คุณคือความรัก บทที่ 14
นับเป็นเวลากว่า 2 เดือน ที่กมลไม่ได้พบกับณธิปอีกเลยหลังจากไปทานซุปเปอร์ขาไก่ด้วยกันในคืนนั้น เพราะว่าเขาและณธิปต่างก็ยุ่งวุ่นวายกับงานของตัวเองทั้งคู่
ฤดูหนาวกำลังมาเยือนอีกครั้ง นั่นเป็นสัญญาณของวันสำคัญและวันพิเศษมากมาย ตารางการจัดงานวิวาห์ของ I promise แน่นเอี๊ยดไปถึงปีใหม่ ซึ่งก็นับว่าเป็นเรื่องที่น่ายินดีอย่างยิ่ง
แต่ทั้งหมดนั้นก็ต้องแลกกับการที่พนักงานทุกคนหัวปั่นเพราะทำงานกันไม่หยุดหย่อน โชคดีที่กมลสั่งให้แผนกต่างๆ เปิดรับพนักงานเข้ามาเพิ่มมาตั้งแต่ช่วงก่อนหน้า ไม่เช่นนั้นก็คงไม่อาจรับมือโปรเจคงานต่างๆ ได้ทันเป็นแน่
ส่วนงานที่ร่วมมือกับปางปาลี ตอนนี้เรียบร้อยหมดทุกอย่างแล้ว เหลือเพียงแค่ให้ถึงวันที่โรงแรมเปิดตัวเท่านั้น ทีมงานของกมลก็จะได้เริ่มปฏิบัติหน้าที่ในส่วนต่อไปได้ทันที ซึ่งกำหนดการเปิดตัวของโรงแรมก็ถึงคือสุดสัปดาห์ที่จะถึงนี้เอง
งานนี้กมลเองก็ได้รับเชิญให้ไปร่วมด้วยเช่นกัน ทั้งยังได้รับบัตรผ่านเข้าร่วมงานจากเจ้าของโดยตรงเสียด้วย ดังนั้นไม่ว่าจะเป็นในแง่ของธุรกิจหรือความสัมพันธ์ส่วนบุคคล ทุกสิ่งทุกอย่างก็บังคับไปในตัวแล้วว่ากมลจำเป็นต้องไปร่วมงานด้วยตัวเอง
แต่แล้วก่อนถึงวันเปิดตัวโรงแรงปางปาลีสองวัน เจ้าของงานก็ไม่วายโทรหากมลด้วยตัวเอง เพื่อขอร้องแกมบังคับให้กมลต้องไปให้ได้
[ผมเตรียมบ้านพักไว้ให้แล้ว เป็นห้องเดิมที่เมื่อคราวก่อนคุณพักไง จำได้ไหมครับ]
เพราะณธิปได้ยินจากผู้จัดการโรงแรมว่า เมื่อคราวที่กมลมาพัก หนุ่มหน้าหวานดูจะถูกใจวิลล่าของเขามาก ดังนั้นชายหนุ่มจึงถือโอกาสเอาใจ และทำคะแนนเพิ่มให้ตัวเอง เพราะช่วงที่ผ่านมาเขาไม่ได้พบหน้ากมลเลย จะมีก็แต่คุยกันทางโทรศัพท์กับข้อความเท่านั้น
“ไม่เห็นจำเป็นต้องให้ผมพักที่วิลล่านั่นเลยครับ ห้องแพงๆ วิวดีๆ แบบนั้น ให้แขกผู้ใหญ่คนสำคัญพักดีกว่านะ ผมพักห้องในตัวโรงแรมจะเหมาะสมกว่าด้วย”
[ได้ไงล่ะ คุณเองก็คนสำคัญ] เสียงของคนปลายสายหยอดคำหวานออกมาดื้อๆ ก่อนจะยื่นข้อเสนออย่างกระตือรือร้น [จะพาน้องสาวกับหลานๆ มาพักด้วยก็ได้นะ เป็นวันสุดสัปดาห์พอดีด้วย ผมว่าเด็กๆ ต้องชอบหาดส่วนตัวของปางปาลีแน่ๆ]
“จะเอาเด็กๆ ไปด้วยได้ยังไง เท่านี้ก็เกรงใจจะแย่แล้วครับ”
[คุณก็เหมือนหุ้นส่วนที่ร่วมงานกับผม ต่อไปคงต้องประสานงาน และช่วยเหลือกันอีกหลายอย่าง เกรงใจทำไมกัน]
“จะว่าอย่างนั้นก็เถอะ แต่คราวนี้ผมไปทำงาน”
[ไม่ได้มาทำงานสักหน่อย มาแสดงความยินดีต่างหาก] ณธิปเถียงอย่างไม่ยอมแพ้ ทั้งยังรีบสวนกลับจนกมลหาข้ออ้างไม่ทัน [อีกอย่างงานเลี้ยงก็มีในตอนกลางคืน คุณมาถึงเที่ยงๆ ก็ยังมีเวลาเดินเล่นพักผ่อนตั้งหลายชั่วโมง เช้าวันต่อมาก็ด้วย กลับไฟล์ทค่ำหน่อยก็ไม่เป็นไรหรอกจริงไหมครับ จะได้อยู่ทานข้าวเที่ยงด้วยกัน ไหนคราวก่อนบอกจะให้ผมแก้มือไง ถึงจะผ่านมาเดือนกว่าแล้ว แต่ผมก็ยังจำได้นะ หรือคุณไอคิดจะเบี้ยว]
“เปล่าครับ ผมแค่คิดว่าคุณน่าจะยุ่ง แล้วก็อย่างที่บอก ว่าผมเกรงใจ”
[เอาอย่างที่ผมว่านี่แหละ พาเด็กๆ มาด้วย คุณจะได้ลองพื้นที่นันทนาการต่างๆ ให้ผมไง เผื่อว่ามีตรงไหนที่ไม่ดีพอเมื่อต้องใช้งานจริง ผมจะได้แก้ไขทัน เท่านี้ก็หายกันแล้วเห็นไหม ได้ประโยชน์ทั้งคู่]
กมลรู้สึกคล้อยตามที่ณธิปพูดเล็กน้อย ความจริงหากจะให้เอาแต่หาประโยชน์จากสิ่งที่อีกฝ่ายยื่นมาปรนเปรอให้ เขาก็คงไม่ต่างอะไรกับคนอื่นๆ ที่ณธิปเข้าหา แต่ถ้าต่างฝ่ายต่างได้ผลประโยชน์ร่วมกันจริง ชายหนุ่มคิดว่าข้อเสนอนี้ก็ดีไม่น้อย เพราะรู้ว่าหลานๆ คงดีใจมากถ้าได้ไปเที่ยวตามที่เคยให้สัญญาเอาไว้ เขาเองก็ได้ไปร่วมงานในเวลาเดียวกัน
เมื่อไตร่ตรองอย่างถี่ถ้วนแล้ว กมลจึงตกลงปลงใจรับปากออกไป “ก็ได้ครับ ผมจะลองไปชวนเด็กๆ กับอ้ายดู ถ้าพวกเขาไปด้วย ผมจะช่วยกลับมารีวิวให้ว่าพื้นที่ส่วนกลางของคุณเป็นยังไง”
[ดีครับเลยครับ ว่าง่ายอย่างนี้ เอาไว้ผมจะตกรางวัลให้นะ]
“หึ” กมลแค่นหัวเราะเย็นชา ปลายสายจึงหัวเราะร่วนออกมาแล้วแก้ตัว
[ฮ่าๆๆ อย่าเพิ่งทำเสียงเอือมกันน่า ผมแค่ล้อเล่นนิดหน่อยเอง] ณธิปเว้นไปนิด ก่อนว่าเอ่ยด้วยน้ำเสียงเป็นงานเป็นการขึ้น [งั้นเอาไว้เจอกันวันเสาร์นะครับ ผมจะให้คนเอารถไปรับที่สนามบิน]
“ขอบคุณครับ”
พูดคุยกันต่ออีกสองสามคำ กมลก็วางสายไป
ตั้งแต่ไปกินข้าวด้วยกันคืนนั้น กมลกับณธิปก็สนิทกันมากขึ้น ไม่ใช่แค่ณธิปที่เริ่มพูดคุยหยอกล้อและวางตัวสบายๆ เวลาพูดคุยกันเท่านั้น ตัวของกมลเองก็รู้สึกว่าเขาลดการระแวดระวังอีกฝ่ายลงไปเยอะพอสมควร อาจเป็นเพราะรู้จักกันมาได้พักใหญ่ และนอกจากนิสัยเจ้าชู้กะลิ้มกะเหลี่ย ทำทีเล่นทีจริงไปเรื่อยแล้ว ณธิปก็ไม่ได้รุ่มร่ามอะไรกับเขามากเกินกว่าจะรับมือได้ ยามที่ต้องคุยงานก็จริงจังดี ความสัมพันธ์ที่เคยวางไว้ในขั้น คนที่ไม่อยากยุ่งด้วย จึงเปลี่ยนมาเป็น คนที่ร่วมงานได้ผสมกับมิตร โดยที่ไม่ทันได้รู้ตัว
ทุกอย่างเป็นไปตามที่กมลคาดไว้ไม่มีผิด เพราะเมื่อเขาเอ่ยให้ครอบครัวไปเที่ยวที่ปางปาลีด้วยกัน เด็กๆ ก็ตื่นเต้นกันยกใหญ่ ไม่คิดปฏิเสธสักนิด แม้กระทั่งน้องสาวของเขาเองก็เห็นดีเห็นงามด้วยเช่นเดียวกัน สุดท้ายเมื่อทุกคนตกลงใจและยินดีอย่างยิ่งที่จะไป กมลก็จำต้องทำตามโดยไม่กล้าขัด
“หยินเอาคุณรอยไปด้วยได้ไหมครับลุงไอ” แฝดคนพี่รีบยกกระตุกมือขวาถามผู้เป็นลุงอย่างตื่นเต้น เพราะต้องการนำของเล่นที่เป็นเจ้ารถดับเพลิงสุดหวงไปเที่ยวด้วย
กมลยิ้มให้หลาน ก่อนพยักหน้า “ได้สิครับ”
“หยางเอาคุณโพลี่ไปด้วยนะครับ” ครั้นได้ยินคุณลุงออกปากอนุญาตให้พี่ชาย แฝดคนน้องก็รีบกระโดดมาเกาะมือซ้ายแล้วเขย่าถามบ้าง
“ได้ครับน้องหยาง” กมลหันมายิ้มให้เจ้าคนเล็กบ้าง ก่อนจะเอ่ยรวบหลานๆ มากอดแล้วเอ่ยกับทั้งคู่ “แต่เอาของเล่นติดไปได้แค่คนละชิ้นนะครับ แล้วหลังจากนี้ก็ห้ามไปงอแงกับแม่อ้ายอีกรู้ไหม”
“ครับ”
“ครับ” เด็กสองคนส่งเสียงรับคำพร้อมกัน
“งั้นตอนนี้ก็ขึ้นห้องนอนดีกว่าครับ คืนนี้ลุงจะเล่านิทานให้ฟังแทนแม่อ้ายนะ”
“เย้ๆ”
เจ้าฝาแฝดพลิกกายออกจากอ้อมกอดของกมล ก่อนจะจับมือชายหนุ่มไว้คนละข้าง จากนั้นก็จูงมือพาขึ้นไปบนห้อง ให้ชายหนุ่มเล่านิทานให้ฟัง
ครั้นเด็กๆ หลับสนิทแล้ว กมลก็ลงมาหาน้องสาวที่ง่วนอยู่ในครัวเพื่อเตรียมอาหารเก็บไว้ในตอนเช้าให้ลูกๆ ก่อนไปโรงเรียน
“เสร็จหรือยังอ้าย”
“ใกล้แล้วค่ะพี่ไอ” หญิงสาวค่อยๆ คีบผักต้มสุกที่หั่นเป็นชิ้นพอดีคำขึ้นมาพักไว้ ตั้งใจว่าจะรอให้เย็นก่อนค่อยเก็บเข้าตู้เย็นเพื่อเอาไว้ประกอบอาหาร
“ความจริงวันเสาร์เด็กๆ มีเรียนว่ายน้ำนี่ โทรไปลาได้ไหม เผื่อเก็บชั่วโมงเรียนไว้คราวหน้าได้ ค่าเรียนว่ายน้ำก็ไม่ใช่ถูกๆ “ ซ้ำกมลก็อยากให้หลานๆ ได้เรียนจนจบคอร์ส เขาจึงค่อนข้างห่วงเรื่องนี้เล็กน้อย
“ลาได้ค่ะ เดี๋ยวอ้ายจัดการเอง พี่ไอไม่ต้องห่วงนะ” หญิงสาวหันมายิ้มให้พี่ชาย เธอพิงหลังกับเคาน์เตอร์ แล้วเปลี่ยนไปถามอีกเรื่องแทน “ว่าแต่ทำไมถึงคิดจะพาเด็กๆ กับอ้ายไปด้วยคะ เห็นทีแรกพี่ไอว่าจะรีบไปรีบกลับมาดูงานต่อตอนบ่ายวันอาทิตย์”
“พอดีคุณณธิปเขาเสนอให้พักวิลล่าน่ะ แลกกับให้เราไปช่วยลองดูพื้นที่ส่วนกลาง พี่เห็นว่ามันมีพื้นที่สำหรับครอบครัวด้วย แล้วคราวก่อนก็เคยสัญญากับเด็กๆ ไว้ ก็เลยอยากให้ไป ได้เที่ยวพร้อมๆ กับทำงานด้วยก็น่าจะดีเหมือนกัน เราสี่คนก็ไม่ได้ไปไหนเป็นครอบครัวมานานแล้ว”
“อ๋อ ก็เป็นความคิดที่ดีนะคะ อ้ายเห็นรูปที่ถ่ายกันมาทำงานก็คิดว่าสวยน่าเที่ยวดีค่ะ”
“ก็สวยจริงๆ นั่นแหละ”
“ว่าแต่…คุณณธิปนี่เขาก็ดีนะคะ จริงๆ เราก็ไม่ใช่หุ้นส่วนของเขา โครงการที่ทำร่วมกันก็เหมือนจะเป็นทางนั้นมากกว่าที่จ้างเรา ทางเราได้ประโยชน์มากกว่าเห็นๆ แต่เขาก็ดูแลเราดีทีเดียวนะคะ”
“อืม พี่ก็คิดอย่างนั้น ถึงได้นั่งเกรงใจอยู่นี่ไง แต่ก็อย่างว่า ข้อเสนอมันน่าสน เราก็ไม่ได้เสียอะไร เลยถือเสียว่าพาเด็กๆ ไปเที่ยวก็แล้วกัน”
“ก็จริงค่ะ” หญิงสาวยิ้มรับ ก่อนจะหรี่ตาอย่างจับผิด “แต่อ้ายก็ยังไม่ค่อยไว้ใจเขาเป็นการส่วนตัวนะคะ เพราะดูก็รู้ว่านอกจากงานแล้ว หลายๆ อย่างเขาทำเพื่อเอาใจพี่ ไอ ขนมนมเนย ดอกไม้ ข้าวของที่ส่งมาให้บ่อยๆ นั่นอีก พี่ไอระวังไว้ก็ดีนะคะ”
“ขอบใจนะ แต่พี่พอรู้ทันเขาอยู่ ไม่ต้องเป็นห่วงนะ”
“อ้ายก็ถึงได้บอกไง ให้รีบมีแฟนเป็นตัวเป็นตน คนเจ้าชู้เขาจะได้ไม่ต้องมาขายขนมจีบให้วุ่นกันอย่างนี้”
พอถูกน้องสาวคนดีสัพยอก กมลก็ยิ้มอ่อนใจ “งานเยอะขนาดนี้ คบใครเขาก็ทนไม่ไหวหรอก เวลาให้ตัวเองยังไม่ค่อยจะมีเลย”
“ก็พี่ของอ้ายเคร่งครัดกับตัวเองเกินไปนี่คะ ผ่อนปรนเสียบ้าง ลูกน้องก็ออกเยอะแยะ” หญิงสาวว่าพลางหันไปจัดการเก็บของเข้าตู้เย็น เธอบ่นเรื่องนี้กับพี่ชายไม่รู้กี่รอบต่อกี่รอบแล้ว
“เอาน่า…”
“เอาน่าอะไรคะ” พอเก็บของเสร็จ เธอก็หันมาเผชิญหน้าพี่ชายสุดที่รักอีกครั้ง ก่อนจะเอ่ยด้วยน้ำเสียงและสีหน้าจริงจังขึ้น “นี่อ้ายพูดจริงๆ นะ พี่ไอจะอยู่เป็นโสดไปถึงเมื่อไหร่”
“อย่ามาว่าพี่นะ เราเองก็ไม่มีใคร” กมลเถียง
“แต่อ้ายมีลูก แล้วก็เข็ดขยาดเกินจะหาพ่อใหม่ให้เด็กๆ กับพี่ไอน่ะเหมือนกันเสียที่ไหน แฟนคนสุดท้ายคบกันตั้งแต่สมัยอยู่มหาลัยฯ โน้น อ้ายเข้าใจว่าพี่ต้องทำงานหนัก แต่นี่ก็เป็นสิบปีที่ห่างเรื่องรักใคร่ๆ มา พี่ไม่เหงา ไม่อยากหาใครมาอยู่ข้างๆ บ้างหรือคะ”
“ก็พี่ทำงาน ไม่ได้คิดเรื่องนี้หรอก อีกอย่างพี่ก็มีอ้าย มีเด็กๆ อยู่ด้วยไง”
“พี่ไอไม่ใช่ว่าจะอายุน้อยๆ แล้วนะคะ งานมีก็ค่อยๆ ทำไปได้ ชีวิตส่วนตัวก็อีกเรื่อง อ้ายเป็นห่วงจริงๆ นะ พี่เอาชีวิตทั้งหมดทุ่มให้กับงาน กับอ้าย กับพวกเด็กๆ แล้วเคยคิดทำเพื่อตัวเองบ้างไหมคะ”
“อย่าทำหน้าซีเรียสแบบนั้นสิ” กมลเดินเข้าไปดึงน้องสาวเข้ามากอด “ทำไมเราคุยกันจนมาถึงเรื่องนี้ได้เนี่ย”
เธอกอดตอบ พลางบอกด้วยน้ำเสียงอู้อี้ “ก็อ้ายเป็นห่วง อยากให้พี่มีความสุขบ้าง”
“ทุกวันนี้พี่ก็มีความสุขนะ ได้ทำงานที่รัก ได้ดูแลอ้าย ได้เห็นหลานๆ โต” กมลลูบหัวน้องสาวเบาๆ แล้วบอกด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน “เรื่องคนรักของพี่น่ะ ถ้าจะมีเดี๋ยวก็มีเองแหละ ไม่ใช่ว่าไม่อยากหรอก แต่ยังหาคนที่พร้อมจะรับเราได้ไม่เจอเท่านั้นเอง”
“พี่ของอ้ายเป็นคนดีแล้วก็น่ารักจะตาย ถ้าเปิดใจสักหน่อยก็น่าจะเจอได้ไม่ยากหรอกค่ะ”
“เปิดใจเหรอ” แม้นทิวทัศน์จะเป็นห้องครัว แต่ครู่หนึ่ง กมลรู้สึกเหมือนสายตาของตัวเองมองเห็นแต่ความเวิ้งว้างหลังกำแพงสูงใหญ่
“ลองดูนะคะ ลองเปิดใจดู คนที่ใช่อาจจะอยู่ใกล้ๆ พี่ก็ได้”
คำพูดของหทัยดึงเขากลับมาสู่ปัจจุบัน “อืม…ถ้าได้แบบนั้นก็ดีนะ แต่ระหว่างนี้ เราก็อยู่ด้วยกันไปแบบนี้ก่อน อย่าเพิ่งไล่พี่ไปไกลๆ โอเคไหม”
“ใครจะไปกล้าไล่ล่ะคะ พี่ไอก็พูดไปเรื่อย”
“เมื่อกี้ยังไล่พี่ไปมีแฟนอยู่เลย” กมลว่าพลางดึงน้องสาวออกมาดูหน้า “แล้วนี่ร้องไห้ทำไม ไม่ใช่เด็กๆ แล้วนะแม่อ้าย”
“ไม่ได้ร้องสักหน่อยค่ะ อ้ายร้อนต่างหาก” เธอผละออกจากอ้อมกอดของพี่ ก่อนเช็ดหน้าเช็ดตาแล้วเลี่ยงออกมาจากครัว “อ้ายไปอาบน้ำนอนแล้วนะคะ ฝันดีค่ะพี่ไอ”
“ฝันดีจ้ะ คุณแม่ขี้แย” ประโยคหลังของกมล เรียกให้หทัยหันมาแยกเขี้ยวใส่ไปที ก่อนเดินหนีขึ้นห้องนอน
กมลยิ้มกับท่าทางนั้นของน้องสาว น้องสาวสุดที่รักที่ไม่ว่าเมื่อไหร่กมลก็มองว่าเธอเป็นเด็กสำหรับเขาเสมอ ยิ่งหลังจากที่เขาปล่อยเธอไป และถูกทำร้ายกลับมาพร้อมกับชีวิตใหม่อีกสอง กมลก็ยิ่งไม่อยากทิ้งเธอไปไหน ทั้งหทัยและหลานๆ
เขาไม่รู้เลย ถ้าหากเปิดใจให้ใครเข้ามา คนคนนั้นจะรับได้ไหม เขามันคนมีภาระเยอะ ทั้งครอบครัว ทั้งเรื่องงาน ถ้าหากต้องแบ่งเวลาไปดูแลคนอื่นอีก ก็กลัวว่าจะทำหน้าที่ของคนรักได้ไม่ดีพอ
แม้กมลจะเชื่อมั่นในความรัก และเชื่อว่ารักแท้นั้นมีอยู่จริง แต่เขากลับกลัวถ้าวันหนึ่งจะต้องมีความรักเป็นของตัวเองเช่นกัน และกลัวยิ่งกว่าถ้าต้องสูญเสียความรักนั้นไป ซึ่งนี่เป็นความลับอีกข้อหนึ่งที่ไม่เคยเปิดเผยให้ใครล่วงรู้
ครอบครัวเปรมอนันต์เดินทางถึงสนามบินภูเก็ตในช่วงเที่ยงของวันเสาร์ ในทีแรกกมลเข้าใจว่าคนรถของปางปาลีจะมารับเขาที่เดิมเหมือนครั้งที่แล้ว แต่เมื่อลากกระเป๋าออกมาจากเกต กมลก็พบกับคนที่ไม่คิดว่าจะได้พบยืนรออยู่
ณธิปมองนาฬิกาข้อมือที มองตรงทางออกผู้โดยสารที เมื่อเห็นครอบครัวของกมลเดินลากกระเป๋ามา ดวงตารีเรียวคู่นั้นก็แพรวพราวขึ้นทันที ผู้บริหารหนุ่มยิ้มกว้าง ก่อนจะเดินเข้ามาดึงกระเป๋าสัมภาระจากมือของกมลส่งให้พนักงานของโรงแรมที่ตามมาด้วย
“ผมคิดว่าคุณจะมาถึงเร็วกว่านี้เสียอีก”
“เครื่องดีเลย์น่ะครับ” กมลบอก “ว่าแต่ทำไมคุณมาเอง ไม่ใช่ว่ายุ่งอยู่เหรอ”
“ก็ยุ่ง แต่ไม่ได้เจอคุณตั้งนาน ผมเลยอยากมารับ”
กมลนิ่งไปนิด ไม่คิดว่าณธิปจะกล้าพูดแบบนี้ต่อหน้าน้องสาวและหลานๆ ของเขา คนหน้าหวานทำอะไรไม่ได้ เขาจึงแสร้งทำเป็นไม่สนใจเช่นเก่า แล้วหันไปคุยกับเด็กๆ แทน
“เด็กๆ สวัสดีคุณณธิปหรือยังลูก”
“สวัสดีครับคุณอาเล็ก”
“สวัสดีครับคุณอาเล็ก” เด็กๆ ยกมือไหว้พร้อมกัน ทั้งยังเรียกณธิปตามที่เหมือนเดิมตามที่เคยถูกสอนไว้ด้วย
“สวัสดีครับเด็กๆ” ณธิปยิ้มรับ “สวัสดีครับคุณอ้าย การเดินทางเรียบร้อยดีนะครับ”
“เรียบร้อยดีค่ะ ขอบคุณที่อุตส่าห์มารับพวกเรานะคะ” หทัยยิ้มรับ แม้จะรู้สึกแปลกใจไม่น้อยที่ลูกทั้สองไม่กลัวคนแปลกหน้าอย่างณธิป ทั้งยังเรียกด้วยความสนิทสนม
“กระเป๋ามีเท่านี้นะครับท่าน” พนักงานของโรงแรมถาม
“มีเท่านี้ ไปบอกคนรถให้มารับข้างหน้าได้เลย” เมื่อณธิปสั่ง ชายคนนั้นก็รีบยกกระเป๋าเดินนำหน้าไปก่อน “หิวกันหรือยังครับ”
“ไม่เท่าไหร่ครับ--” ยังไม่ทันพูดจบดี เด็กน้อยสองคนก็รีบแทรกขึ้น
“แต่หยางหิวครับคุณอา” หยางเอามือกุมท้องของตัวเอง
“หยินก็หิวครับ”
“พอดีเลยเวลาอาหารของเด็กๆ แล้วน่ะค่ะ” หทัยบอก
“งั้นเรารีบกลับกันครับ” แล้วณธิปก็หันกลับมาจูงมือเด็กๆ เอาไว้คนละข้างแทนแม่และลุง “อาเตรียมของอร่อยไว้เยอะเลย ถึงโรงแรมแล้วเราไปทานกันนะครับ”
“ครับ/ครับ!!~”
ทั้งที่ปรกติเด็กๆ จะไม่ค่อยสนิทกับคนแปลกหน้าง่ายๆ แต่กับณธิปนั้นต่างออกไปจนแม่และลุงเขาพวกเขาแปลกใจ กมลมองผู้บริหารหนุ่มเดินจูงมือหลานๆ ของตนออกไป ก่อนจะถอนหายใจออกมาเบาๆ
“ไม่ธรรมดาเลยนะคะผู้ชายคนนี้ เข้าทางเจ้าตัวไม่ได้ ก็เข้าทางหลาน เอาใจเก่งแบบนี้คนถึงบอกว่าเขาเจ้าชู้” เธอละสายตาจากลูกชายทั้งสองคน ก่อนหันมาพูดกับพี่ชายด้วยความเป็นห่วง “พี่ไอต้องระวังไว้นะคะ”
“อืม…พี่รู้แล้วล่ะ” กมลรับคำ จากนั้นจึงชวนน้องสาวให้เดินตามชายคนนั้นไป
<><><><><><><><><><><><><><><><><><><><><><>
ดึบๆ มาแล้วววว
เพียงแค่เปิดใจ ก็จะพบว่าคุณเล็กอยู่ไม่ไกลนะคะ
ปึ้ง!! /ปิดประตูหัวใจเหมือนเดิม 555
มาดูว่าตอนหน้าจะมีเรื่องป่วนๆ อะไรให้คุณไอปวดหัวอีก /สปอย 555555
ขอบคุณที่เข้ามาอ่านนะคะ
แล้วเจอกันค่ะ
ละอองฝน.