Poor Boy…รักไม่ได้ [Yaoi Boy’s Love] อัพตอน20 (12/09/59) End
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: Poor Boy…รักไม่ได้ [Yaoi Boy’s Love] อัพตอน20 (12/09/59) End  (อ่าน 61530 ครั้ง)

ออฟไลน์ netich

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 227
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-0

ออฟไลน์ boonpa

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2359
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +132/-9
 :pig4: ตามไปให้ง้อถึงอังกฤษ ขอให้สองใจแข็งนานๆจะได้เข็ด

ออฟไลน์ Jang_B2UTY

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 382
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +83/-5
Poor Boy 18

 

        วันนี้สไมล์ก็มาเรียนตามปกติโดยที่มีสารถีส่วนตัวขับรถมาส่ง มันกลายเป็นภาพที่คุ้นตาของคนในคณะไปแล้วที่จะเห็นหนุ่มหล่อจากคณะวิศวะคนนี้มาที่คณะทันตะแพทย์



          “ทำไมวันนี้เมาส์ไม่มาเรียนนะ” ผิงบ่นขึ้นขณะที่กำลังเก็บข้าวของใส่กระเป๋าความจริงวันนี้เขามีเรียนถึงบ่าย3แต่ว่าอาจารย์คาบบ่ายงดคาสกะทันหันทำให้เลิกเรียนตั้งแต่ก่อนเที่ยง



          “นั่นสิ ไม่ติดต่อมาด้วย จะว่าไปเมาส์ไม่มาเรียนสองวันติดแล้วนะ” สไมล์ว่าพร้อมขมวดคิ้วอย่างนึกเป็นห่วงเพื่อนสนิทอีกคน



          “งั้นไปหามันที่บ้านมะ” ผิงเสนอขึ้น สไมล์พยักหน้ารับทันทีแต่ก่อนที่จะได้เดินทางไปบ้านเพื่อนสนิทโทรศัพท์ของผิงก็ดังขึ้นก่อน

 

         “ค่ะ...อะไรนะคะ...โอเคค่ะ ผิงจะรีบไปเดี๋ยวนี้” ผิงว่าก่อนจะวางสายด้วยใบหน้าตื่นตะนก



          “มีอะไรเหรอผิง”



          “ฮือออ น้องปังปัง น้องหมาของฉันน่ะสิ อาเจียนเป็นเลือด ฉันต้องรีบกลับไปพาน้องปังปังไปหาหมดก่อนนะ ฝากแกไปดูเมาส์ด้วยนะ” ผิงว่าก่อนจะรีบวิ่งออกไปทันทีโดยที่สไมล์ไม่ทันได้ทักท้วงอะไร แต่ก็ช่างเถอะเขาไปหาเมาส์คนเดียวก็ได้เพราะเขาเองก็เคยไปบ้านเมาส์อยู่หลายครั้งจนแทบจะสนิทกับแม่นมของเมาส์อยู่...



          “คุณสไมล์” แม่นมของเมาส์ทักขึ้นที่เห็นสไมล์



          “เมาส์อยู่มั้ยครับแม่นม”



          “อยู่ค่ะแต่ว่า...” แม่นมถอนหายใจออกมาจนสไมล์ขมวดคิ้ว



          “มีอะไรหรือเปล่าคครับ”



          “ก็คุณเมาส์สิคะ สองวันนี้ไม่ยอมออกมาจากห้องเลย ไม่รู้ว่าเป็นอะไร ไม่ยอมให้นมเข้าไปดูด้วย คุณผู้หญิงคุณผู้ชายก็ไม่อยู่นมก็ไม่รู้ว่าควรจะทำยังไงดี ดีที่คุณสไมล์มา ยังไงนมวานให้ช่วยดูคุณเมาส์ให้นมหน่อยนะคะ นมเป็นห่วงคุณเมาส์” แม่นมว่าด้วยใบหน้าเศร้าสร้อย



          “ได้ครับๆ เดี๋ยวผมจะคุยกับเมาส์เอง” สไมล์รับคำก่อนจะรีบขึ้นไปยังห้องนอนของเมาส์ที่อยู่ชั้นสองของบ้านทันที



แอดดด

สไมล์เปิดประตูเข้าไปในห้องนอนของเมาส์ก็เห็นว่าเพื่อนสนิทกำลังนอนหันหลังอยู่



          “เมาส์...” สไมล์เรียกเมาส์ขึ้น เมาส์สะดุ้งเฮือกทันทีก่อนจะรีบหันมามองสไมล์อย่างตื่นตะนก



          “สะ...สไมล์ มาได้ยังไง”



          “เมาส์! เกิดอะไรขึ้น!” สไมล์ถามเสียงดังด้วยความตกใจทันทีที่เห็นเพื่อนสนิทเต็มตา ใบหน้าขาวใสตอนนี้เป็นรอยแดงรูปมือปื้นใหญ่ มุมปากบางยังคงมีรอยแผลตากลมบวมเป่งเหมือนกับว่าผ่านการร้องไห้มาอย่างหนัก



          “สไมล์...คือ...” เมาส์ปากสั่น ตากลมเลิกลั่กไปมาอย่างไม่สามารถหาคำตอบได้



          “เมาส์ทำไม...” สไมล์เดินเข้าไปหาเมาส์ที่ตอนนี้ลุกขึ้นมานั่งอยู่บนเตียง ตากลมมองสำรวจเพื่อนสนิททุกกระเบียดนิ้วก็เห็นว่าที่บริเวณข้อมือบางมีรอยแดงคล้ายถูกเชือกมัด พอมองไปที่ซอกคอและมองต่ำไปที่แผงอกก็เห็นรอยขบกัดและเม้มทำรอยไว้มากมายอย่างน่ากลัว



          “ฮึก เรา...” เมาส์น้ำตาไหลลงมาก่อนจะโผกอดสไมล์ทันที



          “เกิดอะไรขึ้นเมาส์ ทำไมเป็นแบบนี้” สไมล์ถามด้วยความร้อนใจ ใบหน้าใสเต็มไปด้วยความกังวลเพราะเป็นห่วงเพื่อนสนิท



          “ฮือออออออ” เมาส์ไม่ตอบแต่กลับร้องไห้ออกมาอย่างหนัก สไมล์เลิกคาคั้นเมาส์แล้วเปลี่ยนมาเป็นลูบหลังปลอบใจเพื่อนสนิทแทน...เกือบหนึ่งชั่วโมง...เมาส์ร้องไห้จนตาบวมอีกครั้งก่อนจะเริ่มสงบลงแล้วผละออกจากสไมล์



          “จะไม่เล่าจริงๆเหรอ” สไมล์ถามขึ้นอีกครั้ง เขารู้ว่ามันคงเกิดเรื่องที่ไม่ดีกับเมาส์แน่ๆ รอยดังกล่าวสามารถตอบเขาได้หมดทุกอย่างแต่สิ่งที่เขาอยากรู้ว่าใครเป็นคนทำเรื่องแบบนี้กับเมาส์หรือว่า...อยู่ๆใบหน้าของใครบางคนก็ลอยเข้ามาในหัวของสไมล์ ใครบางคนที่สไมล์ไม่เคยคิดว่าจะทำสามารถทำเรื่องแบบนี้ได้



          “พะ...พี่หนึ่งงั้นเหรอ” สไมล์พูดขึ้นเสียงแผ่วเพราะในใจก็ยังคงไม่แน่ใจ สไมล์ไม่อยากจะโทษพี่หนึ่งแต่เขานึกถึงใครไม่ออกจริงๆ เมาส์กับพี่หนึ่งคบกัน ไม่แปลกที่จะลึกซึ้งกันแต่ทำไมพี่หนึ่งถึง...



          “...” แม้ว่าจะไม่มีเสียงตอบออกมาแต่ใบหน้าของเมาส์ก็ตอบมันได้อย่างดี ตากลมสั่นระริกไปหมด บวกกับกายบางที่สั่นเทาเหมือนคนที่กำลังหวาดกลัวอะไรสักอย่าง



          “ทำไมพี่หนึ่งถึงทำกับเมาส์แบบนี้” สไมล์ถามอย่างไม่พอใจทันทีที่ไขข้อข้องใจเกี่ยวกับคนที่ทำกับเพื่อนสนิทตัวเองได้



          “ฮึก เรายอมพี่เขาเอง” เมาส์ว่าเสียงเครือพร้อมน้ำตาไหลลงมาอีกครั้ง



          “แต่พี่หนึ่งก็ไม่ควรรุนแรงกับเมาส์แบบนี้ เราจะไปคุยกับพี่หนึ่ง” สไมล์ว่าด้วยน้ำเสียงจริงจังพร้อมทำท่าจะลุกออกไป เมาส์รีบคว้าแขนสไมล์ไว้ทันที



          “อย่านะ...ฮึก อย่านะสไมล์”



          “ทำไม?” สไมล์ขมวดคิ้วถามอย่างไม่เข้าใจ



          “ฮึก พี่หนึ่งบอกว่า...ฮึก อย่าบอกเรื่องนี้กับใคร ฮึก...อย่านะ ถ้าสไมล์ไปหาพี่หนึ่ง ฮึก พี่หนึ่งต้องโกรธ...ฮึก ต้องทำแบบนั้นกับเราอีกแน่ๆ”เมาส์ว่าเสียงสั่นพร้อมตัวสั่นด้วยความหวาดกลัว สไมล์ถอนหายใจออกมาก่อนจะดึงเมาส์เข้ามากอดปลอบให้อีกคนคลายความกลัว เขาไม่รู้หรอกว่าพี่หนึ่งทำอะไรกับเมาส์บ้างแต่มันต้องรุนแรงมากถึงทำให้เมาส์เป็นหนักขนาดนี้ แม้เขาจะเคยผ่านเรื่องเลวร้ายคล้ายๆแบบนี้มาก่อนแต่ไม่เคยมีสักครั้งที่เขาเป็นหนักขนาดนี้ ขอโทษนะเมาส์แต่เราต้องไปคุยกับพี่หนึ่งให้รู้เรื่อง!...หลังจากที่กลับมาจากบ้านของเมาส์ สไมล์ก็โทรไปหาหนึ่งทันทีและเป็นโอกาสดีที่วันนี้อีกคนว่างทำให้สไมล์มายืนอยู่ที่คอนโดของอีกคนตอนนี้ สไมล์ขึ้นลิฟต์ไปยังชั้นที่อีกคนบอกมาทันที



          “สไมล์มีเรื่องอะไรด่วนเหรอถึงมาหาพี่ถึงที่นี่” หนึ่งถามขึ้นขณะที่เปิดประตูห้องให้สไมล์เข้ามา



          “มีแน่ครับ เรื่องใหญ่ด้วย” สไมล์ว่าก่อนจะเดินตามหนึ่งไปยังห้องรับแขกก่อนจะนั่งลงบนโซฟา โดยที่หนึ่งเป็นฝ่ายเดินเอาเอาน้ำใส่แก้วมาให้สไมล์



          “หืมม? สไมล์กำลังจะพูดอะไรพี่ไม่เข้าใจ” หนึ่งเลิกคิ้วถามด้วยความงุนงง



          “ทำไมพี่หนึ่งทำกับเมาส์แบบนั้นครับ” สไมล์เข้าเรื่องทันที ทำให้หนึ่งที่กำลังวางแก้วน้ำให้สไมล์บนโต๊ะชะงักไปทันที



          “ทำอะไรงั้นเหรอ” 

 

         “ก็รอยตามตัวของเมาส์ไงครับ ไหนจะรอยมัด รอยตบหน้า ทำไมพี่หนึ่งถึงทำร้ายเมาส์แบบนั้นครับ ทำไมพี่หนึ่งถึงได้ใจร้ายแบบนั้น!” สไมล์ว่าเสียงดังด้วยความไม่พอใจบวกกับความผิดหวังเพราะไม่คิดว่าพี่ชายที่ใจดีที่เขารักและเคารพมาตลอดจะเป็นคนแบบนี้



          “ใจร้ายงั้นเหรอ?” หนึ่งยกยิ้มมุมปากก่อนจะสบตาสไมล์ ซึ่งเป็นสายตาที่สไมล์ไม่เคยเห็นมาก่อน



          “พี่ทำได้มากกว่านี้อีกถ้ามันทำให้พี่เลิกฟุ้งซ่านเรื่องสไมล์” หนึ่งว่าเสียงเข้มพร้อมมองหน้าสไมล์อย่างจริงจัง สไมล์ขมวดคิ้วกับคำพูดของอีกคน



          “หมายความว่ายังไงครับ”



พรึ่บ



          “พี่หนึ่ง ปล่อยสไมล์นะ” สไมล์ว่าพร้อมดิ้นออกมาเมื่อพี่หนึ่งดึงเขาเข้าไปกอด



          “ไม่ปล่อย ไม่มีวันปล่อย ถ้าปล่อยสไมล์ก็ไปกับมัน สไมล์ก็ไปกับไอ้สาม พี่ไม่ยอม!” หนึ่งว่าเสียงแข็งพร้อมบีบต้นแขนสไมล์อย่างแรงจนใบหน้าหวานนิ่วหน้าด้วยความเจ็บ



          “อึก สไมล์เจ็บนะ พี่หนึ่งปล่อย!”



          “ไม่! พี่รักสไมล์ ไม่ว่าเมื่อไหร่พี่ก็รักสไมล์ พี่ไม่ยอมปล่อยสไมล์ไปอีกแน่!!”



พรึ่บ



เพี้ยะ!



        “พี่หนึ่งพูดอะไรของพี่กัน! พี่หนึ่งเป็นแฟนกับเมาส์นะ!” สไมล์ว่าหลังจากผลักอีกคนออกและตบหน้าอีกคนแรงๆไปหนึ่งทีเพื่อนเรียกสติ



          “แล้วไง! พี่คบกับเมาส์แล้วไง พี่ไม่ได้รักเมาส์ ได้ยินมั้ยพี่ไม่ได้รักเมาส์พี่รักสไมล์!!” หนึ่งว่าเสียงดังพร้อมเขย่าตัวสไมล์



          “ไม่ได้รักเมาส์แล้วคบกับเมาส์ทำไม พี่หนึ่งทำร้ายคนดีๆอย่างเมาส์ทำไมกัน!”สไมล์เองก็เสียงดังอย่างไม่ยอม เขาโมโหมาก โมโหกับสิ่งที่พึ่งได้ยินออกมา



          “ก็ตัวแทนสไมล์ไง! ดูเผินๆเมาส์ก็คล้ายสไมล์จะตายไป แต่ตอนนี้สไมล์กลับมาแล้ว ตัวแทนก็ไม่จำเป็นอีกแล้วเพราะพี่รักสไมล์ พี่รักสไมล์คน...”



พรึ่บ



ซ่า!



        “เลิกบ้าได้แล้วครับพี่หนึ่ง สไมล์ไม่คิดว่าคนที่สไมล์รักและเคารพมาตลอดจะเป็นคนเลว จิตใจหยาบกระด้างแบบนี้ ผิดหวัง...สไมล์ผิดหวังที่สุด!” สไมล์ว่าพร้อมกับวางแก้วน้ำที่พึ่งใช้สาดใส่อีกคนบนโต๊ะก่อนจะคว้ากระเป๋าตัวเองทำท่าจะเดินออกไปทันทีแต่หนึ่งไม่รอช้ารีบวิ่งเข้ามากอดเอวบางไว้ทันที



          “ไม่นะสไมล์ อย่าไปนะ...” หนึ่งว่าเสียงเว้าวอน



          “อย่าทำให้สไมล์รังเกียจพี่หนึ่งไปมากกว่านี้เลยครับ” สไมล์ว่าพร้อมกับแกะมืออีกคนออกก่อนจะเดินออกไป หนึ่งทิ้งตัวลงพื้นพร้อมกับเสยผมขึ้นอย่างเครียดๆ ตาคมแข้งกร้าวพร้อมกับมือหนาที่กำมือแน่น



          “รังเกียจงั้นเหรอ? แล้วไอ้คนที่สไมล์รังเกียจคนนี้แหละ จะทำทุกอย่างให้ได้สไมล์มา!” หนึ่งว่าออกมาก่อนที่มือหนาจะหยิบโทรศัพท์กดโทรออกไปยังเบอร์หนึ่ง



          “ครับ...ผมเอง...ผมมีเรื่องจะบอก...”...สไมล์กลับมายังคอนโดด้วยสภาพจิตใจห่อเหี่ยวไปหมด อยากร้องไห้แต่ก็ร้องไม่ออก ไม่รู้ว่าควรจะร้องไห้เพราะอะไรดี เพราะสงสารเมาส์ หรือเพราะสงสารตัวเองที่ดันมองคนผิดมาตั้งแต่ต้น เขาไม่เคยคิดเลยว่าพี่หนึ่งจะเป็นคนแบบนี้ พี่หนึ่งที่เขารู้จักคือผู้ชายที่อบอุ่น แสนดี เขารักพี่หนึ่งนะ...แต่รักในฐานะพี่ชายเท่านั้น ไม่เคยมีความรู้สึกอื่นนอกจากนี้ไม่ว่าเมื่อก่อนหรือว่าตอนนี้ก็ตาม



          “ไปไหนมา” เสียงทุ้มถามขึ้น ทำให้สไมล์ที่กำลังจะเดินเข้าห้องชะงักเพราะมีร่างสูงของสามกำลังยืนรออยู่หน้าห้อง



          “เอ่อ....คือ...” สไมล์ขมวดคิ้ว ก้มหน้าก้มตาทำท่าครุ่นคิดเพราะไม่รู้จะตอบยังไงดี



          “อย่าโกหกแค่มึงบอกกูก็จะเชื่อ” สไมล์เงยหน้ามองสามทันที



     “ไปหาพี่หนึ่งมา” สไมล์ตอบออกมาในที่สุด สามมีแววตาแข็งกร้าวขึ้นมาแต่เพียงครู่เดียวก็สงบลง



          “อืม” สามตอบสั้นๆ



          “จะไม่ถามผมหน่อยเหรอว่าไปทำไม” สามเลิกคิ้วทันทีที่สไมล์พูดแบบนี้ ก่อนที่คิ้วหนาจะขมวดมุ่นเมื่อสังเกตว่าอีกคนมีสีหน้าไม่ค่อยดีเท่าไหร่



          “เกิดอะไรขึ้น”...สไมล์เล่าเรื่องทั้งหมดให้สามฟังหลังจากที่พากันเข้ามาในห้องสามนั่งเงียบไปมาพูดอะไรออกมาสักคำ



          “ผมรู้สึกผิดหวัง ผิดหวังไปหมด” สไมล์ว่าออกมาเสียงแผ่ว



          “หึๆ คิดว่าพี่หนึ่งเป็นเทวดาหรือไงถึงจะได้ดีไปซะทุกอย่าง” สามว่า ทำให้สไมล์หันไปมองอีกคนทันที



          “คนทุกคนมันก็เลวหมดนั่นแหละ อยู่ที่ว่าจะเลวแบบไหนยังไง ถ้าแบบกู ก็เลวแบบเปิดเผย เลวแบบตรงไปตรงมา” สามว่าหน้าตาย สไมล์เผลอกระตุกยิ้มทันทีกับคำพูดของอีกคน เลวเปิดเผย? เลวแบบตรงไปตรงมางั้นเหรอ?

 

         “นั่นสิ คุณมันเป็นแบบนั้นจริงๆ”

 

         “หึๆ เพราะฉะนั้นมึงก็ไม่ต้องผิดหวังหรือคิดว่าตัวเองโง่เชื่อคนง่ายอะไรแบบนั้นหรอก มันเป็นเรื่องธรรมดา” สามว่าพลางยักไหล่ทำท่าราวกับว่าเรื่องที่สไมล์เล่าเป็นเรื่องทั่วๆไป



          “แต่ผมก็สงสารเมาส์ เมาส์ไม่น่าต้องมา...”



          “อย่าโทษตัวเอง ไม่ใช่ความผิดมึง” สามเอานิ้วแตะที่ปากบางก่อนจะพูดขึ้น ตาคมสบเข้ากับตากลมอย่างจริงจัง สไมล์ตาสั่นระริกเพราะอีกคนทำอย่างกับรู้ใจเขาอย่างดีเพราะตอนนี้เขากำลังรู้สึกโทษตัวเอง โทษตัวเองที่เป็นสาเหตุทำให้เมาส์เจอเรื่องแบบนี้



          “แต่ผม...”



          “มึงก็แค่คนธรรมดาคนหนึ่ง ทำไมชอบแบกรับความรู้สึกผิดไว้กับตัวเองนักวะอะไรที่ปล่อยได้แม่งก็ปล่อยไปเถอะ เข้าใจมั้ย” สามบ่นอีกคนแต่ตาคมกลับมองอีกคนอย่างสื่อความหมายทำให้สไมล์ใจกระตุกไม่น้อย แม้ว่าคำพูดจะไม่ได้อ่อนหวานหรืออ่อนโยนแต่การกระทำและแววตาของอีกคนมันทำให้สไมล์รู้สึกได้ รับรู้ได้ถึงความจริงใจของอีกคน



          “ที่ทำอยู่นี่...” สไมล์เว้นวรรคพร้อมเงยหน้าสบตาสาม



          “...ตั้งใจให้ผมหวั่นไหวใช่มั้ย?” สามยกยิ้มกับคำถาม



          “แล้วถ้าใช่ล่ะ หวั่นไหวกับกูบ้างหรือยัง?” สไมล์ไม่ตอบแต่ตากลมยังคงสบกับตาคมไม่ลดละ สามยื่นหน้าเข้าไปใกล้เพื่อหยั่งเชิงว่าอีกคนจะหลบมั้ยเมื่อสมล์ไม่หลบปากหนาก็ทำท่าจะประกบลงไปทันทีแต่...



          “อยู่นี่นี่เอง ที่ไม่กลับบ้านก็เพราะมาติดพันไอ้เด็กพิการนี่สินะ!”



          “ม๊า!”



          “คุณ...ผู้หญิง”

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

ตอนนี้แต่งมาราธอนมาก 55555 คือไม่อยากตัดเป็นสองท่อนก็เลยรวมเป็นตอนเดียวไปเลย คอมเม้นกันเยอะๆนะคะ ใกล้จะจบแล้วววววววว >___<

ปล ทีมพี่หนึ่งอย่าตบเรานะ ไม่มีการเปลี่ยนบทแต่อย่างใด เราตั้งใจวางพล็อตแบบนี้ตั้งแต่แรก 555555
___จางบิวตี้___

ออฟไลน์ Wut_Sv

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 902
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +21/-1
พี่หนึ่งรักจนเลวไปแล้วววว :angry2: :angry2: :angry2:

เป็นประวัติการณ์ของคนเขียนมากกกก 18 ตอนแล้ว พระเอก นายเอก ยังไม่ได้กันเลย 555  :laugh: :laugh: :laugh:

มีคำถามครับ อยากรู้ สไมล์กลับมาที่คอนโดตัวเอง แล้วแม่สามเข้ามาในห้องได้ยังไง???  :really2: :really2: :really2:

ออฟไลน์ Jang_B2UTY

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 382
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +83/-5
พี่หนึ่งรักจนเลวไปแล้วววว :angry2: :angry2: :angry2:

เป็นประวัติการณ์ของคนเขียนมากกกก 18 ตอนแล้ว พระเอก นายเอก ยังไม่ได้กันเลย 555  :laugh: :laugh: :laugh:

มีคำถามครับ อยากรู้ สไมล์กลับมาที่คอนโดตัวเอง แล้วแม่สามเข้ามาในห้องได้ยังไง???  :really2: :really2: :really2:
บอกไม่ด้ายยยยยยยย เดี๋ยวพี่หนึ่งหาว่าฟ้อง อุ๊บ :×  :hao3: :hao3: :hao3:

ออฟไลน์ dena

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 71
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
กรี๊ดดดดดดดดด เราอุตส่าปลื้มพี่หนึ่งมาต้องนาน :hao5: :z3:

ออฟไลน์ Wut_Sv

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 902
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +21/-1
พี่หนึ่งรักจนเลวไปแล้วววว :angry2: :angry2: :angry2:

เป็นประวัติการณ์ของคนเขียนมากกกก 18 ตอนแล้ว พระเอก นายเอก ยังไม่ได้กันเลย 555  :laugh: :laugh: :laugh:

มีคำถามครับ อยากรู้ สไมล์กลับมาที่คอนโดตัวเอง แล้วแม่สามเข้ามาในห้องได้ยังไง???  :really2: :really2: :really2:
บอกไม่ด้ายยยยยยยย เดี๋ยวพี่หนึ่งหาว่าฟ้อง อุ๊บ :×  :hao3: :hao3: :hao3:

ป่าวครับ ที่อยากรู้คือ ห้องคอนโดนะครับ ไม่ใช่ห้องเช่ารูหนู เข้ามาในห้องง่ายขนาดนั้นเลย :mew5:

ออฟไลน์ crazydoii

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 858
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +6/-1
พี่หนึ่ง พ่อพระ เปลี่ยนไป,,,

สงสารเม้าส์...

ออฟไลน์ Jang_B2UTY

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 382
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +83/-5
พี่หนึ่งรักจนเลวไปแล้วววว :angry2: :angry2: :angry2:

เป็นประวัติการณ์ของคนเขียนมากกกก 18 ตอนแล้ว พระเอก นายเอก ยังไม่ได้กันเลย 555  :laugh: :laugh: :laugh:

มีคำถามครับ อยากรู้ สไมล์กลับมาที่คอนโดตัวเอง แล้วแม่สามเข้ามาในห้องได้ยังไง???  :really2: :really2: :really2:
บอกไม่ด้ายยยยยยยย เดี๋ยวพี่หนึ่งหาว่าฟ้อง อุ๊บ :×  :hao3: :hao3: :hao3:

ป่าวครับ ที่อยากรู้คือ ห้องคอนโดนะครับ ไม่ใช่ห้องเช่ารูหนู เข้ามาในห้องง่ายขนาดนั้นเลย :mew5:
ก็นะ...เงินทำได้ทุกอย่าง เห็นนิยายเรื่องอื่นก็เป็นแบบนี้~~ คงไม่สงสัยแล้วนะคะ 555555

ออฟไลน์ cheyp

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1536
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +49/-0
เอาพี่หนึ่งที่แสนดีคืนมาาาาาา

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ Jang_B2UTY

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 382
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +83/-5
Poor Boy 9

( Grammar x Song )

 

        สองเดินทางมาถึงประเทศอังกฤษในตอนบ่ายโมงกว่าๆเพราะออกเดินทางจากประเทศไทยตั้งแต่ตอนดึก สองและเพื่อนอีกสองคนพากันเดินทางไปยังที่พักที่ทางมหาวิทยาลัยจัดเตรียมไว้ให้ทันที วันนี้จะเป็นวันฟรีเพราะคิดว่านักศึกษาทั้งสามคนต้องอ่อนเพลียจากการขึ้นเครื่องบินมา พรุ่งนี้ถึงจะเริ่มดูงาน ซึ่งสองและเพื่อนอีกสองคนจะต้องไปยังมหาวิทยาลัยหนึ่งของลอนดอนเพื่อศึกษาดูงาน



          “เหนื่อยอ่ะแก ถ้าไปถึงโรงแรมนะว่าจะหลับสักสองตื่น” เพื่อนที่มาร่วมกับสองคนหนึ่งพูดขึ้น



          “นั่นดิ เย็นๆค่อยหาอะไรกินกัน เอ่อ....สองจะไปด้วยกันมั้ย” เพื่อนอีกคนหันมาถามสองอย่าไม่ค่อยกล้าคุยนัก เพราะในคณะต่างรู้ดีว่าสองหยิ่งขนาดไหน สองมองหน้าเพื่อนร่วมคณะถ้าจำไม่ผิดคงชื่อว่าดาวกับส้มนิ่งๆก่อนจะพูดออกมา



          “ไปสิ” ส้มยิ้มรับทันทีก่อนจะไปพยักหน้ารับกับดาวเป็นเชิงว่าสองไม่ได้น่ากลัวหรือหยิ่งแบบที่ข่าวลือสักหน่อย พอมาถึงโรงแรมทั้งสามก็แยกย้ายเข้าห้องพักของตัวเองทันที สองทิ้งตัวลงนอนบนเตียงพร้อมกับในสมองที่ครุ่นคิดอะไรบางอย่างเอาน่ะ...อังกฤษไม่ได้แคบเสียหน่อย อีกอย่างเขาก็มาไม่นานคงไม่มีทางได้เจอกันหรอกแต่ถ้าเจอล่ะ...เพียงแค่คิดได้แบบนั้น อวัยวะในหน้าอกด้านซ้ายของสองก็เต้นแรงแบบหน่วงๆแปลกๆ สองหลับตาลงเพื่อสลัดเรื่องที่กำลังคิดก่อนจะเผลอหลับยาวไปในที่สุด...สองและเพื่อนอีกสองคนพากันมาหาอะไรกินตอนเย็นใกล้ๆโรงแรมเพราะยังไม่ค่อยคุ้นเส้นทางอะไรมากนัก คิดว่าถ้าอยู่ไปสักวันสองวันน่าจะพอไปไหนมาไหนได้บ้าง...วันต่อมา...สองและเพื่อนๆพากันไปดูงานที่มหาวิทยาลัยในเมืองลอนดอนตั้งแต่แปดโมง ซึ่งการศึกษาดูงานก็ไม่มีอะไรมากแค่เข้าไปเรียนร่วมกับนักศึกษาในคาสวิชาการบริหารจัดการระหว่างประเทศเพื่อศึกษาการเรียนการสอนของที่นี่และทำรูปเล่มรายงานกลับไปนำเสนออาจารย์ในคณะ



          “เด็กที่นี่สบายจังเรียนวันละไม่กี่วิชาเอง” ดาวพูดขึ้นหลังจากที่เลิกคาส ส้มเองก็พยักหน้ารับอย่างเห็นด้วยเพราะจากที่เห็นตารางเรียนก็เห็นว่าวันหนึ่งเรียนเต็มที่แค่สองถึงสามวิชาเท่านั้น บางวันมีแค่วิชาเดียวด้วยซ้ำ ต่างจากการศึกษาที่ไทยที่บางคณะมีเรียนถึงค่ำเพราะมีการอัดรายวิชามากมาย บางวิชาก็ไม่ได้จำเป็นในการเรียนสาขานี้เลยสักนิด



           “แล้วนี่เราจะไปไหนกันดี บ่ายสามมีเรียนต่อด้วย” ส้มถามขึ้น ดาวเองก็ทำหน้าครุ่นคิด



          “หอสมุดมั้ย” สองเสนอขึ้นทำให้ดาวกับส้มหันมามองทันที สองทำหน้างุนงงกับท่าทางของสองสาว



          “มีอะไรหรือเปล่า” สองถามพลางขมวดคิ้ว



          “เอ่อ...เราแค่สงสัยน่ะ เอ่อ...สองอย่าโกรธเรานะ” ส้มพูดขึ้นอย่างกล้าๆกลัวๆ

 

         “ทำไม?”



          “ก็มีข่าวลือมาตลอดว่าสองหยิ่ง สองหัวสูง ไม่ค่อยชอบสุงสิงกับใคร พวกเราเลยเกร็งๆน่ะ แต่อยู่ๆสองก็พูดคุยกับพวกเรา พวกเราก็เลย...”



          “อืม...เราคงหยิ่งจริงๆนั่นแหละ...” สองถอนหายใจพร้อมกับตอบออกมา ดาวกับส้มทำหน้าแหยๆทันทีกับคำตอบที่ได้ยิน



          “...แต่เราก็อยากมีเพื่อนนะ แต่เราแค่ไม่รู้วิธีเข้าหาเพื่อนก็เท่านั้น บางทีเราคงชินกับการไม่เพื่อนแล้วก็เลยเป็นแบบนี้” สองตามที่ใจคิด อย่างที่บอกเวลาเขามีเพื่อนแม่จะคอยกำกับเขาตลอดว่าต้องคบเพื่อนคนนั้น คบเพื่อนคนนี้ จนเขาไม่อยากมีเพื่อน จนลืมวิธีเข้าหาเพื่อนไปเลย



          “ทำไมถึงเป็นแบบนั้นล่ะ?” ดาวถามพร้อมทำหน้าสงสัย



          “หึๆ นั่นสิ ไม่รู้เหมือนกัน” สองกระตุกยิ้มพร้อมยักไหล่



          “ช่างเถอะ ไปหอสมุดกัน เธอสองคนก็ไม่ต้องเกร็งเราหรอก ทำตัวตามสบายเถอะ” สองว่ายิ้มๆ ดาวกับส้มพยักหน้ารับด้วยรอยยิ้มทันที ก่อนที่ทั้งสามจะพากันไปยังหอสมุดของมหาวิทยาลัยทันที สองและเพื่อนอีกสองคนพากันมานั่งที่ชั้นสามของหอสมุดเพราะเห็นว่าเงียบและสงบกว่าชั้นหนึ่งและสอง สองเดินแยกจากดาวและส้มเพื่อหาหนังสืออ่าน สองชอบภาษาอังกฤษ ชอบอะไรที่เกี่ยวกับภาษา ใจเขาอยากจะเรียนอะไรที่เกี่ยวกับภาษาแต่ก็อีกนั่นแหละ แม่ของเขาไม่ยอม  เขาเลยเลือกเรียนการบริหารจัดการระหว่างประเทศแทน อย่างน้อยเขาก็ได้ใช้ภาษาอังกฤษที่เขาชอบด้วยเขาต่างกับสามเขารู้ สามเป็นลูกรักของแม่เพราะเป็นน้องคนเล็ก แม่ตามใจสามทุกอย่าง ขนาดสามเรียนวิศวะที่ไม่ได้เกี่ยวอะไรกับธุรกิจของบ้านแม่ยังไม่ว่าอะไรเลย น่าอิจฉาเนอะว่ามั้ย? สองกระตุกยิ้มพร้อมกับส่ายหัวไปมากับความคิดตัวเอง...วันนี้สองเลิกเรียนเย็น หลังจากเลิกเรียนสองและเพื่อนๆก็พากันไปเดินเล่นที่สตรีทที่คล้ายๆไนท์พลาซ่าของไทย ซึ่งเต็มไปด้วยของกินและเสื้อผ้ามากมาย อีกทั้งยังมีนักศึกษาหลายคนมาร้องเพลงเปิดหมวก ซึ่งหาดูได้มากมายสำหรับต่างประเทศ



          “อันนั้นน่ากินอ่ะ” ดาวพูดขึ้นพร้อมชี้ไปที่ร้านขนมปังที่มีคนต่อแถวอยู่มากมาย



          “สองกินมั้ย?” ส้มหันมาถามสอง



          “ไม่ดีกว่า งั้นเดี๋ยวไปรอที่ร้านอาหารข้างหน้าละกันนะ” สองตอบเพราะตอนแรกตกลงกันว่าจะหาอะไรมื้อเย็นกินกัน



          “อืมๆ เดี๋ยวเรากับส้มตามไปนะ” ดาวว่าก่อนจะพาส้มไปต่อแถวที่ร้านขนมปังทันที ทำให้สองต้องเดินไปรอที่ร้านอาหารฝั่งตรงข้ามคนเดียว ร่างบางเดินเข้ามาในร้านพร้อมกับกวาดสายตาหาที่นั่งก่อนที่ตาเรียวจะสบเข้ากับใครบางคนจนสองเผลอเบิกตากว้าง ซึ่งร่างสูงเองก็ตกใจไม่แพ้กันที่เจออีกคนที่นี่ แกรมม่าไม่รู้ว่าทำไมหัวใจของเขาถึงเต้นแรงขนาดนี้ มันเต็มไปด้วยความคิดถึง ความโหยหา แม้ว่าเรื่องของเขาทั้งคู่จะจบไปนานแล้วแต่แกรมม่ากล้าบอกเลยว่าเขายังไม่เคยลืมอีกคนสักวินาทีเดียวแกรมม่าพยายามกลับมาทำตัวเพลย์บอยมั่วสาวไปทั่วแต่ก็นะ...มันก็แค่ความพยายาม เขาทำไม่ได้ ในหัวของเขามันมีแต่ภาพของอีกคนที่มองเขาด้วยความเสียใจและผิดหวัง



          “แกรม...ยูทำไมไม่ค่อยสนใจไอเลยล่ะ” เสียงแป๊นๆของสาวฝรั่งทรงโตดังขึ้นแต่ก็ไม่ได้ทำให้แกรมม่าสนใจเลยเพราะสิ่งที่เขาสนใจคือร่างบางที่ยืนอยู่ข้างหน้าตรงหน้าต่างหาก



          “กี่ที่คะ?” บริกรสาวเดินเข้ามาถามสองเป็นภาษาอังกฤษทันที สองที่ทำท่าจะเดินออกก็ไม่สามารถทำเช่นนั้นได้เพราะมันจะดูเสียมารยาทเกินไป



          “เอ่อ...3ครับ” สองตอบกลับไป บริกรสาวยิ้มรับก่อนจะเดินนำสองไปยังที่นั่งที่ว่างและก็ช่างบังเอิญที่มันเป็นโต๊ะข้างๆแกรมม่าที่กำลังนั่งอยู่กับผู้หญิง สองรู้สึกอึดอัดใจไม่น้อยที่ต้องมาเจออีกคนแบบนี้ ทั้งๆที่คิดมาตลอดว่าลอนดอนไม่ได้แคบแต่ทำไมกันนะ? ทำไมต้องมาเจอกันด้วยแล้วทำไมเขาต้องรู้สึกไม่ดีด้วยที่เจออีกคนอยู่กับผู้หญิงแบบนี้ เขาควรจะรู้สึกเฉยๆสิ เขากับอีกคนไม่ได้เกี่ยวข้องกันอีกแล้ว เรื่องของเราจบลงตั้งแต่วันนั้นแล้ว



          “รอนานมั้ยสอง คนเยอะมากกว่าจะได้” ดาวพูดขึ้นหลังจากที่เดินเข้ามาหาสองที่โต๊ะ สองส่ายหน้าเป็นคำตอบก่อนที่ทั้งสามจะสั่งอาหารกันและตลอดเวลาที่กินข้าวสองก็รับรู้ถึงสายตาของแกรมม่าที่มองมาที่เขาตลอดแต่สองก็พยายามเมิน ไม่สนใจ



          “สองๆ หนุ่มผมบอนด์นั่นต้องชอบสองแน่ๆ ดูสิ มองสองใหญ่เลย” ส้มกระซิบขึ้นพร้อมกับยักคิ้วหลิ่วตาไปทางแกรมม่าที่ยังคงมองมาทางสองไม่ลดละ



          “นั่นดิๆ เราก็สังเกตนะ หล่อด้วยอ่ะ” ดาวว่าพร้อมยิ้มเล็กยิ้มน้อยอย่างแซวๆ สองทำหน้านิ่งก่อนจะเบี่ยงประเด็น



          “รีบๆกินเถอะ เราปวดหัวนิดหน่อย อยากกลับโรงแรมแล้ว” สองว่า ดาวกับส้มหน้าจ๋อยทันทีที่สองไม่รับมุข หลังจากที่กินข้าวกันเสร็จทั้งสามก็พากันออกจากร้านอาหารไปทันทีโดยไม่ทันสังเกตว่าแกรมม่าตามมา



          “เดี๋ยวดิพี่” แกรมม่าวิ่งมาคว้าแขนสองไว้พร้อมพูดเป็นภาษาไทย ทำเอาดาวส้มตกใจอย่างมาก



          “ปล่อย ผมไม่รู้จักคุณ” สองตอบกลับเป็นภาษาอังกฤษ



          “พี่อย่าเมินผมสิ ถ้าตั้งใจจะเมินกันจริงทำไมต้องทำหน้าไม่พอใจที่เห็นผมอยู่กับผู้หญิง” แกรมม่าถามด้วยน้ำเสียงจริงจัง เขาเคยคิดว่าอีกคนคงเกลียดเขามากและคงเมินกันแต่มันกลับไม่ใช่ เขารับรู้ถึงความไม่พอใจที่อีกคนมองมาที่เขากับหญิงสาวจะเรียกว่าเข้าข้างตัวเองก็ได้แต่แกรมม่าเชื่อว่า อีกคนยังมีความรู้สึกหลงเหลือกับคนเลวๆอย่างเขา



          “ฉันทำตอนไหน” สองถามกลับหน้าบึ้งตึง ซึ่งก็ทำให้ดาวกับส้มทำหน้างุนงงสรุปรู้จักไม่รู้จักกันแน่?



          “อ้าว ไหนบอกไม่ได้รู้จักผมไง” แกรมม่ากระตุกยิ้มมุมปาก  สองเบิกตากว้างทันทีที่รู้สึกว่าตัวเองพลาดไปแล้ว



          “ถอยไป ฉันกับเพื่อนจะกลับโรงแรม” สองว่าพร้อมพยายามควบคุมเสียงให้เรียบนิ่ง



          “ผมไปส่งนะ” แกรมม่าว่า



          “ไม่...”



          “ดีค่ะๆๆ” ดาวกับส้มตอบขัดสองออกมา สองขมวกคิ้วหันไปมองเพื่อน



          “ก็แหม...ไหนๆก็รู้จักกับสองนี่หน่า นะๆ ไม่อยากนั่งรถเมล์เลย” ดาวว่าพร้อมทำหน้าออดอ้อน



          “นั่นดิๆ ต้องเดินไปที่ป้ายรถเมล์อีกไกลด้วย” ส้มพูดเสริม สองถอนหายใจออกมาก่อนจะหันไปมองหน้าแกรมม่าที่มองมาที่เขายิ้มๆ

 

         “ตามใจ” ให้ตายสิทำไมเขาใจง่ายแบบนี้นะ!...แกรมม่าพาสองและเพื่อนๆมาส่งที่โรงแรมและได้พูดคุยกับดาวและส้มก็รู้ว่าสองมาดูงานที่นี่หนึ่งสัปดาห์ ไม่รู้ว่านี่เรียกว่าเป็นโอกาสได้หรือเปล่า โอกาสที่เขาจะได้ขอโทษอีกคนหลังจากที่คนขี้ขลาดอย่างเขาไม่เคยได้ทำมันอย่างจริงๆจังเสียที



          “เดี๋ยวสิพี่” แกรมม่าคว้าข้อมือสองไว้ขณะที่อีกคนกำลังจะลงจากรถ โดยที่ดาวกับส้มลงไปรอข้างล่างแล้ว



           “ปล่อย” สองว่าเสียงแข็ง



          “คุยกันก่อนได้มั้ย ผมมีเรื่องอยากจะคุยกับพี่” แกรมม่าว่าเสียงอ่อน



          “ไม่มีอะไรจะต้องคุย ขอบคุณที่มาส่งแต่ทีหลังไม่ต้องมาเจอกันอีก” สองว่าน้ำเสียงเย็นชาก่อนจะสะบัดมืออีกคนออกแล้วลงจากรถไปทันที แกรมม่าถอนหายใจออกมาก่อนจะมองตามแผ่นหลังบางที่เดินเข้าโรงแรมไป เอาวะ...เขาจะไม่ยอมแพ้อีกแล้ว ขี้ขลาดมานานจนเสียอีกคนไป ครั้งนี้เขาจะไม่ยอมอีกแล้ว ไม่ต้องกลับมารักกันก็ได้แต่ขอแค่อย่าเกลียดกันก็พอ

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

คู่นี้ตอนหน้าจบแล้ววววววว 55555 คงสงสัยกันว่าจะแฮปปี้เอนดิ้งมั้ย? อืมมมมม ถ้าใครเคยอ่านPoor Boyเรื่องแรกคงจะเดาออกเนอะ 55555 ไม่อยากสปอยแต่อยากบอกว่าความรักไม่ได้สวยงามเสมอไป ยังไงก็ฝากติดตามด้วยนะคะ

___จางบิวตี้___

ออฟไลน์ Wut_Sv

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 902
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +21/-1
ไม่อยากให้กลับไปคืนดีกันเลย(ยังเกลียดแกรมม่าไม่เลิก) 555

ออฟไลน์ crazydoii

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 858
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +6/-1
มันง่ายไปมั้ย???

รออีกนานหน่อยได้ป่าว???

ออฟไลน์ Jang_B2UTY

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 382
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +83/-5
Poor Boy 19

 

          “อยู่นี่นี่เอง ที่ไม่กลับบ้านก็เพราะมาติดพันไอ้เด็กพิการนี่สินะ!”



          “ม๊า!”



          “คุณ...ผู้หญิง” ทั้งสามและสไมล์ตกใจไม่น้อยที่เจอแม่ของสามมาอยู่ที่นี่ ทั้งคู่ผละออกจากกันทันที



          “ม๊ามาที่นี่ได้ไงครับแล้วเข้ามาได้ยังไง” สามถามขึ้นด้วยความตกใจ ผู้เป็นแม่กระตุกยิ้มมุมปากก่อนจะหันไปมองหน้าสไมล์



          “ม๊าเข้ามาได้ยังไงไม่สำคัญเท่ากับมันพาลูกมากกอยู่ที่นี่หรอก” สไมล์ขมวดคิ้วมุ่นทันทีกับคำพูดที่แดกดันเขา



          “คุณผู้หญิงบอกว่าผมเอาใครมากกไว้นะครับ?” สไมล์ถามขึ้นด้วยน้ำเสียงเรียบๆ



          “ก็จะใครล่ะ ฮึ ม๊าไม่คิดเลยนะว่าที่สามไม่ค่อยกลับบ้านก็เพราะติดพันมันอยู่ นี่สามลืมไปแล้วหรือไงว่ามันเป็นใคร มันเป็นลูกของอิผู้หญิงพรรค์นั้น!” แม่ของสามว่าเสียงดัง



          “ขอโทษนะครับ ผู้หญิงพรรค์นั้นที่คุณผู้หญิงว่ามันแบบไหนครับ กรุณาให้เกียรติแม่ของผมด้วยครับ” สไมล์ว่าอย่างไม่พอใจ ถ้าเป็นแต่ก่อนเขาคงนิ่งเงียบไม่กล้าต่อปากต่อคำแบบนี้หรอกแต่ตอนนี้เขาไม่ใช่สไมล์คนเดิมแล้ว แม้ว่าคุณผู้หญิงจะเคยมีบุญคุณกับเขาซึ่งเขาไม่เคยลืม แต่การที่มาต่อว่าแม่เขาหรือเรียกแม่ของเขาด้วยสรรพนามแบบนี้มันก็ไม่โอเคเหมือนกัน!



        “แล้วทำไมฉันต้องให้เกียรติแม่ของแกด้วย เฮอะ” แม่ของสามว่าพร้อมเบ้ปากใส่สไมล์



          “ถ้าเช่นนั้นก็เชิญออกไปจากห้องของผมด้วยครับ ผมสามารถแจ้งขอหาบุกรุกกับคุณผู้หญิงได้แถมยังแจ้งข้อหาดูหมิ่นอีกด้วย” สไมล์ว่าเสียงเรียบพร้อมมองหน้าแม่ของสามอย่างไม่ยอมเช่นกัน แม่ของสามกำมือแน่นด้วยความโกรธทำท่าจะเดินเข้ามาตบหน้าสไมล์แต่สามของคว้ามือของผู้เป็นแม่ไว้ก่อน



          “พอเถอะครับม๊า”



          “นี่แกอยู่ข้างมันเหรอสาม!” ผู้เป็นแม่โวยวายอย่างไม่พอใจ



          “ผมไม่ได้อยู่ข้างใครแต่ม๊าทำแบบนี้ไม่ถูก ม๊าบุกรุกเข้ามาแถมยังจะมาทำร้ายเจ้าของห้องนะครับ” สามพยายามพูดอย่างใจเย็นพร้อมมองหน้าสไมล์แต่สไมล์ก็ทำหน้านิ่งใส่เสียจนเขารู้สึกแปลกๆ



          “คุณพาแม่ของคุณกลับไปได้แล้ว ถ้าอยู่นานกว่านี้ผมแจ้งความแน่” สไมล์ว่าเสียงเย็นอย่างขู่ๆ สามขมวดคิ้วกับคำพูดของอีกคน



          “เฮอะ ฉันกลับก็ได้! สามกลับ! แล้วไม่ต้องมาข้องเกี่ยวกับมันอีก เข้าใจที่ม๊าพูดมั้ย!” ผู้เป็นแม่ออกคำสั่งเสียงดัง สามหันไปสบตาสไมล์ซึ่งสไมล์ก็มองมาที่สามเช่นกันก่อนสไมล์จะเป็นฝ่ายเบนหน้าหนี



          “กลับสิ!” แม่ของสามว่าอีกครั้งก่อนจะเดินนำออกไปโดยมีสามเดินตามออกไป หลังจากที่สองแม่ลูกออกจากห้องไปสไมล์ก็ถอนหายใจออกมาก่อนจะนั่งลงที่โซฟา



          “ก็ดีแล้ว...แบบนี้ก็ดีแล้วไง” สไมล์พึมพำกับตัวเอง แต่ทำไมกันนะ แม้ว่าจะคิดว่าเป็นแบบนี้ก็ดีแล้วแต่ทำไมต้องรู้สึกหัวใจหน่วงๆแปลกๆแถมขอบตาต้องร้อนผ่าวแบบนี้กัน...สามต้องกลับบ้านพร้อมแม่เพราะผู้เป็นแม่ไม่ยอมและยื่นคำขาดว่าถ้าสามไม่กลับก็ไม่ต้องมาคุยกัน สามก็เลยต้องจำยอม บรรยากาศบนรถคันหรูตกอยู่ในความเงียบ ในหัวของสามคิดสารตะไปต่างๆนานาไม่รู้ว่าควรจะทำยังไงต่อดีเพราะไม่เคยคิดว่าจะมีวันนี้ วันที่ตัวเองเผลอใจให้กับคนที่แม่ไม่ชอบ เฮ้อ...



          “เล่ามา ทำไมแกถึงไปอยู่กับมัน!” พอกลับมาถึงบ้านแม่ของสามก็ถามขึ้นทันที



          “แล้วม๊าไปอยู่ที่นั่นได้ยังไงครับ” สามเองก็ถามกลับเช่นกัน เขาเชื่อว่าต้องมีใครบอกกับแม่เรื่องนี้แน่ๆ อีกอย่างมีกี่คนที่รู้ที่อยู่ของสไมล์ ซึ่งระดับแม่ของเขาไม่ยากหรอกที่จะสามารถขึ้นไปยันห้องนอนของอีกคนได้ แค่มีเงิน...อะไรๆมันก็ง่ายดายไปเสียทุกอย่าง



          “ตอบม๊ามาก่อน”



          “ไม่ครับ ถ้าม๊าไม่ตอบผมก่อน” สามเถียงกลับมา ผู้เป็นแม่ทำหน้าไม่พอใจทันที



          “อย่ามาดื้อม๊านะสาม ทำไมถึงเป็นแบบนี้ฮะ หรือเป็นอยู่กับมันเจอมันเป่าหูอะไรมาถึงได้กล้าเถียงม๊าแบบนี้!” ผู้เป็นแม่ว่าอย่างไม่พอใจ



          “สไมล์ไม่ได้ทำอะไรผมทั้งนั้น ผมรู้ว่าม๊าเกลียดเขาแต่ม๊าก็ไม่ควรที่จะไปบุกรุกห้องแล้วชี้หน้าด่าเขาแบบนั้น” สามพยายามทำใจเย็นแล้วว่าด้วยเหตุผลแม้ว่าในใจเขาจะร้อนแค่ไหนก็ตาม



          “เฮอะ! นี่ขนาดบอกว่ามันไม่ได้เป่าหูอะไรมานะแต่ดูสรรพนามที่ใช้เรียกมันสิหรือว่าแกไปหลงมันตามป๊า ตามพี่ชายแกอีกคนฮะ!” แม่ของสามว่าเสียงดังทำให้พ่อของสามที่พึ่งลงมาจากชั้นบนของบ้านถามขึ้นทันที



          “โวยวายอะไรเสียงดังคุณหญิง อ้าวสาม...วันนี้กลับบ้านเหรอ” ผู้เป็นพ่อหันมาทักทายลูกชายคนเล็กที่แยกตัวไปอยู่คอนโดเนื่องจากบ้านกับมหาวิทยาลัยอยู่ห่างกันมาก



          “มาก็ดีค่ะ ลูกชายของเรานี่ไม่รุ้ว่าเป็นอะไรกันไปหมด ไปหลงใหลไอ้เด็กเป๋นั่นกัน ฮึ พอๆกับคุณที่ไปหลงใหลแม่มัน” คุณผู้หญิงของบ้านว่าพร้อมเบ้ปากใส่ นทีขมวดคิ้วก่อนจะหันไปถามลูกชายคนเล็ก



          “สไมล์กลับมาไทยงั้นเหรอสาม”



     “ครับป๊า”



          “จริงเหรอ งั้นอย่าลืมพาป๊าไปหาสไมล์บ้างนะ” นทีว่าด้วยรอยยิ้มอย่างยินดีกับข่าวที่ได้รู้



          “ครับป๊า”



          “นี่คุณ มันอะไรกันฮะ! ตาสาม แกห้ามไปยุ่งเกี่ยวกับไอ้เด็กนั่นเลยนะ” คุณผู้หญิงโวยวาย



          “เฮ้อ อย่าไปสนใจม๊าเลย ไปเถอะ” ผู้เป็นพ่อว่าหลังจากที่รู้สาเหตุที่ภรรยาโวยวายและลูกชายกลับมาที่บ้าน สามพยักหน้ารับก่อนจะเดินตามผู้เป็นพ่อออกจากบ้านไป โดยทิ้งให้ผู้เป็นแม่ยืนโวยวายอยู่คนเดียว



          “กลับมาเดี๋ยวนี้นะตาสาม!! ตาสาม!!!”...หลายวันผ่านไป...หลังจากวันที่แม่ของสามมาโวยวายที่คอนโด สไมล์ก็ไม่ได้เจอสามอีก ความจริงเขานี่แหละที่เป็นฝ่ายหลบหน้าไปอยากเจออีกคนเอง อย่างที่บอกแม่ของสามไม่ชอบเขา ไม่สิ...เรียกว่าเกลียดเลยก้ว่าได้เพราะฉะนั้นการที่เขาไม่ยุ่งเกี่ยวกับอีกคนน่าจะเป็นสิ่งที่ดีที่สุดแล้วแหละ



          “สไมล์” สไมล์หันไปตามเสียงเรียกก็เห็นเมาส์ที่ทำหน้าตาเหมือนกำลังครุ่นคิดอะไรอยู่



          “มีอะไรเหรอเมาส์”



          “เอ่อ...เลิกเรียนสไมล์มีธุระที่ไหนหรือเปล่า” สไมล์ทำท่าคิดก่อนจะตอบ



          “ไม่นะ มีอะไรหรือเปล่า”



          “เอ่อ...คือ...” เมาส์อึกอักทำท่าลำบากใจ



          “เอ่อ...ไปทำธุระกับเราหน่อยนะ” เมาส์ว่าออกมา สไมล์พยักหน้ารับแต่ในใจก็อดสงสัยในท่าทางของเมาส์ไม่ได้ หลังจากที่เลิกเรียนเมาส์ก็พาสไมล์ไปทำธุระทันทีโดยไม่รอผิงที่เรียนภาษาอังกฤษอยู่อีกเซค ท่าทางรีบๆรนๆของเมาส์มันทำให้สไมล์สงสัยแต่สไมล์ก็ทำนิ่งไม่ถามอะไรออกมา



          “ที่นี่ที่ไหนเหรอเมาส์” สไมล์ถามขึ้นเมื่อเมาส์ให้คนขับรถขับรถมาจอดที่หน้าคอนโดแห่งหนึ่งซึ่งไม่ไกลจากมหาวิทยาลัยของเขาเท่าไหร่



          “เอ่อ...ญาติเราน่ะ สไมล์ไปกับเราทีนะ คือว่า...เอ่อ...อาเราเขาจะคุยกับเราเรื่องร้านทองของคุณพ่อน่ะ”สไมล์พยักหน้ารับก่อนจะเดินตามเมาส์เข้าไปในคอนโดเมาส์กดลิฟต์จนถึงชั้น19ก่อนจะพาสไมล์ออกมา สไมล์พยายามมองสำรวจคอนโดไปด้วยก็เห็นว่ามันท่าทางเงียบไม่น้อย อย่างกับว่าไม่ค่อยมีคนอยู่



          “ห้องนี้แหละ” เมาส์ว่า สไมล์พยักหน้ารับก่อนที่เมาส์จะหยิบคีย์การ์ดออกมาแล้วเปิดประตูเข้าไปทันที ในห้องค่อนข้างมืดสลัว สไมล์พยายามโฟกัสสายตาก่อนจะพบกับ...



          “พี่หนึ่ง” สไมล์เบิกตากว้างเมื่อเห็นอีกคนก่อนจะรีบตวัดสายตาไปหาเมาส์ทันทีเมาส์หน้าซีด



          “สไมล์...คือเรา...”



          “ทำดีมากเมาส์ นายไปได้แล้ว พี่ต้องการคุยกับสไมล์สองต่อสอง” หนึ่งว่าพร้อมยกยิ้มมุมปาก สไมล์หันไปมองหน้าเมาส์ เมาสืเองก็มองสไมลืด้วยใบหน้ารู้สึกผิด



          “ขอโทษนะ...แต่เรา...”



          “เมาส์ไปเถอะ ถ้าพี่หนึ่งเขาอยากคุยกับเรา เราก็จะคุยด้วยเอง” สไมล์ว่าอย่างไม่กลัวแม้ว่าในใจจะอดหวาดหวั่นไม่น้อย มือบางล่วงกระเป๋ากางเกงตัวเองที่มีโทรศัพท์อยู่ก่อนจะใช้ความเคยชินกดโทรออกไปยังหมายเลขของอีกคนที่จำได้ทันที...หลังจากที่เมาส์ออกไปห้องก็ตกอยู่ในความเงียบ หนึ่งมองหน้าสไมล์ยิ้มไก่อนจะสาวเท้าเดินเข้ามาหา



          “ไม่เจอกันหลายวันเลยนะสไมล์” หนึ่งพูดขึ้น



          “ใช่ครับ คงตั้งแต่วันที่พี่หนึ่งโทรไปฟ้องคุณผู้หญิงเรื่องผมกับสาม” สไมล์ว่าเสียงเรียบเพราะคิดว่าสิ่งที่คิดคงจะเป็นเรื่องจริง หนึ่งหัวเราะออกมาเบาๆ



          “สไมล์นี่ฉลาดจริงๆ ก็นะ...ไอ้สามมันลุกรักม๊า ม๊าเกลียดสไมล์กับแม่ของสไมล์จะตาย ม๊าคงไม่ยอมให้สไมลืกับมันรักกันแน่” หนึ่งว่าพร้อมยกยิ้มมุมปาก



          “แล้วพี่หนึ่งทำแบบนี้เพื่ออะไรครับ? หรือเพราะว่าตัวเองไม่ได้คนอื่นก็ต้องไม่ได้?” สไมล์ถามเสียงแข็ง



          “หึๆ ตอนแรกพี่ก็คิดแบบนั้นแต่ตอนนี้พี่ไม่คิดแบบนั้นแล้วล่ะ...” หนึ่งคลี่ยิ้มอีกครั้งก่อนจะสาวเท้าเข้ามาใกล้ๆสไมล์มากขึ้นจนสไมล์ต้องขยับหนี



          “หมายความว่ายังไงครับ”



          “...หึๆ เพราะพี่ต้องได้สไมล์ไงล่ะ”



          “อ๊ะ! ปล่อยผมนะ!!”...สามรู้สึกร้อนใจไม่น้อยกับบทสนทนาที่ได้ยิน ตอนแรกเขาดีใจมากที่สไมล์โทรมาหาเขาหลังจากที่อีกคนพยายามหลบหน้าหลบตาเขามาตลอดหลายวันแต่พอได้ยินบทสนทนาของพี่ชายกับอีกคนแล้ว สไมล์กำลังตกอยู่ในอันตราย สามกำมือแน่นก่อนจะพยายามให้เพื่อนที่เป็นโปรแกรมเมอร์เจาะหาข้อมูลGPSของสไมล์ด้วยความร้อนใจ



          “เจอแล้วเว้ยๆๆ” เพื่อนของสามพูดขึ้น



          “เออ เอามา” สามว่าก่อนจะหยิบแผ่นที่อยู่ที่GPSจับได้มา ก่อนจะรีบคว้ากุญแจรถแล้วออกไปทันที

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

สามพึ่งจะได้เป็นพระเอกในตอนหลังๆนี่แหละ 555555  ยังไงก็ฝากติดตามด้วยนะคะ ตอนหน้าตอนจบแล้ววววววววว แฮปปี้ไม่แฮปปี้ให้เดาเล่นๆ 555555

___จางบิวตี้___

ออฟไลน์ Wut_Sv

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 902
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +21/-1
กรี๊ดดดดด เกลียดอิพี่หนึ่ง สามมาให้ว่องเลย

จบแฮปปี้เถอะนะ poor boy เรื่องที่แล้วจบไม่ฟินเท่าไหร่ เรื่องนี้ขอจบแบบแจ่มๆหน่อยน้าาาา

ออฟไลน์ threetanz

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 766
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +41/-1
กริ๊ดดดดดด สวัสดีค่ะ

เข้ามาอ่านตอนใกล้จบแล้วติดตามอ่านต่อไปนะคะ

ออฟไลน์ HISY

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3645
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +61/-3
กรี๊ดดดด สามเหยียบให้มิดมาให้ว่อง ด่วนน!!

ออฟไลน์ Jang_B2UTY

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 382
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +83/-5
Poor Boy 10 End

( Grammar x Song )

 

          พอรู้ที่อยู่ของสองวันต่อมาแกรมม่าก็มาดักรอสองที่หน้าโรงแรมทันที จากที่เมื่อวานได้คุยกับเพื่อนๆของสองก็รู้ว่าทั้งสามมาศึกษาดูงานที่มหาวิทยาลัยหนึ่งในลอนดอนและก็ต้องเข้าเรียนรวมกับเด็กที่นี่ในบางคลาส และวันนี้ก็มีคลาสเช้าแกรมม่าจึงรีบตื่นแต่เช้าเพื่อขับรถมารอรับอีกคนและเพื่อนๆไปเรียน



          “อ๊ะ นั่นมันน้องแกรมม่านี่” ดาวพูดขึ้นเมื่อเดินออกมาจากโรงแรมแล้วเห็นรถของแกรมม่าและแกรมม่าที่ยืนอยู่



          “สงสัยมารอรับสองแน่เลย” ส้มพูดบ้างพร้อมมองไปที่สองอย่างแซวๆ แต่สองกลับทำหน้านิ่งแล้วพูดขึ้น



          “เราจะไปขึ้นรถเมล์นะ” พูดจบสองก็เดินไปพร้อมกับเดิ่นผ่านหน้าแกรมม่าไปทันที



          “เดี๋ยวสิพี่” แกรมม่าวิ่งมาดักหน้าของสองไว้



          “ถอย ฉันรีบ” สองว่าด้วยใบหน้าเรียบนิ่ง



          “ถ้ารีบก็ให้ผมไปส่ง ไปเองต้องรอรถอีกเสียเวลา” แกรมม่าว่า



          “ไม่” สองปฏิเสธอย่างไม่ต้องคิดก่อนจะเดินหนีไปทันที แกรมม่าถอนหายใจออกมาพร้อมกับมองตามแผ่นหลังบางตาละห้อย



          “เอ่อ...พี่ๆก็อยากจะถามนะว่าน้องแกรมม่าทะเลาะอะไรกับสองแต่วันนี้รีบจริงๆ เอาไว้เย็นนี้บ่าย3ไปที่มหาวิทยาลัยนะ แล้วเจอกัน” ดาวว่า แกรมม่าพยักหน้ารับแต่โดยดี เขาไม่ยอมแพ้อีกคนง่ายๆหรอก เขารู้ว่าอีกคนโกรธเขาขนาดไหนแต่ในเมื่อโชคชะตานำพาอีกคนให้กลับมาแล้ว เขาจะไม่มีวันปล่อยอีกคนไปอีกครั้งแน่ๆ…หลังจากที่เลิกเรียนในตอนบ่าย3 สองและเพื่อนๆก้พากันเดินออกมาจากตึกเรียนเพื่อเตรียมตัวกลับโรงแรม คิ้วเรียนขมวดมุ่นทันทีเมื่อเห็นร่างสุงของใครบางคนกำลังยืนพิงรถรออยู่ที่หน้าตึกเรียน



          “แฮร่ๆๆ พวกเราบอกเองแหละ” ส้มว่าออกมาพร้อมรอยยิ้มแหยๆ เพื่อสองหันมาหาเป็นเชิงถาม สองถอนหายใจออกมาก่อนจะเดินไปต่อโดยที่ไม่ได้หันไปสนใจ



          “ผมไปส่งนะ” แกรมม่าว่าพร้อมกับรีบคว้ากระแของสองมาถือทันที สองตวัดสายตามามองแกรมม่าอย่างไม่พอใจทันที



          “เอาคืนมา”



          “ไม่” แกรมม่าปฏิเสธก่อนจะเดินกลับมาที่รถของตัวเองทันที สองรีบวิ่งตามอีกคนมาด้วยความไม่พอใจ



          “บอกให้เอาคืนมา!” สองว่าด้วยความไม่พอใจพร้อมกับพยายามแย่งกระเป๋าจากอีกคนคืนมาแต่เพราะแกรมม่าที่ตัวใกญ่กว่าและแรงมากกว่าทำให้พอแกรม่ม่าดึงกระเป๋าคืนสองก็เซไปหาอีกคนทันที



          “อ๊ะ” สองเบิกตากว้างด้วยความตกใจพร้อมกับตาเรียวที่สบเข้ากับตาคมของอีกคน แกรมม่ามองหน้าสองเช่นเดียวกันก่อนจะโน้มหน้าลงมาทำให้ระยะห่างระหว่างทั้งคู่ลดลงจนริมฝีปาก...



พรึ่บ

สองดันแกรมม่าออกอย่างแรงพร้อมกับผละตัวเองออกมา



          “คนฉวยโอกาส” สองพูดขึ้น



          “ในเมื่อมีโอกาสผมก็ต้องฉวยไว้ก่อนสิ” แกรมม่าว่าหน้ายิ้มๆด้วยความทะเล้นแต่สองกลับไม่ยิ้มด้วย ใบหน้าหวานยังคงบึ้งตึง



          “แต่สำหรับนายมันไม่มีโอกาสนั้นอีกหรอก จำไว้” สองว่าด้วยน้ำเสียงจริงจังแกรมม่านิ่งไปทันทีกับคำพูดของอีกคน ตาคมหม่นหมองเต็มไปด้วยความเจ็บปวดก่อนที่ริมฝีปากหนาจะค่อยๆเผยยิ้มขึ้นมาจนสองต้องขมวดคิ้ว



          “ผมก็จะรอ...รอจนกว่าจะได้รับโอกาสนั้นอีก”...เพราะว่าไม่สามารถเอากระเป๋าคืนจากแกรมม่าได้ทำให้สองต้องจำใจนั่งรถของแกรมม่ากลับโรงแรมโดยมีดาวกับส้มที่นั่งมาด้วย บรรยากาศบนรถไม่ได้อึมครึมมากนักเนื่องจากมีดาวกับส้มที่คอยชวนแกรมม่าคุยตลอดทางและเพราะวันนี้เป็นวันศุกร์ พรุ่งนี้เป็นวันหยุดดาวก็ออกปากชวนแกรมม่าไปด้วย สองถลึงตาใส่ดาวแต่ดาวกับส้มก็พากันหัวเราะคิกคักอย่างสนุกที่ได้แกล้งสอง แม้ว่าพวกเธอจะไม่รู้ว่าแกรมม่ากับสองเป็นมายังไงแต่ก็คิดว่าทั้งคู่ต้องเคยมีซัมติงกันมาก่อนแน่ๆ จากที่สังเกตสายตาที่แกรมม่าใช้มองสองแล้วมันลึกซึ้งเสียจนเพื่อเธออดที่จะเขินแทนไม่ได้...แกรมม่าเป็นไกด์ทัวร์จำป็นพาสองและเพื่อนอีกสองคนมายังไนต์คลับชื่อดังในเมือง ซึ่งที่นี่จะดีกว่าที่อื่นตรงที่จะแสกนบัตรคนเข้าและต้องมีบัตรสมาชิกเท่านั้นถึงจะเข้าได้ซึ่งนับว่าเป็นไนต์คลับที่มีระดับมากและเพราะแกรมม่ามีบัตรสมาชิกอีกทั้งสามคนจึงสามารถเข้ามาด้วยได้



          “เริดมาก” ดาวพูดขึ้นด้วยความดี๊ด๊าทันทีหลังจากที่เข้ามาในไนต์คลับ ข้างในถูกจัดแบ่งโซนไว้อย่างชัดเจน ทั้งโซนนั่ง โซนบาร์หรือกระทั่งฟอล์วเต้น หลังจากที่ได้ที่นั่งทั้งสี่ก็สั่งเครื่องดื่มมากินกันทันที...ยิ่งดึกบรรยากาศยิ่งคึกคัก ดาวกับส้มพากันไปเต้นที่ฟอล์วเหลือสองกับแกรมม่าเท่านั้นที่นั่งอยู่ที่โซฟา แกรมม่านั่งมองหน้าสองตลอดเวลา สองรู้สึกอัดอัดใจไม่น้อยแต่ก็ไม่ได้พูดอะไรออกมาจนอยู่ๆมีหนุ่มผมลอนด์ตาฟ้าหน้าตาดีเดินเข้ามาทักสองเป็นภาษาอังกฤษ



          “ขอโทษนะครับ ชื่ออะไรเหรอครับ?” แกรมม่าตวัดสายตาไปมองอีกคนอย่างไม่พอใจทันที สองเองก็รับรู้ถึงสายตาของร่างสูงแต่ก็ทำเป็นไม่สนใจแล้วหันไปตอบชายหนุ่ม



          “สองครับ”



          “มาจากไหนครับ”



          “ไทยแลนด์ครับ” หลังจากที่สองบอกว่ามาจากที่ไหนชายหนุ่มก็รู้สึกตื่นเต้นไม่น้อยก่อนจะขออนุญาตนั่งด้วยและชวนสองคุยทันทีซึ่งแกรมม่าที่นั่งอย่าด้วยก็ทำหน้าไม่พอใจแต่ก็ไม่สามารถทำอะไรได้เพราะไม่อยากให้สองไม่พอใจเช่นเดียวกัน



          “ว่าแต่...สองมีแฟนหรือยังครับ” สองตกใจไม่ใช่น้อยกับคำถามของอีกคนแต่ก่อนที่สองจะตอบเสียงทุ้มของอีกคนที่นั่งร่วมโต๊ะด้วยก็ดังขึ้นก่อน



          “มีแล้ว ผมนี่แหละ” ชายหนุ่มผมลอนด์เบิกตากว้างอย่างตกใจทันทีก่อนจะขอโทษขอโพยแล้วลุกออกไปทันทีเพราะเป้าหมายมีเจ้าของแล้วก็ไม่อยากยุ่งหรือเป็นมือที่สาม



          “ตอบบ้าอะไรของนายฮะ!” สองหันมาโวยวายใส่แกรมม่าทันที



          “ทำไม? หรือพี่อยากจะตอบว่าโสดแล้วให้ไอ้หมอนั่นจีบกันฮะ” แกรมม่าว่าอย่างไม่พอใจเช่นกัน ไม่พอใจที่เห็นสองยิ้มให้อีกคน ไม่พอใจที่สองคุยกับอีกคน ไม่พอใจไปเสียทุกอย่าง



          “ฉันจะตอบยังไงมันก็เรื่องของฉัน ฉันกับนายไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรกันทั้งนั้น อย่ามาล้ำเส้น!” สองว่าเสียงดังก่อนจะลุกออกจาโต๊ะไปทันที แกรมม่าถอนหายใจก่อนจะเสยผมตัวเองลวกๆอย่างเครียดๆที่อยู่ๆก็มาทะเลาะกับอีกคน ทั้งๆที่เขาควรจะทำตัวดีให้อีกคนเปิดใจไม่ใช่มาทำให้อีกคนโกรธแบบนี้...สองเดินหน้ามุ่ยออกมาหน้าร้านด้วยความหงุดหงิดอีกคน เขารู้ว่าแกรมม่ากำลังทำอะไร ถามว่าเขายังโกรธอีกคนมั้ยในเรื่องนั้นก็ตอบเลยว่ามันแทบจะไม่มีแล้วเพราะเวลามันก็ผ่านมานานแล้วเช่นกัน แต่ถามว่าเขาลืมมั้ยก็ตอบเลยว่าเขาไม่เคยลืม ยิ่งคิดถึงก็ยิ่งรู้สึกเจ็บ เจ็บเกินที่จะให้อภัยหรือเปิดใจให้อีกคนง่ายๆ



          “ว้าว ชื่ออะไรครับ สวยจังเหมือนผู้หญิงเลย” อยู่ๆก็มีผู้ชายฝรั่งท่าทางเมาๆสองคนเดินเข้ามาหาสองพร้อมถามขึ้นเป็นภาษาอังกฤษ สองมองคนทั้งคู่ด้วยสายตาไม่ค่อยไว้ใจก่อนทำท่าจะเดินหนีแต่ก็ถูกคว้ามือไว้ก่อน



          “จะไปไหนเล่าครับ คุยกันก่อน”

 

         “ปล่อยผมนะ” สองว่าพร้อมพยายามสะบัดมือออกแต่แรงของสองก็ไม่สามารถสู้แรงของทั้งสองคนได้



          “อย่าดิ้นน่า ไปสนุกกับพวกเราดีๆดีกว่า” อีกคนว่าพร้อมยิ้มหื่น สองทำหน้าตื่นกลัวทันทีพยายามจะร้องให้คนช่วยแต่ถูกถูกปิดปาก



          “อื้อออออ อื้อๆๆ”



          “พาไปเว้ย” สองถูกชุดกระชากลากถูมายังซอกตึกก่อนจะถูกเหวี่ยงอย่างแรงจนล้มไปกองกับพื้น ตาเรียวสั่นระริกด้วยความตื่นกลัวเมื่อเห็นฝรั่งร่างใหญ่ทั้งคู่ทำท่าจะเดินเข้ามาใกล้ๆ



          “โอ๊ย!” สองร้องลั่นเมื่อถูกกดให้นอนลงพื้น ใบหน้าหวานเบ้ด้วยความเจ็บและความกลัว ตาเรียวหน่วงคลอไปด้วยน้ำตาในใจก็พยายามร้องเรียกหาแกรมม่า ซึ่งเป็นคนเดียวที่เขากำลังนึกถึงตอนนี้

 

         “สวยขนาดนี้ อยากรู้ว่าจะลีลาดีแค่ไหนว่ะ” ฝรั่งคนแรกเอามือไล้ที่ใบหน้าของสองเบาๆซึ่งทำให้สองรู้สึกขยะแขยงไม่น้อย



          “อย่าทำ ขอร้อง” สองพยายามอ้อนวอนอย่างน่าสงสาร

 

         “ยิ่งทำหน้าแบบนี้ยิ่งน่าเอาชิบหายเลยว่ะ” ฝรั่งอีกคนว่า สองน้ำตาไหลทันทีด้วยความหวาดกลัว ร่างบางพยายามดิ้นแต่ไม่สามารถสู้แรงฝรั่งทั้งสองคนไม่ได้



แควก

เสื้อเชิ้ตของสองถูกฉีกออกจนขาดวิ่งทำให้ผิวขาวใสปรากฏแก่สายตาทันที



          “ขาวชิบ เนียนสุดๆ” มือหยาบลูบไล้ที่แผ่นอกของสองอย่างชอบใจ สองน้ำตานองหน้า หยุดดิ้นรนเพราะคิดว่าคงหมดหนทาง ตาเรียวหลับลงอย่างจำยอมแต่แล้ว...



พลั้ก



          “ไอ้พวกสวะ!” เสียงของอีกคนดังขึ้นทำให้สองรีบลืมตาขึ้นมาทันที ก่อนจะพบกับแกรมม่าที่กำลังต่อสู้กับฝรั่งร่างใหญ่ทั้งสองคนอยู่



          “แกรมระวัง” สองตะโกนเป็นภาษาไทยด้วยความตกใจเมื่อเห็นอีกฝ่ายเอามีดออกมาก่อนจะทำท่าแทงไปที่แกรมม่าแต่แกรมม่าสามารถเบี่ยงทนแต่มีดก็บาดไปที่ต้นแขนอยู่ดี

 

        “แกรม!!” สองรียกแกรมม่าอย่างตกใจทำท่าจะเข้าไปช่วยแต่แล้วเสียงของเพื่อนทั้งสองที่ตะโกนเป็นภาษาอังกฤษดังขึ้นก่อน



          “ทางนี้เลยค่ะๆๆคุณตำรวจๆๆๆ” พอได้ยินอย่างนั้นพวกฝรั่งทั้งสองก็พากันวิ่งหนีไปทันที สองรีบวิ่งเข้าไปหาแกรมม่าทันทีพร้อมมองอีกคนด้วยความเป็นห่วง



          “เจ็บมากมั้ย”



          “พี่ไม่เป็นไรใช่มั้ย” ทั้งคู่ถามขึ้นมาพร้อมกันพร้อมกับดวงตาสองคู่ที่สบกันด้วยความห่วงใย



          “ฮึก” สองน้ำตาไหลอีกครั้งก่อนจะโผเข้ากอดแกรมม่าทันที ดาวกับส้มมองทั้งคู่ด้วยความเป็นห่วงไม่แพ้กัน ตอนที่เต้นเธอเห็นสองวิ่งออกมา ก่อนที่สักพักแกรมม่าจะวิ่งตามออกมา พวกเธอเลยพากันตามออกมาทันที พอเห็นว่าแกรมม่ากำลังสู้กับฝรั่งร่างยักษ์ พวกเธอก็วางแผนทำเป็นตะโกนเรียกตำรวจซึ่งไม่คิดว่าไอ้พวกนั้นจะโง่เชื่อ



          “พี่ว่าพาสองกลับโรงแรมเถอะ” ดาวพูดขึ้น แกรมม่าพยักหน้ารับก่อนจะปาดน้ำตาที่ใบหน้าของสองอย่างอ่อนโยนก่อนจะจุ๊บๆเบาที่หน้าผาก



          “กลับกันนะ ไม่เป็นอะไรแล้ว”...หลังจากที่กลับมาถึงคอนโด สองก็นั่งทำแผลให้แกรมม่าซึ่งดีที่ว่าแผลไม่ใหญ่มากนักจึงไม่จำเป็นต้องไปโรงพยาบาล



          “เสร็จแล้ว” สองพูดขึ้นหลังจากที่ทำแผลเสร็จ



          “พี่โอเคนะ” แกรมม่าถามอีกคนด้วยความเป็นห่วง ตอนที่วิ่งตามอีกคนออกไปเขาก็ตกใจไม่น้อยที่หาอีกคนไม่เจอแต่พอได้ยินเสียงคนร้องก็รีบวิ่งไปทันทีและพอเห็นว่าคนที่ตัวเองรักกำลังจะถูกขมขืนเขาก็เดือดจนอยากจะกระถืบพวกมันให้จมดิน



          “อืม...นายกลับไปเถอะ ดึกแล้ว” สองว่าแต่ไม่ได้เงยหน้าขึ้นมาสบตาอีกคน



          “อยู่คนเดียวได้ใช่มั้ย” สองกัดปากไม่กล้าตอบออกมา เพราะตอนนี้เขาไม่กล้าที่จะอยู่คนเดียวจริงๆ มันรู้สึกหวาดกลัวและตกใจไม่น้อย



          “งั้นคืนนี้ผมอยู่เป็นเพื่อนนะ”...สองรู้สึกหัวใจเต้นแรงไม่น้อยที่มีอีกคนมานอนข้างๆ ภาพวันวานย้อนกลับคืนมาในหัวทันที



          “ยังไม่นอนอีกเหรอ” แกรมม่าถามขึ้นเมื่อเห็นว่าสองยังไม่นอนหลับ



          “อื้ม”



          “นอนไม่หลับสินะ”



          “อ๊ะ” สองสะดุ้งทันทีที่อยู่ๆมือฟหนาคว้าเอวเขาเข้าไปกอด ก่อนจะจับหัวของเขาซบลงที่แผ่นอก

 

         “หลับนะ” สองหีวใจเต้นแรงอีกครั้งกับการกระทำที่อ่อนโยนของอีกคนก่อนตาเรียวจะค่อยๆหลับลงแล้วจมเข้าสู่นิทราในที่สุด...หลังจากวันนั้นแกรมม่าก็พยายามไปมาหาสู่สองตลอด สองรู้สึกว่าตัวเองใจอ่อนมาก ยิ่งนึกถึงวันที่อีกคนมาช่วยเขา นึกถึงการกระทำที่อ่อนโยนของอีกคนก็รู้สึกใจอ่อนยวบยาบไปหมด



          “พรุ่งนี้พี่กลับแล้วสินะ” แกรมม่าถามขึ้นขณะที่นั่งอยู่ในห้องของสอง ซึ่งสองกำลังเก็บกระเป๋าเตรียมตัวกลับ สองสามวันมานี้แกรมม่าสามารถเข้าออกห้องของสองได้โดยที่สองเต็มใจ ก็บอกแล้วเขาใจอ่อนไปเยอะมาก



          “อืม”

 

         “เฮ้อ...แล้วเราจะได้เจอกันอีกมั้ย” แกรมม่าถามพร้อมกับมองหน้าสอง



          “ไม่รู้สิ”



          “พี่คงไม่มีวันใจ่อนหรือเปิดใจให้ผมแล้วสินะ” แกรมม่าถามอย่างจริงจัง สองนิ่งเงียบไม่ตอบ แกรมม่าถอนหายใจก่อนจะพยักหน้าอย่างเข้าใจ



          “เข้าใจละ ยังไงผมก็ขอให้พี่โชคดีนะ” แกรมม่าว่าก่อนจะลุกขึ้นทำท่าจะกลับแต่สองก็เรียกอีกคนไว้ก่อน



          “พรุ่งนี้...ไปส่งด้วยนะ”...แกรมม่ามาหาสองจริงๆที่สนามบิน อย่างน้อยก็ถือว่าเป็นการบอกลาครั้งสุดท้าย แม้ว่าอีกคนจะไม่ใจอ่อนหรือไม่ให้โอกาสกันก็ตาม



          “นึกว่าจะไม่มา” สองทักแกรมม่าขึ้นเมื่อเห็นอีกคนเดินเข้ามาหา



          “ก็พี่บอกให้มา ผมก็ต้องมาสิ” แกรมม่ายกยิ้มนิดๆ แกรมม่ามองนาฬิกาก็พบว่าอีกไม่ถึง10นาทีอีกคนต้องเข้าเกทแล้ว ตาคมสบเข้ากับตาเรียวก่อนจะพูดขึ้น



          “ขอจูบลาได้มั้ย” สองเบิกตากว้างอย่างตกใจ



          “นาย...”



          “ผมรู้ว่าพี่คงไม่มีทางใจอ่อนหรือเปิดใจให้ผม  อย่างน้อยก็ขอแค่ได้บอกลาเพราะไม่รู้ว่าอีกนานแค่ไหนเราจะได้เจอกันอีก ผมขอแค่นี้ได้มั้ย?” แกรมม่าว่าด้วยน้ำเสียงเว้าวอน หัวใจของเขาเจ็บหน่วงๆไปหมด เพียงแค่คิดว่าคงไม่มีทางที่เรื่องของเราจะคืนย้อนมาแล้ว โทษใครไม่ได้ ถ้าจะโทษก็โทษตัวเขาเองที่ทำให้เรื่องราวมันเป็นแบบนี้



          “...” สองเงียบไม่ได้ตอบอะไรออกมา แกรมม่าเลยถือว่าอีกคนอนุญาต ร่างสูงค่อยๆเขยิบเข้ามาใกล้ก่อนจะประทับริมฝีปากลงไปเบาๆแต่ลึกซึ้ง

 

         “ผมยังรักพี่เสมอนะ” ทั้งคู่ผละออกจากกันก่อนที่สองจะเดินหันหลังเพื่อจะเดินไปเข้าเกท แกรมม่ามองตามอีกคนด้วยสายตาเศร้าๆแต่ก็พยายามทำใจว่ามันคือความจริงที่ไม่สามารถเปลี่ยนแปลงได้แล้ว ก่อนที่คิ้วหนาจะขมวดมุ่นเมื่อเห็นว่าสองวิ่งกลับมาก่อนที่...



พรึ่บ

โผเข้ากอดเขาอย่างเต็มรัก



          “ถ้ากลับไปอยู่ไทยแล้วจะรับไว้พิจารณา”

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

End

ตัดฉับได้มั่วมาก 5555555 เพราะเป็นคู่รองเลยรวบรัดตัดตอนมาก ใครไม่พอใจยังไงก็ขอโทษด้วยนะคะ และก็ขอบคุณที่ติดตามกันมาตลอด ยังเหลือคู่หลักเนอะ ฝากติดตามด้วยค่า

___จางบิวตี้___

ออฟไลน์ Wut_Sv

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 902
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +21/-1
ฮึยยย ขัดใจสอง คนอย่างแกรมม่าไม่สมควรได้โอกาศแม้แต่จะรอไว้รับพิจารณา :katai1:

ออฟไลน์ Mynun

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 172
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +5/-2
อ่านแล้วผิดหวังตอนจบคู่รอง เอาที่คนเขียนสบายใจแล้วกันเนาะ เราคงไม่ติดตามต่อ  :เฮ้อ:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ Jang_B2UTY

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 382
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +83/-5
อ่านแล้วผิดหวังตอนจบคู่รอง เอาที่คนเขียนสบายใจแล้วกันเนาะ เราคงไม่ติดตามต่อ  :เฮ้อ:

จ้าาาาาา ขอบคุณที่ติดตามค่าา ไม่ติดตามต่อไม่เป็นไร เอาที่สบายใจดีกว่าาาาา บายยยย  :bye2:

ออฟไลน์ crazydoii

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 858
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +6/-1
เร็วไปนะครับ

น่าจะรออีกสักหน่อย จะได้สะใจกว่านี้ ฮ่าๆๆๆ

ออฟไลน์ Jang_B2UTY

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 382
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +83/-5
Poor Boy 20 End

 

        “อ๊ะ! ปล่อยผมนะ!!” สไมล์ร้องออกมาทันทีที่หนึ่งกระชากเข้าไปปะทะแผงอกก่อนที่อีกคนจะกอดเอวบางเอาไว้



          “หึๆ สไมล์หนีพี่ไปไหนไม่ได้หรอก” หนึ่งว่าก่อนจะหอมแก้มสไมล์ไปฟอดใหญ่สไมล์พยายามดิ้นรนจากอีกคนแต่เพราะขนาดตัวที่เล้กกว่าและเรี่ยวแรงที่มีไม่เท่าอีกคนทำให้สไมล์ไม่สามารถดิ้นหลุดได้



          “อย่าดิ้นน่า เป็นเด็กดีกับพี่แล้วสไมล์จะมีความสุขกับมัน” หนึ่งว่าเสียงหื่นพร้อมกับพยายามซุกไซ้ซอกคอขาวของอีกคน สไมล์ใช้มือทุบตีอีกคนอย่างแรงด้วยความรังเกียจแต่มีหรือที่หนึ่งจะยอมผละออก ยิ่งได้กลิ่นหอมอ่อนๆจากอีกคนแบบนี้ก็ยิ่งอยากจะสัมผัสมากขึ้น เขาไม่รู้หรอกว่าร่างบางกับน้องชายจะลึกซึ้งกันไปถึงขั้นไหนแต่ยังไงสไมล์ก็ต้องเป็นของเขา เขาต้องได้เชยชิมอีกคน



          “ปล่อยผมนะพี่หนึ่ง อย่าทำอะไรบ้าๆนะ!!” สไมล์ร้องโวยวายเสียงดังเมื่อร่างสูงพาดเขาขึ้นบ่าก่อนจะพามาในห้องนอนทันที ร่างบางถูกโยนลงเตียงนอนก่อนที่จะถูกอีกคนขึ้นคร่อม



          “อย่าดื้อน่า อย่าทำให้พี่ต้องโมโหสิสไมล์” หนึ่งว่าเสียงติดดุ



          “แต่พี่หนึ่งกำลังจะรังแกผม พี่คิดว่าผมจะยอมให้พี่ง่ายๆหรือไง!” สไมล์ว่าด้วยความไม่พอใจ



          “แล้วทีไอ้สามล่ะ! ทำไมสไมล์ยอมมัน! สไมล์จำไม่ได้หรือไงว่ามันทำเลวใส่สไมล์แค่ไหน สไมล์ลืมไปแล้วหรือไง!!” หนึ่งโวยวายใส่หน้าสไมล์ด้วยความไม่พอใจทั้งๆที่เขาทำดีกับอีกคน ดูแลอีกคนอย่างดี ทำตัวเป็นพระเอกมาตลอดแล้วทำไม...ทำไมสไมล์ถึงเลือกไอ้สาม คนที่คอยทำร้ายตัวเองมาตลอด



          “ผมไม่เคยลืม แล้วก็ไม่เคยลืมว่าพี่หนึ่งดีกับผมขนาดๆไหนแต่ทำไม...ทำไมถึงเป็นแบบนี้” สไมล์ว่าด้วยเสียงที่เต็มไปด้วยความผิดหวัง ตากลมสั่นระริกจนหนึ่งหัวใจกระตุก



          “พี่หนึ่งบอกว่ารักผมแต่พี่หนึ่งกลับทำร้ายเมาส์ซึ่งเป็นเพื่อนของผม พี่หนึ่งบอกว่ารักผมแต่พี่หนึ่งกลับจะข่มขืนผม นี่มันคือความรักจริงๆเหรอ?” สไมล์ถามด้วยน้ำเสียงจริงจัง หนึ่งชะงักไปกับคำถามของอีกคน ตาคมสั่นไหวจนสไมล์สังเกตเห็นได้



          “ก็ในเมื่อพี่ไม่ได้หัวใจของสไมล์ พี่ก็ต้องได้ตัวของสไมล์ไง ในเมื่อสไมล์รักไอ้สามไปแล้ว ในเมื่อสไมล์ให้หัวใจไอ้สามไปแล้ว แล้วคนอย่างพี่จะเหลืออะไรล่ะ” หนึ่งว่าออกมาด้วยน้ำเสียงเจ็บปวด แม้ว่าความชั่วในตัวจะบอกว่าให้ทำสไมล์ให้เป็นของตัวเองซะแต่อีกใจก็รู้สึกว่ามันไม่สมควร ในหัวของเขาตอนนี้ตีกันพันยุ่งเหยิงไปหมด



           “งั้นแปลว่าพี่หนึ่งไม่ได้รักผมจริง พี่หนึ่งแค่อยากเอาชนะสามก็เท่านั้น” สไมล์ว่าเพื่อเตือนสติหนึ่ง หนึ่งชะงักไปทันทีทำท่าจะปฏิเสธออกมาแต่กลับพูดไม่ออก



          “ถ้าพี่หนึ่งคิดว่าถ้าทำผมให้เป็นของพี่หนึ่งแล้วพี่หนึ่งจะเอาชนะสามได้ พี่หนึ่งก็ทำเลยครับ ผมจะไม่ขัดขืน” สไมล์ว่าต่อก่อนจะหลับตาลง แม้ว่าในใจจะหวั่นกลัวแค่ไหนแต่ก็ต้องยอมเสี่ยง เขายังคงเชื่อว่าพี่หนึ่งไม่ได้เลวขนาดที่ว่าจะคิดไม่ได้ บางทีสิ่งที่เกิดขึ้นอยู่ตอนนี้มันอาจจะเป็นแค่อารมณ์ชั่ววูบ เขาเชื่อแบบนั้น



พรึ่บ



          “ไปซะ” หนึ่งถอนหายใจก่อนจะผละออกจากสไมล์มายืนที่ปลายเตียง สไมล์ค่อยๆลืมตาขึ้นมามองอีกคน สไมล์ค่อยๆลุกออกจากเตียงก่อนจะเดินไปที่ประตูหน้าห้อง



          “พี่ไม่เคยอยากเอาชนะสาม” หนึ่งพูดขึ้นทำให้สไมล์ชะงัก



          “พี่รักสไมล์ ไม่ว่าจะให้พี่ทบทวนความรู้สึกอีกกี่ครั้งพี่ก็ยินยันว่ารักสไมล์” หนึ่งว่าต่อด้วยน้ำเสียงเจ็บปวด สไมล์รู้สึกใจกระตุกไม่น้อยกับน้ำเสียงของอีกคนเพราะมันช่างเจือปนไปด้วยความเจ็บปวดจริงๆ สไมล์ค่อยๆหันกลับไปมองหนึ่งก็พบว่าตาคมหลั่งน้ำตาลงมาซึ่งเป็นน้ำตาของลูกผู้ชายที่สไมล์เคยเห็นครั้ง



          “แต่ถ้าพี่ทำสไมล์ นอกจากสไมล์จะไม่รักพี่แล้ว ก็คงยังจะเกลียดพี่อีกเพราะฉะนั้น...ไปซะ”



พรึ่บ

หนึ่งเบิกตากว้างอย่างตกใจเมื่ออยู่ๆสไมล์ก็เดินกลับเข้ามาโผกอดตัวเอง



          “ขอโทษนะครับ ขอโทษที่รับความรู้สึกของพี่หนึ่งไม่ได้” สไมล์ว่าออกมาด้วยน้ำเสียงเจ็บปวดเช่นเดียวกัน



ปัง!

เสียงถีบประตูดังขึ้นก่อนที่ร่างสูงของใครบางคนจะเข้ามาทันที สามชะงักเมื่อเห็นว่าคนที่เขากำลังเป็นห่วงกำลังกอดอยู่กับพี่ชายของตัวเอง



          “กลับไปเถอะ” หนึ่งค่อยๆดันสไมล์ออกก่อนจะหันไปมองหน้าน้องชายของตัวเอง



          “ฝากสไมล์ด้วย” หนึ่งพูดขึ้นก่อนจะจับมือสไมล์ไปจับเข้าที่มือของน้องชายตัวเองก่อนจะเดินออกไปโดยที่สามไม่ทันจะได้ทักท้วงอะไร ตาคมหันกลับมามองร่างบางข้างกายทั้งเป็นห่วงและรู้สึกสับสนไปหมด ทำไมอยู่ๆสองคนถึงกอดกันแล้วทำไมอยู่ๆพี่หนึ่งถึงยอมง่ายๆ



          “กลับกันเถอะ” สไมล์พูดขึ้น สามพยักหน้ารับก่อนจะพาอีกคนกลับคอนโดทันที...พอกลับมาถึงคอนโดบรรยากาสในห้องก็ตกอยู่ในความเงียบก่อนที่สามจะถอนหายใจออกมาแล้วเป็นฝ่ายพูดขึ้นก่อน



          “มีอะไรจะพูดมั้ย?”



          “อยากรู้อะไรล่ะ?” สไมล์ถามกลับ



          “ทุกเรื่อง”



          “ผมกับพี่หนึ่งเราเคลียร์กันแล้ว ก็ยังดีที่พี่หนึ่งไม่ได้ใจร้ายพอที่จะทำร้ายผม”สไมล์ตอบออกมา



          “แล้วทำไมต้องยืนกอดกันด้วยวะ” สามถามในสิ่งที่ข้องใจที่สุด



          “แล้วทำไมถึงกอดกันไม่ได้ล่ะ”



          “ก็มึง...” สามชะงักเพราะก็ยังหาเหตุผลมาตอบกับคำถามนี้ไม่ได้



          “คุณกลับไปได้แล้ว ผมอยากพักผ่อน” สไมล์พูดขึ้นพร้อมทำท่าจะลุกเข้าไปในห้องนอนแต่สามไม่ยอม ร่างสูงมาดักหน้าร่างบางไว้ก่อน     



          “ยังไม่จบ ช่วงนี้มึงหลบหน้ากูทำไม” สไมล์กัดปากกับคำถามของอีกคน



          “เพราะม๊ากูงั้นเหรอ?” สามพูดต่อ



          “จะเพราะอะไรก็ช่างเถอะ แต่ผมคิดว่าเราไม่น่าจะมีอะไรเกี่ยวข้องกันตั้งแต่แรกแล้วนี่” สไมล์ว่าแม้ว่าสิ่งที่พูดออกมาจะตรงข้ามกับสิ่งที่หัวใจตัวเองต้องการก็ตาม บางทีเรื่องของหัวใจมันก็เข้าใจยากเกินไปว่ามั้ย?



          “ทำไมจะไม่เกี่ยววะก็มึงกับกู!...” สไมล์มองหน้าอีกคนอย่างคาดหวังคำตอบสามกลืนน้ำลายลงคออึกใหญ่



          “...ก็มึงกับกู...พนันกันอยู่” ตากลมวูบไหวไปทันทีกับคำตอบของอีกคน



          “งั้นก็ยกเลิก ผมไม่อยากเล่น ไม่อยากสนุกแล้ว ต่างคนต่างอยู่เถอะ ถือว่าผมขอ” สไมล์ว่าด้วยน้ำเสียงจริงจัง อวัยวะในหน้าอกด้านซ้ายรู้สึกเจ็บหน่วงๆแปลกๆ



          “กู...”



          “ถือว่าผมขอ...เราต่างคนต่างอยู่เถอะนะ”...หลังจากที่ออกมาจากห้องของสไมล์ สามก็กลับคอนโดทันที ร่างสูงทิ้งตัวลงนินพร้อมยกมือขึ้นมาก่ายหน้าผากด้วยความเครียด แบบนี้มันดีแล้วจริงๆเหรอ? ต่างคนต่างอยู่มันดีแล้วจริงๆใช่มั้ย แต่ทำไมหัวใจของเขามันถึงเจ็บปวดขนาดนี้กันนะ...เวลาผ่านไป...สามไม่ได้นับวันนับเดือนเลยว่านานแค่ไหนแล้วที่เขาไม่ได้เจอสไมล์ แต่ถึงจะไม่ได้เจอในหัวของเขาก็มีแต่ภาพอีกคนวนเวียนเข้ามาไม่ขาดสายจนวันนี้เขาไม่สามารถทนต่อไปได้อีกแล้ว เขาจะปล่อยให้ตัวเองเป็นแบบนี้ไม่ได้แล้ว



          “อ๊ะ” สไมล์ผงะอย่างตกใจพร้อมกับดวงตากลมที่เบิกขึ้นเมื่อเจอสามมาอยู่ที่หน้าตึกคณะ หลังจากที่ไม่ได้เจอกันเกือบสามเดือน



          “พี่เขามาหาแกเหรอ” ผิงถามขึ้น เพราะหลังๆมานี้ก็ไม่ได้เจอหนุ่มหล่อที่มาจีบเพื่อนสนิทอีกเลย ส่วนเมาส์หลังจากที่เกิดเรื่องวันนั้นก็ไม่กล้าสู้หน้าสไมล์ สไมล์จึงเป็นฝ่ายเข้าไปคุยและบอกจากใจว่าไม่ได้โกรธเมาส์ เมาส์บอกว่าตัวเองเลิกติดต่อกับพี่หนึ่งไปแล้ว สาเหตุก็เพราะทั้งรู้สึกผิดต่อสไมล์และรู้สึกเจ็บปวดหัวใจที่รักคนที่ไม่ได้รักตัวเองแถมยังโง่ให้เขาหลอกใช้ ดังนั้นสไมล์ ผิง เมาส์จึงกลับมาเป็นเพื่อนรักกันดั่งเดิม



          “ไม่หรอก คงมาหาคนอื่น” สไมล์ตอบพร้อมกำลังจะเดินไปเพื่อนๆแต่สามก็มาดักหน้าเอาไว้



          “ไปด้วยกันหน่อย” สามคว้าแขนสไมล์เอาไว้พร้อมพูดขึ้น



          “จะไปไหน ผมไม่ไปนะ” สไมล์ทำท่าประค้วงแต่สามไม่ยอม ร่างสูงพาอีกคนมาที่รถก่อนจะจับอีกคนขึ้นรถแล้วออกรถทันที



          “คุณจะพาผมไปไหน”



          “ไปบ้านกู” สไมล์เบิกตากว้างอย่างตกใจทันที



          “ผมไม่ไป จอดรถนะ ผมบอกให้จอดไง!” สไมล์ว่าเสียงดังพร้อมกับพยายามยื้อพวงมาลัยรถของสามเอาไว้ทำให้สามต้องเลี้ยวเข้าข้างทางทันที



เอี้ยดดดดดด



          “อยากตายหรือไง!!” สามว่าเสียงดัง



          “ก็ผมบอกแล้วไงว่าผมไม่ไป  บอกแล้วไงให้ต่างคนต่างอยู่ เกมส์พนันมันจบไปแล้ว” สามถอนหายใจออกมากับคำพูดของอีกคน



          “แล้วถ้ากูไม่จบล่ะ ถ้าสิ่งที่กูทำอยู่มันไม่ใช่เกมส์พนัน มันเป็นความรู้สึกกูจริงๆล่ะ” สไมล์ชะงักทันทีกับคำพูดของอีกคน ตากลมสั่นระริกไปหมด



          “กูไม่รู้หรอกนะว่าแม่งเป็นแบบนี้ได้ยังไง ทั้งๆที่กูต้องเกลียดมึงแต่กู...กู...”สไมล์มองหน้าสามอย่างคาดหวังคำตอบ



          “กูรักมึง” สามคำสั้นๆทำเอาโลกทั้งใบของสไมล์หยุดหมุนไปทันที หอวัยวะในหน้าอกด้านซ้ายเต้นแรงจนแทบจะหลุดออกมา สไมล์ไม่รู้ว่าตัวเองกำลังทำหน้าอะไรอยู่ตอนนี้แต่ที่รู้ๆคือมันต้องตลกมากแน่ๆ



          “ผม...”



          “มึงก็รักกู ใช่มั้ยล่ะ?”



          “ความรู้สึกของผมจะเป็นยังไงมันก็ไม่สำคัญเท่ากับว่าแม่ของคุณคงไม่ยอมรับเรื่องนี้หรอก เพราะฉะนั้นปล่อยให้มันผ่านไปเถอะ” สไมล์ว่าด้วยน้ำเสียงอ่อนแรง พอนึกถึงตรงนี้ก็ยิ่งรู้สึกเจ็บทั้งๆที่เมื่อกี้พึ่งหัวใจเต้นแรงเพราะคำบอกรักของอีกคน แต่พอนึกถึงความเป็นจริงแล้ว...เรารักกันไม่ได้



      “ไม่! กูไม่ยอม!” สามว่าอย่างเอาแต่ใจ



          “คุณก็รู้ว่าเรื่องของเรามันเป็นไปไม่ได้ เรารักกันไม่ได้!”         สไมล์เองก็ตะโกนกลับมา



          “แค่มึงรักกู กูรักมึงก็พอ คนอื่นไม่มีสิทธิ์ตัดสิน!!”

 

         “แต่คนอื่นที่ว่าก็คือแม่ของคุณ!” บรรยากาศบนรถตกอยู่ในความเงียบอีกครั้งสามถอนหายใจออกมาก่อนจะออกรถ



          “คุณจะไปไหน”

 

         “กูจะพามึงไปหาม๊า”...สไมล์รู้สึกเกร็งไม่ใช่น้อยที่กลับมาที่บ้านของอีกคนอีกครั้ง ภาพวันวานเก่าๆย้อนกลับคืนมาในหัวทั้งที่มีความสุขและมีความทุกข์ไปพร้อมๆกัน



          “สไมล์”



          “ลุงนที!” สไมล์ยิ้มกว้างทันทีที่เจอบุคคลที่เขารักและเคารพ สไมล์รีบเข้าไปโผกอดลุงนทีด้วยความคิดถึงซึ่งนทีเองก็เช่นกัน



          “เป็นไงมายังไง ทำไมถึงมากับเจ้าสามล่ะ” นทีถามพร้อมหันไปมองลูกชาย



          “ป๊าครับ ผมจะคบกับสไมล์” ทั้งสไมล์และผู้เป็นพ่อเบิกตากว้างอย่างตกใจทันทีกับคำพูดของสาม



          “วะ...ว่าไงนะ”



          “ผมกับสไมล์เรารักกัน” สามตอบ นทีหันมามองหน้าไสม,ทันทีก็เห็นว่าสไมล์ก้มหน้าก้มตาก็แปลว่าสิ่งที่ลูกชายพูดคงเป็นความจริง



          “ป๊าจะไม่ถามหรอกนะว่าเป็นไงมายังไง แต่ป๊าของสั่งเลยว่าสไมล์ก็เหมือนลูกของป๊าอีกคนเพราะฉะนั้น...”



          “แกมาที่นี่ทำไม!!” เสียงอขงคุณผู้หญิงของบ้านดังขึ้นพร้อมกับแม่ของสามที่เดินเข้ามาหาสไมล์ทันที



          “ผมเป็นคนพาสไมล์มาครับม๊า”



          “ทำไม? หมายความว่ายังไง”



พรึ่บ

อยู่ๆสามก็คุกเข่าลงกับพื้นต่อหน้าผู้เป็นแม่ซึ่งสร้างความตกใจให้ผู้เป็นพ่อ แม่และสไมล์อย่างมาก



          “ผมรักสไมล์ อนุญาตให้เราได้คบกันนะครับม๊า” ผู้เป็นแม่เบิกตากว้างด้วยความตกใจทันที



          “ทะ...ทำไม...”



          “ผมไม่เคยขออะไรม๊ามาก่อน ครั้งนี้ผมขอจริงๆ ผมรักสไมล์” สามว่าพร้อมมองหน้าผู้เป็นแม่อย่างจริงจัง สไมล์เห็นอีกคนทำแบบนั้นก้คุกเข่าลงอีกคน



          “ผม...ผมอาจจะทำให้คุณผู้หญิงเกลียด ทำให้คุณผู้หญิงไม่พอใจแต่ผม...เอ่อ...ผมรักสามครับ” สามหันไปมองหน้าสไมล์ทันที ตาคมสบเข้ากับตากลมอย่างลึกซึ้งจนสไมล์รู้สึกเขินขึ้นมาแปลกๆ



          “ไม่! ฉันไม่ยอม! แกจะคบกับใครที่ไหนก็ได้แต่ต้องไม่ใช่มัน!!” คุณผู้หญิงของบ้านโวยวายเสียงดัง



          "อย่าทำแบบนี้นะคุณหญิง!!! " ผู้เป็นสามีพูดขัดขึ้นด้วยความไม่พอใจ



          “แต่เด็กนี่มัน....”



          “เรื่องในอดีตมันไม่เกี่ยวกับสไมล์เลิกสักนิด...สามสไมล์ลุกเถอะ ป๊าอนุญาตส่วนม๊าปล่อยคนอคติคนนี้ไปเถอะ” พูดจบผู้เป็นประมุขของบ้านก็เดินเข้าบ้านไปทันทีก่อนจะถูกผู้เป็นภรรยาเดินตามเข้าไป สามกับสไมล์ลุกขึ้นก่อนจะหันมามองหน้ากัน



          “วันนี้ม๊าไม่ยอมกูเชื่อว่าต่อไปม๊าจะใจอ่อน” สามว่าพร้อมเอามือสไมล์มาจับไว้



          “แล้วถ้าแม่ของคุณไม่ยอมล่ะ?”



          “ถึงอย่างนั้นกูก็ไม่เลิกกับมึงหรอก รักไม่ได้ก็เป็นไรแค่ได้รักก็พอ” สไมล์คลี่ยิ้มทันทีกับคำพูดของอีกคน



          “นั่นสินะ...รักไปแล้ว”

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

End

จบแล้วจ้า!!!!!!! เป็นเรื่องที่ใช้เวลายาวนานเหมือนกัน 5555555 ขอบคุณทุกคนที่ติดตามกันมาตลอดนะคะ เนื้อเรื่องอาจจะน่าเบื่อ ไม่น่าสนใจแต่ก็ยังติดตามกันขอบคุณจากใจจริงค่า ยังไงก็ฝากติดตามเรื่องสุดท้ายของเซตด้วยนะคะ  http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=55595.0

___จางบิวตี้___

ออฟไลน์ Wut_Sv

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 902
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +21/-1
จบแบบนี้จริงหรอเนี่ยยยยยย :sad4: :sad4: :sad4:

จนแล้วจนรอดคู่นี้ก็ยังไม่ได้กันจนจบเรื่อง 555 :laugh: :laugh: :laugh:

ไปอ่านเรื่องใหม่ต่อโลด

ออฟไลน์ เข็มวินาที

  • Those who make the worst use of their time are the first to complain of its shortness
  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 190
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +11/-0
ก็ยังชอบอยู่ดีค่ะ ตามเรื่องต่อไปเนอะ :กอด1: :pig4:

ออฟไลน์ crazydoii

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 858
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +6/-1
จบแล้วหรอ?? จะมีตอนพิเศษป่าวอ่
กำลังสนุกเลย,,,,

ออฟไลน์ twinmonkey0311

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5480
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +110/-9

ออฟไลน์ cheyp

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1536
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +49/-0
จบเก๋มาก
แต่อดเสียดายไม่ได้ที่ไม่ได้เคลียร์เรื่องแม่มหาภัยนะ

ออฟไลน์ boonpa

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2359
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +132/-9
 :pig4: จบแบบนี้ดีค่ะ ต้องให้เวลาแม่ทำใจด้วย ถ้าแม่รับได้เลยเราว่าคงเกินไป

ออฟไลน์ titansyui

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2386
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +119/-0

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด