SIDELINE. ผมเป็นเด็กเสี่ย (21.03.21) ตอนพิเศษ อาถรรพ์ดินเนอร์ (1) [Updated]
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: SIDELINE. ผมเป็นเด็กเสี่ย (21.03.21) ตอนพิเศษ อาถรรพ์ดินเนอร์ (1) [Updated]  (อ่าน 128746 ครั้ง)

ออฟไลน์ fay 13

  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 5635
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +286/-44

ออฟไลน์ sirin_chadada

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4110
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +114/-8
อะไรอ่ะ ทำไมเป็นอย่างนี้

ออฟไลน์ Caramella

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 96
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +22/-1
6th Night  [6.1]   
ไร้ทางสู้


“นับจากนี้ ‘มัน’ ไม่ใช่ลูกค้าของนายอีกแล้ว กลับไปนั่ง คืนนี้นายต้อง ‘รับแขก’”



“ทำไม...?”



“ไม่ใช่เรื่องที่นายต้องรู้” ธวัตรเดินหนีโดยไม่ให้คำตอบเหมือนทุกที




ตุลย์กำมือแน่น “เดี๋ยว! แล้วข้อตกลงคืนนั้นล่ะ”



ที่ผ่านมาเขายอมสวมหน้ากากแกล้งโง่เมื่อต้องโง่ ยอมขายร่างกายและศักดิ์ศรีจนกลายเป็นแค่ตุ๊กตา ยอมทำตามใจคนอื่นทุกอย่าง




ถ้าธวัตรคิดจะคืนคำแล้วถีบเขากลับลงไปในหลุมอีกครั้งล่ะก็ มันไม่ง่ายแบบนั้นแน่!




“ครั้งนี้คุณต้องตอบผม!”



ตุลย์กระชากแขนคนที่เดินสวนไปไม่แยแส ‘เจ็บใจ’ เกินกว่าจะควบคุมตัวเองเหมือนทุกครั้ง



“ปล่อย”



“ตอบคำถามผมก่อน”




ธวัตรมองคนที่เป็นฝ่ายท้าทายหาเรื่องด้วยแววตาคุกรุ่นเหมือนจะพูดว่า ‘เอาแบบนี้ใช่ไหม’




แล้ววินาทีต่อมาเขาก็ถูกจับเหวี่ยงจนเซไปชนโต๊ะว่างที่อยู่ด้านข้าง ความเจ็บจี๊ดตรงสะโพกแล่นแปล๊บจนต้องนิ่วหน้า ไม่เปิดช่องว่างให้ตั้งตัว ธวัตรก็เข้ามาตรึงร่างไว้กับโต๊ะ ปิดทางหนีด้วยแขนทั้งสอง ใบหน้าบิดเบี้ยวเพราะแรงอารมณ์บอกว่ากำลังโมโหจัด



“ปกติไม่เห็นละลาบละล้วงแบบนี้นี่ เป็นอะไรขึ้นมา? เกิดรู้สึกชอบมันหรือไง!”



“ผมจะชอบเขาหรือไม่ ไม่เกี่ยวอะไรกับคุณ แต่ข้อตกลงคืนนั้น ผมไม่ได้ละเมิดสัญญาสักข้อ คุณจะเดินหนี ทำเป็นไม่รู้ไม่เห็นไม่ได้!”




ธวัตรเลิกคิ้วกวนประสาท “ทำไมฉันจะทำไม่ได้ มีหลักฐานอะไรหือ? ไหนล่ะเอกสาร!?”




“ที่ผ่านมาคุณกอบโกยจากผมมากเกินไปแล้ว!” ตุลย์เค้นเขี้ยว




“ทำไม จะทำอะไรฉัน?” จับปลายคางเขาพลิกซ้ายพลิกขวาเหมือนเล่นตุ๊กตา “รู้ไหม ตอนนี้นายไม่อยู่ในสถานะที่ต่อรองด้วยซ้ำ ได้สิทธิ์พิเศษมากกว่าคนอื่นหน่อยอย่ามาเหิมเกริม”



ประโยคนั้นทำเขาฟิวส์ขาด คว้าคอเสื้อคนที่สูงกว่า



“ขาดผมหรือผู้หญิงพวกนั้น คุณมันก็แค่ ‘แมงดา’ ที่ดีแต่เกาะคนอื่นกินไปวันๆ!”



“ปากดี!”



“ใช่ ก็ดีกว่าคนกลับกรอกอย่างคุณ ...อั่ก!”



นิ้วแม่โป่งขยี้หลอดลมแรงจนสำลัก ตามด้วยฝ่ามือที่เปลี่ยนมากำรอบคอเขาแล้วบีบช้าๆ เหมือนอยากให้ลิ้มรสความทรมาน ตุลย์ดิ้นรนแกะมือที่บีบแรงขึ้นเรื่อยๆ อากาศในปอดเริ่มขาดหายเป็นพัก วินาทีนั้นมัจจุราชก็โน้มหน้าเข้ามา




“จำได้ไหม นายเป็นคนเข้าหาฉันวันนั้น เสนอจะขายตัวให้เพราะร้อนเงิน ฉันก็ตกปากรับคำว่าจะดูแล ให้ทุกอย่างที่ต้องการ ทั้งเงิน ทั้งเรื่องเรียน ถ้าไม่ใช่เพราะฉันตอนนั้น นายคงไม่มายืนอยู่ตรงนี้!”




“หึ” ฝืนหัวเราะทั้งที่แสบคอไปหมด “อย่าพูดเหมือนคุณช่วยชีวิตผม ยอมรับเถอะว่าทั้งหมดคุณทำเพื่อประโยชน์ของตัวเอง ถ้าไม่ใช่เพราะสัญญาวันนั้น บางทีชีวิตผมอาจดีกว่านี้ก็ได้ แค่กๆๆ!”




ถูกยัวะจนเลือดขึ้นหน้า ธวัตรก็ขย้ำคอแบบไม่คิดออมแรงจนเขาไอโขลกๆ ติดกันยกใหญ่ ตุลย์พยายามงัดกรงเล็บที่หมายจะเอาชีวิตเขา แต่กลับได้เพียงถ่วงเวลาหายใจเอาเสี้ยวอากาศ




การทะเลาะวิวาทที่เอิกเริกทำให้มีคนมุงดูจำนวนมาก ทว่ากลับไม่สักคนที่เข้ามาห้ามเมื่อเห็นว่าคู่กรณีคือ ‘ธวัตร’ ไม่รู้ว่าเพราะน้ำตาหรือสติที่ใกล้ขาด ภาพรอบตัวถึงพร่ามัวจับโฟกัสไม่ได้ เห็นแค่เงาร่างหนึ่งที่เบียดฝ่าวงล้อมตรงเข้ามาหาพวกเขา




“คุณวัตร! พอแล้ว พอเถอะค่ะ!”



บีขอร้องเสียงหลง ยิ่งเห็นคนในกำมือดิ้นทุรนทุรายเพราะขาดอากาศหายใจ ยิ่งยืนไม่ติด



“ทำขนาดนี้ตุลย์ก็ตายพอดี หยุดเถอะค่ะ บีขอร้อง! ปล่อยน้องเถอะ”




เธอพุ่งไปคว้าแขนธวัตรที่โมโหจนหน้ามืด เสี่ยงก็จริงแต่อย่างน้อยคนๆ นี้ก็ไม่เคยทำร้ายผู้หญิงมาก่อน เพราะไม่ว่าใครก็ไม่อาจทนมองคนที่ตัวเองรักทรมานแทบตายต่อหน้าโดยไม่ลงมือทำอะไรสักอย่าง



“คุณวัตร ปล่อยก่อน! ถ้านานกว่านี้ตุลย์ไม่ไหวแน่ หยุดแค่นี้เถอะค่ะ... บีข้อร้องจริงๆ”



“........”



คราวนี้ธวัตรเหลือบมองเธอด้วยหาง หญิงสาวใจหล่นไปอยู่ตาตุ่มเพราะมันเป็นแววตาเหี้ยมเกรียมไม่ผู้ชายหล่อเหลาสมบูรณ์แบบอย่างที่เคยพบ



“ปล่อยเถอะนะคะ ครั้งนี้ถือว่าบีขอร้องจริงๆ” เธอว่ากล้าๆ กลัวๆ



ยิ่งแล้วใหญ่ตอนที่ฝ่ายนั้นชักสีหน้าไม่พอใจ แต่สุดท้ายชายหนุ่มก็ยอมคลายมือปล่อยให้คู่กรณีให้เป็นอิสระ พอหลุดจากพันธนาการ ตุลย์ก็ทรุดฮวบ หอบหายใจอย่างตะกละตะกลาม ก่อนจะไอโขลกๆ อีกครั้งเพราะแสบระบมทั้งคอเหมือนมีมีดนับสิบอยู่ภายใน



“เก้า มาช่วยพี่เร็วเข้า!” บีตะโกนเรียกคนที่ยืนเก้ๆ กัง เหมือนไม่แน่ใจว่าควรเข้ามาไหม ก่อนจะถามเขาทั้งน้ำตา “ไหวไหม ไม่เป็นไรใช่ไหม?”




“.......” ตุลย์ได้แต่พยักหน้าเพราะไม่มีเสียง



เก้าเข้ามาพยุงเขาที่ตรงตัวไม่ติดฝ่าวงล้อมของคนมุงออกไป ไม่ก้มมองก็รู้ว่าแรงบีบขนาดนั้นต้องทิ้งรอยแดงริ้วๆ ไว้บนคอเขา ยิ่งพอสบตากับธวัตร ฝ่ายนั้นก็จ้องกลับเหมือนพร้อมที่จะเปิดศึกทุกเมื่อหากลงมือทำอะไรอีก




“ครั้งนี้ถือว่าโชคดี แต่อย่าให้มีใครหน้า เพราะฉันไม่เลี้ยงงูเห่าไว้ในบ้าน!”



ตุลย์เค้นยิ้ม ไม่รู้ว่าเพราะอยากเอาชนะหรือสมเพชสภาพตัวเองตอนนี้กันแน่



เก้าพยุงมาด้านหลังร้าน โดยมีบีเดินตามหลัง ก่อนจะจับคนหัวดื้อนั่งบนเก้าอี้ตัวหนึ่งส่วนตัวเองก็หายไปหยิบกล้องปฐมพยาบาล



“เอ็งไปมีเรื่องอะไรกับ ‘เขา’ วะ ไม่กลัวตายหรือไง” แกะกล่องไปปากก็บ่นกระปอดกระแปด



ใครๆ ก็ล้วนแต่หวาดกลัวธวัตร เพราะทุกคนต่างรู้ดีว่าผู้ชายคนนั้นมีอิธิพลต่อการขับเคลื่อนธุรกิจย่านนี้มากแค่ไหน การที่จู่ๆ เขาไปหาเรื่องก็ไม่ต่างจากรนหาที่ตายแบบศพไม่สวย



“ทนไม่ไหวว่ะ...”



“แน่เหรอวะ หรือแค่นึกคะนองอยากท้าทายอำนาจมืด?”



“ก็อาจจะ”



คิดมาถึงตรงนี้ก็เริ่มหวั่นใจกับผลลัพธ์ที่อาจตามมา



“อย่าไปว่าตุลย์เลยน่า” บีสวนขึ้น เอาน้ำแข็งมาประคบคอเขา



“โห่ พี่ก็เข้าข้างมัน ถ้าเกิดโดนบีบจนไม่หายใจขึ้นมา ผมไม่ต้องผายปอดพอดีเหรอ!” เก้าจับคอคนเจ็บหันอย่างเร็วจนต้องร้อง ‘โอ๊ย’ ก่อนจะใส่ยาตรงรอยข่วนใต้กกหู “จะมีเรื่องทีก็ให้มันน้อยๆ หน่อยไอ้ตุลย์ ห่วงสวัสดิภาพตัวเองบ้าง”



“ไม่เอาน่า เก้า คนเราทำเพราะมีเหตุผลทั้งนั้นแหละ”



“เหอะ” คนถูกเตือนเค้นเสียง ก่อนจะแปะพาสเตอร์บนแผล “เอ้า เสร็จแล้ว!”



“ขอบใจ”



“เออ พักผ่อนเยอะๆ เดี๋ยวเสียงก็กลับมาเอง”



เก้าตบหัวเขาสองทีเหมือนเล่นกับหมา ก่อนจะขอตัวออกไปทำงานต่อเพราะสถานการณ์ด้านนอกกลับมาสู่สภาพเกือบเป็นปกติแล้ว ทิ้งเขาไว้กับบีสองคน หญิงสาวมองตามหลังเก้าจนแน่ใจว่าฝ่ายนั้นไปแล้วแน่ๆ จึงถาม



“เขาทำอะไรแย่ๆ กับนายอีกแล้วใช่ไหม อยากเล่าให้หรือเปล่า?”



“.........” ตุลย์ส่ายหน้า



บางครั้งการเก็บเรื่องส่วนตัวไว้กับตัวก็ส่งผลดีกว่า บีมีเรื่องให้คิดมากพอแล้ว ไม่ควรต้องมาพะวักพะวกกับปัญหาของเขาอีก



 “ถ้ามีปัญหามันหนักเกินไปหรือต้องการคนรับฟัง พี่ก็อยู่ตรงนี้นะ พร้อมคุยเสมอ”



“เอาไว้ถึงตอนนั้นผมจะมาหาพี่คนแรก” ตุลย์ยิ้ม ทั้งที่รู้อยู่แก่ใจว่าจะไม่มีวันนั้น



----------------------------


บ่ายนี้อากาศค่อนข้างอึมครึมเป็นพิเศษ เพราะไม่พกร่มมา หลังจบคลาสบรรยายตุลย์จึงเร่งรีบกว่าปกติ เขากระชับกระเป๋า สาวเท้าเร็วๆ ลงบันไดอย่างว่อง หน้าฝนแบบนี้ขืนช้าไม่กี่นาทีมีหวังโดนพระพิรุณสาดใส่จนกลับบ้านกลับช่องไม่ถูก



พอวิ่งออกจากตึก กำลังตั้งท่าจะข้ามถนนไปยังลานอีกฝาก อยู่ๆ ซีดานปริศนาก็จอดเอี๊ยดกลางทางม้าลาย บีบแตรสองทีเรียกคนรู้จัก แล้วเลื่อนกระจกลงมาทักทายด้วยใบหน้ายิ้มแย้มแบบไร้จิตสำนึกต่อรถคันหลังอย่างสิ้นเชิง



“คุณศานนท์...” ตุลย์กรอกตา ไม่รู้จะสรรหาอะไรมาใช้ด่ามารยาทการจอดรถที่เข้าขั้นติดลบ



คนแบบนี้สอบใบขับขี่ผ่านได้ยังไง?



“ขึ้นมาเร็ว รถติดอยู่นะ”



“ไปหาที่จอดสิครับ”



“ไม่ล่ะ เสียเวลา”



พูดไม่ทันจบเสียงบีบแตรจากคันหลังก็ลั่นเต็มสองหู



“มาสิ ฉันไปส่ง” ศานนท์เร่งเร้า รักษาความนิ่งได้อย่างน่าโมโหแม้จะถูกด่าพ่อล่อแม่อยู่แว่วๆ



ตุลย์ประเมินอยู่ครู่ ก่อนเดินอ้อมไปเปิดประตูและสอดตัวเข้าไปนั่งข้างคนขับ ยังไงเขาก็มีเรื่องข้องใจอยากถามศานนท์อยู่แล้ว การพูดคุยเล็กๆ น้อยๆ แค่ครั้งเดียวคงไม่เป็นปัญหา



“เรียนวันนี้เป็นยังไงบ้าง?” เอ่ยถามหลังขับออกมาสักพัก



 “คุณจะไม่กลับไปที่คลับอีกแล้วเหรอ?”



“อื้ม... ใช่” ศานนท์ตอบเหมือนคุยเรื่องดินฟ้าอากาศ



“งั้นคุณก็ไม่ควรตามหาผมอีก”



“ทำไมล่ะ?”



“เพราะคุณไม่ใช่ลูกค้าของผม และผมก็ไม่รับงานนอกเหนือจากที่ผ่านคุณธวัตร เรื่องนี้ผมอธิบายให้ฟังชัดเจนแล้วไม่ใช่เหรอ?”




ศานนท์ไม่เกี่ยวข้องกับเขา และไม่มีความจำเป็นต้องมาข้องแวะอีก หากไม่ยืนยันจุดนี้ให้ชัดเจน เขาอาจโดนหางเลขฟรีๆ หากธวัตรรู้เข้า



“แต่ก็ยังไปรับไปส่งเธอได้ไม่ใช่เหรอ?”



“ เขา’ คงไม่ชอบให้คุณทำแบบนั้นแน่”



“ก็จริง”หนุ่มใหญ่ยอมรับอย่างเสียไม่ได้ “ดูเหมือนฉันจะสร้างปัญหาให้เธอสินะ?”



“ใช่... งั้นคุณบอกผมได้ไหมว่ามันเกิดอะไรขึ้น” ตุลย์หันไปมองคู่สนทนา สิ่งที่เขาต้องการรู้มีแค่เรื่องนี้เท่านั้น



รอจนกระทั่งซีดานสีดำลดความเร็วและจอดสนิท พร้อมกับรถอีกหลายคันบนท้องถนนตอนที่ไฟเขียวเปลี่ยนเป็นสีแดง ศานนท์ถึงถอนหายใจเบาๆ



“ฉันคงบอกอะไรเธอไม่ได้มาก... เอาเป็นว่า ฉันกับ ‘เขา’ มีปัญหากัน และมันจบไม่สวยนัก”



ตุลย์พยักหน้า นั่นอธิบายว่าทำไมธวัตรดูไม่สบอารมณ์ในคืนนั้น ส่วนเขาเซ้าซี้มากไปก็แค่พาลโดนลูกหลงไปด้วย



...เอาตัวเองไปเสี่ยง นอกจากไม่ได้คำตอบที่ต้องการแล้ว ยังเจ็บตัวฟรีอีก น่าขันดีแท้ๆ 



“แค่นั้นก็พอแล้วล่ะ...”



ฝนเริ่มลงเม็ดบางๆ ละอองใสเกาะกระจกดูระยิบระยับ ศานนท์เปิดที่ปัดน้ำฝนทีหนึ่งก็ได้ยินเสียงยางเสียดกระจกเบาๆ ดังเอี๊ยด ก่อนที่ละอองน้ำจะถูกปัดทิ้งไปด้านข้าง รวมตัวกันไหลลงมาตามขอบกระจก



“คุณจะพาผมไปไหน” ออกอาการหวาดระแวงนิดหน่อยเมื่อจู่ๆ หนุ่มใหญ่ก็หักรถเลี้ยวไปตามทางที่ไม่คุ้นนัก “ทางนี้ไม่ใช่ทางไปคลับ มัน...”



...อ้อม??



“รถติดจะตายชัก เลี่ยงหน่อยคงไม่เป็นไรใช่ไหม?” ฝ่ายนั้นมองเขาสลับกับถนนเหมือนจะขอความเห็น



“มันอ้อมเป็นกิโลๆ ไม่ใช่เหรอ?” ตุลย์เลิ่กลั่ก ก่อนจะกรอกตาเมื่อศานนท์หลุดยิ้ม “ถ้าบ้านคุณเรียกสามกิโลว่า  ‘นิดหน่อย’ ก็น่าจะขายรถทิ้งแล้วเดินเอานะ”



 “เอาน่าๆ สัญญาว่าฉันไม่พาเธอไปทิ้งไว้ข้างทางที่ไหนหรอก จะนอนก็ได้ ใกล้ถึงแล้วฉันจะปลุก”



ว่าแล้วก็เอื้อมมือไปเปิดวิทยุฟังเพลงสากลสบายๆ


ตลอดเวลาที่รู้จักกัน ศานนท์ไม่เคยทำอะไรจาบจ้วงหรือพูดจาหยาบคายกับเขา แต่เหตุการณ์คืนนั้นที่จู่ๆ สั่งให้ถอดเสื้อผ้าต่อหน้าก็นับว่าบั่นทอนความรู้สึกไปมาก ถึงมารู้ทีหลังว่าทำเพื่อทดสอบแต่บทเรียนครั้งนั้นทำให้เขาไม่อยากไว้วางใจใครจนอาจต้องรู้สึกเหมือนถูกไม้ตีแสกหน้าแบบนั้นอีก



บางทีเขาควรสะบั้นความสัมพันธ์ครึ่งๆ กลางๆ อย่างนี้ให้ขาดเสีย



ตุลย์เอนหลัง เหม่อไปนอกหน้าต่างมองละอองฝนพร่ำและรถยนต์ที่วิ่งสวนไปมา การจราจรแถวนี้ไม่คับคั่งเท่าในย่านตัวเมือง จนบางครั้งรู้สึกเหมือนได้พักจากเรื่องชวนหนักใจ



“นี่ตุลย์....”



“ครับ?”



“ต่อจากนี้ให้ฉันไปรับเธอที่ ’มหาลัยได้ไหม?”




-------------------------
อย่าตบเค้าที่มาเป็นจุด ถถถถถถ
เมลล่าไม่อยากหายไปนานค่ะ กลัวร้างจริงๆ เขียนไว้จบตอนแล้ว แต่ยังไม่ได้ขัดเกลา เวลาขัดแก้เยอะมากๆๆๆ
มาอัพฉลองก่อนไปเรียน ไม่รู้ว่าพอเรียนแล้วจะได้เข้ามาบ่อยขนาดไหน #กระซิกก
.2 มาอย่างช้าสุดไม่เกิน 4 วันค่ะ ให้สัญญา
ขอบคุณที่ยังติดตามค่ะ ดีใจมากที่มาถึงหน้า 2 แล้ว ความสำเร็จแรกเลย อิอิ :hao5:
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 03-07-2016 20:45:24 โดย Caramella »

ออฟไลน์ lnudeel

  • I wanna be a CAT!!
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1466
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +31/-5
อ่านไปแล้วลุ้น เรื่องนี้มีพระเอกมั้ยน
น๊อออ~ :hao4:

ออฟไลน์ fay 13

  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 5635
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +286/-44

ออฟไลน์ thyme812

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 313
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +15/-3

ออฟไลน์ Pakeleiei

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 862
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-1
สนุก เราชอบบบบบบ

แต่ว่ามาอัพต่อเลยได้ไหม :katai1:

ออฟไลน์ autopilot

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 67
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0
นายเอกเรื่องนี้รันทดเหลือใจจจเฮ้อออ

ออฟไลน์ Supparang-k

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1909
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +20/-3
สงสารนายเอกเรื่องยี้ อ่านแล้วอึดอัดแทน

ออฟไลน์ Caramella

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 96
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +22/-1
[ต่อ 6.2]



จนแล้วจนเล่าเขาก็ไม่เด็ดขาดพอ...



“คุณส่งผมแค่ตรงนี้เถอะ”



ตุลย์บอกเจ้าของรถตอนที่ซีดานวิ่งชะลอความเร็วเข้ามายังตรอกปลอดคนแห่งหนึ่ง



หลังวันที่ศานนท์เสนอตัวไปรับถึงหน้ามหาวิทยาลัย หนุ่มใหญ่จะมาส่งเขาในตรอกซึ่งห่างจากคลับพอสมควรทุกครั้ง เพราะความคนไม่พลุกพล่านมันจึงปลอดหูตาปลอดตาคนของธวัตร



เอาเข้าจริงมหาลัยเขาอยู่ห่างจากที่นี่แค่สองมุมถนน ไม่ได้จัดว่าไกลสักนิด แต่ที่ช้าและเสียเวลาเพราะศานนท์ดันพาอ้อมเป็นกิโลๆ ยิ่งวันไหนเบื่อหรือครึ้มอกครึ้มใจอะไรมาก็จะขับออกนอกเส้นทางเป็นชั่วโมงๆ กว่าจะวกกลับมาส่งที่ประจำ



วันนี้ฝนตกหนัก จราจรติดขัดหนาแน่นเต็มท้องถนน กว่าพวกเขาจะมาถึงตรอกก็กินเวลาปาไปฟ้ามืด ตุลย์ลงจากรถ เดินเลาะไปตามชายคาทั้งที่ฝนยังตก ถนนที่มีน้ำขังชวนให้รู้สึกเฉอะแฉะไปด้วย



“ตุลย์!” จู่ๆ หนุ่มใหญ่ก็เปิดกระจก ยื่นแท่งอะไรสักอย่างให้ “เอาร่มติดมือไปด้วย เดี๋ยวเธอก็เป็นหวัดแย่”



ตอนที่ร่มมานิ้วมือของศานนท์ลอบสัมผัสเบาๆ ตรงกลางฝ่ามือเขา ทำเอาชักมือกลับอย่างเร็ว



“ขอบคุณ” ตุลย์ยิ้มน้อยๆ “...แต่ผมว่าอายุอย่างคุณน่าจะห่วงสุขภาพตัวเองมากกว่า”



โดนตอกกลับแรงๆ แบบไม่ตั้งตัวหนุ่มใหญ่ก็นิ่งอึ้งทั้งที่ถือร่มค้างไว้ในมือ กระทั่งเขาพูดว่า ‘ล้อเล่นครับ’ แล้วหยิบร่มมากางนั่นแหละ ฝ่ายนั้นถึงบอกลาพร้อมรอยยิ้มอีกครั้งแล้วขับรถออกไป



ส่วนเขาก็อดจะขำเบาๆ ไม่ได้



ดูเหมือนเลขอายุจะไม่ใช่เรื่องเล่นๆ สำหรับศานนท์ล่ะสิ...



 พอแยกกับหนุ่มใหญ่ก็ต้องใช้เวลาพักกว่าจะเดินมาถึงไนท์คลับ ฝูงชนยังคึกคักแม้ฝนตกหนัก หน้าคลับก็มีผู้คนเข้าออกไม่ขาด คืนนี้เขาสายกว่าปกติ พอเก็บร่มดินผ่านเข้ามาด้านใน พื้นที่โซนต่างๆ ก็ครึกครื้นไปด้วยกลุ่มลูกค้าแล้ว



“คุณตุลย์”


ถูกการ์ดคนหนึ่งเรียกไว้ตอนกำลังจะเดินไปเก็บของเปลี่ยนเสื้อผ้า อาจเพราะปกติเขาใกล้ชิดกับธวัตร คำพูดคำจาจึงค่อนข้างให้เกียรติเป็นพิเศษ



“ครับ?”



“คุณธวัตรรออยู่ที่ ‘ห้องทำงาน’ เขาอยากพบคุณ”



“ครับ เอาไว้หลังรับแขกเสร็จ ผมจะไป”



“ไม่ได้ครับ เขาอยากพบคุณทันที” ชายร่างใหญ่ย้ำทุกคำชัดเจน


และเมื่อไม่มีทางอื่นตุลย์ก็แค่ตอบตกลง



เรื่องวิวาทเมื่อคราวก่อนเป็นเหมือนชนักติดหลังที่ทำให้เขาไม่อยากเจอหน้าธวัตร พอถูกเรียกตัวแบบเฉพาะเจาะจงเป็นพิเศษก็ยิ่งประหม่า



ธวัตรไม่ใช่คนจุกจิก ชายหนุ่มไม่เรียกเขาเข้าไปด้วยเรื่องเล็กๆ น้อยๆ เว้นเสียแต่มันสร้างผลกระทบบางอย่างให้ธวัตร หรือไนท์คลับที่เจ้าตัวทุ่มเทสร้างมากับมือ



ซึ่งไม่เคยเป็นเรื่องดี...   



ตุลย์สาวเท้าขึ้นบรรไดมาชั้นบน ส่วนที่แยกออกมาจากโซนวีไอพี คือฝั่งที่พักอันประกอบด้วยห้องชุดหลากหลายราคา สร้างให้ดูคล้ายกับโรมแรม โถงทางเดินตกแต่งอย่างเรียบหรูด้วยเครื่องแก้วและเซรามิก เช่น โหล หรือแจกันลายวิจิตร แซมด้วยไม้ประดับเป็นระยะ ใช้แค่คอมมอนเซนส์ก็น่าจะรู้ว่าพื้นที่นี้มีไว้ใช้สอยอะไร



ส่วนห้องของธวัตรอยู่สุดปลายทาง ค่อนข้างเป็นส่วนตัว มักจะถูกใช้ทำงานเอกสารหรือพักผ่อนบางคืน ตุลย์สูดหายใจลึก รู้สึกหวั่นๆ กับการเผชิญหน้าสองต่อสองอย่างอดไม่ได้ แต่สุดท้ายเขาก็รวบรวมความกล้า เคาะประตูแล้วผลักเข้าไป



“แผลหายดีแล้วสิ?”



 แค่ย่างเท้าเข้ามาก็ถูกจู่โจมด้วยคำถาม ธวัตรนิ่งเอกขเนกอยู่บนโซฟา วางโทรศัพท์ที่หยิบมาเล่นฆ่าเวลารอเขา



ตุลย์เผลอลูบคอโดยไม่ตั้งใจ ที่จริงมันยังเหลือรอยม่วงริ้วๆ อยู่บ้าง แต่บีให้เขาใช้เครื่องสำอางพรางไว้จะได้ไม่สะดุดตาคน



“นั่งก่อนสิ”



“ไม่เป็นไรครับ อีกเดี๋ยวผมจะไปรับแขก”



“นั่งสิ” ร่างสูงย้ำ “ฉันมีเรื่องอยากคุยกับนายนิดหน่อย”



เมื่อไม่มีทางเลือกอื่นก็ได้แต่นั่งลงตรงข้าม เขาไม่อยากเหยียบห้องนี้นานนักจึงพยายามกระชับบทสนทนาให้สั้นกระทัดรัดที่สุด



“นายไม่ทำตามที่ฉันสั่ง รู้ไหม?”



“เรื่องอะไรครับ” เขาตีหน้าซื่อ หากไม่กระโตกกระตาก ธวัตรก็จับโกหกได้ยาก “ถ้าคืนนั้นผมไปทำอะไรให้คุณไม่ชอบใจอีก ผมขอโทษ”



จู่ๆ ธวัตรก็ลุกยืนขึ้นเต็มความสูง เดินอ้อมมาด้านหลังเก้าอี้เขา ก่อนทาบมือบนไหปลาร้าซึ่งใกล้กับคอ ทำเอาสะดุ้งโหยงขืนตัวกลับเร็วจนมือข้างนั้นเลื่อนหลุดไป



“ศานนท์ยังมาวอแวกับนายอยู่หรือเปล่า” ชายหนุ่มจ้องตาเขาตอนที่ถาม



ตราบใดที่ยังมาทำงานตรงเวลาและอยู่รับเงินทุกครั้ง เรื่องที่เขายังติดต่อกับศานนท์ก็ถูกซ่อนไว้ใต้พรมอย่างมิดชิด ทุกครั้งหนุ่มใหญ่จะส่งเขาในตรอกที่ไกลพอสมควร ไม่มีทางที่กลิ่นทะแม่งๆ จะหลุดไปถึงจมูกธวัตรจนเรื่องแดง ยิ่งถ้าอีกฝ่ายไม่ใช่คนคิดเล็กคิดน้อย ยิ่งเป็นไปไม่ได้ใหญ่



ถ้าหากนี่เป็นแผนลองใจ ก็บอกได้เลยว่าประเมินเขาผิดถนัด!



“ก็ยังมีบ้าง แต่ผมเลิกติดต่อกับเขาแล้ว”



“งั้นช่วยอธิบายให้ฉันฟังว่านี่คืออะไร?” พอซองกระดาษถูกโยนแปะบนโต๊ะหน้าเขา รูปด้านในก็ไหลออกมา



“.......”



ตุลย์หน้าเสียตอนที่เห็นว่ามันคือ ปึกรูปตอนเขากำลังขึ้นรถไปกับศานนท์ ภาพถูกถ่ายรัวเป็นช็อตๆ ในอิริยาบถที่เปลี่ยนไปทีละเล็กน้อย หากเอามาเรียงต่อกันคงคล้ายภาพเคลื่อนไหว



ธวัตรชูรูปสองใบเปรียบเทียบ มันถูกถ่ายในสถานที่ต่างกัน ต่างวันเวลา ที่สำคัญคือเห็นใบหน้าคนใบภาพชัดเจน



“ไม่ใช่ครั้งเดียวด้วยนี่...” ธวัตรยิ้มเหี้ยม



 “คืนนั้นนายออกอาการจนหน้าสงสัย ฉันก็เลยให้คนตามสืบดู ถึงได้รู้ว่านายทำอะไรใต้จมูกฉันบ้าง ชอบมันมากเหรอ ถึงได้ยอมแหกกฏไปไหนมาไหนกับมันทั้งที่ฉันไม่อนุญาติ?”



สำหรับคนที่ขลุกอยู่แต่ในมุมมืด ไร้อิสระ และถูก ‘ตีค่า’ ด้วย ‘เงินตรา’ พอถูกใครทำดีเข้าหน่อยก็ย่อมต้องอยากไขว่คว้าแสงสว่างนั้นเอาไว้เป็นธรรมดา



“.......”



“อย่าเงียบใส่ฉัน!” ฝ่ายนั้นตวาดอย่างเหลืออด ก่อนจะคว้าคอเสื้อ



ตุลย์นิ่วหน้าเพราะยังเจ็บแผล ได้แต่ยึดข้อมือที่แข็งแกร่งเหมือนคีมเหล็กไว้เป็นปราการด่านสุดท้ายก่อนถึงตัว ธวัตรมีหลักฐานตำตา ต่อให้เขากุเรื่อง เล่าอะไรไปก็ไร้ประโยชน์



“ตอบ!”



แรงกระชากที่ปกเสื้อทำให้ตุลย์แหงนหน้ามองธวัตร แววตาเกรี้ยวกราดจ้องทะลุทะลวงจนเขาเสหลบอย่างหวาดๆ แค่ปราดเดียวเข้าใจความหมายที่ซ่อนอยู่ดี...



ว่าหากคิดเล่นไม่ซื่อเป็นครั้งที่สอง จะไม่มีโอกาสสำหรับแก้ตัวเหลืออีก



 “ครั้งนี้ผมผิดเอง จะไม่มีครั้งหน้า...”



“คิดว่าพูดแค่นี้เรื่องจะจบง่ายๆ หรือไง” มือหนาขยุ้มเสื้อแน่นขึ้นอีก



“ผมขอโทษ ครั้งต่อไปจะไม่มีเรื่องแบบนี้เกิดขึ้นอีก ผมให้สัญญา”



“แน่ใจ?” ธวัตรจ้องหน้าเขา ประเมินความจริงในแววตา ก่อนปล่อยมือจากเสื้อเมื่อไม่พบคำโกหกเสแสร้ง “กลับไปทำงานซะ”



ถูกไล่ ตุลย์ไม่คิดจะเหยียบห้องนี้ต่อสักวินาทีเดียว เพราะยิ่งอยู่นานก็ยิ่งเป็นอันตรายต่อตนเอง เขาสาวเท้าเร็วๆ กลับออกไปทางประตู



“เดี๋ยว”



ตุลย์เม้มปาก หยุดฝีเท้าโดยไม่มองย้อนกลับไป



“วันอาทิตย์นี้ ที่โรงแรม A ไปที่ห้อง 4XX” ธวัตรเว้นหายใจ “ ‘เด็กพวกนั้น’ เป็นแขกของนาย”


ในที่สุดก็ได้คำตอบสำหรับสิ่งที่เขาพะวักพะวงมาเป็นสัปดาห์ ...ซึ่งก็คือ ‘ไม่’ ไม่มีสัญญาอะไรทั้งนั้นระหว่างเขากับธวัตร ความพยายามทั้งหมดสูญเปล่า ที่เขาทุ่มเทไปมันเปล่าประโยชน์!



สำหรับ ‘ธวัตร’ คงไม่อะไรสำคัญไปกว่าอิธิพลและเงินทอง นั่นคือโลกทั้งใบของคนๆ นั้น ส่วนเขาเป็นแค่ ‘หมาก’ ตัวหนึ่งบนเกมที่ชื่อว่าธุรกิจ ถูกใช้เพียงเพื่อกอบโกยผลประโยชน์ให้ผู้เล่นอย่างธวัตร ตราบที่กำไรคุ้มค่าความเสี่ยง เขาจะเป็นหรือตายไม่สำคัญสักนิด!



ตุลย์กัดฟันกรอด พอเดินออกจากห้อง มือที่กำแน่นก็ทุบกำแพงระบายสิ่งที่อัดอั้นกักเก็บไว้ภายใน



สิ่งที่เกิดขึ้นมันทำให้รู้ว่าที่จริงเขาไร้ทางสู้แค่ไหน ธวัตรมีทุกอย่างที่ต้องใช้เพื่อควบคุมเขา ในขณะที่เขาไร้อำนาจแม้กระทั่งเปลี่ยนชะตาชีวิตตัวเอง หลงคิดว่าตัวเองมีอำนาจพอจะต่อรองสร้างเงื่อนไข แต่สุดท้ายก็แค่ลูกไก่ในกำมืออีกฝ่ายเท่านั้น!



-----------------------


“หิวน้ำรึไงวะ”



เก้าขมวดคิ้วเป็นปมหลังจากมองเพื่อนซัดเหล้าเอือกๆ เหมือนกระหายตายอดตายอยากมาจากไหน พอถามอะไรตอบสั้นๆ



“หยุดกินได้แล้วมั้ง ซัดเป็นน้ำเปล่าขนาดนี้เดี๋ยวคืนนี้ก็ได้ไปนอนข้างถนน”



“........”



“ถ้าจะตายก็บอกล่วงหน้าก่อนนะเว้ย จะได้เตรียมของชำร่วยไว้เผื่อเหลือเผื่อขาด” บาร์เทนเดอร์หนุ่มเอานิ้วจิ้มๆ คนที่นั่งหน้าแดง เงียบเป็นเป่าสาก เห็นหน้าเพื่อนไม่สู้ดีก็อดถามไม่ได้ “เครียดอะไรมาหรือเปล่าวะ หมู่นี้เอ็งดูไม่ค่อยแฮปปี้ดี้ด้า หรือเพราะไม่ได้เจอพี่บีเลยเหงา?”



ตุลย์ส่ายหน้า “หมู่นี้นายมือตก ชงเหล้าไม่อร่อยก็เลยไม่แฮปปี้”



“ห๊ะ?” เก้ารีบหยิบแก้วเขาไม่ยกซดทันที “ก็ปกตินี่หว่า มือตกจริงเหรอวะ!?”



เขาแกล้งหัวเราะ ยกยิ้มเสแสร้งที่ฝึกมานานจนดูจริงใจ



เก้าเป็นคนเดียวที่ยุ่งเกี่ยวกับมุมมืดของที่นี่น้อยที่สุด มุมมองของฝ่ายนั้นบางครั้งจึงอาจเรียกได้ว่าอ่อนต่อโลกไปมาก ซึ่งเขาและบีเห็นตรงกันว่าควรให้เป็นแอย่างนั้นต่อไป



อยู่ที่นี่ ยิ่งรู้ตื้นลึกหน้าบางน้อยเท่าไหร่ก็ยิ่งมีความสุขมากเท่านั้น



ตุลย์จัดการส่งเหล้าแก้วสุดท้ายลงท้องเสร็จก็ขอตัวกับเพื่อน เก้าบอกลาเขาเหมือนปกติด้วยสีหน้ายิ้มแย้มเหมือนเป็นแค่คืนวันอาทิตย์ในสัปดาห์ที่แสนรื่นเริงอีกคืนหนึ่ง แล้วกลับไปบริการลูกค้าอย่างยิ้มแย้ม



หมอนั่นดูมีความสุขจนหน้าอิจฉา...



พอออกจากไนท์คลับตุลย์ก็เรียกแท็กซี่ไปยังโรงแรม A เดินผ่านล็อบบี้แล้วตรงขึ้นลิฟท์ไปยังชั้นสี่ตามที่ได้หมายเลขห้องมาจากคนๆ นั้น ทุกย่างก้าวหนักอึ้งเหมือนถูกหินถ่วง ปลายทางคือประตูเรียบๆ บานหนึ่งที่ไม่อาจคาดเดาว่ามีอะไรอยู่เบื้องหลัง ตุลย์มองเลขห้อง เช็คอยู่เกือบนาทีจนแน่ใจถึงเคาะมัน



ก๊อกๆๆ



ประตูเปิดออกแทบในทันทีที่สิ้นเสียง เบื้องหลังบานไม้คือหนุ่มรุ่นราวคราวเดียวกัน เค้าโครงหน้าที่จัดว่าดูดีกับสายตาที่ประเมินเขาราวกับสิ่งของนั่น ไม่มีทางที่เขาจะลืมเมื่อเห็นกันแทบทุกวัน



โลกแห่งความจริงไม่มีปาฏิหารย์ ไม่ว่าวิงวอนร้องขอยังไงก็ตาม เรื่องนั้นเขารู้ดี...



“กำลังรออยู่พอดี ...ตุลย์”



พูดพร้อมเสียงหัวเราะในคอ ก่อนคนที่สวมเพียงเสื้อคลุมอาบน้ำจะกระชากแขนเขาเข้าไปด้านใน


“ต้องจองล่วงหน้าตั้งนานกว่าจะได้คิว นานจนฉันแทบหมดความอดทนแหนะ”



ตุลย์เซแซดๆ ตามแรงลากถูไปที่เตียง เสียงประตูปิดทำให้เขาหันกลับไปมองก่อนจะพบว่ามี ‘แขก’ อีกสองคนอยู่ด้านหลัง



แค่นั้นหัวใจก็เต้นผิดจังหวะ



เห็นแววตาหวาดหวั่น เจ้าของห้องก็ถามเย้ย “เพื่อนฉันเอง... คงไม่มากไปหรอกใช่ไหม รับแขกออกจะบ่อยไม่ใช่เหรอ?”


แรงผลักทำให้เขาหงายหลังลงบนเตียง ตามด้วยเจ้าของประโยคที่ขึ้นมาคร่อม พลางปลดผ้าคาดเอวที่ผูกไว้หมิ่นเหม่ 



“เดี๋ยวก่อน!”



ตุลย์ดันไหล่คนที่พยายามจู่โจมด้วยการถอดเสื้อผ้าเขา สอดสายตาไปรอบๆ หาทางถ่วงเวลาด้วยอะไรสักอย่าง แต่จู่ๆ แขนสองข้างก็ถูกจับยึดไว้กับเตียงด้วยแรงของใครบางคน ตุลย์ขืนตัวให้หลุดจากพันธนาการอย่างยากลำบาก



“อย่าดื้อน่า...!”


เสียงที่ต่างไปกระซิบข้างหู รวบแขนแล้วกดไว้อีกครั้งด้วยน้ำหนักที่มากกว่าเดิม ไม่รู้ตั้งแต่เมื่อไหร่ที่ชายหนุ่มอีกคนอ้อมมาข้างหลังเขา เหลือแค่คนเดียวที่ยืนกอดอกพิงโซฟามองมาอย่างเพลิดเพลินเหมือนดูละคร



“ถ้าทำตัวดี สัญญาว่าผลัดกันทีละคน...”



ดูเหมือนบางคนคงหมดความอดทนกับการแกะกระตุมเสื้อเขา ถึงเปลี่ยนมากระชากกางเกงโยนทิ้งไปอีกทาง ก่อนใช้มือลูบสะโพก บีบบั้นท้ายและต้นขาด้านในอย่างหยาบโลน คนด้านบนโยนเสื้อคลุมทิ้ง ปากก็ฉีกถุงยาง แล้วแยกขาเขา



“เอ้อ เมื่อกี้ที่ว่าทีละคนน่ะ ล้อเล่นนะ”


กระตุกยิ้มเหมือนสะใจเมื่อเขาเบิกตากว้าง แทนที่ด้วยเสียงครางต่ำๆ  ตอนที่ถูกรั้งขึ้นให้แก่นกายของคนด้านบนชำแหลกเข้ามาทีเดียวสุดทางโดยที่ขัดขืนอะไรไม่ได้เลย



-----------------------------
มีใครสงสัยไหมคะ ว่าทำไมไม่เข้าธีมเด็กเสี่ยซะที ฮาาาา
เรื่องในสามเดือนนี้มีผลกับการตัดสินใจในอนาคตของหนูตุลย์และเนื้อเรื่องที่เหลือมากๆๆ เพราะสามเดือนที่อยู่กับธวัตรเปลี่ยนตัวตนนางไปมากกก #จะเล่าในตอนพิเศษที่ 8
เมลล่าไม่อยากเขียนแบบยกเมฆ เลยค่อยๆ ปูพื้น เบื่อกันหรือเปล่า ถถถ #ยกโทษให้มือใหม่ด้วย #แต่จริงๆ เรื่องนี้ก็ไม่มีอะไรมากนะคะ #ค่อนข้างใส #อันนี้พูดจริงๆเพราะมีดราม่าน้อยมากส่วนใหญ่จะทึมๆ
ตอนหน้าทึมกว่าเก่านิดเนอะ แต่ก็ฟ้าหลังฝนค่ะ เดี๋ยวลั้นล้ากว่าเดิม ขอบคุณนักอ่านที่ติดตามกันค่า ^-^
ช้าหน่อยเก๊าขอโต๊ด เค้ามันกลับกรอกเอง ฮรืออออ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 08-07-2016 19:34:09 โดย Caramella »

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ lnudeel

  • I wanna be a CAT!!
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1466
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +31/-5
จะมีเสี่ยขับรถหรูมาช่วยตุลย?ใช่มั้ยคะ :mew2:

ออฟไลน์ Supparang-k

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1909
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +20/-3
 :hao5: :hao5:


สงสารอ่ะ  เมื่อไหร่จะมีเสี่ยเลี้ยง มีเสี่ยมาจัดกาเรื่องแบบนี้ให้ งื้ออออ

ออฟไลน์ Caramella

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 96
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +22/-1
7th Night
‘เสี่ย’



7.1

ใครบางคนที่เป็นภาพสะท้อนในกระจกกำลังถอดเสื้อเชิ้ตออก รอยจ้ำแดงๆ ปรากฏให้เห็นทั่วคอ ลามมายังลาดไหล่และไหปลาร้า พอเอี้ยวตัวจึงได้เห็นว่ามันไม่หยุดแค่นั้น แต่กระจายทั่วแผ่นหลังสลับกับแผลฟันกัดซึ่งบางจุดที่เลือดซึมก็แห้งเป้รสะเก็ดสีน้ำตาลเข้ม คนอีกฝากกระจกจ้องตาเขา ก่อนจะระบายลมหายใจหนักๆ เผินหน้าหนีเหมือนไม่อยากเห็นภาพนั้นต่อสักวินาที


“ถ้าพยศดีนักก็จับไปมันไปขึงไว้กับเตียงสิวะ เดี๋ยวก็รู้ว่าจะแรงดีไปได้อีกกี่ยก”


น้ำเสียง และการกระทำ... มันวนเวียนอยู่ในหัวราวกับฝันร้ายทุกครั้งที่อยู่ตามลำพัง


ตุลย์เปิดฟักบัว น้ำเย็นๆ ไหล่ชโลมทั่วเรือนร่างที่เต็มไปด้วยรอยแผล


มันจะเกิดขึ้นอีก...


ตราบใดที่พวกนั้นยังจ่ายหนัก เขาจะตกเป็นเหยื่ออีกครั้งแล้วครั้งเล่า


ตุลย์แหงนมองฝักบัว ความเย็นเคลื่อนผ่านใบหน้าลงมาตามคอและลำตัว สิ้นสุดที่ปลายเท้า พร้อมทั้งร่างที่ทิ้งตัวนั่งพิงกำแพงบนพื้นกระเบื้องเย็นเชียบ


ครั้งนี้เขาเหนื่อยจริงๆ มันเกินกว่าจะรับไหวโดยไม่รู้สึกอะไร...


ชั่วชีวิตเขาล้มลุกคุกคลานไม่รู้กี่สิบครั้ง แต่ไม่เคยมีครั้งไหนที่หัวใจชินกับความเจ็บปวด กลับกันยิ่งเหมือนแผลเก่าถูกมีดกรีดซ้ำ ทิ้งร่องลึกโทรมเลือดไว้ดูต่างหน้า
   

แค่อยากให้ความรู้สึกแบบนี้มันหยุดเสียที...


เป็นเรื่องไร้สาระที่ภาวนา แทนที่จะลงมือทำ แต่บางครั้งมนุษย์ตัวคนเดียว ลำพังก็ไม่แข็งแรงพอจะแบกโลกทั้งใบไว้บนบ่า ลึกๆ แม้แต่เขาก็หวังให้มีปาฏิหารย์เหมือนที่จดจ่ออรอสุริยันต์มาเยือนขอบฟ้า ทอแสงแรงผ่านม่านราตรี


แค่ละอองแสงรำไรก็ยังดี...


ความคิดที่เตลิดเปิดเปิงทำให้เขานั่งนิ่งอยู่บนพื้นร่วมชั่วโมง กระทั่งหนาวจนริมฝีปากสั่น ตุลย์จึงลุกขึ้นปิดผักบัว เช็ดตัวให้แห้ง สวมเสื้อผ้าที่ใส่สบาย แล้วออกมาเปิดทีวีตรงปลายเตียงทิ้งไว้แทนความเงียบ


ถึงอพาร์ทเม้นท์จะไม่ใช่ของเขา แต่ก็ใกล้เคียงกับคำว่า ‘บ้าน’ ที่สุดในตอนนี้


ตุลย์หยิบไวน์จากตู้เย็น เปิดฝาแล้วกระดกพรวด รสชาติฝาดร้อนแบบแอลกอฮอล์คงกลิ่นอายของผลไม้อบอวลในโพรงปาก ก่อนจะทิ้งตัวนั่งเหม่อปลายเตียง


“กลืนลงไป”


ใครบางคนสั่งพร้อมบีบคาง บังคับให้กลืนทั้งที่ยังมีบางสิ่งอยู่ในปาก “ว่าง่ายๆ เหมือนครั้งแรกก็เป็น หมดแรงพยศแล้วล่ะสิ”


“ขนาดนี้ก็สมควรอยู่หรอกว่ะ” เจ้าของเสียงหัวเราะ เรียกสติเขาด้วยการตบหน้าเขาสองที “เฮ้ย อย่าพึ่งหลับสิ ยังไม่หนำใจเลย”



ตุลย์สลัดหัว กระดกไวน์เข้าปาก หวังให้แอลกอฮอล์ช่วยสมองลืมสิ่งที่เกิดขึ้นเสีย ทุกคืนเขาไม่อาจนอนหลับสนิทโดยไม่มีไวน์สักขวด แต่สำหรับคืนนี้ต่อให้มีก็น่ากลัวว่าจะข่มตาหลับไม่ลง ในเมื่อทุกครั้งที่มองเข้าไปในความมืดยังเห็นภาพเดิมๆ ฉายซ้ำไปมา


หัวที่เริ่มมึนงงจากฤทธิ์แอลกอฮอล์ทำให้เขาไม่รู้สึกอะไรนอกจาก ‘อยากนอน’ พอล้มตัวบนเตียง เปลือกตาก็ปิดลง พร้อมสติที่ลอยฟุ้งไปในอากาศ


เขาฝันว่าอยู่กลางวงล้อมของคนมากมาย บางคนรู้จักในขณะที่บางคนไม่ ใบหน้าเหล่านั้นแสดงอารมณ์หลากหลายแตกต่างกัน ตั้งแต่โกรธเกรี้ยวไปจนถึงร้องไห้เสียใจ เขาพยายามเงียหูฟังสิ่งที่ผู้คนกำลังพูด


“เธอทำอะไรได้บ้าง?”


“ทำแรงๆ สิ ไม่ต้องไปกลัวมันเจ็บหรอกน่า”


“ฉันไม่เคยมีเพื่อนเป็นอีตัวอย่างแก!”
   


จากหนึ่งเสียงกลายเป็นสอง จากสองเป็นสาม...


“โอ้ย! ให้ตายเหอะ เดินดูทางบ้างไหมเนี่ย หรือดีแต่อ่อยแขกไปวันๆ!”


“เธอทำแบบนี้บ่อยเหรอ? ...ก็ชวนแขกคุย นั่งเป็นเพื่อน รินเหล้าให้ดื่ม”


“ปากดี!”


“แกมันอยู่ผิดที่ผิดทางเอง ไม่รู้จักเจียมตัว!”



จนสุดท้ายมันก็ตีกันมั่วฟังไม่ได้ศัพท์ แล้วทันใดนั้นแขนก็ถูกกระชากจนร่างเซล้มลงบนพื้น ตุลย์เหลียวหลังมอง เจ้าของมือคือหญิงอายุสามสิบต้นๆ คนหนึ่งที่เขารู้จักดีกว่าใคร


“แม่...”


ไม่รู้ว่าเรียกด้วยน้ำเสียงแบบไหน เธอถึงปั้นยิ้มเหยียด


“สม-น้ำ-หน้า แกมันเนรคุณที่ทิ้งฉันไว้นี่แล้วไปเสวยสุขกับพวกคนรวย แกสมควรโดน!”


เขาส่ายหน้า มันไม่เหมือนที่คิดไว้เลยสักนิด! แต่ตอนอ้าปากแก้ตัว กลับไม่มีเสียงใดเล็ดลอดจากลำคอ


เธอมองสภาพเขา ก่อนจะหัวเราะ “ที่เป็นอยู่นี่มันทรมานเหรอ? แล้วแต่ละวันที่แกทิ้งฉันไว้ในสลัมคนเดียว มันทรมานน้อยกว่าแกหรือไง!?”


ตุลย์สะดุ้งเฮือก หัวใจเต้นถี่ระรัว เขากุมหน้าผากเพราะมึนหัวก่อนจะพบว่ามีไข้ เสียงผู้ประกาศข่าวรอบดึกยังคงดังต่อเนื่องจากทีวี เลขนาฬิกาตรงมุมจอบอกว่าเขาหลับไปไม่ถึงชั่วโมง เขาเอี้ยวตัวหยิบรีโมททีวีเพื่อปิดทีวี ก่อนจะรู้สึกร้าวระบมจนต้องขดตัวงอเป็นกุ้ง แค่ขยับนิดเดียวก็เหมือนร่างจะแหลกเสียให้ได้


 เขานอนนิ่งอย่างนั้นเป็นสิบนาที จู่ๆ ก็รู้สึกคลื่นไส้อยากอาเจียนกระทันหัน ลากสังขารลงจากเตียงอย่างทุลักทุเล พอพาตัวเองมาถึงชักโครกก็อาเจียนเอาของเก่าที่กินเมื่อเย็นออกจนหมด


พิษไข้ทำให้เขาหายใจถี่ ศีรษะเวียนตื้อ พอออกแรงมากๆ ก็รู้สึกเหมือนจะหน้ามืดทั้งยืน หากไม่ได้ยาแก้ไข้สักเม็ดคงแย่


ช่วงล่างที่ไม่ค่อยเอื้ออำนวยทำให้ตุลย์เคลื่อนไหวลำบาก กว่าจะพาตัวเองกลับไปนอนบนเตียงก็เล่นเอาหอบ เวียนหัวอยากอาเจียนซ้ำสอง เขาค้นลิ้นชักข้างหัวเตียง แกะยาออกมาเม็ดหนึ่งจากแผง ส่งเข้าปากพร้อมไวน์ที่ดื่มค้างไว้ครึ่งขวด


ยอมเสี่ยงเป็นโรคกระเพาะ ก็ย่อมดีกว่าชักเพราะไข้ขึ้นสูง


ตุลย์เอนหลัง ข่มตาหลับอีกครั้ง คราวนี้เขาพลิกตัวกระสับกระส่าย เดี๋ยวหนาวเดี๋ยวร้อน วูบวาบไปทั้งตัวจนต้องเปลี่ยนมาซุกใต้ผ้านวม กอดตัวเองให้อุ่นขึ้น พอสติจมสู่ภวังค์นิทราก็เริ่มฝันถึงเรื่องเลวร้าย ไม่ถึงชั่วโมงก็สะดุ้งตื่นอีก เป็นอย่างนั้นแทบทั้งคืนกระทั่งฟ้าสาง เห็นแสงแรกของวันใหม่ถึงคลายกังวลและหลับสนิท


-----------------------


ตุลย์กระพริบตาตื่นอีกครั้งเพราะถูกแสงแยง แขนโดนแดดเผาจนแสบ พอหยีตามองไปนอกหน้าต่างเห็นตะวันเด่นกลางหัวถึงรู้ว่าปาไปเกือบเที่ยง รู้สึกวิงเวียนศีรษะอยู่บ้างเพราะยังมีไข้ แต่โดยรวมก็ดีขึ้นมากเทียบกับเมื่อวาน


ตุลย์ไถลตัวลงจากเตียง กระเบื้องใต้ฝ่าเท้าเย็นเชียบผิดกับอุณหภูมิภายนอก ดูเหมือนเขาเพิ่งพลาดคาบเช้าไปหมาดๆ ถ้าโชคดีอาจไปถึงทันคาบบ่าย


หลังอาบน้ำ แต่งตัว และจัดของใส่กระเป๋าลวกๆ เท่าที่พอทำได้ ตุลย์ก็ซัดยาแก้ปวดไปหนึ่งเม็ด แล้วลงจากอพาร์ทเม้นท์ โบกแท็กซี่ไปมหาลัย ตอนบ่ายการจราจรไม่หนาแน่น ชั่วครู่เดียวจึงถึงที่หมาย


ตุลย์ลงจากรถ แดดแรงทำให้รู้สึกเหมือนจะหน้ามืดอยู่รอมร่อ เขาตั้งท่าจะข้ามถนนไปตึกเรียนซึ่งอยู่อีกฝั่ง จู่ๆ แขนข้างหนึ่งก็ถูกดึงไว้ให้หยุด


เขาดึงมือปริศนาทิ้ง ฮึดฮัดติดรำคาญ แล้วต้องแปลกใจเมื่อหันไปมองชัดๆ


“เธอหลบหน้าฉันตลอดตั้งแต่วันนั้น โทรไปก็ติดต่อไม่ได้ มีปัญหาอะไรหรือเปล่า?”


ขาดการติดต่อไปเป็นสัปดาห์ๆ แต่ศานนท์ก็ยังอุตส่าห์มาตามหา เขาควรดีใจที่ยังมีใครห่วงใยสวัสดิภาพ หรือเสียใจที่คนๆ นี้กำลังสร้างความยุ่งยากให้ดี...


“ผมเปลี่ยนเบอร์น่ะ ช่วงนี้ใกล้สอบก็เลยยุ่งๆ”


ตั้งแต่คืนนั้น ธวัตรสั่งให้คนจับตาดูเขาอย่างเปิดเผย แต่สายของชายหนุ่มเป็นใคร ซ่อนอยู่ตรงไหน ไม่บอกให้เขารู้ บางทีอาจเป็นใครก็ได้ในบรรดานักศึกษาที่นั่งจับกลุ่มกันใต้ตึก หรือคนนอกที่เดินสวนไปมาตอนนี้


ไม่มีทางเลือกนอกจากแสดงท่าทีชัดแจนและตรงไปตรงมาที่สุด แม้ว่ามันคือ การดับเทียนเล่มสุดท้ายในความมืดก็ตาม...


 “ถ้าไม่มีอะไรแล้ว ผมขอตัวไปเรียน”


“เดี๋ยว เธอกำลังหลบหน้าฉัน” หนุ่มใหญ่ดึงตัวเขา ครั้งนี้ทำเอาเซไปพิงรถเพราะหน้ามืด ศานนท์เข้ามาประคอง แต่เขาเบี่ยงตัวหนี


“ระหว่างผมกับคุณ เราไม่มีอะไรเกี่ยวข้องอีกแล้ว พอผมเลิกสนใจคุณก็จบแค่นั้น ทำไมต้องตามหาผมอีกทั้งๆ ที่คุณก็รู้คำตอบของคำถามดี"


“ฉันต้องการคำตอบจริงๆ”


“ผมก็ตอบคุณไปหมดแล้ว” เขาสบตายืนยัน “หรือถ้าคุณอยากได้คำตอบแบบอื่น ผมก็จะพูดให้ตามความสบายใจ ว่ายังไง?”


“ฉันไม่เชื่อว่าอยู่ๆ เธอจะหมดความสนใจดื้อๆ แบบนี้ ทั้งที่เธอพยายามมากมายแค่ให้ได้คุยกับฉัน”


“นั่นเป็น ‘หน้าที่’ ที่ผมต้องทำเพื่อความอยู่รอด ก็เท่านั้น ...ผมต้องเข้าเรียนแล้ว ขอตัว” ว่าจบก็ข้ามถนนมาอีกฝั่ง


 การถกเถียงระหว่างเขากับศานนท์เริ่มหันเหความสนใจของผู้คน จนมีนักศึกษาหลายคนเริ่มจับกลุ่มยืนมุง ซุบซิบกัน


“ตุลย์ คุยกับฉันให้รู้เรื่องก่อน” ศานนท์สาวเท้าตามมาติดๆ แต่ก่อนจะเข้าถึงตัว...


“ถ้าคุณคิดว่าไม่มีใครรู้เห็นเรื่องนี้ ผมอยากให้มองดูรอบๆ ...คุณว่าเท่านี้ผมยังกลายเป็นเรื่องสนุกปากชาวบ้านไม่พออีกเหรอ?”


ได้ผลเมื่ออีกฝ่ายชะงักฝีเท้า สีหน้านิ่งเรียบทำให้ไม่อาจคาดเดามาศานนท์รู้สึกยังไงตอนนี้


“เลิกยุ่งกับผมซะ มันไม่ดีต่อใครทั้งนั้น คุณน่าจะรู้ดี...”


สิ้นประโยค เขาก็เดินหายเข้าไปในตึก พร้อมความรู้สึกผิดที่กัดกินอยู่ในใจ...


ศานนท์ดีกับเขาเสมอ ทุกครั้งที่อยู่ด้วยกันเขาเหมือนได้ตัวตนที่หายไปกลับคืนมา หากสิ่งสุดท้ายที่เขาตอบแทน ไม่ใช่ ‘ขอบคุณ’ กลับเป็นถ้อยคำโหดร้ายต่างๆ นาๆ


ไม่ใช่เพราะอยากทำ แต่ไม่มีทางเลือกต่างหาก... ตราบใดที่เขายังเหลือเยื่อใย ศานนท์จะกลับมาอีก และถ้าเกิดปัญหาอะไรขึ้นตอนนี้ เขาคงไม่เข้มแข็งพอที่รับผลการกระทำของตัวเอง...


ชีวิตเขายังต้องเดินต่อไป ต่อให้ไม่เหลือใครสักคนก็ตาม...


-----------------
ชอบแบบสั้นแต่เร็วหรือ ยาวแต่ช้าบอกได้นะคะ
เมลล่ามาอัพ พรุ่งนี้ไปสอบ วันมะรืนก็เรียนปรับพื้นฐาน ฮรือๆๆ
วันนี้อยากถามนักอ่านว่า อยากอ่านตอนพิเศษของธวัตรไหมคะ นางจะเล่าเรื่องตั้งแต่เจอหนูตุลย์ เป็นตอนสุดท้ายของนางละ อิอิ ถ้าไม่อยากจะข้ามไปตอนที่ 8 เลยค่ะ ^-^
>>READ 7.2 'เสี่ย'<<
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 22-08-2016 16:33:01 โดย Caramella »

ออฟไลน์ Supparang-k

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1909
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +20/-3
งื้อออออสงสารอ่ะ


คนเขียนเขียนไรอ่านหมด จัดมาเลยค่ะ

ออฟไลน์ lnudeel

  • I wanna be a CAT!!
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1466
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +31/-5
 :mew4: :sad4:. ตุลย์~~~ :hao5:

ออฟไลน์ autopilot

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 67
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0
โอยยยย อ่านละเกลียด อิเด็กคนร่วมคลาสน้องตุลย์ โอยยยยย

ออฟไลน์ netich

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 228
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-0

ออฟไลน์ TachibanaRain

  • มาโกโตะเทนชิ
  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2418
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +76/-3
รู้สึกดราม่าหน่วงในอกอะคือก็รู้แหละว่าขายตัวมันไม่ดีหรอกแต่จำเป็นต้องรังเกียจและซ้ำเติมกันขนาดนี้มั้ยวะไอ่พวกเพื่อนรวมคณะอะ แม่ง อยากลองโดนเองมั้ยว่ามันรู้สึกยังไง เกลียดดด ไอ่ธวัตรก็ด้วยเห็นแก่ตัวมากอะขอให้ใครมาข่มมันคืนบ้างดิจะได้สำนึก

ออฟไลน์ fay 13

  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 5635
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +286/-44

ออฟไลน์ kimkidoy

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 57
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
สงสารนายเอกมากกกกกกชีวิตเจอแต่คนเลว

อยากอ่านตอนพิเศษมากกกก พลีสสสสสสสส

ปล.ขอแบบยาวๆจุใจเถอะน้าาาาา :katai4:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ ♠DekDoy♠

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4514
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +421/-8
น่าสงสารอ่ะ

ออฟไลน์ 1amKYN

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 4
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
ทีมลุงศาน  :o12:

ออฟไลน์ j123

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 699
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +75/-1
ศานนท์จะช่วยตุลย์ไหมอ่ะ  :m15:

ออฟไลน์ kokoro

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1090
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +138/-2
บีบคั้นหัวใจมากค่ะ
สงสารตุลย์  :sad4:

ออฟไลน์ Soda.wine

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 76
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-0

ออฟไลน์ alternative

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2317
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +285/-3
ชีวิตมันโหดร้ายนะ

อยากอ่านในมุมธวัตรบ้าง นางจะได้หายไปเร็ว ๆ  :laugh:

ออฟไลน์ lightseeker

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 112
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +6/-0
เนื้อเรื่องหม่นๆ แต่เล่าออกมาให้ไม่เครียดมาก เราชอบสำนวนการเขียนของคุณคนแต่งมากเลยค่ะ อ่านชวนติดตามมาก
สงสารตุลย์ทุกตอน รอวันที่จะมีชีวิตที่ดีกับเขาบ้าง  :sad4: พระเอกปรากฎตัวออกมาแล้วยัง หรือจะเป็นคุณศานนจริงๆ
มาอัพบ่อยอีกนะคะจะรออ่านค่ะ :pig4:

ออฟไลน์ kimkidoy

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 57
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
มารอตุลย์กับเสี่ยศานค้าบบบยยยบ  :katai4:

ออฟไลน์ Caramella

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 96
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +22/-1
[ต่อ]
7.2


ศานนท์เคารพการตัดสินใจของเขา หลังจากเรื่องวันนั้น หนุ่มใหญ่ก็หายไปจากสารระบบ ส่วนตุลย์ก็กลับมาใช้ชีวิตแบบเดิม วนเวียนอยู่กับสิ่งเดิมๆ เหมือนก่อนที่จะพบกัน


ไม่รู้อะไรดลใจ วันนี้ตุลย์จึงออกมาเดินตลาดกลางคืนหลังเลิกเรียนแทนที่จะตรงเข้าคลับเหมือนทุกวัน รอจนตะวันตกดิน บรรดาร้านค้าก็ออกมาตั้งเต็มสองข้างทาง ทุกร้านแน่นคน ถนนที่ว่ากว้างจึงดูแคบลงถนัดตาเทียบกับปริมาณฝูงชน ดูคึกคักมีสีสันไม่น้อย


ระหว่างทางเขาแวะซื้อขนมเผือกเส้นถุงหนึ่ง รสชาติหวานๆ มันๆ เป็นอะไรที่ถูกปากอย่างไม่ได้กินมานาน


ทุกวันนี้ชีวิตราบรื่นดี... ทุกอย่างกลับสู่ครรลองของมันเหมือนก่อนที่ศานนท์จะเข้ามาพัวพันในชีวิต



ทั้งที่ควรพอใจที่ปลอดภัย แต่ลึกๆ เขารู้สึกเหนื่อยหน่ายเพิ่มขึ้นทุกที ... เหนื่อยที่จะต้องหายใจทิ้งไปวันๆ ใต้ชะตาที่คนอื่นกำหนดให้โดยไม่อาจคัดค้านอะไร


นั่นเป็นเหตุผลว่า ทำไมเขาถึงเลือกทำตามใจตัวเองในคืนนี้


ที่นี่... เขามองเห็นสีสันแห่งชีวิต เห็นอิสระเล็กๆ ในกรอบชีวิตที่เร่งรีบวุ่นวายราวกับได้ย้อนกลับไปเป็นตัวเองก่อนที่ธวัตรจะเข้ามาพลิกทุกอย่างเป็นหลังมือ


แค่สามเดือน แต่เรื่องราวมากมายที่ผ่านเข้ามาทำให้รู้สึกยาวนานเป็นปี จนเกือบลืมไปแล้วว่าเมื่อก่อนเขาชอบความรู้สึกนี้แค่ไหน ที่ได้มองค่ำคืน... แสงสี... และผู้คน


ความรู้สึกที่ราวกับเป็นอิสระจากโซ่ตรวนทุกอย่างแม้เพียงช่วงเวลาสั้นๆ


ตุลย์มัวเอ้อระเหยอยู่นาน คืนนั้นจึงกลับดึกกว่าทุกครั้ง พอเข้าคลับมาถึงพบธวัตรนั่งไขว่ห้างสูบบุหรี่รออยู่ตรงล็อบบี้ก่อนแล้ว แค่เห็นหน้าก็ถูกยิงคำถามใส่


“ไปไหนมา”


“ผมขอโทษที่มาช้า คืนนี้รถติด”


“งั้นเหรอ?”


“.......” ตุลย์พยักหน้า เดินเลี่ยงเข้าไปด้านใน


“เดี๋ยวก่อนจะรีบไปไหน?”


“รับแขก...”


ถึงเกลียดงานนี้ แต่เขาก็มีความรับผิดชอบมากพอ


“ไม่ต้อง ไปเก็บของซะ”


ประโยคนั้นเล่นเอาตุลย์ชะงักฝีเท้า “...ทำไม? คุณ...ไล่ผมออก?”


เขาควรรู้สึกดีใจที่ได้เป็นอิสระ แต่อะไรบางอย่างกลับบอกว่ามันจะไม่จบง่ายๆ และสิ่งต่อมาก็เหมือนประกาศิตยืนยัน


“นายถูกขายแล้ว”


ราวกับถูกค้อนปอนฟาดลงกลางกระหม่อม สมองมึนตื้อจมจ่ออยู่ในภวังค์ ความคิดสิ้นสุดลงตรงนั้น เหลือแค่เสียงจังหวะหัวใจถี่ระรัว


“อะ อะไรนะ...?”


“ฉันขายนายแล้ว ต่อไปนี้นายไม่อยู่ในความดูแลของฉันอีก”


 “ดะ เดี๋ยวก่อน!” เขายืนขวางธวัตรที่ลุกขึ้นจากเก้าอี้ “คุณขายผมไม่ได้! ในสัญญามัน...”


“สัญญานี่เหรอ?” ชายหนุ่มหยิบบางอย่างจากแฟ้ม ก่อนจะฉีกมันต่อหน้าต่อตา “ทีนี้ก็ไม่มีสัญญาอะไรต่อกันแล้ว ไปเก็บของที่อพาร์ทเมนท์ คืนนี้นายต้องไปหา ‘เจ้าของใหม่’


พูดจบก็เดินสวนไปราวกับไม่ใช่เรื่องของตน ขณะที่ตุลย์ยืนอึ้งอยู่ตรงนั้น


...หลงคิดว่าความสัมพันธ์ระหว่าง ‘เจ้านาย’ กับ ‘ลูกจ้าง’ ที่รู้จักนิสัยใจคอกัน จะทิ้งเยื่อใยอะไรไว้บ้างในฐานะคนรู้จัก แต่ก็เปล่าเลย พอเจอข้อเสนอที่ดีกว่า ธวัตรก็พร้อมโยนเขาให้คนอื่นเหมือนหมูเหมือนหมา


“คุณวัตร...” เขาเรียกชื่อแผ่นหลังที่ไกลออกไป “ให้ผมทำอะไรก็ได้ แต่ไม่ใช่แบบนี้...”


เขาไม่อยากถูกขายเหมือนสินค้าที่มีราคาแค่ ‘ค่าเงิน’ พอเก่าหรือเปอะเปื้อนก็ขว้างทิ้ง โยนให้คนอื่นใช้ระบายอารมณ์


ตุลย์เม้มปาก คว้าแขนคนที่เหมือนความหวังสุดท้าย


เขาไม่อยากเสียแม้กระทั่งตัวตนของตัวเอง...


“ผมขอโทษ ขอร้อง... อย่าทำแบบนี้”


พวกเขาสบตากัน ชั่วครู่หนึ่งที่ตุลย์เห็นบางอย่าง... บางอย่างที่บอกว่าคนๆ นี้อาจเปลี่ยนใจ แต่แล้วมันก็ถูกกลืนหายไปในดวงตา


“...ไปเก็บของซะ ฉันจะให้คนไปส่ง”


“...........”


เลือดเย็นจริงๆ...


มาถึงจุดนี้ตุลย์ไม่หวังอะไรอีก เขาไม่จำเป็นต้องกลับไปที่อพาร์ทเมนท์ ในเมื่อไม่มีของมีค่าอะไร ‘สิ่งของ’ อย่างไม่ต้องการอดีตหรืออนาคต แล้วจะเอาของที่ชวนให้นึกถึงอะไรแบบนั้นไปทำไม!


“ถ้าคุณอยากให้ผมไป ผมจะไปตอนนี้...”


ธวัตรขยับปากเหมือนจะพูด แต่สุดท้ายก็แค่สั่งให้คนเตรียมรถ แล้วเดินไปส่งเขาที่คลับโดยปราศจากถ้อยคำเพิ่มเติม


ตุลย์สอดตัวเข้าไปนั่งเบาะหลัง กระจกมองหลังฉายภาพคนขับ ผู้ชายคนนี้คือหนึ่งใบบอดี้การ์ดที่ทำงานให้คลับ ซึ่งตุลย์คุ้นหน้าคุ้นตา แต่ไม่เคย ‘รู้จัก’


ชั่ววินาทีนั้น เขาก็เข้าใจความหมายของคำว่า ‘ฉาบฉวย’


ยังมีผู้คนอีกมากมายที่พร้อมขายวิญญาณแทนเขา ไม่ว่าเพื่อค่าตอบแทนแสนล่อใจ หรือเพื่อบรรไดสู่ชีวิตทีดีกว่า ส่วนตัวเขาก็แค่คนผ่านทางโชคร้ายที่บังเอิญหลงเข้ามาบนเส้นทางสายนี้อย่างไม่ตั้งใจ


พอรถเคลื่อนตัว ทิวทัศน์นอกหน้าต่างก็แปรเปลี่ยน จากที่เคยคุ้นกลับกลายเป็นไม่รู้จัก ตุลย์เทินหัวบนขอบหน้าต่าง หลับตาลง ขยำชายเสื้อเพราะอารมณ์กระสับกระส่ายที่ฟุ้งซ่าน


กลัว...


กลัวปลายทางที่ไม่รู้จัก กลัวสิ่งที่กำลังจะเกิดขึ้น กลัวความจริงที่ต้องเผชิญหน้า...


กลัวไปหมดทุกอย่าง...


จากนี้เขาควรทำยังไง...?


เขาไม่เข้มแข็งพอจะผ่านเรื่องหนักหนาแบบนี้ด้วยตัวคนเดียว


ขั่วครู่ที่ภาพของแม่แวบขึ้นมาในหัว


ถ้าเป็นผู้หญิงคนนั้น เธอจะทำยังไง....? จะกลัว จะทรมาณเหมือนกันไหม ตอนที่เขาทิ้งเธอไว้ข้างหลังอย่างเห็นแก่ตัว...


เขาผิดต่อเธอ เรื่องนั้นเขารู้...


 แต่ขอร้อง ได้โปรดเถอะ ให้ความทรมานที่เขาต้องเผชิญแต่ละวันหยุดลงเสียที...


“ถึงแล้ว”


ตุลย์ลืมตาตื่นจากภวังค์ กลับสู่ความเป็นจริง บัดนี้ที่อยู่ตรงหน้าเขาคือ บ้านหลังใหญ่โตโอ่อ่าแบบที่ชีวิตนี้ไม่หวังเอื้อม ยิ่งพอถูกนำเข้ามาด้านใน ความหรูหรามีราคาก็ยิ่งปรากฏชัดบนแครื่องเรือน


ซ้ำเติมความจริงที่ว่า เขาแค่มดตัวจ้อยบนโลกอันกว้างใหญ่ไพศาล ไร้อำนาจใดๆ ในมือ


“เชิญค่ะ”


ถึงตรงนี้ สาวใช้ก็รับช่วงต่อ ตุลย์ไม่ทางเลือกนอกจากตามเธอ แม้ว่าทุกก้าวให้ความรู้สึกเหมือนไกลห่างความเป็นจริงมากขึ้นทุกที


ความคิดร้อยแปดพันอย่างลอยฟุ้งในหัว ไหลเลยเถิดไปไกลจนควบคุมไม่อยู่ กระทั่งสาวใช้ส่งเขาในห้องๆ หนึ่งขอตัวออกไป ตุลย์จึงรู้สึกตัว


ที่นี่ที่ไหน?


เขากวาดตามองห้องโถงกว้าง ดูคล้ายกับห้องรับแขกทว่ามีกลิ่นอายของความเป็นส่วนตัวเจือบนอยู่ไม่น้อย ทีวีถูกเปิดช่องหนังทิ้งไว้ แต่ปราศจากผู้ชม เฟอนิเจอร์และข้าวของต่างๆ ไม่เป็นระเบียบนัก เหมือนถูกใช้งานสม่ำเสมอเสียมากกว่า


เทียบกับการตกแต่งอย่างหรูหราด้านนอก ที่นี่ให้ความรู้สึกเรียบง่าย และมีชีวิตชีวากว่าหลายเท่า ราวกับมันถูกสร้างจากตัวตนเจ้าของห้อง


แต่ก่อนที่ความคิดจะเตลิดไปมากกว่านี้ เสียงก๊อกแก๊กก็ดังจากอีกห้องที่เชื่อมกัน ความสงสัยที่มีมากกว่าทำให้เขาชะโงกมองเข้าไป ใกล้ๆ กับเคาท์เตอร์มีชายคนหนึ่งยืนหันหลังให้ กำลังง่วนอยู่กับบางอย่าง หาได้ตระหนักถึงการมาของเขาไม่


มือข้างที่ถือแก้วเปล่า... แผ่นหลังเหยียดตรง... ทุกท่วงท่าที่เคลื่อนไหว..


บางอย่างในตัวชายคนนั้นกำลังบอกเขาว่า ‘คุ้นเคย’


“ศานนท์...?”


ตุลย์พลั้งปากเรียกชื่อคนในความคิดห้วนๆ นึกเสียใจแต่ก็สายไปที่จะเรียกคืนคำ เมื่อเจ้าของห้องกำลังหันกลับมา...


----------------------
เม้นท์เยอะจุงเลยยย แอร๊ยยย เขิลลล ขอบคุณนักอ่าน #กอดๆๆๆ :-[
เมลล่าไม่ชอบดราม่าเวิ่นเว้อ ตอนเขียนไม่มั่นใจเลย กลัวคนอื่นจะไม่ชอบด้วย ถถถถ
ในที่สุดเราก็จะเข้าธีมเด็กเสี่ยกันแล้ววว เย้!!
ขอชี้แจงว่าเนื้อเรื่องต่อจากนี้มีความดาร์กน้อยลง เน้นพัฒนาการตัวละครค่ะ เป็นคอนเซปท์ที่วางไว้แต่แรกแล้ว อิอิ
เรื่องนี้ออกจิฟรุ้งฟริ้งจริงๆ นะเออ  #พูดด้วยความสัตย์จริง

ส่วนคนที่อยากรู้ว่าเมลล่าที่มุดหัวอยู่ดอยไหนมา 20 กว่าวัน
ตอบ: ที่ม. มีซัมเมอร์มาราธอนค่ะ แบบเรียนตั้งแต่ตะวันขึ้นยันตกดิน เริ่มจันทร์ยาวยันอาทิตย์ ไม่ไหวจะเคลียร์จริงๆ ค่ะ กลับบ้านมาก็นอนแหม็บ เสียพลังงานเยอะมากก #ปกติเป็นคนเหนื่อยง่ายพลังงานน้อยค่ะ ถถถ
ตอนนี้ซัมเมอร์จบแล้ว เริ่มว่างแต่ 12-14 เมลล่าก็ไม่อยู่ ไปตจว. จะพยายามปั่นตอนพิเศษให้เสร็จ รู้ตัวค่ะ ว่าอู้งานจนตัวขึ้นขนแล้ว 5555+
ทีนี้ก็มาลุ้นกันว่าเปิดเทอมจะมีกิจกรรมเยอะไหม + เมลล่าจะหนีเที่ยวหรือเปล่า #โดนตบ  :beat:
บ่นยาวค่ะ อัดอั้นน สุดท้ายขอบคุณที่ติดตามกันมาค่ะ ^-^
ตอนหน้าพบกับเรื่องเลาของธวัตร ส่วนตอนหน้าของตอนหน้า (ตอนมะรีน?) ที่8 หนูตุลย์เป็นเด็กเสี่ยเต็มตัวแล้ว อรั้ยยย   :hao7:

ออฟไลน์ lnudeel

  • I wanna be a CAT!!
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1466
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +31/-5
เธอกลับมาแล้ว~ ไรท์กลับมา~~ :katai2-1:

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด