-->✖<คุ ณ คื อ ค ว า ม รั ก>✖<-- ตอนพิเศษ หลังแต่งงาน [03/07/2562]
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: -->✖<คุ ณ คื อ ค ว า ม รั ก>✖<-- ตอนพิเศษ หลังแต่งงาน [03/07/2562]  (อ่าน 203034 ครั้ง)

ออฟไลน์ B52

  • เป็ดZeus
  • *
  • กระทู้: 13215
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +420/-26

ออฟไลน์ sirin_chadada

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4110
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +114/-8
ว่าละว่าต้องตื่นไม่ทัน ไม่ได้ตั้งใจไม่แต่ง แต่ก็ไม่ได้ใส่ใจพอจะเตือนตัวเองสินะ
รอตอนต่อไปค่ะ

ปล.จะมีพาร์ทของคุณเล็กไหมคะ

ออฟไลน์ ละอองฝน

  • แมวดำ
  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 261
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +398/-2





บทที่ 7







   ณธิปแยกกับวิเวียนที่หน้าคอนโดเพราะเธอเป็นคนเอ่ยปากขอไม่ให้ชายหนุ่มไปส่ง เนื่องจากกลัวว่าจะถูกนักข่าวหรือคนตาดีเห็นเข้า ซึ่งณธิปเองก็ไม่ขัดศรัทธา เขารีบไปที่รถแล้วขับออกจากคอนโด โดยจุดมุ่งหมายเดียวที่คิดได้คือ บ้าน



   ระหว่างที่ขับรถเขาไม่ได้รู้สึกร้อนใจอย่างที่ควรเป็น แต่ชายหนุ่มกลับพยายามเค้นหาเหตุผลดีๆ ที่จะใช้แก้ตัวกับผู้เป็นพ่อมากกว่า ถึงแม้จะรู้อยู่แล้วว่าเหตุผลอะไรก็คงฟังไม่ขึ้น แต่เขาก็ต้องทำอะไรสักอย่าง เพราะเกิดความรู้สึกผิดในใจไม่น้อย



   ตอนรถติดไฟแดงดวงตารีเผลอเหลือบมองกระจกส่องหลังแวบหนึ่ง รอยช้ำบนใบหน้าที่ปรากฏขึ้นมาทำให้เขาต้องยกมือลูบริมฝีปากเบาๆ นึกย้อนไปถึงท่าทางโกรธจัดของคนหน้าหวานคนนั้น เขาก็ต้องประหลาดใจด้วยไม่คิดมาก่อนว่ากมลจะกล้าลงมือ ซ้ำยังหมัดหนักเอาการอีกด้วย



   คิดแล้วก็ขำตัวเองนิดหน่อย เพราะก่อนหน้านี้เขายังเล็งคนคนนั้นอยู่เลย แต่ดูเหมือนกมลจะไม่ใช่อะไรแบบที่เขาคิด เป็นคนที่จับมาเคี้ยวไม่ได้ง่ายๆ



   เรื่องในหัวของณธิปถูกปัดออกไปเมื่อเขาหันเหความสนใจกลับมาที่ปัจจุบัน ทันทีที่เลี้ยวมาถึงปากทางเข้าบ้าน ณธิปสังเกตเห็นรถแปลกตาหลายคันจอดอยู่บริเวณนอกรั้ว ด้านข้างรถมีบางคนคล้องกล้องไว้ที่คอ เมื่อคนพวกนั้นเห็นว่ารถของเขาเคลื่อนมาหยุดรอตรงหน้าประตู หลายคนตื่นตัวและเดินเข้ามาใกล้ บ้างก็ยกกล้องขึ้นถ่ายรูป แต่โชคดีที่รถของณธิปติดฟิล์มดำ คนพวกนั้นจึงได้รูปที่ดีอย่างใจต้องการ



   หลังจากเข้ามาในบ้านเรียบร้อย ณธิปก็ลงรถแล้วยื่นกุญแจส่งต่อให้เด็กรับใช้เอาไปเก็บ เด็กหนุ่มคนนี้ชื่อบาส เป็นลูกชายของแม่ครัวใหญ่ ตามปรกติบาสจะไม่ค่อยได้รับหน้าที่ออกมารับณธิปนัก เพราะรู้ตัวว่าเจ้านายคนนี้ไม่ชอบขี้หน้าตน แต่วันนี้คนอื่นๆ วุ่นวายกันหมด บาสจึงต้องออกมารับหน้าแทน เขาเก็บกุญแจมาอย่างกล้าๆ กลัวๆ ก่อนจะเอ่ยออกมาด้วยเสียงสั่น



   “คุณเล็กครับ”

   “มีอะไร” ณธิปหันกลับมาถามด้วยน้ำเสียงไม่สบอารมณ์นัก

   “คุณผู้หญิงสั่งว่า ถ้าคุณเล็กมาถึงแล้วให้ไปพบที่ห้องทำงานของคุณผู้ชายครับ” พอได้ยินเด็กหนุ่มพูด ณธิปก็รู้สึกเสียวสันหลังวาบ

   “อยู่กันครบเลยหรือเปล่า” เขาถามต่อ

   “คุณท่านไม่อยู่ครับ”

   “คุณย่ากลับเชียงใหม่ไปแล้วเหรอ”

   “ผมไม่ทราบครับ” คนตอบเผลอหดคอเล็กน้อยตั้งท่ารอคอยการดุด่า แต่ณธิปกลับไม่ตะคอกใส่เหมือนทุกที

   “ให้คนจัดการอะไรสักอย่างกับนักข่าวที่รออยู่หน้าบ้านด้วย” เจ้าของใบหน้าหล่อเหลาสั่งคำสุดท้ายจากนั้นจึงเดินขึ้นบ้าน บาสได้แต่รับคำแล้วมองตามแผ่นหลังกว้างหายลับไปจากสายตา ก่อนจะถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งอก








   ฝ่ายณธิปเมื่อเดินขึ้นมาถึงหน้าห้องทำงานของผู้เป็นพ่อเขาก็หยุดอยู่ตรงนั้นพักใหญ่ ก่อนสูดหายใจลึกๆ แล้วเปิดเข้าไปโดยไม่เคาะ ภายในห้องมีทั้งพ่อ แม่ และพี่ชายของเขาอยู่ครบ ดูเหมือนว่าก่อนเขาจะเข้ามาทุกคนกำลังนั่งปรึกษาอะไรกันอยู่ แต่เมื่อเห็นสมาชิกคนสุดท้ายในครอบครัวปรากฏตัว เสียงพูดคุยก็เงียบลง สายตาทั้งสามคู่มองตรงมาที่เขาเป็นจุดเดียว



   “มาแล้วเหรอพ่อตัวดี” นั่นเป็นคนทักทายที่คุณหญิงประภัสสรมีให้ลูกชาย เธอกำลังตั้งท่าจะดุว่าณธิปอีกคำแต่ดันเหลือบไปเห็นรอยแผลตรงมุมปากเข้าเสียก่อน เธอจึงรีบลุกขึ้นมาจากเก้าอี้แล้วถลาเข้ามาหาลูกชายคนเล็กพร้อมกับถามด้วยความเป็นห่วง “หน้าไปโดนอะไรมาเล็ก ใครทำอะไรลูก”

   “มีเรื่องนิดหน่อย แต่ไม่เป็นไรแล้วครับ” ณธิปบอกปัดเพราะไม่อยากลงรายละเอียด

   “แล้วนี่เจ็บตรงไหนอีกเหรอเปล่า” เธอมองสำรวจร่างกายของลูก ความรู้สึกขุ่นเคืองที่มีก่อนหน้าล้วนมลายหายไปด้วยความเป็นห่วง

   “ไม่ครับคุณแม่ ผมไม่เป็นไรจริงๆ” ณธิปตอบ แต่ยังไม่ทันที่คุณหญิงประภัสสรจะพูดอะไร ใครคนหนึ่งก็แทรกขึ้นมาเสียก่อน

   “ขยันสร้างแต่เรื่อง ถึงเจ็บมากกว่านี้มันก็ไม่รู้จักจำหรอก โดนเสียบ้างก็ดี” อนันต์พูดด้วยน้ำเสียงสุดที่จะกลั้นเพราะนึกโมโหลูกชายคนเล็กที่ไม่ได้ความของตัวเองมากๆ

   “คุณคะ ไหนตกลงกันแล้วว่าจะใจเย็นไงคะ” คนที่เป็นภรรยาได้แต่เตือนสติสามีไม่ให้พูดจารุนแรงนัก เพราะเธอไม่อยากให้สถานการณ์มันแย่ลงไปกว่านี้

   “นั่นสิครับคุณพ่อ ใจเย็นแล้วฟังเจ้าเล็กพูดก่อนดีกว่านะครับ” ณภัทรช่วยแม่พูดอีกแรง เพราะเขาเองไม่อยากให้พ่อต้องโมโหจนความดันขึ้นเหมือนเมื่อตอนเย็นอีก

   อนันต์ไม่ได้เพิกเฉยต่อสายตาขอความเห็นใจแทนณธิปของลูกชายคนโตกับภรรยา เขาพยายามปรับลมหายใจกระชั้นเพราะความโกรธลง จากนั้นจึงเอ่ยปากถามคนชอบก่อเรื่องที่ยืนเฉยราวทองไม่รู้ร้อน

   “แกไปมุดหัวอยู่ที่ไหนมาทั้งวันตาเล็ก”

   “ผมจะไปที่ไหนมันก็ไม่สำคัญแล้วมั้งครับ ตอนนี้ผมก็กลับมาแล้วนี่ไง” ณธิปคิดว่าไม่มีประโยชน์ที่ตนจะแจกแจงรายละเอียดอีก ในเมื่อเขาก็กลับมารอรับคำดุด่าหรือบทลงโทษตามแต่ใจของผู้เป็นพ่อแล้ว แต่ชายหนุ่มกลับไม่ได้คิดถึงว่า คำตอบคล้ายยอกย้อนกวนประสาทของตัวเองจะทำให้อารมณ์ที่ควบคุมเอาไว้เมื่อครู่ของผู้เป็นพ่อเดือนปะทุขึ้นมาอีกระลอก

   “ดูมันพูดเข้าสิ แล้วอย่างนี้จะให้ใจเย็นได้ยังไง” อนันต์พูดกับภรรยา ก่อนหันมาว่าณธิปอีกครั้ง “แกรู้ไหมว่ามันเกิดอะไรขึ้นบ้าง ทำอะไรลงไปรู้ตัวบ้างหรือเปล่า ความรับผิดชอบของแกมันอยู่ไหนหมด อายุก็ไม่ใช่น้อยๆ แล้ว มองดูรอบตัวซิว่ามีใครเป็นแบบแกบ้าง ตกลงอะไรกับใครไว้ทำไมถึงทำไม่ได้ แกนี่มันเกินเยียวยาจริงๆ”

   “ก็ผมไม่ได้อยากแต่ง แล้วคนที่ตกลงกับเขาก็คุณพ่อเอง ไม่ใช่ผม”

   “ตาเล็ก พูดกับพ่อดีๆ สิลูก” คุณหญิงประภัสสรรีบปราม แต่ก็ไม่ทันแล้ว ในเมื่อทั้งสองฝ่ายต่างก็สาดคำพูดใส่กันไม่หยุด

   “ถ้าแกไม่อยากแต่ง แกก็ต้องปฏิเสธหรือบอกให้ชัดเจน ไม่ใช่มาหนีวันงานแบบนี้ รู้ไหมว่ามันสร้างความอับอายให้คนอื่นขนาดไหน เคยคิดถึงใจใครบ้างหรือเปล่า”

   “แล้วทำไมผมต้องคิดถึงใจใครด้วย”

“ไอ้เล็ก!” คำถามที่ณธิปเอ่ยออกมาทำให้อนันต์ถึงกับหมดความอดทน เขาผุดลุกขึ้นยืนตบโต๊ะเสียงดังสนั่น

“ทำไมครับ คุณพ่อรับไม่ได้เหรอ ในเมื่อผมพูดความจริง มีใครคิดถึงผมบ้างไหมตอนบังคับผม เคยถามไหมว่าผมรู้สึกยังไง ไม่มีเลย ไม่มีใครฟังผมสักคน แล้วทำไมผมต้องคิดถึงคนอื่นด้วยล่ะ”



อนันต์ไม่คิดว่าจะได้ยินคำพูดที่เห็นแก่ตัวแบบนี้จากคนที่ได้ชื่อว่าเป็นลูก เขาไม่รู้ว่าตนเองพลาดไปตอนไหน ไม่รู้ว่าเพราะอะไรที่ทำให้ณธิปกลายเป็นคนเช่นนี้ไปได้ ความรู้สึกเสียใจและผิดหวังพุ่งเข้าจู่โจมหัวใจอย่างรุนแรง จนเผลอเอ่ยประโยคต้องห้ามออกไป



“ฉันผิดหวังจริงๆ ที่มีลูกอย่างแก”

“…”



ตอนนี้ณธิปรู้สึกชาราวกับถูกตบหน้า เขาขบกรามแน่นโดยไม่รู้ตัว อารมณ์ต่างๆ ที่เคยกดเก็บเอาไว้ภายในค่อยๆ ทะลักออกมาจนท่วมท้นหัวใจ ที่ขอบตารีเรียวจึงร้อนผ่าวไปหมดแต่กลับไม่มีน้ำไหลออกมาสักหยด



ณธิปเคยจินตนาการเอาไว้ว่าบางทีพ่ออาจรู้สึกแบบนั้นกับเขามาตลอด แต่ไม่คิดเลยว่าเมื่อได้ยินจริงๆ มันจะเจ็บขนาดนี้



ชายหนุ่มสบตากับคนที่มีใบหน้าละม้ายคล้ายตนเองซึ่งจ้องมองมาด้วยดวงตาปวดร้าวไม่ต่างอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะหลุบตาลงแล้วหันหลังเดินออกจากห้องโดยที่ไม่พูดอะไรออกมาอีกแม้แต่คำเดียว และเมื่อคล้อยหลังณธิปไปแล้ว อนันต์ก็ทรุดตัวนั่งลงกับเก้าอี้อย่างหมดแรง
   


“คุณคะ!”
   
“คุณพ่อ!” ณภัทรกับประภัสสรรีบเข้าไปประคองและช่วยดูอาการของอนันต์ เนื่องจากกลัวว่าอีกฝ่ายจะเป็นอะไรขึ้นมา

“พ่อไม่เป็นอะไร แค่เหนื่อยเท่านั้น” อนันต์ว่า


“ผมว่าคุณพ่อไปพักดีกว่านะครับ เดี๋ยวผมพากลับไปที่ห้องนะ”

“จริงด้วยค่ะ วันนี้เราพักกันก่อนเถอะนะคะคุณ”



ประภัสสรว่าพลางน้ำตาคลอเบ้า เธอเองก็อยากจะโกรธกับพฤติกรรมของลูกชายตัวดี แต่ด้วยความที่รักลูกมาก พอเห็นว่าเจ้าตัวเงียบงันไปเมื่อได้ยินประโยคนั้น เธอก็โกรธไม่ลง เธอรู้ว่าณธิปคงจะเสียใจกับคำพูดของพ่อ ยิ่งเจ้าตัวชอบคิดว่าพ่อไม่รักมาตั้งแต่ไหนแต่ไรแล้วด้วย แต่ลูกจะรู้ไหมว่าพ่อนั้นรักและเป็นห่วงเจ้าตัวมากขนาดไหน ที่พูดออกไปก็เพราะความโมโหทั้งสิ้น ซ้ำครั้งนี้ลูกชายคนเล็กของเธอก็ทำผิดร้ายแรงจริงๆ เธอจึงตัดสินใจไม่ตามลูกออกไปเหมือนที่เคยทำเช่นทุกที









V
V
V
V
(ต่อรีพลายล่างค่ะ)

ออฟไลน์ ละอองฝน

  • แมวดำ
  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 261
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +398/-2





เมื่อณภัทรพาพ่อกับแม่ไปส่งที่ห้องนอนแล้ว เขาก็ขอตัวออกมาเพื่อให้ทั้งสองได้พักผ่อน ในทีแรกเขาตั้งใจว่าจะกลับไปพักที่ห้องของตนเองเช่นกัน แต่เมื่อเห็นว่าน้องชายไม่ได้ขับรถหนีออกจากบ้านไปเหมือนครั้งก่อนๆ เขาจึงตัดสินใจเปลี่ยนทิศทางมายังห้องของณธิปแทน



ณภัทรเคาะประตูและรออยู่ไม่นานเจ้าของห้องก็มาเปิดให้ เขามองหน้าน้องชายอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะขอเข้าไปในห้องเพราะมีเรื่องที่จะต้องพูดกับอีกฝ่ายให้รู้เรื่อง ณธิปเองก็ไม่ได้ขัดอะไร เขาหันหลังเดินออกไปนั่งนอกระเบียงปล่อยให้พี่ชายตามเข้ามาในพื้นที่ส่วนตัวโดยไม่หวงห้าม ณภัทรตามน้องมาแล้วทรุดลงนั่งที่เก้าอี้ยาวซึ่งอยู่ข้างๆ ก่อนจะเริ่มเอ่ยปากถามด้วยน้ำเสียงจริงจัง



“เมื่อคืนไปพักที่ไหนมาเจ้าเล็ก”

“ที่คอนโดของผมไง”

“แต่พี่ส่งคนไปหา เห็นคุณหนึ่งนทีบอกว่านายไม่ได้อยู่ที่นั่นแล้วนี่” แม้ณภัทรจะรู้เรื่องของน้องชายหลายอย่าง เพราะเขาต้องคอยจับตาดูไม่ให้ณธิปเหลวไหลมากเกินไปตามที่คุณแม่สั่ง แต่เขาก็เว้นระยะห่างให้ณธิปมากพอ และไม่เข้าไปยุ่งย่ามในความสัมพันธ์แม้ว่าน้องจะคบใครหรือเลี้ยงดูใครอยู่ก็ตาม

“อืม ผมไปอยู่อีกที่นึง เพิ่งซื้อ”

“ถึงว่าสิ วันนี้ไม่มีใครหานายเจอเลย”



เงียบกันไปอีกครู่หนึ่ง ณภัทรสังเกตเห็นว่าน้องจมอยู่ในความคิดของตัวเอง โดยที่ไม่สนใจจะโวยวายว่าเขายุ่งเหมือนทุกครั้ง ณภัทรจึงเริ่มพูดเข้าเรื่อง



“เล็ก เล่าให้พี่ฟังได้หรือเปล่าว่ามันเกิดอะไรขึ้นกันแน่”

“เกิดอะไร พี่ภัทรหมายความว่ายังไง…”

“พี่ไม่รู้ว่านอกเหนือจากเรื่องที่ไม่อยากแต่งงานกับคุณเกษแล้ว นายยังมีเหตุผลอื่นอีกเหรอเปล่าที่มาไม่ทันงานแต่งเมื่อเช้า แต่พี่เชื่อว่า ไม่ว่ายังไงนายก็คงไม่ได้มีเจตนาแบบนั้นตั้งแต่แรกใช่ไหม”



ณภัทรรู้ว่าหลายครั้งที่น้องชายมักทำตามใจและเหลวไหลอย่างที่ใครๆ ว่า แต่ณธิปเองก็เป็นคนชัดเจนคนหนึ่ง ถ้าหากต้องการที่จะไม่ไปงานแต่งจริงๆ แล้วล่ะก็ ณธิปจะขอยกเลิกตั้งแต่แรก ไม่ใช่ทำอะไรอุกอาจเช่นนี้



“หึ…” ณธิปหันมามองพี่ชายให้เต็มตา ก่อนยกยิ้มเหยียดหยันออกมา “ถึงขนาดนี้พี่ยังเชื่ออย่างนั้นอยู่อีกเหรอ”

“ใช่” ณภัทรพูดด้วยน้ำเสียงและท่าทางหนักแน่น

“เราสองคนต่างกันเกินไปนะว่าไหม”

“นายหมายความว่ายังไง”

“ช่างเถอะ พี่ไม่จำเป็นต้องรู้ไปหมดทุกเรื่องหรอก”

“เล็ก ถ้านายมีอะไรในใจก็พูดกับพี่ได้ ไม่เห็นจำเป็นต้องเก็บเอาไว้คนเดียวเลย”



ณภัทรมีน้องชายคนเดียว เขาไม่อยากให้สาเหตุที่น้องทำตัวเหลวไหลมาจากการเปรียบเทียบโง่ๆ นั่นอีกแล้ว อยากให้น้องปรับเปลี่ยนความคิดเสียใหม่และมองว่าณธิปเองก็ไม่ได้ต่างอะไรกับเขาสักนิด แต่ดูเหมือนสิ่งที่เขาคิดนั้นยังอยู่ไกลเกินเอื้อม



“ผมไม่มีอะไรจะพูด อยากนอนมากกว่า พี่ภัทรกลับห้องไปเถอะ” พอถูกพูดตัดบทแบบนี้ ณภัทรก็รู้ได้ทันทีว่าเขาหมดโอกาสที่จะพูดต่อแล้ว

“ก็ได้” ชายหนุ่มถอนหายใจออกมา ก่อนจะว่า “นายไม่อยากพูดกับพี่ก็ไม่เป็นไร แต่พี่จะบอกอะไรให้อย่างหนึ่งนะเจ้าเล็ก”

“ครับ?”

“อย่ามัวมานั่งเสียใจกับคำที่คุณพ่อพูด เพราะท่านไม่ได้คิดแบบนั้นจริงๆ หรอก คุณพ่อเองก็รักนายมาก แต่ท่านเสียใจที่นายทำตัวเหลวไหล ดังนั้นที่นายควรทำคือขอโทษท่านเสีย เข้าใจหรือเปล่า”

“…”



เมื่อเห็นว่าณธิปไม่ยอมตอบ ณภัทรจึงยอมรามือและออกจากห้องตามคำขอ ทิ้งให้อีฝ่ายนั่งอยู่ที่ระเบียงเช่นนั้นตามลำพัง



ณธิปทอดสายตามองออกไปที่สนาม ไม่ได้โฟกัสที่จุดใดเป็นพิเศษ เพราะในหัวกำลังคิดเรื่องต่างๆ ให้วุ่นไปหมด ใช่ว่าเขาไม่รู้สึกผิด ใช่ว่าเขาไม่อยากขอโทษ เดิมทีก่อนที่จะเปิดประตูเข้าไปในห้องทำงานห้องนั้น ณธิปได้เตรียมคำขอโทษสำหรับสิ่งที่เขาทำลงไปเอาไว้แล้ว แต่พอได้ยินพ่อดุด่าด้วยความเกรี้ยวกราด ได้ยินคำกระทบกระเทียบว่าตัวเขามันไม่มีอะไรดี ความรู้สึกน้อยเนื้อต่ำใจและทิฐิที่มีอยู่ข้างในก็สกัดกั้นคำขอโทษไม่ให้หลุดออกมาอย่างที่ตั้งใจ
   


และนี่ก็เป็นอีกครั้งที่เขาทำตัวเป็นวายร้ายบ่อนทำลายความสุขของครอบครัว ซึ่งมันก็คงจริงอย่างที่พ่อว่า เขามันชอบทำให้ผิดหวัง ถ้าครอบครัวนี้ไม่มีเขามันคงดีกว่า

   







หลังจากเหตุการณ์วิวาห์ล่มวันนั้นชื่อของณธิปก็ถูกกล่าวถึงในสื่อหลักอยู่เป็นอาทิตย์ นักข่าวต่างเพียรพยายามที่จะสัมภาษณ์หนุ่มไฮโซให้ได้ แต่ติดที่คนของณธิปคอยดูแลและช่วยกันเขาให้ออกห่างจากเหยี่ยวข่าวเหล่านั้น เขางดออกงานปาร์ตี้สังสรรค์ทุกอย่างและเดินทางไปมาระหว่างกรุงเทพฯ กับประจวบคีรีขันธ์เพื่อคอยดูแลโครงการใหม่จนหัวหมุน คุณหญิงประภัสสรจึงเบาใจว่าลูกชายจะไม่สร้างเรื่องขึ้นมาใหม่อีกเร็วๆ นี้
   


ส่วนเรื่องบาดหมางระหว่างครอบครัวรัฐมนตรีใหญ่ก็ซาลงไปบ้าง เพราะทางนั้นไม่ได้มาเรียกร้องอะไรและไม่ได้ติดต่อมาอีก ซ้ำข่าวที่ออกมาก็ทำให้ฝ่ายหญิงดูน่าเห็นใจ ศักดิ์ศรีที่คิดว่าเสียไปหรือความอับอายจึงมาตกที่ครอบครัวของฝ่ายชายฝ่ายเดียว



   แต่ปัญหาที่ทำให้คุณหญิงประภัสสรถึงกับเครียดจนไม่รู้จะทำอย่างไร คือ ปัญหาในครอบครัว เพราะตอนนี้ทั้งสามีและลูกชายคนเล็กของเธอไม่พูดกันเลย แม้แต่หน้าตายังไม่มองด้วยซ้ำ ณธิปที่ซื้อคอนโดใหม่ก็เอาแต่พักอยู่ที่โน้นไม่ยอมกลับบ้าน ฝ่ายอนันต์ก็ไม่ถามไถ่หาลูกชายเหมือนเดิม คนกลางอย่างเธอจึงได้แต่ทุกข์ใจเพราะกลัวว่าถ้าทิ้งไว้นาน ความร้าวฉานนี้จะไม่สามารถประสานให้กลับมาเป็นเหมือนเดิมได้



   ประภัสสรจึงนำความทุกข์ใจของปัญหาที่แก้ไม่ตกไปรายงานให้ย่าของณธิปทราบ คนเป็นทั้งย่าและแม่จึงวางแผนเรียกตัวหลานชายสุดที่รักขึ้นไปหา เพื่อจะได้บอกกล่าวและตะล่อมให้หลานชายยอมอ่อนให้พ่อ
   




   ณธิปถูกตามตัวให้ขึ้นไปพบคุณย่าที่เชียงใหม่ในวันหยุดสุดสัปดาห์ต่อมา เขาจึงรีบขึ้นไปหาท่านโดยไม่อิดออดสักนิด ด้วยเพราะท่านเป็นผู้เลี้ยงดูเขามาตั้งแต่จำความได้ ความรัก ความเกรงใจจึงมีอยู่มาก



   คุณหญิงนฤมลมีลูกชายคนเดียวคืออนันต์ ดังนั้นเธอจึงมีหลานเพียงแค่สองคนเท่านั้น แต่เมื่อครั้งที่ณธิปเกิดออกมาใหม่ๆ สามีของเธอได้เสียชีวิตลง ด้วยความเหงาและว้าเหว่ นฤมลจึงขอหลานคนเล็กมาเลี้ยงที่เชียงใหม่ นี่จึงเป็นเหตุให้เธอรักและเอ็นดูณธิปมากกว่าใคร ไม่ว่าหลานจะขออะไรเธอก็ไม่เคยขัดสักครั้ง จวบจนกระทั่งณธิปต้องเข้าเรียนมัธยมปลาย ประภัสสรจึงขอให้ลูกย้ายไปเรียนในโรงเรียนที่กรุงเทพฯ แทน



   ตอนณธิปมาถึงบ้านของคุณย่า ผู้สูงวัยก็ออกมาต้อนรับหลานชายด้วยอ้อมกอดถึงประตูบ้าน ก่อนพาหลานเข้าไปทานอาหารที่ลงครัวทำด้วยตนเอง รสมือของคุณย่ากับบรรยากาศที่คุ้นเคยทำให้ณธิปรู้สึกสบายใจ บ้านหลังนี้เป็นเหมือนอาณาจักรของเขาจริงๆ เพราะอาศัยมาตั้งแต่เด็กๆ หลายครั้งที่คิดอยากย้ายกลับมาอยู่ที่นี่เหมือนเดิม แต่ด้วยภาระที่ต้องรับผิดชอบก็ทำให้ไม่สามารถทำตามใจได้ทุกเรื่อง



   หลังทานอาหารกลางวันจนอิ่มเรียบร้อย นฤมลก็พาหลานชายไปนั่งเล่นที่ศาลาริมน้ำ ถามไถ่สารทุกข์สุกดิบกันอยู่สักครู่ ผู้เป็นย่าก็เริ่มเอ่ยเรื่องสำคัญที่เป็นเหตุให้เรียกหลานมาหา



   “เห็นแม่เราบอกว่าเล็กตึงๆ กับพ่อเขาอยู่เหรอลูก”



   พอได้ยินคำถามมือหนาที่กำลังบีบนวดขาให้ย่าก็หยุดชะงัก ณธิปเงยขึ้นสบตากับหญิงชราตรงหน้า ดวงตารีเรียวสะท้อนอารมณ์หมองหม่นจนคนถามเกิดความรู้สึกสงสารขึ้นมา



   “ก็…ผมไม่รู้จะคุยอะไร” เสียงทุ่มเอ่ยแผ่วๆ ก่อนจะโน้มหน้าลงไปซบกับเข่าของย่า

   “โธ่~ ตาเล็ก” ในสายตาเธอ ไม่ว่าเมื่อไหร่ณธิปก็ยังเป็นเหมือนเด็กตัวเล็กๆ ที่เคยอุ้มชูเหมือนครั้งในอดีตอยู่เสมอ หญิงชราลูบหัวหลานรักด้วยความเอ็นดู ก่อนจะเริ่มสอนไปด้วย “ย่าไม่ได้ว่าที่เล็กจะชอบทำอะไรตามใจ เล็กก็รู้ว่าเวลาเล็กขออะไรย่าก็ไม่เคยขัด แต่ครั้งนี้ย่าคิดว่าเราทำไม่ถูกนัก เล็กเข้าใจใช่ไหมลูก”

   “แต่ว่า…”

   “เชื่อย่าสิ กลับกรุงเทพเมื่อไหร่ เราก็ไปขอโทษพ่อเขาเสีย แม่สรเองก็กินไม่ได้นอนไม่หลับ อย่าทำให้พ่อกับแม่ต้องทุกข์ใจรู้ไหม”

   “แล้วถ้าเกิดว่าพ่อเขาไม่ยอมยกโทษให้ล่ะครับ” เพราะพ่อประกาศกร้าวว่าผิดหวังในตัวเขาขนาดนั้น ซ้ำที่ผ่านมายังหมางเมินกันตลอด ณธิปจึงไม่มั่นใจว่าอะไรๆ มันจะง่ายดายเหมือนที่ผู้เป็นย่าคิด

   “ถ้าพ่อนันต์เขาทำอย่างนั้น ประเดี๋ยวย่าจะจัดการให้เอง เล็กเป็นลูก จะตั้งตัวถือทิฐิกับพ่อแม่ไม่ได้ ส่วนคนอื่นๆ เขาจะว่ายังไงก็ช่างเขาเถอะ”

“ครับ”



นฤมลเป็นคนเดียวที่ณธิปพร้อมจะเชื่อฟังและยอมทำตามหากเอ่ยปาก ดังนั้นคำพูดของเธอจึงมีอานุภาพรุนแรงจนยากจะปฏิเสธด้วยความถือดีเหมือนที่ทำกับคนอื่น  หญิงชรามองหลานชายที่สิ้นพยศด้วยความโล่งใจ ก่อนจะคิดคำนวณว่าเย็นนี้จะโทรไปแจ้งข่าวดีแก่ลูกสะใภ้ พร้อมทั้งแนะนำให้ฝ่ายนั้นช่วยพูดกับสามีเรื่องลูกชายอีกแรงด้วย






+++++++++++++++++++++++++++++




มาต่อแล้วค่าาา

ตอนนี้เป็นพาทคุณเล็กทั้งหมดเลย
เราจะได้เห็นความเป็นอยู่ ครอบครัวของคุณเล็กโดยสังเขปนะคะ
สำหรับเรา คุณเล็กไม่ใช่คนที่น่าสงสารเลย
เป็นคนที่มีพร้อมทุกอย่าง แต่ชอบเอาตัวเองเป็นหลัก คิดถึงแต่ตัวเอง
ถือว่าเป็นพระเอกที่มีความคิดและพื้นฐานนิสัยที่ไม่ค่อยดีเท่าไหร่
แต่เราอยากให้รอดูตอนที่คุณเล็กเริ่มมีดวงตาเห็นธรรม5555555
ความจริงคือยากให้คนอ่านค่อยๆ มองเห็นความเปลี่ยนแปลงของผู้ชายคนนี้ค่ะ
เขาอาจไม่ใช่พระเอกที่ดีที่สุด แต่เราจะเขียนให้เขาค่อยๆ เติบโต
ยังไงก็คอยดูไปด้วยกันนะคะ

ขอบคุณที่เข้ามาอ่านค่ะ

เจอกันตอนหน้า


ละอองฝน.

ออฟไลน์ B52

  • เป็ดZeus
  • *
  • กระทู้: 13215
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +420/-26

ออฟไลน์ klaew

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1237
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +36/-2
เฮ้อ สงสัยคุณเล็กทำดีไม่ขึ้น

เห็นนามสกุลคุณเกษกับพี่เมฆเหมือนกัน เอ..ยังไง

ออฟไลน์ kawisara

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1583
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +119/-7
อิคุณเล็ก ตัวเองผิดยังเหวี่ยวใส่พี่ใหญ่อีก



สงสารพี่ใหญ่มีน้องชายปัญญาอ่อน

ออฟไลน์ Pa'veaw

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1305
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +98/-1
เข้ามารอดูว่าคุณเล็กจะมีดวงตาเห็นธรรมตอนไหน

55


ออฟไลน์ suck_love

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 780
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +34/-1
 :katai5: สนุกมากกกก รอติดตามค่ะ
ทำไมเรารู้สึกว่าจับไอคู่กับพี่ภัทรดีกว่า  :hao6:

ออฟไลน์ aiyuki

  • รักแท้ไม่แบ่งแม้เพศพันธุ์
  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2636
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +133/-6
ครอบครัวที่มี คุณพ่อขี้โมโหอย่างงี้ ไม่อยากใหเไอเข้าไปยุ่งเกี่ยวเลย คุณเล็กนี่เห็นแก่ตัวจัง

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ ละอองฝน

  • แมวดำ
  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 261
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +398/-2





บทที่ 8









   หลังเหตุการณ์วิวาห์ล่มผ่านไปหนึ่งเดือนเต็ม ผู้คนก็ค่อยๆ เลิกสนใจข่าวฉาวที่เกิดขึ้นไปจนหมด กมลเองก็เป็นอีกคนที่ค่อยๆ ลืมเลือนเหตุการณ์ครั้งนั้นเช่นกัน เขาไม่ได้ติดต่อกับเกษสุดาหรือณธิปอีก ผู้บริหารหนุ่มยังคงมีชีวิตก็ปรกติสุขดีตามอัตภาพและยังคงทำงานหนักไม่ได้หยุดพักเหมือนเดิม




ทว่าค่ำคืนนี้เป็นครั้งแรกในรอบครึ่งปีที่กมลมีโอกาสได้เหยียบย่างเข้ามาในผับอันเต็มไปด้วยแสงไฟและเสียงอึกทึก เพราะเพื่อนของเขานัดรวมกลุ่มสังสรรค์กันหลังสมาชิกคนสำคัญเพิ่งกลับมาจากต่างประเทศ อันที่จริงแล้วกมลไม่ได้ไม่ชอบสถานที่เริงรมย์แบบนี้ เขาสามารถเที่ยวได้ ดื่มได้เหมือนกับคนทั่วๆ ไป แต่ที่ไม่เคยแวะเวียนมาเลยก็เพราะหน้าที่การงานคอยบีบบังคับให้ต้องดูแลร่างกายอยู่เสมอ กมลจึงถูกเพื่อนสนิทรวมหัวกันตัดพ้ออยู่บ่อยๆ และครั้งนี้พอพวกเขารวมตัวกันได้ครบแก๊งค์ กมลจึงไม่อาจเฉไฉปฏิเสธได้อีก



   ร้านที่เพื่อนๆ ของกมลนัดรวมตัวกันเป็นร้านค่อนข้างมีชื่อซ้ำยังอยู่ใจกลางเมือง ตัวร้านแบ่งออกเป็น 3 โซนให้ลูกค้าเลือกนั่งได้ตามใจ โดยมีทั้งโซนนั่งชิลกับกลุ่มเพื่อน โซนดนตรีสด และโซนสำหรับขาแด๊นซ์เอาไว้โชว์สเต็ปที่อยู่ถัดออกไปอีกด้าน ด้วยความหลากหลายในการบริการทำให้พอตกดึกจะมีผู้คนหลั่งไหลเข้ามากันไม่ขาดสาย



   ด้านที่กมลนั่งเป็นโซนดนตรีสดที่มีไว้สำหรับนั่งคุยกันไป จิบเครื่องดื่มและฟังเพลงสบายๆ และด้วยความที่นานครั้งจะได้พบกัน เพื่อนๆ ทุกคนจึงแลกเปลี่ยนเรื่องราวในชีวิต ทั้งเรื่องหน้าที่การงานและความรัก กมลฟังเพื่อนเล่าเพลินจนเกือบค่อนคืนก็ได้เพื่อนเป็นลูกค้าเพิ่มมาสองราย เนื่องจากเพื่อนๆ ของเขาวางแผนจะขอแฟนสาวแต่งงานภายในปีนี้ และต้องการให้กมลเป็นคนคอยดูแลให้



   “อย่าคิดแพงมานะไอ นี่แค่ค่าสินสอดก็จะไม่ไหวอยู่แล้ว”

   “ไม่ต้องห่วงหรอก กับเพื่อนเราคิดให้ราคาพิเศษอยู่แล้ว ว่าที่เจ้าสาวตกลงเมื่อไหร่ก็โทรมาแล้วกัน” เมื่อตกลงกันเป็นมั่นเป็นเหมาะ พวกเขาก็ดื่มสรวลเสเฮฮากันต่อ



   จวบจนเวลาล่วงเลยถึงเที่ยงคืนนิดๆ ทุกคนจึงพากันแยกย้ายกลับเนื่องจากวันรุ่งขึ้นยังต้องไปทำงานอีก ร่ำลาเพื่อนเรียบร้อยหนุ่มหน้าหวานจึงเดินไปที่ลานจอดรถ ระหว่างทางที่เดินเขาโทรหาน้องสาวก่อนเพื่อบอกเธอว่าคืนนี้เขาจะกลับไปนอนที่คอนโด เพราะจะได้ไม่ต้องขับรถไกล อีกทั้งร้านที่มาดื่มก็อยู่ใกล้คอนโดมากกว่าด้วย



[ขับรถกลับดีๆ นะคะพี่ไอ] หทัยย้ำเป็นรอบที่สาม ความจริงเธอเองก็อยากให้พี่ชายได้เที่ยวและเข้าสังคมบ้าง แต่พอเห็นว่าอีกฝ่ายต้องขับรถกลับเองดึกๆ เธอจึงอดเป็นห่วงไม่ได้

“อ้ายไม่ต้องเป็นห่วง พี่ดื่มไปไม่เท่าไหร่หรอก ติดจะคุยซะมากกว่า”

[ถ้าอย่างนั้นก็ดีแล้วค่ะ เจอกันพรุ่งนี้นะคะ]

“อืม”



เขาจบการสนทนาเพียงแค่นั้นก่อนมุ่งหน้าเดินต่อไปที่รถ ทว่ายังไม่ทันที่หมาย กมลก็ได้พบกับกลุ่มชายฉกรรจ์สามคนกำลังรุมทำร้ายใครบางคนอยู่ กมลไม่รู้จะทำเช่นไร เนื่องจากพละกำลังของเขาเพียงคนเดียวก็คงสู้คนพวกนั้นได้ หนุ่มหน้าหวานจึงส่งเสียงตะโกนขอให้คนช่วย



“ช่วยด้วยครับ! มีคนถูกทำร้าย!”



เมื่อชายทั้งสามเห็นว่ามีคนร้องโวยวาย พวกนั้นก็ทิ้งเป้าหมายแล้วหนีไปทันที กมลจึงรีบวิ่งเข้าไปช่วยคนเจ็บที่นอนคุดคู้อยู่กับพื้น



“คุณเป็นอะไรมากไหมครับ ลุกไหวหรือเปล่า” เขาถามพลางพลิกตัวคนเจ็บให้หันกลับมา หากก็ต้องตกใจเพราะใบหน้าของคนที่ปรากฏ คือคนที่เคยถูกกมลต่อยเมื่อเดือนก่อน “คุณณธิป!”

“คุณ…ไอ” สบตากันชั่วแวบหนึ่งกมลก็ช่วยพยุงณธิปขึ้น แต่ยังไม่ทันที่จะพูดอีกคำณธิปก็อาเจียนออกมาจนเลอะเสื้อผ้าไปหมด

“คุณ!” หนุ่มหน้าหวานร้องด้วยความตกใจ โชคดีที่เขาอยู่ด้านข้างดังนั้นจึงไม่เลอะไปด้วย กมลนั่งยองๆ อยู่ข้างๆ คอยลูบหลังให้จนณธิปหยุดอาเจียน ก่อนจะพยุงตัวชายหนุ่มขึ้นแล้วพาไปที่รถด้วยความทุลักทุเล



กมลล้วงกุญแจออกมาไขเปิดประตูรถ จากนั้นจึงดันให้คนตัวโตกว่านั่งที่เบาะหลัง แล้วผละไปหยิบขวดน้ำกับผ้าขนหนูผืนเล็กจากกระเป๋า ซึ่งเขามีติดรถอยู่เสมอเพราะมักเผื่อเอาไว้ใช้ในเวลาไปออกกำลังที่ฟิตเนส เขาเทน้ำใส่ผ้าแล้วบิดจนหมาดก่อนกลับมาหาคนที่นอนคอพับไปกับเบาะรถ แล้วเริ่มลงมือเช็ดหน้าเช็ดตาให้อีกฝ่าย



ครั้นเรียบร้อยดีกมลก็ขับรถออกมาจากสถานเริงรมย์แห่งนั้น เขาไม่รู้ว่าเมื่อครู่ณธิปถูกทำร้ายสาหัสแค่ไหน ร่างกายจะบอบช้ำภายในมากหรือเปล่า แต่ตอนนี้เจ้าตัวสลบไสลไม่ได้สติ  ดังนั้นเขาคิดว่าควรพาอีกฝ่ายไปตรวจร่างกายที่โรงพยาบาลให้เร็วที่สุดจะดีกว่า












   ใช้เวลาไม่นานกมลก็มาถึงโรงพยาบาลที่อยู่ใกล้ที่สุดในแถบนั้น ทันทีที่แอดมิดหนุ่มไฮโซเข้าห้องฉุกเฉินไปแล้ว กมลก็ทำการติดต่อหาณภัทรเพื่อแจ้งให้ทราบว่าน้องชายของเจ้าตัวถูกทำร้าย โชคดีที่ณภัทรยังไม่นอน เขาจึงรับโทรศัพท์ได้ทันที



   “สวัสดีครับคุณภัทร ผมกมลนะครับ”

   [ครับคุณไอ ไม่ทราบมีอะไรให้ผมช่วยครับ]

   “ขอโทษที่โทรมารบกวนกลางดึกนะครับ คือผมจะโทรมาแจ้งว่า ผมพบคุณณธิปถูกทำร้ายที่ร้าน---ครับ”

   [อะไรนะ! แล้วตอนนี้เจ้าเล็กอยู่ที่ไหนกันครับ ยังอยู่ที่ร้านไหม] ณภัทรรีบถามกลับมาด้วยน้ำเสียงร้อนรนเพราะเป็นห่วงน้องชาย

   “คุณภัทรใจเย็นก่อนนะครับ ตอนนี้ผมพาคุณณธิปมาโรงพยาบาล---แล้ว เพิ่งเข้าห้องฉุกเฉินไปเมื่อครู่”

   [จริงเหรอครับคุณไอ ขอบคุณมากๆ นะครับ ผมจะรีบไปที่นั่นให้เร็วที่สุด]

   “โอเคครับ”



เมื่อพูดจบกมลก็กดวางสาย ซึ่งเป็นเวลาพอดีกับที่คุณหมอเรียกให้เข้าไปพบ ตอนนี้ณธิปถูกพาออกจากห้องฉุกเฉินไปยังห้องพักฟื้นแล้ว อาการไม่มีอะไรน่าเป็นห่วงมากนัก เพียงแค่พกช้ำจากการถูกรุมทำร้ายเท่านั้น ไม่ถึงกับกระดูกหักหรือสมองกระทบกระเทือนตรงไหน
   


“ไม่มีอวัยวะสำคัญส่วนไหนได้รับความกระทบกระเทือนนะครับ คุณสบายใจได้ แต่แผลพกช้ำตามร่างกายอาจจะมากหน่อย คืนนี้คงต้องค้างโรงพยาบาลสักคืน เพราะคนไข้ไม่ได้สติด้วย ยังไงพรุ่งนี้เช้าผมจะลงตรวจอีกครั้งครับ ถ้าคนไข้รู้สึกตัวดีแล้ว ก็สามารถพากลับบ้านได้”
   
“ขอบคุณครับคุณหมอ”
   


หลังจากนั้นกมลก็พยายามจัดการเป็นธุระให้หลายอย่างเท่าที่ตนเองจะมีสิทธิ์ทำได้ เพราะเขาไม่ใช่ญาติของคนเจ็บ โชคดีที่ณธิปเคยมีประวัติการรักษาที่นี่ อะไรๆ จึงง่ายขึ้น พอเสร็จเขาก็ขึ้นไปยังห้องพักฟื้นที่หนุ่มไฮโซนอนอยู่ เขาเปิดประตูเข้าไปในห้องอย่างเงียบเชียบ ตาคู่สวยมองคนที่หลับอยู่บนเตียงแวบหนึ่งก่อนเดินไปนั่งรอณภัทรที่โซฟา
   


กมลหาวเล็กน้อยเพราะรู้สึกง่วงนอน พอพลิกข้อมือมองนาฬิกาพบว่าตอนนี้เป็นเวลาเกือบตีสอง ซึ่งถ้าเป็นปรกติก็เลยเวลานอนของเขามาหลายชั่วโมงแล้ว เขาอยากรู้ว่าณภัทรใกล้ถึงหรือยัง แต่ก็ไม่อยากโทรไปถามเจ้าตัวตอนนี้ เนื่องจากคะเนว่าอีกฝ่ายคงกำลังขับรถอยู่ ด้วยกลัวว่าตนเองจะง่วงนอนและเผลอหลับไปก่อน กมลจึงตัดสินใจออกไปหากาแฟดื่มสักกระป๋องให้ตาสว่าง
   


แต่ขณะลุกขึ้นจากโซฟา คนเจ็บที่นอนอยู่บนเตียงก็รู้สึกตัวเสียก่อน ทำให้กมลต้องล้มเลิกแผนการและเดินเข้าไปหาอีกฝ่ายที่ข้างเตียง
   


“รู้สึกตัวแล้วเหรอครับคุณณธิป” กมลถามย้ำให้แน่ใจ เพราะดวงตารีเรียวของอีกฝ่ายดูลอยๆ ชอบกล

   “…” เมื่อใบหน้าช้ำๆ หันมา ดวงตาลอยๆ คู่นั้นก็โฟกัสที่กมลได้ แล้วชายหนุ่มก็เค้นเสียงแหบแผ่วเบาเรียกชื่อของกมลเป็นครั้งที่สองในคืนนี้ “คุณไอ”

   “ครับ ผมเอง” กมลว่า “คุณรู้สึกยังไงบ้างครับ”

   “เจ็บ” ตอนนี้ณธิปไม่อยากวางฟอร์มอะไรทั้งนั้นเพราะรู้สึกเจ็บจริงๆ

   “คุณหมอฉีดยาให้แล้วตอนที่คุณหลับ อีกเดี๋ยวก็คงดีขึ้น”

   “คุณเป็นคนพาผมมาโรงพยาบาลเหรอ”

   “ครับ”

   “ได้ไง” เขารู้สึกมึนงงไปหมดเพราะฤทธิ์แอลกอฮอล์ อีกทั้งยังเจ็บร้าวไปทั้งตัว ในหัวมีภาพตัดไปตัดมาไม่ชัดเจน ไม่สามารถจับต้นชนปลายได้ถูกว่าเกิดอะไรขึ้นกับตัวเองบ้าง

   “ผมเจอคุณถูกรุมทำร้ายที่ลานจอดรถของร้าน--- ก็เลยพามาส่งที่โรงพยาบาลน่ะครับ”



   เมื่อได้ฟังที่อีกฝ่ายบอก ณธิปก็พอจะจำได้ลางๆ ว่าตัวเองมีเรื่องผิดใจกับคนที่เข้าไปดื่มในร้าน เพราะผู้หญิงที่มากับเขาดันเป็นแฟนคนในกลุ่มนั้น พวกเขาจึงออกมาเคลียร์กันข้างนอก แต่เพราะความที่เมาด้วยกันทั้งหมดจึงทำให้เกิดการโต้เถียงและจบลงด้วยการใช้กำลัง ณธิปที่มาคนเดียวจึงมีสภาพอย่างที่กมลเห็น



   “คุณเป็นคนช่วยผมเหรอ” ณธิปถามราวกับไม่เชื่อในสิ่งที่ได้ยิน “ทำไม…?”

   “ก็ผมเห็นว่าคุณกำลังลำบาก จะให้ทำเฉยได้ยังไงล่ะ”

   “แต่คุณเกลียดผมไม่ใช่เหรอ คราวที่แล้วคุณยังต่อยผมอยู่เลย…” ภาพที่ได้พบกันครั้งสุดท้ายของพวกเขายังเด่นชัดในความทรงจำของณธิป เขาไม่เคยเห็นใครช่วยคนที่ตัวเองเกลียดมาก่อน แล้วเช่นนี้จะให้เขาเข้าใจว่าอย่างไรได้

   “ถึงจะเป็นคนอื่นที่ไม่ใช่คุณผมก็ช่วย หากว่าผมพอช่วยได้น่ะนะ เรื่องนั้นกับเรื่องนี้มันคนละส่วนกันครับ อีกอย่างผมก็ไม่ได้เกลียดคุณด้วย” กมลว่าตามจริง เพราะหากเป็นคนอื่นเขาก็คงช่วยเหมือนกัน ไม่ได้จำเพาะเจาะจงว่าต้องเลือกปฏิบัติกับใคร

   “ไม่ได้เกลียดเหรอ?” ตอนแรกที่ตื่นขึ้นมาณธิปยังเบลอๆ อยู่ แต่ตอนนี้สติของเขากลับมาหมดแล้ว แม้แต่ความเจ็บปวดทางร่างกายยังถูกลืมไปจนหมด เพราะความสนใจถูกดึงมาใช้กับคำพูดของผู้ชายหน้าหวานคนนี้คนเดียว

   “ไม่ได้เกลียด แต่ไม่ชอบสิ่งที่คุณทำ” กมลเว้นจังหวะเล็กน้อย ก่อนพูดสิ่งที่อยู่ในใจออกมา “ถึงผมจะไม่รู้ตื้นลึกหนาบางอะไร แต่สิ่งที่คุณทำวันนั้นมันทำร้ายจิตใจใครหลายคนนะ โดยเฉพาะครอบครัวที่รักและหวังดีกับคุณ ผมไม่ชอบที่คุณทำแบบนั้นเลย”

   “…” ณธิปแปลกใจที่ตนเองไม่ได้เถียงอีกฝ่ายกลับไปเหมือนตอนทำกับคนอื่น ทั้งที่กมลก็พูดเองว่าเจ้าตัวไม่รู้ตื้นลึกหนาบางอะไรทั้งนั้น แต่ก็ยังกล้าที่จะวิจารณ์เขา

   “แต่ผมก็เก็บมันมาเป็นอารมณ์มากไปหน่อย เรื่องที่ทำร้ายคุณวันนั้น ผมเองก็ทำไม่ถูก” กมลคิดว่าตนเองไม่นึกเสียใจที่ต่อยณธิป แต่วันนี้เขาเพิ่งทบทวนได้ การที่เขาใช้ความรุนแรงตัดสินปัญหา มันไม่ต่างอะไรกับพวกที่ทำร้ายณธิปวันนี้เลย ดังนั้นสิ่งที่เขาควรทำมีเพียงอย่างเดียว คือ… “ขอโทษนะครับ

   ณธิปประหลาดใจในตัวกมลอีกครั้ง เขามองใบหน้าหวานๆ จ้องดวงตาคู่สวยซึ่งมองตอบกลับมาเช่นกัน ชายหนุ่มเห็นเพียงความจริงใจในคำขอโทษของอีกฝ่ายเท่านั้น




ทั้งที่ไม่จำเป็นเลย

ไม่จำเป็นต้องทำทั้งหมดนี้ด้วยซ้ำ

แต่ทำไมกมลถึงเลือกที่จะทำเช่นนี้กัน





ณธิปได้แต่คิดและต้องการล่วงรู้คำตอบเหลือเกิน เนื่องจากการกระทำของกมลทำให้เขาเกิดความรู้สึกบางอย่างในใจ ซึ่งยากจะบรรยายออกมาเป็นคำพูดได้ ตอนนี้เขารู้เพียงว่า ความรู้สึกเหล่านั้น



ไม่ใช่เรื่องไม่ดี…




   ทางด้านของกมล เมื่อได้ขอโทษไปแล้วก็รู้สึกสบายใจขึ้น แม้ณธิปจะไม่ตอบอะไรกลับมาสักคำก็ตามที เขาก็ถือว่าต่อไปจะไม่มีเรื่องค้างคาใจอีก


   ทั้งสองต่างคิดและจมอยู่ในความเงียบ กระทั่งเสียงโทรศัพท์ของกมลดังขึ้น เขาจึงกวาดสายตาผ่านหน้าจอเร็วๆ ก่อนกดรับสาย



“ครับคุณภัทร”

[คุณไอ เจ้าเล็กอยู่ตึกไหน ห้องอะไรครับ]

“อาคาร A3 ห้องพิเศษ A3606 ครับ”

[โอเคครับ ตอนนี้ผมกำลังหาที่จอดรถ แล้วเจอกันครับ]

“เดี๋ยวครับคุณภัทร”

[ว่าไงครับ?]

“มีเอกสารที่คุณภัทรต้องเซ็นที่เคาน์เตอร์ด้วย เดี๋ยวผมลงหาไปดีกว่า เพราะนี่ก็ดึกแล้วด้วย ผมจะได้กลับบ้านเลย” หากจะรอให้ณภัทรขึ้นมาก็อาจต้องใช้เวลานาน วันนี้ดึกมากแล้วและพรุ่งนี้กมลก็มีงานต้องทำด้วย ดังนั้นเขาจึงอยากกลับไปพักผ่อน

[ได้ครับ ถ้าอย่างนั้นก็เจอกันที่เคาน์เตอร์ชั้นล่าง]

“ครับ” กมลว่าก่อนกดวางสาย จากนั้นจึงหันมาบอกณธิปที่นอนจ้องเขาตั้งแต่ได้ยินว่าณภัทรโทรมา “ผมโทรเรียกพี่ชายคุณมาเองครับ เพราะเอกสารบางอย่างต้องให้ญาติเซ็นเท่านั้น”

“ผมก็ไม่ได้ว่าอะไรคุณไอนี่ครับ” แม้จะไม่ค่อยชอบใจที่ต้องรบกวนพี่ชายให้เป็นคนเข้ามารับผิดชอบตนเองอีกครั้ง แต่ณธิปก็ต้องยอมรับว่าการตัดสินใจของกมลนั้นถูกต้องและเหมาะสมแล้ว

“ครับ” กมลพยักหน้าเบาๆ อย่างโล่งใจ ก่อนว่า “ถ้าอย่างนั้นผมขอตัวกลับก่อนนะครับ”
   


ยังไม่ทันที่ณธิปจะพูดตอบ กมลก็กลับหลังหันตั้งท่าออกจากห้อง คนเจ็บจึงเผลอเอื้อมมือออกไป ตั้งใจคว้ามือของอีกฝ่ายเอาไว้ ทว่าคว้าได้ทันเพียงแค่นิ้วก้อย
   


“เดี๋ยวคุณ!”
   
“ครับ?” กมลหันกลับมาหาทันที ก่อนจะมองนิ้วก้อยที่ถูกรั้งเอาไว้ของตนเองนิ่งๆ จากนั้นก็ดึงมันออกจากการเกาะกุมของอีกฝ่ายเงียบๆ “คุณณธิปมีอะไรหรือเปล่า”



   
ขอบคุณนะ
   


คราวนี้เป็นกมลที่รู้สึกประหลาดใจบ้าง เขามองณธิปที่มีสีหน้ากระดากอายอยู่ชั่วครู่ ก่อนยิ้มออกมาบางๆ มันเป็นรอยยิ้มแท้จริงซึ่งมีให้อีกฝ่ายเป็นครั้งแรก ไม่ใช่รอยยิ้มการค้าที่เสแสร้งปั้นแต่งขึ้นมาเหมือนทุกครั้ง
   


“ไม่เป็นไรครับ”
   


หลังจากนั้นกมลก็เดินออกจากห้องไปโดยที่ณธิปไม่รั้งไว้อีก ชายหนุ่มได้แต่จ้องมองไปที่ประตูบานนั้นไม่วางตา แต่ที่สำคัญ ลึกลงไปข้างใน หัวใจของเขายังคงเต้นแรงไม่เป็นจังหวะเพราะรอยยิ้มเมื่อครู่ แม้ว่าเวลาจะผ่านไปหลายนาทีแล้วก็ตาม









><><><><><><><><><><><><><><><><><><><









มาต่อแล้วค่ะ   :katai4: :katai4:
ในที่สุดพ่อพระเอกก็เริ่มกระบวนการตกหลุมรักขั้นต้น
ต่อไปคุณเล็กผู้ไม่เคยรักใครจะทรมานด้วยโรคตกหลุมรักนี้หนักขึ้นเรื่อยๆ
แม้ว่าคุณหมอคนไหนก็ไม่อาจรักษาได้ วะฮะฮ่าๆๆๆๆ /หัวเราะอย่างก้าวร้าว :hao7:

อันที่จริงมีสาเหตุหนึ่งที่คนไม่ชอบคุณเล็กนะ
สาเหตุนั้นคือ คุณเล็กเคยทำร้ายพี่เมฆจากเรื่องโปรดจงรักมาก่อน
ตอนนี้เราได้แก้แค้นให้พี่เมฆเป็นที่เรียบร้อยแล้วนะคะ วะฮะฮ่าๆๆๆๆ /หัวเราะอย่างก้าวร้าวอีกครั้ง  :hao7: :hao7:

ขอบคุณที่เข้ามาอ่านกันนะคะ
เจอกันตอนหน้าค่ะ


ปล.เจอคำผิดสะกิดได้นะคะ ดึกแล้วคนเขียนมีความเบลอเล็กน้อยถึงปานกลาง


ละอองฝน.


« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 02-08-2016 11:34:24 โดย ละอองฝน »

ออฟไลน์ warin

  • รถไฟขบวนนั้น ได้แล่นผ่านไปแล้ว
  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1937
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +60/-1
    • -

ออฟไลน์ aiyuki

  • รักแท้ไม่แบ่งแม้เพศพันธุ์
  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2636
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +133/-6
ไม่ชอบคุณเล็กที่เจ้าชู้ไปเรื่อย อย่ามายุ่งกับคุณไอน้าาาา

ออฟไลน์ B52

  • เป็ดZeus
  • *
  • กระทู้: 13215
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +420/-26
ความไม่ชอบมันเกิดขึ้นในใจแล้วมันยากที่จะเปลี่ยน ต้องทำงานหนักหน่อยนะคุณเล็กถ้าจะจีบคุณไอของพวกเรา

ออฟไลน์ ละอองฝน

  • แมวดำ
  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 261
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +398/-2





บทที่ 9








   ณธิปรู้สึกตัวตื่นขึ้นมาในเช้าวันรุ่งขึ้นเพราะเสียงคุ้นหูของใครบางคน เขาลืมตาขึ้นมาช้าๆ ก่อนจะมองตามเสียงนั้นไป เขาจึงพบมารดาของตนกำลังคุยโทรศัพท์อยู่ที่โซฟาด้วยสีหน้าเคร่งเครียด



   ยามนี้ชายหนุ่มรู้สึกเจ็บระบบไปหมดทั้งตัว โดยเฉพาะหัวที่ปวดราวจะระเบิดออกเป็นเสี่ยงๆ เขาทั้งพะอืดพะอมและวิงเวียนคล้ายโลกหมุน จนต้องผินหน้ากลับมาแล้วหลับตาลงอีกครั้ง คาดว่ามันคงเป็นผลมาจากที่ถูกทำร้ายและมีภาวะเมาค้างร่วมด้วยอีกส่วนหนึ่ง



   การเคลื่อนไหวเพียงเล็กน้อยนั้น เรียกสายตาของผู้เป็นแม่ให้หันกลับมาสนใจ คุณหญิงประภัสสรลุกขึ้นจากโซฟาตัวยาว ก่อนจะสาวเท้าเข้ามาหาลูกชายคนเล็กด้วยความเป็นห่วง



   “ลูกฟื้นแล้ว เท่านี้ก่อนนะคะคุณ” เธอพูดกับปลายสาย ก่อนจะกดวางโทรศัพท์ แล้วหันมาคุยกับณธิปแทน  “ตาเล็ก ตื่นแล้วเหรอลูก รู้สึกเป็นยังไงบ้าง หืม…”

   “ปวดหัว ปวดตามเนื้อตัว แล้วก็คลื่นไส้ด้วยครับ” ณธิปว่าเสียงแหบทั้งที่ยังหลับตา นาทีนี้เขารู้สึกแย่มากจริงๆ อีกทั้งยังไม่อยากพูดมากนัก เพราะกลัวว่าจะเผลออาเจียนออกมา

   “ถ้าอย่างนั้นแม่กดเรียกพยาบาลดีกว่า  คุณหมอจะได้เข้ามาดูอาการลูกอีกรอบ”



   ประภัสสรว่าพลางกดออดตรงหัวเตียงเพื่อเรียกเจ้าหน้าที่ ก่อนที่หมอและพยาบาลจะเข้ามาที่ห้อง เธอก็เทน้ำให้ลูกชายดื่มแก้กระหาย พอได้น้ำณธิปจึงรู้สึกดีขึ้นมาบ้างตามลำดับ ไม่นานนักหมอก็เข้ามาในห้องพร้อมพยาบาล เขาตรวจดูอาการชายหนุ่มเล็กน้อย เมื่อเห็นว่าไม่มีอะไรน่าห่วงจึงสั่งจ่ายยาให้ตามเห็นสมควร และอนุญาตให้กลับบ้านได้



ประภัสสรโทรสั่งให้คนของตนมารับ ในระหว่างนั้นณธิปก็จัดการอาหารเช้าและทานยา เมื่อเรียบร้อยเขาก็นั่งพักสักครู่ให้รู้สึกดีขึ้น ก่อนเข้าไปเปลี่ยนเสื้อผ้าในห้องน้ำและเตรียมตัวกลับบ้านพร้อมแม่



ตลอดเวลาณธิปไม่ได้พูดอะไรออกมามากนัก แม้ประภัสสรจะอยากรู้ว่าลูกชายไปทำอีท่าไหนจึงถูกทำร้ายมาขนาดนี้ แต่เธอก็ไม่ได้เอ่ยปากถาม เพราะเห็นว่าไม่เหมาะจะซักไซ้ไล่เรียงในช่วงที่ลูกชายคนดีของเธอเจ็บอยู่แบบนี้ จนกระทั่งพวกเขาสองคนแม่ลูกอยู่บนรถระหว่างทางกลับบ้าน ณธิปจึงเอ่ยปากถามบางอย่างออกมาก่อน



“พี่ภัทรล่ะครับแม่ เมื่อคืนเห็นคุณไอบอกว่าพี่ภัทรมาที่โรงพยาบาล แต่ผมยังไม่เห็นเลย”

“พี่เขาไปทำงานตั้งแต่เช้าแล้วล่ะจ้ะ เห็นว่าเมื่อคืนเล็กนอนไม่ได้สติ คงไม่รู้ตัวสินะว่าพี่เขาเฝ้าเราอยู่ค่อนคืน” คนเป็นแม่ว่า

“ครับ ผมคงเผลอหลับไปหลังจากที่คุณไอออกจากห้อง”

“ต้องขอบคุณ คุณไอเขานะ ไม่ได้เขาเราแย่เลย” เธอเว้นช่วงไปนิด ก่อนจะพูดต่อ “ว่าแต่เรื่องคนที่ทำร้ายเราน่ะ พี่ภัทรเขาให้คนไปขอกล้องวงจรปิดจากทางร้านแล้วนะ เล็กจะแจ้งความหรืออะไรยังไงก็ว่ากันไป นี่ก็รอให้เล็กตัดสินใจอยู่ แต่แม่อยากให้แจ้งนะ เขาทำเล็กเจ็บขนาดนี้”

“ไม่ต้องแจ้งหรอกครับ เรื่องทะเลาะวิวาทกันธรรมดา ช่วงนี้ผมไม่อยากเป็นข่าวอีก” เขาเบื่อที่จะเห็นตัวเองอยู่บนหน้าหนังสือพิมพ์เอามากๆ ตั้งแต่เจอข่าวฉาวเมื่อคราวเกษสุดาครั้งนั้น ณธิปก็ถูกจับตามองตอนออกงานสังคมจนรู้สึกรำคาญเลยทีเดียว

“ถ้าอย่างนั้นก็ตามใจเล็กก็แล้วกัน แต่คราวหลังแม่สั่งห้ามนะ ห้ามไปเมาแล้วมีเรื่องแบบนั้นอีก ตอนรู้เรื่องแม่เกือบจะหัวใจวายตายเข้าให้แล้ว นี่คุณพ่อเขาก็เป็นห่วงเรามากนะลูก”

“เหรอครับ” ณธิปเอ่ยเบาๆ ก่อนจะแสร้งถามไปเรื่องอื่น เพราะไม่อยากพูดถึงพ่อเท่าไหร่ “แล้วนี่คุณแม่รู้ตอนไหนครับ ว่าผมเจ็บอยู่ที่โรงพยาบาล”

“พี่ภัทรเขาโทรบอกแม่เอาตอนเช้าแล้วล่ะ เพราะเขาต้องเข้าประชุมบอร์ดบริหารด้วย ทีแรกคงคิดจะปิดเงียบ  แต่เห็นว่าไม่มีใครคอยดูเล็กแทนน่ะสิรายนั้น ถึงได้ยอมโทรบอกแม่ได้ ”

“อ๋อ…ครับ” ณธิปพยักหน้ารับน้อยๆ ก่อนจะเสมองออกไปนอกรถและไม่ถามอะไรอีก



พี่ชายของเขาเป็นแบบนี้แต่ไหนแต่ไร ไม่ว่าเรื่องไหนขอแค่อยู่ในมือ ณภัทรจะสามารถจัดการให้มันลงตัวและผ่านไปด้วยดีอย่างไม่น่าเชื่อ ทั้งหน้าที่การงาน หน้าที่ลูกที่ดี และหน้าที่ของพี่ชายที่แสนดี ไม่ว่าบทบาทไหนณภัทรก็ไม่เคยขาดตกบกพร่อง คนคนนั้นดีเยี่ยมเสียจนณธิปไม่กล้าเอาตัวเองเข้าไปยืนอยู่ใกล้ๆ ดีเสียจนไม่ว่าเขาจะทำเท่าไหร่มันก็ไม่เคยดีพอ



แต่ถึงอย่างนั้นณธิปก็ไม่ได้เกลียดพี่ชายตัวเอง แต่มันเป็นความรู้สึกอิจฉา อิจฉาที่ไม่อาจเป็นเหมือนเขาคนนั้นได้ อิจฉาที่ไม่ว่าณภัทรจะทำอะไรก็เหนือกว่าเขาไปเสียหมด แต่เอาเถอะ เขาคงไม่เหมาะกับบทผู้ชายแสนดีอย่างนั้นหรอก ณธิปได้แต่คิดและแค่นยิ้มขื่นๆ ให้ตัวเอง











เมื่อกลับมาถึงบ้าน ณธิปก็เดินขึ้นห้องของตัวเองทันที เขานอนพักอยู่ในห้องตลอดวัน เพราะช่วงเที่ยงชายหนุ่มเกิดมีไข้ขึ้นมา หลังจากวันนั้นเขาก็มีไข้สูงอยู่สามวันเต็มๆ ทำเอาคนในบ้านป่วนกันไปหมด แต่ที่ดูจะเป็นมากกว่าใครก็คือคุณย่า เพราะเมื่อท่านรู้ว่าณธิปไม่สบาย ท่านก็รีบขึ้นเครื่องมาจากเชียงใหม่ทันที



กว่าณธิปจะหายดีก็ประจวบเหมาะกับที่รอยช้ำบนในหน้าลดเลื่อนไป ชายหนุ่มกลับไปทำงานเป็นปรกติได้ในปลายอาทิตย์ และเพราะไม่อยู่ แฟ้มงานที่ต้องรอให้เขาอนุมัติก็กองสุมอยู่เต็มโต๊ะ กว่าจะเคลียร์ให้หมดไปได้ก็เล่นเอาไข้เกือบตีกลับมาอีกรอบ



คืนนั้นณธิปรู้สึกเหนื่อยและเพลียมากจนไม่ได้กลับไปนอนที่บ้าน เขาขับรถมาค้างที่คอนโดใหม่ซึ่งอยู่ไม่ไกลจากโรงแรมเท่าใดนัก และแน่นอนว่าเขาถูกผู้เป็นแม่ซักเสียจนละเอียดยิบ เพราะท่านกลัวว่าณธิปจะหนีเที่ยวอีก



[ถือว่าแม่ขอ งดเที่ยวสักระยะนะตาเล็ก เพราะเราเพิ่งจะหาย]

“ผมรู้แล้วครับ นี่ก็ไม่ได้เที่ยวที่ไหน แค่ขับรถไม่ไหวเลยมานอนคอนโดเท่านั้น”

[บอกให้เรียกใช้คนขับรถก็ไม่เชื่อ] เธอตำหนิด้วยน้ำเสียงขัดอกขัดใจ ก่อนจะย้ำอีกครั้ง [อย่าผิดสัญญากับแม่นะเล็ก นี่คุณย่าก็เป็นห่วงเรามาก]

“ครับๆ ผมรู้แล้วล่ะครับ” ตาเรียวมองตัวเลขแสดงชั้นของลิฟต์เลื่อนลงมาจนสุด เขาจึงเอ่ยตัดบท “เท่านี้ก่อนนะครับคุณแม่ ผมจะขึ้นห้องแล้ว”

[จ้ะๆ แล้ววันอาทิตย์จะกลับมาบ้านไหมลูก แม่กับพ่อไม่อยู่นะ พอดีว่าจะตามคุณย่าไปดูที่ที่เชียงใหม่สักหน่อย]

“อาจจะกลับครับ”

[ยังไงก็โทรรายงานแม่ด้วยล่ะ เผื่อคุณย่าท่านถาม]

“ครับ ตัดสินใจยังไงผมจะบอกอีกที” รับคำแล้วเขาก็กดตัดสายไป



ณธิปกดลิฟต์ขึ้นไปชั้นของตัวเอง ระหว่างที่ตัวเลขค่อยๆ เปลี่ยนไปเรื่อยๆ เขาก็นึกถึงใครบางคนขึ้นมา ใครคนนั้นเคยเจอกับเขาที่นี่ เคยต่อยเขาที่หน้าลิฟต์ชั้นล่างนั่น มิหนำซ้ำยังเป็นคนเดียวกับที่ช่วยเขาเอาไว้อีก


คุณไอ



นึกถึงตรงนี้ชายหนุ่มก็ยกยิ้มขึ้นมาน้อยๆ เขาถูกใจหนุ่มหน้าหวานคนนั้นมากจริงๆ ไม่ใช่แค่รูปลักษณ์ภายนอกที่เป็นไปในแบบที่เขาชอบ แต่ด้วยความที่ดูจะได้มายากของกมล ทำให้ณธิปยิ่งอยากเอาชนะ



คิดได้ดังนั้นชายหนุ่มก็ล้วงเอาโทรศัพท์ออกมาต่อสายหาคนคนนั้นทันที หลังออกมาจากลิฟต์และเดินกลับห้อง ณธิปก็ฟังเสียงรอสายไปพลางๆ โชคดีที่เขายังไม่ลบเบอร์ติดต่อของกมลหลังจากจบงานวิวาห์ป่วนครั้งนั้น ชายหนุ่มจึงยังมีเบอร์ค้างอยู่ในเครื่อง



ไม่รู้ว่าอีกคนทำอะไรอยู่ ถึงไม่ยอมรับโทรศัพท์เสียที ระหว่างที่ณธิปกำลังไขประตูเข้าห้อง และคิดว่าสายคงจะตัดไปในไม่ช้า จู่ๆ เสียงสัญญาณรอสายก็เปลี่ยนมาเป็นเสียงพูดนุ่มๆ แสนคุ้นหู



[สวัสดีครับ กมลพูดครับ]

“สวัสดีครับคุณไอ ผม—“

[ใครโทรมาครับลุงไอ! / ลุงไออยู่บ้านต้องไม่ทำงานนะ หยางจะฟังนิทานต่อ / รอก่อนเด็กๆ ขอลุงคุยธุระเดี๋ยวเดียวนะครับ]



ณธิปได้ยินเสียงเด็กเล็กๆ พูดแข่งกันเจี๊ยวจ๊าว แม้จะฟังไม่ค่อยชัดนักแต่ก็พอรู้เรื่อง และนั่นก็ทำให้เขาประหลาดใจในตัวหนุ่มหน้าหวานมากขึ้นอีก เพราะไม่เคยเห็นด้านที่อีกฝ่ายมีสถานะต้องแทนตัวเองว่า ลุง ปรกติจะเห็นแต่ผมอย่างนั้น ผมอย่างนี้



[ขอโทษครับ เมื่อกี้ผมไม่ทันได้ยิน พอดีเด็กๆ กวนนิดหน่อย ไม่ทราบว่าคุณคือ…]

“ผมณธิปไง นี่คุณไอลบเบอร์ผมแล้วเหรอ เสียใจนะครับเนี่ย” พอพูดจบ ปลายสายก็เงียบไปชั่วครู่ ก่อนถามกลับ

[ไม่ทราบว่าคุณณธิปมีอะไรหรือเปล่าครับ]

“คือผมจะชวนคุณไปทานข้าว เลี้ยงตอบแทนที่คุณช่วยผมไว้น่ะ เรื่องวันนั้น ถ้าไม่ได้คุณผมคงแย่”

[คุณณธิปไม่ต้องตอบแทนหรอกครับ ผมไม่คิดว่ามันเป็นบุญคุณหรืออะไร อีกอย่างผมก็เกรงใจด้วย]

“คุณพูดแบบนี้ แปลว่าจะปฏิเสธผมเหรอ”

[ต้องขอโทษนะครับ พอดีผมไม่ค่อยสะดวกเท่าไหร่ ช่วงนี้งานค่อนข้างยุ่งด้วย] ปลายสายบอกปัดด้วยน้ำเสียงลำบากใจ ณธิปฟังดูก็รู้ว่ากมลไม่ยอมมาพบเขาแน่ๆ แต่ไม่รู้ทำไม เขาจึงรู้สึกว่าอยากทำให้อีกฝ่ายยอมมา ณธิปจึงเอ่ยประโยคที่เพิ่งคิดสดๆ ร้อนๆ ออกไป

“แต่คุณแม่ท่านอยากเลี้ยงอาหารเย็นตอบแทนคุณจริงๆ นะ นี่ท่านยังบอกให้ผมชวนคุณมาที่บ้านให้ได้ในวันอาทิตย์นี้ เพราะท่านจะลงครัวเอง”

[คุณยิ่งพูดแบบนี้ ผมยิ่งเกรงใจครับ ไม่เห็นต้องตอบแทนกันถึงขนาดนั้นเลย ลำบากคุณหญิงท่านเปล่าๆ ผมฝากคุณช่วยบอกท่านได้ไหม ว่าผมขอบคุณท่านมากจริงๆ แต่ผมไม่ว่างน่ะครับ]

“อืม…ก็ได้อยู่หรอก แต่ท่านคงเสียความตั้งใจนิดหน่อย เอาเถอะ ก็คุณไม่ว่างจริงๆ นี่นะ” คนเจ้าเล่ห์แสร้งทำเสียงเสียดาย จากนั้นจึงตัดบท “ถ้าอย่างนั้นผมไม่รบกวนคุณแล้วล่ะ คุณยุ่งอยู่กับเด็กๆ ใช่ไหม”

[อ้อ…ครับ หลานๆ ผมเอง พอดีผมกำลังจะส่งพวกเขาเข้านอน ก็เลยงอแงกันนิดหน่อย]

“ครับ ถ้าอย่างนั้นเท่านี้ก่อนนะ ประเดี๋ยวผมต้องโทรไปบอกคุณแม่ว่าคุณไม่ว่าง คือพอดีท่านรออยู่น่ะครับ ผมกลัวว่าท่านจะนอนเสียก่อน”



ได้ยินอีกประโยคของณธิป กมลก็ยิ่งรู้สึกไม่ดี เขาไม่อยากไปไหนมาไหนกับพ่อไก้แจ้คนนี้ก็จริง หากก็อดที่จะเกรงใจคุณแม่ของณธิปไม่ได้ ในเมื่อผู้ใหญ่ท่านออกปากชวนขนาดนั้น หนุ่มหน้าหวานกัดปากช่างใจอยู่ครู่หนึ่ง เป็นจังหวะพอดีกับที่อีกฝ่ายเรียกมา



“คุณไอครับ ยังอยู่ในสายหรือเปล่า”

[ครับๆ]

“ผมวางแล้วนะครับ”

[เดี๋ยวครับคุณ!]

“ว่ายังไงครับ” ณธิปหูผึ่งทันทีที่ถูกเรียกเอาไว้ หากเขาเดาไม่ผิด แผนของเขาน่าจะเป็นไปตามคาด

[ผมเปลี่ยนใจแล้วครับ ฝากบอกคุณหญิงด้วยว่าผมจะไปพบ ไม่ทราบว่านัดกี่โมงครับ]

เมื่อได้ยินคนขี้เกรงใจบอก คนเจ้าเล่ห์ก็ยิ้มกริ่มอย่างผู้ชนะ “ห้าโมงครึ่งก็แล้วกันครับ เดี๋ยวผมจะส่งที่อยู่ให้อีกทีนะ”

[ครับ]

“แล้วเจอกันครับ คุณไอ”



   ทันทีที่วางสายณธิปก็โยนโทรศัพท์ไว้บนเตียง ก่อนจะเดินเข้าห้องน้ำพร้อมกับผ้าเช็ดตัวด้วยความอารมณ์ดี เขาคิดอยู่แล้วว่ากมลต้องยอมไปด้วยถ้าอ้างออกแบบนั้น เจ้าตัวคงยังไม่ไว้ใจเขาเท่าไหร่ แต่ถ้าได้ดินเนอร์แบบโรแมนติกด้วยกันสักมื้อ หรือตอบแทนด้วยข้อเสนออะไรสักอย่างที่กมลพอใจ ณธิปเชื่อว่าเขาสามารถทำให้กมลยอมอ่อนลงเหมือนกับคนที่เคยผ่านมาได้ไม่ยาก







V
V
V
V
(ต่อด้านล่างค่ะ)



ออฟไลน์ ละอองฝน

  • แมวดำ
  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 261
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +398/-2



(ต่อ)







แม้ว่าจะเป็นวันอาทิตย์ แต่กมลก็ตื่นเช้าติดเป็นนิสัย วันหยุดเช่นนี้กมลมีเวลาเอกเขนกอยู่บ้านจนถึงเที่ยง ก่อนจะเป็นคนพาหลานชายสองคนไปเรียนว่ายน้ำ ส่วนหทัยก็เป็นคนทำงานบ้านแทน


หลังจากหลานเรียนว่ายน้ำเสร็จเขาก็พาเด็กๆ กลับบ้าน แต่ตามปรกติถ้าว่าง กมลจะพาเจ้าแฝดไปทานไอศกรีมร้านประจำก่อน ทว่าวันนี้กมลมีนัด เขาจึงต้องกลับไปอาบน้ำแต่งตัว ด้วยไม่อยากไปสายกว่าเวลา



ก่อนออกจากบ้านกมลบอกน้องสาวว่าจะไปทานข้าวที่บ้านของณธิป เรื่องที่เคยช่วยหนุ่มไฮโซไว้เขาก็เล่าให้หทัยฟังไม่คิดปิดบัง แต่น้องสาวของเขาก็ไม่เห็นด้วยเท่าไหร่ที่จะไปตามนัด เพราะรู้สึกไม่ชอบณธิปเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว



“ไม่ได้ไปกันสองต่อสองหรอก มีผู้ใหญ่อยู่ด้วย อีกอย่างพี่โตขนาดนี้แล้ว เราคิดว่าพี่ดูแลตัวเองไม่ได้หรือไงแม่อ้าย อย่างคุณณธิปน่ะ เขาทำอะไรพี่ไม่ได้หรอกนะ”

“รู้ค่ะว่าพี่ไอเก่ง เพียงแต่อ้ายเป็นห่วง ดูคุณณธิปไม่น่าไว้ใจเอาเสียเลย อีกอย่างอ้ายก็ไม่ค่อยชอบเขาค่ะ” เหตุการณ์ล่มงานวิวาห์ของณธิป สร้างความรู้สึกไม่ดีต่อใครหลายคนทีเดียว เดิมทีกมลเองก็ไม่ชอบผู้ชายคนนี้เอามากๆ แต่เมื่อเรื่องราวมันผ่านมาแล้ว เขาก็ไม่อยากเก็บมาคิดให้เป็นอารมณ์อีก

“เอาน่า ไม่ต้องห่วงหรอก แล้วพี่จะรีบกลับ” กมลตัดบทเพียงเท่านั้น ก่อนจะขับรถออกจากบ้าน



เขามุ่งหน้าไปตามที่อยู่ที่ณธิปส่งมาให้ แต่ยังไม่ทันถึงคฤหาสน์หลังใหญ่ของครอบครัวโชติตระกูล ก็ดูเหมือนว่าอะไรๆ จะไม่เป็นไปตามที่กมลคิดเสียแล้ว



กมลได้รับโทรศัพท์แจ้งว่าต้องเปลี่ยนที่ทานอาหาร เนื่องจากตอนนี้ที่บ้านไม่สะดวกเท่าไหร่ โดยหนุ่มไฮโซไม่ได้บอกเหตุผลว่าทำไมจึงไม่สะดวก บอกแค่ว่าตนเองรออยู่ ซ้ำกมลก็กำลังขับรถ เขาจึงไม่ทันซักไซ้ให้มากความ



สถานที่ที่ถูกเปลี่ยนให้มานั้น เป็นภัตตาคารหรูในโรงแรมของเครือเอ็นพีกรุ๊ป หนุ่มหน้าสวยกดลิฟต์ขึ้นไปบนชั้นลอยฟ้าซึ่งเป็นที่หมาย ทันทีที่มาถึงบริกรก็เป็นคนนำทางเขาไปที่โต๊ะซึ่งถูกจัดเอาไว้ล่วงหน้า ที่ตรงนั้นเป็นจุดที่สามารถเห็นวิวมหานครยามราตรีได้อย่างชัดเจน



กมลมองไปที่โต๊ะใต้แสงเทียน เขาเห็นทายาทสุดหล่อของเอ็นพีกรุ๊ปนั่งรออยู่ก่อนแล้ว ณธิปในวันนี้ดูดีตั้งแต่หัวจรดเท้า ชายหนุ่มสวมชุดที่ดูไม่มาก แต่เรียบหรูเหมาะกับบุคลิก และทันทีที่เห็นกมล เจ้าตัวก็ส่งยิ้มละลายหัวใจมาให้



หากเป็นคนอื่นก็อาจรู้สึกเหมือนตัวเองตกอยู่ในละครดีๆ นี่เอง โดยฉากที่ว่าคือ การถูกพระเอกรูปหล่อ พ่อรวย ปิดร้านเซอร์ไพรส์ท่ามกลางบรรยากาศสุดโรแมนติก แต่กมลกลับรู้สึกชาเหมือนโดนตบหน้า เพราะรู้ได้ทันทีว่าตัวเองถูกหลอกให้มาโดยไม่เต็มใจ และมันก็ไม่ตลกสักนิดเดียว



เมื่อเห็นสีหน้าของกมล คนเจ้าเล่ห์ก็เริ่มเล่นละคร เขาสวมหน้ากากอำพรางแผนร้ายของตัวเองเอาไว้อย่างแนบเนียน ก่อนจะเอ่ยทักทายและแจ้งเหตุสุดวิสัยกับกมลทันที



“ขอโทษด้วยนะครับที่ทำให้คุณต้องลำบากเปลี่ยนที่ไปมา พอดีกว่าคุณแม่ท่านบินไปเชียงใหม่กะทันหัน จะให้ผมยกเลิกนัดก็คงน่าเกลียด”

กมลสูดลมหายใจเข้าลึกๆ เพื่อระงับอารมณ์ ก่อนจะตอบเมื่อหาเสียงของตัวเองเจอ “…เหรอครับ”

“ครับ นี่ท่านก็ฝากมาขอโทษคุณด้วย”

“ไม่เป็นไรครับ ผมเข้าใจว่าท่านติดธุระ”

“คุณนี่เข้าใจอะไรง่ายดีจัง มานั่งเถอะครับ ท่าทางจะหิวแล้วใช่ไหม หน้าบึ้งเชียว”



ยามปรกติกมลมักไม่โมโหหรือหลุดหงุดหงิดใครง่ายๆ ทว่าคนคนนี้กลับทำให้เขาแทบหมดความอดทนมาหลายต่อหลายครั้ง หนุ่มหน้าหวานนับเลขในใจถึงห้า ก่อนจะปรับสีหน้าแล้วเดินมานั่งที่โต๊ะ อันที่จริงเมื่อครู่เขามีความคิดว่าอยากจะเดินกลับออกไปเลย แต่ก็คิดว่าควรทำให้เรื่องนี้มันจบ กินๆ เสียให้เสร็จ ต่อไปคนเจ้าเล่ห์จะได้ไม่มีข้ออ้างในการติดต่อกันอีก



“สั่งอาหารดีกว่า ไหนดูซิว่ามีอะไรน่าอร่อยให้คุณไอทานบ้าง”



ณธิปพูดเองเออเอง พร้อมกับส่งสัญญาณให้บริกรยื่นเมนูให้คนที่นั่งตรงข้าม กมลเลือกอาหารง่ายๆ แค่สองจาน เป็นจานสลัดและจานเนื้อ และปฏิเสธที่จะดื่มไวน์ตามคำชักชวนของณธิปอีกด้วย



“คุณไม่ดื่มเหรอ” ณธิปตั้งข้อสังเกตเพื่อชวนคุย เนื่องจากกมลนั่งเงียบมาตั้งแต่เมื่อครู่

“ดื่มได้ครับ”

“แล้วทำไมถึงเลือกน้ำเปล่าล่ะ”

“พรุ่งนี้ผมต้องไปทำงาน” กมลตอบสั้นๆ

“ก็แค่ไวน์เอง”

“ผมคออ่อนน่ะ” หนุ่มหน้าสวยว่าไปอย่างนั้น ทั้งที่จริงๆ แล้วเหตุผลของเขาคือไม่อยากดื่ม ไม่อยากเสียเวลาละเลียดจิบไวน์อยู่กับอีกคนนานๆ



เมื่ออาหารมาเสิร์ฟทั้งคู่ก็ลงมือทานเงียบๆ มีบ้างที่ณธิปชวนคุย แต่กมลก็แค่ถามคำตอบคำ ไม่มีการต่อยอดหาเรื่องคุยต่อ จนแทบเรียกได้ว่าเป็นมื้อที่ดูน่าเบื่อเอามากๆ สำหรับณธิป แต่ก็ไม่รู้เพราะเหตุใด เขากลับชอบที่จะมองอีกฝ่ายแสร้งทำหน้ารักษามารยาท แต่แววตาแสนพยศอย่างชัดเจน ความดื้อดึงเล็กๆ นั่นดึงดูดณธิปเอาไว้เสียอยู่หมัด จนรู้สึกว่า



อยากปราบพยศให้กลายเป็นแมวน้อยเชื่องๆ เหลือเกิน




   หลังทานอาหารเสร็จ กมลปฏิเสธที่จะไปดื่มต่อ ด้วยเหตุผลเดิมคือวันรุ่งขึ้นต้องไปทำงาน ณธิปจึงยอมโอนอ่อนตาม ด้วยคิดว่าคราวหน้าค่อยหาวิธีตะล่อมอีกฝ่ายใหม่



   “เดี๋ยวคุณถึงบ้านแล้ว ช่วยโทรบอกผมหน่อยได้ไหมครับ ผมจะได้รู้ว่าคุณกลับถึงบ้านอย่างปลอดภัย” ประโยคนี้เป็นประโยคที่ณธิปใช้ทุกครั้งเวลาเริ่มจีบใคร และส่วนใหญ่อีกฝ่ายก็จะติดกับเขาทุกราย เพียงแต่เขาลืมไปว่า กมลไม่เหมือนคนที่ผ่านๆ มา

   “ขอโทษนะครับ ผมขอเสียมารยาทพูดอะไรสักหน่อยจะได้ไหม”

   “ได้สิครับ” หนุ่มหล่อยิ้มรับ

   “ผมคงโทรหาคุณไม่ได้ เพราะเราไม่ได้มีธุระจำเป็นที่จะต้องติดต่อกันอีก คุณเองก็เหมือนกัน กรุณาอย่าโทรหาผมอีกนะครับ” คำประกาศจุดยืนที่จัดเจนของกมล ทำเอารอยยิ้มที่ค้างเติ่งอยู่บนใบหน้าของณธิปดูแปลกไปจากตอนแรกทันที

   “ถ้าไม่มีธุระห้ามติดต่อเหรอครับ” ณธิปถามซ้ำ

   “ครับ ธุระจำเป็นอย่างเช่นเรื่องงานน่ะ” กมลก็ตอบให้ฟังอย่างชัดเจน

   “เฉพาะเรื่องงาน…” ซึ่งมันหมายถึง ต่อไปอย่าโทรหาอีก เนื่องจากพวกเขาไม่มีงานที่ต้องทำร่วมกันอยู่แล้ว หนุ่มโฮโซหุบยิ้ม ก่อนถอนใจออกมาเบาๆ “ครับ ผมเข้าใจแล้ว”

   “ขอบคุณที่เข้าใจครับ แล้วก็ขอบคุณสำหรับอาหารด้วย มันอร่อยมากครับ” คนว่ายิ้มสุภาพ ก่อนจะขอตัวกลับโดยไม่เปิดโอกาสให้อีกฝ่ายได้เดินไปส่งที่รถเหมือนกับแผนที่วางเอาไว้



   ดวงตารีเรียวมองแผ่นหลังตั้งตรงของคนตัวเล็กกว่าหายลับไป รู้สึกประหลาดใจที่ตนเองไม่ได้โกรธหรือโมโหกับถ้อยคำปฏิเสธอย่างอวดดีของอีกฝ่าย หากแต่เขากลับมั่นใจว่า กมลเป็นคนแรกที่ทำให้เขารู้สึกสนใจได้มากขนาดนี้จริงๆ









><><><><><><><><><><><><><><><><><><><






มาต่อแล้วค่ะ
ตอนนี้ได้แต่อ่านแล้วคิดว่า
ควรเปลี่ยนชื่อเรื่องจากคุณคือความรัก เป็นบันทึกรักของตัวร้าย 555555
มีคนถามมาว่า เมื่อไหร่จะรักกัน ในเมื่อพระเอกยังเป็นอีกแบบนี้อยู่
คือไม่รู้จะตอบว่าประมาณตอนไหน แต่บอกได้แค่ว่า
พระเอกในคราบตัวร้ายคนนี้ จะค่อยๆ ดีขึ้นเองค่ะ ไม่ใช่ปุ๊บปับหรอกนะ

ช่วงนี้งานฝนค่อนข้างเยอะมากจริงๆ ค่ะ อาจจะหายหน้าหายตาไปบ้าง
จะพยายามเคลียร์งานให้ไว แล้วมาแต่งต่อนะคะ
ตอนนี้กำหนดตัวเองไว้ว่าอยากแต่งให้ได้อาทิตย์ละ 1 ตอน มาดูว่าจะไหวไหม
เพราะตอนนี้มีอยู่สองเรื่อง ส่วนคีตมาลาฝนแต่งจบแล้วค่ะ แค่ขอเวลาปรับนิดหน่อย เพราะมีบ้างส่วนของเนื้อที่เราไม่ค่อยพอใจอยู่

ขอบคุณที่ยังติดตามอ่านกันนะคะ

แล้วเจอกันต่อหน้าค่ะ

ละอองฝน.

ออฟไลน์ klaew

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1237
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +36/-2
กรี้ดดดดด
พี่ไอคนน่ารัก
ปล.ยังคาใจเรื่องพี่เมฆกับเกษสุดาอยู่อ่ะ

ออฟไลน์ B52

  • เป็ดZeus
  • *
  • กระทู้: 13215
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +420/-26

ออฟไลน์ Billie

  • "Let come what comes, let go what goes and see what remains. That is what is real"
  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3327
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +78/-6
55
ควรเปลี่ยนชื่อเรื่องจากคุณคือความรัก เป็นบันทึกรักของตัวร้าย 555555 <<เห็นด้วยกับอันนี้

 :L2: :pig4:

ออฟไลน์ aiyuki

  • รักแท้ไม่แบ่งแม้เพศพันธุ์
  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2636
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +133/-6
ไม่ชอบคุณเล็กเลยจริงๆ นิสัยไม่ดีอ่ะ

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ warin

  • รถไฟขบวนนั้น ได้แล่นผ่านไปแล้ว
  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1937
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +60/-1
    • -

ออฟไลน์ dear77

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 249
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +12/-0
กลับมาต่อแล้ว รอตอนต่อไปนะค่ะ

ออฟไลน์ kawisara

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1583
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +119/-7
คุณไอ



เข้มแข็ง



ฉลาด



และ



เด็ดขาดสุดๆ :katai2-1:

ออฟไลน์ imvodka

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 252
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-4
 :katai5: รอ

ออฟไลน์ Onlylyn

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 40
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0
เห็นคุณฝนเปิดเรื่องนี้นานแล้ว ไม่ได้เข้ามาอ่านสักที
แต่พอรู้ว่าเป็นคู่ของพี่ไอเท่านั้นแหละ ให้ไว :katai4:

คุณเล็กเป็นพระเอกที่น่าติดตามมากค่ะ
อยากเห็นความเปลี่ยนแปลง ว่าจากเสือร้ายจะเชื่องให้แมวอย่างพี่ไอยังไง
จากเรื่องโปรดจงรักเราก็ค่อนข้างชอบคุณเล็กนะคะ โดยเฉพาะตอนตัดขาดกับหนึ่งนที กร๊ากกกก

มาเป็นกำลังใจและรอตอนต่อไปค่ะ ชอบสำนวนคุณฝนมาก อ่านแล้วละมุนสุดๆ
โปรดจงรักอ่านซ้ำไป5รอบ มาดูเรื่องนี้กัน จะอ่านซ้ำกี่รอบ :katai5:

ออฟไลน์ ละอองฝน

  • แมวดำ
  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 261
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +398/-2






บทที่ 10







วันนี้เป็นอีกวันที่กมลมีโอกาสได้มารับหลานๆ หลังเลิกเรียนพร้อมกับหทัย ก่อนเดินทางไปทานอาหารค่ำนอกบ้านกันต่อ ซึ่งมันเป็นช่วงเวลาที่เจ้าฝาแฝดทั้งสองคนมีความสุขเอามากๆ เพราะนอกจากคุณลุงสุดที่รักจะมีเวลาให้แล้ว ยังพาไปทานของอร่อยๆ บ่อยๆ ด้วย



ฤดูฝนเป็นช่วงที่กมลมักไม่ค่อยมีงานวุ่นวายมากเท่าไหร่ เพราะด้วยสภาพอากาศชื้นแฉะของประเทศไทย ทำให้คู่บ่าวสาวส่วนใหญ่เลือกที่จะหลีกเลี่ยงฤดูนี้ ดังนั้นเขาจึงค่อนข้างมีเวลาในการคิดสร้างสรรค์และปรับปรุงสิ่งต่างๆ ใน I promise มากขึ้น



อย่างช่วงต้นเดือนกมลก็สั่งให้มีการปรับปรุงภูมิทัศน์ แม้ว่าก่อนหน้าจะเนรมิตด้านหลังของตึกใหญ่ให้กลายเป็นสวนสวยไปแล้ว แต่เขาก็ยังสั่งให้มีการเพิ่มสะพานข้ามทะเลสาบเทียมเป็นจุดเด่นขึ้นมาอีกหนึ่ง มิหนำซ้ำยังรีโนเวทสตูดิโอถ่ายรูปภายในตึกเป็นรูปแบบใหม่ด้วยกันหลายห้อง ทั้งหมดเพื่อรองรับลูกค้าใหม่ๆ ในช่วงปลายปี



“วันนี้เราจะไปทานอะไรกันครับ” น้องหยางที่นั่งอยู่เบาะหลังร้องถามทันทีที่รถเคลื่อนตัวจากหน้าโรงเรียน

“วันนี้เราจะไปให้อาหารแพะ แล้วก็ไปดูว่าตัวอัลปาก้ามันชอบพ่นน้ำลายอย่างที่น้องหยางบอกลุงจริงไหม” กมลว่ายิ้มๆ

“ลุงไอจะพาพวกเราไปสวนสัตว์เหรอครับ” น้องหยินแฝดผู้พี่ตั้งข้อสังเกต “แต่นี่มันเย็นแล้วนะครับ”

“ไม่ใช่สวนสัตว์หรอกครับพี่หยิน”

“แล้วมันคือที่ไหนกันครับ”

“เดี๋ยวถึงแล้วก็รู้ครับ” คุณลุงคนดีของเด็กๆ ว่าพลางหันมาขยิบตาให้นิดหน่อยก่อนสนใจถนนต่อ แต่นั่นก็เพียงพอให้หยินกับหยางอดไม่ได้ที่จะภาวนาให้ถึงที่หมายเร็วๆ แล้ว



หากเมื่อผ่านไปสักพัก รถของครอบครัวเปรมอนันต์ก็เคลื่อนเชื่องช้าลง เพราะการจราจรบนถนนติดขัดเอามากๆ ด้วยวันนี้เป็นเย็นวันศุกร์ อีกทั้งร้านที่จะไปก็อยู่บนถนนเส้นที่มีรถมากอยู่แล้ว เด็กทั้งสองคนก็เลยเผลอหลับคอพับไปอย่างช่วยไม่ได้



“วันนี้รถติดนะคะพี่ไอ”

“อืม ก็วันศุกร์นี่นะ แถมเส้นที่เราไปเป็นเส้นลาดพร้าวด้วย พี่ว่ากว่าจะถึงห้าแยกเจ้าตัวแสบคงตื่นขึ้นมาป่วนก่อนแน่ๆ”

“คงไม่หรอกค่ะ” หทัยหันไปมองลูกชายทั้งสองคน “พวกแกเพิ่งหลับไปเมื่อกี้เอง ว่าแต่พี่ไอหิวไหมคะนี่ เมื่อกลางวันก็กินข้าวแค่นิดเดียวเอง”

“หิวนิดหน่อย แต่ไม่เป็นไร พอทนไหวอยู่”

“ก็อ้ายบอกแล้วว่าให้ทานขนมด้วยกันตอนบ่ายก็ไม่เชื่อ”

“ก็ต้องไปดูเจ้ากลองถ่ายพรีเวดดิ้งให้ลูกค้าที่สตูฯ นี่ เห็นว่ารีเควสสตูฯ ใหม่มาด้วย พี่เลยไปช่วยดูเด็กๆ มันจัดไฟ ไม่รู้ว่าสว่างมากไปไหม”

“โธ่…กลองน่ะเก่งจะตาย เขาคุมเด็กๆ ได้อยู่แล้วล่ะค่ะ พี่จะไปดูเสียทุกขั้นก็ไม่ไหวนะคะ ดูแลตัวเองบ้างสิ ชอบทำให้อ้ายต้องบ่นอยู่เรื่อยเลย”

พอเห็นแม่น้องสาวทำหน้ามุ่ย กมลจึงหันมายิ้มหวาน “ก็พี่ไม่มีอะไรทำนี่นา ช่วงนี้ลูกค้าน้อย”

“ก็ไม่น้อยนะคะ มันเป็นปรกติของหน้าฝนอยู่แล้ว พวกห้องเสื้อก็วุ่นกันจะตาย เพราะพี่ไปเปรยว่าอยากได้ชุดใหม่”


ส่วนใหญ่แล้วฝ่ายที่ดูจะวุ่นวายที่สุดก็คือทางฝั่งห้องเสื้อ เนื่องจากปีที่ผ่านมามีการอัพเดตแฟชั่นชุดแต่งงานใหม่ๆ มากมาย และดูเหมือนงานลูกไม้จะเป็นที่นิยมมากในซีซั่นนี้ ทางทีมวางแผนการตลาดจึงสนับสนุนให้เพิ่มแบบเข้าไปเพื่อเรียกลูกค้าเพิ่ม กมลที่เห็นดีด้วยจึงมีคำสั่งลงไปที่ห้องเสื้อให้จัดการต่อ

   “ก็ไอเดียพี่หวานเขาดีนี่ พี่ว่ามันโอเคเลยนะ” กมลกล่าวถึงหวาน ซึ่งเป็นหนึ่งในทีมงานการตลาด

   “ค่ะๆ อ้ายไม่เถียงกับพี่ไอแล้วล่ะ พ่อคนขยันทำงาน นี่ถ้าเป็นลูกน้องนะ อ้ายจะสั่งให้พี่หยุดพักร้อนสักอาทิตย์นึงเลย”

   “หยุดแล้วจะให้พี่ไปไหนล่ะ ให้นอนอยู่บ้านเฉยๆ ไม่เอาด้วยหรอกนะ”

   “ให้วันหยุดพร้อมแพคเกจเที่ยวมัลดีฟเป็นไงคะ เห็นพี่เคยอยากไปไม่ใช่เหรอ”

   “โห งั้นเรามาเปลี่ยนตำแหน่งกันดีกว่านะ พี่ชักอยากเป็นลูกน้องแล้วสิ สวัสดิการดี้ดี” คนพูด พูดพลางยิ้มระรื่น ก่อนจะเงียบเสียงเมื่ออ้ายมีสายโทรศัพท์เข้ามา

   หญิงสาวกดรับ ก่อนกรอกเสียงเข้าไปตามสาย “ว่ายังไงแม่หนูดี ตั้งแต่มาถึงไทยก็หายเงียบไปเลยนะ”



กมลนั่งฟังน้องสาวคุยกับเพื่อนสนิทอย่างออกรส ตาก็มองถนนไปด้วย จนกระทั่งได้ยินประโยคหนึ่ง ซึ่งอ้ายทำเสียงอ้อมแอ้มลำบากใจ เขาจึงหันไปมอง



“ไม่ได้หรอกหนูดี ตอนนี้ฉันอยู่บนรถ กำลังจะไปทานข้าวกันที่บ้าน” เธอเงียบฟังฝั่งตรงข้ามถาม ก่อนตอบ “อยู่แถวลาดพร้าวเหมือนกัน แต่คงไม่ค่อยสะดวก เอาไว้นัดกันใหม่ได้ไหม นี่มันออกจะกะทันหันไปสักหน่อยน่ะ”

พูดกันอีกสองสามประโยค สุดท้ายฝ่ายเพื่อนของหทัยก็ยอมวางสายไป

“หนูดีกลับมาไทยแล้วเหรอ” เพราะกมลรู้จักกับเพื่อนสนิทของน้องสาวคนนี้ดี เขาจึงถาม

“ค่ะ กลับมาได้หลายวันแล้ว”

“แล้วเธอมีเรื่องอะไรหรือเปล่า”

“เขาจะชวนไปซื้อเสื้อผ้าน่ะค่ะ แต่อ้ายปฏิเสธไปแล้ว”

“อ้ายอยากไปเจอเพื่อนไหม ถ้าอยากไปก็ไปได้นะ ไม่ได้เจอกันนานแล้วนี่ เกิดเลื่อนไปแล้วเรามีงานยุ่งๆ พี่กลัวหนูดีจะกลับวอชิงตันเสียก่อน” ฟังจากน้ำเสียงกมลก็รู้ว่าน้องสาวของเขาอยากไปเจอเพื่อนรักที่ไม่ได้พบกันนานมากแค่ไหน

“แต่ว่าพี่ไอกับเด็กๆ ล่ะคะ”

“พี่ไม่มีปัญหาหรอก เด็กๆ ก็คงไม่มีปัญหาเหมือนกัน ประเดี๋ยวเจออัลปาก้ากับแพะก็ขี้คร้านจะลืมแม่ลืมลุงหมดแล้ว อ้ายอยากไปก็ไปเถอะ นานๆ คุณแม่ลูกสองจะได้เที่ยวร่าเริงสักที พี่ดูแลเด็กๆ แทนได้”

“เอาอย่างนั้นเหรอคะ” หญิงสาวลังเลนิดหน่อย ใจหนึ่งก็อยากไปทานอาหารกับครอบครับ แต่อีกใจก็อยากพบเพื่อนรักที่ไม่ได้พบกันนาน อีกทั้งยังนึกเกรงใจพี่ชายด้วยที่ต้องทิ้งให้ดูแลลูกๆ แทนเธอ

“ไม่ต้องคิดอะไรมาหรอก เราก็ใช่ว่าจะเที่ยวบ่อยเสียเมื่อไหร่ ออกไปช็อปเสื้อผ้า แต่งหน้าทำผมกับเพื่อนบ้างก็ดีนะ”



กมลรู้ว่าตั้งแต่ที่อ้ายทำหน้าที่แม่เลี้ยงเดี่ยว น้องสาวของเขาไม่เคยทำตามใจตัวเองเลย เธอทุ่มเททุกสิ่งทุกอย่างเพื่อลูกชายทั้งสองมาโดยตลอด ทุ่มเทจนบางครั้งก็ลืมที่จะคิดถึงตัวเอง เหมือนกับที่เธอว่าเขาเมื่อครู่ไม่มีผิด



“แต่…”

“หนูดีเขาอยู่ที่ไหนล่ะตอนนี้”

“เซ็นทรัลลาดพร้าวค่ะ”

“ใกล้ๆ แค่นี้เอง เดี๋ยวพี่แวะส่งเราก่อน แล้วค่อยพาหลานๆ ไปทานอาหารดีไหม”

“ก็ดีค่ะ” หทัยตอบรับเบาๆ

“ไม่ใช่ก็ดี แต่ดีเลยล่ะ เสร็จแล้วพี่จะแวะรับเรากลับพร้อมกัน หรือถ้าเราจะไปต่อก็โทรมาบอกพี่ได้ พรุ่งนี้วันหยุด พี่อนุญาตให้เที่ยวได้หนึ่งวัน” กมลว่าพลางยื่นมือออกไปลูบหัวของน้องสาวเบาๆ

“ขอบคุณนะคะพี่ไอ”

“เห็นไหม พี่เป็นเจ้านายที่ดีนะ มีแพคเกจไปส่งถึงที่ แล้วให้คุณแม่เที่ยวฟรีด้วย”

“ค่ะ…พี่ชายของอ้ายน่ะดีที่สุดในโลกเลย”










หลังจากส่งน้องสาวเรียบร้อย กมลก็ขับรถต่อมาเรื่อยๆ กระทั่งถึงที่หมายในที่สุด เขาไม่ต้องวนหาที่จอดรถนานนัก เพราะตัวร้านมีบริเวณค่อนข้างกว้าง เมื่อดับเครื่องเรียบร้อยแล้วชายหนุ่มก็หันไปปลุกหลานชายทั้งสองคน โดยเจ้าตัวโตตื่นขึ้นมาก่อน ตามด้วยคนเล็ก



“ถึงแล้วเหรอครับ” หยางขยี้ตางัวเงีย

“ถึงแล้วครับ”

“แล้วแม่ไปไหนครับลุงไอ” เจ้าหยินที่สังเกตเห็นก่อนจึงร้องถาม

“แม่อ้ายไปเจอน้าหนูดีครับ เด็กๆ จำน้าหนูดีได้ไหม ที่ซื้อเครื่องบินบังคับมาฝากเราปีก่อนไง” กมลทบทวนความจำให้ ขณะที่เอี้ยวตัวไปถอดเข็มขัดนิรภัยให้หลาน

“จำได้ครับ”

“จำได้ครับ” เด็กทั้งสองตอบพร้อมกัน

“น้าหนูดีเพิ่งกลับมาจากต่างประเทศ แต่อีกไม่นานคงกลับแล้ว แม่อ้ายก็เลยไปทานข้าวกับน้าหนูดีก่อน วันนี้พวกเราอยู่ด้วยกันสามคน เด็กๆ ไม่ว่าอะไรนะครับ”

“ไม่เป็นไรครับ เพราะน้าหนูดีเจอแม่อ้ายไม่บ่อย แต่น้องหยางกับหยินได้เจอแม่อ้ายทุกวัน” หยินว่า

“ใช่ๆ ถ้าน้าหนูดีไม่ได้เจอแม่อ้าย เดี๋ยวจะร้องไห้แงๆ” หยางสมทบอีกคำ



ประโยคของเด็กๆ ทำให้กมลยิ้มกว้างออกมา รู้สึกภูมิใจในตัวหลานชายทั้งสองที่เป็นเด็กน่ารัก คิดถึงคนอื่น ไม่ได้คิดถึงแต่ตัวเองฝ่ายเดียว



“เด็กดีของลุง” เขาว่า ก่อนจะหยิบกระเป๋าเงิน “ไปครับ ว่านี้ลุงจะให้รางวัลโดยการพาไปกินวัฟเฟิลอร่อยๆ ด้วยดีไหม”

“ดีครับ” แฝดสองประสานเสียงกันอีกครั้ง ก่อนลงจากรถแล้วเดินจูงมือกมลคนละข้างเพื่อเข้าไปในร้าน










โชคดีที่วันนี้ฝนไม่ตก ดังนั้นสามหนุ่มบ้านเปรมอนันต์จึงได้นั่งกินบรรยากาศตรงส่วนสวนของร้าน ถัดไปไม่ใกล้ไม่ไกลจะเห็นคอกของแพะและตัวอัลปาก้าอย่างชัดเจน เด็กทั้งสองดูจะตื่นเต้นเอามากๆ จนแทบอยากจะวิ่งออกไปจากโต๊ะทุกครั้งที่คุณลุงเผลอ หากก็ต้องอดใจเอาไว้ เพราะลุงไอบอกว่าจะเป็นคนพาไป แต่ขอสั่งอาหารให้เสร็จเสียก่อน



กระทั่งสั่งอาหารเรียบร้อย กมลจึงจูงเด็กๆ ไปป้อนหญ้า ป้อนนมแพะ ทั้งยังไปยืนดูอัลปาก้าที่ข้างรั้วอย่างใกล้ชิด ที่นี่ไม่ได้มีเพียงแค่สัตว์สองชนิดเท่านั้น  ทว่ายังมีกระต่ายตัวกลมกระโดดไปมาในกรงอัลปาก้าอีกด้วย



ขณะที่หลานๆ กำลังตื่นเต้นกับสัตว์ขนปุยตรงหน้า และกมลเองก็กำลังรัววีดีโอเจ้าสองแสบไว้ อยู่ๆ ก็มีใครบางคนเดินมาหยุดที่ด้านหลัง พร้อมกับเรียกให้หนุ่มหน้าหวานหันไปหา



“เจอกันอีกแล้วนะครับ คุณไอ”

“…คุณณธิป” กมลไม่รู้จะพูดอะไร เขาได้แต่มองอีกฝ่ายเงียบๆ เท่านั้น



ตั้งแต่ดินเนอร์หลอกลวงนั่นจบลงก็ผ่านมากว่าเดือนแล้วที่กมลไม่ได้พบหรือติดต่อกับณธิปอีก ซึ่งกมลก็ไม่คิดว่าจะได้พบเจอกับอีกครั้งในสถานที่ที่ดูเป็นร้านอาหารครอบครัวแบบนี้


โลกช่างกลมเสียจริง จึงได้เหวี่ยงให้เขาต้องโคจรมาพบกับคนคนนี้อยู่เรื่อย


“มากับใครครับ”

“มากับหลานๆ ครับ” กมลตอบ ก่อนจะเรียกหยินกับหยางให้มาหา “เด็กๆ สวัสดีก่อน นี่คุณณธิป เป็นคนรู้จักของลุงครับ”

“สวัสดีครับคุณลุงณธิป” หยินกับหยางยกมือขึ้นไหว้ผู้ใหญ่ ก่อนขยับเข้าไปเกาะขาแล้วแอบอยู่ด้านหลังของกมล เพราะรู้สึกกลัวท่าทางของผู้ชายคนนี้อย่างบอกไม่ถูก

“นี่น้องหยินกับน้องหยาง หลานชายของผมครับ”

“สวัสดีครับเด็กๆ แต่เรียกว่าอาเล็กจะเหมาะกว่านะ” ณธิปยิ้มบาง “ได้โต๊ะกันหรือยังครับ ไปนั่งด้วยกันกับอาไหม”

“พวกเราได้โต๊ะแล้วครับ คงไม่รวบกวนคุณ” กมลเป็นคนตอบแทน

“อ๋ออย่างนั้นเหรอครับ งั้นก็ไม่เป็นไร ผมเองดันลืมนึกไปว่ามาดื่มกับเพื่อนๆ คงไม่เหมาะถ้าเด็กๆ ไปนั่ง” พูดกับคนหน้าหวานจบ ณธิปก็หันไปหาเด็กๆ “เอาไว้คราวหน้าอาค่อยพาไปทานขนมอร่อยๆ นะครับ”


เมื่อได้ยินคำว่าขนมอร่อยๆ เด็กๆ ก็คลายความเกรงกลัว แล้วรีบพยักหน้ารับทันที


“ครับคุณอาเล็ก” น้องหยางตอบก่อน พร้อมกับยิ้มกว้างน่ารัก

“ไม่เป็นไรดีกว่าครับ จะรบกวนคุณณธิปเปล่าๆ”

“ไม่รบกวนสักหน่อยครับ ผมเต็มใจนะ” สุดท้ายณธิปก็ยังไม่นึกขยาดกับคำปฏิเสธหลายครั้งหลายคราของกมล แต่หนุ่มหน้าหวานรู้ การกระทำในลักษณะนี้มันเหมือนหมาหยอกไก่ บางครั้งก็หยอกไปเรื่อย ไม่ได้เก็บมาคิดจริงจังเหมือนคนที่ต้องการจริงจังสักนิด


ก็แค่คนเข้าชู้คนหนึ่ง


“ผมเคยบอกคำขอกับคุณไปแล้ว หวังว่าคุณจะจำได้นะครับ ขอโทษที่เสียมารยาท แต่ผมขอตัวก่อน” ว่าจบหนุ่มหน้าหวานก็เตรียมจูงมือเด็กๆ ไปล้างมือที่ห้องน้ำ จะได้พากลับไปที่โต๊ะเพราะเห็นว่าอาหารมาเสิร์ฟแล้ว


แต่เขาก็ถูกหยุดไว้ด้วยคำพูดหนึ่งก่อน…


“ผมจำได้ครับ แต่ก็ยังมั่นใจว่าเราจะได้พบกันอีกแน่นอน แล้วก็อยู่ในเงื่อนไขของคุณด้วย ผมไม่ยอมแพ้ง่ายๆ หรอกนะคุณไอ” เขากระซิบประโยคท้ายให้กมลได้ฟังเพียงคนเดียว ก่อนจะก้มลงบอกเด็กๆ “อาไปก่อนนะครับเด็กๆ”

“ครับคุณอาเล็ก” เด็กทั้งคู่ยังคงตอบพร้อมๆ กันเช่นเคย หนุ่มหล่อยิ้มรับความน่ารักนั่นบางๆ ก่อนเดินกลับไปที่โต๊ะของตัวเอง ปล่อยให้กมลยืนกังวลอยู่ตรงนั้น ด้วยไม่รู้ว่าอีกฝ่ายจะมาไม้ไหนอีก



เขารู้สึกเสียใจนิดหน่อยที่เคยช่วยณธิปไว้ เพราะถ้าไม่มีวันนั้น เขากับณธิปคงไม่ได้ยุ่งเกี่ยวกันอีก คงไม่ต้องมีเรื่องให้อีกฝ่ายตามมาวุ่นวายเช่นนี้ ทั้งที่กมลก็ยังหาสาเหตุไม่ได้เลยว่าณธิปติดใจอะไรกับเขานัก หรือบางที่อีกฝ่ายเพียงแค่อยากแกล้งเขาคืน ข้อหาที่เคยไปตะบั้นหน้าเจ้าตัวต่อหน้าสาว



คิดแล้วชายหนุ่มก็ได้แต่ถอนใจ เพราะไม่รู้จะทำอย่างไร ทั้งที่ไม่อยากยุ่งเกี่ยวด้วยอีกแท้ๆ



เป็นเวรกรรมอะไรของเราหนอ…

   









“นั่นคุณกมลที่เป็นออแกไนซ์งานแต่งของแกไม่ใช่เหรอเล็ก” ดังตฤณถาม



วันนี้เขาชวนณธิปมาทานข้าวที่ร้านซึ่งเป็นกิจการของครอบครัว เพราะอยากคุยเกี่ยวกับเรื่องของใครคนหนึ่งที่เพื่อนเคยคบด้วย แต่จนแล้วจนรอดก็ไม่ได้เอ่ยปากออกไป เนื่องจากมีเพื่อนสนิทอีกคนตามมาด้วย นั่นคือนายพิเชษฐ์ตัวป่วน

   “อืม ใช่”

   “แล้วคุยอะไรกัน เห็นคุยอยู่นานสองนาน แกจะให้เขาดูงานแต่งให้อีกรอบหรือไง”

   “กินข้าวไปไอ้เชษฐ์ ปากเสียจริง” หนุ่มไฮโซตอกกลับ เขายังนึกขยาดกับการถูกจับคลุมถึงชนไม่หาย

   “แล้วคุยอะไรกัน ตอบดีๆ”

   “ก็ไม่มีอะไร” ณธิปยิ้ม และเป็นยิ้มที่ดูปราดเดียวก็รู้ว่ามีอะไรแอบแฝง

   “นี่อย่าบอกนะว่าจะจีบ” ดาราหนุ่มซักไซ้ต่อ

   “คงงั้น”

   “หน้าตาจัดว่าสเปคแก แต่คนนี้ไม่น่าจะเล่นง่ายนะ จากที่ดูเมื่อวันงาน ฉันว่าเอาเรื่องอยู่เหมือนกัน” ดังตฤณยังจำได้ดีถึงตอนวันงานแต่งงานของเกษสุดากับณธิป เขารู้สึกว่าคนที่เพื่อนหมายปอง ไม่ใกล้เคียงกับคนที่ณธิปเคยคั่วด้วยสักนิด “แบบนี้ฉันว่าแกสนได้ไม่นานหรอก เดี๋ยวก็เบื่อเขา อย่าไปยุ่งกับเขาเลย เชื่อฉันสิ”

   “ฉันก็อยากเชื่อแกนะตฤณ แต่ของแบบนี้มันต้องลองดูถึงจะรู้ เพราะฉันว่ากับคนคนนี้ ไม่น่าจะทำให้ฉันรู้สึกเบื่อได้ง่ายๆ แน่” ณธิปว่ายิ้มๆ อันที่จริงกว่าเดือนมานี้เขาได้คิดทำอะไรบางอย่างลงไป และตอนนี้มันก็อยู่ในขั้นตอนที่ใกล้จะเผยออกมาเต็มที



   แล้วเราจะได้รู้กัน ว่าคุณจะยังปฏิเสธที่จะพบผมได้อีกหรือเปล่า…คุณไอ







><><><><><><><><><><><><><><><><><><><





อาจจะดำเนินเรื่องเนิบนาบไปบ้าง
ยังไงก็จะลองแต่งไปก่อน
แล้วลองปรับหรือรีใหม่ทีหลังนะคะ
อย่าเพิ่งเบื่อกันน้า

ส่วนที่ถามถึงเรื่องนามสกุลพี่เมฆกับคุณเกษนั้น
ไว้จะเฉลยในตอนหน้าๆ ค่ะ
แต่ก็ไม่ได้ยิ่งใหญ่อะไรหรอกนะคะ 5555
แค่อยากให้รออ่านไปพร้อมๆ กันกับเนื้อเรื่องค่ะ

เจอกันตอนหน้าค่ะ



ละอองฝน.
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 25-09-2016 08:43:13 โดย ละอองฝน »

ออฟไลน์ aiyuki

  • รักแท้ไม่แบ่งแม้เพศพันธุ์
  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2636
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +133/-6
เกลียดผู้ชายเจ้าชู้!!!

ออฟไลน์ B52

  • เป็ดZeus
  • *
  • กระทู้: 13215
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +420/-26
 :z6: อยากให้ทุกรอบไป

ออฟไลน์ Billie

  • "Let come what comes, let go what goes and see what remains. That is what is real"
  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3327
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +78/-6

ออฟไลน์ Snowermyhae

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4014
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +97/-7
ตัวร้ายของเรามีแผนอะไรอีกกกก  :hao6:

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด