Poor Boy…รักไม่ได้ [Yaoi Boy’s Love] อัพตอน20 (12/09/59) End
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: Poor Boy…รักไม่ได้ [Yaoi Boy’s Love] อัพตอน20 (12/09/59) End  (อ่าน 61478 ครั้ง)

ออฟไลน์ everlastingly

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 476
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +19/-1
 :pig4: ถือว่าสไมล์ยังทำบุญมาดีที่หลุดพ้นจากอิสามและคุณหญิงสักที แต่อิสามชั่วจริงๆ นะที่จะข่มขืนคนที่ไม่สามารถช่วยเหลือตัวเองได้อย่างสาม คนอ่านสงสารพี่หนึ่งจริงๆ

ออฟไลน์ Pe_no

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 375
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +5/-0
 ติดตาต่อไปค่ะ:mew2:

ออฟไลน์ cheyp

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1536
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +49/-0
เยี่ยมมาก
ได้กลับไปอยู่กับครอบครัวอีกครั้งนะสไมล์

ออฟไลน์ Jang_B2UTY

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 382
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +83/-5
Poor Boy 4

( Grammar x Song )

 

        สองไม่เข้าใจว่าทำไมภาพของใครบางคนต้องมาปรากฏในหัวของเขาตลอดเวลา ทั้งๆที่ออกจะไม่ชอบขี้หน้าอีกคนแท้ๆแต่ทำไม...



          “ออกไปจากหัวฉันนะไอ้เด็กบ้า” สองว่าก่อนจะส่ายหัวไปมา



          “พี่ทำไร” เสียงทุ้มของน้องชายดังขึ้นทำให้สองที่กำลังนั่งดูทีวีอยู่หันไปมอง



          “เปล่า” สองว่า



          “นี่จะไปไหนน่ะ” สองถามขึ้นเมื่อเห็นว่าน้องชายตัวดีทำท่าจะออกจากบ้านไป



          “ไปกับเด็ก” สามตอบ สองขมวดคิ้วแต่ก็ไม่ได้ทักท้วงอะไรก่อนที่น้องชายตัวดีของเขาจะออกจากบ้านไป ตอนนี้ในบ้านถ้าไม่นับแม่บ้านก็เหลือเพียงสองคนเดียวคุณพ่อกับพี่หนึ่งไปทำงาน คุณแม่ไปสมาคม น้องชายตัวดีก็พึ่งออกเมื่อกี้ส่วนสไมล์...เด็กนั่นออกจากบ้านของเขาไปแล้วล่ะตั้งแต่เมื่อสองอาทิตย์ก่อน  ถามว่าบ้านเงียบมั้ยก็ถือว่าปกติแต่สำหรับสองก็รู้สึกใจหายไม่น้อยเพราะอีกคนก็อยู่ด้วยกันมาหลายเดือนแม้ว่าสองจะไม่เคยทำดีหรือพูดดีอะไรกับสไมล์เท่าไหร่แต่เขาก็รู้สึกสงสารและเห็นใจสไมล์ไม่น้อยเพราะอีกคนก็เป็นเด็กดี ส่วนพี่ชายของเขา...รายนั้นซึมไปทีเดียว โหมงานหนักเพื่อไม่ให้ตัวเองคิดถึงสไมล์ส่วนน้องชายตัวดีของเขา...ก็อย่างที่เห็น เปลี่ยนคู่ควงบ่อยยิ่งกว่าเปลี่ยนกางเกงในเสียอีก



เอี๊ยดดดดด

เสียงล้อรถครูดไปกับพื้นคอนกรีตทำให้สองที่กำลังดูทีวีอยู่หันไปสนใจ



          “ใครมาน่ะ” สองถามสาวใช้ขึ้น



          “เอ่อ...พะ...”



          “ผมเองงงง” เสียงทุ้มดังขึ้นทำให้สองหันขวับไปมองทันทีก่อนจะพบกับคนที่ชอบมาวนเวียนในหัวของเขาตลอดเวลาทั้งๆที่ไม่ได้เจอหน้ากันเกือบสัปดาห์



          “นาย!” สองชี้หน้าอีกคน



          “คิดถึงพี่จังเลย” แกรมม่าว่าเสียงทะเล้นทำท่าจะโผเข้ากอดร่างบางแต่สองก็ผลักออกอย่างรวดเร็ว



          “อย่ามาทำเนียน” สองว่า แกรมม่าหัวเราะในลำคอเบาๆก่อนจะยื่นถุงบางอย่างให้กับร่างบาง สองขมวดคิ้ว



          “อะไร”



          “ผมพึ่งลงใต้ไปกับคุณตาคุณยายน่ะเลยซื้อของมาฝาก” แกรมม่าว่า สองรับมาก่อนจะเปิดถุงดู



          “ไอ้บ้า!” สองว่าเสียงดังก่อนจะปาใส่อีกคนอย่างแรง แกรมม่าหัวเราะลั่นท่ำด้แกล้งอีกคนก่อนจะหยิบชุดว่ายน้ำที่เป็นบิกินี่ลายเสือดาวขึ้นมา



          “อะไรอ่ะ พี่ไม่ชอบเหรอ?” แกรมม่าถาม



          “เก็บไว้ใส่เองเถอะ!” สองว่าก่อนจะเดินหนีแกรมม่าหัวเราะพร้อมกับเดินตาม



          “ออกไปจากบ้านฉันเลย สามไม่อยู่” สองว่า



          “ผมไม่ได้มาหามัน ผมมาหาพี่” แกรมม่าตอบด้วยเสียงทะเล้นตามเดิม



          “มาทำไม ไม่ต้อนรับ กลับไปเลย” สองออกปากไล่พร้อมเดินหนีแต่แกรมม่าไม่ยอม ร่างสูงเดินมาดักหน้าร่างบางไว้



          “คิดถึง” แกรมม่าว่าด้วยน้ำเสียงจริงจังพร้อมกับตาคมสบเข้ากับตาเรียวทำให้สองรู้สึกหวั่นไหวขึ้นมาแปลกๆ



          “พี่ไม่คิดถึงผมบ้างหรือไง?” แกรมม่าถามเมื่อเห็นว่าอีกคนเงียบไป สองกัดปากหลับสายตาของอีกคนที่มองมาอย่างสื่อความหมาย ให้ตายสิ...โคตรเกลียดตัวเองตอนนี้เลย ทั้งหัวใจเต้นแรง ใบหน้าร้อนผ่าว ความรู้สึกแบบนี้ไม่ใช่ไม่รู้ว่าคืออะไรเพียงแต่สองไม่อยากจะยอมรับมันก็เท่านั้น



          “ตอบมาสิครับ” แกรมม่าถามย้ำ



          “มะ...ไม่” สองตอบอย่างไม่เต็มเสียงนัก



          “จริงเหรอ? ทำไมไม่สบตาผมล่ะ?” แกรมม่าว่าพร้อมกับขยับตัวเข้ามาใกล้อีกคน สองพยายามขยับถอยหลังหนีแต่แกรมม่ามาไม่ยอม มือหนาคว้าเอวอีกคนเอาไว้ทำให้ระยะห่างระหว่างใบหน้าของทั้งคู่ห่างกันไม่ถึงสองคืบ



          “จะทำอะไรน่ะ” สองถามเสียงสั่นๆ



          “ก็กำลังเค้นคำตอบจากคนปากแข็งไงครับ ไหนตอบอีกทีสิว่าคิดถึงผมมั้ย”แกรมม่าว่า สองเงยหน้าขึ้นมาสบตาคมด้วยนัยน์ตาสั่นระริกด้วยความหวั่นไหว



          “มะ...อื้ออออ” เสียงหวานถูกดูดกลืนเข้าไปในลำคอทันทีที่กำลังจะตอบปฏิเสธออกมา  สองเบิกตากว้างอย่างตกใจในการกระทำที่อุกอาจของอีกคนจนเผลอเผยปากให้ลิ้นหนาสอดแทรกเข้ามา ลิ้นหนาเกี่ยวพันกับลิ้นบางอย่างร้อนแรงปนอ่อนโยนแทนความรู้สึกโหยหาที่ไม่ได้เจอกันเป็นสัปดาห์ สองร้องอื้ออึ้งในลำคอเพราะรสจูบของอีกคน มือบางยึดไหล่หนาเป็นที่พึ่งเนื่องจากแข้งขาอ่อนเปลี้ยจนแทบล้มไปกองกับพื้น



          “อ๊ะ...ขอโทษค่ะ” เสียงของสาวใช้ดังขึ้นทำให้ทั้งคู่ผละออกจากกันทันที สองหน้าแดงก่ำด้วยความอายแต่แกรมม่ากลับยิ้มระรื่นหน้าบาน



          “แค่ทักทายกันประสาฝรั่งน่ะครับ” แกรมม่าหันไปพูดกับสาวใช้ สาวใช้พยักหน้ารับก่อนจะหัวเราะคิกคักจนสองหน้าแดงยิ่งกว่าเดิมแล้วเดินออกไป



          “ไอ้เด็กบ้า!” สองด่าอีกคนเสียงดัง ใบหน้าใสยังคงแดงก่ำจนแกรมม่ารู้สึกเอ็นดูอีกคนไม่น้อย สองแตกต่างจากหลายๆคนที่แกรมม่าเคยเจอเมา ปกติเขาจะเจอแต่พวกร้อนแรง ประสบการณ์เจนจัดต่างจากอีกคนที่แม้จะทำปากดี เชิด หยิ่งแต่ความจริงกลับอ่อนประสบการณ์ ไร้เดียงสากับเรื่องแบบนี้มาก เพียงแค่ดูจากรสจูบแกรมม่าก็รับรู้ได้แล้วล่ะ



          “เขินเหรอ หน้าแดงเชียว” แกรมม่าแซว



          “ไม่มีทาง!” สองปากดี



          “ไม่เขิน งั้นจูบใหม่นะ” สองเอามือขึ้นมาปิดปากตัวเองทันทีกันอีกคนเข้ามารุกราน แกรมม่าหัวเราะลั่นที่ได้แกล้งอีกคน สองมองอีกคนตาเขียวด้วยความไม่พอใจ



          “คิดว่าฉันเป็นเพื่อนเล่นหรือไงฮะ!”



          “แล้วอยากเล่นๆกับผมมั้ยล่ะ?” แกรมม่าว่าเสียงเจ้าเล่ห์ ถ้าเป็นแต่ก่อนสองคงหน้าร้อนวูบวาบกับสบตาเจ้าเล่ห์ของอีกคนไปแล้วแต่ตอนนี้กลับรู้สึกว่าอีกคนแค่มาเล่นๆไม่ได้คิดจะจริงจังอะไรทั้งนั้น



          “เฮอะ ถ้าอยากเล่นก็ไปเล่นกับคนอื่น ฉันไม่ใช่ของเล่นของนาย” สองว่าเสียงจริงจังพร้อมมองอีกคนอย่างไม่พอใจ แกรมม่าขมวดคิ้วทันทีกับท่าทางที่เปลี่ยนไปของอีกคน เมื่อกี้ก็ยังดีๆอยู่ทำไมตอนนี้?



          “ผมไม่ได้หมายความแบบนั้น” แกรมม่าค้าน



          “แล้วหมายความว่ายังไงล่ะ นอกจากคิดว่าฉันเป็นของเล่นของนาย” สองว่าออกมา



          “มันจะไปกันใหญ่แล้วพี่” แกรมม่าเถียงแต่สองไม่สนใจร่างบางหันหลังหนีทำท่าจะเดินขึ้นชั้นบนแต่แกรมม่าไม่ยอม ร่างสูงวิ่งมาดักหน้าร่างบางเอาไว้



          “อย่าหนีดิ คุยกันก่อน” แกรมม่าว่า



          “บอกว่าไม่มีอะไรจะคุยแล้ว ออกไปจากบ้านฉันได้ละ” สองว่าตัดบทแต่แกรมม่าไม่ยอม มือหนาคว้าแขนเรียวเอาไว้ทำให้สองหันมามองอย่างไม่พอใจ



          “จะวุ่นวายอะไรกับฉันอีกฮะ ล้อเล่นกับฉันสนุกนักหรือไง!” สองว่าเสียงดังอย่างใส่อารมณ์



          “ผมบอกตอนไหนว่าผมล้อเล่นกับพี่” แกรมม่าว่า



          “ก็สิ่งที่นายทำที่นายพูดไง เฮอะ จะบอกไว้ให้นะว่าฉันไม่หลงกลคำพูดและการกระทำของนายง่ายๆหรอก ฉันไม่ใช่ไก่อ่อนให้นายมาปั่นหัวเล่น” สองว่าพร้อมกับสะบัดมือหนาออกอย่างแรงก่อนจะเดินหนี



          “ผมบอกว่าผมไม่ได้ล้อเล่นไง!...” แกรมม่าตะโกนเสียงดังแต่สองก็ไม่หยุดเดิน



          “...สิ่งที่ผมทำ ผมพูด ผมจริงจัง!...” แกรมม่าว่าต่อ สองกัดปากกับคำพูดของอีกคนแต่ก็ยังไม่หยุดเดิน



          “ผมชอบพี่ คบกันนะ!”

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

กด1 คบ กด2 ไม่คบ 555555 คู่นี้เน้นเบาๆเนอะ เต๊าะกันไปด่ากันมา หวั่นไหวบ้างพอหอมปากหอมคอ 5555 ยังไงก็ฝากติดตามด้วยนะคะ

___จางบิวตี้___

ออฟไลน์ Wut_Sv

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 903
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +21/-1
ถ้าชอบเค้าก็ทำ ก็พูด ให้มันจริงใจกว่านี้หน่อยได้มั้ยเนี่ย ทำเป็นหมาหยอกไก่ เป็นใครก็โมโหอ่ะ เกลียดไอ้คู่หู สามแกรมม่าจริงๆเลย หึยๆๆ :katai1: :katai1: :katai1:

ออฟไลน์ crazydoii

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 858
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +6/-1
จะเป็นยังไงต่อนะ อยากรู้,,,

ออฟไลน์ ♥►MAGNOLIA◄♥

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7538
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +193/-11
รอ ทั้งคู่ เข้าใจกัน :mew1: :mew1: :mew1:

ออฟไลน์ Jang_B2UTY

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 382
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +83/-5
Poor Boy 5

( Grammar x Song )

 

        แม้ว่าวันนั้นสองจะไม่ได้ตอบรับว่าจะคบกับอีกคนแต่แกรมม่าก็ยังคอยมาหาอีกคนตลอดเพื่อทำคะแนนให้สองใจอ่อน สองเองแม้ว่าจะพยายามปิดใจตัวเองแต่บางครั้งก็ดันเผลอไปหวั่นไหวกับอีกคนเสียได้จนตอนนี้ยอมรับเลยว่า80เปอร์เซ็นของหัวใจโอนอ่อนไปกับอีกคนเสียแล้ว



          “ไปกินข้าวกันนะ” แกรมม่าว่าหลังจากที่เดินออกจากโรงหนัง วันนี้แกรมม่ามารับสองมาดูหนังที่ห้างสรรพสินค้าใจกลางเมือง ตอนแรกสองก็ทำเล่นตัวไม่อยากมาแต่เจอลูกอ้อนของอีกคนไปนิดหนึ่งก็ยอมมาจนได้



          “อยากกินปังเย็น” สองว่า



          “กินข้าวก่อนดิ ปังเย็นค่อยกินทีหลัง” แกรมม่าค้าน เพราะว่าช่วงนี้ออกไปไหนมาไหนด้วยกันบ่อยทำให้แกรมม่าเริ่มรู้จักอีกคนมาขึ้นถึงได้รู้ว่าสองเป็นคนที่โปรดปรานของหวานมากๆโดยเฉพาะปังเย็น



          “กินข้าวก่อนมันก็อิ่มดิแล้วจะกินปังเย็นได้ไง” สองเถียงทำหน้างอ แกรมม่ายิ้มๆบีบปากเชิดๆของอีกคนอย่างหมั่นเขี้ยวจนสองตีแผงอกอีกคนให้ปล่อย



          “อย่าดื้อน่า โตแล้วนะครับพี่”



          “ชิ ไม่ได้ดื้อซะหน่อย” สองเถียง



          “ถ้าไม่ได้ดื้อก็ต้องกินข้าวก่อนแล้วค่อยกินของหวาน” สองกัดปากอย่างเถียงไม่ได้ แกรมม่ายกยิ้มก่อนจะจับมือบางเดินไปที่ร้านอาหารทันที เป็นแบบนี้ทุกครั้งที่มาด้วยกัน แรกๆสองก็ไม่ยอมหรอกแต่หลังๆกลับรู้สึกว่า...มือของอีกคนมันอบอุ่นดี



          “ทำไมกินนิดเดียว” แกรมม่าว่าเมื่อสองกินข้าวไม่กี่คำก็วางช้อนส้อม



          “อิ่มไง” สองว่า แกรมม่าขมวดคิ้ว



          “อิ่มหรือจะเก็บท้องไปกินปังเย็น” แกรมม่าว่าอย่างรู้ทัน สองเงียบเถียงไม่ออกแกรมม่าส่ายหัวไปมา



          “กินอีกนิดสิครับ พี่กินแค่นี้จะไปโตได้ยังไง อย่ามัวแต่ห่วงกินของหวานสิ” แกรมม่าว่าดุๆ สองเบ้ปากใส่



          “บ่นเป็นพ่อ” สองอุบอิบ แกรมม่ายกยิ้มก่อนจะยื่นหน้าเข้าไปใกล้จนสองผงะ



          “ไม่อยากเป็นพ่อแต่อยากเป็นแฟนมากกว่า”...วันนี้เป็นวันเกิดของแกรมม่าซึ่งสองรู้ดี เห็นน้องชายตัวดีของเขาบอกว่าปีนี้แกรมม่าไม่จัดเลี้ยงที่ไหน ปกติตอนอยู่อังกฤษจะปิดผับเลี้ยงตลอด สองไม่อยากเข้าข้างตัวเองแต่ก็ขอเข้าข้างเสียหน่อยเพราะเมื่อคืนแกรมม่าโทรมาบอกว่าคืนนี้จะพาเขาไปดินเนอร์ ซึ่งหมายความว่าวันเกิดปีนี้อีกคนอยากอยู่กับเขาสองคนเท่านั้น พอคิดได้แบบนี้แก้มใสก็ร้อนผ่าว หัวใจเต้นแรงขึ้นมา ไม่ชอบอาการแบบนี้เลย ไม่อยากให้อีกคนรู้เลยว่าตอนนี้เราหวั่นไหวขนาดไหนแล้ว



          “พี่กับไอ้แกรมคบกัน?” สามถามขึ้นขณะที่สองเดินลงมาจากชั้นบนของบ้านเพื่อรอแกรมม่ามารับ



          “บ้า ไม่ได้คบ” สองรีบเถียงแต่ใบหน้าใสกลับขึ้นสี



          “หึๆ พี่จะคบกับมันผมไม่ห้ามหรอกแต่แค่อยากให้แน่ใจจริงๆ แกรมม่ามันเป็นคนดีนะสำหรับเพื่อน แต่สำหรับคนรักผมก็ไม่แน่ใจ” สามว่าเสียงเรียบแต่ก็ไม่ได้หันมามองสองในมือกดโทรศัพท์ยิกๆเหมือนไม่ใส่ใจในสิ่งที่พูดออกมาแต่ในใจก็เป็นห่วงพี่ชายไม่น้อย ไม่ใช่ว่าไม่ไว้ใจเพื่อนแต่ก็กลัวว่าเพื่อนจะทำให้พี่ชายเสียใจ



          “ฉัน...” สองกัดปากทำหน้าลังเลใจ



          “ทำตามใจตัวเองก็แล้วกัน อย่าให้อะไรๆมันช้าไป” สามว่า ประโยคหลังแผ่วลงจนสองรู้สึกสงสารน้องชายขึ้นมา อยู่ๆน้องชายตัวดีของเขาก็เปลี่ยนไปตั้งแต่สไมล์หายไป สามเคยเที่ยวสาวหนักมากช่วงหนึ่งแต่อยู่ๆอีกคนก็เก็บตัวเงียบแบบแปลกๆสองไม่รู้หรอกว่าสามรู้สึกยังไงกับสไมล์แต่การจากไปของสไมล์คงทำให้สามรู้สึกไม่ดีไม่น้อย



          “ช่วงนี้ไม่เจอมึงเลยว่ะ” แกรมม่าทักขึ้นเมื่อเจอสาม



          “หึๆ ไม่เจอกูแต่เจอพี่กูทุกวัน” สามว่าอย่างแซวๆ



          “วันนี้ยืมตัวพี่มึงหน่อยนะ จะดูแลอย่างดี” แกรมม่าว่า ก่อนจะเดินเข้าไปหาสองแล้วจับมือบางเดินออกจากบ้านไปแต่ไม่วายได้ยินเสียงของสามตะโกนตามหลังมา



          “จะทำอะไรก็เบาๆนะพี่กูไม่เคย!”



          “ไอ้น้องบ้า!!” สองหันไปตะโกนด่าน้องชายทันที ใบหน้าหวานแดงก่ำไปหมด...แกรมม่าจองโต๊ะอาหารสำหรับดินเนอร์ที่ดาดฟ้าโรงแรมใจกลางเมือง สองรู้สึกตื่นเต้นไม่น้อยเมื่อมาถึง ดาดฟ้าของตึก20ชั้นทำให้เห็นบรรยากาศรอบๆของเมืองหลวงยามค่ำคืนสวยมากจนสองไม่อยากจะละสายตา ปากบางเผยยิ้มกว้างจนแกรมม่าต้องยิ้มตาม



          “ชอบมั้ย?” แกรมม่าถามขึ้น สองพยักหน้ารับ



          “คืนนี้ผมอยากฉลองวันเกิดกับพี่สองคน” แกรมม่าว่าก่อนจะจับมือบางเดินไปที่โต๊ะนั่งที่จองไว้ ซึ่งทั้งดาดฟ้ามีเพียงโต๊ะเดียวเท่านั้นเพราะแกรมม่าสั่งปิดร้านเพื่อดินเนอร์กับอีกคนเท่านั้น



          “น่ากิน” สองว่าเมื่ออาหารมาเสิร์ฟ



          “งั้นก็กินเยอะๆนะครับ” แกรมม่าว่า ระหว่างกินนอกจากบรรยากาศดีๆของเมืองหลวงยามค่ำคืนแล้วยังมีเสียงเพลงเพราะๆจากไวโอลินที่บรรเลงเคล้าคลออย่างไพเราะทำให้ดินเนอร์มื้อนี้เต็มไปด้วยความหมอหวานระหว่างคนทั้งคู่



          “ผมชอบที่นี่ ชอบประเทศไทย” แกรมม่าพูดขึ้นหลังจากที่กินข้าวกันเสร็จ แกรมม่าพาสองมายืนอยู่ที่ขอบระเบียงดาดาฟ้าเพื่อเชยชมวิวยามค่ำคืน



          “แล้วทำไมถึงไปอยู่ที่อังกฤษ” สองถาม



          “ผมเกเรมั้ง หึๆ พ่อกับแม่ถึงไม่ไว้ใจ เลยเอาไปอยู่ด้วยเพราะคิดว่าตากับยายคงปรามผมไม่ได้แน่ๆ” แกรมม่าเล่าเรื่องของตัวเองอย่างขำๆ



          “แล้วไปอยู่นั่นพ่อแม่ปรามได้มั้ยล่ะ” แกรมม่าส่ายหน้ายิ้มๆ



          “นอกจากปรามไม่ได้แล้วผมยังเกเรหนักกว่าเดิมอีก” สองยิ้มนิดๆกับคำบอกเล่าของอีกคน รู้สึกสบายใจขึ้นมาที่อยู่ๆก็ได้พูดคุยอะไรแบบนี้กับอีกคน ระยะเกือบสามเดือนที่รู้จักกันมาอย่างจริงๆจังๆน้อยครั้งที่จะได้พูดคุยอะไรกันแบบนี้ ไม่ทะเลาะกันก็เถียงกันไปมาเพราะอีกคนกวนประสาท



          “ตอนอยู่นั่นนายคงตัวพ่อเลยสินะ” สองว่าแขวะๆ แกรมม่าหัวเราะ



          “แน่นอนสิ ผมหล่อนะ...” สองเบ้ปากใส่



          “...แต่ตอนนี้ผมเปลี่ยนไปแล้วนะ” แกรมม่าว่าต่อก่อนจะมองหน้าอีกคนอย่างจริงจัง สองหัวใจกระตุกกับสายตาที่อีกคนมองมา



          “ไม่รู้พี่จะเชื่อผมหรือไม่แต่ผมยังยืนยันว่าผมชอบพี่ ผมอยากคบกับพี่” สองหน้าร้อนฉ่ากับคำสารภาพของอีกคนที่ได้ยินเป็นครั้งที่สอง ตอนนั้นว่าหวั่นไหวแล้วตอนนี้กลับหวั่นไหวยิ่งกว่า หัวใจเต้นแรงจนแทบจะหลุดออกมานอกอก



          “ฉัน...” สองกัดปากทำหน้าลังเลแต่อยู่ๆคำพูดของน้องชายตัวดีก็เข้ามาในหัว



        ‘ทำตามใจตัวเองก็แล้วกัน อย่าให้อะไรๆมันช้าไป’ สองช้อนตามองหน้าอีกคนที่มองมาที่เขาอย่างสื่อความหมาย



          “คบกันนะ” แกรมม่าขอคบอีกครั้ง สองนิ่งไปจนแกรมม่ารู้สึกหวั่นใจก่อนที่...



จุ๊บ



          “อื้ม” สองเขย่งจุ๊บที่ปากหนาเบาๆก่อนจะตอบรับ



          “อื้อออออ” สองร้องประท้วงทันทีที่อีกคนประกบจูบลงมาอย่างร้อนแรงหลังจาที่เขาตอบรับ สองดันอีกคนออกทันทีที่เริ่มหายใจไม่ออก



          “เด็กบ้า หายใจไม่ออก!” สองโวยวาย



          “ก็ผมดีใจนี่ ดีใจที่พี่ตอบรับผม” แกรมม่าว่าพร้อมรอยยิ้ม สองยิ้มตาม



          “ฉันเป็นคนขี้หึง ขี้หวงเพราะฉะนั้นห้ามนอกใจ!” สองว่าอย่างออกคำสั่ง แกรมม่าหัวเราะ



          “ถ้าผมนอกใจล่ะ?” แกรมม่าแกล้งถาม สองทำหน้างอ



          “ถ้านอกใจจะตัดให้เป็ดกิน!” แกรมม่าชะงักก่อนจะหัวเราะลั่นกับคำขู่น่ารักๆของอีกคน



          “ก่อนให้เป็ดกิน ผมขอกินพี่ก่อนนะ จะได้ตายตาหลับ” แกรมม่าว่ากระลิ้มกระเหลี่ย หน้าเจ้าเล่ห์ใส่จนสองหน้าร้อนผ่าว



          “ไอ้เด็กบ้า!”

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

คบกันแล้วจ้า!!!! แต่เรื่องราวยังไม่จบเนอะ มันแค่เริ่มต้นเท่านั้น อิๆ ตอนหน้าใครรอน้องสไมล์ นางกลับมาแล้วน้า ยังไงก็ฝากติดตามด้วยนะคะ จุ๊บๆ

___จางบิวตี้___

ออฟไลน์ Wut_Sv

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 903
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +21/-1
เชื่อได้มั้ยเนี่ยแกรมม่า  :เฮ้อ: :เฮ้อ: :เฮ้อ:

ตอนหน้าสไมล์มาแล้ววววว  :mc4: :mc4: :mc4:

ออฟไลน์ Pe_no

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 375
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +5/-0
ติดตามค้าาาาาา :mew2:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ crazydoii

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 858
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +6/-1
สไมล์มาได้แล้ววววว,,,,

ออฟไลน์ Jang_B2UTY

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 382
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +83/-5
Poor Boy 12

 

        ผ่านมาหนึ่งเดือนแล้วที่สไมล์มาใช้ชีวิตอยู่ที่นิวซีแลนด์ สไมล์ชอบที่นี่เพราะที่นี่สงบ อากาศดี ยิ่งบ้านของย่าของสไมล์อยู่ชานเมืองที่มีแต่ป่าแต่เขาไม่ได้อยู่ในเมืองทำให้อากาศยิ่งดีเข้าไปใหญ่



          “พร้อมหรือเปล่าลูก” ผู้เป็นย่าถามขึ้นขณะที่สไมล์กำลังนั่งอ่านหนังสืออยู่ที่หน้าบ้าน ตอนนี้ที่นิวซีแลนด์อากาศเริ่มเย็นแล้ว นิวซีแลนด์อยู่ทางซีกโลกใต้เพราะฉะนั้นฤดูหนาวของนิวซีแลนด์จะเริ่มตั้งแต่กลางปี



          “พร้อมครับ” สไมล์ว่าด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยความมั่นใจ แม้ว่าจะแค่เดือนเดียวที่รู้จักกันแต่เพราะความผูกพันทางสายเลือดทำให้สไมล์เข้ากับย่า ลุงและทุกคนที่นี่ได้เป็นอย่างดี พรุ่งนี้สไมล์จะได้รับการผ่าตัดขา ซึ่งลุงของสไมล์ที่มีเพื่อนเป็นหมอได้ใช้เส้นสายรัดคิวให้ รู้สึกผิดนิดๆแต่สไมล์ก็อยากจะเดินได้อีกครั้งเร็วๆ แม้ว่าการผ่าตัดครั้งนี้จะไม่ได้คอนเฟิร์ม100เปอร์เซ็นว่าสไมล์จะกลับมาเดินได้อีกครั้งแต่สไมล์ก็พร้อมจะเสี่ยง ต่อให้ผลออกมาบวกหรือลบสไมล์ก็ไม่มีอะไรจะเสียแล้ว



          “ลุงพงษ์บอกว่าหมอปิแอร์เก่งมาก ย่าเชื่อว่าสไมล์จะเดินได้อีกครั้ง” ผู้เป็นย่าลูบหัวหลานชายอย่างเอ็นดู สไมล์พยักหน้ารับยิ้ม...การผ่าตัดดำเนินไปกว่า3ชั่วโมงสไมล์ไม่รู้ว่าตัวเองสลบไปนานแค่ไหนแต่พอเขาได้สติย่ากับลุงก็รีบปรี่เข้ามาหาเขาทันที



          “ฟื้นแล้วเหรอลูก เป็นยังไงบ้าง เจ็บตรงไหนหรือเปล่า” ผู้เป็นย่าถามขึ้น



          “รู้สึกมึนๆนิดหน่อยน่ะครับ” สไมล์ว่า



          “การผ่าตัดผ่านไปด้วยดีนะ หมอปิแอร์บอกว่าให้เราพักฟื้นสักสองสัปดาห์ให้แผลสมานตัวก่อนจะให้เริ่มกายภาพบำบัด” ผู้เป็นลุงว่าบ้าง



          “สไมล์จะเดินได้อีกครั้งจริงๆใช่มั้ยครับ” สไมล์ถามด้วยนัยน์ตาเป็นประกายอย่างมีความหวัง



          “ลุงเชื่อแบบนั้น”...6เดือนผ่านไป...

 

         “ทำไมต้องกลับไทยล่ะลูก ย่าไม่อยากให้ไปเลย” ผู้เป็นย่าค้านทันทีที่สไมล์ขอว่าจะกลับไปเรียนที่ไทย



          “คุณย่าก็รู้ว่าสไมล์ไม่เก่งภาษาอังกฤษเท่าไหร่ ขืนอยู่ที่นี่คงเรียนทันตแพทย์อย่างที่หวังไม่ได้” สไมล์ว่าพร้อมทำหน้าออดอ้อนที่พอทำเมื่อไหร่ทั้งย่าทั้งลุงต้องใจอ่อนทุกครั้ง



          “งั้นย่าให้ลุงพงษ์ไปหาครูสอนภาษาอังกฤษส่วนตัวมาให้เลยดีมั้ย แบบนี้ไม่ดีกว่าเหรอ” ผู้เป็นย่าค้านต่อ



          “โถ่คุณย่าครับ นะครับๆ สไมล์อยากกลับไทยจริงๆ ความจริงสไมล์มีจุดมุ่งหมายตั้งแต่ต้นแล้วว่าอยากเรียนทันตแพทย์ที่มหาวิทยาลัยTแบบคุณพ่อ”สไมล์ว่า ผู้เป็นย่าถอนหายใจออกมาก่อนจะพยักหน้ารับ สไมล์ยิ้มกว้างก่อนจะโผเข้ากอดหญิงชราเต็มรัก



          “รักคุณย่าที่สุดเลย!”



          “ไม่ต้องทำเป็นพูดดีเลย รู้สิว่าย่าใจอ่อนกับเราแค่ไหน ย่าจะยอมให้กลับไปเรียนที่ไทยก็ได้แต่มีข้อแม้ว่าย่าจะจัดแจงที่พักให้สไมล์เอง ส่วนเรื่องต่างๆจะให้ลุงพงษ์จัดการให้ สไมล์จ้องโทรหาย่าทุกวันรู้มั้ย ว่างเมื่อไหร่ต้องบินมาหาย่า” ผู้เป็นย่าว่า สไมล์พยักหน้ารับก่อนจะจุ๊บแก้มของหญิงชราเป็นเชิงออดอ้อนอีกครั้ง...สไมล์เดินได้แล้วตั้งแต่สองเดือนก่อน สไมล์ถูกย่าส่งให้มาเรียนภาษาอังกฤษสำหรับสื่อสารในตัวเมืองอ๊อคแลนด์ ซึ่งบ้านของย่าสไมล์จะอยู่แฮมมิงตัน สไมล์มีเพื่อนเป็นสาวลูกครึ่งไทย-ฝรั่งเศสทรงโตเปรี้ยวจี๊ดแต่ทว่าจริงใจไม่เสแสร้งซึ่งทำให้สไมล์สนิทกับเอมม่าอย่างรวดเร็วเพราะยิ่งสาวเป็นฝ่ายเข้าหาสไมล์ก่อน



          “ยูจะไปจริงดิ แล้วแบบนี้ไอก็ต้องเหงาอยู่คนเดียวสิ” เอมม่าว่าเมื่อสไมล์บอกว่ากำลังจะกลับไปเรียนต่อที่ไทย



          “ถ้ายูคิดถึงไอก็บินไปหาสิไม่เห็นยาก พาเดวิสไปด้วย” เดวิสที่ว่าคือแฟนของเอมม่า

 

       “สรุปต่อให้ไอรั้งยูก็จะไปให้ได้สินะ” เอมม่าว่าทำหน้างอนๆ สไมล์หัวเราะเบา



          “เอาน่าๆ ต่อให้เราห่างกันความเป็นเพื่อนก็ยังอยู่ไม่ใช่หรือไง” สไมล์ว่า



          “ชิ แน่นอน ไอไม่ปล่อยเพื่อนดีๆอย่างยูไปหรอก ว่าแต่...ที่กลับไทยนี่เพราะอยากเรียนที่ไทยหรือเพราะใครกันแน่” สไมล์ที่กำลังยกแก้วกาแฟขึ้นดูดชะงักทันทีก่อนจะทำหน้าตกใจ



          “นี่ยู...”   



          “ไอเห็นหมดแล้วในเมมโมรี่ในโทรศัพท์ยู” เอมม่าหัวเราะคิกคัก

 

         “ให้ตายสิผู้หญิงคนนี้”



          “ฮ่าๆๆ ถ้าไอไปไทยพาเขามาเจอไอบ้างนะ” เอมม่าว่า สไมล์หน้าเศร้าลงทันที



          “คงไม่มีทางได้เจอกันอีกแล้วล่ะ ประเทศไทยไม่ได้แคบขนาดนั้น อีกอย่างเขาเกลียดไอจะตาย ไอต่างหากที่บ้าไปหวั่นไหวกับคนที่เกลียด ที่ทำร้ายตัวเองแบบนั้น”สไมล์ว่า คงไม่ใช่ความลับอะไรอีกแล้ว ไหนๆเอมม่าก็แอบเห็นเมมโมรี่ที่เขาชอบบันทึกลงในโทรศัพท์เกี่ยวกับอีกคน



          “ไอจะไม่ถามว่าเขาทำอะไรกับยูบ้างแต่ไออยากให้ยูมีความสุขเสียที ยูรู้มั้ยแม้ว่ายูจะยิ้ม จะหัวเราะแต่นัยน์ตาของยูมันก็ยังไม่ได้มีความสุขอย่างถึงที่สุด มันเหมือนกับว่ายูกำลังมีอะไรอยู่ในใจ” เอมม่าว่าตามที่เธอสังเกตเห็น



          “คงงั้นมั้ง พอเถอะๆเลิกพูดถึงคนๆนั้นดีกว่า คนนิสัยไม่ดีพรรค์นั้น ไอสมควรจะลืมมากกว่าจำ” สไมล์ว่าอย่างเปลี่ยนประเด็น อย่างที่พูดเขาควรลืมมากกว่าจำแต่เวลาที่ผ่านมาเขากลับจำได้ไม่ลืม



          “แล้วถ้าสมมุตยูเจอเขาล่ะ?” เอมม่าไม่ยอมเปลี่ยนประเด็น สไมล์ชะงักอีกครั้ง

 

         “ไอก็จะทำให้เขารู้ว่าไอเปลี่ยนไปแล้ว” สไมล์ว่าอย่างจริงจัง เอมม่ายิ้มกว้างตาเป็นประกายด้วยความน่าสนุก



          “แบบนี้สิถึงเรียกว่าเป็นเพื่อนของไอ เขาทำอะไรกับยูบ้าง ยูต้องทำให้แสบกว่าที่เขาทำ โอเค๊?” แต่ทางที่ดีสไมล์เลือกที่ไม่ขอเจออีกคนจะดีที่สุด สไมล์เปลี่ยนไปแล้วก็จริง แม้ว่าจะไม่มีสมล์ที่อ่อนแอคนนั้นอีกแล้วก็ตามแต่เวลาแค่นี้หัวใจมันยังไม่เปลี่ยนไปเท่าไหร่หรอก...6เดือนผ่านไป...สไมล์มองป้ายมหาวิทยาลัยตรงหน้าด้วยความตื่นเต้น รู้สึกดีใจที่ทำความฝันขั้นแรกของตัวเองสำเร็จมาขั้นหนึ่งแล้ว ใช่แล้ว...สไมล์สอบติดมหาวิทยาลัยT คณะทันตแพทย์ตามที่ใจมุ่งหวัง สไมล์กลับไทยมาได้6เดือนแล้ว มาติวเพื่อสอบเข้าคณะทันตแพทย์และเขาก็ทำได้ อาจจะเพราะเขาเตรียมตัวมานานแล้ว แม้ว่าจะกลับมาไทยได้6เดือนแล้วแต่สไมล์ก็ไม่เคยเจอคนในตระกูลนั้นเลยไม่ว่าจะเป็นลุงนที คุณผู้หญิง พี่หนึ่ง พี่สองหรือสามก็ตาม ใจจริงสไมล์อยากจะเข้าไปหาลุงนทีเพราะอย่างน้อยลุงนทีก็มีบุญคุณกับสไมล์ไม่น้อยแต่คิดไปคิดมาเขาไม่อยากต่อความยาวให้มันมากเรื่องไปกว่านี้ เพราะฉะนั้นต่างคนต่างอยู่ดีกว่ามหาวิทยาลัยที่เขาและคอนโดที่คุณย่าให้ลุงพงษ์จัดการให้อยู่คนละฝากเมืองกับบ้าน

ตระกูลนั้น ซึ่งสไมล์มั่นใจว่ากรุงเทพมหานครไม่ได้แคบขนาดที่จะทำให้ต้องเจอกันอีก

แต่สไมล์คงจะลืมนึกถึงว่า...โชคชะตาไป



          “น้องปี1คณะทันตแพทย์เชิญทางนี้เลยค่า” เสียงประกาศออกไมค์ของรุ่นพี่ปี2ดังขึ้นทำให้สไมล์ต้องรีบเร่งฝีเท้าเข้าไปในโถงคณะทันที วันนี้ไม่ใช่วันเปิดเทอมวันแรกแต่เป็นวันปฐมนิเทศของนักศึกษาปีที่1  สไมล์มองเพื่อนร่วมคณะกว่าร้อยชีวิตด้วยรอยยิ้มอย่างเป็นมิตรโดยหารู้ไม่ว่ามีหลายคนต้องตาพร่ามัวกับรอยยิ้มหวานของตัวเอง



          “น่ารักเชี่ย” เสียงหนึ่งว่า



          “ผู้ชายไรวะ หน้าหวานโคตร” และอีกเสียงหนึ่งว่าบ้าง สไมล์รู้ว่าหมายถึงเขาแต่สไมล์ก็ไม่ได้หันไปสนใจอะไร เขาได้ยินอะไรทำนองนี้บ่อยแล้วล่ะตั้งแต่อยู่ที่นิวซีแลนด์ สไมล์มักจะดึงดูดเพศชายให้เข้าหามากกว่าเพศหญิงจนเอมม่าอดอิจฉาไม่ได้ แรกๆสไมล์ก็รู้สึกประหม่าแอบกลัวแปลกๆแต่เพื่อนสาวลูกครึ่งก็ได้สอนสไมล์เรื่องการวางตัว สไมล์ได้เรียนรู้อะไรใหม่ๆจากเอมม่ามามาก ทำให้รู้สึกว่าตัวเองเปลี่ยนไปมากจากคนขี้อาย ไม่ค่อยกล้าได้กล้าเสียกลายมาเป็นคนที่มั่นใจในตัวเองแบบนี้ สงสัยนิสัยของเอมม่าจะแพร่เชื้อมาหาเขาอย่างเต็มๆ…หลังจากที่การปฐมนิเทศผ่านไปพี่ๆปี2ก็ปล่อยให้น้องๆปี1กลับบ้านได้ ซึ่งปี1ส่วนมากจะอยู่หอในของมหาวิทยาลัยแต่สไมล์ไม่ โดยสไมล์พักอยู่ที่คอนโดหรูห่างจากมหาวิทยาลัยไม่ถึง200เมตร



          “เราไปก่อนนะ” สไมล์ว่าพร้อมกับโบกมือให้เพื่อนใหม่สองคนที่พึ่งรู้จักกันคือผิงกับเมาส์ ซึ่งผิงเป็นผู้หญิงขาวๆหมวยๆนิสัยร่าเริงสดใส พูดเก่งเข้ากับคนง่าย ส่วนเมาส์เป็นผู้ชายตัวเล็กๆหน้าหวานไม่ต่างจากสไมล์แต่ติดที่ขี้อายไปหน่อย



          “กลับดีๆนะ” ผิงว่า สไมล์ยิ้มๆก่อนจะเดินไปรอรถเมล์ที่วิ่งรอบมหาวิทยาลัยที่ป้ายโดยที่ไม่ทันสังเกตเห็นว่ามีสายตาคู่หนึ่งกำลังมองมาที่เขา



          “มองไรวะ” ภีมเพื่อนสามถามขึ้นเมื่อเห็นว่าเพื่อนสนิทกำลังเหมือนว่าจับจ้องอะไรบางอย่าง



          “เปล่า สงสัยคนหน้าคล้าย” สามว่าพร้อมหันกลับมาสนใจกิจกรรมปฐมนิเทศน้องในคณะต่อ สามเรียนอยู่ปี2คณะวิศวกรรม มหาวิทยาลัยT ตอนแรกก็คิดจะกลับอังกฤษไปพร้อมกับแกรมม่าแต่คิดไปคิดมาเรียนที่ไทยนี่แหละ ไหนๆก็สอบติดแล้วเมื่อกี้สามเหมือนเห็นใครบางคนท่าทางคล้ายกับคนๆนั้น คนที่หายไปจากครอบครัวของเขาเป็นปีแล้วแต่เขาคิดว่าคงตาฝาด มันไปอยู่ที่นิวซีแลนด์แล้วไม่ใช่หรือไง อีกอย่างมันก็พิการด้วย คงไม่มาเดินลอยหน้าลอยตาแบบนี้หรอก สามไม่เข้าใจตัวเองว่ากำลังเป็นบ้าอะไร ทั้งๆที่ควรดีใจที่ไอ้กาฝากนั่นออกไปจากครอบครัวของเขาแต่กลับไม่มีความดีใจเลยสักนิด สามเที่ยวหนัก ควงสาวไม่ซ้ำหน้าเป็นแบบนี้มาหลายเดือนก่อนที่จะรู้สึกอยากอยู่เงียบๆ เลยเก็บตัวอ่านหนังสือเตรียมสอบเข้ามหาวิทยาลัยอย่างหนักเหมือนกับว่าอยากทำตัวเองให้ยุ่งจนไม่มีเวลาจะคิดเรื่องอื่น คิดถึงใครบางคนที่เคยลั่นวาจาว่าเกลียดมันแค่ไหน...หลังจากวันปฐมนิเทศก็ตามมาด้วยกิจกรรมรับน้องซึ่งสไมล์ยอมรับว่ากิจกรรมสำหรับปี1เยอะและเหนื่อยมากจริงๆกว่าจะผ่านมาได้ก็สายตัวแทบขาด ในที่สุดวันเปิดเทอมจริงๆก็มาถึงเสียที คาสเรียนแรกไม่ว่าจะเป็นวิชาของมหาวิทยาลัยหรือวิชาในคณะส่วนแรกมักจะชี้แจงเกี่ยวกับการเรียน ไม่ได้มีเรียนอะไรมากมาย



          “โรงอาหารกลางคนเยอะชะมัด” ผิงบ่นหลังจากที่ลงจากตึกเรียนรวมมากินข้าวกลางวันที่โรงอาหารกลาง



          “แต่อย่างน้อยเราก็มีที่นั่งไม่ใช่หรือไง” สไมล์ว่า



          “ก็ใช่ แต่คนเยอะๆแบบนี้ร้านข้าวแถวต้องยาว ไม่ชอบ” ผิงว่า

 

         “งั้นผิงก็กินก๋วยเตี๋ยวสิ” เมาส์ว่าหน้าซื่อจนสไมล์ขำ



          “ก๋วยเตี๋ยวก็เยอะนะจ๊ะเมาส์” ผิงส่ายหน้าไปมากับความซื่อๆของเพื่อนหน้าหวานอีกคน อดหมั่นไส้เพื่อนทั้งสองไม่ได้ที่เป็นผู้ชายแท้ๆกลับหน้าหวานอย่างกับผู้หญิง



          “เราว่ารีบไปซื้อข้าวเถอะ คนกำลังทยอยมาเยอะละ” สไมล์ว่าก่อนที่ทั้งสามจะเอากระเป๋าจองโต๊ะแล้วเดินไปเลือกหาอาหารมื้อกลางวันกันทันที สไมล์มองตามร้านค้าต่างๆไม่ว่าจะเป็นข้าว ก๋วยเตี๋ยว สุกี้ บลาๆ ดูท่าทางน่ากินทั้งนั้นเลยตักสินใจไม่ได้สักทีว่าจะกินอะไรดี



พลั้ก



          “โอ๊ย ร้อน!” สไมล์ร้องออกมาทันทีที่เดินชนกับใครบางคนเข้าทำให้น้ำก๋วยเตี๋ยวในชามของอีกคนหกรดมือเขา



          “เฮ้ย!” เสียงทุ้มเองก็ตกใจเพราะเมื่อกี้มัวแต่หันไปเรียกเพื่อนไม่ได้มองทางก่อนที่ตาคมจะสบเข้ากับตากลมทำให้ทั้งคู่ชะงักไปทันที สไมล์หัวใจเต้นแรงจนแทบจะทะลักมานอกอกเมื่อเห็นหน้าคู่กรณีชัดๆ



          “มึง” สามพูดขึ้นก่อน

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

ตัดแบบนี้แหละ ยาวเกินละ 555555  เขาเจอกันแล้วนะคะ บอกเลยน้องสไมล์นางเปลี่ยนไปแล้วนะเออ สามอย่าได้คิดรังแกนางอีก อิๆ แบบสปอยเบาๆ ยังไงก็ฝากติดตามด้วยนะคะ

___จางบิวตี้___

ออฟไลน์ cheyp

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1536
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +49/-0
ขอให้สไมล์เปลี่ยนจริงๆเถอะ แล้วอย่าใจอ่อนง่ายนักล่ะ

ออฟไลน์ Wut_Sv

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 903
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +21/-1
เย้!!! เจอกันแล้ว  หวังว่าคงไม่ใช่แค่สไมล์คนเดียวนะที่เปลี่ยน สามก็ควรเปลี่ยนด้วย  :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:

ออฟไลน์ crazydoii

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 858
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +6/-1
อ้ากๆๆ ค้างอย่างแรง,,,

ออฟไลน์ Jang_B2UTY

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 382
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +83/-5
Poor Boy 13

 

          “มึง” สามพูดขึ้นก่อนพร้อมกับมองอีกคนด้วยความตกใจไม่แพ้กัน ทำไมมันอยู่ที่นี่ ทำไมมันเดินได้แล้วทำไม...ทำไมเขาต้องรู้สึกดีใจที่ได้เห็นหน้ามันอีกครั้ง ในหัวของสามตอนนี้มีแต่คำว่าทำไมและทำไม



          “ขอทางหน่อยครับ” สไมล์ว่าพยายามไม่สนใจอีกคนเพราะตอนนี้รู้สึกแสบมือขึ้นมานิดๆ น้ำก๋วยเตี๋ยวร้อนแบบนั้นไม่แสบคงแปลก



          “เดี๋ยว”



          “โอ๊ย!” สไมล์ร้องทันทีที่มือหนาคว้ามือเขาเอาไว้แล้วจับเข้ากับตรงที่น้ำก๋วยเตี๋ยวหกรดพอดี สามขมวดคิ้วก่อนจะมองไปที่มือแดงๆของอีกคน



          “จะพาผมไปไหน” สไมล์ถามขึ้นเมื่อสามวางชามก๋วยเตี๋ยวแล้วเดินลากเขาไปอยากจะขัดขืนสะบัดมือออกแต่ตอนนี้รู้สึกแสบที่มือมากเลยไม่อยากทำอะไรรุนแรง



          “ล้างน้ำเย็นแล้วไปใส่ยาที่ห้องพยาบาลตรงห้องสโมสรนิสิต” สามว่า สไมล์เดินตามอีกคนมาที่ก็อกน้ำ สามเปิดก๊อกแล้วเอามือสไมล์ไปให้น้ำเย็นไหลผ่าน แม้ว่าจะบรรเทาอะไรไม่ได้มากนักแต่ก็ดีขึ้นกว่าเมื่อกี้นิดนึง



          “ผมไปเองได้” สไมล์ว่าเมื่อสามทำท่าจะลากเขาเดินไปที่ห้องพยาบาลตามที่บอก



          “อย่าดื้อ” สามหันมาพูด



          “ผมไม่ได้ดื้อ แต่ทำไมผมต้องยอมไปกับคนที่ไม่รู้จักด้วย” สามขมวดคิ้วทันทีกับคำพูดของร่างบาง คนไม่รู้จักงั้นเหรอ?



          “คนไม่รู้จัก?” สามเลิกคิ้ว



          “ใช่ ผมไม่รู้จักคุณ ได้โปรดปล่อยมือจากผมด้วยครับ” สไมล์ว่าเสียงเรียบนอกจากสามจะไม่ปล่อยแล้วยังกระชากอีกคนเข้าหาตัวเองอย่างแรงทำให้สไมล์ผงะทันทีกับระยะใกล้ชิดระหว่างเขากับอีกคน



          “ยืนยันคำนั้นหรือไงว่าไม่รู้จัก?” สามถามพร้อมแสยะยิ้มมุมปาก



          “แน่นอนครับ  อื้อออออ” สไมล์เบิกตากว้างทันทีที่ริมฝีปากของอีกคนจู่โจมลงมาโดยที่เขาไม่ทันตั้งตัว สไมล์ใช้มือข้างที่ไม่ได้ถูกสามจับไว้ทุบตีอีกคนอย่างแรงให้ปล่อย แต่สามก็คือสามเพราะนอกจากจะไม่ปล่อยแล้วยังพยายามสอดแทรกลิ้นเข้ามาในโพรงปากบาง



กึก

          “โอ๊ย!” สามร้องพร้อมกับถอนจูบทันทีที่อีกคนกัดเข้าที่ลิ้นของเขาอย่างแรงจนได้เลือด สไมล์จึงรีบผลักอีกคนออกอย่างแรง

 

         “คนฉวยโอกาส” สไมล์ว่าก่อนจะรีบเดินหนีอีกคนไปทันที สามยกมือขึ้นมาปาดเลือดที่ไหลลงมานิดๆแต่ก็ไม่ได้ตามร่างบางไป คิดว่าจะหนีพ้นหรือไง อยู่มหาวิยาลัยเดียวกันแท้ๆ แถมเมื่อกี้ยังเหลือบเห็นป้ายที่คอมันซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของเด็กปี1ทุกคนที่ต้องมี คณะทันตแพทย์งั้นเหรอ?...หึๆ ก็ไม่ได้ห่างจากคณะของเขาเท่าไหร่หรอก...สไมล์รู้สึกหงุดหงิดใจไม่น้อยที่มาเจออีกคนที่นี่ ทั้งๆที่คิดแล้วว่ากรุงเทพมหานครไม่ได้แคบจนทำให้ต้องมาเจอกันอีกแต่เขาก็คิดผิด สไมล์มองมือแดงๆของตัวเองอยากจะเดินกลับเพื่อไปห้องพยาบาลแต่คิดไปคิดมาก็ไม่ดีกว่า เผื่อกลับไปเจอสามอีก วันนี้เหลือเรียนอีกแค่คาบเดียวเท่านั้น หลังเลิกเรียนค่อยไปคลีนิคเอาก็แล้วกัน



          “สไมล์หายไปไหนมา” ผิงถามขึ้นเมื่อเห็นว่าสไมล์หายไปนานแถมยังกลับมาตัวเปล่าไม่มีจานข้าวหรือชามก๋วยเตี๋ยวอะไรกลับมาด้วย



          “เกิดอุบัติเหตุนิดหน่อยน่ะ” สไมล์ว่า



          “แผลนี่” เมาส์ว่าบ้างเมื่อเหลือบไปเห็นมือของสไมล์ สไมล์พยักหน้ารับ



          “ให้ตายสิ...ไปซุ่มซ่ามอะไรมา ตอนนี้ก็ใกล้จะขึ้นเรียนแล้วด้วยคงไปหาหมอไม่ทัน แต่เดี๋ยวแกกินข้าวก่อนเดี๋ยวไปซื้อมาให้ เลิกเรียนค่อยไปหาหมอ” ผิงว่าเป็นชุด



          “โอเคๆ ใจเย็นๆนะผิง เราโอเค เจ็บนิดเดียว” สไมล์ว่าขำๆ



          “ก็คนมันเป็นห่วงนี่ยะ ไม่ต้องมานั่งนิ่งเลยเมาส์ ไปๆ ไปซื้อข้าวให้สไมล์กัน” ผิงว่าก่อนจะลุกจากโต๊ะไปกับเมาส์ สไมล์มองตามเพื่อนสนิทสองคนยิ้มๆ  นอกจากเอมม่าแล้วสไมล์ก็ยังมีเพื่อนแท้สองคนอย่างผิงกับเมาส์สินะ...พอเลิกเรียนสไมล์ก็ตรงดิ่งไปที่คลินิกใกล้ๆคอนโดทันที  ตอนแรกผิงกับเมาส์จะตามมาด้วยแต่สไมล์บอกว่าไม่ต้อง แผลแค่นี้เล็กนิดเดียวแถมไกลหัวใจตั้งเยอะ หลังจากที่หาหมอแล้วสไมล์ก็ได้ยากินและยาทามา พอกลับมาถึงคอนโดก็ล้มตัวลงนอนบนเตียงกว้างพลางในหัวก็คิดไปว่าถ้าต้องเจออีกคนอีกควรทำยังไง แสร้งว่าไม่รู้จักกันเหมือนเดิมจะดีจริงหรือเปล่า...หลายวันผ่านไป...น่าแปลกที่ตั้งแต่วันนั้นสไมล์ไม่เจอสามอีกซึ่งมันก็เป็นเรื่องที่ดี



          “เลิกเรียนแล้วไปหาอะไรกินกัน” ผิงว่าขณะที่กำลังเดินลงจากตึกเรียนรวมหลังจากที่คาบเรียนสุดท้ายของวันพึ่งเลิก



          “อยากกินไอติม” เมาส์ว่า



          “เออๆ เหมือนกันๆ แกว่าไงสไมล์” ผิงหันมาถามสไมล์



          “เอาดิๆ ร้านหน้าม.มั้ย มีทั้งกาแฟ ทั้งเค้ก ทั้งไอติม” ผิงกับเมาส์พยักหน้ารับก่อนที่ทั้งสามจะพากันไปที่ร้านของหวานหน้ามหาวิทยาลัยทันที



          “อ๊ะ” สไมล์ชะงักทันทีที่พอเข้ามาในร้านก็เห็นใครบางคนที่ไม่ได้เจอหน้าหลายวันตั้งแต่วันนั้นกำลังนั่งอยู่กับกลุ่มเพื่อนหลายคน สามเองก็หันมาเจอสไมล์พอดี ปากหนากระตุกยิ้มมุมปากนิดๆ



          “เข้าไปดิ ยืนรอไร” ผิงถามเมื่อสไมลืชะงักไม่ยอมเดินเข้าไปเสียที



          “เปลี่ยนร้านดีมั้ย คนเยอะ” สไมล์อ้าง



          “เปลี่ยนทำไม ที่นั่งก็มี อีกอย่าง...พี่ๆวิศวะกลุ่มนั้นอย่างหล่ออ่ะ กินนี่แหละ”ประโยคหลังผิงกระซิบข้างหูสไมล์อย่างดี๊ด๊าก่อนจะจูงมือสไมล์และเมาส์ไปนั่งที่โต๊ะว่างซึ่งก็ไม่ได้ห่างจากที่สามและเพื่อนๆนั่งเท่าไหร่เลย สไมล์ไม่ชอบเลยที่มีสายตาของสามมองมาที่เขาตลอด มันทำให้เขาทำตัวไม่ถูก ทั้งๆที่ควรตีหน้านิ่งทำเหมือนคนไม่รู้จักกันแต่กลับกลายเป็นเขาที่รู้สึกแปลกๆไปคนเดียว



          “ขอโทษนะ ขอไลน์หน่อยได้มั้ย” สไมล์สะดุ้งทันทีที่อยู่ๆมีชายหนุ่มหน้าตาดีคนหนึ่งเดินเข้ามาหาเขาแถมยื่นโทรศัพท์มาให้ ผิงกรี๊ดเบาๆทันทีที่เห็นมีหนุ่มมาจีบเพื่อนสนิท ส่วนเมาส์ก็นั่งยิ้มๆ



          “เอ่อ...” สไมล์กัดปากแต่พอเห็นสายตาที่ไม่พอใจของสามที่มองมาทำให้สไมล์หยิบโทรศัพท์ของอีกคนมากดไอดีไลน์ให้ทันที



          “ขอบใจนะ เราดิว อยู่คณะบริหาร” ดิวว่า



          “เราสไมล์ คณะทันตะ”

 

         “ไอ้สัสสาม ตั้งใจฟังหน่อยดิวะ กูพูดรอบเดียวนะเว้ย” เพื่อนของสามโวยวายขึ้นทำให้สามต่องหันไปสนใจเพื่อนๆที่กำลังติวหนังสือทันที ช่วงนี้สามไม่ค่อยว่างเลยเพราะนอกจากจะมีแล็ปแทบทุกวัน ยังต้องเข้าช็อป ไหนจะสอบย่อยอีก หัวหมุนไปตามๆกัน สามเรียนวิศวะไฟฟ้าซึ่งคิดว่าน่าจะง่ายที่สุดในสายวิศวะแต่ก็คิดผิด แม่งยาก...ยากเชี่ยๆ



          “เออๆ” สามตอบรับแต่ก็ไม่วายหันไปมองสไมล์ที่กำลังคุยกับผู้ชายอีกคนอีกครั้ง แม่ง...ง่ายชิบหาย พึ่งเจอหน้าแต่แม่งให้ไลน์เลย สงสัยไปอยู่ต่างประเทศมาคงรับวัฒนธรรมเด็กนอกมาเยอะสินะ...หลังจากที่กินของหวานกันเสร็จ สไมล์ก็โบกมือลาเพื่อนๆเตรียมกับคอนโด ตอนแรกดิวทำท่าจะขอไปส่งแต่สไมล์คิดว่ามันเร็วไปเพราะพึ่งรู้จักกัน ไม่ใช่ไม่รู้ว่าดิวเข้ามาจีบ สไมล์รู้แต่ก็ไม่ได้สนใจดิวนะเพียงแต่ตอนนั้นอะไรมันดลใจให้ให้ไลน์อีกคนไปก็ไม่รู้ สไมล์เดินกลับคอนโดอย่างทุกวันเพราะระยะทางใกล้ๆไม่จำเป็นต้องนั่งรถเมล์



เอี๊ยดดดดด

เสียงล้อรถที่ครูดไปกับพื้นถนนดังขึ้นทำให้สไมล์หันไปมองทันทีก่อนที่ประตูรถยนต์คันหรูจะเปิดออกแล้วร่างสูงลงมา



          “มากับกู” สามว่าพร้อมจับแขนสไมล์



          “ปล่อยผม ผมไม่รู้จักคุณ” สไมล์ตีหน้านิ่งใส่



          “ไม่รู้จัก? แต่เคยเกือบจะเอากัน มึงลืมไปแล้วหรือไง!” สามว่าเสียงดังจนคนแถวนั้นหันมามอง สไมล์หน้าร้อนด้วยความโกรธและอับอายกับคำพูดของอีกคน



          “ไม่ได้ลืมแต่ไม่ได้จำ เรื่องพรรค์นั้นไม่เคยมีอยู่ในหัวของผม ผมไม่รู้จักคุณ!” สไมล์ตะโกนใส่หน้าอีกคน สามกัดฟันกรอดด้วยความไม่พอใจ ยิ่งสะสมจากเรื่องเมื่อก่อนหน้านี้แล้วด้วยจึงเผลอบีบแขนสไมล์อย่างแรงจนสไมล์เบ้หน้าด้วยความเจ็บ



          “ปล่อยผมนะ ปล่อยผมเดี๋ยวนี้” สไมล์ว่าไม่ยอมไปกับอีกคน สามจึงอุ้มอีกคนพาดบ่าท่ามกลางสายตาหลายคู่ก่อนจะพาขึ้นรถไปทันที...สไมล์ฮึดฮัดอย่างไม่พอใจที่อีกคนพาเขามาแบบนี้ เขาไม่รู้หรอกว่าสามจะพาเขาไปไหนแต่ที่รู้ๆคืออีกคนบ้าไปแล้วหรือไง ถึงได้ทำเรื่องแบบนั้นในที่สาธารณะแบบนี้



          “ลงไป” สามว่าเมื่อรถคันหรูขับมาจอดที่ใต้สะพานข้ามแม่น้ำ สไมล์ตามลงไปแต่ก็ไม่ได้เดินไปเข้าใกล้สามนัก



          “เป็นเชี่ยอะไรถึงทำเป็นไม่รู้จักกูฮะ!” สามถามด้วยความไม่พอใจ



          “แล้วทำไมต้องรู้จักกัน ในเมื่อผมกับคุณไม่ควรรู้จักกันมาตั้งแต่แรก” สไมล์ว่าบ้าง



          “ฮึ กูไม่ใช่ไอ้เด็กบริหารนั่นสินะ มึงถึงไม่ได้อยากรู้จักจนตัวสั่นแบบนั้น” สามว่าสไมล์ขมวดคิ้วมุ่น



          “ดิวไม่เกี่ยว ที่ผมไม่อยากรู้จักกับคุณเพราะผมไม่อยากรู้จักกับคุณจริงๆเรื่องราวในอดีตมันผ่านไปแล้ว ผมไม่ใช่สไมล์คนเดิม ไม่ใช่ไอ้เป๋หรือไอ้กาฝากอีกแล้ว”สไมล์ว่าด้วยใบหน้าจริงจัง สามมองหน้าสไมล์อย่างไม่ยอมเช่นกัน



          “มึงเปลี่ยนไปแล้วไง แต่กูไม่เปลี่ยน! มึงน่าจะรู้นิสัยกูดีนี่ว่ากู...นิสัยเสียแค่ไหนอยากได้อะไรกูก็ต้องได้”

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

นิสัยเสียไม่พอค่ะ บ้านเราเรียกว่าเลว! 55555 สามจะทำยังไงกับสไมล์ต่อไปแล้วสไมล์จะสู้สามได้มั้ย? ฝากติดตามด้วยนะคะ
___จางบิวตี้___

ออฟไลน์ NARAPAT

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 10
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
จับกดจับกด จับกด จับกด :hao3: :hao3: :hao3:

ออฟไลน์ Wut_Sv

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 903
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +21/-1
ชอบเค้าก็จีบเค้าดีๆสิอิสาม ชิส์ หมั่นไส้  :z6: :z6: :z6:

ออฟไลน์ ♥►MAGNOLIA◄♥

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7538
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +193/-11
สไมล์ ไม่พิการแล้ว แถมเก่งสอบเข้าทันตแพทย์ได้ด้วย
แต่เป็นมหาลัยเดียวกับสามซะอีก
สาม ยังเอาแต่ใจเหมือนเดิม :เฮ้อ:
 :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:

ออฟไลน์ crazydoii

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 858
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +6/-1
อย่ายอมสามนะสไมล์,,,

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ HISY

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3645
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +61/-3
:อย่าไปยอมสามน้าา

ออฟไลน์ Jang_B2UTY

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 382
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +83/-5
Poor Boy 6

( Grammar x Song )

 

        ว่ากันว่าเวลาแห่งความสุขมักเดินเร็วเสมอ สองกับแกรมม่าคบกันได้หนึ่งเดือนแล้ว ความรักของคนทั้งคู่ไม่ได้หวือหวาอะไรมากก็เหมือนปกติที่เคยเป็นคือไปกินข้าวดูหนังด้วยกัน สองไม่ใช่คนหวานอะไรมากมาย เป็นคนไม่ค่อยแสดงออกซึ่งต่างจากแกรมม่าที่คิดอะไรก็พูดออกมา แสดงออกมาตามสิ่งที่ตัวเองคิด



          “ตั้งแต่มาอยู่ไทยผมยังไม่เคยไปเที่ยวทะเลจริงๆจังๆเลย” แกรมม่าพูดขึ้นขณะที่กำลังกินข้าวกลางวันอยู่ในห้างสรรพสินค้าหรูกลางเมืองด้วยกัน



          “อยากไปเหรอ?” สองเลิกคิ้ว



          “อื้ม...ถ้าไปกับพี่ยิ่งโคตรยากเลย” แกรมม่าว่ายิ้มๆ สองหน้าแดงนิดๆแต่ก็พยายามเก็กหน้าขรึมเอาไว้



          “งั้น...เสาร์อาทิตย์นี้ไปกัน”...วันเสาร์ก็มาถึง แกรมม่าตื่นเต้นจนนอนไม่หลับตั้งแต่เมื่อคืน แม้ว่าจะไปไหนมาไหนกับคนที่ขึ้นชื่อว่าเป็นแฟนบ่อยๆแต่นี่เป็นครั้งแรกที่จะไปแบบค้างคืน ทางด้านสองเองก็ตื่นเต้นไม่แพ้กัน อย่างที่บอก...เขาไม่เคยมีแฟนไม่เคยคบกับใครแบบจริงๆจังๆแบบนี้สักที แม้ว่าจะคบกันมาได้หนึ่งเดือนแล้วแต่สองก็ให้อีกคนมากที่สุดแค่จูบแต่วันนี้...คืนนี้ต้องนอนด้วยกัน  ให้ตายสิ...เขาไม่ได้ทะลึ่งนะแต่มันก็อดนึกถึงเรื่องนี้ไม่ได้



          “พี่พร้อมมั้ย” แกรมม่าถามขึ้นเมื่อสองขึ้นรถมาแล้ว สองพยักหน้ารับ



          “งั้น...เลทโก!”...สองกับแกรมม่าเลือกมาเที่ยวทะเลที่หัวหินเพราะไม่ไกลจากกรุงเทพมากนัก บรรยากาศดีแถมน้ำก็ยังใสอีกด้วย ความจริงสองอยากจะพาอีกคนลงใต้มากกว่าแต่ถ้าลงใต้ก็ต้องนั่งเครื่องไปไม่ได้เอารถส่วนตัวมาแกรมม่าเลยไม่เอาเพราะอีกคนอยากขับรถชมวิวไปด้วยในตัว



          “เอาของไปเก็บกันก่อน” สองว่าก่อนจะเดินนำแกรมม่าเข้าไปในโรงแรมที่จองเอาไว้ซึ่งเป็นโรงแรมหรูระดับ5ดาว อยู่ใกล้ชายหาด ยิ่งเป็นห้องพักราคาแพงๆจะมีระเบียงยื่นไปดื่มด่ำบรรยากาศของชายหาดได้อย่างดี



          “ทำไมไม่นอนเตียงเดียวกันอ่ะ” แกรมม่าว่าหน้างอทันทีที่เห็นเตียงในห้องซึ่งเป็นเตียงขนาด3.5ฟุตสองเตียงแทนที่จะเป็นเตียงใหญ่แบบสวีท



          “กะ...ก็นอนคนละเตียงจะได้ไม่เบียด” สองอึกอัก ความจริงเขาอายมากกว่าที่จะต้องนอนข้างๆอีกคน แม้ว่าจะคบกันฐานะแฟนแล้วก็เถอะแต่ก็ยังอดอายไม่ได้อยู่ดี



          “งั้นก็อดดิ” แกรมม่าพึมพำกับตัวเอง



          “ฮะ ว่าไงนะ” สองขมวดคิ้วถาม



          “เปล่าๆ ผมแค่อยากนอนกอดพี่เฉยๆ” แกรมม่าว่าก่อนจะเดินเข้ามากอดเอวบางหลวมๆอย่างออดอ้อน



          “ฉันไม่ไว้ใจคนอย่างนายหรอก” สองว่าพร้อมกับบีบจมูกคนเจ้าเล่ห์อย่างหมั่นไส้ แกรมม่าหัวเราะก่อนจะหอมแก้มใสฟอดใหญ่



          “งั้นเอาแค่นี้ก่อนก็ได้”...พอแดดร่มลมตกสองกับแกรมม่าก็พากันมาเดินเล่นที่ชายหาด มือหนาจับเข้ากับมือบางแกว่งไปมาอย่างกับเด็กๆจนสองอดยิ้มๆไม่ได้ รู้สึกมีความสุข...มีความสุขที่ได้มีอีกคนอยู่ข้างๆ



          “มื้อเย็นนี้ไปกินอาหารทะเลกัน” สองว่าพร้อมกับชี้ไปที่ร้านอาหารทะเลชื่อดังใกล้ๆชายหาด



          “ผมเห็นป้ายว่าที่นี่ค่ำๆเขามีบาร์ริมหาดเหรอ” แกรมม่าถาม



          “อืม...น่าจะนะ ไม่ได้มานานแล้วเหมือนกัน”...มื้อเย็นวันนี้เต็มโต๊ะไปด้วยอาหารทะเลมากมาย ทั้งกุ้ง หอย ปู ปลา ปลาหมึก มากหน้าหลายตาจนเลือกกินไม่ถูก



          “ฮ่าๆๆ ใครเขาแกะแบบนั้น” สองหัวเราะทันทีที่เห็นท่าทางการแกะกุ้งของแกรมม่า แกะแบบนั้นชาติคงไม่ได้กินหรอก



          “ผมแกะไม่เป็นนี่หน่า” แกรมม่าว่า แหงแหละ...สมัยอยู่อังกฤษกินอาหารทะเลที่ไหนกันล่ะ วนเวียนอยู่กับพวกฟาสฟู๊ดไม่ก็พวกอาหารอิตาเลียน



          “มานี่ เดี๋ยวแกะให้” สองว่าก่อนจะคว้ากุ้งในมือของแกรมม่ามาแกะให้ แกรมม่ามองอีกคนยิ้มๆ



          “อ่ะ” สองยื่นกุ้งที่แกะให้อีกคน



          “ป้อนดิ” แกรมม่าว่าพร้อมกับอ้าปากรอ



          “กินเองสิ” สองไม่ยอม



          “นะๆๆ นะคร้าบ ป้อนหน่อยนะ” แกรมม่าออดอ้อน สองกัดปากอย่างขวยเขินก่อนจะยอมป้อนกุ้งใส่ปากอีกคน



          “อื้มมม อร่อยชะมัด โดยเฉพาะมีคนรู้ใจป้อนแบบนี้ยิ่งอร่อย” แกรมม่าว่าเสียงหวาน สองหน้าแดงก่ำกับคำพูดของอีกคนก่อนจะปาหางกุ้งใส่หน้าอีกคนทันที



          “เลี่ยน!”...หลังจากที่กินอาหารริมทะเลกันเสร็จทั้งคู่ก็พากันมานั่งอยู่ที่บาร์ริมหาด สั่งค็อกเทลอ่อนๆมาดื่มชมแสงดาวกันที่ริมชายหาด



          “คออ่อนจัง” แกรมม่าแซวๆเมื่อเห็นใบหน้าใสของอีกคนเริ่มขั้นสีระเรื่อหลังจากที่ดื่มไปสามแก้ว



          “ก็ดื่มไม่บ่อยสักหน่อย” สองย่นจมูกใส่ก่อนที่หัวบางจะเอนมาซบไหล่หนา



          “ดาวสวย” สองว่า



          “สวยเหมือนพี่เลย” แกรมม่าว่ายิ้มๆ



          “ฉันหล่อต่างหาก” สองเถียง แกรมม่าหัวเราะก่อนจะดึงแก้มอีกคนเบาๆ



          “แบบนี้เนี่ยนะหล่อ สวยกับน่ารักเหอะ”...แกรมม่าประคองสองขึ้นมาบนห้องนอนเพราะอีกคนเริ่มเมาแล้ว ร่างบางตัวอ่อนปวกเปียกไปหมด ตาเรียวหวานเยิ้มไปด้วยฤทธิ์แอลกอฮอล์เสียจนแกรมม่าอดใจไม่ไหว บดจูบอีกคนไปเสียหลายครั้ง



          “เดี๋ยวผมมานะ” แกรมม่าพูดขึ้น สองทำหน้างง



          “ไปไหน...”



          “รอแปบ เดี๋ยวผมมา” ว่าแล้วร่างสูงก็รีบลงมาชั้นล่างก่อนจะมุ่งหน้าไปที่เซเว่นใกล้ๆทันที เขาไม่ได้เตรียมมาเพราะอยากจะสัมผัสอีกคนตรงๆแต่คิดไปคิดมาก็อดสงสารอีกคนไม่ได้ สองบอบบาง ใสบริสุทธิ์ ไม่เคยผ่านมามือใครมาก่อนคงต้องเจ็บมากแน่ๆ



          “ทั้งหมด...” แกรมม่ายื่นธนบัตรให้พนักงานก่อนจะรับกล่องถุงยางอนามัยมา



          “เฮ้!” แต่ขณะกำลังเดินออกจากเซเว่นเสียงหนึ่งก็ทักขึ้น แกรมม่าหันไปมองก็พบกับสาวฝรั่งทรงโต ใช่บีกีนี่สีแดงสดกับกางเกงยีนส์ขาสั้นที่สั้นมากๆ



          “ทำล่วงน่ะ” หญิงฝรั่งที่พูดไทยได้ยื่นคีย์การ์ดที่แกรมม่าทำล่วงให้ แกรมม่ารับมา



          “ขอบคุณครับ”



          “ว่าแต่...เอาไปใช้กับใครเหรอ” หญิงสาวถามพร้อมกับมองกล่องถุงยางอนามัยที่มือของแกรมม่า แกรมม่ายกยิ้มเพราะสัมผัสได้ถึงสายตาเชยชวนของหญิงสาว



          “ทำไมเหรอ?”



          “เพราะถ้าไม่มีนายน่าจะ...” มือบางลูบไล้ไปที่ใบหน้าหล่อของแกรมม่าอย่างเย้ายวน แกรมม่ากระตุกยิ้ม



          “ถ้าเจอกันคราวน่าผมจะไม่ปฏิเสธคุณแต่วันนี้ผมมีคนที่ต้องใช้ด้วยแล้วล่ะ” แกรมม่าว่าก่อนจะจับมือของหญิงสาวออกจากแก้มก่อนจะยิ้มตบท้ายแล้วเดินออกไปถามว่าหญิงสาวเมื่อกี้น่าสนใจมั้ยก็ตอบได้เลยว่ามาก...ก็นะ เขามันก็ผู้ชายคนหนึ่งใครเสนอเขาก็พร้อมสนองแต่แค่ไม่ใช่ตอนนี้เท่านั้นเอง



          “ไปไหนมา” สองถามขึ้นเมื่อแกรมม่ากลับเข้ามาในห้อง แกรมม่าไม่ตอบแต่กลับเดินเข้ามาหาก่อนจะขึ้นคร่อมร่างบางทันที



          “กะ...แกรมม่า” สองเรียกอีกคนอย่างตกใจ



          “เป็นของผมนะ” แกรมม่าว่าตรงๆ สองทำตาโตยิ่งกว่าเดิมทันที



          “คะ...คือ...อื้อออออ” เสียงหวานถูกดูดกลืนไปในลำคอทันทีที่ปากหนาประกบลงมา ลิ้นหนาสอดแทรกเข้ามาในโพรงปากบางพร้อมกับเกี่ยวพันกับลิ้นเล็กอย่างร้อนแรง  สองโอบคออีกคนก่อนจะจูบตอบกลับไปเช่นเดียวกัน ไม่รู้ว่าเพราะฤทธิ์แอลกอฮอล์หรือว่ารสจูบของอีกคนกันแน่ถึงทำให้สองมัวเมาแบบนี้ สติสัมปชัญญะแตกกระเจิงไปหมด รู้ตัวอีกทีร่างกายก็เปล่าเปลือยเสียแล้ว



          “อ๊ะ” สองสะดุ้งทันทีที่นิ้วของอีกคนสอดเข้ามาในช่องทางด้านหลัง



          “อย่าเกร็งครับ” แกรมม่าว่า สองพยายามผ่อนคลายก่อนที่แกรมม่าจะสอดแทรกนิ้วที่สองและสามเข้ามาตามลำดับ



          “อ๊ะ...อ๊ะ...อ๊ะ” สองครางเป็นจังหวะที่นิ้วเรียวของอีกคนขยับเข้าออก ยิ่งปลายนิ้วโดนจุดเสียวข้างใน หน้าท้องบางก็เกร็งไปหมด



          “ต่อไปของจริงแล้วนะ” แกรมม่าว่าก่อนจะหยิบอุปรณ์ที่พึ่งซื้อเมื่อกี้มาสวมแก่นกายของตัวเอง



          “เมื่อกี้ไป...”



          “ใช่แล้วล่ะ ผมไม่อยากทำพี่เจ็บ แม้ว่าอยากจะสดๆกับพี่แค่ไหนก็ตาม” แกรมม่าว่าเสียงพร่า สองหน้าแดงก่ำกับคำพูดของอีกคน



          “เด็กทะลึ่ง” แกรมม่าหัวเราะกับคำด่าของอีกคนก่อนจะค่อยๆสอดแทรกแก่นกายเข้าไป สองเบ้หน้าด้วยความเจ็บปวด ช่องทางเกร็งตัวอัตโนมัติทำให้แกรมม่าไม่สามารถใส่ได้มิดแท่ง



          “อย่างเก็งสิ อึก ผมใส่ไม่ได้”



          “ฮึก มันเจ็บ” สองว่าน้ำตาคลอ แกรมม่ามองอีกคนใจกระตุกก่อนจะโน้มหน้าลงไปมอบจูบหวานๆเบี่ยงเบนความสนใจให้อีกคนผ่อนคลายและก็ได้ผล เมื่อสองผ่อนคลาย แกรมม่าก็สอดเข้าไปจนมิดด้ามทันทีก่อนที่เสียงครางกระเส่าจะดังขึ้น

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

เอ็นซีแค่นี้พอแต่งไม่ออก 555555 เหมือนจะเห็นแววดราม่าใช่มั้ย อิๆ สปอยเลยว่าใช่แน่นอนแต่จะเป็นยังไงฝากติดตามด้วยนะคะ จุ๊บๆ

___จางบิวตี้___

ออฟไลน์ Wut_Sv

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 903
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +21/-1
สองเสร็จแกรมม่าซะแล้ว  :haun4: :haun4: :haun4:

แต่อะไรคือ "เจอคราวหน้าไม่ปฏิเสธแน่" ถึงจะมีสองอยู่แต่ก็จะเจ้าชู้เหมือนเดิมซินะ  :m16: :m16: :m16:

ดราม่านี้ยังไง ใช่ที่แกรมม่าไปเรียนต่อป่ะ แล้วเรื่องแม่ของสองอีก :katai4: :katai4: :katai4:

อยากอ่านคู่หลักอ่ะ :z2: :z2: :z2:

ออฟไลน์ ♥►MAGNOLIA◄♥

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7538
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +193/-11
แกรมม่า คบสองอยู่
แต่ยังตอบรับสาวฝรั่งได้อีก :m16:
แสดงว่า ต่อไป ต้องนอกใจสองแน่เลย
 :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:

ออฟไลน์ everlastingly

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 476
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +19/-1
 :กอด1: สไมล์สู้ๆ อย่าไปยอมอิสามนะ

ออฟไลน์ HISY

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3645
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +61/-3
จะมีดราม่าอาร๊ายยยย

ออฟไลน์ crazydoii

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 858
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +6/-1
ดราม่าจะมาหรอ???

ออฟไลน์ Jang_B2UTY

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 382
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +83/-5
Poor Boy 14



        สไมล์นั่งหน้าหงิกหน้างออยู่บนรถของสามเมื่ออีกคนดื้อดึงจะไปส่งเขาหลังจากที่คุยกันเสร็จ จะเรียกว่าคุยก็คงจะไม่ถูกในเมื่ออีกคนบังคับเขามา เขาไม่อยากจะคุยหรือแม้จะเจอกับอีกคนแม้แต่น้อย อีกทั้งที่สไมล์ไม่ชอบใจให้อีกคนมาส่งเขาแบบนี้ก็เพราะไม่อยากให้สามรู้ที่อยู่ของเขา ใจจริงอยากจะบอกทางมั่วๆไปทางอื่นแล้วนั่งรถกลับแต่เขาเองก็ใช่ว่าจะรู้จักกรุงเทพมหานครดีก็เลยต้องยอมบอกตามความเป็นจริงไป แต่ก็นะ…รู้แค่คอนโดไม่ได้รู้เลขห้องเสียหน่อย!



          “ผมจะไม่ขอบคุณคุณละกัน เพราะผมไม่ได้ขอให้มาส่ง” สไมล์พูดขึ้นเมื่อรถจอดที่หน้าคอนโดของเขา



          “ปากดี” สามว่าออกมาอดหงุดหงิดกับคำพูดคำจาที่อวดดีของอีกคนที่ต่างจากเมื่อก่อนลิบลับไม่ได้



          “ผมไม่ได้มีดีแค่ปาก” สไมล์หันมาว่าเสียงเรียบ สามเลิกคิ้วก่อนจะยื่นหน้าเข้าไปใกล้จนสไมล์ต้องผงะออกมา



          “อะไรดีมั่งล่ะ”



     “คุณจะอยากรู้ไปทำไม?” สไมล์ว่าพร้อมเชิดหน้าขึ้นอย่างทะนงตัว เขาจะไม่หงอให้อีกคนอีกต่อไปแล้ว ชีวิตหนึ่งปีที่ต่างประเทศสอนให้เขาเข้มแข็งและพึ่งพาตัวเองมากขึ้น



          “เผื่อกูจะอยากลอง” สามกรีดยิ้มร้าย ถ้าเป็นแต่ก่อนสไมล์คงจะชะงักไปแล้วกับคำพูดสองแง่สองง่ามของอีกคนแต่ตอนนี้ไม่ใช่ ร่างบางกรีดยิ้มร้ายไม่แพ้กันก่อนจะดันแผ่นอกหนาของอีกคนออกไปอย่างแรง



          “คุณเกลียดผมไม่ใช่เหรอ อย่ามากลืนน้ำลายตัวเองก็แล้วกัน!”



          “มะ…มึง”



          “อย่างที่บอก…ผมเปลี่ยนไปแล้ว” สไมล์ว่าตบท้ายก่อนจะลงจากรถไปทันทีสามมองตามร่างบางไปด้วยความไม่พอใจที่โดนว่าแสกหน้า มือหนากำแน่นด้วยแรงอารมณ์



          “กูยอมกลืนน้ำลายตัวเองถ้ามันทำให้มึงหงอใส่กูอีกครั้ง!”…สามไม่เข้าใจว่าตลอดสัปดาห์หนึ่งที่ผ่านมาทำไมสามต้องเข้ามาวนเวียนกับสไมล์ตลอด เพื่อนในคณะพากันซุบซิบๆว่าเขาเป็นเด็กของอีกคน เฮอะ เด็กบ้าเด็กบออะไรกัน หน้ายังไม่อยากจะมองเลย เพราะเขารู้ดีว่าอีกคนอันตรายแค่ไหน เมื่อก่อนไม่รู้ว่าเขาไปเผลอตัวเผลอใจได้ยังไงกัน



          “ตกลงพี่เขาจีบแกจริงดิ” ผิงถามขึ้นเสียงจริงจัง



          “เปล่าสักหน่อย” สไมล์ปฏิเสธ



          “เปล่าได้ไงวะ มาหาแกที่คณะทุกวันมีแต่แกที่เล่นตัวตลอด” ผิงว่า อดหงุดหงิดนิดๆเพื่อนตัวเองเล่นตัวกับคนหล่อๆแบบนั้น ถ้าเป็นเธอนะ พร้อมพลีกายเลยเถอะ!



        “เอาเป็นว่าไม่ได้จีบ ไม่ได้เล่นตัว” สไมล์ว่าตัดบท ผิงเบ้ปากใส่เพื่อนสนิทก่อนจะหันไปหาเมาส์เพื่อหาแนวเสริม



          “นี่ มาช่วยฉันคาดคั้นสไมล์มันมั่งดิ มัวแต่ยิ้มกับโทรศัพท์อยู่ได้” ผิงแวดใส่เมาส์ที่กำลังนั่งตอบแชทด้วยใบหน้าเปี่ยมไปด้วยความสุข



          “เมาส์กำลังอินเลิฟ ไม่ต้องไปว่าเมาส์เลย” สไมล์ว่าขำๆ



          “ปะ…เปล่าอินเลิฟนะ” เมาส์ว่าหน้าแดง



          “จ้า โกหกได้เนียนมาก หน้าแดง หูแดงขนาดนี้ ฉันไม่คาดคั้นเรื่องสไมล์ละ มาคาดคั้นแกดีกว่า” ผิงยกยิ้มก่อนจะมองหน้าเมาส์อย่างจริงจัง



          “เล่ามาค่ะเล่ามา” ผิงว่าต่อ เมาส์กัดปากอย่างเขินพร้อมกับใบหน้าแดงก่ำ

 

         “พี่เขาแก่กว่าเราน่ะ เป็นนักธุรกิจ พ่อของพี่เขารู้จักกับพ่อของเรา ก็เลย…”เมาส์พูดไปก็หน้าแดงไป



          “ก็เลยจีบเมาส์ใช่มั้ย” สไมล์ถามด้วยสีหน้ายิ้มๆ



          “แค่ขอเบอร์ ขอไลน์เอง” เมาส์ตอบ



          “แบบนี้เขาเรียกว่าจีบแล้วย่ะ!”…หลังจากเลิกเรียนสไมล์ก็เดินลงจากตึกเรียนพร้อมกับผิงและเมาส์แบบทุกวันและวันนี้ก็เจอร่างสูงของอีกคนมายืนรอ



          “มาอีกแล้วๆ” ผิงว่าด้วยใบหน้าระริกระรี้แต่สไมล์กลับกรอกตาอย่างเอือมๆก่อนที่ร่างบางจะเดินผ่านอีกคนไปราวกับอีกคนเป็นธาตุอากาศ



หมับ

มือหนาจับเข้าที่แขนบางทันที



          “ปล่อย” สไมล์ว่า



          “ไม่ปล่อยมีไรมะ?” สามว่าพร้อมกับกลั้วลิ้นในปากอย่างกวนๆ สไมล์ขมวดคิ้วด้วยความไม่พอใจกับการกระทำของอีกคน ยิ่งเสียงซุบซิบๆดังขึ้นก็ยิ่งไม่พอใจมากขึ้นอีกคนต้องการอะไรกันแน่ ในเมื่อเกลียดกันก็ควรต่างคนต่างอยู่ไม่ใช่หรือไง หรือว่าจะแก้แค้นที่เขาว่าแสกหน้าไปวันนั้น?



          “คุณต้องการอะไรกันแน่ มาหาผมที่คณะทุกวัน  จีบผมหรือไง?” สไมล์ถามด้วยสีหน้าเรียบนิ่ง ถ้าเป็นแต่ก่อนเขาคงไม่กล้าพูดอะไรทำนองนี้



          “เออ ถ้าใช่?” สามตอบพร้อมเลิกคิ้ว สไมล์ร้องเฮอะออกมากับคำตอบของอีกคน



          “ถ้างั้นก็หยุด เพราะผมไม่สนใจคนอย่างคุณ” สไมล์ว่าพร้อมแกะมือหนาออกจากแขน



          “คนอย่างกูมันทำไม หล่อ รวย  K.ใหญ่” คำสุดท้ายปากหนากระซิบข้างหูบางใบหน้าหวานขึ้นสีทันทีกับคำพูดทะลึ่งลามกของอีกคน



          “ทุเรศ! ถ้าสิ่งที่คุณกำลังทำอยู่คือกวนประสาทผม คุณทำสำเร็จแล้วเพราะฉะนั้นดีใจกับชัยชนะของคุณซะแล้วเลิกยุ่งกับผมสักที” สไมล์ว่าอย่างจริงจัง



          “คืนนี้ไปกับกู แล้วกูจะเลิกยุ่งกับมึง” สามว่า สไมล์ขมวดคิ้ว

 

         “ทำไมผมต้องไปกับคุณ”



          “มึงไม่กล้า? เหอะๆ ไหนว่าเปลี่ยนไปแล้วไง” สามยกยิ้มมุมปากอย่างท้าทาย



          “ก็ได้ ผมไป!”



          “ก็ดี งั้นสามทุ่มกูไปรับมึงที่หน้าคอนโด” พูดจบสามก็เดินออกไปทันที สไมล์มองสามอย่างไม่เข้าใจและก็ไม่รู้ว่าคืนนี้อีกคนจะพาเขาไปที่ไหน แต่ถ้ามันแลกกับการให้อีกคนเลิกยุ่งกับเขา เขาก็จะไป!...สามเดินยิ้มร่าออกมาจากคณะของอีกคนคืนนี้แหละ กูจะทำให้มึงกลับมาหงอไม่กล้ายิ่งผยองแบบนี้กับกู!...และสถานที่ที่สามพาสไมลานั้นคือสนามแข่งรถ ซึ่งช่วงเวลาหนึ่งปีที่ผ่านมาเวลาเซ็งๆเบื่อๆสามก็มักจะมาระบายความอารมณ์ที่นี่ สามมีฝีมอแข่งรถตั้งแต่อยู่ที่อังกฤษแล้ว เขายังเคยแข่งรถหาเงินเที่ยวเองเลยซึ่งแน่นอนว่าพ่อกับแม่ของเขาไม่รู้



          “พาผมมาที่นี่ทำไม” สไมล์ถามขึ้น ตากลมมองรอบๆอย่างระแวงๆ ผู้คนที่เยอะแยะมากมายบวกกับเสียงเครื่องยนต์ที่ดังลั่นเป็นที่ที่สไมล์ไม่คุ้นชินยิ่งนัก



          “เดี๋ยวมึงก็รู้” สามยกยิ้มก่อนจะเดินนำสไมล์มาที่เต็นท์หนึ่ง



          “มาแล้วเหรอวะ ว้าว…นี่เหรอที่มึงบอก” ผู้ชายคนหนึ่งทักสามขึ้นพร้อมมองมาที่สไมล์อย่างหยาบโลน ซึ่งสร้างความไม่พอใจให้สไมล์เป็นอย่างมาก



          “เออ ที่กูบอก” สามยักไหล่



          “หมายความว่ายังไง” สไมล์ถามสามเสียงเข้ม



          “อ้าว มึงไม่ได้บอกเขาเหรอว่ามึงจะเอาเขามาเป็นของพนันคืนนี้” สไมล์ทำตาโตทันทีกับคำพูดของอีกคน ตากลมหันไปมองสามอย่างไม่พอใจอย่างเห็นได้ชัดสามยกยิ้มมุมปากอย่างพึงพอใจในปฏิกิริยาของอีกคน



          “นี่มันเรื่องบ้าอะไรกันฮะ! คุณกำลังเล่นสนุกอะไรกันแน่!” สไมล์ถามเสียงดังตัวสั่นเทิมด้วยความโกรธ



          “ก็แข่งรถไง แล้วเอามึงเป็นของพนัน” สามว่าพลางยักไหล่ก่อนจะหยิบบุหรี่ขึ้นมาจุดสูบอย่างชิวๆ

 

         “ผมไม่เป็น! ผมจะกลับ ถอยไป!” สไมล์ว่าเพราะสามยืนขวางทางขาไว้อยู่

 

         “มึงไม่กล้า? ถ้างั้นก็อ้อนวอนขอกูสิ อ้อนวอนแบบเมื่อหนึ่งปีก่อนที่กูกำลังจะเอามึง” สามว่าพร้อมกับแสยะยิ้มร้าย สไมล์กำมือแน่น ถ้าเป็นไปได้อยากจะต่อยหน้าอีกคนแรงๆแต่มันคงจะไม่สะใจเท่าไหร่และแรงของเขาคงไม่ได้ทำให้อีกคนสะเทือนผิวเท่าไหร่หรอก



          “หึๆ  ก็ได้ ผมจะเป็นของพนันให้ ไหนล่ะคู่แข่งของคุณ ผมจะได้ดูว่าคนที่ผมจะไปด้วยคืนนี้หน้าตาเป็นแบบไหน” สไมล์ว่าพร้อมยกยิ้มร้ายไม่แพ้กัน สามขมวดคิ้วทันทีกับคำพูดของอีกคน



          “มึงคิดว่ากูจะแพ้หรือไง” สามว่าเสียงดัง



          “แน่นอน คนอย่างคุณมันแพ้ตลอดแหละ หนึ่งปีก่อนก็แพ้คำอ้อนวอนของคนพิการอย่างผมไม่ใช่หรือไง” สไมล์ว่าพร้อมรอยยิ้มร้ายเช่นเดิม สามกำมือแน่นอย่างไม่พอใจ ที่เขาพาอีกคนมาที่นี่ก็เพื่อทำให้อีกคนกลัวและอ้อนวอนเขา ไม่ใช่ให้มาพยศและหยิ่งผยองใส่แบบนี้!



          “นี่เหรอวะของพนันมึง” เสียงหนึ่งขัดจังหวะขึ้นทำให้สามและสไมล์หันไปมองทันที



          “ไอ้ธัน” สามเรียกอีกคน



          “น่ารักดีนี่หว่า คืนนี้กูสู้ตายเลยว่ะ” ธันว่ายิ้มๆพร้อมมองสไมล์อย่างสนอกสนใจ สไมล์ยิ้มให้อีกคนนิดๆแต่กลับสร้างความไม่พอใจให้สามเป็นอย่างมาก



          “ชนะกู ยากหน่อยว่ะ” สามว่าเสียงจริงจัง



          “หึๆ ถ้าของrนันน่าสนใจแบบนี้ มันก็ไม่น่ายากว่ะ” ธันว่าอย่างมั่นใจก่อนจะหันมาหาสไมล์



          “แล้วเจอกันนะครับ”…หลังจากที่ธันเดินกลับไปที่ฝั่งเต็นท์ของตัวเอง สามก็หันมามองสไมล์ด้วยความไม่พอใจทันที



          “มองตามมัน อยากไปกับมันหรือไง!”  สามถามเสียงดัง



          “ก็หล่อดี” สไมล์ว่าหน้าตาเฉย



          “เฮอะ! แต่เสียใจ คนอย่างมันชนะกูไม่ได้หรอก!” สามว่าก่อนจะเดินชนไหล่สไมล์ไปที่รถแข่งที่จอดรอไว้ทันที สไมล์ยกยิ้มมุมปากมองตาอีกคน เขาเชื่อว่ายังไงสามก็ชนะ คนอย่างสามเกลียดที่สุดคือความท้าทาย ยิ่งเขาท้าทายและดูถูกไปแบบนี้คงยิ่งยอมไม่ได้ ถามว่าเขาไม่กลัวหรือไง…ตอบได้เลยว่ากลัวมาก แต่เขาต้องระงับความกลัวด้วยใบหน้าเรียบนิ่งและรอยยิ้มมุมปาก เขาไม่ใช่สไมล์คนเดิม ที่พอกลัวก็ร้องไห้อ้อนวอนออกมา สไมล์คนนี้แข็งแกร่งพอที่จะปกป้องตัวเอง!

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

สามจะชนะมั้ย? น่าจะเดาได้ 5555 หวังว่าจะชอบสไมล์ลุคนี้กันนะคะ พยายามแต่งให้น้องแรงขึ้นแต่เปลือกในก็ยังคงวามเป็นสไมล์เหมือนเดิม ยังไงก็ฝากติดตามด้วยนะคะ

___จางบิวตี้____

ออฟไลน์ Wut_Sv

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 903
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +21/-1
 :angry2: :angry2: :angry2:  เหนื่อยใจกะระบบความคิดของอิสามจริง

ออฟไลน์ ♥►MAGNOLIA◄♥

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7538
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +193/-11
สาม ชอบสไมล์
ทำไมไม่พูดไปตรงๆ
แล้วยังเอาสไมล์ไปเดิมพันแข่งรถอีก
ถึงจะเชื่อมั่นในฝีมือ ฝีเท้าของตัวเองก็จริง
สไมล์ ไม่ใช่สิ่งของที่เอาไปพนัน
สามไม่ใช่เจ้าของสไมล์
และสไมล์ ไม่ได้เป็นอะไรกับสามเลย
ทำอย่างนี้ไม่ยุติธรรมกับสไมล์เลย แย่มากกก
      :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด