SIDELINE. ผมเป็นเด็กเสี่ย (21.03.21) ตอนพิเศษ อาถรรพ์ดินเนอร์ (1) [Updated]
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: SIDELINE. ผมเป็นเด็กเสี่ย (21.03.21) ตอนพิเศษ อาถรรพ์ดินเนอร์ (1) [Updated]  (อ่าน 128731 ครั้ง)

ออฟไลน์ alternative

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2317
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +285/-3
ห๊ะ! มากดดันหน้กหน่วงแล้วก็ทิ้งเราไป
ฮือออออออออ

อยากรู้แล้วววว 'เสี่ย' คนนี้ใช่ศานนท์หรือเปล่า

รีบ ๆ มานะ

ออฟไลน์ autopilot

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 67
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0
มาต่อเลยได้มั้ยนนนนนยสน

ออฟไลน์ Supparang-k

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1909
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +20/-3
งื้ออออออ...ลุ้นอ่ะ

ออฟไลน์ TachibanaRain

  • มาโกโตะเทนชิ
  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2418
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +76/-3
เหยย เกือบลืมไปแล้ววว ตกลงลุงเป็นพระเอกจริงๆใช่ไหม

ออฟไลน์ kimkidoy

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 57
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
มันจะฟรุ้งฟริ๊งจริงๆใช่ไหมมมมมมมมม??!!!!!!!
สงสารตุลย์ อยากให้นางเลิกเครียดเรื่องแม่สักที
ส่วนเสี่ยคนนี้ขอให้เป็นศานเถอะนะ

ปล.วัตรนี่ยังไง ตอนแรกคิดว่าจะพระเอกนะเนี่ยยยย :z6:

ออฟไลน์ JustWait

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3348
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +80/-4
ใช่เหรอ.. ระแวงง

ออฟไลน์ youuue

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 135
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +16/-1
 :sad4:   ขอให้ใช่ทีเถอะ :ling2:

ออฟไลน์ ราตรีสีน้ำเงิน

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 121
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0
 :hao3: :hao3: :hao3: :hao3: :hao3:

ค้าง!!!!!!!

มาต่อเร็วๆนะ

ออฟไลน์ tnkgif

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 32
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
กรี๊ดดดด :katai4: :mew1: คุณศานมาช่วยน้องเเล้วใช่มั้ย

ออฟไลน์ Pakeleiei

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 862
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-1
ตุลย์ :กอด1:

มาอัพได้แล้ว :katai1:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ นางฟ้าเชียงชุน

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 351
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +7/-1
อ่านตอนแรกๆเหมือนใจจะขาด อึดอัดใจแทนตุลย์ หวังว่าลุงศานจะเป็นที่พึงให้น้องได้นะคะ เกลียดธวัตร

ออฟไลน์ ShadeoftheMoon

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 392
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +12/-0
เพิ่งเข้ามาตามอ่าน รู้สึกว่าดราม่าอึนๆ ทึมๆ ทุกตอน จะสงสารตุลย์ก็สงสารไม่สุดเพราะไม่รู้เหตุผลจริงๆ ว่าทำไม
ถึงมาทำอาชีพนี้ มีคำถามผุดขึ้นมาทุกครั้งที่อ่านและเริ่มจะสงสารตุลย์ว่าทำไมต้องยอมนายธวัตร ทำไมต้องกลัวนาย
ธวัตรมากขนาดนั้น และที่ผู้แต่งบอกว่าเรื่องนี้จะฟรุ้งฟริ้งไม่ดาร์ก ยังไม่ค่อยเชื่อเท่าไหร่ เพราะเท่าที่อ่านมามันดาร์กตลอด
ถึงตอนสุดท้ายจะทิ้งชื่อ ศานนท์ไว้ แต่เราก็ยังไม่วางใจกลัวผู้แต่งหักมุม ว่าเป็นคนอื่นที่ซื้อตุลย์ไป ส่วนธวัตรนี่เห็นแก่ตัวสุดๆ
และเพื่อนที่ซื้อตุลย์มาทำร้าย ก็อยากเห็นว่าคนพวกนั้นน่าจะได้รับบทลงโทษบ้าง ติดตามต่อจ้า

ออฟไลน์ supernaturalgay

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 72
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +107/-1
ขอเตะผ่าหมากธวัตรได้มั้ย :fire:  แถมเผื่อกระทืบไอ้สองตัวเชี่ยสองตัวนั่นด้วย  :fire:  เอาแม่งให้เป็นหมันเลย :angry2:

ออฟไลน์ kimkidoy

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 57
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
ตุลย์จ๋าาาาาเมื่อไรจะมาาาาาา :ling1: :katai4:

ออฟไลน์ lightseeker

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 112
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +6/-0
มารอค่ะ  :o12: ในที่สุดน้องก็จะหลุดบ่วงกรรมแล้ววมีเสี่ยมาเลี้ยงแล้ว

ออฟไลน์ Caramella

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 96
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +22/-1
Friday Night : ปล่อยมือ {ธวัตร}


“ไม่นึกว่าจะได้พบกันอีกเป็นครั้งที่สองนะ คุณศานนท์”


ธวัตรเปรยพร้อมยกรอยยิ้มจอมปลอมเป็นการต้อนรับ เมื่อเห็นร่างสูงของชายวัยกลางคนสวมสูทสีดำภูมิฐานแบบนักธุรกิจอยู่ในระยะสายตา แม้ว่าใจจริงเขาอยากสั่งบอดี้การ์ดด้านหลังให้โยนไอ้แก่นี่ออกนอกคลับพ้นๆตาไปเสีย


ศานนท์เพิ่งหักหน้าเขาปลายสัปดาห์ที่แล้ว ด้วยการเขี่ยข้อเสนอทิ้งแบบไม่ใยดี แต่แล้วจู่ๆ ก็ฝ่ายนั้นก็เปลี่ยนใจเสนอหน้ามาหาเขาถึงถิ่น ทั้งยังอ้างว่า ‘มีข้อเสนอที่ดีกว่า’ แบบนี้ไม่เรียกว่าหยามหน้า ก็ไม่รู้ว่าควรนิยามด้วยคำว่าอะไร


“นั่งสิ” เขาผายมือเชิญ ก่อนจะทรุดตัวลงตรงข้าม


ที่นี่ธวัตรเป็น ‘เจ้าบ้าน’ ไนท์คลับคือปราการของเขา ถ้าหากศานนท์เล่นนอกกติกา ก็ถือว่ากล้าเอาชีวิตมาทิ้งในถ้ำเสือ


“หวังว่าข้อเสนอที่คุณว่า จะน่าสนใจมากพอสำหรับค่าเสียเวลาของผม”


“ผมก็หวังว่าคุณจะตอบตกลง”


ธวัตรมองนาฬิกา “ถ้าอย่างนั้นเข้าเรื่องเถอะครับ ผมมีเวลาไม่มาก”


เขาไม่อยากเสียเวลาฟังนานนัก เพราะยังไงก็ไม่คิดจะรับข้อเสนออยู่แต่แรกแล้ว สิ่งที่เขาสนใจในตัวศานนท์มีเพียง 'ความมั่นคงทางการเงิน' ที่สามารถเป็นฐานรองรังให้คลับเท่านั้น ซึ่งก็ได้ถูกปฏิเสธชัดเจนไปแล้วเมื่อสัปดาห์ก่อน


ถูกบีบเข้าประเด็น หนุ่มใหญ่ก็ไม่อ้อมคอม


“ที่ผมมาวันนี้เพราะอยากได้ ‘เด็กคนนั้น’”


“เด็กคนนั้น? คุณหมายถึงตุลย์น่ะเหรอ” ธวัตรกลั้นหัวเราะแทบไม่อยู่ “เหมือนคุณจะปักใจอะไรกับมากกว่าที่ผมคิดนะ”


“...........”


“แต่เรื่องนี้ผมคงต้องปฏิเสธ... รายได้ส่วนหนึ่งของคลับมาจากเด็กคนนั้น จะให้ผมยกคุณให้เขาง่ายๆ เห็นทีจะไม่ได้”


ธวัตรเกี่ยวบุหรี่มวนหนึ่งจากกล่องบนโต๊ะ จุดไฟและยกขึ้นจ่อริมฝีปาก เขาเงยหน้าสูดกลิ่นและรสชาติที่คุ้นเคย ก่อนจะพ่นลมหายใจสีควันออกช้าๆ ยกยิ้มอย่างคนถือไพ่เหนือกว่า


“ยกเว้นว่าคุณจะร่วมทุนกับผมอย่างที่ตกลงกันไว้ตอนแรก”


ศานนท์มีสีหน้ายุ่งยาก “ผมไม่ยุ่งกับธุรกิจค้าประเวณี”


“ถ้าอย่างเราคงไม่มีธุระต้องคุยกันอีก” ธวัตรขยี้ก้นบุหรี่ ก่อนจะลุกขึ้น


ดูเหมือนการเจรจาจะจบลงเร็วกว่าที่คิด แต่...


“ผมจะจ่ายเป็นเงินสด”


ประโยคนั้นดึงคววามสนใจเขาได้ชะงัด


“แต่จะจ่ายสดก็ต่อเมื่อคุณตกลงว่ามันจะเป็นการซื้อขาด สิทธิ์ในตัวเขาทั้งหมดจะเป็นของผม”


“นั่นขึ้นอยู่กับว่า ‘จำนวน’ ของมันมากพอจะเปลี่ยนใจผมไหม...” เขายกยิ้ม


“หกหลักเป็นยังไง?”


“ต่ำไป... น้อยกว่าที่เด็กคนนั้นทำได้”


“แปดล่ะ?”


“ก็น่าสนใจ...” เขาลูบคาง “แต่ไม่มากพอจะทำให้ผมตัดสินใจขายเขา”


“หรือครับ” หนุ่มใหญ่กอดอก“แต่ผมว่าตอนนี้คุณมีทางเลือกไม่มากนัก...”


“หมายความว่ายังไง” คำพูดของอีกฝ่ายทำเขาฉุนไม่น้อย


“จากสถานภาพทางการเงินของคลับตอนนี้ เดาว่าแผนขยายสาขาของคุณที่ไม่มีเงินทุนจากผมคงไม่ราบรื่นเท่าไหร่ ซึ่งผมคิดว่านั่นคงไม่ส่งผลดีต่ออิธิพลใต้ดินของคุณ ว่าไหม?”


“........!” ธวัตรกำมือแน่น


ทุกอย่างที่พูดมาไม่มีข้อไหนผิดจากความจริง ระยะนี้การเงินคลับฝืดเคืองกว่าทุกครั้ง เนื่องจากรายได้ส่วนใหญ่ถูกนำไปหมุนใช้ในการลงทุนกับสาขาใหม่ บีบบังคับให้เขาต้องหยิบจับทุกอย่างในมือมาใช้ประโยชน์ นานเข้าอำนาจใต้ดินก็เริ่มถูกท้าทายโดยพวกนักเลงคุมถิ่น หากปล่อยไว้ คงหมดความเชื่อถือต่อลูกค้าในไม่ช้า


“ถ้าคุณจะหยิบประเด็นนั้นมาขู่เพื่อให้ผมขายเด็กคนนั้น คงต้องบอกว่าคุณคิดผิด”


ตอนนี้การเงินเขาย่ำแย่มาก หากเสียตุลย์ไปอีกก็เสมือนการฆ่าตัวตาย


“แล้วถ้าผมเสนอจะออกทุนให้คุณฟรีๆ แลกกับตุลย์ล่ะ?”


ธวัตรตะลึง แทบไม่เชื่อหูตัวเอง แต่ก็แค่เสี้ยวนาทีก่อนที่เขาจะหัวเราะอย่างห้ามไม่อยู่



“นี่ผมคงฟังไม่ผิดหรอกใช่ไหม!? คุณยอมจ่ายเงินเป็นล้านๆ เพื่อซื้อเด็กขายที่เพิ่งรู้จักกันไม่กี่เดือน? เด็กคนนั้นมีอะไรดีนัก คุณถึงได้ปักใจกับเขาไม่เลิก?”


 “เรื่องนั้นผมให้คำตอบคุณไม่ได้ เพราะผมก็ยังไม่รู้”


ศานนท์เอนตัวพิงพนัก


 “แต่สิ่งที่ผมตอบคุณได้คือ เขา ‘ดีเกินไป’ กว่าจะใช้ชีวิตอยู่ในที่แบบนี้


“ดูเหมือนผมคงประเมินคุณสูงไป” ชายหนุ่มเค้นยิ้มอย่างเย้ยหยัน


อีกฝ่ายแค่ไหวไหล่ “แล้วคุณจะตกลงไหม”


“เรื่องนั้นผมขอคิดดูก่อน แล้วจะติดต่อกลับไป”


กับเรื่องธุรกิจ ธวัตรไม่รีบร้อนตัดสินใจ โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับข้อเสนอที่เป็นประโยชน์ต่อเขามากเกินไปจนเรียกได้ว่าแทบจะให้กันฟรีๆ


“อย่านานนักนะครับ ผมรอคำตอบอยู่”


เสร็จธุระศานนท์ก็ขอตัวกลับทันที ธวัตรมองตามร่างของชายวัยกลางคนจนกระทั่งฝ่ายนั้นเดินออกประตูไปโดยมีคนของเขาคอยจับตาอยู่ไม่ห่าง วินาทีนั้นประโยคหนึ่งก็ฝุดขึ้นในหัว


“สิ่งที่ผมตอบคุณได้คือ  เขา ‘ดีเกินไป’ กว่าจะใช้ชีวิตอยู่ในที่แบบนี้”


เขาหมุนแก้วเปล่าในมือที่เหลือเพียงน้ำแข็ง พวกมันสะท้อนระยิบระยับยามต้องแสงไฟ ความสงสัยฝุดขึ้นในใจ...


‘เงิน’ คือสิ่งที่เด็กคนนั้นเรียกหามาตลอด... เรื่องนั้นเขามั่นใจ


แต่ถ้าหากว่าจริงๆ แล้วมันไม่ใช่ล่ะ...


แล้วชีวิตแบบไหนที่เด็กคนนั้นต้องการ?


ชายหนุ่มทอดมองไปไกล คำถามนั้นชวนให้ย้อนนึกถึงครั้งแรกที่พบกัน คืนนั้นเขาอยู่ในงานสังสรรค์...


-----------------------------


“ดื่ม!”


เสียงแก้วกระทบกันดังกังวาลไปทั่วห้องอาหาร ดนตรีบรรเลงเลงกลายเป็นหมันเมื่อถูกกลบด้วยเสียงสวนเสเฮฮอาคึกคักของแขกผู้ร่วมงานทั้งชายหญิง ซึ่งส่วนใหญ่ก็ดื่มจนกรึ่มได้ที่


ดินเนอร์คืนนี้ เขาเป็นเจ้าภาพจัดขึ้นเพื่อกระชับมิตรกับคู่ค้าและบริษัทต่างๆ ในฐานะนักธุรกิจอายุน้อย การผูกมิตรกันเหล่านี้ถือเป็นโอกาสที่ไม่ควรละเลย


คงเพราะเวลาล่วงเลยมากกว่าค่อนคืนแล้ว คนส่วนใหญ่หากไม่เมามาย ก็ทะยอยกลับไปเกินกว่าครึ่ง ธวัตรคุยกับผู้ร่วมโต๊ะไปตามเรื่องตามราว ทุกประเด็นฟังดูครื้นเครงเพราะฤทธิ์แอลกอฮอล์ แม้ว่ามันจะไม่มีสาระอะไรเลยก็ตาม


แขกที่ยังอยู่ล้วนเป็นขาดื่มทั้งนั้น เขาก็เช่นกัน แม้ว่าร่างกายจะบอกสิ่งตรงข้าม...


เส้นเลือดตรงขมับเต้นตุบๆ เป็นสัญญาณบอกว่าใกล้ถึงขีดจำกัดที่รับไหวเต็มที ชายหนุ่มจึงลุกจากโต๊ะ ขอตัวกับผู้ร่วมงานออกมาสูดอากาศนอกห้องอาหาร หวังให้ความเงียบสงบช่วยเยียวยาศีรษะที่ปวดหนึบ


จากตรงนี้เขามองเห็นพระจันทร์เต็มดวงผ่านหน้าต่าง แสงสีนวลของมันสวยและชวนให้ผ่อนคลาย แต่ก็เพียงไม่กี่นาทีก่อนบรรยากาศดีๆ จะถูกรบกวนด้วยเสียงหัวเราะร่วนจากอีกฝากขหนึ่งของโถง


ชายสองคนยืนอยู่หน้าห้องน้ำ ท่าทางเพิ่งสร่างเมากำลังหัวเราะเสียงดังเหมือนได้ฟังเรื่องตลกโดนใจ ตรงข้ามคนพวกนั้นคือ เด็กผู้ชายในชุดนักเรียนรัฐบาลกำลังพูดอะไรบางอย่าง ดูยังไงก็อายุไม่น่าถึงสิบแปด


“ฉันบอกแล้วใช่ไหมว่าห้ามใครขึ้นมาถ้าไม่ใช่แขก?”ธวัตรปรายตามองพนักงงานที่รับผิดชอบดูแลงาน


คงกลัวจะเป็นเรื่องใหญ่โต ฝ่ายนั้นพอเห็นเขาก็รีบขอโทษขอโพย กำชับชัดว่าจะจัดการไล่เด็กคนนั้นให้ทันที แต่ถูกเขาไล่เสียก่อน


“วันหลังถ้าจะจัดการก็ทำก่อนที่ฉันจะมา”


ธวัตรพูดทิ้งทาย ไม่คิดติดใจเอาความกับเรื่องเล็กน้อย ก่อนเดินตรงไปหากลุ่มคนพวกนั้น เขาไม่สนว่าเด็กคนนั้นมาเพื่ออะไร ตราบใดที่เขาไม่ได้เชิญ ก็ไม่มีใครมีสิทธิ์เข้ามาในพื้นที่งาน


แต่ยิ่งเดินเข้าไปใกล้ก็ได้ยินเสียงสนทนาชัด


“ผมอยากได้คนเลี้ยง”


ชายพวกนั้นยิ่งหัวเราะชอบใจ


 “เดี๋ยวนี้เด็กมันกล้าขนาดมาหาถึงที่แล้วเหรอ  รีบกลับไปก่อนดีกว่าน่า ถ้าเจ้าของงานมาแล้วจะไม่สวยเอานะ”


หนึ่งในนั้นปรายหางตามาทางเขา ก่อนจะเอ่ยทักทายอย่างสุภาพ ในขณะที่เด็กคนนั้นยังยืนนิ่งที่เดิม มีแค่ดวงตาสีเข้มที่มองมาทางเขา


“มีป้ายอันไหนบอกว่าที่นี่เป็นที่ขายตัวหรือไง?”


“..........!”


“จะออกไปดีๆ หรือจะให้ฉันโยนออกไป”


“ผมไม่ไปไหนทั้งนั้น”


เด็กหนุ่มยืนยันคำเดิม ดวงตาคู่ที่มองมายังเขาเต็มไปด้วยความหมายหลากหลาย


“มีคนบอกว่า ผมจะหา ‘คนเลี้ยง’ ที่นี่ได้...”


“ไม่มีใครเลี้ยงที่ไหนทั้งนั้น กลับไป” เขาขู่ด้วยน้ำเสียงคุกคาม


“ใจเย็นๆ ก่อนสิครับ คุณธวัตร” หนึ่งในสองเตือนสติ “ก็แค่เด็กไม่ประสีประสา ไม่ใช่เรื่องใหญ่โตอะไร ไม่มีใครยอมจ่ายเงินเป็นหมื่นๆ เพื่อนอนกับเด็กคืนเดียวหรอก หึๆ”


ฝ่ายนั้นพูดติดตลก หันไปเล่นหูเล่นตากับเด็กคนนั้น แล้วแตะแก้มเบาๆ อย่างฉวยโอกาส


“แต่ถ้าเปลี่ยนเป็นอย่างอื่นก็ไม่แน่...”


“อย่างอื่นคืออะไร...?”


สายตาคาดคั้นนั้นเรียกเสียงหัวเราะลั่นจากเจ้าของประโยค


“ฮ่าๆๆ คงไม่คิดว่าฉันจะพูดจริงหรอกนะ เจ้าหนู ไม่มีใครยอมจ่ายเงินขนาดนั้นเพื่อเซ็กส์คืนเดียวหรอก ต่อให้เป็นฉันก็เถอะ”


“เท่าไหร่?”


“ห๊ะ?”


เห็นเด็กหนุ่มทำหน้างง ธวัตรก็ย้ำคำถาม “เรียกเท่าไหร่?”


“...เจ็ดหมื่น” เหมือนจะเกรงเขาพอสมควร ถึงได้คิดอยู่นานกว่าจะตอบ


“ร้อนเงินใช่ไหม? สนใจมาเป็นเด็กของฉันไหมล่ะ” เขายิ้มมุมปาก มันเป็นรอยยิ้มของความพึงพอใจ...


ไม่ว่าโครงหน้า ผิวพรรณ หรือรูปร่าง... ไม่มีสิ่งไหนไกลเคียงกับคำว่า ‘น่ารักน่าถนุถนอม’

ทว่าพอมองใกล้ๆ กลับมีเสน่ห์แปลกๆ ที่น่าค้นหา ยิ่งไปกว่านั้นคือ ดวงตาที่สะท้อนความมุ่งมั่นชัดเจน


นี่ต่างหากที่น่าสนใจ....


“ว่ายังไง?” เขากอดอก มองคนที่ส่วนสูงน้อยกว่า “นิสัยฉันคือ ไม่รอคำตอบนาน”


พอเขาพูดแบบนั้น อีกฝ่ายก็ร้อนรนทันตาเหมือนกลัวจะถูกปฏิเสธ


“ก็ได้ ตกลง”


-------------------------------
เค้ารู้ เค้าผิด เค้าเสียจุยยยย ฮรือออ มาอัพช้า
มาเช็คคำผิดคร่าวๆ แล้วค่ะ อ่านพอได้กันไหมม ฮืออพรุ่งนี้ไปค่ายแล้ว ไม่อยากให้ค้างนาน อยู่ในช่วงวุ่นวายมากกกกๆๆๆ
อ่านคอมเม้นท์นักอ่านทุกคนแล้วน้า ยกยอดไปเขียน talk ครึ่งหลังเลยนะคะ เมลล่าไปจัดกระเป๋าล่ะ ฮรือออๆๆๆๆ :z3: :heaven
>>Friday Night Part 2<<
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 25-12-2016 19:09:51 โดย Caramella »

ออฟไลน์ Supparang-k

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1909
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +20/-3
อยากรู้ปมของนางแล้วสิ...งุ๊ยยยย...ลุ้นจุง

ออฟไลน์ alternative

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2317
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +285/-3
ไปค่ายให้สนุกสนานนะจ๊ะ

ฉันจะอดทนรอพี่ธวัตรมาเฉลยปมอยู่ตรงนี้

ออฟไลน์ kimkidoy

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 57
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
ก็ยังไม่รรู้อยู่ดีว่าวัตรมองตุลย์ยังไง
ค้างจ้าาาาาา มาต่อเร็วๆน้าาาาาาา
คิอถึงลุงศานนนนนนมากๆๆๆๆๆๆๆ :mew1:

ออฟไลน์ seaz

  • รักอยู่ไหน...ใจเรียกหา
  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5385
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +381/-9

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ lnudeel

  • I wanna be a CAT!!
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1466
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +31/-5
ธวัตนี่ดีมั้ยน้า :hao4:

ออฟไลน์ ราตรีสีน้ำเงิน

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 121
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0

ออฟไลน์ lightseeker

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 112
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +6/-0
อ่านมุมธวัตแล้วคุณศานนดูแก่มากๆไปเลย ชายวัยกลางคนไปอีกก 555  :m20:

ออฟไลน์ นางฟ้าเชียงชุน

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 351
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +7/-1
เราสัมผัสได้ถึงเยื่อใยของวัตรต่อตุลย์ แต่ความเลวของมันก็ไม่อาจลบล้างได้  :hao3: :hao3:

ขอบคุณลุงศานนะคะที่ทุ่มเทให้กับน้องขนาดนี้ แต่แอบกลัวจะออกลายทีหลังยังไงไม่รู้ เพราะทุกคนย่อมมี2ด้านเสมอ หรือเราจะคิดมากไป :katai5:

วัตรเจอเด็กปั้นคนใหม่สินะเลยตกลงยอมรับข้อเสนอลุง

ปล.ไปค่ายให้สนุกนะค้าาาา

ออฟไลน์ autopilot

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 67
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0
รอค่ะรอออออ

ออฟไลน์ Snimsoi

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 208
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-1
ขอบคุณค่ะ เพิ่งเข้ามาอ่าน อยากอ่านตอนต่อไปแล้วมาเร็วๆนะคะ ธวัตรนี่มัน หึ่ย เรื่องอื่นไม่เท่าไหร่แต่เรื่องให้ตุลย์รับเด็กพวกน้ันทั้งที่ตุลย์ขอ ทั้งที่ตุลย์ทำตามสัญญาแล้ว แล้วเป็นไงตุลย์ก็ทำได้จริงๆ ไอ้ธวัตรนี่ แกจะชดใช้คืนให้ตุลย์ได้ไหมอ่ะฮะ

ออฟไลน์ kimkidoy

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 57
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
เข้ามารอๆๆๆจ้าาาาาา
รอตุลย์น้าาาาา :katai4:

ออฟไลน์ Caramella

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 96
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +22/-1
...และนั่นเป็นครั้งแรกที่เขาได้พบกับตุลย์


เด็กหนุ่มไม่มีอะไรโดดเด่นสักอย่าง ส่วนเรื่องเซ็กส์ก็เข้าขั้นห่วยแตก คุณสมบัติแค่นี้อาจถูกเขี่ยทิ้งจากสารระบบเมื่อไหร่ก็ได้ แต่ที่น่าแปลกใจคือฝ่ายนั้นยังกล้าพอจะต่อรองเงินก้อนกับเขา


คงจะมีแค่ ‘ความมุ่งมั่น’ นี่แหละ ที่ธวัตรรู้สึกว่าเขาไม่ได้มองคนผิดซะทีเดียว


“นายอยากได้เงินก้อนนี้ไปทำไม”


ในฐานะคนเลี้ยง เขามีสิทธิ์รู้ปลายทางของมัน


ตุลย์อาจเป็นเด็กหนุ่มรักสบายที่อยากหาเงินทางลัด หรือแค่รักสนุกและชอบความเสี่ยง ถึงได้เลือกให้ ‘เขา’ ซึ่งเป็นผู้มีอิธิพลในย่านนี้เป็นคนเลี้ยง


แต่สำหรับตอนนี้ แบบไหนไม่สำคัญ ในเมื่อเขาตกปากรับคำว่าจะ ‘ให้ตามที่เรียกร้อง’ ทุกอย่างก็จะเป็นไปตามสัญญา


“ผมอยากเรียนที่ม.A ผมต้องการเงินจ่ายค่าเทอม”


คำตอบนั้นทำเอาธวัตรขมวดคิ้ว


“ทำไมต้องม.A”


มหาลัยวิทยาลัย A ขึ้นชื่อเป็นอันดับต้นๆ ของประเทศ แต่ก็แลกกับค่าเทอมแพงหูฉื่ ไม่ใช่ที่ที่นักศึกษาธรรมดาๆ คนหนึ่งจะแบกรับภาระทางการเงินไหว


เด็กหนุ่มแค่เหยียดยิ้ม


“เพราะชีวิตผมมีแค่นี้ไง คุณคิดว่าเด็กที่เกิดและโตในสลัม เรียนมหาวิทยาลัยธรรมดาจะไปได้ไกลสักแค่ไหนกันเชียว ผมแค่อยากอยู่ให้ห่างจากที่นั่น ยิ่งไกลเท่าไหร่ก็ยิ่งดี ถ้าคุณเป็นผม คุณจะเข้าใจว่าทำไมผมถึงเกลียดมัน...”


ธวัตรไม่แปลกใจกับคำตอบเท่าไร เพราะตุลย์ไม่ใช่คนแรกที่พูดแบบนี้กับเขา


ยังมีคนอีกมากมายที่พลัดหลงเข้ามาในมุมมืดของสังคม หวังใช้มันเป็นหนทางเพื่อทีบตัวเองให้พ้นจากสิ่งที่เคยเป็น ซึ่งผลลัพธ์ที่ได้ก็ล้วนแตกต่างกันไปอีกอย่างเขาไม่สนว่าเด็กหนุ่มมาที่นี่ด้วยเหตุผลใด



เขาแค่ถูกใจความทะเยอทะยานและมุ่งมั่นในดวงตาคู่นั้น มันน่ามองและชวนให้หวนนึกถึงตัวเองตอนเป็นวัยรุ่น บ้าบิ่น ซึ่งมากพอจะทำให้ยอมรับอีกฝ่ายในฐานะ ‘เด็กของเขา’ ได้ไม่ยาก


“ฉันจะจัดการให้ตามที่ต้องการ”


เป็นอันว่าข้อตกลงระหว่างพวกเขาเริ่มต้นขึ้นจากตรงนั้น



แต่หลังจากตุลย์ย้ายข้าวของมาอยู่ที่คอนโดได้ไม่นาน ธวัตรก็ได้รู้ว่าเขาตัดสินใจผิดมหันต์ พอเงินเจ็ดหมื่นก้อนแรกถูกจ่ายออกจากมือ เด็กหนุ่มก็แทบสลายหายไปเป็นสสารในห้วงอวกาศ ร่างโปร่งโผล่มาให้เห็นหน้าชนิดนับครั้งได้และกลับดึกจนเป็นนิสัย บางคืนถึงกับโผล่มาเช้าวันถัดไปก็มี จนเขาต้องแก้ปัญหาด้วยการส่งคนไปรอรับทุกเย็น แต่ก็ใช่ว่าจะได้ผลทุกครั้งร่ำไป


เมื่อเย็นคนของเขาโทรมาแจ้งว่าไม่พบตุลย์ตั้งแต่บ่าย และเด็กหนุ่มไม่ได้กลับคอนโดตอนเย็น


ด้วยเส้นสายของธวัตร  จะหาเบาะแสไม่ใช่รื่องที่ต้องใช้ความพยายาม ดังนั้นหากอีกฝ่ายคิดเบี้ยวหนี ขอแค่ออกปากสั่ง จะจับเด็กคนนั้นกลับมาตอนไหนหรือเมื่อไหร่ก็ย่อมได้ แต่ครั้งนี้เขาเลือกที่ลองใจด้วยการ ‘รอ’ จนกระทั่งเด็กหนุ่มกลับมาเพื่อขีดเส้นแบ่ง ‘ขอบเขต’ ให้ชัดเจนด้วยตัวเอง


ประตูห้องเปิดออกในตอนดึก ร่างโปร่งในความมืดแทรกตัวผ่านเข้ามาโดยไม่เปิดไฟ แล้วค่อยๆ ปิดประตูอย่างเงียบเชียบราวกับกลัวว่าเสียงเพียงเล็กน้อยอาจรบกวนเจ้าของห้องจนตื่น ธวัตรเฝ้ามองเงาที่เคลื่อนไหวอย่างคล่องแคล่วผ่านห้องนั่งเล่น ก่อนจะสับสวิตช์ไฟให้ห้องทั้งห้องสว่าง


สีหน้าของตุลย์เรียกได้เต็มปากว่าตกใจจนทำอะไรไม่ถูกตอนที่เห็นเขายืนพิงบานกบกอดอกอยู่ตรงหน้า


“...ผมนึกว่าคุณหลับไปแล้ว”


“ถ้าหลับแล้ว ฉันคงไม่ยืนตรงนี้จริงไหม?” ธวัตรเหยียดยิ้ม    “หายหัวไปไหนมา”


“ผมเปล่า...”


“อย่ามาเล่นลิ้นกับฉัน” ชายหนุ่มกดเสียงต่ำ พูดขณะที่มองตาเด็กหนุ่มไปพร้อมกันจนฝ่ายนั้นหลุบตา


“...ไปหาเพื่อนเก่า”


“ตั้งแต่เมื่อไหร่ที่นายมีสิทธิ์ตัดสินใจทำทุกอย่างตามใจ?”


“ไม่ใช่แบบนั้น! ผมแค่...”


ไม่ปล่อยให้พูดจนจบ ธวัตรก็ยึดกรอบหน้าเด็กหนุ่ม บังคับให้มองตา


“นายเป็น ‘ของ’ ของฉัน จะทำอะไรก็ต้องเห็นหัวฉันถ้าไม่อยากถูกตัดหางปล่อยวัด”


“..........”


เด็กหนุ่มปิดปากเงียบ แต่สายตาที่มองมากลับท้าทายเชือดเฉือนอย่างไม่ยอมจำนน


ธวัตรเค้นเสียง ‘หึ’ “หรือถ้าไม่ชอบวิธีของฉันก็เดินออกไปซะ แล้วทุกอย่างก็จะจบลงตรงนี้”


เขาจงใจยื่นข้อเสนอที่อีกฝ่ายไม่มีทางตอบตกลง มหาวิทยาลัย คือสิ่งที่ตุลย์ใฝ่ฝันหามาตลอด เด็กหนุ่มถึงกับยอม ‘เสียสละ’ เพื่อคว้าโอกาสนั้นมาไว้ในกำมือ ไม่มีทางที่อยู่ๆ จะยอมทิ้ง ‘เงินของเขา’แล้วเสี่ยงไปหาเอาดาบหน้าอย่างแน่นอน


และก็ไม่ผิดจากที่เขาคิด...


“ไม่... ผมไม่ไป” เด็กหนุ่มยืนกราน “ผมไม่ยกเลิกข้อตกลง”


สิ่งเดียวที่เขาให้ในแววตาตอนที่ตุลย์พูดประโยคนั้น คือ ‘ความแน่วแน่’


เขาละมือจากใบหน้าเด็กหนุ่ม แล้วยิ้มอย่างพึพอใจ


“ถ้าอย่างงั้นก็จำสิ่งที่ฉันพูดไว้ แล้วอย่างให้มันเกิดขึ้นอีกเป็นครั้งที่สอง เพราะฉันไม่ใช่คนให้โอกาสใครซ้ำซาก”


...โดยทิ้งทายพื้นที่ว่างไว้ให้อีกฝ่ายขบคิด


อาจใช้เวลาคิดอยู่กว่าครึ่งค่อนคืน  เช้าวัดถัดมาตุลย์ถึงมีสีหน้าไม่สดชื่นคล้ายคนนอนไม่พอ แต่ถึงอย่างนั้นวิธีของเขาก็นับว่าได้ผลชะงัด เด็กหนุ่มยอมเข้ามาอยู่ภายใต้ขอบเขตที่วาดไว้โดยไม่สร้างปัญหาเหมือนก่อน หากมองข้ามสายตาที่แสดงออกเวลาไม่พอใจ กับคำพูดประชดประชันที่มักหลุดมาบ่อยๆ ก็นับว่าเป็นคนเข้าใจอะไรง่ายดี


ตราบเท่าที่ตุลย์ไม่ล้ำเส้นจนเกินไป เขาก็ยังให้อิสระในการตัดสินใจกับฝ่ายนั้น


ว่ากันว่า ‘คนอยู่ร่วมชายคาย่อมรู้จักนิสัยใจคอกันไม่มากก็น้อย’ เรื่องราวต่อจากนั้นก็เช่นกัน


เวลาผ่านไป เด็กหนุ่มเริ่มเรียนรู้ที่จะสังเกตและจดจำลายละเอียดเล็กๆ น้อยๆ ของเขา ในขณะที่เขาก็เริ่มชินกับการมีตุลย์อยู่ข้างกาย ติดตามไปยังที่ต่างๆ จนถึงขนาดที่บางเรื่องไม่ต้องพูดตรงๆ ตุลย์ก็รับรู้ได้ว่าเขาต้องการอะไร


ทุกครั้งที่ธวัตรพาเข้าไนท์คลับ หรือไปพบลูกค้าด้วย ตุลย์จะนั่งเงียบๆ ข้างเขา ฟังบทสนทนาที่ดำเนินไปและรินเรื่องดื่มให้เป็นครั้งคราว หากต้องการความเป็นส่วนตัว แค่บอกเป็นนัยหรือมองตา เด็กหนุ่มก็จะขอตัวออกไปเองโดยไม่ต้องให้เขาสั่ง


หลายครั้งเขาเห็นสายตากรุ้มกริ่มที่มองตามการเคลื่อนไหวของตุลย์ เหตุผลเดียวที่คนพวกนั้นไม่ทำอะไรเกินกว่าแค่ใช้สายตาโลมเลีย ก็เพราะตุลย์เป็น ‘เด็กของเขา’ ไม่ใช่ ‘เด็กขาย’ ในคลับที่จะใช้เงินซื้อไปสนองความใคร่เมื่อไหร่ก็ได้


ความสัมพันธ์ของพวกเขาเป็นแบบนั้นจนกระทั่งคืนหนึ่ง...


คืนนั้น ธวัตรเข้ามาตรวจดูความเรียบร้อยของคลับตามปกติ ตามด้วยสังสรรค์เล็กๆ น้อยๆ กับลูกค้าเก่าแก่ชั้นดีที่ทำธุรกิจร่วมกันมานาน ตุลย์อยู่ข้างๆ เขา นั่งเงียบๆ เล่นโทรศัพท์เครื่องใหม่ฆ่าเวลาไปพลาง ก่อนจะลุกขึ้นรินเบียร์เติมให้แก้วที่เหลือเพียงน้ำแข็งเปล่าของลูกค้าอย่างไม่กระโตกกระตาก


ชายคนนั้นมองตามทุกอิริยาบถของตุลย์ไม่คลาดสายตา จนเด็กหนุ่มเบียร์เสร็จ ฝ่ายนั้นถึงพูดขึ้น


“ในฐานะลูกค้าเก่าแก่ของคุณ อย่าหาว่าผมจุ้นจ้านไม่เข้าเรื่องเลย  เด็กคนนี้รูปร่างหน้าตาก็ดีใช้ได้ แถมยังเป็นงาน คุณไม่คิดจะดันเขาขึ้นมาเป็น ‘หน้าตาของคลับ’ หรือ?”



ประโยคนั้นทำเอาคนถูกพาดพิงซึ่งๆ หน้าชะงักไปครู่ แต่ก็ยังรักษาความลื่นไหลเป็นธรรมชาติ กลับมานั่งข้างเขาได้เหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น


ในฐานะ ‘คนเลี้ยง’ เขาต้องปกป้องเด็กหนุ่ม


“คุณก็ประเมินเขาสูงไป”


ธวัตรหัวเราะในคอ พาดแขนบนพนักโซฟาที่เด็กหนุ่มพิงอยู่ให้ดูคล้ายโอบไหล่แสดงความเป็นเจ้าของกลายๆ


 “เด็กคนนี้ลีลาบนเตียงได้เรื่องซะทีไหน ขืนผมเอามาเป็นหน้าตาของที่นี่ ธุรกิจคงเจ๊งกันพอดี”


“แต่คุณก็ถูกใจเขาไม่ใช่เหรอ?” คู่สนทนาหัวเราะ


นั่นก็ไม่ผิด...


 “คุณธวัตร... บางครั้งเซ็กก็ไม่ใช่นิยามทั้งหมดของการหาความสุขใส่ตัวหรอกนะครับ ลึกๆ แล้วคนส่วนใหญ่ที่นี่ก็แค่ต้องการความผ่อนคลายเท่านั้น” ชายคนนั้นทอดสายตาลงไปยังด้านล่างบริเวณบาร์เครื่องดื่มที่แน่นลูกค้าและเสียงสวนเสเฮฮา ก่อนจะเผินหน้ากลับมามองเขา “เรื่องนั้นคุณที่มีเขาอยู่ข้างๆ ตลอด น่าจะรู้ดีที่สุด...”


“.........” ธวัตรแค่ยิ้มตอบ ไม่พูดอะไร


โดยที่เด็กหนุ่มไม่อาจรู้ชะตากรรม  เขาเก็บคำพูดคืนนั้นไปขบคิดและประมาณการณ์อย่างเงียบๆ


‘เงิน’ และ ‘ชื่อเสียง’ คือ ‘อำนาจ’ ไม่ว่าอะไร ขอแค่ทำเงินได้ เขาพร้อมจะแลกเพื่อให้ได้มันมาโดยไม่สนวิธีการ


 ...นั่นเป็นนิสัยที่ติดตัวเขามาตั้งแต่วัยรุ่น และถูกบ่มเพาะจากประสบการณ์เกือบสิบปีในวงการนี้


มันคือกฏของ ‘ธุรกิจ’ สนามรบไร้ศพ ที่เบื้องหลังเต็มไปด้วยเรื่องสกปรกและการห้ำหั่นเพื่ออำนาจ เป็นเรื่องยากที่จะมีชีวิตรอดในขณะที่คนมากมายล้มตาย ดังนั้น หากเขามีโอกาสแค่เล็กน้อย ก็ต้องเลือกใช้มันอย่างเหมาะสม


“เซ็นซะ” กระดาษแผ่นหนึ่งถูกวางทาบลงบนโต๊ะตรงหน้าตุลย์


“นี่คืออะไร...?”


“........” เขาไม่ตอบ แต่ปล่อยให้เด็กหนุ่มไล่อ่านตัวอักษรที่ละบรรทัดอย่างละเอียด ยิ่งเลื่อนสายตาต่ำลงเท่าไหร่ คิ้วก็ยิ่งขมวดเข้าหากัน


“...เราไม่ได้ตกลงกันไว้แบบนี้!” ตุลย์เลื่อนเอกสารทิ้งไปข้างๆ ก่อนจะลุกผึง “ผมไม่เซ็น”


ธวัตรมองตามคนที่ทำท่าจะเดินหนีไปอีกห้อง ก่อนจะสั่งเสียงต่ำ “นั่ง”


ได้ผลเมื่อร่างโปร่งหยุดฝีเท้า ดวงตาที่จ้องเขม็งกลับมาสื่ออารมณ์หลากหลาย มันมากกว่าความโกรธ หรือไม่พอใจอย่างทุกครั้ง


“คุณเชื่อสิ่งที่เขาพูด เพราะเขาเป็นลูกค้าของคุณ แล้วผมที่อยู่กับคุณล่ะ ผมเป็นอะไร ตัวตลกหรือไง!?”


“...กลับมานั่ง”


“ไม่! ตอนแรกคุณบอกว่าจะเลี้ยงผม แค่เซ็กส์แลกเงิน ไม่มีอะไรเกินกว่านั้น ต่อมาก็จำกัดความเป็นส่วนตัว แล้วไง ทีนี้จะให้ผมไปเป็น ‘หน้าตา’ ของคลับอีก! ผม-ไม่-เซ็น และถ้าคุณไม่พอใจล่ะก็ ผมก็จะเก็บของออกไปจากที่นี่ ตอน-นี้!”


เด็กหนุ่มหายใจถี่ด้วยแรงอารมณ์ พวกเขาจ้องตากันนานเป็นนาทีๆ โดยไม่พูดอะไรจนกระทั่งธวัตรหยิบสัญญาขึ้นมา เลื่อนมันไปตรงมุมโต๊ะพร้อมปากกา


“ลงชื่อตรงนี้ แล้วฉันจะให้จัดการเรื่องมหาลัยให้ แต่ถ้าปฏิเสธ...” เขาดีดนิ้ว เรียกสติคนที่อยู่ในห้วงภวังค์ “ก็ตัดใจทิ้งความฝันที่จะเรียนต่อไปได้เลย”


“กูไม่ได้ขายตัวนะโว้ย!” คนฟังตวาดอย่างควบคุมตัวเองไม่ได้


 “แต่ฉันว่านายไม่มีทางเลือก”ธวัตรเค้นเสียง ‘หึ’ “ว่าไง? จะเซ็นหรือไม่เซ็น ถ้าไม่... จะเก็บของเดินออกไปตอนนี้ก็ได้ ประตูไม่ได้ล็อค ก็แค่ต่อไปนี้นายต้องหาเงินเรียนเอง”


“..........” เด็กหนุ่มกัดริมฝีปาก กำมือแน่น ดวงตาแดงก่ำมองเขาอย่างจงเกลียดจงชังเหมือนศัตรู


“ว่ายังไง ฉันไม่ชอบรอนาน?”


สถานนะของตุลย์ตอนนี้ไม่ต่างจากคนอับจนไร้หนทาง อีกฝ่ายทั้งโกรธและเสียใจที่ถูกเขาหักหลัง แต่ถึงอย่างนั้นก็ยังเดินกลับมา หยิบปากกาจรดปลายลงบนกระดาษและค่อยๆ ตวัดเป็นตัวอักษร


“พอใจหรือยัง”


ตุลย์วางปากกาเมื่ออักษรตัวสุดท้ายถูกเขียนลงบนกระดาษ สีหน้าขมขื่นและเจ็บปวดที่กำลังโทษว่าเป็นความผิดของเขา เป็นสิ่งเดียวที่ชายหนุ่มจำได้ในตอนนั้น และไม่เคยลืม


“ต่อจากนี้ ‘สิทธิ์ในตัวนาย’ ทั้งหมดเป็นของฉัน แต่นายจะไม่ใช่ ‘ของฉันคนเดียว’ อีกต่อไป”



--------------------------


หลังจากเรื่องคืนนั้น นอกจากเรื่องที่ตุลย์คุยกับเขาน้อยลง ต่างคนก็ทำตัวราวกับว่าไม่มีเคยอะไรเกิดขึ้น ความสัมพันธ์ครึ่งๆ กลางๆ แบบนั้นดำเนินต่อไป


และทลายลงในวันที่เขาส่งเด็กหนุ่มไปทำ ‘งานแรก’...


เย็นนั้นตุลย์เปิดประตูเข้ามาโดยไม่พูดอะไร เขากำลังดูข่าว ก็คร้านจะสนใจจึงแค่ปรายตามองผ่านๆ เห็นอีกฝ่ายเดินเข้าห้องน้ำไปเงียบๆ ราวครึ่งชั่วโมงถึงเดินออกมาในชุดลำลอง เข้าห้องนอนและปิดไฟ


คืนนี้กว่าธวัตรจะเข้านอนก็เกือบตีหนึ่ง เขาเข้าห้องมาเห็นว่าตุลย์กลับไปแล้ว ชายหนุ่มจึงแค่ทิ้งตัวลงข้างๆ แล้วผล็อยหลับไป


เขารู้สึกตัวอีกครั้งกลางดึก เพราะพื้นที่ข้างๆ ตัวยวบยาบไปมา ตามด้วยเสียงฝีเท้าเมื่อร่างโปร่งลุกออกจากเตียง ชายหนุ่มพลิกตัวมอง ในห้องมืดจนเห็นเพียงแค่เงาทมึนของคนที่เดินออกไปยังห้องครัว แสงสีส้มเหลืองสลัวๆ คงมาจากที่อีกฝ่ายเปิดตู้เย็น พอมันดับลง ร่างโปรงก็กลับออกมาพร้อมกับขวดทรงสูงบรรจุอะไรสักอย่างคล้ายเครื่องดื่มแอลกฮอล์


เด็กหนุ่มตรงเข้ามาหยิบบุหรี่บนโต๊ะในห้องนอนและไฟแช็คของเขา ก่อนจะเปิดม่าน เลื่อนประตูกระจกออกไปนั่งบนขอบระเบียงอย่างน่าหวาดเสียว


คิดจะทำอะไร....?


คืนนี้ดวงจันทร์เด่นตระหง่านกลางฟ้า แสงเหลืองนวลของมันมากพอจะทำให้เห็นทุกอย่าง ธวัตรเด้งตัวขึ้น แต่เลือกที่นั่งมองจากด้านในซึ่งมืดกว่าเมื่อเด็กหนุ่มแค่กระดกขวดเหล้าแล้วจุดบุหรี่ แต่ตอนที่คีบจ่อริมฝีปาก สูดเอาควันเขม่าเข้าสู่ปอด ร่างโปร่งกลับสำลัก จนต้องไถลตัวลงมายืนไอโขลกๆ พักใหญ่ ถึงอย่างนั้นเด็กหนุ่มก็ยังเวียนสูบบุหรี่ซ้ำๆ จนหยุดไอไปเอง


ตุลย์หันหลัง เท้าแขนบนขอบระเบียง เหม่อมองออกไปไกลแสนไกล ก่อนมือข้างที่คีบบุหรี่จะเปลี่ยนมากุมหน้าผาก ควันสีเขม่าลอยฟุ้งไปในอากาศ เขาไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นเพราะมันมืดเกินกว่าจะสังเกตเห็นสีหน้าของเด็กหนุ่ม จนไหล่และแผ่นหลังเริ่มสั่นเทาเพราะแรงสะอื้น เขาถึงเข้าใจว่าคนๆ นี้พยายามซ่อนอะไรไว้...


น้ำตา


สิ่งที่เขาทำ... บังคับให้ขายตัว มันโหดร้ายสำหรับเด็กหนุ่ม... เรื่องนั้นเขารู้ แต่หากสามารถย้อนเวลากลับไปตัดสินใจใหม่ เขาก็ยังเลือกทำแบบเดิม...


เขาต้อง ‘เสียสละ’ อะไรมากมายกว่าจะสร้างไนท์คลับและขยายอิธิพลครอบคลุมย่านนี้ได้ มันเทียบไม่ติดกับเด็กคนเดียวที่เพิ่งรู้จักกันแค่ไม่กี่เดือน


แต่ก็เพราะความเห็นแก่ตัวนั่นแหละ เขาถึงยังครองบรรลังก์อยู่ได้จนทุกวันนี้


ธวัตรเผินหน้ากลับมา ล้มตัวลงนอนมองเพดานก่อนจะหลับตา


เขาไม่อาจแก้ไขการตัดสินใจที่ถูกต้องแล้ว แม้ว่าอาจต้องทำร้ายคนที่เขาไว้ใจมากที่สุดก็ตาม



ออฟไลน์ Caramella

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 96
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +22/-1



ธวัตรสังเกตความเปลี่ยนแปลงหลังจากคืนนั้นได้ชัดเจน หลายครั้งตุลย์เลือกจะเงียบเพื่อจบการต่อปากต่อคำ หรือรับคำเพียงสั้นๆ เพื่อให้เขาหยุดซักไซร้ เด็กหนุ่มจะตอบแค่ต่อเมื่อเขาถาม ตีตัวออกห่างราวกับอึดอัดการมีอยู่ของเขา และอยากไปให้พ้นๆ เสีย


จริงอยู่ ที่ตุลย์ไม่เคยร้องไห้นับจากวันนั้น ...แต่ก็ไม่เคยยิ้มอีกเช่นกัน


หลายครั้งที่อีกฝ่ายจะลุกมากลางดึกเวลานอนไม่หลับ หยิบไวน์ในตู้เย็นมาดื่มนั่งเงียบๆ จนหมดขวดแล้วกลับเข้ามานอนข้างเขาเหมือนไม่มีอะไร แต่พอรุ่งสางก็ลุกออกไปก่อน



ความสัมพันธ์ของพวกเขาเปลี่ยนแปลงจากคนชิดใกล้กลายเป็นไม่รู้จักอย่างรวดเร็วน่าใจหาย ทำราวกับว่ามีหน้าที่แค่อยู่ร่วมชายคาคลายเหงา และสนองเรื่องบนเตียงให้เวลาที่เขาต้องการเท่านั้น


ถ้าการมีอยู่ของเขาทำให้ฝ่ายนั้นลำบากใจ เขาก็จะให้ทางเลือกกับอีกฝ่ายอย่างที่เคยทำตอนที่เด็กคนนั้นยังเป็น ‘คนเก่า’


“ทำงานดี ถือว่านี่เป็นของกำนัล ต่อจากนี้ก็ย้ายมาอยู่ที่นี่”


เขาเช่าอพาร์ทเม้นคุณภาพดีให้ตุลย์ห้องหนึ่ง พร้อมซื้อข้าวของเครื่องใช้ และเฟอร์นิเจอร์ที่ให้ความรู้สึกเหมือนบ้าน มันกว้างพอที่เด็กหนุ่มจะใช้ชีวิตอยู่อย่างสบาย โดยที่ตกลงกันว่าเขามีกุญแจดอกหนึ่ง และตุลย์มีกุญแจอีกดอกหนึ่ง


แต่นั่นก็ไม่อาจลบความขมขื่นที่สะท้อนในแววตาเวลาที่เด็กหนุ่มมองเขาได้


ระยะหลังตุลย์เข้าคลับบ่อยขึ้นเพราะคิวงานเพิ่ม เป็นสิ่งยืนยันว่าเขาคิดไม่ผิดที่เลือกอีกฝ่ายเป็น ‘หน้าตา’ ของคลับ เด็กหนุ่มเข้ากับลูกจ้างคนอื่นๆ ได้ดี แต่กับเขาตีตัวออกห่างชัดเจน



 ถึงอย่างนั้น นอกจากความไม่ไว้ใจที่แสดงออกผ่านแววตาและการวางตัว เด็กหนุ่มก็ไม่สร้างปัญหาใดๆ ให้อ ชายหนุ่มจึงไม่เข้าไปยุ่มย่ามในชีวิตอีกฝ่ายมากมาย


จนกระทั่งเมื่อศานนท์ก้าวเข้ามาในฐานะนายทุนที่ลูกค้ารายหนึ่งเป็นผู้ติดต่อให้กับเขา ตุลย์ก็กลายมาเป็นเครื่องมือชั้นดีที่สามารถใช้ยื้อชายวัยกลางคนเอาไว้


...แต่คิดไม่ถึงว่ามันจะกลายเป็นดาบสองคม


“ทั้งหมดคุณทำเพื่อประโยชน์ของตัวเอง ถ้าไม่ใช่เพราะสัญญาวันนั้น บางทีชีวิตผมอาจดีกว่านี้ก็ได้!”


ประโยคในคืนนั้นทำให้เขาฟิวส์ขาด เมื่อปราศจากการควบคุมอารมณ์ธวัตรก็เป็นแค่สัตว์ร้าย พร้อมจะลงมือทำลายทุกอย่างที่ขวางหน้าโดยไม่สนผิดชอบชั่วดี


เงิน... สิ่งอำนวยความสะดวก... มหาวิทยาลัยในฝัน  หรืออพาร์ทเม้นท์...


ทุกสิ่งที่ตุลย์ขอ ธวัตรจะไม่ให้ก็ได้ แต่เขาก็เลือกที่จะทำตามความต้องการของเด็กหนุ่ม ด้วยการ ‘ให้’ ในสิ่งที่ตัวเองไม่เคยให้กับใคร ทำอะไรโง่งมยิ่งกว่าการเอาทองไปเทลงในแม่น้ำ


เขาต้องการให้ตุลย์ถอนคำพูด!


ไม่รู้ตัวว่าทำอะไรลงไปหลังจากนั้น มันเหนือการควบคุมของสติสัมปะชัญญะ


 จู่ๆ บีก็ปรี่เข้ามาขวางระหว่างเขากับตุลย์เอาไว้ วิงวอนขอให้ปล่อยมือจากคนที่อยู่เบื้องหน้าทั้งน้ำตา เวลานั้นเขาโมโหจัดเกินกว่าจะทำตามคำขอของเธอโดยดี จึงยื้อกันอยู่พักใหญ่ กว่าอารมณ์จะเย็นลงจนเห็นสิ่งที่เกิดขึ้นได้ถนัดตา หญิงสาวกับบาร์เทนเดอร์เด็กใหม่ก็กำลังช่วยกันพยุงร่างตุลย์ฝ่าฝูงชนมุงอยู่ออกไป


เด็กหนุ่มตาแดงก่ำ ไอแห้งๆ หลายที ลำคอมีริ้วแด'ๆ พาดยาวเหยียด ส่วนเสื้อผ้าก็ยับยู่ยี่ดูไม่ได้ ดวงตาคู่นั้นสบสานกับเขาพร้อมรอยยิ้มเหยียดหยันอย่างไม่ยอมแพ้ การถูกท้าทายซึ่งๆ หน้าทำให้เขาตะโกนบางอย่างไล่หลังไป หากไม่กี่นาทีหลังจบเรื่อง ฝูงชนที่ยืนมุงเป็นกลุ่มๆ ก็สลายตัวอย่างรวดเร็ว


และเมื่อปราศจากความโกรธ อารมณ์มากมายก็หลั่งไหลเข้ามาแทนที่


ธวัตรมองฝ่ามือทั้งสองข้างของตัวเองก่อนจะกำแน่น  ไม่กี่นาทีที่แล้วมันคือเครื่องมือที่อาจปลิดชีพใครบางคนไปแล้ว หากเขาออกแรงมากพอ...


ตุลย์พูดถูก ...ไส้ในเขามันก็แค่คนชั่วช้าที่ดีแต่ขูดรีดผลประโยชน์จากคนอื่นเท่านั้น!




หลังจากที่ศานนท์ถอนตัวออกจากธุรกิจของเขา เสถียรภาพทางการเงินของคลับก็เสียสมดุล เพื่อจะรักษาอิธิพลและชื่อเสียงที่มีต่อลูกค้า เขาต้องการรายได้บางส่วนมาชดเชยเงินที่นำไปหมุนกับการลงทุน และตุลย์ก็เป็นตัวเลือกที่ดี


เขาต้องการให้อีกฝ่ายรับ ‘เด็กพวกนั้น’ เป็นแขก


แต่จะทำยังไง เมื่อให้สัญญากับเด็กหนุ่มไปแล้วว่าจะไม่ยอมให้ฝ่ายนั้นเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับเพื่อนร่วมคณะอีก?


ชายหนุ่มรู้มาสักพักแล้วว่าตุลย์ยังติดต่อกับศานนท์อยู่ แต่เหตุผลที่เขาเอาหูไปนา เอาตาไปไร่ก็เพราะสิ่งที่ฝ่ายนั้นทำไม่ส่งผลกระทบต่องาน


ครั้งนี้เขาจะใช้ ‘ช่องโหว่’ ที่ตุลย์สร้างขึ้นลับหลัง เป็นเครื่องมือไล่ต้อนฝ่ายนั้นให้จนมุม
   


เป็นเวลาสองสัปดาห์ถ้วนที่ธวัตรสั่งให้คนตามสอดแนมตุลย์เพื่อเก็บภาพต่างวันเวลาในอิริยาบถต่างๆ ระหว่างที่อีกฝ่ายอยู่กับศานนท์ หลังจากนั้นก็ทำตามแผนด้วยการเรียกเด็กหนุ่มขึ้นมาคุยที่ห้อง


ตอนที่ตุลย์เปิดประตูเข้ามา ท่าทางของฝ่ายนั้นคล้ายกับไม่อยากเหยียบห้องเขาต่อสักวินาที มันยัวะอารมณ์มากจนพูดจาร้ายกาจใส่ ยิ่งได้เห็นสีหน้าเฉยเมยตอนที่ ‘ปฏิเสธ’ เรื่องศานนท์ราวกับมันไม่เคยเกินขึ้น เขาก็ยิ่งไม่สบอารมณ์มากขึ้น จนเกือบพลั้งลงไม้ลงมือ


“วันอาทิตย์นี้ ที่โรงแรม A ไปที่ห้อง 4XX ‘เด็กพวกนั้น’ เป็นแขกของนาย”


นั่นคือสิ่งที่เขาพูดก่อนที่เด็กหนุ่มจะเปิดประตูเดินออกไปจากห้อง ตุลย์ไม่แม้แต่หันกลับมามอง แค่เดินออกไปเฉยๆ ทันทีที่เขาพูดจบแล้วปิดประตูลงเงียบๆ โดยที่ธวัตรไม่มีโอกาสได้เห็นสีหน้าและแววตา


คงไม่ต่างจากตอนที่เขาบังคับให้เด็กคนนั้นเซ็นสัญญาเท่าไหร่


พวกเขาเคยเข้ากันได้ดี แต่ตอนนี้ทุกอย่างเป็นแค่ความทรงจำที่เลือนลางเต็มทน ราวกับว่าเยื่อใยทั้งหมดได้ขาดสะบั้นลง ตั้งแต่วันที่เด็กหนุ่มหยิบปากกาเขียนชื่อลงบนกระดาษแผ่นนั้น


เหมือนกับว่าคนๆ นั้นได้ขาย ‘ตัวตนในอดีต’ ทิ้งไปด้วย


-------------------------------------


ธวัตรหยิบโทรศัพท์มืถือ มองหน้าจอที่ว่างเปล่าอย่างช่างใจ สุดท้ายก็กดเบอร์แล้วโทรออก รอจนปลายสายรับโทรศัพท์ จึงเอ่ยเรียบๆ


“คุณศานนท์... ข้อเสนอของคุณเมื่อเย็น ผมตกลง”


เขามีเหตุผลมากมายที่รั้งตุลย์เอาไว้ แต่การยื้อและยึดติดกับสิ่งที่หวนกลับมาไม่ได้ จะให้อะไรได้อีกนอกเสียจาก ‘ทำร้ายกันและกัน’





ธวัตรนั่งรอตุลย์จนดึก กว่าเด็กหนุ่มจะเข้ามาที่คลับก็จวนเจียนจะได้เวลารับแขก หากเป็นวันปกติ เขาคงตำหนิอีกฝ่าย แต่ไม่ใช่สำหรับครั้งนี้


 “ไปไหนมา”


ถามคนที่เดินผ่านล็อบบี้โดยทำเป็นไม่สังเกตุเห็น


ตุลย์ไม่แม้แต่มองหน้าตอนที่เอ่ยตอบเขา “ผมขอโทษที่มาช้า คืนนี้รถติด”


“งั้นเหรอ?”


เด็กหนุ่มพยักหน้าก่อนจะเดินผ่านไปเฉยๆ


“เดี๋ยวก่อนจะรีบไปไหน?”


“รับแขก...”


“ไม่ต้อง ไปเก็บของซะ”


เด็กหนุ่มเบิกตากว้าง ดูตกใจไม่น้อยตอนที่ได้ยินเขาพูดแบบนั้น


 “ทะ...ทำไม? คุณ...ไล่ผมออก?”


น้ำเสียงนั้นตะกุกตะกักชัดเจนคล้ายไม่แน่ใจว่าเขาต้องการสื่อความหมายอะไรในประโยค


ธวัตรเงียบไปอึดใจหนึ่งก่อนจะเอ่ยปากพูดในสิ่งที่เขา ‘รู้ดี’ ว่าทำร้ายจิตใจอีกฝ่ายแค่ไหน


 “นายถูกขายแล้ว”


เป็นอีกครั้งที่เขาเห็นสีหน้าเหมือนโลกทั้งใบทลายราบเป็นหน้ากอง เด็กหนุ่มยืนแน่นิ่งอยู่กับที อ้าปากคล้ายจะพูดบางอย่างแต่กลับไม่มีเสียงเปล่งออกจากลำคอแม้แต่คำเดียว


“อะ อะไรนะ...?”


นานเหลือเกิน กว่าความเงียบจะเปลี่ยนกลายเป็นคำถามด้วยน้ำเสียงหวาดหวั่น


“ฉันขายนายแล้ว ต่อไปนี้นายไม่อยู่ในความดูแลของฉันอีก”


 “ดะ เดี๋ยวก่อน! คุณขายผมไม่ได้! ในสัญญามัน...”


“สัญญานี่เหรอ?” เขาหยิบบางอย่างจากแฟ้ม ก่อนจะฉีกกระดาษแผ่นนั้นทิ้งต่อหน้าต่อตา “ทีนี้ก็ไม่มีสัญญาอะไรต่อกันแล้ว ไปเก็บของที่อพาร์ทเมนท์ คืนนี้นายต้องไปหา ‘เจ้าของใหม่’”


ธวัตรเดินสวนออกมาทันที ไม่ใช่ว่าเขาอยากฉีกหน้าตุลย์เพราะโมโห แต่ไม่มีทางเลือกต่างหาก


การที่เขาตัดสินใจขายเด็กหนุ่มให้กับศานนท์มันไม่ต่างจากการเสี่ยงทายโยนหัวก้อย ถึงแม้ว่าฝ่ายนั้นมีประวัติขาวสะอาด ก็ไม่อาจการันตีได้ว่าชายคนนั้นไม่มีอะไรซ่อนไว้เบื้องหลัง คนที่ยุ่งเกี่ยวกับธุรกิจมืดอย่างเขาย่อมรู้ดีว่าการสร้างชื่อเสียง ‘ปลอมๆ’ นั้นง่ายดายแค่ไหนเมื่อมีสิ่งที่เรียกว่า ‘เงิน’


ถึงอย่างนั้นก็นับว่าคุ้มค่าที่จะเสี่ยง...


“คุณวัตร... ให้ผมทำอะไรก็ได้ แต่ไม่ใช่แบบนี้...” ตุลย์เรียกเขาด้วยน้ำเสียงวิงวอนเต็มที ก่อนจะคว้าไว้ราวกับหวังพึ่งเยื่อใยสุดท้ายที่ยังพอหลงเหลืออยู่ตลอดหลายเดือนที่ผ่านมา


 “ผมขอโทษ ขอร้อง... อย่าทำแบบนี้”


แววตาของเด็กหนุ่มแสดงความอ่อนแอชัดเจนพอๆ กับคาดหวังให้เขากลับคำพูดอีกสักครั้ง


“...ไปเก็บของซะ ฉันจะให้คนไปส่ง


คงไม่มีอะไรที่เขาจะให้ตุลย์ได้อีกเมื่อเด็กหนุ่มกลายเป็นของคนอื่น นี่คงเป็น ความอ่อนโยนเสี้ยวสุดท้ายที่ชายหนุ่มมีให้เพื่อตอบแทนเวลาหลายเดือนที่ผ่านมา ไม่ว่ามันจะส่งไปถึงอีกฝ่ายไหม


‘อนาคต’ คือสิ่งเดียวที่สำคัญที่สุดสำหรับตุลย์ และเป็นเพียงสิ่งเดียวที่ธวัตรให้กับเด็กหนุ่มไม่ได้ ตราบใดที่อีกฝ่ายยังอยู่กับเขาในฐานะ ‘หน้าตาของคลับ’ ชายหนุ่มคงไม่อาจหักห้ามใจตัวเองให้หยุดใช้อีกฝ่ายเป็นเครื่องมือ


เพราะนั่นเป็นนิสัยของเขา


สิ่งที่เขาทำได้ตอนนื้คือ ‘ปล่อยมือ’ และสะบั้นเยื่อใยทั้งหมดให้ขาดลง พร้อมๆ กับเรื่องราวในอดีต ตอนที่สถานการณ์ทุกอย่างลงตัวที่สุด


ไม่เช่นนั้น เขาอาจไม่มีวันปล่อยมือจากตุลย์ได้อีก...

-------------------------------


[Talk] (ยาวค่ะ ข้ามได้ ไม่ว่ากัน ถถถ)



อ่านทุกคอมเม้นท์แล้วนะคะ ดีใจมากที่ทุกคนอิน 555+ ตัวเมลล่าเองคิดว่าเรื่องนี้เดินช้าพอสมควรเลย กลัวจะเบื่อกัน

บางคนเชียร์ให้ธวัตรได้รับกรรม แต่นางยังอยู่รอดปลอดภัยดี ถถถ
(ตอบ) ตรงนี้ต้องบอกก่อนว่าตอนแรกไม่คิดจะให้ธวัตรขึ้นมามีบทบาทจนกระทั่งมีคนทักนี่แหละค่ะ ว่านางน่าเป็นพระเอก 5555+ พอเมลล่าเลยเกินปึ๊งไอเดีย
ทีนี้มาตอบคำถามที่ทุกคนยังสงสัยกันก่อน:


(1)   เรื่องนี้ใครเป็นพระเอก
(ตอบ) ศานนท์ค่ะ ศานนท์ ดังนั้นความท้าทายต่อไปของเมลล่าคือทำให้ทุกคนรักลุงค่ะ คอนเซปท์แรกของเรื่องนี้คือคำถามที่ว่า ‘ถ้าเสี่ย (พระเอก) ไม่หล่อไม่รวย หุ่นไม่ดี แถมยังแก่ เด็กเสี่ยไม่ใสซื่อ และไม่ได้ทำเพราะจำเป็นล่ะ จะเป็นยังไงต่อ?’ แต่รู้สึกไปๆ มาๆ ก็หลุดคอนเซปท์ไปเยอะ 5555+


(2)   ทำไมตุลย์มาทำงานนี้
(ตอบ) ตามแลปบนค่ะ ไม่ได้จำเป็นแค่ทำเพราะอยากได้เงินเรียนม.แพงๆ อยากถีบตัวเองขึ้นจากสภาพชีวิตเดิมๆ นางเลือกเรียนมหาลัยธรรมดาได้ค่ะ แต่นางไม่ทำ นางฝันสูง เป็นเหตุผลที่ว่าทำไมหนูตุลย์ถึงยอมรับสิ่งที่เกิดขึ้นง่าย นั่นเพราะส่วนหนึ่งคือนางทำตัวเองด้วย [อ้างอิงจากตอนที่ 1 และตอนพิเศษเนอะ]


(3)   ทำไมตุลย์ไม่หนี
(ตอบ) ธวัตรมีเส้นสาย + สัญญาที่นางเซ็น ต่อให้หนีก็หนีไม่รอด จะเสี่ยงกับตัวนางเปล่าๆ  ในขณะที่ถ้านางเลือกจะอยู่และทำตัวดี ธวัตรจะไม่เข้ามายุ่มย่ามเลย จะเห็นว่า ‘ในความจริง’ แล้วคุณภาพชีวิตหนูตุลย์จัดอยู่ในระดับที่ ‘ใช้จ่ายสุรุ่ยสุร่ายได้’  นางมีอพาร์ทเม้นท์ เรียนม.ดีๆ มีเงินใช้ เพียงแต่นางไร้อิสระ ตัดสินใจอะไรเองไม่ได้ เหมือนกับเลี้ยงไว้ใช้งาน แค่มีชีวิตผ่านๆ ไปแต่ละวัน นางเลยไม่มีความสุข จนทำให้รู้สึกว่าทุกอย่างมันแย่ไปหมด


(4)   ธวัตรลอยนวล?
(ตอบ) ใช่ค่ะ ตามนั้นเลย เรื่องนี้ทุกตัวละครมีเหตุลของตัวเอง แต่นางก็ยังเป็นคนเลวเนอะ


(5)   เรื่องนี้ฟรุ้งฟริ้ง ไม่ดาร์กจริงเหรอ
(ตอบ) ก็... ฟรุ้งฟริ้งนะ? ถถถถถ โดยสันดานแล้ว เมลล่าชอบใส่ปัญหา + ดราม่า ลงไปในเรื่องเยอะๆ ทำแล้วรู้สึกว่ามันอัดแน่นไปด้วยอารมณ์ดี เคยพยายามเขียนสโลว์ไลฟ์แล้วค่ะ รู้สึกว่าโลกสวยไป ดราม่าอยู่ไหน กระหายเหลือเกิน!
สำหรับเรื่องนี้ก็จะมีปัญหาตามมาบ้างค่ะ แต่ไม่หนักหนาสาหัสอะไร (คิดว่านะ) ที่เมลล่าบอกได้คือ หวานๆ เยอะกว่า และไม่มีดราม่าพ่อแง่แม่งอน ตบจูบ ทำร้ายร่างกาย นายเอกเป็นง่อย พระเอกพูดจาหมาๆ และอื่นๆ แน่นอน ดังนั้นใครหวังจะเจอแนว rape ตบจูบสวรรค์เบี่ยง หรือแนวมาเฟียยิงกันแย่งผู้หญิง บอกเลยว่าไม่มี ตอนนี้ยังไสยไสยค่ะ #โดนแม่ยกรุมตบ ดราม่าเรื่องนี้มีความหน่วงเบาๆ แค่นั้นเนอะ หนูตุลย์นางสตรองงง ถถถถ


(6)   เพื่อนร่วมคลาสของตุลย์จะเป็นยังไงต่อ
(ตอบ) อันนี้ต้องตามดูกันไปค่ะ อิอิ ธวัตรไปแล้ว แต่พวกนางยังอยู่ต่อ เมลล่ายังเล็งๆ ไว้เหมือนกันว่าจะทำคู่พิเศษดีไหม 555 แต่ตอนนี้ยังมองไม่ออกค่ะ ดูๆ กันไปก่อนเนอะ ถถถถ เรื่องนี้จะมีตัวละครเข้ามาเรื่อยๆ ค่ะ อยากให้มองว่าทุกตัวเป็น ‘สีเทา’ ไม่ว่าจะฝั่งของพระเอกนายเอก ตัวร้าย หรือตัวประกอบ ชีวิตเรามีเข้ามาและผ่านไป ทุกตัวละครอาจไม่ได้รับผลกรรมครบ แต่ก็เสียอะไรบางอย่างไปเหมือนกัน อิอิ

ต้องขอโทษนักอ่านที่เมลล่าต้องตอบคำถามนอกรอบ ซึ่งแปลว่าหลายจุดเมลล่าอาจลงลายละเอียดไม่ดี และไม่มากพอจะทำให้นักอ่านเข้าใจเนื้อเรื่องทั้งหมด จุดนี้เมลล่าต้องปรับปรุงค่ะ ขอบคุณทุกคอมเม้นท์จริงๆ สำหรับกำลังใจ ดีใจมากๆ ค่ะ ไม่ได้เขียนพร้อมๆ กับรอคอมเม้นท์มานานจนลืมไปแล้วว่ามันฟินแค่ไหน ถถถถ


อัพช้าหน่อย เรื่องนี้ต้องขอโทษจริงๆ เพราะพยายามที่สุดแล้วค่ะ 555+ รู้ว่ามันช้าขนาดครึ่งเดือนครึ่งตอน แล้วอีกกี่ปีมันจะจบล่ะเนี่ย!? แต่ช่วยทนกับเมลล่าหน่อยเถอะเนอะ ถถถถ พยายามเร่งแล้วจริงๆๆๆ

สุดท้ายรักนักอ่านทุกคนเนอะ ขอบคุณที่เป็นกำลังใจให้กัน มันสำคัญมากจริงๆ ค่ะ 


ออฟไลน์ sirin_chadada

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4110
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +114/-8
สารภาพว่าไม่ได้เข้ามาอ่านเสียนาน กลัวใจเหลือเกินว่าจะมาเจออะไรหนักหน่วง
วันนี้นึกครึ้มเลยโฉบมาดูสถานการณ์เสียหน่อย
ไว้ถ้าฟ้าสว่างกว่านี้จะเข้ามาอ่านจริงจังนะคะ
ให้กำลังใจคนเขียนค่ะ

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด