน้าใหม่
“อ้าว พี่ทัศน์มาอู้อะไรอยู่แถวนี้ครับ วันนี้มีนัดติวสอบให้พวกไทม์นะ”
ผมเดินไปทิ้งตัวลงนั่งข้าง ๆ กอดแขนแกร่งไว้ แกล้งทำตัวเหมือนตุ๊ดจริง ๆ อย่างที่พี่เขาเคยต่อว่ามา พี่ทัศน์คงรู้สึกขยะแขยง แต่ช่วยไม่ได้ ให้หาวิธีอื่นตอนนี้คิดไม่ออกจริง ๆ หลอกหน้างานไปก่อนละกัน
สาวนางมองผมตาเขียว
“นายเป็นใคร!”
“เป็น…”
ผมยิ้มยั่ว กอดแขนพี่ทัศน์แน่นขึ้น ซบหัวกับไหล่กว้าง “คนสำคัญ…”
สาวนางอ้าปากค้าง ผมฉุดพี่ทัศน์ลุกยืนทันที
“เรารีบไปกันดีกว่า แนนรออยู่ เอาบิลไปเคลียร์ด้วยเลย” ผมคว้าบิลบนโต๊ะมาถือ “กลับเองได้ใช่ไหม พรุ่งนี้เรามีสอบ พี่ทัศน์คงไปส่งไม่ได้”
ผมยิ้มหวาน บังคับให้หล่อนกลับเอง สองแขนผมยังกอดพี่ทัศน์แน่น หัวซบไม่ปล่อย ให้หล่อนไปคิดเอาเองว่าผมเป็นอะไรกับพี่ทัศน์กันแน่
“พี่ทัศน์!”
นางเรียกความสนใจ
“โทษที”
พี่ทัศน์ตอบแค่นั้นไม่พูดอะไรอีก สาวนางดีดตัวลุกยืน คว้ากระเป๋าเดินตุปัดตุป่องออกไป พอพ้นสายตา ผมคลายมือออก ยื่นบิลคืน แบมือขอเงิน
“ไม่ได้พกเงินสดมา กลับไปเอาที่บ้านละกัน”
ผมพยักหน้าเข้าใจ เดินกลับไปนั่งที่เดิม ไม่สนใจพี่มันอีก พี่ทัศน์เดินมาหยุดอยู่ข้าง ๆ แต่ผมทำเป็นไม่เห็น แนนเงยหน้ามอง
“เอ่อ…ไทม์”
แนนคงอยากบอกให้รู้ว่าเขามายืนอยู่ข้าง ๆ แล้ว แต่ผมทำเป็นไม่เห็นเหมือนเดิม
“เอ่อ พี่ทัศน์นั่งก่อนซิคะ”
แนนคงกลัวเสียมารยาท ขยับไปชิดด้านใน ผมเงยหน้ามอง พี่ทัศน์มองแนนด้วยสายตากรุ้มกริ่ม กำลังจะทิ้งตัวลงนั่งข้าง ๆ แนน แต่ผมคว้าแขนแกร่งไว้ ดึงมานั่งข้าง ๆ ตัวเองแทนทันที
งานนี้ขอปกป้องเพื่อนตัวเองก่อนละกัน
to be con..
หน่วงเนอะ #ทัศน์ไทม์ #พี่ตัวร้ายกับนายตัวดี #เม้นท์โหน่ย