14th Night: โอกาส
“เพื่อนเหรอ?”
“เปล่าครับ แค่คนรู้จักที่ชมรมน่ะ ไม่มีอะไรที่คุณต้องกังวลหรอก” พูดไปก็แก้ตัวไป
“ฉันไม่ได้กังวลเรื่องนั้น”
ศานนท์อมยิ้ม บอกไม่ถูกว่ากำลังชอบใจหรือขำเพราะเขาตีตนไปก่อนไข้กันแน่
“แค่คิดว่าเธอน่าจะทำความรู้จักกับคนใหม่ๆ บ้าง เขาอาจแค่อยากเป็นเพื่อนก็ได้”
“ผมจะได้หาเรื่องใส่ตัวน่ะสิคุณ! ถ้าต้องไปข้องแวะกับคนแบบนั้นสู้ให้ผมอยู่ตัวคนเดียวยังดีกว่า”
ตุลย์ถอนหายใจเฮือก สีหน้าท่าทางนั้นเรียกเสียงหัวเราะจากหนุ่มใหญ่ได้ถนัด
“ทำไมเธอถึงคิดว่าเขาแย่นักล่ะ?”
หึ... ทำไมน่ะเหรอ? จริงอยู่ ถ้าในตอนนั้นเต้ไม่เข้ามาขวางก่อน เขาอาจไม่ได้นั่งตากแอร์ กระดิกเท้าอยู่ในรถศานนท์โดยสวัสดิภาพ แต่จะให้เขาเชื่อใจใครง่ายๆ ทั้งที่ไม่รู้จุดประสงค์เบื้องหลังพฤติกรรมตามตื้อราวกับสโตกเกอร์ มันก็ไม่ใช่วิสัยคนปกติ
เพื่อน? ตุลย์เค้น ‘หึ’ ในคอ
แล้วไอ้คำครหาว่า ‘เขานอนกับคนอื่นเพื่อเงินและเส้นสาย’ นั่นล่ะ จะให้ตีความเป็นการพยายามทำความรู้จักแบบหนึ่งหรือยังไง? ในเมื่อวิธีที่เต้ปฏิบัติตัวต่อเขามันย้อนแย้งกันเอง เขาก็สรุปได้ว่า...
“หมอนั้นไม่น่าไว้ใจ”ศานนท์ชะงักมองหน้าเขาแล้วนิ่งขึงชั่วครู ก่อนเจ้าตัวจะละสายตาไปยังถนน
“ปกติเธอเข้ากับคนอื่นง่ายออก อีกเดี๋ยวพวกเธอก็รู้จักกันเองนั่นแหละ”
“คุณน่ะมองโลกในแง่ดีเกินไป คุณศานนท์”
ตุลย์ถอนหายใจ เอนหลังพิงเบาอย่างเหนื่อยหน่าย โดยที่มองข้ามปฏิกิริยาอันน่าสงสัยของหนุ่มใหญ่ไปสนิท
แค่พยายามปรับตัวให้เป็นที่ยอมรับในสังคมมหาวิทยาลัยก็เป็นปัญหาใหญ่แล้ว นับประสบอะไรที่เขาจะต้องพยายามทำความรู้จักคนที่ไม่รู้กระทั่งว่าเป็น ‘มิตร’ หรือ ‘ศัตรู’ศานนท์ปรายตามองคนที่ทำท่าเหมือนอาลัยตายอยากแว่บหนึ่ง แล้วเอื้อมมือมาลูบหัวเบาๆ
“เอาน่า เดี๋ยวเธอก็ปรับตัวได้เอง”
เรื่องวุ่นวายในวันนี้นับว่าสูบพลังงานจากร่างตุลย์จนเหือด คิดอะไรเรื่อยเปื่อยไปพลาง มองทิวทัศน์ไปพลาง ตุลย์ก็เผลอหลับในรถ พอถึงบ้านก็เดินสะโหลสะเหลตรงขึ้นห้อง ความคิดสะเปะสะปะที่ยังตกค้างทำให้รู้สึกล้าจนไม่อาจจิตนาการถึงเรื่องใดนอกจากเตียงนอนนุ่มๆ กับการได้อาบน้ำเย็นๆ
ตุลย์เหวี่ยงประตูปิดแล้วโยนกระเป๋าลงบนเก้าอี้ แปลกใจเล็กน้อยที่ไม่ได้ยินเสียงกระแทกบานพับเหมือนทุกครั้ง แต่ก็ไม่ได้ใส่ใจ
กระทั่งมีมือปริศนาเคาะประตูสามครั้ง เขาจึงหันกลับไปมอง ก่อนจะพบว่าประตูยังเปิดอ้าซ่าราวกับว่ามันไม่ได้ปิดตั้งแต่แรก ข้างๆ กันนั้น คือศานนท์ยืนเท้ากำแพงมองเขา หลังมือยังค้างอยู่บนบานไม้เหมือนแค่เคาะตามมารยาท
“ครับ? คุณมีอะไรหรือเปล่า”
ตุลย์เลิกคิ้วเล็กน้อยขณะพาดเช็ดตัวบนบ่า ตั้งใจจะอาบน้ำให้สบายตัวเสียหน่อย
“ให้ฉันเข้าไปได้มั้ย?”
“อ่า... ครับ”
สบตากับผู้มาเยือนตุลย์ก็ลอบถอนหายใจ ก่อนพยักหน้า ถอยเพื่อเปิดทางให้ศานนท์เข้ามา เขารู้ดีว่าหนุ่มใหญ่ต้องการอะไร เพราะดวงตาคู่วับวามคู่นั้นมันแสดงเจตนารมณ์โจ่งจัด เจ้าตัวมาเองขนาดนี้แล้ว ถ้าเขาปฏิเสธดื้อๆ ก็คงเหมือนการหักหน้าอีกฝ่าย
จะว่าไปมันก็สักพักแล้ว... นับจากครั้งสุดท้ายบนโซฟาที่ทำเอาตุลย์ฉุนแทบขาดก็ผ่านมาร่วมเดือน เพราะหลังจากที่ไหล่บาดเจ็บ ศานนท์ก็ยังไม่ได้เรียกร้องเรื่องอย่างว่าจากเขาเลยแม้แต่ครั้งเดียว
“คุณนั่งรอแป๊บนึงนะครับ เดี๋ยวผมขออาบน้ำก่อน”
อารมณ์เหนื่อยอ่อนทำให้เขาเลือกขอพื้นที่ส่วนตัว คาดไม่ถึงก็ตรงที่ศานนท์รั้งแขนเขาไว้ ร่างสูงยืนอยู่ใกล้จนสัมผัสได้ถึงไออุ่นจากร่างกาย
“ฉันอยากอาบน้ำกับเธอ...”“.......”
ประโยคไม่คาดคิดจากปากผู้ชายที่อายุมากพอจะเป็นพ่อเขาได้ ทำให้สมองที่เฉื่อยอยู่แล้วคล้ายหยุดประมวลผลดื้อๆ ไปชั่วขณะ
ตกอยู่ในอาการมึนงงจับต้นชนปลายไม่ถูก หนุ่มใหญ่จึงถือวิสาสะตีความว่าเขา ‘ตกลง’ จบลงด้วยการที่เขาและศานนท์เข้ามาอยู่ในห้องน้ำพร้อมๆ กัน
จูบจากหนุ่มใหญ่ถูกใช้เป็นเครื่องต่อรองทันทีที่ประตูปิดลง สัมผัสบนริมฝีปากนั้นอ้อยอิ่ง เอาใจคล้ายไม่อยากให้ปฏิเสธ ขณะที่มือหนาลูบบั้นเอวและสะโพกใต้ผิวผ้าอย่างเคยชิน จากนั้นตุลย์ถูกดันเข้าไปในด้านในคอกฝักบัวกระทั่งหลังสัมผัสกับกระเบื้องเย็นๆ
ศานนท์ลากริมฝีปากลงมาจรดต้นคอเขาก่อนจะเม้มจูบ ไรหนวดครูดผิวชวนให้จั๊กจี้จนต้องเอียงหน้าหนี ส่งเสียงต่ำๆ ในคอขณะที่ยึดไหล่อีกฝ่ายไว้
หากระหว่างกำลังดื่มด่ำกับอารามบทเล้าโลม จู่ๆ กางเกงเขาก็ถูกถลกลงโดยไม่พูดพร่ำทำเพลง ตามด้วยสัมผัสที่รุกไล่หนักหน่วงขึ้นตามลำดับราวกับความอดทนของอีกฝ่ายกำลังลดน้อยลงเต็มที
...ชั่วขณะหนึ่งที่ตุลย์นึกหมั่นไส้จนอดไม่ได้ที่จะเอื้อมมือไปคว้าวาล์วน้ำ แล้วบิดเต็มแรง
ซ่า!น้ำเย็นเฉียบไหลพรวดพราดจากฝักบัวราดรดบนร่างพวกเขาทั้งคู่จนเปียกชุ่ม ตัวเขาหันหลังน่ะไม่เท่าไหร่ แต่หนุ่มใหญ่ที่ยืนหันเข้าหากระแสน้ำ ถูกสาดเข้าอย่างจังจนต้องยกแขนป้องใบหน้า ผละจากตัวเขาในทันที
ตุลย์มองคนที่ใช้แขนเสื้อเปียกๆ เช็ดหน้าเช็ดตา คิ้วขมวดเป็นปมเพราะถูกขัดจังหวะตอนกำลังอยู่ในอารมณ์เข้าได้เข้าเข็มก็หัวเราะในคออย่างห้ามไม่อยู่
เขาหุบยิ้มแทบไม่ทัน เมื่อถูกเจ้าของตัวตาที่ขยี้จนแดงจ้องกลับ
“ขอโทษครับ...”
รู้ว่าทำให้หนุ่มใหญ่เสียอารมณ์ เขาก็ยืนยันคำขอโทษด้วยการจูบริมฝีปากนั้นกลับ เลื่อนลงมาตรงปลายคางแล้วไล่ต่ำลงตามลำดับขณะที่ถอดเสื้อผ้าอีกฝ่ายทิ้ง ตุลย์ไล่ลงไปถึงขอบกางเกง แล้วคุกเข่าลงให้สายตาอยู่ระดับเดียวกับเป้ากางเกง ทว่ากลับถูกอีกฝ่ายช้อนตัวยืนขึ้น
“วันนี้ไม่ต้องหรอก พื้นมันเย็นน่ะ”
ศานนท์ไม่พูดเปล่าแต่รั้งตัวตุลย์เข้าไปในคอกฝักบัวอีกครั้ง น้ำชโลมเสื้อเขาจนเปียกชุ่มเช่นเดียวกับร่างเปลือยของหนุ่มใหญ่ จูบถูกป้อนให้อีกครั้ง แต่คราวนี้มาพร้อมกับนิ้วโป้งที่สัมผัสคลึงต้นคอเบาๆ ตุลย์ แหงนหน้าตอบรับ ขณะที่ต้นขาอีกฝ่ายสอดเข้ามาระหว่างขาเขาแล้วเสียดสีกับจุดอ่อนไหว มันวาบหวิวชวนให้อารมณ์พลุ่งพล่านจนต้องสอดแขนรั้งคออีกฝ่ายแล้วเบียดกายเข้าหา
น้ำที่ไหลลงมาจากผัวบัวบนศีรษะทำให้ตุลย์หลับตาจวบจนต่างฝ่ายต่างถอนจูบ เขาถึงเห็นหน้าหนุ่มใหญ่ชัด
ใบหน้าศานนท์อยู่ห่างจากเขาเพียงไม่ถึงนิ้ว กลุ่มผมสีดำเปียกชุ่ม ขณะที่น้ำไหลลงมาตามกรอบหน้าจนถึงปลายคางแล้วหยดลงเป็นสายเช่นเดียวกับบนร่าง ยิ่งน้ำเย็นจัดเท่าไหร่ก็ยิ่งขลับให้ไอร้อนเด่นชัดยามที่ร่างกายของคนทั้งคู่สัมผัสกัน ตุลย์ถอดเสื้อเชิ้ตซึ่งเป็นสิ่งกีดขวางชิ้นสุดท้ายออก เมื่อตัวเขาชักเสียการควบคุมให้กับไฟปรารถนามากขึ้นทุกที
“หันหลังสิ”
ตุลย์พลิกตัวตามคำสั่ง ศอกเท้ากับกำแพงเย็นๆ ขณะที่ศานนท์ก้มหยิบถุงยางจากกองผ้าที่ถูกโยนระเกะระกะบนพื้น หนุ่มใหญ่ช้อนสะโพกเขา ดันสิ่งที่อุ่นกว่าเข้ามาในร่าง ทั้งความร้อนและความเย็นที่ประเดประดังเข้าใส่ในคราวเดียวทำเอาตุลย์หลุดเสียงครางอย่างอดไม่ได้ เขาไม่ชอบความหนาวเย็น แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่ามันเร่งเร้าอารมณ์เสียวซ่านได้ทุกครั้งที่อีกฝ่ายขยับกาย
หนุ่มใหญ่เอื้อมมือสัมผัสหน้าท้องเขา ไล่ลงไปตามท้องน้อย ก่อนจะกอบกุมส่วนปลายที่อ่อนไหวเป็นพิเศษ เค้นคลึงสลับหนักเบา ปั่นป่วนท้องน้อยเสียจนเขาต้องยึดข้อมืออีกฝ่ายไว้ ก่อนที่อารมณ์จะเตลิดไปถึงฝั่งฝันเสียก่อน
“คุณ... อ้า ...อย่าเพิ่ง”
“อืม”
หนุ่มใหญ่ขานรับในคอ ก่อนจะปล่อยมืออย่างว่าง่าย เปลี่ยนมาจูบที่หลังแทน ตุลย์สะดุ้งขนลุกไปทั้งตัว เมื่อไอร้อนจากจูบและลมหายใจสัมผัสถูกผิวกายอันเย็นเฉียบจนเกือบชาเพราะผลจากน้ำที่ไหลลงมา
“อ่า... ผมหนาว”
เขาเอียงหน้ามองเป็นเชิงร้องขอคนที่ยังสอดใส่อยู่ภายในร่าง ซึ่งหนุ่มใหญ่ก็ยอมปิดน้ำให้แต่โดยดี
“งั้นเปลี่ยนที่หน่อยแล้วกัน”
ไม่ว่าเปล่าแต่ย้ายร่างเขาขึ้นไปบนพื้นที่ข้างๆ อ่างล้างหน้าซึ่งมีขวดผลิตภัณฑ์อาบน้ำวางอยู่จำนวนหนึ่ง ก่อนที่หนุ่มใหญ่จะกวาดมันลงไปกลิ้งบนพื้นเพราะเห็นว่าเกะกะ ข้อพับขาถูกช้อนขึ้นแล้วแยกออก ตามด้วยสะโพกดึงติดมือจนชิดร่างหนุ่มใหญ่
ตุลย์เท้าแขนบนอ่างล่างหน้าเพื่อยันตัวเองไว้ในท่ากึ่งนั่งกึ่งนอน มันทุลักทุเลเอาการจนต้องเปลี่ยนมาคว้าไหล่หนุ่มใหญ่ เกี่ยวขาพันเอวอีกฝ่ายเป็นหลักยึด มันไม่ยากเลยที่จะรู้สึกดีเมื่อภายในถูกล่วงล้ำเข้ามาลึกและเสียดสีได้ตรงจุดยิ่งขึ้น ไม่รู้เมื่อไหร่ที่เขาเป็นฝ่ายเบียดสะโพกตอบรับกับจังหวะการเคลื่อนไหว อารมณ์พุ่งสูงจนต้องใช้ขารัดสะโพกอีกฝ่าย ส่งเสียงครางเป็นต่ำๆ เพื่อระบาย
พอถูกเสียดสีติดๆ ในจุดที่สร้างความกระสันให้แก่ร่างกาย ตุลย์ไปถึงจุดหมายอย่างไม่ยากเย็น
.
.
.
.
“เธอโอเคนะ?”
ศานนท์ถามหลังเสร็จกิจ วางนิ้วโป้งบนไหล่ซ้ายเขา แล้วคลึงเบาๆ เหมือนอยากเช็คให้แน่ใจว่าเขาหายดี
“ครับ ผมไม่เจ็บแล้ว”
“แล้วลุกไหวหรือเปล่า” หนุ่มใหญ่ตั้งท่าจะพยุง แต่ตุลย์ส่ายหน้า
“ผมโอเค แค่มันยังรู้สึกแปลกๆ อยู่หน่อย”
เห็นแบบนั้นหนุ่มใหญ่ก็ไม่เซ้าซี้แต่เดินไปเปิดน้ำใส่อ่างแทน เจ้าตัวยืนพิงผนังไม่ห่างจากเขา จวบจนปริมาณน้ำสูงถึงครึ่งอ่าง ถึงเอ่ยชวน
“อาบน้ำด้วยกันมั้ย”
ตุลย์ถอนหายใจยิ้มแกนๆ
ขืนลงอ่างด้วยกันอีกรอบ มันจะไม่ได้อาบน้ำเอาน่ะสิ“คุณอาบเถอะ ผมอาบฝักบัวดีกว่า” ว่าพลางไถลตัวลงจากซิงค์ เก็บเสื้อผ้าเปียกๆ บนพื้นที่ต่างจากต่างถอดทิ้งระเกะระกะมาพาดไว้ข้างๆ ได้ยินเสียงหนุ่มใหญ่หัวเราะแว่วๆ ตามหลัง ก่อนจะเปิดน้ำโดยที่ไม่ลืมปรับอุณหภูมิให้อุ่นพอดี แล้วอาบน้ำสระผม ‘แบบจริงๆ’ ไปตามระเบียบ
ตุลย์ออกมาสวมเสื้อลวกๆ ข้างนอกเพราะเสร็จก่อน ก่อนจะทิ้งตัวบนเตียงขนาดใหญ่ เอนกายพิงหมอนอย่างเหนื่อยอ่อน เซ็กส์เมื่อครู่ทำให้เขาหมดแรง แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าช่วยให้สมองปลอดโปร่งอย่างเหลือเชื่อ
เอาเข้าจริงแล้ว เขาก็ชอบมันไม่น้อยไปกว่าศานนท์ เพราะมันไม่เคยทำให้เจ็บ หรือต้องรู้สึกเหมือนกลายเป็นที่รองรับความใคร่ของใคร ต่างจากเมื่อก่อน...เขานั่งสมองเริ่มกลับมาทำงานเป็นปกติอีกครั้ง ตุลย์ก็เปิดอ่านข้อความในโทรศัพท์ เขายังคงติดใจเรื่องจีจี้ถึงแม้ก่อนหน้านี้จะได้คุยกับแม็กคร่าวๆ ไปบ้างแล้ว
แค่อยากแน่ใจว่าเธอสบายดี... ถ้าเธอต้องติดร่างแหเพราะเรื่องในอดีตของเขา เขาคงไม่ให้อภัยตัวเองพิมพ์คุยกันไม่เท่าไหร่ตุลย์ก็ถอนหายใจโล่งอก นับว่าโชคดีที่เรื่องไปบานปลายเพิ่มหลังจากที่เขาแยกตัวออกมา จีจี้ไม่ได้บาดเจ็บตรงไหน เพียงแค่ตกใจกับสิ่งที่เกิดขึ้น ส่วนแม็กก็ขับรถพาเธอไปส่งที่บ้านมาหยกๆ โดยรวมแล้วไม่มีอะไรน่ากังวล
ต่อไปนี้เขาคงต้องระวังตัวมากขึ้น...ระหว่างยังจมจ่ออยู่ในความคิด จู่ๆ ผ้าขนหนูพื้นหนึ่งก็ร่วงลงกลางหัวเขาบังทัศนวิสัยบนจอโทรศัพท์เสียมิด ตุลย์เลิกผ้าคลุมหน้าพลางขมวดคิ้ว มันเป็นฝีมือเจ้าของบ้านผู้ซึ่งสวมเสื้อคลุม ลากรองเท้าผ้า เพิ่งออกจากห้องน้ำหมาดๆ คงเพราะไม่มีชุดที่ดีกว่านี้ใส่เนื่องจากเสื้อผ้าพวกเขาต่างก็เปียกแฉะทั้งคู่
“ปล่อยไว้เฉยๆ แบบนี้เดี๋ยวก็ไม่สบายหรอก”
ถูกทัก ตุลย์ก็ใช้มันเช็ดผมลวกๆ เหมือนกันกลัวคนพูดเสียน้ำใจ
“ถ้าผมป่วยก็น่าจะเพราะคุณมากกว่า”
หนุ่มใหญ่หัวเราะสองทีให้กับความช่างประชดประชันนั้น
“ฉันจะไปเปลี่ยนเสื้อผ้าก่อน ถ้าเสร็จแล้วตามที่ห้องหน่อย ฉันมีอะไรอยากให้เธอได้ดู”
“อะไรครับ?”
“เธอมาดูเองจะดีกว่า”
ประโยคนั้นน่าฉงน แต่เมื่อศานนท์เดินลากเท้าออกไปห้องไปเฉยๆ ทิ้งไว้ให้เป็นความลับโดยปราศจากคำอธิบาย เขาคงต้องหาคำตอบด้วยตัวเอง
...ก็หวังว่ามันคงไม่ใช่แผนล่อไปทำเรื่องอย่างว่าต่อจากในห้องน้ำหรอกนะตุลย์เช็ดผมพอหมาด เปลี่ยนจากผ้าเช็ดตัวมาสวมกางเกงนอนแทน แล้วตามไปห้องเจ้าของบ้านแม้ว่าใจจริงจะง่วงนอนเต็มที
--------------------------
กลับมาแล้วข่าาาาาาา กีสสสสสสสสส เมลล่านั่งกลับไปย้อนอ่านงานตัวเองมา ก็เกิดความรู้สึกว่าเฮ้ย มันก็กดดันใช้ได้นี่หว่า แต่ทำไมหลังจากตอนเจ็ดมันถึงได้รู้สึกขาดตอนอะไรขนาดนี้
ตอนแรกว่าจะเคลียร์ให้เสร็จภายในวันที่ 1 จะได้ happy new year ด้วย
แต่นี่ดันวันที่สองแล้ว... ฮืออออ
HNY นักอ่านทุกท่านย้อนหลังนะคะ ปีใหม่แล้ว ขอให้ทุกท่านแฮปปี้ขึ้นเยอะๆ ค่ะ ถ้าชีวิตมีความสุขอะไรก็สนุกไปหมดดด
ขอบคุณที่ติดตามกันมา แม้เนื้อเรื่องจะกระดึ้บเป็นเต่า แต่เราก็จะอัพไปเรื่อยๆ เพราะมาไกลมากแล้วว จะไม่ทำทิ้งทำความเหมือนครั้งก่อนแน่!
#ก้มกราบแบบเบญจฯ