มนุษย์แฟนเด็ก
33
มีความให้เวลาพิสูจน์ใจ
“ขอบคุณครับ” บอกกับคนที่ออกมาเปิดประตูให้พร้อมกับยกมือไหว้ จันทร์เจ้ากลับมาที่บ้านของทิวากาลอีกครั้งหลังจากไปอาบน้ำแต่งตัวที่บ้านคุณย่า
ระหว่างที่นั่งคุยอยู่ในห้องนั่งเล่นสายตาก็เหลือบไปเห็นนาฬิกาพอดี และมันก็ใกล้ถึงเวลานัดแล้วจึงบอกให้ทิวากาลไปส่งเพื่อที่จะไปอาบน้ำ คนนิสัยไม่ดียอมทำตาคำขอไม่อิดออด แต่จะงอแงก็ตอนที่บอกให้ทิวาไปอาบน้ำแต่งตัวโดยไม่ต้องรอ มิลค์บอยยืนยันว่าจะรอรับไปด้วยกันแล้วค่อยไปอาบน้ำจัดการตัวเอง แต่ลูกหมูเองก็ไม่ยอม บอกกลับไปว่าไม่ต้องและให้ทิวาไปอาบน้ำแต่งตัว เมื่อเสร็จแล้วค่อยมารับ ตอนนั้นจันทร์เจ้าก็แต่งตัวเสร็จพอดี และแล้วทิวากาลก็จำยอมต่อเหตุผลของคนอายุน้อยกว่า ยอมกลับบ้านทั้งที่หน้าบึ้ง และเมื่อลูกหมูแต่งตัวเสร็จทิวากาลก็ยังไม่มา จึงขอให้คนที่บ้านคุณย่ามาส่ง ถึงมาจะอยู่ห่างกันแต่สามสี่ซอย แต่อาณาเขตบ้านแต่ละหลังนั้นกว้างมาก!!! ลูกหมูจึงไม่อยากจะเดินมาเอง
ก็คนมันขี้เกียจนี่นา... เพิ่งอาบน้ำมาด้วยไม่อยากเหงื่อออก
“สวัสดีอีกครั้งครับคุณลุง” ยกมือไหว้คนที่นั่งอยู่ม้านั่งในสวนหน้าบ้าน คุณพ่อของทิวาเงยหน้าขึ้นมองและพยักหน้าให้ “ขอนั่งด้วยได้ไหมครับ?”
“อืม”
“ขอบคุณครับ” จันทร์เจ้ายิ้มกว้าง “คุณลุงมานั่งทำอะไรตรงนี้เหรอครับ?”
“เปล่า”
คำตอบสั้น ๆ ทำให้ลูกหมูไม่รู้จะไปต่อยังไง แต่ก็พยายามหาเรื่องมาชวนคุย
“คุณลุงไปตกปลาบ่อยไหมครับ?”
“สองสามครั้งต่อเดือน ถามทำไม?”
“ผมไม่รู้จะชวนคุยอะไรนี่นา... แหะ ๆ”
“ไม่รู้จะคุยอะไรก็เงียบไปสิ”
“โธ่ ก็ผมอยากสนิทกับคุณลุง สนิทกับผมเถอะนะครับ” คุณสุริยะหรี่ตามองเด็กน้อยที่กำลังยิ้มตาหยีอยู่ข้าง ๆ
“ทำไมถึงอยากสนิทกับฉัน?”
“เพราะคุณลุงเป็นคุณพ่อของทิวา ผมเลยอยากสนิทด้วย แต่คุณลุงคงไม่อยาก เพราะคุณลุงไม่ชอบผม...” พูดเสียงเศร้าในประโยคสุดท้ายพร้อมใบหน้าที่หงอยลงและก้มมองปลายเท้าตัวเอง ถ้าเป็นคนอื่น ถ้าหากเป็นคนอื่นจะไม่รู้สึกเศร้าใจแบบนี้เลย
“ฉันไม่ต้องการให้ลูกฉันคบกับผู้ชาย รู้ใช่ไหม?”
“ทราบครับ ตามหลักการแล้วพ่อแม่ทุกคนก็อยากให้ลูกได้พบคนดี ๆ แต่งงานกับคนที่เหมาะสม”
“ก็รู้นี่”
“คุณลุงจะบอกให้ผมเลิกกับพี่ทิวาเหรอครับ...?”
“ฉันบอกไปแล้ว แต่ลูกชายฉันมันดื้อ ไม่ยอมฟัง แถมยังปฏิเสธผู้หญิงดี ๆ ที่ฉันมาหาให้มันดูตัว ถ้าเธอเป็นผู้หญิงฉันคงไม่ว่าอะไร”
“แล้วการที่ผมเป็นผู้ชายมันผิดมากเหรอครับ...”
“เธอก็รู้ว่าครอบครัวฉันมีชื่อเสียงในแวดวงสังคม ถ้าหากทายาทนักธุรกิจจะเป็นเกย์มันก็เป็นช่องทางที่จะถูกโจมตีได้ง่าย คิดว่าพวกเธอจะรับมือไหวงั้นเหรอ? คนอื่นเขาจะมองยังไง”
“ทำไมต้องแคร์คนด้วยล่ะครับ พวกเขาไม่ได้มีส่วนอะไรกับชีวิตเราสักหน่อย”
“ฉันต้องทำธุรกิจ”
“CEO บริษัทใหญ่ ๆ ในต่างประเทศยังเป็นเกย์เลยนี่ครับ”
“แล้วที่นี่คือต่างประเทศงั้นหรือ และฉันไม่ต้องการให้ลูกชายเป็นเกย์”
“...ทิวาไม่ได้เป็นเกย์สักหน่อย” เงยหน้าขึ้นสบตา “เขามีแฟนเป็นผู้ชาย ไม่ได้แปลว่าเขาจะเป็นแฟนกับผู้ชายคนไหนก็ได้นะครับ ทิวายังชอบผู้หญิง”
“เธอต้องการอะไร เงินเหรอ?”
“...!!!” จันทร์เจ้าเบิกตาโตด้วยความอึ้ง ฟันขาวขบริมฝีปาก นัยน์ตาสั่นระริก
“ตอบฉันสิ เธอเข้ามายุ่งกับลูกชายฉันทำไม ถ้าต้องการเงิน อยากได้เท่าไหร่ ฉันจะให้ และเลิกยุ่งกับลูกชายฉันซะ”
“ผมไม่ได้ต้องการเงินหรอก บ้านผมก็มีเงิน ไม่จำเป็นที่ต้องอยากได้จากคนอื่น การที่ผมคบกับทิวาก็เพราะเราชอบกัน ไม่มีเรื่องอื่นมาเกี่ยวของหรอกฮะ”
“ความสัมพันธ์แบบนั้นมันยั่งยืนที่ไหนกัน”
จันทร์เจ้าระบายยิ้ม “ลองดูไหมล่ะครับ?”
“หึ ไม่ล่ะ”
หัวเราะเสียงใสเมื่อคุณลุงไม่หลงกล “จริง ๆ แล้วความสัมพันธ์แบบนี้มันก็ดูฉาบฉวยนะครับ ดูเหมือนจะไม่สามารถยาวนานด้วย แต่มันก็ไม่เสมอไปไม่ใช่เหรอฮะ ผมมีตัวอย่างให้เห็น น้าของผมมีแฟนเป็นผู้ชายเหมือนกัน แต่ไม่ได้เป็นเกย์ เขาแค่รักผู้ชายคนนี้ และก็คบกันมาสิบกว่าปีแล้ว นานกว่าชายหญิงบางคู่อีกนะครับ”
“แล้วยังไง”
“คุณลุงให้เราพิสูจน์ได้ไหมฮะ?”
“ฉันต้องยอมไหม?”
“ต้องยอมอยู่แล้วเพราะว่าคุณลุงรักทิวา”
“หึ ฉลาดพูด”
“ขอบคุณครับ” ยิ้มรับคำชมที่ไม่แน่ใจว่าชมจริงหรือประชดกันแน่ “ตกลงคุณลุงยอมนะครับ ยังไม่ต้องชอบผมก็ได้ แค่ยอมให้เราคบกัน ถ้าคุณลุงยอมนะ ทิวาต้องดีใจมากแน่ ๆ และนี่ก็จะเป็นของขวัญวันเกิดที่ดีที่สุดสำหรับทิวาเลยนะครับ!”
“....”
“แล้วทิวาก็จะเด็กดีเชื่อฟังคุณลุงด้วย แค่ไม่บังคับให้เขาต้องไปดูตัวหรือเลิกกับผม”
“แล้วฉันต้องตอบยังไงล่ะ?”
“ถ้าคุณลุงตัดสินใจไม่ได้ ผมมีตัวเลือกให้ครับ ก. ตกลง ข. โอเค ค. ก็ได้ ง. ถูกทุกข้อ!”
“หึหึ มีตัวเลือกก็เหมือนไม่มี”
“ไม่มีที่ไหนครับ มีต้องสี่ตัวเลือกเชียวนะ คิคิ ... คุณลุงเลือกอะไรดีครับ ไม่มีเวลาแล้วน้า อีกห้าวินาทีจะเก็บคำตอบแล้วครับ”
คุณสุริยะสั่นหัวเบา ๆ ใบหน้าเคร่งขรึมมีรอบยิ้มบาง ๆ ประดับ “ข้อ ค. แล้วกัน”
“เย้เย้!!!” เจ้าเด็กตัวกระเปี๊ยกกระโดดดีใจพร้อมรอยยิ้มกว้าง “ขอบคุณนะครับ!!”
“ฉันจะรอดูวันที่พวกเธอไปกันไม่รอด”
“ต้องขอโทษด้วยนะครับ ผมไม่ให้คุณลุงสมหวังหรอก คิคิ”
หึ สุริยะเริ่มรู้แล้วล่ะว่าทำไมลูกชายคนเล็กของเขาถึงได้มาตกหลุมของเด็กคนนี้ได้...
“น้องไลลานอนแล้วเหรอครับ?” จันทร์เจ้าเอ่ยถามหลังจากสวัสดีทุกคนในห้องนั่งเล่น เมื่อคุยกับคุณลุงเสร็จลูกหมูก็โดนไล่ให้เข้ามาในบ้าน
“มาศพาไปกินนมครับ” แดนไทตอบ
“แล้วจะลงมาอีกไหมครับ หรือจะเข้านอนเลย ผมอยากเล่นกับน้อง”
“อาจจะลงมาครับ ถ้าตัวป่วนไม่เผลอหลับไป”
สาธุ! ขออย่าให้น้องไลลาหลับเลย เพี้ยง!
“ชอบเด็กเหรอเรา?”
“ชอบครับ เด็ก ๆ น่ารัก แต่บางทีก็น่าหงุดหงิด แหะ...”
“ฮะฮะ เรื่องธรรมชาติ”
“ธรรมชาติลงโทษ” ทินกรว่าต่อ “จันทร์เจ้ามีพี่น้องหรือเปล่า?”
“มีครับ มีน้องชายกับน้องสาวอย่างละคน ผมเป็นพี่คนโต”
“เหรอจ๊ะ สนิทกันหรือเปล่า? พี่น้องบ้านนี้เขาสนิทกันนะ แต่ก็ทะเลาะกันได้ตลอด”
“สนิทครับคุณป้า ผมกับน้องก็ทะเลาะกันบ่อย ๆ”
“อยากเจอน้องชายน้องจันทร์เจ้าจังค่ะ”
“อยากเจอแต่น้องชายเหรอครับพี่พินทร์”
“ก็น้องชายหล่อ พี่เห็นรูปที่อัพลงนะ โดนใจเลยค่ะ!”
“มีดีแค่หน้านั่นแหละฮะ นิสัยไม่ดีเลย”
“อ้าว ไหงงั้นล่ะ” จันทร์เจ้าหัวเราะเบา ๆ ไม่ตอบอะไรเพิ่มเติม เห็นแบบนี้ก็แอบหวงน้องอยู่นะ!
“พี่ทิวายังไม่เสร็จอีกเหรอครับ?”
“ไอ้กาลมันแต่งตัวนานจะตาย”
การรอทิวาไม่น่าเบื่อต่อไปเมื่อภาณุมาศอุ้มไลลาลงมาจากบันได ลูกหมูยิ้มกว้างรีบวิ่งเข้าไปหา ไลลาเมื่อเห็นพี่จันทร์เจ้าก็ดิ้นจะลงพื้น พอได้รับอิสระเพื่อนซี้ต่างวัยที่เพิ่งได้พบกันไม่นานก็วิ่งเล่นกันจนเหงื่อซ่ก น้องไลลาพลังเยอะมาก จันทร์เจ้าของยอมแพ้!
“เจ่เจ๊!” ไลลาร้องเรียก ลูกหมูโบกมือยอมแพ้
“คึกขนาดนี้เมื่อไหร่จะนอน หือ!”
“คิกคิก” เด็กน้อยหัวเราะและยิ้มเขิน สองมือเล็กยกขึ้นปิดหน้าตัวเอง เรียกความเอ็นดูได้มากโข
“เล่นให้เหนื่อยจะได้หลับสนิททั้งคืนไงครับครับพี่มาศ ใช่ไหมตัวเล็ก!?”
“เจ่เจ๊” ย่นจมูกใส่เด็กน้อย ชื่อสุดชิคถูกเปลี่ยนเป็นเจ่เจ๊ไปเสียแล้วเพราะน้องพูดไม่ชัด บอกให้เรียกพี่จันทร์เจ้าน้องก็เรียกเพี้ยนไปเป็นจั่นเจา ให้เรียกง่าย ๆ อย่างเจเจ ก็ได้เป็นเจ่เจ๊เฉยเลย เจ้าเด็กน่ารักกกกกกกก!
“เจเจต่างหาก!”
“เจ่เจ๊”
“พี่ชื่อเจเจ งั่ม ๆ” รวบตัวน้องเข้ามากอดแล้วจัดการงับแขนอวบด้วยความมันเขี้ยว หนูน้อยไลลาร้องกรี๊ดพร้อมดิ้นหนีและหัวเราะคิกคิก
“กรี๊ดดดดดดด”
“งั่ม ๆ มาให้กินซะดี ๆ”
“อร้ายยยย พาพ้าาาาา”
“ให้ป๊าช่วยเหรอ วิ่งมาหาป๊าสิลูก” ไลลาวิ่งไปหาป่ะป๊าโดยมีจันทร์เจ้าแกล้งวิ่งไล่ เด็กน้อยกระโดดให้ป่ะป๊าอุ้ม และซุกหน้ากับอกป่ะป๊าเป็นการซ่อนตัว
“โธ่ ลูกหมูเอ๊ย ซ่อนแบบนั้นใครก็หาเจอ” ภาณุมาศเอ่ยยิ้ม ๆ
“น้องไลลาอยู่ไหนน้า ทำไมเจ่เจ๊หาไม่เจอเลย ไลลาอยู่ไหนเอ่ย~”
“คิกคิก”
“เอ๊ะ! เสียงหัวเราะใครนะ ไลลาหรือเปล่า!”
“เงียบไว้ไลลา เดี๋ยวจะโดนจับแล้วนะ” เจ้าตัวเล็กรีบมุดป่ะป๊า ตากลม ๆ ก็แอบชำเลืองมอง เมื่อได้สบตากับเจ่เจ๊หนูน้อยก็สะดุ้งเฮือก
“อยู่นี่เอง! จับได้แล้ว”
“กรี๊ดดดดด คิกคิกคิก”
“พักก่อนนะคะ เดี๋ยวน้องหายใจไม่ทัน”
“ครับผม!” จันทร์เจ้ารับคำ เพราะเจ้าตัวเองก็เหนื่อยเหมือนกัน เดินกลับไปนั่งที่โซฟาและยกน้ำหวานเย็น ๆ ขึ้นดื่ม
“เอ้อ ลืม ในตู้เย็นมีพุดดิ้งอยู่ พี่กาลบอกว่าน้องจันทร์เจ้าชอบ พี่เลยซื้อมา ทานไหมคะ?”
“พุดดิ้งอะไรเหรอครับพี่พินทร์?”
“มีรสนมกับวานิลลาคัสตาร์ดค่ะ”
“ขอวานิลลาคัสตาร์ดครับ”
“อ้าว พี่กาลบอกว่าชอบรสนม ทำไมไม่เอารสนมล่ะคะ?”
“แหะ... คือว่าผมบนไว้ครับ ถ้าคุณลุงไม่แหกอกและยอมให้คบกับทิวาจะงดกินพุดดิ้งรสนมสองวัน” ชูสองนิ้วประกอบและยิ้มแหย แก้มกลมขึ้นสีแดงระเรื่อ นัยน์ตาเป็นประกายวาววับทว่ามีความเศร้าเจือปนอยู่เล็กน้อยเพราะอดกินพุดดิ้งรสนมไปสองวัน ฮือเศร้า เศร้าจะตายอยู่แล้ว
“ฮะ!!! คุณพ่อยอมแล้วเหรอคะ!! เฮ้ย! พี่กาล!!!!” รพินทร์กรีดร้องพร้อมดวงตาเบิกกว้างก่อนจะผุดลุกจากที่นั่งแล้ววิ่งขึ้นชั้นสองเพื่อไปบอกข่าวดีกับพี่ชาย ส่วนคนที่เหลือก็ได้แต่อึ้ง
อะไรอ่ะ พี่พินทร์อย่าเพิ่งปายยยยย เรายังไม่ได้พุดดิ้งเลยยยยยยยยย กลับมา
“ทำยังไงพ่อพี่ถึงยอมรับได้” ทินกรเอ่ยถาม จันทร์เจ้าจึงเล่าให้ฟังว่าคุยอะไรกันบ้างอย่างคร่าว ๆ
“ดีใจด้วยนะจ๊ะ ไม่รู้เพราะได้เจอหนูหรือเปล่า กาลก็ดูจะทำตัวดีขึ้น”
“ขอบคุณครับคุณป้า” ยกมือไหว้พร้อมยิ้มเขิน โชคดีจังที่ทุกคนไม่รังเกียจ
“เตี้ย!!!” เจ้าของฉายาสะดุ้งเฮือกกับเสียงเรียกที่ค่อนข้างดัง น้องไลลาเองก็สะดุ้งจนเบะปากจะร้องไห้ด้วยซ้ำ พี่แดนไทจึงพาเดินออกไปเพราะน้องใกล้จะหลับแล้ว ลูกหมูหันไปมองทิวากาลที่วิ่งหน้าตื่นมา เสื้อยังติดกระดุมไม่เรียบร้อยเลยด้วยซ้ำ
“หมายความว่าไงวะ!?”
“อะไรเหรอ?”
“พินทร์บอกว่าพ่อยอมแล้ว”
“อือ ก็ใช่ไง”
“ไม่โกหกใช่ป่ะ”
“เรื่องจริงเหอะ ไม่เชื่อไปถามคุณลุงเลย”
“พ่ออยู่ไหนวะ!!”
“มีอะไร?” ทิวากาลหันไปมองต้นเสียง เมื่อเขาพูดจบคุณสุริยะก็เดินเข้ามาพอดี ร่างสูงรีบวิ่งเข้าไปกอดผู้เป็นพ่อก่อนผละออกแล้วยิ้มกว้าง เล่นเอาคนโดนกอดงงไปชั่วขณะ เพราะนานมากแล้วที่ทิวากาลไม่ได้กอดเขา
“พ่อ พ่อยอมจริง ๆ ใช่ป่ะ ให้ผมคบกับจันทร์เจ้าน่ะ อย่าล้อเล่นนะพ่อ”
“ฉันเป็นคนแบบนั้นหรือไง”
“เหี้ยเอ๊ย!!” ทิวากาลสบถอย่างอดไม่ไหว “ขอบคุณครับ” เขาเข้าไปกอดพ่ออีกครั้งแล้วจึงกลับไปหาจันทร์เจ้า แถมยังทำในสิ่งที่ทุกคนต้องเบิกตาค้างด้วยการแตะปากบนปากของลูกหมูอีกด้วย
“มานี่เลยไอ้ตัวแสบ”
“ไม่ไป จะพาเราไปไหน ไม่ปายยยยยย”
“ทำอะไรทำไมไม่เคยบอก ตามมา อย่าดื้อ” ร่างสูงพยายามจะฉุดแขนจันทร์เจ้าให้ลุก แต่เด็กแก้มกลมก็คือเด็กแก้มกลม มือเล็กหาที่ยึดเอาไว้ไม่ยอมโอนอ่อนตาม
“ก็พี่ไม่ได้เรื่อง เราเลยจัดการเองไง ไปแต่งตัวให้เรียบร้อยนะ ถ้ายังช้าเราจะกลับบ้านแล้ว!”
“เดี๋ยวจะโดน!”
“พี่ไม่มีปัญญาทำอะไรเราหรอก ออกไป๊!!” ได้แต่ชี้หน้าคาดโทษและกลับขึ้นห้องรีบไปแต่งตัวให้เรียบร้อย
ลูกหมูเบะปากขณะลูบข้อมือข้างที่โดนดึง แดงเลย ทิวากาลไอ้บ้า! เดี๋ยวเราหนีกลับบ้านปล่อยให้ร้องไห้แง ๆ เลยนี่
“แน่ใจว่าชอบกัน ทำไมรุนแรงแบบนี้วะ”
“น้องชายพี่กรนิสัยไม่ดีเลยครับ”
“เลิกกับมันไหมล่ะ”
“ไม่เลิกครับ ผมจะไม่ให้คุณลุงสมหวัง” จันทร์เจ้ายิ้มใส่ตาคุณสุริยะ และคนอื่น ๆ ก็ได้แต่หัวเราะเบา ๆ
RRRRR
เมื่อเสียงโทรศัพท์ดังขึ้น ลูกหมูก็หยิบขึ้นมารับตรงนั้น
“สวัสดีครับหม่ามะ”
(“สวัสดีครับ วันนี้จะกลับบ้านหรือเปล่าเอ่ย?”)
“หนูไม่แน่ใจคับ”
(“ครับผม ถ้าดึกมากก็ไม่ต้องกลับนะลูกหมู มันอันตราย มะอนุญาตให้ค้างกับพี่กาลได้ บอกจริงใจด้วยนะ เด็กนั่นไม่น่าจะเชื่อฟัง”)
“ได้เยย หนูจะดูแลน้องเอง หม่ามะไม่ต้องห่วงคับ”
(“หนูก็ดูแลตัวเองดี ๆ ระวังตัวด้วยนะ อย่าให้ใครมามอมล่ะ”)
“โธ่ ระดับหนูแล้วไม่โดนมอมแน่นอนคับผม คิคิ”
(“จ้ะ พ่อคนเก่ง แค่นี้นะครับ อย่าลืมดูแลตัวเองดี ๆ”)
“ค้าบบบบ บั๊บบัย”
“คุยกับคุณแม่น่ารักจังเลย แทนตัวเองว่าหนูกับป้าได้ไหมจ๊ะ?”
“ได้ครับ!”
“ป่ะเตี้ย เสร็จแล้ว”
“อือ ๆ หนูไปก่อนนะครับ”
“จ๊ะ ไว้แวะมาอีกนะ”
“ครับผม สวัสดีครับ”
(มีต่อค่ะ)