พิมพ์หน้านี้ - Poor Boy…รักไม่ได้ [Yaoi Boy’s Love] อัพตอน20 (12/09/59) End

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Boy's love => Boy's love story => นิยายที่โพสจนจบแล้ว => ข้อความที่เริ่มโดย: Jang_B2UTY ที่ 26-05-2016 16:26:08

หัวข้อ: Poor Boy…รักไม่ได้ [Yaoi Boy’s Love] อัพตอน20 (12/09/59) End
เริ่มหัวข้อโดย: Jang_B2UTY ที่ 26-05-2016 16:26:08
ข้อตกลงในการเข้ามาในเล้าเป็ดนะครับ กรุณาอ่านทุกคนนะครับ
เล้าแห่งนี้เป็นที่ที่คนชื่นชอบนิยาย boy's love หรือชายรักชาย หากใครหลงมาแล้วไม่ชอบ
กรุณากดกากบาทสีแดงมุมด้านขวาบนออกไปด้วยนะครับ


ติดตามกฏเพิ่มเติมที่กระทู้นี้บ่อยๆ เมื่อมีการแก้ไขกฏจะแก้ไขที่กระทู้นี้นะครับ
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0

ประกาศทั่วไปติดตามอัพเดทกันที่นี่
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.0

ประกาศ กฎที่อื่นมีไว้แหก แต่ห้ามมาแหกที่นี่

1.ห้ามมิให้ละเมิดสิทธิส่วนตัวของคนแต่งและบุคคลในเรื่องทั้งหมด

2.ห้ามมิให้โพสต์ข้อความ รูปภาพ ใช้ลายเซ็นหรือรุปส่วนตัวหรือสื่อใดๆที่ก่อให้เกิดความขัดแย้ง ไม่แสดงความเคารพ, หมิ่นประมาท,
หยาบคาย, เป็นที่รังเกียจ, ไม่เหมาะสม,ติดเรท x,ทำให้กระทู้กลายพันธ์,ไม่เกี่ยวพันกับนิยายที่ลง
หรืออื่นๆที่ขัดต่อกฎหมาย,ห้ามโพสกระทู้ที่จะสร้างประเด็นความขัดแย้ง  ในเรื่อง การเมือง ศาสนา พระมหากษัตริย์
และสถาบันต่าง ๆ  รวมถึงกระทู้ที่จะสร้างความแตกแยก  ชวนวิวาท ของสมาชิกภายในเวปบอร์ด

3.การนำเรื่อง ข้อความ รูปภาพมาโพส หรือนำข้อความใดๆไปโพสที่อื่นๆ กรุณาพยายามติดต่อเจ้าของเรื่องเท่าที่จะทำได้หรือแจ้งมายังบอร์ดนี้ก่อนนะครับ  เนื่องจากเจ้าของเรื่องบางครั้งไม่ต้องการให้คนที่ไม่ได้ชื่นชอบนิยายชายรักชายเข้ามารับรู้  ลิขสิทธิ์ทั้งหมดเป็นของเจ้าของคนที่ทำขึ้นและเวปแห่งนี้นะครับ

4.ห้ามแจกเบอร์ แลกเมล บอกเมล แลก msn บนบอร์ด โดยเฉพาะการบอกเบอร์ หรือเมลของคนอื่นโดยที่เจ้าของไม่ยินยอมให้ส่งหรือติดต่อกันทางพีเอ็มจะปลอดภัยกว่าแล้วเมื่อมีการติดต่อสื่อสารกันให้พึงระวังถึงความปลอดภัย ความไม่น่าไว้ใจของผุ้คนทุกคนแม้จะมีชื่อเสียงในบอร์ดเป็นเรื่องส่วนตัวของแต่ละคนไป เพื่อลดความขัดแย้งภายในเล้า จึงไม่สนับสนุนให้มีการจีบกันในบอร์ดนะครับ

5.ห้ามจั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” นักเขียนทุกคนอย่าโกหกคนอ่านว่าเป็นเรื่องจริงในกรณีแต่งเติมเพิ่มแม้แต่นิดเดียวให้ชี้แจงว่าเป็นเรื่องแต่งแม้จะแต่งเพิ่มขึ้นแค่ไม่ถึง 10 % ก็ตาม

6.การพูดคุยโต้ตอบระหว่างคนเขียนและคนอ่านนอกเรื่องนิยาย  ทำได้  แต่อย่าให้มากนัก เช่น คนเขียนโพสนิยายหนึ่งตอน ก็ควรตอบเพียงคอมเม้นต์เดียวก็พอแล้ว  โดยสามารถใช้ปุ่ม Insearch qoute  ได้    ถ้าจะพูดคุยกันมากขึ้นแนะนำให้ไปตั้งกระทู้ใหม่ที่ห้องพูดคุยทั่วไป และลงลิงค์จากนิยายไปยังกระทู้พูดคุยกับแฟนคลับนิยายในรีพลายแรกด้วยนะครับ เพราะการที่คนเขียนและแฟนคลับพูดคุยกันมากทำให้หานิยายที่จะอ่านยาก ไม่เจอ ลำบากกับคนที่ไม่ได้เข้ามาตามอ่านทุกวัน

7. การกดบวกให้เป็ดเหลือง
      7.1 นิยาย 1 ตอน  จะให้ขึ้น Top list แค่ 1 Reply เท่านั้น ถ้าขึ้นเกิน จะลบคะแนนออก เหลือเฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด
      7.2 นิยาย 1 เรื่อง จะให้ขึ้น Top list ไม่เกิน 3 Reply ถ้าเกิน จะลบคะแนนออก ให้เหลือ เฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด ลงมาตามลำดับ
      7.3 Post ในห้องอื่น ๆ ก็จะใช้ หลักการเดียวกันนี้ เช่นกัน ยกเว้น
            - 1 Reply ที่เกินมานั้น โมทั้งหลาย พิจารณาดูแล้วว่า ไม่เป็นการปั่นโหวต และเป็น Reply ที่น่าสนใจและเป็นที่ชื่นชอบจริง ๆ

8.Administrator และ moderator ของ forum นี้ มีสิทธิ์อ่าน, ลบ หรือแก้ไขทุกข้อความ. และ administrator, moderator หรือ webmaster ไม่สามารถรับผิดชอบต่อข้อความที่คุณได้แสดงความคิดเห็น (ยกเว้นว่าพวกเขาจะเป็นผู้โพสต์เอง).

9.คุณยินยอมให้ข้อมูลทุกอย่างของคุณถูกเก็บไว้ในฐานข้อมูล. ซึ่งข้อมูลเหล่านี้จะไม่ถูกเปิดเผยต่อผู้อื่นโดยไม่ได้รับการยินยอมจากคุณ .Webmaster, administrator และ moderator ไม่สามารถรับผิดชอบต่อการถูกเจาะข้อมูล แล้วนำไปสร้างความเดือดร้อนต่างๆ

10.ห้ามลงประกาศลิงค์โปรโมทเวป  โฆษณา หรือโปรโมทในเชิงธุรกิจใดๆ ทุกชนิด ลงได้เฉพาะในห้องซื้อขาย ในเมื่อแนะนำเวปอื่นที่บอร์ดเรา ก็ช่วยแนะนำบอร์ดเราโดยลงลิงค์บอร์ดเรา เวป http://www.thaiboyslove.com  ในบอร์ดที่ท่านแนะนำมาให้เราด้วย  เมื่อจำเป็นต้องแนะนำลิงค์ให้ส่งลิงค์กันทาง personal message หรือพีเอ็มแทนนะครับจะสะดวกกว่า ส่วนในกรณีอยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนๆได้อ่านจริงๆนั้นพยายามลงให้ห้องซื้อขายซะ หรือถ้าม๊อดเดอเรเตอร์จะพิจารณาเป็นกรณีๆไป ถ้ารู้สึกว่าไม่ได้โปรโมทเวป แต่อยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนด้วยใจจริงจะให้กระทู้นั้นคงอยู่ต่อไป

11.บอร์ดนิยายที่โพสจนจบแล้วมีไว้สำหรับนิยายที่โพสในบอร์ด boy's love จนจบแล้วเท่านั้น จึงจะถูกย้ายมาเก็บไว้ที่นี่ หาอ่านนิยายที่จบแล้ว หรือคนเขียนไม่ได้เขียนต่อ แต่โดยนัยแล้วถือว่าพล็อตเรื่องโดยรวมสมควรแก่การจบแล้ว หากนักเขียนท่านใดได้พิมพ์เล่มกับสำนักพิมพ์ ต้องการลบเรือ่งบางส่วนออก โดยเฉพาะไคลแม๊ก หรือตอนจบที่สำคัญ ให้แจ้ง moderator ย้ายนิยายของท่านสู่ห้องนิยายไม่จบ เพื่อที่หากระยะเวลาเกินหกเดือนแล้ว เราจะได้ทำการลบทิ้ง หรือท่านจะลบนิยายดังกล่าวทิ้งเสียก็ได้ เนื่องจากบอร์ดนี้เก็บเฉพาะนิยายที่จบแล้ว

บอร์ดนิยายที่ยังไม่มาต่อจนจบไว้สำหรับ
นิยายที่คนเขียนไม่ได้มาต่อนาน หายไปโดยไม่มีเหตุผลสมควร ไม่ได้แจ้งไว้หรือแจ้งแล้วก็ไม่มาต่อ 3 เดือน จะย้ายมาเก็บในนี้เมื่อครบหกเดือนจะทำการลบทิ้ง ส่วนเรื่องไหนที่จะต่อก็ต่อในนี้จนกว่าจะจบ แล้วถึงจะทำการย้ายไปสู่บอร์ดนิยายจบแล้วต่อไป

12.ห้ามนำเรื่องพิพาทต่างๆมาเคลียร์กันในบอร์ด

13.ผู้โพสนิยาย และเขียนนิยายกรุณาโพสให้จบ ตรวจสอบคำผิดก่อนนำมาลงด้วยครับ

14.ส่วนคนอ่านทุกท่าน เวลาอ่านนิยาย เรื่องที่คนเขียนเขียน  ก็ไม่ต้องไปอินมากนะครับ ให้เก็บเอาสิ่งดีๆ ประสบการณ์ ข้อคิดดีๆไปนะครับ

15. การนำรูปภาพ บทความ ฯลฯ มาลงในเวปบอร์ด  ควรจะให้เครดิตกับ... 
(1) ผู้ที่เป็นต้นตอเจ้าของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ
(2) เวปไซต์ต้นตอที่อ้างอิงถึง

16.นิยายเรื่องไหนที่คิดว่าเมื่อมีการรวมเล่มขายแล้วจะลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออก กรุณาอย่าเอามาลงที่นี่ หรือสำหรับผู้ที่ขอนิยายจากนักเขียนอื่นมาลง ต้องมั่นใจว่าเรื่องนั้นจะไม่มีการลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออกเมื่อมีการรวมเล่มขาย อนึ่ง เล้าไม่ได้ห้ามให้มีการรวมเล่มแต่อย่างใด สามารถรวมเล่มขายกันได้ แต่อยากให้เคารพกฎของเล้าด้วย เล้าเปิดโอกาสให้ทุกคน จะทำมาหากิน หรืออะไรก็ตามแต่ขอความร่วมมือด้วย เผื่อที่ทุกคนจะได้อยู่อย่างมีความสุข

17.ห้ามแจ้งที่หัวกระทู้เกี่ยวกับการจองหรือจัดพิมพ์หนังสือ แต่อนุโลมให้ขึ้นหัวกระทู้ว่า “แจ้งข่าวหน้า...” และลงลิงค์ที่ได้ตั้งเอาไว้ในแล้วในห้องซื้อขายลงในกระทู้นิยายแทน  ถ้านักเขียนต้องการประชาสัมพันธ์เกี่ยวกับการจอง หรือจัดพิมพ์หนังสือของตนเองผ่านกระทู้นิยายของตนเอง  นิยายเรื่องดังกล่าวจะต้องลงเนื้อหาจนจบก่อน (ไม่รวมตอนพิเศษ) จึงจะทำการประชาสัมพันธ์ในกระทู้นิยายได้ (ศึกษากฏการซื้อขายของเล้่าก่อน ด้วยนะคะ)

เอาข้อสำคัญก่อนนะครับเด่วอื่นๆจะทำมาเพิ่มครับเอิ้กๆหุหุ
admin
thaiboyslove.com.......................................                                                           

วันที่ 3 ธ.ค. 2551วันที่ 16 ก.ย. 2554 ได้เพิ่มกฏ ข้อที่ 7
วันที่ 21 ต.ค.2556 ได้ปรับปรุงกฏทั้งหมดเพื่อให้แก้ไข และติดตามได้ง่าย

เวปไซต์แห่งนี้เป็นเวปไซต์ส่วนบุคคลที่ได้รับความคุ้มครองจากกฏหมายภายในและระหว่างประเทศ การเข้าถึงข้อมูลใดๆบนเวปไซต์แห่งนี้โดยไม่ได้รับความยินยอมจากผู้ให้บริการ ถือว่าเป็นความผิดร้ายแรง

ข้อความใดๆก็ตามบนเวปไซต์แห่งนี้ เกิดจาการเขียนโดยสมาชิก และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ ผู้ดูแลเวปไซต์แห่งนี้ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย และไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆ  โปรดใช้วิจารณญาณของท่านที่เข้าชม และ/หรือ ท่านผู้ปกครองในการให้ลูกหลานเข้าชม




*****************************************************************************************
ผลงานจางบิวตี้

เซต ครอบครัวเทพพยัคฆ์
Dragon's Love รักร้ายนายมังกร (จบแล้ว)
V
V
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=51339.0

Lion's Love รักร้ายนายเย็นชา (จบแล้ว)
V
V
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=52668.0

Tiger's Love รักร้ายนายเพลย์บอย
V
V
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=54447.0

Fox's Love รักร้ายนายเจ้าเล่ห์
V
V
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=55655.0




เซต Poor Boy
Poor Boy รักนี้ไม่มีเสียง (จบแล้ว)
V
V
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=51770.0

Poor Boy รักไม่ได้
V
V
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=54025.0


Poor Boy รักที่มองไม่เห็น
V
V
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=55595.0




เซต Sex toy
Sex Toy ผมถูกบังคับให้ขายตัว (จบแล้ว)
V
V
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=52620.0

Sex Toy ผมไม่ได้ขายตัวเว้ย!
V
V
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=54540.0


Sex Toy ผมขายตัวครับ!
V
V
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=55704.0
[/color][/size]

 :mew1: :mew1: :mew1: :mew1: :mew1: :mew1: :mew1: :mew1: :mew1: :mew1: :mew1:
หัวข้อ: Re: Poor Boy…รักไม่ได้ [Yaoi Boy’s Love]
เริ่มหัวข้อโดย: Jang_B2UTY ที่ 26-05-2016 16:33:56
Poor Boy…รักไม่ได้ [Yaoi Boy’s Love]

Open : 26/05/59
Close : 12/09/59



Sam : พิการแต่แม่งเสือกแรด มึงมันก็ไม่ต่างอะไรจากแม่มึงจริงๆ!

Smile : ฮึก...คุณจะว่าผมยังไงก็ได้แต่คุณไม่มีสิทธิ์มาว่าแม่ของผม!






เปิดเรื่องที่สองของเซต Poor Boyค่า!!! ทั้งสองเรื่องไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกันนะคะแต่เป็นคอนเซ็ปตามชื่อเรื่องเท่านั้นคือ Poor Boy

ยังไงก็ฝากติดตามด้วยนะคะ ดราม่า(?) ไม่แพ้เรื่องน้องเทียนกับพี่วินแน่นอน เผื่อจะมีคนชอบแนวนี้ อิๆ ^ ^
___จางบิวตี้___



[attachment deleted by admin]
หัวข้อ: Re: Poor Boy…รักไม่ได้ [Yaoi Boy’s Love]
เริ่มหัวข้อโดย: Jang_B2UTY ที่ 26-05-2016 16:36:39
Intro

...1 ปีก่อน...


‘มึงสินะไอ้เป๋ที่มาเป็นกาฝากอยู่ในบ้านของกู’

‘ผมชื่อสไมล์ ไม่ได้ชื่อเป๋’

-------------------------------------------------------------------------

‘แรด ร่าน คิดจะมาอ่อยพี่ชายกู มึงอย่าได้ฝันสูง!’

‘ผมไม่เคยทำแบบนั้น ไม่เคยแม้แต่คิด’


-------------------------------------------------------------------------
...1 ปี ต่อมา...

‘คุณเคยเกลียดผมไม่ใช่เหรอ อย่ามากลืนน้ำลายตัวเองก็แล้วกัน!’

‘มะ...มึง’


-------------------------------------------------------------------------

‘ยั่วนักใช่มั้ย เดี๋ยวกูจะกระแทกให้เอวหัก!’

‘ถ้าคุณยอมกลืนน้ำลายตัวเองก็ลองดู ’


-------------------------------------------------------------------------

‘คุณก็รู้ว่าเรื่องของเรามันเป็นไปไม่ได้ เรารักกันไม่ได้!’

‘แค่มึงรักกู กูรักมึงก็พอ คนอื่นไม่มีสิทธิ์ตัดสิน!!’

















Intro งงๆอีกแล้ว 55555 คือคล้ายๆเรื่องน้องเทียนกับพี่วินนะคะมีทั้งอดีตและปัจจุบันแต่นี่แค่ปีเดียวพอ คู่นั้นมันนานเกินไป  ยัง

ไงก็ฝากติดตามด้วยนะคะ จุ๊บๆ
___จางบิวตี้___
หัวข้อ: Re: Poor Boy…รักไม่ได้ [Yaoi Boy’s Love]
เริ่มหัวข้อโดย: Pe_no ที่ 26-05-2016 18:36:12
ติดตามตลอดค่ะ :mew2:
หัวข้อ: Re: Poor Boy…รักไม่ได้ [Yaoi Boy’s Love]
เริ่มหัวข้อโดย: Inwoสูs ที่ 26-05-2016 20:16:16
รอออออ  :katai2-1:
หัวข้อ: Re: Poor Boy…รักไม่ได้ [Yaoi Boy’s Love]
เริ่มหัวข้อโดย: Jang_B2UTY ที่ 01-06-2016 18:32:52
Poor Boy 1

 

          เสียงหัวเราะเจือยแจ้วดังออกมาจากรถยนต์คันหรูที่กำลังขับกลับบ้านหลังจากที่ไปเที่ยวพักร้อนด้วยกันทั้งครอบครัว

‘สไมล์’ หนุ่มน้อยวัยสิบแปดปีที่กำลังพูดไปหัวเราะไปอย่างน่ารักจนผู้เป็นพ่อและแม่ที่นั่งอยู่ข้างหน้าอดที่จะหัวเราะตามด้วย

ไม่ได้

          “สไมล์พูดจริงนะครับพ่อ นะครับแม่สไมล์จะเรียนหมอฟัน” สไมล์ว่า เขาพึ่งจบม.6ไปได้ไม่กี่วันและอีกไม่กี่เดือนข้างหน้า

ก็จะเป็นเทศกาลที่เคร่งเครียดของเด็กม.6หรือที่เรียกว่าแอดมิชชั่นนั่นเอง สไมล์แน่วแน่ไว้แล้วว่าเขาจะแอดคณะทันตแพทย์

แม้ว่าเขาจะไม่ใช่เด็กเรียนเก่ง สมองดีระดับต้นๆของห้องแต่มันคือความใฝ่ฝันของเขาตั้งแต่เด็กๆ

          “จะไหวรึ เป็นหมอแบบพ่อเหนื่อยจะตายนะ” ผู้เป็นพ่อว่า

          “โหยยย อย่าพึ่งขู่กันสิครับ” สไมล์ย่นจมูก

          “พ่อเขาไม่ได้ขู่นะ ไม่เห็นพ่อหรือไงยุ่งตลอดเวลากว่าจะปลีกตัวมาเที่ยวกับพวกเราได้ ผลัดแล้วผลัดอีก” ผู้เป็นแม่พูด

บ้างออกแนวทำนองแซะสามีเล็กๆ

          “โธ่คุณ ผมเป็นหมอนี่หน่า มีหน้าที่ช่วยชีวิตคุณ”

          “เพราะอย่างนี้ไงครับสไมล์ถึงอยากเป็นหมอแบบพ่อแม้ว่าจะเป็นแค่หมอฟันก็เถอะ” สไมล์พูดขึ้นบ้าง

          “สไมล์อยากให้คนไข้ที่มาทำฟันกับสไมล์มีรอยยิ้มที่สวย กล้าที่จะยิ้มให้กับคนอื่นๆเหมือนชื่อของสไมล์ไงครับ คึๆ” ส

ไมล์ว่าต่อ สิ้นเสียงใสนั่นก็ตามมาด้วยเสียงหัวเราะของผู้เป็นพ่อและแม่

          “คุณคะ ข้างหน้าขับช้าๆนะคะ ในแผนที่บอกว่าเป็นโค้งอันตราย” แม่ของสไมล์ผู้ที่ถือแผนที่อยู่ว่า เพราะนี่ก็เป็นเวลา

กลางคืนแล้วแม้ว่าจะยังไม่ดึกแต่ถนนสายนี้ก็เงียบมากเพราะเป็นทางขึ้น-ลงเขาทำให้อันตรายไม่ใช่น้อย

          “ครับ คุณไม่ต้องห่วง” ผู้เป็นสามีรับปากก่อนจะค่อยๆขับรถต่อไป ผู้เป็นสามีมองแสงไฟตรงหน้าที่ส่องเข้ามาเต็มตาจน

อดหงุดหงิดในใจไม่ได้ นี่มันถนนส่วนตัวหรือไงถึงได้เปิดไฟสูงอย่างนั้นผู้เป็นสามีขยี้ตาเบาๆเพราะความแสบตาทำให้ไม่ได้มอง

ถนนตรงหน้าว่าเป็นทางโค้งเหวลึกน่ากลัว

          “คะ...คุณ กรี๊ดดดดดดดดด” เสียงของภรรยาดังขึ้นทำให้ผู้เป็นสามีตั้งสติแล้วหักพวงมาลัยไม่ให้ตกเหวอย่างเร็วจนลืมไป

ว่ามีรถขับสวนมาด้วย

 

เอี๊ยดดดดดด!!!

 

โครมมมม!!

ทุกอย่างเกิดขึ้นอย่างรวดเร็วเพียงเสี้ยววินาทีเท่านั้น สไมล์ที่กำลังก้มหน้ากดโทรศัพท์ตอบแชทเพื่อนพอเงยหน้าขึ้นมา รถของ

เขาและคันที่ขับสวนมาก็ปะทะกันอย่างแรง

          “แค่กๆ พ่อ...แม่” สไมล์สำลักเป็นเลือดออกมา ตากลมพยายามมองพ่อกับแม่ที่เบาะข้างหน้าแต่สิ่งที่เขาเห็นคือพ่อและ

แม่ที่ร่างกายเป็นไปด้วยเลือด ตากลมเบิกกว้างเพราะความช็อคก่อนร่างบางจะหมดสติไปในที่สุด...

          “พ่อครับ แม่ครับ” เสียงใสตะโกนเรียกพ่อกับแม่ในที่ที่หนึ่งที่เขาไม่คุ้นเคยรอบตัวเขามีแต่สีขาวเต็มไปหมด ไม่มีทางเข้า

หรือทางออกใดๆ ที่นี่คือที่ไหนกัน?

          “พ่อ แม่!!” สไมล์เรียกเสียงดัง เขาจำแผ่นหลังของพ่อกับแม่ได้แต่พอร่างบางจะวิ่งไปหาท่านทั้งสองร่างบางก็ต้องทรุด

ตัวลงกับพื้นเพราะขาทั้งสองข้างของเขามันไม่มีแรง มันเหมือนจะขยับไม่ได้

          “พ่อ แม่ครับ!” สไมล์ตะโกนเรียกท่านทั้งสองอีกครั้งแต่ท่านทั้งคู่ก็เดินออกห่างสไมล์ไปเรื่อยๆ ร่างบางร้องไห้โฮแทบ

ขาดใจ เขาไม่รู้ว่าที่นี่คือที่ไหน เขาไม่รู้ว่าพ่อกับแม่กำลังจะไปที่ไหนเพียงแต่เขาไม่ชอบเลย ไม่ชอบที่พ่อกับแม่หันหลังให้เขา

แบบนี้เลย

          “ฮือออออ พ่อครับ แม่ครับ ฮือออออออ”...ตากลมค่อยๆลืมตาขึ้นมาด้วยความรู้สึกมึนงง เพดานสีขาว กลิ่นยาที่คละคลุ้ง

ไปทั่วแบบนี้ โรงพยาบาลสินะ...

          “ฟื้นแล้วเหรอคะ” เสียงหนึ่งพูดขึ้นทำให้สไมล์หันไปมอง

          “หิว...น้ำ” สไมล์ว่าเสียงแหบพร่า พยาบาลสาวจึงรีบรินน้ำใส่แก้วให้ร่างบางทันที หลังจากที่กินน้ำเสร็จสไมล์ก็พยายาม

นึกถึงสิ่งที่เกิดขึ้น

          “คุณพยาบาลครับ พ่อแม่ผมล่ะ พ่อแม่ผมอยู่ไหน” สไมล์ถามพยาบาลด้วยความร้อนรนทันที ตอนนี้ในใจของเขามันร้อน

รุ่มไปหมด ความรู้สึกกลัวกัดกินทุกพื้นที่ในหัวใจ

          “คนไข้อย่าพึ่งขยับตัวแรงสิคะ ใจเย็นๆนะคะ” พยาบาลสาวว่า

          “แต่ผมจะไปหาพ่อกับแม่” สไมล์ว่าน้ำตาคลอ พยาบาลสาวทำหน้าลำบากใจทันที

          “คนไข้พึ่งได้สติ ดิฉันว่าควรจะพักผ่อนก่อนนะคะ” พยาบาลสาวพยายามเกลี้ยกล่อม สไมล์ส่ายหน้าพยายามพยุงตัวเอง

เพื่อจะลงจากเตียงแต่ทำไม...ทำไมขาของเขาถึงขยับไม่ได้ สไมล์หน้าเสียทันที ความฝันบางอย่างย้อนคืนมาในหัวอีกครั้ง ความ

ฝันที่ในฝันพ่อกับแม่หนีเขาไปและขาของเขาก็ขยับไม่ได้

          “ขาผม...คุณพยาบาลครับ ขาผม” สไมล์มองหน้าพยาบาลอย่างมีคำถามพยาบาลทำท่าอึกอัก

          “ฮึก ทำไมขาผมขยับไม่ได้” สไมล์น้ำตาไหลออกมา มือบางที่ไร้สายน้ำเกลือเอื้อมไปจับขาตัวเอง ขนาดเขาบีบเขาหยิก

ขนาดนี้ทำไมมันไม่รู้สึกอะไรเลย ทำไม...

          “ดิฉันว่าคนไข้ใจเย็นๆนะคะ ดิฉันเชื่อว่ามันต้องมีทางรักษา” พยาบาลสาวพยายามปลอบใจร่างบาง

          “ผมพิการเหรอครับ ฮึก ผมจะเดินไม่ได้อีกแล้วใช่มั้ยครับ”...อีกด้านหนึ่งของมุมโลก...

          “อ๊ะ...อ๊า...ซี๊ดดด...อ๊า...โอ้ววว...อ๊า...” เสียงครางกระเส่าดังออกมาจากโรงแรมชื่อดัง เตียงขนาดคิงไซด์กระแทกผนัง

ห้องอย่างแรงจนกลัวข้างห้องจะไม่รู้ว่าห้องนี้กำลังมีกิจกรรมอะไร เอวสอบกระแทกเข้าออกอย่างแรงก่อนจะปลดปล่อยออกมา

          “ยูจะไปแล้วเหรอ” เสียงหนึ่งถามขึ้นทำให้ร่างสูงที่กำลังใส่กางเกงอยู่ที่ปลายเตียงนอนหันมามอง

          “อืม พรุ่งนี้ไอมีเรียน” ‘สาม’ ลูกชายคนเล็กของเศรษฐีใหญ่เจ้าของร้านทองชื่อดังในประเทศไทยที่ข้ามน้ำข้ามทะเลมา

เรียนไฮสคูลที่ประเทศอังกฤษตอบแม่สาวผมบอนด์ทรงโตไป

          “แต่ไออยากอยู่กับยูนี่หน่า” สาวผมบอนด์ว่าพร้อมลุกจากเตียงมากอดเข้าที่แผ่นหลังกว้างของอีกคน ใช้หน้าอกหน้าใจ

ขนาดคัพDบดเบียดไปเพื่อให้อีกคนเกิดอารมณ์

          “ไอบอกว่าไม่ก็ไม่สิแอนนีต้า อย่าทำไอหงุดหงิด” สามหันมาบอกอย่างไม่สบอารมณ์ทำให้สาวผมบอนด์หยุดทันที

          “โอเคๆ ไอเข้าใจละ” แอนนีต้าว่าก่อนจะกลับไปนอนที่เตียงดังเดิม

          “แล้วพรุ่งนี้ยูจะมาหาไอหรือเปล่า” แอนนีต้าอดที่จะถามไม่ได้

          “ไม่รู้ ถ้ามีอารมณ์ก็มา” พูดจบร่างสูงก็เดินออกไปทันทีอย่างไม่แคร์ ทำไมเขาจะต้องแคร์ก็แค่คู่นอนที่สนุกด้วยกันทั้งสอง

ฝ่าย ไม่มีข้อผูกมัด ไม่มีข้อตกลงอะไรทั้งนั้น น้ำแตกก็แยกทาง จบ!

 

ครืดๆๆ

คิ้วหนาขมวดก่อนจะยิ้มกว้างเมื่อเห็นเบอร์ที่โทรเข้ามา

          “คร้าบม๊า คิดถึงผมหรือไงถึงได้โทรมาเนี่ย” สามรับสายอย่างอารมณ์ดี

          (“ได้ข่าวว่าที่อังกฤษดึกไม่ใช่เหรอคะคุณลูก ทำไมเสียงยังสดใสอยู่เลย”) ผู้เป็นแม่ถาม

          “แฮะๆ” สามหัวเราะเมื่อถูกจับได้

          (“จะทำอะไรม๊าไม่ว่าค่ะแต่ต้องป้องกันนะ ม๊าไม่อยากอุ้มหลานตอนนี้”)

          “คร้าบ ม๊าไม่ต้องห่วงนะครับ งั้นแค่นี้ก่อนนะครับกำลังจะขับรถ จุ๊บๆ” พูดจบสามก็กดวางสายทันที เขาเป็นลูกรักของแม่

ในบรรดาพี่น้องสามคนเพราะเป็นลูกคนเล็กแม่โอ๋และตามใจ ไม่เช่นนั้นคงไม่ได้มาเรียนเมืองนอกแบบนี้หรอก ก็รู้นะว่ามา

เรียนเมืองนอกตัวคนเดียวแบบนี้พ่อกับแม่ต้องเป็นห่วงแต่สามถือว่ามันเป็นความท้าทายในชีวิต อีกไม่ถึงเดือนเขาก็จะจบไฮสคูล

แล้วแต่ไม่รู้ว่าจะต่อมหาวิทยาลัยที่นี่หรือกลับไทยดีเพราะแม่คะยั้นคะยอให้กลับเสียเหลือเกิน

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

ตอนแรกไม่มีอะไรมากนะคะเปิดตัวพระเอกกับนายเอกเท่านั้นเอง ฮือออออออ สงสารน้องสไมล์มาก ชีวิตนี่โคตรแตกต่างจากนัง

สามมาก ยังไงก็ฝากให้กำลังใจน้องด้วยนะคะ

 

___จางบิวตี้___
หัวข้อ: Re: Poor Boy…รักไม่ได้ [Yaoi Boy’s Love] อัพตอน1 (1/06/59)
เริ่มหัวข้อโดย: Jang_B2UTY ที่ 05-06-2016 19:22:00
Poor Boy 2

 

          สไมล์ตื่นมาอีกครั้งในตอนเที่ยงของอีกวัน ร่างบางพยายามเค้นถามพยาบาลสาวเกี่ยวกับอาการของพี่แม่ของเขาแต่หญิง

สาวก็ไม่ปริปากบอก บอกแค่ว่าให้เขาทานยา ทานยาให้ครบเท่านั้น


          “คุณพยาบาลครับให้ผมไปหาพ่อกับแม่เถอะนะครับ” สไมล์พูดอีกครั้งพยาบาลสาวมีสีหน้าลำบากใจแต่ก่อนที่จะได้พูด

อะไรต่อประตูห้องก็เปิดก่อนที่ผู้ชายวัยกลางคนท่าทางมีภูมิฐานจะเดินเข้ามา สไมล์ไม่รู้จักคนตรงหน้า ไม่แม้แต่คุ้นเคย


          “หนูสินะสไมล์ลูกชายของศศิ” คนตรงหน้าพูดทำให้สไมล์เบิกตากว้างทันที คุณลุงคนนี้รู้จักกับแม่ของเขา


          “ใช่ครับ คุณลุงเป็นเพื่อนกับคุณแม่ใช่มั้ยครับ คุณลุงครับ คุณลุงพาสไมล์ไปหาคุณพ่อกับคุณแม่ทีครับ สไมล์อยากเจอ

คุณพ่อกับคุณแม่” สไมล์ว่าพร้อมมองคนตรงหน้าด้วยสายตาเว้าวอน หนุ่มวัยกลางคนหันไปมองหน้าพยาบาลสาวด้วยสีหน้า

ลำบากใจก่อนจะเดินเข้ามาใกล้ๆร่างบางที่อยู่บนเตียง


          “ครับ ลุงชื่อนทีเป็นเพื่อนของแม่ของสไมล์” นทีพูดออกมาด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน


          “งั้นเราไปเยี่ยมคุณพ่อคุณแม่ด้วยกันนะครับ ไปครับ” สไมล์ว่าแต่เมื่อร่างบางสังเกตเห็นถึงสีหน้ากระอักกระอ่วนใจของ

คนตรงหน้าก็ทำให้ร่างบางหัวใจเต้นรัวมือเย็นเฉียบ


          “คุณลุงนที พ่อของแม่สไมล์...” สไมล์พยายามเค้นเสียงถามแม้ว่าจะยากลำบากมากก็ตาม


          “ไปอยู่กับลุงนะสไมล์” สไมล์น้ำตาไหลพรากทันที ไม่มีแม้แต่เสียงสะอึกสะอื้นออกมาจากปากบางมีเพียงน้ำตาที่ไหลลง

มาจากดวงตากลมโตไม่ขาดสาย นทีสงสารเด็กตรงหน้าสุดใจ ไม่คิดว่าเด็กอายุเพียง18จะต้องมาเจอเรื่องร้ายๆแบบนี้...เมื่อคืน

เขาได้รับโทรศัพท์จากโรงพยาบาลโดยคนที่ติดต่อเขาก็คือศศิ ศศิไม่ใช่แค่เพื่อนของเขาแต่เธอยังเป็นรักแรกของเขา รักแรกที่

เขาไม่เคยลืมและยังคงฝังใจแต่เพราะทางครอบครัวของเขาที่กีดกันและคลุมถุงชนให้เขาแต่งงานทำให้เขากับศศิต้องเลิกรากัน

และอีกคนก็ได้ไปพบกับพ่อของสไมล์ ทั้งคู่อยู่ด้วยกันอย่างมีความสุขจนมีสไมล์ เขาไม่ได้ติดต่อกับศศิมาเกือบ10ปีแต่มา

บังเอิญเจอกันทำให้แลกเบอร์ติดต่อกันไว้แต่ไม่คิดว่าครั้งนั้นจะเป็นครั้งสุดท้ายที่เจอกัน เมื่อคืนเขามาโรงพยาลเพื่อดูใจศศิเป็น

ครั้งสุดท้ายก่อนที่เธอจะฝากฝังสไมล์ให้เขาช่วยดูแล ศศิไม่มีญาติพี่น้องที่ไหนส่วนญาติฝ่ายสามีก็อยู่ต่างประเทศตัดขาดกันมา

นานแล้วทำให้สไมล์ไม่เหลือใครอีกแล้ว


          “ลุงจะดูแลสไมล์เองนะ” นทีว่าพร้อมลูบหัวเด็กหนุ่มด้วยความสงสาร สไมล์ยังคงร้องไห้แบบไร้เสียงสะอื้นแต่ใครจะรู้ว่า

ข้างในของเขาบอบช้ำแค่ไหน


          ...คฤหาสน์เพชรวงไพบูลย์...


          “ไปไหนมาคะ” เสียงหนึ่งถามขึ้นขณะที่นทีกำลังเดินเข้าบ้าน


          “ไปทำธุระมา” นทีตอบเสียงเรียบแต่นั่นก็ทำให้ผู้เป็นภรรยาไม่พอใจอย่างมาก


          “ผู้หญิงคนนั้นติดต่อคุณมาทำไม ตอบฉันมานะ มันติดต่อคุณมาทำไม” หญิงวัยกลางคนว่าด้วยความไม่พอใจ เธอรู้ทุก

เรื่อง รู้แม้กระทั่งเรื่องของผู้หญิงที่เป็นรักแรก รักฝังใจของสามีของเธอ


          “อย่ามาเรียกศศิว่ามัน” นทีว่าเสียงเข้มด้วยความไม่พอใจซึ่งนั่นก็ยิ่งทำให้ผู้เป็นภรรยาโกรธมากขึ้น


          “ใช่สิ มันรักแรกของคุณนี่ รักมันมากสินะ รักมันมากแล้วมาแต่งงานกับฉันทำไม!” คุณหญิงจินดาตะหวาดเสียงดังจน

สาวใช้ที่ผ่านไปผ่านมาสะดุ้ง นทีถอนหายใจก่อนจะเดินหนีแต่ก็ไม่วายมีเสียงโวยวายของผู้เป็นภรรยาตามมา


          “เกิดอะไรขึ้นครับม๊า” ‘หนึ่ง’ ลูกชายคนโตของตระกูลที่พึ่งกลับจากบริษัทถามขึ้น


          “ป่าวไม่มีอะไร” ผู้เป็นแม่ว่าก่อนจะเดินหนีไป หนึ่งถอนหายใจออกมา ไม่ใช่ครั้งแรกที่เขาเห็นพ่อกับแม่ทะเลาะกันและ

คนที่ก่อเรื่องก็คือแม่ของเขาเสมอ...หลายวันผ่านไป...นทีหมั่นมาเยี่ยมสไมล์ที่โรงพยาบาลตลอดแต่สิ่งที่เขาพบคือเด็กหนุ่มที่

นั่งเหม่อลอย ข้าวปลาไม่แตะและไม่กินยาตามที่หมอสั่ง เขารู้ว่าเรื่องนี้กระทบจิตใจของสไมล์มาก เด็กหนุ่มสูญเสียพ่อกับแม่ไป

พร้อมๆกันแถมยังขาพิการเพราะอุบัติเหตุไม่มีใครรับเรื่องนี้ได้ยิ่งกับเด็กวัย18ปีที่ยังเผชิญโลกได้ไม่เท่าไหร่แล้วด้วย ยิ่งยากที่จะ

รับไหว


          “กินข้าวสักหน่อยนะสไมล์” นทีว่าพร้อมตักข้าวต้มไปที่ปากของสไมล์ ร่างบางนั่งนิ่ง ยังคงมีน้ำตาไหลลงมาจากตากลม

ไม่ลดละ ดวงตากลมโตตอนนี้แดงและบวมเพราะผ่านการร้องไห้มาเป็นอย่างหนัก


          “ผมควรทำยังไงดีครับคุณพยาบาล” นทีหันไปปรึกษาพยาบาลที่ดูแลสไมล์


          “คุณหมอแนะนำว่าน้องสไมล์ต้องได้รับการบำบัดทางจิตก่อนค่ะ ตอนนี้สภาพจิตใจน้องแย่มาก” นทีพยักหน้ารับ ไม่ว่า

ยังไงเขาต้องทำให้เด็กคนนี้เป็นปติให้ได้เขาให้สัญญากับศศิไว้แล้วว่าจะดูแลลูกของเธอให้ดีที่สุด...หนึ่งเดือนผ่านไป...แม้ว่าจะ

ผ่านมรสุมที่หนักหนามาแต่วันหนึ่งท้องฟ้าก็ต้องแจ่มใส สไมล์กลับมาพูดและกินข้าวกินยาอีกครั้งหลังจากที่ได้รับการบำบัดทาง

จิตจากแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ นทีดีใจไม่ใช่น้อยแถมหมอยังบอกอีกว่าไม่กี่วันสไมล์จะสามารถออกจากโรงพยาบาลได้แล้ว


          “สไมล์จะไปอยู่กับคุณลุงได้จริงๆเหรอครับ” สไมล์ถามขึ้นอย่างลังเล แม้ว่าตลอดหนึ่งเดือนที่ผ่านมาคุณลุงใจดีคนนี้จะ

ทำให้เขาไว้ใจและเชื่อใจแต่เขาก็ยังเป็นกังวลอยู่ดี


          “ลุงรับปากแม่ของสไมล์ไว้แล้ว ลุงจะทำทุกอย่าง รักษาสไมล์ทุกทางให้เรากลับมาเดินได้อีกครั้ง” นทีว่า สไมล์พยักน้า

รับก่อนจะมองที่ขาทั้งสองข้างของตัวเองเขาจะกลับมาเดินได้อีกครั้งจริงๆใช่มั้ย เขาจะไม่พิการตลอดชีวิตใช่มั้ย


...คฤหาสน์เพชรวงไพบูลย์...


          “คุณว่ายังไงนะ!” จินดาถามเสียงดังหลังจากที่ได้ยินคำพูดที่ออกมาจากปากของสามี


          “ผมจะพาสไมล์มาอยู่ที่นี่” นทีว่าอีกครั้ง


          “ไม่มีทาง ฉันไม่ยอม ฉันไม่ยอมให้ไอ้เด็กกาฝากมาอยู่ที่นี่” จินดาค้านด้วยความไม่พอใจ เธอรู้เรื่องของผู้หญิงคนนั้น

แล้วออกจะสะใจด้วยซ้ำที่ตายๆหายไปจากชีวิตของสามีเธอได้แต่ทำไม...ทำไมต้องมีไอ้เด็กกาฝากนั่นด้วย


          “ผมไม่ได้ขออนุญาตคุณแต่ผมแค่บอก” นทีว่า


          “แต่ฉันเป็นภรรยาของคุณ คุณได้ยินมั้ยว่าฉันเป็นภรรยาของคุณ”


          “ใช่ คุณเป็นภรรยาของผม...” นทีมองหน้าผู้เป็นภรรยา


          “...ภรรยาที่ยัดเยียดมาให้ผม”...อีกด้านหนึ่ง...สามที่กำลังจะไปโรงเรียนก็ต้องขมวดคิ้วเมื่อมีสายโทรเข้าจากแม่ ปกติ

แม่ของเขาจะโทรหาตอนเย็นไม่ก็ตอนค่ำของที่นี่เพราะรู้เวลาของเขาดีแต่โทรมาตอนนี้แปลว่าต้องมีอะไรด่วนแน่ๆ


          “ว่าไงครับม๊า” สามรับสายด้วยความร้อนใจ


          (“ฮึก สาม”) สามมือสั่นทันทีที่ได้ยินเสียงสะอึกสะอื้นจากปลายสาย


          “เกิดอะไรขึ้นครับม๊า”


          (“ม๊า ฮึก ม๊าเกลียดมัน”) ผู้เป็นแม่พูดออกมา สามขมวดคิ้วทันที เขาไม่รู้ว่าอะไรทำให้แม่ของเขาร้องไห้ออกมาขนาดนี้

น้อยครั้งที่ผู้หญิงที่เขารักและเทิดทูนจะมีน้ำตาแปลว่ามันต้องหนักหนามากจริงๆ


          “ม๊า เกิดอะไรขึ้นกันแน่” สามถามด้วยความร้อนใจก่อนที่ผู้เป็นแม่จะเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นพร้อมกับเล่าทุกสิ่งทุกอย่างให้

ลูกชายสุดที่รักฟัง สามกำโทรศัพท์แน่นหลังจากที่ได้รับฟัง เขาไม่เคยรู้เรื่องนี้มาก่อน ไม่เคยรู้เรื่องรักแรกบ้าบออะไรของพ่อและ

เด็กคนนั้น


          “ม๊าใจเย็นนะครับ ม๊าห้ามร้องไห้เด็ดขาด” สามว่าออกมา


          (“แต่ม๊า ฮึก มันจะเข้ามาอยู่ในบ้านของเรา ม๊า ฮึก”)


          “ม๊าไม่ต้องห่วงนะครับ อีกไม่นานผมจะเรียนจบแล้ว ผมจะกลับไทย กลับไปจัดการกับกาฝากนั่นเอง”

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

ตอนนี้ไม่มีอะไรมากนะคะ เหตุการณ์รวดเร็วทันใจมาก 5555 ยังคงคอนเซ็ป Poor Boy ยังไงก็ฝากติดตามให้กำลังใจน้อง

สไมล์ด้วยนะคะ

 

___จางบิวตี้___
หัวข้อ: Re: Poor Boy…รักไม่ได้ [Yaoi Boy’s Love] อัพตอน2 (5/06/59)
เริ่มหัวข้อโดย: twinmonkey0311 ที่ 07-06-2016 00:20:51
รอตอนต่อไปนะคะ :pig4:
หัวข้อ: Re: Poor Boy…รักไม่ได้ [Yaoi Boy’s Love] อัพตอน2 (5/06/59)
เริ่มหัวข้อโดย: Pe_no ที่ 07-06-2016 15:53:05
รอคะน่าติดตาม :mew2:
หัวข้อ: Re: Poor Boy…รักไม่ได้ [Yaoi Boy’s Love] อัพตอน2 (5/06/59)
เริ่มหัวข้อโดย: everlastingly ที่ 07-06-2016 21:46:21
 :pig4: รออ่านตอนต่อไปนะ
หัวข้อ: Re: Poor Boy…รักไม่ได้ [Yaoi Boy’s Love] อัพตอน2 (5/06/59)
เริ่มหัวข้อโดย: Jang_B2UTY ที่ 12-06-2016 21:00:59
Poor Boy 3

 

          ...คฤหาสน์เพชรวงไพบูลย์...     

          สไมล์มองคฤหาสน์หลังใหญ่ตรงหน้าด้วยความประหม่า บ้านเก่าของเขาเป็นเพียงบ้านขนาดกลาง หลังย่อมๆเหมาะ

สำหรับครอบครัวเล็กๆแต่ไม่คิดว่าคุณลุงใจดีตรงหน้าที่มีศักดิ์เป็นเพื่อนของแม่ของเขาจะร่ำรวยเป็นมหาเศรษฐีแบบนี้


          “ไม่ต้องกลัวนะ เข้าบ้านกันเถอะ” นทีว่าก่อนจะเข็นรถเข็นของสไมล์เข้าไปในบ้าน สาวใช้ปรี่เข้ามาช่วยคุณผู้ชายของ

บ้านถือของก่อนจะถูกสั่งให้เอาไปเก็บที่ห้องของสไมล์ที่จัดเดตรียมไว้เรียบร้อยแล้ว


          “ไปตามคุณหญิง คุณหนึ่งและก็คุณสองมา” นทีหันไปพูดกับสาวใช้


          “ลูกคุณลุงเหรอครับ” สไมล์ถามขึ้นก่อนจะมองไปที่รูปถ่ายที่ฝาผนังขนาดใหญ่ที่มีคนห้าคนอยู่ในรูป


          “ใช่แล้วล่ะ พี่หนึ่งน่ะแก่กว่าสไมล์หกปี ส่วนพี่สองแก่กว่าสไมล์สามปี ส่วนสามรุ่นเดียวกับสไมล์แต่ตอนนี้ไปเรียนที่

อังกฤษ” นทีอธิบายให้ฟัง สไมล์ยิ้มรับก่อนจะหันกลับไปมองที่รูปถ่ายต่อ ตากลมจดจ้องไปที่รูปของเด็กผู้ชายคนหนึ่ง ในรูปน่า

จะอายุประมาณ13-14 ซึ่งเดาว่าน่าจะเป็นคนที่ชื่อว่าสาม น้องชายคนเล็กของบ้าน ตาคมดูดุต่างจากสายตาอ่อนโยนของลุงนที


          “เอ่อ...คุณหญิงไม่มาค่ะ” สาวใช้ว่า นทีขมวดคิ้วทันทีก่อนจะมองไปที่ลูกชายทั้งสองคนที่กำลังเดินลงมา


          “ใครกันครับคุณพ่อ” ‘สอง’ ลูกชายคนที่สองของบ้านถามขึ้น ก่อนที่ตาเฉี่ยวคมจะมองไปที่ร่างบางที่นั่งอยู่บนรถเข็น

อย่างไม่เป็นมิตร


          “น้องสไมล์เป็นลูกของเพื่อนพ่อ เขาจะมาอยู่ที่นี่” นทีตอบลูกชาย


          “แล้วทำไมต้องมาอยู่บ้านเราล่ะครับ บ้านเขาไม่มีหรือไง” สองว่าอย่างไม่พอใจนัก


        “สองพูดดีๆ” หนึ่งปรามน้องชายก่อนจะหันไปมองร่างบางที่นั่งบนรถเข็น สไมล์หลบตาทันทีเพราะจากที่เห็นท่าทาง

ของสองแล้วดูเหมือนว่าที่นี่จะไม่ต้อนรับเสียเลยตากลมสั่นระริกน้ำตาหน่วงคลอทันที


          “พี่ชื่อหนึ่งนะครับ ขอโทษแทนสองด้วยที่พูดไม่ดี” หนึ่งว่าอย่างอ่อนโยนทำให้สไมล์ค่อยๆเงยหน้าขึ้นมามองอีกคน หนึ่ง

ยกยิ้มให้คนตรงหน้าอย่างเป็นมิตร ตาคมที่ถอดแบบออกมาจากลุงนทีทำให้สไมล์รู้สึกอบอุ่น


          “ชิ นี่ใช่มั้ยครับที่ป๊าให้พี่ก้อยไปตาม งั้นสองขอตัวครับ” สองว่าก่อนจะเดินกลับขึ้นห้องไป


          “คงจะมีแค่หนึ่งสินะที่เข้าใจป๊า” นทีหันไปพูดกับลูกชายคนโตซึ่งถือว่าเป็นลูกที่เขาสนิทมากที่สุดเพราะนิสัยคล้ายๆกัน


          “ผมเข้าใจป๊าครับ...น้องสไมล์ครับไม่ต้องกลัวนะ ทำตัวตามสบายเถอะ” หนึ่งหันไปพูดกับร่างบางที่เห็นว่ายังคงนั่งเกร็งอยู่


          “งั้นหนึ่งต้องช่วยป๊าดูแลน้องแล้วล่ะ”


          “ด้วยความยินดีครับป๊า”...หลายสัปดาห์ผ่านไป...สไมล์รู้สึกสนิทกับหนึ่งขึ้นมาบ้างเมื่ออีกคนมาช่วยดูแลเขาทุกวัน

แม้ว่าหน้าที่ดูแลเขาจะเป็นของสาวใช้แต่พี่หนึ่งก็ยังเจียดเวลามาช่วยดูแลเขาหลังจากที่กลับมาจากบริษัท มานั่งคุยเล่นกับเขา

ไม่ให้เขารู้สึกเหงาและโดดเดี่ยว ส่วนพี่สอง...รายนั้นไม่แม้จะเหยียบเข้ามาในโซนห้องของเขา ถ้าเจอกันก็มีพูดแขวะเขาบ้าง

มองด้วยหางตาบ้างแต่เขาก็พยายามจะไม่ถือโทษโกรธอะไรเพราะพี่สองคงไม่พอใจที่อยู่ๆก็มีคนพิการอย่างเขาเข้ามาอยู่ในบ้าน

ส่วนคุณหญิงจินดา ภรรยาของคุณลุงนที...เกลียดเขา ใช่แล้วล่ะ คุณหญิงเกลียดเขาซึ่งเขาเองก็ไม่รู้สาเหตุเหมือนกัน


          “วันนี้เดี๋ยวพี่จะเป็นคนอาบน้ำให้สไมล์เองนะ” หนึ่งพูดขึ้นหลังจากที่กินข้าวพร้อมกับอีกคนเสร็จ


          “เอ่อ...” สไมล์หน้าแดงทันที


          “ฮ่ะๆ พี่ล้อเล่น พี่หมายถึงพี่จะเป็นคนพาสไมล์ไปอาบน้ำแล้วรอเอง” ไสมล์ถอนหายใจออกมาทันที แม้ว่าจะเป็นผู้ชาย

เหมือนกันแต่มันก็อดกระดากอายไม่ได้แม้ว่าเวลาช่วยเขาอาบน้ำหรือแต่งตัวยังไงก็ต้องเห็นเขาเปลือยอยู่ดี เวลาที่เขาอาบน้ำ

นั้นต้องมีคนพาไปนั่งที่อ่างและพอเขาอาบเสร็จเขาก็จะเรียกคนที่รออยู่ข้างนอกเพื่อพาเขาออกจากห้องน้ำและแต่งตัว


          “รู้สึกว่าแกจะดูแลไอ้เด็กนี่ดีจังนะ” เสียงหนึ่งว่าทำให้หนึ่งและสไมล์หันไปมอง


          “ม๊า”


          “ยังไงล่ะแก เป็นภาระให้สาวใช้ในบ้านฉันไม่พอยังเป็นภาระให้ลูกชายฉันอีก”สไมล์นั่งก้มหน้าทันทีไม่กล้าสบตาคุณ

หญิงของบ้าน เป็นแบบนี้ทุกครั้งเวลาที่ต้องเผชิญหน้ากัน


          “ผมเต็มใจช่วยน้องครับ” หนึ่งบอกกับผู้เป็นแม่


          “เฮอะ แกมันก็เหมือนป๊าแก ใจดีกับพวกกาฝาก เฮอะ” พูดจบคุณหญิงของบ้านก็เดินออกไป สไมล์นั่งน้ำตาคลอกับคำ

พูดของอีกคน เขารู้ว่าเขาเป็นภาระเป็นกาฝากของบ้านแต่เขาไม่มีที่ไปแล้วจริงๆ


          “อย่าไปสนใจม๊าเลยนะ ไปอาบน้ำกันเถอะ” หนึ่งว่าเพื่อให้สไมล์สบายใจแต่พอร่างบางเงยหน้ามาเขาก็ต้องใจกระตุกเมื่อ

ใบหน้าใสเต็มไปด้วยน้ำตา


          “ฮึก ผมเป็นภาระ ฮึก มากเลยเหรอครับ”


          “ไม่ใช่อย่างนั้นนะสไมล์” หนึ่งว่าพร้อมลูบหัวอีกคนอย่างปลอบโยน


          “แต่คุณหญิง ฮึก”


          “พี่เชื่อว่าสักวันม๊าจะเลิกอคติกับสไมล์นะ”...อีกด้านหนึ่ง...วันนี้เป็นวันสุดท้ายที่สามจะอยู่ที่อังกฤษเพราะเขามีเรื่อง

สำคัญต้องกลับไปจัดการที่ไทย เขานับวันรอที่ตัวเองจะเรียนจบและกลับไปเจอหน้าไอ้เด็กกาฝากนั่นที่ทำให้แม่ของเขาต้องทุกข์

ใจ 


          “ยูจะกลับจริงๆเหรอ” หญิงฝรั่งทรงโตถามขึ้นขณะที่กำลังจัดปาร์ตี้เลี้ยงส่งสามกันอยู่ที่ร้านเหล้าชื่อดัง


          “อืม” สามว่าพร้อมกระดกเหล้าเข้าปาก


          “ถ้ายูกลับแล้วใครจะ...” มือเรียวค่อยๆไล้ไปที่กระดุมเสื้อของสามอย่างยั่วยวนแต่ตอนนี้สามไม่มีอารมณ์อะไรทั้งนั้น ใน

หัวคิดแต่เรื่องของไอ้เด็กกาฝากนั่นที่แม่เขาโทรมาเล่าให้ฟังตลอด ตอนนี้พี่ชายคนโตของเขาไปรักไปเอ็นดูมันแล้ว


          “ไอไม่มีอารมณ์” สามว่าพร้อมปัดมือหญิงสาวออก หญิงสาวฮึดฮัดเล็กน้อยแต่ก็ไม่กล้าโวยวายอะไรเพราะรู้ดีว่าสามนิสัย

ยังไงถ้าบอกว่าไม่ก็คือไม่


          “ไอ้สัสกลับจริงดิ” เสียงหนึ่งดังขึ้นก่อนที่ร่างสูงใบหน้าหล่อบ่งบอกของความเป็นลูกครึ่งจะเดินเข้ามาที่โต๊ะ


          “มาช้าสัส” สามว่าพร้อมยื่นแก้วเหล้าให้เพื่อนสนิท


          “มาช้าเพราะ...” ‘แกรมม่า’ เพื่อนสนิทของสามว่าก่อนจะชูพาสปอร์ต


          “จะไปกับกู?” สามเลิกคิ้ว


          “เออ เบื่อที่นี่เหมือนกัน กลับไปหาตากับยายบ้างช่วงปิดเทอมด้วย” แกรมม่าตอบ สามกระตุกยิ้ม


          “ก็ดี กูจะได้มีเพื่อนเที่ยวต่อ” สามว่า แกรมม่ายักไหล่ เขาสองคนสนิทกันตั้งแต่ขึ้นไฮสคูล แกรมม่าเป็นเพื่อนคนแรกที่

สามรู้จักเมื่อมาอยู่ที่นี่และเพราะนิสัยชอบเที่ยวเจ้าชู้ เพลย์บอยเหมือนกันทำให้คบกันได้ เขาสองคนแลกคู่นอนกันออกจะบ่อย

บางครั้งสวิงกิ้งก็ยังเคย


          “ว่าแต่คืนนี้ไม่ไปส่งท้ายกับแอนนีต้าเหรอวะ” แกรมม่าถามพร้อมปรายตาไปที่ฝรั่งสาวทรงโตที่ทั้งเขาและสามเคยนอน

มาด้วยแล้วทั้งคู่


          “ไม่ค่อยมีอารมณ์” สามตอบ


          “เอาน่ะ ส่งท้ายสิมึง” แกรมม่ากระตุกยิ้มก่อนจะเข้าไปหาแอนนีต้าพร้อมพูดอะไรบางอย่าง หญิงสาวยิ้มทันทีก่อนจะ

กระซิบแกรมม่ากลับมา


          “ห้องชั้นบนพร้อมเว้ย” แกรมม่าพูดกับสามก่อนที่คนทั้งคู่จะกอดคอกันเดินขึ้นไปที่ห้องดังกล่าวโดยมีแอนนีต้าตาม

มา...เสียงครางกระเส่าดังขึ้นไม่ขาดพร้อมกับกิจกรรมเข้าจังหวะที่กินเวลากว่าสองชั่วโมงแต่ดูเหมือนสองหนุ่มกับหนึ่งสาวจะยัง

ไม่หมดแรง ปากบางของฝรั่งสาวอมเข้าที่แก่นกายใหญ่ของสามพร้อมกับช่องทางของเธอที่มีแกรมม่ากำลังขยับกายเข้าออกอยู่

สามนอนมองหญิงสาวที่กำลังใช้ปากให้เขาด้วยสายตานิ่งๆ เสียวมั้ยก็บอกได้เลยว่าเสียวแต่มันก็เดิมๆ อะไรเดิมๆมันก็ไม่ค่อย

สะใจเท่าไหร่ว่ามั้ย


          “กูจะเสร็จละ มึงจะต่อมั้ย” แกรมม่าถามขึ้นเมื่อใกล้จะนึกจุดหมาย สามส่ายหน้า


          “ไม่ว่ะ กูเสร็จครั้งนี้ก็พอละ”

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

แรกๆนี่น้ำเน่าเหมือนละครหลังข่าวมากแต่หลังๆคือ? 555555 อย่าพึ่งด่าพระเอกกันเนอะเป็นธรรมดาของผู้ชายนี่หน่า 55555

ฝากติดตามด้วยนะคะ

___จางบิวตี้___
หัวข้อ: Re: Poor Boy…รักไม่ได้ [Yaoi Boy’s Love] อัพตอน3 (12/06/59)
เริ่มหัวข้อโดย: twinmonkey0311 ที่ 14-06-2016 18:21:39
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: Poor Boy…รักไม่ได้ [Yaoi Boy’s Love] อัพตอน3 (12/06/59)
เริ่มหัวข้อโดย: Jang_B2UTY ที่ 17-06-2016 19:34:13
Poor Boy 4

 

        “ทำไมผมต้องช่วยมันด้วย” เสียงโวยวายของสองดังขึ้นแต่เช้าเมื่อพี่ชายคนโตไหว้วานให้เขาเป็นคนพาสไมล์ไปอาบน้ำ

เนื่องจากหนึ่งมีประชุมด่วนแต่เช้า ครั้นจะให้อีกคนรอจนกว่าเขาจะกลับมาก็กลัวว่าจะหลายชั่วโมง


          “อย่าใจร้ายนักน่ะสอง ถ้าพี่ไม่ติดงานจริงๆพี่ก็ไม่อยากไหว้วานเราหรอกนะ”หนึ่งพูดเสียงเรียบ สองฮึดฮัดอย่างไม่พอใจ

แหงแหละ...ตั้งแต่สไมล์เข้ามาอยู่ในบ้านของเขาพ่อของเขา พี่ชายของก็ประคบประงมอีกคนประดุจไข่ในหิน สองไม่ได้

เกลียดสไมล์หรืออะไรหรอกนะแต่เขาแค่หมั่นไส้ หมั่นไส้ในตัวตากลมใสแจ๋วที่ดูไร้เดียงสาและริมฝีปากบางนั่นที่มีแต่รอยยิ้ม

ตลอดเวลาเห็นแล้วมันหงุดหงิด


          “เดี๋ยวนี้พี่หนึ่งอะไรๆก็สไมล์ ถามจริงผมหรือมันเป็นน้องชายพี่กันแน่” สองถามหน้าหงิกหน้างอ


          “เราก็คือน้องชายพี่ไงส่วนสไมล์...” พอพูดถึงชื่ออีกคนหัวใจของคนเป็นพี่ชายคนโตของบ้านก็รู้สึกสั่นไหวแปลกๆ


          “จะยังไงก็เถอะพี่ฝากสไมล์ด้วยแค่ช่วยพยุงเขาเข้าห้องน้ำ ออกจากห้องน้ำและแต่งตัวก็พอ” หนึ่งว่า


          “ชิ รู้ละ” สองก็ต้องรับหน้าที่โดยปริยาย...สไมล์ที่พึ่งตื่นนอนนั่งอยู่บนเตียงตาใสแจ๋วเพื่อรอเวลาที่พี่หนึ่งจะพาเขาไป

อาบน้ำแต่วันนี้กลับผิดคาดเพราะคนที่เปิดประตูเข้าหากลับเป็นพี่สองแทน


          “พี่สอง” สไมล์เรียกอีกคนอย่างงุนงง


          “พี่หนึ่งมีประชุมด่วน ฉันจะพานายไปอาบน้ำเอง” สองว่า สไมล์พยักหน้ารับอยากจะถามถึงพี่หนึ่งว่าจะกลับมาตอนไหน

แต่สีหน้าบึ้งตึงของอีกคนที่แสดงออกมาทำให้สไมล์ต้องเก็บคำถามเอาไว้ในใจแทน เขารู้ว่าพี่สองไม่ชอบขี้หน้าเขา อีกคนไม่

แม้จะปรายตามองเขาเลยสักนิด


          “อาบเสร็จแล้วก็เรียก” สองว่าหลังจากที่พาสไมล์มานั่งอยู่ในอ่างอาบน้ำแล้วแม้จะกระดากอายไปหน่อยที่ต้องมีอีกคน

ที่มาเห็นเขาเปลือยแต่ทำยังไงได้คนพิการอย่างเขาไม่สามารถช่วยเหลือตัวเองได้นี่หน่า...ขณะเดียวกัน...ขายาวภายใต้กางเกง

ยีนส์สีซีดราคาแพงเดินลากกระเป๋าเดินทางพร้อมกับเพื่อนสนิทหัวบอนด์ออกจากสนามบินซึ่งความหล่อเหลาของคนทั้งคู่ทำให้

ถูกจับจ้องตลอดทางที่เดินมา นายแบบเหรอ? ดาราหรือเปล่า? หรือว่านักร้อง? เชื่อว่าทุกคนต้องมีความคิดแบบนี้


          “มึงจะไปบ้านตากับยายมึงเลยป่ะหรือจะแวะไปบ้านกูก่อน” สามถามเพื่อนสนิทขึ้น


          “คงไปบ้านตากับยายเลยว่ะ เดี๋ยวค่อยนัดเจอกันทีหลัง กูแม่งง่วงชิบหาย” สามพยักหน้าอย่างเข้าใจเพราะเขาเองก็รู้สึก

ง่วงเหมือนกัน เพราะตลอดเวลาที่นั่งเครื่องบินมาก็ไม่ได้นอนเลย ตอนแรกกะจะโทรหาพี่ชายให้มารับแต่คิดไปคิดมากลับไป

เซอร์ไพรส์ดีกว่าเพราะไม่มีใครรู้ว่าเขาจะกลับวันนี้  ว่าแล้วสามก็เรียกแท็กซี่เดินทางไปที่บ้านของตัวเองทันที


          “เซอร์ไพรส์ครับม๊า!” เสียงทุ้มดังขึ้นทำให้คุณหญิงของบ้านที่กำลังนั่งอ่านนิตยสารอยู่หันไปมองด้วยความตกใจ ก่อนที่

ริมฝีปากที่เคลือบด้วยลิปสติกสีแดงสดจะคลี่ยิ้มกว้าง


          “ตายแล้วลูกชายของม๊า มาทำไมไม่บอกเนี่ย” จินดาว่าอย่างดีอกดีใจพร้อมกับโผกอดลูกชายที่ไม่ได้เจอกันหลายเดือน

นับจากที่เธอบินไปหาที่อังกฤษ


          “เซอร์ไพรส์ไงครับ แล้วคนอื่นล่ะ” สามมองหาผู้เป็นพ่อและพี่ชายอีกสองคน


          “เฮ้ย นี่มาไงอ่ะ” สองที่พึ่งเดินลงมาจากชั้นบนของบ้านถามด้วยความตกใจก่อนจะรีบวิ่งเข้ามากอดน้องชายตัวดีเต็มรัก


          “พี่ตัวเล็กจังวะ” สามว่าอย่างขำๆทั้งๆที่อีกคนแก่กว่าเขาตั้งสองปีแต่ดูสิ เตี้ยกว่าเขาเป็นสิบเซ็น


          “แกมันสูงนี่ แต่สูงจริงๆนะ ตัวพอๆกับพี่หนึ่งเลย” สองว่า


          “แล้วพี่หนึ่งกับป๊าล่ะ” สามถามถึง


          “เข้าบริษัทแต่เช้าละมีประชุมด่วน” สามพยักหน้ารับก่อนจะขอตัวเอาของขึ้นไปเก็บบนห้องและพักผ่อนแต่แล้วตาคมก็

เหลือบไปเห็นประตูห้องนอนห้องหนึ่งที่เปิดคาไว้ ถ้าจำไม่ผิดห้องนั้นไม่มีคนอยู่ไม่ใช่หรือไง ว่าแต่ร่างสูงก็เดินตรงไปยังห้องดัง

กล่าวทันที...ไม่รู้ว่าสไมล์เรียกสองกี่ครั้งแล้วแต่ก็ไม่มีวี่แววว่าอีกคนจะเข้ามาพาเขาออกจากห้องน้ำ จากสิบนาทีเป็นยี่สิบนาที

จากยี่สิบนาทีเป็นครึ่งชั่วโมงที่สไมล์นั่งแช่อยู่ในอ่างอาบน้ำจนเขารู้สึกหนาว ถ้าเขายังคงนั่งอยู่ในนี้เขาต้องจับไข้ ไม่สบายแน่ๆ

ว่าแล้วร่างบางก็พยายามพยุงตัวเองเกาะขอบอ่างเพื่อจะได้ออกจากอ่างอาบน้ำเสียทีแต่ก็นะคนขาพิการอย่างเขานอกจากกำลังขา

จะไม่มีแรงแล้วมันก็ไม่สามารถขยับได้เลยสไมล์นั่งน้ำตาคลออย่างนึกสมเพสตัวเอง


          “อย่ามายอมแพ้อะไรง่ายๆสิสไมล์” สไมล์พูดกับตัวเองก่อนจะพยายามดันตัวเองลุกขึ้นด้วยเรี่ยวแรงที่มีทั้งหมดซึ่งนั่นก็

ทำให้สไมล์ล่วงลงจากอ่างอาบน้ำทันทีสไมล์หลับตาปี๋เพราะคิดว่าหน้าต้องฟาดกับพื้นห้องแน่ๆแต่...



ตุบ

เหมือนกับตัวของเขาล้มทับอะไรบางอย่างไว้ซึ่งทำให้ไม่เจ็บแม้แต่นิดเดียว ตากลมค่อยๆลืมตาขึ้นมาก่อนจะพบกับ...ใบหน้า

หล่อของใครคนหนึ่ง สไมล์ไม่รู้จักเขาคนนี้ไม่แม้แต่เคยเห็นหน้าแต่หัวใจกลับเต้นรัวไม่เป็นจังหวะ สามเองก็มองใบหน้าหวาน

ของคนตรงหน้าอย่างอึ้งๆ เขาเดินเข้ามาในห้องดังกล่าวแล้วได้ยินเสียงดังออกมาจากในห้องน้ำเลยเดินไปดูทำให้เขาได้พบกับ

ร่างบางนี้...เขาไม่รู้หรอกนะว่าอีกคนเป็นใครแต่สิ่งที่เขาสนใจคือใบหน้าหวานใส ร่างกายบอบบางที่เปลือยเปล่าทำให้เห็นทุก

สัดส่วนของร่างกายอย่างชัดเจนซึ่งนั่นก็กระตุ้นอารมณ์ดิบในตัวของเขาอย่างมาก ว่าจะทำเป็นไม่สนใจเพราะอาจจะเป็นเด็กใน

สต็อกของพี่ชายแต่พอเห็นอีกคนหน้าทิ่มลงจากอ่างอาบน้ำเลยเข้าไปช่วย


          “เอ่อ...คือ” สไมล์กลืนน้ำลายคงคออึกใหญ่อย่างพูดไม่ออกเมื่อสายตาคมของอีกคนมองสำรวจร่างกายของเขาที่มัน

เปลือยเปล่า ใบหน้าใสแดงจัดด้วยความเขินไหนจะมือหนาที่จับอยู่ที่เอาของเขาอีกมันรู้สึกร้อนผ่าวไปหมด 


          “อ๊ะ” สไมล์สะดุ้งเมื่อมือหนาค่อยๆลูบคลำร่างกายของเขา ดวงตากลมสั่นระริกอย่างตื่นกลัวทำท่าจะร้องเรียกหาให้คนอื่น

ช่วยแต่ก็ถูกปากหนาของอีกคนประกบเข้าเสียก่อน


          “อื้ออออออ” สไมล์ครางออกมาพร้อมกับพยายามดิ้นรนแต่ดูเหมือนความเชี่ยวชาญของอีกคนจะทำให้สไมล์อ่อนระทวย

มือบางเกาะที่ไหล่หลาของอีกคนอย่างหาที่ยึดเหนี่ยว


          “อ๊ะ...อื้อ...อ๊า” สไมล์ครางออกมาเมื่อปากหนาเริ่มซุกไซ้ซอกคอของเขาและขบกัดจนรู้สึกเจ็บไปหมด อยากจะร้องห้าม

อีกคนแต่กลับไม่มีเรี่ยวแรงหัวสมองขาวโพลนไปหมดเช่นเดียวกับสาม...ตอนนี้เขาไม่คิดอะไรแล้วต่อให้คนตรงหน้าเป็นใครแต่

ร่างกายหอมหวานขนาดนี้ เขาไม่ปล่อยไว้แล้ว ว่าแล้วร่างสูงก็ดันอีกคนให้นอนราบไปกับพื้นห้องน้ำก่อนจะขึ้นคร่อม ปากหนา

ครอบครองยอดอกสีชมพูของอีกคนทันทีซึ่งนั่นก็ทำให้สไมล์ครางเสียงสั่น สามอดยกยิ้มอย่างพึงพอใจไม่ได้ก่อนที่มือหนาจะขับ

ขาเรียวทั้งสองข้างพาดบ่าแล้วค่อยๆสอดนิ้วเข้าไปในช่องทางด้านหลังของอีกคน



ตุบ

แต่ขาเรียวกลับล่วงลงพื้นตามแรงโน้มถ่วงของโลก สามขมวดคิ้วอย่างขัดใจก่อนจะจับขาเรียวของอีกคนมาพาดไหล่อีกครั้ง



ตุบ

และก็เหมือนเดิมขาเรียวล่วงลงพื้นอีกครั้ง คิ้วหนาขมวดเป็นปมทันทีเหมือนกับจะนึกอะไรออก...ร่างบางนี่คือใครก็ไม่รู้ที่เขาไม่

เคยเห็นหน้าแต่กลับเข้ามาอยู่ในบ้านของเขาและขาของอีกคนก็ไร้ความรู้สึก...ใช่ พิการ อีกคนขาพิการ สามมองหน้าสไมล์ทันที

ตากลมของอีกคนหน่วงคลอไปด้วยน้ำตาพร้อมกับตัวสั่นอย่างหวาดกลัว สามเองก็รู้สึกหัวเสียไม่ใช่น้อยกับสิ่งที่พึ่งรับรู้


          “มึงสินะไอ้กาฝาก!”

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

เจอกันแล้วค่าพระเอกกับนายเอกของเราแต่เกือบเสียตัวมั้ยล่ะ 5555555 ต่อไปเตรียมด่าอินังสามได้เลยค่ะ นางร้าย เลวไม่น้อย

กว่าอิพี่วินแน่ๆ ฝากติดตามด้วยนะคะ จุ๊บๆ

___จางบิวตี้___
หัวข้อ: Re: Poor Boy…รักไม่ได้ [Yaoi Boy’s Love] อัพตอน4 (17/06/59)
เริ่มหัวข้อโดย: twinmonkey0311 ที่ 17-06-2016 23:46:48
แม่มเอ๊ยยยย อิพี่สามนิสัยไม่ดี เจอหน้าน้องสไมล์ก็จะปล้ำเค้าเลยรึไง :m16:
หัวข้อ: Re: Poor Boy…รักไม่ได้ [Yaoi Boy’s Love] อัพตอน4 (17/06/59)
เริ่มหัวข้อโดย: nevergoodbye ที่ 18-06-2016 08:21:30
จะปล้ำเค้าแล้วยังจะ....  :beat:
หัวข้อ: Re: Poor Boy…รักไม่ได้ [Yaoi Boy’s Love] อัพตอน4 (17/06/59)
เริ่มหัวข้อโดย: Pe_no ที่ 18-06-2016 20:21:37
ติดตามค่ะคือแบบดูร้ายๆๆดีชอบ :mew2:
หัวข้อ: Re: Poor Boy…รักไม่ได้ [Yaoi Boy’s Love] อัพตอน4 (17/06/59)
เริ่มหัวข้อโดย: astxy_original ที่ 20-06-2016 23:18:29
ปักหมุดรอค่ะ
หัวข้อ: Re: Poor Boy…รักไม่ได้ [Yaoi Boy’s Love] อัพตอน4 (17/06/59)
เริ่มหัวข้อโดย: Jang_B2UTY ที่ 22-06-2016 19:03:11
Poor Boy 5

 

        สไมล์นั่งหลบสายตาคมที่จ้องมาที่เขาอย่างไม่ลดละด้วยอาการตัวสั่นนิดๆเหตุการณ์เมื่อตอนกลางวันยังคงวนเวียน

เข้ามาในหัวของเขาไม่ลดละ พอร่างสูงรู้ว่าเขาเป็นใครก็ผละออกจากเขาแล้วทิ้งเขาไว้ในหัวน้ำแบบนั้นเขาที่ทำอะไรไม่ได้

นอกจากคลานเข้ามาในห้องแล้วเอาผ้าห่มห่อหุ้มตัวให้ร่างกายอบอุ่นเท่านั้นจนแม่บ้านเข้ามาแล้วบอกว่าคุณสองลืมเขาสนิทแล้ว

เป็นฝ่ายแต่งตัวให้เขาแทน

 
         “นี่สามนะสไมล์เป็นลูกชายคนเล็กของลุง” นทีพูดขึ้นขณะอาหารมื้อเย็นซึ่งวันนี้พิเศษกว่าทุกวันเพราะเป็นการเลี้ยง

ต้อนรับลูกชายคนเล็กกลับจากอังกฤษ

 
         “ครับ” สไมล์พยักหน้ารับนิ่งๆโดยที่ใบหน้าหวานก็ยังคงไม่กล้าเงยขึ้นมามองหน้าอีกคนจนหนึ่งสังเกตเห็นได้แต่ก็ไม่ได้

ถามอะไรออกมา สามกระตุกยิ้มมุมปากกับท่าทางของอีกคน ก็ดี...กลัวเขาจนตัวสั่นแบบนี้ก็ดีจะได้จัดการได้ง่ายๆ เพราะเขาจะ

ไม่มีวันให้ไอ้กาฝากนี่ลอยหน้าลอยตาอยู่ในคฤหาสน์ของเขาอย่างสุขสบายแน่ ถ้ามีเขามันก็ต้องเหมือนตกนรกทั้งเป็น


          “สไมล์กินนี่เยอะๆนะ” หนึ่งว่าพร้อมกับตักอาหารใส่จานร่างบาง สไมล์หันไปส่งยิ้มให้หนึ่งอย่างขอบคุณซึ่งสามก็นึกหมั่น

ไส้ไม่ใช่น้อย อ่อยพี่ชายเขาสินะ


          “รู้สึกว่ามันจะแค่ขาพิการมือไม่ได้พิการนะ” คุณหญิงของบ้านแขวะขึ้นซึ่งนั่นก็ทำให้สไมล์หน้าซีดไปทันที


          “คุณหญิง” นทีหันไปปรามผู้เป็นภรรยา


          “เฮอะ แตะต้องไม่ได้เลยสินะคะ ฉันอิ่มละกินไม่ลง” คุณหญิงของบ้านว่าก่อนจะวางช้อนซ้อมแล้วลุกออกจากโต๊ะอาหาร

ไป


          “ผมก็กินไม่ลงเหมือนกัน ขอตัวนะครับป๊า” สามว่าก่อนจะลงตามผู้เป็นแม่ไปสไมล์รู้สึกกลืนไม่เข้าคายไม่ออกกับ

เหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เขาเป็นคนทำให้บรรยากาศของคนในครอบครัวเสียสินะ เขามันก็แค่คนนอกเป็นแค่กาฝากสำหรับครอบครัวนี้

เท่านั้น


          “สไมล์ไม่ต้องคิดมากนะ” หนึ่งว่าพร้อมกับลูบหัวร่างบางเบาๆอย่างปลอบโยนจนสองที่นั่งอยู่อีกฝั่งอดแขวะไม่ได้


          “รู้สึกพี่หนึ่งจะรักเด็กนี่มากกว่าน้องแท้ๆอย่างพวกผมอีกคน”


          “อยากมาแดกดันน้องอีกคนน่ะสอง” นทีบอกกับลูกชายคนรอง


          “ผมไม่ได้แดกดันเสียหน่อย” สองยักไหล่พร้อมกินข้าวต่อ ก็อย่างที่เคยบอกว่าเขาไม่ได้เกลียดเด็กนี่แต่แค่ไม่ชอบใจว่า

อยู่ๆพ่อของเขาก็พาใครๆไม่รู้เข้ามาอยู่ในบ้านและพี่หนึ่งก็ดูจะรักและเอ็นดูเด็กนี่เสียเหลือเกินแต่เรื่องเมื่อกลางวันที่เขาลืมเด็กนี่

ไว้ในห้องน้ำก็แอบรู้สึกผิดเหมือนกัน ไม่รู้ว่าเด็กนี่ลงจากอ่างมาได้ยังไงแต่ดีที่ไม่ได้รับบาดเจ็บอะไรไม่อย่างนั้นเขาคงโดนพ่อกับ

พี่หนึ่งดุแน่ๆ...หลังจากที่มื้ออาหารเย็นผ่านไปหนึ่งก็เข็นรถเข็นสไมล์มาที่สนามหญ้าหน้าบ้านแบบทุกวันเมื่อมารับลม สไมล์ต้อง

อุดอู้อยู่ภายในห้องสี่เหลี่ยมทั้งวันทำให้ร่างบางต้องรู้สึกอึดอัดมากแน่ๆ ดังนั้นการออกมาสูดอากาศข้างนอก รับลมเย็นๆในช่วง

เย็นแบบนี้ถือว่าเป็นเรื่องที่ดีเลยทีเดียว


          “เดี๋ยวสไมล์รอพี่อยู่นี่แปบนะเดี๋ยวพี่ไปเอาผลไม้มาให้” หนึ่งว่า


          “ไม่ต้องก็ได้ครับพี่หนึ่ง สไมล์ไม่หิว พึ่งทานข้าวมาเอง” สไมล์ว่า


          “แต่กินผลไม้เยอะๆดีนะ รออยู่นี่ล่ะ” หนึ่งว่าก่อนจะรีบวิ่งกลับเข้าไปในคฤหาสน์ทันที สไมล์มองตามอีกคนไปนิดๆก่อน

จะหันกลับมา ตากลมมองไปที่นกตัวน้อยๆที่บินมาเกาะสายไฟแล้วก็บินออกไปทำให้เขารู้สึกอิจฉา นกตัวนี้มีอิสระที่จะสามารถ

ทำอะไร ไปไหนมาไหนก็ได้ตามแต่ใจของมันต่างจากเขา เขาเหมือนนกตัวน้อยๆในกรงทองซึ่งต่อให้มีใครมาเปิดกรงเขาก็ไม่รู้

เหมือนกันว่าเขาควรจะบินไปที่ไหนดี เขาไม่มีที่ไป มืดมนทั้งแปดด้าน


        “มึงสินะไอ้เป๋ที่มาเป็นกาฝากอยู่ในบ้านของกู” เสียงทุ้มดังขึ้นทำให้สไมล์หันไปมองทันที


        “ผมชื่อสไมล์ ไม่ได้ชื่อเป๋” สไมล์พูดขึ้น


          “กูจะเรียกไอ้เป๋มีอะไรมั้ย” สามว่าอย่างกวนๆ สไมล์มองหน้าอีกคนอย่างไม่พอใจแต่ก็ไม่ได้โต้ตอบอะไรออกมา เขาไม่ได้

อยู่ในสถานะที่จะมาต่อปากต่อคำกับอีกคนอยู่แล้ว


        “มึงจะเป็นกาฝากเกาะครอบครัวของกูนานแค่ไหนวะ พูดตรงๆเลยว่ากูไม่พอใจมากที่พ่อเอามึงเข้ามาอยู่ในบ้าน” สาม

ว่า สไมล์ก็ยังคงนิ่ง


          “ไม่สมเพชตัวเองบ้างหรือไงที่ต้องมาเป็นภาระให้คนอื่นแบบนี้ ถ้ากูเป็นมึงหนีตายไปนานแล้ว” สไมล์น้ำตาคลอกับคำ

พูดของอีกคนแต่ก็พยายามสะกดกั้นเอาไว้ไม่ให้ไหลออกมา เขารู้ว่าเขามันเป็นตัวภาระแต่เขาก็คิดว่าการตายก็ไม่ใช่ทางออกที่ดี

ของชีวิต แม้ว่าตอนที่รู้ว่าเขาไม่เหลือใครแล้วเขาก็เคยคิดที่จะฆ่าตัวตายตามพ่อกับแม่ไปแต่พอนึกถึงยามที่เขาเกิดมา พ่อกับแม่

ดีใจแค่ไหน พ่อกับแม่มีความสุขขนาดไหนที่มีเขาเขาก็ทำไม่ลง เขาต้องสู้ ต้องมีชีวิตอยู่ต่อเพื่อให้พ่อกับแม่มีมองมาจากบน

สวรรค์ภาคภูมิใจในตัวเขา


          “ผมไม่คิดที่จะหนีปัญหาโดยการตาย” สไมล์พูดขึ้นพร้อมกับมองหน้าสามแม้ว่าดวงตากลมจะยังสั่นๆเพราะตื่นกลัวอีก

คนอยู่ก็ตาม


          “แต่ก็ไม่มีใครอยากจะให้มึงอยู่” สามว่า


          “มีสิ...” สามเลิกคิ้ว


          “...พ่อกับแม่ผมไง” สามร้องเฮอะออกมาทันที


          “แล้วไหนล่ะพ่อกับแม่ของมึง ไม่ใช่หนีตายไปแล้วหรือไง” สไมล์กำมือแน่นอย่างไม่พอใจกับคำพูดของอีกคน


          “อย่ามาพูดถึงพ่อกับแม่ผมแบบนี้” สไมล์ว่า


          “กูจะพูด เพราะมันคือความจริง ความจริงที่กาฝากอย่างมึงต้องสำเหนียกตัวเองไว้ซะว่าบนโลกใบนี้ไม่มีใครต้องการ

กาฝากอย่างมึงอีกแล้ว” สามว่าก่อนจะผลักรถเข็นของสไมล์อย่างแรงโดยที่ไม่ได้สังเกตเห็นว่าที่ที่รถเข็นอยู่เป็นที่ลาดลงทำให้

พอสามออกแรงผลักรถเข็นก็เคลื่อนที่อย่างแรงยังสามเองยังตกใจ



พลั้ก!!



โครม!!



สไมล์ร้องโอดโอยออกมา แขนบางและขาเรียวเต็มไปด้วยรอยถลอกและเลือดซิบๆสามมองภาพตรงหน้าอย่างตกใจไม่คิดว่าจะ

ทำให้อีกคนเจ็บตัว เขาแค่หมั่นไส้ในใบหน้าที่หยิ่งทะนงตัวของมันเลยกะจะผลักรถเข็นมันแรงๆเฉยๆไม่คิดว่าจะทำให้รถเข็น

เคลื่อนที่แล้วไปชนกับก้อนหินจนมันล่วงรถเข็นแบบนี้


          “สไมล์!!” หนึ่งเรียกอีกคนเสียงดังก่อนจะรีบวิ่งเข้ามาทันที


          “นายทำอะไรของนายฮะสาม!” หนึ่งหันไปตะหวาดน้องชายทันทีเมื่อเห็นสภาพของสไมล์


          “ก็อย่างที่พี่เห็น” สามยักไหล่ ในเมื่อพี่ชายเขาดูเหมือนจะรักจะเอ็นดูมันเสียเหลือเกินต่อให้เขาพูดอะไรไปก็คงจะไม่มี

ประโยชน์ จะหาว่าแก้ตัวเปล่าๆ สู้ยอมรับหน้าด้านๆแบบนี้ไปเลยสะใจกว่าเอยะ


          “เดี๋ยวเรามีเรื่องต้องคุยกัน” หนึ่งว่าก่อนจะเข้าไปจับรถเข็นให้ตั้งขึ้นและพยุงสไมล์กลับไปนั่งบนรถ สไมล์มองที่สามด้วย

ความโกรธ ไม่คิดว่าอีกคนจะใจร้ายถึงขั้นทำร้ายร่างกายของเขาแบบนี้แต่สามก็หาได้สนใจไม่ ก็ดี...จะได้ถือเป็นการประกาศ

ศึกกันไปเลย...เสียงทะเลาะกันเสียงดังของหนึ่งกับสามทำให้ผู้เป็นพ่อและแม่ลงมาดูทันที สามถูกพ่อต่อว่าไม่น้อยเรื่องที่ทำ

สไมล์เจ็บตัวซึ่งนั่นก็ทำให้สามไม่พอใจเป็นอย่างมาก พ่อของเขารักมันมากอย่างที่แม่ของเขาเคยบอกจริงๆ

          “สามเห็นแล้วใช่มั้ยว่าป๊ารักมันแค่ไหน ม๊าเกลียดมัน เกลียดมันที่สุด” จินดาพูดกับลูกชายสุดที่รักด้วยความเครียด

แค้น ยิ่งมองใบหน้าไอ้เด็กนั่นที่คล้ายกับแม่ของมันเท่าไหร่เธอก็ยิ่งเกลียด


          “ม๊าไม่ต้องห่วง ผมจะจัดการไอ้กาฝากนั่นเอง” สามว่าอย่างจริงจัง


          “สามคิดจะทำอะไรลูก” จินดาถาม สามแสยะยิ้มร้ายกาจ


          “ก็ทำให้มันเหมือนตกนรกทั้งเป็นตลอดเวลาที่อยู่ที่นี่ไงครับม๊า”...อาหารมื้อเช้ามีผู้ร่วมโต๊ะเพียงสี่คนเท่านั้นเพราะคุณ

ผู้ชายของบ้านและลูกชายคนโตของบ้านมีประชุมแต่เช้า สไมล์รู้สึกอึดอัดใจไม่น้อยที่ต้องมาเผชิญหน้ากับคนที่เกลียดเขาแบบ

นี้


          “เอ่อ...ผมขอตัวนะครับ” สไมล์พูดขึ้นพร้อมกับรวบช้อนและส้อม สามเลิกคิ้วมองหน้าอีกคน


          “เดี๋ยว” สไมล์ที่กำลังจะเข็นรถกลับก็ชะงัก



ซ่า!

น้ำเปล่าจากแก้วไหลลงจากหัวของสไมล์โดยฝีมือของร่างสูง


          “กินข้าวแล้วก็ต้องกินน้ำด้วยสิ” สามว่าก่อนจะกระตุกยิ้มมุมปาก สไมล์มองหน้าอีกคนด้วยความไม่พอใจแต่ก็ไม่ได้

โต้ตอบอะไรออกมา


          “มองหน้า? หรือจะเอาอีกแก้ว” ว่าแล้วสามก็เทน้ำรดหัวของสไมล์อีกครั้งท่ามกลางเสียงหัวอย่างสะใจของคุณผู้หญิงของ

บ้าน


          “สองแก้วก็พอแล้วค่ะลูก เปลืองน้ำบ้านเราเปล่าๆ กาฝากอย่างมันน้ำล้างห้องน้ำท่าจะเหมาะกว่า น้ำแร่แบบนี้มันราคา

แพงเกินไป” จินดาว่า สไมล์มองสองแม่ลูกน้ำตาคลอ เขาไม่รู้ว่าอะไรทำให้สองคนนี้เกลียดเขานักหนาแต่เขาก็ทำได้เพียงแต่

นิ่งเท่านั้น มือบางยกขึ้นมาปาดน้ำออกจากใบหน้าก่อนจะเข็นรถเข็นตัวเองไปหาสาวใช้เพื่อให้พาเขากลับไปยังห้องนอน


          “ทำเกินไปหรือเปล่า” สองที่นั่งอยู่ถามขึ้น


          “แกสงสารมันหรือไงฮะตาสอง” จินดาหันไปพูดด้วยความไม่พอใจ


          “เปล่าครับม๊า” สองตอบ


          “พี่ไม่ต้องไปสงสารกาฝากอย่างมันหรอกแค่นี้มันยังน้อยไป มันต้องเจออะไรอีกเยอะ” สามแสยะยิ้มร้าย

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

เกลียดๆๆๆ มีแต่ความเกลียดสองแม่ลูกคู่นี้!!! นี่พระเอกจริงๆใช่มั้ย? หรือนางร้ายละครหลังข่าว? 555555 ด่าได้ค่ะ ด่าแรงๆ

ด่ารัวๆๆๆ

___จางบิวตี้___
หัวข้อ: Re: Poor Boy…รักไม่ได้ [Yaoi Boy’s Love] อัพตอน5 (22/06/59)
เริ่มหัวข้อโดย: twinmonkey0311 ที่ 22-06-2016 19:41:03
ด่าอะไรไปก็คงจะไม่สะเทือนสองแม่ลูกนี่หรอก เพราะความเอี้ยมันซึมลึกแทรกเข้ากระดูกซึมเข้าไขสันหลังทะลุสมองไปแล้ว  :m16
หัวข้อ: Re: Poor Boy…รักไม่ได้ [Yaoi Boy’s Love] อัพตอน5 (22/06/59)
เริ่มหัวข้อโดย: Pe_no ที่ 22-06-2016 20:58:27
ไม่รู้จะสรรหาคำไหนมาด่า :mew2:
หัวข้อ: Re: Poor Boy…รักไม่ได้ [Yaoi Boy’s Love] อัพตอน5 (22/06/59)
เริ่มหัวข้อโดย: Jang_B2UTY ที่ 28-06-2016 18:31:44
Poor Boy
( Grammar x Song )




 
Grammar : ขาว สวย หมวย เอ็กซ์ สเปคผมเลยครับ

Song : ไอ้เด็กเปรต! ถ้าจะเล่นก็ไปเล่นตรงโน้นไป๊!



















คู่รองมาแนวเมะเต๊าะเคะนะคะ 55555 ใครไม่ชอบแนวนี้ก็ทำใจอ่านหน่อยนะคะ ยังไงก็ฝากติดตามทั้งคู่หลักคู่รองด้วยเน้อออออ
___จางบิวตี้___


[attachment deleted by admin]
หัวข้อ: Re: Poor Boy…รักไม่ได้ [Yaoi Boy’s Love] อัพตอน5 (22/06/59)
เริ่มหัวข้อโดย: Jang_B2UTY ที่ 28-06-2016 18:40:55
Poor Boy 1
( Grammar x Song )


        เพราะน้องชายสุดที่รักพึ่งกลับมาเมืองไทย ‘สอง’ เลยได้โอกาสพาน้องชายไปหาอะไรกินอร่อยๆเสียหน่อย ไปอยู่อังกฤษมาเสียตั้งนานสงสัยจะคิดถึงอาหารไทยไม่น้อยแม้ว่าที่นั่นก็มีร้านอาหารไทยก็เถอะแต่ชีวิตเด็กนักเรียนไฮท์สคูลที่ต้องใช้ชีวิตอย่างเร่งรีบตลอดเวลาจะมีเวลาไปเสาะหาของอร่อยๆกินได้ยังไง อร่อยที่กินทุกวันก็คงหนีไม่พ้นฟาสฟู้ด



          “คิดไงพาออกมาเลี้ยงข้าวเนี่ย” สามถามพี่ชาวตัวเล็กขึ้นพร้อมกับเดินกอดคอกันอย่างสนิทสนมนี่ถ้ามองจากภายนอกก็คงคิดว่ามาเดทกันเพราะหน้าตาของทั้งคู่ไม่เหมือนกันสักเท่าไหร่ คนหนึ่งหน้าหวานประดุจผู้หญิงส่วนอีกคนหล่อเหลาและมีนัยน์ตาคมที่มีเสน่ห์



          “อยากพามามีไรมั้ย” สองย่นจมูกใส่น้องชาย สามหัวเราะเบาๆกับท่าทางของพี่ชาย จะว่าไปในบรรดาพี่น้องสามคนเขาสนิทกับพี่สองมากกว่าพี่หนึ่งเพราะอายุไล่เลี่ยกัน



          “ไหนๆมาแล้วผมว่าจะซื้อของด้วยเลย” สามว่า สองพยักหน้ารับเพราะเขาเองก็อยากซื้อของหลายอย่างเหมือนกัน ช่วงนี้เป็นช่วงปิดเทอมชีวิตน่าเบื่อไม่น้อยนอกจากกินๆนอนๆอยู่บ่นก็มีห้างสรรพสินค้านี่แหละที่เป็นที่พักผ่อนอีกอย่างหนึ่งเพราะสำหรับสองการช็อปปิ้งถือเป็นการพักผ่อนที่ดี ถามว่าสองไม่มีเพื่อนงั้นเหรอ? ก็ตอบได้เลยว่าไม่มี สาเหตุก็คงจะมาจากผู้เป็นแม่ที่มักจะบงการทุกอย่างในชีวิตลูกๆแม้กระทั่งการเลือกคบเพื่อน คนนั้นไม่ดี คนนี้ฐานะไม่คู่ควร มักเป็นคำพูดที่ออกมาจากปากแม่ของเขาเสมอจึงทำให้สองไม่มีเพื่อนที่สนิทใจแม้แต่คนเดียว มีแค่คุยๆกันผ่านๆเวลาเรียนเท่านั้น ถามว่าเหงามั้ยก็คงตอบเลยว่าเหงามากแต่ทำยังไงได้ล่ะ เขาขัดอะไรแม่ไม่ได้อยู่แล้ว



          “พี่สอง”



          “ฮะ” สองทำหน้าเหราหราเมื่อน้องชายเรียกเสียงดัง



          “เหม่ออะไรผมเรียกตั้งหลายรอบ” สามถามพร้อมกับขมวดคิ้ว สองยิ้มนิดๆก่อนจะส่ายหน้า



          “ไม่มีไร กินเถอะๆ” สองว่าเพราะอาหารที่สั่งมาพอดี...หลังจากที่กินข้าวกันเสร็จสองพี่น้องก็พากันเดินมาที่แผนกเสื้อผ้าและก็แยกกันดูของที่ตัวเองตั้งการโดยที่ไม่รู้ว่ามีสายตาหนึ่งคู่มองมาอยู่ วันนี้ ‘แกรมม่า’ เองก็มาเที่ยวห้างหรูใจกลางเมืองเช่นเดียวกันตอนแรกก็อยากจะเข้าไปทักเพื่อนสนิทนะแต่พอเห็นคนหน้าสวยข้างกายก็เลยไม่เข้าไปเป็นก้างดีกว่า ไม่คิดว่าพึ่งกลับไทยมาไม่กี่วันไอ้เพื่อนตัวร้ายของเขามันได้เด็กข้างกายแล้วแต่ที่น่าสนใจคือเป็นผู้ชาย! สำหรับเขามันเป็นเรื่องปกติเพราะเขาเป็นไบหญิงก็ได้ ชายก็ดีแต่สำหรับไอ้สาม มันเคยแต่ผู้หญิงเท่านั้นซึ่งนั่นก็แปลว่าคนหน้าหวานนั่นต้องมีดีอะไรแน่ๆถึงทำให้ไอ้เพื่อนของเขาหันมาลองข้างหลังได้ หึๆ ถ้าเด็ดจริงๆเอาไว้มันเขี่ยเมื่อไหร่เขาคงต้องขอต่อบ้างเสียแล้ว เมื่อเห็นว่าคนสองคนเดินแยกกันไปดูเสื้อผ้าและเครื่องประดับแกรมม่าเลยจัดการเดินตามคนหน้าสวยเด็กของเพื่อนสนิทไปทันที มองไกลๆว่าสวยแล้วใกล้ๆจะขนาดไหนกัน



พรึ่บ

          “ผมหยิบก่อนนะ” สองขมวดคิ้วทันทีที่มีมือหนามาหยิบนาฬิกาเรือนเดียวกับเขา



          “แต่ผมก็ชอบอันนี้เหมือนกัน” แกรมม่าว่าพร้อมยิ้มร่า ยิ่งเห็นใบหน้าบึ้งตึงของคนตรงหน้าก็ยิ่งถูกใจ มองไกลว่าสวย มองใกล้ๆยิ่งสวยไปใหญ่ ผู้ชายอะไรหน้าหวานขนาดนี้ ตาเรียวๆไม่โตมากของอีกคนมันดูมีเสน่ห์น่าหลงใหลดี



          “เอ๊ะ คุณนี่” สองมองอีกคนอย่างไม่พอใจ ทั้งท่าทาง คำพูดคำจาและสายตาที่เหมือนกับมองจาบจ้วงเขาอยู่ตลอดเวลา เสียมารยาทชะมัด!



          “งั้นเอางี้ ผมยอมคุณก็ได้แต่...” แกรมม่าเว้นวรรค



          “..บอกชื่อคุณมาก่อน” สองร้องเฮอะออกมาทันทีกับคำพูดของอีกคน ไม่ใช่ว่านี่เป็นครั้งแรกที่มีผู้ชายเข้ามาจีบเขา แผนตื้นๆ การเข้าหาแบบตื้นๆสองล่ะเบื่อ!



          “จีบผมหรือไง” แกรมม่าหัวเราะออกมาทันทีกับคำถามตรงๆของอีกคน



          “ถ้าใช่ล่ะ” แกรมม่ายังคงยิ้มแต่ก่อนที่สองจะได้โต้ตอบอะไรกลับเสียงทุ้มก็ดังขึ้น



          “พี่คุยกับใครน่ะ” สามถามขึ้นเมื่อเห็นว่าพี่ชายตัวเล็กกำลังคุยอยู่กับใครสักคนที่มองจากข้างหลังก็รู้สึกคุ้นไม่ใช่น้อย



          “คนโรคจิต” สองตอบน้องชาย แกรมม่าหัวเราะร่าทันทีก่อนจะหันไปหาสาม



          “อ้าวมึง!” สามเรียกเพื่อนสนิท ทำให้สองขมวดคิ้วทันทีที่ทั้งคู่เหมือนรู้จักกัน



          “รู้จักกัน?” สองถามน้องชาย



          “นี่ไอ้แกรมม่าเพื่อนสนิทที่ตามมาด้วยจากอังกฤษ” สามแนะนำเพื่อนให้กับพี่ชาย สองมองอีกคนนิดๆก่อนจะทำท่าไม่สนใจ



          “ส่วนนี่”



          “เด็กมึงนี่หยิ่งชะมัด” แกรมม่าพูดขัดขึ้นก่อนที่สามจะแนะนำ สองถลึงตาใส่อีกคนทันทีที่ได้ยิน สามหัวเราะออกมากับคำพูดของเพื่อน



          “เด็กพ่องมึงดินี่พี่ชายกู” แกรมม่าขมวดคิ้ว พี่ชาย?



          “ตาถั่ว” สองว่าออกมาแม้จะเบาๆแต่แกรมม่ากลับได้ยินมันอย่างชัดเจน



          “ก็ใครจะไปรู้ล่ะครับพี่ หน้าพี่กับเพื่อนผมไม่เหมือนกันแบบนี้” แกรมม่าว่าอย่างขำๆ



          “ไม่เหมือนตรงไหน ตาถั่วชัดๆ” สองเถียง



          “นี่พี่จะให้บอกจริงๆเหรอ” แกรมม่ายักคิ้วอย่างกวนๆซึ่งนั่นก็ทำให้สองรู้สึกไม่ชอบใจคนตรงหน้ามากขึ้น กวนประสาทที่สุด!



          “นายจะไปไหนกับเพื่อนนายก็ไปนะ พี่ว่าจะกลับละ” สองหันไปบอกกับสามอย่างไม่สนใจอีกคน สามพยักหน้ารับก่อนจะชวนเพื่อนไปหาอะไรดื่มกันโดยแกรมม่าไม่วายหันมาทำท่าโบกมือบ๊ายบายอีกคนอย่างกวนๆ



          “สนใจพี่กูหรือไง” หลังจากที่ลับหลังพี่ชายไปสามก็ถามขึ้น



          “ถ้ากูตอบว่าใช่” แกรมม่าเลิกคิ้ว



          “คงไม่ได้ว่ะ” สามยักไหล่ แกรมม่าขมวดคิ้วมุ่น



          “กูกับมึงรู้สันดานกันดีเพราะฉะนั้นไปหาคนอื่นเถอะ พี่ชายกูไม่เหมาะจะเป็นของเล่นมึง” สามว่าอย่างจริงจัง แกรมม่านิ่งไปสักครู่ก่อนจะพยักหน้ารับอย่างปลงๆเพราะก็เข้าใจที่เพื่อนหมายความดีแต่ในใจก็ยังอดนึกถึงใบหน้าสวยหวานของอีกคนไม่ได้ สนใจ...รู้สึกสนใจจริงๆ



          “เออๆ ไม่ยุ่งก็ไม่ยุ่ง” แกรมม่าว่า สามกระตุกยิ้มพลางในใจก็คิดว่ามันจะทำได้อย่างที่ปากพูดหรือเปล่าเพราะมองหน้าก็รู้แล้วว่าแม่งสนใจพี่ชายเขาขนาดไหน แม้มันจะเจ้าชู้ กะล่อนไปทั่วแต่ก็ไม่เคยเห็นมันเข้าหาด้วยวิธีแปลกๆแบบนี้ ปกติแค่ส่งสายตา พูดประโยคสองประโยคมันก็ได้แล้ว...ทางด้านของสองที่คิดว่าจะกลับบ้านก็เดินไปที่ลานจอดรถทันทีที่ก็ต้องชะงักเมื่อเห็นร้านโดนัทหน้าตาน่ากิน ร่างบางกัดปากนิดๆอย่างชั่งใจแต่สุดท้ายก็เดินเข้าไปในร้านแล้วได้โดนัทมาหนึ่งกล่องกลางๆ พอ  กลับมาถึงบ้านก็พบว่าแม่ของเขาไม่อยู่ไปสมาคมเพชรพลอยกับเพื่อนๆคุณหญิงด้วยกัน สองจึงได้โอกาสเดินเข้ามาในห้องนอนของอีกคนที่เขาไม่ค่อยได้เฉียดกายเข้ามาเท่าไหร่



          “พี่สองมีอะไรหรือเปล่าครับ” สไมล์ถามขึ้นอย่างงงๆที่เห็นอีกคน



          “เอาไป” สองว่าพร้อมกับยื่นกล่องโดนัทให้อีกคน สไมล์มองกล่องโดนัทสลับกับอีกคนก่อนจะยิ้มกว้าง



          “ขอบคุณครับ”



          “ขอบคุณอะไร พอดีได้แต้มสมาชิกแลกซื้อต่างหาก มันหมดเขตวันนี้แล้วก็ไม่รู้จะให้ใคร อย่าหลงตัวเองให้มาก” สองว่าแต่ก็อดอายๆไม่น้อยกับคำโกหกที่แปล่งๆของตัวเอง แม้อีกคนจะพูดแบบนั้นแต่สไมล์ก็ยังคงยิ้มรับ



          “ถึงอย่างนั้นก็ขอบคุณนะครับ ผมจะกินให้หมดเลย” สองทำท่าพยักหน้ารับส่งๆก่อนจะเดินออกไป สไมล์มองไปที่กล่องโดนัทด้วยรอยยิ้ม อย่างน้อยพี่สองก็ไม่ได้เกลียดเขาอย่างที่เขาคิด สองที่เดินออกจากห้องของอีกคนพร้อมกับรอยยิ้มมุมปากนิดๆ ไม่รู้อะไรดลใจให้เขาซื้อมาเหมือนกันแต่พอนึกถึงใบหน้าหม่นๆของอีกคนแต่กลับมีรอยยิ้มตลอดมันทำให้เขาตัดสินใจซื้อมาฝาก เขาไม่รู้หรอกว่าแม่กับน้องชายเกลียดเด็กนั่นขนาดไหนแต่สำหรับเขาถ้ามองข้ามความเกลียดชังที่ว่าไปเด็กนั่นก็น่าจะเป็นเพื่อนที่ดีให้กับคนที่ไม่เคยมีเพื่อนอย่างเขาได้

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

สองนางน่ารักนะเออ คือนางแค่ขัดแม่ไม่ได้เลยต้องร้ายตามแต่จริงๆนางน่าสงสาร  ฮือออออ T^T ฝากติดตามทั้งคู่หลักคู่รองเลยนะคะ จุ๊บๆ >3<
   
___จางบิวตี้___
หัวข้อ: Re: Poor Boy…รักไม่ได้ [Yaoi Boy’s Love] อัพคู่รองตอน1 (28/06/59)
เริ่มหัวข้อโดย: Jang_B2UTY ที่ 03-07-2016 19:25:21
Poor Boy 6

 

          หลายวันมานี้ที่บริษัทงานยุ่งมากทำให้หนึ่งไม่ค่อยมีเวลามาดูแลสไมล์เท่าไหร่อีกทั้งร่างบางยังขออนุญาตผู้ที่นับถือกันเป็นลุงให้ย้ายห้องนอนเขาให้ลงมาอยู่ชั้นล่างแทนเพราะรู้สึกเกรงใจที่ต้องมีคนคอยพาเขาขึ้นลงตลอดอีกทั้งยังรู้สึกไม่ดีกับคำกระแนะกระแหนของคุณผู้หญิงของบ้านที่หาว่าเป็นแค่คนอาศัยแต่มาตีตัวเสมอ ตอนแรกลุงนทีก็ไม่ยอมให้สไมล์ย้ายลงมาแต่สไมล์ขอร้องจริงๆและยังอ้างเหตุผลอีกมากมายจนลุงนทีต้องยอมเขาในที่สุด แม้ว่าห้องชั้นล่างจะไม่ได้ใหญ่โตและมีเครื่องอำนวยความสะดวกเหมือนชั้นบนแต่สำหรับสไมล์แค่มีที่ซุกหัวนอนเขาก็พึงพอใจแล้ว  หลายวันมานี้สามไม่ได้มายุ่งวุ่นวายกับสไมล์เท่าไหร่อาจจะมีพูดจาไม่ดีใส่บ้างตอนที่ต้องร่วมโต๊ะอาหารแต่นอกจากนั้นก็ไม่มีอะไรเพราะอีกคนไม่ค่อยอยู่บ้านเท่าไหร่เห็นพวกสาวใช้บอกว่าไปเที่ยวกับเพื่อนที่กลับไทยมาด้วยกัน ส่วนพี่สอง...เพียงแค่นึกถึงวันที่อีกคนซื้อโดนัทมาฝากสไมล์ก็อดยิ้มไม่ได้แม้ว่าอีกคนจะไม่ได้มาทำดีหรือพูดจาดีด้วยแต่เขาก็นับว่านั่นเป็นสัญญาณที่ดี



          “ให้สไมลล์ช่วยนะครับ” สไมล์ว่าพร้อมกับเข็นรถเข็นตัวเองเข้ามาในครัวขณะที่พวกสาวใช้กำลังช่วยกันจัดอาหารเย็น



          “โถ่คุณสไมล์ ทำแบบนี้อีกแล้วนะคะ” สาวใช้คนหนึ่งว่าเพราะหลายวันมานี้สไมล์ชอบมาช่วยงานในครัวเล็กๆน้อยๆที่อีกคนพอช่วยได้ตลอด ทั้งๆที่มันไม่ใช่หน้าที่อะไรของอีกคนเลยแต่สไมล์ก็ยังทำเพราะเขาไม่อยากถูกว่าว่าเป็นกาฝากในบ้านอีก

แล้ว อย่างน้อยขอให้ได้ทำประโยชน์อะไรบ้างเล็กๆน้อยๆก็ยังดี



          “สไมล์อยากทำนี่ครับ งั้นสไมล์ช่วยเด็ดผักนะครับ” สไมล์ว่าด้วยรอยยิ้มพร้อมกับพาตัวเองไปที่โต๊ะที่มีถาดผักวางไว้อยู่ สาวใช้ในครัวพากันมองร่างบางด้วยความเอ็นดูปนสงสารไปด้วย สองเดือนที่ผ่านมาที่รู้จักกันพวกเธอคิดว่าสไมล์เป็นเด็กที่น่ารัก น่าเอ็นดูมากเลยทีเดียวแต่ก็ไม่เข้าใจว่าทำไมคุณผู้หญิงของบ้านถึงได้จงเกลียดจงชังอีกคนนัก



          “ทำไมวันนี้อาหารเยอะจังเลยครับ” สไมล์ถามขึ้น



          “ก็วันนี้คุณผู้ชายกับคุณหนึ่งจะกลับมาร่วมโต๊ะด้วยค่ะ” สไมล์ยิ้มกว้างทันทีที่ได้ยิน อย่างน้อยบรรยากาศบนโต๊ะอาหารก็ไม่อึดอัดแบบที่เคยสินะ...อาหารมื้อเย็นผ่านไปและก็เป็นอย่างที่สไมล์คิดพอลุงนทีและพี่หนึ่งอยู่คุณผู้หญิงและสามก็ไม่ได้แขวะอะไรเขามีเพียงสายตาคมที่ชอบมองมาที่เขาอย่างไม่สบอารมณ์เวลาที่พี่หนึ่งคอยเอาใจเขาเท่านั้น แม้จะอึดอัดใจไปบ้างแต่สไมล์ก็พยายามไม่สนใจ...ตกดึก...ไม่รู้ว่าเพราะเขากินข้าวเย็นน้อยไปหรืออย่างไรทำให้ตอนนี้เขารู้สึกหิวไม่น้อย ดีหน่อยที่ย้ายห้องลงมาอยู่ชั้นล่างแล้วทำให้เขาสามารถออกจากห้องเองได้แม้จะลำบากในตัวพยุงตัวเองมาที่รถเข็นหน่อยแต่เขาก็ทำมันได้ สไมล์พาตัวเองมาที่ห้องครัวก่อนจะจัดการเอานมจืดอุ่นใส่ไมโครเวฟเพื่อจะดื่ม ว่ากันว่าดื่มนมก่อนนอนจะทำให้สบายท้องและนอนหลับอย่างสบาย



          “อร่อยจัง” สไมล์ว่าออกมาหลังจากที่กระดกดื่มนมไปหนึ่งอึก เสียงแกร็กที่ดังมาจากหน้าประตูทำให้สไมล์ชะงักไปนิดก่อนที่ตากลมจะหันไปสนใจทางประตูบ้านซึ่งสามารถมองได้จากในห้องครัว ไม่ได้คิดว่าจะมีขโมยอะไรหรอกแต่แค่สงสัยว่าใครกันที่เข้ามาตอนนี้ก่อนที่ความสงสัยจะหายไปเมื่อเห็นหน้าของอีกคน   สามขมวดคิ้วที่เห็นว่าไฟห้องครัวเปิดอยู่ ร่างสูงพึ่งออกไปดื่มกับแกรมม่ามาความจริงกะจะไปต่อกับสาวสวยคนหนึ่งแต่คิดไปคิดมารู้สึกเบื่อเลยตัดสินใจกลับบ้านแทน ร่างสูงสาวเท้าเข้าไปในห้องครัวก่อนจะพบกับคนที่คุ้นหน้าคุ้นตากันดีกำลังนั่งดื่มนมอยู่



          “นึกว่าใครที่แท้ก็มึงนั่นเองไอ้เป๋” สามพูดขึ้น สไมล์ขมวดคิ้วใส่อีกคนกับสรรพนามที่ใช้เรียกเขา



          “คุณสามพึ่งกลับมาเหรอครับ” ว่าจะไม่ถามแต่ก็ถามสักหน่อยเป็นมารยาท



          “ก็เห็นอยู่ว่าพึ่งกลับมา ถามโง่ๆ” สไมล์ถอนหายใจออกมา เขาอุตส่าห์ถามดีๆแต่ดูอีกคนตอบเขาสิ เอาเถอะ...ยังไงอีกคนก็เกลียดเขานี่หน่าจะให้มาพูดดีด้วยคงจะแปลก



          “มีอะไรหรือเปล่าครับ” สไมล์ถามขึ้นเมื่ออยู่ๆอีกคนก็เอาแต่จ้องหน้าเขา สามสะบัดหัวไปมานิดๆไม่รู้ว่าฤทธิ์เหล้าหรือว่าอะไรทำไมถึงได้มองคนตรงหน้า...น่ารักปากบางที่มีคราบนมที่มันพึ่งดื่มเปื้อนขอบปากอยู่ทำให้อีกคนดูเย้ายวนไม่ใช่น้อยสาบานว่าเขาโทษฤทธิ์เหล้าที่พึ่งกินมาเป็นที่เรียบร้อยแล้วเพราะถ้าปกติเขาไม่มีทางคิดแบบนี้แน่



          “หรือว่าคุณสามจะดื่มนมครับ” สไมล์ถามก่อนจะยื่นแก้วนมในมือให้อีกคนสามรับมาก่อนจะกระดกดื่มแล้วเดินไปประกบริมฝีปากกับอีกคนทันที สไมล์เบิกตากว้างอย่างตกใจกับการกระทำของอีกคน นมจืดที่เขาพึ่งดื่มเมื่อครู่หลั่งไหลเข้ามาในปากก่อนจะไหลลงมาจนเปรอะเปื้อนไปหมด สามสอดลิ้นเข้าไปในโพรงปากของอีกคนพร้อมกับตวัดเกี่ยวพันกับลิ้นเล็กที่พยายามหลบหนีอย่างเงอะงะ รสชาตินมจืดยังคงคุลกเคล้าอยู่ในโพรงปากของอีกคนแต่นั่นก็ทำให้รสจูบละมุนไม่ใช่น้อย



          “อื้ออออ” สไมล์ครางประท้วงในลำคอเมื่อเริ่มหายใจไม่ออกทำให้สามได้สติร่างสูงรีบผละออกจากอีกคนทันที สไมล์หอบแฮ่กๆโกยอากาศเข้าปอดอย่างรวดเร็วก่อนจะมองอีกคนอย่างไม่เข้าใจกับสิ่งที่ทำกับเขา



          “มองเชี่ยไรวะ” สามโวยวายใส่อีกคน



          “เปล่าครับ” สไมล์ว่า อยากจะถามว่าอีกคนทำแบบนี้กับเขาทำไมแต่เพราะเมื่อกี้ก็ได้กลิ่นแอลกอฮอล์จากตัวอีกคนก็คาดเดาได้ว่าคงเมาแน่ๆ แต่เมาถึงขั้นต้องทำเรื่องแบบนี้กับเขาเลยหรือไง



          “เลิกมองกูสักทีสัส กูไม่ได้พิศวาสมึง กูเมา” สามว่าก่อนจะเดินหัวฟัดหัวเหวี่ยงออกไป สไมล์ถอนหายใจออกมามือบางเผลอยกขึ้นมาจับที่ริมฝีปากตัวเองไม่ได้ ให้ตายสิ...ทั้งๆที่ก็คิดว่าอีกคนเมาแต่ทำไมกลับรู้สึกดีกับจูบเมื่อครู่



          “บ้าๆๆ” สไมล์ว่าออกมาพร้อมส่ายหัวไปมา รู้สึกดีอะไรกัน เขาโดนฉวยโอกาสอยู่นะมันไม่ใช่เรื่องที่ต้องมารู้สึกดีสิ!...เพราะวันนี้เป็นวันหยุดทำให้หนึ่งได้มีเวลาดูแลอีกคนหลังจากที่ช่วงนี้เขาไม่ค่อยมีเวลาดูแลอีกคนเลย หนึ่งมาช่วยสไมล์อาบน้ำแต่เช้าก่อนจะพาอีกคนมากินข้าวและพาไปนั่งเล่นในสวนหลังบ้านในตอนกลางวัน



          “จริงสิ พี่ซื้อหนังสือมาให้สไมล์ด้วยนะ รอแปบนะ” หนึ่งว่าก่อนจะเดินไปที่รถแล้วหยิบถุงใส่หนังสือที่พึ่งซื้อมาเมื่อวันก่อน



          “หนังสืออะไรกันครับ” สไมล์ถามขึ้นพร้อมกับรับถุงจากมือหนามาเปิดดู



          “นี่มัน...” สไมล์ตาสั่นระริกกับสิ่งที่เห็น ข้างในถุงเป็นหนังสือติวเข้มเข้าคณะทันตแพทยศาสตร์ซึ่งสไมล์เคยบอกกับอีกคนไปว่าอยากจะเรียนต่อคณะนี้แต่ก็ไม่รู้ว่าจะได้มีโอกาสกลับไปเรียนเมื่อไหร่ ตอนนี้ก็ยังรอโอกาสที่จะผ่าตัดขาซึ่งถ้าสามารถกลับมาเดินได้ก็ดีไปแต่ถ้าไม่...สไมล์ก็จะกลายเป็นคนพิการไปตลอดชีวิต



          “ตั้งใจอ่านนะครับว่าที่หมอฟันคนเก่ง” หนึ่งว่าพร้อมกับยีหัวอีกคนอย่างเอ็นดูสไมล์พยักหน้ารับด้วยรอยยิ้มทำให้หนึ่งยิ้มตามไปด้วย ไม่รู้ว่าร่างบางกลายเป็นบุคคลที่มีอิทธิพลต่อเขาตั้งแต่เมื่อไหร่ รู้ตัวอีกทีสไมล์ก็ทำให้เขาคิดถึงอยู่ตลอดเวลา



          “ทำไมพี่หนึ่งดีกับสไมล์จังเลยครับ” สไมล์ถามขึ้น เขารู้ว่าลุงนทีและพี่หนึ่งดีกับเขามาก อย่างลุงนทีเขาก็พอเข้าใจว่าสนิทกับแม่ของเขาและแม่เขาก็ฝากฝังเขาไว้กับลุงนทีแต่พี่หนึ่งนี่สิ ทำไมถึงดีกับเขาขนาดนี้ ความจริงพี่หนึ่งจะไม่พอใจเขาก็ได้ไม่แปลกเพราะเขาเป็นใครก็ไม่รู้ที่อยู่ๆก็เข้ามาอยู่ในบ้านแต่อีกคนกลับทำตรงข้ามทุกอย่าง

 

         “สไมล์ไม่รู้จริงๆเหรอ” หนึ่งถามด้วยน้ำเสียงอบอุ่น ร่างสูงนั่งคุกเข่าลงตรงหน้าอีกคนที่นั่งอยู่บนรถเข็น สไมล์มองอีกคนอย่างไม่เข้าใจก่อนจะเบิกตากว้างเมื่ออีกคนเลื่อนหน้าเข้ามาใกล้จนริมฝีปากแนบชิดกันก่อนจะค่อยๆถอนออก

 

         “พี่ชอบสไมล์” หนึ่งว่า



          “พะ...พี่หนึ่ง” สไมล์เรียกอีกคนเสียงพร่า เขาไม่เคยคิดมาก่อนว่าจะเป็นแบบนี้เขาไม่เคยรับรู้ถึงความรู้สึกอีกคนมาก่อน         

          “สไมล์ยังไม่ต้องให้คำตอบอะไรพี่ตอนนี้หรอกนะ พี่รู้ว่าสไมล์คงตกใจเพราะฉะนั้นตอนนี้สไมล์แค่รับรู้ความรู้สึกของพี่ก็พอ...นะครับ” สไมล์กัดปากอย่างลำบากใจก่อนจะพยักหน้ารับ หนึ่งยิ้มกว้างอย่างพอใจ...เหตุการณ์เมื่อครู่ทำให้ร่างสูงที่ยืนสูบบุหรี่อยู่ที่ระเบียงแววตาวาวโรจน์ด้วยความไม่พอใจ แม้จะไม่ได้ยินว่าทั้งคู่คุยอะไรกันแต่ภาพที่เห็นคือพี่ชายของเขาจูบไอ้กาฝากนั่น



          “แรดชิบหาย” สามว่าออกมาพร้อมมองไปที่คนทั้งคู่ด้วยความไม่พอใจ ไม่รู้ว่าอารมณ์คุกกรุ่นที่เป็นอยู่ตอนนี้สาเหตุมาจากพี่ชายจูบอีกคนหรือว่า...อีกคนยอมให้พี่ชายจูบกันแน่

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

ง้อวววววว เริ่มมีความรู้สึก 555555 โหวตเปลี่ยนพระเอกได้นะคะรู้สึกว่าพี่หนึ่งจะเหมาะกับบทนี้มากกว่า 55555 ยังไงก็ฝากติดตามเรื่องนี้ด้วยเน้อออออ

         
___จางบิวตี้___
หัวข้อ: Re: Poor Boy…รักไม่ได้ [Yaoi Boy’s Love] อัพตอน6 (03/07/59)
เริ่มหัวข้อโดย: TachibanaRain ที่ 03-07-2016 20:37:35
นายเอกโดนกระทำอีกแล้ว ส่วนพระเอกเลวตั้งแต่เริ่มเลยนะ
หัวข้อ: Re: Poor Boy…รักไม่ได้ [Yaoi Boy’s Love] อัพตอน6 (03/07/59)
เริ่มหัวข้อโดย: felixia ที่ 03-07-2016 23:47:30
คุณแม่ก็โตแล้วนะคะ ทำตัวเหมือนเด็กจังเลย  คุณลูกก็โตแล้วเหมือนกันนะคะ อะไรที่ไม่ดีก็ไม่ต้องตามแม่ก็ได้ค่ะ
อยากจะจับสามมานั่งสั่งสอนสักสองชั่วโมง
หงิดดดดดดดดดดดด ทำไมนิสัยแบบนี้  :katai1:
หัวข้อ: Re: Poor Boy…รักไม่ได้ [Yaoi Boy’s Love] อัพตอน6 (03/07/59)
เริ่มหัวข้อโดย: everlastingly ที่ 06-07-2016 17:48:00
 :pig4: ติดตามรออ่านตอนต่อไปอยู่นะ
หัวข้อ: Re: Poor Boy…รักไม่ได้ [Yaoi Boy’s Love] อัพตอน6 (03/07/59)
เริ่มหัวข้อโดย: Jang_B2UTY ที่ 08-07-2016 19:38:35
Poor Boy 7

 

        ตั้งแต่ที่หนึ่งซื้อหนังสือมาให้สไมล์ก็ตั้งใจอ่านหนังสือเวลาที่มีเวลาว่างไม่รู้ว่าการผ่าตัดที่จะเกิดขึ้นในไม่กี่เดือนข้างหน้าจะทำให้เขาสามารถกลับมาเดินได้อีกครั้งหรือไม่แต่เขาก็ยังคงแอบหวัง หวังว่าเขาจะกลับมาเดินได้และกลับมาใช้ชีวิตอย่างปกติ ไปเรียนมหาวิทยาลัยในคณะที่เขาหวังและตั้งใจเอาไว้ เพื่อนให้พ่อกับแม่ที่มองลงมาจากบนฟ้าภาคภูมิใจในตัวเขา



          “อ๊ะ เอามานะครับ” สไมล์พูดขึ้นเมื่อมือหนาคว้าหนังสือที่เขากำลังอ่านอยู่ไป



          “เฮอะ มึงคิดว่ามึงจะมีโอกาสกลับไปเรียนหรือไง” สามพูดขึ้นหลังจากที่มองปกหนังสือแล้วรู้ว่าอีกคนกำลังอ่านอะไรอยู่



          “ครับ ผมหวัง” สไมล์ว่า



          “มีปัญญาเดินให้ได้ก่อนเถอะ” สามกระตุกยิ้มมุมปากอย่างเหยียดๆ สไมล์พยายามไม่สนใจคำพูดและท่าทางของอีกคนเพราะมันจะทำให้เขาหมดกำลังใจเสียเปล่าๆ



          “ขอหนังสือผมคืนด้วยครับ” สไมล์ว่าอีกครั้ง



          “อยากได้ก็เดินมาเอาดิ” สามว่าก่อนจะขยับถอยหลังออกห่างจากอีกคนประมาณสามก้าวพร้อมกับชูหนังสือท้าทาย       สไมล์ทำท่าจะเข็นรถเข็นเข้ามาแต่เสียงทุ้มก็ว่าขึ้นมาก่อน



         “ถ้าไม่เดินมากูก็ไม่คืน” สไมล์ขมวดคิ้วมุ่นอย่างไม่พอใจกับคำพูดของอีกคน ก็รู้ทั้งรู้ว่าเขาเดินไม่ได้แต่ก็ยังพูดแบบนี้อีก     สไมล์มองหนังสือในมืออีกคนที่ยังไงก็ต้องเอาคืนมาให้ได้พี่หนึ่งซื้อให้เขาทั้งที ว่าแล้วร่างบางก็ค่อยๆใช้มือทั้งสองข้างพยุงตัวเองเพื่อจะลุกยืนแต่แล้วก็...



ตุบ

ร่างบางล้มไปกองอยู่กับพื้น สามชะงักไปนิดที่อีกคนล้มไม่คิดว่าจะเดินมาหาจริงๆทั้งที่รู้ว่าตัวเองเดินไม่ได้ หนังสือเล่มนี้มันคงสำคัญมากสินะ คิดได้อย่างนั้นก็รู้สึกหงุดหงิดยิ่งไปกว่าเดิม



          “ซี้ดด ขอหนังสือผมคืนด้วย” สไมล์ว่าพร้อมกับร้องซี้ดเบาๆด้วยความเจ็บเพราะเมื่อกี้ที่ล้มลงมาหัวเข่าเป็นแผลถลอกจนเลือดซิบ



          “หนังสือเล่มนี้สำคัญกับมึงมากสินะ เฮอะ” สามว่า สไมล์มองอีกคนอย่างไม่เข้าใจในน้ำเสียงที่บ่งบอกถึงความไม่พอใจ ไม่พอใจอะไรเขาอีกล่ะ เขาอยู่ของเขาเฉยๆแท้ๆมีแต่อีกคนที่มารังแกกัน



          “มากครับ” คำตอบของอีกคนก็ยิ่งทำให้ร่างสูงยิ่งเดือดเข้าไปใหญ่ ร่างสูงเดินเข้าไปหาอีกคนก่อนจะคว้าคางของอีกคนอย่างแรงให้เงยขึ้นมามองหน้า



          “ทำไม เพราะคนที่ซื้อให้สำคัญมากสินะ หนังสือเล่มนี้เลยสำคัญมาก” สามว่าเสียงดัง



          “ครับ เพราะพี่หนึ่งซื้อให้” สไมล์ก็ไม่ได้ปฏิเสธเพราะสำหรับเขาพี่หนึ่งเป็นพี่ชายที่ดีที่สุด แม้ว่าอีกคนจะรู้สึกพิเศษกับเขาก็ตามแต่เขาก็ยังยืนยันในความรู้สึกว่ารักและเคารพอีกคนเหมือนพี่ชาย



          “แรด ร่าน คิดจะมาอ่อยพี่ชายกู มึงอย่าได้ฝันสูง!” สามโวยวายเสียงดัง



          “ผมไม่เคยทำแบบนั้น ไม่เคยแม้แต่คิด” สไมล์ว่า



          “แล้วที่มึงทำอยู่คืออะไร สามวันก่อนที่แม่งอ่อยให้เขาจูบเรียกว่าอะไร!” สไมล์ทำตาโตกับคำพูดของอีกคน



          “คุณเห็น”



          “เออ กูเห็นเต็มสองตาแล้วทีนี้ยังจะกล้าปฏิเสธอีกมั้ยว่าไม่ได้อ่อยพี่ชายกู!”สามว่าด้วยแรงโทสะพร้อมกับบีบคางบางแรงขึ้นจนสไมล์นิ่วหน้าด้วยความเจ็บ



          “ผมไม่ได้อ่อยพี่หนึ่งและไม่มีวันที่จะคิดแบบนั้น ผมยืนยันคำเดิม” สไมล์มองหน้าสามอย่างแน่วแน่ในคำพูดแต่สามดลับกระตุกยิ้มร้าย



          “งั้นมาดูกันว่าอ่อยไม่อ่อยเดี๋ยวกูพิสูจน์เอง” สิ้นเสียงทุ้มปากหนาก็ประกบลงมาอย่างแรง สไมล์พยายามขัดขืนแต่เพราะอีกคนล็อคคางของเขาเอาไว้ทำให้ไม่สามารถดิ้นหนีได้ ปากหนากัดเข้าที่ริมฝีบางล่างของคนตัวบางก่อนจะสอดแทรกลิ้นร้อนเข้ามาเพื่อเก็บเกี่ยวความหวานภายในโพรงปากอย่างจาบจ้วงและเอาแต่ใจสไมล์ร้องอื้ออึงในลำคอให้อีกคนปล่อยแต่สามก็ไม่ยอมปล่อย



          “ไอ้สาม!!”



ผลั้ก!

หมัดหนักๆปะทะเข้าที่ใบหน้าหล่อของสามทันที หนึ่งกำหมัดแน่นด้วยความโกรธอย่างมากกับสิ่งที่เห็นเมื่อกี้ น้องชายของเขากำลังรังแกคนที่เขารัก!



          “เฮอะ รู้สึกพี่จะโมโหเกินไปนะ นี่แค่คนอาศัย แค่กาฝากบ้านเราไม่ใช่หรือไง”สามว่าพร้อมกลั้วลิ้นในปากอย่างกวนๆ



          “หุบปากหมาๆของนายซะก่อนที่พี่จะต่อยนายอีกหมัด!” หนึ่งว่าเสียงดังแต่สามก็ไม่สะทกสะท้าน



          “ทำไมผมต้องหุบ ผมพูดความจริง เมื่อกี้ที่ผมทำผมก็แค่อยากพิสูจน์ว่าไอ้กาฝากนี่มันมีอะไรพี่ถึงได้ติดใจนักหนาและก็ได้คำตอบละ...แม่งหวานชิบหาย” สามว่าพร้อมเลียริมฝีปากอย่างยั่วโมโหผู้เป็นพี่ชาย



          “ไอ้สาม!”



ผลั้ว!

หนึ่งเข้ามาต่อยสามอีกครั้ง



          “พี่หนึ่งพอเถอะครับ” สไมล์พูดขึ้นเมื่อเห็นว่าสถานการณ์เริ่มบานปลายไปกันใหญ่



          “เอะอะเสียงดังอะไรกัน” เสียงทุ้มของผู้เป็นประมุขของบ้านดังขึ้นก่อนที่จะเดินมาพร้อมคุณผู้หญิงของบ้านและลูกชายคนที่สอง



          “ตายแล้ว หนึ่งแกต่อยน้องหรือไงกัน” ผู้เป็นแม่หันไปโวยวายใส่ลูกชายคนโตเมื่อเห็นสภาพของลูกชายหัวแก้วหัวแหวนที่ปากแตกจนเลือดไหล



          “เกิดอะไรขึ้นฮะหนึ่ง” ผู้เป็นพ่อถามก่อนจะเหลือบไปเห็นสไมล์ว่านั่งกองอยู่กับพื้น



          “ทำไมสไมล์เป็นแบบนี้” ผู้เป็นพ่อถามอีกครั้ง



          “ไอ้สามมันรังแกสไมล์ ถ้าผมเข้ามาช้ากว่านี้มันคง...” หนึ่งว่าก่อนจะหยุดพูดเพื่อระงับอารมณ์ที่เดือดดาดของตัวเอง



          “แกทำอะไรสไมล์” ผู้เป็นพ่อหันมาถามสามเสียงเข้ม



          “เปล่าสักหน่อยก็แค่...จูบ” สามว่าหน้าตายแต่นั่นก็ทำให้หนึ่งไม่พอใจสุดๆ



          “ไอ้เด็กกาฝากนี่อ่อยลูกเหรอ ตายแล้ว คิดไว้ไม่มีผิดว่าแกจะต้องเหมือนแม่ของแก” คุณหญิงของบ้านหันไปแวดใส่สไมล์เสียงดัง



          “คุณหญิง! หยุดเข้าข้างลูกชายตัวดีสักที!” ผู้เป็นสามีว่าอย่างไม่พอใจ



          “เฮอะ แตะต้องไม่ได้สินะคะแม่ของมันเนี่ย” คุณหญิงของบ้านเบะปากอย่างไม่ชอบใจ



          “สรุปแกรังแกสไมล์ใช่มั้ยฮะสาม ทำไมแกถึงทำกับสไมล์แบบนี้ ไม่พอใจอะไรนักหนา” ผู้เป็นพ่อหันไปถามสาม



          “ผมก็แค่สงสัย” สามว่า



          “สงสัยอะไรฮะ!” ผู้เป็นพ่อเริ่มขึ้นเสียงในท่าทางยียวนของลุกชายคนเล็ก



          “ก็สงสัยว่ามันมีดีอะไรพี่หนึ่งถึงได้ติดใจ ถึงได้จูบมันเมื่อสามวันก่อน” สามว่าพร้อมกับยิ้มเย้ยหยันพี่ชายประมาณว่าเขาเหนือกว่า ผู้เป็นพ่อหันไปมองหน้าลูกชายคนโตทันที



          “จริงเหรอหนึ่ง”

 

          “ครับ ป๊าครับ...ผมชอบสไมล์” หนึ่งตอบรับอย่างลูกผู้ชาย



          “ไม่ได้! ฉันไม่ยอม แกจะชอบกาฝากอย่างมันไม่ได้!!” เป็นผู้เป็นแม่ที่ค้านขึ้น



          “คุณหญิงนี่มันเรื่องของเด็กๆนะ” ผู้เป็นสามีปราม



          “ช่างเถอะครับม๊า ปล่อยพี่หนึ่งเขาไปเถอะ เพราะหลังจากที่ผมได้พิสูจน์แล้วว่ามันมีดีอะไรผมก็รู้เลยว่า...” สามเว้นวรรคก่อนจะหันไปมองหน้าสไมล์



          “...แม่งก็ง่าย ไร้ค่า ไม่มีดีอะไรเลย”



เพี้ยะ!

มือหนาของผู้เป็นพ่อตบเข้าที่ใบหน้าของลูกชายคนเล้กอย่างแรงด้วยความโมโห



          “แกไม่มีสิทธิ์ว่าสไมล์แบบนี้!!” ก่อนจะตะคอกใส่เสียงดัง



          “แตะต้องไม่ได้สินะครับ ทั้งๆที่ผมเป็นลูกป๊าแท้ๆแต่ผมกลับแตะต้องกาฝากอย่างมันไม่ได้ เข้าใจแล้วครับ เข้าใจแจ่มแจ้งเลย” สามกระตุกยิ้มก่อนจะเดินออกไปผู้เป็นแม่มองตามสามีอย่างไม่พอใจและหันไปมองสไมล์ด้วยความเครียดแค้นก่อนจะวิ่งตามลูกชายหัวแก้วหัวแหวนไป



          “ป๊าทำเกินไปนะครับ” สองที่เงียบอยู่นานพูดขึ้น ผู้เป็นพ่อนิ่งงันไป



          “แต่มันดูถูกสไมล์นะสอง” หนึ่งว่า



          “แต่นั่นน้องชายเรานะครับพี่หนึ่งและนั่น...ลูกชายป๊านะครับ ไม่ใช่สไมล์ที่เป็นลูกของป๊า” สองว่าก่อนจะเดินกลับไปบ้าง ผู้เป็นพ่อทำหน้าเครียดไม่ใช่น้อยกับสิ่งที่พึ่งทำลงไป เขารู้ว่าเขาทำแรงเกินไปจริงๆเพราะตั้งแต่เล็กจนโตเขาไม่เคยทำรุนแรงกับลูกเลยแต่นี่เขาตบหน้าสาม...ตบหน้าลูกชายคนเล็กของเขา



          “ฮึก ขอโทษครับ” สไมล์พูดขึ้นพร้อมกับค่อยๆปล่อยน้ำตาลงมา



          “สไมล์ร้องไห้ทำไม” หนึ่งถามอย่างร้อนใจ



          “เพราะสไมล์เป็นต้นเหตุของเรื่องทั้งหมด ฮึก คุณลุงครับ อย่าโกรธคุณสามเลยนะครับ ฮึก สไมล์ขอร้อง” สไมล์ว่า ถึงแม้อีกคนจะรังแกเขาและทำหยาบคายกับเขาก็ตามแต่เมื่อกี้เขากลับเห็นนัยน์ตาที่เสียใจไม่น้อยของอีกคนเมื่อโดนลุงนทีตบ แผ่นหลังกว้างที่เดินออกไปมีแต่ความเสียใจและน้อยใจเขาสัมผัสได้และรู้สึกผิดไม่น้อยที่เป็นต้นเหตุที่ทำให้อีกคนถูกพ่อตบแบบนี้ ลองคิดกลับกันถ้าเป็นเขา เขาคงจะเสียใจมากถ้าถูกคนที่เขารักมากถึงมากที่สุดอย่างพ่อมาตบหน้า เขาคงทนไม่ไหวแน่ๆ

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

สรุปสงสารใครดี? 55555 คือน้องสไมล์น้องเป็นคนดีไปป่าวแต่ก็นะ นายเอกนี่หน่ายังไงก็ฝากติดตามด้วยนะคะ จุ๊บๆ

___จางบิวตี้___
หัวข้อ: Re: Poor Boy…รักไม่ได้ [Yaoi Boy’s Love] อัพตอน7 (08/07/59)
เริ่มหัวข้อโดย: TachibanaRain ที่ 08-07-2016 22:48:01
สามปากเสียจริงๆแหละ และถึงแม้จะบอกว่านั่นลูกแท้ๆแต่การที่สามทำก็ไม่ถูก คือถ้าเราเห็นลูกเราไปรังแกคนอื่นเราจะยืนดูเฉยๆเหรอ มันก็ต้องมีตีมีทำโทษบ้างแหละ
หัวข้อ: Re: Poor Boy…รักไม่ได้ [Yaoi Boy’s Love] อัพตอน7 (08/07/59)
เริ่มหัวข้อโดย: Athobutying ที่ 10-07-2016 21:16:42
รอออ
หัวข้อ: Re: Poor Boy…รักไม่ได้ [Yaoi Boy’s Love] อัพตอน7 (08/07/59)
เริ่มหัวข้อโดย: boonpa ที่ 10-07-2016 21:21:16
 :hao4: เราว่าสามก็สมควรโดนจริง ๆ รอตอนต่อไป
หัวข้อ: Re: Poor Boy…รักไม่ได้ [Yaoi Boy’s Love] อัพตอน7 (08/07/59)
เริ่มหัวข้อโดย: everlastingly ที่ 10-07-2016 23:14:24
 :pig4: ลูกนิสัยไม่ดี พ่อแม่ก็ต้องอบรมตำหนิเป็นสิ่งที่ถูกแล้ว ยิ่งไปทำร้ายคนอื่นยิ่งไปกันใหญ่ เบ้ปากใส่อิสามปากเสีย ปากคอเลาะร้ายมาก รออ่านตอนต่อไปนะ
หัวข้อ: Re: Poor Boy…รักไม่ได้ [Yaoi Boy’s Love] อัพตอน7 (08/07/59)
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 10-07-2016 23:26:40
อยากให้สไมลล์ผ่าตัด แล้วเดินได้
สาม จะเห็นสไมลล์เปลี่ยนไปมั้ย จะหลงเสน่ห์มั้ย
หรือ ยังหาว่า ร่าน อ่อย
ทั้งที่ตัวเองเป็นฝ่ายไปจูบ ไปใกล้ชิดเขาก่อนทั้งนั้น
ตัวเองทำตัวเลวกับคนที่ทั้งอ่อนแอ ทั้งพิการ แท้ๆ
หัวข้อ: Re: Poor Boy…รักไม่ได้ [Yaoi Boy’s Love] อัพตอน7 (08/07/59)
เริ่มหัวข้อโดย: cheyp ที่ 11-07-2016 04:01:17
ร้องไห้ตาม
หัวข้อ: Re: Poor Boy…รักไม่ได้ [Yaoi Boy’s Love] อัพตอน7 (08/07/59)
เริ่มหัวข้อโดย: Wut_Sv ที่ 11-07-2016 20:39:05
พึ่งเข้ามาอ่าน ก็เข้าใจอีแม่นะว่าเกลียด แต่อีลูกเนี่ย สมควรคิดได้เองป่ะไม่ใช่แม่ว่าไง ก็ว่าตามนั้น สไมล?น่าสงสารมาก เมื่อไหร่จะได้ผ่าตัดซะทีหล่ะเนี่ย จะได้ออกจากบ้านนีซะที

มาเป็นกำลังใจให้นะครับ หวังว่าเรื่องนี้คงไม่จบแบบเรื่องของน้องเทียนนะคร้าบบบ  :ling1: :ling1: :ling1:
หัวข้อ: Re: Poor Boy…รักไม่ได้ [Yaoi Boy’s Love] อัพตอน7 (08/07/59)
เริ่มหัวข้อโดย: Jang_B2UTY ที่ 12-07-2016 19:21:48
Poor Boy 2

( Grammar x Song )

 

        แม้ว่าจะผ่านมาหลายวันแล้วแต่แกรมม่าก็ยังไม่ลืมใบหน้าของใครบางคนที่ดึงดูดใจเขาไม่ใช่น้อย ตาเรียวเฉี่ยวคมที่มีเสน่ห์รับกับใบหน้าขาวใส ร่างกายบอบบางต่างจากสามเพื่อนของเขาที่เป็นน้องชายอย่างมากแต่ถึงยังไงเขาก็ตกลงกับเพื่อนว่าจะไม่ยุ่งแต่ถ้าเจออีกคนอีกครั้งมันก็ไม่แน่ เคยได้ยินมั้ยไม่มีสัจจะในหมู่เพลย์บอย หึๆวันนี้แกรมม่ามาเดินห้างสรรพสินค้าสุดหรูใจกลางเมืองกับคู่ควงที่พึ่งตกได้เมื่อคืนหญิงสาวแก่กว่าเขาสองปี หน้าตาสวยและหุ่นดี อกเป็นอก เอวเป็นเอวตรงสเปคเขาทุกอย่าง



          “พี่อยากดูหนังอ่ะแกรมม่าเราไปดูกันนะ” การ์ตูนว่าอย่างออดอ้อนร่างสูงที่พึ่งมีสัมพันธ์กับเธอเมื่อคืน



          “ผมไม่ชอบดูหนังอ่ะดิ” แกรมม่าว่า ความจริงไม่ใช่ไม่ชอบหรอกแต่แค่เริ่มเบื่อหญิงสาวข้างกายขึ้นมาล่ะ ทั้งๆที่เมื่อคืนก็ดู

ไม่ค่อยอะไรนะแต่พอตอนเช้าที่ออดอ้อนจะเอานั่นจะเอานี่ จะทำนั่นจะทำนี่



          “ทำไมล่ะ ไปดูกันเถอะนะๆๆ มีหนังเข้าใหม่เยอะเลย” การ์ตูนยังคงเซ้าซี้ต่อ แกรมม่าเริ่มขมวดคิ้วแต่ก่อนที่จะได้พูดอะไรออกไปตาคมก็เหลือบไปเห็นคนที่คุ้นเคยกำลังเดินซื้อของอยู่ไม่ใกล้ไม่ไกล ปากหนาคลี่ยิ้มทันทีอย่างพึงพอใจก่อนจะใช้มือหนาแกะมือของหญิงสาวออกจากแขน



          “ถ้าพี่อยากดูพี่ก็ไม่ดูคนเดียวนะครับ” แกรมม่าว่า การ์ตูนทำหน้าไม่พอใจ



          “ทำไมพูดแบบนี้ล่ะ!” การ์ตูนเริ่มเสียงดัง



          “ผมว่าพี่เริ่มทำตัวน่าเบื่อ เพราะฉะนั้นอย่ามาติดต่อกันอีกเลยครับ ลาล่ะ”   แกรมม่าว่าก่อนจะเดินออกไปทันที หญิงสาวทำหน้าเหวอกับประโยคเห็นแก่ตัวของร่างสูงแต่ก็ทักท้วงไม่ทันทำได้แต่เพียงกรีดร้องในใจอย่างอดกลั้นเท่านั้น...ทางด้านแกรมม่าเมื่อสลัดหญิงสาวได้แล้วร่างสูงก็เดินมายังร้านเสื้อผ้าแบรนด์หรูที่มีร่างบางของอีกคนอยู่ข้างในกำลังเลือกเสื้อผ้าอยู่ แกรมม่าทำเป็นเดินเลือกเสื้อผ้าบ้างก่อนจะค่อยๆเขยิบๆไปใกล้ๆอีกคนที่ยังไม่รู้ตัวว่าเขายืนอยู่ข้างๆ



          “บังเอิญจังเลยนะ” เสียงทุ้มว่า ทำให้สองชะงักในการเลือกเสื้อมามองอีกคนทันที



          “นาย” สองขมวดคิ้วเมื่อเจออีกคน



          “ผมก็มีชื่อนะคร้าบเรียกให้มันถูกๆหน่อย แกรมม่าว่าขำๆ



          “ฉันไม่รู้ชื่อนาย” สองว่าก่อนจะเดินหนีไปทางราวเสื้อผ้าอื่นและแกรมม่าก็เดินตาม



          “พูดแบบนี้แปลว่าอยากรู้ชื่อผม” สองหันขวับมามองอีกคน



          “ใครอยากรู้ชื่อนายมิทราบ” สองว่าก่อนจะเดินหนีต่อและแกรมม่าก็ยังคงเดินตาม



          “นี่จะเดินตามฉันทำไมฮะ!”



          “ผมไม่ได้เดินตามนะ ผมก็เลือกเสื้อผ้า” แกรมม่าว่าพร้อมชุเสื้อหนึ่งตัวในมือสองมองอย่างขัดใจก่อนจะเอาเสื้อสองตัวในมือไปที่เคาน์เตอร์เพื่อคิดเงิน



          “สามตัวครับ นี่การ์ด” แกรมม่าว่าพร้อมกับยื่นการ์ดดำให้กับพนักงาน สามหันไปมองอีกคนอย่างไม่พอใจเพราะเสื้อสามตัวที่อีกคนว่าคือของเขาสองตัวและของอีกคนหนึ่งตัว



          “ฉันซื้อเองได้” สองว่าพร้อมกับยื่นการ์ดของตัวเองให้กับพนักงาน พนักงานทำหน้างุนงงว่าจะทำอย่างไรดี



          “เอาการ์ดของผมนั่นแหละครับ ช่วงนี้แฟนผมงอนๆน่ะครับไม่ค่อยอยากใช้การ์ดผม” แกรมม่าบอกกับพนักงาน สองทำตาโตทันที



          “ใครแฟนนาย เอาการ์ดของผมครับ ผมกับหมอนี่ไม่รู้จักกัน” สองว่าพร้อมยื่นการ์ดแต่แกรมม่าไม่ยอมดึงการ์ดของอีกคนไปไว้กับตัวเองก่อนจะหันไปสั่งพนักงาน



          “คิดเงินเลยครับ” พนักงานพยักหน้ารับด้วยรอยยิ้มนิดๆเพราะคิดว่าคงเป็นคู่แฟนที่งอนๆกันอยู่จริงๆ สองหน้าหงิกหน้างอใส่อีกคนจนพนักงานดำเนินการเสร็จสิ้นทั้งคู่ก็เดินออกจากร้านกัน



          “เอาการ์ดผมมา” สองว่า แกรมม่าก็คืนให้แต่โดยดีและยื่นถุงเสื้อผ้าของอีกคนให้ด้วย



          “ฉันไม่รับ นายจ่ายเงิน มันก็เป็นของนาย” สองว่า แกรมม่าขำๆนิดๆกับท่าทางของอีกคน



          “พี่ดูขนาดตัวผมกับพี่ด้วย ให้ผมเอาไปใส่เป็นเอวลอยหรือไง” แกรมม่าว่าขำๆ



          “นั่นมันก็เรื่องของนายแล้วไม่ต้องเดินตามฉันมาด้วย” สองว่าพร้อมเดินหนีแต่แกรมม่าก็ไม่วายที่จะเดินตามอีกคน



          “นายจะเอายังไงกันแน่เนี่ย!” สองโวยวาย



          “ไม่เอายังไง แค่อยากรู้จักพี่” แกรมม่าว่าแสร้งทำหน้าตาเศร้าสร้อยเต็มประดาสองขมวดคิ้ว



          “ฉันสองเป็นพี่ชายของสาม พอใจหรือยัง” สองว่า



          “ผมแกรมม่านะแต่สำหรับพี่ให้เรียกแกรมเฉยๆได้เลย” แกรมม่าว่ายิ้ม



          “รู้จักกันแล้วก็แยก ทางใครทางมัน” สองว่าแต่ไม่ทันจะได้เดินไปมือหนาก็คว้าข้อมือของเขาไว้ก่อน



          “ไปกินข้าวกัน” แกรมม่าชวน



          “ไม่” สองปฏิเสธอย่างไม่ต้องคิด



          “ไม่ดื้อดิพี่”



          “ใครดื้อ นายนั่นแหละอะไรกับฉันนักหนา” สองว่าอย่างหัวเสีย



          “ก็บอกว่าอยากรู้จักพี่ไง นะๆๆ ไปกันเถอะนะ” สองกัดปาก แกรมม่าไม่รอให้อีกคนตอบตกลงก็เนียนเดินจับมืออีกคนมายังร้านอาหารสุดหรูทันที สองตอนแรกก็ทำท่าจะปฏิเสธแต่เขาเองก็หิวๆเหมือนกันเพราะไม่ได้กินอะไรตั้งแต่บ่ายนี่ก็เย็นแล้วด้วย



          “ร้านนี้โอเคนะ” แกรมม่าหันมาถาม สองพยักหน้าก่อนที่ทั้งคู่จะเดินไปยังตะนั่งที่พนักงานจัดไว้ให้



          “มื้อนี้ผมเลี้ยง” แกรมม่าพูดขึ้นขณะที่อาหารมาเสิร์ฟ



          “ไม่ ฉันเลี้ยงเอง” แกรมม่าเลิกคิ้วอย่างแปลกใจกับคำพูดของอีกคน



          “ก็นายออกเงินค่าเสื้อให้ฉันเพราะฉะนั้นฉันจะจ่ายค่าอาหารเอง จะได้หายๆกันซะ” สองว่า



          “ตกลงรับเสื้อที่ผมซื้อให้แล้ว?” แกรมม่าเลิกคิ้วถาม



          “หรือนายจะเอาไปใส่เป็นเอวลอยก็แล้วแต่” สองเชิดปากใส่ แกรมม่าหัวเราะเบาๆกับท่าทางน่ารักๆของอีกคนก่อนที่ทั้งคู่จะลงมือกินอาหารกันอย่างเงียบๆแต่ตาคมก็ไม่วายมองสำรวจอีกคนอย่างพึงพอใจ เห็นทีที่สัญญากับเพื่อนไว้คงทำไมได้แล้วล่ะ

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

แกรมม่ากับสองตอนนี้เบาๆนะคะ เขาพึ่งทำความรู้จักกัน 55555 คู่นี้อาจจะเรื่อยๆไปหน่อยแต่รับรองต่อไปไม่เรื่อยแล้วจะแบบฉบับรวบรัดตัดตอนทีเดียว ฝากติดตามด้วยนะคะ
___จางบิวตี้___
หัวข้อ: Re: Poor Boy…รักไม่ได้ [Yaoi Boy’s Love] อัพคู่รองตอน2 (12/07/59)
เริ่มหัวข้อโดย: Wut_Sv ที่ 12-07-2016 20:31:43
ทำไมพระรองที่เด็กนายรองของคุณ จางบิ้วตี้ ออกแนวน่ารำคาญตลอดเลยอ่ะ ตั้งกะชัช ใน sextoy แล้ว 555 :m20: :m20: :m20:

ออกความเห็นแบบนี้คงไม่ว่ากันนะครับ แค่บอกตามความรู้สึก ยังไงก็รอติดตามนะครับ มาต่อเร็วๆน้าาาา  :z2: :z2: :z2:

หัวข้อ: Re: Poor Boy…รักไม่ได้ [Yaoi Boy’s Love] อัพคู่รองตอน2 (12/07/59)
เริ่มหัวข้อโดย: Jang_B2UTY ที่ 13-07-2016 00:39:01
ทำไมพระรองที่เด็กนายรองของคุณ จางบิ้วตี้ ออกแนวน่ารำคาญตลอดเลยอ่ะ ตั้งกะชัช ใน sextoy แล้ว 555 :m20: :m20: :m20:

ออกความเห็นแบบนี้คงไม่ว่ากันนะครับ แค่บอกตามความรู้สึก ยังไงก็รอติดตามนะครับ มาต่อเร็วๆน้าาาา  :z2: :z2: :z2:

เมะอายุน้อยยังมีคีย์ที่น่ารักไงงงงง 5555 คลายเครียดจากคู่หลัก เลยเอาคู่รองบ้าๆบอๆ 55555
หัวข้อ: Re: Poor Boy…รักไม่ได้ [Yaoi Boy’s Love] อัพคู่รองตอน2 (12/07/59)
เริ่มหัวข้อโดย: Wut_Sv ที่ 13-07-2016 06:56:37
ทำไมพระรองที่เด็กนายรองของคุณ จางบิ้วตี้ ออกแนวน่ารำคาญตลอดเลยอ่ะ ตั้งกะชัช ใน sextoy แล้ว 555 :m20: :m20: :m20:

ออกความเห็นแบบนี้คงไม่ว่ากันนะครับ แค่บอกตามความรู้สึก ยังไงก็รอติดตามนะครับ มาต่อเร็วๆน้าาาา  :z2: :z2: :z2:

เมะอายุน้อยยังมีคีย์ที่น่ารักไงงงงง 5555 คลายเครียดจากคู่หลัก เลยเอาคู่รองบ้าๆบอๆ 55555

จริงด้วย หลายคู่จัด ลืมมมม 555555
หัวข้อ: Re: Poor Boy…รักไม่ได้ [Yaoi Boy’s Love] อัพคู่รองตอน2 (12/07/59)
เริ่มหัวข้อโดย: Jang_B2UTY ที่ 15-07-2016 19:13:41
Poor Boy 8


        หลังจากที่โดนพ่อตบหน้าสามก็มาหมกตัวอยู่ที่บ้านแกรมม่าครึ่งค่อนวัน พอค่ำๆก็พากันออกไปท่องราตรีดื่มเหล้าแก้เครียด สามยอมรับว่าเขาเสียใจมากกับสิ่งที่พ่อทำกับเขา อาจจะเพราะเขาเป็นลูกคนเล็ก ถูกตามใจมาตลอด ไม่ว่าจะเด็กหรือโตพ่อก็ไม่เคยตีเขา มากสุดก็แค่ดุไม่ว่าเรื่องจะร้ายแรงแค่ไหน เขายังจำตอนม.3 ที่เขาติดเกมส์จนเกือบเรียนไม่จบ พ่อด่าเขาหนักมากแต่ก็ไม่เคยลงไม้ลงมือแบบนี้ ปากหนากระตุกยิ้มเมื่อนึกถึงสาเหตุที่ทำให้พ่อลงไม้ลงมือกับเขา ลูกชายคนรักเก่าของพ่อ รักแรกและรักเดียวที่ฝังใจ เหอะๆ รักไอ้กาฝากนั่นมากกว่าเขาที่เป็นลูกชายแท้ๆ



          “ใจเย็นเว้ยๆ เดี๋ยวก็เมาตาย” แกรมม่าพูดขึ้นเมื่อสามกระดกเหล้าเข้าปากเอาๆตั้งแต่มาหมดเหล้าไปเกือบขวดแล้วในเวลาไม่ถึงชั่วโมง



          “กูอยากแดก” สามว่าพร้อมกับกระดกเหล้าเข้าปากต่อ



          “กูรู้เว้ยว่ามึงเสียใจที่ป๊ามึงตบหน้ามึงและน้อยใจเรื่องกาฝากอะไรนั่นแต่กูว่ามึงก็ทำกับคนๆนั้นเกินไปนะเว้ย” แกรมม่าว่าอย่างออกความเห็น สามตวัดสายตามามองเพื่อนอย่างไม่สบอารมณ์



          “กูแค่ออกความเห็นเว้ย” แกรมม่าว่า



          “มากไม่มากแต่มันก็เป็นเสี้ยนหนามในใจม๊ากู มึงก็รู้กูรักม๊ากูขนาดไหน ม๊าเกลียดใคร กูก็เกลียดด้วย” สามว่าอย่างจริงจัง



          “งั้นแปลว่าตัวมึงเองไม่ได้เกลียดเขา” แกรมม่าถาม สามชะงักพร้อมกับขมวดคิ้วมุ่น



          “กูเกลียดมัน” สามว่าออกมา



          “คิดนานเนอะ ฮ่ะๆ” แกรมม่าว่าอย่างขำๆ สามตวัดตามองเพื่อนอีกครั้ง



          “เออๆ กูไม่ยุ่งเรื่องของมึงละ ไปแดนซ์ดีกว่าเผื่อคืนนี้จะได้สักคนสองคนกลับไป” แกรมม่าว่าก่อนจะวางแก้วแล้วออกไปยังฟอล์วเต้นทันที ยิ่งดึกเพลงก็เปลี่ยนเป็นจังหวะเร็วโดยดีเจเพราะช่วงหัวค่ำเน้นดนตรีสดนั่งฟังเสียมากกว่าแกรมม่ารู้สึกมึนนิดๆเพราะเหล้าที่เขากินไปเกือบสองขวดเริ่มออกฤทธิ์แต่เพราะเขาเป็นคนคอแข็ง ลองเรื่องแบบนี้มาตั้งแต่เด็กๆ ถ้าเป็นคนอื่นแค่ขวดเดียวก็สลบแล้ว



          “เหนื่อยสัสๆ มีน้องคนนึงมาเต้นถูกูเว้ย หุ่นผ่านแต่หน้าไม่ผ่าน ไม่ไหวๆ”แกรมม่าว่าอย่างบ่นๆเมื่อกลับมาที่โต๊ะ



          “กูว่ากูจะกลับละ” สามว่า แกรมม่าขมวดคิ้วพร้อมยกนาฬิกาขึ้นมาดู



          “พึ่งห้าทุ่ม?” ปกติพวกเขาจะเที่ยวจนร้านปิดทุกครั้งก็ราวๆตี2



          “กูมีเรื่องต้องไปทำ” สามกระดกเหล้าแก้วสุดท้ายเข้าปากก่อนจะลุกออกไปซึ่งแปลว่าเหล้าวันนี้แกรมม่าเป็นคนจ่าย



          “สาส แดกมากกว่ากูยังให้กูจ่ายอีก”...สามกลับมาถึงบ้านในเวลาเกือบเที่ยงคืนไฟในตัวบ้านยังเปิดสลัวเหมือนทุกวันเพียงแค่ชั้นบนห้องนอนของพ่อแม่และพี่ชายปิดหมดแล้ว สามไม่ได้เดินขึ้นชั้นบนแต่กลับเปลี่ยนทิศทางไปยังห้องนอนของใครบางคนที่ตอนนี้ยังเปิดไฟอยู่



แกร็ก

ก่อนจะถือวิสาสะไขกุญแจสำรองเข้าไปในทันที



          “คุณสาม” สไมล์เรียกอีกคนอย่างตกใจ ไม่คิดว่าคนที่เขากำลังนึกถึงอยู่จะเข้ามา ตั้งแต่เกิดเรื่องเขาก็รู้สึกไม่ดีตลอดทั้งวันจนพาลเอานอนไม่หลับไปด้วย ยิ่งเห็นว่าอีกคนยังไม่กลับก็ยิ่งเครียดกลัวว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นจะทำให้อีกคนเตลิดไปไหนต่อไหนซึ่งมันคงไม่ดีแน่



          “ออกไปจากบ้านกูซะ ต้องการเท่าไหร่ กูให้ไม่อั้น” สามพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงเรียบๆ



          “คุณสามคือผม...” สไมล์อึกอัก



          “มึงจะอยู่ที่นี่ไปทำไมฮะ กูเกลียดมึง แม่กูก็เกลียดมึง มึงก็รู้ว่าอยู่ที่นี่มึงไม่มีทางอยู่อย่างสงบแน่ๆ มึงจะอยู่ไปทำไม” สามว่า



          “แล้วจะให้ผมไปอยู่ที่ไหน” สไมล์ช้อนตาถามอีกคนด้วยนัยน์ตาสั่นระริก ถ้าเขามีที่ไปเขาก็คงไม่มาอยู่บ้านคนอื่นที่ไม่ใช่แม้แต่ญาติของเขาแบบนี้ ไม่ทนโดนรังแกโดนต่อว่าแบบนี้หรอก สามชะงักกับคำพูดของอีกคน



          “ผมไม่มีใครเหลือแล้ว ถ้าผมไม่พิการ สามารถช่วยเหลือตัวเองได้ ผมคงไม่อยู่เป็นภาระให้ทุกๆคนแบบนี้หรอก” สไมล์ว่าออกมาจากใจ



          “กูจะหาที่อยู่ให้มึง หาคนดูแลมึง มึงจะว่าไง” สามว่าอย่างต่อรอง เขายอมเสียเงินกี่แสนกี่ล้านก็ได้เพื่อเอาคนๆนี้ออกจากบ้านเขาไป เขาต้องการครอบครัวที่สงบสุขกลับคืนมา เขาต้องการให้แม่ของเขาเลิกคิดมากเสียที เขายอมทำทุกอย่างแม้ว่าจะต้องทำร้ายคนๆหนึ่งก็ตาม



         “ผม...” สไมล์กัดปาก สามขมวดคิ้วกับท่าทางของอีกคน



          “หรือมึงอยากอยู่ที่นี่เพราะพี่กูกันแน่” สามถามด้วยน้ำเสียงแข็งกร้าว



          “ไม่ใช่นะครับ เรื่องนั้นไม่ใช่อย่างที่คุณสามคิด” สไมล์ว่า



          “แล้วที่พี่กูบอกว่าชอบมึงล่ะ” สไมล์ชะงักกับคำพูดของอีกคน ใช่...พี่หนึ่งบอกชอบเขาและเรื่องนี้คุณลุงนทีกับคุณผู้หญิงก็รับทราบแล้วแต่เขา...เขาไม่เคยคิดกับพี่หนึ่งในแง่นั้น อย่างที่บอกพี่หนึ่งเป็นพี่ชายที่แสนดี ดีกับเขาทุกอย่าง ดีจนเขาไม่กล้าปฏิเสธออกไปตรงๆเพราะมันจะทำให้อีกคนเสียใจไม่ใช่น้อย



          “ผม...ไม่ โอ๊ย!” สไมล์ร้องออกมาเมื่อมือหนาบีบที่ต้นแขนของเขาอย่างแรง ตาคมมองมาที่เขาอย่างแข็งกร้าว



          “มึงเองก็ชอบพี่กูใช่มั้ยล่ะ หึๆ กูคิดแล้วไม่มีผิด มึงคิดว่าม๊าจะยอมให้มึงได้พี่หนึ่งไปง่ายๆหรือไง!” สามตะคอกใส่อีกคน สไมล์ส่ายหัวรัว



          “ไม่ใช่อย่างนั้นนะครับ ผมไม่ได้...ฮึก เจ็บนะครับ” สไมล์ว่าเมื่ออีกคนคว้าคางของเขาแล้วบีบอย่างแรงจนร่างบางน้ำตาคลอ



          “กูเกลียดมึง เกลียดมึงชิบหาย มึงทำให้ครอบครัวกูต้องมีปัญหา มึงทำให้กูกับพี่ต้องทะเลาะกันแล้วมึงยังทำให้ป๊าพ่อตบกู!” สามว่าเสียงเย็น



          “ฮึก ผมขอโทษ ฮึก ผมรู้ว่าเรื่องนี้มันเป็นสาเหตุแต่ผม...ฮึก ผม” สไมล์กัดปากอย่างพูดไม่ออกได้แต่หลั่งน้ำตาลงมาเท่านั้น



          “อย่าคิดว่าร้องไห้บีบน้ำตาแล้วกูจะสงสาร กูไม่ใช่ป๊า ไม่ใช่พี่หนึ่ง กูไม่มีวันสงสารหรือตกหลุมพรางมึงแน่!"”สามว่าพร้อมกับดันอีกคนลงนอนกับเตียงก่อนจะขึ้นคร่อม สไมล์เบิกตากว้างอย่างตกใจกับการกระทำของอีกคน



          “ฮึก คุณสามจะทำอะไร ฮึก อย่านะครับ” สไมล์รู้ว่าอีกคนเมาเพราะได้กลิ่นแอลกอฮอล์แรงมากจากตัวอีกคน ปกติก็ชอบระเบิดอารมณ์ใส่เขาอยู่แล้วเวลาเมานี่ไม่ต้องพูดถึงแต่การกระทำแบบนี้เขาไม่โอเค เขากลัว



          “ถ้ามึงแปดเปื้อนมึงคิดว่าพี่หนึ่งจะยังสนใจมึงอีกมั้ย” สามถามเสียงเรียบสไมล์ส่ายหน้าทั้งน้ำตาพร้อมมองอีกคนอย่างอ้อนวอน



แควก!

          “คุณสาม!!” สไมล์ร้องเสียงหลงเมื่ออีกคนกระชากเสื้อนอนของเขาออกอย่างแรงจนขาดไปหมดกระดุมกระจัดกระจายคนละทิศละทาง  สไมล์ตัวสั่นเทาด้วยความกลัวเพราะตอนนี้อีกคนเหมือนกับปีศาจร้ายที่กำลังโกรธจัดเต็มที่ต่อให้เอาอะไรฉุดก็คงไม่อยู่



          “ฮึก อย่าทำผม ฮึก ขอร้อง ให้ผมไหว้เลยก็ได้” สไมล์ว่าพร้อมกับยกมือขึ้นไหว้อีกคนเมื่อมือหนากระชากกางเกงนอนของเขาพร้อมกับชั้นในลงไปกองอยู่ที่ข้อเท้าจนร่างบางร่างกายเปลือยเปล่า สามไม่สนใจอีกคนตาคมมองสำรวจร่างกายขาวบางของอีกคนอย่างพึงพอใจก่อนจะถอดเสื้อของตัวเองออกทำให้ผิวขาวที่เต็มไปด้วยมัดกล้ามและกล้ามเนื้อปรากฏแก่สายตา ไม่รู้ว่าเพราะฤทธิ์แอลกอฮอล์หรือว่าอะไรทำให้สามเลือกที่จะรังแกอีกคนด้วยวิธีนี้แต่ถ้าขอให้เขาหยุดตอนนี้คงทำไม่ได้แล้วล่ะ



          “ฮึก คุณสาม ฮึก อย่าทำผมเลย” สไมล์ว่าอย่างอ้อนวอนพร้อมกับน้ำตาที่ไหลรินไม่หยุด สามขึ้นคร่อมอีกคนอีกครั้งก่อนจะใช้ลิ้นสำรวจร่างกายของอีกคนไม่สนใจมือบางที่พยายามผลักดันหรือจิกตีเขาแม้แต่น้อย



          “ฮึก..อ๊ะ” สไมล์ร้องพร้อมกับเผลอแอ่นตัวขึ้นเมื่อลิ้นหนาสัมผัสที่ยอดอก



          “คุณสาม...อ๊ะ...” สไมล์ครางอีกครั้งเมื่อลิ้นหนาเลียตั้งแต่รอบฐานก่อนจะวนกลับไปที่ยอดอกทำแบบนั้นทั้งสองข้างอย่างเท่าเทียมจนสไมล์รู้สึกเสียววาบไปหมด



          “มึงก็ดูชอบนี่” สามว่าข้างหูบางพร้อมกับกัดเบาๆทำให้สไมล์เสียววูบ



          “ฮึก คุณสามเกลียดผม ทำไม ฮึก ถึงทำแบบนี้ล่ะครับ” สไมล์ว่า



          “กูบอกแล้วไงว่ากูจะทำให้มึงแปดเปื้อน กูจะทำให้พี่กูเลิกสนใจมึง!” สามว่าเสียงดัง



          “ฮึก แต่ผม ฮึก ไม่ได้ชอบพี่หนึ่งนะครับ ผมจะ ฮึก ปฏิเสธพี่หนึ่ง ฮึก ผมจะออกห่างจากพี่หนึ่งเท่าที่คุณสามต้องการ  ฮึก แต่อย่าทำ ฮึก ผมเลยนะครับ” สไมล์ว่าตอนนี้เขายอมทุกอย่าง ต่อให้ต้องทำร้ายจิตใจคนที่ดีกับเขาเขาก็ยอมแต่ตอนนี้เขากลัวเหลือเกิน กลัวจนตัวสั่นไปหมด



          “มึงพูดจริง?” สามเลิกคิ้วถามรู้สึกพึงพอใจกับคำพูดของอีกคนเมื่อกี้ สไมล์พยักหน้ารัว



          “ก็ได้แต่เพื่อให้พี่หนึ่งเลิกยุ่งกับมึงมึงต้องบอกกับพี่หนึ่งว่า...” สามกระตุกยิ้มร้ายก่อนจะยื่นปากไปจ่อที่หูบาง



          “...มึงชอบกู” สไมล์ทำตาโตทันทีก่อนจะมองหน้าอีกคน



          “ผม...”



          “ว่าไง ถ้าไม่ตกลงกูจะไม่หยุดต่อให้มึงร้องจนขาดใจกูก็จะไม่หยุด” สามว่าเสียงเย็น สไมล์กัดปากอย่างครุ่นคิด



          “ครับ ตกลงครับ” สไมล์ตอบรับ สามยกยิ้มอย่างพึงพอใจแต่แทนที่อีกคนจะผละออกกับจับอีกคนมานั่งคร่อมหน้าตักแทน



          “คุณสามจะทำอะไรครับ” สไมล์ถามเสียงตื่น



          “กูตื่นตัวขนาดนี้แล้วช่วยกูหน่อย” สไมล์ทำตาโต



          “มือมึงน่ะทำให้กูให้เสร็จ ถ้ากูไม่เสร็จสัญญาเมื่อกี้ถือโมฆะ” สามว่า สไมล์นิ่งไปสักครู่ก่อนจะมองต่ำลงไปที่แก่นกายอีกคนที่กำลังตื่นตัวเต็มที่ด้วยใบหน้าร้อนผ่าวสามกระแทกกายใส่อีกคนทำให้แก่นกายทั้งคู่สัมผัสกันจนสไมล์เสียวทั่วท้องน้อย



          “ใช้มือมึงจับที่ของกูและของมึงทำพร้อมๆกัน” สามสั่ง สไมล์มือสั่นก่อนจะจับเข้าที่แก่นกายของอีกคนและของตัวเองด้วยมือข้างเดียวก่อนจะเริ่มขยับมือ เสียงครวญครางดังออกมาจากปากบางเป็นระยะเพราะความเสียวสอดคล้องกับเสียงครางทุ้มต่ำที่ดังออกมาจากปากหนาจนปลดปล่อยมาในที่สุด

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

เอ๊ะทำไมอิสามหยุด? 55555 ยังไม่อยากให้น้องตกเป็นของอิสามนะคะอาจจะขัดอารมณ์ใครไปหน่อย ยังไงก็ฝากติดตามด้วยค่า

___จางบิวตี้___
หัวข้อ: Re: Poor Boy…รักไม่ได้ [Yaoi Boy’s Love] อัพตอน8 (15/07/59)
เริ่มหัวข้อโดย: Wut_Sv ที่ 15-07-2016 21:23:26
อ้ากกกก เกลียดอิสามที่สุดเลย  :ling1: :ling1: :ling1:

สไมล์น่าสงสาร เมื่อไหร่จะเดินได้ซักที จะได้ไปมให้พ้นจากบ้านนี้เลยยย  :katai1: :katai1: :katai1:
หัวข้อ: Re: Poor Boy…รักไม่ได้ [Yaoi Boy’s Love] อัพตอน8 (15/07/59)
เริ่มหัวข้อโดย: TachibanaRain ที่ 16-07-2016 12:46:43
ดีแล้ว สามไม่สมควรได้ครอบครองสไมล์นะใจจริงก็อยากให้สไมล์ออกไปอยู่ที่อื่นจริงๆแหละ แต่ให้คนอื่นจัดการที่อยู่ให้นะเพราะถ้าให้สามเดี๋ยวมันก็ตามมารังควานอีก
หัวข้อ: Re: Poor Boy…รักไม่ได้ [Yaoi Boy’s Love] อัพตอน8 (15/07/59)
เริ่มหัวข้อโดย: abcee ที่ 17-07-2016 02:45:24
เป็นแฟนคลับคนแต่งน้า ตามอ่านทุกเรื่องนะ ขอบคุณและเป็นกำลังใจให้น่าครับ *_*
หัวข้อ: Re: Poor Boy…รักไม่ได้ [Yaoi Boy’s Love] อัพตอน8 (15/07/59)
เริ่มหัวข้อโดย: chaweewong19841 ที่ 17-07-2016 09:42:10
สนุกมาก
หัวข้อ: Re: Poor Boy…รักไม่ได้ [Yaoi Boy’s Love] อัพตอน8 (15/07/59)
เริ่มหัวข้อโดย: everlastingly ที่ 17-07-2016 09:50:44
เกลียดอิสามมากตอนนี้
หัวข้อ: Re: Poor Boy…รักไม่ได้ [Yaoi Boy’s Love] อัพตอน8 (15/07/59)
เริ่มหัวข้อโดย: cheyp ที่ 19-07-2016 04:51:44
สไมล์น่าจะรับเงินแล้วออกไปอยู่คนเดียวชิลๆดีกว่า ไม่ต้องเจอคนที่ทำให้เสียสุขภาพจิต
หัวข้อ: Re: Poor Boy…รักไม่ได้ [Yaoi Boy’s Love] อัพตอน8 (15/07/59)
เริ่มหัวข้อโดย: Jang_B2UTY ที่ 19-07-2016 19:22:02
Poor Boy 9

 

        เพราะเรื่องเมื่อคืนทำให้สไมล์ไม่กล้าที่จะมองหน้าสามที่นั่งกินข้าวอยู่ฝั่งตรงข้ามเลย เมื่อคืนอีกคนไม่ได้ทำอะไรเขานอกจากที่ปลดปล่อยออกมาด้วยมือของเขาและเขาเองก็ปลดปล่อยออกมาเช่นกัน เมื่อคืนสไมล์รู้สึกอับอายมากเมื่อได้ยินเสียงหัวเราะในลำคออย่างสะใจของอีกคนก่อนที่อีกคนจะออกไป สไมล์นอนไม่หลับทั้งคืนในหัวมีแต่ภาพของเขากับอีกคนที่ปลดปล่อยออกมาด้วยมือของเขา อับอาย...ไม่เคยรู้สึกอับอายเท่านี้มาก่อนที่ตัวเองดันมีอารมณ์ร่วมกับการบังคับของอีกคน



          “กินนี่เยอะๆนะสไมล์” หนึ่งว่าพร้อมกับตักอาหารใส่จานข้าวสไมล์



          “เอ่อ...เดี๋ยวสไมล์ตักเองครับ” สไมล์ว่าเพราะรับรู้ถึงสายตาคมของคนฝั่งตรงข้ามกำลังมองมา เขาตกลงกับคุณสามแล้วว่าจะไม่ยุ่งกับพี่หนึ่ง จะไม่ตอบรับความรู้สึกของพี่หนึ่ง



          “เป็นอะไรไปไม่สบายเหรอหน้าซีดๆ” หนึ่งว่าพร้อมกับยกมือขึ้นมาอังหน้าผากสไมล์ สไมล์รีบหันหน้าหนีนิดๆทำให้หนึ่งลดมือลงไป



          “เอ่อ...สไมล์สบายดีครับ” สไมล์รีบพูดออกมาเพราะกลัวว่าหนึ่งจะไม่พอใจกับท่าทางของเขา หนึ่งพยักหน้ารับแต่ในใจก็อดรู้สึกไม่ดีในท่าทางของอีกคนไม่ได้ สไมล์เป็นอะไร ทำไมถึงมีท่าทีไม่อยากอยู่ใกล้ ไม่อยากให้เขาแตะเนื้อต้องตัวแปลกๆ หนึ่งตวัดสายตามองสามที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้าม สามมองตอบพี่ชายมานิ่งๆแต่แววตาก็เต็มไปด้วยความเจ้าเล่ห์หนึ่งสัมผัสได้...หลังจากมื้อเช้าเสร็จหนึ่งและผู้เป็นพ่อก็ออกไปทำงานและคุณผู้หญิงของบ้านก็ออกไปสมาคมเช่นเคย สไมล์มาช่วยสาวใช้ล้างจานอยู่ในครัวแม้ว่าจะถูกห้ามก็ตามแต่สไมล์ก็อยากจะช่วยอะไรบ้าง นิดๆหน่อยๆก็ยังดี



          “คุณสาม จะทานของหวานเหรอคะ จะทานอะไรบอกผ้าเลยนะคะ” ป้าแม่ครัวถามขึ้นเมื่อเห็นสามเดินเข้ามาในครัวแบบที่ไม่เคยเป็นมาก่อน สไมล์ที่กำลังเช็ดจานเก็บที่สะดุ้งนิดๆเมื่อรู้ว่าคนที่เขากำลังหลบหน้ามา



          “มานี่” สามไม่ตอบป้าแม่ครัวแต่เดินเข้าไปลากรถเข็นของสไมล์ออกมา สไมล์รับวางจานแล้วนั่งบนรถเข็นดีๆทันทีเพราะกลัวว่าจะตกลงไปซะก่อน สามลากอีกคนมาที่สวนพร้อมกับมองอีกคนด้วยความหงุดหงิด



          “หลบหน้ากูทำไม” สามถามขึ้น



          “เปล่านะครับ” สไมล์รีบปฏิเสธทันที



          “ไม่ได้หลบก็เงยหน้ามามองกู” สไมล์ค่อยๆเงยหน้ามามองอีกคน



          “หรือว่าเพราะเรื่องเมื่อคืน...” สามว่าพร้อมกลั้วลิ้นในปาก สไมล์หน้าร้อนผ่าวทันที



          “หึๆ มึงมันอ่อน ผู้ชายเชี่ยไรไม่เคยช่วยตัวเองหรือไง” สามว่าอย่างเยาะๆเมื่อรู้ว่าอีกคนกำลังเขินอายเรื่องอะไร



          “ผมไม่ได้อยากสักหน่อย” สไมล์ว่าเสียงแผ่ว



          “งั้นแปลว่ามึงยังซิง? ทั้งชาย ทั้งหญิง” สามเลิกคิ้ว สไมล์นิ่งไปซึ่งสามก็สามารถเดาคำตอบได้ทันที



          “ถึงว่า...พี่ชายกูถึงชอบอกชอบใจนักและสนใจมึงขนาดนี้ เห็นว่าพี่หนึ่งคอยอุ้มมึงอาบน้ำตลอดนี่ คงจะดูออกว่ามึงยังซิง” สามว่า เขาที่ผ่านเรื่องแบบนี้มามากมายก็พอจะดูออกเหมือนกันว่าใครซิงไม่ซิง มันสังเกตกันง่ายๆนี่แหละซึ่งคนตรงหน้าก็เช่นกันอย่างเมื่อคืน แค่ใช้มือแม่งยังหน้าแดงจัด เชิดหน้าร้องครางอย่างกับว่าไม่เคยทำมาก่อน



          “พี่หนึ่งคงไม่ได้สนใจเรื่องพรรค์นั้นหรอกครับ” สไมล์ว่าเพราะจากที่รู้จักกันมาพี่หนึ่งก็ไม่มีทีท่าลวนลามเขาเลยแม้ว่าจะเห็นเขาแก้ผ้าต่อหน้ามาหลายครั้ง เขาถึงไม่เคยระแวงหรือสงสัยในความรู้สึกของอีกคนจนมาถึงวันที่พี่หนึ่งสารภาพออกมานี่แหละถึงได้รู้



          “ผู้ชายที่ไหนไม่คิดวะ” สามว่าอดหงุดหงิดไม่ได้ที่เห็นว่าอีกคนพูดปกป้องพี่ชาย



          “ผมยังไม่คิด” สไมล์ว่า สามหัวเราะหึๆในลำคอก่อนจะผลักหัวอีกคนไม่แรงนัก



          “ก็มึงมันอ่อนไง” ไม่รู้ว่าสไมล์คิดไปเองหรือเปล่าว่าบรรยากาศระหว่างเขากับคุณสามมันแปลกๆไป ไม่มีถ้อยคำแขวะ ไม่มีคำด่าร้ายๆหรือการกระทำที่รุนแรงเหมือนแต่ก่อนทั้งๆที่เมื่อวานเขาทำให้อีกคนโกรธเป็นฟืนเป็นไฟ เพียงแค่ข้ามคืนมันเปลี่ยนกันได้ขนาดนี้เลยเหรอ



        “มองอะไร” สามถามเมื่อตากลมมองมาที่เขา



          “ปะ...เปล่าครับ” สไมล์ว่า



          “อย่าลืมที่ตกลงกับกูไว้ มึงต้องปฏิเสธพี่หนึ่งอย่างจริงจัง ต้องแสดงให้เขารู้ว่ามึงไม่ได้คิดกับเขา” สามสั่ง สไมล์พยักหน้าก่อนที่ร่างสูงจะเดินออกไป...ตกเย็น...สไมล์ก็ยังคงนั่งอ่านหนังสืออยู่ที่สวนอย่างทุกวัน หนึ่งกลับมาจากที่ทำงานก็แวะมาหาอีกคนทันที



          “พี่ซื้อขนมมาฝาก กินข้าวเสร็จแล้วต้องกินนะ” หนึ่งว่าพร้อมกับยื่นถุงขนมยี่ห้อดังให้กับร่างบาง สไมล์รับมา



          “ขอบคุณครับแต่ต่อไปพี่หนึ่งอย่างลำบากดีกว่านะครับ” สไมล์ว่าอย่างเกรงใจหนึ่งขมวดคิ้ว



          “สไมล์เป็นอะไร แปลกๆตั้งแต่เช้าแล้วนะหรือว่า...” หนึ่งเงียบไปครู่หนึ่ง



          “...สามมันบังคับอะไรสไมล์” หนึ่งว่าเสียงแข็ง สไมล์ส่ายหัวรัวทันที



          “ไม่ใช่นะครับคือ...สไมล์เกรงใจจริงๆ ร้านนี้มันอยู่ในห้างไม่ใช่เหรอครับ แปลว่าพี่หนึ่งต้องแวะเพื่อซื้อให้สไมล์ สไมล์เลยเกรงใจ” สไมล์อ้างออกมา หนึ่งยกยิ้มก่อนจะยีหัวร่างบางอย่างเอ็นดู



          “สไมล์ก็รู้ว่าพี่รู้สึกยังไงกับสไมล์ อย่าเกรงใจพี่เลยนะ” หนึ่งว่าเสียงอ่อนโยนจนสไมล์อดรู้สึกไม่ดีไม่ได้ถ้าวันหนึ่งเขาต้องปฏิเสธอีกคนไปอย่างเลือดเย็น ต้องพูดตรงๆให้อีกคนเลิกยุ่งกับเขา พี่หนึ่งจะเกลียดเขามั้ยนะ เขามันเห็นแก่ตัว เห็นแก่ตัวที่ว่ายังอยากมีพี่ชายที่ดีคนนี้อยู่ข้างกาย...หลายวันผ่านไป...สไมล์พยายามตีตัวออกห่างจากหนึ่งเท่าที่จะทำได้แต่ก็ยังไม่ได้พูดออกไปตรงๆเรื่องที่ปฏิเสธความรู้สึกของหนึ่ง หนึ่งแม้ว่าจะสัมผัสได้ในความผิดปกติระหว่างเขากับสไมล์แต่ก็พยายามไม่ถามขึ้นเพราะเขาไม่รู้ว่าที่สไมล์แปลกไปเพราะตัวเองหรือมีใครบังคับ วันนี้เป็นหยุดหนึ่งตื่นแต่เช้าเหมือนปกติเพื่อลงมากินข้าวพร้อมหน้าพร้อมตากับครอบครัวและสไมล์ พอมื้ออาหารจบร่างสูงก็แอบไปเข้าครัวเพื่อเตรียมผลไม้ไปให้ร่างบางที่อ่านหนังสืออยู่ที่สวนเหมือนปกติ ทั้งๆที่หน้าที่นี้ให้แม่บ้าน สาวใช้ทำก็ได้แต่หนึ่งอยากทำให้อีกคนอยากให้อีกคนได้รับรู้ถึงความจริงใจของเขา



          “เมื่อไหร่มึงจะพูดกับพี่หนึ่งตรงๆ” สามถามขึ้น



          “คือว่า...” สไมล์ทำหน้าลำบากใจ



          “หรือมึงจะผิดข้อตกลงฮะ!” สามว่าเสียงดังพร้อมกับบีบต้นแขนเล็กอย่างแรง



          “ไม่ใช่นะครับ ผมแค่...ยังไม่มีโอกาสเท่านั้น” สไมล์ว่า อยู่ๆจะให้ไปพูดโต้งๆว่าไม่ได้ชอบ มันก็คงจะไม่ได้



          “แล้วมึงจะรอถึงเมื่อไหร่ หรือรอให้เขาเอามึงทำเมียก่อนฮะ!” สามว่า ทำไมถึงรู้สึกหงุดหงิดใจมากเมื่ออีกคนไม่ยอมปฏิเสธพี่ชายไปเสียทีก็ไม่รู้   



          “คือว่า...”



          “กูรู้ล่ะ มึงอยู่เฉยๆก็พอ” สามว่าพร้อมแสยะยิ้มร้าย สไมล์ทำหน้างุนงงก่อนจะเบิกตากว้างเมื่ออีกคนคว้าคอเขาจูบ ปากหนาบดเบียดลงมาอย่างไม่รุนแรงเหมือนทุกครั้งแต่กลับอ่อนโยนเสียจนสไมล์เคลิบเคลิ้ม ตากลมหลับตารับจูบของอีกคนก่อนที่สามจะผละออกมาเพื่อพอใจ สไมล์รู้สึกหัวใจเต้นรัวกับรสจูบเมื่อครู่ของคนตรงหน้าแต่ก็ไม่เข้าใจว่าทำไมอยู่ๆก็จูบเขา



          “พี่หนึ่งไปละ เตรียมตอบคำถามเขาให้ดีล่ะว่าทำไมยอมให้กูจูบ” สามว่าพร้อมยกยิ้ม เมื่อกี้เขาเห็นพี่หนึ่งเดินมาพอดีก็เลยได้โอกาสทำให้อีกคนเห็นว่าคนตรงหน้านี่สมยอมเขาและเมื่อพี่หนึ่งเห็นว่าเขาจูบกับอีกคนก็คงรู้สึกไม่พอใจมากแต่ก็ทำอะไรไม่ได้เมื่ออีกคนสมยอมเขา



          “อย่าลืมข้อตกลง” สามว่าส่งท้ายก่อนจะเดินออกไป สไมล์มองตามแผ่นหลังกว้างด้วยความรู้สึกแปล๊บๆในหัวใจ จูบอ่อนโยนเมื่อกี้...เพื่อทำให้พี่หนึ่งเห็นงั้นเหรอ?

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

ทำไมน้องสไมล์ต้องหวั่นไหว ไม่ยอมๆๆๆ >0< คืออิสามมันเหมือนจะดีขึ้นเพราะมันต่อน้องไง 5555 ปล่อยให้มันบังคับน้องให้ทำตามใจตัวเองไปก่อน ถึงทีน้องเมื่อไหร่ หึๆ

___จางบิวตี้___
หัวข้อ: Re: Poor Boy…รักไม่ได้ [Yaoi Boy’s Love] อัพตอน9 (19/07/59)
เริ่มหัวข้อโดย: Wut_Sv ที่ 19-07-2016 19:52:10
อิสามรู้สึกแปลกๆกับสไมล์ แล้วหล่ะซิ หึหึหึ :really2: :really2: :really2:

ตอนที่ 9 แล้ว เหมือนเรื่องมันยังไม่ไปไหนเลยอ่ะ อย่าไปรวบรัดเอาตอนใกล้จบน้าาาา :sad4: :sad4: :sad4:

อยากอ่านเยอะๆ อ่าาา รีเควสเพิ่มความยาวแต่ละตอนได้มั้ย  :mew2: :mew2: :mew2:
หัวข้อ: Re: Poor Boy…รักไม่ได้ [Yaoi Boy’s Love] อัพตอน9 (19/07/59)
เริ่มหัวข้อโดย: Anong2013 ที่ 19-07-2016 20:48:59
เกียดอี่พี่สาม :z6:
หัวข้อ: Re: Poor Boy…รักไม่ได้ [Yaoi Boy’s Love] อัพตอน9 (19/07/59)
เริ่มหัวข้อโดย: Pe_no ที่ 20-07-2016 22:14:15
ไม่หวั่นไหวสิไม่ๆๆๆนะ :mew2:
หัวข้อ: Re: Poor Boy…รักไม่ได้ [Yaoi Boy’s Love] อัพตอน9 (19/07/59)
เริ่มหัวข้อโดย: cheyp ที่ 22-07-2016 11:00:30
โดดเตะสาม
หัวข้อ: Re: Poor Boy…รักไม่ได้ [Yaoi Boy’s Love] อัพตอน9 (19/07/59)
เริ่มหัวข้อโดย: everlastingly ที่ 23-07-2016 15:37:35
 :pig4: รออ่านตอนต่อไปนะ ยังคงเกลียดอิสามอยู่
หัวข้อ: Re: Poor Boy…รักไม่ได้ [Yaoi Boy’s Love] อัพตอน9 (19/07/59)
เริ่มหัวข้อโดย: Jang_B2UTY ที่ 23-07-2016 21:54:23
Poor Boy 3

( Grammar x Song )

 

          เสียงเพลงดังสนั่นบวกกับแสงสีไฟวิบวับไปมาดูน่าปวดหัวไม่ใช่น้อยแต่ก็คงไม่มีอะไรน่าปวดหัวสำหรับสองเท่ากับสถานการณ์ในครอบครัวของเขาตอนนี้หรอก เขาไม่เข้าใจแม่และน้องชายว่าทำไมต้องจงเกลียดจงชังสไมล์นักหนา อีกทั้งก็ไม่เข้าใจพ่อที่ว่าทำไมต้องรักสไมล์ยิ่งกว่าลุกในไส้ถึงขึ้นลงไม้ลงมือกับสามเมื่อหลายวันก่อนทั้งๆที่พ่อไม่เคยลงไม้ลงมือกับลุกๆคนไหนเลย สองถอนหายใจออกมาก่อนจะยกแก้วเหล้าขึ้นมากระดกเข้าปากโดยไม่สนใจว่ามีสายตาหลายคู่กำลังมองมาที่เขาอย่างสนอกสนใจ



          “ขอโทษนะครับ คุณผู้ชายโต๊ะนั้นฝากมาให้ครับ” เสียงบริกรดังขึ้นทำให้สองชะงักก่อนจะเห็นว่ามีแก้วเหล้าราคาแพงถูกส่งมาให้เขา สองมองตามที่บริกรชี้ก็พบผู้ชายร่างสูงหน้าตาดีคนหนึ่งกำลังส่งยิ้มหวานให้เขา



          “ฝากเอาไปคืนเขาแล้วบอกว่าฉันมีปัญญาซื้อเล้ากินเอง” สองว่าเสียงเรียบบริกรหน้าเจื่อนพร้อมกับพยักหน้ารับแล้วเดินกลับไปหาร่างสูงคนนั้นทันที



          “ทำไมใจร้ายจังเลยครับ” ไม่ถึงห้านาทีร่างสูงคนที่ฝากเหล้ามาให้สองก็เดินเข้ามาหาสองที่เคาน์เตอร์บาร์ทันที พร้อมกับถือวิสาสะนั่งลงที่เก้าอี้ทรงสูงข้างๆร่างบาง



          “มีปัญหาอะไรหรือไง” สองถามเสียงนิ่งๆ ร่างสูงหัวเราะนิดๆ



          “ผมทัพครับ กองทัพ” ร่างสูงแนะนำตัว



          “สอง” สองตอบกลับสั้นๆพร้อมกับกระดกเหล้าในมืออย่างไม่สนใจคนข้างๆเจอมาบ่อยแล้วล่ะที่มีคนเข้ามาจีบแต่สองก็ไม่เคยสนใจใครสักคน สองพยายามปกปิดตัวเองจากคนอื่นเพราะไม่อยากให้ใครมามีอิทธิพลต่อตัวเองและคิดว่าการที่เขาจะมีใครสักคนมันคงต้องวุ่นวายมากแน่ๆ  เพราะขนาดแค่เพื่อนเขายังมีไม่ได้เลย



          “สองมาคนเดียวเหรอครับ” กองทัพถามขึ้น



          “อืม” สองตอบสั้นๆโดยที่ดวงตาเรียวรีก็มองสำรวจไปรอบๆไนต์คลับก่อนจะไปสบเข้ากับดวงตาคมที่คุ้นเคย



          “เด็กนั่น” สองพึมพำ...แกรมม่าไม่คิดว่าจะมาเจอพี่ชายของเพื่อนที่นี่ ในตอนที่เขามีสาวทรงโตนั่งขนาบข้างอยู่สองคน เมื่อตาคมสบเข้ากับตาเรียวก็เห็นว่าอีกคนขมวดคิ้วนิดๆก่อนจะเบือนหน้าไปอย่างไม่สนใจทำให้แกรมม่ารู้สึกจี๊ดๆขึ้นมา และพอยิ่งเห็นชายหนุ่มอีกคนที่นั่งอยู่ที่เคาน์เตอร์บาร์ข้างๆสองและพยายามชวนร่างบางคุยแกรมม่าก็รู้สึกเดือดเข้าไปใหญ่  ร่างสูงบอกลาสาวทรงโตทั้งคู่ก่อนจะเดินไปหาร่างบางทันที



พรึ่บ

แขนหนาพาดที่ขอบเก้าอี้ของอีกคนทันที



          “ไม่คิดว่าพี่จะมา” แกรมม่าถามขึ้น



          “มาทำไมตรงนี้แล้วสาวๆของนายล่ะ” สองว่าแขวะๆ แกรมม่าหัวเราะในลำคอพร้อมกับกระซิบข้างหูบาง



          “ทำไม? หึงเหรอครับ?”



          “ไม่เคยมีความคิดนั้นอยู่ในหัว” สองว่าพร้อมย่นจมูกใส่อีกคนอย่างหมั่นไส้ พอแกรมม่าเดินเข้ามากองทัพก็กลายเป็นส่วนเกินทันที ชายหนุ่มรู้สึกไม่พอใจนิดๆเพราะเล้งสองมาตั้งแต่เข้ามาแล้วเพราะฉะนั้นยังไงคืนนี้เขาต้องได้ ไม่ยอมให้หลุดมือแน่ๆ



          “คนรู้จักสองเหรอครับ” กองทัพถามแทรกขึ้น



          “เพื่อน...”



          “ครับ แต่รู้จักแบบสนี้ทสนิทเลยล่ะครับ” แกรมม่าตอบออกมา สองตวัดสายตามองอีกคนอย่างไม่พอใจนักแต่ใช่ว่าแกรมม่าจะสน ร่างสูงลอยหน้าลอยตาไปมาพร้อมกับมองกองทัพอย่างเย้ยๆ



          “งั้นเหรอครับ แต่ดูเหมือนสองเขาไม่ได้อยากสนี้ทสนิทกับคุณเท่าไหร่เลย”กองทัพว่าทำนองขำๆแต่แกรมม่าไม่ขำด้วย ตาคมสีฟ้าครามมองอีกคนด้วยความไม่พอใจทันที กองทัพกระตุกยิ้มมุมปาก



          “พูดแบบนี้หมายความไงวะ” แกรมม่าถามเสียงแข็ง



          “อ๊ะๆ ผมแค่พูดตามที่เห็นไม่เห็นต้องอารมณ์ขึ้นเลยนี่ครับ” กองทัพว่าอย่างยียวน แกรมม่าทำท่าจะพุ่งเข้าไปหาอีกคนทันทีแต่สองก็คว้าแขนอีกคนไว้ก่อน



          “จะทำบ้าอะไรฮะ” สองถามอีกคนเสียงขุ่น



          “ก็จะต่อยปากมันสักทีสองทีไง กวนตีน” แกรมม่าตอบ



     “อ้าวๆ ผมไปกวนตีนคุณตอนไหน” กองทัพยักไหล่ แกรมม่าทำท่าจะพุ่งเข้าใส่อีกคนอีกครั้งแต่สองก็หันไปตะวาดใส่ก่อน



          “หยุดเลยนะ! อย่ามาไร้สาระ ทำตัวเด็กแถวนี้” สองว่าพร้อมกับขมวดคิ้ว



          “ขอโทษคุณด้วยละกัน ส่วนนายน่ะมานี่” สองหันไปพูดกับกองทัพก่อนจะดึงแกรมม่าให้เดินตามมาทันทีโดยที่กองทัพไม่ทันจะได้ทักท้วง สองดึงอีกคนออกมาหน้าไนท์คลับก่อนจะปล่อยอีกคน



          “พี่จะพาผมออกมาทำไมนี่ยังไม่ได้ต่อยไอ้หน้ากวนตีนนั่นเลย” แกรมม่าว่าอย่างหัวเสีย



          “แล้วเป็นบ้าอะไรต้องไปต่อยเขาน่ะฮะ” สองเองก็หัวเสียไม่แพ้กัน ทั้งๆที่ตั้งใจจะมานั่งดื่มแก้เซ็งแต่กลับมาเรื่องเซ็งยิ่งกว่าเข้ามา



          “ก็มันกวนตีนผม พี่ไม่เห็นหรือไง” แกรมม่าว่า



          “นิสัยเด็ก” สองว่า แกรมม่าทำหน้าไม่พอใจทันที



          “ผมไม่ได้นิสัยเด็ก”



          “แต่ที่ทำอยู่มันเด็ก ระงับอารมณ์ไม่เป็นหรือไง ไม่ใช่ไม่พอใจใครก็ท้าตีท้าต่อยแบบนี้” สองบ่น



          “ผมบอกว่าไม่ได้เด็ก” แกรมม่าอดหงุดหงิดมากขึ้นไม่ได้กับคำว่าเด็กจากปากอีกคน  มันรู้สึกเหมือนโดนหยามเกียรติเพลย์บอยยังไงก็ไม่รู้



          “เด็ก” สองเถียงกลับ



          “ไม่ได้เด็ก” แกรมม่าเถียงอีกครั้ง



          “ก็บอกว่าเด็ก เด็กๆๆ อื้อออออ” เสียงหวานถูกดูดกลืนไปในลำคอทันทีที่มือหนาคว้าคออีกคนเข้ามาจูบ สองร้องอื้ออึงในลำคอพยายามประท้วงให้อีกคนถอนจูบแต่แกรมม่าหรือจะยอม ลิ้นหนาเข้ามาในโพรงปากบางพร้อมกับเกี่ยวพันกับลิ้นเล็กอย่างร้อนแรงทำให้คนไร้ประสบการณ์อย่างสองถึงกับสมองขาวโพลน แข้งขาอ่อนเปลี้ยจนแทบจะล้มไปกองกับพื้นแต่ดีที่มีมือหนาประคองเอาไว้



          “บอกแล้วไงว่าไม่เด็ก เด็กที่ไหนจะจูบร้อนแรงขนาดนี้” แกรมม่าว่าหลังจากถอนจูบ ตาคมสบกับตาเรียวอย่างเป็นประกายอย่างชอบใจ อารมณ์ขุ่นมัวเมื่อครู่หายไปทันที



          “ไอ้คนฉวยโอกาส” พอได้สติสองก็ผลักอีกคนออกอย่างแรงพร้อมว่าเสียงดัว



          “ก็โอกาสมันอยู่ตรงหน้า ผมเลยต้องฉวยไงคร้าบ” แกรมม่าว่าเสีงทะเล้น สองฮึดฮัดอย่างไม่พอใจแต่ก็ไม่อยากเสวนากับคนที่สวนลามเขาต่อ ร่างบางเดินหนีทันทีแต่แกรมม่าไม่ยอม รีบวิ่งมาดักหน้าร่างบางเอาไว้



          “จะกลับแล้วเหรอ ให้ผมไปส่งนะ” แกรมม่าว่า



          “ไม่” สองปฏิเสธอย่างไม่ต้องคิด



          “ทำไมล่ะหรือว่า...”



          “หรือว่าอะไร” สองถามเสียงขุ่น



          “กลัวเด็กอย่างผมจะทำอะไรๆพี่อีก” แกรมม่าว่า สองหน้าขึ้นสีทันทีเมื่อนึกถึงเหตุการณ์เมื่อครู่แต่ก็พยายามควบคุมสีหน้าเอาไว้



          “ไม่มีทาง ฉันไม่เคยกลัวเด็กอย่างนาย” สองเถียงอย่างไม่ยอม



          “ไม่กลัวก็ต้องให้ผมไปส่ง” แกรมม่าเลิกคิ้วท้าทาบพร้อมกับผายมือให้อีกคนเป็นท่าว่าให้เดินไปอีกทางซึ่งเป็นทางที่รถของเขาจอดเอาไว้



          “ชิ” สองชิชะเบาๆก่อนจะเดินตามอีกคนไปทันที...บรรยากาศบนรถตกอยู่ในความเงียบ สองหันหน้ามองกระจกตลอดทางอย่างไม่สนใจอีกคนแม้ว่าจะรับรู้ถึงสายตาคมที่หันมามองเขาหลายต่อหลายครั้งจนรถยนต์คันหรูมาจอที่หน้าคฤหาสน์ของเจ้าสัวนที



          “ฉันไม่ขอบใจหรอกนะเพราะไม่ได้ขอ” สองว่าพร้อมทำท่าจะเปิดประตูรถลงไปแกรมม่าหัวเราะในลำคอเบาๆ



          “ไม่ต้องขอบใจผมหรอกเพราะพี่ให้ผมเยอะกว่าคำว่าขอบใจแล้ว” สองขมวดคิ้วกับคำพูดของอีกคน



          “ก็จูบเมื่อกี้ไงคร้าบ” แกรมม่าเฉลยเสียงทะเล้น สองหน้าเห่อร้อนอีกครั้งทันทีก่อนจะรีบเปิดประตูลงไปอย่างรวดเร็วเพราะถ้าอยู่ต่อคงโดนไอ้เด็กบ้านี่ล้อเลียนอีกแน่ๆ



          “พี่สอง!” เสียงทุ้มเรียกทำให้สองที่กำลังจะเดินเข้าบ้านชะงักแต่ก็ไม่ได้หันกลับไปมอง



          “จูบของพี่หวานมากเลยนะ ผมชอบ!” สองหน้าร้อนผ่าวอีกครั้งพร้อมกับหัวใจที่เต้นแรงขึ้นอย่างแปลกๆ มุมปากบางเผยยิ้มขึ้นมาแต่เจ้าตัวก็พยายามตีหน้าเรียบเอาไว้ก่อนจะหันไปด่าอีกคน



          “ไอ้เด็กบ้า!”

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

พักเรื่องดราม่าของสามสไมล์แล้วมาไร้สาระกับแกรมม่าสองก่อนนะคะ 555555หลังจากนี้นังแกรมม่านางจะรุกหนักละ บอกให้สองเตรียมตัวด้วยเน้อ 555555

___จางบิวตี้___
หัวข้อ: Re: Poor Boy…รักไม่ได้ [Yaoi Boy’s Love] อัพคู่รองตอน3 (23/07/59)
เริ่มหัวข้อโดย: Wut_Sv ที่ 23-07-2016 22:10:30
เจอคนอย่างแกรมม่านี่ เหนื่อยแทนสองจริงๆ  :เฮ้อ: :เฮ้อ: :เฮ้อ:
หัวข้อ: Re: Poor Boy…รักไม่ได้ [Yaoi Boy’s Love] อัพคู่รองตอน3 (23/07/59)
เริ่มหัวข้อโดย: Jang_B2UTY ที่ 24-07-2016 22:14:25
Poor Boy 10

 

          “ทำไมสไมล์ถึงยอมให้สามจูบ” สไมล์กระอักกระอ่วนกับคำถามนี้ไม่น้อยเพราะไม่คิดว่าพี่หนึ่งจะถามกันตรงๆแบบนี้ รู้ว่าเมื่อตอนเช้าคุณสามจัดฉากให้พี่หนึ่งเห็นเพื่อให้เขาได้บอกปฏิเสธความสัมพันธ์กับพี่หนึ่งแต่ไม่คิดว่าพอตกเย็นมาพี่หนึ่งจะเข้ามาถามตรงๆแบบนี้ คิดว่าจะมีเวลาให้เตรียมใจบ้าง



          “คือสไมล์...” สไมล์กัดปาก อยากจะตอบแบบที่ตกลงไว้กับคุณสามแต่พอตากลมสบเข้ากับตาคมของอีกคนก็รู้สึกผิดไปหมด อย่างที่บอกพี่หนึ่งดีกับเขามาก ดีจนไม่คิดว่าจะมีคนที่ดีกับเขาขนาดนี้ทั้งๆที่เขามาเป็นตัวปัญหา มาเป็นกาฝากอยู่ในบ้าน ของพี่หนึ่งมาทำให้ลุงนทีทะเลาะกับคุณผู้หญิง มาทำให้ลุงนทีทะเลาะกับคุณสามซึ่งความวุ่นวายที่เกิดขึ้นทั้งหมดมันเป็นเพราะเขาแต่พี่หนึ่งก็ไม่เคยโทษ ไม่เคยโกรธเขาเลย มีแต่ปลอบใจและอยู่เคียงข้างเขาเสมอ



          “สามมันบังคับสไมล์ใช่มั้ย” หนึ่งถามเสียงเข้ม นัยน์ตาคมเริ่มส่อแววขึงขังขึ้นมา



          “มะ...ไม่ใช่นะครับ” สไมล์รับปฏิเสธออกมา



          “งั้นสไมล์จะบอกว่าสไมล์ยอมให้สามจูบเหรอ?” หนึ่งถามพร้อมกับมองสไมล์ด้วยแววตาเจ็บปวด อวัยวะหน้าอกด้านซ้ายหน่วงไปหมด



          “พี่หนึ่งคือ...” สไมล์ช้อนตามองอีกคนอย่างรู้สึกผิดแต่เขาไม่อยากทำเรื่องให้มันวุ่นวายไปมากกว่านี้แล้ว ถ้าเขาสามารถทำให้พี่หนึ่งเลิกชอบเขาได้ บางทีอะไรๆมันอาจจะดีขึ้นรวมทั้งคนใจร้ายอย่างคุณสามจะได้ไม่มาทำร้ายเขาอีก



          “...สไมล์ชอบ...”



          “อย่าพูดออกมา ห้ามพูดแบบนั้นออกมา” หนึ่งแทรกขึ้นก่อนที่สไมล์จะพูดจบนัยน์ตาคมเต็มไปด้วยความเจ็บปวด



          “พี่หนึ่ง” สไมล์เรียกอีกคนเสียงแผ่ว



          “พี่ไม่รู้หรอกนะว่ามันเกิดอะไรขึ้นทำไมสไมล์ถึงรู้สึกแบบนั้นแต่สไมล์ฟังพี่นะต่อให้สไมล์ชอบใคร รักใคร พี่ก็ยังรักสไมล์ไม่เปลี่ยนแปลง ความรู้สึกของพี่ให้สไมล์ไปแล้วพี่จะไม่ขอคืน” หนึ่งว่าพร้อมกับจับมือของสไมล์เอาไว้ สไมล์มองอีกคนตาสั่นระริกด้วยความรู้สึกผิดจนอยากจะร้องไห้ออกมา ขนาดเขาทำร้ายจิตใจพี่หนึ่งแบบนี้แต่พี่หนึ่งก็ยังไม่โกรธเขา ไม่เกลียดเขาแถมยังรู้สึกดีๆกับเขาไม่เปลี่ยนแปลงต่างจากอีกคนที่ชอบพูดจาทำร้ายจิตใจ ทำร้ายกันมาตลอดแต่เขากลับ...



          “สไมล์...” สไมล์กัดปาก



          “สไมล์...บางทีสไมล์อาจจะแค่เผลอไผลไป สามมันอาจจะทำอะไรให้สไมล์หวั่นไหวไปบ้างแต่เชื่อพี่นะ สามมันไม่มีทางคิดแบบนั้นกับสไมล์หรอก สไมล์ก็รู้ว่ามันเกลียดสไมล์แค่นั้น สไมล์ยังจะรู้สึกดีๆกับคนใจร้ายแบบนั้นอีกเหรอ” หนึ่งถามด้วยน้ำเสียงอ่อนแรง สไมล์ชะงักไปนิดนึงกับคำพูดของอีกคน หวั่นไหวงั้นเหรอ?...เขาไม่ได้หวั่นไหวหรอก ไม่ได้เผลอไผลด้วย มันเป็นแค่แผนการของอีกคนที่วางไว้...ใช่แล้ว เขาแค่ทำตามแผนเท่านั้นเอง



          “แต่ความรู้สึกของคนเรามันห้ามกันไม่ได้นะครับ” สไมล์ว่า พยายามพูดจาโน้มน้าวให้พี่หนึ่งตัดใจจากเขาไปซะ อย่างน้อยเหตุการณ์ในบ้านคงจะดีกว่านี้



          “ใช่มันห้ามกันไม่ได้ เพราะฉะนั้นอย่าห้ามให้พี่เลิกรักสไมล์เพราะสไมล์รักคนอื่นเลยนะ พี่ขอร้อง” หนึ่งว่าอย่างเว้าวอน



          “พี่หนึ่ง...”



          “ต่อให้สไมล์รักใคร ชอบใคร แต่ขอโอกาสให้พี่ได้มั้ย? ให้พี่ได้ทำให้สไมล์หวั่นไหว ให้พี่ได้มีโอกาสทำให้สไมล์รักพี่ ได้มั้ยครับ?” หนึ่งถามเสียงอ่อน สไมล์นิ่งก่อนที่ตากลมจะเบิกกว้างนิดๆเมื่อรับรู้ถึงใบหน้าของอีกคนกำลังเขยิบเข้ามาจนในที่สุดปากหนาก็ประกบเข้าที่ปากบาง หนึ่งกดจูบอย่างอ่อนหวานที่ริมฝีปากของอีกคนเพื่อถ่ายทอดความรู้สึกที่มีทั้งหมดให้อีกคนได้รับรู้ก่อนจะค่อยๆถอนออก



          “พี่รักสไมล์ คบกันนะครับ”...หลังจากเหตุการณ์กระอักกระอ่วนใจเมื่อเย็นผ่านไปสไมล์ก็เก็บตัวเงียบอยู่แต่ในห้องนอน ไม่ได้ออกมากินข้าวเย็นพร้อมคนอื่นโดยอ้างว่าปวดหัวไม่ค่อยสบาย สไมล์ยังไม่ได้ตอบรับพี่หนึ่งเขาเพียงแค่เงียบแต่พี่หนึ่งก็ยังคงยิ้มแล้วบอกว่าจะขอคบแบบนี้จนกว่าเขาจะใจอ่อนมันยิ่งทำให้เขารู้สึกผิด ความเศร้าหมองในแววตาของพี่หนึ่งชัดเจนจนหัวใจของเขารู้สึกเจ็บ เจ็บที่ทำร้ายหัวใจของคนที่ดีกับเรา



แอดดดด



          “คุณสาม” สไมล์เรียกอีกคนอย่างตกใจที่ร่างสูงเดินเข้ามา



          “มึงตกลงกับกูว่ายังไง!” สามถามเสียงดัง สไมล์ก้มหน้าหลบสายตา



          “มึงบอกจะปฏิเสธพี่ชายกูแต่ที่มึงทำคืออะไร มึงอ่อยให้เขาจูบแล้วตกลงคบกับเขา!” สามว่า



          “ปะ...เปล่านะครับผมไม่ได้...”



          “เลิกตีหน้าซื่อตอแห-สักที คืนนั้นกูไม่น่าปล่อยมึงไว้เลยถ้าคิดว่ามึงจะเล่นไม่ซื่อแบบนี้” สามว่าด้วยแววตาเดือดดาด มือหนาปลดกระดุมเสื้อตัวเองพร้อมกับเดินเข้ามาชิดเตียง สไมล์พยายามขยับตัวหนีอีกคนด้วยความหวาดกลัว



          “อย่าทำอะไรผมเลยนะครับคุณสาม ผมกับคุณหนึ่งเราไม่ได้...”



          “ถ้ามึงเป็นของกู กูอยากจะรู้นักว่าพี่หนึ่งจะทนเอามึงต่อจากกูได้มั้ย”



          “โอ๊ย ผมเจ็บ!” สไมล์ร้องเสียงดังเมื่อร่างสูงกระชากเขาเข้ามาก่อนจะขึ้นคร่อม



          “ฮึก ขอร้อง อย่าทำผม” สไม,ว่าน้ำตาคลอ



          “กูไม่ใจดีกับมึงเป็นครั้งที่สองหรอก” สิ้นเสียงปากหนาก็ประกบจูบลงมาทันทีพร้อมกับยัดเยียดจูบที่ร้อนแรงให้กับอีกคนจนสไมล์รู้สึกเจ็บปากไปหมด ลิ้นหนาสอดแทรกเข้ามาในโพรงปากบางพร้อมกับเกี่ยวพันลิ้นเล็กอย่างร้อนแรงก่อนจะตบท้ายด้วยการดูดลิ้นอีกคนแรงๆจนสไมล์รู้สึกเจ็บไปหมด



          “ฮึก ปล่อยผมนะครับ” สไมล์พยายามดิ้นขัดขืนเมื่อปากหนาเลื่อนลงมาซุกไซ้ที่ซอกคอขาว ปากหนาขบเม้ม ดูดดุนและกัดจนเป็นรอยเห็นได้ชัดซึ่งถ้าใครก็คงรู้ว่าคือรอยอะไร



แควก

มือหนากระชากเสื้อของอีกคนออกอย่างแรงจนขาด เนื้อผ้าเสียดสีกับผิวบางของสไมล์จนขึ้นรอยแดงอย่างน่ากลัวแต่ก็ไม่ทำให้สามรู้สึกเห็นใจแต่อย่างใด



          “ฮึก อย่าทำผมเลยนะครับ ฮึก คุณสาม ฮึก ผมขอร้อง” สไมล์พยายามอ้อนวอนอีกคนถ้ายกมือไหว้ได้เขาคงไหว้ไปแล้วแต่เพราะมือบางถูกตรึงด้วยมือหนาจึงไม่สามารถทำได้



          “กูจะทำให้ทุกๆที่บนร่างกายมึงแปดเปื้อนจนพี่หนึ่งเอามึงไม่ลง” สามว่าเสียงเย็นพร้อมกับถอดกางเกงและชั้นในของอีกคนออกจนร่างบางร่างกายเปลือยเปล่าสไมล์ร้องไห้ออกมาอย่างน่าสงสาร ทั้งกลัว ทั้งอับอาย



          “อ๊ะ ผมเจ็บ” สไมล์ว่าเมื่อนิ้วเรียวของอีกคนสอดแทรกเข้ามา



          “เดี๋ยวมึงเจอของกูมึงจะเจ็บกว่านี้” สามว่าเสียงเหี้ยมก่อนจะเพิ่มนิ้วจนช่องทางของอีกคนพร้อมจึงลุกขึ้นไปถอดเสื้อผ้าตัวเอง สไมล์พยายามคลานหนีแต่เพราะขาไม่สามารถขยับได้จึงไม่สามารถหนีอีกคนได้ สามจับอีกคนนอนหงายแล้วขึ้นคร่อมอีกครั้งก่อนจะพยายามเสือกไสตัวเองเข้าไปแต่เพราะสไมล์เกร็งจึงไม่สามารถใส่เข้าไปได้



          “อย่าเกร็งสิวะ!” สามตะคอกใส่เสียงดังเพราะเขาไม่สามารถสอดใส่เข้าไปได้



แหมะๆ

สามชะงักเมื่อเห็นเลือดสีแดงสดไหลลงมาที่แผ่นอกบาง ตาคมเบิกกว้างทันทีเมื่อเห็นว่าสไมล์กัดลิ้นตัวเองจนเลือดไหล



          “ทำบ้าอะไรของมึง!” สามว่าพร้อมกับจับปากอีกคนอ้าแล้วสอดมือเข้าไปสไมล์กัดมือของอีกคนอย่างแรงแต่สามก็ไม่ได้เอาออกมาแต่อย่างใดเพราะคิดว่าสิ่งที่สไมล์กำลังทำตอนนี้คืออีกคนกำลังช็อคจนไร้สติไปแล้ว



          “กูไม่ทำอะไรมึงแล้ว” สามว่า สไมล์ยังคงร้องไห้แบบไร้เสียงแต่แรงกัดที่เริ่มเบาลงจนสามสามารถเอามือออกมาได้ ตาคมมองอีกคนที่ร้องไห้ออกมาอย่างหนักตัวบางขดงอกอดตัวเองเอาไว้ตัวสั่นๆด้วยความหวาดกลัว



          “ฮึก อย่าทำผม” สไมล์ว่าออกมาเสียงแผ่วเพราะเริ่มได้สติ



          “กูไม่ทำอะไรมึงแล้ว” สามว่าอีกครั้ง มือหนาเผลอยกขึ้นไปลูบหัวอีกคนอย่างไม่รู้ตัว รู้แค่ว่าต้องทำอะไรสักอย่างให้อีกคนเลิกหวาดกลัว



          “ฮึก จริงๆนะ” สไมล์ถามกลับ สามพยักหน้า สไมล์ร้องไห้โฮอีกครั้งจนสามทำอะไรไม่ถูกจึงดึงอีกคนเข้ามากอด เมื่อได้รับความอบอุ่นจากร่างกายอีกคนสไมล์ก็ร้องไห้ไม่หยุดจนในที่สุดก็หมดสติไป



          “แม่งเอ๊ย!” สามสบถออกมาอย่างหัวเสียกับสิ่งที่เกิดขึ้น มือหนายีหัวตัวเองจนยุ่งไปหมดก่อนจะตัดสินใจใส่เสื้อผ้าให้ตัวเองและอีกคนก่อนจะเดินออกจากห้องอีกคนไปอย่างเงียบๆ...ตาคมมองดาวบนฟากฟ้าที่มีไม่ถึง10ดวงด้วยแววตาสับสน มือหนากระดกเบียร์เข้าปากไม่ลดละหลังจากที่กลับมาห้องตัวเอง  สงสาร...เห็นใจ...ความรู้สึกนี้ตบตีกันในหัวสมองสามเต็มไปหมด รู้ว่าที่ทำไปเพราะโกรธมาก โกรธที่อีกคนไม่ทำตามคำสั่ง โกรธที่อีกคนจูบกับพี่ชาย โกรธที่อีกคนคบกับพี่ชาย โกรธมากจนทำเรื่องเลวๆลงไป ถามว่าเขารู้ได้ยังว่าทั้งคู่คบกัน...พี่หนึ่งบอก บอกว่าตกลงคบกับสไมล์แล้ว  เขาก็เชื่อเพราะเห็นทั้งคู่จูบกัน



          “ออกไปจากหัวกู!” สามว่าเสียงดังพร้อมกับปากระป๋องเบียร์ลงพื้นอย่างระบายอารมณ์ ในหัวเต็มไปด้วยคำพูดของพี่ชายที่บอกว่าคบกับสไมล์ เต็มไปด้วยภาพของคนทั้งคู่ที่จูบกันซึ่งมันทำให้อารมณ์ขึ้นอีกครั้งแต่พอรู้สึกโกรธ ใบหน้าสวยหวานที่เต็มไปด้วยคราบน้ำตาของอีกคนก็ลอยขึ้นมาทำให้รู้สึกเจ็บหน่วงๆในใจอย่างแปลกๆ เขาอาจจะกำลังเป็นบ้า อาจจะกำลังเสียสติก็ได้ถึงได้มีความย้อนแย้งในตัวเองขนาดนี้ แต่ทำไมวะ...ทำไมความย้อนแย้งที่เกิดขึ้นสาเหตุมันต้องมาจากคนๆเดียว คนที่ชื่อว่า...สไมล์

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

นกอีกตามเคย 55555 ตอนนี้แต่งไปก็รู้สึกอึดอัดใจไป แต่งยากมากๆไม่รู้จะแต่งให้อิสามเริ่มรู้สึกได้ยังไง คิดว่าทุกคนน่าจะเข้าใจอิสามนะว่ามันกำลังสับสน ใกล้บ้าละตอนหน้าพระเอกเข้าศรีธัญญา นิยายจบ 555555 ยังไงก็ฝากติดตามต่อไปด้วยนะจ๊ะสปอยนิดๆ ตอนหน้าน้องจะไปแล้ว T^T

___จางบิวตี้___
หัวข้อ: Re: Poor Boy…รักไม่ได้ [Yaoi Boy’s Love] อัพตอน10 (24/07/59)
เริ่มหัวข้อโดย: Wut_Sv ที่ 24-07-2016 22:26:18
โอ้ยยยยยย เครียดดดดดดดดดดด  :katai1: :katai1: :katai1:
หัวข้อ: Re: Poor Boy…รักไม่ได้ [Yaoi Boy’s Love] อัพตอน10 (24/07/59)
เริ่มหัวข้อโดย: Paparazzi ที่ 25-07-2016 03:02:00
ชอบเค้าแล้วล่ะสิ
หัวข้อ: Re: Poor Boy…รักไม่ได้ [Yaoi Boy’s Love] อัพตอน10 (24/07/59)
เริ่มหัวข้อโดย: cheyp ที่ 25-07-2016 05:10:54
สงสารสไมล์น้อย
ส่วนสาม เกลียดนายจริงๆ สับสนต่อไป คิดให้หัวระเบิดไปเลย
หัวข้อ: Re: Poor Boy…รักไม่ได้ [Yaoi Boy’s Love] อัพตอน10 (24/07/59)
เริ่มหัวข้อโดย: puchi ที่ 26-07-2016 11:47:35
แล้วจะลงเอยกันยังไงล่ะทีนี้ หนึ่งก็บอกว่ารัก ตาสามก็เริ่มสับสนใจตัวเองซะด้วย
หัวข้อ: Re: Poor Boy…รักไม่ได้ [Yaoi Boy’s Love] อัพตอน10 (24/07/59)
เริ่มหัวข้อโดย: Jang_B2UTY ที่ 27-07-2016 19:15:23
Poor Boy 11

 

          “ทำไมต้องไปอยู่บ้านแกรมม่าล่ะลูก” ผู้เป็นแม่ถามขึ้นในขณะกินข้าวเช้าร่วมกันเมื่อสามบอกว่าอยากจะไปเที่ยวบ้านของแกรมม่าสักสองสามวัน ซึ่งบ้านตายายของแกรมม่าอยู่ในเมืองหลวงก็จริงแต่อยู่แถบชานเมืองเป็นบ้านสวน อากาศดีกว่าแถวบ้านของเขาที่เป็นใจกลางเมือง



          “เที่ยวน่ะครับม๊า” สามตอบ



          “เที่ยวอะไรกัน กลับจากอังกฤษไม่ทันให้ม๊าหายคิดถึงตะลอนไปโน่นไปนี่อีกละ” ผู้เป็นแม่ว่าอย่างน้อยอกน้อยใจ     

 

     “กลับมาเป็นเดือนละครับม๊า อีกอย่างแค่ไปเที่ยวสองสามวันเองเดี๋ยวก็กลับ”สามว่าก่อนที่ตาคมจะไปสบกับตากลมของคนที่นั่งฝั่งตรงข้ามก่อนที่สไมล์จะเป็นฝ่ายหลบสายตาไป



          “ก็ดี ไปพักบ้านสวยอากาศดีๆ ป๊าก็สนับสนุน” ผู้เป็นพ่อว่า



          “ไม่ใช่ว่าคุณอยากจะไล่ลูกไปไกลๆหรอกนะคะ” ผู้เป็นภรรยาเหน็บแนม



          “คุณหญิงทำไมพูดแบบนี้”



          “ชิ” ผู้เป็นภรรยาเบ้ปากใส่ บรรยากาศบนโต๊ะอาหารตอนเช้าผ่านไปก่อนที่สไมล์จะแยกตัวเองไปช่วยในครัว ส่วนสามก็เตรียมตัวไปเที่ยวบ้านตายายของแกรมม่าพอช่วยงานในครัวเสร็จก็เหมือนทุกวันที่สไมล์จะมานั่งเล่นที่สวนโดยมีหนังสือสำหรับเตรียมสอบติดมือมาด้วยเพียงแต่วันนี้เนื้อหาในหนังสือไม่เข้าสมองเขาเลยสักนิด ไม่ว่าจะพยายามรวบรวมสมาธิอ่านแค่ไหนแต่ในหัวของสไมล์ก็ยังมีภาพเหตุการณ์อันเลวร้ายที่เกิดขึ้นเมื่อคืน  ข้อมือบางยังคงมีรอยบีบของอีกคนอยู่จางๆ แถมเนื้อตัวใต้ร่มผ้าก็ยังคงมีรอยที่อีกคนประทับไว้ดีที่เมื่อเช้าสไมล์ใส่เสื้อผ้าเข้าไปห้องน้ำและเอาเสื้อผ้าไปเปลี่ยนในห้องน้ำพี่หนึ่งที่มาช่วยเขาอาบน้ำเลยไม่ได้สงสัยอะไร



          “อ่านถึงไหนแล้ว” หนึ่งถามขึ้นเสียงนุ่ม สไมล์เงยหน้าขึ้นมามองอีกคนนิดๆ



          “เอ่อ...ก็เยอะแล้วครับ” สไมล์ตอบ



          “เข้าใจมั้ย? ถ้าไม่เข้าใจตรงไหนบอกพี่นะ พี่มีเพื่อนเป็นหมอหลายคนถ้าสไมล์ต้องการพี่จะให้มันมาช่วยติว ช่วยแนะนแนวทางให้” หนึ่งว่ายิ้มๆ



          “อย่าเลยครับพี่หนึ่ง” สไมล์ช้อนตาขึ้นมามองอีกคนพร้อมกับพูดออกมา



          “สไมล์” หนึ่งเรียกอีกคนเสียงแผ่ว



          “พี่หนึ่งอย่าดีกับสไมล์มากไปกว่านี้เลยครับ” สไมล์ว่าอย่างรู้สึกผิด



          “ทำไมพี่จะดีกับสไมล์ไม่ได้ในเมื่อพี่...”



          “แต่สไมล์ไม่ได้รู้สึกแบบนั้น สไมล์รักพี่หนึ่งแบบพี่ชาย พี่ชายที่แสนดี” สไมล์ว่าขัดออกมา



          “แต่สไมล์ก็ไม่ได้ปฏิเสธพี่นี่ แปลว่าสไมล์ให้โอกาสพี่” หนึ่งว่า



          “สไมล์ไม่อยากทำให้พี่หนึ่งเสียใจ สไมล์ไม่อยากทำให้พี่หนึ่งโกรธหรือเกลียด...อื้อออ” เสียงหวานหายไปในลำคอเมื่อปากหนาประทับลงมา สไมล์เบิกตากว้างก่อนจะรีบดันหนึ่งออกอย่างรวดเร็ว



          “ทำไมล่ะสไมล์? เป็นพี่ไม่ได้หรือไง สไมล์ก็เห็นว่าสามมันไม่ได้แคร์สไมล์เลย”หนึ่งว่าด้วยน้ำเสียงอ่อนแรง ทั้งๆที่เขาพยายามขอโอกาสจากอีกคนแต่สไมล์ก็ทำท่าปฏิเสธทุกอย่าง ปฏิเสธทุกหนทางจนเขาไม่เหลือทางที่จะเดินหน้าต่อไปแล้ว



          “ขอโทษครับ”...เหตุการณ์เมื่อครู่อยู่ในสายตาคมตลอดเวลา สามกำมือแน่นอย่างไม่รู้ตัวเมื่อเห็นว่าพี่ชายจูบกับร่างบางอีกคน เขาไม่ได้ตั้งใจจะมองลงมาแต่แค่ออกมาสูบบุหรี่ก่อนไปบ้านแกรมม่าแต่กลับเห็นเหตุการณ์นั้นเข้าเขาก็รีบเดินกลับเข้าห้องทันที แรด! ร่าน! อ่อย! ทีกับเขาทำเป็นสะดีดสะดิ้ง ร้องไห้จะเป็นจะตายแต่กลับพี่หนึ่ง...แม่ง แล้วทำไมเขาต้องหัวเสียขนาดนี้วะ! ว่าแล้วสามก็หยิบกระเป๋ามาพาดบ่าแล้วถือกุญแจรถเดินดุ่มๆมาที่โรงรถแล้วขับรถคันโปรดออกไปทันทีด้วยอารมณ์ที่ยังคุกกรุ่นไม่หาย...แกรมม่าอดแปลกใจไม่ได้ที่เพื่อนสนิทบอกว่าจะมาอยู่บ้านเขาสักสองสามวัน อดสงสัยไม่ได้ว่าบ้านสวนตากับยายของเขามีอะไรดึงดูดตรงไหน หรือว่ามันพิศวาสไอ้เข้ม สุนัขพันธุ์ไทยที่ยายเขาเลี้ยงไว้วะ



          “หนีอะไรมาวะ” แกรมม่าถามขึ้น



          “เปล่า” สามตอบสั้นๆพร้อมกับพ่นควันออกจากปาก



          “แต่หน้ามึงเหมือนคนกำลังมีเรื่องในใจตลอดเวลา” แกรมม่าว่าก่อนจะหยิบบุหรี่มาจุดสูบเช่นเดียวกับสาม สามนิ่งกับคำพูดของเพื่อนสนิทก่อนจะนึกถึงสาเหตุที่ทำให้อยู่ๆเขาก็มาอยู่บ้านแกรมม่ากะทันหัน สาเหตุก็คือใบหน้าหวานที่เต็มไปด้วยคราบน้ำตา ร้องไห้อ้อนวอนให้เขาหยุดปรานจะขาดใจ ให้ตายสิ....แม่งพอนึกถึงหน้ามันทีไรหัวใจของเขาก็กระตุกขึ้นมาแปลกๆ ซึ่งมันช่างน่าหงุดหงิดสิ้นดี



          “มึงเคยเกลียดใครมากๆจนมีหน้ามันมาวนเวียนตลอดเวลามั้ยวะ” สามถามขึ้นแกรมม่าเลิกคิ้ว



          “เกลียดหรือรักวะ ทำไมต้องมีหน้ามาวนเวียนตลอดเวลา” แกรมม่าถามอย่างไม่เข้าใจ



          “เกลียดสิวะ!” สามว่าเสียงดัง



          “เออๆ เกลียดก็เกลียด แล้วไงวะ เพราะมึงเกลียดใครในบ้านเลยหนีมาอยู่บ้านกู?” แกรมม่าเลิกคิ้วถาม



          “กูไม่ได้หนี!” สามเถียง



          “เออๆ จะเกลียดจะรัก จะหนีไม่ได้หนีก็เรื่องของมึงเถอะ” แกรมม่าขมวดคิ้ว



          “กูเกลียดมัน เกลียดมันที่เข้ามาอยู่ในบ้านกู...มันทำให้ม๊ากูเป็นทุกข์ มันทำให้ป๊ากูเอ็นดู มันทำให้พี่ชายกูหลงรัก มันทำให้กู...” สามเงียบไปครู่หนึ่ง



          “...เป็นบ้าอยู่แบบนี้” สามว่าต่อก่อนจะพ่นควันออกมาอีกครั้ง แกรมม่ารับฟังเพื่อนเงียบๆซึ่งก็พอจะรู้อยู่บ้างว่ามีคนเข้ามาอยู่ในบ้านของสามเลยทำให้เจ้าตัวต้องกลับไทยมาจัดการ แต่เขากลับสงสัยว่าถ้าสามเกลียดอีกคนขนาดนั้นทำไมกลับคิดถึงคนๆนั้นตลอดเวลา



          “เขาทำอะไรให้มึงวะ?” แกรมม่าถาม สามเงียบไปสักพักก่อนจะตอบ



          “ไม่เคย...มันไม่เคยทำอะไรให้กูแต่กูกลับหงุดหงิดใจที่เห็นมัน กูหงุดหงิดชิหายเวลาที่เห็นมันอยู่กับพี่ชายของกูจนกูเกือบปล้ำมัน” แกรมม่าเบิกตากว้างทันทีกับคำพูดที่ออกมาจากปากของเพื่อนสนิท



          “สัส นี่ตกลงมึงเกลียดยังไงวะ? “แกรมม่าถาม



          “กูก็ไม่รู้ แม่ง...กูจะบ้าอยู่แล้วเนี่ย เห็นหน้ามันแล้วรู้สึกแปลกๆในใจ แม่ง กูเป็นเชี่ยอะไรวะ!” สามสบถออกมาอย่างหงุดหงิดใจในสิ่งที่ตัวเองกำลังเป็น



          “เอาที่กูสันนิฐานนะ อย่าด่ากูนะเว้ย?” แกรมม่าพูด สามเลิกคิ้ว



          “อะไร?”



          “กูว่ามึง...ชอบเขาว่ะ”



          “ไอ้เชี่ยแกรมม่า!!”...วันต่อมา...เสียงพูดคุยในห้องรับแขกทำให้สไมล์ที่พึ่งตื่นนอนอาบน้ำอาบท่าเสร็จอดสงสัยไม่ได้ว่าที่บ้านมีแขกกะทันหันหรือยังไง ทำไมเขาไม่รู้มาก่อน ร่างบางเข็นรถเข็นมาที่ห้องรับแขกเพื่อจะดูแต่กลับถูกลุงนทีเรียกให้เข้าไปซะงั้น



          “นี่น่ะเหรอสไมล์?” สไมล์มองผู้หญิงวัยชราอายุอานามน่าจะ70กว่าๆที่นั่งข้างผู้ชายวัยกลางคนรุ่นราวคราวเดียวกับลุงนทีพูดขึ้น



          “ใช่ค่ะ คนนี้แหละค่ะ” ผู้เป็นคุณผู้หญิงของบ้านพูดซึ่งนั่นก็ทำให้สไมล์งุนงงเข้าไปใหญ่



          “โถ่...สไมล์หลานย่า” สไมล์เบิกตากว้างอย่างตกใจทันทีกับสรรพนามที่หญิงชราใช้เรียกเขา หญิงชราทำท่าจะโถเข้ามาหาสไมล์แต่หนุ่มวัยกลางคนรั้งไว้ก่อน



          “คุณมีหลักฐานอะไรที่ชี้ชัดว่านี่คือลูกชายของบวรพจน์” สไมล์ตาสั่นระริกเมื่อหนุ่มวัยกลางคนพูดถึงชื่อนั้น...ชื่อของพ่อของเขา



          “บวรพจน์คือชื่อของพ่อของผมครับ” สไมล์พูดขึ้น คุณผู้หญิงของบ้านยกยิ้มอย่างพึงพอใจ



          “หมายความว่าเธอคือลุกชายของบวรพจน์จริงๆใช่มั้ย ไม่โกหกคนแก่ใช่มั้ย”หญิงชราว่าน้ำตาซึม



          “ผมยืนยันอีกเสียงครับว่าสไมล์คือลูกของศศิและบวรพจน์ เอกสารเกี่ยวกับสไมล์อยู่ที่ผม” นทีพูดขึ้น



          “นี่มันเรื่องอะไรกันครับลุงนที” สไมล์ถามขึ้นอย่างไม่เข้าใจ



          “ฉันช่วยตามหาญาติของกะ...เธอให้ ฉันคิดว่าถึงเวลาแล้วที่เธอต้องไปอยู่กับญาติของเธอ” คุณผู้หญิงของบ้านเป็นคนตอบ



          “ย่าขอโทษ ขอโทษที่ไม่เคยรู้เรื่องสไมล์เลย” หญิงชราว่า เรื่องราวของเรื่องนี้มันเกิดขึ้นเมื่อ25ปีก่อนที่ลูกชายคนเล็กของเธอทะเลาะกับสามีของเธอแล้วหนีออกจากบ้าน จากนั้นเธอก็ไม่ได้รู้เรื่องของบวรพจน์อีกเลย รู้เพียงแค่ว่าบวรพจน์มาอยู่ที่ไทยส่วนครอบครัวของเธอใช้ชีวิตกันอยู่ที่นิวซีแลนด์



          “คุณคือย่าของผมจริงๆเหรอครับ?” สไมล์ถาม



          “ใช่...ฉันคือแม่ของบวรพจน์ ส่วนนี่บวรพงษ์ ลุงของหนู” หญิงชราว่า สไมล์รู้สึกอบอุ่นขึ้นมาในใจแปลกๆแม้จะไม่รู้สึกคุ้นเคยกับคนแปลกหน้าสองคนก็ตามแต่อะไรบางอย่างมันกลับบอกเขาว่าเรื่องที่เกิดขึ้นไม่ใช่เรื่องโกหก



          “จริงๆนะครับ ฮึก สไมล์ยังเหลือย่า ฮึก กับลุงจริงๆนะครับ” สไมล์ถึงกลับน้ำตาซึมเมื่อรู้ว่าตัวเองไม่ได้โดดเดี่ยวคนเดียวบนโลกอีกต่อไป หญิงชราพยักหน้ารับก่อนจะลุกเข้าไปโผกอดสไมล์ทันที...สไมล์อดตกใจไม่ได้ที่อยู่ๆย่ากับลุงจะพาเขาไปด้วยวันนี้ซึ่งมันกะทันหันมากโดยที่เขาไม่ทันตั้งตัว ย่าบอกว่าจะพาเขาไปอยู่ที่นิวซีแลนด์ พาไปรักษาขาและอาจจะให้ใช้ชีวิตอยู่ที่นั่น ช่วยลุงดูแลฟาร์มแกะ ซึ่งเขาก็อดตกใจอีกไม่ได้ว่าย่าของเขาเป็นระดับมหาเศรษฐีผู้มีพื้นที่ไร่ในประเทศสงบๆอย่างนิวซีแลนด์หลายร้อยกว่าไร่



          “สไมล์จะไปวันนี้จริงๆเหรอ” หนึ่งถามเสียงเศร้าหลังจากที่รับรู้เรื่องทุกอย่างเกี่ยวกับอีกคน



          “คุณย่าบอกแบบนั้นน่ะครับ เห็นว่าจะรีบกลับนิวซีแลนด์ด้วย” สไมล์ว่า



          “แต่พี่...”



          “สไมล์ขอบคุณพี่หนึ่งทุกๆอย่างนะครับ พี่หนึ่งดีกับสไมล์ทุกอย่าง สไมล์รักพี่หนึ่ง รักแบบพี่ชายที่แสนดีที่สุด” สไมล์ว่าขณะที่กำลังจะขึ้นรถไปกับย่าและลุง



          “แต่พี่...”



          “สไมล์เชื่อว่าสักวันพี่หนึ่งจะเจอคนที่คิดเช่นเดียวกัน คนดีๆอย่างพี่หนึ่งต้องได้เจอคนดีๆแน่นอนครับ” สไมล์จับมือหนึ่งมาบีบเบาๆพร้อมรอยยิ้ม หนึ่งอยากจะยิ้มตามแต่อารมณ์ตอนนี้เขายิ้มไม่ไหวจริงๆ



          “คุณลุงนทีครับสไมล์ขอบคุณคุณลุงมาเลยนะครับที่เอาสไมล์มาอยู่ด้วย ถ้าไม่มีคุณลุง สไมล์ก็ไม่รู้ว่าชีวิตของสไมล์จะเป็นยังไงต่อไป” สไมล์ว่าด้วยความซาบซึ้งใจ



          “ลุงเอ็นดูสไมล์เหมือนเป็นลูกอีกคนของลุง สไมล์เป็นเด็กดี เป็นเด็กน่ารัก” นทีว่าพร้อมลูบหัวอีกคนอย่างเอ็นดูจนผู้เป็นภรรยาอดหมั่นไส้ไม่ได้



          “พี่สองครับ...สไมล์ขอบคุณพี่สองมากนะครับที่ไม่รังเกียจสไมล์ ตลอดเวลาที่อยู่ที่นี่แม้ว่าเราจะไม่ได้คุยกันเท่าไหร่แต่สไมล์ก็รู้สึกดีกับพี่สองเหมือนเป็นพี่ชายอีกคนนะครับ” สไมล์ว่าด้วยรอยยิ้ม สองพยักหน้ารับนิดๆแต่ในใจก็ใจหายอย่างมากที่อีกคนกำลังจะไป



          “ส่วนคุณผู้หญิง...ขอบคุณที่ยอมให้สไมล์มาอยู่ด้วยนะครับ” สไมล์ว่าแต่ก็หลบตาอีกคนที่มองมา คุณผู้หญิงของบ้านพยักหน้ารับนิดๆ สไมล์มองทุกคนอีกครั้งก่อนจะมองบ้านที่เขาเคยอยู่ในระยะเวลาหลายเดือนอย่างใจหาย ในหัวกลับนึกถึงใครอีกคนที่ไม่ได้อยู่ตรงนี้ ใครอีกคนที่คอยทำร้ายเขาตลอดแต่ทำไมกันนะ คนๆนั้นถึงได้มาทำให้เขารู้สึกใจสั่นหวั่นไหวแบบนี้



          “ลาก่อนนะครับ” สไมล์พูดลาอีกครั้งก่อนจะขึ้นรถออกไป...สามกลับมาบ้านในตอนเย็นทั้งๆที่วางแผนว่าจะกลับมาพรุ่งนี้ ตอนแรกคิดว่าไปบ้านแกรมม่าจะเลิกฟุ้งซ่านแต่กลับไม่ใช่เลย เขากลับฟุ้งซ่านยิ่งกวาเดิมเสียอีก



          “อ้าว ไหนบอกม๊าว่าจะกลับพรุ่งนี้ไงคะ?” ผู้เป็นแม่ทักขึ้นเมื่อลูกชายคนโปรดกลับมา



          “ม๊าดูอารมณ์ดีนะครับ” สามถามขึ้น ผู้เป็นแม่ยกยิ้ม



          “แน่นอนในเมื่อไอ้กาฝากมันออกไปจากบ้านของเราแล้ว” ผู้เป็นแม่ว่า สามขมวดคิ้วทันทีที่ได้ยิน



          “ทำไมครับ?”



          “เพราะแม่ตามหาญาติของมันมารับตัวมันไปแล้วไง ป่านนี้คงเตรียมตัวบินไปนิวซีแลนด์แล้วมั่ง ไม่คิดว่าอย่างมันจะเป็นหลานคนรวยแบบนั้นแต่ก็ช่างเถอะมันไปแล้ว ม๊าก็มีความสุข” ผู้เป็นแม่พูดไปยิ้มไปแต่สามกลับไม่ยิ้มด้วย ร่างสูงขมวดคิ้วเป็นปมรู้สึกใจหายแปลกๆกับสิ่งที่ได้ยิน...สไมล์ไปจากที่นี่แล้วงั้นเหรอ?

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

ตอนนี้ยาวกว่าปกติมากกกกกก 55555 เล่นเอาหลังเคล็ดไปเลย งื้อออออออ ต่อไปจะแต่งคู่รองก่อนนะคะ พักคู่หลักให้น้องสไมล์ไปเลี้ยงแกะก่อนนะคะ 5555

___จางบิวตี้___
หัวข้อ: Re: Poor Boy…รักไม่ได้ [Yaoi Boy’s Love] อัพตอน11 (27/07/59)
เริ่มหัวข้อโดย: Wut_Sv ที่ 27-07-2016 20:06:44
เย้!!!! สไมล์ยังมีย่ากับลุง แถมมารับไปรักษาตัวด้วยแล้ว หลุดพ้นจากอีคุณหญิงซะที  :hao5: :hao5: :hao5:

มีความสะใจกะสามมาก เหมือนพึ่งจะเริ่มรู้ใจตัวเอง แต่สไมล์ก็ไปซะแล้ว 555 :laugh: :laugh: :laugh:

หลังจากคู่รอง สไมล์คงเดินได้แล้วซินะ  :hao7: :hao7: :hao7:
หัวข้อ: Re: Poor Boy…รักไม่ได้ [Yaoi Boy’s Love] อัพตอน11 (27/07/59)
เริ่มหัวข้อโดย: everlastingly ที่ 27-07-2016 22:17:22
 :pig4: ถือว่าสไมล์ยังทำบุญมาดีที่หลุดพ้นจากอิสามและคุณหญิงสักที แต่อิสามชั่วจริงๆ นะที่จะข่มขืนคนที่ไม่สามารถช่วยเหลือตัวเองได้อย่างสาม คนอ่านสงสารพี่หนึ่งจริงๆ
หัวข้อ: Re: Poor Boy…รักไม่ได้ [Yaoi Boy’s Love] อัพตอน11 (27/07/59)
เริ่มหัวข้อโดย: Pe_no ที่ 28-07-2016 09:15:21
 ติดตาต่อไปค่ะ:mew2:
หัวข้อ: Re: Poor Boy…รักไม่ได้ [Yaoi Boy’s Love] อัพตอน11 (27/07/59)
เริ่มหัวข้อโดย: cheyp ที่ 28-07-2016 09:47:45
เยี่ยมมาก
ได้กลับไปอยู่กับครอบครัวอีกครั้งนะสไมล์
หัวข้อ: Re: Poor Boy…รักไม่ได้ [Yaoi Boy’s Love] อัพตอน11 (27/07/59)
เริ่มหัวข้อโดย: Jang_B2UTY ที่ 30-07-2016 19:35:24
Poor Boy 4

( Grammar x Song )

 

        สองไม่เข้าใจว่าทำไมภาพของใครบางคนต้องมาปรากฏในหัวของเขาตลอดเวลา ทั้งๆที่ออกจะไม่ชอบขี้หน้าอีกคนแท้ๆแต่ทำไม...



          “ออกไปจากหัวฉันนะไอ้เด็กบ้า” สองว่าก่อนจะส่ายหัวไปมา



          “พี่ทำไร” เสียงทุ้มของน้องชายดังขึ้นทำให้สองที่กำลังนั่งดูทีวีอยู่หันไปมอง



          “เปล่า” สองว่า



          “นี่จะไปไหนน่ะ” สองถามขึ้นเมื่อเห็นว่าน้องชายตัวดีทำท่าจะออกจากบ้านไป



          “ไปกับเด็ก” สามตอบ สองขมวดคิ้วแต่ก็ไม่ได้ทักท้วงอะไรก่อนที่น้องชายตัวดีของเขาจะออกจากบ้านไป ตอนนี้ในบ้านถ้าไม่นับแม่บ้านก็เหลือเพียงสองคนเดียวคุณพ่อกับพี่หนึ่งไปทำงาน คุณแม่ไปสมาคม น้องชายตัวดีก็พึ่งออกเมื่อกี้ส่วนสไมล์...เด็กนั่นออกจากบ้านของเขาไปแล้วล่ะตั้งแต่เมื่อสองอาทิตย์ก่อน  ถามว่าบ้านเงียบมั้ยก็ถือว่าปกติแต่สำหรับสองก็รู้สึกใจหายไม่น้อยเพราะอีกคนก็อยู่ด้วยกันมาหลายเดือนแม้ว่าสองจะไม่เคยทำดีหรือพูดดีอะไรกับสไมล์เท่าไหร่แต่เขาก็รู้สึกสงสารและเห็นใจสไมล์ไม่น้อยเพราะอีกคนก็เป็นเด็กดี ส่วนพี่ชายของเขา...รายนั้นซึมไปทีเดียว โหมงานหนักเพื่อไม่ให้ตัวเองคิดถึงสไมล์ส่วนน้องชายตัวดีของเขา...ก็อย่างที่เห็น เปลี่ยนคู่ควงบ่อยยิ่งกว่าเปลี่ยนกางเกงในเสียอีก



เอี๊ยดดดดด

เสียงล้อรถครูดไปกับพื้นคอนกรีตทำให้สองที่กำลังดูทีวีอยู่หันไปสนใจ



          “ใครมาน่ะ” สองถามสาวใช้ขึ้น



          “เอ่อ...พะ...”



          “ผมเองงงง” เสียงทุ้มดังขึ้นทำให้สองหันขวับไปมองทันทีก่อนจะพบกับคนที่ชอบมาวนเวียนในหัวของเขาตลอดเวลาทั้งๆที่ไม่ได้เจอหน้ากันเกือบสัปดาห์



          “นาย!” สองชี้หน้าอีกคน



          “คิดถึงพี่จังเลย” แกรมม่าว่าเสียงทะเล้นทำท่าจะโผเข้ากอดร่างบางแต่สองก็ผลักออกอย่างรวดเร็ว



          “อย่ามาทำเนียน” สองว่า แกรมม่าหัวเราะในลำคอเบาๆก่อนจะยื่นถุงบางอย่างให้กับร่างบาง สองขมวดคิ้ว



          “อะไร”



          “ผมพึ่งลงใต้ไปกับคุณตาคุณยายน่ะเลยซื้อของมาฝาก” แกรมม่าว่า สองรับมาก่อนจะเปิดถุงดู



          “ไอ้บ้า!” สองว่าเสียงดังก่อนจะปาใส่อีกคนอย่างแรง แกรมม่าหัวเราะลั่นท่ำด้แกล้งอีกคนก่อนจะหยิบชุดว่ายน้ำที่เป็นบิกินี่ลายเสือดาวขึ้นมา



          “อะไรอ่ะ พี่ไม่ชอบเหรอ?” แกรมม่าถาม



          “เก็บไว้ใส่เองเถอะ!” สองว่าก่อนจะเดินหนีแกรมม่าหัวเราะพร้อมกับเดินตาม



          “ออกไปจากบ้านฉันเลย สามไม่อยู่” สองว่า



          “ผมไม่ได้มาหามัน ผมมาหาพี่” แกรมม่าตอบด้วยเสียงทะเล้นตามเดิม



          “มาทำไม ไม่ต้อนรับ กลับไปเลย” สองออกปากไล่พร้อมเดินหนีแต่แกรมม่าไม่ยอม ร่างสูงเดินมาดักหน้าร่างบางไว้



          “คิดถึง” แกรมม่าว่าด้วยน้ำเสียงจริงจังพร้อมกับตาคมสบเข้ากับตาเรียวทำให้สองรู้สึกหวั่นไหวขึ้นมาแปลกๆ



          “พี่ไม่คิดถึงผมบ้างหรือไง?” แกรมม่าถามเมื่อเห็นว่าอีกคนเงียบไป สองกัดปากหลับสายตาของอีกคนที่มองมาอย่างสื่อความหมาย ให้ตายสิ...โคตรเกลียดตัวเองตอนนี้เลย ทั้งหัวใจเต้นแรง ใบหน้าร้อนผ่าว ความรู้สึกแบบนี้ไม่ใช่ไม่รู้ว่าคืออะไรเพียงแต่สองไม่อยากจะยอมรับมันก็เท่านั้น



          “ตอบมาสิครับ” แกรมม่าถามย้ำ



          “มะ...ไม่” สองตอบอย่างไม่เต็มเสียงนัก



          “จริงเหรอ? ทำไมไม่สบตาผมล่ะ?” แกรมม่าว่าพร้อมกับขยับตัวเข้ามาใกล้อีกคน สองพยายามขยับถอยหลังหนีแต่แกรมม่ามาไม่ยอม มือหนาคว้าเอวอีกคนเอาไว้ทำให้ระยะห่างระหว่างใบหน้าของทั้งคู่ห่างกันไม่ถึงสองคืบ



          “จะทำอะไรน่ะ” สองถามเสียงสั่นๆ



          “ก็กำลังเค้นคำตอบจากคนปากแข็งไงครับ ไหนตอบอีกทีสิว่าคิดถึงผมมั้ย”แกรมม่าว่า สองเงยหน้าขึ้นมาสบตาคมด้วยนัยน์ตาสั่นระริกด้วยความหวั่นไหว



          “มะ...อื้ออออ” เสียงหวานถูกดูดกลืนเข้าไปในลำคอทันทีที่กำลังจะตอบปฏิเสธออกมา  สองเบิกตากว้างอย่างตกใจในการกระทำที่อุกอาจของอีกคนจนเผลอเผยปากให้ลิ้นหนาสอดแทรกเข้ามา ลิ้นหนาเกี่ยวพันกับลิ้นบางอย่างร้อนแรงปนอ่อนโยนแทนความรู้สึกโหยหาที่ไม่ได้เจอกันเป็นสัปดาห์ สองร้องอื้ออึ้งในลำคอเพราะรสจูบของอีกคน มือบางยึดไหล่หนาเป็นที่พึ่งเนื่องจากแข้งขาอ่อนเปลี้ยจนแทบล้มไปกองกับพื้น



          “อ๊ะ...ขอโทษค่ะ” เสียงของสาวใช้ดังขึ้นทำให้ทั้งคู่ผละออกจากกันทันที สองหน้าแดงก่ำด้วยความอายแต่แกรมม่ากลับยิ้มระรื่นหน้าบาน



          “แค่ทักทายกันประสาฝรั่งน่ะครับ” แกรมม่าหันไปพูดกับสาวใช้ สาวใช้พยักหน้ารับก่อนจะหัวเราะคิกคักจนสองหน้าแดงยิ่งกว่าเดิมแล้วเดินออกไป



          “ไอ้เด็กบ้า!” สองด่าอีกคนเสียงดัง ใบหน้าใสยังคงแดงก่ำจนแกรมม่ารู้สึกเอ็นดูอีกคนไม่น้อย สองแตกต่างจากหลายๆคนที่แกรมม่าเคยเจอเมา ปกติเขาจะเจอแต่พวกร้อนแรง ประสบการณ์เจนจัดต่างจากอีกคนที่แม้จะทำปากดี เชิด หยิ่งแต่ความจริงกลับอ่อนประสบการณ์ ไร้เดียงสากับเรื่องแบบนี้มาก เพียงแค่ดูจากรสจูบแกรมม่าก็รับรู้ได้แล้วล่ะ



          “เขินเหรอ หน้าแดงเชียว” แกรมม่าแซว



          “ไม่มีทาง!” สองปากดี



          “ไม่เขิน งั้นจูบใหม่นะ” สองเอามือขึ้นมาปิดปากตัวเองทันทีกันอีกคนเข้ามารุกราน แกรมม่าหัวเราะลั่นที่ได้แกล้งอีกคน สองมองอีกคนตาเขียวด้วยความไม่พอใจ



          “คิดว่าฉันเป็นเพื่อนเล่นหรือไงฮะ!”



          “แล้วอยากเล่นๆกับผมมั้ยล่ะ?” แกรมม่าว่าเสียงเจ้าเล่ห์ ถ้าเป็นแต่ก่อนสองคงหน้าร้อนวูบวาบกับสบตาเจ้าเล่ห์ของอีกคนไปแล้วแต่ตอนนี้กลับรู้สึกว่าอีกคนแค่มาเล่นๆไม่ได้คิดจะจริงจังอะไรทั้งนั้น



          “เฮอะ ถ้าอยากเล่นก็ไปเล่นกับคนอื่น ฉันไม่ใช่ของเล่นของนาย” สองว่าเสียงจริงจังพร้อมมองอีกคนอย่างไม่พอใจ แกรมม่าขมวดคิ้วทันทีกับท่าทางที่เปลี่ยนไปของอีกคน เมื่อกี้ก็ยังดีๆอยู่ทำไมตอนนี้?



          “ผมไม่ได้หมายความแบบนั้น” แกรมม่าค้าน



          “แล้วหมายความว่ายังไงล่ะ นอกจากคิดว่าฉันเป็นของเล่นของนาย” สองว่าออกมา



          “มันจะไปกันใหญ่แล้วพี่” แกรมม่าเถียงแต่สองไม่สนใจร่างบางหันหลังหนีทำท่าจะเดินขึ้นชั้นบนแต่แกรมม่าไม่ยอม ร่างสูงวิ่งมาดักหน้าร่างบางเอาไว้



          “อย่าหนีดิ คุยกันก่อน” แกรมม่าว่า



          “บอกว่าไม่มีอะไรจะคุยแล้ว ออกไปจากบ้านฉันได้ละ” สองว่าตัดบทแต่แกรมม่าไม่ยอม มือหนาคว้าแขนเรียวเอาไว้ทำให้สองหันมามองอย่างไม่พอใจ



          “จะวุ่นวายอะไรกับฉันอีกฮะ ล้อเล่นกับฉันสนุกนักหรือไง!” สองว่าเสียงดังอย่างใส่อารมณ์



          “ผมบอกตอนไหนว่าผมล้อเล่นกับพี่” แกรมม่าว่า



          “ก็สิ่งที่นายทำที่นายพูดไง เฮอะ จะบอกไว้ให้นะว่าฉันไม่หลงกลคำพูดและการกระทำของนายง่ายๆหรอก ฉันไม่ใช่ไก่อ่อนให้นายมาปั่นหัวเล่น” สองว่าพร้อมกับสะบัดมือหนาออกอย่างแรงก่อนจะเดินหนี



          “ผมบอกว่าผมไม่ได้ล้อเล่นไง!...” แกรมม่าตะโกนเสียงดังแต่สองก็ไม่หยุดเดิน



          “...สิ่งที่ผมทำ ผมพูด ผมจริงจัง!...” แกรมม่าว่าต่อ สองกัดปากกับคำพูดของอีกคนแต่ก็ยังไม่หยุดเดิน



          “ผมชอบพี่ คบกันนะ!”

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

กด1 คบ กด2 ไม่คบ 555555 คู่นี้เน้นเบาๆเนอะ เต๊าะกันไปด่ากันมา หวั่นไหวบ้างพอหอมปากหอมคอ 5555 ยังไงก็ฝากติดตามด้วยนะคะ

___จางบิวตี้___
หัวข้อ: Re: Poor Boy…รักไม่ได้ [Yaoi Boy’s Love] อัพคู่รองตอน4 (30/07/59)
เริ่มหัวข้อโดย: Wut_Sv ที่ 30-07-2016 20:05:15
ถ้าชอบเค้าก็ทำ ก็พูด ให้มันจริงใจกว่านี้หน่อยได้มั้ยเนี่ย ทำเป็นหมาหยอกไก่ เป็นใครก็โมโหอ่ะ เกลียดไอ้คู่หู สามแกรมม่าจริงๆเลย หึยๆๆ :katai1: :katai1: :katai1:
หัวข้อ: Re: Poor Boy…รักไม่ได้ [Yaoi Boy’s Love] อัพคู่รองตอน4 (30/07/59)
เริ่มหัวข้อโดย: crazydoii ที่ 31-07-2016 13:34:53
จะเป็นยังไงต่อนะ อยากรู้,,,
หัวข้อ: Re: Poor Boy…รักไม่ได้ [Yaoi Boy’s Love] อัพคู่รองตอน4 (30/07/59)
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 31-07-2016 16:30:02
รอ ทั้งคู่ เข้าใจกัน :mew1: :mew1: :mew1:
หัวข้อ: Re: Poor Boy…รักไม่ได้ [Yaoi Boy’s Love] อัพคู่รองตอน4 (30/07/59)
เริ่มหัวข้อโดย: Jang_B2UTY ที่ 03-08-2016 18:47:24
Poor Boy 5

( Grammar x Song )

 

        แม้ว่าวันนั้นสองจะไม่ได้ตอบรับว่าจะคบกับอีกคนแต่แกรมม่าก็ยังคอยมาหาอีกคนตลอดเพื่อทำคะแนนให้สองใจอ่อน สองเองแม้ว่าจะพยายามปิดใจตัวเองแต่บางครั้งก็ดันเผลอไปหวั่นไหวกับอีกคนเสียได้จนตอนนี้ยอมรับเลยว่า80เปอร์เซ็นของหัวใจโอนอ่อนไปกับอีกคนเสียแล้ว



          “ไปกินข้าวกันนะ” แกรมม่าว่าหลังจากที่เดินออกจากโรงหนัง วันนี้แกรมม่ามารับสองมาดูหนังที่ห้างสรรพสินค้าใจกลางเมือง ตอนแรกสองก็ทำเล่นตัวไม่อยากมาแต่เจอลูกอ้อนของอีกคนไปนิดหนึ่งก็ยอมมาจนได้



          “อยากกินปังเย็น” สองว่า



          “กินข้าวก่อนดิ ปังเย็นค่อยกินทีหลัง” แกรมม่าค้าน เพราะว่าช่วงนี้ออกไปไหนมาไหนด้วยกันบ่อยทำให้แกรมม่าเริ่มรู้จักอีกคนมาขึ้นถึงได้รู้ว่าสองเป็นคนที่โปรดปรานของหวานมากๆโดยเฉพาะปังเย็น



          “กินข้าวก่อนมันก็อิ่มดิแล้วจะกินปังเย็นได้ไง” สองเถียงทำหน้างอ แกรมม่ายิ้มๆบีบปากเชิดๆของอีกคนอย่างหมั่นเขี้ยวจนสองตีแผงอกอีกคนให้ปล่อย



          “อย่าดื้อน่า โตแล้วนะครับพี่”



          “ชิ ไม่ได้ดื้อซะหน่อย” สองเถียง



          “ถ้าไม่ได้ดื้อก็ต้องกินข้าวก่อนแล้วค่อยกินของหวาน” สองกัดปากอย่างเถียงไม่ได้ แกรมม่ายกยิ้มก่อนจะจับมือบางเดินไปที่ร้านอาหารทันที เป็นแบบนี้ทุกครั้งที่มาด้วยกัน แรกๆสองก็ไม่ยอมหรอกแต่หลังๆกลับรู้สึกว่า...มือของอีกคนมันอบอุ่นดี



          “ทำไมกินนิดเดียว” แกรมม่าว่าเมื่อสองกินข้าวไม่กี่คำก็วางช้อนส้อม



          “อิ่มไง” สองว่า แกรมม่าขมวดคิ้ว



          “อิ่มหรือจะเก็บท้องไปกินปังเย็น” แกรมม่าว่าอย่างรู้ทัน สองเงียบเถียงไม่ออกแกรมม่าส่ายหัวไปมา



          “กินอีกนิดสิครับ พี่กินแค่นี้จะไปโตได้ยังไง อย่ามัวแต่ห่วงกินของหวานสิ” แกรมม่าว่าดุๆ สองเบ้ปากใส่



          “บ่นเป็นพ่อ” สองอุบอิบ แกรมม่ายกยิ้มก่อนจะยื่นหน้าเข้าไปใกล้จนสองผงะ



          “ไม่อยากเป็นพ่อแต่อยากเป็นแฟนมากกว่า”...วันนี้เป็นวันเกิดของแกรมม่าซึ่งสองรู้ดี เห็นน้องชายตัวดีของเขาบอกว่าปีนี้แกรมม่าไม่จัดเลี้ยงที่ไหน ปกติตอนอยู่อังกฤษจะปิดผับเลี้ยงตลอด สองไม่อยากเข้าข้างตัวเองแต่ก็ขอเข้าข้างเสียหน่อยเพราะเมื่อคืนแกรมม่าโทรมาบอกว่าคืนนี้จะพาเขาไปดินเนอร์ ซึ่งหมายความว่าวันเกิดปีนี้อีกคนอยากอยู่กับเขาสองคนเท่านั้น พอคิดได้แบบนี้แก้มใสก็ร้อนผ่าว หัวใจเต้นแรงขึ้นมา ไม่ชอบอาการแบบนี้เลย ไม่อยากให้อีกคนรู้เลยว่าตอนนี้เราหวั่นไหวขนาดไหนแล้ว



          “พี่กับไอ้แกรมคบกัน?” สามถามขึ้นขณะที่สองเดินลงมาจากชั้นบนของบ้านเพื่อรอแกรมม่ามารับ



          “บ้า ไม่ได้คบ” สองรีบเถียงแต่ใบหน้าใสกลับขึ้นสี



          “หึๆ พี่จะคบกับมันผมไม่ห้ามหรอกแต่แค่อยากให้แน่ใจจริงๆ แกรมม่ามันเป็นคนดีนะสำหรับเพื่อน แต่สำหรับคนรักผมก็ไม่แน่ใจ” สามว่าเสียงเรียบแต่ก็ไม่ได้หันมามองสองในมือกดโทรศัพท์ยิกๆเหมือนไม่ใส่ใจในสิ่งที่พูดออกมาแต่ในใจก็เป็นห่วงพี่ชายไม่น้อย ไม่ใช่ว่าไม่ไว้ใจเพื่อนแต่ก็กลัวว่าเพื่อนจะทำให้พี่ชายเสียใจ



          “ฉัน...” สองกัดปากทำหน้าลังเลใจ



          “ทำตามใจตัวเองก็แล้วกัน อย่าให้อะไรๆมันช้าไป” สามว่า ประโยคหลังแผ่วลงจนสองรู้สึกสงสารน้องชายขึ้นมา อยู่ๆน้องชายตัวดีของเขาก็เปลี่ยนไปตั้งแต่สไมล์หายไป สามเคยเที่ยวสาวหนักมากช่วงหนึ่งแต่อยู่ๆอีกคนก็เก็บตัวเงียบแบบแปลกๆสองไม่รู้หรอกว่าสามรู้สึกยังไงกับสไมล์แต่การจากไปของสไมล์คงทำให้สามรู้สึกไม่ดีไม่น้อย



          “ช่วงนี้ไม่เจอมึงเลยว่ะ” แกรมม่าทักขึ้นเมื่อเจอสาม



          “หึๆ ไม่เจอกูแต่เจอพี่กูทุกวัน” สามว่าอย่างแซวๆ



          “วันนี้ยืมตัวพี่มึงหน่อยนะ จะดูแลอย่างดี” แกรมม่าว่า ก่อนจะเดินเข้าไปหาสองแล้วจับมือบางเดินออกจากบ้านไปแต่ไม่วายได้ยินเสียงของสามตะโกนตามหลังมา



          “จะทำอะไรก็เบาๆนะพี่กูไม่เคย!”



          “ไอ้น้องบ้า!!” สองหันไปตะโกนด่าน้องชายทันที ใบหน้าหวานแดงก่ำไปหมด...แกรมม่าจองโต๊ะอาหารสำหรับดินเนอร์ที่ดาดฟ้าโรงแรมใจกลางเมือง สองรู้สึกตื่นเต้นไม่น้อยเมื่อมาถึง ดาดฟ้าของตึก20ชั้นทำให้เห็นบรรยากาศรอบๆของเมืองหลวงยามค่ำคืนสวยมากจนสองไม่อยากจะละสายตา ปากบางเผยยิ้มกว้างจนแกรมม่าต้องยิ้มตาม



          “ชอบมั้ย?” แกรมม่าถามขึ้น สองพยักหน้ารับ



          “คืนนี้ผมอยากฉลองวันเกิดกับพี่สองคน” แกรมม่าว่าก่อนจะจับมือบางเดินไปที่โต๊ะนั่งที่จองไว้ ซึ่งทั้งดาดฟ้ามีเพียงโต๊ะเดียวเท่านั้นเพราะแกรมม่าสั่งปิดร้านเพื่อดินเนอร์กับอีกคนเท่านั้น



          “น่ากิน” สองว่าเมื่ออาหารมาเสิร์ฟ



          “งั้นก็กินเยอะๆนะครับ” แกรมม่าว่า ระหว่างกินนอกจากบรรยากาศดีๆของเมืองหลวงยามค่ำคืนแล้วยังมีเสียงเพลงเพราะๆจากไวโอลินที่บรรเลงเคล้าคลออย่างไพเราะทำให้ดินเนอร์มื้อนี้เต็มไปด้วยความหมอหวานระหว่างคนทั้งคู่



          “ผมชอบที่นี่ ชอบประเทศไทย” แกรมม่าพูดขึ้นหลังจากที่กินข้าวกันเสร็จ แกรมม่าพาสองมายืนอยู่ที่ขอบระเบียงดาดาฟ้าเพื่อเชยชมวิวยามค่ำคืน



          “แล้วทำไมถึงไปอยู่ที่อังกฤษ” สองถาม



          “ผมเกเรมั้ง หึๆ พ่อกับแม่ถึงไม่ไว้ใจ เลยเอาไปอยู่ด้วยเพราะคิดว่าตากับยายคงปรามผมไม่ได้แน่ๆ” แกรมม่าเล่าเรื่องของตัวเองอย่างขำๆ



          “แล้วไปอยู่นั่นพ่อแม่ปรามได้มั้ยล่ะ” แกรมม่าส่ายหน้ายิ้มๆ



          “นอกจากปรามไม่ได้แล้วผมยังเกเรหนักกว่าเดิมอีก” สองยิ้มนิดๆกับคำบอกเล่าของอีกคน รู้สึกสบายใจขึ้นมาที่อยู่ๆก็ได้พูดคุยอะไรแบบนี้กับอีกคน ระยะเกือบสามเดือนที่รู้จักกันมาอย่างจริงๆจังๆน้อยครั้งที่จะได้พูดคุยอะไรกันแบบนี้ ไม่ทะเลาะกันก็เถียงกันไปมาเพราะอีกคนกวนประสาท



          “ตอนอยู่นั่นนายคงตัวพ่อเลยสินะ” สองว่าแขวะๆ แกรมม่าหัวเราะ



          “แน่นอนสิ ผมหล่อนะ...” สองเบ้ปากใส่



          “...แต่ตอนนี้ผมเปลี่ยนไปแล้วนะ” แกรมม่าว่าต่อก่อนจะมองหน้าอีกคนอย่างจริงจัง สองหัวใจกระตุกกับสายตาที่อีกคนมองมา



          “ไม่รู้พี่จะเชื่อผมหรือไม่แต่ผมยังยืนยันว่าผมชอบพี่ ผมอยากคบกับพี่” สองหน้าร้อนฉ่ากับคำสารภาพของอีกคนที่ได้ยินเป็นครั้งที่สอง ตอนนั้นว่าหวั่นไหวแล้วตอนนี้กลับหวั่นไหวยิ่งกว่า หัวใจเต้นแรงจนแทบจะหลุดออกมานอกอก



          “ฉัน...” สองกัดปากทำหน้าลังเลแต่อยู่ๆคำพูดของน้องชายตัวดีก็เข้ามาในหัว



        ‘ทำตามใจตัวเองก็แล้วกัน อย่าให้อะไรๆมันช้าไป’ สองช้อนตามองหน้าอีกคนที่มองมาที่เขาอย่างสื่อความหมาย



          “คบกันนะ” แกรมม่าขอคบอีกครั้ง สองนิ่งไปจนแกรมม่ารู้สึกหวั่นใจก่อนที่...



จุ๊บ



          “อื้ม” สองเขย่งจุ๊บที่ปากหนาเบาๆก่อนจะตอบรับ



          “อื้อออออ” สองร้องประท้วงทันทีที่อีกคนประกบจูบลงมาอย่างร้อนแรงหลังจาที่เขาตอบรับ สองดันอีกคนออกทันทีที่เริ่มหายใจไม่ออก



          “เด็กบ้า หายใจไม่ออก!” สองโวยวาย



          “ก็ผมดีใจนี่ ดีใจที่พี่ตอบรับผม” แกรมม่าว่าพร้อมรอยยิ้ม สองยิ้มตาม



          “ฉันเป็นคนขี้หึง ขี้หวงเพราะฉะนั้นห้ามนอกใจ!” สองว่าอย่างออกคำสั่ง แกรมม่าหัวเราะ



          “ถ้าผมนอกใจล่ะ?” แกรมม่าแกล้งถาม สองทำหน้างอ



          “ถ้านอกใจจะตัดให้เป็ดกิน!” แกรมม่าชะงักก่อนจะหัวเราะลั่นกับคำขู่น่ารักๆของอีกคน



          “ก่อนให้เป็ดกิน ผมขอกินพี่ก่อนนะ จะได้ตายตาหลับ” แกรมม่าว่ากระลิ้มกระเหลี่ย หน้าเจ้าเล่ห์ใส่จนสองหน้าร้อนผ่าว



          “ไอ้เด็กบ้า!”

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

คบกันแล้วจ้า!!!! แต่เรื่องราวยังไม่จบเนอะ มันแค่เริ่มต้นเท่านั้น อิๆ ตอนหน้าใครรอน้องสไมล์ นางกลับมาแล้วน้า ยังไงก็ฝากติดตามด้วยนะคะ จุ๊บๆ

___จางบิวตี้___
หัวข้อ: Re: Poor Boy…รักไม่ได้ [Yaoi Boy’s Love] อัพคู่รองตอน5 (03/08/59)
เริ่มหัวข้อโดย: Wut_Sv ที่ 03-08-2016 19:04:02
เชื่อได้มั้ยเนี่ยแกรมม่า  :เฮ้อ: :เฮ้อ: :เฮ้อ:

ตอนหน้าสไมล์มาแล้ววววว  :mc4: :mc4: :mc4:
หัวข้อ: Re: Poor Boy…รักไม่ได้ [Yaoi Boy’s Love] อัพคู่รองตอน5 (03/08/59)
เริ่มหัวข้อโดย: Pe_no ที่ 03-08-2016 21:08:16
ติดตามค้าาาาาา :mew2:
หัวข้อ: Re: Poor Boy…รักไม่ได้ [Yaoi Boy’s Love] อัพคู่รองตอน5 (03/08/59)
เริ่มหัวข้อโดย: crazydoii ที่ 04-08-2016 00:04:23
สไมล์มาได้แล้ววววว,,,,
หัวข้อ: Re: Poor Boy…รักไม่ได้ [Yaoi Boy’s Love] อัพคู่รองตอน5 (03/08/59)
เริ่มหัวข้อโดย: Jang_B2UTY ที่ 06-08-2016 16:25:05
Poor Boy 12

 

        ผ่านมาหนึ่งเดือนแล้วที่สไมล์มาใช้ชีวิตอยู่ที่นิวซีแลนด์ สไมล์ชอบที่นี่เพราะที่นี่สงบ อากาศดี ยิ่งบ้านของย่าของสไมล์อยู่ชานเมืองที่มีแต่ป่าแต่เขาไม่ได้อยู่ในเมืองทำให้อากาศยิ่งดีเข้าไปใหญ่



          “พร้อมหรือเปล่าลูก” ผู้เป็นย่าถามขึ้นขณะที่สไมล์กำลังนั่งอ่านหนังสืออยู่ที่หน้าบ้าน ตอนนี้ที่นิวซีแลนด์อากาศเริ่มเย็นแล้ว นิวซีแลนด์อยู่ทางซีกโลกใต้เพราะฉะนั้นฤดูหนาวของนิวซีแลนด์จะเริ่มตั้งแต่กลางปี



          “พร้อมครับ” สไมล์ว่าด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยความมั่นใจ แม้ว่าจะแค่เดือนเดียวที่รู้จักกันแต่เพราะความผูกพันทางสายเลือดทำให้สไมล์เข้ากับย่า ลุงและทุกคนที่นี่ได้เป็นอย่างดี พรุ่งนี้สไมล์จะได้รับการผ่าตัดขา ซึ่งลุงของสไมล์ที่มีเพื่อนเป็นหมอได้ใช้เส้นสายรัดคิวให้ รู้สึกผิดนิดๆแต่สไมล์ก็อยากจะเดินได้อีกครั้งเร็วๆ แม้ว่าการผ่าตัดครั้งนี้จะไม่ได้คอนเฟิร์ม100เปอร์เซ็นว่าสไมล์จะกลับมาเดินได้อีกครั้งแต่สไมล์ก็พร้อมจะเสี่ยง ต่อให้ผลออกมาบวกหรือลบสไมล์ก็ไม่มีอะไรจะเสียแล้ว



          “ลุงพงษ์บอกว่าหมอปิแอร์เก่งมาก ย่าเชื่อว่าสไมล์จะเดินได้อีกครั้ง” ผู้เป็นย่าลูบหัวหลานชายอย่างเอ็นดู สไมล์พยักหน้ารับยิ้ม...การผ่าตัดดำเนินไปกว่า3ชั่วโมงสไมล์ไม่รู้ว่าตัวเองสลบไปนานแค่ไหนแต่พอเขาได้สติย่ากับลุงก็รีบปรี่เข้ามาหาเขาทันที



          “ฟื้นแล้วเหรอลูก เป็นยังไงบ้าง เจ็บตรงไหนหรือเปล่า” ผู้เป็นย่าถามขึ้น



          “รู้สึกมึนๆนิดหน่อยน่ะครับ” สไมล์ว่า



          “การผ่าตัดผ่านไปด้วยดีนะ หมอปิแอร์บอกว่าให้เราพักฟื้นสักสองสัปดาห์ให้แผลสมานตัวก่อนจะให้เริ่มกายภาพบำบัด” ผู้เป็นลุงว่าบ้าง



          “สไมล์จะเดินได้อีกครั้งจริงๆใช่มั้ยครับ” สไมล์ถามด้วยนัยน์ตาเป็นประกายอย่างมีความหวัง



          “ลุงเชื่อแบบนั้น”...6เดือนผ่านไป...

 

         “ทำไมต้องกลับไทยล่ะลูก ย่าไม่อยากให้ไปเลย” ผู้เป็นย่าค้านทันทีที่สไมล์ขอว่าจะกลับไปเรียนที่ไทย



          “คุณย่าก็รู้ว่าสไมล์ไม่เก่งภาษาอังกฤษเท่าไหร่ ขืนอยู่ที่นี่คงเรียนทันตแพทย์อย่างที่หวังไม่ได้” สไมล์ว่าพร้อมทำหน้าออดอ้อนที่พอทำเมื่อไหร่ทั้งย่าทั้งลุงต้องใจอ่อนทุกครั้ง



          “งั้นย่าให้ลุงพงษ์ไปหาครูสอนภาษาอังกฤษส่วนตัวมาให้เลยดีมั้ย แบบนี้ไม่ดีกว่าเหรอ” ผู้เป็นย่าค้านต่อ



          “โถ่คุณย่าครับ นะครับๆ สไมล์อยากกลับไทยจริงๆ ความจริงสไมล์มีจุดมุ่งหมายตั้งแต่ต้นแล้วว่าอยากเรียนทันตแพทย์ที่มหาวิทยาลัยTแบบคุณพ่อ”สไมล์ว่า ผู้เป็นย่าถอนหายใจออกมาก่อนจะพยักหน้ารับ สไมล์ยิ้มกว้างก่อนจะโผเข้ากอดหญิงชราเต็มรัก



          “รักคุณย่าที่สุดเลย!”



          “ไม่ต้องทำเป็นพูดดีเลย รู้สิว่าย่าใจอ่อนกับเราแค่ไหน ย่าจะยอมให้กลับไปเรียนที่ไทยก็ได้แต่มีข้อแม้ว่าย่าจะจัดแจงที่พักให้สไมล์เอง ส่วนเรื่องต่างๆจะให้ลุงพงษ์จัดการให้ สไมล์จ้องโทรหาย่าทุกวันรู้มั้ย ว่างเมื่อไหร่ต้องบินมาหาย่า” ผู้เป็นย่าว่า สไมล์พยักหน้ารับก่อนจะจุ๊บแก้มของหญิงชราเป็นเชิงออดอ้อนอีกครั้ง...สไมล์เดินได้แล้วตั้งแต่สองเดือนก่อน สไมล์ถูกย่าส่งให้มาเรียนภาษาอังกฤษสำหรับสื่อสารในตัวเมืองอ๊อคแลนด์ ซึ่งบ้านของย่าสไมล์จะอยู่แฮมมิงตัน สไมล์มีเพื่อนเป็นสาวลูกครึ่งไทย-ฝรั่งเศสทรงโตเปรี้ยวจี๊ดแต่ทว่าจริงใจไม่เสแสร้งซึ่งทำให้สไมล์สนิทกับเอมม่าอย่างรวดเร็วเพราะยิ่งสาวเป็นฝ่ายเข้าหาสไมล์ก่อน



          “ยูจะไปจริงดิ แล้วแบบนี้ไอก็ต้องเหงาอยู่คนเดียวสิ” เอมม่าว่าเมื่อสไมล์บอกว่ากำลังจะกลับไปเรียนต่อที่ไทย



          “ถ้ายูคิดถึงไอก็บินไปหาสิไม่เห็นยาก พาเดวิสไปด้วย” เดวิสที่ว่าคือแฟนของเอมม่า

 

       “สรุปต่อให้ไอรั้งยูก็จะไปให้ได้สินะ” เอมม่าว่าทำหน้างอนๆ สไมล์หัวเราะเบา



          “เอาน่าๆ ต่อให้เราห่างกันความเป็นเพื่อนก็ยังอยู่ไม่ใช่หรือไง” สไมล์ว่า



          “ชิ แน่นอน ไอไม่ปล่อยเพื่อนดีๆอย่างยูไปหรอก ว่าแต่...ที่กลับไทยนี่เพราะอยากเรียนที่ไทยหรือเพราะใครกันแน่” สไมล์ที่กำลังยกแก้วกาแฟขึ้นดูดชะงักทันทีก่อนจะทำหน้าตกใจ



          “นี่ยู...”   



          “ไอเห็นหมดแล้วในเมมโมรี่ในโทรศัพท์ยู” เอมม่าหัวเราะคิกคัก

 

         “ให้ตายสิผู้หญิงคนนี้”



          “ฮ่าๆๆ ถ้าไอไปไทยพาเขามาเจอไอบ้างนะ” เอมม่าว่า สไมล์หน้าเศร้าลงทันที



          “คงไม่มีทางได้เจอกันอีกแล้วล่ะ ประเทศไทยไม่ได้แคบขนาดนั้น อีกอย่างเขาเกลียดไอจะตาย ไอต่างหากที่บ้าไปหวั่นไหวกับคนที่เกลียด ที่ทำร้ายตัวเองแบบนั้น”สไมล์ว่า คงไม่ใช่ความลับอะไรอีกแล้ว ไหนๆเอมม่าก็แอบเห็นเมมโมรี่ที่เขาชอบบันทึกลงในโทรศัพท์เกี่ยวกับอีกคน



          “ไอจะไม่ถามว่าเขาทำอะไรกับยูบ้างแต่ไออยากให้ยูมีความสุขเสียที ยูรู้มั้ยแม้ว่ายูจะยิ้ม จะหัวเราะแต่นัยน์ตาของยูมันก็ยังไม่ได้มีความสุขอย่างถึงที่สุด มันเหมือนกับว่ายูกำลังมีอะไรอยู่ในใจ” เอมม่าว่าตามที่เธอสังเกตเห็น



          “คงงั้นมั้ง พอเถอะๆเลิกพูดถึงคนๆนั้นดีกว่า คนนิสัยไม่ดีพรรค์นั้น ไอสมควรจะลืมมากกว่าจำ” สไมล์ว่าอย่างเปลี่ยนประเด็น อย่างที่พูดเขาควรลืมมากกว่าจำแต่เวลาที่ผ่านมาเขากลับจำได้ไม่ลืม



          “แล้วถ้าสมมุตยูเจอเขาล่ะ?” เอมม่าไม่ยอมเปลี่ยนประเด็น สไมล์ชะงักอีกครั้ง

 

         “ไอก็จะทำให้เขารู้ว่าไอเปลี่ยนไปแล้ว” สไมล์ว่าอย่างจริงจัง เอมม่ายิ้มกว้างตาเป็นประกายด้วยความน่าสนุก



          “แบบนี้สิถึงเรียกว่าเป็นเพื่อนของไอ เขาทำอะไรกับยูบ้าง ยูต้องทำให้แสบกว่าที่เขาทำ โอเค๊?” แต่ทางที่ดีสไมล์เลือกที่ไม่ขอเจออีกคนจะดีที่สุด สไมล์เปลี่ยนไปแล้วก็จริง แม้ว่าจะไม่มีสมล์ที่อ่อนแอคนนั้นอีกแล้วก็ตามแต่เวลาแค่นี้หัวใจมันยังไม่เปลี่ยนไปเท่าไหร่หรอก...6เดือนผ่านไป...สไมล์มองป้ายมหาวิทยาลัยตรงหน้าด้วยความตื่นเต้น รู้สึกดีใจที่ทำความฝันขั้นแรกของตัวเองสำเร็จมาขั้นหนึ่งแล้ว ใช่แล้ว...สไมล์สอบติดมหาวิทยาลัยT คณะทันตแพทย์ตามที่ใจมุ่งหวัง สไมล์กลับไทยมาได้6เดือนแล้ว มาติวเพื่อสอบเข้าคณะทันตแพทย์และเขาก็ทำได้ อาจจะเพราะเขาเตรียมตัวมานานแล้ว แม้ว่าจะกลับมาไทยได้6เดือนแล้วแต่สไมล์ก็ไม่เคยเจอคนในตระกูลนั้นเลยไม่ว่าจะเป็นลุงนที คุณผู้หญิง พี่หนึ่ง พี่สองหรือสามก็ตาม ใจจริงสไมล์อยากจะเข้าไปหาลุงนทีเพราะอย่างน้อยลุงนทีก็มีบุญคุณกับสไมล์ไม่น้อยแต่คิดไปคิดมาเขาไม่อยากต่อความยาวให้มันมากเรื่องไปกว่านี้ เพราะฉะนั้นต่างคนต่างอยู่ดีกว่ามหาวิทยาลัยที่เขาและคอนโดที่คุณย่าให้ลุงพงษ์จัดการให้อยู่คนละฝากเมืองกับบ้าน

ตระกูลนั้น ซึ่งสไมล์มั่นใจว่ากรุงเทพมหานครไม่ได้แคบขนาดที่จะทำให้ต้องเจอกันอีก

แต่สไมล์คงจะลืมนึกถึงว่า...โชคชะตาไป



          “น้องปี1คณะทันตแพทย์เชิญทางนี้เลยค่า” เสียงประกาศออกไมค์ของรุ่นพี่ปี2ดังขึ้นทำให้สไมล์ต้องรีบเร่งฝีเท้าเข้าไปในโถงคณะทันที วันนี้ไม่ใช่วันเปิดเทอมวันแรกแต่เป็นวันปฐมนิเทศของนักศึกษาปีที่1  สไมล์มองเพื่อนร่วมคณะกว่าร้อยชีวิตด้วยรอยยิ้มอย่างเป็นมิตรโดยหารู้ไม่ว่ามีหลายคนต้องตาพร่ามัวกับรอยยิ้มหวานของตัวเอง



          “น่ารักเชี่ย” เสียงหนึ่งว่า



          “ผู้ชายไรวะ หน้าหวานโคตร” และอีกเสียงหนึ่งว่าบ้าง สไมล์รู้ว่าหมายถึงเขาแต่สไมล์ก็ไม่ได้หันไปสนใจอะไร เขาได้ยินอะไรทำนองนี้บ่อยแล้วล่ะตั้งแต่อยู่ที่นิวซีแลนด์ สไมล์มักจะดึงดูดเพศชายให้เข้าหามากกว่าเพศหญิงจนเอมม่าอดอิจฉาไม่ได้ แรกๆสไมล์ก็รู้สึกประหม่าแอบกลัวแปลกๆแต่เพื่อนสาวลูกครึ่งก็ได้สอนสไมล์เรื่องการวางตัว สไมล์ได้เรียนรู้อะไรใหม่ๆจากเอมม่ามามาก ทำให้รู้สึกว่าตัวเองเปลี่ยนไปมากจากคนขี้อาย ไม่ค่อยกล้าได้กล้าเสียกลายมาเป็นคนที่มั่นใจในตัวเองแบบนี้ สงสัยนิสัยของเอมม่าจะแพร่เชื้อมาหาเขาอย่างเต็มๆ…หลังจากที่การปฐมนิเทศผ่านไปพี่ๆปี2ก็ปล่อยให้น้องๆปี1กลับบ้านได้ ซึ่งปี1ส่วนมากจะอยู่หอในของมหาวิทยาลัยแต่สไมล์ไม่ โดยสไมล์พักอยู่ที่คอนโดหรูห่างจากมหาวิทยาลัยไม่ถึง200เมตร



          “เราไปก่อนนะ” สไมล์ว่าพร้อมกับโบกมือให้เพื่อนใหม่สองคนที่พึ่งรู้จักกันคือผิงกับเมาส์ ซึ่งผิงเป็นผู้หญิงขาวๆหมวยๆนิสัยร่าเริงสดใส พูดเก่งเข้ากับคนง่าย ส่วนเมาส์เป็นผู้ชายตัวเล็กๆหน้าหวานไม่ต่างจากสไมล์แต่ติดที่ขี้อายไปหน่อย



          “กลับดีๆนะ” ผิงว่า สไมล์ยิ้มๆก่อนจะเดินไปรอรถเมล์ที่วิ่งรอบมหาวิทยาลัยที่ป้ายโดยที่ไม่ทันสังเกตเห็นว่ามีสายตาคู่หนึ่งกำลังมองมาที่เขา



          “มองไรวะ” ภีมเพื่อนสามถามขึ้นเมื่อเห็นว่าเพื่อนสนิทกำลังเหมือนว่าจับจ้องอะไรบางอย่าง



          “เปล่า สงสัยคนหน้าคล้าย” สามว่าพร้อมหันกลับมาสนใจกิจกรรมปฐมนิเทศน้องในคณะต่อ สามเรียนอยู่ปี2คณะวิศวกรรม มหาวิทยาลัยT ตอนแรกก็คิดจะกลับอังกฤษไปพร้อมกับแกรมม่าแต่คิดไปคิดมาเรียนที่ไทยนี่แหละ ไหนๆก็สอบติดแล้วเมื่อกี้สามเหมือนเห็นใครบางคนท่าทางคล้ายกับคนๆนั้น คนที่หายไปจากครอบครัวของเขาเป็นปีแล้วแต่เขาคิดว่าคงตาฝาด มันไปอยู่ที่นิวซีแลนด์แล้วไม่ใช่หรือไง อีกอย่างมันก็พิการด้วย คงไม่มาเดินลอยหน้าลอยตาแบบนี้หรอก สามไม่เข้าใจตัวเองว่ากำลังเป็นบ้าอะไร ทั้งๆที่ควรดีใจที่ไอ้กาฝากนั่นออกไปจากครอบครัวของเขาแต่กลับไม่มีความดีใจเลยสักนิด สามเที่ยวหนัก ควงสาวไม่ซ้ำหน้าเป็นแบบนี้มาหลายเดือนก่อนที่จะรู้สึกอยากอยู่เงียบๆ เลยเก็บตัวอ่านหนังสือเตรียมสอบเข้ามหาวิทยาลัยอย่างหนักเหมือนกับว่าอยากทำตัวเองให้ยุ่งจนไม่มีเวลาจะคิดเรื่องอื่น คิดถึงใครบางคนที่เคยลั่นวาจาว่าเกลียดมันแค่ไหน...หลังจากวันปฐมนิเทศก็ตามมาด้วยกิจกรรมรับน้องซึ่งสไมล์ยอมรับว่ากิจกรรมสำหรับปี1เยอะและเหนื่อยมากจริงๆกว่าจะผ่านมาได้ก็สายตัวแทบขาด ในที่สุดวันเปิดเทอมจริงๆก็มาถึงเสียที คาสเรียนแรกไม่ว่าจะเป็นวิชาของมหาวิทยาลัยหรือวิชาในคณะส่วนแรกมักจะชี้แจงเกี่ยวกับการเรียน ไม่ได้มีเรียนอะไรมากมาย



          “โรงอาหารกลางคนเยอะชะมัด” ผิงบ่นหลังจากที่ลงจากตึกเรียนรวมมากินข้าวกลางวันที่โรงอาหารกลาง



          “แต่อย่างน้อยเราก็มีที่นั่งไม่ใช่หรือไง” สไมล์ว่า



          “ก็ใช่ แต่คนเยอะๆแบบนี้ร้านข้าวแถวต้องยาว ไม่ชอบ” ผิงว่า

 

         “งั้นผิงก็กินก๋วยเตี๋ยวสิ” เมาส์ว่าหน้าซื่อจนสไมล์ขำ



          “ก๋วยเตี๋ยวก็เยอะนะจ๊ะเมาส์” ผิงส่ายหน้าไปมากับความซื่อๆของเพื่อนหน้าหวานอีกคน อดหมั่นไส้เพื่อนทั้งสองไม่ได้ที่เป็นผู้ชายแท้ๆกลับหน้าหวานอย่างกับผู้หญิง



          “เราว่ารีบไปซื้อข้าวเถอะ คนกำลังทยอยมาเยอะละ” สไมล์ว่าก่อนที่ทั้งสามจะเอากระเป๋าจองโต๊ะแล้วเดินไปเลือกหาอาหารมื้อกลางวันกันทันที สไมล์มองตามร้านค้าต่างๆไม่ว่าจะเป็นข้าว ก๋วยเตี๋ยว สุกี้ บลาๆ ดูท่าทางน่ากินทั้งนั้นเลยตักสินใจไม่ได้สักทีว่าจะกินอะไรดี



พลั้ก



          “โอ๊ย ร้อน!” สไมล์ร้องออกมาทันทีที่เดินชนกับใครบางคนเข้าทำให้น้ำก๋วยเตี๋ยวในชามของอีกคนหกรดมือเขา



          “เฮ้ย!” เสียงทุ้มเองก็ตกใจเพราะเมื่อกี้มัวแต่หันไปเรียกเพื่อนไม่ได้มองทางก่อนที่ตาคมจะสบเข้ากับตากลมทำให้ทั้งคู่ชะงักไปทันที สไมล์หัวใจเต้นแรงจนแทบจะทะลักมานอกอกเมื่อเห็นหน้าคู่กรณีชัดๆ



          “มึง” สามพูดขึ้นก่อน

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

ตัดแบบนี้แหละ ยาวเกินละ 555555  เขาเจอกันแล้วนะคะ บอกเลยน้องสไมล์นางเปลี่ยนไปแล้วนะเออ สามอย่าได้คิดรังแกนางอีก อิๆ แบบสปอยเบาๆ ยังไงก็ฝากติดตามด้วยนะคะ

___จางบิวตี้___
หัวข้อ: Re: Poor Boy…รักไม่ได้ [Yaoi Boy’s Love] อัพตอน12 (06/08/59)
เริ่มหัวข้อโดย: cheyp ที่ 06-08-2016 16:35:20
ขอให้สไมล์เปลี่ยนจริงๆเถอะ แล้วอย่าใจอ่อนง่ายนักล่ะ
หัวข้อ: Re: Poor Boy…รักไม่ได้ [Yaoi Boy’s Love] อัพตอน12 (06/08/59)
เริ่มหัวข้อโดย: Wut_Sv ที่ 06-08-2016 16:58:02
เย้!!! เจอกันแล้ว  หวังว่าคงไม่ใช่แค่สไมล์คนเดียวนะที่เปลี่ยน สามก็ควรเปลี่ยนด้วย  :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: Poor Boy…รักไม่ได้ [Yaoi Boy’s Love] อัพตอน12 (06/08/59)
เริ่มหัวข้อโดย: crazydoii ที่ 07-08-2016 01:34:51
อ้ากๆๆ ค้างอย่างแรง,,,
หัวข้อ: Re: Poor Boy…รักไม่ได้ [Yaoi Boy’s Love] อัพตอน12 (06/08/59)
เริ่มหัวข้อโดย: Jang_B2UTY ที่ 09-08-2016 21:13:32
Poor Boy 13

 

          “มึง” สามพูดขึ้นก่อนพร้อมกับมองอีกคนด้วยความตกใจไม่แพ้กัน ทำไมมันอยู่ที่นี่ ทำไมมันเดินได้แล้วทำไม...ทำไมเขาต้องรู้สึกดีใจที่ได้เห็นหน้ามันอีกครั้ง ในหัวของสามตอนนี้มีแต่คำว่าทำไมและทำไม



          “ขอทางหน่อยครับ” สไมล์ว่าพยายามไม่สนใจอีกคนเพราะตอนนี้รู้สึกแสบมือขึ้นมานิดๆ น้ำก๋วยเตี๋ยวร้อนแบบนั้นไม่แสบคงแปลก



          “เดี๋ยว”



          “โอ๊ย!” สไมล์ร้องทันทีที่มือหนาคว้ามือเขาเอาไว้แล้วจับเข้ากับตรงที่น้ำก๋วยเตี๋ยวหกรดพอดี สามขมวดคิ้วก่อนจะมองไปที่มือแดงๆของอีกคน



          “จะพาผมไปไหน” สไมล์ถามขึ้นเมื่อสามวางชามก๋วยเตี๋ยวแล้วเดินลากเขาไปอยากจะขัดขืนสะบัดมือออกแต่ตอนนี้รู้สึกแสบที่มือมากเลยไม่อยากทำอะไรรุนแรง



          “ล้างน้ำเย็นแล้วไปใส่ยาที่ห้องพยาบาลตรงห้องสโมสรนิสิต” สามว่า สไมล์เดินตามอีกคนมาที่ก็อกน้ำ สามเปิดก๊อกแล้วเอามือสไมล์ไปให้น้ำเย็นไหลผ่าน แม้ว่าจะบรรเทาอะไรไม่ได้มากนักแต่ก็ดีขึ้นกว่าเมื่อกี้นิดนึง



          “ผมไปเองได้” สไมล์ว่าเมื่อสามทำท่าจะลากเขาเดินไปที่ห้องพยาบาลตามที่บอก



          “อย่าดื้อ” สามหันมาพูด



          “ผมไม่ได้ดื้อ แต่ทำไมผมต้องยอมไปกับคนที่ไม่รู้จักด้วย” สามขมวดคิ้วทันทีกับคำพูดของร่างบาง คนไม่รู้จักงั้นเหรอ?



          “คนไม่รู้จัก?” สามเลิกคิ้ว



          “ใช่ ผมไม่รู้จักคุณ ได้โปรดปล่อยมือจากผมด้วยครับ” สไมล์ว่าเสียงเรียบนอกจากสามจะไม่ปล่อยแล้วยังกระชากอีกคนเข้าหาตัวเองอย่างแรงทำให้สไมล์ผงะทันทีกับระยะใกล้ชิดระหว่างเขากับอีกคน



          “ยืนยันคำนั้นหรือไงว่าไม่รู้จัก?” สามถามพร้อมแสยะยิ้มมุมปาก



          “แน่นอนครับ  อื้อออออ” สไมล์เบิกตากว้างทันทีที่ริมฝีปากของอีกคนจู่โจมลงมาโดยที่เขาไม่ทันตั้งตัว สไมล์ใช้มือข้างที่ไม่ได้ถูกสามจับไว้ทุบตีอีกคนอย่างแรงให้ปล่อย แต่สามก็คือสามเพราะนอกจากจะไม่ปล่อยแล้วยังพยายามสอดแทรกลิ้นเข้ามาในโพรงปากบาง



กึก

          “โอ๊ย!” สามร้องพร้อมกับถอนจูบทันทีที่อีกคนกัดเข้าที่ลิ้นของเขาอย่างแรงจนได้เลือด สไมล์จึงรีบผลักอีกคนออกอย่างแรง

 

         “คนฉวยโอกาส” สไมล์ว่าก่อนจะรีบเดินหนีอีกคนไปทันที สามยกมือขึ้นมาปาดเลือดที่ไหลลงมานิดๆแต่ก็ไม่ได้ตามร่างบางไป คิดว่าจะหนีพ้นหรือไง อยู่มหาวิยาลัยเดียวกันแท้ๆ แถมเมื่อกี้ยังเหลือบเห็นป้ายที่คอมันซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของเด็กปี1ทุกคนที่ต้องมี คณะทันตแพทย์งั้นเหรอ?...หึๆ ก็ไม่ได้ห่างจากคณะของเขาเท่าไหร่หรอก...สไมล์รู้สึกหงุดหงิดใจไม่น้อยที่มาเจออีกคนที่นี่ ทั้งๆที่คิดแล้วว่ากรุงเทพมหานครไม่ได้แคบจนทำให้ต้องมาเจอกันอีกแต่เขาก็คิดผิด สไมล์มองมือแดงๆของตัวเองอยากจะเดินกลับเพื่อไปห้องพยาบาลแต่คิดไปคิดมาก็ไม่ดีกว่า เผื่อกลับไปเจอสามอีก วันนี้เหลือเรียนอีกแค่คาบเดียวเท่านั้น หลังเลิกเรียนค่อยไปคลีนิคเอาก็แล้วกัน



          “สไมล์หายไปไหนมา” ผิงถามขึ้นเมื่อเห็นว่าสไมล์หายไปนานแถมยังกลับมาตัวเปล่าไม่มีจานข้าวหรือชามก๋วยเตี๋ยวอะไรกลับมาด้วย



          “เกิดอุบัติเหตุนิดหน่อยน่ะ” สไมล์ว่า



          “แผลนี่” เมาส์ว่าบ้างเมื่อเหลือบไปเห็นมือของสไมล์ สไมล์พยักหน้ารับ



          “ให้ตายสิ...ไปซุ่มซ่ามอะไรมา ตอนนี้ก็ใกล้จะขึ้นเรียนแล้วด้วยคงไปหาหมอไม่ทัน แต่เดี๋ยวแกกินข้าวก่อนเดี๋ยวไปซื้อมาให้ เลิกเรียนค่อยไปหาหมอ” ผิงว่าเป็นชุด



          “โอเคๆ ใจเย็นๆนะผิง เราโอเค เจ็บนิดเดียว” สไมล์ว่าขำๆ



          “ก็คนมันเป็นห่วงนี่ยะ ไม่ต้องมานั่งนิ่งเลยเมาส์ ไปๆ ไปซื้อข้าวให้สไมล์กัน” ผิงว่าก่อนจะลุกจากโต๊ะไปกับเมาส์ สไมล์มองตามเพื่อนสนิทสองคนยิ้มๆ  นอกจากเอมม่าแล้วสไมล์ก็ยังมีเพื่อนแท้สองคนอย่างผิงกับเมาส์สินะ...พอเลิกเรียนสไมล์ก็ตรงดิ่งไปที่คลินิกใกล้ๆคอนโดทันที  ตอนแรกผิงกับเมาส์จะตามมาด้วยแต่สไมล์บอกว่าไม่ต้อง แผลแค่นี้เล็กนิดเดียวแถมไกลหัวใจตั้งเยอะ หลังจากที่หาหมอแล้วสไมล์ก็ได้ยากินและยาทามา พอกลับมาถึงคอนโดก็ล้มตัวลงนอนบนเตียงกว้างพลางในหัวก็คิดไปว่าถ้าต้องเจออีกคนอีกควรทำยังไง แสร้งว่าไม่รู้จักกันเหมือนเดิมจะดีจริงหรือเปล่า...หลายวันผ่านไป...น่าแปลกที่ตั้งแต่วันนั้นสไมล์ไม่เจอสามอีกซึ่งมันก็เป็นเรื่องที่ดี



          “เลิกเรียนแล้วไปหาอะไรกินกัน” ผิงว่าขณะที่กำลังเดินลงจากตึกเรียนรวมหลังจากที่คาบเรียนสุดท้ายของวันพึ่งเลิก



          “อยากกินไอติม” เมาส์ว่า



          “เออๆ เหมือนกันๆ แกว่าไงสไมล์” ผิงหันมาถามสไมล์



          “เอาดิๆ ร้านหน้าม.มั้ย มีทั้งกาแฟ ทั้งเค้ก ทั้งไอติม” ผิงกับเมาส์พยักหน้ารับก่อนที่ทั้งสามจะพากันไปที่ร้านของหวานหน้ามหาวิทยาลัยทันที



          “อ๊ะ” สไมล์ชะงักทันทีที่พอเข้ามาในร้านก็เห็นใครบางคนที่ไม่ได้เจอหน้าหลายวันตั้งแต่วันนั้นกำลังนั่งอยู่กับกลุ่มเพื่อนหลายคน สามเองก็หันมาเจอสไมล์พอดี ปากหนากระตุกยิ้มมุมปากนิดๆ



          “เข้าไปดิ ยืนรอไร” ผิงถามเมื่อสไมลืชะงักไม่ยอมเดินเข้าไปเสียที



          “เปลี่ยนร้านดีมั้ย คนเยอะ” สไมล์อ้าง



          “เปลี่ยนทำไม ที่นั่งก็มี อีกอย่าง...พี่ๆวิศวะกลุ่มนั้นอย่างหล่ออ่ะ กินนี่แหละ”ประโยคหลังผิงกระซิบข้างหูสไมล์อย่างดี๊ด๊าก่อนจะจูงมือสไมล์และเมาส์ไปนั่งที่โต๊ะว่างซึ่งก็ไม่ได้ห่างจากที่สามและเพื่อนๆนั่งเท่าไหร่เลย สไมล์ไม่ชอบเลยที่มีสายตาของสามมองมาที่เขาตลอด มันทำให้เขาทำตัวไม่ถูก ทั้งๆที่ควรตีหน้านิ่งทำเหมือนคนไม่รู้จักกันแต่กลับกลายเป็นเขาที่รู้สึกแปลกๆไปคนเดียว



          “ขอโทษนะ ขอไลน์หน่อยได้มั้ย” สไมล์สะดุ้งทันทีที่อยู่ๆมีชายหนุ่มหน้าตาดีคนหนึ่งเดินเข้ามาหาเขาแถมยื่นโทรศัพท์มาให้ ผิงกรี๊ดเบาๆทันทีที่เห็นมีหนุ่มมาจีบเพื่อนสนิท ส่วนเมาส์ก็นั่งยิ้มๆ



          “เอ่อ...” สไมล์กัดปากแต่พอเห็นสายตาที่ไม่พอใจของสามที่มองมาทำให้สไมล์หยิบโทรศัพท์ของอีกคนมากดไอดีไลน์ให้ทันที



          “ขอบใจนะ เราดิว อยู่คณะบริหาร” ดิวว่า



          “เราสไมล์ คณะทันตะ”

 

         “ไอ้สัสสาม ตั้งใจฟังหน่อยดิวะ กูพูดรอบเดียวนะเว้ย” เพื่อนของสามโวยวายขึ้นทำให้สามต่องหันไปสนใจเพื่อนๆที่กำลังติวหนังสือทันที ช่วงนี้สามไม่ค่อยว่างเลยเพราะนอกจากจะมีแล็ปแทบทุกวัน ยังต้องเข้าช็อป ไหนจะสอบย่อยอีก หัวหมุนไปตามๆกัน สามเรียนวิศวะไฟฟ้าซึ่งคิดว่าน่าจะง่ายที่สุดในสายวิศวะแต่ก็คิดผิด แม่งยาก...ยากเชี่ยๆ



          “เออๆ” สามตอบรับแต่ก็ไม่วายหันไปมองสไมล์ที่กำลังคุยกับผู้ชายอีกคนอีกครั้ง แม่ง...ง่ายชิบหาย พึ่งเจอหน้าแต่แม่งให้ไลน์เลย สงสัยไปอยู่ต่างประเทศมาคงรับวัฒนธรรมเด็กนอกมาเยอะสินะ...หลังจากที่กินของหวานกันเสร็จ สไมล์ก็โบกมือลาเพื่อนๆเตรียมกับคอนโด ตอนแรกดิวทำท่าจะขอไปส่งแต่สไมล์คิดว่ามันเร็วไปเพราะพึ่งรู้จักกัน ไม่ใช่ไม่รู้ว่าดิวเข้ามาจีบ สไมล์รู้แต่ก็ไม่ได้สนใจดิวนะเพียงแต่ตอนนั้นอะไรมันดลใจให้ให้ไลน์อีกคนไปก็ไม่รู้ สไมล์เดินกลับคอนโดอย่างทุกวันเพราะระยะทางใกล้ๆไม่จำเป็นต้องนั่งรถเมล์



เอี๊ยดดดดด

เสียงล้อรถที่ครูดไปกับพื้นถนนดังขึ้นทำให้สไมล์หันไปมองทันทีก่อนที่ประตูรถยนต์คันหรูจะเปิดออกแล้วร่างสูงลงมา



          “มากับกู” สามว่าพร้อมจับแขนสไมล์



          “ปล่อยผม ผมไม่รู้จักคุณ” สไมล์ตีหน้านิ่งใส่



          “ไม่รู้จัก? แต่เคยเกือบจะเอากัน มึงลืมไปแล้วหรือไง!” สามว่าเสียงดังจนคนแถวนั้นหันมามอง สไมล์หน้าร้อนด้วยความโกรธและอับอายกับคำพูดของอีกคน



          “ไม่ได้ลืมแต่ไม่ได้จำ เรื่องพรรค์นั้นไม่เคยมีอยู่ในหัวของผม ผมไม่รู้จักคุณ!” สไมล์ตะโกนใส่หน้าอีกคน สามกัดฟันกรอดด้วยความไม่พอใจ ยิ่งสะสมจากเรื่องเมื่อก่อนหน้านี้แล้วด้วยจึงเผลอบีบแขนสไมล์อย่างแรงจนสไมล์เบ้หน้าด้วยความเจ็บ



          “ปล่อยผมนะ ปล่อยผมเดี๋ยวนี้” สไมล์ว่าไม่ยอมไปกับอีกคน สามจึงอุ้มอีกคนพาดบ่าท่ามกลางสายตาหลายคู่ก่อนจะพาขึ้นรถไปทันที...สไมล์ฮึดฮัดอย่างไม่พอใจที่อีกคนพาเขามาแบบนี้ เขาไม่รู้หรอกว่าสามจะพาเขาไปไหนแต่ที่รู้ๆคืออีกคนบ้าไปแล้วหรือไง ถึงได้ทำเรื่องแบบนั้นในที่สาธารณะแบบนี้



          “ลงไป” สามว่าเมื่อรถคันหรูขับมาจอดที่ใต้สะพานข้ามแม่น้ำ สไมล์ตามลงไปแต่ก็ไม่ได้เดินไปเข้าใกล้สามนัก



          “เป็นเชี่ยอะไรถึงทำเป็นไม่รู้จักกูฮะ!” สามถามด้วยความไม่พอใจ



          “แล้วทำไมต้องรู้จักกัน ในเมื่อผมกับคุณไม่ควรรู้จักกันมาตั้งแต่แรก” สไมล์ว่าบ้าง



          “ฮึ กูไม่ใช่ไอ้เด็กบริหารนั่นสินะ มึงถึงไม่ได้อยากรู้จักจนตัวสั่นแบบนั้น” สามว่าสไมล์ขมวดคิ้วมุ่น



          “ดิวไม่เกี่ยว ที่ผมไม่อยากรู้จักกับคุณเพราะผมไม่อยากรู้จักกับคุณจริงๆเรื่องราวในอดีตมันผ่านไปแล้ว ผมไม่ใช่สไมล์คนเดิม ไม่ใช่ไอ้เป๋หรือไอ้กาฝากอีกแล้ว”สไมล์ว่าด้วยใบหน้าจริงจัง สามมองหน้าสไมล์อย่างไม่ยอมเช่นกัน



          “มึงเปลี่ยนไปแล้วไง แต่กูไม่เปลี่ยน! มึงน่าจะรู้นิสัยกูดีนี่ว่ากู...นิสัยเสียแค่ไหนอยากได้อะไรกูก็ต้องได้”

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

นิสัยเสียไม่พอค่ะ บ้านเราเรียกว่าเลว! 55555 สามจะทำยังไงกับสไมล์ต่อไปแล้วสไมล์จะสู้สามได้มั้ย? ฝากติดตามด้วยนะคะ
___จางบิวตี้___
หัวข้อ: Re: Poor Boy…รักไม่ได้ [Yaoi Boy’s Love] อัพตอน13 (09/08/59)
เริ่มหัวข้อโดย: NARAPAT ที่ 09-08-2016 21:20:07
จับกดจับกด จับกด จับกด :hao3: :hao3: :hao3:
หัวข้อ: Re: Poor Boy…รักไม่ได้ [Yaoi Boy’s Love] อัพตอน13 (09/08/59)
เริ่มหัวข้อโดย: Wut_Sv ที่ 09-08-2016 21:41:51
ชอบเค้าก็จีบเค้าดีๆสิอิสาม ชิส์ หมั่นไส้  :z6: :z6: :z6:
หัวข้อ: Re: Poor Boy…รักไม่ได้ [Yaoi Boy’s Love] อัพตอน13 (09/08/59)
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 09-08-2016 22:16:23
สไมล์ ไม่พิการแล้ว แถมเก่งสอบเข้าทันตแพทย์ได้ด้วย
แต่เป็นมหาลัยเดียวกับสามซะอีก
สาม ยังเอาแต่ใจเหมือนเดิม :เฮ้อ:
 :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: Poor Boy…รักไม่ได้ [Yaoi Boy’s Love] อัพตอน13 (09/08/59)
เริ่มหัวข้อโดย: crazydoii ที่ 10-08-2016 23:55:09
อย่ายอมสามนะสไมล์,,,
หัวข้อ: Re: Poor Boy…รักไม่ได้ [Yaoi Boy’s Love] อัพตอน13 (09/08/59)
เริ่มหัวข้อโดย: HISY ที่ 11-08-2016 22:23:42
:อย่าไปยอมสามน้าา
หัวข้อ: Re: Poor Boy…รักไม่ได้ [Yaoi Boy’s Love] อัพตอน13 (09/08/59)
เริ่มหัวข้อโดย: Jang_B2UTY ที่ 12-08-2016 19:03:32
Poor Boy 6

( Grammar x Song )

 

        ว่ากันว่าเวลาแห่งความสุขมักเดินเร็วเสมอ สองกับแกรมม่าคบกันได้หนึ่งเดือนแล้ว ความรักของคนทั้งคู่ไม่ได้หวือหวาอะไรมากก็เหมือนปกติที่เคยเป็นคือไปกินข้าวดูหนังด้วยกัน สองไม่ใช่คนหวานอะไรมากมาย เป็นคนไม่ค่อยแสดงออกซึ่งต่างจากแกรมม่าที่คิดอะไรก็พูดออกมา แสดงออกมาตามสิ่งที่ตัวเองคิด



          “ตั้งแต่มาอยู่ไทยผมยังไม่เคยไปเที่ยวทะเลจริงๆจังๆเลย” แกรมม่าพูดขึ้นขณะที่กำลังกินข้าวกลางวันอยู่ในห้างสรรพสินค้าหรูกลางเมืองด้วยกัน



          “อยากไปเหรอ?” สองเลิกคิ้ว



          “อื้ม...ถ้าไปกับพี่ยิ่งโคตรยากเลย” แกรมม่าว่ายิ้มๆ สองหน้าแดงนิดๆแต่ก็พยายามเก็กหน้าขรึมเอาไว้



          “งั้น...เสาร์อาทิตย์นี้ไปกัน”...วันเสาร์ก็มาถึง แกรมม่าตื่นเต้นจนนอนไม่หลับตั้งแต่เมื่อคืน แม้ว่าจะไปไหนมาไหนกับคนที่ขึ้นชื่อว่าเป็นแฟนบ่อยๆแต่นี่เป็นครั้งแรกที่จะไปแบบค้างคืน ทางด้านสองเองก็ตื่นเต้นไม่แพ้กัน อย่างที่บอก...เขาไม่เคยมีแฟนไม่เคยคบกับใครแบบจริงๆจังๆแบบนี้สักที แม้ว่าจะคบกันมาได้หนึ่งเดือนแล้วแต่สองก็ให้อีกคนมากที่สุดแค่จูบแต่วันนี้...คืนนี้ต้องนอนด้วยกัน  ให้ตายสิ...เขาไม่ได้ทะลึ่งนะแต่มันก็อดนึกถึงเรื่องนี้ไม่ได้



          “พี่พร้อมมั้ย” แกรมม่าถามขึ้นเมื่อสองขึ้นรถมาแล้ว สองพยักหน้ารับ



          “งั้น...เลทโก!”...สองกับแกรมม่าเลือกมาเที่ยวทะเลที่หัวหินเพราะไม่ไกลจากกรุงเทพมากนัก บรรยากาศดีแถมน้ำก็ยังใสอีกด้วย ความจริงสองอยากจะพาอีกคนลงใต้มากกว่าแต่ถ้าลงใต้ก็ต้องนั่งเครื่องไปไม่ได้เอารถส่วนตัวมาแกรมม่าเลยไม่เอาเพราะอีกคนอยากขับรถชมวิวไปด้วยในตัว



          “เอาของไปเก็บกันก่อน” สองว่าก่อนจะเดินนำแกรมม่าเข้าไปในโรงแรมที่จองเอาไว้ซึ่งเป็นโรงแรมหรูระดับ5ดาว อยู่ใกล้ชายหาด ยิ่งเป็นห้องพักราคาแพงๆจะมีระเบียงยื่นไปดื่มด่ำบรรยากาศของชายหาดได้อย่างดี



          “ทำไมไม่นอนเตียงเดียวกันอ่ะ” แกรมม่าว่าหน้างอทันทีที่เห็นเตียงในห้องซึ่งเป็นเตียงขนาด3.5ฟุตสองเตียงแทนที่จะเป็นเตียงใหญ่แบบสวีท



          “กะ...ก็นอนคนละเตียงจะได้ไม่เบียด” สองอึกอัก ความจริงเขาอายมากกว่าที่จะต้องนอนข้างๆอีกคน แม้ว่าจะคบกันฐานะแฟนแล้วก็เถอะแต่ก็ยังอดอายไม่ได้อยู่ดี



          “งั้นก็อดดิ” แกรมม่าพึมพำกับตัวเอง



          “ฮะ ว่าไงนะ” สองขมวดคิ้วถาม



          “เปล่าๆ ผมแค่อยากนอนกอดพี่เฉยๆ” แกรมม่าว่าก่อนจะเดินเข้ามากอดเอวบางหลวมๆอย่างออดอ้อน



          “ฉันไม่ไว้ใจคนอย่างนายหรอก” สองว่าพร้อมกับบีบจมูกคนเจ้าเล่ห์อย่างหมั่นไส้ แกรมม่าหัวเราะก่อนจะหอมแก้มใสฟอดใหญ่



          “งั้นเอาแค่นี้ก่อนก็ได้”...พอแดดร่มลมตกสองกับแกรมม่าก็พากันมาเดินเล่นที่ชายหาด มือหนาจับเข้ากับมือบางแกว่งไปมาอย่างกับเด็กๆจนสองอดยิ้มๆไม่ได้ รู้สึกมีความสุข...มีความสุขที่ได้มีอีกคนอยู่ข้างๆ



          “มื้อเย็นนี้ไปกินอาหารทะเลกัน” สองว่าพร้อมกับชี้ไปที่ร้านอาหารทะเลชื่อดังใกล้ๆชายหาด



          “ผมเห็นป้ายว่าที่นี่ค่ำๆเขามีบาร์ริมหาดเหรอ” แกรมม่าถาม



          “อืม...น่าจะนะ ไม่ได้มานานแล้วเหมือนกัน”...มื้อเย็นวันนี้เต็มโต๊ะไปด้วยอาหารทะเลมากมาย ทั้งกุ้ง หอย ปู ปลา ปลาหมึก มากหน้าหลายตาจนเลือกกินไม่ถูก



          “ฮ่าๆๆ ใครเขาแกะแบบนั้น” สองหัวเราะทันทีที่เห็นท่าทางการแกะกุ้งของแกรมม่า แกะแบบนั้นชาติคงไม่ได้กินหรอก



          “ผมแกะไม่เป็นนี่หน่า” แกรมม่าว่า แหงแหละ...สมัยอยู่อังกฤษกินอาหารทะเลที่ไหนกันล่ะ วนเวียนอยู่กับพวกฟาสฟู๊ดไม่ก็พวกอาหารอิตาเลียน



          “มานี่ เดี๋ยวแกะให้” สองว่าก่อนจะคว้ากุ้งในมือของแกรมม่ามาแกะให้ แกรมม่ามองอีกคนยิ้มๆ



          “อ่ะ” สองยื่นกุ้งที่แกะให้อีกคน



          “ป้อนดิ” แกรมม่าว่าพร้อมกับอ้าปากรอ



          “กินเองสิ” สองไม่ยอม



          “นะๆๆ นะคร้าบ ป้อนหน่อยนะ” แกรมม่าออดอ้อน สองกัดปากอย่างขวยเขินก่อนจะยอมป้อนกุ้งใส่ปากอีกคน



          “อื้มมม อร่อยชะมัด โดยเฉพาะมีคนรู้ใจป้อนแบบนี้ยิ่งอร่อย” แกรมม่าว่าเสียงหวาน สองหน้าแดงก่ำกับคำพูดของอีกคนก่อนจะปาหางกุ้งใส่หน้าอีกคนทันที



          “เลี่ยน!”...หลังจากที่กินอาหารริมทะเลกันเสร็จทั้งคู่ก็พากันมานั่งอยู่ที่บาร์ริมหาด สั่งค็อกเทลอ่อนๆมาดื่มชมแสงดาวกันที่ริมชายหาด



          “คออ่อนจัง” แกรมม่าแซวๆเมื่อเห็นใบหน้าใสของอีกคนเริ่มขั้นสีระเรื่อหลังจากที่ดื่มไปสามแก้ว



          “ก็ดื่มไม่บ่อยสักหน่อย” สองย่นจมูกใส่ก่อนที่หัวบางจะเอนมาซบไหล่หนา



          “ดาวสวย” สองว่า



          “สวยเหมือนพี่เลย” แกรมม่าว่ายิ้มๆ



          “ฉันหล่อต่างหาก” สองเถียง แกรมม่าหัวเราะก่อนจะดึงแก้มอีกคนเบาๆ



          “แบบนี้เนี่ยนะหล่อ สวยกับน่ารักเหอะ”...แกรมม่าประคองสองขึ้นมาบนห้องนอนเพราะอีกคนเริ่มเมาแล้ว ร่างบางตัวอ่อนปวกเปียกไปหมด ตาเรียวหวานเยิ้มไปด้วยฤทธิ์แอลกอฮอล์เสียจนแกรมม่าอดใจไม่ไหว บดจูบอีกคนไปเสียหลายครั้ง



          “เดี๋ยวผมมานะ” แกรมม่าพูดขึ้น สองทำหน้างง



          “ไปไหน...”



          “รอแปบ เดี๋ยวผมมา” ว่าแล้วร่างสูงก็รีบลงมาชั้นล่างก่อนจะมุ่งหน้าไปที่เซเว่นใกล้ๆทันที เขาไม่ได้เตรียมมาเพราะอยากจะสัมผัสอีกคนตรงๆแต่คิดไปคิดมาก็อดสงสารอีกคนไม่ได้ สองบอบบาง ใสบริสุทธิ์ ไม่เคยผ่านมามือใครมาก่อนคงต้องเจ็บมากแน่ๆ



          “ทั้งหมด...” แกรมม่ายื่นธนบัตรให้พนักงานก่อนจะรับกล่องถุงยางอนามัยมา



          “เฮ้!” แต่ขณะกำลังเดินออกจากเซเว่นเสียงหนึ่งก็ทักขึ้น แกรมม่าหันไปมองก็พบกับสาวฝรั่งทรงโต ใช่บีกีนี่สีแดงสดกับกางเกงยีนส์ขาสั้นที่สั้นมากๆ



          “ทำล่วงน่ะ” หญิงฝรั่งที่พูดไทยได้ยื่นคีย์การ์ดที่แกรมม่าทำล่วงให้ แกรมม่ารับมา



          “ขอบคุณครับ”



          “ว่าแต่...เอาไปใช้กับใครเหรอ” หญิงสาวถามพร้อมกับมองกล่องถุงยางอนามัยที่มือของแกรมม่า แกรมม่ายกยิ้มเพราะสัมผัสได้ถึงสายตาเชยชวนของหญิงสาว



          “ทำไมเหรอ?”



          “เพราะถ้าไม่มีนายน่าจะ...” มือบางลูบไล้ไปที่ใบหน้าหล่อของแกรมม่าอย่างเย้ายวน แกรมม่ากระตุกยิ้ม



          “ถ้าเจอกันคราวน่าผมจะไม่ปฏิเสธคุณแต่วันนี้ผมมีคนที่ต้องใช้ด้วยแล้วล่ะ” แกรมม่าว่าก่อนจะจับมือของหญิงสาวออกจากแก้มก่อนจะยิ้มตบท้ายแล้วเดินออกไปถามว่าหญิงสาวเมื่อกี้น่าสนใจมั้ยก็ตอบได้เลยว่ามาก...ก็นะ เขามันก็ผู้ชายคนหนึ่งใครเสนอเขาก็พร้อมสนองแต่แค่ไม่ใช่ตอนนี้เท่านั้นเอง



          “ไปไหนมา” สองถามขึ้นเมื่อแกรมม่ากลับเข้ามาในห้อง แกรมม่าไม่ตอบแต่กลับเดินเข้ามาหาก่อนจะขึ้นคร่อมร่างบางทันที



          “กะ...แกรมม่า” สองเรียกอีกคนอย่างตกใจ



          “เป็นของผมนะ” แกรมม่าว่าตรงๆ สองทำตาโตยิ่งกว่าเดิมทันที



          “คะ...คือ...อื้อออออ” เสียงหวานถูกดูดกลืนไปในลำคอทันทีที่ปากหนาประกบลงมา ลิ้นหนาสอดแทรกเข้ามาในโพรงปากบางพร้อมกับเกี่ยวพันกับลิ้นเล็กอย่างร้อนแรง  สองโอบคออีกคนก่อนจะจูบตอบกลับไปเช่นเดียวกัน ไม่รู้ว่าเพราะฤทธิ์แอลกอฮอล์หรือว่ารสจูบของอีกคนกันแน่ถึงทำให้สองมัวเมาแบบนี้ สติสัมปชัญญะแตกกระเจิงไปหมด รู้ตัวอีกทีร่างกายก็เปล่าเปลือยเสียแล้ว



          “อ๊ะ” สองสะดุ้งทันทีที่นิ้วของอีกคนสอดเข้ามาในช่องทางด้านหลัง



          “อย่าเกร็งครับ” แกรมม่าว่า สองพยายามผ่อนคลายก่อนที่แกรมม่าจะสอดแทรกนิ้วที่สองและสามเข้ามาตามลำดับ



          “อ๊ะ...อ๊ะ...อ๊ะ” สองครางเป็นจังหวะที่นิ้วเรียวของอีกคนขยับเข้าออก ยิ่งปลายนิ้วโดนจุดเสียวข้างใน หน้าท้องบางก็เกร็งไปหมด



          “ต่อไปของจริงแล้วนะ” แกรมม่าว่าก่อนจะหยิบอุปรณ์ที่พึ่งซื้อเมื่อกี้มาสวมแก่นกายของตัวเอง



          “เมื่อกี้ไป...”



          “ใช่แล้วล่ะ ผมไม่อยากทำพี่เจ็บ แม้ว่าอยากจะสดๆกับพี่แค่ไหนก็ตาม” แกรมม่าว่าเสียงพร่า สองหน้าแดงก่ำกับคำพูดของอีกคน



          “เด็กทะลึ่ง” แกรมม่าหัวเราะกับคำด่าของอีกคนก่อนจะค่อยๆสอดแทรกแก่นกายเข้าไป สองเบ้หน้าด้วยความเจ็บปวด ช่องทางเกร็งตัวอัตโนมัติทำให้แกรมม่าไม่สามารถใส่ได้มิดแท่ง



          “อย่างเก็งสิ อึก ผมใส่ไม่ได้”



          “ฮึก มันเจ็บ” สองว่าน้ำตาคลอ แกรมม่ามองอีกคนใจกระตุกก่อนจะโน้มหน้าลงไปมอบจูบหวานๆเบี่ยงเบนความสนใจให้อีกคนผ่อนคลายและก็ได้ผล เมื่อสองผ่อนคลาย แกรมม่าก็สอดเข้าไปจนมิดด้ามทันทีก่อนที่เสียงครางกระเส่าจะดังขึ้น

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

เอ็นซีแค่นี้พอแต่งไม่ออก 555555 เหมือนจะเห็นแววดราม่าใช่มั้ย อิๆ สปอยเลยว่าใช่แน่นอนแต่จะเป็นยังไงฝากติดตามด้วยนะคะ จุ๊บๆ

___จางบิวตี้___
หัวข้อ: Re: Poor Boy…รักไม่ได้ [Yaoi Boy’s Love] อัพคู่รองตอน6 (12/08/59)
เริ่มหัวข้อโดย: Wut_Sv ที่ 12-08-2016 19:55:59
สองเสร็จแกรมม่าซะแล้ว  :haun4: :haun4: :haun4:

แต่อะไรคือ "เจอคราวหน้าไม่ปฏิเสธแน่" ถึงจะมีสองอยู่แต่ก็จะเจ้าชู้เหมือนเดิมซินะ  :m16: :m16: :m16:

ดราม่านี้ยังไง ใช่ที่แกรมม่าไปเรียนต่อป่ะ แล้วเรื่องแม่ของสองอีก :katai4: :katai4: :katai4:

อยากอ่านคู่หลักอ่ะ :z2: :z2: :z2:
หัวข้อ: Re: Poor Boy…รักไม่ได้ [Yaoi Boy’s Love] อัพคู่รองตอน6 (12/08/59)
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 12-08-2016 20:38:33
แกรมม่า คบสองอยู่
แต่ยังตอบรับสาวฝรั่งได้อีก :m16:
แสดงว่า ต่อไป ต้องนอกใจสองแน่เลย
 :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: Poor Boy…รักไม่ได้ [Yaoi Boy’s Love] อัพคู่รองตอน6 (12/08/59)
เริ่มหัวข้อโดย: everlastingly ที่ 12-08-2016 23:26:16
 :กอด1: สไมล์สู้ๆ อย่าไปยอมอิสามนะ
หัวข้อ: Re: Poor Boy…รักไม่ได้ [Yaoi Boy’s Love] อัพคู่รองตอน6 (12/08/59)
เริ่มหัวข้อโดย: HISY ที่ 13-08-2016 00:09:01
จะมีดราม่าอาร๊ายยยย
หัวข้อ: Re: Poor Boy…รักไม่ได้ [Yaoi Boy’s Love] อัพคู่รองตอน6 (12/08/59)
เริ่มหัวข้อโดย: crazydoii ที่ 15-08-2016 03:04:02
ดราม่าจะมาหรอ???
หัวข้อ: Re: Poor Boy…รักไม่ได้ [Yaoi Boy’s Love] อัพคู่รองตอน6 (12/08/59)
เริ่มหัวข้อโดย: Jang_B2UTY ที่ 17-08-2016 20:42:00
Poor Boy 14



        สไมล์นั่งหน้าหงิกหน้างออยู่บนรถของสามเมื่ออีกคนดื้อดึงจะไปส่งเขาหลังจากที่คุยกันเสร็จ จะเรียกว่าคุยก็คงจะไม่ถูกในเมื่ออีกคนบังคับเขามา เขาไม่อยากจะคุยหรือแม้จะเจอกับอีกคนแม้แต่น้อย อีกทั้งที่สไมล์ไม่ชอบใจให้อีกคนมาส่งเขาแบบนี้ก็เพราะไม่อยากให้สามรู้ที่อยู่ของเขา ใจจริงอยากจะบอกทางมั่วๆไปทางอื่นแล้วนั่งรถกลับแต่เขาเองก็ใช่ว่าจะรู้จักกรุงเทพมหานครดีก็เลยต้องยอมบอกตามความเป็นจริงไป แต่ก็นะ…รู้แค่คอนโดไม่ได้รู้เลขห้องเสียหน่อย!



          “ผมจะไม่ขอบคุณคุณละกัน เพราะผมไม่ได้ขอให้มาส่ง” สไมล์พูดขึ้นเมื่อรถจอดที่หน้าคอนโดของเขา



          “ปากดี” สามว่าออกมาอดหงุดหงิดกับคำพูดคำจาที่อวดดีของอีกคนที่ต่างจากเมื่อก่อนลิบลับไม่ได้



          “ผมไม่ได้มีดีแค่ปาก” สไมล์หันมาว่าเสียงเรียบ สามเลิกคิ้วก่อนจะยื่นหน้าเข้าไปใกล้จนสไมล์ต้องผงะออกมา



          “อะไรดีมั่งล่ะ”



     “คุณจะอยากรู้ไปทำไม?” สไมล์ว่าพร้อมเชิดหน้าขึ้นอย่างทะนงตัว เขาจะไม่หงอให้อีกคนอีกต่อไปแล้ว ชีวิตหนึ่งปีที่ต่างประเทศสอนให้เขาเข้มแข็งและพึ่งพาตัวเองมากขึ้น



          “เผื่อกูจะอยากลอง” สามกรีดยิ้มร้าย ถ้าเป็นแต่ก่อนสไมล์คงจะชะงักไปแล้วกับคำพูดสองแง่สองง่ามของอีกคนแต่ตอนนี้ไม่ใช่ ร่างบางกรีดยิ้มร้ายไม่แพ้กันก่อนจะดันแผ่นอกหนาของอีกคนออกไปอย่างแรง



          “คุณเกลียดผมไม่ใช่เหรอ อย่ามากลืนน้ำลายตัวเองก็แล้วกัน!”



          “มะ…มึง”



          “อย่างที่บอก…ผมเปลี่ยนไปแล้ว” สไมล์ว่าตบท้ายก่อนจะลงจากรถไปทันทีสามมองตามร่างบางไปด้วยความไม่พอใจที่โดนว่าแสกหน้า มือหนากำแน่นด้วยแรงอารมณ์



          “กูยอมกลืนน้ำลายตัวเองถ้ามันทำให้มึงหงอใส่กูอีกครั้ง!”…สามไม่เข้าใจว่าตลอดสัปดาห์หนึ่งที่ผ่านมาทำไมสามต้องเข้ามาวนเวียนกับสไมล์ตลอด เพื่อนในคณะพากันซุบซิบๆว่าเขาเป็นเด็กของอีกคน เฮอะ เด็กบ้าเด็กบออะไรกัน หน้ายังไม่อยากจะมองเลย เพราะเขารู้ดีว่าอีกคนอันตรายแค่ไหน เมื่อก่อนไม่รู้ว่าเขาไปเผลอตัวเผลอใจได้ยังไงกัน



          “ตกลงพี่เขาจีบแกจริงดิ” ผิงถามขึ้นเสียงจริงจัง



          “เปล่าสักหน่อย” สไมล์ปฏิเสธ



          “เปล่าได้ไงวะ มาหาแกที่คณะทุกวันมีแต่แกที่เล่นตัวตลอด” ผิงว่า อดหงุดหงิดนิดๆเพื่อนตัวเองเล่นตัวกับคนหล่อๆแบบนั้น ถ้าเป็นเธอนะ พร้อมพลีกายเลยเถอะ!



        “เอาเป็นว่าไม่ได้จีบ ไม่ได้เล่นตัว” สไมล์ว่าตัดบท ผิงเบ้ปากใส่เพื่อนสนิทก่อนจะหันไปหาเมาส์เพื่อหาแนวเสริม



          “นี่ มาช่วยฉันคาดคั้นสไมล์มันมั่งดิ มัวแต่ยิ้มกับโทรศัพท์อยู่ได้” ผิงแวดใส่เมาส์ที่กำลังนั่งตอบแชทด้วยใบหน้าเปี่ยมไปด้วยความสุข



          “เมาส์กำลังอินเลิฟ ไม่ต้องไปว่าเมาส์เลย” สไมล์ว่าขำๆ



          “ปะ…เปล่าอินเลิฟนะ” เมาส์ว่าหน้าแดง



          “จ้า โกหกได้เนียนมาก หน้าแดง หูแดงขนาดนี้ ฉันไม่คาดคั้นเรื่องสไมล์ละ มาคาดคั้นแกดีกว่า” ผิงยกยิ้มก่อนจะมองหน้าเมาส์อย่างจริงจัง



          “เล่ามาค่ะเล่ามา” ผิงว่าต่อ เมาส์กัดปากอย่างเขินพร้อมกับใบหน้าแดงก่ำ

 

         “พี่เขาแก่กว่าเราน่ะ เป็นนักธุรกิจ พ่อของพี่เขารู้จักกับพ่อของเรา ก็เลย…”เมาส์พูดไปก็หน้าแดงไป



          “ก็เลยจีบเมาส์ใช่มั้ย” สไมล์ถามด้วยสีหน้ายิ้มๆ



          “แค่ขอเบอร์ ขอไลน์เอง” เมาส์ตอบ



          “แบบนี้เขาเรียกว่าจีบแล้วย่ะ!”…หลังจากเลิกเรียนสไมล์ก็เดินลงจากตึกเรียนพร้อมกับผิงและเมาส์แบบทุกวันและวันนี้ก็เจอร่างสูงของอีกคนมายืนรอ



          “มาอีกแล้วๆ” ผิงว่าด้วยใบหน้าระริกระรี้แต่สไมล์กลับกรอกตาอย่างเอือมๆก่อนที่ร่างบางจะเดินผ่านอีกคนไปราวกับอีกคนเป็นธาตุอากาศ



หมับ

มือหนาจับเข้าที่แขนบางทันที



          “ปล่อย” สไมล์ว่า



          “ไม่ปล่อยมีไรมะ?” สามว่าพร้อมกับกลั้วลิ้นในปากอย่างกวนๆ สไมล์ขมวดคิ้วด้วยความไม่พอใจกับการกระทำของอีกคน ยิ่งเสียงซุบซิบๆดังขึ้นก็ยิ่งไม่พอใจมากขึ้นอีกคนต้องการอะไรกันแน่ ในเมื่อเกลียดกันก็ควรต่างคนต่างอยู่ไม่ใช่หรือไง หรือว่าจะแก้แค้นที่เขาว่าแสกหน้าไปวันนั้น?



          “คุณต้องการอะไรกันแน่ มาหาผมที่คณะทุกวัน  จีบผมหรือไง?” สไมล์ถามด้วยสีหน้าเรียบนิ่ง ถ้าเป็นแต่ก่อนเขาคงไม่กล้าพูดอะไรทำนองนี้



          “เออ ถ้าใช่?” สามตอบพร้อมเลิกคิ้ว สไมล์ร้องเฮอะออกมากับคำตอบของอีกคน



          “ถ้างั้นก็หยุด เพราะผมไม่สนใจคนอย่างคุณ” สไมล์ว่าพร้อมแกะมือหนาออกจากแขน



          “คนอย่างกูมันทำไม หล่อ รวย  K.ใหญ่” คำสุดท้ายปากหนากระซิบข้างหูบางใบหน้าหวานขึ้นสีทันทีกับคำพูดทะลึ่งลามกของอีกคน



          “ทุเรศ! ถ้าสิ่งที่คุณกำลังทำอยู่คือกวนประสาทผม คุณทำสำเร็จแล้วเพราะฉะนั้นดีใจกับชัยชนะของคุณซะแล้วเลิกยุ่งกับผมสักที” สไมล์ว่าอย่างจริงจัง



          “คืนนี้ไปกับกู แล้วกูจะเลิกยุ่งกับมึง” สามว่า สไมล์ขมวดคิ้ว

 

         “ทำไมผมต้องไปกับคุณ”



          “มึงไม่กล้า? เหอะๆ ไหนว่าเปลี่ยนไปแล้วไง” สามยกยิ้มมุมปากอย่างท้าทาย



          “ก็ได้ ผมไป!”



          “ก็ดี งั้นสามทุ่มกูไปรับมึงที่หน้าคอนโด” พูดจบสามก็เดินออกไปทันที สไมล์มองสามอย่างไม่เข้าใจและก็ไม่รู้ว่าคืนนี้อีกคนจะพาเขาไปที่ไหน แต่ถ้ามันแลกกับการให้อีกคนเลิกยุ่งกับเขา เขาก็จะไป!...สามเดินยิ้มร่าออกมาจากคณะของอีกคนคืนนี้แหละ กูจะทำให้มึงกลับมาหงอไม่กล้ายิ่งผยองแบบนี้กับกู!...และสถานที่ที่สามพาสไมลานั้นคือสนามแข่งรถ ซึ่งช่วงเวลาหนึ่งปีที่ผ่านมาเวลาเซ็งๆเบื่อๆสามก็มักจะมาระบายความอารมณ์ที่นี่ สามมีฝีมอแข่งรถตั้งแต่อยู่ที่อังกฤษแล้ว เขายังเคยแข่งรถหาเงินเที่ยวเองเลยซึ่งแน่นอนว่าพ่อกับแม่ของเขาไม่รู้



          “พาผมมาที่นี่ทำไม” สไมล์ถามขึ้น ตากลมมองรอบๆอย่างระแวงๆ ผู้คนที่เยอะแยะมากมายบวกกับเสียงเครื่องยนต์ที่ดังลั่นเป็นที่ที่สไมล์ไม่คุ้นชินยิ่งนัก



          “เดี๋ยวมึงก็รู้” สามยกยิ้มก่อนจะเดินนำสไมล์มาที่เต็นท์หนึ่ง



          “มาแล้วเหรอวะ ว้าว…นี่เหรอที่มึงบอก” ผู้ชายคนหนึ่งทักสามขึ้นพร้อมมองมาที่สไมล์อย่างหยาบโลน ซึ่งสร้างความไม่พอใจให้สไมล์เป็นอย่างมาก



          “เออ ที่กูบอก” สามยักไหล่



          “หมายความว่ายังไง” สไมล์ถามสามเสียงเข้ม



          “อ้าว มึงไม่ได้บอกเขาเหรอว่ามึงจะเอาเขามาเป็นของพนันคืนนี้” สไมล์ทำตาโตทันทีกับคำพูดของอีกคน ตากลมหันไปมองสามอย่างไม่พอใจอย่างเห็นได้ชัดสามยกยิ้มมุมปากอย่างพึงพอใจในปฏิกิริยาของอีกคน



          “นี่มันเรื่องบ้าอะไรกันฮะ! คุณกำลังเล่นสนุกอะไรกันแน่!” สไมล์ถามเสียงดังตัวสั่นเทิมด้วยความโกรธ



          “ก็แข่งรถไง แล้วเอามึงเป็นของพนัน” สามว่าพลางยักไหล่ก่อนจะหยิบบุหรี่ขึ้นมาจุดสูบอย่างชิวๆ

 

         “ผมไม่เป็น! ผมจะกลับ ถอยไป!” สไมล์ว่าเพราะสามยืนขวางทางขาไว้อยู่

 

         “มึงไม่กล้า? ถ้างั้นก็อ้อนวอนขอกูสิ อ้อนวอนแบบเมื่อหนึ่งปีก่อนที่กูกำลังจะเอามึง” สามว่าพร้อมกับแสยะยิ้มร้าย สไมล์กำมือแน่น ถ้าเป็นไปได้อยากจะต่อยหน้าอีกคนแรงๆแต่มันคงจะไม่สะใจเท่าไหร่และแรงของเขาคงไม่ได้ทำให้อีกคนสะเทือนผิวเท่าไหร่หรอก



          “หึๆ  ก็ได้ ผมจะเป็นของพนันให้ ไหนล่ะคู่แข่งของคุณ ผมจะได้ดูว่าคนที่ผมจะไปด้วยคืนนี้หน้าตาเป็นแบบไหน” สไมล์ว่าพร้อมยกยิ้มร้ายไม่แพ้กัน สามขมวดคิ้วทันทีกับคำพูดของอีกคน



          “มึงคิดว่ากูจะแพ้หรือไง” สามว่าเสียงดัง



          “แน่นอน คนอย่างคุณมันแพ้ตลอดแหละ หนึ่งปีก่อนก็แพ้คำอ้อนวอนของคนพิการอย่างผมไม่ใช่หรือไง” สไมล์ว่าพร้อมรอยยิ้มร้ายเช่นเดิม สามกำมือแน่นอย่างไม่พอใจ ที่เขาพาอีกคนมาที่นี่ก็เพื่อทำให้อีกคนกลัวและอ้อนวอนเขา ไม่ใช่ให้มาพยศและหยิ่งผยองใส่แบบนี้!



          “นี่เหรอวะของพนันมึง” เสียงหนึ่งขัดจังหวะขึ้นทำให้สามและสไมล์หันไปมองทันที



          “ไอ้ธัน” สามเรียกอีกคน



          “น่ารักดีนี่หว่า คืนนี้กูสู้ตายเลยว่ะ” ธันว่ายิ้มๆพร้อมมองสไมล์อย่างสนอกสนใจ สไมล์ยิ้มให้อีกคนนิดๆแต่กลับสร้างความไม่พอใจให้สามเป็นอย่างมาก



          “ชนะกู ยากหน่อยว่ะ” สามว่าเสียงจริงจัง



          “หึๆ ถ้าของrนันน่าสนใจแบบนี้ มันก็ไม่น่ายากว่ะ” ธันว่าอย่างมั่นใจก่อนจะหันมาหาสไมล์



          “แล้วเจอกันนะครับ”…หลังจากที่ธันเดินกลับไปที่ฝั่งเต็นท์ของตัวเอง สามก็หันมามองสไมล์ด้วยความไม่พอใจทันที



          “มองตามมัน อยากไปกับมันหรือไง!”  สามถามเสียงดัง



          “ก็หล่อดี” สไมล์ว่าหน้าตาเฉย



          “เฮอะ! แต่เสียใจ คนอย่างมันชนะกูไม่ได้หรอก!” สามว่าก่อนจะเดินชนไหล่สไมล์ไปที่รถแข่งที่จอดรอไว้ทันที สไมล์ยกยิ้มมุมปากมองตาอีกคน เขาเชื่อว่ายังไงสามก็ชนะ คนอย่างสามเกลียดที่สุดคือความท้าทาย ยิ่งเขาท้าทายและดูถูกไปแบบนี้คงยิ่งยอมไม่ได้ ถามว่าเขาไม่กลัวหรือไง…ตอบได้เลยว่ากลัวมาก แต่เขาต้องระงับความกลัวด้วยใบหน้าเรียบนิ่งและรอยยิ้มมุมปาก เขาไม่ใช่สไมล์คนเดิม ที่พอกลัวก็ร้องไห้อ้อนวอนออกมา สไมล์คนนี้แข็งแกร่งพอที่จะปกป้องตัวเอง!

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

สามจะชนะมั้ย? น่าจะเดาได้ 5555 หวังว่าจะชอบสไมล์ลุคนี้กันนะคะ พยายามแต่งให้น้องแรงขึ้นแต่เปลือกในก็ยังคงวามเป็นสไมล์เหมือนเดิม ยังไงก็ฝากติดตามด้วยนะคะ

___จางบิวตี้____
หัวข้อ: Re: Poor Boy…รักไม่ได้ [Yaoi Boy’s Love] อัพตอน14 (17/08/59)
เริ่มหัวข้อโดย: Wut_Sv ที่ 17-08-2016 21:59:52
 :angry2: :angry2: :angry2:  เหนื่อยใจกะระบบความคิดของอิสามจริง
หัวข้อ: Re: Poor Boy…รักไม่ได้ [Yaoi Boy’s Love] อัพตอน14 (17/08/59)
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 17-08-2016 22:16:48
สาม ชอบสไมล์
ทำไมไม่พูดไปตรงๆ
แล้วยังเอาสไมล์ไปเดิมพันแข่งรถอีก
ถึงจะเชื่อมั่นในฝีมือ ฝีเท้าของตัวเองก็จริง
สไมล์ ไม่ใช่สิ่งของที่เอาไปพนัน
สามไม่ใช่เจ้าของสไมล์
และสไมล์ ไม่ได้เป็นอะไรกับสามเลย
ทำอย่างนี้ไม่ยุติธรรมกับสไมล์เลย แย่มากกก
      :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: Poor Boy…รักไม่ได้ [Yaoi Boy’s Love] อัพตอน14 (17/08/59)
เริ่มหัวข้อโดย: crazydoii ที่ 18-08-2016 00:32:50
แต่ถ้าวามแพ้ล่ะ

เรื่องคงสนุกน่าดู,,,,
หัวข้อ: Re: Poor Boy…รักไม่ได้ [Yaoi Boy’s Love] อัพตอน14 (17/08/59)
เริ่มหัวข้อโดย: Jessiebier ที่ 19-08-2016 20:41:17
รอสาม ไมล์ สนุกๆๆๆๆๆ
 :mew3:
หัวข้อ: Re: Poor Boy…รักไม่ได้ [Yaoi Boy’s Love] อัพตอน14 (17/08/59)
เริ่มหัวข้อโดย: cheyp ที่ 20-08-2016 02:45:58
อยากให้สามแพ้ จะได้เจ็บที่ทำอะไรไม่คิด
หัวข้อ: Re: Poor Boy…รักไม่ได้ [Yaoi Boy’s Love] อัพตอน14 (17/08/59)
เริ่มหัวข้อโดย: Jang_B2UTY ที่ 21-08-2016 20:20:29
Poor Boy 15

 

          รถแข่งสองคันที่ขับเบียดกันจนเกิดประกายไฟแปล๊บๆอยู่กลางถนนสร่างความตื่นตาตื่นใจให้กับผู้ชมไม่น้อย ยิ่งถ้าใครดุไปพนันไปแล้วล่ะก็ยิ่งทำให้การแข่งขันครั้งนี้ลุ้นระทึกเข้าไปใหญ่ สไมล์ยอมรับว่าเขาเองเช่นกันที่กำลังลุ้นระทึกกับการแข่งขันครั้งนี้ แม้ในใจจะคิดว่ายังสามก็ต้องเอาชนะให้ได้แน่ๆแต่พอเห็นฝีมือคู่แข่งที่สูสีกันแล้วสไมล์ยิ่งรู้สึกหัวใจเต้นรัวด้วยความตื่นตะนก หรือว่าบางทีสามอาจจะแกล้งแพ้แล้วให้เขาไปกับอีกคนเพราะโกรธที่ถูกเขาหักหน้า  พอคิดได้อย่างนั้นนัยน์ตากลมก็สั่นระริกไปหมด



          “เฮ้!!!” เสียงเฮดังขึ้นทำให้สไมล์ที่กำลังตกอยู่ในภวังค์หันไปมองทันทีก่อนที่ริมฝีปากบางจะยกยิ้มขึ้นมาเมื่อเห็นว่าใครที่เป็นคนเข้าเส้นชัยก่อน



          “แม่ง พลาดจนได้” ธันคู่แข่งของสามเดินเข้ามาหาสามก่อนจะยื่นเงินพนันให้

 

         “หึๆ คราวหน้าค่อยแก้ตัว” สามว่าพลางยักไหล่ เขากับธันไม่ได้เป็นศัตรูกันหรอกแค่ในสนามเป็นคู่แข่งกันเฉยๆ



          “ถ้าคราวหน้ามึงพาคนน่ารักมาอีกก็น่าลองแก้มือ” ธันว่าหน้าเจ้าเล่ห์ สามขมวดคิ้วทันที



          “ฝันไปเถอะมึง” สามว่าก่อนจะเดนเข้าเต็นท์ไปหาใครบางคนที่นั่งรออยู่ทันที



          “กลับ!” สามว่าพร้อมคว้าแขนสไมล์แล้วลากไปยังรถที่จอดเอาไว้ทันที สไมล์เองก็เดินตามไปอย่างว่าง่ายไม่ได้มีปากมีเสียงอะไรกันเหมือนตอนแรกที่มา…บรรยากาศบนรถตกอยู่ในความเงียบ ทั้งสามและสไมล์ไม่มีใครพูดอะไรทั้งนั้น สไมล์ตาปรือนิดๆเพราะความง่วงแต่ก็ต้องพยายามฝืนไว้เพราะคงไม่ดีเท่าไหร่ที่เผลอหลับทั้งๆที่อยู่บนรถอีกคนแบบนี้



          “ตามผมลงมาทำไม” สไมล์ถามขึ้นทันทีที่อีกคนลงจากรถพร้อมเขาเมื่อรถเข้ามาจอดที่ที่จอดรถของคอนโดของเขา



          “กูก็ต้องใช้ของพนันให้คุ้มไง” สามว่า สไมล์ตาโตทันทีเพราะพอจะเข้าใจสิ่งที่อีกคนพูด



          “พูดบ้าอะไรของคุณ คุณชนะก็ได้เงินแล้วไง” สไมล์เถียงกลับไป



          “แค่เงินไม่พอหรอก” สามว่าก่อนจะดันสไมล์เข้าไปในลิฟต์ สไมล์กำลังจะอ้าปากท้วงริมฝีปากหนาของอีกคนก็ประกบลงมาทันที สไมล์ร้องอื้ออึงในลำคอพยายามเม้มปากไม่ให้อีกคนสอดแทรกลิ้นเข้ามาแต่มีหรือคนที่มากประสบการณ์อย่างสามจะไม่สามารถ สามกัดปากอีกคนเบาๆให้เผยปากก่อนจะสอดแทรกลิ้นเข้ามาเชยชิมความหวานภายในโพรงปากของอีกคนพร้อมกับมือหนาที่กดลิฟต์ไปยังชั้นของอีกคนที่เขาลืบรู้ยันชั้นและยันห้อง



ติ๊ง!

ประตูลิฟต์เปิดแต่สามก็ยังไม่ยอมละริมฝีปากออกจากอีกคน สไมล์ที่ตอนแรกขัดขืนก็เริ่มอ่อนระทวยอยู่ในอ้อมแขนของอีกคน สามหัวเราะในลำคอเบาๆก่อนจะถอนริมฝีปากก่อนจะตวัดแขนอุ้มอีกคนพาดบ่าทันที



          “ปล่อยผมนะ! จะทำอะไรของคุณ! ปล่อยนะ!” สไมล์โวยวายพร้อมทุบตีที่แผ่นหลังของอีกคนอย่างแรง



          “รหัสอะไร” สามถามเมื่อห้องของสไมล์ต้องใส่รหัส



          “ไม่บอก” สไมล์ปฏิเสธทันควัน



ป๊าบ

มือหนาตีเข้าที่สะโพกบางทันที



          “อย่าดื้อ” สามว่าเสียงขุ่นก่อนจะกดเลขมั่วๆเผื่อว่าอีกคนจะตั้งรหัสง่ายๆ



          “ถามว่ารหัสอะไร” สามถามอีกครั้ง



          “ผมไม่บอกไงเล่า” สไมล์ยังคงยืนยันคำเดิม



          “ถ้าไม่บอก กูจะบีบสะโพกมึงอยู่ตรงนี้แหละ กิดอารมณ์เมื่อไหร่ก็จับเอาแม่งหน้าประตูเอาให้กล้องจับภาพได้ไปเลย” สามว่าขู่ๆ สไมล์ตาโตทันที



          “หนึ่งเก้าศูนย์ห้า” ก่อนที่เสียงหวานจะยอมบอกออกมาในที่สุดเพราะสามไม่ได้แค่ขู่เพราะมือหนาขย้ำสะโพกของเขาจริงๆ พอเปิดประตูได้สามก็พาอีกคนมายังโซฟาก่อนจะโยนอีกคนลงโซฟาอย่างแรงก่อนจะขึ้นคร่อม



          “ทำบ้าอะไรของคุณฮะ!” สไมล์ถามเสียงตื่น



          “หึๆ มึงคนเก่งหายไปไหนล่ะ ที่สนามยังปากเก่งกับกูอยู่เลย” สามว่าพร้อมแสยะยิ้มมุมปาก



          “ผมไม่ได้ปากเก่ง ผมไม่รู้ว่าคุณพูดอะไรกันแน่ เฮอะ” สไมล์เถียง



          “ที่สนามมึงทำอะไรไว้จำไม่ได้หรือไง” สามว่าใบหน้าหล่อยังติดไปด้วยความหงุดหงิดเมื่อนึกถึงเรื่องและสิ่งที่อีกคนทำที่สนามแข่ง สไมล์ขมวดคิ้วกับคำพูดของอีกคน



          “ยั่วนักใช่มั้ย เดี๋ยวกูจะกระแทกให้เอวหัก!” สามว่าเสียงดัง สไมล์ชะงักแต่ก็ต้องพยายามควบคุมอารมณ์ไม่ให้แตกตื่น เพราะไม่เช่นนั้นเขาจะกลายเป็นผู้แพ้ทันที



          “ถ้าคุณยอมกลืนน้ำลายตัวเองก็ลองดู J” สไมล์ว่าอย่างท้าทายพร้อมกับแสยะยิ้มร้ายมุมปาก ที่เขาทำแบบนี้ก็เพราะปกป้องศักดิ์ศรีตัวเอง เขาจะไม่ยอมให้อีกคนมารังแกเขาอีกต่อไปแล้ว สไมล์คนใหม่ไม่ใช่คนอ่อนแออีกต่อไปแล้ว!



        “อย่ามาท้ากูนะ!” สามตะคอก



          “ไม่ได้ท้า แต่คนอย่างคุณมันเป็นพวกชอบกลืนน้ำลายตัวเองไม่ใช่หรือไงเกลียดผมนักไม่ใช่เหรอแล้วมายุ่งกับผมทำไม ต่างคนต่างอยู่ อื้อออออ” เสียงหวานถูกดูดกลืนไปในลำคอทันทีที่ปากหนาประกบจูบลงมาอย่างรุนแรง รสจูบครั้งนี้ไม่ได้มีความอ่อนหวานแต่อย่างใดมีเพียงแค่ความอยากระบายอารมณ์ล้วนๆ สไมล์ร้องอื้ออึ้งในลำคอให้อีกคนปล่อยเพราะเริ่มหายใจไม่ออก สามปล่อยแต่ใช่ว่าจะหยุด ปากหนาเปลี่ยนเป้าหมายมาที่ลำคอขาวทันที



          “ปล่อยผมนะ คนเลว ผมเดี๋ยวนี้นะ!” สไมล์ว่าพร้อมทุบตีอีกคนอย่างแรง



          “เออ กูมันเลว และครั้งนี้กูจะเลวให้สุดๆ อย่าหวังว่ามึงจะรอดแบบทุกครั้ง”สามว่าเสียงเหี้ยม มือหนากระชากเสื้อเชิ้ตของสไมล์ออกอย่างแรงจนผิวขาวเป็นรอยแดงก่อนจะใช้เศษเสื้อมัดที่ข้อมือทั้งสองของสไมล์เอาๆไว้



          “คุณมันก็ดีแต่รังแกคนอื่น ไม่ว่าจะกี่ปีก็ดีแต่รังแกคนไม่มีทางสู้!” สไมล์ว่าเสียงดัง แต่สามไม่สนใจเพราะสิ่งที่เขาสนใจตอนนี้คือยอดอกสีชมพูระเรื่อของอีกคน

 

         “อ๊ะ!” สไมล์สะดุ้งเมื่ออีกคนกัดเข้าที่ยอดอกอย่างแรง ตากลมซึมไปด้วยน้ำตาแต่สไมล์พยายามกลั้นเอาไว้ เขาจะไม่อ่อนแอ จะไม่เสียน้ำตาอีกแล้ว



          “อ้อนวอนกูสิ” สามพูดขึ้นเสียงเย็นพร้อมมองสไมล์อย่างเป็นต่อ



          “ไม่มีทาง!” สไมล์ว่ากลับเสียงดัง



          “หึๆ งั้นมึงก็เตรียมตัวเป็นเมียกูได้เลย” สิ้นเสียงทุ้มมือหนาก็ถอดกางเกงของสไมล์ออกอย่างรวดเร็วจนกายบางเหลือเพียงชั้นในสีขาวปกปิดร่างกาย สไมล์หน้าร้อนด้วยความอับอาย ตากลมสั่นระริกเริ่มหวาดกลัวขึ้นมา ทั้งๆที่คิดว่าตัวเองเข้มแข็งขึ้นแล้วก็ตาม



          “พนันกันมั้ย!” อยู่ๆสไมล์ก็โพล่งเสียงขึ้นทำให้สามที่กำลังทำคิสมาร์คที่หน้าท้องบางต้องชะงัก



          “อะไร?”



          “หนึ่งเดือน…ถ้าคุณทำให้ผมยอมเป็นของคุณได้ ผมก็จะยอมเป็นของคุณด้วยความเต็มใจ” สไมล์ว่าเสียงจริงจัง

 

         “เฮอะ ทำไมกูต้องรอขนาดนั้น ปล้ำๆมึงให้จบไปเลยดีกว่า” สามว่าพร้อมกับก้มลงไปดูดดุนที่ยอดอกสีชมพูอีกครั้ง สไมล์กัดปากกลั้นเสียงและพยายามระงับตัวเองไม่ให้เผลอไผลไปกับอีกคน



          “คุณไม่กล้าสินะ!” สไมล์ว่าเสียงดัง สามชะงักอีกครั้ง ใบหน้าหล่อเงยขึ้นมาพร้อมกับความบึ้งตึง



          “อย่ามาท้า!”

 

         “ผมกำลังท้า  แต่ก่อนคุณเคยมองว่าผมง่ายไม่ใช่หรือไง งั้นก็ทำให้มันเป็นจริงสิเวลาหนึ่งเดือนทำให้ผมยอมเป็นของคุณ” สไมล์ว่าพร้อมมองใบหน้าหล่ออย่างท้าทาย ซึ่งคนที่เกลียดความท้าทายอย่างสามมีหรือจะไม่รับคำท้า

   

         “ได้! แต่อย่าว่าหนึ่งเดือนเลย หนึ่งอาทิตย์มึงเสร็จกูแน่!” สามว่าเสียงเข้มก่อนจะยอมผละออกแล้วแก้มัดให้อีกคน พอพ้นพันธนาการมือบางก็รีบเอาเศษผ้ามาคลุมตัวทันที



          “คุณจะไปไหน” สไมล์ถามขึ้นเมื่อสามทำท่าจะเดินเข้าไปในโซนห้องนอนของเขา



          “อาบน้ำ คืนนี้กูจะนอนนี่” สามว่าหน้าตาย



          “คุณจะมานอนที่นี่ทำไม กลับไปนะ” สไมล์เอ่ยปากไล่



          “เกมส์มึงเริ่มแล้วไม่ใช่หรือไง เตรียมตัวรับมือกับกูคนใหม่ได้เลย” สามยกยิ้มก่อนจะเดินเข้าไปในห้องนอนของอีกคนพร้อมคว้าผ้าเช็ดตัวที่แขวนไว้เข้าห้องน้ำไปหนึ่งเดือนงั้นเหรอ? เหอะๆ อย่างที่บอกแค่อาทิตย์เดียวก็เกินพอ สามเคยควงสาวมานักต่อนัก เขามั่นใจว่าเสน่ห์ของเขาจะทำให้อีกคนสมยอมแน่ๆ…พอแผ่นหลังหนาลับตาไปสไมล์ก็ถอนหายใจออกมาอย่างโล่งใจทันที  สไมล์ไม่รู้ว่าตัวเองกำลังคิดอะไรอยู่ถึงได้ท้าทายอะไรบ้าๆลงไป เพียงแค่ตอนนั้นเขาต้องหยุดอีกคนให้ได้ ให้ตายสิ…แล้วต่อจากนี้เขาจะทำยังไงต่อไป คำท้าทายนั่นเท่ากับว่าเปิดโอกาสให้อีกคนเข้าใกล้เขามากขึ้น บ้าๆๆ บ้าบอที่สุด!

         

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

ปรับอารมณ์ให้ทันนะคะ ตอนหน้าเขาจะหวานกันแล้ว 5555 บุคลิกสามจะเปลี่ยนไปเลยเนอะเพราะนางต้องทำให้สไมล์สมยอมให้ได้ อิๆ ยังไงก็ฝากติดตามด้วยนะคะ

___จางบิวตี้____
หัวข้อ: Re: Poor Boy…รักไม่ได้ [Yaoi Boy’s Love] อัพตอน15 (21/08/59)
เริ่มหัวข้อโดย: Wut_Sv ที่ 21-08-2016 20:58:45
เอาหล่ะ มารอดูสามรุ่นโมดิฟายดีกว่า 555  :laugh: :laugh: :laugh:
หัวข้อ: Re: Poor Boy…รักไม่ได้ [Yaoi Boy’s Love] อัพตอน15 (21/08/59)
เริ่มหัวข้อโดย: Jessiebier ที่ 21-08-2016 22:15:17
สามจะทำยังไงน้าาาาสส :ling3:
หัวข้อ: Re: Poor Boy…รักไม่ได้ [Yaoi Boy’s Love] อัพตอน15 (21/08/59)
เริ่มหัวข้อโดย: crazydoii ที่ 22-08-2016 23:17:11
รอดูต่อไป,,,
หัวข้อ: Re: Poor Boy…รักไม่ได้ [Yaoi Boy’s Love] อัพตอน15 (21/08/59)
เริ่มหัวข้อโดย: Jang_B2UTY ที่ 24-08-2016 19:38:25
Poor Boy 7

( Grammar x Song )

 

           อีกไม่ถึงสามวันก็จะถึงวันครบรอบสามเดือนที่สองคบกับแกรมม่าแล้ว สองคิดว่าเขาควรจะทำอะไรพิเศษๆให้แกรมม่าบ้างเพราะสิ่งที่แกรมม่าทำให้เขามันทำให้เขาดีใจมาก แกรมม่าตัดสินใจเรียนต่อระดับมหาวิทยาลัยที่ไทยซึ่งเรียนมหาวิทยาลัยเดียวกับสามแต่คนละคณะ และอีกไม่ถึงหนึ่งเดือนมหาวิทยาลัยก็กำลังจะเปิดแล้ว



          “นั่งคิดอะไรอยู่” แกรมม่าถามขึ้นเมื่อเห็นสองนั่งเหม่อๆ



          “เปล่าสักหน่อย” สองปฏิเสธ เรื่องอะไรจะบอกสิ่งที่คิดจะเซอร์ไพส์อีกคนกันล่ะ



          “หึๆ หน้าตาพี่ดูมีพิรุธ” แกรมม่าว่าพร้อมทำหน้าทำตาอย่างสงสัย



          “พิรุธอะไร มั่วละ” สองเบ้ปากใส่พร้อมทำท่าจะลุกหนีเพราะกลัวว่าอีกคนคาดคั้นไปคาดคั้นมาแล้วเขาจะหลุดปากแต่ไม่ทันจะได้เดินหนี แกรมม่าก็คว้าเอวบางแล้วดึงอีกคนมานั่งลงบนหน้าตักทันที



          “นี่ ปล่อยนะ” สองว่า ใบหน้าใสแดงก่ำ



          “ไม่ปล่อยถ้าพี่ไม่บอกผมมาก่อนว่ากำลังคิดอะไร ไม่ใช่คิดถึงคนอื่นนอกจากผมหรอกนะ” แกรมม่าแกล้งว่า



     “ชิ ฉันไม่ใช่นายนะ” สองแกล้งว่ากลับแล้วค้อนใส่แต่หารู้ไม่ว่ามันทำให้แกรมม่าสะดุ้งไม่น้อย



          “ผมไม่ได้ทำอะไรสักหน่อย” แกรมม่าว่าพยายามควบคุมเสียงไม่ให้มีพิรุธ



          “ฉันจะเชื่อละกัน” สองว่า แกรมม่ายิ้มๆก่อนจะซุกใบหน้าลงที่ซอกคอของสองทำให้สองรู้สึกจั้กจี้ไม่น้อย



          “นี่...จะทำอะไร ปล่อยนะ” สองว่าพร้อมดิ้นไปมา



          “ขออยู่แบบนี้นะ” แกรมม่าว่าออกมา สองขมวดคิ้วอย่างงงๆแต่ก็ยอมนั่งเฉยๆให้อีกคนซุกไซ้ แกรมม่ากำลังรู้สึกไม่ดี กำลังรู้สึกผิดที่...นอกใจสอง ไม่สิๆ จะเรียกนอกใจก็คงไม่ถูก เรียกว่านอกกายดีกว่า เขารู้ว่าเขามันเจ้าชู้ เขามันเอาไม่เลือกและเขายังทิ้งสันดานเดิมไม่ได้เพราะเมื่อสามวันก่อนเขาไปมีอะไรกับผู้หญิงฝรั่งคนหนึ่งซึ่งเป็นคนเดียวกับที่เจอที่หัวหิน แกรมม่าไม่รู้หรอกว่ามันเป็นความบังเอิญหรือว่าความจงใจของหญิงสาวแต่ที่ๆรู้ ในเมื่ออีกคนเสนอ เขาก็สนองแบบไม่ต้องคิดเลย



          “เป็นอะไร ไม่สบายหรือเปล่า” สองถามขึ้นเมื่อเห็นว่าอีกคนเงียบไปแปลกๆ



          “น่าจะนิดหน่อย” แกรมม่าตอบเสียงแผ่ว ใบหน้าหล่อยังคงซุกไซ้ซอกคอขาวที่ส่งกลิ่นหอมอ่อนๆของอีกคนอยู่ แกรมม่ารักสอง เขายืนยันความรู้สึกนี้ รักจนอยากจะทะนุถนอมอีกคนเอาไว้ จำได้ว่าตอนมีครั้งแรกกัน สองก็จับไข้ ไม่สบายเลยทีเดียวและตั้งแต่นั้นมาเขาก็ไม่ได้แตะต้องอีกคนอีกนอกจากกอดกับจูบเท่านั้น



          “งั้นก็ต้องกินยา เดี๋ยวจะเป็นหนักไปซะ” สองว่าก่อนจะรีบลุกออกจากหน้าตักอีกคนทันทีโดยที่แกรมม่าไม่ทันได้รั้งไว้ ร่างบางเดินไปที่ตู้ยาสามัญประจำบ้านในคอนโดของแกรมม่าด้วยใบหน้าเป็นกังวลทำให้แกรมม่าอดที่จะรู้สึกผิดมากกว่าเดิมไม่ได้ เมื่อได้เห็นท่าทางเป็นห่วงเป็นใยที่จริงใจของอีกคน



          “สัญญาว่าจะไม่มีครั้งต่อไป ขอโทษ” แกรมม่าพึมพำออกมา...วันนี้เป็นวันครบรอบสามเดือนที่คบกันของแกรมม่ากับสอง สองแกล้งบอกกับอีกคนว่าวันนี้เขาไม่ว่างไปหาเพราะออกไปทำธุระกับพ่อ ซึ่งความจริงแล้วเขากำลังทำเค้กวันครบรอบ ที่เรียนทำจากป้าแม่ครัวสำหรับวันครบรอบวันนี้ให้อีกคนนั่นเอง ตอนแรกสองจะไปเซอร์ไพส์แกรมม่าช่วงค่ำๆ แต่เพราะเค้กที่เขาทำออกมามันออกมาได้ไม่ดีเลยต้องเสียเวลาทำใหม่ คาดว่า4-5ทุ่ม น่าจะเสร็จ...ทางด้านแกรมม่าวันนี้เขาโทรนัดนาช่าผู้หญิงฝรั่งที่เขามีสัมพันธ์ด้วยออกมาเจอที่ผับที่เจอกัน เขาต้องการตัดสัมพันธ์เธอแม้ว่านาช่าจะไม่ได้เข้ามาวุ่นวายกับเขาก็ตาม แต่อย่างน้อยแกรมม่าก็ต้องการทำอะไรให้มันชัดเจน แกรมม่านอนรู้สึกผิดกับสองทุกคืน แม้ว่าจะนอนกอดอีกคนแต่หัวใจกลับไม่มีความสุข



          “นัดไอมามีเรื่องอะไรหรือเปล่า” นาช่าทักขึ้นก่อนที่ร่างสะโอดสะองในชุดเดรสสีแดงจะนั่งลงที่เก้าอี้บาร์ข้างๆแกรมม่า



          “ไอจะบอกกับยูว่า ไอจะไม่ขอติดต่อกับยูอีก” แกรมม่าว่าเสียงเรียบ นาช่าเลิกคิ้วนิดๆก่อนจะหัวเราะออกมา



          “กลัวแฟนของยูรู้?”



          “ประมาณนั้น ไอไม่อยากรู้สึกผิดกับเขา” แกรมม่าตอบตามตรง เขาชอบนิสัยนาช่าอย่างหนึ่งคือพูดง่าย ไม่วุ่นวาย น้ำแตกก็แยกทางไม่ต้องมามีพันธะอะไรกันทั้งสิ้น



          “ไม่คิดว่ายูจะคิดได้ ฮ่าๆๆ” นาช่าว่าไปก็หัวเราะไป เธอเองก็ไม่ได้สนใจอะไรแกรมม่าอยู่แล้ว เธอเป็นผู้หญิงเที่ยว มีสัมพันธ์กับผู้ชายไม่ว่าจะไทยหรือต่างชาติมาไม่น้อยและไม่ได้ผูกพันกับใครแต่ที่เจอแกรมม่าที่หัวหิน คิดว่าน่าสนใจดีเลยคิดว่าถ้ามีโอกาสอยากจะสานสัมพันธ์ด้วยสักครั้งก็แค่นั้น สนุกทั้งสองฝ่าย วินๆกันไป



          “หึๆ นั่นน่ะสิ สงสัยคนนี้จะคือคนที่ใช่จริงๆ” แกรมม่าว่าพร้อมกับหัวเราะตัวเองนิดๆเพราะไม่เคยคิดว่าจะมีวันที่เสือจะทิ้งลาย แกรมม่าเป็นลูกครึ่งเกิดและโตที่อังกฤษ มีกลับมาเยี่ยมตากับยายที่ไทยบ้างเป็นบางครั้งบางคราวแต่ชีวิตของเขาก็คือที่อังกฤษ แกรมม่าถูกเลี้ยงแบบลูกฝรั่งที่พ่อแม่ปล่อยให้ทำอะไรก็ได้ตามใจตัวเองแกรมม่ากินเหล้าสูบบุหรี่ครั้งแรกตั้งแต่อายุ14และมีเซ็กส์ครั้งแรกตั้งแต่อายุ15 กับรุ่นพี่ที่โรงเรียน จึงไม่แปลกที่เขาจะดำเนินชีวิตแบบรักสนุกมาจนถึงทุกวันนี้แต่พอเจอสอง เขาก็รู้สึกว่าตัวเองเปลี่ยนไป สายตาของเขามักมองแต่อีกคน จนเมื่อได้คบกันแม้ว่าจะในระยะเวลาที่ไม่นานแต่เขาก็กล้าพูดได้เลยว่าเขารักสอง



          “ไหนๆก็จะอำลากันแล้ว คืนนี้ไปส่งท้ายกันมั้ย” นาช่าเอ่ยปากชวน



          “ส่งท้าย?” แกรมม่าเลิกคิ้ว



          “ใช่ไง วันนี้ไอไม่เจอใครที่ถูกใจเลย อยู่เป็นเพื่อนไอคืนสุดท้ายละกันนะ” นาช่าว่าพร้อมกับเล็บสีแดงที่กรีดกรายมาที่เสื้อเชิ้ตของแกรมม่าอย่างยั่วยวน แกรมม่าชะงักอยากจะปฏิเสธออกมาแต่พอเห็นท่าทางของคนตรงหน้าแล้ว สันดานเดิมก็เริ่มตื่นตัวอีกครั้ง



          “ที่ไหนดีล่ะ?”...ปากบางที่เคลือบด้วยลิปสติกสีแดงระดมจูบปากหนาอย่างร้อนแรงอย่างไม่มีใครยอมใครก่อนที่นาช่าจะเป็นฝ่ายผลักแกรมม่าลงโซฟาแล้วขึ้นคร่อม ตอนแรกพวกเขาจะไปเปิดโรงแรมกันแต่แกรมม่ากังวลว่าพรุ่งนี้สองจะมาหาเขาแต่เช้าแล้วกลับคอนโดไม่ทันจึงพานาช่ามาที่คอนโดแทน ซึ่งข้อแม้คือมีอะไรกันได้ที่โซฟาเท่านั้นและพอเสร็จ นาช่าก็ต้องกลับไปทันที

 

         “อื้มม” แกรมม่าครางในลำคออย่างพึงพอใจเมื่ออีกคนกัดเข้าที่ใบหูของเขาอย่างยั่วยวน ใบหน้าหล่อเชิดขึ้นด้วยแรงอารมณ์ ตาคมหลับพริ้มพร้อมกับนึกภาพของสองแล้วเผลอคิดว่าถ้าคนที่กำลังอยู่บนร่างของเขานี้เป็นสองก็คงจะดีไม่น้อย



          “ไอจะทำให้ถึงใจเป็นการส่งท้ายยูละกัน” นาช่าว่าก่อนจะปลดกระดุมเสื้อของแกรมม่าก่อนที่ปากแดงจะไล้เลียไปตามแผ่นอกและกล้ามเนื้อหน้าท้องของแกรมม่าอย่างเจนจัด หลังจากที่เล้าโลมส่วนบนเสร็จนาช่าก็ปลดกางเกงของแกรมม่าออกพร้อมชั้นในก่อนจะลุกขึ้นมาถอดเดรสและชั้นในของตัวเองออกเช่นกัน



          “ยูต้องการท่าไหนล่ะ บอกไอมาได้เลย” นาช่าว่าพร้อมยิ้มยั่ว ปากแดงกำลังไล้เลียแก่นกายของแกรมม่าซึ่งสร้างความเสียวซ่านให้แกรมม่าไม่น้อย



          “หึๆ ตามใจ” แกรมม่าว่า นาช่ายกยิ้มก่อนจะครอบครองแก่นกายของสามจนเต็มปากก่อนจะขยับปากเข้าออก...ทางด้านของสอง พอเค้กเสร็จสองก็รีบจัดเข้ากล่องแล้วขับรถตรงดิ่งมาที่คอนโดแกรมม่าทันที นี่5ทุ่มกว่าแล้วเค้กเสร็จช้ากว่าที่คิดไปนิดนึงแต่คิดว่าเวลาแบบนี้อีกคนคงยังไม่นอนแน่ๆแต่ถึงนอนแล้วเขาก็เซอร์ไพส์ได้เพราะเมื่อวันก่อนเขาแอบขโมยกุญแจห้องอีกคนมาปั้มสำรองเอาไว้ไง สองเดินถือกล่องเค้กด้วยรอยยิ้มมาตลอดทางเดินยิ่งมาถึงหน้าห้องหัวใจก็ยิ่งเต้นรัวอย่างตื่นเต้นไม่รู้ว่าแกรมม่าจะชอบของขวัญที่เขาให้หรือเปล่าแต่เขาก็ตั้งใจทำมันมากจริงๆ สองไม่ใช่คนปากหวานหรือชอบแสดงความรักออกมา บางทีแกรมม่าอาจจะน้อยใจก็ได้เพราะฉะนั้นวันนี้เป็นวันดีเขาก็อยากทำอะไรดีๆให้อีกคนบ้าง



แกร็ก



แอดดดด

          “อ๊ะ...อ๊า...อื้อ...อ๊า...ซี๊ดด...อ๊า...อ๊ะ...อ๊ะ...อ๊า” พอเปิดประตูเข้ามาภาพแรกที่สองเห็นก็คือร่างของหญิงสาวผมบอนด์ที่กำลังโยกตัวอย่างเมามันส์พร้อมกับเสียงครวญครางไม่ขาดปาก สองนิ่ง มือไม้สั่นไปหมดอย่างทำอะไรไม่ถูก ตาเรียวสั่นระริกไปหมด



          “เอาของมาให้” สองพูดขึ้นท่ามกลางกิจกรรมอันร้อนแรงที่กำลังดำเนินอยู่ ซึ่งเสียงของสองที่ดังขึ้นทำให้แกรมม่าชะงักทันที นาช่าเองก็เช่นเดียวกัน



          “พี่!” แกรมม่าเรียกสองอย่างตกใจก่อนจะรีบผลักนาช่าลงจากตัวทันที นาช่ารนรานรีบคว้าเสื้อผ้ามาสวมอย่างรวดเร็ว ส่วนแกรมม่าก็คว้าผ้าเช็ดตัวที่อยู่ใกล้ๆโซฟามาพันเอวไว้



          “ของขวัญวันครบรอบน่าประทับใจดีนี่” สองว่าเสียงเรียบพร้อมกับตาเรียวที่มองมาที่แกรมม่าและนาช่า



          “อ่ะ...เอ่อ...คือว่าไอ”



          “หุบปาก ใครพูดกับเธอ!!” สองหันไปตะคอกใส่นาช่า



          “พี่คือผม...” แกรมม่ารนรานพูดไม่ออกไม่คิดว่าสองจะเข้ามาเห็นเหตุการณ์นี้



          “นี่คือของขวัญวันครบรอบสามเดือนของเรา ฉันทำมาให้” สองว่าพร้อมกับเอาถุงเค้กใส่มือแกรมม่า แกรมม่าตาสั่นระริกมองอีกคนซึ่งเขาไม่สามารถคาดเดาใบหน้านิ่งๆของอีกคนได้เลย



          “และจากนี้ไป...ไม่ต้องมาเจอกันอีก เลิกกัน จะไปเอากับอีตัวที่ไหนก็ไป!”ประโยคสุดท้ายสองหันมาพูดกับนาช่าก่อนจะหันหลังเดินออกไป



          “ไม่นะพี่ ไม่เลิก” แกรมม่าว่าพร้อมกับกอดเอวสองเอาไว้ เขารู้สึกผิดมาก รู้สึกผิดที่ทำแบบนี้ครั้งที่สอง ทั้งๆที่สัญญาเอาไว้ว่าจะไม่ทำอีก...แต่แม่ง เขามันเลว เขามันเชี่ย!!



          “อย่าเอาตัวสกปรกของนายมาโดนตัวฉัน!!” สองแผดเสียงใส่พร้อมดึงมือแกรมม่าออกอย่างแรง ใบหน้าใสที่เต็มไปด้วยอารมณ์โกรธหันมามองหน้าแกรมม่าอีกครั้ง



          “เกลียด...คนสารเลว” สองว่าออกมาส่งท้ายก่อนจะเดินหันหลังออกไปแกรมม่ายืนนิ่งงันกับคำด่าที่ออกมาจากปากของอีกคน ตาคมหลั่งน้ำตาออกมาที่คิดว่าชีวิตนี้คงจะไม่ได้มีโอกาสร้องไห้อะไรเพราะใครแบบนี้มาก่อนแต่ตอนนี้...เขากำลังเจ็บ เจ็บปวดไปหมด ทั้งเจ็บ ทั้งเสียใจ

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

กรี๊ดดดดดด เรื่องราวย่ำแย่กว่าที่คิดใช่มั้ย? 55555 ตีแผ่ชีวิตผู้ชาย(บางคน)เนอะ โลกความจริงไม่สวยงาม โลกนิยายก็เช่นกัน ยังไงก็ฝากติดตามด้วยนะคะ กินมาม่ากันให้อืดไปเล้ย!
___จางบิวตี้___
หัวข้อ: Re: Poor Boy…รักไม่ได้ [Yaoi Boy’s Love] อัพคู่รองตอน7 (24/08/59)
เริ่มหัวข้อโดย: dena ที่ 24-08-2016 21:00:53
สมน้ำหน้าแกรมม่า ทำตัวเองแท้ๆ โกรธนานๆนะสองไม่ต้องไปยกโทษให้ :angry2: :m16:
หัวข้อ: Re: Poor Boy…รักไม่ได้ [Yaoi Boy’s Love] อัพคู่รองตอน7 (24/08/59)
เริ่มหัวข้อโดย: Wut_Sv ที่ 24-08-2016 22:56:17
อ้ากกกก สะใจอิป้า อิแกรมม่าสารเลว เกลียดมาก เกลียดตั้งแต่ต้นเรื่องเลย สามเลวยังไม่เกลียดเท่านี้เลยสองอย่ายอมมันง่ายๆนะ เกลียดยาวๆ ไปเลย (อินหนักมากกกกก)  :katai4: :katai4: :katai4:
หัวข้อ: Re: Poor Boy…รักไม่ได้ [Yaoi Boy’s Love] อัพคู่รองตอน7 (24/08/59)
เริ่มหัวข้อโดย: HISY ที่ 25-08-2016 02:14:55
สมน้ำหน้าแกรมม่า :angry2:
หัวข้อ: Re: Poor Boy…รักไม่ได้ [Yaoi Boy’s Love] อัพคู่รองตอน7 (24/08/59)
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 25-08-2016 05:11:23
อย่างที่คิดจริงๆ
แกรมม่า รักสอง
แต่สายตายังแพรวพราว เจ้าชู้กับหญิงอื่น
บอกว่าไม่ทำอีก แต่พอสาวบอกครั้งสุดท้าย
ก็เลยสุดท้ายกับสองไปด้วย
อุตส่าห์จีบสองได้
      :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: Poor Boy…รักไม่ได้ [Yaoi Boy’s Love] อัพคู่รองตอน7 (24/08/59)
เริ่มหัวข้อโดย: Jang_B2UTY ที่ 25-08-2016 19:28:06
Poor Boy 16

 

หลังจากวันนั้นที่เผลอหยุดปากท้าพนันกับสาม สไมล์ก็รู้สึกว่าเขากำลังคิดผิดเพราะแทนที่เขาจะถอยห่างจากอีกคนได้กลับกลายเป็นว่าเขาต้องมีอีกคนเข้ามาวนเวียนในชีวิตตลอดเวลาอย่างเช่นวันนี้



          “มารับ” สามพูดขึ้นขณะที่มายืนรอรับสไมล์ที่หน้าตึกคณะ ผิงกับเมาส์เมื่อเห็นว่ามีหนุ่มหล่อคุ้นหน้าคุ้นตามารอรับเพื่อนสนิทก็อดที่จะมองอย่างแซวๆไม่ได้



          “ไม่ได้บอกให้มาสักหน่อย” สไมล์ว่าทำท่าจะเดินหนีไปกับเพื่อนแต่ก็ถูกสามคว้าข้อมือเอาไว้



          “จะพาไปกินข้าวเย็น” สามว่าต่อ ก่อนจะเปลี่ยนมือจากจับข้อมืออีกคนมากุมมือบางแล้วพาเดินไปที่รถโดยที่สไมล์ก็อดตกใจไม่น้อยกับการกระทำของอีกคน ตั้งแต่วันนั้นสามพยายามเข้าหาเขามาก ซึ่งสไมล์คิดว่าอีกคนคงอยากชนะเขามากแน่ๆถึงได้ทำแบบนี้แต่ไม่มีทางหรอก เขาไม่ใช่สไมล์คนเดิม ที่จะใจอ่อน หัวอ่อนกับอะไรง่ายๆแบบนั้นอีกแล้ว



          “อยากกินร้านไหน” สามถามขึ้นขณะที่กำลังเดินอยู่ในห้างสรรพสินค้าหรูใจกลางเมืองซึ่งเป็นโซนของร้านอาหาร สไมล์ปรายตามองร้านอาหารหลากหลายร้านอย่างครุ่นคิด



          “ร้านนั้น” สไมล์ชี้ไปที่ร้านไก่ทอดเกาหลีชื่อดัง



          “กินข้าวไม่ดีกว่าหรือไง” สามขมวดคิ้ว



          “ก็อยากกินไก่” สไมล์เถียงพร้อมทำหน้างอที่อีกคนขัดใจ



          “ก็เพราะแบบนี้ตัวเลยไม่โต ผอมจนเหลือแต่กระดูก”



          “โตแล้วเถอะ คุณจะมารู้ดีกว่าตัวผมได้ยังไง” สไมล์ยังคงเถียงหน้าง้ำหน้างอ



          “รู้ดิ...ก็เคยเห็นมาหมดแล้ว” สามว่าก่อนจะยื่นหน้าไปกระซิบประโยคหลังข้างหูบาง สไมล์ชะงัก ใบหน้าใสขึ้นสีระเรื่อทันทีแต่ร่างบางก็พยายามควบคุมสีหน้าเอาไว้ก่อนจะยกยิ้มมุมปากบ้าง



          “ก็ได้แค่เห็นมั้ยล่ะ”...หลังจากที่กินไก่ทอดเกาหลีชื่อดังตามใจสไมล์เสร็จสามก็ขับรถพาสไมล์มาส่งที่คอนโดเพราะไม่ได้พาไปไหนต่อเนื่องจากอีกคนบอกว่าพรุ่งนี้มีสอบ คืนนี้ต้องอ่านหนังสือ สามเองก็ไม่อยากจะรบกวนอะไรอีกคนนัก แม้ว่าอยากจะพยายามหาทางใกล้ชิดอีกคนเพื่อหาโอกาสให้อีกคนใจอ่อนก็เถอะ แต่ก็นะ...นี่มันพึ่งผ่านไปได้แค่3วันเอง เวลายังมีอีกเยอะ หึๆ



          “ไม่ลากันหน่อยหรือไง” สามท้วงขึ้นเมื่อสไมล์กำลังจะลงจากรถ สไมล์ชะงักก่อนจะหันมาเลิกคิ้ว



          “ต้องล่ำลายังไงมิทราบ?”



          “แบบนี้ไง” สามว่าก่อนจะโน้มหน้าเข้ามาจุ๊บริมฝีปากบางทันทีโดยที่สไมล์ไม่ทันตั้งตัว



          “คุณ...”



          “หึๆ หน้าแดงเชียว เขินหรือไง” สามแกล้งแซวขึ้น สไมล์รีบเก็บสีหน้าทันที



          “ไม่มีทางเสียหรอก” สไมล์สะบัดหน้าใส่ก่อนจะรีบลงจากรถคันหรูทันที สามหัวเราะในลำคอนิดๆกับท่าทางของอีกคนก่อนจะออกรถ สไมล์กัดปากมองตามรถคันหรูออกไปด้วยหัวใจที่สั่นไหวแปลกๆ อ่อนหัด!...เขานี่มันอ่อนหัดชะมัด ไม่ได้การแล้วล่ะ ถ้าขืนยังปล่อยให้อีกคนรุกเขาฝ่ายเดียวแบบนี้คงไม่ดีแน่ๆ



          “หยุดหัวเราะไอเดี๋ยวนี้นะ!” สไมล์โวยวายใส่เพื่อนสนิทคนสวยที่อยู่คนละทวีปขณะที่กำลังเฟชไทม์กันขึ้น



          (“ก็มันตลกนี่ ยูท้าเขาแบบนั้นเท่ากับยูเปิดโอกาสให้เขาชัดๆ”) เอมม่าว่าตามที่ใจคิด



          “ก็ตอนนั้นไอคิดอะไรไม่ออกนี่ คิดแค่ว่าต้องเอาตัวรอด” สไมล์ว่าหน้าหงิกหน้างอ เขาไม่เคยมีความลับกับเอมม่าได้จริงๆเพราะยังไงเธอก็เป็นเพื่อนที่เขาสามารถปรึกษาได้ทุกเรื่อง ไม่เว้นแม้กระทั่งเรื่องนี้



          (“ที่ยูเล่า ยูบอกว่าเขาเข้าหายูมากแถมยังเปลี่ยนการกระทำ คำพูดอีก แบบนี้ยูจะไม่หวั่นไหวหรือไง”) เอมม่าว่า สไมล์ชะงักพร้อมกัดปาก



          “ไอ...”



          (“เห็นท่าทางยูแล้ว ไอว่าอีกไม่นาน”) เอมม่าส่ายหน้าไปมา



          “ไม่มีทาง ไอเคยแล้วไงว่าไอจะไม่มีทางกลับไปเป็นไอคนเดิม คนอ่อนแอ คนหัวอ่อนคนนั้นอีกแล้ว” สไมล์ว่าพร้อมกับใบหน้าเจ็บปวดเมื่อนึกถึงเรื่องราวในอดีต



          (“งั้นยูจะนิ่งๆไม่ได้แล้วล่ะ”) เอมม่าว่าพร้อมมองหน้าสไมล์อย่างจริงจัง



          “ยูหมายถึง?”



          (“ทำให้เขาหลงยู ก่อนที่ยูจะหลงเขาแล้วทำให้เขาเจ็บปวดจนไม่อยากจะมายุ่งกับยูอีก เป็นไง...แบบนี้น่าจะสมน้ำสมเนื้อกับที่เขาเคยทำกับยูนะ”)...คำพูดของเอมม่ายังคงวนเวียนอยู่ในหัวของสไมล์จนเขาแทบจะอ่านหนังสือไม่รู้เรื่อง คนอย่างเขาเนี่ยนะจะทำให้สามหลงได้ เหอะๆ ยากเสียยิ่งกว่าตอนสอบเข้าทันตะแพทย์เสียอีก...วันนี้เป็นวันหยุดและสามก็มารับสไมล์ออกไปดูหนังตั้งแต่10โมง ตอนแรกสไมล์ก็ปฏิเสธแต่พอมาคิดๆคำพูดของของเอมม่าดูแล้ว เขาว่าเขาควรจะเป็นฝ่ายรุกอีกคนบ้าง ไม่ใช่ตั้งรับให้อีกคนมาทำให้ตัวเองหวั่นไหวอยู่ฝ่ายเดียว สไมล์เป็นคนใจอ่อน เขารู้จักตัวเขาดี แม้จะบอกว่าเขาเปลี่ยนไปแล้วแต่ก็นะ...ยังไงตัวเราเองก็ย่อมรู้จักตัวเราเองมากกว่าใครๆทั้งหมด



          “มึงอยากดูเรื่องไหน” สามถามขึ้นขณะที่กำลังยืนอยู่หน้าโรงหนัง



          “อืม...” สไมล์ทำท่าคิดก่อนจะเหลือบไปเห็นโปรแกรมหนังสยองขวัญ ก่อนที่ริมฝีปากบางจะกระตุกยิ้ม



          “เอาเรื่องนี้”...สามซื้อตั๋วหนังสยองขวัญมาสองใบกับป๊อบคอร์นหนึ่งชุด หนังกำลังเริ่มเล่นซึ่งสไมล์ยอมรับว่าหนังน่ากลัวสมคำร่ำลืมจริงๆ ไม่ใช่ว่าเขาชอบหนังแนวนี้นะแต่ที่เลือกก็เพื่อ...จะอ่อยอีกคนยังไงล่ะ



          “อ๊ะ” สไมล์ร้องพร้อมสะดุ้งทันทีเมื่อผีโผล่ออกมา ร่างบางเผลอไปซุกอีกคนอัตโนมัติ สามยกยิ้มนิดๆที่เห็นอีกคนซุกไซ้เข้ามาหาตัวเอง



          “หึๆ กลัวหรือไง” สามถามขึ้นพร้อมยกยิ้มมุมปาก



          “ก็ผีมันน่ากลัวนี่” สไมล์ว่าก่อนจะเงยหน้าจากต้นแขนอีกคนมามองหน้าอีกคนระยะห่างระหว่างใบหน้าที่มีไม่มากไม่ได้ทำให้สไมล์ผงะหรือถอยห่างออกไป สามมองร่างบางอย่างหยั่งเชิงก่อนจะขยับใบหน้าเข้ามาใกล้และเมื่อสไมล์ไม่หันหนี ปากหนาก็ประกบเข้ากับปากบางทันที



          “อื้ออออ” สไมล์ครางในลำคอออกมาเมื่ออีกคนประทับจูบ ลิ้นหนาสอดแทรกเข้ามาในโพรงปากก่อนจะเกี่ยวพันกับลิ้นเล็กอย่างร้อนแรงแต่ก็แฝงไปด้วยความอ่อนโยน สไมล์จูบอีกคนกลับอย่างไม่ยอมแพ้ทำให้รสจูบครั้งนี้ทำให้หัวใจสองดวงเผลอเต้นแรงโดยที่เจ้าของของมันไม่ทันจะได้รู้ตัว



          “หายกลัวหรือยัง” สามถามหลังจากที่ถอนจูบ ไม่รู้ว่าสไมล์คิดไปเองหรือเปล่าว่าน้ำเสียงของอีกคนมันอ่อนโยนแบบแปลกๆ



          “เมื่อกี้ปลอบหรือไง” สไมล์ถามกลับพร้อมมองหน้าอีกคน



          “แล้วถ้าบอกว่าใช่ล่ะ?” สามเลิกคิ้ว



          “งั้นปลอบอีกทีสิ กลัวอีกแล้ว” สามยกยิ้มก่อนที่ปากหนาจะประกบเข้ามาอีกครั้ง...หลังจากที่ดูหนังเสร็จสามก็เดินจับมือสไมล์ออกมาจากโรงหนัง สไมล์รู้สึกหน้าร้อนแปลกๆเมื่อเห็นสายตาของอีกคนที่มองมาที่เขา มันพาลทำให้นึกถึงตอนอยู่ในโรงหนังที่เขาทั้งคู่จูบกันไปสามครั้ง...ใช่ จูบไปสามครั้งโดยที่เขาเป็นฝ่ายเชิญชวนเองด้วย! ให้ตายสิ...สไมล์ไม่คิดเลยว่าตัวเองจะใจกล้าบ้าบิ่นขนาดนี้ เขาพยายามบอกตัวเองว่าที่ทำไปก็เพราะอยากชนะในเกมส์นี้ เขาต้องทำให้อีกคนหลงเขาก่อนที่เขาจะเป็นฝ่ายเผลอไผลไปกับอีกคน



          “อยากกินอะไร” สามถามขึ้น



          “อยากกินเค้ก” สไมล์ตอบพร้อมกับมองไปที่ร้านเค้กชื่อดังที่อยู่ไม่ไกลนัก



          “อ้วน” สามว่า สไมล์หันไปมทำหน้าง้ำงอใส่ทันที



          “ไหนบอกว่าผอมเหลือแต่กระดูกไง วันนี้มาบอกอ้วน คุณจะเอายังไงกันแน่”สไมล์ว่าอย่างไม่พอใจ แหงแหละ...เขาไม่ได้อ้วนนี่เรื่องอะไรถึงมาว่าเขามาอ้วนกันล่ะ



          “ตัวมึงผอมแต่แก้มมึง...” สามเว้นวรรคก่อนจะยื่นมือมาดึงแก้มกลมๆของอีกคน



          “งื้ออออ ดึงทำไมเนี่ย เจ็บนะ” สไมล์ว่าพร้อมแกะมืออีกคนออก



          “คนอะไรวะตัวเล็กแต่แก้มใหญ่ชิบหาย” สามว่าพร้อมดึงแก้มอีกคนอีกครั้ง



          “ฮึ่ย์ ก็คนอย่างผมนี่แหละ ผมจะกินเค้ก ไม่อยากกินก็เรื่องของคุณ” สไมล์ว่าอย่างไม่พอใจก่อนจะเดินนำอีกคนไปยังร้านเค้กทันที รู้สึกว่าตัวเองหงุดหงิดขึ้นมาแปลกๆ ทั้งๆที่เขาเป็นคนควบคุมอารมณ์ตัวเองเก่งแต่พอโดนอีกคนว่าว่าอ้วนทำไมต้องรู้สึกแบบนี้ด้วยนะ...งอน? บ้าๆๆ งอนบ้าอะไรกัน คำว่างอนมันเอาไว้ใช่กับคนที่สำคัญไม่ใช่หรือไง เขาแค่หงุดหงิดต่างหาก แค่หงุดหงิดเท่านั้น!



        พลั้ก

เพราะมัวแต่รีบเดินทำให้สไมล์ไม่ได้มองทางเดินชนกับใครคนหนึ่งที่กำลังเดินออกจากร้านเค้กเข้าอย่างจัง



          “ขอโทษครับ” สไมล์ว่าออกมาทันทีก่อนจะเงยหน้ามองคู่กรณี



          “สไมล์...” อีกคนเรียกสไมล์อย่างอึ้งๆ สไมล์อีกก็อึ้งเช่นกันก่อนที่ริมฝีปากบางจะเผลอยิ้มกว้าง



          “พะ...พี่หนึ่ง”



          “มึงจะรีบเดินไปไหนวะ...พี่หนึ่ง” สามที่เดินตามสไมล์มาตกใจไม่น้อยที่เจอพี่ชายตัวเองที่นี่



          “สาม สไมล์ ทำไม?” หนึ่งขมวดคิ้วทันทีที่เห็นว่าทั้งคู่มาด้วยกัน ในหัวตอนนี้ของเขามีหลากหลายอารมณ์ไปหมด ทั้งดีใจที่ได้เจอสไมล์ ไม่เข้าใจที่สไมล์มากับสามและยิ่งไม่พอใจเมื่อเห็นว่าสามยื่นมือมาจับมือสมล์ นี่มันเรื่องอะไรกัน!           



     “พี่หนึ่งครับ เมาส์จ่ายเงินเสร็จแล้วครับ” เสียงหนึ่งดังขึ้นพร้อมกับร่างเล็กที่เดินออกมาจากร้านเค้ก



          “เมาส์!”



          “สไมล์!”

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

เอาแล้วๆๆ พี่หนึ่งขวัญใจทุกคนกลับมาแล้วค่า 555555 เรื่องราวกำลังเข้มข้นเลย อยากให้ติดตามกันไปจนจบเน้อออออ จุ๊บๆ

___จางบิวตี้___
หัวข้อ: Re: Poor Boy…รักไม่ได้ [Yaoi Boy’s Love] อัพตอน16 (25/08/59)
เริ่มหัวข้อโดย: dena ที่ 25-08-2016 19:57:58
เอาแล้วๆ พี่หนึ่งเนี่ยตัดใจจากสไมล์ได้ยัง แล้วพี่หนี่งรักเมาส์จิงหรือแค่จีบเล่นๆเนี่ยยย
โอ้ยยยยยยยอยากรู้ๆๆๆๆ   :katai4: :katai4: :katai4: :m31: :m31: :m31:
หัวข้อ: Re: Poor Boy…รักไม่ได้ [Yaoi Boy’s Love] อัพตอน16 (25/08/59)
เริ่มหัวข้อโดย: Wut_Sv ที่ 25-08-2016 20:01:32
ทำแบบนี้จะกลายเป็นต่างคนต่างหลงน่ะซิ  :hao3: :hao3: :hao3:

พี่หนึ่งมาแล้ว มาพร้อมเมาส์ซะด้วย ตอนแรกก็กะไว้แล้วหล่ะ เปิดตัวประวัติศาตร์ป่ะเนี่ย คู่รองคู่ที่ 3 หรือว่าคู่หลักเรื่องต่อไป :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:

เป็นประวัติการณ์มากป่านนี้คู่หลักยังไม่ได้เสียกันเลย 555  :laugh: :laugh: :laugh:

หัวข้อ: Re: Poor Boy…รักไม่ได้ [Yaoi Boy’s Love] อัพตอน16 (25/08/59)
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 25-08-2016 21:35:52
หนึ่ง เมาส์
สอง แกรมม่า
สาม สไมล์
ครบคู่แล้ว
      :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: Poor Boy…รักไม่ได้ [Yaoi Boy’s Love] อัพตอน16 (25/08/59)
เริ่มหัวข้อโดย: Jessiebier ที่ 26-08-2016 17:11:32
 :impress2: :z10:เกลียดแกรมม่ามากๆ คืออารมเสียค่ะ สงสารสองมากๆ ขอให้สองเจอคนที่ดีกว่านี้ด้วยเถิด   :ling1:
หัวข้อ: Re: Poor Boy…รักไม่ได้ [Yaoi Boy’s Love] อัพตอน16 (25/08/59)
เริ่มหัวข้อโดย: HISY ที่ 26-08-2016 17:41:09
พี่่หนึ่งลืมสไมล์ได้แล้ว?
หัวข้อ: Re: Poor Boy…รักไม่ได้ [Yaoi Boy’s Love] อัพตอน16 (25/08/59)
เริ่มหัวข้อโดย: crazydoii ที่ 26-08-2016 22:15:13
พี่หนึ่ง กะเมาส์ หรอ??
หัวข้อ: Re: Poor Boy…รักไม่ได้ [Yaoi Boy’s Love] อัพตอน16 (25/08/59)
เริ่มหัวข้อโดย: cheyp ที่ 27-08-2016 16:40:32
ได้กลิ่นความวุ่นวาย
หัวข้อ: Re: Poor Boy…รักไม่ได้ [Yaoi Boy’s Love] อัพตอน16 (25/08/59)
เริ่มหัวข้อโดย: Jang_B2UTY ที่ 28-08-2016 19:00:45
Poor Boy 17



        เมื่อวานที่เจอหนึ่งวันนั้นสไมล์ก็มีโอกาสได้แลกเบอร์โทรกับอีกคน เมื่อวานพี่หนึ่งชวนเขาและสามเข้าไปกินเค้กด้วยกันโดยมีเมาส์ด้วยอีกคน เขามองเมาส์อย่างแซวๆเพราะไม่คิดว่าเพื่อนจะได้คบกับคนใกล้ตัวอย่างพี่หนึ่งมาก่อน เขาดีใจกับเมาส์เพราะพี่หนึ่งเป็นคนดี เมาส์เป็นคนน่ารักทั้งคู่เหมาะสมกันไม่ใช่น้อย



ครืดๆ

เสียงโทรศัพท์ของสไมล์ดังขึ้น มือบางกำลังจะเอื้อมไปหยิบรับมือหนาของอีกคนก็คว้ามันไปเสียก่อน



          “หึ พี่หนึ่ง...แลกเบอร์กันแล้วหรือไง” สามถามเสียงขึ้นจมูกด้วยความไม่พอใจนิดๆ



          “ก็ไม่เห็นจะแปลก ผมกับพี่หนึ่งรู้จักกันมาก่อนนี่” สไมล์ว่าพร้อมทำท่าจะเอื้อมมือไปเอาโทรศัพท์คืนจากอีกคนแต่สามไม่ยอม ร่างสูงเบี่ยงตัวหนี



          “อะไรของคุณเนี่ย เอาโทรศัพท์ผมมานะ” สไมล์ว่าหน้างอพร้อมกับคิ้วเรียวที่ขมวดมุ่น



          “ถ้าไม่ให้จะมีไรมะ?” สามเอาลิ้นกลั้วปากอย่างกวนๆ สไมล์ถอนหายใจออกมาก่อนจะกลับมานั่งที่เดิม ในเมื่อไม่ให้ก็ไม่เอา จบ...สามหน้าบึ้งตึงอีกครั้งที่อีกคนมีทีท่าไม่สนใจเขา



          “แม่ง เอาไปเลย” สามว่าก่อนจะปาโทรศัพท์ใส่หน้าตักอีกคนก่อนจะหยิบซองบุหรี่ถือออกไปที่ระเบียงห้องของอีกคนทันที สไมล์มองโทรศัพท์บนหน้าตักที่กำลังโชว์สายโทรเข้าของพี่หนึ่งไม่ลดละก่อนจะมองตามแผ่นหลังหนาของอีกคนไป มุมปากบางยกยิ้มนิดๆ ถ้าเขาจะเข้าใจว่าอีกคนหึงจะผิดมั้ย?



แกรก

เสียงเปิดประตูระเบียงดังขึ้นทำให้สามหันไปมอง พอเห็นว่าเป็นสไมล์ร่างสูงก็หันกลับมาก่อนจะพ่นควันบุหรี่ออกจากปาก



          “เป็นอะไรของคุณ” สไมล์ถามขึ้นพร้อมกับเดินไปยืนข้างๆอีกคน



          “คุยกับพี่กูเสร็จแล้วหรือไง” สามไม่ตอบแต่กลับถามกลับแทน



          “เปล่านี่ ผมรับไม่ทัน” สไมล์ว่า สามชะงักไปทันทีกับคำตอบของอีกคน มุมปากหนากระตุกยิ้มนิดๆ



          “ก็ดี” สามว่าสั้นๆก่อนที่บรรยากาศระหว่างคนทั้งคู่จะตกอยู่ในความเงียบแต่สไมล์กลับไม่คิดว่ามันอึดอัด สายลมแผ่นเบาพัดผ่านมาทำให้เย็นสบายไม่น้อย กลิ่นบุหรี่เย็นๆจากคนข้างกายไม่ได้ทำให้รู้สึกเหม็นแต่อย่างไร สไมล์ไม่รู้ว่าทำไมอยู่ๆเขาทั้งคู่ถึงมีบรรยากาศระหว่างกันแบบนี้ทั้งที่เมื่อก่อนอีกคนเกลียดเขาและเขาเองก็ไม่ต้องการที่จะเจออีกคนเช่นเดียวกันแต่ตอนนี้...เรียกได้ว่าแทบจะตัวติดกัน วันนี้ก็ด้วยที่อีกคนมาส่งเขาที่คอนโดแต่แทนที่จะกลับ กลับขึ้นห้องตามเขามาแทน เพราะเกมส์งั้นเหรอ? เพราะคำท้าพนันงั้นเหรอ? ถ้าเป็นแบบนั้นจริงๆสไมล์ก็ต้องพยายามควบคุมตัวเองให้ได้มากกว่านี้ ไม่ใช่เลือกที่จะไม่รับสายพี่หนึ่งแล้วเดินตามอีกคนออกมาแบบนี้!...หลายวันผ่านไป...วันนี้หนึ่งโทรนัดสไมล์ให้ออกไปหาเพราะมีเรื่องอยากจะคุยด้วย สไมล์เองก็ไม่ได้ปฏิเสธอะไรเพราะยังไงเขากับพี่หนึ่งก็คนกันเองอยู่แล้ว หนึ่งเลือกนัดสไมล์ที่สวนสาธารณะใจกลางเมืองชื่อดัง



          “พี่หนึ่ง” สไมล์เรียกอีกคนด้วยรอยยิ้ม หนึ่งหันมาก่อนจะยิ้มตอบกลับเช่นเดียวกัน



          “นั่งลงสิสไมล์” หนึ่งว่า สไมล์พยักหน้าก่อนจะนั่งลงที่ม้านั่งข้างๆอีกคนทันทีเพราะวันนี้เป็นวันเสาร์และเป็นช่วงเช้าผู้คนในสวนสาธารณะจึงไม่ค่อยพลุกพล่านเท่าไหร่เหมือนตอนเย็น บรรยากาศในสวนสาธารณะเต็มไปด้วยความร่มรื่น สายลมเบาๆที่พัดผ่านบวกกับกลิ่นน้ำ กลิ่นต้นไม้ กลิ่นของธรรมชาติทำให้รู้สึกผ่อนคลายไม่น้อย



          “สไมล์กลับมาตั้งแต่เมื่อไหร่” หนึ่งถามขึ้นท่ามกลางความเงียบ



          “เมื่อไม่นานครับ สไมล์ไปรักษาขาที่นั่นแต่เลือกที่จะขอคุณย่ามาเรียนที่นี่เพราะถ้าเรียนที่นั่น สไมล์ต้องเสียเวลาอีกเป็นปีในการเรียนปรับพื้นฐาน” สไมล์อธิบายถึงความเป็นไปเป็นมาให้อีกคนฟัง



          “แล้วสไมล์กับสามเจอกันได้ยังไง ทำไมมัน...” หนึ่งชะงักไปก่อนจะถอนหายใจออกมา



          “...ทำไมวันนั้นสไมล์กับสามถึงมาด้วยกัน” หนึ่งพูดต่อ สไมล์ชะงักนิดๆกับคำถามของอีกคนก่อนจะกัดปากอย่างครุ่นคิดเพราะไม่รู้ว่าจะเริ่มเล่ายังไงดี



          “เอ่อ...คือ...”

          “มันทำร้ายสไมล์อีกใช่มั้ย มันรังแกสไมล์ใช่มั้ย บอกพี่มานะสไมล์!” หนึ่งถามขึ้นเสียงดังพร้อมกับใบหน้าเคร่งเครียดก่อนที่มือหนาที่จับต้นแขนของอีกคนแน่นจนสไมล์นิ่วหน้าด้วยความเจ็บ



          “พะ...พี่หนึ่ง สไมล์เจ็บ” สไมล์ว่าเสียงเครือ



          “พี่ขอโทษ” พอเห็นว่าอีกคนเจ็บหนึ่งจึงรีบปล่อยแล้วพูดขอโทษออกมาทันที



          “พี่หนึ่งโอเคนะครับ” สไมล์ถามขึ้นเมื่อเห็นสีหน้าอีกคนไม่ค่อยดี หนึ่งพยักหน้ารับก่อนที่บรรยากาศระหว่างคนทั้งคู่จะตกอยู่ในความเงียบ แต่สไมล์กลับคิดว่านี่มันช่างแตกต่างกับเมื่อก่อนมาก ถ้าเป็นเมื่อก่อนเขาจะรู้สึกสบายใจทุกครั้งที่อยู่ๆใกล้ๆพี่หนึ่งแต่ทำไมตอนนี้...มันถึงเต็มไปด้วยความอึดอัดที่เขาก็บอกไม่ถูกเหมือนกัน



          “สรุปสไมล์กับสามตอนนี้เป็นอะไรกัน” หนึ่งถามเสียงแผ่วเบา ใบหน้าหล่อยังเต็มไปด้วยความเคร่งขรึม



          “คือ...”



          “ผมกับสไมล์คบกัน พี่น่าจะเข้าใจคำว่าคบของผมนะ” เสียงทุ้มดังขึ้นก่อนที่มือหนาจะดึงแขนสไมล์ให้ลุกขึ้นมาทันที  สไมล์มองอีกคนอย่างตกใจที่อยู่ๆก็มาปรากฏตัวที่นี่



          “แก...”



          “พี่มีคนของพี่ หวังว่าพี่ชายจะไม่ยุ่งคนของน้องชายนะครับ” สามว่าพร้อมยกยิ้มมุมปากก่อนจะจับมือสไมล์เดินออกไปทันทีโดยสไมล์ไม่ทันได้บอกลาหนึ่งมีเพียงสายตาที่ส่งมาขอโทษขอโพยเท่านั้น



          “ไอ้สาม” หนึ่งกำมือแน่นกัดฟันกรอดด้วยความไม่พอใจ ยิ่งเห็นแผ่นหลังของคนที่ตัวเองรักไปกับน้องชายก็ยิ่งไม่พอใจ ใช่...หนึ่งยังรักสไมล์ หนึ่งไม่เคยรักใครเท่าสไมล์มาก่อนและไม่คิดจะเลิกรัก เขาเฝ้าคิดถึงอีกคนและหวังว่าจะได้เจอกันอีกแต่พอเจอกันกลับพบว่าอีกคนมากับน้องชายของเขา! มากับคนที่สไมล์ไม่สมควรจะอยู่ใกล้ที่สุด!...สไมล์มองอีกคนที่กำลังขับรถด้วยใบหน้าบึ้งตึงที่บ่งบอกถึงความไม่พอใจอย่างมาก เขาก็พอจะรู้ว่าอีกคนไม่พอใจเรื่องอะไรแต่เขาแค่มาเจอพี่หนึ่งเองนะ พี่หนึ่งก็คือพี่ชายของอีกคนแท้ๆ



          “ทำไมมึงต้องมาเจอพี่หนึ่ง” สามถามขึ้นด้วยน้ำเสียงเข้มๆ



          “พี่หนึ่งมีเรื่องอยากคุยกับผม”



          “แล้วพี่หนึ่งคุยอะไรกับมึง หรือว่าระลึกความหวังกัน” สามว่าก่อนจะพ่นเสียงจมูกบ่งบอกถึงความไม่พอใจ สไมล์ถอนหายใจออกมากับคำพูดประชดประชันของอีกคน



          “พูดอะไรของคุณ  พี่หนึ่งก็คบอยู่กับเพื่อนของผมนะ อีกอย่างคุณไม่ควรจะมาโกรธผม ผมต่างหากที่ต้องโกรธคุณ คุณไม่มีสิทธิ์ไปพูดกับพี่หนึ่งแบบนั้นและทำกริยาแบบนั้น” สไมล์ว่าตามที่คิด การกระทำของอีกคนเสียมารยาทมากที่สุดที่เขาเคยเจอมาเลย



เอี๊ยดดดดด

สามเบรกรถกะทันหันจนหัวสไมล์กระแทกคอนโทรลรถอย่างแรง ใบหน้าใสหันมามองอีกคนบึ้งตึง



          “มึงว่าไงนะ กูไม่มีสิทธิ์พูดแบบนั้น?” สามเลิกคิ้วกับคำพูดของอีกคน ในใจเดือดปุดๆคล้ายจะระเบิดออกมา



          “ใช่ ผมกับคุณเราไม่ได้คบกัน” สไมล์ว่าเสียงเรียบพร้อมจ้องหน้าอีกคนอย่างไม่ยอม



          “แล้วที่เป็นอยู่มันอะไรวะ!” สามโวยวาย



          “ก็เกมส์ไม่ใช่หรือไง คุณกับผมเราพนันกันอยู่ ไม่ได้คบกันอย่างที่คุณว่าสักนิด”สไมล์ว่าออกมา  สามชะงักไปทันทีกับคำพูดของอีกคน ทำไมอยู่ๆเขากลับลืมเรื่องนี้ไปเสียแล้ว ทำไมอยู่ๆก็คิดว่ามันคือความเคยชินที่ต้องมารับมาส่งหรือแม้กระทั่งกินข้าวด้วยกันกับอีกคน ทำไมอยู่ๆสิ่งที่เขาตั้งใจจะทำให้อีกคนหวั่นไหวแล้วแพ้เกมส์กลับเป็นเขาที่เคยชินกับมันเองโดยแยกไม่ออกว่ามันคือเกมส์หรือออกมาจากใจกันแน่



          “แม่ง!” สามสบถออกมาก่อนจะทุบที่พวงมาลัยรถอย่างหัวเสีย สไมล์นั่งนิ่งไม่พูดอะไรออกมาทำให้บรรยากาศบนรถตกอยู่ในความเงียบ



          “คนนิสัยไม่ดี” สไมล์อุบอิบในลำคอเพราะกับเบ้ปากด้วยความเจ็บนิดๆเมื่อสัมผัสเข้าที่หน้าผากตัวเองที่กระแทกกับคอนโทรลรถ



          “ไหนมาดูดิ๊” สามว่าก่อนจะจับอีกคนให้หันหน้ามา ตอนแรกสไมล์จะไม่ยอมหันมาแต่พอสามทำตาดุใส่จึงยอมหันมา ตาคมมองหน้าผากแดงๆของอีกคนก็รู้สึกใจกระตุกนิดๆ



          “เจ็บมากมั้ย” สามถามขึ้น สไมล์มองหน้าอีกคนนิดๆที่อยู่ร่างสูงก็ถามคำถามนี้อีกมา สไมล์พยักหน้ารับ สามใช้มือคลึงที่หน้าผากแดงๆของอีกคนเบาๆทำเอาสไมล์รู้สึกใจสั่นไม่น้อยกับการกระทำที่อ่อนโยนของอีกคน ตากลมเผลอสบเข้ากับตาคมอย่างอัตโนมัติ ก่อนจะรู้สึกว่าใบหน้าหล่อของอีกคนค่อยๆขยับเข้ามา



จุ๊บ

ปากหนาประทับเข้าที่หน้าผากบางแผ่วเบาแต่ทำเอาอวัยวะในหน้าอกด้านซ้ายของสไมล์สั่นไหวอย่างรุนแรง

          “กูขอโทษ”

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

ง้อวววววว บวกคะแนนให้อินังสามรัวๆๆค่ะ ส่วนทีมพี่หนึ่งอย่าพึ่งน้อยใจ พี่หนึ่งออกอีกแน่ๆเพราะพี่แกเป็นไคลแม็กซ์เลย สปอยนิดๆ 55555 ยังไงก็ฝากติดตามด้วยนะคะ

___จางบิวตี้___
หัวข้อ: Re: Poor Boy…รักไม่ได้ [Yaoi Boy’s Love] อัพตอน17 (28/08/59)
เริ่มหัวข้อโดย: Wut_Sv ที่ 28-08-2016 20:17:39
เปิดใจคุยกันเลยดีมั้ย ต่างคนก็ต่างยังไม่เข้าใจตัวเอง เปิดใจคุยกันจะได้เข้าใจกัน :hao3: :hao3: :hao3:

บอกเลย อยากอ่านต่อมากกกกก อยากให้ลงเรื่องนี้แบบรัวๆมาเลยอ่ะ  :hao5: :hao5: :hao5:
หัวข้อ: Re: Poor Boy…รักไม่ได้ [Yaoi Boy’s Love] อัพตอน17 (28/08/59)
เริ่มหัวข้อโดย: dena ที่ 28-08-2016 21:21:58
อ้าว! ไมพี่หนึ่งทำกับเมาส์อย่างนี้ละ  :sad4: แล้วสไมล์กับเมาส์จะทะเลาะกันไหมเนี่ย!!!!  :m16:
หัวข้อ: Re: Poor Boy…รักไม่ได้ [Yaoi Boy’s Love] อัพตอน17 (28/08/59)
เริ่มหัวข้อโดย: crazydoii ที่ 28-08-2016 23:29:09
แล้วเมาส์ล่ะพี่หนึ่ง,,,
หัวข้อ: Re: Poor Boy…รักไม่ได้ [Yaoi Boy’s Love] อัพตอน17 (28/08/59)
เริ่มหัวข้อโดย: HISY ที่ 29-08-2016 09:43:50
พี่หนึ่งยังไงคะน้องเม้าส์นี่ของตายหรอ
หัวข้อ: Re: Poor Boy…รักไม่ได้ [Yaoi Boy’s Love] อัพตอน17 (28/08/59)
เริ่มหัวข้อโดย: cheyp ที่ 30-08-2016 00:33:33
ไหนว่าจะใจแข็งไงสไมล์ หวั่นไหวอีกแล้วนะ
หัวข้อ: Re: Poor Boy…รักไม่ได้ [Yaoi Boy’s Love] อัพตอน17 (28/08/59)
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 30-08-2016 05:23:00
พี่หนึ่ง มีเมาส์ แล้วนะ
สาม จุ๊บขอโทษ จนสไมล์ใจสั่น :mew1:
      :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: Poor Boy…รักไม่ได้ [Yaoi Boy’s Love] อัพตอน17 (28/08/59)
เริ่มหัวข้อโดย: Jang_B2UTY ที่ 31-08-2016 20:41:05
Poor Boy 8

( Grammar x Song )

 

        หลังจากที่สองบอกเลิกแกรมม่าก็ผ่านมาแล้วสามววันแต่แกรมม่าก็ยังคงติดต่อสองและมาหาสองที่บ้านแต่ร่างบางก็ไม่ยอมรับสาย ตอบแชทหรือว่าลงมาเจออีกคนเลย สองไม่พร้อมที่จะเจอหน้าอีกคนจริงๆ ภาพในวันนั้นมันยังคงติดตาของสองอยู่ตลอดเวลาไม่ว่าจะตื่นหรือหลับ วันนั้นหลังจากที่กลับมาสองร้องไห้จนหลับไปและวันต่อมาเขาก็นิ่งเงียบเสียจนพ่อและพี่หนึ่งอดที่จะเป็นห่าวงไม่ได้แต่สองก็เพียงแต่บอกว่าไม่มีอะไร ไม่เป็นอะไร สองไม่ได้ร้องไห้อีกเพราะคิดว่าน้ำตาของเขามันมีค่ามากไปที่จะร้องไห้ให้ผู้ชายคนนั้น แต่ในใจของเขาก็ยังคงเจ็บปวดเหมือนเดิม ไม่มีทีท่าจะลดน้อยลงไปเลย



          “พี่ทะเลาะกับไอ้แกรม ยังไงกันแน่” สามถามขึ้นทันทีหลังจากที่สังเกตอยู่หายวันว่าพี่ชายและเพื่อนสนิทกำลังมีปัญหากัน



          “ไม่มีอะไร” สองตอบเสียงเรียบ



          “ไม่จริง ไอ้แกรมมันบอกผมว่าพี่บอกเลิกมัน” สามว่าพร้อมขมวดคิ้ว



          “แล้วบอกด้วยมั้ยว่าเพราะอะไรฉันถึงบอกเลิก” สองเงยหน้าจากหนังสือมามองหน้าน้องชายอย่างจริงจัง สามชะงักไปทันทีเพราะรู้สาเหตุว่าพี่ชายบอกเลิกเพื่อนสนิทตัวเองทำไม หลังจากที่แกรมม่าเล่าเขาก็ซัดหน้ามันไปหลายทีที่ทำให้พี่ชายของเขาเสียใจแต่ก็นะ...เพื่อนก็คือเพื่อน โกรธมันแค่ไหน มันก็คือเพื่อน มันบอกว่ามันรักพี่ชายเขาจริงๆแต่มันเลว ที่ยังทิ้งสันดานเดิมไม่ได้ มันอยากจะคุยกับพี่ชายเขา อย่างน้อยก็อยากจะขอโทษ ถ้าพี่ชายของเขาไม่ให้อภัยก็ไม่เป็นไรแต่อย่างน้อยแค่อยากขอโทษจริงๆ



        “มันผิด มันรู้ตัวว่ามันเลวและมันก็อยากขอโทษพี่” สามว่าพร้อมกับนั่งลงข้างๆพี่ชาย



          “ขอโทษแล้วไงต่อ” สองถามกลับ ใบหน้าหวานยังคงเรียบนิ่งไม่บ่งบอกอารมณ์ใดๆออกมา



          “...” สามเงียบไม่มีคำตอบ



          “ฉันเจ็บมากแกเข้าใจใช่มั้ย แม้แต่เห็นหน้าผู้ชายคนนั้นก็ไม่อยากเห็น ให้มันเป็นแบบนี้ดีแล้วล่ะ ให้คนๆนั้นออกไปจากชีวิตฉันซะ นี่แหละคือสิ่งเดียวที่ฉันต้องการ”สองว่าก่อนจะปิดหนังสือแล้วลุกขึ้นก่อนจะเดินขึ้นห้องไปทันทีโดยที่ไม่รู้ว่ามีร่างสูงของใครคนหนึ่งได้ยินคำพูดดังกล่าวเต็มสองหู สามหันไปทางประตูหน้าบ้านก็เห็นเพื่อนสนิทตัวเองยืนอยู่ด้วยใบหน้าที่แสดงถึงความเจ็บปวด



          “กูกลับนะ” แกรมม่าว่าก่อนจะเดินออกไปทันที...หลังจากที่ได้ฟังคำพูดที่กรีดหัวใจของร่างบางแกรมม่าก็พาตัวเองกลับมาที่คอนโด คอนโดที่เคยมีภาพของอีกคนวนเวียนอยู่ตลอด แกรมม่าทิ้งตัวลงนอนบนเตียงขนาดคิงไซด์ที่เคยมีอีกคนมานอนเคียงข้างกัน มือหนายกขึ้นก่ายหน้าผาก



          “ขอโทษ” เสียงทุ้มเอ่ยแผ่วเบาพร้อมกับหยดน้ำตาที่ไหลลงมา...หลายวันผ่านไป...แม้ว่าสองจะพยายามลบเลือนภาพในวันนั้นได้แล้วแต่คงปฏิเสธไม่ได้ว่ายังคงตัดใจจากอีกคนไม่ได้ แม้ว่าช่วงนี้แกรมม่าจะไม่ได้ติดต่อหรือมาหาเหมือนแต่ก่อนซึ่งสองคิดว่ามันเป็นเรื่องที่ดี เขาไม่ต้องการเจอหน้าอีกคน ไม่อยากให้แผลใจกลับมาสดใหม่อีกครั้ง ปล่อยให้มันค่อยๆหายตกสะเก็ดลงไป



          “อืม กูจะบอกให้” สามว่าก่อนจะกดวางสายโทรศัพท์ก่อนจะหันมาเจอพี่ชายที่กำลังเดินลงมาทันที



          “มีอะไร” สองถามขึ้นเมื่อน้องชายเดินมาขวางทางเขาไว้



          “ไอ้แกรมจะกลับอังกฤษ” สองชะงักไปทันทีกับคำพูดของน้องชาย



          “อืม...แล้วไง” สองพยายามควบคุมสีหน้าให้เป็นปกติก่อนจะถามกลับ



          “พี่คิดว่าแบบนี้มันดีแล้วเหรอ?”



          “มันก็คงดีที่สุดแล้วไม่ใช่เหรอ จากกันแบบนี้ก็ดีแล้ว” สองว่าออกมาเสียงเรียบพร้อมกับใบหน้าที่เรียบนิ่งแต่ใครจะรู้ว่าในใจของเขากำลังร่ำร้องแค่ไหน คำว่ากลับอังกฤษของอีกคนมันแปลได้ว่าคงจะไม่ได้เจอกันอีกต่อไป แม้ปากจะบอกว่าเกลียดไม่อยากเจอหน้าอีกคนแต่แล้วยังไง...เขาก็แค่คนปากเก่งแต่ใจอ่อนแอคนหนึ่งเท่านั้น



          “อยากร้องไห้มั้ย” สามถามขึ้น แม้ว่าสีหน้าของพี่ชายจะเรียบนิ่งแค่ไหนแต่เขาก็เห็นถึงแววตาที่สั่นระริกของอีกคนอย่างชัดเจน



          “ฮึก...”



          “ถ้าอยากร้องก็ร้องออกมา อย่าเก็บมันไว้เลย” สิ้นเสียงน้องชาย สองก็โผเข้ากอดสามทันทีก่อนจะปล่อยน้ำตาแห่งความอัดอั้นตันใจออกมา...วันนี้เป็นวันที่แกรมม่าจะเดินทางกลับอังกฤษ ซึ่งตอนแรกเขาวางแผนจะเรียนต่อมหาวิทยาลัยที่นี่เพราะเขาอยากจะอยู่ข้างๆอีกคน ไม่อยากจะห่างไปไหนแต่ในเมื่อเรื่องราวมันเป็นแบบนี้ เขาก็ควรจะไป ในเมื่ออีกคนบอกว่าไม่อยากจะเจอหน้าเขา ให้ต่างคนต่างอยู่เขาก็ขอเลือกไปจากอีกคนแบบนี้ละกัน เขาคงทนนอนคอนโดที่มีภาพอีกคนกำลังนอนข้างๆวนเวียนอยู่ไม่ได้ เขาคงทนขับรถที่มีภาพอีกคนนั่งอยู่ข้างๆวนเวียนอยู่ไม่ได้อีกแล้ว เขามันอ่อนแอ เขายอมรับอย่างไม่มีข้อโต้แย้งใดๆเลย



          “มึงตัดสินใจดีแล้วนะ” สามถามขึ้น



          “อืม...กูว่าทางนี้ดีที่สุด” แกรมม่าว่าออกมา ใบหน้าหล่อยังคงหม่นหมองไม่เสื่อมคลาย



          “อืม...กูขอให้มึงโชคดี มีไรก็ติดต่อกูมาละกัน ยังไงมึงก็เพื่อนกู” สามว่าพร้อมตบบ่าแกรมม่าเบาๆ



          “มึงไม่โกรธกูหรือไง เรื่องพี่มึง” แกรมม่าเลิกคิ้วถาม



          “โกรธดิ แต่แล้วไงวะ...ยังไงมึงก็เพื่อน อีกอย่างมันเรื่องของคนสองคน กูว่ามึงเองก็เจ็บไม่ต่างกัน” สามว่าตามที่ใจคิด แกรมม่ากระตุกยิ้มมุมปากนิดๆ



          “ขอบใจเว้ย เอาไว้ว่างๆก็ไปหากูมั่งนะ” แกรมม่าว่าหลังจากที่เสียงประกาศเรียกผู้โดยสารให้เข้าเกทดังขึ้น



          “เออ โชคดีเว้ย” แกรมม่าพยักหน้ารับก่อนจะเดินเข้าเกทไปทันที มือหนามองพาสปอร์ตกับตั๋วเครื่องบินในมือ ตาคมมองกลับหลังไปเพราะหวังในใจว่าอาจจะเจอหน้าอีกคนที่เฝ้ารอแต่ก็ไม่พบ แกรมม่ากระตุกยิ้มเบาๆอย่างสมเพชตัวเอง  ทำกับเขาขนาดนั้นยังหวังให้เขามาอีกเหรอวะ? หึๆ



          “ลาก่อนพี่สอง”...หลายเดือนผ่านไป...มหาวิทยาลัยของสองเปิดแล้วและเพราะว่าเขากำลังขึ้นปีสามทำให้เรียนหนักกว่าสองปีแรกมาก สองเรียนคณะการจัดการระหว่างประเทศภาคอินเตอร์เพราะคิดว่าจะได้สามารถนำความรู้ไปใช้ในการบริหารงานบริษัทได้ ชีวิตของสองก็ยังคงเดิมๆคือมาเรียนและกลับบ้าน ดูน่าเบื่อไปนิดแต่เขาก็ใช้ชีวิตแบบนี้มาตั้งนานแล้วแต่เหมือนว่าช่วงนี้จะมีเรื่องนิดหน่อย เพราะเห็นพี่หนึ่งบอกว่าเจอสไมล์ เด็กขาพิการที่เคยมาอยู่บ้านของเขาเมื่อปีก่อน มันจะไม่เกิดเรื่องเลยถ้าสไมล์ไม่อยู่กับสามซึ่งเขาไม่รู้ว่าสองคนไปเจอกันยังไง หรือเพราะอะไรถึงอยู่ด้วยกัน สองไม่อยากสนใจเรื่องของคนอื่นมากนักเพราะแค่เรื่องของตัวเองก็ยังเอาตัวไม่รอดเลย แม้ว่าเวลาจะผ่านมาหลายเดือนแล้วแต่สองก็ปฏิเสธตัวเองไม่ได้ว่ายังคงคิดถึงแกรมม่า แม้จะไม่ได้คิดถึงบ่อยๆเหมือนตอนแรกๆแต่เมื่อไหร่ที่สมองว่างภาพของอีกคนก็จะแวบเข้ามาเสมอ สองอดส่ายหัวให้กับความบ้าบอของตัวเองไม่ได้ทั้งๆที่เรื่องราวมันก็ผ่านไปแล้ว ทั้งๆที่อีกคนทำกับเขาไว้เจ็บแสบมากและตอนนี้อีกคนคงจะมีชีวิตที่ดีอยู่ที่อังกฤษแล้ว  ทำไมถึงเป็นเขาที่เป็นฝ่ายนึกถึงอีกคนแบบนี้  สองยอมรับว่าตัวเอง่อนด้อยในเรื่องของความรักมาก เขาไม่เคยมีแฟนและแกรมม่าก็คือแฟนคนแรกของเขา เขาวาดฝันกับความรักครั้งนี้ไว้เยอะแต่พอมันพังทลาย เขาก็กลายเป็นคนที่กลัวเรื่องความรักไปเลยทันที



          “สอง อาจารย์กิตติเรียกน่ะ” เสียงของเพื่อนในเซคดังขึ้นทำให้สองที่นั่งคิดอัไรอยู่เพลินๆได้สติ



          “อ่อๆ ขอบใจ” สองว่าก่อนจะเก็บหนังสือใส่กระเป๋าแล้วเดินไปหาอาจารย์ประจำภาควิชาที่ห้องภาควิชาทันที



          “สวัสดีครับอาจารย์” สองทักทายอาจารย์อย่างนอบน้อม



          “นั่งสิ” สองนั่งลงตามที่อาจารย์บอก



          “ลองอ่านนี่ดูว่าสนใจมั้ย” อาจารย์กิตติว่าก่อนจะยื่นเอกสารบางอย่างให้สองสองรับมาก่อนจะอ่านด้วยสายตาโดยคร่าวๆซึ่งใจความสำคัญอยู่ที่ว่าเลือกตัวแทนไปดูงานที่ต่างประเทศ



          “อาจารย์เลือกผมเหรอครับ?” สองถามด้วยความตื่นเต้น



          “อื้ม...ผมเลือกคุณกับเพื่อนคุณอีกสองคนไว้แต่เรียกพบทีละคน คุณสนใจมั้ยล่ะ” อาจารย์กิตติถาม



          “สนใจครับ ผมคิดว่ามันเป็นโอกาสที่ดี” สองว่าออกมา เพราะเขาเรียนคณะการจัดการระหว่างประเทศ ดังนั้นการไปดูงานที่ต่างประเทศจึงเป็นโอกาสที่สำหรับนักศึกษาที่ศึกษาคณะนี้มาก ยิ่งเทอมสองเขาต้องเริ่มคิดค้นการทำวิจัยจบ ความรู้ที่ได้จากการไปดูงานคงจะช่วยได้เยอะมาก



          “ถ้าคุณตกลงผมจะได้กรอกรายชื่อคุณลงไป” สองพยักหน้ารับด้วยรอยยิ้ม



          “เอ่อ...ว่าแต่ไปเมื่อไหร่ครับอาจารย์”



          “สองอาทิตย์หน้าน่ะ ไปหนึ่งสัปดาห์” สองพยักหน้ารับ ตาเรียวกวาดสายตาอ่านเอกสารอีกครั้งซึ่งครั้งนี้อ่านละเอียดกว่าครั้งแรกทำให้เห็นถึงสถานที่และเมืองที่ต้องไปดูงาน



          “อาจารย์ครับคือว่าประเทศที่ไป...”



          “อ่อ...ลอนดอน ประเทศอังกฤษไง”

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

อ๊ายยยยย คิดว่าคงเดาเนื้อเรื่องกันถูกนะคะ 5555 เพราะเป็นคู่รองเลยรวบรัดไปหน่อย ตอนนี้เรื่องของสองกับสามดำเนินพร้อมกันแล้วนะคะ ยังไงก็ฝากติดตามด้วยนะคะ

___จางบิวตี้___
หัวข้อ: Re: Poor Boy…รักไม่ได้ [Yaoi Boy’s Love] อัพคู่รองตอน8 (31/08/59)
เริ่มหัวข้อโดย: Wut_Sv ที่ 31-08-2016 20:56:00
ไม่ชอบเรื่องนี้ เกลียดแกรมม่า ผ่านๆ  :katai5: :katai5: :katai5:

มารอคู่หลัก สามสไมล์ อย่างใจจดใจจ่อ :katai4: :katai4: :katai4:
หัวข้อ: Re: Poor Boy…รักไม่ได้ [Yaoi Boy’s Love] อัพคู่รองตอน8 (31/08/59)
เริ่มหัวข้อโดย: crazydoii ที่ 31-08-2016 23:16:01
ง่ายเกินไปมั้ย

ยากอีกหน่อยเหอะครับ,,,
หัวข้อ: Re: Poor Boy…รักไม่ได้ [Yaoi Boy’s Love] อัพคู่รองตอน8 (31/08/59)
เริ่มหัวข้อโดย: netich ที่ 01-09-2016 01:35:48
 :katai2-1:
หัวข้อ: Re: Poor Boy…รักไม่ได้ [Yaoi Boy’s Love] อัพคู่รองตอน8 (31/08/59)
เริ่มหัวข้อโดย: boonpa ที่ 01-09-2016 08:38:44
 :pig4: ตามไปให้ง้อถึงอังกฤษ ขอให้สองใจแข็งนานๆจะได้เข็ด
หัวข้อ: Re: Poor Boy…รักไม่ได้ [Yaoi Boy’s Love] อัพคู่รองตอน8 (31/08/59)
เริ่มหัวข้อโดย: Jang_B2UTY ที่ 05-09-2016 19:08:15
Poor Boy 18

 

        วันนี้สไมล์ก็มาเรียนตามปกติโดยที่มีสารถีส่วนตัวขับรถมาส่ง มันกลายเป็นภาพที่คุ้นตาของคนในคณะไปแล้วที่จะเห็นหนุ่มหล่อจากคณะวิศวะคนนี้มาที่คณะทันตะแพทย์



          “ทำไมวันนี้เมาส์ไม่มาเรียนนะ” ผิงบ่นขึ้นขณะที่กำลังเก็บข้าวของใส่กระเป๋าความจริงวันนี้เขามีเรียนถึงบ่าย3แต่ว่าอาจารย์คาบบ่ายงดคาสกะทันหันทำให้เลิกเรียนตั้งแต่ก่อนเที่ยง



          “นั่นสิ ไม่ติดต่อมาด้วย จะว่าไปเมาส์ไม่มาเรียนสองวันติดแล้วนะ” สไมล์ว่าพร้อมขมวดคิ้วอย่างนึกเป็นห่วงเพื่อนสนิทอีกคน



          “งั้นไปหามันที่บ้านมะ” ผิงเสนอขึ้น สไมล์พยักหน้ารับทันทีแต่ก่อนที่จะได้เดินทางไปบ้านเพื่อนสนิทโทรศัพท์ของผิงก็ดังขึ้นก่อน

 

         “ค่ะ...อะไรนะคะ...โอเคค่ะ ผิงจะรีบไปเดี๋ยวนี้” ผิงว่าก่อนจะวางสายด้วยใบหน้าตื่นตะนก



          “มีอะไรเหรอผิง”



          “ฮือออ น้องปังปัง น้องหมาของฉันน่ะสิ อาเจียนเป็นเลือด ฉันต้องรีบกลับไปพาน้องปังปังไปหาหมดก่อนนะ ฝากแกไปดูเมาส์ด้วยนะ” ผิงว่าก่อนจะรีบวิ่งออกไปทันทีโดยที่สไมล์ไม่ทันได้ทักท้วงอะไร แต่ก็ช่างเถอะเขาไปหาเมาส์คนเดียวก็ได้เพราะเขาเองก็เคยไปบ้านเมาส์อยู่หลายครั้งจนแทบจะสนิทกับแม่นมของเมาส์อยู่...



          “คุณสไมล์” แม่นมของเมาส์ทักขึ้นที่เห็นสไมล์



          “เมาส์อยู่มั้ยครับแม่นม”



          “อยู่ค่ะแต่ว่า...” แม่นมถอนหายใจออกมาจนสไมล์ขมวดคิ้ว



          “มีอะไรหรือเปล่าคครับ”



          “ก็คุณเมาส์สิคะ สองวันนี้ไม่ยอมออกมาจากห้องเลย ไม่รู้ว่าเป็นอะไร ไม่ยอมให้นมเข้าไปดูด้วย คุณผู้หญิงคุณผู้ชายก็ไม่อยู่นมก็ไม่รู้ว่าควรจะทำยังไงดี ดีที่คุณสไมล์มา ยังไงนมวานให้ช่วยดูคุณเมาส์ให้นมหน่อยนะคะ นมเป็นห่วงคุณเมาส์” แม่นมว่าด้วยใบหน้าเศร้าสร้อย



          “ได้ครับๆ เดี๋ยวผมจะคุยกับเมาส์เอง” สไมล์รับคำก่อนจะรีบขึ้นไปยังห้องนอนของเมาส์ที่อยู่ชั้นสองของบ้านทันที



แอดดด

สไมล์เปิดประตูเข้าไปในห้องนอนของเมาส์ก็เห็นว่าเพื่อนสนิทกำลังนอนหันหลังอยู่



          “เมาส์...” สไมล์เรียกเมาส์ขึ้น เมาส์สะดุ้งเฮือกทันทีก่อนจะรีบหันมามองสไมล์อย่างตื่นตะนก



          “สะ...สไมล์ มาได้ยังไง”



          “เมาส์! เกิดอะไรขึ้น!” สไมล์ถามเสียงดังด้วยความตกใจทันทีที่เห็นเพื่อนสนิทเต็มตา ใบหน้าขาวใสตอนนี้เป็นรอยแดงรูปมือปื้นใหญ่ มุมปากบางยังคงมีรอยแผลตากลมบวมเป่งเหมือนกับว่าผ่านการร้องไห้มาอย่างหนัก



          “สไมล์...คือ...” เมาส์ปากสั่น ตากลมเลิกลั่กไปมาอย่างไม่สามารถหาคำตอบได้



          “เมาส์ทำไม...” สไมล์เดินเข้าไปหาเมาส์ที่ตอนนี้ลุกขึ้นมานั่งอยู่บนเตียง ตากลมมองสำรวจเพื่อนสนิททุกกระเบียดนิ้วก็เห็นว่าที่บริเวณข้อมือบางมีรอยแดงคล้ายถูกเชือกมัด พอมองไปที่ซอกคอและมองต่ำไปที่แผงอกก็เห็นรอยขบกัดและเม้มทำรอยไว้มากมายอย่างน่ากลัว



          “ฮึก เรา...” เมาส์น้ำตาไหลลงมาก่อนจะโผกอดสไมล์ทันที



          “เกิดอะไรขึ้นเมาส์ ทำไมเป็นแบบนี้” สไมล์ถามด้วยความร้อนใจ ใบหน้าใสเต็มไปด้วยความกังวลเพราะเป็นห่วงเพื่อนสนิท



          “ฮือออออออ” เมาส์ไม่ตอบแต่กลับร้องไห้ออกมาอย่างหนัก สไมล์เลิกคาคั้นเมาส์แล้วเปลี่ยนมาเป็นลูบหลังปลอบใจเพื่อนสนิทแทน...เกือบหนึ่งชั่วโมง...เมาส์ร้องไห้จนตาบวมอีกครั้งก่อนจะเริ่มสงบลงแล้วผละออกจากสไมล์



          “จะไม่เล่าจริงๆเหรอ” สไมล์ถามขึ้นอีกครั้ง เขารู้ว่ามันคงเกิดเรื่องที่ไม่ดีกับเมาส์แน่ๆ รอยดังกล่าวสามารถตอบเขาได้หมดทุกอย่างแต่สิ่งที่เขาอยากรู้ว่าใครเป็นคนทำเรื่องแบบนี้กับเมาส์หรือว่า...อยู่ๆใบหน้าของใครบางคนก็ลอยเข้ามาในหัวของสไมล์ ใครบางคนที่สไมล์ไม่เคยคิดว่าจะทำสามารถทำเรื่องแบบนี้ได้



          “พะ...พี่หนึ่งงั้นเหรอ” สไมล์พูดขึ้นเสียงแผ่วเพราะในใจก็ยังคงไม่แน่ใจ สไมล์ไม่อยากจะโทษพี่หนึ่งแต่เขานึกถึงใครไม่ออกจริงๆ เมาส์กับพี่หนึ่งคบกัน ไม่แปลกที่จะลึกซึ้งกันแต่ทำไมพี่หนึ่งถึง...



          “...” แม้ว่าจะไม่มีเสียงตอบออกมาแต่ใบหน้าของเมาส์ก็ตอบมันได้อย่างดี ตากลมสั่นระริกไปหมด บวกกับกายบางที่สั่นเทาเหมือนคนที่กำลังหวาดกลัวอะไรสักอย่าง



          “ทำไมพี่หนึ่งถึงทำกับเมาส์แบบนี้” สไมล์ถามอย่างไม่พอใจทันทีที่ไขข้อข้องใจเกี่ยวกับคนที่ทำกับเพื่อนสนิทตัวเองได้



          “ฮึก เรายอมพี่เขาเอง” เมาส์ว่าเสียงเครือพร้อมน้ำตาไหลลงมาอีกครั้ง



          “แต่พี่หนึ่งก็ไม่ควรรุนแรงกับเมาส์แบบนี้ เราจะไปคุยกับพี่หนึ่ง” สไมล์ว่าด้วยน้ำเสียงจริงจังพร้อมทำท่าจะลุกออกไป เมาส์รีบคว้าแขนสไมล์ไว้ทันที



          “อย่านะ...ฮึก อย่านะสไมล์”



          “ทำไม?” สไมล์ขมวดคิ้วถามอย่างไม่เข้าใจ



          “ฮึก พี่หนึ่งบอกว่า...ฮึก อย่าบอกเรื่องนี้กับใคร ฮึก...อย่านะ ถ้าสไมล์ไปหาพี่หนึ่ง ฮึก พี่หนึ่งต้องโกรธ...ฮึก ต้องทำแบบนั้นกับเราอีกแน่ๆ”เมาส์ว่าเสียงสั่นพร้อมตัวสั่นด้วยความหวาดกลัว สไมล์ถอนหายใจออกมาก่อนจะดึงเมาส์เข้ามากอดปลอบให้อีกคนคลายความกลัว เขาไม่รู้หรอกว่าพี่หนึ่งทำอะไรกับเมาส์บ้างแต่มันต้องรุนแรงมากถึงทำให้เมาส์เป็นหนักขนาดนี้ แม้เขาจะเคยผ่านเรื่องเลวร้ายคล้ายๆแบบนี้มาก่อนแต่ไม่เคยมีสักครั้งที่เขาเป็นหนักขนาดนี้ ขอโทษนะเมาส์แต่เราต้องไปคุยกับพี่หนึ่งให้รู้เรื่อง!...หลังจากที่กลับมาจากบ้านของเมาส์ สไมล์ก็โทรไปหาหนึ่งทันทีและเป็นโอกาสดีที่วันนี้อีกคนว่างทำให้สไมล์มายืนอยู่ที่คอนโดของอีกคนตอนนี้ สไมล์ขึ้นลิฟต์ไปยังชั้นที่อีกคนบอกมาทันที



          “สไมล์มีเรื่องอะไรด่วนเหรอถึงมาหาพี่ถึงที่นี่” หนึ่งถามขึ้นขณะที่เปิดประตูห้องให้สไมล์เข้ามา



          “มีแน่ครับ เรื่องใหญ่ด้วย” สไมล์ว่าก่อนจะเดินตามหนึ่งไปยังห้องรับแขกก่อนจะนั่งลงบนโซฟา โดยที่หนึ่งเป็นฝ่ายเดินเอาเอาน้ำใส่แก้วมาให้สไมล์



          “หืมม? สไมล์กำลังจะพูดอะไรพี่ไม่เข้าใจ” หนึ่งเลิกคิ้วถามด้วยความงุนงง



          “ทำไมพี่หนึ่งทำกับเมาส์แบบนั้นครับ” สไมล์เข้าเรื่องทันที ทำให้หนึ่งที่กำลังวางแก้วน้ำให้สไมล์บนโต๊ะชะงักไปทันที



          “ทำอะไรงั้นเหรอ” 

 

         “ก็รอยตามตัวของเมาส์ไงครับ ไหนจะรอยมัด รอยตบหน้า ทำไมพี่หนึ่งถึงทำร้ายเมาส์แบบนั้นครับ ทำไมพี่หนึ่งถึงได้ใจร้ายแบบนั้น!” สไมล์ว่าเสียงดังด้วยความไม่พอใจบวกกับความผิดหวังเพราะไม่คิดว่าพี่ชายที่ใจดีที่เขารักและเคารพมาตลอดจะเป็นคนแบบนี้



          “ใจร้ายงั้นเหรอ?” หนึ่งยกยิ้มมุมปากก่อนจะสบตาสไมล์ ซึ่งเป็นสายตาที่สไมล์ไม่เคยเห็นมาก่อน



          “พี่ทำได้มากกว่านี้อีกถ้ามันทำให้พี่เลิกฟุ้งซ่านเรื่องสไมล์” หนึ่งว่าเสียงเข้มพร้อมมองหน้าสไมล์อย่างจริงจัง สไมล์ขมวดคิ้วกับคำพูดของอีกคน



          “หมายความว่ายังไงครับ”



พรึ่บ



          “พี่หนึ่ง ปล่อยสไมล์นะ” สไมล์ว่าพร้อมดิ้นออกมาเมื่อพี่หนึ่งดึงเขาเข้าไปกอด



          “ไม่ปล่อย ไม่มีวันปล่อย ถ้าปล่อยสไมล์ก็ไปกับมัน สไมล์ก็ไปกับไอ้สาม พี่ไม่ยอม!” หนึ่งว่าเสียงแข็งพร้อมบีบต้นแขนสไมล์อย่างแรงจนใบหน้าหวานนิ่วหน้าด้วยความเจ็บ



          “อึก สไมล์เจ็บนะ พี่หนึ่งปล่อย!”



          “ไม่! พี่รักสไมล์ ไม่ว่าเมื่อไหร่พี่ก็รักสไมล์ พี่ไม่ยอมปล่อยสไมล์ไปอีกแน่!!”



พรึ่บ



เพี้ยะ!



        “พี่หนึ่งพูดอะไรของพี่กัน! พี่หนึ่งเป็นแฟนกับเมาส์นะ!” สไมล์ว่าหลังจากผลักอีกคนออกและตบหน้าอีกคนแรงๆไปหนึ่งทีเพื่อนเรียกสติ



          “แล้วไง! พี่คบกับเมาส์แล้วไง พี่ไม่ได้รักเมาส์ ได้ยินมั้ยพี่ไม่ได้รักเมาส์พี่รักสไมล์!!” หนึ่งว่าเสียงดังพร้อมเขย่าตัวสไมล์



          “ไม่ได้รักเมาส์แล้วคบกับเมาส์ทำไม พี่หนึ่งทำร้ายคนดีๆอย่างเมาส์ทำไมกัน!”สไมล์เองก็เสียงดังอย่างไม่ยอม เขาโมโหมาก โมโหกับสิ่งที่พึ่งได้ยินออกมา



          “ก็ตัวแทนสไมล์ไง! ดูเผินๆเมาส์ก็คล้ายสไมล์จะตายไป แต่ตอนนี้สไมล์กลับมาแล้ว ตัวแทนก็ไม่จำเป็นอีกแล้วเพราะพี่รักสไมล์ พี่รักสไมล์คน...”



พรึ่บ



ซ่า!



        “เลิกบ้าได้แล้วครับพี่หนึ่ง สไมล์ไม่คิดว่าคนที่สไมล์รักและเคารพมาตลอดจะเป็นคนเลว จิตใจหยาบกระด้างแบบนี้ ผิดหวัง...สไมล์ผิดหวังที่สุด!” สไมล์ว่าพร้อมกับวางแก้วน้ำที่พึ่งใช้สาดใส่อีกคนบนโต๊ะก่อนจะคว้ากระเป๋าตัวเองทำท่าจะเดินออกไปทันทีแต่หนึ่งไม่รอช้ารีบวิ่งเข้ามากอดเอวบางไว้ทันที



          “ไม่นะสไมล์ อย่าไปนะ...” หนึ่งว่าเสียงเว้าวอน



          “อย่าทำให้สไมล์รังเกียจพี่หนึ่งไปมากกว่านี้เลยครับ” สไมล์ว่าพร้อมกับแกะมืออีกคนออกก่อนจะเดินออกไป หนึ่งทิ้งตัวลงพื้นพร้อมกับเสยผมขึ้นอย่างเครียดๆ ตาคมแข้งกร้าวพร้อมกับมือหนาที่กำมือแน่น



          “รังเกียจงั้นเหรอ? แล้วไอ้คนที่สไมล์รังเกียจคนนี้แหละ จะทำทุกอย่างให้ได้สไมล์มา!” หนึ่งว่าออกมาก่อนที่มือหนาจะหยิบโทรศัพท์กดโทรออกไปยังเบอร์หนึ่ง



          “ครับ...ผมเอง...ผมมีเรื่องจะบอก...”...สไมล์กลับมายังคอนโดด้วยสภาพจิตใจห่อเหี่ยวไปหมด อยากร้องไห้แต่ก็ร้องไม่ออก ไม่รู้ว่าควรจะร้องไห้เพราะอะไรดี เพราะสงสารเมาส์ หรือเพราะสงสารตัวเองที่ดันมองคนผิดมาตั้งแต่ต้น เขาไม่เคยคิดเลยว่าพี่หนึ่งจะเป็นคนแบบนี้ พี่หนึ่งที่เขารู้จักคือผู้ชายที่อบอุ่น แสนดี เขารักพี่หนึ่งนะ...แต่รักในฐานะพี่ชายเท่านั้น ไม่เคยมีความรู้สึกอื่นนอกจากนี้ไม่ว่าเมื่อก่อนหรือว่าตอนนี้ก็ตาม



          “ไปไหนมา” เสียงทุ้มถามขึ้น ทำให้สไมล์ที่กำลังจะเดินเข้าห้องชะงักเพราะมีร่างสูงของสามกำลังยืนรออยู่หน้าห้อง



          “เอ่อ....คือ...” สไมล์ขมวดคิ้ว ก้มหน้าก้มตาทำท่าครุ่นคิดเพราะไม่รู้จะตอบยังไงดี



          “อย่าโกหกแค่มึงบอกกูก็จะเชื่อ” สไมล์เงยหน้ามองสามทันที



     “ไปหาพี่หนึ่งมา” สไมล์ตอบออกมาในที่สุด สามมีแววตาแข็งกร้าวขึ้นมาแต่เพียงครู่เดียวก็สงบลง



          “อืม” สามตอบสั้นๆ



          “จะไม่ถามผมหน่อยเหรอว่าไปทำไม” สามเลิกคิ้วทันทีที่สไมล์พูดแบบนี้ ก่อนที่คิ้วหนาจะขมวดมุ่นเมื่อสังเกตว่าอีกคนมีสีหน้าไม่ค่อยดีเท่าไหร่



          “เกิดอะไรขึ้น”...สไมล์เล่าเรื่องทั้งหมดให้สามฟังหลังจากที่พากันเข้ามาในห้องสามนั่งเงียบไปมาพูดอะไรออกมาสักคำ



          “ผมรู้สึกผิดหวัง ผิดหวังไปหมด” สไมล์ว่าออกมาเสียงแผ่ว



          “หึๆ คิดว่าพี่หนึ่งเป็นเทวดาหรือไงถึงจะได้ดีไปซะทุกอย่าง” สามว่า ทำให้สไมล์หันไปมองอีกคนทันที



          “คนทุกคนมันก็เลวหมดนั่นแหละ อยู่ที่ว่าจะเลวแบบไหนยังไง ถ้าแบบกู ก็เลวแบบเปิดเผย เลวแบบตรงไปตรงมา” สามว่าหน้าตาย สไมล์เผลอกระตุกยิ้มทันทีกับคำพูดของอีกคน เลวเปิดเผย? เลวแบบตรงไปตรงมางั้นเหรอ?

 

         “นั่นสิ คุณมันเป็นแบบนั้นจริงๆ”

 

         “หึๆ เพราะฉะนั้นมึงก็ไม่ต้องผิดหวังหรือคิดว่าตัวเองโง่เชื่อคนง่ายอะไรแบบนั้นหรอก มันเป็นเรื่องธรรมดา” สามว่าพลางยักไหล่ทำท่าราวกับว่าเรื่องที่สไมล์เล่าเป็นเรื่องทั่วๆไป



          “แต่ผมก็สงสารเมาส์ เมาส์ไม่น่าต้องมา...”



          “อย่าโทษตัวเอง ไม่ใช่ความผิดมึง” สามเอานิ้วแตะที่ปากบางก่อนจะพูดขึ้น ตาคมสบเข้ากับตากลมอย่างจริงจัง สไมล์ตาสั่นระริกเพราะอีกคนทำอย่างกับรู้ใจเขาอย่างดีเพราะตอนนี้เขากำลังรู้สึกโทษตัวเอง โทษตัวเองที่เป็นสาเหตุทำให้เมาส์เจอเรื่องแบบนี้



          “แต่ผม...”



          “มึงก็แค่คนธรรมดาคนหนึ่ง ทำไมชอบแบกรับความรู้สึกผิดไว้กับตัวเองนักวะอะไรที่ปล่อยได้แม่งก็ปล่อยไปเถอะ เข้าใจมั้ย” สามบ่นอีกคนแต่ตาคมกลับมองอีกคนอย่างสื่อความหมายทำให้สไมล์ใจกระตุกไม่น้อย แม้ว่าคำพูดจะไม่ได้อ่อนหวานหรืออ่อนโยนแต่การกระทำและแววตาของอีกคนมันทำให้สไมล์รู้สึกได้ รับรู้ได้ถึงความจริงใจของอีกคน



          “ที่ทำอยู่นี่...” สไมล์เว้นวรรคพร้อมเงยหน้าสบตาสาม



          “...ตั้งใจให้ผมหวั่นไหวใช่มั้ย?” สามยกยิ้มกับคำถาม



          “แล้วถ้าใช่ล่ะ หวั่นไหวกับกูบ้างหรือยัง?” สไมล์ไม่ตอบแต่ตากลมยังคงสบกับตาคมไม่ลดละ สามยื่นหน้าเข้าไปใกล้เพื่อหยั่งเชิงว่าอีกคนจะหลบมั้ยเมื่อสมล์ไม่หลบปากหนาก็ทำท่าจะประกบลงไปทันทีแต่...



          “อยู่นี่นี่เอง ที่ไม่กลับบ้านก็เพราะมาติดพันไอ้เด็กพิการนี่สินะ!”



          “ม๊า!”



          “คุณ...ผู้หญิง”

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

ตอนนี้แต่งมาราธอนมาก 55555 คือไม่อยากตัดเป็นสองท่อนก็เลยรวมเป็นตอนเดียวไปเลย คอมเม้นกันเยอะๆนะคะ ใกล้จะจบแล้วววววววว >___<

ปล ทีมพี่หนึ่งอย่าตบเรานะ ไม่มีการเปลี่ยนบทแต่อย่างใด เราตั้งใจวางพล็อตแบบนี้ตั้งแต่แรก 555555
___จางบิวตี้___
หัวข้อ: Re: Poor Boy…รักไม่ได้ [Yaoi Boy’s Love] อัพตอน18 (05/09/59)
เริ่มหัวข้อโดย: Wut_Sv ที่ 05-09-2016 19:36:38
พี่หนึ่งรักจนเลวไปแล้วววว :angry2: :angry2: :angry2:

เป็นประวัติการณ์ของคนเขียนมากกกก 18 ตอนแล้ว พระเอก นายเอก ยังไม่ได้กันเลย 555  :laugh: :laugh: :laugh:

มีคำถามครับ อยากรู้ สไมล์กลับมาที่คอนโดตัวเอง แล้วแม่สามเข้ามาในห้องได้ยังไง???  :really2: :really2: :really2:
หัวข้อ: Re: Poor Boy…รักไม่ได้ [Yaoi Boy’s Love] อัพตอน18 (05/09/59)
เริ่มหัวข้อโดย: Jang_B2UTY ที่ 05-09-2016 19:53:17
พี่หนึ่งรักจนเลวไปแล้วววว :angry2: :angry2: :angry2:

เป็นประวัติการณ์ของคนเขียนมากกกก 18 ตอนแล้ว พระเอก นายเอก ยังไม่ได้กันเลย 555  :laugh: :laugh: :laugh:

มีคำถามครับ อยากรู้ สไมล์กลับมาที่คอนโดตัวเอง แล้วแม่สามเข้ามาในห้องได้ยังไง???  :really2: :really2: :really2:
บอกไม่ด้ายยยยยยยย เดี๋ยวพี่หนึ่งหาว่าฟ้อง อุ๊บ :×  :hao3: :hao3: :hao3:
หัวข้อ: Re: Poor Boy…รักไม่ได้ [Yaoi Boy’s Love] อัพตอน18 (05/09/59)
เริ่มหัวข้อโดย: dena ที่ 05-09-2016 19:57:25
กรี๊ดดดดดดดดด เราอุตส่าปลื้มพี่หนึ่งมาต้องนาน :hao5: :z3:
หัวข้อ: Re: Poor Boy…รักไม่ได้ [Yaoi Boy’s Love] อัพตอน18 (05/09/59)
เริ่มหัวข้อโดย: Wut_Sv ที่ 05-09-2016 20:16:22
พี่หนึ่งรักจนเลวไปแล้วววว :angry2: :angry2: :angry2:

เป็นประวัติการณ์ของคนเขียนมากกกก 18 ตอนแล้ว พระเอก นายเอก ยังไม่ได้กันเลย 555  :laugh: :laugh: :laugh:

มีคำถามครับ อยากรู้ สไมล์กลับมาที่คอนโดตัวเอง แล้วแม่สามเข้ามาในห้องได้ยังไง???  :really2: :really2: :really2:
บอกไม่ด้ายยยยยยยย เดี๋ยวพี่หนึ่งหาว่าฟ้อง อุ๊บ :×  :hao3: :hao3: :hao3:

ป่าวครับ ที่อยากรู้คือ ห้องคอนโดนะครับ ไม่ใช่ห้องเช่ารูหนู เข้ามาในห้องง่ายขนาดนั้นเลย :mew5:
หัวข้อ: Re: Poor Boy…รักไม่ได้ [Yaoi Boy’s Love] อัพตอน18 (05/09/59)
เริ่มหัวข้อโดย: crazydoii ที่ 05-09-2016 23:16:25
พี่หนึ่ง พ่อพระ เปลี่ยนไป,,,

สงสารเม้าส์...
หัวข้อ: Re: Poor Boy…รักไม่ได้ [Yaoi Boy’s Love] อัพตอน18 (05/09/59)
เริ่มหัวข้อโดย: Jang_B2UTY ที่ 05-09-2016 23:49:48
พี่หนึ่งรักจนเลวไปแล้วววว :angry2: :angry2: :angry2:

เป็นประวัติการณ์ของคนเขียนมากกกก 18 ตอนแล้ว พระเอก นายเอก ยังไม่ได้กันเลย 555  :laugh: :laugh: :laugh:

มีคำถามครับ อยากรู้ สไมล์กลับมาที่คอนโดตัวเอง แล้วแม่สามเข้ามาในห้องได้ยังไง???  :really2: :really2: :really2:
บอกไม่ด้ายยยยยยยย เดี๋ยวพี่หนึ่งหาว่าฟ้อง อุ๊บ :×  :hao3: :hao3: :hao3:

ป่าวครับ ที่อยากรู้คือ ห้องคอนโดนะครับ ไม่ใช่ห้องเช่ารูหนู เข้ามาในห้องง่ายขนาดนั้นเลย :mew5:
ก็นะ...เงินทำได้ทุกอย่าง เห็นนิยายเรื่องอื่นก็เป็นแบบนี้~~ คงไม่สงสัยแล้วนะคะ 555555
หัวข้อ: Re: Poor Boy…รักไม่ได้ [Yaoi Boy’s Love] อัพตอน18 (05/09/59)
เริ่มหัวข้อโดย: cheyp ที่ 06-09-2016 03:41:15
เอาพี่หนึ่งที่แสนดีคืนมาาาาาา
หัวข้อ: Re: Poor Boy…รักไม่ได้ [Yaoi Boy’s Love] อัพตอน18 (05/09/59)
เริ่มหัวข้อโดย: Jang_B2UTY ที่ 06-09-2016 22:32:47
Poor Boy 9

( Grammar x Song )

 

        สองเดินทางมาถึงประเทศอังกฤษในตอนบ่ายโมงกว่าๆเพราะออกเดินทางจากประเทศไทยตั้งแต่ตอนดึก สองและเพื่อนอีกสองคนพากันเดินทางไปยังที่พักที่ทางมหาวิทยาลัยจัดเตรียมไว้ให้ทันที วันนี้จะเป็นวันฟรีเพราะคิดว่านักศึกษาทั้งสามคนต้องอ่อนเพลียจากการขึ้นเครื่องบินมา พรุ่งนี้ถึงจะเริ่มดูงาน ซึ่งสองและเพื่อนอีกสองคนจะต้องไปยังมหาวิทยาลัยหนึ่งของลอนดอนเพื่อศึกษาดูงาน



          “เหนื่อยอ่ะแก ถ้าไปถึงโรงแรมนะว่าจะหลับสักสองตื่น” เพื่อนที่มาร่วมกับสองคนหนึ่งพูดขึ้น



          “นั่นดิ เย็นๆค่อยหาอะไรกินกัน เอ่อ....สองจะไปด้วยกันมั้ย” เพื่อนอีกคนหันมาถามสองอย่าไม่ค่อยกล้าคุยนัก เพราะในคณะต่างรู้ดีว่าสองหยิ่งขนาดไหน สองมองหน้าเพื่อนร่วมคณะถ้าจำไม่ผิดคงชื่อว่าดาวกับส้มนิ่งๆก่อนจะพูดออกมา



          “ไปสิ” ส้มยิ้มรับทันทีก่อนจะไปพยักหน้ารับกับดาวเป็นเชิงว่าสองไม่ได้น่ากลัวหรือหยิ่งแบบที่ข่าวลือสักหน่อย พอมาถึงโรงแรมทั้งสามก็แยกย้ายเข้าห้องพักของตัวเองทันที สองทิ้งตัวลงนอนบนเตียงพร้อมกับในสมองที่ครุ่นคิดอะไรบางอย่างเอาน่ะ...อังกฤษไม่ได้แคบเสียหน่อย อีกอย่างเขาก็มาไม่นานคงไม่มีทางได้เจอกันหรอกแต่ถ้าเจอล่ะ...เพียงแค่คิดได้แบบนั้น อวัยวะในหน้าอกด้านซ้ายของสองก็เต้นแรงแบบหน่วงๆแปลกๆ สองหลับตาลงเพื่อสลัดเรื่องที่กำลังคิดก่อนจะเผลอหลับยาวไปในที่สุด...สองและเพื่อนอีกสองคนพากันมาหาอะไรกินตอนเย็นใกล้ๆโรงแรมเพราะยังไม่ค่อยคุ้นเส้นทางอะไรมากนัก คิดว่าถ้าอยู่ไปสักวันสองวันน่าจะพอไปไหนมาไหนได้บ้าง...วันต่อมา...สองและเพื่อนๆพากันไปดูงานที่มหาวิทยาลัยในเมืองลอนดอนตั้งแต่แปดโมง ซึ่งการศึกษาดูงานก็ไม่มีอะไรมากแค่เข้าไปเรียนร่วมกับนักศึกษาในคาสวิชาการบริหารจัดการระหว่างประเทศเพื่อศึกษาการเรียนการสอนของที่นี่และทำรูปเล่มรายงานกลับไปนำเสนออาจารย์ในคณะ



          “เด็กที่นี่สบายจังเรียนวันละไม่กี่วิชาเอง” ดาวพูดขึ้นหลังจากที่เลิกคาส ส้มเองก็พยักหน้ารับอย่างเห็นด้วยเพราะจากที่เห็นตารางเรียนก็เห็นว่าวันหนึ่งเรียนเต็มที่แค่สองถึงสามวิชาเท่านั้น บางวันมีแค่วิชาเดียวด้วยซ้ำ ต่างจากการศึกษาที่ไทยที่บางคณะมีเรียนถึงค่ำเพราะมีการอัดรายวิชามากมาย บางวิชาก็ไม่ได้จำเป็นในการเรียนสาขานี้เลยสักนิด



           “แล้วนี่เราจะไปไหนกันดี บ่ายสามมีเรียนต่อด้วย” ส้มถามขึ้น ดาวเองก็ทำหน้าครุ่นคิด



          “หอสมุดมั้ย” สองเสนอขึ้นทำให้ดาวกับส้มหันมามองทันที สองทำหน้างุนงงกับท่าทางของสองสาว



          “มีอะไรหรือเปล่า” สองถามพลางขมวดคิ้ว



          “เอ่อ...เราแค่สงสัยน่ะ เอ่อ...สองอย่าโกรธเรานะ” ส้มพูดขึ้นอย่างกล้าๆกลัวๆ

 

         “ทำไม?”



          “ก็มีข่าวลือมาตลอดว่าสองหยิ่ง สองหัวสูง ไม่ค่อยชอบสุงสิงกับใคร พวกเราเลยเกร็งๆน่ะ แต่อยู่ๆสองก็พูดคุยกับพวกเรา พวกเราก็เลย...”



          “อืม...เราคงหยิ่งจริงๆนั่นแหละ...” สองถอนหายใจพร้อมกับตอบออกมา ดาวกับส้มทำหน้าแหยๆทันทีกับคำตอบที่ได้ยิน



          “...แต่เราก็อยากมีเพื่อนนะ แต่เราแค่ไม่รู้วิธีเข้าหาเพื่อนก็เท่านั้น บางทีเราคงชินกับการไม่เพื่อนแล้วก็เลยเป็นแบบนี้” สองตามที่ใจคิด อย่างที่บอกเวลาเขามีเพื่อนแม่จะคอยกำกับเขาตลอดว่าต้องคบเพื่อนคนนั้น คบเพื่อนคนนี้ จนเขาไม่อยากมีเพื่อน จนลืมวิธีเข้าหาเพื่อนไปเลย



          “ทำไมถึงเป็นแบบนั้นล่ะ?” ดาวถามพร้อมทำหน้าสงสัย



          “หึๆ นั่นสิ ไม่รู้เหมือนกัน” สองกระตุกยิ้มพร้อมยักไหล่



          “ช่างเถอะ ไปหอสมุดกัน เธอสองคนก็ไม่ต้องเกร็งเราหรอก ทำตัวตามสบายเถอะ” สองว่ายิ้มๆ ดาวกับส้มพยักหน้ารับด้วยรอยยิ้มทันที ก่อนที่ทั้งสามจะพากันไปยังหอสมุดของมหาวิทยาลัยทันที สองและเพื่อนอีกสองคนพากันมานั่งที่ชั้นสามของหอสมุดเพราะเห็นว่าเงียบและสงบกว่าชั้นหนึ่งและสอง สองเดินแยกจากดาวและส้มเพื่อหาหนังสืออ่าน สองชอบภาษาอังกฤษ ชอบอะไรที่เกี่ยวกับภาษา ใจเขาอยากจะเรียนอะไรที่เกี่ยวกับภาษาแต่ก็อีกนั่นแหละ แม่ของเขาไม่ยอม  เขาเลยเลือกเรียนการบริหารจัดการระหว่างประเทศแทน อย่างน้อยเขาก็ได้ใช้ภาษาอังกฤษที่เขาชอบด้วยเขาต่างกับสามเขารู้ สามเป็นลูกรักของแม่เพราะเป็นน้องคนเล็ก แม่ตามใจสามทุกอย่าง ขนาดสามเรียนวิศวะที่ไม่ได้เกี่ยวอะไรกับธุรกิจของบ้านแม่ยังไม่ว่าอะไรเลย น่าอิจฉาเนอะว่ามั้ย? สองกระตุกยิ้มพร้อมกับส่ายหัวไปมากับความคิดตัวเอง...วันนี้สองเลิกเรียนเย็น หลังจากเลิกเรียนสองและเพื่อนๆก็พากันไปเดินเล่นที่สตรีทที่คล้ายๆไนท์พลาซ่าของไทย ซึ่งเต็มไปด้วยของกินและเสื้อผ้ามากมาย อีกทั้งยังมีนักศึกษาหลายคนมาร้องเพลงเปิดหมวก ซึ่งหาดูได้มากมายสำหรับต่างประเทศ



          “อันนั้นน่ากินอ่ะ” ดาวพูดขึ้นพร้อมชี้ไปที่ร้านขนมปังที่มีคนต่อแถวอยู่มากมาย



          “สองกินมั้ย?” ส้มหันมาถามสอง



          “ไม่ดีกว่า งั้นเดี๋ยวไปรอที่ร้านอาหารข้างหน้าละกันนะ” สองตอบเพราะตอนแรกตกลงกันว่าจะหาอะไรมื้อเย็นกินกัน



          “อืมๆ เดี๋ยวเรากับส้มตามไปนะ” ดาวว่าก่อนจะพาส้มไปต่อแถวที่ร้านขนมปังทันที ทำให้สองต้องเดินไปรอที่ร้านอาหารฝั่งตรงข้ามคนเดียว ร่างบางเดินเข้ามาในร้านพร้อมกับกวาดสายตาหาที่นั่งก่อนที่ตาเรียวจะสบเข้ากับใครบางคนจนสองเผลอเบิกตากว้าง ซึ่งร่างสูงเองก็ตกใจไม่แพ้กันที่เจออีกคนที่นี่ แกรมม่าไม่รู้ว่าทำไมหัวใจของเขาถึงเต้นแรงขนาดนี้ มันเต็มไปด้วยความคิดถึง ความโหยหา แม้ว่าเรื่องของเขาทั้งคู่จะจบไปนานแล้วแต่แกรมม่ากล้าบอกเลยว่าเขายังไม่เคยลืมอีกคนสักวินาทีเดียวแกรมม่าพยายามกลับมาทำตัวเพลย์บอยมั่วสาวไปทั่วแต่ก็นะ...มันก็แค่ความพยายาม เขาทำไม่ได้ ในหัวของเขามันมีแต่ภาพของอีกคนที่มองเขาด้วยความเสียใจและผิดหวัง



          “แกรม...ยูทำไมไม่ค่อยสนใจไอเลยล่ะ” เสียงแป๊นๆของสาวฝรั่งทรงโตดังขึ้นแต่ก็ไม่ได้ทำให้แกรมม่าสนใจเลยเพราะสิ่งที่เขาสนใจคือร่างบางที่ยืนอยู่ข้างหน้าตรงหน้าต่างหาก



          “กี่ที่คะ?” บริกรสาวเดินเข้ามาถามสองเป็นภาษาอังกฤษทันที สองที่ทำท่าจะเดินออกก็ไม่สามารถทำเช่นนั้นได้เพราะมันจะดูเสียมารยาทเกินไป



          “เอ่อ...3ครับ” สองตอบกลับไป บริกรสาวยิ้มรับก่อนจะเดินนำสองไปยังที่นั่งที่ว่างและก็ช่างบังเอิญที่มันเป็นโต๊ะข้างๆแกรมม่าที่กำลังนั่งอยู่กับผู้หญิง สองรู้สึกอึดอัดใจไม่น้อยที่ต้องมาเจออีกคนแบบนี้ ทั้งๆที่คิดมาตลอดว่าลอนดอนไม่ได้แคบแต่ทำไมกันนะ? ทำไมต้องมาเจอกันด้วยแล้วทำไมเขาต้องรู้สึกไม่ดีด้วยที่เจออีกคนอยู่กับผู้หญิงแบบนี้ เขาควรจะรู้สึกเฉยๆสิ เขากับอีกคนไม่ได้เกี่ยวข้องกันอีกแล้ว เรื่องของเราจบลงตั้งแต่วันนั้นแล้ว



          “รอนานมั้ยสอง คนเยอะมากกว่าจะได้” ดาวพูดขึ้นหลังจากที่เดินเข้ามาหาสองที่โต๊ะ สองส่ายหน้าเป็นคำตอบก่อนที่ทั้งสามจะสั่งอาหารกันและตลอดเวลาที่กินข้าวสองก็รับรู้ถึงสายตาของแกรมม่าที่มองมาที่เขาตลอดแต่สองก็พยายามเมิน ไม่สนใจ



          “สองๆ หนุ่มผมบอนด์นั่นต้องชอบสองแน่ๆ ดูสิ มองสองใหญ่เลย” ส้มกระซิบขึ้นพร้อมกับยักคิ้วหลิ่วตาไปทางแกรมม่าที่ยังคงมองมาทางสองไม่ลดละ



          “นั่นดิๆ เราก็สังเกตนะ หล่อด้วยอ่ะ” ดาวว่าพร้อมยิ้มเล็กยิ้มน้อยอย่างแซวๆ สองทำหน้านิ่งก่อนจะเบี่ยงประเด็น



          “รีบๆกินเถอะ เราปวดหัวนิดหน่อย อยากกลับโรงแรมแล้ว” สองว่า ดาวกับส้มหน้าจ๋อยทันทีที่สองไม่รับมุข หลังจากที่กินข้าวกันเสร็จทั้งสามก็พากันออกจากร้านอาหารไปทันทีโดยไม่ทันสังเกตว่าแกรมม่าตามมา



          “เดี๋ยวดิพี่” แกรมม่าวิ่งมาคว้าแขนสองไว้พร้อมพูดเป็นภาษาไทย ทำเอาดาวส้มตกใจอย่างมาก



          “ปล่อย ผมไม่รู้จักคุณ” สองตอบกลับเป็นภาษาอังกฤษ



          “พี่อย่าเมินผมสิ ถ้าตั้งใจจะเมินกันจริงทำไมต้องทำหน้าไม่พอใจที่เห็นผมอยู่กับผู้หญิง” แกรมม่าถามด้วยน้ำเสียงจริงจัง เขาเคยคิดว่าอีกคนคงเกลียดเขามากและคงเมินกันแต่มันกลับไม่ใช่ เขารับรู้ถึงความไม่พอใจที่อีกคนมองมาที่เขากับหญิงสาวจะเรียกว่าเข้าข้างตัวเองก็ได้แต่แกรมม่าเชื่อว่า อีกคนยังมีความรู้สึกหลงเหลือกับคนเลวๆอย่างเขา



          “ฉันทำตอนไหน” สองถามกลับหน้าบึ้งตึง ซึ่งก็ทำให้ดาวกับส้มทำหน้างุนงงสรุปรู้จักไม่รู้จักกันแน่?



          “อ้าว ไหนบอกไม่ได้รู้จักผมไง” แกรมม่ากระตุกยิ้มมุมปาก  สองเบิกตากว้างทันทีที่รู้สึกว่าตัวเองพลาดไปแล้ว



          “ถอยไป ฉันกับเพื่อนจะกลับโรงแรม” สองว่าพร้อมพยายามควบคุมเสียงให้เรียบนิ่ง



          “ผมไปส่งนะ” แกรมม่าว่า



          “ไม่...”



          “ดีค่ะๆๆ” ดาวกับส้มตอบขัดสองออกมา สองขมวกคิ้วหันไปมองเพื่อน



          “ก็แหม...ไหนๆก็รู้จักกับสองนี่หน่า นะๆ ไม่อยากนั่งรถเมล์เลย” ดาวว่าพร้อมทำหน้าออดอ้อน



          “นั่นดิๆ ต้องเดินไปที่ป้ายรถเมล์อีกไกลด้วย” ส้มพูดเสริม สองถอนหายใจออกมาก่อนจะหันไปมองหน้าแกรมม่าที่มองมาที่เขายิ้มๆ

 

         “ตามใจ” ให้ตายสิทำไมเขาใจง่ายแบบนี้นะ!...แกรมม่าพาสองและเพื่อนๆมาส่งที่โรงแรมและได้พูดคุยกับดาวและส้มก็รู้ว่าสองมาดูงานที่นี่หนึ่งสัปดาห์ ไม่รู้ว่านี่เรียกว่าเป็นโอกาสได้หรือเปล่า โอกาสที่เขาจะได้ขอโทษอีกคนหลังจากที่คนขี้ขลาดอย่างเขาไม่เคยได้ทำมันอย่างจริงๆจังเสียที



          “เดี๋ยวสิพี่” แกรมม่าคว้าข้อมือสองไว้ขณะที่อีกคนกำลังจะลงจากรถ โดยที่ดาวกับส้มลงไปรอข้างล่างแล้ว



           “ปล่อย” สองว่าเสียงแข็ง



          “คุยกันก่อนได้มั้ย ผมมีเรื่องอยากจะคุยกับพี่” แกรมม่าว่าเสียงอ่อน



          “ไม่มีอะไรจะต้องคุย ขอบคุณที่มาส่งแต่ทีหลังไม่ต้องมาเจอกันอีก” สองว่าน้ำเสียงเย็นชาก่อนจะสะบัดมืออีกคนออกแล้วลงจากรถไปทันที แกรมม่าถอนหายใจออกมาก่อนจะมองตามแผ่นหลังบางที่เดินเข้าโรงแรมไป เอาวะ...เขาจะไม่ยอมแพ้อีกแล้ว ขี้ขลาดมานานจนเสียอีกคนไป ครั้งนี้เขาจะไม่ยอมอีกแล้ว ไม่ต้องกลับมารักกันก็ได้แต่ขอแค่อย่าเกลียดกันก็พอ

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

คู่นี้ตอนหน้าจบแล้ววววววว 55555 คงสงสัยกันว่าจะแฮปปี้เอนดิ้งมั้ย? อืมมมมม ถ้าใครเคยอ่านPoor Boyเรื่องแรกคงจะเดาออกเนอะ 55555 ไม่อยากสปอยแต่อยากบอกว่าความรักไม่ได้สวยงามเสมอไป ยังไงก็ฝากติดตามด้วยนะคะ

___จางบิวตี้___
หัวข้อ: Re: Poor Boy…รักไม่ได้ [Yaoi Boy’s Love] อัพคู่รองตอน9 (06/09/59)
เริ่มหัวข้อโดย: Wut_Sv ที่ 07-09-2016 10:04:24
ไม่อยากให้กลับไปคืนดีกันเลย(ยังเกลียดแกรมม่าไม่เลิก) 555
หัวข้อ: Re: Poor Boy…รักไม่ได้ [Yaoi Boy’s Love] อัพคู่รองตอน9 (06/09/59)
เริ่มหัวข้อโดย: crazydoii ที่ 07-09-2016 23:47:12
มันง่ายไปมั้ย???

รออีกนานหน่อยได้ป่าว???
หัวข้อ: Re: Poor Boy…รักไม่ได้ [Yaoi Boy’s Love] อัพคู่รองตอน9 (06/09/59)
เริ่มหัวข้อโดย: Jang_B2UTY ที่ 09-09-2016 19:46:10
Poor Boy 19

 

          “อยู่นี่นี่เอง ที่ไม่กลับบ้านก็เพราะมาติดพันไอ้เด็กพิการนี่สินะ!”



          “ม๊า!”



          “คุณ...ผู้หญิง” ทั้งสามและสไมล์ตกใจไม่น้อยที่เจอแม่ของสามมาอยู่ที่นี่ ทั้งคู่ผละออกจากกันทันที



          “ม๊ามาที่นี่ได้ไงครับแล้วเข้ามาได้ยังไง” สามถามขึ้นด้วยความตกใจ ผู้เป็นแม่กระตุกยิ้มมุมปากก่อนจะหันไปมองหน้าสไมล์



          “ม๊าเข้ามาได้ยังไงไม่สำคัญเท่ากับมันพาลูกมากกอยู่ที่นี่หรอก” สไมล์ขมวดคิ้วมุ่นทันทีกับคำพูดที่แดกดันเขา



          “คุณผู้หญิงบอกว่าผมเอาใครมากกไว้นะครับ?” สไมล์ถามขึ้นด้วยน้ำเสียงเรียบๆ



          “ก็จะใครล่ะ ฮึ ม๊าไม่คิดเลยนะว่าที่สามไม่ค่อยกลับบ้านก็เพราะติดพันมันอยู่ นี่สามลืมไปแล้วหรือไงว่ามันเป็นใคร มันเป็นลูกของอิผู้หญิงพรรค์นั้น!” แม่ของสามว่าเสียงดัง



          “ขอโทษนะครับ ผู้หญิงพรรค์นั้นที่คุณผู้หญิงว่ามันแบบไหนครับ กรุณาให้เกียรติแม่ของผมด้วยครับ” สไมล์ว่าอย่างไม่พอใจ ถ้าเป็นแต่ก่อนเขาคงนิ่งเงียบไม่กล้าต่อปากต่อคำแบบนี้หรอกแต่ตอนนี้เขาไม่ใช่สไมล์คนเดิมแล้ว แม้ว่าคุณผู้หญิงจะเคยมีบุญคุณกับเขาซึ่งเขาไม่เคยลืม แต่การที่มาต่อว่าแม่เขาหรือเรียกแม่ของเขาด้วยสรรพนามแบบนี้มันก็ไม่โอเคเหมือนกัน!



        “แล้วทำไมฉันต้องให้เกียรติแม่ของแกด้วย เฮอะ” แม่ของสามว่าพร้อมเบ้ปากใส่สไมล์



          “ถ้าเช่นนั้นก็เชิญออกไปจากห้องของผมด้วยครับ ผมสามารถแจ้งขอหาบุกรุกกับคุณผู้หญิงได้แถมยังแจ้งข้อหาดูหมิ่นอีกด้วย” สไมล์ว่าเสียงเรียบพร้อมมองหน้าแม่ของสามอย่างไม่ยอมเช่นกัน แม่ของสามกำมือแน่นด้วยความโกรธทำท่าจะเดินเข้ามาตบหน้าสไมล์แต่สามของคว้ามือของผู้เป็นแม่ไว้ก่อน



          “พอเถอะครับม๊า”



          “นี่แกอยู่ข้างมันเหรอสาม!” ผู้เป็นแม่โวยวายอย่างไม่พอใจ



          “ผมไม่ได้อยู่ข้างใครแต่ม๊าทำแบบนี้ไม่ถูก ม๊าบุกรุกเข้ามาแถมยังจะมาทำร้ายเจ้าของห้องนะครับ” สามพยายามพูดอย่างใจเย็นพร้อมมองหน้าสไมล์แต่สไมล์ก็ทำหน้านิ่งใส่เสียจนเขารู้สึกแปลกๆ



          “คุณพาแม่ของคุณกลับไปได้แล้ว ถ้าอยู่นานกว่านี้ผมแจ้งความแน่” สไมล์ว่าเสียงเย็นอย่างขู่ๆ สามขมวดคิ้วกับคำพูดของอีกคน



          “เฮอะ ฉันกลับก็ได้! สามกลับ! แล้วไม่ต้องมาข้องเกี่ยวกับมันอีก เข้าใจที่ม๊าพูดมั้ย!” ผู้เป็นแม่ออกคำสั่งเสียงดัง สามหันไปสบตาสไมล์ซึ่งสไมล์ก็มองมาที่สามเช่นกันก่อนสไมล์จะเป็นฝ่ายเบนหน้าหนี



          “กลับสิ!” แม่ของสามว่าอีกครั้งก่อนจะเดินนำออกไปโดยมีสามเดินตามออกไป หลังจากที่สองแม่ลูกออกจากห้องไปสไมล์ก็ถอนหายใจออกมาก่อนจะนั่งลงที่โซฟา



          “ก็ดีแล้ว...แบบนี้ก็ดีแล้วไง” สไมล์พึมพำกับตัวเอง แต่ทำไมกันนะ แม้ว่าจะคิดว่าเป็นแบบนี้ก็ดีแล้วแต่ทำไมต้องรู้สึกหัวใจหน่วงๆแปลกๆแถมขอบตาต้องร้อนผ่าวแบบนี้กัน...สามต้องกลับบ้านพร้อมแม่เพราะผู้เป็นแม่ไม่ยอมและยื่นคำขาดว่าถ้าสามไม่กลับก็ไม่ต้องมาคุยกัน สามก็เลยต้องจำยอม บรรยากาศบนรถคันหรูตกอยู่ในความเงียบ ในหัวของสามคิดสารตะไปต่างๆนานาไม่รู้ว่าควรจะทำยังไงต่อดีเพราะไม่เคยคิดว่าจะมีวันนี้ วันที่ตัวเองเผลอใจให้กับคนที่แม่ไม่ชอบ เฮ้อ...



          “เล่ามา ทำไมแกถึงไปอยู่กับมัน!” พอกลับมาถึงบ้านแม่ของสามก็ถามขึ้นทันที



          “แล้วม๊าไปอยู่ที่นั่นได้ยังไงครับ” สามเองก็ถามกลับเช่นกัน เขาเชื่อว่าต้องมีใครบอกกับแม่เรื่องนี้แน่ๆ อีกอย่างมีกี่คนที่รู้ที่อยู่ของสไมล์ ซึ่งระดับแม่ของเขาไม่ยากหรอกที่จะสามารถขึ้นไปยันห้องนอนของอีกคนได้ แค่มีเงิน...อะไรๆมันก็ง่ายดายไปเสียทุกอย่าง



          “ตอบม๊ามาก่อน”



          “ไม่ครับ ถ้าม๊าไม่ตอบผมก่อน” สามเถียงกลับมา ผู้เป็นแม่ทำหน้าไม่พอใจทันที



          “อย่ามาดื้อม๊านะสาม ทำไมถึงเป็นแบบนี้ฮะ หรือเป็นอยู่กับมันเจอมันเป่าหูอะไรมาถึงได้กล้าเถียงม๊าแบบนี้!” ผู้เป็นแม่ว่าอย่างไม่พอใจ



          “สไมล์ไม่ได้ทำอะไรผมทั้งนั้น ผมรู้ว่าม๊าเกลียดเขาแต่ม๊าก็ไม่ควรที่จะไปบุกรุกห้องแล้วชี้หน้าด่าเขาแบบนั้น” สามพยายามทำใจเย็นแล้วว่าด้วยเหตุผลแม้ว่าในใจเขาจะร้อนแค่ไหนก็ตาม



          “เฮอะ! นี่ขนาดบอกว่ามันไม่ได้เป่าหูอะไรมานะแต่ดูสรรพนามที่ใช้เรียกมันสิหรือว่าแกไปหลงมันตามป๊า ตามพี่ชายแกอีกคนฮะ!” แม่ของสามว่าเสียงดังทำให้พ่อของสามที่พึ่งลงมาจากชั้นบนของบ้านถามขึ้นทันที



          “โวยวายอะไรเสียงดังคุณหญิง อ้าวสาม...วันนี้กลับบ้านเหรอ” ผู้เป็นพ่อหันมาทักทายลูกชายคนเล็กที่แยกตัวไปอยู่คอนโดเนื่องจากบ้านกับมหาวิทยาลัยอยู่ห่างกันมาก



          “มาก็ดีค่ะ ลูกชายของเรานี่ไม่รุ้ว่าเป็นอะไรกันไปหมด ไปหลงใหลไอ้เด็กเป๋นั่นกัน ฮึ พอๆกับคุณที่ไปหลงใหลแม่มัน” คุณผู้หญิงของบ้านว่าพร้อมเบ้ปากใส่ นทีขมวดคิ้วก่อนจะหันไปถามลูกชายคนเล็ก



          “สไมล์กลับมาไทยงั้นเหรอสาม”



     “ครับป๊า”



          “จริงเหรอ งั้นอย่าลืมพาป๊าไปหาสไมล์บ้างนะ” นทีว่าด้วยรอยยิ้มอย่างยินดีกับข่าวที่ได้รู้



          “ครับป๊า”



          “นี่คุณ มันอะไรกันฮะ! ตาสาม แกห้ามไปยุ่งเกี่ยวกับไอ้เด็กนั่นเลยนะ” คุณผู้หญิงโวยวาย



          “เฮ้อ อย่าไปสนใจม๊าเลย ไปเถอะ” ผู้เป็นพ่อว่าหลังจากที่รู้สาเหตุที่ภรรยาโวยวายและลูกชายกลับมาที่บ้าน สามพยักหน้ารับก่อนจะเดินตามผู้เป็นพ่อออกจากบ้านไป โดยทิ้งให้ผู้เป็นแม่ยืนโวยวายอยู่คนเดียว



          “กลับมาเดี๋ยวนี้นะตาสาม!! ตาสาม!!!”...หลายวันผ่านไป...หลังจากวันที่แม่ของสามมาโวยวายที่คอนโด สไมล์ก็ไม่ได้เจอสามอีก ความจริงเขานี่แหละที่เป็นฝ่ายหลบหน้าไปอยากเจออีกคนเอง อย่างที่บอกแม่ของสามไม่ชอบเขา ไม่สิ...เรียกว่าเกลียดเลยก้ว่าได้เพราะฉะนั้นการที่เขาไม่ยุ่งเกี่ยวกับอีกคนน่าจะเป็นสิ่งที่ดีที่สุดแล้วแหละ



          “สไมล์” สไมล์หันไปตามเสียงเรียกก็เห็นเมาส์ที่ทำหน้าตาเหมือนกำลังครุ่นคิดอะไรอยู่



          “มีอะไรเหรอเมาส์”



          “เอ่อ...เลิกเรียนสไมล์มีธุระที่ไหนหรือเปล่า” สไมล์ทำท่าคิดก่อนจะตอบ



          “ไม่นะ มีอะไรหรือเปล่า”



          “เอ่อ...คือ...” เมาส์อึกอักทำท่าลำบากใจ



          “เอ่อ...ไปทำธุระกับเราหน่อยนะ” เมาส์ว่าออกมา สไมล์พยักหน้ารับแต่ในใจก็อดสงสัยในท่าทางของเมาส์ไม่ได้ หลังจากที่เลิกเรียนเมาส์ก็พาสไมล์ไปทำธุระทันทีโดยไม่รอผิงที่เรียนภาษาอังกฤษอยู่อีกเซค ท่าทางรีบๆรนๆของเมาส์มันทำให้สไมล์สงสัยแต่สไมล์ก็ทำนิ่งไม่ถามอะไรออกมา



          “ที่นี่ที่ไหนเหรอเมาส์” สไมล์ถามขึ้นเมื่อเมาส์ให้คนขับรถขับรถมาจอดที่หน้าคอนโดแห่งหนึ่งซึ่งไม่ไกลจากมหาวิทยาลัยของเขาเท่าไหร่



          “เอ่อ...ญาติเราน่ะ สไมล์ไปกับเราทีนะ คือว่า...เอ่อ...อาเราเขาจะคุยกับเราเรื่องร้านทองของคุณพ่อน่ะ”สไมล์พยักหน้ารับก่อนจะเดินตามเมาส์เข้าไปในคอนโดเมาส์กดลิฟต์จนถึงชั้น19ก่อนจะพาสไมล์ออกมา สไมล์พยายามมองสำรวจคอนโดไปด้วยก็เห็นว่ามันท่าทางเงียบไม่น้อย อย่างกับว่าไม่ค่อยมีคนอยู่



          “ห้องนี้แหละ” เมาส์ว่า สไมล์พยักหน้ารับก่อนที่เมาส์จะหยิบคีย์การ์ดออกมาแล้วเปิดประตูเข้าไปทันที ในห้องค่อนข้างมืดสลัว สไมล์พยายามโฟกัสสายตาก่อนจะพบกับ...



          “พี่หนึ่ง” สไมล์เบิกตากว้างเมื่อเห็นอีกคนก่อนจะรีบตวัดสายตาไปหาเมาส์ทันทีเมาส์หน้าซีด



          “สไมล์...คือเรา...”



          “ทำดีมากเมาส์ นายไปได้แล้ว พี่ต้องการคุยกับสไมล์สองต่อสอง” หนึ่งว่าพร้อมยกยิ้มมุมปาก สไมล์หันไปมองหน้าเมาส์ เมาสืเองก็มองสไมลืด้วยใบหน้ารู้สึกผิด



          “ขอโทษนะ...แต่เรา...”



          “เมาส์ไปเถอะ ถ้าพี่หนึ่งเขาอยากคุยกับเรา เราก็จะคุยด้วยเอง” สไมล์ว่าอย่างไม่กลัวแม้ว่าในใจจะอดหวาดหวั่นไม่น้อย มือบางล่วงกระเป๋ากางเกงตัวเองที่มีโทรศัพท์อยู่ก่อนจะใช้ความเคยชินกดโทรออกไปยังหมายเลขของอีกคนที่จำได้ทันที...หลังจากที่เมาส์ออกไปห้องก็ตกอยู่ในความเงียบ หนึ่งมองหน้าสไมล์ยิ้มไก่อนจะสาวเท้าเดินเข้ามาหา



          “ไม่เจอกันหลายวันเลยนะสไมล์” หนึ่งพูดขึ้น



          “ใช่ครับ คงตั้งแต่วันที่พี่หนึ่งโทรไปฟ้องคุณผู้หญิงเรื่องผมกับสาม” สไมล์ว่าเสียงเรียบเพราะคิดว่าสิ่งที่คิดคงจะเป็นเรื่องจริง หนึ่งหัวเราะออกมาเบาๆ



          “สไมล์นี่ฉลาดจริงๆ ก็นะ...ไอ้สามมันลุกรักม๊า ม๊าเกลียดสไมล์กับแม่ของสไมล์จะตาย ม๊าคงไม่ยอมให้สไมลืกับมันรักกันแน่” หนึ่งว่าพร้อมยกยิ้มมุมปาก



          “แล้วพี่หนึ่งทำแบบนี้เพื่ออะไรครับ? หรือเพราะว่าตัวเองไม่ได้คนอื่นก็ต้องไม่ได้?” สไมล์ถามเสียงแข็ง



          “หึๆ ตอนแรกพี่ก็คิดแบบนั้นแต่ตอนนี้พี่ไม่คิดแบบนั้นแล้วล่ะ...” หนึ่งคลี่ยิ้มอีกครั้งก่อนจะสาวเท้าเข้ามาใกล้ๆสไมล์มากขึ้นจนสไมล์ต้องขยับหนี



          “หมายความว่ายังไงครับ”



          “...หึๆ เพราะพี่ต้องได้สไมล์ไงล่ะ”



          “อ๊ะ! ปล่อยผมนะ!!”...สามรู้สึกร้อนใจไม่น้อยกับบทสนทนาที่ได้ยิน ตอนแรกเขาดีใจมากที่สไมล์โทรมาหาเขาหลังจากที่อีกคนพยายามหลบหน้าหลบตาเขามาตลอดหลายวันแต่พอได้ยินบทสนทนาของพี่ชายกับอีกคนแล้ว สไมล์กำลังตกอยู่ในอันตราย สามกำมือแน่นก่อนจะพยายามให้เพื่อนที่เป็นโปรแกรมเมอร์เจาะหาข้อมูลGPSของสไมล์ด้วยความร้อนใจ



          “เจอแล้วเว้ยๆๆ” เพื่อนของสามพูดขึ้น



          “เออ เอามา” สามว่าก่อนจะหยิบแผ่นที่อยู่ที่GPSจับได้มา ก่อนจะรีบคว้ากุญแจรถแล้วออกไปทันที

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

สามพึ่งจะได้เป็นพระเอกในตอนหลังๆนี่แหละ 555555  ยังไงก็ฝากติดตามด้วยนะคะ ตอนหน้าตอนจบแล้ววววววววว แฮปปี้ไม่แฮปปี้ให้เดาเล่นๆ 555555

___จางบิวตี้___
หัวข้อ: Re: Poor Boy…รักไม่ได้ [Yaoi Boy’s Love] อัพตอน19 (09/09/59)
เริ่มหัวข้อโดย: Wut_Sv ที่ 09-09-2016 21:47:13
กรี๊ดดดดด เกลียดอิพี่หนึ่ง สามมาให้ว่องเลย

จบแฮปปี้เถอะนะ poor boy เรื่องที่แล้วจบไม่ฟินเท่าไหร่ เรื่องนี้ขอจบแบบแจ่มๆหน่อยน้าาาา
หัวข้อ: Re: Poor Boy…รักไม่ได้ [Yaoi Boy’s Love] อัพตอน19 (09/09/59)
เริ่มหัวข้อโดย: threetanz ที่ 10-09-2016 00:14:58
กริ๊ดดดดดด สวัสดีค่ะ

เข้ามาอ่านตอนใกล้จบแล้วติดตามอ่านต่อไปนะคะ
หัวข้อ: Re: Poor Boy…รักไม่ได้ [Yaoi Boy’s Love] อัพตอน19 (09/09/59)
เริ่มหัวข้อโดย: HISY ที่ 10-09-2016 00:44:08
กรี๊ดดดด สามเหยียบให้มิดมาให้ว่อง ด่วนน!!
หัวข้อ: Re: Poor Boy…รักไม่ได้ [Yaoi Boy’s Love] อัพตอน19 (09/09/59)
เริ่มหัวข้อโดย: Jang_B2UTY ที่ 10-09-2016 20:28:49
Poor Boy 10 End

( Grammar x Song )

 

          พอรู้ที่อยู่ของสองวันต่อมาแกรมม่าก็มาดักรอสองที่หน้าโรงแรมทันที จากที่เมื่อวานได้คุยกับเพื่อนๆของสองก็รู้ว่าทั้งสามมาศึกษาดูงานที่มหาวิทยาลัยหนึ่งในลอนดอนและก็ต้องเข้าเรียนรวมกับเด็กที่นี่ในบางคลาส และวันนี้ก็มีคลาสเช้าแกรมม่าจึงรีบตื่นแต่เช้าเพื่อขับรถมารอรับอีกคนและเพื่อนๆไปเรียน



          “อ๊ะ นั่นมันน้องแกรมม่านี่” ดาวพูดขึ้นเมื่อเดินออกมาจากโรงแรมแล้วเห็นรถของแกรมม่าและแกรมม่าที่ยืนอยู่



          “สงสัยมารอรับสองแน่เลย” ส้มพูดบ้างพร้อมมองไปที่สองอย่างแซวๆ แต่สองกลับทำหน้านิ่งแล้วพูดขึ้น



          “เราจะไปขึ้นรถเมล์นะ” พูดจบสองก็เดินไปพร้อมกับเดิ่นผ่านหน้าแกรมม่าไปทันที



          “เดี๋ยวสิพี่” แกรมม่าวิ่งมาดักหน้าของสองไว้



          “ถอย ฉันรีบ” สองว่าด้วยใบหน้าเรียบนิ่ง



          “ถ้ารีบก็ให้ผมไปส่ง ไปเองต้องรอรถอีกเสียเวลา” แกรมม่าว่า



          “ไม่” สองปฏิเสธอย่างไม่ต้องคิดก่อนจะเดินหนีไปทันที แกรมม่าถอนหายใจออกมาพร้อมกับมองตามแผ่นหลังบางตาละห้อย



          “เอ่อ...พี่ๆก็อยากจะถามนะว่าน้องแกรมม่าทะเลาะอะไรกับสองแต่วันนี้รีบจริงๆ เอาไว้เย็นนี้บ่าย3ไปที่มหาวิทยาลัยนะ แล้วเจอกัน” ดาวว่า แกรมม่าพยักหน้ารับแต่โดยดี เขาไม่ยอมแพ้อีกคนง่ายๆหรอก เขารู้ว่าอีกคนโกรธเขาขนาดไหนแต่ในเมื่อโชคชะตานำพาอีกคนให้กลับมาแล้ว เขาจะไม่มีวันปล่อยอีกคนไปอีกครั้งแน่ๆ…หลังจากที่เลิกเรียนในตอนบ่าย3 สองและเพื่อนๆก้พากันเดินออกมาจากตึกเรียนเพื่อเตรียมตัวกลับโรงแรม คิ้วเรียนขมวดมุ่นทันทีเมื่อเห็นร่างสุงของใครบางคนกำลังยืนพิงรถรออยู่ที่หน้าตึกเรียน



          “แฮร่ๆๆ พวกเราบอกเองแหละ” ส้มว่าออกมาพร้อมรอยยิ้มแหยๆ เพื่อสองหันมาหาเป็นเชิงถาม สองถอนหายใจออกมาก่อนจะเดินไปต่อโดยที่ไม่ได้หันไปสนใจ



          “ผมไปส่งนะ” แกรมม่าว่าพร้อมกับรีบคว้ากระแของสองมาถือทันที สองตวัดสายตามามองแกรมม่าอย่างไม่พอใจทันที



          “เอาคืนมา”



          “ไม่” แกรมม่าปฏิเสธก่อนจะเดินกลับมาที่รถของตัวเองทันที สองรีบวิ่งตามอีกคนมาด้วยความไม่พอใจ



          “บอกให้เอาคืนมา!” สองว่าด้วยความไม่พอใจพร้อมกับพยายามแย่งกระเป๋าจากอีกคนคืนมาแต่เพราะแกรมม่าที่ตัวใกญ่กว่าและแรงมากกว่าทำให้พอแกรม่ม่าดึงกระเป๋าคืนสองก็เซไปหาอีกคนทันที



          “อ๊ะ” สองเบิกตากว้างด้วยความตกใจพร้อมกับตาเรียวที่สบเข้ากับตาคมของอีกคน แกรมม่ามองหน้าสองเช่นเดียวกันก่อนจะโน้มหน้าลงมาทำให้ระยะห่างระหว่างทั้งคู่ลดลงจนริมฝีปาก...



พรึ่บ

สองดันแกรมม่าออกอย่างแรงพร้อมกับผละตัวเองออกมา



          “คนฉวยโอกาส” สองพูดขึ้น



          “ในเมื่อมีโอกาสผมก็ต้องฉวยไว้ก่อนสิ” แกรมม่าว่าหน้ายิ้มๆด้วยความทะเล้นแต่สองกลับไม่ยิ้มด้วย ใบหน้าหวานยังคงบึ้งตึง



          “แต่สำหรับนายมันไม่มีโอกาสนั้นอีกหรอก จำไว้” สองว่าด้วยน้ำเสียงจริงจังแกรมม่านิ่งไปทันทีกับคำพูดของอีกคน ตาคมหม่นหมองเต็มไปด้วยความเจ็บปวดก่อนที่ริมฝีปากหนาจะค่อยๆเผยยิ้มขึ้นมาจนสองต้องขมวดคิ้ว



          “ผมก็จะรอ...รอจนกว่าจะได้รับโอกาสนั้นอีก”...เพราะว่าไม่สามารถเอากระเป๋าคืนจากแกรมม่าได้ทำให้สองต้องจำใจนั่งรถของแกรมม่ากลับโรงแรมโดยมีดาวกับส้มที่นั่งมาด้วย บรรยากาศบนรถไม่ได้อึมครึมมากนักเนื่องจากมีดาวกับส้มที่คอยชวนแกรมม่าคุยตลอดทางและเพราะวันนี้เป็นวันศุกร์ พรุ่งนี้เป็นวันหยุดดาวก็ออกปากชวนแกรมม่าไปด้วย สองถลึงตาใส่ดาวแต่ดาวกับส้มก็พากันหัวเราะคิกคักอย่างสนุกที่ได้แกล้งสอง แม้ว่าพวกเธอจะไม่รู้ว่าแกรมม่ากับสองเป็นมายังไงแต่ก็คิดว่าทั้งคู่ต้องเคยมีซัมติงกันมาก่อนแน่ๆ จากที่สังเกตสายตาที่แกรมม่าใช้มองสองแล้วมันลึกซึ้งเสียจนเพื่อเธออดที่จะเขินแทนไม่ได้...แกรมม่าเป็นไกด์ทัวร์จำป็นพาสองและเพื่อนอีกสองคนมายังไนต์คลับชื่อดังในเมือง ซึ่งที่นี่จะดีกว่าที่อื่นตรงที่จะแสกนบัตรคนเข้าและต้องมีบัตรสมาชิกเท่านั้นถึงจะเข้าได้ซึ่งนับว่าเป็นไนต์คลับที่มีระดับมากและเพราะแกรมม่ามีบัตรสมาชิกอีกทั้งสามคนจึงสามารถเข้ามาด้วยได้



          “เริดมาก” ดาวพูดขึ้นด้วยความดี๊ด๊าทันทีหลังจากที่เข้ามาในไนต์คลับ ข้างในถูกจัดแบ่งโซนไว้อย่างชัดเจน ทั้งโซนนั่ง โซนบาร์หรือกระทั่งฟอล์วเต้น หลังจากที่ได้ที่นั่งทั้งสี่ก็สั่งเครื่องดื่มมากินกันทันที...ยิ่งดึกบรรยากาศยิ่งคึกคัก ดาวกับส้มพากันไปเต้นที่ฟอล์วเหลือสองกับแกรมม่าเท่านั้นที่นั่งอยู่ที่โซฟา แกรมม่านั่งมองหน้าสองตลอดเวลา สองรู้สึกอัดอัดใจไม่น้อยแต่ก็ไม่ได้พูดอะไรออกมาจนอยู่ๆมีหนุ่มผมลอนด์ตาฟ้าหน้าตาดีเดินเข้ามาทักสองเป็นภาษาอังกฤษ



          “ขอโทษนะครับ ชื่ออะไรเหรอครับ?” แกรมม่าตวัดสายตาไปมองอีกคนอย่างไม่พอใจทันที สองเองก็รับรู้ถึงสายตาของร่างสูงแต่ก็ทำเป็นไม่สนใจแล้วหันไปตอบชายหนุ่ม



          “สองครับ”



          “มาจากไหนครับ”



          “ไทยแลนด์ครับ” หลังจากที่สองบอกว่ามาจากที่ไหนชายหนุ่มก็รู้สึกตื่นเต้นไม่น้อยก่อนจะขออนุญาตนั่งด้วยและชวนสองคุยทันทีซึ่งแกรมม่าที่นั่งอย่าด้วยก็ทำหน้าไม่พอใจแต่ก็ไม่สามารถทำอะไรได้เพราะไม่อยากให้สองไม่พอใจเช่นเดียวกัน



          “ว่าแต่...สองมีแฟนหรือยังครับ” สองตกใจไม่ใช่น้อยกับคำถามของอีกคนแต่ก่อนที่สองจะตอบเสียงทุ้มของอีกคนที่นั่งร่วมโต๊ะด้วยก็ดังขึ้นก่อน



          “มีแล้ว ผมนี่แหละ” ชายหนุ่มผมลอนด์เบิกตากว้างอย่างตกใจทันทีก่อนจะขอโทษขอโพยแล้วลุกออกไปทันทีเพราะเป้าหมายมีเจ้าของแล้วก็ไม่อยากยุ่งหรือเป็นมือที่สาม



          “ตอบบ้าอะไรของนายฮะ!” สองหันมาโวยวายใส่แกรมม่าทันที



          “ทำไม? หรือพี่อยากจะตอบว่าโสดแล้วให้ไอ้หมอนั่นจีบกันฮะ” แกรมม่าว่าอย่างไม่พอใจเช่นกัน ไม่พอใจที่เห็นสองยิ้มให้อีกคน ไม่พอใจที่สองคุยกับอีกคน ไม่พอใจไปเสียทุกอย่าง



          “ฉันจะตอบยังไงมันก็เรื่องของฉัน ฉันกับนายไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรกันทั้งนั้น อย่ามาล้ำเส้น!” สองว่าเสียงดังก่อนจะลุกออกจาโต๊ะไปทันที แกรมม่าถอนหายใจก่อนจะเสยผมตัวเองลวกๆอย่างเครียดๆที่อยู่ๆก็มาทะเลาะกับอีกคน ทั้งๆที่เขาควรจะทำตัวดีให้อีกคนเปิดใจไม่ใช่มาทำให้อีกคนโกรธแบบนี้...สองเดินหน้ามุ่ยออกมาหน้าร้านด้วยความหงุดหงิดอีกคน เขารู้ว่าแกรมม่ากำลังทำอะไร ถามว่าเขายังโกรธอีกคนมั้ยในเรื่องนั้นก็ตอบเลยว่ามันแทบจะไม่มีแล้วเพราะเวลามันก็ผ่านมานานแล้วเช่นกัน แต่ถามว่าเขาลืมมั้ยก็ตอบเลยว่าเขาไม่เคยลืม ยิ่งคิดถึงก็ยิ่งรู้สึกเจ็บ เจ็บเกินที่จะให้อภัยหรือเปิดใจให้อีกคนง่ายๆ



          “ว้าว ชื่ออะไรครับ สวยจังเหมือนผู้หญิงเลย” อยู่ๆก็มีผู้ชายฝรั่งท่าทางเมาๆสองคนเดินเข้ามาหาสองพร้อมถามขึ้นเป็นภาษาอังกฤษ สองมองคนทั้งคู่ด้วยสายตาไม่ค่อยไว้ใจก่อนทำท่าจะเดินหนีแต่ก็ถูกคว้ามือไว้ก่อน



          “จะไปไหนเล่าครับ คุยกันก่อน”

 

         “ปล่อยผมนะ” สองว่าพร้อมพยายามสะบัดมือออกแต่แรงของสองก็ไม่สามารถสู้แรงของทั้งสองคนได้



          “อย่าดิ้นน่า ไปสนุกกับพวกเราดีๆดีกว่า” อีกคนว่าพร้อมยิ้มหื่น สองทำหน้าตื่นกลัวทันทีพยายามจะร้องให้คนช่วยแต่ถูกถูกปิดปาก



          “อื้อออออ อื้อๆๆ”



          “พาไปเว้ย” สองถูกชุดกระชากลากถูมายังซอกตึกก่อนจะถูกเหวี่ยงอย่างแรงจนล้มไปกองกับพื้น ตาเรียวสั่นระริกด้วยความตื่นกลัวเมื่อเห็นฝรั่งร่างใหญ่ทั้งคู่ทำท่าจะเดินเข้ามาใกล้ๆ



          “โอ๊ย!” สองร้องลั่นเมื่อถูกกดให้นอนลงพื้น ใบหน้าหวานเบ้ด้วยความเจ็บและความกลัว ตาเรียวหน่วงคลอไปด้วยน้ำตาในใจก็พยายามร้องเรียกหาแกรมม่า ซึ่งเป็นคนเดียวที่เขากำลังนึกถึงตอนนี้

 

         “สวยขนาดนี้ อยากรู้ว่าจะลีลาดีแค่ไหนว่ะ” ฝรั่งคนแรกเอามือไล้ที่ใบหน้าของสองเบาๆซึ่งทำให้สองรู้สึกขยะแขยงไม่น้อย



          “อย่าทำ ขอร้อง” สองพยายามอ้อนวอนอย่างน่าสงสาร

 

         “ยิ่งทำหน้าแบบนี้ยิ่งน่าเอาชิบหายเลยว่ะ” ฝรั่งอีกคนว่า สองน้ำตาไหลทันทีด้วยความหวาดกลัว ร่างบางพยายามดิ้นแต่ไม่สามารถสู้แรงฝรั่งทั้งสองคนไม่ได้



แควก

เสื้อเชิ้ตของสองถูกฉีกออกจนขาดวิ่งทำให้ผิวขาวใสปรากฏแก่สายตาทันที



          “ขาวชิบ เนียนสุดๆ” มือหยาบลูบไล้ที่แผ่นอกของสองอย่างชอบใจ สองน้ำตานองหน้า หยุดดิ้นรนเพราะคิดว่าคงหมดหนทาง ตาเรียวหลับลงอย่างจำยอมแต่แล้ว...



พลั้ก



          “ไอ้พวกสวะ!” เสียงของอีกคนดังขึ้นทำให้สองรีบลืมตาขึ้นมาทันที ก่อนจะพบกับแกรมม่าที่กำลังต่อสู้กับฝรั่งร่างใหญ่ทั้งสองคนอยู่



          “แกรมระวัง” สองตะโกนเป็นภาษาไทยด้วยความตกใจเมื่อเห็นอีกฝ่ายเอามีดออกมาก่อนจะทำท่าแทงไปที่แกรมม่าแต่แกรมม่าสามารถเบี่ยงทนแต่มีดก็บาดไปที่ต้นแขนอยู่ดี

 

        “แกรม!!” สองรียกแกรมม่าอย่างตกใจทำท่าจะเข้าไปช่วยแต่แล้วเสียงของเพื่อนทั้งสองที่ตะโกนเป็นภาษาอังกฤษดังขึ้นก่อน



          “ทางนี้เลยค่ะๆๆคุณตำรวจๆๆๆ” พอได้ยินอย่างนั้นพวกฝรั่งทั้งสองก็พากันวิ่งหนีไปทันที สองรีบวิ่งเข้าไปหาแกรมม่าทันทีพร้อมมองอีกคนด้วยความเป็นห่วง



          “เจ็บมากมั้ย”



          “พี่ไม่เป็นไรใช่มั้ย” ทั้งคู่ถามขึ้นมาพร้อมกันพร้อมกับดวงตาสองคู่ที่สบกันด้วยความห่วงใย



          “ฮึก” สองน้ำตาไหลอีกครั้งก่อนจะโผเข้ากอดแกรมม่าทันที ดาวกับส้มมองทั้งคู่ด้วยความเป็นห่วงไม่แพ้กัน ตอนที่เต้นเธอเห็นสองวิ่งออกมา ก่อนที่สักพักแกรมม่าจะวิ่งตามออกมา พวกเธอเลยพากันตามออกมาทันที พอเห็นว่าแกรมม่ากำลังสู้กับฝรั่งร่างยักษ์ พวกเธอก็วางแผนทำเป็นตะโกนเรียกตำรวจซึ่งไม่คิดว่าไอ้พวกนั้นจะโง่เชื่อ



          “พี่ว่าพาสองกลับโรงแรมเถอะ” ดาวพูดขึ้น แกรมม่าพยักหน้ารับก่อนจะปาดน้ำตาที่ใบหน้าของสองอย่างอ่อนโยนก่อนจะจุ๊บๆเบาที่หน้าผาก



          “กลับกันนะ ไม่เป็นอะไรแล้ว”...หลังจากที่กลับมาถึงคอนโด สองก็นั่งทำแผลให้แกรมม่าซึ่งดีที่ว่าแผลไม่ใหญ่มากนักจึงไม่จำเป็นต้องไปโรงพยาบาล



          “เสร็จแล้ว” สองพูดขึ้นหลังจากที่ทำแผลเสร็จ



          “พี่โอเคนะ” แกรมม่าถามอีกคนด้วยความเป็นห่วง ตอนที่วิ่งตามอีกคนออกไปเขาก็ตกใจไม่น้อยที่หาอีกคนไม่เจอแต่พอได้ยินเสียงคนร้องก็รีบวิ่งไปทันทีและพอเห็นว่าคนที่ตัวเองรักกำลังจะถูกขมขืนเขาก็เดือดจนอยากจะกระถืบพวกมันให้จมดิน



          “อืม...นายกลับไปเถอะ ดึกแล้ว” สองว่าแต่ไม่ได้เงยหน้าขึ้นมาสบตาอีกคน



          “อยู่คนเดียวได้ใช่มั้ย” สองกัดปากไม่กล้าตอบออกมา เพราะตอนนี้เขาไม่กล้าที่จะอยู่คนเดียวจริงๆ มันรู้สึกหวาดกลัวและตกใจไม่น้อย



          “งั้นคืนนี้ผมอยู่เป็นเพื่อนนะ”...สองรู้สึกหัวใจเต้นแรงไม่น้อยที่มีอีกคนมานอนข้างๆ ภาพวันวานย้อนกลับคืนมาในหัวทันที



          “ยังไม่นอนอีกเหรอ” แกรมม่าถามขึ้นเมื่อเห็นว่าสองยังไม่นอนหลับ



          “อื้ม”



          “นอนไม่หลับสินะ”



          “อ๊ะ” สองสะดุ้งทันทีที่อยู่ๆมือฟหนาคว้าเอวเขาเข้าไปกอด ก่อนจะจับหัวของเขาซบลงที่แผ่นอก

 

         “หลับนะ” สองหีวใจเต้นแรงอีกครั้งกับการกระทำที่อ่อนโยนของอีกคนก่อนตาเรียวจะค่อยๆหลับลงแล้วจมเข้าสู่นิทราในที่สุด...หลังจากวันนั้นแกรมม่าก็พยายามไปมาหาสู่สองตลอด สองรู้สึกว่าตัวเองใจอ่อนมาก ยิ่งนึกถึงวันที่อีกคนมาช่วยเขา นึกถึงการกระทำที่อ่อนโยนของอีกคนก็รู้สึกใจอ่อนยวบยาบไปหมด



          “พรุ่งนี้พี่กลับแล้วสินะ” แกรมม่าถามขึ้นขณะที่นั่งอยู่ในห้องของสอง ซึ่งสองกำลังเก็บกระเป๋าเตรียมตัวกลับ สองสามวันมานี้แกรมม่าสามารถเข้าออกห้องของสองได้โดยที่สองเต็มใจ ก็บอกแล้วเขาใจอ่อนไปเยอะมาก



          “อืม”

 

         “เฮ้อ...แล้วเราจะได้เจอกันอีกมั้ย” แกรมม่าถามพร้อมกับมองหน้าสอง



          “ไม่รู้สิ”



          “พี่คงไม่มีวันใจ่อนหรือเปิดใจให้ผมแล้วสินะ” แกรมม่าถามอย่างจริงจัง สองนิ่งเงียบไม่ตอบ แกรมม่าถอนหายใจก่อนจะพยักหน้าอย่างเข้าใจ



          “เข้าใจละ ยังไงผมก็ขอให้พี่โชคดีนะ” แกรมม่าว่าก่อนจะลุกขึ้นทำท่าจะกลับแต่สองก็เรียกอีกคนไว้ก่อน



          “พรุ่งนี้...ไปส่งด้วยนะ”...แกรมม่ามาหาสองจริงๆที่สนามบิน อย่างน้อยก็ถือว่าเป็นการบอกลาครั้งสุดท้าย แม้ว่าอีกคนจะไม่ใจอ่อนหรือไม่ให้โอกาสกันก็ตาม



          “นึกว่าจะไม่มา” สองทักแกรมม่าขึ้นเมื่อเห็นอีกคนเดินเข้ามาหา



          “ก็พี่บอกให้มา ผมก็ต้องมาสิ” แกรมม่ายกยิ้มนิดๆ แกรมม่ามองนาฬิกาก็พบว่าอีกไม่ถึง10นาทีอีกคนต้องเข้าเกทแล้ว ตาคมสบเข้ากับตาเรียวก่อนจะพูดขึ้น



          “ขอจูบลาได้มั้ย” สองเบิกตากว้างอย่างตกใจ



          “นาย...”



          “ผมรู้ว่าพี่คงไม่มีทางใจอ่อนหรือเปิดใจให้ผม  อย่างน้อยก็ขอแค่ได้บอกลาเพราะไม่รู้ว่าอีกนานแค่ไหนเราจะได้เจอกันอีก ผมขอแค่นี้ได้มั้ย?” แกรมม่าว่าด้วยน้ำเสียงเว้าวอน หัวใจของเขาเจ็บหน่วงๆไปหมด เพียงแค่คิดว่าคงไม่มีทางที่เรื่องของเราจะคืนย้อนมาแล้ว โทษใครไม่ได้ ถ้าจะโทษก็โทษตัวเขาเองที่ทำให้เรื่องราวมันเป็นแบบนี้



          “...” สองเงียบไม่ได้ตอบอะไรออกมา แกรมม่าเลยถือว่าอีกคนอนุญาต ร่างสูงค่อยๆเขยิบเข้ามาใกล้ก่อนจะประทับริมฝีปากลงไปเบาๆแต่ลึกซึ้ง

 

         “ผมยังรักพี่เสมอนะ” ทั้งคู่ผละออกจากกันก่อนที่สองจะเดินหันหลังเพื่อจะเดินไปเข้าเกท แกรมม่ามองตามอีกคนด้วยสายตาเศร้าๆแต่ก็พยายามทำใจว่ามันคือความจริงที่ไม่สามารถเปลี่ยนแปลงได้แล้ว ก่อนที่คิ้วหนาจะขมวดมุ่นเมื่อเห็นว่าสองวิ่งกลับมาก่อนที่...



พรึ่บ

โผเข้ากอดเขาอย่างเต็มรัก



          “ถ้ากลับไปอยู่ไทยแล้วจะรับไว้พิจารณา”

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

End

ตัดฉับได้มั่วมาก 5555555 เพราะเป็นคู่รองเลยรวบรัดตัดตอนมาก ใครไม่พอใจยังไงก็ขอโทษด้วยนะคะ และก็ขอบคุณที่ติดตามกันมาตลอด ยังเหลือคู่หลักเนอะ ฝากติดตามด้วยค่า

___จางบิวตี้___
หัวข้อ: Re: Poor Boy…รักไม่ได้ [Yaoi Boy’s Love] อัพคู่รองตอนจบ (10/09/59)
เริ่มหัวข้อโดย: Wut_Sv ที่ 10-09-2016 22:49:59
ฮึยยย ขัดใจสอง คนอย่างแกรมม่าไม่สมควรได้โอกาศแม้แต่จะรอไว้รับพิจารณา :katai1:
หัวข้อ: Re: Poor Boy…รักไม่ได้ [Yaoi Boy’s Love] อัพคู่รองตอนจบ (10/09/59)
เริ่มหัวข้อโดย: Mynun ที่ 10-09-2016 23:13:05
อ่านแล้วผิดหวังตอนจบคู่รอง เอาที่คนเขียนสบายใจแล้วกันเนาะ เราคงไม่ติดตามต่อ  :เฮ้อ:
หัวข้อ: Re: Poor Boy…รักไม่ได้ [Yaoi Boy’s Love] อัพคู่รองตอนจบ (10/09/59)
เริ่มหัวข้อโดย: Jang_B2UTY ที่ 10-09-2016 23:50:57
อ่านแล้วผิดหวังตอนจบคู่รอง เอาที่คนเขียนสบายใจแล้วกันเนาะ เราคงไม่ติดตามต่อ  :เฮ้อ:

จ้าาาาาา ขอบคุณที่ติดตามค่าา ไม่ติดตามต่อไม่เป็นไร เอาที่สบายใจดีกว่าาาาา บายยยย  :bye2:
หัวข้อ: Re: Poor Boy…รักไม่ได้ [Yaoi Boy’s Love] อัพคู่รองตอนจบ (10/09/59)
เริ่มหัวข้อโดย: crazydoii ที่ 11-09-2016 12:01:31
เร็วไปนะครับ

น่าจะรออีกสักหน่อย จะได้สะใจกว่านี้ ฮ่าๆๆๆ
หัวข้อ: Re: Poor Boy…รักไม่ได้ [Yaoi Boy’s Love] อัพคู่รองตอนจบ (10/09/59)
เริ่มหัวข้อโดย: Jang_B2UTY ที่ 12-09-2016 21:08:13
Poor Boy 20 End

 

        “อ๊ะ! ปล่อยผมนะ!!” สไมล์ร้องออกมาทันทีที่หนึ่งกระชากเข้าไปปะทะแผงอกก่อนที่อีกคนจะกอดเอวบางเอาไว้



          “หึๆ สไมล์หนีพี่ไปไหนไม่ได้หรอก” หนึ่งว่าก่อนจะหอมแก้มสไมล์ไปฟอดใหญ่สไมล์พยายามดิ้นรนจากอีกคนแต่เพราะขนาดตัวที่เล้กกว่าและเรี่ยวแรงที่มีไม่เท่าอีกคนทำให้สไมล์ไม่สามารถดิ้นหลุดได้



          “อย่าดิ้นน่า เป็นเด็กดีกับพี่แล้วสไมล์จะมีความสุขกับมัน” หนึ่งว่าเสียงหื่นพร้อมกับพยายามซุกไซ้ซอกคอขาวของอีกคน สไมล์ใช้มือทุบตีอีกคนอย่างแรงด้วยความรังเกียจแต่มีหรือที่หนึ่งจะยอมผละออก ยิ่งได้กลิ่นหอมอ่อนๆจากอีกคนแบบนี้ก็ยิ่งอยากจะสัมผัสมากขึ้น เขาไม่รู้หรอกว่าร่างบางกับน้องชายจะลึกซึ้งกันไปถึงขั้นไหนแต่ยังไงสไมล์ก็ต้องเป็นของเขา เขาต้องได้เชยชิมอีกคน



          “ปล่อยผมนะพี่หนึ่ง อย่าทำอะไรบ้าๆนะ!!” สไมล์ร้องโวยวายเสียงดังเมื่อร่างสูงพาดเขาขึ้นบ่าก่อนจะพามาในห้องนอนทันที ร่างบางถูกโยนลงเตียงนอนก่อนที่จะถูกอีกคนขึ้นคร่อม



          “อย่าดื้อน่า อย่าทำให้พี่ต้องโมโหสิสไมล์” หนึ่งว่าเสียงติดดุ



          “แต่พี่หนึ่งกำลังจะรังแกผม พี่คิดว่าผมจะยอมให้พี่ง่ายๆหรือไง!” สไมล์ว่าด้วยความไม่พอใจ



          “แล้วทีไอ้สามล่ะ! ทำไมสไมล์ยอมมัน! สไมล์จำไม่ได้หรือไงว่ามันทำเลวใส่สไมล์แค่ไหน สไมล์ลืมไปแล้วหรือไง!!” หนึ่งโวยวายใส่หน้าสไมล์ด้วยความไม่พอใจทั้งๆที่เขาทำดีกับอีกคน ดูแลอีกคนอย่างดี ทำตัวเป็นพระเอกมาตลอดแล้วทำไม...ทำไมสไมล์ถึงเลือกไอ้สาม คนที่คอยทำร้ายตัวเองมาตลอด



          “ผมไม่เคยลืม แล้วก็ไม่เคยลืมว่าพี่หนึ่งดีกับผมขนาดๆไหนแต่ทำไม...ทำไมถึงเป็นแบบนี้” สไมล์ว่าด้วยเสียงที่เต็มไปด้วยความผิดหวัง ตากลมสั่นระริกจนหนึ่งหัวใจกระตุก



          “พี่หนึ่งบอกว่ารักผมแต่พี่หนึ่งกลับทำร้ายเมาส์ซึ่งเป็นเพื่อนของผม พี่หนึ่งบอกว่ารักผมแต่พี่หนึ่งกลับจะข่มขืนผม นี่มันคือความรักจริงๆเหรอ?” สไมล์ถามด้วยน้ำเสียงจริงจัง หนึ่งชะงักไปกับคำถามของอีกคน ตาคมสั่นไหวจนสไมล์สังเกตเห็นได้



          “ก็ในเมื่อพี่ไม่ได้หัวใจของสไมล์ พี่ก็ต้องได้ตัวของสไมล์ไง ในเมื่อสไมล์รักไอ้สามไปแล้ว ในเมื่อสไมล์ให้หัวใจไอ้สามไปแล้ว แล้วคนอย่างพี่จะเหลืออะไรล่ะ” หนึ่งว่าออกมาด้วยน้ำเสียงเจ็บปวด แม้ว่าความชั่วในตัวจะบอกว่าให้ทำสไมล์ให้เป็นของตัวเองซะแต่อีกใจก็รู้สึกว่ามันไม่สมควร ในหัวของเขาตอนนี้ตีกันพันยุ่งเหยิงไปหมด



           “งั้นแปลว่าพี่หนึ่งไม่ได้รักผมจริง พี่หนึ่งแค่อยากเอาชนะสามก็เท่านั้น” สไมล์ว่าเพื่อเตือนสติหนึ่ง หนึ่งชะงักไปทันทีทำท่าจะปฏิเสธออกมาแต่กลับพูดไม่ออก



          “ถ้าพี่หนึ่งคิดว่าถ้าทำผมให้เป็นของพี่หนึ่งแล้วพี่หนึ่งจะเอาชนะสามได้ พี่หนึ่งก็ทำเลยครับ ผมจะไม่ขัดขืน” สไมล์ว่าต่อก่อนจะหลับตาลง แม้ว่าในใจจะหวั่นกลัวแค่ไหนแต่ก็ต้องยอมเสี่ยง เขายังคงเชื่อว่าพี่หนึ่งไม่ได้เลวขนาดที่ว่าจะคิดไม่ได้ บางทีสิ่งที่เกิดขึ้นอยู่ตอนนี้มันอาจจะเป็นแค่อารมณ์ชั่ววูบ เขาเชื่อแบบนั้น



พรึ่บ



          “ไปซะ” หนึ่งถอนหายใจก่อนจะผละออกจากสไมล์มายืนที่ปลายเตียง สไมล์ค่อยๆลืมตาขึ้นมามองอีกคน สไมล์ค่อยๆลุกออกจากเตียงก่อนจะเดินไปที่ประตูหน้าห้อง



          “พี่ไม่เคยอยากเอาชนะสาม” หนึ่งพูดขึ้นทำให้สไมล์ชะงัก



          “พี่รักสไมล์ ไม่ว่าจะให้พี่ทบทวนความรู้สึกอีกกี่ครั้งพี่ก็ยินยันว่ารักสไมล์” หนึ่งว่าต่อด้วยน้ำเสียงเจ็บปวด สไมล์รู้สึกใจกระตุกไม่น้อยกับน้ำเสียงของอีกคนเพราะมันช่างเจือปนไปด้วยความเจ็บปวดจริงๆ สไมล์ค่อยๆหันกลับไปมองหนึ่งก็พบว่าตาคมหลั่งน้ำตาลงมาซึ่งเป็นน้ำตาของลูกผู้ชายที่สไมล์เคยเห็นครั้ง



          “แต่ถ้าพี่ทำสไมล์ นอกจากสไมล์จะไม่รักพี่แล้ว ก็คงยังจะเกลียดพี่อีกเพราะฉะนั้น...ไปซะ”



พรึ่บ

หนึ่งเบิกตากว้างอย่างตกใจเมื่ออยู่ๆสไมล์ก็เดินกลับเข้ามาโผกอดตัวเอง



          “ขอโทษนะครับ ขอโทษที่รับความรู้สึกของพี่หนึ่งไม่ได้” สไมล์ว่าออกมาด้วยน้ำเสียงเจ็บปวดเช่นเดียวกัน



ปัง!

เสียงถีบประตูดังขึ้นก่อนที่ร่างสูงของใครบางคนจะเข้ามาทันที สามชะงักเมื่อเห็นว่าคนที่เขากำลังเป็นห่วงกำลังกอดอยู่กับพี่ชายของตัวเอง



          “กลับไปเถอะ” หนึ่งค่อยๆดันสไมล์ออกก่อนจะหันไปมองหน้าน้องชายของตัวเอง



          “ฝากสไมล์ด้วย” หนึ่งพูดขึ้นก่อนจะจับมือสไมล์ไปจับเข้าที่มือของน้องชายตัวเองก่อนจะเดินออกไปโดยที่สามไม่ทันจะได้ทักท้วงอะไร ตาคมหันกลับมามองร่างบางข้างกายทั้งเป็นห่วงและรู้สึกสับสนไปหมด ทำไมอยู่ๆสองคนถึงกอดกันแล้วทำไมอยู่ๆพี่หนึ่งถึงยอมง่ายๆ



          “กลับกันเถอะ” สไมล์พูดขึ้น สามพยักหน้ารับก่อนจะพาอีกคนกลับคอนโดทันที...พอกลับมาถึงคอนโดบรรยากาสในห้องก็ตกอยู่ในความเงียบก่อนที่สามจะถอนหายใจออกมาแล้วเป็นฝ่ายพูดขึ้นก่อน



          “มีอะไรจะพูดมั้ย?”



          “อยากรู้อะไรล่ะ?” สไมล์ถามกลับ



          “ทุกเรื่อง”



          “ผมกับพี่หนึ่งเราเคลียร์กันแล้ว ก็ยังดีที่พี่หนึ่งไม่ได้ใจร้ายพอที่จะทำร้ายผม”สไมล์ตอบออกมา



          “แล้วทำไมต้องยืนกอดกันด้วยวะ” สามถามในสิ่งที่ข้องใจที่สุด



          “แล้วทำไมถึงกอดกันไม่ได้ล่ะ”



          “ก็มึง...” สามชะงักเพราะก็ยังหาเหตุผลมาตอบกับคำถามนี้ไม่ได้



          “คุณกลับไปได้แล้ว ผมอยากพักผ่อน” สไมล์พูดขึ้นพร้อมทำท่าจะลุกเข้าไปในห้องนอนแต่สามไม่ยอม ร่างสูงมาดักหน้าร่างบางไว้ก่อน     



          “ยังไม่จบ ช่วงนี้มึงหลบหน้ากูทำไม” สไมล์กัดปากกับคำถามของอีกคน



          “เพราะม๊ากูงั้นเหรอ?” สามพูดต่อ



          “จะเพราะอะไรก็ช่างเถอะ แต่ผมคิดว่าเราไม่น่าจะมีอะไรเกี่ยวข้องกันตั้งแต่แรกแล้วนี่” สไมล์ว่าแม้ว่าสิ่งที่พูดออกมาจะตรงข้ามกับสิ่งที่หัวใจตัวเองต้องการก็ตาม บางทีเรื่องของหัวใจมันก็เข้าใจยากเกินไปว่ามั้ย?



          “ทำไมจะไม่เกี่ยววะก็มึงกับกู!...” สไมล์มองหน้าอีกคนอย่างคาดหวังคำตอบสามกลืนน้ำลายลงคออึกใหญ่



          “...ก็มึงกับกู...พนันกันอยู่” ตากลมวูบไหวไปทันทีกับคำตอบของอีกคน



          “งั้นก็ยกเลิก ผมไม่อยากเล่น ไม่อยากสนุกแล้ว ต่างคนต่างอยู่เถอะ ถือว่าผมขอ” สไมล์ว่าด้วยน้ำเสียงจริงจัง อวัยวะในหน้าอกด้านซ้ายรู้สึกเจ็บหน่วงๆแปลกๆ



          “กู...”



          “ถือว่าผมขอ...เราต่างคนต่างอยู่เถอะนะ”...หลังจากที่ออกมาจากห้องของสไมล์ สามก็กลับคอนโดทันที ร่างสูงทิ้งตัวลงนินพร้อมยกมือขึ้นมาก่ายหน้าผากด้วยความเครียด แบบนี้มันดีแล้วจริงๆเหรอ? ต่างคนต่างอยู่มันดีแล้วจริงๆใช่มั้ย แต่ทำไมหัวใจของเขามันถึงเจ็บปวดขนาดนี้กันนะ...เวลาผ่านไป...สามไม่ได้นับวันนับเดือนเลยว่านานแค่ไหนแล้วที่เขาไม่ได้เจอสไมล์ แต่ถึงจะไม่ได้เจอในหัวของเขาก็มีแต่ภาพอีกคนวนเวียนเข้ามาไม่ขาดสายจนวันนี้เขาไม่สามารถทนต่อไปได้อีกแล้ว เขาจะปล่อยให้ตัวเองเป็นแบบนี้ไม่ได้แล้ว



          “อ๊ะ” สไมล์ผงะอย่างตกใจพร้อมกับดวงตากลมที่เบิกขึ้นเมื่อเจอสามมาอยู่ที่หน้าตึกคณะ หลังจากที่ไม่ได้เจอกันเกือบสามเดือน



          “พี่เขามาหาแกเหรอ” ผิงถามขึ้น เพราะหลังๆมานี้ก็ไม่ได้เจอหนุ่มหล่อที่มาจีบเพื่อนสนิทอีกเลย ส่วนเมาส์หลังจากที่เกิดเรื่องวันนั้นก็ไม่กล้าสู้หน้าสไมล์ สไมล์จึงเป็นฝ่ายเข้าไปคุยและบอกจากใจว่าไม่ได้โกรธเมาส์ เมาส์บอกว่าตัวเองเลิกติดต่อกับพี่หนึ่งไปแล้ว สาเหตุก็เพราะทั้งรู้สึกผิดต่อสไมล์และรู้สึกเจ็บปวดหัวใจที่รักคนที่ไม่ได้รักตัวเองแถมยังโง่ให้เขาหลอกใช้ ดังนั้นสไมล์ ผิง เมาส์จึงกลับมาเป็นเพื่อนรักกันดั่งเดิม



          “ไม่หรอก คงมาหาคนอื่น” สไมล์ตอบพร้อมกำลังจะเดินไปเพื่อนๆแต่สามก็มาดักหน้าเอาไว้



          “ไปด้วยกันหน่อย” สามคว้าแขนสไมล์เอาไว้พร้อมพูดขึ้น



          “จะไปไหน ผมไม่ไปนะ” สไมล์ทำท่าประค้วงแต่สามไม่ยอม ร่างสูงพาอีกคนมาที่รถก่อนจะจับอีกคนขึ้นรถแล้วออกรถทันที



          “คุณจะพาผมไปไหน”



          “ไปบ้านกู” สไมล์เบิกตากว้างอย่างตกใจทันที



          “ผมไม่ไป จอดรถนะ ผมบอกให้จอดไง!” สไมล์ว่าเสียงดังพร้อมกับพยายามยื้อพวงมาลัยรถของสามเอาไว้ทำให้สามต้องเลี้ยวเข้าข้างทางทันที



เอี้ยดดดดดด



          “อยากตายหรือไง!!” สามว่าเสียงดัง



          “ก็ผมบอกแล้วไงว่าผมไม่ไป  บอกแล้วไงให้ต่างคนต่างอยู่ เกมส์พนันมันจบไปแล้ว” สามถอนหายใจออกมากับคำพูดของอีกคน



          “แล้วถ้ากูไม่จบล่ะ ถ้าสิ่งที่กูทำอยู่มันไม่ใช่เกมส์พนัน มันเป็นความรู้สึกกูจริงๆล่ะ” สไมล์ชะงักทันทีกับคำพูดของอีกคน ตากลมสั่นระริกไปหมด



          “กูไม่รู้หรอกนะว่าแม่งเป็นแบบนี้ได้ยังไง ทั้งๆที่กูต้องเกลียดมึงแต่กู...กู...”สไมล์มองหน้าสามอย่างคาดหวังคำตอบ



          “กูรักมึง” สามคำสั้นๆทำเอาโลกทั้งใบของสไมล์หยุดหมุนไปทันที หอวัยวะในหน้าอกด้านซ้ายเต้นแรงจนแทบจะหลุดออกมา สไมล์ไม่รู้ว่าตัวเองกำลังทำหน้าอะไรอยู่ตอนนี้แต่ที่รู้ๆคือมันต้องตลกมากแน่ๆ



          “ผม...”



          “มึงก็รักกู ใช่มั้ยล่ะ?”



          “ความรู้สึกของผมจะเป็นยังไงมันก็ไม่สำคัญเท่ากับว่าแม่ของคุณคงไม่ยอมรับเรื่องนี้หรอก เพราะฉะนั้นปล่อยให้มันผ่านไปเถอะ” สไมล์ว่าด้วยน้ำเสียงอ่อนแรง พอนึกถึงตรงนี้ก็ยิ่งรู้สึกเจ็บทั้งๆที่เมื่อกี้พึ่งหัวใจเต้นแรงเพราะคำบอกรักของอีกคน แต่พอนึกถึงความเป็นจริงแล้ว...เรารักกันไม่ได้



      “ไม่! กูไม่ยอม!” สามว่าอย่างเอาแต่ใจ



          “คุณก็รู้ว่าเรื่องของเรามันเป็นไปไม่ได้ เรารักกันไม่ได้!”         สไมล์เองก็ตะโกนกลับมา



          “แค่มึงรักกู กูรักมึงก็พอ คนอื่นไม่มีสิทธิ์ตัดสิน!!”

 

         “แต่คนอื่นที่ว่าก็คือแม่ของคุณ!” บรรยากาศบนรถตกอยู่ในความเงียบอีกครั้งสามถอนหายใจออกมาก่อนจะออกรถ



          “คุณจะไปไหน”

 

         “กูจะพามึงไปหาม๊า”...สไมล์รู้สึกเกร็งไม่ใช่น้อยที่กลับมาที่บ้านของอีกคนอีกครั้ง ภาพวันวานเก่าๆย้อนกลับคืนมาในหัวทั้งที่มีความสุขและมีความทุกข์ไปพร้อมๆกัน



          “สไมล์”



          “ลุงนที!” สไมล์ยิ้มกว้างทันทีที่เจอบุคคลที่เขารักและเคารพ สไมล์รีบเข้าไปโผกอดลุงนทีด้วยความคิดถึงซึ่งนทีเองก็เช่นกัน



          “เป็นไงมายังไง ทำไมถึงมากับเจ้าสามล่ะ” นทีถามพร้อมหันไปมองลูกชาย



          “ป๊าครับ ผมจะคบกับสไมล์” ทั้งสไมล์และผู้เป็นพ่อเบิกตากว้างอย่างตกใจทันทีกับคำพูดของสาม



          “วะ...ว่าไงนะ”



          “ผมกับสไมล์เรารักกัน” สามตอบ นทีหันมามองหน้าไสม,ทันทีก็เห็นว่าสไมล์ก้มหน้าก้มตาก็แปลว่าสิ่งที่ลูกชายพูดคงเป็นความจริง



          “ป๊าจะไม่ถามหรอกนะว่าเป็นไงมายังไง แต่ป๊าของสั่งเลยว่าสไมล์ก็เหมือนลูกของป๊าอีกคนเพราะฉะนั้น...”



          “แกมาที่นี่ทำไม!!” เสียงอขงคุณผู้หญิงของบ้านดังขึ้นพร้อมกับแม่ของสามที่เดินเข้ามาหาสไมล์ทันที



          “ผมเป็นคนพาสไมล์มาครับม๊า”



          “ทำไม? หมายความว่ายังไง”



พรึ่บ

อยู่ๆสามก็คุกเข่าลงกับพื้นต่อหน้าผู้เป็นแม่ซึ่งสร้างความตกใจให้ผู้เป็นพ่อ แม่และสไมล์อย่างมาก



          “ผมรักสไมล์ อนุญาตให้เราได้คบกันนะครับม๊า” ผู้เป็นแม่เบิกตากว้างด้วยความตกใจทันที



          “ทะ...ทำไม...”



          “ผมไม่เคยขออะไรม๊ามาก่อน ครั้งนี้ผมขอจริงๆ ผมรักสไมล์” สามว่าพร้อมมองหน้าผู้เป็นแม่อย่างจริงจัง สไมล์เห็นอีกคนทำแบบนั้นก้คุกเข่าลงอีกคน



          “ผม...ผมอาจจะทำให้คุณผู้หญิงเกลียด ทำให้คุณผู้หญิงไม่พอใจแต่ผม...เอ่อ...ผมรักสามครับ” สามหันไปมองหน้าสไมล์ทันที ตาคมสบเข้ากับตากลมอย่างลึกซึ้งจนสไมล์รู้สึกเขินขึ้นมาแปลกๆ



          “ไม่! ฉันไม่ยอม! แกจะคบกับใครที่ไหนก็ได้แต่ต้องไม่ใช่มัน!!” คุณผู้หญิงของบ้านโวยวายเสียงดัง



          "อย่าทำแบบนี้นะคุณหญิง!!! " ผู้เป็นสามีพูดขัดขึ้นด้วยความไม่พอใจ



          “แต่เด็กนี่มัน....”



          “เรื่องในอดีตมันไม่เกี่ยวกับสไมล์เลิกสักนิด...สามสไมล์ลุกเถอะ ป๊าอนุญาตส่วนม๊าปล่อยคนอคติคนนี้ไปเถอะ” พูดจบผู้เป็นประมุขของบ้านก็เดินเข้าบ้านไปทันทีก่อนจะถูกผู้เป็นภรรยาเดินตามเข้าไป สามกับสไมล์ลุกขึ้นก่อนจะหันมามองหน้ากัน



          “วันนี้ม๊าไม่ยอมกูเชื่อว่าต่อไปม๊าจะใจอ่อน” สามว่าพร้อมเอามือสไมล์มาจับไว้



          “แล้วถ้าแม่ของคุณไม่ยอมล่ะ?”



          “ถึงอย่างนั้นกูก็ไม่เลิกกับมึงหรอก รักไม่ได้ก็เป็นไรแค่ได้รักก็พอ” สไมล์คลี่ยิ้มทันทีกับคำพูดของอีกคน



          “นั่นสินะ...รักไปแล้ว”

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

End

จบแล้วจ้า!!!!!!! เป็นเรื่องที่ใช้เวลายาวนานเหมือนกัน 5555555 ขอบคุณทุกคนที่ติดตามกันมาตลอดนะคะ เนื้อเรื่องอาจจะน่าเบื่อ ไม่น่าสนใจแต่ก็ยังติดตามกันขอบคุณจากใจจริงค่า ยังไงก็ฝากติดตามเรื่องสุดท้ายของเซตด้วยนะคะ  http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=55595.0

___จางบิวตี้___
หัวข้อ: Re: Poor Boy…รักไม่ได้ [Yaoi Boy’s Love] อัพตอน20 (12/09/59) End
เริ่มหัวข้อโดย: Wut_Sv ที่ 12-09-2016 21:44:35
จบแบบนี้จริงหรอเนี่ยยยยยย :sad4: :sad4: :sad4:

จนแล้วจนรอดคู่นี้ก็ยังไม่ได้กันจนจบเรื่อง 555 :laugh: :laugh: :laugh:

ไปอ่านเรื่องใหม่ต่อโลด
หัวข้อ: Re: Poor Boy…รักไม่ได้ [Yaoi Boy’s Love] อัพตอน20 (12/09/59) End
เริ่มหัวข้อโดย: เข็มวินาที ที่ 12-09-2016 23:30:03
ก็ยังชอบอยู่ดีค่ะ ตามเรื่องต่อไปเนอะ :กอด1: :pig4:
หัวข้อ: Re: Poor Boy…รักไม่ได้ [Yaoi Boy’s Love] อัพตอน20 (12/09/59) End
เริ่มหัวข้อโดย: crazydoii ที่ 12-09-2016 23:39:53
จบแล้วหรอ?? จะมีตอนพิเศษป่าวอ่
กำลังสนุกเลย,,,,
หัวข้อ: Re: Poor Boy…รักไม่ได้ [Yaoi Boy’s Love] อัพตอน20 (12/09/59) End
เริ่มหัวข้อโดย: twinmonkey0311 ที่ 13-09-2016 01:54:18
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: Poor Boy…รักไม่ได้ [Yaoi Boy’s Love] อัพตอน20 (12/09/59) End
เริ่มหัวข้อโดย: cheyp ที่ 13-09-2016 02:35:26
จบเก๋มาก
แต่อดเสียดายไม่ได้ที่ไม่ได้เคลียร์เรื่องแม่มหาภัยนะ
หัวข้อ: Re: Poor Boy…รักไม่ได้ [Yaoi Boy’s Love] อัพตอน20 (12/09/59) End
เริ่มหัวข้อโดย: boonpa ที่ 13-09-2016 13:23:14
 :pig4: จบแบบนี้ดีค่ะ ต้องให้เวลาแม่ทำใจด้วย ถ้าแม่รับได้เลยเราว่าคงเกินไป
หัวข้อ: Re: Poor Boy…รักไม่ได้ [Yaoi Boy’s Love] อัพตอน20 (12/09/59) End
เริ่มหัวข้อโดย: titansyui ที่ 21-11-2016 08:56:24
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: Poor Boy…รักไม่ได้ [Yaoi Boy’s Love] อัพตอน20 (12/09/59) End
เริ่มหัวข้อโดย: Cloudnine ที่ 21-01-2017 22:18:25
ชอบตอนสไมล์เป็นคนใหม่ สามก็สามเถอะ ต้องยอม5555
 :pig4:
หัวข้อ: Re: Poor Boy…รักไม่ได้ [Yaoi Boy’s Love] อัพตอน20 (12/09/59) End
เริ่มหัวข้อโดย: Legpptk ที่ 10-02-2017 23:36:40
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: Poor Boy…รักไม่ได้ [Yaoi Boy’s Love] อัพตอน20 (12/09/59) End
เริ่มหัวข้อโดย: van16 ที่ 23-09-2017 13:56:15
 :pig4:  :pig4:
หัวข้อ: Re: Poor Boy…รักไม่ได้ [Yaoi Boy’s Love] อัพตอน20 (12/09/59) End
เริ่มหัวข้อโดย: nunda ที่ 24-09-2017 23:48:05
ขอบคุณค่ะ

คู่สามกับสไมล์ โอเคนะ ตามสไตล์ตบจูบๆ เราชอบมาก อิอิ ^^

แต่ แกมม่ากับสองบอกเลย ขัดใจมาก
ขอมองอย่างแง่ร้ายเลยนะ ถ้าสองกลับไปคบแกมม่าอีก
สองจะไม่มีทางมีความสุข ความระแวะจะบั่นทอนจิตใจ
หลับตาลืมตามก็จะเห็นแต่ภาพทุเรศๆนั่น
แล้วเมืีอไรที่แกมม่ามีพฤติกรรมน่าสงสัย
เรืี่องราวในอดีตจะโผล่ขึ้นมากระหน่ำลงกลางใจสองซ้ำแล้วซ้ำเล่า
ความเชื่อใจจะเป็นแค่คำที่เอาไว้ใช้ทำให้ตัวเองเข้มแข็งเท่านั้นแหละสอง...

เราอินมากอ่ะ บอกเลย เกลียดแกมม่า!!!
หัวข้อ: Re: Poor Boy…รักไม่ได้ [Yaoi Boy’s Love] อัพตอน20 (12/09/59) End
เริ่มหัวข้อโดย: keem ที่ 21-02-2019 21:19:47
น่ารักก
หัวข้อ: Re: Poor Boy…รักไม่ได้ [Yaoi Boy’s Love] อัพตอน20 (12/09/59) End
เริ่มหัวข้อโดย: Ice_Iris ที่ 22-02-2019 10:07:48

ขอบคุณที่แบ่งปันขอรับ

แอบหวังตอนพิเศษอยู่หน่อยๆขอรับ
หัวข้อ: Re: Poor Boy…รักไม่ได้ [Yaoi Boy’s Love] อัพตอน20 (12/09/59) End
เริ่มหัวข้อโดย: blove ที่ 24-07-2020 22:33:54
แม่ผัวลูกสะไภ้ก็งานนี้ละเด้อ 555 หมั่นไส้สามแต่ก็เออรักสไมล์ ถ้ายังเป็นไอ้เป๋ก็ไม่รู้จะรักหรือเปล่านะ นี่ดีว่ารักษาเดินได้ พี่หนึ่งนี่ผิดคาดเลย ซาตานชัดๆ ส่วนอีกคู่ก็จ๊ะ เออๆ 555
หัวข้อ: Re: Poor Boy…รักไม่ได้ [Yaoi Boy’s Love] อัพตอน10 (24/07/59)
เริ่มหัวข้อโดย: Musashi ที่ 30-07-2020 14:57:20
Poor Boy 11

 

     
          “เพราะแม่ตามหาญาติของมันมารับตัวมันไปแล้วไง ป่านนี้คงเตรียมตัวบินไปนิวซีแลนด์แล้วมั่ง ไม่คิดว่าอย่างมันจะเป็นหลานคนรวยแบบนั้นแต่ก็ช่างเถอะมันไปแล้ว

พ่อเป็นหมอ บ้านช่องก็มีไม่ใช่หรือ ทรัพย์สมบัติน่าจะมีอยู่พอตัว
หัวข้อ: Re: Poor Boy…รักไม่ได้ [Yaoi Boy’s Love] อัพตอน20 (12/09/59) End
เริ่มหัวข้อโดย: sugarcane_aoi ที่ 07-02-2021 23:33:31
จบแบบเหมือนยังไม่จบเลย แต่ก็ยังดีที่สามรักสไมล์แล้ว น่าจะมีต่อให้เคลียร์อีกนิด แต่ก็สนุกค่ะ :pig4: